📜

(๙) ๔. สติวคฺโค

๑. สติสมฺปชฺสุตฺตํ

๘๑. ‘‘สติสมฺปชฺเ , ภิกฺขเว, อสติ สติสมฺปชฺวิปนฺนสฺส หตูปนิสํ โหติ หิโรตฺตปฺปํ. หิโรตฺตปฺเป อสติ หิโรตฺตปฺปวิปนฺนสฺส หตูปนิโส โหติ อินฺทฺริยสํวโร. อินฺทฺริยสํวเร อสติ อินฺทฺริยสํวรวิปนฺนสฺส หตูปนิสํ โหติ สีลํ. สีเล อสติ สีลวิปนฺนสฺส หตูปนิโส โหติ สมฺมาสมาธิ. สมฺมาสมาธิมฺหิ อสติ สมฺมาสมาธิวิปนฺนสฺส หตูปนิสํ โหติ ยถาภูตาณทสฺสนํ. ยถาภูตาณทสฺสเน อสติ ยถาภูตาณทสฺสนวิปนฺนสฺส หตูปนิโส โหติ นิพฺพิทาวิราโค. นิพฺพิทาวิราเค อสติ นิพฺพิทาวิราควิปนฺนสฺส หตูปนิสํ โหติ วิมุตฺติาณทสฺสนํ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, รุกฺโข สาขาปลาสวิปนฺโน. ตสฺส ปปฏิกาปิ น ปาริปูรึ คจฺฉติ, ตโจปิ… เผคฺคุปิ… สาโรปิ น ปาริปูรึ คจฺฉติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, สติสมฺปชฺเ อสติ สติสมฺปชฺวิปนฺนสฺส หตูปนิสํ โหติ หิโรตฺตปฺปํ; หิโรตฺตปฺเป อสติ หิโรตฺตปฺปวิปนฺนสฺส หตูปนิโส โหติ…เป… วิมุตฺติาณทสฺสนํ.

‘‘สติสมฺปชฺเ, ภิกฺขเว, สติ สติสมฺปชฺสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺนํ โหติ หิโรตฺตปฺปํ. หิโรตฺตปฺเป สติ หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺโน โหติ อินฺทฺริยสํวโร. อินฺทฺริยสํวเร สติ อินฺทฺริยสํวรสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺนํ โหติ สีลํ. สีเล สติ สีลสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺโน โหติ สมฺมาสมาธิ. สมฺมาสมาธิมฺหิ สติ สมฺมาสมาธิสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺนํ โหติ ยถาภูตาณทสฺสนํ. ยถาภูตาณทสฺสเน สติ ยถาภูตาณทสฺสนสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺโน โหติ นิพฺพิทาวิราโค . นิพฺพิทาวิราเค สติ นิพฺพิทาวิราคสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺนํ โหติ วิมุตฺติาณทสฺสนํ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, รุกฺโข สาขาปลาสสมฺปนฺโน. ตสฺส ปปฏิกาปิ ปาริปูรึ คจฺฉติ, ตโจปิ… เผคฺคุปิ… สาโรปิ ปาริปูรึ คจฺฉติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, สติสมฺปชฺเ สติ สติสมฺปชฺสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺนํ โหติ หิโรตฺตปฺปํ; หิโรตฺตปฺเป สติ หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺโน โหติ…เป… วิมุตฺติาณทสฺสน’’นฺติ. ปมํ.

