📜
(๖) ๑. สจิตฺตวคฺโค
๑. สจิตฺตสุตฺตํ
๕๑. เอกํ ¶ ¶ ¶ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘โน เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปรจิตฺตปริยายกุสโล โหติ, อถ ‘สจิตฺตปริยายกุสโล ภวิสฺสามี’ติ [ภวิสฺสามาติ (สฺยา.)] – เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สจิตฺตปริยายกุสโล โหติ? เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก อาทาเส วา ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อจฺเฉ วา อุทกปตฺเต สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน สเจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, ตสฺเสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมติ. โน เจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, เตเนวตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป – ‘ลาภา วต เม, ปริสุทฺธํ วต เม’ติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปจฺจเวกฺขณา พหุการา [ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน พหุกาโร (ก.)] โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ – ‘อภิชฺฌาลุ นุ ¶ โข พหุลํ วิหรามิ, อนภิชฺฌาลุ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, พฺยาปนฺนจิตฺโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อพฺยาปนฺนจิตฺโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, ถินมิทฺธปริยุฏฺิโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, วิคตถินมิทฺโธ นุ โข พหุลํ วิหรามิ ¶ , อุทฺธโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อนุทฺธโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, วิจิกิจฺโฉ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, ติณฺณวิจิกิจฺโฉ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, โกธโน นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อกฺโกธโน นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํกิลิฏฺจิตฺโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสํกิลิฏฺจิตฺโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ ¶ , สารทฺธกาโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสารทฺธกาโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, กุสีโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อารทฺธวีริโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสมาหิโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สมาหิโต นุ โข พหุลํ วิหรามี’ติ.
‘‘สเจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อภิชฺฌาลุ พหุลํ วิหรามิ, พฺยาปนฺนจิตฺโต พหุลํ วิหรามิ, ถินมิทฺธปริยุฏฺิโต พหุลํ วิหรามิ, อุทฺธโต พหุลํ วิหรามิ, วิจิกิจฺโฉ พหุลํ วิหรามิ, โกธโน พหุลํ วิหรามิ, สํกิลิฏฺจิตฺโต พหุลํ วิหรามิ, สารทฺธกาโย พหุลํ วิหรามิ, กุสีโต พหุลํ วิหรามิ, อสมาหิโต พหุลํ วิหรามี’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตเจโล วา อาทิตฺตสีโส วา. ตสฺเสว เจลสฺส วา สีสสฺส วา นิพฺพาปนาย อธิมตฺตํ ฉนฺทฺจ วายามฺจ อุสฺสาหฺจ อุสฺโสฬฺหิฺจ อปฺปฏิวานิฺจ สติฺจ สมฺปชฺฺจ กเรยฺย. เอวเมวํ โข ¶ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ.
‘‘สเจ ¶ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อนภิชฺฌาลุ พหุลํ วิหรามิ, อพฺยาปนฺนจิตฺโต พหุลํ วิหรามิ, วิคตถินมิทฺโธ พหุลํ วิหรามิ, อนุทฺธโต พหุลํ วิหรามิ, ติณฺณวิจิกิจฺโฉ พหุลํ วิหรามิ, อกฺโกธโน พหุลํ วิหรามิ, อสํกิลิฏฺจิตฺโต พหุลํ วิหรามิ, อสารทฺธกาโย พหุลํ วิหรามิ, อารทฺธวีริโย พหุลํ วิหรามิ, สมาหิโต พหุลํ วิหรามี’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสุเยว กุสเลสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย อุตฺตริ อาสวานํ ขยาย โยโค กรณีโย’’ติ. ปมํ.
๒. สาริปุตฺตสุตฺตํ
๕๒. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ –
‘‘โน ¶ เจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปรจิตฺตปริยายกุสโล โหติ, อถ ‘สจิตฺตปริยายกุสโล ภวิสฺสามี’ติ – เอวฺหิ โว, อาวุโส, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘กถฺจาวุโส ¶ , ภิกฺขุ สจิตฺตปริยายกุสโล โหติ? เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก อาทาเส วา ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อจฺเฉ วา อุทปตฺเต สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน สเจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, ตสฺเสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมติ. โน เจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ ¶ วา องฺคณํ วา, เตเนวตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป – ‘ลาภา วต เม, ปริสุทฺธํ วต เม’ติ.
เอวเมวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน ปจฺจเวกฺขณา พหุการา โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ – ‘อภิชฺฌาลุ นุ โข พหุลํ ¶ วิหรามิ, อนภิชฺฌาลุ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, พฺยาปนฺนจิตฺโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อพฺยาปนฺนจิตฺโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, ถินมิทฺธปริยุฏฺิโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, วิคตถินมิทฺโธ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อุทฺธโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อนุทฺธโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, วิจิกิจฺโฉ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, ติณฺณวิจิกิจฺโฉ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, โกธโน นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อกฺโกธโน นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํกิลิฏฺจิตฺโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสํกิลิฏฺจิตฺโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สารทฺธกาโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสารทฺธกาโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, กุสีโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อารทฺธวีริโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สมาหิโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสมาหิโต นุ โข พหุลํ วิหรามี’ติ.
