📜
๓. มหาวคฺโค
๑. สีหนาทสุตฺตวณฺณนา
๒๑. ตติยสฺส ปเม วิสมฏฺาเนสูติ ปปาตาทีสุ วิสมฏฺาเนสุ. ‘‘อฺเหิ อสาธารณานี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เจตานิ สาวกานมฺปิ เอกจฺจานํ อุปฺปชฺชนฺตีติ? กามํ อุปฺปชฺชนฺติ, ยาทิสานิ ปน พุทฺธานํ านาฏฺานาณาทีนิ, น ตาทิสานิ ตทฺเสํ กทาจิปิ อุปฺปชฺชนฺตีติ อฺเหิ อสาธารณานีติ ¶ . เตนาห ‘‘ตถาคตสฺเสว พลานี’’ติ. อิมเมว หิ ยถาวุตฺตเลสํ อเปกฺขิตฺวา ตทภาวโต อาสยานุสยาณาทีสุ เอว อสาธารณสมฺา นิรุฬฺหา. กามํ าณพลานํ าณสมฺภาโร วิเสสปจฺจโย, ปฺุสมฺภาโรปิ ปน เนสํ ปจฺจโย เอว. าณสมฺภารสฺสปิ วา ปฺุสมฺภารภาวโต ‘‘ปฺุุสฺสยสมฺปตฺติยา อาคตานี’’ติ วุตฺตํ.
ปกติหตฺถิกุลนฺติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๒๒) คิริจรนทิจรวนจราทิปฺปเภทา โคจริยกาลาวกนามา สพฺพาปิ พเลน ปากติกา หตฺถิชาติ. ทสนฺนํ ปุริสานนฺติ ถามมชฺฌิมานํ ทสนฺนํ ปุริสานํ. เอกสฺส ตถาคตสฺส กายพลนฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. เอกสฺสาติ จ ตถา เหฏฺา กถายํ อาคตตฺตา เทสนาโสเตน วุตฺตํ. นารายนสงฺฆาตพลนฺติ เอตฺถ นารา วุจฺจนฺติ รสฺมิโย. ตา พหู นานาวิธา อิโต อุปฺปชฺชนฺตีติ นารายนํ, วชิรํ, ตสฺมา นารายนสงฺฆาตพลนฺติ วชิรสงฺฆาตพลนฺติ อตฺโถ. าณพลํ ปน ปาฬิยํ อาคตเมว, น กายพลํ วิย อฏฺกถารุฬฺหเมวาติ อธิปฺปาโย.
สํยุตฺตเก ¶ (สํ. นิ. ๒.๓๓) อาคตานิ เตสตฺตติ าณานิ, สตฺตสตฺตติ าณานีติ วุตฺตํ, ตตฺถ (วิภ. มูลฏี. ๗๖๐) ปน นิทานวคฺเค สตฺตสตฺตติ อาคตานิ จตุจตฺตารีสฺจ. เตสตฺตติ ปน ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๑) สุตมยาทีนิ อาคตานิ ทิสฺสนฺติ, น สํยุตฺตเก. อฺานิปีติ เอเตน าณวตฺถุวิภงฺเค (วิภ. ๗๕๑ อาทโย) เอกกาทิวเสน วุตฺตานิ, อฺตฺถ จ ‘‘ปุพฺพนฺเต าณ’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๖๓) พฺรหฺมชาลาทีสุ จ ‘‘ตยิทํ ตถาคโต ปชานาติ ‘อิมานิ ทิฏฺิฏฺานานิ เอวํ คหิตานี’ติ’’อาทินา (ที. นิ. ๑.๓๖) วุตฺตานิ อเนกานิ าณปฺปเภทานิ สงฺคณฺหาติ. ยาถาวปฺปฏิเวธโต สยฺจ อกมฺปิยํ ปุคฺคลฺจ ตํสมงฺคินํ เนยฺเยสุ อธิพลํ กโรตีติ อาห ‘‘อกมฺปิยฏฺเน อุปตฺถมฺภนฏฺเน จา’’ติ.
อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ, เสฏฺฏฺานํ. สพฺพฺุตาปฏิชานนวเสน อภิมุขํ คจฺฉนฺติ, อฏฺ วา ปริสา อุปสงฺกมนฺตีติ อาสภา, ปุพฺพพุทฺธา. อิทํ ปนาติ พุทฺธานํ านํ สพฺพฺุตเมว วทติ. ติฏฺมาโนวาติ อวทนฺโตปิ ติฏฺมาโนว ปฏิชานาติ นามาติ อตฺโถ. อุปคจฺฉตีติ อนุชานาติ.
อฏฺสุ ¶ ปริสาสูติ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อเนกสตํ ขตฺติยปริสํ…เป… ตตฺร วต มํ ภยํ วา สารชฺชํ วา โอกฺกมิสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๑) วุตฺตาสุ อฏฺสุ ปริสาสุ. อภีตนาทํ นทตีติ ปรโต ทสฺสิตาณโยเคน ทสพโลหนฺติ อภีตนาทํ นทติ.
ปฏิเวธนิฏฺตฺตา อรหตฺตมคฺคาณํ ปฏิเวโธติ ‘‘ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามา’’ติ วุตฺตํ. เตน ปฏิลทฺธสฺสปิ เทสนาาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ ปรสฺส อวพุชฺฌนมตฺเตน โหตีติ ‘‘อฺาสิโกณฺฑฺสฺส โสตาปตฺติผลกฺขเณ ปวตฺตํ นามา’’ติ วุตฺตํ. ตโต ปรํ ปน ยาว ปรินิพฺพานา เทสนาาณปวตฺติ ตสฺเสว ปวตฺติตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส านนฺติ เวทิตพฺพํ ปวตฺติตจกฺกสฺส จกฺกวตฺติโน จกฺกรตนสฺส านํ วิย.
ติฏฺตีติ วุตฺตํ, กึ ภูมิยํ ปุริโส วิย, โนติ อาห ‘‘ตทายตฺตวุตฺติตายา’’ติ. านนฺติ เจตฺถ อตฺตลาโภ ธรมานตา จ, น คตินิวตฺตีติ อาห ‘‘อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จา’’ติ. ยตฺถ ปเนตํ ทสพลาณํ วิตฺถาริตํ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อภิธมฺเม ปนา’’ติอาทิมาห. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
สมาทิยนฺตีติ ¶ สมาทานานิ, ตานิ ปน สมาทิยิตฺวา กตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘สมาทิยิตฺวา กตาน’’นฺติ. กมฺมเมว วา กมฺมสมาทานนฺติ เอเตน สมาทานสทฺทสฺส อปุพฺพตฺถาภาวํ ทสฺเสติ มุตฺตคตสทฺเท คตสทฺทสฺส วิย. คตีติ นิรยาทิคติโย. อุปธีติ อตฺตภาโว. กาโลติ กมฺมสฺส วิปจฺจนารหกาโล. ปโยโคติ วิปากุปฺปตฺติยา ปจฺจยภูตา กิริยา.
