📜

(๗) ๒. ภูมิจาลวคฺโค

๑-๕. อิจฺฉาสุตฺตาทิวณฺณนา

๖๑-๖๕. สตฺตมสฺส ปมาทีนิ สุวิฺเยฺยานิ. ปฺจเม (ที.นิ.ฏี. ๒.๑๗๓) อภิภวตีติ อภิภุ, ปริกมฺมํ, าณํ วา. อภิภุ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ, ฌานํ. อภิภวิตพฺพํ วา อารมฺมณสงฺขาตํ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ. อถ วา อารมฺมณาภิภวนโต อภิตุ จ ตํ อายตนฺจ โยคิโน สุขวิเสสานํ อธิฏฺานภาวโต มนายตนธมฺมายตนภาวโต จาติปิ สสมฺปยุตฺตชฺฌานํ อภิภายตนํ. เตนาห ‘‘อภิภวนการณานี’’ติอาทิ. ตานิ หีติ อภิภายตนสฺิตานิ ฌานานิ. ‘‘ปุคฺคลสฺส าณุตฺตริยตายา’’ติ อิทํ อุภยตฺถาปิ โยเชตพฺพํ. กถํ? ปฏิปกฺขภาเวน ปจฺจนีกธมฺเม อภิภวนฺติ ปุคฺคลสฺส าณุตฺตริยตาย อารมฺมณานิ อภิภวนฺติ. าณพเลเนว หิ อารมฺมณาภิภวนํ วิย ปฏิปกฺขาภิภโวปีติ.

ปริกมฺมวเสนอชฺฌตฺตํ รูปสฺี, น อปฺปนาวเสน. น หิ ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณา อปฺปนา อชฺฌตฺตวิสยา สมฺภวติ. ตํ ปน อชฺฌตฺตปริกมฺมวเสน ลทฺธํ กสิณนิมิตฺตํ อวิสุทฺธเมว โหติ, น พหิทฺธาปริกมฺมวเสน ลทฺธํ วิย วิสุทฺธํ.

ปริตฺตานีติ ยถาลทฺธานิ สุปฺปสราวมตฺตานิ. เตนาห ‘‘อวฑฺฒิตานี’’ติ. ปริตฺตวเสเนวาติ วณฺณวเสน อาโภเค วิชฺชมาเนปิ ปริตฺตวเสเนว อิทํ อภิภายตนํ วุตฺตํ. ปริตฺตตา เหตฺถ อภิภวนสฺส การณํ. วณฺณาโภเค สติปิ อสติปิ อภิภายตนภาวนา นาม ติกฺขปฺสฺเสว สมฺภวติ, น อิตรสฺสาติ อาห ‘‘าณุตฺตริโก ปุคฺคโล’’ติ. อภิภวิตฺวา สมาปชฺชตีติ เอตฺถ อภิภวนํ สมาปชฺชนฺจ อุปจารชฺฌานาธิคมสมนนฺตรเมว อปฺปนาฌานุปฺปาทนนฺติ อาห ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ. สห นิมิตฺตุปฺปาเทนาติ จ อปฺปนาปริวาสาภาวสฺส ลกฺขณวจนเมตํ. โย ‘‘ขิปฺปาภิฺโ’’ติ วุจฺจติ, ตโตปิ าณุตฺตรสฺเสว อภิภายตนภาวนา. เอตฺถาติ เอตสฺมึ นิมิตฺเต. อปฺปนํ ปาเปตีติ ภาวนํ อปฺปนํ เนติ.

เอตฺถ จ เกจิ ‘‘อุปฺปนฺเน อุปจารชฺฌาเน ตํ อารพฺภ เย เหฏฺิมนฺเตน ทฺเว ตโย ชวนวารา ปวตฺตนฺติ, เต อุปจารชฺฌานปกฺขิกา เอว, ตทนนฺตรฺจ ภวงฺคปริวาเสน อุปจาราเสวนาย จ วินา อปฺปนา โหติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนว อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. น หิ ปาริวาสิกกมฺเมน อปฺปนาวาโร อิจฺฉิโต, นาปิ มหคฺคตปฺปมาณชฺฌาเนสุ วิย อุปจารชฺฌาเน เอกนฺตโต ปจฺจเวกฺขณา อิจฺฉิตพฺพา, ตสฺมา อุปจารชฺฌานาธิคมโต ปรํ กติปยภวงฺคจิตฺตาวสาเน อปฺปนํ ปาปุณนฺโต ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ วุตฺโต. ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทนา’’ติ จ อธิปฺปายิกมิทํ วจนํ, น นีตตฺถํ. อธิปฺปาโย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

น อนฺโตสมาปตฺติยํ ตทา ตถารูปสฺส อาโภคสฺส อสมฺภวโต, สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส อาโภโค ปุพฺพภาคภาวนาย วเสน ฌานกฺขเณ ปวตฺตํ อภิภวนาการํ คเหตฺวา ปวตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. อภิธมฺมฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๐๔) ปน ‘‘อิมินา ปนสฺส ปุพฺพโภโค กถิโต’’ติ วุตฺตํ. อนฺโตสมาปตฺติยํ ตถา อาโภคาภาเว กสฺมา ‘‘ฌานสฺายปี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อภิภวน…เป… อตฺถี’’ติ.

วฑฺฒิตปฺปมาณานีติ วิปุลปฺปมาณานีติ อตฺโถ, น เอกงฺคุลทฺวงฺคุลาทิวเสน วฑฺฒึ ปาปิตานีติ ตถาวฑฺฒนสฺเสเวตฺถ อสมฺภวโต. เตนาห ‘‘มหนฺตานี’’ติ. ภตฺตวฑฺฒิตกนฺติ ภุฺชนภาชเน วฑฺฒิตฺวา ทินฺนํ ภตฺตํ, เอกาสเน ปุริเสน ภุฺชิตพฺพภตฺตโต อุปฑฺฒภตฺตนฺติ อตฺโถ.

