📜
๒. มหาวคฺโค
๑. เวรฺชสุตฺตวณฺณนา
๑๑. ทุติยสฺส ปเม เวรฺชายํ วิหรตีติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑) เอตฺถ เวรฺชาติ ตสฺส นครสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺสํ เวรฺชายํ. สมีปตฺเถ ภุมฺมวจนํ. นเฬรุปุจิมนฺทมูเลติ เอตฺถ นเฬรุ นาม ยกฺโข. ปุจิมนฺโทติ นิมฺพรุกฺโข. มูลนฺติ สมีปํ. อยฺหิ มูล-สทฺโท ‘‘มูลานิ อุทฺธเรยฺย อนฺตมโส อุสีรนาฬิมตฺตานิปี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๙๕) มูลมูเล ทิสฺสติ. ‘‘โลโภ อกุสลมูล’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; ปริ. ๓๒๓) อสาธารณเหตุมฺหิ. ‘‘ยาว มชฺฌนฺหิเก กาเล ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูล’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๔๙๔) สมีเป. อิธ ปน สมีเป ¶ อธิปฺเปโต, ตสฺมา นเฬรุยกฺเขน อธิคฺคหิตสฺส ปุจิมนฺทสฺส สมีเปติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. โส กิร ปุจิมนฺโท รมณีโย ปาสาทิโก อเนเกสํ รุกฺขานํ อาธิปจฺจํ วิย กุรุมาโน ตสฺส นครสฺส อวิทูเร คมนาคมนสมฺปนฺเน าเน อโหสิ. อถ ภควา เวรฺชํ คนฺตฺวา ปติรูเป าเน วิหรนฺโต ¶ ตสฺส รุกฺขสฺส สมีเป เหฏฺาภาเค วิหาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เวรฺชายํ วิหรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเล’’ติ.
ปจฺจุฏฺานํ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๒) นาม อาสนา วุฏฺานนฺติ อาห ‘‘นาสนา วุฏฺาตี’’ติ. นิสินฺนาสนโต น วุฏฺหตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ชิณฺเณ…เป… วโยอนุปฺปตฺเตติ อุปโยควจนํ อาสนา วุฏฺานกิริยาเปกฺขํ น โหติ. ตสฺมา ‘‘ชิณฺเณ…เป… วโยอนุปฺปตฺเต ทิสฺวา’’ติ อชฺฌาหารํ กตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา ปจฺจุคฺคมนกิริยาเปกฺขํ อุปโยควจนํ, ตสฺมา น ปจฺจุฏฺาตีติ อุฏฺาย ปจฺจุคฺคมนํ น กโรตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปจฺจุคฺคมนมฺปิ หิ ปจฺจุฏฺานนฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อาจริยํ ปน ทูรโตว ทิสฺวา ปจฺจุฏฺาย ปจฺจุคฺคมนกรณํ ปจฺจุฏฺานํ นามา’’ติ. นาสนา วุฏฺาตีติ อิมินา ปน ปจฺจุคฺคมนาภาวสฺส อุปลกฺขณมตฺตํ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วิภาวเน นาม อตฺเถติ ปกติวิภาวนสงฺขาเต อตฺเถ. น อภิวาเทติ วาติ น อภิวาเทตพฺพนฺติ วา สลฺลกฺเขตีติ วุตฺตํ โหติ.
ตํ อฺาณนฺติ ‘‘อยํ มม อภิวาทนาทีนิ กาตุํ อรหรูโป น โหตี’’ติ อชานนวเสน ปวตฺตํ อฺาณํ. โอโลเกนฺโตติ ‘‘ทุกฺขํ โข อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, กึ นุ โข อหํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกเรยฺยํ ครุํ กเรยฺย’’นฺติอาทิสุตฺตวเสเนว (อ. นิ. ๔.๒๑) าณจกฺขุนา โอโลเกนฺโต. นิปจฺจการารหนฺติ ปณิปาตารหํ. สมฺปติชาโตติ มุหุตฺตชาโต, ชาตสมนนฺตรเมวาติ วุตฺตํ โหติ. อุตฺตเรน มุโขติ อุตฺตรทิสาภิมุโข. ‘‘สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา สกลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกสิ’’นฺติ อิทํ –
‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, สมฺปติชาโต โพธิสตฺโต สเมหิ ปาเทหิ ปติฏฺหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คจฺฉติ, เสตมฺหิ ฉตฺเต อนุธาริยมาเน สพฺพา ทิสา วิโลเกติ, อาสภิฺจ วาจํ ภาสตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๑) –
เอวํ ¶ ปาฬิยํ สตฺตปทวีติหารุปริ ิตสฺส วิย สพฺพาทิสานุโลกนสฺส กถิตตฺตา วุตฺตํ, น ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ สตฺตปทวีติหารโต ปเคว ทิสาวิโลกนสฺส กตตฺตา. มหาสตฺโต หิ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปุรตฺถิมํ ทิสํ โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํ. ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา, ‘‘มหาปุริส, อิธ ตุมฺเหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา, จตสฺโส อนุทิสา, เหฏฺา, อุปรีติ ทสปิ ทิสา อนุวิโลเกตฺวา อตฺตโน สทิสํ อทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตรทิสา’’ติ สตฺตปทวีติหาเรน ¶ อคมาสีติ เวทิตพฺพา. โอโลเกสินฺติ มม ปฺุานุภาเวน โลกวิวรณปาฏิหาริเย ชาเต ปฺายมานํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ มํสจกฺขุนาว โอโลเกสินฺติ อตฺโถ.
มหาปุริโสติ ชาติโคตฺตกุลปฺปเทสาทิวเสน มหนฺตปุริโส. อคฺโคติ คุเณหิ สพฺพปฺปธาโน. เชฏฺโติ คุณวเสเนว สพฺเพสํ วุทฺธตโม, คุเณหิ มหลฺลกตโมติ วุตฺตํ โหติ. เสฏฺโติ คุณวเสเนว สพฺเพสํ ปสตฺถตโม. อตฺถโต ปน ปจฺฉิมานิ ทฺเว ปุริมสฺเสว เววจนานีติ เวทิตพฺพํ. ตยาติ นิสฺสกฺเก กรณวจนํ. อุตฺตริตโรติ อธิกตโร. ปติมาเนสีติ ปูเชสิ. อาสภินฺติ อุตฺตมํ. มยฺหํ อภิวาทนาทิรโห ปุคฺคโลติ มยฺหํ อภิวาทนาทิกิริยาย อรโห อนุจฺฉวิโก ปุคฺคโล. นิจฺจสาเปกฺขตาย ปเนตฺถ สมาโส ทฏฺพฺโพ. ตถาคตาติ ตถาคตโต, ตถาคตสฺส สนฺติกาติ วุตฺตํ โหติ. เอวรูปนฺติ อภิวาทนาทิสภาวํ. ปริปากสิถิลพนฺธนนฺติ ปริปาเกน สิถิลพนฺธนํ.
ตํ วจนนฺติ ‘‘นาหํ ตํ พฺราหฺมณา’’ติอาทิวจนํ. ‘‘นาหํ อรสรูโป, มาทิสา วา อรสรูปา’’ติ วุตฺเต พฺราหฺมโณ ถทฺโธ ภเวยฺย. เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺตมุทุภาวชนนตฺถ’’นฺติ.
กตโม ปน โสติ ปริยายาเปกฺโข ปุลฺลิงฺคนิทฺเทโส, กตโม โส ปริยาโยติ อตฺโถ? ชาติวเสนาติ ขตฺติยาทิชาติวเสน. อุปปตฺติวเสนาติ เทเวสุ อุปปตฺติวเสน. เสฏฺสมฺมตานมฺปีติ อปิ-สทฺเทน ปเคว อเสฏฺสมฺมตานนฺติ ทสฺเสติ. อภินนฺทนฺตานนฺติ สปฺปีติกตณฺหาวเสน ปโมทมานานํ. รชฺชนฺตานนฺติ พลวราควเสน รชฺชนฺตานํ. รูปปริโภเคน อุปฺปนฺนตณฺหาสมฺปยุตฺตโสมนสฺสเวทนา รูปโต นิพฺพตฺติตฺวา หทยตปฺปนโต ¶ อมฺพรสาทโย วิย รูปรสาติ วุจฺจนฺติ. อาวิฺจนฺตีติ อากฑฺฒนฺติ. วตฺถารมฺมณาทิสามคฺคิยนฺติ วตฺถุอารมฺมณาทิการณสามคฺคิยํ. อนุกฺขิปนฺโตติ อตฺตุกฺกํสนวเสน กถิเต พฺราหฺมณสฺส อสปฺปายภาวโต อตฺตานํ อนุกฺขิปนฺโต อนุกฺกํเสนฺโต.
เอตสฺมึ ปนตฺเถ กรเณ สามิวจนนฺติ ‘‘ชหิตา’’ติ เอตสฺมึ อตฺเถ ตถาคตสฺสาติ กรเณ สามิวจนํ, ตถาคเตน ชหิตาติ อตฺโถ. มูลนฺติ ภวมูลํ. ‘‘ตาลวตฺถุกตา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘โอฏฺมุโข’’ติอาทีสุ วิย มชฺเฌปทโลปํ กตฺวา อ-การฺจ ทีฆํ กตฺวา ‘‘ตาลาวตฺถุกตา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตาลวตฺถุ วิย เนสํ วตฺถุ กตนฺติ ตาลาวตฺถุกตา’’ติ. ตตฺถ ตาลสฺส วตฺถุ ตาลวตฺถุ. ยถา อารามสฺส วตฺถุภูตปุพฺโพ ปเทโส อารามสฺส อภาเว ‘‘อารามวตฺถู’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ตาลสฺส ปติฏฺิโตกาโส สมูลํ อุทฺธริเต ตาเล ปเทสมตฺเต ิเต ¶ ตาลสฺส วตฺถุภูตปุพฺพตฺตา ‘‘ตาลวตฺถู’’ติ วุจฺจติ. เนสนฺติ รูปรสาทีนํ. กถํ ปน ตาลวตฺถุ วิย เนสํ วตฺถุ กตนฺติ อาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. รูปาทิปริโภเคน อุปฺปนฺนตณฺหายุตฺตโสมนสฺสเวทนาสงฺขาตรูปรสาทีนํ จิตฺตสนฺตานสฺส อธิฏฺานภาวโต วุตฺตํ ‘‘เตสํ ปุพฺเพ อุปฺปนฺนปุพฺพภาเวน วตฺถุมตฺเต จิตฺตสนฺตาเน กเต’’ติ. ตตฺถ ปุพฺเพติ ปุเร, สราคกาเลติ วุตฺตํ โหติ. ตาลาวตฺถุกตาติ วุจฺจนฺตีติ ตาลวตฺถุ วิย อตฺตโน วตฺถุสฺส กตตฺตา รูปรสาทโย ‘‘ตาลาวตฺถุกตา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอเตน ปหีนกิเลสานํ ปุน อุปฺปตฺติยา อภาโว ทสฺสิโต.