‘‘สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อภิชฺฌาลุ พหุลํ วิหรามิ…เป… อสมาหิโต พหุลํ วิหรามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อาทิตฺตเจโล วา อาทิตฺตสีโส วา. ตสฺเสว เจลสฺส วา สีสสฺส วา นิพฺพาปนาย ¶ อธิมตฺตํ ฉนฺทฺจ วายามฺจ อุสฺสาหฺจ อุสฺโสฬฺหิฺจ อปฺปฏิวานิฺจ สติฺจ สมฺปชฺฺจ กเรยฺย. เอวเมวํ โข, อาวุโส, เตน ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย อธิมตฺโต ฉนฺโท ¶ จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ.
‘‘สเจ ¶ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อนภิชฺฌาลุ พหุลํ วิหรามิ…เป… สมาหิโต พหุลํ วิหรามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสุเยว กุสเลสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย อุตฺตริ อาสวานํ ขยาย โยโค กรณีโย’’ติ. ทุติยํ.
๓. ิติสุตฺตํ
๕๓. ‘‘ิติมฺปาหํ ¶ , ภิกฺขเว, น วณฺณยามิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, ปเคว ปริหานึ. วุฑฺฒิฺจ โข อหํ, ภิกฺขเว, วณฺณยามิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน ิตึ โน หานึ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, หานิ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน ิติ โน วุฑฺฒิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยตฺตโก โหติ สทฺธาย สีเลน สุเตน จาเคน ปฺาย ปฏิภาเนน, ตสฺส เต ธมฺมา เนว ติฏฺนฺติ โน วฑฺฒนฺติ. หานิเมตํ, ภิกฺขเว, วทามิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน ิตึ โน วุฑฺฒึ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, หานิ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน ิติ โน วุฑฺฒิ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว ิติ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน หานิ โน วุฑฺฒิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยตฺตโก โหติ สทฺธาย สีเลน สุเตน จาเคน ปฺาย ปฏิภาเนน, ตสฺส เต ธมฺมา เนว หายนฺติ โน วฑฺฒนฺติ ¶ . ิติเมตํ, ภิกฺขเว, วทามิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน หานึ โน วุฑฺฒึ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ิติ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน วุฑฺฒิ โน หานิ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, วุฑฺฒิ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน ิติ โน หานิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยตฺตโก โหติ สทฺธาย สีเลน สุเตน จาเคน ปฺาย ปฏิภาเนน, ตสฺส เต ธมฺมา เนว ติฏฺนฺติ โน หายนฺติ. วุฑฺฒิเมตํ, ภิกฺขเว, วทามิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน ิตึ โน หานึ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, วุฑฺฒิ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน ิติ โน หานิ.
‘‘โน ¶ เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปรจิตฺตปริยายกุสโล โหติ, อถ ‘สจิตฺตปริยายกุสโล ภวิสฺสามี’ติ – เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สจิตฺตปริยายกุสโล โหติ? เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขเว, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก อาทาเส วา ¶ ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อจฺเฉ วา อุทปตฺเต สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน สเจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, ตสฺเสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมติ. โน เจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, เตเนวตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป – ‘ลาภา วต เม, ปริสุทฺธํ วต เม’ติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปจฺจเวกฺขณา พหุการา โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ – ‘อภิชฺฌาลุ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อนภิชฺฌาลุ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, พฺยาปนฺนจิตฺโต นุ ¶ โข พหุลํ วิหรามิ, อพฺยาปนฺนจิตฺโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, ถินมิทฺธปริยุฏฺิโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, วิคตถินมิทฺโธ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อุทฺธโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อนุทฺธโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, วิจิกิจฺโฉ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, ติณฺณวิจิกิจฺโฉ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, โกธโน นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อกฺโกธโน นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํกิลิฏฺจิตฺโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสํกิลิฏฺจิตฺโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สารทฺธกาโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสารทฺธกาโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, กุสีโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อารทฺธวีริโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สมาหิโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสมาหิโต นุ โข พหุลํ วิหรามี’ติ.
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อภิชฺฌาลุ พหุลํ วิหรามิ, พฺยาปนฺนจิตฺโต พหุลํ วิหรามิ, ถินมิทฺธปริยุฏฺิโต พหุลํ วิหรามิ, อุทฺธโต พหุลํ วิหรามิ, วิจิกิจฺโฉ พหุลํ วิหรามิ, โกธโน พหุลํ วิหรามิ, สํกิลิฏฺจิตฺโต พหุลํ วิหรามิ, สารทฺธกาโย พหุลํ วิหรามิ, กุสีโต พหุลํ วิหรามิ, อสมาหิโต พหุลํ วิหรามี’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย ¶ อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตเจโล วา อาทิตฺตสีโส วา. ตสฺเสว เจลสฺส วา สีสสฺส วา นิพฺพาปนาย อธิมตฺตํ ฉนฺทฺจ ¶ วายามฺจ อุสฺสาหฺจ อุสฺโสฬฺหิฺจ อปฺปฏิวานิฺจ สติฺจ สมฺปชฺฺจ กเรยฺย; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, เตน ภิกฺขุนา เตสํเยว ¶ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ.