อคติคามินินฺติ นิพฺพานคามินึ. วุตฺตฺหิ ‘‘นิพฺพานฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ นิพฺพานคามินิฺจ ปฏิปท’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๕๓). พหูสุปิ มนุสฺเสสุ เอกเมว ปาณํ ฆาเตนฺเตสุ กามํ สพฺเพสมฺปิ เจตนา ตสฺเสเวกสฺส ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณา, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํ. เตสุ (วิภ. อฏฺ. ๘๑๑) หิ เอโก อาทเรน ฉนฺทชาโต กโรติ, เอโก ‘‘เอหิ ตฺวมฺปิ กโรหี’’ติ ปเรหิ นิปฺปีฬิโต กโรติ, เอโก สมานจฺฉนฺโท วิย หุตฺวา อปฺปฏิพาหมาโน วิจรติ. เตสุ เอโก เตเนว กมฺเมน นิรเย นิพฺพตฺตติ, เอโก ติรจฺฉานโยนิยํ, เอโก ¶ เปตฺติวิสเย. ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส ติรจฺฉานโยนิยํ, เอส เปตฺติวิสเย’’ติ ชานาติ. นิรเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส มหานิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส อุสฺสทนิรเย’’ติ ชานาติ. ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส อปาทโก ภวิสฺสติ, เอส ทฺวิปาทโก, เอส จตุปฺปโท, เอส พหุปฺปโท’’ติ ชานาติ. เปตฺติวิสเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส นิชฺฌามตณฺหิโก ภวิสฺสติ, เอส ขุปฺปิปาสิโก, เอส ปรทตฺตูปชีวี’’ติ ชานาติ. เตสุ จ กมฺเมสุ ‘‘อิทํ กมฺมํ ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒิสฺสติ, อิทํ อฺเน ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา อุปธิเวปกฺกํ ภวิสฺสตี’’ติ ชานาติ.
ตถา สกลคามวาสิเกสุ เอกโต ปิณฺฑปาตํ ททมาเนสุ กามํ สพฺเพสมฺปิ เจตนา ปิณฺฑปาตารมฺมณาว, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํ. เตสุ หิ เอโก อาทเรน กโรตีติ สพฺพํ ปุริมสทิสํ, ตสฺมา เตสุ เกจิ เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, เกจิ มนุสฺสโลเก. ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ชานาติ. ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส เทวโลเก. ตตฺถาปิ เอส ขตฺติยกุเล, เอส พฺราหฺมณกุเล, เอส เวสฺสกุเล, เอส สุทฺทกุเล, เอส ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสุ, เอส นิมฺมานรตีสุ, เอส ตุสิเตสุ, เอส ยาเมสุ, เอส ตาวตึเสสุ, เอส จาตุมหาราชิเกสุ, เอส ภุมฺมเทเวสู’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ หีนปณีตสุวณฺณทุพฺพณฺณอปฺปปริวารมหาปริวารตาทิเภทํ ตํ ตํ วิเสสํ อายูหนกฺขเณเยว ชานาติ.
ตถา ¶ วิปสฺสนํ ปฏฺเปนฺเตสุเยว ‘‘อิมินา นีหาเรน เอส กิฺจิ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺขิสฺสติ, เอส มหาภูตมตฺตเมว ววตฺถเปสฺสติ, เอส รูปปริคฺคเหเยว สฺสติ, เอส อรูปปริคฺคเหเยว, เอส นามรูปปริคฺคเหเยว, เอส ปจฺจยปริคฺคเหเยว, เอส ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนายเมว, เอส ปมผเลเยว, เอส ทุติยผเลเยว, เอส ตติยผเลเยว, เอส อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ชานาติ. กสิณปริกมฺมํ กโรนฺเตสุปิ ‘‘อิมสฺส ปริกมฺมมตฺตเมว ภวิสฺสติ, เอส นิมิตฺตํ อุปฺปาเทสฺสติ, เอส อปฺปนํ เอว ปาปุณิสฺสติ, เอส ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ชานาติ. เตนาห ‘‘อิมสฺส เจตนา’’ติอาทิ.
กามนโต ¶ กาเมตพฺพโต กามปฺปฏิสํยุตฺตโต จ ธาตุ กามธาตุ. อาทิ-สทฺเทน พฺยาปาทธาตุรูปธาตุอาทีนํ สงฺคโห. วิลกฺขณตายาติ วิสทิสสภาวตาย. ขนฺธายตนธาตุโลกนฺติ อเนกธาตุํ นานาธาตุํ ขนฺธโลกํ อายตนโลกํ ธาตุโลกํ ยถาภูตํ ปชานาตีติ โยชนา. ‘‘อยํ รูปกฺขนฺโธ นาม…เป… อยํ วิฺาณกฺขนฺโธ นาม. เตสุปิ เอกวิเธน รูปกฺขนฺโธ, เอกาทสวิเธน รูปกฺขนฺโธ. เอกวิเธน เวทนากฺขนฺโธ, พหุวิเธน เวทนากฺขนฺโธ. เอกวิเธน สฺากฺขนฺโธ…เป… สงฺขารกฺขนฺโธ…เป… วิฺาณกฺขนฺโธ, พหุวิเธน วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ เอวํ ตาว ขนฺธโลกสฺส, ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม…เป… อิทํ ธมฺมายตนํ นาม. ตตฺถ ทสายตนา กามาวจรา, ทฺเว จาตุภูมกา’’ติอาทินา อายตนโลกสฺส, ‘‘อยํ จกฺขุธาตุ นาม…เป… อยํ มโนวิฺาณธาตุ นาม. ตตฺถ โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, ทฺเว จาตุภูมกา’’ติอาทินา ธาตุโลกสฺส อเนกสภาวํ นานาสภาวฺจ ปชานาติ. น เกวลํ อุปาทินฺนสงฺขารโลกสฺเสว, อถ โข อนุปาทินฺนกสงฺขารโลกสฺสปิ ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺส รุกฺขสฺส ขนฺโธ เสโต, อิมสฺส กาโฬ, อิมสฺส มฏฺโ, อิมสฺส สกณฺฏโก, อิมสฺส พหลตฺตโจ, อิมสฺส ตนุตฺตโจ, อิมสฺส ปตฺตํ วณฺณสณฺานาทิวเสน เอวรูปํ, อิมสฺส ปุปฺผํ นีลํ ปีตํ โลหิตํ โอทาตํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ, อิมสฺส ผลํ ขุทฺทกํ มหนฺตํ ทีฆํ วฏฺฏํ สุสณฺานํ ทุสฺสณฺานํ มฏฺํ ผรุสํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ มธุรํ ติตฺตกํ กฏุกํ อมฺพิลํ กสาวํ, อิมสฺส กณฺฏโก ติขิโณ กุณฺโ อุชุโก กุฏิโล ตมฺโพ กาโฬ โอทาโต โหตี’’ติอาทินา ปชานาติ. สพฺพฺุพุทฺธานํ เอว หิ เอตํ พลํ, น อฺเสํ.
นานาธิมุตฺติกตนฺติ นานชฺฌาสยตํ. อธิมุตฺติ นาม อชฺฌาสยธาตุ อชฺฌาสยสภาโว. โส ปน หีนปณีตตาสามฺเน ปาฬิยํ ทฺวิธาว วุตฺโตปิ หีนปณีตาทิเภเทน อเนกวิโธติ อาห ‘‘หีนาทีหิ อธิมุตฺตีหิ นานาธิมุตฺติกภาว’’นฺติ. ตตฺถ เย เย สตฺตา ยํยํอธิมุตฺติกา, เต ¶ เต ตํตทธิมุตฺติเก เอว เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺติ ธาตุสภาคโต. ยถา คูถาทีนํ ธาตูนํ สภาโว เอโส, ยํ คูถาทีหิ เอว สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, เอวํ หีนชฺฌาสยา ทุสฺสีลาทีเหว สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, สมฺปนฺนสีลาทโย จ สมฺปนฺนสีลาทีเหว. ตํ เนสํ นานาธิมุตฺติกตํ ภควา ยถาภูตํ ปชานาตีติ.