อวิรุฬฺหิธมฺมตฺตาติ อวิรุฬฺหิสภาวตาย. มตฺถกจฺฉินฺโน ตาโล ปตฺตผลาทีนํ อวตฺถุภูโต ตาลาวตฺถูติ อาห ‘‘มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย กตา’’ติ. เอเตน ‘‘ตาลาวตฺถุ วิย กตาติ ตาลาวตฺถุกตา’’ติ อยํ วิคฺคโห ทสฺสิโต. เอตฺถ ปน ‘‘อวตฺถุภูโต ตาโล วิย กตาติ อวตฺถุตาลกตา’’ติ วตฺตพฺเพ วิเสสนสฺส ปรนิปาตํ กตฺวา ‘‘ตาลาวตฺถุกตา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิมินา ปนตฺเถน อิทํ ทสฺเสติ – รูปรสาทิวจเนน วิปากธมฺมธมฺมา หุตฺวา ปุพฺเพ อุปฺปนฺนกุสลากุสลา ธมฺมา คหิตา, เต อุปฺปนฺนาปิ มตฺถกสทิสานํ ตณฺหาวิชฺชานํ มคฺคสตฺเถน ฉินฺนตฺตา อายตึ ตาลปตฺตสทิเส วิปากกฺขนฺเธ นิพฺพตฺเตตุํ อสมตฺถา ชาตา, ตสฺมา ตาลาวตฺถุ วิย กตาติ ตาลาวตฺถุกตา รูปรสาทโยติ ¶ . อิมสฺมึ อตฺเถ ‘‘อภินนฺทนฺตาน’’นฺติ อิมินา ปเทน กุสลโสมนสฺสมฺปิ สงฺคหิตนฺติ วทนฺติ. อนภาวํ กตาติ เอตฺถ อนุ-สทฺโท ปจฺฉาสทฺเทน สมานตฺโถติ อาห ‘‘ยถา เนสํ ปจฺฉาภาโว น โหตี’’ติอาทิ.
ยฺจ โข ตฺวํ สนฺธาย วเทสิ, โส ปริยาโย น โหตีติ ยํ วนฺทนาทิสามคฺคิรสาภาวสงฺขาตํ การณํ อรสรูปตาย วเทสิ, ตํ การณํ น โหติ, น วิชฺชตีติ อตฺโถ. นนุ จายํ พฺราหฺมโณ ยํ วนฺทนาทิสามคฺคิรสาภาวสงฺขาตปริยายํ สนฺธาย ‘‘อรสรูโป ภวํ โคตโม’’ติ อาห, ‘‘โส ปริยาโย นตฺถี’’ติ วุตฺเต วนฺทนาทีนิ ภควา กโรตีติ อาปชฺชตีติ อิมํ อนิฏฺปฺปสงฺคํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘นนุ จา’’ติอาทิ.
สพฺพปริยาเยสูติ สพฺพวาเรสุ. สนฺธายภาสิตมตฺตนฺติ ยํ สนฺธาย พฺราหฺมโณ ‘‘นิพฺโภโค ภวํ โคตโม’’ติอาทิมาห. ภควา จ ยํ สนฺธาย นิพฺโภคตาทึ อตฺตนิ อนุชานาติ, ตํ สนฺธายภาสิตมตฺตํ. ฉนฺทราคปริโภโคติ ฉนฺทราควเสน ปริโภโค. อปรํ ปริยายนฺติ อฺํ การณํ.
กุลสมุทาจารกมฺมนฺติ กุลาจารสงฺขาตํ กมฺมํ, กุลจาริตฺตนฺติ อตฺโถ. อกิริยนฺติ อกรณภาวํ ¶ . ‘‘อเนกวิหิตานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมาน’’นฺติ สามฺวจเนปิ ปาริเสสายโต วุตฺตาวเสสา อกุสลธมฺมา คเหตพฺพาติ อาห ‘‘เปตฺวา เต ธมฺเม’’ติอาทิ, เต ยถาวุตฺตกายทุจฺจริตาทิเก อกุสลธมฺเม เปตฺวาติ อตฺโถ. อเนกวิหิตาติ อเนกปฺปการา.
อยํ โลกตนฺตีติ อยํ วุฑฺฒานํ อภิวาทนาทิกิริยลกฺขณา โลกปฺปเวณี. อนาคามิพฺรหฺมานํ อลงฺการาทีสุ อนาคามิภิกฺขูนฺจ จีวราทีสุ นิกนฺติวเสน ราคุปฺปตฺติ โหตีติ อนาคามิมคฺเคน ปฺจกามคุณิกราคสฺเสว ปหานํ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปฺจกามคุณิกราคสฺสา’’ติ. รูปาทีสุ ปฺจสุ กามคุเณสุ วตฺถุกามโกฏฺาเสสุ อุปฺปชฺชมาโน ราโค ‘‘ปฺจกามคุณิกราโค’’ติ เวทิตพฺโพ. โกฏฺาสวจโน เหตฺถ ¶ คุณ-สทฺโท ‘‘วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๔) วิย. อกุสลจิตฺตทฺวยสมฺปยุตฺตสฺสาติ โทมนสฺสสหคตจิตฺตทฺวยสมฺปยุตฺตสฺส. โมหสฺส สพฺพากุสลสาธารณตฺตา อาห ‘‘สพฺพากุสลสมฺภวสฺสา’’ติ. อวเสสานนฺติ สกฺกายทิฏฺิอาทีนํ.
ชิคุจฺฉติ มฺเติ อหมภิชาโต รูปวา ปฺวา กถํ นาม อฺเสํ อภิวาทนาทึ กเรยฺยนฺติ ชิคุจฺฉติ วิย, ชิคุจฺฉตีติ วา สลฺลกฺเขมิ. อกุสลธมฺเม ชิคุจฺฉมาโน เตสํ สมงฺคิภาวมฺปิ ชิคุจฺฉตีติ วุตฺตํ ‘‘อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา ชิคุจฺฉตี’’ติ. สมาปตฺตีติ เอตสฺเสว เววจนํ สมาปชฺชนา สมงฺคิภาโวติ. มณฺฑนชาติโกติ มณฺฑนกสภาโว, มณฺฑนกสีโลติ อตฺโถ. เชคุจฺฉิตนฺติ ชิคุจฺฉนสีลตํ.
โลกเชฏฺกกมฺมนฺติ โลกเชฏฺกานํ กตฺตพฺพกมฺมํ, โลเก วา เสฏฺสมฺมตํ กมฺมํ. ตตฺราติ เตสุ ทฺวีสุปิ อตฺถวิกปฺเปสุ. ปทาภิหิโต อตฺโถ ปทตฺโถ, พฺยฺชนตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. วินยํ วา อรหตีติ เอตฺถ วินยนํ วินโย, นิคฺคณฺหนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘นิคฺคหํ อรหตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. นนุ จ ปมํ วุตฺเตสุ ทฺวีสุปิ อตฺถวิกปฺเปสุ สกตฺเถ อรหตฺเถ จ ตทฺธิตปจฺจโย สทฺทลกฺขณโต ทิสฺสติ, น ปน ‘‘วินยาย ธมฺมํ เทเสตี’’ติ อิมสฺมึ อตฺเถ. ตสฺมา กถเมตฺถ ตทฺธิตปจฺจโยติ อาห ‘‘วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺตี’’ติ. วิจิตฺรตา เจตฺถ โลกปฺปมาณโต เวทิตพฺพา. ตถา หิ ยสฺมึ ยสฺมึ อตฺเถ ตทฺธิตปฺปโยโค โลกสฺส, ตตฺถ ตตฺถ ตทฺธิตวุตฺติ โลกโต สิทฺธาติ วิจิตฺรา ตทฺธิตวุตฺติ, ตสฺมา ยถา ‘‘มา สทฺทมกาสี’’ติ วทนฺโต ‘‘มาสทฺทิโก’’ติ วุจฺจติ, เอวํ วินยาย ธมฺมํ เทเสตีติ เวนยิโกติ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย.
กปณปุริโสติ คุณวิรหิตตาย ทีนมนุสฺโส. พฺยฺชนานิ อวิจาเรตฺวาติ ติสฺสทตฺตาทิสทฺเทสุ ¶ วิย ‘‘อิมสฺมึ อตฺเถ อยํ นาม ปจฺจโย’’ติ เอวํ พฺยฺชนวิจารํ อกตฺวา, อนิปฺผนฺนปาฏิปทิกวเสนาติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘เทวโลกคพฺภสมฺปตฺติยา’’ติ วตฺวาปิ เปตฺวา ภุมฺมเทเว เสสเทเวสุ คพฺภคฺคหณสฺส อภาวโต ปฏิสนฺธิเยเวตฺถ คพฺภสมฺปตฺตีติ เวทิตพฺพาติ วุตฺตเมวตฺถํ วิวริตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เทวโลกปฏิสนฺธิปฏิลาภาย สํวตฺตตี’’ติ. อสฺสาติ อภิวาทนาทิสามีจิกมฺมสฺส. มาตุกุจฺฉิสฺมึ ¶ ปฏิสนฺธิคฺคหเณ โทสํ ทสฺเสนฺโตติ มาติโต อปริสุทฺธภาวํ ทสฺเสนฺโต, อกฺโกสิตุกามสฺส ทาสิยา ปุตฺโตติ ทาสิกุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตภาเว โทสํ ทสฺเสตฺวา อกฺโกสนํ วิย ภควโต มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธิคฺคหเณ โทสํ ทสฺเสตฺวา อกฺโกสนฺโตปิ เอวมาหาติ อธิปฺปาโย. คพฺภโตติ เทวโลกปฺปฏิสนฺธิโต. เตเนวาห ‘‘อภพฺโพ เทวโลกูปปตฺตึ ปาปุณิตุนฺติ อธิปฺปาโย’’ติ. ‘‘หีโน วา คพฺโภ อสฺสาติ อปคพฺโภ’’ติ อิมสฺส วิคฺคหสฺส เอเกน ปริยาเยน อธิปฺปายํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เทวโลกคพฺภปริพาหิรตฺตา อายตึ หีนคพฺภปฏิลาภภาคี’’ติ. อิติ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา อายติมฺปิ หีนคพฺภปฏิลาภภาคี, ตสฺมา หีโน วา คพฺโภ อสฺสาติ อปคพฺโภติ อธิปฺปาโย. ปุน ตสฺเสว วิคฺคหสฺส ‘‘โกธวเสน…เป… ทสฺเสนฺโต’’ติ เหฏฺา วุตฺตนยสฺส อนุรูปํ กตฺวา อธิปฺปายํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘หีโน วาสฺส มาตุกุจฺฉิสฺมึ คพฺภวาโส อโหสีติ อธิปฺปาโย’’ติ. คพฺภ-สทฺโท อตฺถิ มาตุกุจฺฉิปริยาโย ‘‘คพฺเภ วสติ มาณโว’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓) วิย. อตฺถิ มาตุกุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺตสตฺตปริยาโย ‘‘อนฺตมโส คพฺภปาตนํ อุปาทายา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๒๙) วิย. ตตฺถ มาตุกุจฺฉิปริยายํ คเหตฺวา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อนาคเต คพฺภเสยฺยา’’ติ. คพฺเภ เสยฺยา คพฺภเสยฺยา. อนุตฺตเรน มคฺเคนาติ อคฺคมคฺเคน. กมฺมกิเลสานํ มคฺเคน วิหตตฺตา อาห ‘‘วิหตการณตฺตา’’ติ. อิตรา ติสฺโสปีติ อณฺฑชสํเสทชโอปปาติกา. เอตฺถ จ ยทิปิ ‘‘อปคพฺโภ’’ติ อิมสฺส อนุรูปโต คพฺภเสยฺยา เอว วตฺตพฺพา, ปสงฺคโต ปน ลพฺภมานํ สพฺพมฺปิ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติปิ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.
