📜

๔. อุปาลิวคฺโค

๑. อุปาลิสุตฺตวณฺณนา

๓๑. จตุตฺถสฺส ปเม อตฺถวเสติ วุทฺธิวิเสเส, สิกฺขาปทปฺตฺติเหตุ อธิคมนีเย หิตวิเสเสติ อตฺโถ. อตฺโถเยว วา อตฺถวโส, ทส อตฺเถ ทส การณานีติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา อตฺโถ ผลํ ตทธีนวุตฺติตาย วโส เอตสฺสาติ อตฺถวโส, เหตูติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘เย มม โสตพฺพํ สทฺทหาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, เตสํ ตํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘โย จ ตถาคตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉติ, ตสฺส ตํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตตี’’ติ วุตฺตํ. อสมฺปฏิจฺฉเน อาทีนวนฺติ ภทฺทาลิสุตฺเต วิย อสมฺปฏิจฺฉเน อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา. สุขวิหาราภาเว สหชีวมานสฺส อภาวโต สหชีวิตาปิ สุขวิหาโรว วุตฺโต. สุขวิหาโร นาม จตุนฺนํ อิริยาปถวิหารานํ ผาสุตา.

มงฺกุตนฺติ นิตฺเตชตํ. ธมฺเมนาติอาทีสุ ธมฺโมติ ภูตํ วตฺถุ. วินโยติ โจทนา เจว สารณา จ. สตฺถุสาสนนฺติ ตฺติสมฺปทา เจว อนุสฺสาวนสมฺปทา จ.

ปิยสีลานนฺติ สิกฺขากามานํ. เตสฺหิ สีลํ ปิยํ โหติ. เตเนวาห ‘‘สิกฺขาตฺตยปาริปูริยา ฆฏมานา’’ติ. สนฺทิทฺธมนาติ สํสยํ อาปชฺชมนา . อุพฺพฬฺหา โหนฺตีติ ปีฬิตา โหนฺติ. สงฺฆกมฺมานีติ สติปิ อุโปสถปวารณานํ สงฺฆกมฺมภาเว โคพลีพทฺทาเยน อุโปสถํ ปวารณฺจ เปตฺวา อุปสมฺปทาทิเสสสงฺฆกมฺมานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. สมคฺคานํ ภาโว สามคฺคี.

‘‘นาหํ, จุนฺท, ทิฏฺธมฺมิกานํเยว อาสวานํ สํวราย ธมฺมํ เทเสมี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๒) เอตฺถ วิวาทมูลภูตา กิเลสา อาสวาติ อาคตา.

‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;

ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;

เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖) –

เอตฺถ เตภูมกํ กมฺมํ อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา. อิธ ปน ปรูปวาทวิปฺปฏิสารวธพนฺธาทโย เจว อปายทุกฺขภูตา จ นานปฺปการา อุปทฺทวา อาสวาติ อาห ‘‘อสํวเร ิเตน ตสฺมึเยว อตฺตภาเว ปตฺตพฺพา’’ติอาทิ. ยทิ หิ ภควา สิกฺขาปทํ น จ ปฺเปยฺย, ตโต อสทฺธมฺมปฺปฏิเสวนอทินฺนาทานปาณาติปาตาทิเหตุ เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ ปรูปวาทาทโย ทิฏฺธมฺมิกา นานปฺปการา อนตฺถา, เย จ ตนฺนิมิตฺตเมว นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตสฺส ปฺจวิธพนฺธนกมฺมการณาทิวเสน มหาทุกฺขานุภวนปฺปการา อนตฺถา, เต สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ. ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว, ตตฺถ ภวา ทิฏฺธมฺมิกา. เตน วุตฺตํ ‘‘ตสฺมึเยว อตฺตภาเว ปตฺตพฺพา’’ติ. สมฺมุขา ครหนํ อกิตฺติ, ปรมฺมุขา ครหนํ อยโส. อถ วา สมฺมุขา ปรมฺมุขา ครหนํ อกิตฺติ, ปริวารหานิ อยโสติ เวทิตพฺพํ. อาคมนมคฺคถกนายาติ อาคมนทฺวารปิทหนตฺถาย. สมฺปเรตพฺพโต เปจฺจ คนฺตพฺพโต สมฺปราโย, ปรโลโกติ อาห ‘‘สมฺปราเย นรกาทีสู’’ติ.

เมถุนาทีนิ รชฺชนฏฺานานิ. ปาณาติปาตาทีนิ ทุสฺสนฏฺานานิ.

สํวรวินโยติ สีลสํวโร, สติสํวโร, าณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ ปฺจวิโธ สํวโร. ยถาสกํ สํวริตพฺพานํ วิเนตพฺพานฺจ กายทุจฺจริตาทีนํ สํวรณโต สํวโร, วินยนโต วินโยติ วุจฺจติ . ปหานวินโยติ ตทงฺคปฺปหานํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ปฏิปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติ ปฺจวิธํ ปหานํ ยสฺมา จาคฏฺเน ปหานํ, วินยฏฺเน วินโย, ตสฺมา ‘‘ปหานวินโย’’ติ วุจฺจติ. สมถวินโยติ สตฺต อธิกรณสมถา. ปฺตฺติวินโยติ สิกฺขาปทเมว. สิกฺขาปทปฺตฺติยา หิ วิชฺชมานาย เอว สิกฺขาปทสมฺภวโต ปฺตฺติวินโยปิ สิกฺขาปทปฺตฺติยา อนุคฺคหิโต โหติ. เสสเมตฺถ วุตฺตตฺถเมว.

อุปาลิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุปาลิวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.