📜

๔. มหาวคฺโค

๑. อนุปุพฺพวิหารสุตฺตวณฺณนา

๓๒. จตุตฺถสฺส ปเม อนุปุพฺพโต วิหริตพฺพาติ อนุปุพฺพวิหารา. อนุปฏิปาฏิยาติ อนุกฺกเมน. สมาปชฺชิตพฺพวิหาราติ สมาปชฺชิตฺวา สมงฺคิโน หุตฺวา วิหริตพฺพวิหารา.

อนุปุพฺพวิหารสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒-๓. อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺติสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๓-๓๔. ทุติเย ฉาตํ วุจฺจติ ตณฺหาทิฏฺิโย กามานํ ปาตพฺพโต ตาสํ วเสน วตฺตนโต, ตนฺนินฺนตฺตา นตฺถิ เอเตสุ ฉาตนฺติ นิจฺฉาตา. เตนาห ‘‘ตณฺหาทิฏฺิจฺฉาตาน’’นฺติอาทิ. ตติเย นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺติสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. คาวีอุปมาสุตฺตวณฺณนา

๓๕. จตุตฺเถ ปพฺพตจารินีติ ปกติยา ปพฺพเต พหุลจารินี. อเขตฺตฺูติ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๗๗) อโคจรฺู. สมาธิปริปนฺตานํ วิโสธนานภิฺตาย พาโล. ฌานสฺส ปคุณภาวาปาทนเวยฺยตฺติยสฺส อภาเวน อพฺยตฺโต. อุปริฌานสฺส ปทฏฺานภาวานวโพเธน อเขตฺตฺู. สพฺพถาปิ สมาปตฺติโกสลฺลาภาเวน อกุสโล. สมาธินิมิตฺตสฺส วา อนาเสวนาย พาโล. อภาวนาย อพฺยตฺโต. อพหุลีกาเรน อเขตฺตฺู. สมฺมเทว อนธิฏฺานโต อกุสโลติ โยเชตพฺพํ. อุภโต ภฏฺโติ อุภยโต ฌานโต ภฏฺโ. โส หิ อปฺปคุณตาย น สุปฺปติฏฺิตตาย สอุสฺสาโหปิ วินาสโต อสามตฺถิยโต จ ฌานทฺวยโต ปริหีโน.

คาวีอุปมาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ฌานสุตฺตวณฺณนา

๓๖. ปฺจเม อนิจฺจโตติ อิมินา นิจฺจปฺปฏิกฺเขปโต เตสํ อนิจฺจตมาห. ตโต เอว อุทยวยวนฺตโต วิปริณามโต ตาวกาลิกโต จ เต อนิจฺจาติ โชติตํ โหติ. ยฺหิ นิจฺจํ น โหติ, ตํ อุทยวยปริจฺฉินฺนชราย มรเณน จาติ ทฺเวธา วิปริณตํ อิตฺตรกฺขณเมว จ โหติ. ทุกฺขโตติ น สุขโต. อิมินา สุขปฺปฏิกฺเขปโต เตสํ ทุกฺขตมาห. ตโต เอว จ อภิณฺหปฺปฏิปีฬนโต ทุกฺขวตฺถุโต จ เต ทุกฺขาติ โชติตํ โหติ. อุทยวยวนฺตตาย หิ เต อภิณฺหปฺปฏิปีฬนโต นิรนฺตรทุกฺขตาย ทุกฺขสฺเสว จ อธิฏฺานภูโต. ปจฺจยยาปนียตาย โรคมูลตาย จ โรคโต. ทุกฺขตาสูลโยคโต กิเลสาสุจิปคฺฆรโต อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปกฺกภิชฺชนโต จ คณฺฑโต. ปีฬาชนนโต อนฺโตตุทนโต ทุนฺนีหรณโต จ สลฺลโต. อวฑฺฒิอาวหนโต อฆวตฺถุโต จ อฆโต. อเสริภาวชนนโต อาพาธปฺปติฏฺานตาย จ อาพาธโต. อวสวตฺตนโต อวิเธยฺยตาย จ ปรโต. พฺยาธิชรามรเณหิ ปลุชฺชนียตาย ปโลกโต. สามินิวาสีการกเวทกอธิฏฺายกวิรหโต สุฺโต. อตฺตปฺปฏิกฺเขปฏฺเน อนตฺตโต. รูปาทิธมฺมาปิ ยถา น เอตฺถ อตฺตา อตฺถีติ อนตฺตา, เอวํ สยมฺปิ อตฺตา น โหนฺตีติ อนตฺตา. เตน อพฺยาปารโต นิรีหโต ตุจฺฉโต อนตฺตาติ ทีปิตํ โหติ.

