📜

๓. สตฺตาวาสวคฺโค

๑. ติานสุตฺตํ

๒๑. ‘‘ตีหิ , ภิกฺขเว, าเนหิ อุตฺตรกุรุกา มนุสฺสา เทเว จ ตาวตึเส อธิคฺคณฺหนฺติ ชมฺพุทีปเก จ มนุสฺเส. กตเมหิ ตีหิ? อมมา, อปริคฺคหา, นิยตายุกา, วิเสสคุณา [วิเสสภุโน (สี. สฺยา. ปี.)] – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ าเนหิ อุตฺตรกุรุกา มนุสฺสา เทเว จ ตาวตึเส อธิคฺคณฺหนฺติ ชมฺพุทีปเก จ มนุสฺเส.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ เทวา ตาวตึสา อุตฺตรกุรุเก จ มนุสฺเส อธิคฺคณฺหนฺติ ชมฺพุทีปเก จ มนุสฺเส. กตเมหิ ตีหิ? ทิพฺเพน อายุนา, ทิพฺเพน วณฺเณน, ทิพฺเพน สุเขน – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ าเนหิ เทวา ตาวตึสา อุตฺตรกุรุเก จ มนุสฺเส อธิคฺคณฺหนฺติ ชมฺพุทีปเก จ มนุสฺเส.

[กถา. ๒๗๑] ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ ชมฺพุทีปกา มนุสฺสา อุตฺตรกุรุเก จ มนุสฺเส อธิคฺคณฺหนฺติ เทเว จ ตาวตึเส. กตเมหิ ตีหิ? สูรา, สติมนฺโต, อิธ พฺรหฺมจริยวาโส – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ าเนหิ ชมฺพุทีปกา มนุสฺสา อุตฺตรกุรุเก จ มนุสฺเส อธิคฺคณฺหนฺติ เทเว จ ตาวตึเส’’ติ. ปมํ.

๒. อสฺสขฬุงฺกสุตฺตํ

๒๒. [อ. นิ. ๓.๑๔๑] ‘‘ตโย จ, ภิกฺขเว, อสฺสขฬุงฺเก เทเสสฺสามิ ตโย จ ปุริสขฬุงฺเก ตโย จ อสฺสปรสฺเส [อสฺสสทสฺเส (สี. สฺยา. ปี.) อ. นิ. ๓.๑๔๒] ตโย จ ปุริสปรสฺเส [ปุริสสทสฺเส (สี. สฺยา. ปี.)] ตโย จ ภทฺเท อสฺสาชานีเย ตโย จ ภทฺเท ปุริสาชานีเย. ตํ สุณาถ.

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ตโย อสฺสขฬุงฺกา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อสฺสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน โหติ, น วณฺณสมฺปนฺโน, น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อสฺสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ, น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อสฺสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย อสฺสขฬุงฺกา.

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ตโย ปุริสขฬุงฺกา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน โหติ, น วณฺณสมฺปนฺโน, น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ, น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน โหติ, น วณฺณสมฺปนฺโน น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อิทมสฺส ชวสฺมึ วทามิ. อภิธมฺเม โข ปน อภิวินเย ปฺหํ ปุฏฺโ สํสาเทติ [สํสาเรติ (ก.) อ. นิ. ๑.๓.๑๔๑], โน วิสฺสชฺเชติ. อิทมสฺส น วณฺณสฺมึ วทามิ. น โข ปน ลาภี โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อิทมสฺส น อาโรหปริณาหสฺมึ วทามิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน โหติ, น วณฺณสมฺปนฺโน น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ, น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อิทมสฺส ชวสฺมึ วทามิ. อภิธมฺเม โข ปน อภิวินเย ปฺหํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชติ, โน สํสาเทติ. อิทมสฺส วณฺณสฺมึ วทามิ. น โข ปน ลาภี โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อิทมสฺส น อาโรหปริณาหสฺมึ วทามิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ, น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน.

‘‘กถฺจ , ภิกฺขเว, ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อิทมสฺส ชวสฺมึ วทามิ. อภิธมฺเม โข ปน อภิวินเย ปฺหํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชติ, โน สํสาเทติ. อิทมสฺส วณฺณสฺมึ วทามิ. ลาภี โข ปน โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อิทมสฺส อาโรหปริณาหสฺมึ วทามิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุริสขฬุงฺกา.