๒. ปุณฺณิยสุตฺตํ

๘๒. อถ โข อายสฺมา ปุณฺณิโย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา ปุณฺณิโย ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย เยน อปฺเปกทา ตถาคตํ ธมฺมเทสนา ปฏิภาติ, อปฺเปกทา น ปฏิภาตี’’ติ? ‘‘สทฺโธ จ, ปุณฺณิย, ภิกฺขุ โหติ, โน จุปสงฺกมิตา; เนว ตถาคตํ ธมฺมเทสนา ปฏิภาติ. ยโต จ โข , ปุณฺณิย, ภิกฺขุ สทฺโธ จ โหติ, อุปสงฺกมิตา จ; เอวํ ตถาคตํ ธมฺมเทสนา ปฏิภาติ. สทฺโธ จ, ปุณฺณิย, ภิกฺขุ โหติ, อุปสงฺกมิตา จ, โน จ ปยิรุปาสิตา…เป… ปยิรุปาสิตา จ, โน จ ปริปุจฺฉิตา… ปริปุจฺฉิตา จ, โน จ โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ… โอหิตโสโต จ ธมฺมํ สุณาติ, โน จ สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรติ… สุตฺวา จ ธมฺมํ ธาเรติ, โน จ ธาตานํ ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ… ธาตานฺจ ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ, โน จ อตฺถมฺาย ธมฺมมฺาย ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน โหติ. เนว ตาว ตถาคตํ ธมฺมเทสนา ปฏิภาติ.

‘‘ยโต จ โข, ปุณฺณิย, ภิกฺขุ สทฺโธ จ โหติ, อุปสงฺกมิตา จ, ปยิรุปาสิตา จ, ปริปุจฺฉิตา จ, โอหิตโสโต จ ธมฺมํ สุณาติ, สุตฺวา จ ธมฺมํ ธาเรติ, ธาตานฺจ ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ, อตฺถมฺาย ธมฺมมฺาย ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน จ โหติ; เอวํ ตถาคตํ ธมฺมเทสนา ปฏิภาติ. อิเมหิ โข, ปุณฺณิย, อฏฺหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา [สมนฺนาคโต (สี. ปี.), สมนฺนาคตํ (สฺยา. ก.)] เอกนฺตปฏิภานา [เอกนฺตปฏิภานํ (สพฺพตฺถ) อ. นิ. ๑๐.๘๓ ปน ปสฺสิตพฺพํ] ตถาคตํ ธมฺมเทสนา โหตี’’ติ. ทุติยํ.

๓. มูลกสุตฺตํ

๘๓. [อ. นิ. ๑๐.๕๘ ปสฺสิตพฺพํ] ‘‘สเจ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘กึมูลกา, อาวุโส, สพฺเพ ธมฺมา, กึสมฺภวา สพฺเพ ธมฺมา, กึสมุทยา สพฺเพ ธมฺมา, กึสโมสรณา สพฺเพ ธมฺมา, กึปมุขา สพฺเพ ธมฺมา, กึอธิปเตยฺยา สพฺเพ ธมฺมา, กึอุตฺตรา สพฺเพ ธมฺมา, กึสารา สพฺเพ ธมฺมา’ติ, เอวํ ปุฏฺา ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ กินฺติ พฺยากเรยฺยาถา’’ติ? ‘‘ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมา, ภควํเนตฺติกา ภควํปฏิสรณา. สาธุ, ภนฺเต , ภควนฺตํเยว ปฏิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ. ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ.

‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ. ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติ . ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘สเจ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘กึมูลกา, อาวุโส, สพฺเพ ธมฺมา, กึสมฺภวา สพฺเพ ธมฺมา, กึสมุทยา สพฺเพ ธมฺมา, กึสโมสรณา สพฺเพ ธมฺมา, กึปมุขา สพฺเพ ธมฺมา , กึอธิปเตยฺยา สพฺเพ ธมฺมา, กึอุตฺตรา สพฺเพ ธมฺมา, กึสารา สพฺเพ ธมฺมา’ติ, เอวํ ปุฏฺา ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ เอวํ พฺยากเรยฺยาถ – ‘ฉนฺทมูลกา, อาวุโส, สพฺเพ ธมฺมา, มนสิการสมฺภวา สพฺเพ ธมฺมา, ผสฺสสมุทยา สพฺเพ ธมฺมา, เวทนาสโมสรณา สพฺเพ ธมฺมา, สมาธิปฺปมุขา สพฺเพ ธมฺมา, สตาธิปเตยฺยา สพฺเพ ธมฺมา, ปฺุตฺตรา สพฺเพ ธมฺมา, วิมุตฺติสารา สพฺเพ ธมฺมา’ติ, เอวํ ปุฏฺา ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ เอวํ พฺยากเรยฺยาถา’’ติ. ตติยํ.

