📜

(๘) ๓. อากงฺขวคฺโค

๑-๔. อากงฺขสุตฺตาทิวณฺณนา

๗๑-๗๔. ตติยสฺส ปเม สีลสฺส อนวเสสสมาทาเนน อขณฺฑาทิภาวาปตฺติยา จ ปริปุณฺณสีลา. สมาทานโต ปฏฺาย อวิจฺฉินฺทนโต สีลสมงฺคิโน. เอตฺตาวตา กิราติ (อ. นิ. ๒.๓๗) กิร-สทฺโท อรุจิสูจนตฺโถ. เตเนตฺถ อาจริยวาทสฺส อตฺตโน อรุจฺจนภาวํ ทีเปติ. สมฺปนฺนสีลาติ อนามฏฺวิเสสํ สามฺโต สีลสงฺเขเปน คหิตํ. ตฺจ จตุพฺพิธนฺติ อาจริยตฺเถโร ‘‘จตุปาริสุทฺธิสีลํ อุทฺทิสิตฺวา’’ติ อาห. ตตฺถาติ จตุปาริสุทฺธิสีเล. เชฏฺกสีลนฺติ (สํ. นิ. ๕.๔๑๒) ปธานสีลํ. อุภยตฺถาติ อุทฺเทสนิทฺเทเส. อิธ นิทฺเทเส วิย อุทฺเทเสปิ ปาติโมกฺขสํวโร ภควตา วุตฺโต ‘‘สมฺปนฺนสีลา’’ติ วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย. สีลคฺคหณฺหิ ปาฬิยํ ปาติโมกฺขสํวรวเสน อาคตํ. เตนาห ‘‘ปาติโมกฺขสํวโรเยวา’’ติอาทิ. ตตฺถ อวธารเณน อิตเรสํ ติณฺณํ เอกเทเสน ปาติโมกฺขนฺโตคธตํ ทีเปติ. ตถา หิ อโนโลกิโยโลกเน อาชีวเหตุ ฉสิกฺขาปทวีติกฺกเม คิลานปจฺจยสฺส อปจฺจเวกฺขิตปริโภเค จ อาปตฺติ วิหิตาติ. ตีณีติ อินฺทฺริยสํวรสีลาทีนิ. สีลนฺติ วุตฺตฏฺานํ นาม อตฺถีติ สีลปริยาเยน เตสํ กตฺถจิ สุตฺเต คหิตฏฺานํ นาม กึ อตฺถิ ยถา ปาติโมกฺขสํวโรติ อาจริยสฺส สมฺมุขตฺตา อปฺปฏิกฺขิปนฺโตว อุปจาเรน ปุจฺฉนฺโต วิย วทติ. เตนาห ‘‘อนนุชานนฺโต’’ติ. ฉทฺวารรกฺขามตฺตกเมวาติ ตสฺส สลฺลหุกภาวมาห จิตฺตาธิฏฺานมตฺเตน ปฏิปากติกภาวาปตฺติโต. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. ปจฺจยุปฺปตฺติมตฺตกนฺติ ผเลน เหตุํ ทสฺเสติ. อุปฺปาทนเหตุกา หิ ปจฺจยานํ อุปฺปตฺติ. อิทมตฺถนฺติ อิทํ ปโยชนํ อิมสฺส ปจฺจยสฺส ปริภุฺชเนติ อธิปฺปาโย. นิปฺปริยาเยนาติ อิมินา อินฺทฺริยสํวราทีนิ ตีณิ ปธานสฺส สีลสฺส ปริวารวเสน ปวตฺติยา ปริยายสีลานิ นามาติ ทสฺเสติ.

