📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

องฺคุตฺตรนิกาเย

อฏฺกนิปาต-ฏีกา

๑. ปมปณฺณาสกํ

๑. เมตฺตาวคฺโค

๑. เมตฺตาสุตฺตวณฺณนา

. อฏฺกนิปาตสฺส ปเม วฑฺฒิตายาติ ภาวนาปาริปูริวเสน ปริพฺรูหิตาย. ปุนปฺปุนํ กตายาติ ภาวนาย พหุลีกรเณน อปราปรํ ปวตฺติตาย. ยุตฺตยานสทิสกตายาติ ยถา ยุตฺตอาชฺยานํ เฉเกน สารถินา อธิฏฺิตํ ยถารุจิ ปวตฺตติ, เอวํ ยถารุจิ ปวตฺตารหตํ คมิตาย. ปติฏฺานฏฺเนาติ สพฺพสมฺปตฺติอธิฏฺานฏฺเน. ปจฺจุปฏฺิตายาติ ภาวนาพหุลีกาเรหิ ปติ ปติ อุปฏฺิตาย อวิชหิตาย. สมนฺตโต จิตายาติ สพฺพภาเคน ภาวนานุรูปํ จยํ คมิตาย. เตนาห ‘‘อุปจิตายา’’ติ. สุฏฺุ สมารทฺธายาติ อติวิย สมฺมเทว นิพฺพตฺติคตาย.

โยจ เมตฺตํ ภาวยตีติอาทีสุ โย โกจิ คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา. เมตฺตนฺติ เมตฺตาฌานํ.

อปฺปมาณนฺติ ภาวนาวเสน อารมฺมณวเสน จ อปฺปมาณํ. อสุภภาวนาทโย วิย หิ อารมฺมเณ เอกเทสคฺคหณํ อกตฺวา อนวเสสผรณวเสน อโนธิโส ผรณวเสน จ, อปฺปมาณารมฺมณตาย ปคุณภาวนาวเสน จ อปฺปมาณํ. ตนู สํโยชนา โหนฺตีติ เมตฺตํ ปาทกํ กตฺวา สมฺมสิตฺวา เหฏฺิเม อริยมคฺเค อธิคจฺฉนฺตสฺส สุเขเนว ปฏิฆสํโยชนาทโย ปหียมานา ตนู โหนฺตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

เอวํ กิเลสปฺปหานฺจ นิพฺพานาธิคมฺจ เมตฺตาภาวนาย สิขาปฺปตฺตมานิสํสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อฺเปิ อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘เอกมฺปิ เจ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อทุฏฺจิตฺโตติ เมตฺตาพเลน สุฏฺุ วิกฺขมฺภิตพฺยาปาทตาย พฺยาปาเทน อทูสิตจิตฺโต. เมตฺตายตีติ หิตผรณวเสน เมตฺตํ กโรติ. กุสลีติ อติสเยน กุสลวา มหาปุฺโ, ปฏิฆาทิอนตฺถวิคเมน เขมี. สพฺเพ จ ปาเณติ -สทฺโท พฺยติเรโก. มนสานุกมฺปีติ จิตฺเตน อนุกมฺปนฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกสตฺตวิสยาปิ ตาว เมตฺตา มหากุสลราสิ, สพฺเพ ปน ปาเณ อตฺตโน ปุตฺตํ วิย หิตผรเณน มนสา อนุกมฺปนฺโต ปหุกํ ปหุํ อนปฺปกํ อปริยนฺตํ จตุสฏฺิมหากปฺเปปิ อตฺตโน วิปากปฺปพนฺธํ ปวตฺเตตุํ สมตฺถํ อุฬารํ ปุฺํ อริโย ปริสุทฺธจิตฺโต ปุคฺคโลว กโรติ นิปฺผาเทตีติ. สตฺตภริตนฺติ สตฺเตหิ อวิรฬํ, อากิณฺณมนุสฺสนฺติ อตฺโถ.