รูเป สฺา รูปสฺา, สา อสฺส อตฺถีติ รูปสฺี, น รูปสฺี อรูปสฺี. สฺาสีเสน ฌานํ วทติ. รูปสฺาย อนุปฺปาทนเมเวตฺถ อลาภิตา. พหิทฺธาว อุปฺปนฺนนฺติ พหิทฺธาวตฺถุสฺมึเยว อุปฺปนฺนํ. อภิธมฺเม (ธ. ส. ๒๐๔-๒๐๙) ปน ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ เอวํ จตุนฺนํ อภิภายตนานํ อาคตตฺตา อภิธมฺมฏฺกถายํ ‘‘กสฺมา ปน ยถา สุตฺตนฺเต อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานีติอาทิ วุตฺตํ, เอวํ อวตฺวา อิธ จตูสุปิ อภิภายตเนสุ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺิตาว วุตฺตา’’ติ โจทนํ กตฺวา ‘‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’’ติ การณํ วตฺวา ‘‘ตตฺถ วา อิธ วา พหิทฺธา รูปาเนว อภิภวิตพฺพานิ, ตสฺมา ตานิ นิยมโตว วตฺตพฺพานีติ ตตฺราปิ อิธาปิ วุตฺตานิ, ‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’ติ อิทํ ปน สตฺถุ เทสนาวิลาสมตฺตเมวา’’ติ วุตฺตํ.

เอตฺถ จ วณฺณาโภครหิตานิ สหิตานิ จ สพฺพานิ ‘‘ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ วุตฺตานิ, ตถา ‘‘อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ. อตฺถิ หิ โส ปริยาโย ‘‘ปริตฺตานิ อภิภุยฺย, ตานิ เจ กทาจิ วณฺณวเสน อาภุชิตานิ โหนฺติ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ อภิภุยฺยา’’ติ. ปริยายกถา หิ สุตฺตนฺตเทสนาติ. อภิธมฺเม ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วณฺณาโภครหิตานิ วิสุํ วุตฺตานิ, ตถา สหิตานิ. อตฺถิ หิ อุภยตฺถ อภิภวนวิเสโสติ, ตถา อิธ ปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขานมฺปิ อภิภวนปริยาโย อตฺถีติ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติอาทินา ปมทุติยอภิภายตเนสุ ปมวิโมกฺโข, ตติยจตุตฺถอภิภายตเนสุ ทุติยวิโมกฺโข, วณฺณาภิภายตเนสุ ตติยวิโมกฺโข จ อภิภวนปฺปวตฺติโต สงฺคหิโต. อภิธมฺเม (ธ. ส. ๒๐๔-๒๐๙, ๒๔๗-๒๔๙) ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขาภิภายตนานิ อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ วิโมกฺเข วชฺเชตฺวา อภิภายตนานิ กถิตานิ. สพฺพานิ จ วิโมกฺขกิจฺจานิ ฌานานิ วิโมกฺขเทสนายํ วุตฺตานิ. ตเทตํ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติ อาคตสฺส อภิภายตนทฺวยสฺส อภิธมฺเม อภิภายตเนสุ อวจนโต ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนฺจ สพฺพวิโมกฺขกิจฺจสาธารณวจนภาวโต ววตฺถานํ กตนฺติ วิฺายติ. ‘‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’’ติ อิทํ อภิธมฺเม กตฺถจิปิ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปานิ ปสฺสตี’’ติ อวตฺวา สพฺพตฺถ ยํ วุตฺตํ ‘‘พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ, ตสฺส การณวจนํ. เตน ยํ อฺเหตุกํ, ตํ เตน เหตุนา วุตฺตํ. ยํ ปน เทสนาวิลาสเหตุกํ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺิตาย เอว อภิธมฺเม วจนํ, น ตสฺส อฺํ การณํ มคฺคิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.

อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียตา จ เตสํ พหิทฺธารูปานํ วิย อวิภูตตฺตา เทสนาวิลาโส จ ยถาวุตฺตววตฺถานวเสน เวทิตพฺโพ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน วิชฺชมานปริยายกถาภาวโต. ‘‘สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ เอเตเนว สิทฺธตฺตา น นีลาทิอภิภายตนานิ วตฺตพฺพานีติ เจ? ตํ น. นีลาทีสุ กตาธิการานํ นีลาทิภาวสฺเสว อภิภวนการณตฺตา. น หิ เตสํ ปริสุทฺธาปริสุทฺธวณฺณานํ ปริตฺตตา วา อปฺปมาณตา วา อภิภวนการณํ, อถ โข นีลาทิภาโว เอวาติ. เอเตสุ จ ปริตฺตาทิกสิณรูเปสุ ยํ ยํ จริตสฺส อิมานิ อภิภายตนานิ อิชฺฌนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพสงฺคาหิกวเสนาติ นีลวณฺณนีลนิทสฺสนนีลนิภาสานํ สาธารณวเสน. วณฺณวเสนาติ สภาววณฺณวเสน. นิทสฺสนวเสนาติ ปสฺสิตพฺพตาวเสน จกฺขุวิฺาณาทิวิฺาณวีถิยา คเหตพฺพตาวเสน. โอภาสวเสนาติ สปฺปภาสตาย อวภาสนวเสน.

อิจฺฉาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. วิโมกฺขสุตฺตวณฺณนา

๖๖. ฉฏฺเ (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๒๙) เกนฏฺเนาติ เกน สภาเวน. สภาโว หิ าเณน ยาถาวโต อรณียโต าตพฺพโต ‘‘อตฺโถ’’ติ วุจฺจติ, โส เอว ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา ‘‘อฏฺโ’’ติ วุตฺโต. อธิมุจฺจนฏฺเนาติ อธิกํ สวิเสสํ มุจฺจนฏฺเน. เอเตน สติปิ สพฺพสฺสปิ รูปาวจรชฺฌานสฺส วิกฺขมฺภนวเสน ปฏิปกฺขโต วิมุตฺตภาเว เยน ภาวนาวิเสเสน ตํ ฌานํ สาติสยํ ปฏิปกฺขโต วิมุจฺจิตฺวา ปวตฺตติ, โส ภาวนาวิเสโส ทีปิโต. ภวติ หิ สมานชาติยุตฺโตปิ ภาวนาวิเสเสน ปวตฺติอาการวิเสโส. ยถา ตํ สทฺธาวิมุตฺตโต ทิฏฺิปฺปตฺตสฺส, ตถา ปจฺจนีกธมฺเมหิ สุฏฺุ วิมุตฺตตาย เอว อนิคฺคหิตภาเวน นิราสงฺกตาย อภิรติวเสน สุฏฺุ อธิมุจฺจนฏฺเนปิ วิโมกฺโข. เตนาห ‘‘อารมฺมเณ จา’’ติอาทิ. อยํ ปนตฺโถติ อยํ อธิมุจฺจนฏฺโ ปจฺฉิเม วิโมกฺเข นิโรเธ นตฺถิ. เกวโล วิมุตฺตฏฺโ เอว ตตฺถ ลพฺภติ, ตํ สยเมว ปรโต วกฺขติ.

รูปีติ เยนายํ สสนฺตติปริยาปนฺเนน รูเปน สมนฺนาคโต, ตํ ยสฺส ฌานสฺส เหตุภาเวน วิสิฏฺรูปํ โหติ, เยน วิสิฏฺเน รูเปน ‘‘รูปี’’ติ วุจฺเจยฺย รูปีสทฺทสฺส อติสยตฺถทีปนโต, ตเทว สสนฺตติปริยาปนฺนรูปสฺส วเสน ปฏิลทฺธชฺฌานํ อิธ ปรมตฺถโต รูปิภาวสาธกนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติอาทิ. รูปชฺฌานํ รูปํ อุตฺตรปทโลเปน. รูปานีติ ปเนตฺถ ปุริมปทโลโป ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘นีลกสิณาทีนิ รูปานี’’ติ. รูเป กสิณรูเป สฺา รูปสฺา , สา เอตสฺส อตฺถีติ รูปสฺี, สฺาสีเสน ฌานํ วทติ. ตปฺปฏิปกฺเขน อรูปสฺี. เตนาห ‘‘อชฺฌตฺตํ น รูปสฺี’’ติอาทิ.

อนฺโต อปฺปนายํ ‘‘สุภ’’นฺติ อาโภโค นตฺถีติ อิมินา ปุพฺพาโภควเสน ตถา อธิมุตฺติ สิยาติ ทสฺเสติ. เอวฺเหตฺถ ตถาวตฺตพฺพตาปตฺติโจทนา อนวฏฺานา โหติ. ยสฺมา สุวิสุทฺเธสุ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ตตฺถ กตาธิการานํ อภิรติวเสน สุฏฺุ อธิมุจฺจนฏฺโ สมฺภวติ, ตสฺมา อฏฺกถายํ ตถา ตติโย วิโมกฺโข สํวณฺณิโต. ยสฺมา ปน เมตฺตาทิวเสน ปวตฺตมานา ภาวนา สตฺเต อปฺปฏิกูลโต ทหนฺติ, เต สุภโต อธิมุจฺจิตฺวา ปวตฺตติ, ตสฺมา ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๒-๒๑๓) พฺรหฺมวิหารภาวนา ‘‘สุภวิโมกฺโข’’ติ วุตฺตา. ตยิทํ อุภยมฺปิ เตน เตน ปริยาเยน วุตฺตตฺตา น วิรุชฺฌตีติ ทฏฺพฺพํ.

สพฺพโสติ อนวเสสโต. น หิ จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ เอกเทโสปิ ตตฺถ อวสิสฺสติ. วิสฺสฏฺตฺตาติ ยถาปริจฺฉินฺนกาเล นิโรธิตตฺตา. อุตฺตโม วิโมกฺโข นาม อริเยเหว สมาปชฺชิตพฺพโต อริยผลปริโยสานตฺตา ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานปฺปตฺติภาวโต จ.

วิโมกฺขสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. อนริยโวหารสุตฺตวณฺณนา

๖๗. สตฺตเม อนริยานํ ลามกานํ โวหาโร อนริยโวหาโร. ทิฏฺวาทิตาติ ทิฏฺํ มยาติ เอวํ วาทิตา. เอวํ เสเสสุปิ. เอตฺถ จ ตํตํสมุฏฺาปกเจตนาวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘ยาหิ เจตนาหี’’ติอาทิ.

อนริยโวหารสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปริสาสุตฺตวณฺณนา

๖๙. นวเม (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๗๒) สมาคนฺตพฺพโต, สมาคจฺฉตีติ วา สมาคโม, ปริสา. พิมฺพิสารปฺปมุโข สมาคโม พิมฺพิสารสมาคโม. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย. พิมฺพิสาร…เป… สมาคมสทิสํ ขตฺติยปริสนฺติ โยชนา. อฺเสุ จกฺกวาเฬสุปิ ลพฺภเตว สตฺถุ ขตฺติยปริสาทิอุปสงฺกมนํ. อาทิโต เตหิ สทฺธึ สตฺถุ ภาสนํ อาลาโป, กถนปฺปฏิกถนํ สลฺลาโป. ธมฺมูปสํหิตา ปุจฺฉาปฏิปุจฺฉา ธมฺมสากจฺฉา. สณฺานํ ปฏิจฺจ กถิตํ สณฺานปริยายตฺตา วณฺณ-สทฺทสฺส ‘‘มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) วิย. เตสนฺติ ปทํ อุภยปทาเปกฺขํ ‘‘เตสมฺปิ ลกฺขณสณฺานํ วิย สตฺถุ สรีรสณฺานํ เตสํ เกวลํ ปฺายติ เอวา’’ติ. นาปิ อามุตฺตมณิกุณฺฑโล ภควา โหตีติ โยชนา. ฉินฺนสฺสราติ ทฺวิธา ภินฺนสฺสรา. คคฺครสฺสราติ ชชฺชริตสฺสรา. ภาสนฺตรนฺติ เตสํ สตฺตานํ ภาสาโต อฺํ ภาสํ. วีมํสาติ จินฺตนา. กิมตฺถํ…เป… เทเสตีติ อิทํ นนุ อตฺตานํ ชานาเปตฺวา ธมฺเม กถิเต เตสํ สาติสโย ปสาโท โหตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํ? เยสํ อตฺตานํ อชานาเปตฺวาว ธมฺเม กถิเต ปสาโท โหติ, น ชานาเปตฺวา, ตาทิเส สนฺธาย สตฺถา ตถา กโรติ. ตตฺถ ปโยชนมาห ‘‘วาสนตฺถายา’’ติ. เอวํ สุโตปีติ เอวํ อวิฺาตเทสโก อวิฺาตาคมโนปิ สุโต ธมฺโม อตฺตโน ธมฺมสุธมฺมตาเยว อนาคเต ปจฺจโย โหติ สุณนฺตสฺส.

ปริสาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ภูมิจาลสุตฺตวณฺณนา

๗๐. ทสเม (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๖๗; สํ. นิ. ฏี. ๒.๕.๘๒๒) อุเทนยกฺขสฺส เจติยฏฺาเนติ อุเทนสฺส นาม ยกฺขสฺส อายตนภาเวน อิฏฺกาหิ กเต มหาชนสฺส จิตฺตีกตฏฺาเน. กตวิหาโรติ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส กตวิหาโร. วุจฺจตีติ ปุริมโวหาเรน ‘‘อุเทนํ เจติย’’นฺติ วุจฺจติ. โคตมกาทีสุปีติ ‘‘โคตมกํ เจติย’’นฺติอาทีสุปิ. เอเสว นโยติ เจติยฏฺาเน กตวิหารภาวํ อติทิสติ. ตถา หิ สตฺตมฺพนฺติ กิกิสฺส รฺโ ธีตโร สตฺต กุมาริโย สํเวคชาตา เคหโต นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ ปธานํ ปทหึสุ, ตํ านํ ‘‘สตฺตมฺพํ เจติย’’นฺติ วทนฺติ. พหุปุตฺตกนฺติ จ พหุปาโรโห เอโก นิคฺโรธรุกฺโข, ตสฺมึ อธิวตฺถํ เทวตํ พหู มนุสฺสา ปุตฺเต ปตฺเถนฺติ, ตทุปาทาย ตํ านํ ‘‘พหุปุตฺตกํ เจติย’’นฺติ ปฺายิตฺถ. สารนฺททสฺส นาม ยกฺขสฺส วสิตฏฺานํ, จาปาลสฺส นาม ยกฺขสฺส วสิตฏฺานํ, อิติ สพฺพาเนเวตานิ พุทฺธุปฺปาทโต ปุพฺพเทวตา ปริคฺคเหตฺวา เจติยโวหาเรน โวหริตานิ, ภควโต วิหาเร กเตปิ ตเถว สฺชานนฺติ. รมณียาติ เอตฺถ เวสาลิยา ตาว ภูมิภาคสมฺปตฺติยา สุลภปิณฺฑตาย รมณียภาโว เวทิตพฺโพ. วิหารานํ ปน นครโต นาติทูรตาย นจฺจาสนฺนตาย คมนาคมนสมฺปตฺติยา อนากิณฺณวิหารฏฺานตาย ฉายุทกสมฺปตฺติยา ปวิเวกปติรูปตาย จ รมณียตา ทฏฺพฺพา.

วฑฺฒิตาติ ภาวนาปาริปูริวเสน ปริพฺรูหิตา. ปุนปฺปุนํ กตาติ ภาวนาย พหุลีกรเณน อปราปรํ ปวตฺติตา. ยุตฺตยานํ วิย กตาติ ยถา ยุตฺตมาชฺยานํ เฉเกน สารถินา อธิฏฺิตํ ยถารุจิ ปวตฺตติ, เอวํ ยถารุจิ ปวตฺติรหตํ คมิตา. ปติฏฺานฏฺเนาติ อธิฏฺานฏฺเน. วตฺถุ วิย กตาติ สพฺพโส อุปกฺกิเลสวิโสธเนน อิทฺธิวิสยตาย ปติฏฺานภาวโต สุวิโสธิตปริสฺสยวตฺถุ วิย กตา. อธิฏฺิตาติ ปฏิปกฺขทูรีภาวโต สุภาวิตภาเวน ตํตํอธิฏฺานโยคฺยตาย ปิตา. สมนฺตโต จิตาติ สพฺพภาเคน ภาวนุปจยํ คมิตา. เตนาห ‘‘สุวฑฺฒิตา’’ติ. สุฏฺุ สมารทฺธาติ อิทฺธิภาวนาย สิขาปฺปตฺติยา สมฺมเทว สํเสวิตา.