อิทานิ ปาติโมกฺขสํวรสฺเสว ปธานภาวํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โสติ ปาติโมกฺขสํวโร. เสสานีติ อินฺทฺริยสํวราทีนิ. ตสฺเส วาติ ‘‘สมฺปนฺนสีลา’’ติ เอตฺถ ยํ สีลํ วุตฺตํ, ตสฺเสว. สมฺปนฺนปาติโมกฺขาติ เอตฺถ ปาติโมกฺขคฺคหเณน เววจนํ วตฺวา ตํ วิตฺถาเรตฺวา…เป… อาทิมาห. ยถา อฺตฺถาปิ ‘‘อิธ ภิกฺขุ สีลวา โหตี’’ติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย อุทฺทิฏฺํ สีลํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๐๘) นิทฺทิฏฺํ. กสฺมา อารทฺธนฺติ เทสนาย การณปุจฺฉา. สีลานิสํสทสฺสนตฺถนฺติ ปโยชนนิทฺเทโส. ‘‘สีลานิสํสทสฺสนตฺถ’’นฺติ หิ เอตฺถ พฺยติเรกโต ยํ สีลานิสํสสฺส อทสฺสนํ, ตํ อิมิสฺสา เทสนาย การณนฺติ กสฺมา อารทฺธนฺติ? เวเนยฺยานํ สีลานิสํสสฺส อทสฺสนโตติ อตฺถโต อาปนฺโน เอว โหติ. เตนาห ‘‘สเจปี’’ติอาทิ. สีลานิสํสทสฺสนตฺถนฺติ ปน อิมสฺส อตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เตส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อานิสํโสติ อุทโย. ‘‘สีลวา สีลสมฺปนฺโน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๑๖; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕) ปน วิปากผลมฺปิ ‘‘อานิสํโส’’ติ วุตฺตํ. โก วิเสโสติ โก ผลวิเสโส. กา วฑฺฒีติ โก อพฺภุทโย. วิชฺชมาโนปิ คุโณ ยาถาวโต วิภาวิโต เอว อภิรุจึ อุปฺปาเทติ, น อวิภาวิโต, ตสฺมา เอกนฺตโต อานิสํสกิตฺตนํ อิจฺฉิตพฺพเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺเปว นามา’’ติอาทิมาห.

ปิโยติ ปิยายิตพฺโพ. ปิยสฺส นาม ทสฺสนํ เอกนฺตโต อภินนฺทิตพฺพํ โหตีติ อาห ‘‘ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสิตพฺโพ’’ติ. ปีติสมุฏฺานปฺปสนฺนโสมฺมรูปปริคฺคหฺหิ จกฺขุ ‘‘ปิยจกฺขู’’ติ วุจฺจติ. เตสนฺติ สพฺรหฺมจารีนํ. มนวฑฺฒนโกติ ปีติมนสฺส ปริพฺรูหนโต อุปรูปริ ปีติจิตฺตสฺเสว อุปฺปาทนโก. ครุฏฺานิโยติ ครุกรณสฺส านภูโต. ชานํ ชานาตีติ าเณน ชานิตพฺพํ ชานาติ. ยถา วา อฺเ อชานนฺตาปิ ชานนฺตา วิย ปวตฺตนฺติ, น เอวมยํ, อยํ ปน ชานนฺโต เอว ชานาติ. ปสฺสํ ปสฺสตีติ ทสฺสนภูเตน ปฺาจกฺขุนา ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสติ, ปสฺสนฺโต เอว วา ปสฺสติ. เอวํ สมฺภาวนีโยติ เอวํ วิฺุตาย ปณฺฑิตภาเวน สมฺภาเวตพฺโพ. สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการีติ สีเลสุ ปริปูรการี เอว ภเวยฺยาติ. เอวํ อุตฺตรปทาวธารณํ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ อิมินา ปเทน อุปริสิกฺขาทฺวยํ อนิวตฺติตเมว โหติ. ยถา ปน สีเลสุ ปริปูรการี นาม โหติ, ตํ ผเลน ทสฺเสตุํ ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. วิปสฺสนาธิฏฺานสมาธิสํวตฺตนิกตาย หิ อิธ สีลสฺส ปาริปูรี, น เกวลํ อขณฺฑาทิภาวมตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ อขณฺฑานิ…เป… สมาธิสํวตฺตนิกานี’’ติ. เอวฺจ กตฺวา อุปริสิกฺขาทฺวยํ สีลสฺส สมฺภารภาเวน คหิตนฺติ สีลสฺเสเวตฺถ ปธานคฺคหณํ สิทฺธํ โหติ. สีลานุรกฺขกา หิ จิตฺเตกคฺคตาสงฺขารปริคฺคหา. อนูเนนาติ อขณฺฑาทิภาเวน, กสฺสจิ วา อหาปเนน อุปปนฺเนน. อากาเรนาติ กรเณน สมฺปาทเนน.