๔. โจรสุตฺตํ

๘๔. ‘‘อฏฺหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร ขิปฺปํ ปริยาปชฺชติ, น จิรฏฺิติโก โหติ. กตเมหิ อฏฺหิ? อปฺปหรนฺตสฺส ปหรติ, อนวเสสํ อาทิยติ, อิตฺถึ หนติ, กุมารึ ทูเสติ, ปพฺพชิตํ วิลุมฺปติ, ราชโกสํ วิลุมฺปติ, อจฺจาสนฺเน กมฺมํ กโรติ, น จ นิธานกุสโล โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร ขิปฺปํ ปริยาปชฺชติ, น จิรฏฺิติโก โหติ.

‘‘อฏฺหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร น ขิปฺปํ ปริยาปชฺชติ, จิรฏฺิติโก โหติ. กตเมหิ อฏฺหิ? น อปฺปหรนฺตสฺส ปหรติ , น อนวเสสํ อาทิยติ, น อิตฺถึ หนติ, น กุมารึ ทูเสติ, น ปพฺพชิตํ วิลุมฺปติ, น ราชโกสํ วิลุมฺปติ, น อจฺจาสนฺเน กมฺมํ กโรติ, นิธานกุสโล จ โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร น ขิปฺปํ ปริยาปชฺชติ, จิรฏฺิติโก โหตี’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. สมณสุตฺตํ

๘๕. ‘‘‘สมโณ’ติ , ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ‘พฺราหฺมโณ’ติ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ‘เวทคู’ติ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ‘ภิสกฺโก’ติ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ‘นิมฺมโล’ติ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ‘วิมโล’ติ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ‘าณี’ติ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ‘วิมุตฺโต’ติ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ.

‘‘ยํ สมเณน ปตฺตพฺพํ, พฺราหฺมเณน วุสีมตา;

ยํ เวทคุนา ปตฺตพฺพํ, ภิสกฺเกน อนุตฺตรํ.

‘‘ยํ นิมฺมเลน ปตฺตพฺพํ, วิมเลน สุจีมตา;

ยํ าณินา จ ปตฺตพฺพํ, วิมุตฺเตน อนุตฺตรํ.

‘‘โสหํ วิชิตสงฺคาโม, มุตฺโต โมเจมิ พนฺธนา;

นาโคมฺหิ ปรมทนฺโต, อเสโข ปรินิพฺพุโต’’ติ. ปฺจมํ;

๖. ยสสุตฺตํ

๘๖. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน อิจฺฉานงฺคลํ นาม โกสลานํ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา อิจฺฉานงฺคเล วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑ. อสฺโสสุํ โข อิจฺฉานงฺคลกา พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต อิจฺฉานงฺคลํ อนุปฺปตฺโต อิจฺฉานงฺคเล วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑ . ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’’ติ.

อถ โข อิจฺฉานงฺคลกา พฺราหฺมณคหปติกา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปหุตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย เยน อิจฺฉานงฺคลวนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา พหิทฺวารโกฏฺเก อฏฺํสุ อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นาคิโต ภควโต อุปฏฺาโก โหติ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นาคิตํ อามนฺเตสิ – ‘‘เก ปน เต, นาคิต, อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา เกวฏฺฏา มฺเ มจฺฉวิโลเป’’ติ? ‘‘เอเต, ภนฺเต, อิจฺฉานงฺคลกา พฺราหฺมณคหปติกา ปหุตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย พหิทฺวารโกฏฺเก ิตา ภควนฺตํเยว อุทฺทิสฺส ภิกฺขุสงฺฆฺจา’’ติ. ‘‘มาหํ, นาคิต, ยเสน สมาคมํ, มา จ มยา ยโส. โย โข, นาคิต, นยิมสฺส เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อสฺส อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี [นิกามลาภี อสฺสํ (พหูสุ) อ. นิ. ๕.๓๐ ปสฺสิตพฺพํ. ตตฺถ หิ อยํ ปาเภทา นตฺถิ] อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, โส ตํ มีฬฺหสุขํ มิทฺธสุขํ ลาภสกฺการสิโลกสุขํ สาทิเยยฺยา’’ติ.