อิทานิ สตฺตปริยายสฺส คพฺภ-สทฺทสฺส วเสน วิคฺคหนานตฺตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิ. อิมสฺมึ ปน วิกปฺเป คพฺภเสยฺยา ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ อุภยมฺปิ คพฺภเสยฺยวเสเนว วุตฺตนฺติปิ วทนฺติ. นนุ จ ‘‘อายตึ คพฺภเสยฺยา ปหีนา’’ติ วุตฺตตฺตา คพฺภสฺส เสยฺยา เอว ปหีนา, น ปน คพฺโภติ อาปชฺชตีติ อาห ‘‘ยถา จา’’ติอาทิ. อถ ‘‘อภินิพฺพตฺตี’’ติ เอตฺตกเมว อวตฺวา ปุนพฺภวคฺคหณํ กิมตฺถนฺติ อาห ‘‘อภินิพฺพตฺติ จ นามา’’ติอาทิ. อปุนพฺภวภูตาติ ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชมานานํ ธมฺมานํ อภินิพฺพตฺติ.
ธมฺมธาตุนฺติ ¶ ¶ เอตฺถ ธมฺเม อนวเสเส ธาเรติ ยาถาวโต อุปธาเรตีติ ธมฺมธาตุ, ธมฺมานํ ยถาสภาวโต อวพุชฺฌนสภาโว, สพฺพฺุตฺาณสฺเสตํ อธิวจนํ. ปฏิวิชฺฌิตฺวาติ สจฺฉิกตฺวา, ปฏิลภิตฺวาติ อตฺโถ, ปฏิลาภเหตูติ วุตฺตํ โหติ. เทสนาวิลาสปฺปตฺโต โหตีติ รุจิวเสน ปริวตฺเตตฺวา ทสฺเสตุํ สมตฺถตา เทสนาวิลาโส, ตํ ปตฺโต อธิคโตติ อตฺโถ. กรุณาวิปฺผารนฺติ สพฺพสตฺเตสุ มหากรุณาย ผรณํ. ตาทิลกฺขณเมว ปุน อุปมาย วิภาเวตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปถวีสมจิตฺตต’’นฺติ. ยถา ปถวี สุจิอสุจินิกฺเขปจฺเฉทนเภทนาทีสุ น วิกมฺปติ, อนุโรธวิโรธํ น ปาปุณาติ, เอวํ อิฏฺานิฏฺเสุ ลาภาลาภาทีสุ อนุโรธวิโรธปฺปหานโต อวิกมฺปิตจิตฺตตาย ปถวีสมจิตฺตตนฺติ อตฺโถ. อกุปฺปธมฺมตนฺติ เอตฺถ อกุปฺปธมฺโม นาม ผลสมาปตฺตีติ เกจิ วทนฺติ. ‘‘ปเรสุ ปน อกฺโกสนฺเตสุปิ อตฺตโน ปถวีสมจิตฺตตาย อกุปฺปนสภาวตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ’’ติ อมฺหากํ ขนฺติ. ชราย อนุสฏนฺติ ชราย ปลิเวิตํ. พฺราหฺมณสฺส วุทฺธตาย อาสนฺนวุตฺติมรณนฺติ สมฺภาวนวเสน ‘‘อชฺช มริตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘มหนฺเตน โข ปน อุสฺสาเหนา’’ติ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ เอวํ สฺชาตมหุสฺสาเหน. อปฺปฏิสมํ ปุเรชาตภาวนฺติ อนฺสาธารณํ ปุเรชาตภาวํ. นตฺถิ เอตสฺส ปฏิสโมติ อปฺปฏิสโม, ปุเรชาตภาโว.
ปกฺเข วิธุนนฺตาติ ปตฺเต จาเลนฺตา. นิกฺขมนฺตานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ, นิกฺขนฺเตสูติ อตฺโถ.
โส เชฏฺโ อิติ อสฺส วจนีโยติ โย ปมตรํ อณฺฑโกสโต นิกฺขนฺโต กุกฺกุฏโปตโก, โส เชฏฺโติ วจนีโย อสฺส, ภเวยฺยาติ อตฺโถ. สมฺปฏิปาเทนฺโตติ สํสนฺเทนฺโต. ติภูมปริยาปนฺนาปิ สตฺตา อวิชฺชาโกสสฺส อนฺโต ปวิฏฺา ตตฺถ ตตฺถ อปฺปหีนาย อวิชฺชาย เวิตตฺตาติ อาห ‘‘อวิชฺชาโกสสฺส อนฺโต ปวิฏฺเสุ สตฺเตสู’’ติ อณฺฑโกสนฺติ พีชกปาลํ. โลกสนฺนิวาเสติ โลโกเยว สงฺคมฺม สมาคมฺม นิวาสนฏฺเน โลกสนฺนิวาโส, สตฺตนิกาโย. สมฺมาสมฺโพธินฺติ เอตฺถ สมฺมาติ อวิปรีตตฺโถ, สํ-สทฺโท สามนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ตสฺมา สมฺมา อวิปรีเตนากาเรน ¶ สยเมว จตฺตาริ สจฺจานิ พุชฺฌติ ปฏิวิชฺฌตีติ สมฺมาสมฺโพธีติ มคฺโค วุจฺจติ. เตนาห ‘‘สมฺมา สามฺจ โพธิ’’นฺติ, สมฺมา สยเมว จ พุชฺฌนกนฺติ อตฺโถ. สมฺมาติ วา ปสตฺถวจโน, สํ-สทฺโท สุนฺทรวจโนติ อาห ‘‘อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรฺจ โพธิ’’นฺติ.
อสพฺพคุณทายกตฺตาติ สพฺพคุณานํ อทายกตฺตา. สพฺพคุเณ น ททาตีติ หิ อสพฺพคุณทายโก ¶ , อสมตฺถสมาโสยํ คมกตฺตา ยถา ‘‘อสูริยปสฺสานิ มุขานี’’ติ. ติสฺโส วิชฺชาติ อุปนิสฺสยวโต สเหว อรหตฺตผเลน ติสฺโส วิชฺชา เทติ. นนุ เจตฺถ ตีสุ วิชฺชาสุ อาสวกฺขยาณสฺส มคฺคปริยาปนฺนตฺตา กถเมตํ ยุชฺชติ ‘‘มคฺโค ติสฺโส วิชฺชา เทตี’’ติ? นายํ โทโส. สติปิ อาสวกฺขยาณสฺส มคฺคปริยาปนฺนภาเว อฏฺงฺคิเก มคฺเค สติ มคฺคาเณน สทฺธึ ติสฺโส วิชฺชา ปริปุณฺณา โหนฺตีติ ‘‘มคฺโค ติสฺโส วิชฺชา เทตี’’ติ วุจฺจติ. ฉ อภิฺาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สาวกปารมิาณนฺติ อคฺคสาวเกหิ ปฏิลภิตพฺพเมว โลกิยโลกุตฺตราณํ. ปจฺเจกโพธิาณนฺติ เอตฺถาปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อพฺภฺาสินฺติ ชานึ. ชานนฺจ น อนุสฺสวาทิวเสนาติ อาห ‘‘ปฏิวิชฺฌิ’’นฺติ, ปจฺจกฺขมกาสินฺติ อตฺโถ. ปฏิเวโธปิ น ทูเร ิตสฺส ลกฺขณปฺปฏิเวโธ วิยาติ อาห ‘‘ปตฺโตมฺหี’’ติ, ปาปุณินฺติ อตฺโถ. ปาปุณนฺจ น สยํ คนฺตฺวาติ อาห ‘‘อธิคโตมฺหี’’ติ, สนฺตาเน อุปฺปาทนวเสน ปฏิลภินฺติ อตฺโถ.
โอปมฺมสมฺปฏิปาทนนฺติ โอปมฺมตฺถสฺส อุปเมยฺเยน สมฺมเทว ปฏิปาทนํ. อตฺเถนาติ อุปเมยฺยตฺเถน. ยถา กุกฺกุฏิยา อณฺเฑสุ ติวิธกิริยากรณํ กุกฺกุฏจฺฉาปกานํ อณฺฑโกสโต นิกฺขมนสฺส มูลการณํ, เอวํ โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนากรณํ อวิชฺชณฺฑโกสโต นิกฺขมนสฺส มูลการณนฺติ อาห ‘‘ยถา หิ ตสฺสา กุกฺกุฏิยา…เป… ติวิธานุปสฺสนากรณ’’นฺติ. ‘‘สนฺตาเน’’ติ วุตฺตตฺตา อณฺฑสทิสตา สนฺตานสฺส, พหิ นิกฺขนฺตกุกฺกุฏจฺฉาปกสทิสตา พุทฺธคุณานํ, พุทฺธคุณาติ จ อตฺถโต พุทฺโธเยว ‘‘ตถาคตสฺส โข เอตํ, วาเสฏฺ, อธิวจนํ ธมฺมกาโย อิติปี’’ติ วจนโต. อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโวติ พลววิปสฺสนาวเสน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโว, ปฏิจฺฉาทนสามฺเน จ อวิชฺชาย อณฺฑโกสสทิสตา. มุทุภูตสฺสปิ ขรภาวาปตฺติ โหตีติ ¶ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ถทฺธขรภาโว’’ติ วุตฺตํ. ติกฺขขรวิปฺปสนฺนสูรภาโวติ เอตฺถ ปริคฺคยฺหมาเนสุ สงฺขาเรสุ วิปสฺสนาาณสฺส สมาธินฺทฺริยวเสน สุขานุปฺปเวโส ติกฺขตา, อนุปวิสิตฺวาปิ สตินฺทฺริยวเสน อนติกฺกมนโต อกุณฺตา ขรภาโว. ติกฺโขปิ หิ เอกจฺโจ สโร ลกฺขํ ปตฺวา กุณฺโ โหติ, น ตถา อิทํ. สติปิ ขรภาเว สุขุมปฺปวตฺติวเสน กิเลสสมุทาจารสงฺโขภรหิตตาย สทฺธินฺทฺริยวเสน ปสนฺนภาโว, สติปิ ปสนฺนภาเว อนฺตรา อโนสกฺกิตฺวา กิเลสปจฺจตฺถิกานํ สุฏฺุ อภิภวนโต วีริยินฺทฺริยวเสน สูรภาโว เวทิตพฺโพ. เอวมิเมหิ ปกาเรหิ สงฺขารุเปกฺขาาณเมว คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วิปสฺสนาาณสฺส ปริณามกาโลติ วิปสฺสนาย วุฏฺานคามินิภาวาปตฺติ. ตทา จ สา มคฺคาณคพฺภํ ธาเรนฺตี วิย โหตีติ อาห ‘‘คพฺภคฺคหณกาโล’’ติ. คพฺภํ คณฺหาเปตฺวาติ สงฺขารุเปกฺขาย อนนฺตรํ สิขาปฺปตฺตอนุโลมวิปสฺสนาวเสน มคฺควิชายนตฺถํ คพฺภํ คณฺหาเปตฺวา. อภิฺาปกฺเขติ ¶ โลกิยาภิฺาปกฺเข. โลกุตฺตราภิฺา หิ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาลิตา. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘ฉาภิฺาปกฺเข’’ติ ลิขนฺติ, โส อปาโติ เวทิตพฺโพ.
