📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

องฺคุตฺตรนิกาโย

อฏฺกนิปาตปาฬิ

๑. ปมปณฺณาสกํ

๑. เมตฺตาวคฺโค

๑. เมตฺตาสุตฺตํ

. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

[อ. นิ. ๑๑.๑๕] ‘‘เมตฺตาย, ภิกฺขเว, เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย อฏฺานิสํสา ปาฏิกงฺขา. กตเม อฏฺ? สุขํ สุปติ, สุขํ ปฏิพุชฺฌติ, น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ, มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, เทวตา รกฺขนฺติ, นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมติ, อุตฺตรึ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต พฺรหฺมโลกูปโค โหติ. เมตฺตาย, ภิกฺขเว, เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย อิเม อฏฺานิสํสา ปาฏิกงฺขา’’ติ.

‘‘โย จ เมตฺตํ ภาวยติ, อปฺปมาณํ ปฏิสฺสโต [ปติสฺสโต (สี.)];

ตนู สํโยชนา โหนฺติ, ปสฺสโต อุปธิกฺขยํ.

‘‘เอกมฺปิ เจ ปาณมทุฏฺจิตฺโต,

เมตฺตายติ กุสลี เตน โหติ;

สพฺเพ จ ปาเณ มนสานุกมฺปี,

ปหูตมริโย ปกโรติ ปุฺํ.

‘‘เย สตฺตสณฺฑํ ปถวึ วิเชตฺวา,

ราชิสโย ยชมานา อนุปริยคา;

อสฺสเมธํ ปุริสเมธํ,

สมฺมาปาสํ วาชเปยฺยํ นิรคฺคฬํ.

‘‘เมตฺตสฺส จิตฺตสฺส สุภาวิตสฺส,

กลมฺปิ เต นานุภวนฺติ โสฬสึ;

จนฺทปฺปภา ตารคณาว สพฺเพ,

ยถา น อคฺฆนฺติ กลมฺปิ โสฬสึ [อยํ ปาโท พหูสุ น ทิสฺสติ].

‘‘โย น หนฺติ น ฆาเตติ, น ชินาติ น ชาปเย;

เมตฺตํโส สพฺพภูตานํ, เวรํ ตสฺส น เกนจี’’ติ. ปมํ;

๒. ปฺาสุตฺตํ

. ‘‘อฏฺิเม , ภิกฺขเว, เหตู อฏฺ ปจฺจยา อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปฺาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตนฺติ. กตเม อฏฺ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถารํ อุปนิสฺสาย วิหรติ อฺตรํ วา ครุฏฺานิยํ สพฺรหฺมจารึ, ยตฺถสฺส ติพฺพํ หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ เปมฺจ คารโว จ. อยํ , ภิกฺขเว, ปโม เหตุ ปโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปฺาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติ.

‘‘โส ตํ สตฺถารํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต อฺตรํ วา ครุฏฺานิยํ สพฺรหฺมจารึ, ยตฺถสฺส ติพฺพํ หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ เปมํ คารโว จ, เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปฺหติ – ‘อิทํ, ภนฺเต, กถํ; อิมสฺส โก อตฺโถ’ติ? ตสฺส เต อายสฺมนฺโต อวิวฏฺเจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตฺจ อุตฺตานี กโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาานิเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย เหตุ ทุติโย ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปฺาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติ.

‘‘โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ทฺวเยน วูปกาเสน สมฺปาเทติ – กายวูปกาเสน จ จิตฺตวูปกาเสน จ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย เหตุ ตติโย ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปฺาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติ.

‘‘สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ เหตุ จตุตฺโถ ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปฺาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติ.

‘‘พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย. เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ [สตฺถา สพฺยฺชนา (ก. สี.)] เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา [ธตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม เหตุ ปฺจโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปฺาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติ.

‘‘อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. อยํ, ภิกฺขเว, ฉฏฺโ เหตุ ฉฏฺโ ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปฺาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติ.

‘‘สงฺฆคโต โข ปน อนานากถิโก โหติ อติรจฺฉานกถิโก. สามํ วา ธมฺมํ ภาสติ ปรํ วา อชฺเฌสติ อริยํ วา ตุณฺหีภาวํ นาติมฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, สตฺตโม เหตุ สตฺตโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปฺาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติ.

‘‘ปฺจสุ โข ปน อุปาทานกฺขนฺเธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสี วิหรติ – ‘อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม; อิติ เวทนา, อิติ เวทนาย สมุทโย, อิติ เวทนาย อตฺถงฺคโม; อิติ สฺา…เป… อิติ สงฺขารา…เป… อิติ วิฺาณํ, อิติ วิฺาณสฺส สมุทโย, อิติ วิฺาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติ. อยํ, ภิกฺขเว, อฏฺโม เหตุ อฏฺโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปฺาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติ.