อชฺฌตฺตนฺติ วา อตฺตโนติ วา เอกํ เอกตฺถํ, พฺยฺชนเมว นานํ. ภุมฺมตฺเถ เจตํ, ‘‘สมถ’’นฺติ อุปโยควจนํ ‘‘อนู’’ติ อิมินา อุปสคฺเคน โยเค สิทฺธนฺติ อาห ‘‘อตฺตโน จิตฺตสมเถ ยุตฺโต’’ติ. ตตฺถ จิตฺตสมเถติ จิตฺตสฺส สมาธาเน. ยุตฺโตติ อวิยุตฺโต ปสุโต. โย สพฺเพน สพฺพํ ฌานภาวนาย อนนุยุตฺโต, โส ตํ พหิ นีหรติ นาม. โย อารภิตฺวา อนฺตรา สงฺโกจํ อาปชฺชติ, โส ตํ วินาเสติ นาม. โย ปน อีทิโส อหุตฺวา ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, โส อนิรากตชฺฌาโนติ ทสฺเสนฺโต ‘‘พหิ อนีหฏชฺฌาโน’’ติอาทิมาห. นีหรณวินาสตฺถฺหิ อิทํ นิรากรณํ นาม. ‘‘ถมฺภํ นิรํกตฺวา นิวาตวุตฺตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๓๒๘) จสฺส ปโยโค ทฏฺพฺโพ.

สตฺตวิธาย อนุปสฺสนายาติ เอตฺถ อนิจฺจานุปสฺสนา, ทุกฺขานุปสฺสนา, อนตฺตานุปสฺสนา, นิพฺพิทานุปสฺสนา, วิราคานุปสฺสนา, นิโรธานุปสฺสนา, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาติ อิมา สตฺตวิธา อนุปสฺสนา. สุฺาคารคโต ภิกฺขุ ตตฺถ ลทฺธกายวิเวกตาย สมถวิปสฺสนาวเสน จิตฺตวิเวกํ ปริพฺรูเหนฺโต ยถานุสิฏฺปฏิปตฺติยา โลกํ สาสนฺจ อตฺตโน วิเสสาธิคมฏฺานภูตํ สุฺาคารฺจ อุปโสภยมาโน คุณวิเสสาธิฏฺานภาวาปาทเนน วิฺูนํ อตฺถโต ตํ พฺรูเหนฺโต นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘พฺรูเหตา สุฺาคาราน’’นฺติ. เตนาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. เอกภูมกาทิปาสาเท กุรุมาโนปิ ปน เนว สุฺาคารานํ พฺรูเหตาติ ทฏฺพฺโพ. สุฺาคารคฺคหเณน เจตฺถ อรฺรุกฺขมูลาทิ สพฺพํ ปธานานุโยคกฺขมํ เสนาสนํ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

เอตฺตาวตา ยถา ตณฺหาวิจริตเทสนา ปมํ ตณฺหาวเสน อารทฺธาปิ ตณฺหาปทฏฺานตฺตา มานทิฏฺีนํ มานทิฏฺิโย โอสริตฺวา กเมน ปปฺจตฺตยเทสนา ชาตา, เอวมยํ เทสนา ปมํ อธิสีลสิกฺขาวเสน อารทฺธาปิ สีลปทฏฺานตฺตา สมถวิปสฺสนานํ สมถวิปสฺสนาโย โอสริตฺวา กเมน สิกฺขาตฺตยเทสนา ชาตาติ เวทิตพฺพา. เอตฺถ หิ ‘‘สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติ เอตฺตาวตา อธิสีลสิกฺขา วุตฺตา, ‘‘อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน’’ติ เอตฺตาวตา อธิจิตฺตสิกฺขา, ‘‘วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต’’ติ เอตฺตาวตา อธิปฺาสิกฺขา. ‘‘พฺรูเหตา สุฺาคาราน’’นฺติ อิมินา ปน สมถวเสน สุฺาคารวฑฺฒเน อธิจิตฺตสิกฺขา, วิปสฺสนาวเสน อธิปฺาสิกฺขาติ เอวํ ทฺเวปิ สิกฺขา สงฺคเหตฺวา วุตฺตา. เอตฺถ จ ‘‘อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน’’ติ อิเมหิ ปเทหิ สีลานุรกฺขิกา เอว จิตฺเตกคฺคตา กถิตา, ‘‘วิปสฺสนายา’’ติ อิมินา ปเทน สีลานุรกฺขิโก สงฺขารปริคฺคโห.