ลกฺขณตฺตยเมว สุขาวโพธนตฺถํ เอกาทสหิ ปเทหิ วิภชิตฺวา คหิตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา อนิจฺจโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนฺโตสมาปตฺติยนฺติ สมาปตฺตีนํ สหชาตตาย สมาปตฺตีนํ อพฺภนฺตเร จิตฺตํ ปฏิสํหรตีติ ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคาทิกิเลสวิกฺขมฺภเนน วิปสฺสนาจิตฺตํ ปฏิสํหรติ. เตนาห ‘‘โมเจติ อปเนตี’’ติ. สวนวเสนาติ ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติอาทินา สวนวเสน. ถุติวเสนาติ ตเถว โถมนาวเสน คุณโต สํกิตฺตนวเสน. ปริยตฺติวเสนาติ ตสฺส ธมฺมสฺส ปริยาปุณนวเสน. ปฺตฺติวเสนาติ ตทตฺถสฺส ปฺาปนวเสน. อารมฺมณกรณวเสเนว อุปสํหรติ มคฺคจิตฺตํ, ‘‘เอตํ สนฺต’’นฺติอาทิ ปน อวธารณนิวตฺติตตฺถทสฺสนํ. ยถา วิปสฺสนา ‘‘เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีต’’นฺติอาทินา อสงฺขตาย ธาตุยา จิตฺตํ อุปสํหรติ, เอวํ มคฺโค นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน อภิสเมนฺโต ตตฺถ ลพฺภมาเน สพฺเพปิ วิเสเส อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌนฺโต ตตฺถ จิตฺตํ อุปสํหรติ. เตนาห ‘‘อิมินา ปน อากาเรนา’’ติอาทิ.

โส ตตฺถ ิโตติ โส อทนฺธวิปสฺสโก โยคี ตตฺถ ตาย อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยารมฺมณาย วิปสฺสนาย ิโต. สพฺพโสติ สพฺพตฺถ ตสฺส ตสฺส มคฺคสฺส อธิคมาย นิพฺพตฺติตสมถวิปสฺสนาสุ. อสกฺโกนฺโต อนาคามี โหตีติ เหฏฺิมมคฺคาวหาสุ เอว สมถวิปสฺสนาย ฉนฺทราคํ ปหาย อคฺคมคฺคาวหาสุ นิกนฺตึ ปริยาทาตุํ อสกฺโกนฺโต อนาคามิตายเมว สณฺาติ.

สมติกฺกนฺตตฺตาติ สมถวเสน วิปสฺสนาวเสน จาติ สพฺพถาปิ รูปสฺส สมติกฺกนฺตตฺตา. เตนาห ‘‘อยํ หี’’ติอาทิ. อเนนาติ โยคินา. ตํ อติกฺกมฺมาติ อิทํ โย ปมํ ปฺจโวการเอกโวการปริยาปนฺเน ธมฺเม สมฺมเทว สมฺมสิตฺวา เต วิสฺสชฺเชตฺวา ตโต อรูปสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา อรูปธมฺเม สมฺมสติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อิทานิ อรูปํ สมฺมสตี’’ติ.

ฌานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. อานนฺทสุตฺตวณฺณนา

๓๗. ฉฏฺเ โอกาสํ อวสรํ อธิคจฺฉติ เอเตนาติ โอกาสาธิคโม, มคฺคผลสุขาธิคมาย โอกาสภาวโต วา โอกาโส, ตสฺส อธิคโม โอกาสาธิคโม. เอตฺถ จ ทีฆนิกาเยเนว (ที. นิ. ๒.๒๘๘) ปน สุตฺตนฺตเทสนายํ ปมชฺฌานํ, จตุตฺถชฺฌานํ, อรหตฺตมคฺโคติ ตโย โอกาสาธิคมา อาคตา. ตตฺถ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๘๘) ปมํ ฌานํ ปฺจ นีวรณานิ วิกฺขมฺเภตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฏฺตีติ ‘‘ปโม โอกาสาธิคโม’’ติ วุตฺตํ. จตุตฺถชฺฌานํ ปน สุขทุกฺขํ วิกฺขมฺเภตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฏฺตีติ ทุติโย โอกาสาธิคโม. อรหตฺตมคฺโค สพฺพกิเลเส วิกฺขมฺเภตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฏฺตีติ ‘‘ตติโย โอกาสาธิคโม’’ติ วุตฺโต. อิธ ปน วกฺขมานานิ ตีณิ อรูปชฺฌานานิ สนฺธาย ‘‘โอกาสาธิคโม’’ติ วุตฺตํ. เตสํเยว จ คหเณ การณํ สยเมว วกฺขติ.

สตฺตานํวิสุทฺธึ ปาปนตฺถายาติ ราคาทีหิ มเลหิ อภิชฺฌาวิสมโลภาทีหิ จ อุปกฺกิเลเสหิ กิลิฏฺจิตฺตานํ สตฺตานํ วิสุทฺธิปาปนตฺถาย สมติกฺกมนตฺถาย. อายตึ อนุปฺปชฺชนฺหิ อิธ ‘‘สมติกฺกโม’’ติ วุตฺตํ. อตฺถํ คมนตฺถายาติ กายิกทุกฺขสฺส จ เจตสิกโทมนสฺสสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อตฺถงฺคมาย, นิโรธายาติ อตฺโถ. ายติ นิจฺฉเยน กมติ นิพฺพานํ, ตํ วา ายติ ปฏิวิชฺฌียติ เอเตนาติ าโย, สมุจฺเฉทภาโว อริยมคฺโคติ อาห ‘‘สหวิปสฺสนกสฺส มคฺคสฺสา’’ติ. ปจฺจกฺขกรณตฺถายาติ อตฺตปจฺจกฺขตาย. ปรปจฺจเยน วินา ปจฺจกฺขกรณฺหิ ‘‘สจฺฉิกิริยา’’ติ วุจฺจติ. อสมฺภินฺนนฺติ ปิตฺตเสมฺหาทีหิ อปลิพุทฺธํ อนุปหตํ.

ราคานุคโต สมาธิ อภินโต นาม โหติ อารมฺมเณ อภิมุขาภาเวน ปวตฺติยา, โทสานุคโต ปน อปนโต อปคมนวเสน ปวตฺติยา, ตทุภยปฺปฏิกฺเขเปน ‘‘น จาภินโต น จาปนโต’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ราควเสนา’’ติอาทิ. น สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคโตติ โลกิยชฺฌานจิตฺตานิ วิย น สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน ตทงฺคปฺปหานวิกฺขมฺภนปฺปหานวเสน จ นิคฺคเหตฺวา วาเรตฺวา ิโต. กิฺจรหิ กิเลสานํ ฉินฺนนฺเต อุปฺปนฺโน. ตถาภูตํ ผลสมาธึ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘น สสงฺขาเรน…เป… ฉินฺนนฺเต อุปฺปนฺโน’’ติ.

อานนฺทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. โลกายติกสุตฺตวณฺณนา

๓๘. สตฺตเม โลกายตวาทกาติ อายตึ หิตํ โลโก น ยตติ น วิรุหติ เอเตนาติ โลกายตํ, วิตณฺฑสตฺถํ. ตฺหิ คนฺถํ นิสฺสาย สตฺตา ปุฺกิริยาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทนฺติ, ตํ วทนฺตีติ โลกายตวาทกา.