‘‘ตเมนํ สพฺรหฺมจารี เอวํ สมฺภาเวนฺติ – ‘อยํ โข อายสฺมา สตฺถารํ อุปนิสฺสาย วิหรติ อฺตรํ วา ครุฏฺานิยํ สพฺรหฺมจารึ, ยตฺถสฺส ติพฺพํ หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ เปมฺจ คารโว จ. อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธมฺโม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย [ปิยตาย ครุตาย (สฺยา.)] ภาวนาย สามฺาย เอกีภาวาย สํวตฺตติ.

‘‘‘ตํ โข ปนายมายสฺมา สตฺถารํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต อฺตรํ วา ครุฏฺานิยํ สพฺรหฺมจารึ, ยตฺถสฺส ติพฺพํ หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ เปมฺจ คารโว จ, เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปฺหติ – อิทํ, ภนฺเต, กถํ; อิมสฺส โก อตฺโถติ? ตสฺส เต อายสฺมนฺโต อวิวฏฺเจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตฺจ อุตฺตานี กโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาานิเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ. อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธมฺโม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย ภาวนาย สามฺาย เอกีภาวาย สํวตฺตติ.

‘‘‘ตํ โข ปนายมายสฺมา ธมฺมํ สุตฺวา ทฺวเยน วูปกาเสน สมฺปาเทติ – กายวูปกาเสน จ จิตฺตวูปกาเสน จ. อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธมฺโม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย ภาวนาย สามฺาย เอกีภาวาย สํวตฺตติ.

‘‘‘สีลวา โข ปนายมายสฺมา ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธมฺโม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย ภาวนาย สามฺาย เอกีภาวาย สํวตฺตติ.

‘‘‘พหุสฺสุโต โข ปนายมายสฺมา สุตธโร สุตสนฺนิจโย. เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา. อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธมฺโม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย ภาวนาย สามฺาย เอกีภาวาย สํวตฺตติ.

‘‘‘อารทฺธวีริโย โข ปนายมายสฺมา วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธมฺโม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย ภาวนาย สามฺาย เอกีภาวาย สํวตฺตติ.

‘‘‘สงฺฆคโต โข ปนายมายสฺมา อนานากถิโก โหติ อติรจฺฉานกถิโก. สามํ วา ธมฺมํ ภาสติ ปรํ วา อชฺเฌสติ อริยํ วา ตุณฺหีภาวํ นาติมฺติ. อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธมฺโม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย ภาวนาย สามฺาย เอกีภาวาย สํวตฺตติ.

‘‘‘ปฺจสุ โข ปนายมายสฺมา อุปาทานกฺขนฺเธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสี วิหรติ – อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม; อิติ เวทนา…เป… อิติ สฺา…เป… อิติ สงฺขารา…เป… อิติ วิฺาณํ, อิติ วิฺาณสฺส สมุทโย, อิติ วิฺาณสฺส อตฺถงฺคโมติ. อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธมฺโม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย ภาวนาย สามฺาย เอกีภาวาย สํวตฺตติ.

‘‘อิเม โข, ภิกฺขเว, อฏฺ เหตู อฏฺ ปจฺจยา อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปฺาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตนฺตี’’ติ. ทุติยํ.

๓. ปมอปฺปิยสุตฺตํ

. ‘‘อฏฺหิ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ. กตเมหิ อฏฺหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อปฺปิยปสํสี จ โหติ, ปิยครหี จ, ลาภกาโม จ, สกฺการกาโม จ, อหิริโก จ, อโนตฺตปฺปี จ, ปาปิจฺโฉ จ, มิจฺฉาทิฏฺิ จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ.

‘‘อฏฺหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ. กตเมหิ อฏฺหิ? อิธ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น อปฺปิยปสํสี จ โหติ, น ปิยครหี จ, น ลาภกาโม จ, น สกฺการกาโม จ, หิรีมา จ โหติ, โอตฺตปฺปี จ, อปฺปิจฺโฉ จ, สมฺมาทิฏฺิ จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ. ตติยํ.

๔. ทุติยอปฺปิยสุตฺตํ

. ‘‘อฏฺหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ. กตเมหิ อฏฺหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ลาภกาโม จ โหติ, สกฺการกาโม จ, อนวฺตฺติกาโม จ, อกาลฺู จ, อมตฺตฺู จ, อสุจิ จ, พหุภาณี จ, อกฺโกสกปริภาสโก จ สพฺรหฺมจารีนํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ.