วุทฺธึ ¶ หานิฺจาติ ปจฺจยวิเสเสน สามตฺถิยโต อธิกตํ อนธิกตฺจ. อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณนิทฺเทเส (วิภ. ๘๑๔; ปฏิ. ม. ๑๑๓) ‘‘อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาตี’’ติ อาสยาทิชานนํ กสฺมา นิทฺทิฏฺนฺติ? อาสยชานนาทินา เยหิ อินฺทฺริเยหิ ปโรปเรหิ สตฺตา กลฺยาณปาปาสยาทิกา โหนฺติ, เตสํ ชานนสฺส วิภาวนโต. เอวฺจ กตฺวา อินฺทฺริยปโรปริยตฺตอาสยานุสยาณานํ วิสุํ อสาธารณตา, อินฺทฺริยปโรปริยตฺตนานาธิมุตฺติกตาาณานํ วิสุํ พลวตา จ สิทฺธา โหติ. ตตฺถ อาสยนฺติ ยตฺถ สตฺตา นิวสนฺติ, ตํ เตสํ นิวาสฏฺานํ, ทิฏฺิคตํ วา ยถาภูตาณํ วา อาสโย, อนุสโย อปฺปหีนภาเวน ถามคโต กิเลโส. ตํ ปน ภควา สตฺตานํ อาสยํ ชานนฺโต เตสํ เตสํ ทิฏฺิคตานํ วิปสฺสนามคฺคาณานฺจ อปฺปวตฺติกฺขเณปิ ชานาติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กามํ เสวนฺตํเยว ภควา ชานาติ – ‘อยํ ปุคฺคโล กามครุโก กามาสโย กามาธิมุตฺโต’ติ. กามํ เสวนฺตํเยว ชานาติ – ‘อยํ ปุคฺคโล เนกฺขมฺมครุโก เนกฺขมฺมาสโย เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต’ติ. เนกฺขมฺมํ เสวนฺตํเยว ชานาติ. พฺยาปาทํ, อพฺยาปาทํ, ถินมิทฺธํ, อาโลกสฺํ เสวนฺตํเยว ชานาติ – ‘อยํ ปุคฺคโล ถินมิทฺธครุโก ถินมิทฺธาสโย ถินมิทฺธาธิมุตฺโต’’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓).
ปมาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานนฺติ รูปาวจรานํ ปมาทีนํ ปจฺจนีกชฺฌาปนฏฺเน อารมฺมณูปนิชฺฌาปนฏฺเน จ ฌานานํ. จตุกฺกนเยน เหตํ วุตฺตํ. อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานนฺติ เอตฺถ ปฏิปาฏิยา สตฺต อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุจฺจนโต อารมฺมเณ จ อธิมุจฺจนโต วิโมกฺขา นาม. อฏฺโม ปน สพฺพโส สฺาเวทยิเตหิ วิมุตฺตตฺตา อปคมวิโมกฺโข นาม. จตุกฺกนยปฺจกนเยสุ ปมชฺฌานสมาธิ สวิตกฺกสวิจาโร นาม. ปฺจกนเย ทุติยชฺฌานสมาธิ อวิตกฺกวิจารมตฺโต. นยทฺวเยปิ อุปริ ตีสุ ฌาเนสุ สมาธิ อวิตกฺกอวิจาโร. สมาปตฺตีสุ ปฏิปาฏิยา อฏฺนฺนํ สมาธีติปิ นามํ, สมาปตฺตีติปิ จิตฺเตกคฺคตาสพฺภาวโต, นิโรธสมาปตฺติยา ตทภาวโต น สมาธีติ นามํ. หานภาคิยธมฺมนฺติ อปฺปคุเณหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺิตสฺส สฺามนสิการานํ กามาทิอนุปกฺขนฺทนํ ¶ . วิเสสภาคิยธมฺมนฺติ ปคุเณหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺิตสฺส สฺามนสิการานํ ¶ ทุติยชฺฌานาทิปกฺขนฺทนํ. อิติ สฺามนสิการานํ กามาทิทุติยชฺฌานาทิปกฺขนฺทนานิ หานภาคิยวิเสสภาคิยา ธมฺมาติ ทสฺสิตานิ. เตหิ ปน ฌานานํ ตํสภาวตา จ ธมฺมสทฺเทน วุตฺตา. ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ เหตุภาเวน ปจฺจามสติ. โวทานนฺติ ปคุณตาสงฺขาตํ โวทานํ. ตฺหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺหิตฺวา ทุติยชฺฌานาทิอธิคมสฺส ปจฺจยตฺตา ‘‘วุฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘นิโรธโต ผลสมาปตฺติยา วุฏฺานนฺติ ปาฬิ นตฺถี’’ติ วทนฺติ. เต ‘‘นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส เนวสฺานาสฺายตนํ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ อิมาย ปาฬิยา (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) ปฏิเสเธตพฺพา. โย สมาปตฺติลาภี สมาโน เอว ‘‘น ลาภีมฺหี’’ติ, กมฺมฏฺานํ สมานํ เอว ‘‘น กมฺมฏฺาน’’นฺติ สฺี โหติ, โส สมฺปตฺตึเยว สมานํ ‘‘วิปตฺตี’’ติ ปจฺเจตีติ เวทิตพฺโพ.
น ตถา ทฏฺพฺพนฺติ ยถา ปรวาทินา วุตฺตํ, ตถา น ทฏฺพฺพํ. สกสกกิจฺจเมว ชานาตีติ านาฏฺานชานนาทิสกสกเมว กิจฺจํ กาตุํ ชานาติ, ยถาสกเมว วิสยํ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ. ตมฺปีติ เตหิ ทสพลาเณหิ ชานิตพฺพมฺปิ. กมฺมวิปากนฺตรเมวาติ กมฺมนฺตรสฺส วิปากนฺตรเมว ชานาติ. เจตนาเจตนาสมฺปยุตฺตธมฺเม นิรยาทินิพฺพานคามินิปฺปฏิปทาภูเต กมฺมนฺติ คเหตฺวา อาห ‘‘กมฺมปริจฺเฉทเมวา’’ติ. ธาตุนานตฺตฺจ ธาตุนานตฺตการณฺจ ธาตุนานตฺตการณนฺติ เอกเทสสรูเปกเสโส ทฏฺพฺโพ. ตฺหิ าณํ ตทุภยมฺปิ ชานาติ. ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา’’ติอาทินา (วิภ. อฏฺ. ๘๑๒) ตถา เจว สํวณฺณิตํ. สจฺจปริจฺเฉทเมวาติ ปริฺาภิสมยาทิวเสน สจฺจานํ ปริจฺฉินฺนเมว. อปฺเปตุํ น สกฺโกติ อฏฺมนวมพลานิ วิย ตํสทิสํ, อิทฺธิวิธาณมิว วิกุพฺพิตุํ. เอเตนสฺส พลสทิสตฺจ นิวาเรติ. ฌานาทิาณํ วิย วา อปฺเปตุํ วิกุพฺพิตฺุจ. ยทิปิ หิ ฌานาทิปจฺจเวกฺขณาณํ สตฺตมพลนฺติ ตสฺส สวิตกฺกสวิจารตา วุตฺตา, ตถาปิ ฌานาทีหิ วินา ปจฺจเวกฺขณา นตฺถีติ ฌานาทิสหคตํ าณํ ตทนฺโตคธํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา สพฺพฺุตฺาณํ ฌานาทิกิจฺจํ วิย น สพฺพํ พลกิจฺจํ กาตุํ สกฺโกตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ฌานํ หุตฺวา อปฺเปตุํ, อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตฺุจ น สกฺโกตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน กสฺสจิ พลสฺส ฌานอิทฺธิภาวโตติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ ¶ กิจฺจวิเสสวเสนปิ ทสพลาณสพฺพฺุตฺาณวิเสสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิตกฺกตฺติกภูมนฺตรวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฏิปาฏิยาติอาทิโต ปฏฺาย ปฏิปาฏิยา.