‘‘สเจ ¶ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อนภิชฺฌาลุ พหุลํ วิหรามิ, อพฺยาปนฺนจิตฺโต พหุลํ วิหรามิ, วิคตถินมิทฺโธ พหุลํ วิหรามิ, อนุทฺธโต พหุลํ วิหรามิ, ติณฺณวิจิกิจฺโฉ พหุลํ วิหรามิ, อกฺโกธโน พหุลํ วิหรามิ, อสํกิลิฏฺจิตฺโต พหุลํ วิหรามิ, อสารทฺธกาโย พหุลํ วิหรามิ, อารทฺธวีริโย พหุลํ วิหรามิ, สมาหิโต พหุลํ วิหรามี’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสุเยว กุสเลสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย อุตฺตริ อาสวานํ ขยาย โยโค กรณีโย’’ติ. ตติยํ.
๔. สมถสุตฺตํ
๕๔. ‘‘โน เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปรจิตฺตปริยายกุสโล โหติ, อถ ‘สจิตฺตปริยายกุสโล ภวิสฺสามี’ติ – เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สจิตฺตปริยายกุสโล โหติ? เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก อาทาเส วา ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อจฺเฉ วา อุทปตฺเต สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน สเจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, ตสฺเสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมติ. โน เจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, เตเนวตฺตมโน โหติ ¶ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป – ‘ลาภา วต เม, ปริสุทฺธํ วต เม’ติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปจฺจเวกฺขณา พหุการา โหติ ¶ กุสเลสุ ธมฺเมสุ – ‘ลาภี นุ โขมฺหิ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส, น นุ โขมฺหิ ลาภี อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส, ลาภี นุ โขมฺหิ อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย, น นุ โขมฺหิ ลาภี อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนายา’ติ.
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ลาภีมฺหิ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส, น ลาภี อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนายา’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อชฺฌตฺตํ เจโตสมเถ ปติฏฺาย อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย โยโค กรณีโย. โส อปเรน สมเยน ลาภี เจว โหติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส ลาภี จ อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย.
‘‘สเจ ¶ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ลาภีมฺหิ อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย, น ลาภี อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺสา’ติ, เตน, ภิกฺขเว ¶ , ภิกฺขุนา อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย ปติฏฺาย อชฺฌตฺตํ เจโตสมเถ โยโค กรณีโย. โส อปเรน สมเยน ลาภี เจว โหติ อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย ลาภี จ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส.
‘‘สเจ, ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘น ลาภี อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส, น ลาภี อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนายา’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํเยว กุสลานํ ธมฺมานํ ปฏิลาภาย อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตเจโล วา อาทิตฺตสีโส วา. ตสฺเสว เจลสฺส วา สีสสฺส วา นิพฺพาปนาย อธิมตฺตํ ฉนฺทฺจ วายามฺจ อุสฺสาหฺจ อุสฺโสฬฺหิฺจ อปฺปฏิวานิฺจ สติฺจ สมฺปชฺฺจ กเรยฺย. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, เตน ¶ ภิกฺขุนา เตสํเยว กุสลานํ ธมฺมานํ ปฏิลาภาย อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม ¶ จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ. โส อปเรน สมเยน ลาภี เจว โหติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส ลาภี จ อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย.
‘‘สเจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ลาภีมฺหิ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส, ลาภี อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนายา’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสุเยว กุสเลสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย อุตฺตริ อาสวานํ ขยาย โยโค กรณีโย.
‘‘จีวรมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิ. ปิณฺฑปาตมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิ. เสนาสนมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิ. คามนิคมมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิ. ชนปทปเทสมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิ. ปุคฺคลมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิ.