‘‘อฏฺหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ. กตเมหิ อฏฺหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ลาภกาโม จ โหติ, น สกฺการกาโม จ, น อนวฺตฺติกาโม จ, กาลฺู จ, มตฺตฺู จ, สุจิ จ, น พหุภาณี จ, อนกฺโกสกปริภาสโก จ สพฺรหฺมจารีนํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. ปมโลกธมฺมสุตฺตํ

. ‘‘อฏฺิเม , ภิกฺขเว, โลกธมฺมา โลกํ อนุปริวตฺตนฺติ, โลโก จ อฏฺ โลกธมฺเม อนุปริวตฺตติ. กตเม อฏฺ? ลาโภ จ, อลาโภ จ, ยโส จ, อยโส จ, นินฺทา จ, ปสํสา จ, สุขฺจ, ทุกฺขฺจ. อิเม โข, ภิกฺขเว, อฏฺ โลกธมฺมา โลกํ อนุปริวตฺตนฺติ, โลโก จ อิเม อฏฺ โลกธมฺเม อนุปริวตฺตตี’’ติ.

‘‘ลาโภ อลาโภ จ ยสายโส จ,

นินฺทา ปสํสา จ สุขํ ทุขฺจ;

เอเต อนิจฺจา มนุเชสุ ธมฺมา,

อสสฺสตา วิปริณามธมฺมา.

‘‘เอเต จ ตฺวา สติมา สุเมโธ,

อเวกฺขติ วิปริณามธมฺเม;

อิฏฺสฺส ธมฺมา น มเถนฺติ จิตฺตํ,

อนิฏฺโต โน ปฏิฆาตเมติ.

‘‘ตสฺสานุโรธา อถ วา วิโรธา,

วิธูปิตา อตฺถงฺคตา น สนฺติ;

ปทฺจ ตฺวา วิรชํ อโสกํ,

สมฺมปฺปชานาติ ภวสฺส ปารคู’’ติ. ปฺจมํ;

๖. ทุติยโลกธมฺมสุตฺตํ

. ‘‘อฏฺิเม, ภิกฺขเว, โลกธมฺมา โลกํ อนุปริวตฺตนฺติ, โลโก จ อฏฺ โลกธมฺเม อนุปริวตฺตติ. กตเม อฏฺ? ลาโภ จ, อลาโภ จ, ยโส จ, อยโส จ, นินฺทา จ, ปสํสา จ, สุขฺจ, ทุกฺขฺจ. อิเม โข, ภิกฺขเว, อฏฺ โลกธมฺมา โลกํ อนุปริวตฺตนฺติ, โลโก จ อิเม อฏฺ โลกธมฺเม อนุปริวตฺตติ.

‘‘อสฺสุตวโต, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชนสฺส อุปฺปชฺชติ ลาโภปิ อลาโภปิ ยโสปิ อยโสปิ นินฺทาปิ ปสํสาปิ สุขมฺปิ ทุกฺขมฺปิ. สุตวโตปิ, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส อุปฺปชฺชติ ลาโภปิ อลาโภปิ ยโสปิ อยโสปิ นินฺทาปิ ปสํสาปิ สุขมฺปิ ทุกฺขมฺปิ. ตตฺร, ภิกฺขเว, โก วิเสโส โก อธิปฺปยาโส [อธิปฺปาโย (สี.), อธิปฺปายโส (สฺยา. กํ.) อธิ + ป + ยสุ + ณ = อธิปฺปยาโส] กึ นานากรณํ สุตวโต อริยสาวกสฺส อสฺสุตวตา ปุถุชฺชเนนา’’ติ? ‘‘ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมา ภควํเนตฺติกา ภควํปฏิสรณา. สาธุ วต, ภนฺเต, ภควนฺตํเยว ปฏิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ. ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ.

‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘อสฺสุตวโต, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชนสฺส อุปฺปชฺชติ ลาโภ. โส น อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อุปฺปนฺโน โข เม อยํ ลาโภ; โส จ โข อนิจฺโจ ทุกฺโข วิปริณามธมฺโม’ติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. อุปฺปชฺชติ อลาโภ…เป… อุปฺปชฺชติ ยโส… อุปฺปชฺชติ อยโส… อุปฺปชฺชติ นินฺทา… อุปฺปชฺชติ ปสํสา… อุปฺปชฺชติ สุขํ… อุปฺปชฺชติ ทุกฺขํ. โส น อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อุปฺปนฺนํ โข เม อิทํ ทุกฺขํ; ตฺจ โข อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺม’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ’’.

‘‘ตสฺส ลาโภปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, อลาโภปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, ยโสปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, อยโสปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, นินฺทาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, ปสํสาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, สุขมฺปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, ทุกฺขมฺปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ. โส อุปฺปนฺนํ ลาภํ อนุรุชฺฌติ, อลาเภ ปฏิวิรุชฺฌติ; อุปฺปนฺนํ ยสํ อนุรุชฺฌติ, อยเส ปฏิวิรุชฺฌติ; อุปฺปนฺนํ ปสํสํ อนุรุชฺฌติ, นินฺทาย ปฏิวิรุชฺฌติ; อุปฺปนฺนํ สุขํ อนุรุชฺฌติ, ทุกฺเข ปฏิวิรุชฺฌติ. โส เอวํ อนุโรธวิโรธสมาปนฺโน น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ. ‘น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมา’ติ วทามิ’’.