อนุปทวณฺณนํ ¶ ตฺวา เวทิตพฺพานีติ สมฺพนฺโธ. กิเลสาวรณํ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิ. กิเลสาวรณสฺส อภาโว อาสวกฺขยาณาธิคมสฺส านํ, ตพฺภาโว อฏฺานํ. อนธิคมสฺส ปน ตทุภยมฺปิ ยถากฺกมํ อฏฺานํ านฺจาติ ตตฺถ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โลกิย…เป… ทสฺสนโต จา’’ติ อาห. ตตฺถ โลกิยสมฺมาทิฏฺิยา ิติ อาสวกฺขยาธิคมสฺส านํ กิเลสาวรณาภาวสฺส การณตฺตา. สา หิ ตสฺมึ สติ น โหติ, อสติ จ โหติ. เอเตน ตสฺสา อฏฺิติยา ตสฺส อฏฺานตา วุตฺตา เอว. เนสํ เวเนยฺยสตฺตานํ. ธาตุเวมตฺตทสฺสนโตติ กามธาตุอาทีนํ ปวตฺติเภททสฺสนโต, ยทคฺเคน ธาตุเวมตฺตํ ชานาติ, ตทคฺเคน จริยาทิวิเสสมฺปิ ชานาติ. ธาตุเวมตฺตทสฺสนโตติ วา ธมฺมธาตุเวมตฺตทสฺสนโต. สพฺพาปิ หิ จริยา ธมฺมธาตุปริยาปนฺนา เอวาติ. ปโยคํ อนาทิยิตฺวาปิ สนฺตติมหามตฺตาทีนํ วิย. ทิพฺพจกฺขานุภาวโต ปตฺตพฺเพนาติ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุนา ปรสฺส หทยวตฺถุสนฺนิสฺสยโลหิตวณฺณทสฺสนมุเขน ตทา ปวตฺตมานจิตฺตชานนตฺถํ ปริกมฺมกรณํ นาม สาวกานํ, ตฺจ โข อาทิกมฺมิกานํ, ยโต ทิพฺพจกฺขุอานุภาวโต เจโตปริยาณสฺส ปตฺตพฺพตา สิยา. พุทฺธานํ ปน ยทิปิ อาสวกฺขยาณาธิคมโต ปเคว ทิพฺพจกฺขุาณาธิคโม, ตถาปิ ตถาปริกมฺมกรณํ นตฺถิ วิชฺชาตฺตยสิทฺธิยา สิชฺฌนโต. เสสาภิฺาตฺตเย เจโตปริยาณํ ทิพฺพจกฺขุาณาธิคเมน ปตฺตนฺติ จ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
สีหนาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒-๔. อธิวุตฺติปทสุตฺตาทิวณฺณนา
๒๒-๒๔. ทุติเย อธิวจนปทานนฺติ ปฺตฺติปทานํ. ทาสาทีสุ สิริวฑฺฒกาทิสทฺทา วิย วจนมตฺตเมว อธิการํ กตฺวา ปวตฺติยา อธิวจนํ ปฺตฺติ. อถ วา อธิสทฺโท อุปริภาเค. วุจฺจตีติ วจนํ, อุปริ วจนํ อธิวจนํ, อุปาทาภูตรูปาทีนํ ¶ อุปริ ปฺปิยมานา อุปาทาปฺตฺตีติ อตฺโถ, ตสฺมา ปฺตฺติทีปกปทานีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตสฺส ปทานิ ปทฏฺานานิ อธิวจนปทานิ. เตนาห ‘‘เตสํ เย’’ติอาทิ. เตสนฺติ อธิวจนานํ. เยติ ขนฺธาทโย. อธิวุตฺติตาย อธิวุตฺติโยติ ทิฏฺิโย วุจฺจนฺติ. อธิกฺหิ สภาวธมฺเมสุ สสฺสตาทึ, ปกติอาทึ, ทฺรพฺยาทึ, ชีวาทึ, กายาทิฺจ, อภูตํ อตฺถํ อชฺฌาโรเปตฺวา ทิฏฺิโย ปวตฺตนฺตีติ. เตนาห ‘‘อถ วา’’ติอาทิ. ตติยจตุตฺถานิ สุวิฺเยฺยานิ.
อธิวุตฺติปทสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. กสิณสุตฺตวณฺณนา
๒๕. ปฺจเม ¶ สกลฏฺเนาติ นิสฺเสสฏฺเน. อนวเสสผรณวเสน เจตฺถ สกลฏฺโ เวทิตพฺโพ, อสุภนิมิตฺตาทีสุ วิย เอกเทเส อฏฺตฺวา อนวเสสโต คเหตพฺพฏฺเนาติ อตฺโถ. ตทารมฺมณานํ ธมฺมานนฺติ ตํ กสิณํ อารพฺภ ปวตฺตนกธมฺมานํ. เขตฺตฏฺเนาติ อุปฺปตฺติฏฺานฏฺเน. อธิฏฺานฏฺเนาติ ปวตฺติฏฺานภาเวน. ยถา เขตฺตํ สสฺสานํ อุปฺปตฺติฏฺานํ วฑฺฒนฏฺานฺจ, เอวเมว ตํ ต ฌานํ สมฺปยุตฺตธมฺมานนฺติ. โยคิโน วา สุขวิเสสานํ การณภาเวน. ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ อิทํ ‘‘อุทฺธํ อโธ ติริย’’นฺติ เอตฺถาปิ โยเชตพฺพํ. ปริจฺฉินฺทิตฺวา เอว หิ สพฺพตฺถ กสิณํ วฑฺเฒตพฺพํ. เตน เตน วา การเณนาติ เตน เตน อุปริอาทีสุ กสิณวฑฺฒนการเณน. ยถา กินฺติ อาห ‘‘อาโลกมิว รูปทสฺสนกาโม’’ติ. ยถา ทิพฺพจกฺขุนา อุทฺธํ เจ รูปํ ทฏฺุกาโม, อุทฺธํ อาโลกํ ปสาเรติ. อโธ เจ, อโธ. สมนฺตโต เจ รูปํ ทฏฺุกาโม, สมนฺตโต อาโลกํ ปสาเรติ, เอวํ สพฺพกสิณนฺติ อตฺโถ. เอกสฺสาติ ปถวีกสิณาทีสุ เอเกกสฺส. อฺภาวานุปคมนตฺถนฺติ อฺกสิณภาวานุปคมนทีปนตฺถํ, อฺสฺส วา กสิณภาวานุปคมนทีปนตฺถํ. น หิ อฺเน ปสาริตกสิณํ ตโต อฺเน ปสาริตกสิณภาวํ อุปคจฺฉติ, เอวมฺปิ เนสํ อฺกสิณสมฺเภทาภาโว เวทิตพฺโพ. น อฺํ ปถวีอาทิ. น หิ อุทเกน ิตฏฺาเน สสมฺภารปถวี อตฺถิ. อฺกสิณสมฺเภโทติ อาโปกสิณาทินา สงฺกโร. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ เสสกสิเณสุ.