‘‘อธิวาเสตุ ทานิ, ภนฺเต, ภควา. อธิวาเสตุ สุคโต. อธิวาสนกาโล ทานิ, ภนฺเต, ภควโต. เยน เยเนว ทานิ, ภนฺเต, ภควา คมิสฺสติ ตนฺนินฺนาว ภวิสฺสนฺติ พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จ. เสยฺยถาปิ , ภนฺเต, ถุลฺลผุสิตเก เทเว วสฺสนฺเต ยถานินฺนํ อุทกานิ ปวตฺตนฺติ; เอวเมวํ โข, ภนฺเต, เยน เยเนว ทานิ ภควา คมิสฺสติ ตนฺนินฺนาว ภวิสฺสนฺติ พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ, ภนฺเต, ภควโต สีลปฺาณ’’นฺติ.

‘‘มาหํ, นาคิต, ยเสน สมาคมํ, มา จ มยา ยโส. โย โข, นาคิต, นยิมสฺส เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อสฺส อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, โส ตํ มีฬฺหสุขํ มิทฺธสุขํ ลาภสกฺการสิโลกสุขํ สาทิเยยฺย.

‘‘เทวตาปิ โข, นาคิต, เอกจฺจา นยิมสฺส [เอกจฺจา อิมสฺส (?)] เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภินิโย อสฺสุ [อิทํ ปทํ กตฺถจิ นตฺถิ] อกิจฺฉลาภินิโย [นิกามลาภินิโย อกิจฺฉลาภินิโย (?)] อกสิรลาภินิโย, ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. ตุมฺหากมฺปิ [ตาสมฺปิ (?)] โข, นาคิต, สงฺคมฺม สมาคมฺม สงฺคณิกวิหารํ อนุยุตฺตานํ วิหรตํ [อนุยุตฺเต วิหรนฺเต ทิสฺวา (?)] เอวํ โหติ – ‘น หิ นูนเม [น หนูนเม (สี. สฺยา. ปี.)] อายสฺมนฺโต อิมสฺส เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภิโน อสฺสุ [อิทํ ปทํ กตฺถจิ นตฺถิ] อกิจฺฉลาภิโน อกสิรลาภิโน. ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. ตถา หิ ปน เม อายสฺมนฺโต สงฺคมฺม สมาคมฺม สงฺคณิกวิหารํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ’’’.

‘‘อิธาหํ , นาคิต, ภิกฺขู ปสฺสามิ อฺมฺํ องฺคุลิปโตทเกน [องฺคุลิปโตทเกหิ (สี. ปี. ก.)] สฺชคฺฆนฺเต สงฺกีฬนฺเต. ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘น หิ นูนเม อายสฺมนฺโต อิมสฺส เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภิโน อสฺสุ อกิจฺฉลาภิโน อกสิรลาภิโน. ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. ตถา หิ ปน เม อายสฺมนฺโต อฺมฺํ องฺคุลิปโตทเกน สฺชคฺฆนฺติ สงฺกีฬนฺติ’’’.

‘‘อิธ ปนาหํ [อิธาหํ (สี. ปี. ก.)], นาคิต, ภิกฺขู ปสฺสามิ ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุฺชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺเต วิหรนฺเต. ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘น หิ นูนเม อายสฺมนฺโต อิมสฺส เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภิโน อสฺสุ อกิจฺฉลาภิโน อกสิรลาภิโน. ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. ตถา หิ ปน เม อายสฺมนฺโต ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุฺชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ’’’.

‘‘อิธาหํ [อิธ ปนาหํ (?)], นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ คามนฺตวิหารึ สมาหิตํ นิสินฺนํ. ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘อิทานิ อิมํ [อิทานิมํ (กตฺถจิ) อ. นิ. ๖.๔๒] อายสฺมนฺตํ อารามิโก วา อุปฏฺหิสฺสติ [ปจฺเจสฺสติ (สี. ปี.), อุปฏฺหติ (ก.)] สมณุทฺเทโส วา . ตํ ตมฺหา [โส ตมฺหา (ก. สี.), โส ตํ ตมฺหา (?)] สมาธิมฺหา จาเวสฺสตี’ติ. เตนาหํ , นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน น อตฺตมโน โหมิ คามนฺตวิหาเรน.