กถํ จิตฺเตกคฺคตา สีลมนุรกฺขติ? ยสฺส หิ จิตฺเตกคฺคตา นตฺถิ, โส พฺยาธิมฺหิ อุปฺปนฺเน วิหฺติ, โส พฺยาธิวิหโต วิกฺขิตฺตจิตฺโต สีลํ วินาเสตฺวาปิ พฺยาธิวูปสมํ กตฺตา โหติ. ยสฺส ปน จิตฺเตกคฺคตา อตฺถิ, โส ตํ พฺยาธิทุกฺขํ วิกฺขมฺเภตฺวา สมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, สมาปนฺนกฺขเณ ทุกฺขํ ทูรคตํ โหติ, พลวตรํ สุขมุปฺปชฺชติ. เอวํ จิตฺเตกคฺคตา สีลมนุรกฺขติ. กถํ สงฺขารปริคฺคโห สีลมนุรกฺขติ? ยสฺส หิ สงฺขารปริคฺคโห นตฺถิ, ตสฺส ‘‘มม รูปํ มม วิฺาณ’’นฺติ อตฺตภาเว พลวมมตฺตํ โหติ, โส ตถารูเปสุ ทุพฺภิกฺขพฺยาธิภยาทีสุ สมฺปตฺเตสุ สีลํ นาเสตฺวาปิ อตฺตภาวํ โปเสตา โหติ. ยสฺส ปน สงฺขารปริคฺคโห อตฺถิ, ตสฺส อตฺตภาเว พลวมมตฺตํ วา สิเนโห วา น โหติ, โส ตถารูเปสุ ทุพฺภิกฺขพฺยาธิภยาทีสุ สมฺปตฺเตสุ สเจปิสฺส อนฺตานิ พหิ นิกฺขมนฺติ, สเจปิ อุสฺสุสฺสติ วิสุสฺสติ, ขณฺฑาขณฺฑิโก วา โหติ สตธาปิ สหสฺสธาปิ, เนว สีลํ วินาเสตฺวา อตฺตภาวํ โปเสตา โหติ. เอวํ สงฺขารปริคฺคโห สีลํ อนุรกฺขติ.

‘‘พฺรูเหตา สุฺาคาราน’’นฺติ อิมินา ปน ตสฺเสว อุภยสฺส พฺรูหนา วฑฺฒนา สาตจฺจกิริยา ทสฺสิตา. เอวํ ภควา ยสฺมา ‘‘สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จสฺสํ…เป… ภาวนีโย จา’’ติ อิเม จตฺตาโร ธมฺเม อากงฺขนฺเตน นตฺถฺํ กิฺจิ กาตพฺพํ, อฺทตฺถุ สีลาทิคุณสมนฺนาคเตเนว ภวิตพฺพํ. อีทิโส หิ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ มนาโป ครุ ภาวนีโย. วุตฺตมฺปิ เหตํ –

‘‘สีลทสฺสนสมฺปนฺนํ , ธมฺมฏฺํ สจฺจเวทินํ;

อตฺตโน กมฺม กุพฺพานํ, ตํ ชโน กุรุเต ปิย’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๑๗);

ตสฺมา ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จสฺสํ…เป… สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… สุฺาคาราน’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ยสฺมา ปจฺจยลาภาทึ ปตฺถยนฺเตนปิ อิทเมว กรณียํ, น อฺํ กิฺจิ, ตสฺมา ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ลาภี อสฺส’’นฺติอาทิมาห. ลาภี อสฺสนฺติ ลาภาสาย สํวรสีลปริปูรณํ ปาฬิยํ อาคตํ. กิมีทิสํ ภควา อนุชานาตีติ? น ภควา สภาเวน อีทิสํ อนุชานาติ, มหาการุณิกตาย ปน ปุคฺคลชฺฌาสเยน เอวํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น ภควา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ฆาเสสนํ ฉินฺนกโถ, น วาจํ ปยุตฺตํ ภเณติ ฉินฺนกโถ มูโค วิย หุตฺวา โอภาสปริกถานิมิตฺตวิฺตฺติปยุตฺตํ ฆาเสสนํ วาจํ น ภเณ, น กเถยฺยาติ อตฺโถ. ปุคฺคลชฺฌาสยวเสนาติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘เยสํ หี’’ติอาทิมาห. รโส สภาวภูโต อานิสํโส รสานิสํโส.