‘‘สุตวโต จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส อุปฺปชฺชติ ลาโภ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อุปฺปนฺโน โข เม อยํ ลาโภ; โส จ โข อนิจฺโจ ทุกฺโข วิปริณามธมฺโม’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อุปฺปชฺชติ อลาโภ…เป… อุปฺปชฺชติ ยโส… อุปฺปชฺชติ อยโส… อุปฺปชฺชติ นินฺทา… อุปฺปชฺชติ ปสํสา… อุปฺปชฺชติ สุขํ… อุปฺปชฺชติ ทุกฺขํ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อุปฺปนฺนํ โข เม อิทํ ทุกฺขํ; ตฺจ โข อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺม’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ’’.

‘‘ตสฺส ลาโภปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, อลาโภปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, ยโสปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, อยโสปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, นินฺทาปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, ปสํสาปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, สุขมฺปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, ทุกฺขมฺปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ. โส อุปฺปนฺนํ ลาภํ นานุรุชฺฌติ, อลาเภ นปฺปฏิวิรุชฺฌติ; อุปฺปนฺนํ ยสํ นานุรุชฺฌติ, อยเส นปฺปฏิวิรุชฺฌติ; อุปฺปนฺนํ ปสํสํ นานุรุชฺฌติ, นินฺทาย นปฺปฏิวิรุชฺฌติ; อุปฺปนฺนํ สุขํ นานุรุชฺฌติ, ทุกฺเข นปฺปฏิวิรุชฺฌติ. โส เอวํ อนุโรธวิโรธวิปฺปหีโน ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ. ‘ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมา’ติ วทามิ. อยํ โข, ภิกฺขเว, วิเสโส อยํ อธิปฺปยาโส อิทํ นานากรณํ สุตวโต อริยสาวกสฺส อสฺสุตวตา ปุถุชฺชเนนา’’ติ.

‘‘ลาโภ อลาโภ จ ยสายโส จ,

นินฺทา ปสํสา จ สุขํ ทุขฺจ;

เอเต อนิจฺจา มนุเชสุ ธมฺมา,

อสสฺสตา วิปริณามธมฺมา.

‘‘เอเต จ ตฺวา สติมา สุเมโธ,

อเวกฺขติ วิปริณามธมฺเม;

อิฏฺสฺส ธมฺมา น มเถนฺติ จิตฺตํ,

อนิฏฺโต โน ปฏิฆาตเมติ.

‘‘ตสฺสานุโรธา อถ วา วิโรธา,

วิธูปิตา อตฺถงฺคตา น สนฺติ;

ปทฺจ ตฺวา วิรชํ อโสกํ,

สมฺมปฺปชานาติ ภวสฺส ปารคู’’ติ. ฉฏฺํ;

๗. เทวทตฺตวิปตฺติสุตฺตํ

. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต อจิรปกฺกนฺเต เทวทตฺเต. ตตฺร ภควา เทวทตฺตํ อารพฺภ ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อตฺตวิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหติ. สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปรวิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหติ. สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อตฺตสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหติ. สาธุ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปรสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหติ. อฏฺหิ, ภิกฺขเว, อสทฺธมฺเมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ อเตกิจฺโฉ’’.

[จูฬว. ๓๔๘] ‘‘กตเมหิ อฏฺหิ? ลาเภน หิ, ภิกฺขเว, อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ อเตกิจฺโฉ. อลาเภน, ภิกฺขเว…เป… ยเสน, ภิกฺขเว… อยเสน, ภิกฺขเว… สกฺกาเรน, ภิกฺขเว… อสกฺกาเรน, ภิกฺขเว… ปาปิจฺฉตาย, ภิกฺขเว… ปาปมิตฺตตาย, ภิกฺขเว, อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ อเตกิจฺโฉ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหิ อสทฺธมฺเมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ อเตกิจฺโฉ.

‘‘สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ … อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย.

‘‘กิฺจ [กถฺจ (ก.)], ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย?

‘‘ยํ หิสฺส, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนํ ลาภํ อนภิภุยฺย [อนภิภูยฺย อนภิภูยฺย (ก.)] วิหรโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย [อภิภูยฺย อภิภูยฺย (ก.)] วิหรโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ. ยํ หิสฺส, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อนภิภุยฺย วิหรโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย วิหรโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ … อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย.

‘‘ตสฺมาติห , ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหริสฺสาม, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. สตฺตมํ.