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ตโย อสฺสปรสฺสา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อสฺสปรสฺโส…เป… ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย อสฺสปรสฺสา.

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ตโย ปุริสปรสฺสา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุริสปรสฺโส…เป… ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ.

‘‘กถฺจ , ภิกฺขเว, ปุริสปรสฺโส…เป… ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ, ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. อิทมสฺส ชวสฺมึ วทามิ. อภิธมฺเม โข ปน อภิวินเย ปฺหํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชติ, โน สํสาเทติ. อิทมสฺส วณฺณสฺมึ วทามิ. ลาภี โข ปน โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อิทมสฺส อาโรหปริณาหสฺมึ วทามิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุริสปรสฺโส ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุริสปรสฺสา.

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ตโย ภทฺทา อสฺสาชานียา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ภทฺโท อสฺสาชานีโย…เป… ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ภทฺทา อสฺสาชานียา.

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ตโย ภทฺทา ปุริสาชานียา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ภทฺโท ปุริสาชานีโย…เป… ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภทฺโท ปุริสาชานีโย…เป… ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทมสฺส ชวสฺมึ วทามิ. อภิธมฺเม โข ปน อภิวินเย ปฺหํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชติ, โน สํสาเทติ. อิทมสฺส วณฺณสฺมึ วทามิ. ลาภี โข ปน โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อิทมสฺส อาโรหปริณาหสฺมึ วทามิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภทฺโท ปุริสาชานีโย ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ภทฺทา ปุริสาชานียา’’ติ. ทุติยํ.

๓. ตณฺหามูลกสุตฺตํ

๒๓. [ที. นิ. ๒.๑๐๓] ‘‘นว, ภิกฺขเว, ตณฺหามูลเก ธมฺเม เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ. กตเม จ, ภิกฺขเว, นว ตณฺหามูลกา ธมฺมา? ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฏิจฺจ ลาโภ, ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย, วินิจฺฉยํ ปฏิจฺจ ฉนฺทราโค, ฉนฺทราคํ ปฏิจฺจ อชฺโฌสานํ, อชฺโฌสานํ ปฏิจฺจ ปริคฺคโห, ปริคฺคหํ ปฏิจฺจ มจฺฉริยํ, มจฺฉริยํ ปฏิจฺจ อารกฺโข, อารกฺขาธิกรณํ ทณฺฑาทานํ สตฺถาทานํ กลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุฺมุสาวาทา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, นว ตณฺหามูลกา ธมฺมา’’ติ. ตติยํ.

๔. สตฺตาวาสสุตฺตํ

๒๔. [ที. นิ. ๓.๓๔๑] ‘‘นวยิเม, ภิกฺขเว, สตฺตาวาสา. กตเม นว? สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา, เอกจฺเจ จ เทวา, เอกจฺเจ จ วินิปาติกา. อยํ ปโม สตฺตาวาโส.

‘‘สนฺติ , ภิกฺขเว, สตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน, เสยฺยถาปิ เทวา พฺรหฺมกายิกา ปมาภินิพฺพตฺตา. อยํ ทุติโย สตฺตาวาโส.

‘‘สนฺติ , ภิกฺขเว, สตฺตา เอกตฺตกายา นานตฺตสฺิโน, เสยฺยถาปิ เทวา อาภสฺสรา. อยํ ตติโย สตฺตาวาโส.

‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน, เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหา. อยํ จตุตฺโถ สตฺตาวาโส.

‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา อสฺิโน อปฺปฏิสํเวทิโน, เสยฺยถาปิ เทวา อสฺสตฺตา. อยํ ปฺจโม สตฺตาวาโส.

‘‘สนฺติ , ภิกฺขเว, สตฺตา สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนูปคา. อยํ ฉฏฺโ สตฺตาวาโส.

‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนูปคา. อยํ สตฺตโม สตฺตาวาโส.

‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนูปคา. อยํ อฏฺโม สตฺตาวาโส.

‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา สพฺพโส อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสฺานาสฺายตนูปคา. อยํ นวโม สตฺตาวาโส. อิเม โข, ภิกฺขเว, นว สตฺตาวาสา’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. ปฺาสุตฺตํ

๒๕. ‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปฺาย จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ, ตสฺเสตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน กลฺลํ วจนาย – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติ.