เชฏฺโ เสฏฺโติ วุทฺธตมตฺตา เชฏฺโ, สพฺพคุเณหิ อุตฺตมตฺตา ปสตฺถตโมติ เสฏฺโ.
อิทานิ ‘‘อารทฺธํ โข ปน เม, พฺราหฺมณ, วีริย’’นฺติอาทิกาย เทสนาย อนุสนฺธึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอวํ ภควา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปุพฺพภาคโต ปภุตีติ ภาวนาย ปุพฺพภาคียวีริยารมฺภาทิโต ปฏฺาย. มุฏฺสฺสตินาติ วินฏฺสฺสตินา, สติวิรหิเตนาติ อตฺโถ. สารทฺธกาเยนาติ สทรถกาเยน. โพธิมณฺเฑติ โพธิสงฺขาตสฺส าณสฺส มณฺฑภาวปฺปตฺเต าเน. โพธีติ หิ ปฺา วุจฺจติ. สา เอตฺถ มณฺฑา ปสนฺนา ชาตาติ โส ปเทโส ‘‘โพธิมณฺโฑ’’ติ ปฺาโต. ปคฺคหิตนฺติ อารมฺภํ สิถิลํ อกตฺวา ทฬฺหปรกฺกมสงฺขาตุสฺสหนภาเวน คหิตํ. เตนาห ‘‘อสิถิลปฺปวตฺติต’’นฺติ. อสลฺลีนนฺติ อสงฺกุจิตํ โกสชฺชวเสน สงฺโกจํ อนาปนฺนํ. อุปฏฺิตาติ โอคาหนสงฺขาเตน อปิลาปนภาเวน อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ิตา. เตนาห ‘‘อารมฺมณาภิมุขีภาเวนา’’ติ. สมฺโมสสฺส วิทฺธํสนวเสน ปวตฺติยา น สมฺมุฏฺาติ อสมฺมุฏฺา. กิฺจาปิ จิตฺตปฺปสฺสทฺธิวเสน จิตฺตเมว ปสฺสทฺธํ, กายปฺปสฺสทฺธิวเสเนว จ กาโย ปสฺสทฺโธ โหติ ¶ , ตถาปิ ยสฺมา กายปฺปสฺสทฺธิ อุปฺปชฺชมานา จิตฺตปฺปสฺสทฺธิยา สเหว อุปฺปชฺชติ, น วินา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กายจิตฺตปฺปสฺสทฺธิวเสนา’’ติ. กายปฺปสฺสทฺธิยา อุภเยสมฺปิ กายานํ ปสฺสมฺภนาวหตฺตา วุตฺตํ ‘‘รูปกาโยปิ ปสฺสทฺโธเยว โหตี’’ติ.
โส จ โขติ โส จ โข กาโย. วิคตทรโถติ วิคตกิเลสทรโถ. นามกาเย หิ วิคตทรเถ รูปกาโยปิ วูปสนฺตทรถปริฬาโห โหติ. สมฺมา อาหิตนฺติ นานารมฺมเณสุ วิธาวนสงฺขาตํ วิกฺเขปํ วิจฺฉินฺทิตฺวา เอกสฺมึเยว อารมฺมเณ อวิกฺขิตฺตภาวาปาทเนน สมฺมเทว อาหิตํ ปิตํ. เตนาห ‘‘สุฏฺุ ปิต’’นฺติอาทิ. จิตฺตสฺส อเนกคฺคภาโว วิกฺเขปวเสน จฺจลตา, สา สติ เอกคฺคตาย น โหตีติ อาห ‘‘เอกคฺคํ อจลํ นิปฺผนฺทน’’นฺติ. เอตฺตาวตาติ ‘‘อารทฺธํ โข ปนา’’ติอาทินา วีริยสติปสฺสทฺธิสมาธีนํ กิจฺจสิทฺธิทสฺสเนน. นนุ จ สทฺธาปฺานมฺปิ กิจฺจสิทฺธิ ฌานสฺส ปุพฺพภาคปฺปฏิปทาย อิจฺฉิตพฺพาติ? สจฺจํ, สา ปน นานนฺตริกภาเวน อวุตฺตสิทฺธาติ น คหิตา. อสติ หิ สทฺธาย วีริยารมฺภาทีนํ อสมฺภโวเยว, ปฺาปริคฺคเห จ เนสํ อสติ ายารมฺภาทิภาโว น สิยา, ตถา อสลฺลีนาสมฺโมสตาทโย วีริยาทีนนฺติ อสลฺลีนตาทิคฺคหเณเนเวตฺถ ปฺากิจฺจสิทฺธิ ¶ คหิตาติ ทฏฺพฺพํ. ฌานภาวนายํ วา สมาธิกิจฺจํ อธิกํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ สมาธิปริโยสานาว ฌานสฺส ปุพฺพภาคปฺปฏิปทา กถิตาติ ทฏฺพฺพํ.
อตีตภเว ขนฺธา ตปฺปฏิพทฺธานิ นามโคตฺตานิ จ สพฺพํ ปุพฺเพนิวาสํตฺเวว คหิตนฺติ อาห ‘‘กึ วิทิตํ กโรติ? ปุพฺเพนิวาส’’นฺติ. โมโห ปฏิจฺฉาทกฏฺเน ตโม วิย ตโมติ อาห ‘‘สฺเวว โมโห’’ติ. โอภาสกรณฏฺเนาติ กาตพฺพโต กรณํ. โอภาโสว กรณํ โอภาสกรณํ. อตฺตโน ปจฺจเยหิ โอภาสภาเวน นิพฺพตฺเตตพฺพฏฺเนาติ อตฺโถ. เสสํ ปสํสาวจนนฺติ ปฏิปกฺขวิธมนปวตฺติวิเสสานํ โพธนโต วุตฺตํ. อวิชฺชา วิหตาติ เอเตน วิชานนฏฺเน วิชฺชาติ อยมฺปิ อตฺโถ ทีปิโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนา’’ติ เอเตน วิชฺชาปฏิปกฺขา อวิชฺชา. ปฏิปกฺขตา จสฺสา ปหาตพฺพภาเวน วิชฺชาย จ ปหายกภาเวนาติ ทสฺเสติ. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเยติ อิมินา ‘‘ตโม วิหโต วินฏฺโ. กสฺมา? ยสฺมา อาโลโก อุปฺปนฺโน’’ติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. กิเลสานํ อาตาปนปริตาปนฏฺเน ¶ วีริยํ อาตาโปติ อาห ‘‘วีริยาตาเปน อาตาปิโน’’ติ, วีริยวโตติ อตฺโถ. เปสิตตฺตสฺสาติ ยถาธิปฺเปตตฺถสิทฺธึ ปติ วิสฺสฏฺจิตฺตสฺส. ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโตติ อฺสฺสปิ กสฺสจิ มาทิสสฺสาติ อธิปฺปาโย. ปธานานุโยคสฺสาติ สมฺมปฺปธานมนุยุตฺตสฺส.
ปจฺจเวกฺขณาณปริคฺคหิตนฺติ น ปมทุติยาณทฺวยาธิคมํ วิย เกวลนฺติ อธิปฺปาโย. ทสฺเสนฺโตติ นิคมนวเสน ทสฺเสนฺโต. สรูปโต หิ ปุพฺเพ ทสฺสิตเมวาติ.
ติกฺขตฺตุํ ชาโตติ อิมินา ปน อิทํ ทสฺเสติ – ‘‘อหํ, พฺราหฺมณ, ปมวิชฺชาย ชาโตเยว ปุเรชาตสฺส สหชาตสฺส วา อภาวโต สพฺเพสํ วุทฺโธ มหลฺลโก, กิมงฺคํ ปน ตีหิ วิชฺชาหิ ติกฺขตฺตุํ ชาโต’’ติ. ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตํสาณนฺติ อตีตารมฺมณสภาคตาย ตพฺภาวิภาวโต จ ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตํสาณํ ปกาเสตฺวาติ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ อตีตํสาณนฺติ อตีตกฺขนฺธายตนธาตุสงฺขาเต อตีเต โกฏฺาเส อปฺปฏิหตาณํ. ทิพฺพจกฺขุาณสฺส ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตฺตา ยถากมฺมูปคาณสฺส อนาคตํสาณสฺส จ ทิพฺพจกฺขุวเสเนว อิชฺฌนโต ทิพฺพจกฺขุโน ปริภณฺฑาณตฺตา ทิพฺพจกฺขุมฺหิเยว จ ิตสฺส เจโตปริยาณสิทฺธิโต วุตฺตํ ‘‘ทิพฺพจกฺขุนา ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสาณ’’นฺติ. ตตฺถ ทิพฺพจกฺขุนาติ สปริภณฺเฑน ทิพฺพจกฺขุาเณน. ปจฺจุปฺปนฺนํโส จ อนาคตํโส จ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสํ, ตตฺถ าณํ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสาณํ. อาสวกฺขยาณาธิคเมเนว สพฺพฺุตฺาณสฺส วิย เสสาสาธารณฉาณทสพลาณอาเวณิกพุทฺธธมฺมาทีนมฺปิ ¶ อนฺสาธารณานํ พุทฺธคุณานํ อิชฺฌนโต วุตฺตํ ‘‘อาสวกฺขเยน สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณ’’นฺติ. เตนาห ‘‘สพฺเพปิ สพฺพฺุคุเณ ปกาเสตฺวา’’ติ.
ปีติวิปฺผารปริปุณฺณคตฺตจิตฺโตติ ปีติผรเณน ปริปุณฺณกายจิตฺโต. อฺาณนฺติ อฺาณสฺสาติ อตฺโถ. ธิ-สทฺทโยคโต หิ สามิอตฺเถ เอตํ อุปโยควจนํ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
เวรฺชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สีหสุตฺตวณฺณนา
๑๒. ทุติเย ¶ สนฺถาคารํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๒๔๓) นาม เอกา มหาสาลาว. อุยฺโยคกาลาทีสุ หิ ราชาโน ตตฺถ ตฺวา ‘‘เอตฺตกา ปุรโต คจฺฉนฺตุ, เอตฺตกา ปจฺฉา’’ติอาทินา ตตฺถ นิสีทิตฺวา สนฺถํ กโรนฺติ, มริยาทํ พนฺธนฺติ, ตสฺมา ตํ านํ ‘‘สนฺถาคาร’’นฺติ วุจฺจติ. อุยฺโยคฏฺานโต จ อาคนฺตฺวา ยาว เคเห โคมยปริภณฺฑาทิวเสน ปฏิชคฺคนํ กโรนฺติ, ตาว เอกํ ทฺเว ทิวเส เต ราชาโน ตตฺถ สนฺถมฺภนฺตีติปิ สนฺถาคารํ. เตสํ ราชูนํ สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติปิ สนฺถาคารํ. คณราชาโน หิ เต, ตสฺมา อุปฺปนฺนํ กิจฺจํ เอกสฺส วเสน น สิชฺฌติ, สพฺเพสํ ฉนฺโท ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา สพฺเพ ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา อนุสาสนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สห อตฺถานุสาสนํ อคาร’’นฺติ. ยสฺมา วา ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อิมสฺมึ กาเล กสิตุํ วฏฺฏติ, อิมสฺมึ กาเล วปิตุ’’นฺติอาทินา นเยน ฆราวาสกิจฺจานิ สมฺมนฺตยนฺติ, ตสฺมา ฉิทฺทาวฉิทฺทํ ฆราวาสํ สนฺถรนฺตีติปิ สนฺถาคารํ.