๘. อุตฺตรวิปตฺติสุตฺตํ

. เอกํ สมยํ อายสฺมา อุตฺตโร มหิสวตฺถุสฺมึ วิหรติ สงฺเขยฺยเก ปพฺพเต วฏชาลิกายํ [ธวชาลิกายํ (สี.), วฏฺฏชาลิกายํ (สฺยา.)]. ตตฺร โข อายสฺมา อุตฺตโร ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘สาธาวุโส, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อตฺตวิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหติ. สาธาวุโส, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปรวิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหติ. สาธาวุโส, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อตฺตสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหติ. สาธาวุโส, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปรสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหตี’’ติ.

เตน โข ปน สมเยน เวสฺสวโณ มหาราชา อุตฺตราย ทิสาย ทกฺขิณํ ทิสํ คจฺฉติ เกนจิเทว กรณีเยน. อสฺโสสิ โข เวสฺสวโณ มหาราชา อายสฺมโต อุตฺตรสฺส มหิสวตฺถุสฺมึ สงฺเขยฺยเก ปพฺพเต วฏชาลิกายํ ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส – ‘‘สาธาวุโส, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อตฺตวิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหติ. สาธาวุโส, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปรวิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหติ. สาธาวุโส, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อตฺตสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหติ. สาธาวุโส, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปรสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหตี’’ติ.

อถ โข เวสฺสวณฺโณ มหาราชา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ [สมฺมิฺชิตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย [สมฺมิฺเชยฺย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], เอวเมวํ มหิสวตฺถุสฺมึ สงฺเขยฺยเก ปพฺพเต วฏชาลิกายํ อนฺตรหิโต เทเวสุ ตาวตึเสสุ ปาตุรโหสิ. อถ โข เวสฺสวณฺโณ มหาราชา เยน สกฺโก เทวานมินฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ – ‘‘ยคฺเฆ มาริส, ชาเนยฺยาสิ! เอโส อายสฺมา อุตฺตโร มหิสวตฺถุสฺมึ สงฺเขยฺยเก ปพฺพเต วฏชาลิกายํ ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘สาธาวุโส, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อตฺตวิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหติ . สาธาวุโส, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปรวิปตฺตึ…เป… อตฺตสมฺปตฺตึ… ปรสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหตี’’’ติ.

อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมวํ เทเวสุ ตาวตึเสสุ อนฺตรหิโต มหิสวตฺถุสฺมึ สงฺเขยฺยเก ปพฺพเต วฏชาลิกายํ อายสฺมโต อุตฺตรสฺส สมฺมุเข ปาตุรโหสิ. อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท เยนายสฺมา อุตฺตโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุตฺตรํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข สกฺโก เทวานมินฺโท อายสฺมนฺตํ อุตฺตรํ เอตทโวจ –

‘‘สจฺจํ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา อุตฺตโร ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสสิ – ‘สาธาวุโส, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อตฺตวิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหติ, สาธาวุโส, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปรวิปตฺตึ…เป… อตฺตสมฺปตฺตึ… ปรสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหตี’’’ ติ? ‘‘เอวํ, เทวานมินฺทา’’ติ. ‘‘กึ ปนิทํ [กึ ปน (สฺยา.)], ภนฺเต, อายสฺมโต อุตฺตรสฺส สกํ ปฏิภานํ [สกปฏิภานํ อุปาทาย (ก.)], อุทาหุ ตสฺส ภควโต วจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ? ‘‘เตน หิ, เทวานมินฺท, อุปมํ เต กริสฺสามิ. อุปมาย มิเธกจฺเจ วิฺู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชาน’’นฺติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, เทวานมินฺท, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร มหาธฺราสิ. ตโต มหาชนกาโย ธฺํ อาหเรยฺย – กาเชหิปิ ปิฏเกหิปิ อุจฺฉงฺเคหิปิ อฺชลีหิปิ . โย นุ โข, เทวานมินฺท, ตํ มหาชนกายํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ ปุจฺเฉยฺย – ‘กุโต อิมํ ธฺํ อาหรถา’ติ, กถํ พฺยากรมาโน นุ โข, เทวานมินฺท, โส มหาชนกาโย สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยา’’ติ? ‘‘‘อมุมฺหา มหาธฺราสิมฺหา อาหรามา’ติ โข, ภนฺเต, โส มหาชนกาโย สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมวํ โข, เทวานมินฺท, ยํ กิฺจิ สุภาสิตํ สพฺพํ ตํ ตสฺส ภควโต วจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ตโต อุปาทายุปาทาย มยํ จฺเ จ ภณามา’’ติ.

‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ ภนฺเต! ยาว สุภาสิตํ จิทํ อายสฺมตา อุตฺตเรน – ‘ยํ กิฺจิ สุภาสิตํ สพฺพํ ตํ ตสฺส ภควโต วจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส . ตโต อุปาทายุปาทาย มยํ จฺเ จ ภณามา’ติ. เอกมิทํ, ภนฺเต อุตฺตร, สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต อจิรปกฺกนฺเต เทวทตฺเต. ตตฺร โข ภควา เทวทตฺตํ อารพฺภ ภิกฺขู อามนฺเตสิ –

‘‘สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อตฺตวิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหติ. สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปรวิปตฺตึ…เป… อตฺตสมฺปตฺตึ… ปรสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา โหติ. อฏฺหิ, ภิกฺขเว, อสทฺธมฺเมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ อเตกิจฺโฉ. กตเมหิ อฏฺหิ? ลาเภน หิ, ภิกฺขเว, อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ อเตกิจฺโฉ; อลาเภน, ภิกฺขเว…เป… ยเสน, ภิกฺขเว … อยเสน, ภิกฺขเว… สกฺกาเรน, ภิกฺขเว… อสกฺกาเรน, ภิกฺขเว… ปาปิจฺฉตาย, ภิกฺขเว… ปาปมิตฺตตาย , ภิกฺขเว, อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ อเตกิจฺโฉ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหิ อสทฺธมฺเมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ อเตกิจฺโฉ.

‘‘สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย; อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย.

‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย; อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย?

‘‘ยํ หิสฺส, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนํ ลาภํ อนภิภุยฺย วิหรโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย วิหรโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ. ยํ หิสฺส, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อนภิภุยฺย วิหรโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย วิหรโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย; อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ … อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย.

‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหริสฺสาม, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหริสฺสามาติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ.

‘‘เอตฺตาวตา, ภนฺเต อุตฺตร, มนุสฺเสสุ จตสฺโส ปริสา – ภิกฺขู, ภิกฺขุนิโย, อุปาสกา, อุปาสิกาโย. นายํ ธมฺมปริยาโย กิสฺมิฺจิ อุปฏฺิโต [ปติฏฺิโต (สี. สฺยา.)]. อุคฺคณฺหตุ, ภนฺเต, อายสฺมา อุตฺตโร อิมํ ธมฺมปริยายํ. ปริยาปุณาตุ, ภนฺเต, อายสฺมา อุตฺตโร อิมํ ธมฺมปริยายํ. ธาเรตุ, ภนฺเต, อายสฺมา อุตฺตโร อิมํ ธมฺมปริยายํ. อตฺถสํหิโต อยํ, ภนฺเต, ธมฺมปริยาโย อาทิพฺรหฺมจริยโก’’ติ [อาทิพฺรหฺมจริยิโก (สี. ก.)]. อฏฺมํ.

๙. นนฺทสุตฺตํ

. ‘‘‘กุลปุตฺโต’ติ, ภิกฺขเว, นนฺทํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย. ‘พลวา’ติ, ภิกฺขเว, นนฺทํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย. ‘ปาสาทิโก’ติ, ภิกฺขเว, นนฺทํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย. ‘ติพฺพราโค’ติ, ภิกฺขเว, นนฺทํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย. กิมฺตฺร, ภิกฺขเว, นนฺโท อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร, โภชเน มตฺตฺู, ชาคริยํ อนุยุตฺโต, สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต, เยหิ [เยน (ก.)] นนฺโท สกฺโกติ ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ! ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตาย โหติ. สเจ , ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปุรตฺถิมา ทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลเกติ – ‘เอวํ เม ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลกยโต นาภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสวิสฺสนฺตี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ.

‘‘สเจ , ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปจฺฉิมา ทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ…เป… อุตฺตรา ทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ… ทกฺขิณา ทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ… อุทฺธํ อุลฺโลเกตพฺพา โหติ… อโธ โอโลเกตพฺพา โหติ… อนุทิสา อนุวิโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท อนุทิสํ อนุวิโลเกติ – ‘เอวํ เม อนุทิสํ อนุวิโลกยโต นาภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสวิสฺสนฺตี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตาย โหติ.

‘‘ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส โภชเน มตฺตฺุตาย โหติ. อิธ, ภิกฺขเว, นนฺโท ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรติ – ‘เนว ทวาย น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย, ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนาย วิหึสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย อิติ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ, นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ, ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสติ อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จา’ติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส โภชเน มตฺตฺุตาย โหติ.

‘‘ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ชาคริยานุโยคสฺมึ โหติ. อิธ , ภิกฺขเว, นนฺโท ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ; รตฺติยา ปมํ ยามํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ ; รตฺติยา มชฺฌิมํ ยามํ ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา; รตฺติยา ปจฺฉิมํ ยามํ ปจฺจุฏฺาย จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ชาคริยานุโยคสฺมึ โหติ.