อนิยเมนาติ ‘‘ยสฺส กสฺสจี’’ติ อนิยมวจเนน. นิยเมตฺวาติ ‘‘ตถาคตสฺสา’’ติ สรูปทสฺสเนน นิยเมตฺวา. อายุปฺปมาณนฺติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๐; ที. นิ. อภิ. ฏี. ๑.๔๐) ปรมายุปฺปมาณํ วทติ. กึ ปเนตฺถ ปรมายุ นาม, กถํ วา ตํ ปริจฺฉินฺนปฺปมาณนฺติ? วุจฺจเต – โย เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตสฺมึ ตสฺมึ ภววิเสเส ปุริมสิทฺธภวปตฺถนูปนิสฺสยวเสน สรีราวยววณฺณสณฺานปฺปมาณาทิวิเสสา วิย ตํตํคตินิกายาทีสุ เยภุยฺเยน นิยตปริจฺเฉโท คพฺภเสยฺยกกามาวจรเทวรูปาวจรสตฺตานํ สุกฺกโสณิตอุตุโภชนาทิอุตุอาทิปจฺจุปฺปนฺนปจฺจยูปตฺถมฺภิโต วิปากปฺปพนฺธสฺส ิติกาลนิยโม. โส ยถาสกํ ขณมตฺตาวฏฺายีนมฺปิ อตฺตโน สหชาตานํ รูปารูปธมฺมานํ ปนาการวุตฺติตาย ปวตฺตนกานิ รูปารูปชีวิตินฺทฺริยานิ ยสฺมา น เกวลํ เตสํ ขณิติยา เอว การณภาเวน อนุปาลกานิ, อถ โข ยาว ภวงฺคุปจฺเฉทา อนุปพนฺธสฺส อวิจฺเฉทเหตุภาเวนปิ, ตสฺมา อายุเหตุกตฺตา การณูปจาเรน อายุ, อุกฺกํสปริจฺเฉทวเสน ปรมายูติ จ วุจฺจติ. ตํ ปน เทวานํ เนรยิกานํ อุตฺตรกุรุกานฺจ นิยตปริจฺเฉทํ. อุตฺตรกุรุกานํ ปน เอกนฺตนิยตปริจฺเฉทเมว, อวสิฏฺมนุสฺสเปตติรจฺฉานานํ ปน จิรฏฺิติสํวตฺตนิกกมฺมพหุเล กาเล ตํกมฺมสหิตสนฺตานชนิตสุกฺกโสณิตปจฺจยานํ ตํมูลกานฺจ จนฺทสูริยสมวิสมปริวตฺตนาทิชนิตอุตุอาหาราทิสมวิสมปจฺจยานฺจ วเสน จิราจิรกาลโต อนิยตปริจฺเฉทํ, ตสฺส จ ยถา ปุริมสิทฺธภวปตฺถนาวเสน ตํตํคตินิกายาทีสุ วณฺณสณฺานาทิวิเสสนิยโม สิทฺโธ ทสฺสนานุสฺสวาทีหิ, ตถา อาทิโต คหณสิทฺธิยา. เอวํ ตาสุ ตาสุ อุปปตฺตีสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํ เยภุยฺเยน สมปฺปมาณฏฺิติกาลํ ทสฺสนานุสฺสเวหิ ลภิตฺวา ตํปรมตํ อชฺโฌสาย ปวตฺติตภวปตฺถนาวเสน อาทิโต ปริจฺเฉทนิยโม เวทิตพฺโพ. ยสฺมา ปน กมฺมํ ตาสุ ตาสุ อุปปตฺตีสุ ยถา ตํตํอุปปตฺตินิยตวณฺณาทินิพฺพตฺตเน สมตฺถํ, เอวํ นิยตายุปริจฺเฉทาสุ อุปปตฺตีสุ ปริจฺเฉทาติกฺกเมน วิปากนิพฺพตฺตเน สมตฺถํ น โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล ยํ มนุสฺสานํ อายุปฺปมาณํ, ตํ ปริปุณฺณํ กโรนฺโต ติฏฺเยฺยา’’ติ.

มหาสีวตฺเถโร ปน ‘‘มหาโพธิสตฺตานํ จริมภเว ปฏิสนฺธิทายิโน กมฺมสฺส อสงฺขฺเยยฺยายุกตาสํวตฺตนสมตฺถตํ หทเย เปตฺวา พุทฺธานฺจ อายุสงฺขารสฺส ปริสฺสยวิกฺขมฺภนสมตฺถตา ปาฬิยํ อาคตา เอวาติ อิมํ ภทฺทกปฺปเมว ติฏฺเยฺยา’’ติ อโวจ. ขณฺฑิจฺจาทีหิ อภิภุยฺยตีติ เอเตน ยถา อิทฺธิพเลน ชราย น ปฏิฆาโต, เอวํ เตน มรณสฺสปิ น ปฏิฆาโตติ อตฺถโต อาปนฺนเมวาติ. ‘‘กฺว สโร ขิตฺโต, กฺว จ นิปติโต’’ติ อฺถา วุฏฺิเตนปิ เถรวาเทน อฏฺกถาวจนเมว สมตฺถิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘โย ปน วุจฺจติ…เป… นิยามิต’’นฺติ.

โอฬาริเก นิมิตฺเตติ ถูเล สฺุปฺปาทเน. ถูลสฺุปฺปาทนฺเหตํ ‘‘ติฏฺตุ ภควา กปฺป’’นฺติ สกลํ กปฺปํ อวฏฺานยาจนาย, ยทิทํ ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา’’ติอาทินา อฺาปเทเสน อตฺตโน จตุริทฺธิปาทภาวนานุภาเวน กปฺปํ อวฏฺานสมตฺถตาวิภาวนํ. โอภาเสติ ปากฏวจเน. ปากฏวจนฺเหตํ, ยทิทํ ปริยายํ มุฺจิตฺวา อุชุกเมว อตฺตโน อธิปฺปายวิภาวนํ. ปริยุฏฺิตจิตฺโตติ ยถา กิฺจิ อตฺถานตฺถํ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺกา, เอวํ อภิภูตจิตฺโต. โส ปน อภิภโว มหตา อุทโกเฆน อปฺปกสฺส อุทกสฺส อชฺโฌตฺถรณํ วิย อโหสีติ วุตฺตํ ‘‘อชฺโฌตฺถฏจิตฺโต’’ติ. อฺโติ เถรโต, อริเยหิ วา อฺโปิ โย โกจิ ปุถุชฺชโน. ปุถุชฺชนคฺคหณฺเจตฺถ ยถา สพฺเพน สพฺพํ อปฺปหีนวิปลฺลาโส มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺโต กิฺจิ อตฺถานตฺถํ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺโกติ, เอวํ เถโร ภควตา กตนิมิตฺโตภาสํ สพฺพโส น สลฺลกฺเขสีติ ทสฺสนตฺถํ. เตนาห ‘‘มาโร หี’’ติอาทิ.