เอกเทเส ¶ อฏฺตฺวา อนวเสสผรณํ ปมาณสฺส อคฺคหณโต อปฺปมาณํ. เตเนว หิ เนสํ กสิณสมฺา. ตถา จาห ‘‘ตฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ เจตสา ผรนฺโตติ ภาวนาจิตฺเตน อารมฺมณํ กโรนฺโต. ภาวนาจิตฺตฺหิ กสิณํ ปริตฺตํ วา วิปุลํ วา สกลเมว มนสิ กโรติ, น เอกเทสํ. กสิณุคฺฆาฏิมากาเส ปวตฺตวิฺาณํ ผรณอปฺปมาณวเสน วิฺาณกสิณนฺติ วุตฺตํ. ตถา หิ ตํ วิฺาณนฺติ วุจฺจติ. กสิณวเสนาติ อุคฺฆาฏิตกสิณวเสน กสิณุคฺฆาฏิมากาเส อุทฺธํอโธติริยตา เวทิตพฺพา. ยตฺตกฺหิ านํ กสิณํ ปสาริตํ, ตตฺตกํ อากาสภาวนาวเสน อากาสํ โหตีติ. เอวํ ยตฺตกํ านํ อากาสํ หุตฺวา อุปฏฺิตํ, ตตฺตกํ สกลเมว ผริตฺวา วิฺาณสฺส ปวตฺตนโต อาคมนวเสน วิฺาณกสิเณปิ อุทฺธํอโธติริยตา วุตฺตาติ อาห ‘‘กสิณุคฺฆาฏิมากาสวเสน ตตฺถ ปวตฺตวิฺาเณ อุทฺธํอโธติริยตา เวทิตพฺพา’’ติ.
กสิณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. กาฬีสุตฺตวณฺณนา
๒๖. ฉฏฺเ ¶ อตฺถสฺส ปตฺตินฺติ เอกนฺตโต หิตานุปฺปตฺตึ. หทยสฺส สนฺตินฺติ ปรมจิตฺตูปสมํ. กิเลสเสนนฺติ กามคุณสงฺขาตํ ปมํ กิเลสเสนํ. สา หิ กิเลสเสนา อจฺฉราสงฺฆาตสภาวาปิ ปฏิปตฺถยมานา ปิยายิตพฺพอิจฺฉิตพฺพรูปสภาวโต ปิยรูปสาตรูปา นาม อตฺตโน กิจฺจวเสน. อหํ เอโกว ฌายนฺโตติ อหํ คณสงฺคณิกาย กิเลสสงฺคณิกาย จ อภาวโต เอโก อสหาโย ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน ฌายนฺโต. อนุพุชฺฌินฺติ อนุกฺกเมน มคฺคปฏิปาฏิยา พุชฺฌึ ปฏิวิชฺฌึ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปิยรูปํ สาตรูปํ เสนํ ชินิตฺวา อหํ เอโกว ฌายนฺโต ‘‘อตฺถสฺส ปตฺตึ หทยสฺส สนฺติ’’นฺติ สงฺขํ คตํ อรหตฺตสุขํ ปฏิวิชฺฌึ, ตสฺมา ชเนน มิตฺตสนฺถวํ น กโรมิ, เตเนว จ เม การเณน เกนจิ สทฺธึ สกฺขี น สมฺปชฺชตีติ. อตฺถาภินิพฺพตฺเตสุนฺติ อิติสทฺทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘อตฺโถติ คเหตฺวา’’ติ.
กาฬีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ปมมหาปฺหสุตฺตวณฺณนา
๒๗. สตฺตเม ¶ วุจฺเจถาติ วุจฺเจยฺย. ทุติยปเทปีติ ‘‘อนุสาสนิยา วา อนุสาสนิ’’นฺติ เอวํ ทุติยวากฺเยปิ. เต กิร ภิกฺขู. น เจว สมฺปายิสฺสนฺตีติ น เจว สมฺมเทว ปกาเรหิ คเหสฺสนฺติ าเปสฺสนฺติ. เตนาห ‘‘สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. ยสฺมา อวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิตา โหนฺติ, ตสฺมา วิฆาตํ อาปชฺชิสฺสนฺตีติ โยชนา. อฺถา อาราธนํ นาม นตฺถีติ อิมินา สปจฺจยนามรูปานํ ยาถาวโต อวโพโธ เอว อิโต พาหิรกานํ นตฺถิ, กุโต ปเวทนาติ ทสฺเสติ. อาราธนนฺติ ยาถาวปเวทเนน จิตฺตสฺส ปริโตสนํ.
เอโก ปฺโหติ เอโก ปฺหมคฺโค, เอกํ ปฺหคเวสนนฺติ อตฺโถ. เอโก อุทฺเทโสติ เอกํ อุทฺทิสนํ อตฺถสฺส สํขิตฺตวจนํ. เวยฺยากรณนฺติ นิทฺทิสนํ อตฺถสฺส วิวริตฺวา กถนํ. เหตุนาติ ‘‘อนฺตวนฺตโต อนจฺจนฺติกโต ตาวกาลิกโต นิจฺจปฺปฏิกฺเขปโต’’ติ เอวมาทินา นเยน ยถา อิเม สงฺขารา เอตรหิ, เอวํ อตีเต อนาคเต จ อนิจฺจา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมาติ อตีตานาคเตสุ นเยน.
สพฺเพ สตฺตาติ อนวเสสา สตฺตา. เต ปน ภวเภทโต สงฺเขเปเนว ภินฺทิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘กามภวาทีสู’’ติอาทิมาห ¶ . พฺยธิกรณานมฺปิ พาหิรตฺถสมาโส โหติ ยถา ‘‘อุรสิโลโม’’ติ อาห ‘‘อาหารโต ิติ เอเตสนฺติ อาหารฏฺิติกา’’ติ. ติฏฺติ เอเตนาติ วา ิติ, อาหาโร ิติ เอเตสนฺติ อาหารฏฺิติกาติ เอวํ วา เอตฺถ สมาสวิคฺคโห ทฏฺพฺโพ. อาหารฏฺิติกาติ ปจฺจยฏฺิติกา, ปจฺจยายตฺตวุตฺติกาติ อตฺโถ. ปจฺจยตฺโถ เหตฺถ อาหารสทฺโท ‘‘อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทายา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๓๒) วิย. เอวฺหิ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิมินา อสฺสตฺตา ปริคฺคหิตา โหนฺติ. สา ปนายํ อาหารฏฺิติกตา นิปฺปริยายโต สงฺขารธมฺโม. เตนาหุ อฏฺกถาจริยา ‘‘อาหารฏฺิติกาติ อาคตฏฺาเน สงฺขารโลโก เวทิตพฺโพ’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑ เวรฺชกณฺฑวณฺณนา; วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๖). ยทิ เอวํ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิทํ กถนฺติ? ปุคฺคลาธิฏฺานเทสนาติ นายํ โทโส. เตเนวาห – ‘‘เอกธมฺเม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน สมฺมา วิรชฺชมาโน สมฺมา วิมุจฺจมาโน สมฺมา ¶ ปริยนฺตทสฺสาวี สมฺมทตฺถํ อภิสเมจฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. กตมสฺมึ เอกธมฺเม? สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ. ยฺวายํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย สพฺเพสํ สงฺขารานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย อาหารปริยาเยน สามฺโต ปจฺจยธมฺโม วุตฺโต, อยํ อาหาโร นาม เอโก ธมฺโม.