‘‘‘จีวรมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ โข ¶ ปเนตํ วุตฺตํ. กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชฺา จีวรํ – ‘อิทํ โข เม จีวรํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูปํ จีวรํ น เสวิตพฺพํ. ตตฺถ ยํ ชฺา จีวรํ – ‘อิทํ โข เม ¶ จีวรํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูปํ จีวรํ เสวิตพฺพํ. ‘จีวรมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ ยํ ¶ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
‘‘‘ปิณฺฑปาตมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ. กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชฺา ปิณฺฑปาตํ – ‘อิมํ โข เม ปิณฺฑปาตํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ¶ ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูโป ปิณฺฑปาโต น เสวิตพฺโพ. ตตฺถ ยํ ชฺา ปิณฺฑปาตํ – ‘อิมํ โข เม ปิณฺฑปาตํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูโป ปิณฺฑปาโต เสวิตพฺโพ. ‘ปิณฺฑปาตมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
‘‘‘เสนาสนมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ. กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชฺา เสนาสนํ – ‘อิทํ โข เม เสนาสนํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูปํ เสนาสนํ น เสวิตพฺพํ. ตตฺถ ยํ ชฺา เสนาสนํ – ‘อิทํ โข เม เสนาสนํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูปํ เสนาสนํ เสวิตพฺพํ. ‘เสนาสนมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
‘‘‘คามนิคมมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ. กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชฺา คามนิคมํ – ‘อิมํ โข เม คามนิคมํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ ¶ , เอวรูโป คามนิคโม น เสวิตพฺโพ. ตตฺถ ยํ ชฺา คามนิคมํ – ‘อิมํ โข เม คามนิคมํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูโป คามนิคโม เสวิตพฺโพ ¶ . ‘คามนิคมมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
‘‘‘ชนปทปเทสมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ. กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชฺา ชนปทปเทสํ – ‘อิมํ โข เม ชนปทปเทสํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ¶ ¶ ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูโป ชนปทปเทโส น เสวิตพฺโพ. ตตฺถ ยํ ชฺา ชนปทปเทสํ – ‘อิมํ โข เม ชนปทปเทสํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูโป ชนปทปเทโส เสวิตพฺโพ. ‘ชนปทปเทสมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
‘‘‘ปุคฺคลมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ. กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชฺา ปุคฺคลํ – ‘อิมํ โข เม ปุคฺคลํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูโป ปุคฺคโล น เสวิตพฺโพ. ตตฺถ ยํ ชฺา ปุคฺคลํ – ‘อิมํ โข เม ปุคฺคลํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูโป ปุคฺคโล เสวิตพฺโพ ¶ . ‘ปุคฺคลมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ. จตุตฺถํ.
๕. ปริหานสุตฺตํ
๕๕. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติ [ภิกฺขโวติ (สี. สฺยา.)]. ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ –
‘‘‘ปริหานธมฺโม ปุคฺคโล, ปริหานธมฺโม ปุคฺคโล’ติ, อาวุโส, วุจฺจติ. ‘อปริหานธมฺโม ปุคฺคโล, อปริหานธมฺโม ปุคฺคโล’ติ, อาวุโส, วุจฺจติ. กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, ปริหานธมฺโม ปุคฺคโล วุตฺโต ภควตา, กิตฺตาวตา จ ปน อปริหานธมฺโม ปุคฺคโล วุตฺโต ¶ ภควตา’’ติ? ‘‘ทูรโตปิ โข มยํ, อาวุโส, อาคจฺฉาม อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถมฺาตุํ. สาธุ วตายสฺมนฺตํเยว สาริปุตฺตํ ปฏิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ ¶ . อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ.
‘‘เตนหาวุโส ¶ , สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ –
‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, ปริหานธมฺโม ปุคฺคโล วุตฺโต ภควตา? อิธาวุโส, ภิกฺขุ อสฺสุตฺเจว ธมฺมํ น สุณาติ, สุตา จสฺส ธมฺมา สมฺโมสํ คจฺฉนฺติ, เย จสฺส ธมฺมา ปุพฺเพ เจตโส อสมฺผุฏฺปุพฺพา เต จสฺส น สมุทาจรนฺติ, อวิฺาตฺเจว น วิชานาติ. เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, ปริหานธมฺโม ปุคฺคโล วุตฺโต ภควตา.
‘‘กิตฺตาวตา จ ปนาวุโส, อปริหานธมฺโม ปุคฺคโล วุตฺโต ภควตา? อิธาวุโส, ภิกฺขุ อสฺสุตฺเจว ธมฺมํ สุณาติ, สุตา จสฺส ธมฺมา ¶ น สมฺโมสํ คจฺฉนฺติ, เย จสฺส ธมฺมา ปุพฺเพ เจตโส อสมฺผุฏฺปุพฺพา เต จสฺส สมุทาจรนฺติ, อวิฺาตฺเจว วิชานาติ. เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, อปริหานธมฺโม ปุคฺคโล วุตฺโต ภควตา.