‘‘อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ อารฺิกํ อรฺเ ปจลายมานํ นิสินฺนํ. ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘อิทานิ อยมายสฺมา อิมํ นิทฺทากิลมถํ ปฏิวิโนเทตฺวา อรฺสฺํเยว มนสิ กริสฺสติ เอกตฺต’นฺติ . เตนาหํ , นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตมโน โหมิ อรฺวิหาเรน.

‘‘อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ อารฺิกํ อรฺเ อสมาหิตํ นิสินฺนํ. ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘อิทานิ อยมายสฺมา อสมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาทหิสฺสติ [สมาทเหสฺสติ (กตฺถจิ)], สมาหิตํ วา จิตฺตํ อนุรกฺขิสฺสตี’ติ. เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตมโน โหมิ อรฺวิหาเรน.

‘‘อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ อารฺิกํ อรฺเ สมาหิตํ นิสินฺนํ. ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘อิทานิ อยมายสฺมา อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุจฺจิสฺสติ, วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อนุรกฺขิสฺสตี’ติ. เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตมโน โหมิ อรฺวิหาเรน.

‘‘อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ คามนฺตวิหารึ ลาภึ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. โส ตํ ลาภสกฺการสิโลกํ นิกามยมาโน ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, ริฺจติ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ; คามนิคมราชธานึ โอสริตฺวา วาสํ กปฺเปติ. เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน น อตฺตมโน โหมิ คามนฺตวิหาเรน.

‘‘อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ อารฺิกํ ลาภึ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. โส ตํ ลาภสกฺการสิโลกํ ปฏิปณาเมตฺวา น ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, น ริฺจติ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ. เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตมโน โหมิ อรฺวิหาเรน. [[ ] เอตฺถนฺตเร ปาโ อ. นิ. ๖.๔๒ ฉกฺกนิปาเตเยว ทิสฺสติ, น เอตฺถ อฏฺกนิปาเต]

‘‘ยสฺมาหํ [ยสฺมึหํ (กตฺถจิ)], นาคิต, สมเย อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน น กฺจิ ปสฺสามิ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา, ผาสุ เม, นาคิต, ตสฺมึ สมเย โหติ อนฺตมโส อุจฺจารปสฺสาวกมฺมายา’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. ปตฺตนิกุชฺชนสุตฺตํ

๘๗. [จูฬว. ๒๖๕] ‘‘อฏฺหิ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส อุปาสกสฺส อากงฺขมาโน สงฺโฆ ปตฺตํ นิกฺกุชฺเชยฺย [นิกุชฺเชยฺย (ก.)]. กตเมหิ อฏฺหิ? ภิกฺขูนํ อลาภาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขูนํ อนตฺถาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขูนํ อวาสาย [อนาวาสาย (สี. สฺยา.)] ปริสกฺกติ, ภิกฺขู อกฺโกสติ ปริภาสติ, ภิกฺขู ภิกฺขูหิ เภเทติ [วิเภเทติ (พหูสุ)], พุทฺธสฺส อวณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส อวณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส อวณฺณํ ภาสติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส อุปาสกสฺส อากงฺขมาโน สงฺโฆ ปตฺตํ นิกฺกุชฺเชยฺย.

‘‘อฏฺหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส อุปาสกสฺส อากงฺขมาโน สงฺโฆ ปตฺตํ อุกฺกุชฺเชยฺย. กตเมหิ อฏฺหิ? น ภิกฺขูนํ อลาภาย ปริสกฺกติ, น ภิกฺขูนํ อนตฺถาย ปริสกฺกติ, น ภิกฺขูนํ อวาสาย ปริสกฺกติ, น ภิกฺขู อกฺโกสติ ปริภาสติ, น ภิกฺขู ภิกฺขูหิ เภเทติ, พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส อุปาสกสฺส อากงฺขมาโน สงฺโฆ ปตฺตํ อุกฺกุชฺเชยฺยา’’ติ. สตฺตมํ.