สงฺคหวตฺถูนีติ (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๒๐) โลกสฺส สงฺคณฺหนการณานิ. นิปฺผนฺนสสฺสโต นว ภาเค กสฺสกสฺส ทตฺวา รฺํ เอกภาคคฺคหณํ ทสมภาคคฺคหณํ. เอวํ กสฺสกา หฏฺตุฏฺา สสฺสานิ สมฺปาเทนฺตีติ อาห ‘‘สสฺสสมฺปาทเน เมธาวิตาติ อตฺโถ’’ติ. ตโต โอรภาเค กิร ฉภาคคฺคหณํ ชาตํ. ฉมาสิกนฺติ ฉนฺนํ ฉนฺนํ มาสานํ ปโหนกํ. ปาเสตีติ ปาสคเต วิย กโรติ. วาจาย ปิยํ วาจาปิยํ, ตสฺส กมฺมํ วาจาเปยฺยํ. สพฺพโส รฏฺสฺส อิทฺธาทิภาวโต เขมํ. นิรพฺพุทํ โจริยาภาวโต. อิทฺธฺหิ รฏฺํ อโจริยํ. ‘‘นิรคฺคฬ’’นฺติ วุจฺจติ อปารุตฆรภาวโต.

อุทฺธํมูลกํ กตฺวาติ อุมฺมูลํ กตฺวา. ทฺวีหิ ปริยฺเหีติ มหายฺสฺส ปุพฺพภาเค ปจฺฉา จ ปวตฺเตตพฺเพหิ ทฺวีหิ ปริวารยฺเหิ. สตฺต…เป… ภีสนสฺสาติ สตฺตนวุตาธิกานํ ปฺจนฺนํ ปสุสตานํ มารเณน เภรวสฺส ปาปภีรุกานํ ภยาวหสฺส. ตถา หิ วทนฺติ –

‘‘ฉสตานิ นิยุชฺชนฺติ, ปสูนํ มชฺฌิเม หนิ;

อสฺสเมธสฺส ยฺสฺส, อูนานิ ปสูหิ ตีหี’’ติ. (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๒๐; อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๓๙);

สมฺมนฺติ ยุคจฺฉิทฺเท ปกฺขิปิตพฺพทณฺฑกํ. ปาสนฺตีติ ขิปนฺติ. สํหาริเมหีติ สกเฏหิ วหิตพฺเพหิ. ปุพฺเพ กิร เอโก ราชา สมฺมาปาสํ ยชนฺโต สรสฺสตินทิตีเร ปถวิยา วิวเร ทินฺเน นิมุคฺโคเยว อโหสิ. อนฺธพาลพฺราหฺมณา คตานุคติคตา ‘‘อยํ ตสฺส สคฺคคมนมคฺโค’’ติ สฺาย ตตฺถ สมฺมาปาสํ ยฺํ ปฏฺเปนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘นิมุคฺโคกาสโต ปภุตี’’ติ . อยูโป อปฺปกทิวโส ยาโค, สยูโป พหุทิวสํ สาเธยฺโย สตฺรยาโค. มนฺตปทาภิสงฺขตานํ สปฺปิมธูนํ ‘‘วาช’’มิติ สมฺา. หิรฺสุวณฺณโคมหึสาทิ สตฺตรสกทกฺขิณสฺส. สารคพฺภโกฏฺาคาราทีสุ นตฺถิ เอตฺถ อคฺคฬาติ นิรคฺคโฬ. ตตฺถ กิร ยฺเ อตฺตโน สาปเตยฺยํ อนวเสสโต อนิคูหิตฺวา นิยฺยาตียติ.

จนฺทปฺปภาติ (อิติวุ. อฏฺ. ๒๗) จนฺทิมสฺเสว ปภาย. ตาราคณาว สพฺเพติ ยถา สพฺเพปิ ตาราคณา จนฺทิมโสภาย โสฬสิมฺปิ กลํ นาคฺฆนฺติ, เอวํ เต อสฺสเมธาทโย ยฺา เมตฺตสฺส จิตฺตสฺส วุตฺตลกฺขเณน สุภาวิตสฺส โสฬสิมฺปิ กลํ นานุภวนฺติ, น ปาปุณนฺติ, นาคฺฆนฺตีติ อตฺโถ.

อิทานิ อปเรปิ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิเก เมตฺตาภาวนาย อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘โย น หนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โยติ เมตฺตาพฺรหฺมวิหารภาวนานุยุตฺโต ปุคฺคโล. น หนฺตีติ เตเนว เมตฺตาภาวนานุภาเวน ทูรวิกฺขมฺภิตพฺยาปาทตาย น กฺจิ สตฺตํ หึสติ, เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ น วิพาธติ วา. น ฆาเตตีติ ปรํ สมาทเปตฺวา น สตฺเต มาราเปติ น วิพาธาเปติ จ. น ชินาตีติ สารมฺภวิคฺคาหิกกถาทิวเสน น กฺจิ ชินาติ สารมฺภสฺเสว อภาวโต, ชานิกรณวเสน วา อฏฺฏกรณาทินา น กฺจิ ชินาติ. เตนาห ‘‘น อตฺตนา ปรสฺส ชานึ กโรตี’’ติ. น ชาปเยติ ปเรหิ ปโยเชตฺวา ปเรสมฺปิ ธนชานึ น การาเปยฺย. เตนาห ‘‘น ปเรน ปรสฺส ชานึ กาเรตี’’ติ. เมตฺตาย วา อํโส อวิเหนฏฺเน อวยวภูโตติ เมตฺตํโส.

เมตฺตาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒-๔. ปฺาสุตฺตาทิวณฺณนา

๒-๔. ทุติเย อาทิพฺรหฺมจริยิกายาติ อาทิพฺรหฺมจริยเมว อาทิพฺรหฺมจริยิกา. เตนาห ‘‘มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตายา’’ติ. อริโยติ นิทฺโทโส ปริสุทฺโธ. ตุณฺหีภาโว น ติตฺถิยานํ มูคพฺพตคหณํ วิย อปริสุทฺโธติ อริโย ตุณฺหีภาโว. จตุตฺถชฺฌานนฺติ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสเนตํ วุตฺตํ, ปมชฺฌานาทีนิปิ อริโย ตุณฺหีภาโวตฺเวว สงฺขํ คจฺฉนฺติ. ชานนฺติ อิทํ กมฺมสาธนนฺติ อาห ‘‘ชานิตพฺพกํ ชานาตี’’ติ. ยถา วา เอกจฺโจ วิปรีตํ คณฺหนฺโต ชานนฺโตปิ น ชานาติ, ปสฺสนฺโตปิ น ปสฺสติ, น เอวมยํ. อยํ ปน ชานนฺโต ชานาติ, ปสฺสนฺโต ปสฺสตีติ เอวเมตฺถ ทฏฺพฺโพ. ตติยาทีนิ สุวิฺเยฺยานิ.

ปฺาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปมโลกธมฺมสุตฺตวณฺณนา

. ปฺจเม โลกสฺส ธมฺมาติ สตฺตโลกสฺส อวสฺสํภาวิธมฺมา. เตนาห ‘‘เอเตหิ มุตฺตา นาม นตฺถิ’’ติอาทิ. ฆาสจฺฉาทนาทีนํ ลทฺธิ ลาโภ, ตานิ เอว วา ลทฺธพฺพโต ลาโภ, ตทภาโว อลาโภ, ลาภคฺคหเณน เจตฺถ ตพฺพิสโย อนุโรโธ คหิโต, อลาภคฺคหเณน วิโรโธ. ยสฺมา โลหิเต สติ ตทุปฆาตวเสน ปุพฺโพ วิย อนุโรโธ ลทฺธาวสโร เอว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ลาเภ อาคเต อลาโภ อาคโตเยวา’’ติ. เอส นโย ยสาทีสุปิ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ปมโลกธมฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๘. ทุติยโลกธมฺมสุตฺตาทิวณฺณนา

๖-๘. ฉฏฺเ อธิกํ ปยสติ ปยุชฺชติ เอเตนาติ อธิปฺปยาโส, สวิเสสํ อิติกตฺตพฺพกิริยา. เตนาห ‘‘อธิกปฺปโยโค’’ติ. สตฺตมฏฺเมสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ทุติยโลกธมฺมสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นนฺทสุตฺตวณฺณนา

. นวเม ทุวิธา กุลปุตฺตา ชาติกุลปุตฺตา อาจารกุลปุตฺตา จ. ตตฺถ ‘‘เตน โข ปน สมเยน รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ตสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺิเก อคฺคกุลิกสฺส ปุตฺโต’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๙๔) เอวํ อาคตา อุจฺจากุลปุตฺตา ชาติกุลปุตฺตา. ‘‘สทฺธาเยเต กุลปุตฺตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๘) เอวํ อาคตา ปน ยตฺถ กตฺถจิ กุเล ปสุตาปิ อาจารกุลปุตฺตา นาม. อิธ ปน อุจฺจากุลปฺปสุตตํ สนฺธาย ‘‘กุลปุตฺโตติ, ภิกฺขเว, นนฺทํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺยา’’ติ ภควตา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ชาติกุลปุตฺโต’’ติ. อุโภหิปิ ปน การเณหิ ตสฺส กุลปุตฺตภาโวเยว. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

นนฺทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. การณฺฑวสุตฺตวณฺณนา

๑๐. ทสเม ปฏิจรตีติ ปฏิจฺฉาทนวเสน จรติ ปวตฺตติ. ปฏิจฺฉาทนฏฺโ เอว วา จรติ-สทฺโท อเนกตฺถตฺตา ธาตูนนฺติ อาห ‘‘ปฏิจฺฉาเทตี’’ติ. อฺเนาฺนฺติ ปน ปฏิจฺฉาทนาการทสฺสนนฺติ อาห ‘‘อฺเน การเณนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อฺํ การณํ วจนํ วาติ ยํ โจทเกน จุทิตกสฺส โทสวิภาวนํ การณํ, วจนํ วา วุตฺตํ, ตํ ตโต อฺเเนว การเณน, วจเนน วา ปฏิจฺฉาเทติ. การเณนาติ โจทนาย อมูลาย อมูลิกภาวทีปนิยา ยุตฺติยา วา. วจเนนาติ ตทตฺถโพธเกน วจเนน. ‘‘โก อาปนฺโน’’ติอาทินา โจทนํ วิสฺสชฺเชตฺวาว วิกฺเขปาปชฺชนํ อฺเนาฺํ ปฏิจรณํ. พหิทฺธา กถาปนามนา นาม ‘‘อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ วุตฺเต – ‘‘ปาฏลิปุตฺตํ คโตมฺหี’’ติอาทินา โจทนํ วิสฺสชฺเชตฺวาติ อยเมว วิเสโส. โย หิ ‘‘อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ วุตฺโต ‘‘โก อาปนฺโน, กึ อาปนฺโน, กิสฺมึ อาปนฺนา, กํ ภณถ, กึ ภณถา’’ติ วา วทติ, ‘‘เอวรูปํ กิฺจิ ตยา ทิฏฺ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘น สุณามี’’ติ โสตํ วา อุปเนติ, อยํ อฺเนาฺํ ปฏิจรติ นาม. โย ปน ‘‘อิตฺถนฺนามํ นาม อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ปาฏลิปุตฺตํ คโตมฺหี’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘น ตว ปาฏลิปุตฺตคมนํ ปุจฺฉาม, อาปตฺตึ ปุจฺฉามา’’ติ วุตฺเต ตโต ‘‘ราชคหํ คโตมฺหิ. ราชคหํ วา ยาหิ พฺราหฺมณคหํ วา, อาปตฺตึ อาปนฺโนสีติ. ตํ ตตฺถ เม สูกรมํสํ ลทฺธ’’นฺติอาทีนิ วทติ, อยํ พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ นาม . สมณกจวโรติ สมณเวสธารเณน สมณปฺปติรูปกตาย สมณานํ กจวรภูตํ.

การณฺฑวํ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๒๘๓-๒๘๔) นิทฺธมถาติ วิปนฺนสีลตาย กจวรภูตํ ปุคฺคลํ กจวรมิว อนเปกฺขา อปเนถ. กสมฺพุํ อปกสฺสถาติ กสมฺพุภูตฺจ นํ ขตฺติยาทีนํ มชฺฌคตํ ปภินฺนปคฺฆริตกุฏฺํ จณฺฑาลํ วิย อปกฑฺฒถ. กึ การณํ? สงฺฆาราโม นาม สีลวนฺตานํ กโต, น ทุสฺสีลานํ. ยโต เอตเทว สนฺธายาห ‘‘ตโต ปลาเป วาเหถ, อสฺสมเณ สมณมานิเน’’ติ. ยถา ปลาปา อนฺโตสารรหิตา อตณฺฑุลา พหิ ถุเสน วีหี วิย ทิสฺสนฺติ, เอวํ ปาปภิกฺขู อนฺโต สีลรหิตาปิ พหิ กาสาวาทิปริกฺขาเรน ภิกฺขู วิย ทิสฺสนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปลาปา’’ติ วุจฺจนฺติ. เต ปลาเป วาเหถ โอปุนถ วิธมถ, ปรมตฺถโต อสฺสมเณ สมณเวสมตฺเตน สมณมานิเน. กปฺปยวฺโหติ กปฺเปถ, กโรถาติ วุตฺตํ โหติ. ปติสฺสตาติ สปฺปติสฺสา. วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตํ กริสฺสถ, ปรินิพฺพานํ ปาปุณิสฺสถาติ อตฺโถ.

การณฺฑวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

เมตฺตาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.