‘‘โน เจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปรจิตฺตปริยายกุสโล โหติ, อถ ‘สจิตฺตปริยายกุสโล ภวิสฺสามี’ติ – เอวฺหิ โว, อาวุโส, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘กถฺจาวุโส, ภิกฺขุ สจิตฺตปริยายกุสโล โหติ? เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก อาทาเส วา ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อจฺเฉ วา อุทปตฺเต สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน สเจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, ตสฺเสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมติ. โน เจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, เตเนวตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป ¶ – ‘ลาภา วต เม, ปริสุทฺธํ วต เม’ติ. เอวเมว โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน ปจฺจเวกฺขณา พหุการา โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ – ‘อนภิชฺฌาลุ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธมฺโม อุทาหุ โน, อพฺยาปนฺนจิตฺโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธมฺโม อุทาหุ โน, วิคตถินมิทฺโธ นุ โข พหุลํ ¶ วิหรามิ, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธมฺโม อุทาหุ โน, อนุทฺธโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธมฺโม อุทาหุ โน, ติณฺณวิจิกิจฺโฉ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธมฺโม อุทาหุ โน, อกฺโกธโน นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํวิชฺชติ ¶ นุ โข เม เอโส ธมฺโม อุทาหุ ¶ โน, อสํกิลิฏฺจิตฺโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธมฺโม อุทาหุ โน, ลาภี นุ โขมฺหิ อชฺฌตฺตํ ธมฺมปาโมชฺชสฺส, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธมฺโม อุทาหุ โน, ลาภี นุ โขมฺหิ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธมฺโม อุทาหุ โน, ลาภี นุ โขมฺหิ อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธมฺโม อุทาหุ โน’ติ.
‘‘สเจ ปน, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สพฺเพปิเม กุสเล ธมฺเม อตฺตนิ น สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา สพฺเพสํเยว อิเมสํ กุสลานํ ธมฺมานํ ปฏิลาภาย อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อาทิตฺตเจโล วา อาทิตฺตสีโส วา. ตสฺเสว เจลสฺส วา สีสสฺส วา นิพฺพาปนาย อธิมตฺตํ ฉนฺทฺจ วายามฺจ อุสฺสาหฺจ อุสฺโสฬฺหิฺจ อปฺปฏิวานิฺจ สติฺจ สมฺปชฺฺจ กเรยฺย. เอวเมวํ โข, อาวุโส, เตน ภิกฺขุนา สพฺเพสํเยว กุสลานํ ธมฺมานํ ปฏิลาภาย อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ.
‘‘สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอกจฺเจ กุสเล ธมฺเม อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เอกจฺเจ กุสเล ธมฺเม อตฺตนิ ¶ น สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เย กุสเล ธมฺเม อตฺตนิ สมนุปสฺสติ เตสุ กุสเลสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย, เย กุสเล ธมฺเม อตฺตนิ น สมนุปสฺสติ เตสํ กุสลานํ ธมฺมานํ ปฏิลาภาย อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม จ อุสฺสาโห ¶ จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อาทิตฺตเจโล วา อาทิตฺตสีโส วา. ตสฺเสว เจลสฺส วา สีสสฺส วา นิพฺพาปนาย อธิมตฺตํ ฉนฺทฺจ วายามฺจ อุสฺสาหฺจ อุสฺโสฬฺหิฺจ อปฺปฏิวานิฺจ สติฺจ สมฺปชฺฺจ กเรยฺย. เอวเมวํ โข, อาวุโส, เตน ภิกฺขุนา เย กุสเล ธมฺเม อตฺตนิ สมนุปสฺสติ เตสุ กุสเลสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย, เย กุสเล ธมฺเม อตฺตนิ น สมนุปสฺสติ เตสํ กุสลานํ ธมฺมานํ ปฏิลาภาย ¶ อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ.
‘‘สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สพฺเพปิเม กุสเล ธมฺเม อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา สพฺเพสฺเวว อิเมสุ กุสเลสุ ¶ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย อุตฺตริ อาสวานํ ขยาย โยโค กรณีโย’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ปมสฺาสุตฺตํ
๕๖. ‘‘ทสยิมา, ภิกฺขเว, สฺา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา. กตมา ทส? อสุภสฺา, มรณสฺา, อาหาเร ปฏิกูลสฺา, สพฺพโลเก อนภิรตสฺา, อนิจฺจสฺา, อนิจฺเจ ทุกฺขสฺา, ทุกฺเข อนตฺตสฺา, ปหานสฺา, วิราคสฺา, นิโรธสฺา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ทส สฺา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. ทุติยสฺาสุตฺตํ
๕๗. ‘‘ทสยิมา ¶ , ภิกฺขเว, สฺา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ ¶ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา. กตมา ทส? อนิจฺจสฺา, อนตฺตสฺา, มรณสฺา, อาหาเร ปฏิกูลสฺา, สพฺพโลเก อนภิรตสฺา, อฏฺิกสฺา, ปุฬวกสฺา [ปุลวกสฺา (สี. ปี.), ปุฬุวกสฺา (ก.), อ. นิ. ๑.๔๖๓-๔๗๒], วินีลกสฺา, วิจฺฉิทฺทกสฺา, อุทฺธุมาตกสฺา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ทส สฺา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’’ติ. สตฺตมํ.