๘. อปฺปสาทปเวทนียสุตฺตํ

๘๘. ‘‘อฏฺหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อากงฺขมานา อุปาสกา อปฺปสาทํ ปเวเทยฺยุํ. กตเมหิ อฏฺหิ? คิหีนํ อลาภาย ปริสกฺกติ, คิหีนํ อนตฺถาย ปริสกฺกติ, คิหี อกฺโกสติ ปริภาสติ, คิหี คิหีหิ เภเทติ, พุทฺธสฺส อวณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส อวณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส อวณฺณํ ภาสติ, อโคจเร จ นํ ปสฺสนฺติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อากงฺขมานา อุปาสกา อปฺปสาทํ ปเวเทยฺยุํ.

‘‘อฏฺหิ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อากงฺขมานา อุปาสกา ปสาทํ ปเวเทยฺยุํ. กตเมหิ อฏฺหิ? น คิหีนํ อลาภาย ปริสกฺกติ, น คิหีนํ อนตฺถาย ปริสกฺกติ, น คิหี อกฺโกสติ ปริภาสติ, น คิหี คิหีหิ เภเทติ, พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสติ, โคจเร จ นํ ปสฺสนฺติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว , อฏฺหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อากงฺขมานา อุปาสกา ปสาทํ ปเวเทยฺยุ’’นฺติ. อฏฺมํ.

๙. ปฏิสารณียสุตฺตํ

๘๙. [จูฬว. ๓๙ โถกํ วิสทิสํ] ‘‘อฏฺหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อากงฺขมาโน สงฺโฆ ปฏิสารณียกมฺมํ กเรยฺย. กตเมหิ อฏฺหิ? คิหีนํ อลาภาย ปริสกฺกติ, คิหีนํ อนตฺถาย ปริสกฺกติ, คิหี อกฺโกสติ ปริภาสติ, คิหี คิหีหิ เภเทติ, พุทฺธสฺส อวณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส อวณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส อวณฺณํ ภาสติ, ธมฺมิกฺจ คิหิปฏิสฺสวํ น สจฺจาเปติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อากงฺขมาโน สงฺโฆ ปฏิสารณียํ กมฺมํ กเรยฺย.

‘‘อฏฺหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อากงฺขมาโน สงฺโฆ ปฏิสารณียกมฺมํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภยฺย. กตเมหิ อฏฺหิ? น คิหีนํ อลาภาย ปริสกฺกติ, น คิหีนํ อนตฺถาย ปริสกฺกติ, น คิหี อกฺโกสติ ปริภาสติ, น คิหี คิหีหิ เภเทติ, พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสติ, ธมฺมิกฺจ คิหิปฏิสฺสวํ สจฺจาเปติ . อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อากงฺขมาโน สงฺโฆ ปฏิสารณียกมฺมํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภยฺยา’’ติ. นวมํ.

๑๐. สมฺมาวตฺตนสุตฺตํ

๙๐. [จูฬว. ๒๑๑] ‘‘ตสฺสปาปิยสิกกมฺมกเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อฏฺสุ ธมฺเมสุ สมฺมา วตฺติตพฺพํ – น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ, น ภิกฺขุโนวาทกสมฺมุติ สาทิตพฺพา, สมฺมเตนปิ ภิกฺขุนิโย น โอวทิตพฺพา, น กาจิ สงฺฆสมฺมุติ สาทิตพฺพา, น กิสฺมิฺจิ ปจฺเจกฏฺาเน เปตพฺโพ, น จ เตน มูเลน วุฏฺาเปตพฺโพ. ตสฺสปาปิยสิกกมฺมกเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิเมสุ อฏฺสุ ธมฺเมสุ สมฺมา วตฺติตพฺพ’’นฺติ. ทสมํ.

สติวคฺโค จตุตฺโถ.

ตสฺสุทฺทานํ –

สติปุณฺณิยมูเลน , โจรสมเณน ปฺจมํ;

ยโส ปตฺตปฺปสาเทน, ปฏิสารณียฺจ วตฺตนนฺติ.