ปุตฺตทารธนาทิอุปกรณปริจฺจาโค ปารมิโย. อตฺตโน องฺคปริจฺจาโค อุปปารมิโย. อตฺตโนว ชีวิตปริจฺจาโค ปรมตฺถปารมิโย. าตีนํ อตฺถจริยา าตตฺถจริยา. โลกสฺส อตฺถจริยา โลกตฺถจริยา. กมฺมสฺสกตาณวเสน อนวชฺชกมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาฏฺานปริจยวเสน ขนฺธายตนาทิปริจยวเสน ลกฺขณตฺตยตีรณวเสน จ าณจาโร พุทฺธจริยา. องฺคนยนธนรชฺชปุตฺตทารปริชฺชาควเสน ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺเตน. สติปิ มหาปริจฺจาคานํ ทานปารมิภาเว ปริจฺจาควิเสสสภาวทสฺสนตฺถฺเจว สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถฺจ ปฺจมหาปริจฺจาคานํ วิสุํ คหณํ, ตโตเยว จ องฺคปริจฺจาคโต วิสุํ นยนปริจฺจาคคฺคหณํ. ปริจฺจาคภาวสามฺเปิ ¶ ธนรชฺชปริจฺจาคโต ปุตฺตทารปริจฺจาคคฺคหณฺจ วิสุํ กตํ. ปพฺพชฺชาว สงฺเขโป.
สตฺตสุ อนุปสฺสนาสูติ อนิจฺจานุปสฺสนา, ทุกฺขานุปสฺสนา, อนตฺตานุปสฺสนา, นิพฺพิทานุปสฺสนา, วิราคานุปสฺสนา, นิโรธานุปสฺสนา, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาติ อิมาสุ สตฺตสุ อนุปสฺสนาสุ.
อนุวิจฺจการนฺติ ¶ อเวจฺจกรณํ. ทฺวีหิ การเณหิ อนิยฺยานิกสาสเน ิตา อตฺตโน สาวกตฺตํ อุปคเต ปคฺคณฺหนฺติ, ตานิ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อนุปุพฺพึ กถนฺติ (ที. นิ. ฏี. ๒.๗๕-๗๖) อนุปุพฺพํ กเถตพฺพกถํ. กา ปน สาติ? ทานาทิกถา. ตตฺถ ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสตฺตสาธารณตฺตา สุกรตฺตา สีเล ปติฏฺานสฺส อุปายภาวโต จ อาทิโต กถิตา. ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหวตฺถูสุ นิสฺสงฺคภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฏฺิโต โหติ. สีเลน ทายกปฺปฏิคฺคาหกวิสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต กิริยาธมฺมํ วตฺวา อกิริยาธมฺมวจนโต, โภคสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กถิตา. ‘‘ตฺจ สีลํ วฏฺฏนิสฺสิตํ, อยํ ภวสมฺปตฺติ ตสฺส ผล’’นฺติ ทสฺสนตฺถํ. ‘‘อิเมหิ จ ทานสีลมเยหิ ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺเนหิ ปฺุกิริยวตฺถูหิ เอตา จาตุมหาราชิกาทีสุ ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺนา อปริเมยฺยา ทิพฺพโภคสมฺปตฺติโย ลทฺธพฺพา’’ติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สคฺคกถา. ‘‘สฺวายํ สคฺโค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺโ, สพฺพถานุปกฺกิลิฏฺโ อริยมคฺโค’’ติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคานนฺตรํ มคฺโค, มคฺคฺจ กเถนฺเตน ตทธิคมูปายสนฺทสฺสนตฺถํ สคฺคปริยาปนฺนาปิ ปเคว อิตเร สพฺเพปิ กามา นาม พหฺวาทีนวา อนิจฺจา อทฺธุวา วิปริณามธมฺมาติ กามานํ อาทีนโว. ‘‘หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสํหิตา’’ติ เตสํ โอกาโร ลามกภาโว. สพฺเพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ ตตฺถ สํกิเลโส. สพฺพโส สํกิเลสวิปฺปมุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขมฺเม อานิสํโส จ กเถตพฺโพติ อยมตฺโถ มคฺคนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺเทน อาทิ-อตฺเถน ทีปิโตติ เวทิตพฺพํ.
สุขานํ นิทานนฺติ ทิฏฺธมฺมิกานํ สมฺปรายิกานํ นิพฺพานุปสํหิตานฺจาติ สพฺเพสมฺปิ สุขานํ การณํ. ยฺหิ กิฺจิ โลเก โภคสุขํ นาม, ตํ สพฺพํ ทานาธีนนฺติ ปากโฏยมตฺโถ. ยํ ปน ฌานวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานปฺปฏิสํยุตฺตํ สุขํ, ตสฺสปิ ทานํ อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติเยว ¶ . สมฺปตฺตีนํ มูลนฺติ ยา อิมา โลเก ปเทสรชฺชสิริสฺสริยสตฺตรตนสมุชฺชลจกฺกวตฺติสมฺปทาติ เอวํปเภทา มานุสิกา สมฺปตฺติโย, ยา จ จาตุมหาราชิกาทิคตา ทิพฺพสมฺปตฺติโย, ยา วา ปนฺาปิ สมฺปตฺติโย ¶ , ตาสํ สพฺพาสํ อิทํ มูลการณํ. โภคานนฺติ ภฺุชิตพฺพฏฺเน ‘‘โภโค’’ติ ลทฺธนามานํ ปิยมนาปิยรูปาทีนํ ตนฺนิสฺสยานํ วา อุปโภคสุขานํ ปติฏฺา นิจฺจลาธิฏฺานตาย. วิสมคตสฺสาติ พฺยสนปฺปตฺตสฺส. ตาณนฺติ รกฺขา, ตโต ปริปาลนโต. เลณนฺติ พฺยสเนหิ ปริปาติยมานสฺส โอลียนปฺปเทโส. คตีติ คนฺตพฺพฏฺานํ. ปรายณนฺติ ปฏิสรณํ. อวสฺสโยติ วินิปติตุํ อเทนฺโต นิสฺสโย. อารมฺมณนฺติ โอลุพฺภารมฺมณํ.
รตนมยสีหาสนสทิสนฺติ สพฺพรตนมยสตฺตงฺคมหาสีหาสนสทิสํ. เอวํ หิสฺส มหคฺฆํ หุตฺวา สพฺพโส วินิปติตุํ อปฺปทานฏฺโ ทีปิโต โหติ. มหาปถวีสทิสํ คตคตฏฺาเน ปติฏฺานสฺส ลภาปนโต. ยถา ทุพฺพลสฺส ปุริสสฺส อาลมฺพนรชฺชุ อุตฺติฏฺโต ติฏฺโต จ อุปตฺถมฺโภ, เอวํ ทานํ สตฺตานํ สมฺปตฺติภเว อุปปตฺติยา ิติยา จ ปจฺจโยติ อาห ‘‘อาลมฺพนฏฺเน อาลมฺพนรชฺชุสทิส’’นฺติ. ทุกฺขนิตฺถรณฏฺเนาติ ทุคฺคติทุกฺขฏฺานนิตฺถรณฏฺเน. สมสฺสาสนฏฺเนาติ โลภมจฺฉริยาทิปฏิสตฺตุปทฺทวโต สมสฺสาสนฏฺเน. ภยปริตฺตาณฏฺเนาติ ทาลิทฺทิยภยโต ปริปาลนฏฺเน. มจฺเฉรมลาทีหีติ มจฺเฉรโลภโทสมทอิสฺสามิจฺฉาทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทิจิตฺตมเลหิ. อนุปลิตฺตฏฺเนาติ อนุปกฺกิลิฏฺตาย. เตสนฺติ มจฺเฉรมลาทีนํ. เตสํ เอว ทุราสทฏฺเน. อสนฺตาสนฏฺเนาติ สนฺตาสเหตุอภาเวน. โย หิ ทายโก ทานปติ, โส สมฺปติปิ น กุโตจิ สนฺตสติ, ปเคว อายตึ. พลวนฺตฏฺเนาติ มหาพลวตาย. ทายโก หิ ทานปติ สมฺปติ ปกฺขพเลน พลวา โหติ, อายตึ ปน กายพลาทีหิปิ. อภิมงฺคลสมฺมตฏฺเนาติ ‘‘วฑฺฒิการณ’’นฺติ อภิสมฺมตภาเวน. วิปตฺติภวโต สมฺปตฺติภวูปนยนํ เขมนฺตภูมิสมฺปาปนํ.
อิทานิ มหาโพธิจริยภาเวนปิ ทานคุณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทานํ นาเมต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อตฺตานํ นิยฺยาเตนฺเตนาติ เอเตน ‘‘ทานผลํ สมฺมเทว ปสฺสนฺตา มหาปุริสา อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชนฺติ, ตสฺมา โก นาม วิฺุชาติโก พาหิเร วตฺถุสฺมึ ปเคว สงฺคํ กเรยฺยา’’ติ โอวาทํ เทติ. อิทานิ ยา โลกิยา โลกุตฺตรา จ อุกฺกํสคตา สมฺปตฺติโย, ตา สพฺพา ทานโตเยว ปวตฺตนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทานฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ สกฺกมารพฺรหฺมสมฺปตฺติโย อตฺตหิตาย เอว, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติ ปน อตฺตหิตาย ปรหิตาย จาติ ทสฺเสตุํ สา ตาสํ ปรโต จกฺกวตฺติสมฺปตฺติ วุตฺตา. เอตา โลกิยา, อิมา ปน โลกุตฺตราติ ทสฺเสตุํ ‘‘สาวกปารมิาณ’’นฺติอาทิ ¶ วุตฺตํ. ตาสุปิ อุกฺกฏฺุกฺกฏฺตรุกฺกฏฺตมตํ ทสฺเสตุํ กเมน าณตฺตยํ วุตฺตํ. เตสํ ปน ทานสฺส ปจฺจยภาโว เหฏฺา วุตฺโตเยว. เอเตเนว ตสฺส พฺรหฺมสมฺปตฺติยาปิ ปจฺจยภาโว ทีปิโตติ เวทิตพฺโพ.
ทานฺจ นาม ทกฺขิเณยฺเยสุ หิตชฺฌาสเยน ปูชนชฺฌาสเยน วา อตฺตโน สนฺตกสฺส ปเรสํ ปริจฺจชนํ, ตสฺมา ทายโก ปุริสปุคฺคโล ปเร หนฺติ, ปเรสํ วา สนฺตกํ หรตีติ อฏฺานเมตนฺติ อาห ‘‘ทานํ เทนฺโต สีลํ สมาทาตุํ สกฺโกตี’’ติ. สีลาลงฺการสทิโส อลงฺกาโร นตฺถิ โสภาวิเสสาวหตฺตา สีลสฺส. สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สีลคนฺธสทิโส คนฺโธ นตฺถีติ เอตฺถ ‘‘จนฺทนํ ตครํ วาปี’’ติอาทิกา (ธ. ป. ๕๕) คาถา – ‘‘คนฺโธ อิสีนํ จิรทิกฺขิตานํ, กายา จุโต คจฺฉติ มาลุเตนา’’ติอาทิกา (ชา. ๒.๑๗.๕๕) ชาตกคาถาโย จ อาหริตฺวา วตฺตพฺพา. สีลฺหิ สตฺตานํ อาภรณฺเจว อลงฺกาโร จ คนฺธวิเลปนฺจ ปรสฺส ทสฺสนียภาวาวหฺจ. เตนาห ‘‘สีลาลงฺกาเรน หี’’ติอาทิ.