จตฺตาโรวิปลฺลาสาติ อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ สฺาวิปลฺลาโส, จิตฺตวิปลฺลาโส, ทุกฺเข ‘‘สุข’’นฺติ สฺาวิปลฺลาโส, จิตฺตวิปลฺลาโสติ อิเม จตฺตาโร วิปลฺลาสา. เตนาติ ยทิปิ อิตเร อฏฺ วิปลฺลาสา ปหีนา, ตถาปิ ยถาวุตฺตานํ จตุนฺนํ วิปลฺลาสานํ อปฺปหีนภาเวน. อสฺสาติ เถรสฺส. มทฺทตีติ ผุสนมตฺเตน มทฺทนฺโต วิย โหติ, อฺถา เตน มทฺทิเต สตฺตานํ มรณเมว สิยา. กึ สกฺขิสฺสติ, น สกฺขิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. กสฺมา น สกฺขิสฺสติ, นนุ เอส อคฺคสาวกสฺส กุจฺฉึ ปวิฏฺโติ? สจฺจํ ปวิฏฺโ, ตฺจ โข อตฺตโน อานุภาวทสฺสนตฺถํ, น วิพาธนาธิปฺปาเยน. วิพาธนาธิปฺปาเยน ปน อิธ ‘‘กึ สกฺขิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ หทยมทฺทนสฺส อธิกตตฺตา. นิมิตฺโตภาสนฺติ เอตฺถ ‘‘ติฏฺตุ ภควา กปฺป’’นฺติ สกลกปฺปํ อวฏฺานยาจนาย ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา’’ติอาทินา อฺาปเทเสน อตฺตโน จตุริทฺธิปาทภาวนานุภาเวน กปฺปํ อวฏฺานสมตฺถตาวเสน สฺุปฺปาทนํ นิมิตฺตํ. ตถา ปน ปริยายํ มุฺจิตฺวา อุชุกเมว อตฺตโน อธิปฺปายวิภาวนํ โอภาโส. ชานนฺโตเยวาติ มาเรน ปริยุฏฺิตภาวํ ชานนฺโตเยว. อตฺตโน อปราธเหตุโต สตฺตานํ โสโก ตนุโก โหติ, น พลวาติ อาห ‘‘โทสาโรปเนน โสกตนุกรณตฺถ’’นฺติ. กึ ปน เถโร มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺตกาเล ปวตฺตึ ปจฺฉา ชานาตีติ? น ชานาติ สภาเวน, พุทฺธานุภาเวน ปน ชานาติ.

คจฺฉ ตฺวํ, อานนฺทาติ ยสฺมา ทิวาวิหารตฺถาย อิธาคโต, ตสฺมา, อานนฺท, คจฺฉ ตฺวํ ยถารุจิตฏฺานํ ทิวาวิหาราย. เตนาห ‘‘ยสฺสทานิ กาลํ มฺสี’’ติ. อนตฺเถ นิโยเชนฺโต คุณมารเณน มาเรติ, วิราควิพนฺธเนน วา ชาตินิมิตฺตตาย ตตฺถ ตตฺถ ชาตํ มาเรนฺโต วิย โหตีติ ‘‘มาเรตีติ มาโร’’ติ วุตฺตํ. อติ วิย ปาปตาย ปาปิมา. กณฺหธมฺเมหิ สมนฺนาคโต กณฺโห. วิราคาทิคุณานํ อนฺตกรณโต อนฺตโก. สตฺตานํ อนตฺถาวหํ ปฏิปตฺตึ น มุฺจตีติ นมุจิ. อตฺตโน มารปาเสน ปมตฺเต พนฺธติ, ปมตฺตา วา พนฺธู เอตสฺสาติ ปมตฺตพนฺธุ. สตฺตมสตฺตาหโต ปรํ สตฺต อหานิ สนฺธายาห ‘‘อฏฺเม สตฺตาเห’’ติ น ปน ปลฺลงฺกสตฺตาหาทิ วิย นิยตกิจฺจสฺส อฏฺมสตฺตาหสฺส นาม ลพฺภนโต. สตฺตมสตฺตาหสฺส หิ ปรโต อชปาลนิคฺโรธมูเล มหาพฺรหฺมุโน สกฺกสฺส จ เทวรฺโ ปฏิฺาตธมฺมเทสนํ ภควนฺตํ ตฺวา ‘‘อิทานิ สตฺเต ธมฺมเทสนาย มม วิสยํ สมติกฺกมาเปสฺสตี’’ติ สฺชาตโทมนสฺโส หุตฺวา ิโต จินฺเตสิ – ‘‘หนฺท ทานาหํ นํ อุปาเยน ปรินิพฺพาเปสฺสามิ, เอวมสฺส มโนรโถ อฺถตฺตํ คมิสฺสติ, มม จ มโนรโถ อิชฺฌิสฺสตี’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ‘‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ, ภนฺเต, ภควา’’ติอาทินา ปรินิพฺพานํ ยาจิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อฏฺเม สตฺตาเห’’ติอาทิ. ตตฺถ อชฺชาติ อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนทิวสํ สนฺธายาห. ภควา จสฺส อติพนฺธนาธิปฺปายํ ชานนฺโตปิ ตํ อนาวิกตฺวา ปรินิพฺพานสฺส อกาลภาวเมว ปกาเสนฺโต ยาจนํ ปฏิกฺขิปิ. เตนาห ‘‘น ตาวาห’’นฺติอาทิ.