๘. มูลกสุตฺตํ
๕๘. [อ. นิ. ๘.๘๓] ‘‘สเจ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘กึมูลกา, อาวุโส, สพฺเพ ธมฺมา, กึสมฺภวา สพฺเพ ธมฺมา, กึสมุทยา สพฺเพ ธมฺมา, กึสโมสรณา สพฺเพ ธมฺมา, กึปมุขา สพฺเพ ธมฺมา, กึอธิปเตยฺยา สพฺเพ ธมฺมา, กึอุตฺตรา สพฺเพ ธมฺมา, กึสารา สพฺเพ ธมฺมา, กึโอคธา สพฺเพ ธมฺมา, กึปริโยสานา สพฺเพ ธมฺมา’ติ, เอวํ ปุฏฺา ตุมฺเห, ภิกฺขเว ¶ , เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ กินฺติ พฺยากเรยฺยาถา’’ติ? ‘‘ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมา ภควํเนตฺติกา ภควํปฏิสรณา. สาธุ วต, ภนฺเต, ภควนฺตํเยว ปฏิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ. ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ.
‘‘เตน ¶ หิ, ภิกฺขเว, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘กึมูลกา, อาวุโส, สพฺเพ ธมฺมา, กึสมฺภวา สพฺเพ ธมฺมา, กึสมุทยา ¶ สพฺเพ ธมฺมา, กึสโมสรณา สพฺเพ ¶ ธมฺมา กึปมุขา สพฺเพ ธมฺมา, กึ อธิปเตยฺยา สพฺเพ ธมฺมา, กึอุตฺตรา สพฺเพ ธมฺมา, กึสารา สพฺเพ ธมฺมา, กึโอคธา สพฺเพ ธมฺมา, กึปริโยสานา สพฺเพ ธมฺมา’ติ, เอวํ ปุฏฺา ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ เอวํ พฺยากเรยฺยาถ – ‘ฉนฺทมูลกา, อาวุโส, สพฺเพ ธมฺมา, มนสิการสมฺภวา สพฺเพ ธมฺมา, ผสฺสสมุทยา สพฺเพ ธมฺมา, เวทนาสโมสรณา สพฺเพ ธมฺมา, สมาธิปฺปมุขา สพฺเพ ธมฺมา, สตาธิปเตยฺยา สพฺเพ ธมฺมา, ปฺุตฺตรา สพฺเพ ธมฺมา, วิมุตฺติสารา สพฺเพ ธมฺมา, อมโตคธา สพฺเพ ธมฺมา, นิพฺพานปริโยสานา สพฺเพ ธมฺมา’ติ. เอวํ ปุฏฺา ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ เอวํ พฺยากเรยฺยาถา’’ติ. อฏฺมํ.
๙. ปพฺพชฺชาสุตฺตํ
๕๙. ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ยถาปพฺพชฺชาปริจิตฺจ โน จิตฺตํ ภวิสฺสติ, น จุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา จิตฺตํ ปริยาทาย สฺสนฺติ; อนิจฺจสฺาปริจิตฺจ โน จิตฺตํ ภวิสฺสติ, อนตฺตสฺาปริจิตฺจ โน จิตฺตํ ภวิสฺสติ, อสุภสฺาปริจิตฺจ โน จิตฺตํ ภวิสฺสติ, อาทีนวสฺาปริจิตฺจ โน จิตฺตํ ภวิสฺสติ, โลกสฺส สมฺจ วิสมฺจ ตฺวา ตํสฺาปริจิตฺจ โน จิตฺตํ ภวิสฺสติ, โลกสฺส ภวฺจ [สมฺภวฺจ (สี. สฺยา.)] วิภวฺจ ตฺวา ตํสฺาปริจิตฺจ โน จิตฺตํ ภวิสฺสติ, โลกสฺส สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ ตฺวา ตํสฺาปริจิตฺจ โน จิตฺตํ ภวิสฺสติ, ปหานสฺาปริจิตฺจ ¶ โน จิตฺตํ ภวิสฺสติ, วิราคสฺาปริจิตฺจ โน จิตฺตํ ภวิสฺสติ, นิโรธสฺาปริจิตฺจ โน จิตฺตํ ภวิสฺสตี’ติ – เอวฺหิ ¶ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘ยโต ¶ ¶ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ยถาปพฺพชฺชาปริจิตฺจ จิตฺตํ โหติ น จุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, อนิจฺจสฺาปริจิตฺจ จิตฺตํ โหติ, อนตฺตสฺาปริจิตฺจ จิตฺตํ โหติ, อสุภสฺาปริจิตฺจ จิตฺตํ โหติ, อาทีนวสฺาปริจิตฺจ จิตฺตํ โหติ, โลกสฺส สมฺจ วิสมฺจ ตฺวา ตํสฺาปริจิตฺจ จิตฺตํ โหติ, โลกสฺส ภวฺจ วิภวฺจ ตฺวา ตํสฺาปริจิตฺจ จิตฺตํ โหติ, โลกสฺส สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ ตฺวา ตํสฺาปริจิตฺจ จิตฺตํ โหติ, ปหานสฺาปริจิตฺจ จิตฺตํ โหติ, วิราคสฺาปริจิตฺจ จิตฺตํ โหติ, นิโรธสฺาปริจิตฺจ จิตฺตํ โหติ, ตสฺส ทฺวินฺนํ ผลานํ อฺตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ – ทิฏฺเว ธมฺเม อฺา, สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา’’ติ. นวมํ.