อยํ สคฺโค ลพฺภตีติ อิทํ มชฺฌิเมหิ อารทฺธํ สีลํ สนฺธายาห. เตเนวาห สกฺโก เทวราชา –
‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติ. (ชา. ๑.๘.๗๕);
อิฏฺโติ สุโข. กนฺโตติ กมนีโย. มนาโปติ มนวฑฺฒนโก. ตํ ปน ตสฺส อิฏฺาทิภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิจฺจเมตฺถ กีฬา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
โทโสติ อนิจฺจตาทินา อปฺปสฺสาทาทินา จ ทูสิตภาโว, ยโต เต วิฺูนํ จิตฺตํ นาราเธนฺติ. อถ วา อาทีนํ วาติ ปวตฺตตีติ อาทีนโว, ปรมกปณตา. ตถา จ กามา ยถาตถํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ ปจฺจุปติฏฺนฺติ. ลามกภาโวติ อเสฏฺเหิ เสวิตพฺโพ, เสฏฺเหิ น เสวิตพฺโพ นิหีนภาโว. สํกิลิสฺสนนฺติ วิพาธกตา อุปตาปกตา จ.
เนกฺขมฺเม ¶ อานิสํสนฺติ เอตฺถ ‘‘ยตฺตกา กาเมสุ อาทีนวา, ตปฺปฏิปกฺขโต ตตฺตกา เนกฺขมฺเม อานิสํสา. อปิจ เนกฺขมฺมํ นาเมตํ อสมฺพาธํ อสํกิลิฏฺํ, นิกฺขนฺตํ กาเมหิ, นิกฺขนฺตํ ¶ กามสฺาย, นิกฺขนฺตํ กามวิตกฺเกหิ, นิกฺขนฺตํ กามปริฬาเหหิ, นิกฺขนฺตํ พฺยาปาทสฺายา’’ติอาทินา นเยน เนกฺขมฺเม อานิสํเส ปกาเสสิ. ปพฺพชฺชายํ ฌานาทีสุ จ คุเณ วิภาเวสิ วณฺเณสิ. กลฺลจิตฺตนฺติ กมฺมนิยจิตฺตํ เหฏฺา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริ เทสนาย ภาชนภาวูปคเมน กมฺมกฺขมจิตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน ยสฺมา อสฺสทฺธิยาทโย จิตฺตสฺส โรคภูตา, ตทา เต วิคตา, ตสฺมา อาห ‘‘อโรคจิตฺต’’นฺติ. ทิฏฺิมานาทิกิเลสวิคเมน มุทุจิตฺตํ. กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิตฺตํ. สมฺมาปฏิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิตฺตํ. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิตฺตํ. ยทา ภควา อฺาสีติ สมฺพนฺโธ. อถ วา กลฺลจิตฺตนฺติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิตฺตํ. มุทุจิตฺตนฺติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกินจิตฺตํ. วินีวรณจิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน อวิกฺเขปโต เตน อปิหิตจิตฺตํ. อุทคฺคจิตฺตนฺติ ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหิตวเสน อลีนจิตฺตํ. ปสนฺนจิตฺตนฺติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฏิปตฺติยํ อธิมุตฺตจิตฺตนฺติ เอวเมตฺถ เสสปทานํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เสยฺยถาปีติอาทินา อุปมาวเสน สีหสฺส กิเลสปฺปหานํ อริยมคฺคุปฺปาทนฺจ ทสฺเสติ. อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํ. สมฺมเทวาติ สุฏฺุเทว. รชนนฺติ นีลปีตโลหิตาทิรงฺคชาตํ. ปฏิคฺคณฺเหยฺยาติ คณฺเหยฺย, ปภสฺสรํ ภเวยฺย. ตสฺมึเยว อาสเนติ ตสฺสํเยว นิสชฺชายํ. เอเตนสฺส ลหุวิปสฺสกตา ติกฺขปฺตา สุขปฺปฏิปทขิปฺปาภิฺตา จ ทสฺสิตา โหติ. วิรชนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ วิคเมน วิรชํ. อนวเสสทิฏฺิวิจิกิจฺฉามลาปคเมน วีตมลํ. ปมมคฺควชฺฌกิเลสรชาภาเวน วา วิรชํ. ปฺจวิธทุสฺสีลฺยมลวิคเมน วีตมลํ. ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถนฺติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ มคฺคาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ ปฏิวิชฺฌนฺตนฺติ อสมฺโมหปฺปฏิเวธวเสน ปฏิวิชฺฌนฺตํ. เตนาห ‘‘กิจฺจวเสนา’’ติ. ตตฺริทํ อุปมาสํสนฺทนํ – วตฺถํ วิย จิตฺตํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฏฺภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฏฺภาโว, โธวนสิลาตลํ วิย อนุปุพฺพีกถา, อุทกํ วิย สทฺธา, อุทเกน ¶ เตเมตฺวา อูสโคมยฉาริกขาเรหิ กาฬเก สมฺมทฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปฺปโยโค วิย สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา เตเมตฺวา สติสมาธิปฺาหิ โทเส สิถิเล กตฺวา สุตาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารมฺโภ. เตน ปโยเคน วตฺเถ กาฬกาปคโม วิย วีริยารมฺเภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ วิย อริยมคฺโค, เตน สุทฺธวตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มคฺเคน ปริโยทปนนฺติ.
‘‘ทิฏฺธมฺโม’’ติ วตฺวา ทสฺสนํ นาม าณทสฺสนโต อฺมฺปิ อตฺถีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธมฺโม’’ติ ¶ วุตฺตํ. ปตฺติ นาม าณสมฺปตฺติโต อฺาปิ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘วิทิตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. สา ปเนสา วิทิตธมฺมตา ธมฺเมสุ เอกเทเสนปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทสฺเสตุํ. ‘‘ปริโยคาฬฺหธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. เตนสฺส สจฺจาภิสมฺโพธํเยว ทีเปติ. มคฺคาณฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริฺาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสน จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาฬฺหํ นาม โหติ. เตนาห ‘‘ทิฏฺโ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม’’ติ. ติณฺณา วิจิกิจฺฉาติ สปฺปฏิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา อฏฺวตฺถุกา จ ติณฺณา นิตฺติณฺณา วิจิกิจฺฉา. วิคตา กถํกถาติ ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข’’ติ เอวํ ปวตฺติกา วิคตา สมุจฺฉินฺนา กถํกถา. สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา ตปฺปฏิปกฺเขสุ สีลาทิคุเณสุ ปติฏฺิตตฺตา เวสารชฺชํ วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปตฺโต. อตฺตนา เอว ปจฺจกฺขโต ทิฏฺตฺตา น ปรํ ปจฺเจติ, น จสฺส ปโร ปจฺเจตพฺโพ อตฺถีติ อปรปฺปจฺจโย.
อุทฺทิสิตฺวา กตนฺติ อตฺตานํ อุทฺทิสิตฺวา มารณวเสน กตํ นิพฺพตฺติตํ มํสํ. ปฏิจฺจกมฺมนฺติ เอตฺถ กมฺม-สทฺโท กมฺมสาธโน อตีตกาลิโก จาติ อาห ‘‘อตฺตานํ ปฏิจฺจกต’’นฺติ. นิมิตฺตกมฺมสฺเสตํ อธิวจนํ ‘‘ปฏิจฺจ กมฺมํ ผุสตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๔.๗๕) วิย. นิมิตฺตกมฺมสฺสาติ นิมิตฺตภาเวน ลทฺธพฺพกมฺมสฺส. กรณวเสน ปฏิจฺจกมฺมํ เอตฺถ อตฺถีติ มํสํ ปฏิจฺจกมฺมํ ยถา พุทฺธิ พุทฺธํ. ตํ เอตสฺส อตฺถีติ พุทฺโธ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
สีหสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓-๔. อสฺสาชานียสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๓-๑๔. ตติเย ¶ สาเยฺยานีติ สตฺตานิ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ตานิ ปนสฺส สาเยฺยาทีนิ กายจิตฺตุชุกตาปฏิปกฺขภูตา โลภสหคตจิตฺตุปฺปาทสฺส ปวตฺติอาการวิเสสา. ตตฺถ ยสฺส กิสฺมิฺจิเทว าเน าตุกามสฺส สโต ยํ านํ มนุสฺสานํ สปฺปฏิภยํ, ปุรโต คนฺตฺวา ตเถว สปฺปฏิภยฏฺาเนว สฺสามีติ น โหติ, วฺจนาธิปฺปายภาวโต าตุกามฏฺาเนเยว นิขาตตฺถมฺโภ วิย จตฺตาโร ปาเท นิจฺจาเลตฺวา ติฏฺติ, อยํ สโ นาม, อิมสฺส สาเยฺยสฺส ปากฏกรณํ. ตถา ยสฺส กิสฺมิฺจิเทว าเน นิวตฺติตฺวา ขนฺธคตํ ปาเตตุกามสฺส สโต ยํ านํ มนุสฺสานํ สปฺปฏิภยํ, ปุรโต คนฺตฺวา ตเถว ปาเตสฺสามีติ น โหติ, ปาเตตุกามฏฺาเนเยว นิวตฺติตฺวา ปาเตติ, อยํ กูโฏ นาม. ยสฺส กาเลน วามโต, กาเลน ทกฺขิณโต, กาเลน อุชุมคฺเคเนว จ คนฺตุกามสฺส สโต ยํ านํ มนุสฺสานํ สปฺปฏิภยํ, ปุรโต คนฺตฺวา ตเถว เอวํ กริสฺสามีติ ¶ น โหติ, ยทิจฺฉกํ คนฺตุกามฏฺาเนเยว กาเลน วามโต, กาเลน ทกฺขิณโต, กาเลน อุชุมคฺคํ คจฺฉติ, ตถา เลณฺฑํ วา ปสฺสาวํ วา วิสฺสชฺเชตุกามสฺส อิทํ านํ สุสมฺมฏฺํ อากิณฺณมนุสฺสํ รมณียํ. อิมสฺมึ าเน เอวรูปํ กาตุํ น ยุตฺตํ, ปุรโต คนฺตฺวา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน กริสฺสามีติ น โหติ, ตตฺเถว กโรติ, อยํ ชิมฺโห นาม. ยสฺส ปน กิสฺมิฺจิ าเน มคฺคา อุกฺกมฺม นิวตฺติตฺวา ปฏิมคฺคํ อาโรหิตุกามสฺส สโต ยํ านํ มนุสฺสานํ สปฺปฏิภยํ, ปุรโต คนฺตฺวา ตตฺเถว เอวํ กริสฺสามีติ น โหติ, ปฏิมคฺคํ อาโรหิตุกามฏฺาเนเยว มคฺคา อุกฺกมฺม นิวตฺติตฺวา ปฏิมคฺคํ อาโรหติ, อยํ วงฺโก นาม. อิติ อิมํ จตุพฺพิธมฺปิ กิริยํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ยานิ โข ปนสฺส ตานิ สาเยฺยานิ…เป… อาวิกตฺตา โหตี’’ติ. จตุตฺเถ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.
อสฺสาชานียสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕-๘. มลสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๕-๑๘. ปฺจเม (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๒๔๑) ยา กาจิ ปริยตฺติ วา สิปฺปํ วา ยสฺมา อสชฺฌายนฺตสฺส อนนุยฺุชนฺตสฺส วินสฺสติ, นิรนฺตรํ วา น อุปฏฺาติ, ตสฺมา ‘‘อสชฺฌายมลา มนฺตา’’ติ ¶ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ฆราวาสํ วสนฺตสฺส อุฏฺายุฏฺาย ชิณฺณปฺปฏิสงฺขรณาทีนิ อกโรนฺตสฺส ฆรํ นาม วินสฺสติ, ตสฺมา ‘‘อนุฏฺานมลา ฆรา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา คิหิสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา โกสชฺชวเสน สรีรปฺปชคฺคนํ วา ปริกฺขารปฺปฏิชคฺคนํ วา อกโรนฺตสฺส กาโย ทุพฺพณฺโณ โหติ, ตสฺมา ‘‘มลํ วณฺณสฺส โกสชฺช’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน คาโว รกฺขนฺตสฺส ปมาทวเสน นิทฺทายนฺตสฺส วา กีฬนฺตสฺส วา ตา คาโว อติตฺถปกฺขนฺทนาทีหิ วา วาฬมิคโจราทิอุปทฺทเวน วา ปเรสํ สาลิกฺเขตฺตาทีนิ โอตริตฺวา ขาทนวเสน วา วินาสมาปชฺชนฺติ, สยมฺปิ ทณฺฑํ วา ปริภาสํ วา ปาปุณาติ, ปพฺพชิตํ วา ปน ฉทฺวาราทีนิ อรกฺขนฺตํ ปมาทวเสน กิเลสา โอตริตฺวา สาสนา จาเวนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปมาโท รกฺขโต มล’’นฺติ วุตฺตํ. โส หิสฺส วินาสาวเหน มลฏฺานิยตฺตา มลํ.
ทุจฺจริตนฺติ อติจาโร. อติจารินิฺหิ อิตฺถึ สามิโกปิ เคหา นีหรติ, มาตาปิตูนํ สนฺติกํ คตมฺปิ ‘‘ตฺวํ กุลสฺส องฺคารภูตา, อกฺขีหิปิ น ทฏฺพฺพา’’ติ ตํ มาตาปิตโรปิ นีหรนฺติ, สา อนาถา วิจรนฺตี มหาทุกฺขํ ปาปุณาติ. เตนสฺสา ทุจฺจริตํ ‘‘มล’’นฺติ วุตฺตํ. ททโตติ ทายกสฺส. ยสฺส หิ เขตฺตกสนกาเล ‘‘อิมสฺมึ เขตฺเต สมฺปนฺเน สลากภตฺตาทีนิ ทสฺสามี’’ติ ¶ จินฺเตตฺวาปิ นิปฺผนฺเน สสฺเส มจฺเฉรํ อุปฺปชฺชิตฺวา จาคจิตฺตํ นิวาเรติ, โส มจฺเฉรวเสน จาคจิตฺเต อวิรุหนฺเต มนุสฺสสมฺปตฺติ, ทิพฺพสมฺปตฺติ, นิพฺพานสมฺปตฺตีติ ติสฺโส สมฺปตฺติโย น ลภติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มจฺเฉรํ ททโต มล’’นฺติ. อฺเสุปิ เอวรูเปสุ เอเสว นโย. ปาปกา ธมฺมาติ อกุสลา ธมฺมา. เต ปน อิธโลเก ปรโลเก จ มลเมว. ตโตติ เหฏฺา วุตฺตมลโต. มลตรนฺติ อติเรกมลํ. ฉฏฺาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.
มลสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปหาราทสุตฺตวณฺณนา
๑๙. นวเม (อุทา. อฏฺ. ๔๕; สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๘๔) อสุราติ เทวา วิย น สุรนฺติ น กีฬนฺติ น วิโรจนฺตีติ อสุรา. สุรา นาม เทวา, เตสํ ปฏิปกฺขาติ วา อสุรา, เวปจิตฺติปหาราทาทโย ¶ . เตสํ ภวนํ สิเนรุสฺส เหฏฺาภาเค. เต ตตฺถ ปวิสนฺตา นิกฺขมนฺตา สิเนรุปาเท มณฺฑปาทีนิ นิมฺมินิตฺวา กีฬนฺตา อภิรมนฺติ. สา ตตฺถ เตสํ อภิรติ. อิเม คุเณ ทิสฺวาติ อาห ‘‘เย ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุทฺเท อภิรมนฺตี’’ติ.
ยสฺมา โลกิยา ชมฺพุทีโป, หิมวา ตตฺถ ปติฏฺิตสมุทฺททหปพฺพตา ตปฺปภวา นทิโยติ เอเตสุ ยํ ยํ น มนุสฺสโคจรํ, ตตฺถ สยํ สมฺมูฬฺหา อฺเปิ สมฺโมหยนฺติ, ตสฺมา ตตฺถ สมฺโมหวิธมนตฺถํ ‘‘อยํ ตาว ชมฺพุทีโป’’ติอาทิ อารทฺธํ. ทสสหสฺสโยชนปริมาโณ อายามโต วิตฺถารโต จาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. อุทเกน อชฺโฌตฺถโฏ ตทุปโภคิสตฺตานํ ปฺุกฺขเยน. สุนฺทรทสฺสนํ กูฏนฺติ สุทสฺสนกูฏํ, ยํ โลเก ‘‘เหมกูฏ’’นฺติ วุจฺจติ. มูลคนฺโธ กาลานุสาริยาทิ. สารคนฺโธ จนฺทนาทิ. เผคฺคุคนฺโธ สลลาทิ. ตจคนฺโธ ลวงฺคาทิ. ปปฏิกาคนฺโธ กปิตฺถาทิ. รสคนฺโธ สชฺชุลสาทิ. ปตฺตคนฺโธ ตมาลหิริเวราทิ. ปุปฺผคนฺโธ นาคกุสุมาทิ. ผลคนฺโธ ชาติผลาทิ. คนฺธคนฺโธ สพฺเพสํ คนฺธานํ คนฺโธ. ‘‘สพฺพานิ ปุถุลโต ปฺาส โยชนานิ, อายามโต ปน อุพฺเพธโต วิย ทฺวิโยชนสตาเนวา’’ติ วทนฺติ.
มโนหรสิลาตลานีติ รตนมยตฺตา มนฺุโสปานสิลาตลานิ. สุปฏิยตฺตานีติ ตทุปโภคิสตฺตานํ สาธารณกมฺมุนาว สุฏฺุ ปฏิยตฺตานิ สุสณฺิตานิ โหนฺติ. มจฺฉกจฺฉปาทีนิ อุทกํ มลํ กโรนฺติ, ตทภาวโต ผลิกสทิสนิมฺมโลทกานิ. ติริยโต ทีฆํ อุคฺคตกูฏนฺติ ‘‘ติรจฺฉานปพฺพต’’นฺติ ¶ อาห. ปุริมานิ นามโคตฺตานีติ เอตฺถ นที นินฺนคาติอาทิกํ โคตฺตํ, คงฺคา ยมุนาติอาทิกํ นามํ.
สวมานาติ สนฺทมานา. ปูรตฺตนฺติ ปุณฺณภาโว. มสารคลฺลํ ‘‘จิตฺตผลิก’’นฺติปิ วทนฺติ. มหตํ ภูตานนฺติ มหนฺตานํ สตฺตานํ. ติมี ติมิงฺคลา ติมิติมิงฺคลาติ ติสฺโส มจฺฉชาติโย. ติมึ คิลนสมตฺถา ติมิงฺคลา. ติมิฺจ ติมิงฺคลฺจ คิลนสมตฺถา ติมิติมิงฺคลาติ วทนฺติ.
มม ¶ สาวกาติ โสตาปนฺนาทิเก อริยปุคฺคเล สนฺธาย วทติ. น สํวสตีติ อุโปสถกมฺมาทิวเสน สํวาสํ น กโรติ. อุกฺขิปตีติ อปเนติ. วิมุตฺติรโสติ กิเลเสหิ วิมุจฺจนรโส. สพฺพา หิ สาสนสมฺปตฺติ ยาวเทว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตสฺส วิมุตฺติอตฺถา.
รตนานีติ รติชนนฏฺเน รตนานิ. สติปฏฺานาทโย หิ ภาวิยมานา ปุพฺพภาเคปิ อนปฺปกํ ปีติปาโมชฺชํ นิพฺพตฺเตนฺติ, ปเคว อปรภาเค. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔) –
โลกิยรตนนิพฺพตฺตํ ปน ปีติปาโมชฺชํ น ตสฺส กลภาคมฺปิ อคฺฆติ. อปิจ –
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนนฺติ ปวุจฺจติ’’. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๒๒๓; ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖; มหานิ. อฏฺ. ๕๐);
ยทิ จ จิตฺตีกตาทิภาเวน รตนํ นาม โหติ, สติปฏฺานาทีนํเยว ภูตโต รตนภาโว. โพธิปกฺขิยธมฺมานฺหิ โส อานุภาโว, ยํ สาวกา สาวกปารมิาณํ, ปจฺเจกพุทฺธา ปจฺเจกโพธิาณํ, สมฺมาสมฺพุทฺธา สมฺมาสมฺโพธึ อธิคจฺฉนฺติ อาสนฺนการณตฺตา. อาสนฺนการณฺหิ ทานาทิอุปนิสฺสโยติ เอวํ รติชนนฏฺเน จิตฺตีกตาทิอตฺเถน จ รตนภาโว โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ¶ สาติสโย. เตน วุตฺตํ ‘‘ตตฺริมานิ รตนานิ, เสยฺยถิทํ. จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทิ.
ตตฺถ อารมฺมเณ โอกฺกนฺติตฺวา อุปฏฺานฏฺเน อุปฏฺานํ, สติเยว อุปฏฺานนฺติ สติปฏฺานํ. อารมฺมณสฺส ปน กายาทิวเสน จตุพฺพิธตฺตา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ. ตถา หิ กายเวทนาจิตฺตธมฺเมสุ สุภสุขนิจฺจอตฺตสฺานํ ปหานโต อสุภทุกฺขานิจฺจานตฺตภาวคฺคหณโต จ เนสํ กายานุปสฺสนาทิภาโว วิภตฺโต.
สมฺมา ปทหนฺติ เอเตน, สยํ วา สมฺมา ปทหติ, ปสตฺถํ สุนฺทรํ วา ปทหนฺตีติ สมฺมปฺปธานํ, ปุคฺคลสฺส วา สมฺมเทว ปธานภาวกรณโต สมฺมปฺปธานํ ¶ วีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. ตมฺปิ อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ อนุปฺปาทนปฺปหานวเสน อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทนฏฺาปนวเสน จ จตุกิจฺจสาธกตฺตา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา’’ติ.
อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, สมิชฺฌติ นิปฺผชฺชตีติ อตฺโถ. อิชฺฌนฺติ วา ตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิ. อิติ ปเมน อตฺเถน อิทฺธิ เอว ปาโทติ อิทฺธิปาโท, อิทฺธิโกฏฺาโสติ อตฺโถ. ทุติเยน อตฺเถน อิทฺธิยา ปาโท ปติฏฺา อธิคมุปาโยติ อิทฺธิปาโท. เตน หิ อุปรูปริวิเสสสงฺขาตํ อิทฺธึ ปชฺชนฺติ ปาปุณนฺติ. สฺวายํ อิทฺธิปาโท ยสฺมา ฉนฺทาทิเก จตฺตาโร อธิปติธมฺเม ธุเร เชฏฺเก กตฺวา นิพฺพตฺตียติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา’’ติ.
ปฺจินฺทฺริยานีติ สทฺธาทีนิ ปฺจ อินฺทฺริยานิ. ตตฺถ อสฺสทฺธิยํ อภิภวิตฺวา อธิโมกฺขลกฺขเณ อินฺทฏฺํ กาเรตีติ สทฺธินฺทฺริยํ. โกสชฺชํ อภิภวิตฺวา ปคฺคหลกฺขเณ, ปมาทํ อภิภวิตฺวา อุปฏฺานลกฺขเณ, วิกฺเขปํ อภิภวิตฺวา อวิกฺเขปลกฺขเณ, อฺาณํ อภิภวิตฺวา ทสฺสนลกฺขเณ อินฺทฏฺํ กาเรตีติ ปฺินฺทฺริยํ.
ตานิเยว อสฺสทฺธิยาทีหิ อนภิภวนียโต อกมฺปิยฏฺเน สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาเวน จ พลานิ เวทิตพฺพานิ.
สตฺต โพชฺฌงฺคาติ โพธิยา, โพธิสฺส วา องฺคาติ โพชฺฌงฺคา. ยา หิ เอสา ธมฺมสามคฺคี ยาย โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยคอุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฏิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตาย ¶ ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌติ, กิเลสนิทฺทาย วุฏฺหติ, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ. ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา ฌานงฺคมคฺคงฺคาทโย วิย. โยเปส วุตฺตปฺปการาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโก ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ. ตสฺส โพธิสฺส องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา เสนงฺครถงฺคาทโย วิย. เตนาหุ โปราณา ‘‘พุชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๔๖๖; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๘๒; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๒.๑๗). ‘‘โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๒.๑๗) นเยนปิ โพชฺฌงฺคตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อริโย ¶ อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ ตํตํมคฺควชฺเฌหิ กิเลเสหิ อารกตฺตา, อริยภาวกรตฺตา, อริยผลปฺปฏิลาภกรตฺตา จ อริโย. สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ อฏฺงฺคานิ อสฺส อตฺถิ, อฏฺ องฺคานิเยว วา อฏฺงฺคิโก. มาเรนฺโต กิเลเส คจฺฉติ นิพฺพานตฺถิเกหิ วา มคฺคียติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคตีติ มคฺโคติ เอวเมเตสํ สติปฏฺานาทีนํ อตฺถวิภาโค เวทิตพฺโพ.
โสตาปนฺโนติ มคฺคสงฺขาตํ โสตํ อาปชฺชิตฺวา ปาปุณิตฺวา ิโต, โสตาปตฺติผลฏฺโติ อตฺโถ. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโนติ โสตาปตฺติผลสฺส อตฺตปจฺจกฺขกรณาย ปฏิปชฺชมาโน ปมมคฺคฏฺโ, โย อฏฺมโกติปิ วุจฺจติ. สกทาคามีติ สกิเทว อิมํ โลกํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อาคมนสีโล ทุติยผลฏฺโ. อนาคามีติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน กามโลกํ อนาคมนสีโล ตติยผลฏฺโ. โย ปน สทฺธานุสารี ธมฺมานุสารี เอกพีชีติเอวมาทิโก อริยปุคฺคลวิภาโค, โส เอเตสํเยว ปเภโทติ. เสสํ วุตฺตนยสทิสเมว.
ปหาราทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา
๒๐. ทสเม ตทหุโปสเถติ (อุทา. อฏฺ. ๔๕; สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๘๓) ตสฺมึ อุโปสถทิวสภูเต อหนิ. อุโปสถกรณตฺถายาติ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ. อุทฺธสฺตํ อรุณนฺติ อรุณุคฺคมนํ. อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขนฺติ เถโร ภควนฺตํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ ยาจิ. ตสฺมึ กาเล ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๓๖) สิกฺขาปทสฺส อปฺตฺตตฺตา. กสฺมา ปน ภควา ติยามรตฺตึ วีตินาเมสิ ¶ ? ตโต ปฏฺาย โอวาทปาติโมกฺขํ อนุทฺทิสิตุกาโม ตสฺส วตฺถุํ ปากฏํ กาตุํ. อทฺทสาติ กถํ อทฺทส? อตฺตโน เจโตปริยาเณน ตสฺสํ ปริสติ ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ ปริชานนฺโต ตสฺส ทุสฺสีลสฺส จิตฺตํ ปสฺสิ. ยสฺมา ปน จิตฺเต ทิฏฺเ ตํสมงฺคีปุคฺคโล ทิฏฺโ นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ¶ ตํ ปุคฺคลํ ทุสฺสีล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยเถว หิ อนาคเต สตฺตสุ ทิวเสสุ ปวตฺตํ ปเรสํ จิตฺตํ เจโตปริยาณลาภี ชานาติ, เอวํ อตีเตปีติ. มชฺเฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสินฺนนฺติ สงฺฆปริยาปนฺโน วิย ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนฺโต นิสินฺนํ. ทิฏฺโสีติ อยํ น ปกตตฺโตติ ภควตา ทิฏฺโ อสิ. ยสฺมา จ เอวํ ทิฏฺโ, ตสฺมา นตฺถิ เต ตว ภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกกมฺมาทิสํวาโส. ยสฺมา ปน โส สํวาโส ตว นตฺถิ, ตสฺมา อุฏฺเหิ, อาวุโสติ เอวเมตฺถ ปทโยชนา เวทิตพฺพา.
ตติยมฺปิ โข โส ปุคฺคโล ตุณฺหี อโหสีติ อเนกวารํ วตฺวาปิ ‘‘เถโร สยเมว นิพฺพินฺโน โอรมิสฺสตี’’ติ วา, ‘‘อิทานิ อิเมสํ ปฏิปตฺตึ ชานิสฺสามี’’ติ วา อธิปฺปาเยน ตุณฺหี อโหสิ. พาหายํ คเหตฺวาติ ‘‘ภควตา มยา จ ยาถาวโต ทิฏฺโ, ยาวตติยํ ‘อุฏฺเหิ, อาวุโส’ติ จ วุตฺโต น วุฏฺาติ, อิทานิสฺส นิกฺกฑฺฒนกาโล, มา สงฺฆสฺส อุโปสถนฺตราโย อโหสี’’ติ ตํ พาหายํ อคฺคเหสิ, ตถา คเหตฺวา. พหิ ทฺวารโกฏฺกา นิกฺขาเมตฺวาติ ทฺวารโกฏฺกา ทฺวารสาลาโต นิกฺขาเมตฺวา. พหีติ ปน นิกฺขามิตฏฺานทสฺสนํ. อถ วา พหิทฺวารโกฏฺกาติ พหิทฺวารโกฏฺกโตปิ นิกฺขาเมตฺวา, น อนฺโตทฺวารโกฏฺกโต เอว. อุภยตฺถาปิ วิหารโต พหิกตฺวาติ อตฺโถ. สูจิฆฏิกํ ทตฺวาติ อคฺคฬสูจิฺจ อุปริฆฏิกฺจ อาทหิตฺวา, สุฏฺุตรํ กวาฏํ ถเกตฺวาติ อตฺโถ. ยาว พาหาคหณาปิ นามาติ อิมินา ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ วจนํ สุตฺวา เอว หิ เตน ปกฺกมิตพฺพํ สิยา, เอวํ อปกฺกมิตฺวา ยาว พาหาคหณาปิ นาม โส โมฆปุริโส อาคเมสฺสติ, อจฺฉริยมิทนฺติ ทสฺเสติ. อิทฺจ ครหนจฺฉริยเมวาติ เวทิตพฺพํ.
อถ ภควา จินฺเตสิ – ‘‘อิทานิ ภิกฺขุสงฺเฆ อพฺพุโท ชาโต, อปริสุทฺธา ปุคฺคลา อุโปสถํ อาคจฺฉนฺติ, น จ ตถาคตา อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ กโรนฺติ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ. อนุทฺทิสนฺเต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสโถ ปจฺฉิชฺชติ. ยํนูนาหํ อิโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํเยว ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ภิกฺขูนํเยว ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา…เป… ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ. ตตฺถ น ทานาหนฺติ อิทานิ อหํ อุโปสถํ น ¶ กริสฺสามิ, ปาติโมกฺขํ น อุทฺทิสิสฺสามีติ ปจฺเจกํ น-กาเรน สมฺพนฺโธ. ทุวิธฺหิ ปาติโมกฺขํ – อาณาปาติโมกฺขํ, โอวาทปาติโมกฺขนฺติ ¶ . เตสุ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต’’ติอาทิกํ (มหาว. ๑๓๔) อาณาปาติโมกฺขํ. ตํ สาวกาว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา, ยํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺทิสียติ. ‘‘ขนฺตี ปรมํ…เป… สพฺพปาปสฺส อกรณํ…เป… อนุปวาโท อนุปฆาโต…เป… เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕; อุทา. ๓๖; เนตฺติ. ๓๐) อิมา ปน ติสฺโส คาถา โอวาทปาติโมกฺขํ นาม. ตํ พุทฺธาว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา, ฉนฺนมฺปิ วสฺสานํ อจฺจเยน อุทฺทิสนฺติ. ทีฆายุกพุทฺธานฺหิ ธรมานกาเล อยเมว ปาติโมกฺขุทฺเทโส, อปฺปายุกพุทฺธานํ ปน ปมโพธิยํเยว. ตโต ปรํ อิตโร. ตฺจ โข ภิกฺขูเยว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา, ตสฺมา อมฺหากมฺปิ ภควา วีสติวสฺสมตฺตํ อิมํ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา อิมํ อนฺตรายํ ทิสฺวา ตโต ปรํ น อุทฺทิสิ. อฏฺานนฺติ อการณํ. อนวกาโสติ ตสฺเสว เววจนํ. การณฺหิ ยถา ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ‘‘าน’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘อวกาโส’’ติปิ วุจฺจติ. ยนฺติ กิริยาปรามสนํ.
อฏฺิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเทติ โก อนุสนฺธิ? ยฺวายํ อปริสุทฺธาย ปริสาย ปาติโมกฺขสฺส อนุทฺเทโส วุตฺโต, โส อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อจฺฉริโย อพฺภุโต ธมฺโมติ ตํ อปเรหิปิ สตฺตหิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเมหิ สทฺธึ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุกาโม ปมํ ตาว เตสํ อุปมาภาเวน มหาสมุทฺเท อฏฺ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเม ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘อฏฺิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเท’’ติอาทิมาห.
อุโปสถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.