‘‘กถฺจ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปฺาย จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ? ‘วีตราคํ เม จิตฺต’นฺติ ปฺาย จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘วีตโทสํ เม จิตฺต’นฺติ ปฺาย จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘วีตโมหํ เม จิตฺต’นฺติ ปฺาย จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อสราคธมฺมํ เม จิตฺต’นฺติ ปฺาย จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อสโทสธมฺมํ เม จิตฺต’นฺติ ปฺาย จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อสโมหธมฺมํ เม จิตฺต’นฺติ ปฺาย จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อนาวตฺติธมฺมํ เม จิตฺตํ กามภวายา’ติ ปฺาย จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อนาวตฺติธมฺมํ เม จิตฺตํ รูปภวายา’ติ ปฺาย จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อนาวตฺติธมฺมํ เม จิตฺตํ อรูปภวายา’ติ ปฺาย จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ. ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปฺาย จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ, ตสฺเสตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน กลฺลํ วจนาย – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติ. ปฺจมํ.

๖. สิลายูปสุตฺตํ

๒๖. เอกํ สมยํ อายสฺมา จ สาริปุตฺโต อายสฺมา จ จนฺทิกาปุตฺโต ราชคเห วิหรนฺติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. ตตฺร โข อายสฺมา จนฺทิกาปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ ( ) [(อาวุโส…เป… เอตทโวจ) (สี.)] – ‘‘เทวทตฺโต, อาวุโส, ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตํ โหติ, ตสฺเสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติ.

เอวํ วุตฺเต อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ จนฺทิกาปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข, อาวุโส จนฺทิกาปุตฺต, เทวทตฺโต ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตํ โหติ, ตสฺเสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’ติ. เอวฺจ โข, อาวุโส, จนฺทิกาปุตฺต, เทวทตฺโต ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ, ตสฺเสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติ.

ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา จนฺทิกาปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เทวทตฺโต, อาวุโส, ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตํ โหติ, ตสฺเสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติ. ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ จนฺทิกาปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข, อาวุโส จนฺทิกาปุตฺต, เทวทตฺโต ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตํ โหติ, ตสฺเสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’ติ. เอวฺจ โข, อาวุโส จนฺทิกาปุตฺต, เทวทตฺโต ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ, ตสฺเสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติ.

ตติยมฺปิ โข อายสฺมา จนฺทิกาปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เทวทตฺโต, อาวุโส, ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตํ โหติ, ตสฺเสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติ. ตติยมฺปิ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ จนฺทิกาปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข, อาวุโส จนฺทิกาปุตฺต, เทวทตฺโต ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตํ โหติ, ตสฺเสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’ติ. เอวฺจ โข, อาวุโส จนฺทิกาปุตฺต, เทวทตฺโต ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ, ตสฺเสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติ.

‘‘กถฺจ, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ? ‘วีตราคํ เม จิตฺต’นฺติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘วีตโทสํ เม จิตฺต’นฺติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘วีตโมหํ เม จิตฺต’นฺติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อสราคธมฺมํ เม จิตฺต’นฺติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อสโทสธมฺมํ เม จิตฺต’นฺติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อสโมหธมฺมํ เม จิตฺต’นฺติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อนาวตฺติธมฺมํ เม จิตฺตํ กามภวายา’ติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อนาวตฺติธมฺมํ เม จิตฺตํ รูปภวายา’ติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อนาวตฺติธมฺมํ เม จิตฺตํ อรูปภวายา’ติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ. เอวํ สมฺมา วิมุตฺตจิตฺตสฺส โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน ภุสา เจปิ จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา จกฺขุสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, เนวสฺส จิตฺตํ ปริยาทิยนฺติ; อมิสฺสีกตเมวสฺส จิตฺตํ โหติ ิตํ อาเนฺชปฺปตฺตํ, วยํ จสฺสานุปสฺสติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, สิลายูโป โสฬสกุกฺกุโก. ตสฺสสฺสุ อฏฺ กุกฺกู เหฏฺา เนมงฺคมา, อฏฺ กุกฺกู อุปริ เนมสฺส. อถ ปุรตฺถิมาย เจปิ ทิสาย อาคจฺเฉยฺย ภุสา วาตวุฏฺิ, เนว นํ สงฺกมฺเปยฺย น สมฺปเวเธยฺย; อถ ปจฺฉิมาย… อถ อุตฺตราย… อถ ทกฺขิณาย เจปิ ทิสาย อาคจฺเฉยฺย ภุสา วาตวุฏฺิ, เนว นํ สงฺกมฺเปยฺย น สมฺปเวเธยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? คมฺภีรตฺตา, อาวุโส, เนมสฺส, สุนิขาตตฺตา สิลายูปสฺส. เอวเมวํ โข, อาวุโส, สมฺมา วิมุตฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน ภุสา เจปิ จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา จกฺขุสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, เนวสฺส จิตฺตํ ปริยาทิยนฺติ; อมิสฺสีกตเมวสฺส จิตฺตํ โหติ ิตํ อาเนฺชปฺปตฺตํ, วยํ จสฺสานุปสฺสติ.