โจทโก วุตฺตมฺปิ อตฺถํ ยาถาวโต อปฺปฏิวิชฺฌมาโน เนยฺยตฺถํ สุตฺตปทํ นีตตฺถโต ทหนฺโต ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ วจนมตฺเต ตฺวา ‘‘นนุ จา’’ติอาทินา โจเทติ. อาจริโย อวิปรีตํ ตตฺถ ยถาธิปฺเปตมตฺถํ ปเวเทนฺโต ‘‘น วิรุชฺฌตี’’ติ วตฺวา ‘‘เตสฺหิ ฌานํ อาหาโร โหตี’’ติ อาห. ฌานนฺติ เอกโวการภวาวหํ สฺาย วิรชฺชนวเสน ปวตฺตรูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อนาหารา’’ติ วจนํ อสฺภเว จตุนฺนํ อาหารานํ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปจฺจยาหารสฺส อภาวโต. เอวํ สนฺเตปีติ อิทํ สาสเน เยสุ ธมฺเมสุ วิเสสโต อาหารสทฺโท นิรุฬฺโห, ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ เอตฺถ ยทิ เตเยว คยฺหนฺติ, อพฺยาปิตโทสมาปนฺโน. อถ สพฺโพปิ ปจฺจยธมฺโม อาหาโรติ อธิปฺเปโต, อิมาย อาหารปาฬิยา วิโรโธ อาปนฺโนติ ทสฺเสตุํ อารทฺธํ. ‘‘น วิรุชฺฌตี’’ติ เยนาธิปฺปาเยน วุตฺตํ, ตํ วิวรนฺโต ‘‘เอตสฺมิฺหิ สุตฺเต’’ติอาทิมาห. กพฬีการาหาราทีนํ โอชฏฺมกรูปาหรณาทิ นิปฺปริยาเยน อาหารภาโว. ยถา หิ กพฬีการาหาโร โอชฏฺมกรูปาหรเณน รูปกายํ อุปตฺถมฺเภนฺติ, เอวํ ผสฺสาทโย เวทนาทิอาหรเณน นามกายํ อุปตฺถมฺเภติ, ตสฺมา สติปิ ชนกภาเว อุปตฺถมฺภกภาโว โอชาทีสุ สาติสโย ลพฺภมาโน มุขฺโย อาหารฏฺโติ เต เอว นิปฺปริยาเยน อาหารลกฺขณา ธมฺมา วุตฺตา.
อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต ปริยาเยน ปจฺจโย อาหาโรติ วุตฺโต, สพฺโพ ปจฺจยธมฺโม อตฺตโน ผลํ ¶ อาหรตีติ อิมํ ปริยายํ ลภตีติ. เตนาห ‘‘สพฺพธมฺมานฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ สพฺพธมฺมานนฺติ สพฺเพสํ สงฺขตธมฺมานํ. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ สุตฺเตน สมตฺเถตุํ ‘‘เตเนวาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยนฺติ ปจฺจยาหาโร. นิปฺปริยายาหาโรปิ คหิโตว โหตีติ ยาวตา โสปิ ปจฺจยภาเวเนว ชนโก อุปตฺถมฺภโก จ หุตฺวา ตํ ตํ ผลํ อาหรตีติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ.
ตตฺถาติ ¶ ปริยายาหาโร, นิปฺปริยายาหาโรติ ทฺวีสุ อาหาเรสุ อสฺภเว ยทิปิ นิปฺปริยายาหาโร น ลพฺภติ, ปริยายาหาโร ปน ลพฺภเตว. อิทานิ ตเมวตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘อนุปฺปนฺเน หิ พุทฺเธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุปฺปนฺเน พุทฺเธ ติตฺถกรมตนิสฺสิตานํ ฌานภาวนาย อสิชฺฌนโต ‘‘อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ’’ติ วุตฺตํ. สาสนิกา ตาทิสํ ฌานํ น นิพฺพตฺเตนฺตีติ ‘‘ติตฺถายตเน ปพฺพชิตา’’ติ วุตฺตํ. ติตฺถิยา หิ อุปปตฺติวิเสเส วิมุตฺติสฺิโน สฺาวิราคาวิราเคสุ อาทีนวานิสํสทสฺสิโนว หุตฺวา อสฺสมาปตฺตึ นิพฺพตฺเตตฺวา อกฺขณภูมิยํ อุปฺปชฺชนฺติ, น สาสนิกา. วาโยกสิเณ ปริกฺกมฺมํ กตฺวาติ วาโยกสิเณ ปมาทีนิ ตีณิ ฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ตติยชฺฌาเน จิณฺณวสี หุตฺวา ตโต วุฏฺาย จตุตฺถชฺฌานาธิคมาย ปริกมฺมํ กตฺวา. เตเนวาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา’’ติ.
กสฺมา (ที. นิ. ฏี. ๑.๖๘-๗๓; ที. นิ. อภิ. ฏี. ๑.๖๘-๗๓) ปเนตฺถ วาโยกสิเณเยว ปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต, ยเถว หิ รูปปฏิภาคภูเตสุ กสิณวิเสเสสุ รูปวิภาวเนน รูปวิราคภาวนาสงฺขาโต อรูปสมาปตฺติวิเสโส สจฺฉิกรียติ, เอวํ อปริพฺยตฺตวิคฺคหตาย อรูปปฏิภาคภูเต กสิณวิเสเส อรูปวิภาวเนน อรูปวิราคภาวนา สงฺขาโต รูปสมาปตฺติวิเสโส อธิคมียตีติ. เอตฺถ จ ‘‘สฺา โรโค, สฺา คณฺโฑ’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔), ‘‘ธิ จิตฺตํ, ธิ วเตตํ จิตฺต’’นฺติอาทินา จ นเยน อรูปปฺปวตฺติยา อาทีนวทสฺสเนน ตทภาเว จ สนฺตปณีตภาวสนฺนิฏฺาเนน รูปสมาปตฺติยา อภิสงฺขรณํ อรูปวิราคภาวนา. รูปวิราคภาวนา ปน สทฺธึ อุปจาเรน อรูปสมาปตฺติโย, ตตฺถาปิ วิเสเสน ปมารุปฺปชฺฌานํ. ยทิ เอวํ ‘‘ปริจฺฉินฺนากาสกสิเณปี’’ติ วตฺตพฺพํ, ตสฺสาปิ อรูปปฏิภาคตา ลพฺภตีติ? อิจฺฉิตเมเวตํ, เกสฺจิ อวจนํ ปเนตฺถ ปุพฺพาจริเยหิ อคฺคหิตภาเวน. ยถา หิ รูปวิราคภาวนา วิรชฺชนียธมฺมาภาวมตฺเตน ปรินิปฺผนฺนา, วิรชฺชนียธมฺมปริภาสภูเต จ วิสยวิเสเส ปาตุภวติ, เอวํ อรูปวิราคภาวนาปีติ วุจฺจมาเน น โกจิ วิโรโธ. ติตฺถิเยเหว ปน ตสฺสา สมาปตฺติยา ปฏิปชฺชิตพฺพตาย เตสฺจ วิสยปเถ สูปนิพนฺธนสฺเสว ตสฺส ฌานสฺส ปฏิปตฺติโต ทิฏฺิวนฺเตหิ ปุพฺพาจริเยหิ จตุตฺเถเยว ภูตกสิเณ อรูปวิราคภาวนาปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจ ¶ วณฺณกสิเณสุ วิย ปุริมภูตกสิณตฺตเยปิ ¶ วณฺณปฺปฏิจฺฉายาว ปณฺณตฺติ อารมฺมณํ ฌานสฺส โลกโวหารานุโรเธเนว