ทฬฺหํ ถิรํ ธนุ เอตสฺสาติ ทฬฺหธนฺวา (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๔๕-๔๖; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๐๗), โส เอว ‘‘ทฬฺหธมฺมา’’ติ วุตฺโต. ปฏิสตฺตุวิธมนตฺถํ ธนุํ คณฺหาตีติ ธนุคฺคโห. โส เอว อุสุํ สรํ อสติ ขิปตีติ อิสฺสาโส. ทฺวิสหสฺสถามนฺติ โลหาทิภารํ วหิตุํ สมตฺถํ ทฺวิสหสฺสถามํ. เตนาห ‘‘ทฺวิสหสฺสถามํ นามา’’ติอาทิ. ทณฺเฑติ ธนุทณฺเฑ. ยาว กณฺฑปฺปมาณาติ ทีฆโต ยตฺตกํ กณฺฑสฺส ปมาณํ, ตตฺตเก ธนุทณฺเฑ อุกฺขิตฺตมตฺเต อาโรปิเตสุเยว ชิยาทณฺเฑสุ โส เจ ภาโร ปถวิโต มุจฺจติ, เอวํ อิทํ ทฺวิสหสฺสถามํ นาม ธนูติ ทฏฺพฺพํ. อุคฺคหิตสิปฺโปติ อุคฺคหิตธนุสิปฺโป. กตหตฺโถติ ถิรตรํ ลกฺเขสุ อวิรชฺฌนสรกฺเขโป. อีทิโส ปน ตตฺถ วสิภูโต กตหตฺโถ นาม โหตีติ อาห ‘‘จิณฺณวสิภาโว’’ติ. กตํ ราชกุลาทีสุ อุเปจฺจ อสนํ เอเตน โส กตูปาสโนติ อาห ‘‘ราชกุลาทีสุ ทสฺสิตสิปฺโป’’ติ. เอวํ กตนฺติ เอวํ อนฺโตสุสิรกรณาทินา สลฺลหุกํ กตํ.

โลกายติกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘-๙. เทวาสุรสงฺคามสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๙-๔๐. อฏฺเม อภิยึสูติ กทา อภิยึสุ? ยทา พลวนฺโต อเหสุํ, ตทา. ตตฺรายมนุปุพฺพิกถา (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๔๗; สารตฺถ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา) – สกฺโก กิร มคธรฏฺเ มจลคามเก มโฆ นาม มาณโว หุตฺวา เตตฺตึส ปุริเส คเหตฺวา กลฺยาณกมฺมํ กโรนฺโต สตฺต วตปทานิ ปูเรตฺวา ตตฺถ กาลงฺกโต เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ตํ พลวกมฺมานุภาเวน สปริสํ เสสเทวตา ทสหิ าเนหิ อธิคณฺหนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อาคนฺตุกเทวปุตฺตา อาคตา’’ติ เนวาสิกา คนฺธปานํ สชฺชยึสุ. สกฺโก สกปริสาย สฺํ อทาสิ ‘‘มาริสา มา คนฺธปานํ ปิวิตฺถ, ปิวนาการมตฺตเมว ทสฺเสถา’’ติ. เต ตถา อกํสุ. เนวาสิกเทวตา สุวณฺณสรเกหิ อุปนีตํ คนฺธปานํ ยาวทตฺถํ ปิวิตฺวา มตฺตา ตตฺถ ตตฺถ สุวณฺณปถวิยํ ปติตฺวา สยึสุ. สกฺโก ‘‘คณฺหถ ปุตฺตหตาย ปุตฺเต’’ติ เต ปาเทสุ คเหตฺวา สิเนรุปาเท ขิปาเปสิ. สกฺกสฺส ปุฺเตเชน ตทนุวตฺตกาปิ สพฺเพ ตตฺเถว ปตึสุ. เต สิเนรุเวมชฺฌกาเล สฺํ ลภิตฺวา, ‘‘ตาตา, สุรํ น ปิวิมฺห, สุรํ น ปิวิมฺหา’’ติ อาหํสุ. ตโต ปฏฺาย อสุรา นาม ชาตา. อถ เนสํ กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ สิเนรุสฺส เหฏฺิมตเล ทสโยชนสหสฺสํ อสุรภวนํ นิพฺพตฺติ. สกฺโก เตสํ นิวตฺติตฺวา อนาคมนตฺถาย อารกฺขํ เปสิ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘อนฺตรา ทฺวินฺนํ อยุชฺฌปุรานํ,

ปฺจวิธา ปิตา อภิรกฺขา;

อุรค-กโรฏิ-ปยสฺส จ หารี,

มทนยุตา จตุโร จ มหตฺถา’’ติ. (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๔๗; สารตฺถ. ฏี. ๑.๑ เวรฺชกณฺฑวณฺณนา);