‘‘ภุสา เจปิ โสตวิฺเยฺยา สทฺทา… ฆานวิฺเยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิฺเยฺยา รสา… กายวิฺเยฺยา โผฏฺพฺพา… มโนวิฺเยฺยา ธมฺมา มนสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, เนวสฺส จิตฺตํ ปริยาทิยนฺติ; อมิสฺสีกตเมวสฺส จิตฺตํ โหติ ิตํ อาเนฺชปฺปตฺตํ, วยํ จสฺสานุปสฺสตี’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. ปมเวรสุตฺตํ

๒๗. [อ. นิ. ๙.๙๒; สํ. นิ. ๕.๑๐๒๔] อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อนาถปิณฺฑิกํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ –

‘‘ยโต โข, คหปติ, อริยสาวกสฺส ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺติ, จตูหิ จ โสตาปตฺติยงฺเคหิ สมนฺนาคโต โหติ, โส อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย – ‘ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิ ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปนฺโนหมสฺมิ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’’’ติ.

‘‘กตมานิ ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺติ? ยํ, คหปติ, ปาณาติปาตี ปาณาติปาตปจฺจยา ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต เนว ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, น สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, น เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. ปาณาติปาตา ปฏิวิรตสฺส เอวํ ตํ ภยํ เวรํ วูปสนฺตํ โหติ.

‘‘ยํ, คหปติ, อทินฺนาทายี…เป… กาเมสุมิจฺฉาจารี… มุสาวาที… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานปจฺจยา ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต เนว ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, น สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, น เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรตสฺส เอวํ ตํ ภยํ เวรํ วูปสนฺตํ โหติ. อิมานิ ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺติ.

‘‘กตเมหิ จตูหิ โสตาปตฺติยงฺเคหิ สมนฺนาคโต โหติ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’’’ติ.

ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’ติ.

สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ายปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจิปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ; ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’ติ.

อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขณฺเฑหิ อจฺฉิทฺเทหิ อสพเลหิ อกมฺมาเสหิ ภุชิสฺเสหิ วิฺุปฺปสตฺเถหิ อปรามฏฺเหิ สมาธิสํวตฺตนิเกหิ. อิเมหิ จตูหิ โสตาปตฺติยงฺเคหิ สมนฺนาคโต โหติ.

‘‘ยโต โข, คหปติ, อริยสาวกสฺส อิมานิ ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺติ, อิเมหิ จ จตูหิ โสตาปตฺติยงฺเคหิ สมนฺนาคโต โหติ, โส อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย – ‘ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิ ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต; โสตาปนฺโนหมสฺมิ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’’’ติ. สตฺตมํ.

๘. ทุติยเวรสุตฺตํ

๒๘. [สํ. นิ. ๕.๑๐๒๕] ‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺติ, จตูหิ จ โสตาปตฺติยงฺเคหิ สมนฺนาคโต โหติ, โส อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย – ‘ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิ ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต; โสตาปนฺโนหมสฺมิ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’’’ติ.

‘‘กตมานิ ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺติ? ยํ, ภิกฺขเว, ปาณาติปาตี ปาณาติปาตปจฺจยา ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต…เป… เอวํ ตํ ภยํ เวรํ วูปสนฺตํ โหติ.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, อทินฺนาทายี…เป… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานปจฺจยา ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต เนว ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, น สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, น เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรตสฺส เอวํ ตํ ภยํ เวรํ วูปสนฺตํ โหติ. อิมานิ ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺติ.