ปจฺจยทานการาติ จีวราทิปจฺจยทานวเสน ปวตฺตการา. มหปฺผลา มหานิสํสาติ อุภยเมตํ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนเมว นานํ. ‘‘ปฺจิเม, คหปตโย, อานิสํสา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๒๘๕) หิ อานิสํสสทฺโท ผลปริยาโยปิ โหติ. มหนฺตํ วา โลกิยสุขํ ผลนฺติ ปสวนฺตีติ มหปฺผลา, มหโต โลกุตฺตรสุขสฺส ปจฺจยา โหนฺตีติ มหานิสํสา. เตนาห ‘‘โลกิยสุเขน ผลภูเตนา’’ติอาทิ.

เปจฺจภวํ คตาติ เปตูปปตฺติวเสน นิพฺพตฺตึ อุปคตา. เต ปน ยสฺมา อิธ กตกาลกิริยา กาเลน กตชีวิตุปจฺเฉทา โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กาลกตา’’ติ. สสฺสุสสุรา จ ตปฺปกฺขิกา จ สสฺสุสสุรปกฺขิกา. เต าติโยนิสมฺพนฺเธน อาวาหวิวาหสมฺพนฺธวเสน สมฺพทฺธา าตี. สาโลหิตาติ โยนิสมฺพนฺธวเสน. เอกโลหิตพทฺธาติ เอเกน สมาเนน โลหิตสมฺพนฺเธน สมฺพทฺธา. ปสนฺนจิตฺโตติ ปสนฺนจิตฺตโก. กาลกโต ปิตา วา มาตา วา เปตโยนิยํ อุปฺปนฺโนติ อธิการโต วิฺายตีติ วุตฺตํ. มหานิสํสเมว โหตีติ ตสฺส ตถาสีลสมฺปนฺนตฺตาติ อธิปฺปาโย.

อชฺโฌตฺถริตาติ มทฺทิตา. น จ มํ อรติ สเหยฺยาติ มํ จ อรติ น อภิภเวยฺย น มทฺเทยฺย น อชฺโฌตฺถเรยฺย. อุปฺปนฺนนฺติ ชาตํ นิพฺพตฺตํ. สีลาทิคุณยุตฺโต หิ อรติฺจ รติฺจ สหติ อชฺโฌตฺถรติ, มทฺทิตฺวา ติฏฺติ, ตสฺมา อีทิสมตฺตานํ อิจฺฉนฺเตนปิ สีลาทิคุณยุตฺเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. จิตฺตุตฺราโส ภายตีติ ภยํ, อารมฺมณํ ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ. ตํ ทุวิธมฺปิ ภยํ เภรวฺจ สหติ อภิภวตีติ ภยเภรวสโห. สีลาทิคุณยุตฺโต หิ ภยเภรวํ สหติ อชฺโฌตฺถรติ, มทฺทิตฺวา ติฏฺติ อริยโกฏิยวาสี มหาทตฺตตฺเถโร วิย.