๑๐. คิริมานนฺทสุตฺตํ
๖๐. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา คิริมานนฺโท อาพาธิโก โหติ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, คิริมานนฺโท อาพาธิโก โหติ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน ¶ . สาธุ, ภนฺเต, ภควา เยนายสฺมา คิริมานนฺโท เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. ‘‘สเจ โข ตฺวํ, อานนฺท, คิริมานนฺทสฺส ภิกฺขุโน ทส สฺา ภาเสยฺยาสิ, านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ คิริมานนฺทสฺส ภิกฺขุโน ทส สฺา สุตฺวา โส อาพาโธ านโส ปฏิปฺปสฺสมฺเภยฺย.
‘‘กตมา ทส? อนิจฺจสฺา ¶ , อนตฺตสฺา, อสุภสฺา, อาทีนวสฺา, ปหานสฺา, วิราคสฺา, นิโรธสฺา, สพฺพโลเก อนภิรตสฺา [อนภิรติสฺา (ก.)], สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺฉาสฺา, อานาปานสฺสติ.
‘‘กตมา จานนฺท, อนิจฺจสฺา? อิธานนฺท, ภิกฺขุ อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สฺุาคารคโต วา อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘รูปํ อนิจฺจํ, เวทนา อนิจฺจา ¶ , สฺา อนิจฺจา ¶ , สงฺขารา อนิจฺจา, วิฺาณํ อนิจฺจ’นฺติ. อิติ อิเมสุ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรติ. อยํ วุจฺจตานนฺท, อนิจฺจสฺา.
‘‘กตมา จานนฺท, อนตฺตสฺา? อิธานนฺท, ภิกฺขุ อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สฺุาคารคโต วา อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘จกฺขุ อนตฺตา, รูปา อนตฺตา, โสตํ อนตฺตา, สทฺทา อนตฺตา, ฆานํ อนตฺตา, คนฺธา อนตฺตา, ชิวฺหา อนตฺตา, รสา อนตฺตา, กายา อนตฺตา, โผฏฺพฺพา อนตฺตา, มโน อนตฺตา, ธมฺมา อนตฺตา’ติ. อิติ อิเมสุ ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ อายตเนสุ อนตฺตานุปสฺสี วิหรติ. อยํ วุจฺจตานนฺท, อนตฺตสฺา.
‘‘กตมา ¶ จานนฺท, อสุภสฺา? อิธานนฺท, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยนฺตํ ปูรํ นานาปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขติ – ‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ มํสํ นฺหารุ อฏฺิ อฏฺิมิฺชํ วกฺกํ หทยํ ยกนํ กิโลมกํ ปิหกํ ปปฺผาสํ อนฺตํ อนฺตคุณํ อุทริยํ กรีสํ ปิตฺตํ เสมฺหํ ปุพฺโพ โลหิตํ เสโท เมโท อสฺสุ วสา เขโฬ สิงฺฆาณิกา ลสิกา มุตฺต’นฺติ. อิติ อิมสฺมึ กาเย อสุภานุปสฺสี วิหรติ. อยํ วุจฺจตานนฺท, อสุภสฺา.
‘‘กตมา จานนฺท, อาทีนวสฺา? อิธานนฺท, ภิกฺขุ อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สฺุาคารคโต วา อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘พหุทุกฺโข โข อยํ ¶ กาโย พหุอาทีนโว? อิติ อิมสฺมึ กาเย วิวิธา อาพาธา อุปฺปชฺชนฺติ, เสยฺยถิทํ – จกฺขุโรโค โสตโรโค ฆานโรโค ชิวฺหาโรโค กายโรโค สีสโรโค กณฺณโรโค มุขโรโค ทนฺตโรโค โอฏฺโรโค กาโส สาโส ปินาโส ฑาโห [ฑโห (สี. สฺยา.)] ชโร กุจฺฉิโรโค มุจฺฉา ปกฺขนฺทิกา สูลา วิสูจิกา กุฏฺํ คณฺโฑ กิลาโส โสโส อปมาโร ททฺทุ กณฺฑุ กจฺฉุ นขสา วิตจฺฉิกา โลหิตํ ปิตฺตํ [โลหิตปิตฺตํ (สี.)] มธุเมโห อํสา ปิฬกา ภคนฺทลา ปิตฺตสมุฏฺานา อาพาธา เสมฺหสมุฏฺานา อาพาธา วาตสมุฏฺานา อาพาธา สนฺนิปาติกา อาพาธา อุตุปริณามชา อาพาธา วิสมปริหารชา อาพาธา โอปกฺกมิกา อาพาธา กมฺมวิปากชา อาพาธา สีตํ อุณฺหํ ชิฆจฺฉา ปิปาสา อุจฺจาโร ปสฺสาโว’ติ. อิติ ¶ อิมสฺมึ กาเย อาทีนวานุปสฺสี วิหรติ. อยํ วุจฺจตานนฺท, อาทีนวสฺา.