‘‘กตเมหิ จตูหิ โสตาปตฺติยงฺเคหิ สมนฺนาคโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘อิติปิ โส ภควา…เป… สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. ธมฺเม…เป… สงฺเฆ… อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขณฺเฑหิ อจฺฉิทฺเทหิ อสพเลหิ อกมฺมาเสหิ ภุชิสฺเสหิ วิฺุปฺปสตฺเถหิ อปรามฏฺเหิ สมาธิสํวตฺตนิเกหิ. อิเมหิ จตูหิ โสตาปตฺติยงฺเคหิ สมนฺนาคโต โหติ.

‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส อิมานิ ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺติ, อิเมหิ จ จตูหิ โสตาปตฺติยงฺเคหิ สมนฺนาคโต โหติ, โส อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย – ‘ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิ ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต ; โสตาปนฺโนหมสฺมิ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’’’ติ. อฏฺมํ.

๙. อาฆาตวตฺถุสุตฺตํ

๒๙. [วิภ. ๙๖๐; ที. นิ. ๓.๓๔๐; อ. นิ. ๑๐.๗๙] ‘‘นวยิมานิ, ภิกฺขเว, อาฆาตวตฺถูนิ. กตมานิ นว? ‘อนตฺถํ เม อจรี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ; ‘อนตฺถํ เม จรตี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ; ‘อนตฺถํ เม จริสฺสตี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ; ‘ปิยสฺส เม มนาปสฺส อนตฺถํ อจรี’ติ…เป… ‘อนตฺถํ จรตี’ติ…เป… ‘อนตฺถํ จริสฺสตี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ; ‘อปฺปิยสฺส เม อมนาปสฺส อตฺถํ อจรี’ติ …เป… ‘อตฺถํ จรตี’ติ…เป… ‘อตฺถํ จริสฺสตี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, นว อาฆาตวตฺถูนี’’ติ. นวมํ.

๑๐. อาฆาตปฏิวินยสุตฺตํ

๓๐. [ที. นิ. ๓.๓๔๐, ๓๕๙] ‘‘นวยิเม, ภิกฺขเว, อาฆาตปฏิวินยา. กตเม นว? ‘อนตฺถํ เม อจริ [อจรีติ (สฺยา.), เอวํ ‘‘จรติ, จริสฺสติ’’ ปเทสุปิ], ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติ; ‘อนตฺถํ เม จรติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติ; ‘อนตฺถํ เม จริสฺสติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติ; ปิยสฺส เม มนาปสฺส อนตฺถํ อจริ…เป… อนตฺถํ จรติ…เป… ‘อนตฺถํ จริสฺสติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติ; อปฺปิยสฺส เม อมนาปสฺส อตฺถํ อจริ…เป… อตฺถํ จรติ…เป… ‘อตฺถํ จริสฺสติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, นว อาฆาตปฏิวินยา’’ติ. ทสมํ.

๑๑. อนุปุพฺพนิโรธสุตฺตํ

๓๑. ‘‘นวยิเม, ภิกฺขเว, อนุปุพฺพนิโรธา. กตเม นว? ปมํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส กามสฺา [อามิสฺสสฺา (สฺยา.)] นิรุทฺธา โหติ; ทุติยํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส วิตกฺกวิจารา นิรุทฺธา โหนฺติ; ตติยํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส ปีติ นิรุทฺธา โหติ; จตุตฺถํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส อสฺสาสปสฺสาสา นิรุทฺธา โหนฺติ; อากาสานฺจายตนํ สมาปนฺนสฺส รูปสฺา นิรุทฺธา โหติ; วิฺาณฺจายตนํ สมาปนฺนสฺส อากาสานฺจายตนสฺา นิรุทฺธา โหติ; อากิฺจฺายตนํ สมาปนฺนสฺส วิฺาณฺจายตนสฺา นิรุทฺธา โหติ ; เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปนฺนสฺส อากิฺจฺายตนสฺา นิรุทฺธา โหติ; สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปนฺนสฺส สฺา จ เวทนา จ นิรุทฺธา โหนฺติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, นว อนุปุพฺพนิโรธา’’ติ [ที. นิ. ๓.๓๔๔, ๓๔๙]. เอกาทสมํ.

สตฺตาวาสวคฺโค ตติโย.

ตสฺสุทฺทานํ –

ติานํ ขฬุงฺโก ตณฺหา, สตฺตปฺา สิลายุโป;

ทฺเว เวรา ทฺเว อาฆาตานิ, อนุปุพฺพนิโรเธน จาติ.