ทฺเว นครานิ หิ ยุทฺเธน คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อยุชฺฌปุรานิ นาม ชาตานิ เทวนครฺจ อสุรนครฺจ. ยทา หิ อสุรา พลวนฺโต โหนฺติ, อถ เทเวหิ ปลายิตฺวา เทวนครํ ปวิสิตฺวา ทฺวาเร ปิทหิเต อสุรานํ สตสหสฺสมฺปิ กิฺจิ กาตุํ น สกฺโกติ. ยทา เทวา พลวนฺโต โหนฺติ, อถาสุเรหิ ปลายิตฺวา อสุรนครสฺส ทฺวาเร ปิทหิเต สกฺกานํ สตสหสฺสมฺปิ กิฺจิ กาตุํ น สกฺโกติ. อิติ อิมานิ ทฺเว นครานิ อยุชฺฌปุรานิ นาม. เตสํ อนฺตรา เอเตสุ อุรคาทีสุ ปฺจสุ าเนสุ สกฺเกน อารกฺขา ปิตา. ตตฺถ อุรคสทฺเทน นาคา คหิตา. เต หิ อุทเก พลวนฺโต โหนฺติ, ตสฺมา สิเนรุสฺส ปมาลินฺเท เอเตสํ อารกฺขา. กโรฏิสทฺเทน สุปณฺณา คหิตา. เตสํ กิร กโรฏิ นาม ปานโภชนํ, เตน ตํ นามํ ลภึสุ, ทุติยาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. ปยสฺสหาริสทฺเทน กุมฺภณฺฑา คหิตา, ทานวรกฺขสา กิร เต, ตติยาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. มทนยุตสทฺเทน ยกฺขา คหิตา. วิสมจาริโน กิร เต ยุชฺฌโสณฺฑา, จตุตฺถาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. จตุโร จ มหตฺตาติ จตฺตาโร มหาราชาโน วุตฺตา, ปฺจมาลินฺเท เตสํ อารกฺขา, ตสฺมา ยทิ อสุรา กุปิตาวิลจิตฺตา เทวปุรํ อุปยนฺติ ยุชฺฌิตุํ. ยํ คิริโน ปมํ ปริภณฺฑํ, ตํ อุรคา ปฏิพาหยนฺติ. เอวํ เสเสสุ เสสา.

เต ปน อสุรา อายุวณฺณยสอิสฺสริยสมฺปตฺตีหิ ตาวตึสสทิสาว, ตสฺมา อนฺตรา อตฺตานํ อชานิตฺวา ปาฏลิยา ปุปฺผิตาย ‘‘น อิทํ เทวนครํ, ตตฺถ ปาริจฺฉตฺตโก ปุปฺผติ, อิธ ปน จิตฺตปาฏลี, ชรสกฺเกนามฺหากํ สุรํ ปาเยตฺวา วฺจิตา, เทวนครฺจ โน คหิตํ, คจฺฉาม, เตน สทฺธึ ยุชฺฌิสฺสามา’’ติ หตฺถิอสฺสรเถ อารุยฺห สุวณฺณรชตมณิผลกานิ คเหตฺวา ยุทฺธสชฺชา หุตฺวา อสุรเภริโย วาเทนฺตา มหาสมุทฺเท อุทกํ ทฺวิธา เภตฺวา อุฏฺหนฺติ. เต เทเว วุฏฺเ วมฺมิกมกฺขิกา วมฺมิกํ วิย สิเนรุํ อารุหิตุํ อารภนฺติ. อถ เนสํ ปมํ นาเคหิ สทฺธึ ยุทฺธํ โหติ. ตสฺมึ โข ปน ยุทฺเธ น กสฺสจิ ฉวิ วา จมฺมํ วา ฉิชฺชติ, น โลหิตํ อุปฺปชฺชติ, เกวลํ กุมารกานํ ทารุเมณฺฑกยุทฺธํ วิย อฺมฺสนฺตาสนมตฺตเมว โหติ. โกฏิสตาปิ โกฏิสหสฺสาปิ นาคา เตหิ สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา เต อสุรปุรํเยว ปเวเสตฺวา นิวตฺตนฺติ. ยทา ปน อสุรา พลวนฺโต โหนฺติ, อถ นาคา โอสกฺกิตฺวา ทุติเย อาลินฺเท สุปณฺเณหิ สทฺธึ เอกโตว หุตฺวา ยุชฺฌนฺติ. เอส นโย สุปณฺณาทีสุปิ. ยทา ปน ตานิ ปฺจปิ านานิ อสุรา มทฺทนฺติ, ตทา เอกโต สมฺปิณฺฑิตานิปิ ตานิ ปฺจ พลานิ โอสกฺกนฺติ. อถ จตฺตาโร มหาราชาโน คนฺตฺวา สกฺกสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจนฺติ. สกฺโก เตสํ วจนํ สุตฺวา ทิยฑฺฒโยชนสติกํ เวชยนฺตรถํ อารุยฺห สยํ วา นิกฺขมติ, เอกํ ปุตฺตํ วา เปเสติ. ยทา เทวา ปุน อปจฺจาคมนาย อสุเร ชินึสุ, ตทา สกฺโก อสุเร ปลาเปตฺวา ปฺจสุ าเนสุ อารกฺขํ ทตฺวา เวทิยปาเท วชิรหตฺถา อินฺทปฏิมาโย เปสิ. อสุรา กาเลน กาลํ อุฏฺหิตฺวา ปฏิมาโย ทิสฺวา ‘‘สกฺโก อปฺปมตฺโต ติฏฺตี’’ติ ตโตว นิวตฺตนฺติ. อิธ ปน ยทา อสุรานํ ชโย อโหสิ, เทวานํ ปราชโย, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘ปราชิตา จ, ภิกฺขเว, เทวา อปยึสุเยว อุตฺตเรนาภิมุขา, อภิยึสุ อสุรา’’ติ.