‘‘ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส สติสมฺปชฺสฺมึ โหติ. อิธ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส วิทิตา เวทนา อุปฺปชฺชนฺติ, วิทิตา อุปฏฺหนฺติ, วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ; วิทิตา สฺา…เป… วิทิตา วิตกฺกา…เป… อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส สติสมฺปชฺสฺมึ โหติ.

‘‘กิมฺตฺร, ภิกฺขเว, นนฺโท อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร, โภชเน มตฺตฺู, ชาคริยํ อนุยุตฺโต , สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต, เยหิ นนฺโท สกฺโกติ ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จริตุ’’นฺติ! นวมํ.

๑๐. การณฺฑวสุตฺตํ

๑๐. เอกํ สมยํ ภควา จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู ภิกฺขุํ อาปตฺติยา โจเทนฺติ. โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ อาปตฺติยา โจทิยมาโน อฺเนาฺํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ.

อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘นิทฺธมเถตํ , ภิกฺขเว, ปุคฺคลํ; นิทฺธมเถตํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคลํ. อปเนยฺเยโส [อปเนยฺโย โส (สี.), อปเนยฺโย (สฺยา.)], ภิกฺขเว, ปุคฺคโล. กึ โว เตน ปรปุตฺเตน วิโสธิเตน [กึ โวปรปุตฺโต วิเหิยติ (สี.), กึ ปรปุตฺโต วิเหเติ (สฺยา.), กึ โว ปรปุตฺตา วิเหเติ (ปี.), กึ โส ปรปุตฺโต วิโสเธติ (ก.)]! อิธ , ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว โหติ อภิกฺกนฺตํ ปฏิกฺกนฺตํ อาโลกิตํ วิโลกิตํ สมิฺชิตํ ปสาริตํ สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารณํ, เสยฺยถาปิ อฺเสํ ภทฺทกานํ ภิกฺขูนํ – ยาวสฺส ภิกฺขู อาปตฺตึ น ปสฺสนฺติ. ยโต จ ขฺวสฺส ภิกฺขู อาปตฺตึ ปสฺสนฺติ, ตเมนํ เอวํ ชานนฺติ – ‘สมณทูสีวายํ [สมณรูปี (ก.)] สมณปลาโป สมณการณฺฑโว’ติ [สมณกรณฺฑโวติ (ก.)]. ตเมนํ อิติ วิทิตฺวา พหิทฺธา นาเสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? มา อฺเ ภทฺทเก ภิกฺขู ทูเสสี’’ติ!

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สมฺปนฺเน ยวกรเณ ยวทูสี [ยวรูปี (ก.)] ชาเยถ ยวปลาโป ยวการณฺฑโวติ. ตสฺส ตาทิสํเยว มูลํ โหติ, เสยฺยถาปิ อฺเสํ ภทฺทกานํ ยวานํ; ตาทิสํเยว นาฬํ โหติ, เสยฺยถาปิ อฺเสํ ภทฺทกานํ ยวานํ; ตาทิสํเยว ปตฺตํ โหติ, เสยฺยถาปิ อฺเสํ ภทฺทกานํ ยวานํ – ยาวสฺส สีสํ น นิพฺพตฺตติ. ยโต จ ขฺวสฺส สีสํ นิพฺพตฺตติ, ตเมนํ เอวํ ชานนฺติ – ‘ยวทูสีวายํ ยวปลาโป ยวการณฺฑโว’ติ . ตเมนํ อิติ วิทิตฺวา สมูลํ อุปฺปาเฏตฺวา พหิทฺธา ยวกรณสฺส ฉฑฺเฑนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? มา อฺเ ภทฺทเก ยเว ทูเสสีติ!