ปวตฺติโต. เอวฺจ กตฺวา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๕๗) ปถวีกสิณสฺส อาทาสจนฺทมณฺฑลูปมวจนฺจ สมตฺถิตํ โหติ, จตุตฺถํ ปน ภูตกสิณํ ภูตปฺปฏิจฺฉายเมว ฌานสฺส โคจรภาวํ คจฺฉตีติ ตสฺเสวํ อรูปปฏิภาคตา ยุตฺตาติ วาโยกสิเณเยว ปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ธีติ ชิคุจฺฉนตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา ธิ จิตฺตนฺติ จิตฺตํ ชิคุจฺฉามิ. ธิ วเตตํ จิตฺตนฺติ เอตํ มม จิตฺตํ ชิคุจฺฉิตํ วต โหตุ. วตาติ สมฺภาวเน. เตน ชิคุจฺฉนํ สมฺภาเวนฺโต วทติ. นามาติ จ สมฺภาวเน เอว. เตน จิตฺตสฺส อภาวํ สมฺภาเวติ. จิตฺตสฺส ภาวาภาเวสุ อาทีนวานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘จิตฺตฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ขนฺตึ รุจึ อุปฺปาเทตฺวาติ จิตฺตสฺส อภาโว เอว สาธุ สุฏฺูติ อิมํ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺตึ ตตฺถ จ อภิรุจึ อุปฺปาเทตฺวา. ตถา ภาวิตสฺส ฌานสฺส ิติภาคิยภาวปฺปตฺติยา อปริหีนชฺฌานา. ติตฺถายตเน ปพฺพชิตสฺเสว ตถา ฌานภาวนา โหตีติ อาห ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติ. ปณิหิโต อโหสีติ มรณสฺส อาสนฺนกาเล ปิโต อโหสิ. ยทิ านาทินา อากาเรน นิพฺพตฺเตยฺย กมฺมพเลน, ยาว เภทา เตเนวากาเรน ติฏฺเยฺยาติ อาห ‘‘เตน อิริยาปเถนา’’ติอาทิ. เอวรูปานมฺปีติ เอวํ อเจตนานมฺปิ. ปิ-สทฺเทน ปเคว สเจตนานนฺติ ทสฺเสติ. กถํ ปน อเจตนานํ เนสํ ปจฺจยาหารสฺส อุปกปฺปนนฺติ โจทนํ สนฺธาย ตตฺถ นิทสฺสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา’’ติอาทิมาห. เตน น เกวลมาคโมเยว, อยเมตฺถ ยุตฺตีติ ทสฺเสติ. ตาว ติฏฺนฺตีติ อุกฺกํสโต ปฺจ มหากปฺปสตานิ ติฏฺนฺติ.
เย อุฏฺานวีริเยน ทิวสํ วีตินาเมตฺวา ตสฺส นิสฺสนฺทผลมตฺตํ กิฺจิเทว ลภิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺติ, เต อุฏฺานผลูปชีวิโน. เย ปน อตฺตโน ปฺุผลเมว อุปชีวนฺติ, เต ปฺุผลูปชีวิโน. เนรยิกานํ ปน เนว อุฏฺานวีริยวเสน ชีวิกกปฺปนํ, ปฺุผลสฺส ปน เลโสปิ นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘เย ปน เนรยิกา…เป… ชีวีติ วุตฺตา’’ติ. ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อาหรเณน มโนสฺเจตนา อาหาโรติ วุตฺตา, น ยสฺส กสฺสจิ ผลสฺสาติ ¶ อธิปฺปาเยน ‘‘กึ ปฺจ อาหารา อตฺถี’’ติ โจเทติ. อาจริโย นิปฺปริยายาหาเร อธิปฺเปเต ‘‘สิยา ตว โจทนา อวสรา, สา ปน เอตฺถ อนวสรา’’ติ จ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฺจ, น ปฺจาติ อิทํ น วตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปริยายาหารสฺเสว ปเนตฺถ อธิปฺเปตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นนุ ปจฺจโย อาหาโร’ติ วุตฺตเมต’’นฺติ อาห. ตสฺมาติ ยสฺส กสฺสจิ ปจฺจยสฺส อาหาโรติ อิจฺฉิตตฺตา. อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปาฬิยา สมตฺเถนฺโต ‘‘ยํ สนฺธายา’’ติอาทิมาห.
มุขฺยาหารวเสนปิ ¶ เนรยิกานํ อาหารฏฺิติกตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กพฬีการาหารํ…เป… สาเธตี’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ เนรยิกา สุขปฺปฏิสํเวทิโนปิ โหนฺตีติ? โนติ ทสฺเสตุํ ‘‘เขโฬ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตโยติ ตโย อรูปาหารา กพฬีการาหารสฺส อภาวโต. อวเสสานนฺติ อสฺสตฺเตหิ อวเสสานํ กามภวาทีสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํ. ปจฺจยาหาโร หิ สพฺเพสํ สาธารโณติ.
ปมมหาปฺหสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘-๙. ทุติยมหาปฺหสุตฺตาทิวณฺณนา
๒๘-๒๙. อฏฺเม เอวํนามเกติ กชงฺคลาติ เอวํ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามเก มชฺฌิมปฺปเทสสฺส มริยาทภูเต นคเร. ‘‘นิคเม’’ติปิ วทนฺติ, ‘‘นิจุลวเน’’ติปิ วทนฺติ. นิจุลํ นาม เอกา รุกฺขชาติ, ‘‘นีปรุกฺโข’’ติปิ วทนฺติ. เตน สฺฉนฺโน มหาวนสณฺโฑ, ตตฺถ วิหรตีติ อตฺโถ. เหตุนา นเยนาติ จ เหฏฺา วุตฺตเมว. นนุ จ ‘‘เอโส เจว ตสฺส อตฺโถ’’ติ กสฺมา วุตฺตํ. ภควตา หิ จตฺตาโรติอาทิปฺหพฺยากรณา จตฺตาโร อาหารา, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา, ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, สตฺต วิฺาณฏฺิติโย, อฏฺ โลกธมฺมา ทสฺสิตา. ภิกฺขุนิยา ปน จตฺตาโร สติปฏฺานา, ปฺจินฺทฺริยานิ, ฉ นิสฺสารณียา ธาตุโย, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ ทสฺสิตธมฺมา อฺโเยวตฺโถ ภิกฺขุนิยา ทสฺสิโตติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. นวเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.
ทุติยมหาปฺหสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ทุติยโกสลสุตฺตวณฺณนา
๓๐. ทสเม ¶ อุคฺคนฺตฺวา ยุชฺฌติ เอตายาติ อุยฺโยธิกา, สตฺถปฺปหาเรหิ ยุชฺฌิตสฺเสตํ อธิวจนํ. อุคฺคนฺตฺวา ยุชฺฌนํ วา อุยฺโยธิโก, สตฺถปฺปหาโร. เตนาห ‘‘ยุทฺธโต นิวตฺโต’’ติ. อุปสฺสุติวเสน ยุชฺฌิตพฺพาการํ ตฺวาติ เชตวเน กิร ทตฺตตฺเถโร ธนุคฺคหติสฺสตฺเถโรติ ทฺเว มหลฺลกตฺเถรา วิหารปจฺจนฺเต ปณฺณสาลาย วสนฺติ. เตสุ ธนุคฺคหติสฺสตฺเถโร ปจฺฉิมยาเม ปพุชฺฌิตฺวา อุฏฺาย นิสินฺโน ทตฺตตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อยํ เต มโหทโร โกสโล ภุตฺตภตฺตเมว ปูตึ กโรติ, ยุทฺธวิจารณํ ปน กิฺจิ น ชานาติ, ปราชิโตตฺเวว วทาเปตี’’ติ วตฺวา เตน ¶ ‘‘กึ ปน กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต – ‘‘ภนฺเต, ยุทฺโธ นาม ปทุมพฺยูโห จกฺกพฺยูโห สกฏพฺยูโหติ ตโย พฺยูหา โหนฺติ, อชาตสตฺตุํ คณฺหิตุกาเมน อสุกสฺมึ นาม ปพฺพตกุจฺฉิสฺมึ ทฺวีสุ ปพฺพตภิตฺตีสุ มนุสฺเส เปตฺวา ปุรโต ทุพฺพลํ ทสฺเสตฺวา ปพฺพตนฺตรํ ปวิฏฺภาวํ ชานิตฺวา ปวิฏฺมคฺคํ รุนฺธิตฺวา ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อุโภสุ ปพฺพตภิตฺตีสุ วคฺคิตฺวา นทิตฺวา ชาลปกฺขิตฺตมจฺฉํ วิย กตฺวา สกฺกา คเหตุ’’นฺติ. ตสฺมึ ขเณ ‘‘ภิกฺขูนํ กถาสลฺลาปํ สุณาถา’’ติ รฺโ เปสิตจรปุริสา ตํ สุตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ตํ สุตฺวา ราชา สงฺคามเภรึ ปหราเปตฺวา คนฺตฺวา สกฏพฺยูหํ กตฺวา อชาตสตฺตุํ ชีวคฺคาหํ คณฺหิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุปสฺสุติวเส…เป... อชาตสตฺตุํ คณฺหี’’ติ.
โทณปากนฺติ โทณตณฺฑุลานํ ปกฺกภตฺตํ. โทณนฺติ จตุนาฬิกานเมตมธิวจนํ. มนุชสฺสาติ สตฺตสฺส. ตนุกสฺสาติ ตนุกา อปฺปิกา อสฺส ปุคฺคลสฺส, ภุตฺตปจฺจยา วิสภาคเวทนา น โหนฺติ. สณิกนฺติ มนฺทํ มุทุกํ, อปริสฺสยเมวาติ อตฺโถ. ชีรตีติ ปริภุตฺตาหาโร ปจฺจติ. อายุ ปาลยนฺติ นิโรโค อเวทโน ชีวิตํ รกฺขนฺโต. อถ วา สณิกํ ชีรตีติ โส โภชเน มตฺตฺู ปุคฺคโล ปริมิตาหารตาย สณิกํ จิเรน ชีรติ ชรํ ปาปุณาติ ชีวิตํ ปาลยนฺโต.
อิมํ โอวาทํ อทาสีติ เอกสฺมึ กิร (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๒๐๓ ปเสนทิโกสลวตฺถุ) สมเย ราชา ตณฺฑุลโทณสฺส โอทนํ ตทุปิเยน สูปพฺยฺชเนน ภฺุชติ. โส เอกทิวสํ ภุตฺตปาตราโส ¶ ภตฺตสมฺมทํ อวิโนเทตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กิลนฺตรูโป อิโต จิโต จ สมฺปริวตฺตติ, นิทฺทาย อภิภุยฺยมาโนปิ ลหุกํ นิปชฺชิตุํ อสกฺโกนฺโต เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา อาห ‘‘กึ, มหาราช, อวิสฺสมิตฺวาว อาคโตสี’’ติ. อาม, ภนฺเต, ภุตฺตกาลโต ปฏฺาย เม มหาทุกฺขํ โหตีติ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘มหาราช, อติพหุโภชีนํ เอตํ ทุกฺขํ โหตี’’ติ วตฺวา –
‘‘มิทฺธี ยทา โหติ มหคฺฆโส จ,
นิทฺทายิตา สมฺปริวตฺตสายี;
มหาวราโหว นิวาปปุฏฺโ,
ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท’’ติ. (ธ. ป. ๓๒๕; เนตฺติ. ๒๖, ๙๐) –
อิมาย ¶ คาถาย โอวทิตฺวา, ‘‘มหาราช, โภชนํ นาม มตฺตาย ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, มตฺตโภชิโน หิ สุขํ โหตี’’ติ อุตฺตริปิ ปุน โอวทนฺโต ‘‘มนุชสฺส สทา สตีมโต’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๒๔) อิมํ คาถมาห.
ราชา ปน คาถํ อุคฺคณฺหิตุํ นาสกฺขิ, สมีเป ิตํ ปน ภาคิเนยฺยํ สุทสฺสนํ นาม มาณวํ ‘‘อิมํ คาถํ อุคฺคณฺห ตาตา’’ติ อาห. โส ตํ คาถํ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘กึ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาห, ‘‘มาณว, อิมํ คาถํ นโฏ วิย ปตฺตปตฺตฏฺาเน มา อวจ, รฺโ ปาตราสํ ภฺุชนฏฺาเน ตฺวา ปมปิณฺฑาทีสุปิ อวตฺวา อวสาเน ปิณฺเฑ คหิเต วเทยฺยาสิ, ราชา สุตฺวา ภตฺตปิณฺฑํ ฉฑฺเฑสฺสติ. อถ รฺโ หตฺเถสุ โธเตสุ ปาตึ อปเนตฺวา สิตฺถานิ คเณตฺวา ตทุปิยํ พฺยฺชนํ ตฺวา ปุนทิวเส ตาวตเก ตณฺฑุเล หาเรยฺยาสิ. ปาตราเส จ วตฺวา สายมาเส มา วเทยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตํ ทิวสํ รฺโ ปาตราสํ ภุตฺวา คตตฺตา สายมาเส ภควโต อนุสิฏฺินิยาเมน คาถํ อภาสิ. ราชา ทสพลสฺส วจนํ สริตฺวา ภตฺตปิณฺฑํ ปาติยํเยว ฉฑฺเฑสิ. รฺโ หตฺเถสุ โธเตสุ ปาตึ อปเนตฺวา สิตฺถานิ คเณตฺวา ปุนทิวเส ตตฺตเก ตณฺฑุเล หรึสุ, โสปิ มาณโว ทิวเส ทิวเส ตถาคตสฺส สนฺติกํ คจฺฉติ. ทสพลสฺส วิสฺสาสิโก อโหสิ. อถ นํ เอกทิวสํ ปุจฺฉิ ‘‘ราชา กิตฺตกํ ภฺุชตี’’ติ? โส ‘‘นาฬิโกทน’’นฺติ อาห. วฏฺฏิสฺสติ เอตฺตาวตา ¶ ปุริสภาโค เอส, อิโต ปฏฺาย คาถํ มา วทีติ. ราชา ตเถว สณฺาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘นาฬิโกทนปรมตาย สณฺาสี’’ติ. รตฺตฺุตาย วฑฺฒิตํ สีลํ อสฺส อตฺถีติ วฑฺฒิตสีโล. อโปถุชฺชนิเกหิ สีเลหีติ จตุปาริสุทฺธิสีเลหิ สีลํ อริยํ สุทฺธํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อริยสีโล’’ติ. ตเทกํ อนวชฺชฏฺเน กุสลํ. เตน วุตฺตํ ‘‘กุสลสีโล’’ติ.
ทุติยโกสลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.