ทกฺขิณาภิมุขา หุตฺวาติ จกฺกวาฬปพฺพตาภิมุขา หุตฺวา. อสุรา กิร เทเวหิ ปราชิตา ปลายนฺตา จกฺกวาฬปพฺพตาภิมุขํ คนฺตฺวา จกฺกวาฬมหาสมุทฺทปิฏฺิยํ รชตปฏฺฏวณฺเณ วาลิกาปุลิเน ยตฺถ ปณฺณกุฏิโย มาเปตฺวา อิสโย วสนฺติ, ตตฺถ คนฺตฺวา อิสีนํ อสฺสมปเทน คจฺฉนฺตา ‘‘สกฺโก อิเมหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา อมฺเห นาเสติ, คณฺหถ ปุตฺตหตาย ปุตฺเต’’ติ กุปิตา อสฺสมปเท ปานียฆฏจงฺกมนปณฺณสาลาทีนิ วิทฺธํเสนฺติ. อิสโย อรฺโต ผลาผลํ อาทาย อาคตา ทิสฺวา ปุน ทุกฺเขน ปฏิปากติกํ กโรนฺติ, เตปิ ปุนปฺปุนํ ตเถว ปราชิตา คนฺตฺวา วินาเสนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปราชิตา จ โข, ภิกฺขเว, อสุรา อปยึสุเยว ทกฺขิเณนาภิมุขา’’ติ. นวมํ อุตฺตานตฺถเมว.

เทวาสุรสงฺคามสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ตปุสฺสสุตฺตวณฺณนา

๔๑. ทสเม ปกฺขนฺทตีติ ปวิสติ. ปสีทตีติ ปสาทํ อภิรุจึ อาปชฺชติ, ปติฏฺาติ วิมุจฺจตีติ อตฺโถ. กถาปาภตนฺติ กถาย มูลํ. มูลฺหิ ‘‘ปาภต’’นฺติ วุจฺจติ. ยถาห –

‘‘อปฺปเกนปิ เมธาวี, ปาภเตน วิจกฺขโณ;

สมุฏฺาเปติ อตฺตานํ, อณุํ อคฺคึว สนฺธม’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๔);

เตเนวาห ‘‘กถาปาภตนฺติ กถามูล’’นฺติ. วิตกฺกคฺคหเณเนว ตํสหจริโต วิจาโรปิ คหิโต. เตเนเวตฺถ พหุวจนนิทฺเทโส กโตติ อาห ‘‘วิตกฺเกสูติ วิตกฺกวิจาเรสู’’ติ.

ตปุสฺสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.