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว โหติ อภิกฺกนฺตํ ปฏิกฺกนฺตํ อาโลกิตํ วิโลกิตํ สมิฺชิตํ ปสาริตํ สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารณํ, เสยฺยถาปิ อฺเสํ ภทฺทกานํ ภิกฺขูนํ – ยาวสฺส ภิกฺขู อาปตฺตึ น ปสฺสนฺติ. ยโต จ ขฺวสฺส ภิกฺขู อาปตฺตึ ปสฺสนฺติ, ตเมนํ เอวํ ชานนฺติ – ‘สมณทูสีวายํ สมณปลาโป สมณการณฺฑโว’ติ. ตเมนํ อิติ วิทิตฺวา พหิทฺธา นาเสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? มา อฺเ ภทฺทเก ภิกฺขู ทูเสสีติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหโต ธฺราสิสฺส ผุณมานสฺส [วุยฺหมานสฺส (สี. ปี.), ผุสยมานสฺส (สฺยา.), ปุนมานสฺส (?)] ตตฺถ ยานิ ตานิ ธฺานิ ทฬฺหานิ สารวนฺตานิ ตานิ เอกมนฺตํ ปุฺชํ โหติ, ยานิ ปน ตานิ ธฺานิ ทุพฺพลานิ ปลาปานิ ตานิ วาโต เอกมนฺตํ อปวหติ [อปกสฺสติ (สี.)]. ตเมนํ สามิกา สมฺมชฺชนึ คเหตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย อปสมฺมชฺชนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? มา อฺเ ภทฺทเก ธฺเ ทูเสสีติ! เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว โหติ อภิกฺกนฺตํ ปฏิกฺกนฺตํ อาโลกิตํ วิโลกิตํ สมิฺชิตํ ปสาริตํ สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารณํ, เสยฺยถาปิ อฺเสํ ภทฺทกานํ ภิกฺขูนํ – ยาวสฺส ภิกฺขู อาปตฺตึ น ปสฺสนฺติ. ยโต จ ขฺวสฺส ภิกฺขู อาปตฺตึ ปสฺสนฺติ, ตเมนํ เอวํ ชานนฺติ – ‘สมณทูสีวายํ สมณปลาโป สมณการณฺฑโว’ติ. ตเมนํ อิติ วิทิตฺวา พหิทฺธา นาเสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? มา อฺเ ภทฺทเก ภิกฺขู ทูเสสีติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อุทปานปนาฬิยตฺถิโก ติณฺหํ กุารึ [กุธารึ (สฺยา. กํ. ก.)] อาทาย วนํ ปวิเสยฺย. โส ยํ ยเทว รุกฺขํ กุาริปาเสน อาโกเฏยฺย ตตฺถ ยานิ ตานิ รุกฺขานิ ทฬฺหานิ สารวนฺตานิ ตานิ กุาริปาเสน อาโกฏิตานิ กกฺขฬํ ปฏินทนฺติ; ยานิ ปน ตานิ รุกฺขานิ อนฺโตปูตีนิ อวสฺสุตานิ กสมฺพุชาตานิ ตานิ กุาริปาเสน อาโกฏิตานิ ททฺทรํ ปฏินทนฺติ. ตเมนํ มูเล ฉินฺทติ, มูเล ฉินฺทิตฺวา อคฺเค ฉินฺทติ, อคฺเค ฉินฺทิตฺวา อนฺโต สุวิโสธิตํ วิโสเธติ, อนฺโต สุวิโสธิตํ วิโสเธตฺวา อุทปานปนาฬึ โยเชติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว , อิเธกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว โหติ อภิกฺกนฺตํ ปฏิกฺกนฺตํ อาโลกิตํ วิโลกิตํ สมิฺชิตํ ปสาริตํ สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารณํ, เสยฺยถาปิ อฺเสํ ภทฺทกานํ ภิกฺขูนํ – ยาวสฺส ภิกฺขู อาปตฺตึ น ปสฺสนฺติ. ยโต จ ขฺวสฺส ภิกฺขู อาปตฺตึ ปสฺสนฺติ, ตเมนํ เอวํ ชานนฺติ – ‘สมณทูสีวายํ สมณปลาโป สมณการณฺฑโว’ติ. ตเมนํ อิติ วิทิตฺวา พหิทฺธา นาเสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? มา อฺเ ภทฺทเก ภิกฺขู ทูเสสี’’ติ.

‘‘สํวาสายํ วิชานาถ, ปาปิจฺโฉ โกธโน อิติ;

มกฺขี ถมฺภี ปฬาสี จ, อิสฺสุกี มจฺฉรี สโ.

‘‘สนฺตวาโจ ชนวติ, สมโณ วิย ภาสติ;

รโห กโรติ กรณํ, ปาปทิฏฺิ อนาทโร.

‘‘สํสปฺปี จ มุสาวาที, ตํ วิทิตฺวา ยถาตถํ;

สพฺเพ สมคฺคา หุตฺวาน, อภินิพฺพชฺชยาถ [อภินิพฺพิชฺชเยถ (ก.)] นํ.

‘‘การณฺฑวํ [กรณฺฑวํ (ก.) สุ. นิ. ๒๘๓ ปสฺสิตพฺพํ] นิทฺธมถ, กสมฺพุํ อปกสฺสถ [อวกสฺสถ (ก.)];

ตโต ปลาเป วาเหถ, อสฺสมเณ สมณมานิเน.

‘‘นิทฺธมิตฺวาน ปาปิจฺเฉ, ปาปอาจารโคจเร;

สุทฺธาสุทฺเธหิ สํวาสํ, กปฺปยวฺโห ปติสฺสตา;

ตโต สมคฺคา นิปกา, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสถา’’ติ. ทสมํ;

เมตฺตาวคฺโค ปโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

เมตฺตํ ปฺา จ ทฺเว ปิยา, ทฺเว โลกา ทฺเว วิปตฺติโย;

เทวทตฺโต จ อุตฺตโร, นนฺโท การณฺฑเวน จาติ.