เถโร กิร มคฺคํ ปฏิปนฺโน อฺตรํ ปาสาทิกํ อรฺํ ทิสฺวา ‘‘อิเธวชฺช สมณธมฺมํ กตฺวา คมิสฺสามี’’ติ มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. รุกฺขเทวตาย ทารกา เถรสฺส สีลเตเชน สกภาเวน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา วิสฺสรมกํสุ. เทวตาปิ สกลรุกฺขํ จาเลสิ. เถโร อจโลว นิสีทิ. สา เทวตา ธูมายิ ปชฺชลิ. เนว สกฺขิ เถรํ จาเลตุํ. ตโต อุปาสกวณฺเณนาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ‘‘โก เอโส’’ติ วุตฺตา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา’’ติ อโวจ. ตฺวํ เอเต วิกาเร อกาสีติ. อาม, ภนฺเตติ. ‘‘กสฺมา’’ติ จ วุตฺตา อาห ‘‘ตุมฺหากํ, ภนฺเต, สีลเตเชน ทารกา สกภาเวน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา วิสฺสรมกํสุ, สาหํ ตุมฺเห ปลาเปตุํ เอวมกาสิ’’นฺติ. เถโร อาห ‘‘อถ กสฺมา ‘อิธ, ภนฺเต, มา วสถ, มยฺหํ อผาสุก’นฺติ ปฏิกจฺเจว นาวจาสิ, อิทานิ ปน มา มํ กิฺจิ อวจ, ‘อริยโกฏิยมหาทตฺโต อมนุสฺสภเยน คโต’ติ วจนโต ลชฺชามิ, เตนาหํ อิเธว วสิสฺสํ, ตฺวํ ปน อชฺเชกทิวสํ ยตฺถ กตฺถจิ วสาหี’’ติ. เอวํ สีลาทิคุณยุตฺโต ภยเภรวสโห โหติ, ตสฺมา อีทิสมตฺตานํ อิจฺฉนฺเตนปิ สีลาทิคุณยุตฺเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ทุติยาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.

อากงฺขสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕-๑๐. มิคสาลาสุตฺตาทิวณฺณนา

๗๕-๘๐. ปฺจเม อิมสฺส หิ ปุคฺคลสฺส สีลวิรหิตสฺส ปฺา สีลํ ปริโธวตีติ อขณฺฑาทิภาวาปาทเนน สีลํ อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ ปฺาย สุวิโสธิตํ กโรติ. ยสฺส หิ อพฺภนฺตเร สีลสํวโร นตฺถิ, อุคฺฆฏิตฺุตาย ปน จาตุปฺปทิกคาถาปริโยสาเน ปฺาย สีลํ โธวิตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อยํ ปฺาย สีลํ โธวติ นาม เสยฺยถาปิ สนฺตติมหามตฺโต.

สีลวา ปน ปฺํ โธวติ. ยสฺส (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๑๗) หิ ปุถุชฺชนสฺส สีลํ สฏฺิอสีติวสฺสานิ อขณฺฑํ โหติ, โส มรณกาเลปิ สพฺพกิเลเส ฆาเตตฺวา สีเลน ปฺํ โธวิตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ กนฺทรสาลปริเวเณ มหาสฏฺิวสฺสตฺเถโร วิย. เถเร กิร มรณมฺเจ นิปชฺชิตฺวา พลวเวทนาย นิตฺถุนนฺเต ติสฺสมหาราชา ‘‘เถรํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปริเวณทฺวาเร ิโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘กสฺส สทฺโท อย’’นฺติ. เถรสฺส นิตฺถุนนสทฺโทติ. ‘‘ปพฺพชฺชาย สฏฺิวสฺเสน เวทนาปริคฺคหมตฺตมฺปิ น กตํ, อิทานิ น ตํ วนฺทิสฺสามี’’ติ นิวตฺติตฺวา มหาโพธึ วนฺทิตุํ คโต. ตโต อุปฏฺากทหโร เถรํ อาห ‘‘กึ โน, ภนฺเต, ลชฺชาเปถ, สทฺโธปิ ราชา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ‘น วนฺทิสฺสามี’ติ คโต’’ติ. กสฺมา, อาวุโสติ? ตุมฺหากํ นิตฺถุนนสทฺทํ สุตฺวาติ. ‘‘เตน หิ เม โอกาสํ กโรถา’’ติ วตฺวา เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ทหรสฺส สฺํ อทาสิ ‘‘คจฺฉาวุโส, อิทานิ ราชานํ อมฺเห วนฺทาเปหี’’ติ. ทหโร คนฺตฺวา ‘‘อิทานิ กิร เถรํ วนฺทถา’’ติ อาห. ราชา สุสุมารปติเตน เถรํ วนฺทนฺโต ‘‘นาหํ อยฺยสฺส อรหตฺตํ วนฺทามิ, ปุถุชฺชนภูมิยํ ปน ตฺวา รกฺขิตสีลเมว วนฺทามี’’ติ อาห. เอวํ สีเลน ปฺํ โธวติ นาม. เสสํ วุตฺตเมว. ฉฏฺาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

มิคสาลาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อากงฺขวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.