‘‘กตมา ¶ จานนฺท, ปหานสฺา? อิธานนฺท, ภิกฺขุ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, ปชหติ ¶ , วิโนเทติ, พฺยนฺตีกโรติ, อนภาวํ คเมติ. อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, ปชหติ, วิโนเทติ, พฺยนฺตีกโรติ, อนภาวํ คเมติ. อุปฺปนฺนํ วิหึสาวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, ปชหติ, วิโนเทติ, พฺยนฺตีกโรติ, อนภาวํ คเมติ. อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม นาธิวาเสติ, ปชหติ, วิโนเทติ, พฺยนฺตีกโรติ, อนภาวํ คเมติ. อยํ วุจฺจตานนฺท, ปหานสฺา.
‘‘กตมา จานนฺท, วิราคสฺา? อิธานนฺท, ภิกฺขุ อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สฺุาคารคโต วา อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฺปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิพฺพาน’นฺติ. อยํ วุจฺจตานนฺท, วิราคสฺา.
‘‘กตมา จานนฺท, นิโรธสฺา? อิธานนฺท, ภิกฺขุ อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สฺุาคารคโต วา อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เอตํ สนฺตํ เอตํ ¶ ปณีตํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฺปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย นิโรโธ นิพฺพาน’นฺติ. อยํ วุจฺจตานนฺท, นิโรธสฺา.
‘‘กตมา จานนฺท, สพฺพโลเก อนภิรตสฺา? อิธานนฺท, ภิกฺขุ เย โลเก อุปาทานา เจตโส อธิฏฺานาภินิเวสานุสยา, เต ปชหนฺโต วิหรติ อนุปาทิยนฺโต. อยํ วุจฺจตานนฺท, สพฺพโลเก อนภิรตสฺา.
‘‘กตมา จานนฺท, สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺฉาสฺา? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพสงฺขาเรสุ อฏฺฏียติ หรายติ ชิคุจฺฉติ. อยํ วุจฺจตานนฺท, สพฺพสงฺขาเรสุ ¶ อนิจฺฉาสฺา.
‘‘กตมา จานนฺท, อานาปานสฺสติ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สฺุาคารคโต วา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส สโตว อสฺสสติ สโตว ปสฺสสติ. ทีฆํ วา อสฺสสนฺโต ‘ทีฆํ อสฺสสามี’ติ ปชานาติ. ทีฆํ วา ปสฺสสนฺโต ‘ทีฆํ ปสฺสสามี’ติ ปชานาติ. รสฺสํ วา อสฺสสนฺโต ‘รสฺสํ อสฺสสามี’ติ ปชานาติ. รสฺสํ วา ปสฺสสนฺโต ‘รสฺสํ ¶ ปสฺสสามี’ติ ปชานาติ. ‘สพฺพกายปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. ‘สพฺพกายปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. ‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. ‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ ¶ ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. ‘ปีติปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. ‘ปีติปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. ‘สุขปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. ‘สุขปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. ‘จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. ‘จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. ‘ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขารํ อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. ‘ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขารํ ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. ‘จิตฺตปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. ‘จิตฺตปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ ¶ . อภิปฺปโมทยํ จิตฺตํ…เป… สมาทหํ จิตฺตํ…เป… วิโมจยํ จิตฺตํ…เป… อนิจฺจานุปสฺสี…เป… วิราคานุปสฺสี…เป… นิโรธานุปสฺสี…เป… ‘ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. ‘ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. อยํ วุจฺจตานนฺท, อานาปานสฺสติ.
‘‘สเจ โข ตฺวํ, อานนฺท, คิริมานนฺทสฺส ภิกฺขุโน อิมา ¶ ทส สฺา ภาเสยฺยาสิ, านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ คิริมานนฺทสฺส ภิกฺขุโน อิมา ทส สฺา สุตฺวา โส อาพาโธ านโส ปฏิปฺปสฺสมฺเภยฺยา’’ติ.
อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต สนฺติเก อิมา ทส สฺา อุคฺคเหตฺวา เยนายสฺมา คิริมานนฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมโต คิริมานนฺทสฺส อิมา ทส สฺา อภาสิ. อถ โข อายสฺมโต คิริมานนฺทสฺส ทส สฺา สุตฺวา โส อาพาโธ านโส ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. วุฏฺหิ จายสฺมา คิริมานนฺโท ตมฺหา อาพาธา. ตถา ปหีโน จ ปนายสฺมโต คิริมานนฺทสฺส โส อาพาโธ อโหสี’’ติ. ทสมํ.
สจิตฺตวคฺโค ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
สจิตฺตฺจ สาริปุตฺต, ิติ จ สมเถน จ;
ปริหาโน จ ทฺเว สฺา, มูลา ปพฺพชิตํ คิรีติ.