มคฺควเสน พฺยตฺตาติ สจฺจสมฺปฏิเวธเวยฺยตฺติเยน พฺยตฺตา. ตเถว วินีตาติ มคฺควเสเนว กิเลสานํ สมุจฺเฉทวินเยน วินีตา. ตถา วิสารทาติ อริยมคฺคาธิคเมเนว สตฺถุสาสเน เวสารชฺชปฺปตฺติยา วิสารทา, สารชฺชกรานํ ทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทิปาปธมฺมานํ วิคเมน วิสารทภาวํ ปตฺตาติ อตฺโถ. ยสฺส สุตสฺส วเสน วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรณํ สมฺภวติ, ตํ อิธ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน สุตนฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘เตปิฏกวเสนา’’ติ. ติณฺณํ ปิฏกานํ สมูโห เตปิฏกํ, ตีณิ วา ปิฏกานิ ติปิฏกํ, ติปิฏกเมว เตปิฏกํ, ตสฺส วเสน. ตเมวาติ ยํ ตํ เตปิฏกํ โสตพฺพภาเวน ‘‘สุต’’นฺติ วุตฺตํ, ตเมว. ธมฺมนฺติ ปริยตฺติธมฺมํ. ธาเรนฺตีติ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสํ วิย อวินสฺสนฺตํ กตฺวา สุปฺปคุณสุปฺปวตฺติภาเวน ธาเรนฺติ หทเย เปนฺติ. อิติ ปริยตฺติธมฺมวเสน พหุสฺสุตธมฺมธรภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฏิเวธธมฺมวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อริยธมฺมสฺสาติ มคฺคผลธมฺมสฺส, นววิธสฺสปิ วา โลกุตฺตรธมฺมสฺส. อนุธมฺมภูตนฺติ อธิคมาย อนุรูปธมฺมภูตํ. อนุจฺฉวิกปฺปฏิปทนฺติ จ ตเมว วิปสฺสนาธมฺมมาห, ฉพฺพิธา วิสุทฺธิโย วา. อนุธมฺมนฺติ ตสฺสา ยถาวุตฺตปฺปฏิปทาย อนุรูปํ อภิสลฺเลขิตํ อปฺปิฉตาทิธมฺมํ. จรณสีลาติ สมาทาย วตฺตนสีลา. อนุมคฺคผลธมฺโม เอติสฺสาติ วา อนุธมฺมา, วุฏฺานคามินี วิปสฺสนา. ตสฺสา จรณสีลา. อตฺตโน อาจริยวาทนฺติ อตฺตโน อาจริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วาทํ. สเทวกสฺส โลกสฺส อาจารสิกฺขาปเนน อาจริโย, ภควา, ตสฺส วาโท, จตุสจฺจเทสนา.

อาจิกฺขิสฺสนฺตีติ อาทิโต กเถสฺสนฺติ, อตฺตนา อุคฺคหิตนิยาเมน ปเร อุคฺคณฺหาเปสฺสนฺตีติ อตฺโถ. เทเสสฺสนฺตีติ วาเจสฺสนฺติ, ปาฬึ สมฺมา ปโพเธสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ปฺเปสฺสนฺตีติ ปชานาเปสฺสนฺติ, สงฺกาเสสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ปฏฺเปสฺสนฺตีติ ปกาเรหิ เปสฺสนฺติ, ปกาเสสฺสนฺตีติ อตฺโถ. วิวริสฺสนฺตีติ วิวฏํ กริสฺสนฺติ. วิภชิสฺสนฺตีติ วิภตฺตํ กริสฺสนฺติ. อุตฺตานีกริสฺสนฺตีติ อนุตฺตานํ คมฺภีรํ อุตฺตานํ ปากฏํ กริสฺสนฺติ. สหธมฺเมนาติ เอตฺถ ธมฺม-สทฺโท การณปริยาโย ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๒๐) วิยาติ อาห ‘‘สเหตุเกน สการเณน วจเนนา’’ติ. สปฺปาฏิหาริยนฺติ สนิสฺสรณํ. ยถา ปรวาทํ ภฺชิตฺวา สกวาโท ปติฏฺหติ, เอวํ เหตุทาหรเณหิ ยถาธิคตมตฺถํ สมฺปาเทตฺวา ธมฺมํ กเถสฺสนฺติ. เตนาห ‘‘นิยฺยานิกํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’’ติ, นววิธํ โลกุตฺตรธมฺมํ ปโพเธสฺสนฺตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ‘‘ปฺเปสฺสนฺตี’’ติอาทีหิ ฉหิ ปเทหิ ฉ อตฺถปทานิ ทสฺสิตานิ, อาทิโต ปน ทฺวีหิ ปเทหิ ฉ พฺยฺชนปทานิ. เอตฺตาวตา เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สํวณฺณนานเยน สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ เนตฺติยํ (เนตฺติ. สงฺคหวาโร) ‘‘ทฺวาทส ปทานิ สุตฺตํ, ตํ สพฺพํ พฺยฺชนฺจ อตฺโถ จา’’ติ.

สิกฺขาตฺตยสงฺคหิตนฺติ อธิสีลสิกฺขาทิสิกฺขาตฺตยสงฺคหํ. สกลํ สาสนพฺรหฺมจริยนฺติ อนวเสสํ สตฺถุสาสนภูตํ เสฏฺจริยํ. สมิทฺธนฺติ สมฺมเทว วฑฺฒิตํ. ฌานสฺสาทวเสนาติ เตหิ เตหิ ภิกฺขูหิ สมธิคตชฺฌานสุขวเสน. วุทฺธิปฺปตฺตนฺติ อุฬารปณีตภาวูปคเมน สพฺพโส ปริวุทฺธิมุปคตํ. สพฺพปาลิผุลฺลํ วิย อภิฺาสมฺปตฺติวเสน อภิฺาสมฺปทาหิ สาสนาภิวุทฺธิยา มตฺถกปฺปตฺติโต. ปติฏฺิตวเสนาติ ปติฏฺานวเสน, ปติฏฺปฺปตฺติยาติ อตฺโถ. ปฏิเวธวเสน พหุโน ชนสฺส หิตนฺติ พาหุชฺํ. เตนาห ‘‘มหาชนาภิสมยวเสนา’’ติ. ปุถุ ปุถุลํ ภูตํ ชาตํ, ปุถุ วา ปุถุตฺตํ ปตฺตนฺติ ปุถุภูตํ. เตนาห ‘‘สพฺพา…เป... ปตฺต’’นฺติ. สุฏฺุ ปกาสิตนฺติ สุฏฺุ สมฺมเทว อาทิกลฺยาณาทิภาเวน ปเวทิตํ.

สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวาติ อยํ กายาทิวิภาโค อตฺตภาวสฺิโต ทุกฺขภาโร มยา เอตฺตกํ กาลํ วหิโต, อิทานิ ปน น วหิตพฺโพ, เอตสฺส อวหนตฺถฺหิ จิรตรํ กาลํ อริยมคฺคสมฺภาโร สมฺภโต, สฺวายํ อริยมคฺโค ปฏิวิทฺโธ. ยโต อิเม กายาทโย อสุภาทิโต สภาวาทิโต สมฺมเทว ปริฺาตาติ จตุพฺพิธมฺปิ สมฺมาสตึ ยตาตถํ วิสเย สุฏฺุ อุปฏฺิตํ กตฺวา. าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ อิมสฺส อตฺตภาวสฺิตสฺส ทุกฺขภารสฺส วหเน ปโยชนภูตํ อตฺตหิตํ ตาว โพธิมูเล เอว ปริสมาปิตํ, ปรหิตํ ปน พุทฺธเวเนยฺยวินยํ ปริสมาปิตพฺพํ, ตํ อิทานิ มาสตฺตเยเนว ปริสมาปนํ ปาปุณิสฺสติ, อหมฺปิ วิสาขาปุณฺณมายํ ปรินิพฺพายิสฺสามีติ เอวํ พุทฺธาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา สพฺพภาเคน นิจฺฉยํ กตฺวา. อายุสงฺขารํ วิสฺสชฺชีติ อายุโน ชีวิตสฺส อภิสงฺขารกํ ผลสมาปตฺติธมฺมํ น สมาปชฺชิสฺสามีติ วิสฺสชฺชิ. ตํวิสฺสชฺชเนเนว เตน อภิสงฺขริยมานํ ชีวิตสงฺขารํ ‘‘น ปวตฺเตสฺสามี’’ติ วิสฺสชฺชิ. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ.

านมหนฺตตายปิ ปวตฺติอาการมหนฺตตายปิ มหนฺโต ปถวีกมฺโป. ตตฺถ านมหนฺตตาย ภูมิจาลสฺส มหนฺตตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตทา กิร…เป… กมฺปิตฺถา’’ติ วุตฺตํ. สา ปน ชาภิกฺเขตฺตภูตา ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอว, น ยา กาจิ. ยา มหาภินีหารมหาภิชาติอาทีสุปิ กมฺปิตฺถ, ตทาปิ ตตฺติกาย เอว กมฺปเน กึ การณํ? ชาติกฺเขตฺตภาเวน ตสฺเสว อาทิโต ปริคฺคหสฺส กตตฺตา, ปริคฺคหกรณํ จสฺส ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺพํ. ตถา หิ ปุริมพุทฺธานมฺปิ ตาวตฺตกเมว ชาติกฺเขตฺตํ อโหสิ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ทสสหสฺสี โลกธาตุ, นิสฺสทฺทา โหติ นิรากุลา…เป… มหาสมุทฺโท อาภุชติ, ทสสหสฺสี ปกมฺปตี’’ติ (พุ. วํ. ๒.๘๔-๙๑) จ อาทิ. อุทกปริยนฺตํ กตฺวา ฉปฺปการปเวธเนน อวีตราเค ภึเสตีติ ภึสโน, โส เอว ภึสนโกติ อาห ‘‘ภยชนโก’’ติ. เทวเภริโยติ เทวทุนฺทุภิสทฺทสฺส ปริยายวจนมตฺตํ. น เจตฺถ กาจิ เภรี ‘‘ทุนฺทุภี’’ติ อธิปฺเปตา, อถ โข อุปฺปาตภาเวน ลพฺภมาโน อากาสคโต นิคฺโฆสสทฺโท. เตนาห ‘‘เทโว’’ติอาทิ. เทโวติ เมโฆ. ตสฺส หิ คชฺชภาเวน อากาสสฺส วสฺสาภาเวน สุกฺขคชฺชิตสฺิเต สทฺเท นิจฺฉรนฺเต เทวทุนฺทุภิสมฺา. เตนาห ‘‘เทโว สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชี’’ติ.

ปีติเวควิสฺสฏฺนฺติ ‘‘เอวํ จิรตรํ กาลํ วหิโต อยํ อตฺตภาวสฺิโต ทุกฺขภาโร, อิทานิ น จิรสฺเสว นิกฺขิปิสฺสามี’’ติ สฺชาตโสมนสฺโส ภควา สภาเวเนว ปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนสิ. เอวํ ปน อุทาเนนฺเตน อยมฺปิ อตฺโถ สาธิโต โหตีติ ทสฺสนตฺถํ อฏฺกถายํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ตุลียตีติ ตุลนฺติ ตุล-สทฺโท กมฺมสาธโนติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตุลิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อปฺปานุภาวตาย ปริจฺฉินฺนํ. ตถา หิ ตํ ปริโต ขณฺฑิตภาเวน ‘‘ปริตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ปฏิปกฺขวิกฺขมฺภนโต ทีฆสนฺตานตาย วิปุลผลตาย จ น ตุลํ น ปริจฺฉินฺนํ. เยหิ การเณหิ ปุพฺเพ อวิเสสโต มหคฺคตํ ‘‘อตุล’’นฺติ วุตฺตํ, ตานิ การณานิ รูปาวจรโต อรูปสฺส สาติสยานิ วิชฺชนฺตีติ อรูปาวจรํ ‘‘อตุล’’นฺติ วุตฺตํ อิตรฺจ ‘‘ตุล’’นฺติ. อปฺปวิปากนฺติ ตีสุปิ กมฺเมสุ ยํ ตนุวิปากํ หีนํ, ตํ ตุลํ. พหุวิปากนฺติ ยํ มหาวิปากํ ปณีตํ, ตํ อตุลํ. ยํ ปเนตฺถ มชฺฌิมํ, ตํ หีนํ อุกฺกฏฺนฺติ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ทฺวีสุปิ ภาเคสุ ปกฺขิปิตพฺพํ. หีนตฺติกวณฺณนายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๔) วุตฺตนเยน วา อปฺปพหุวิปากตํ นิทฺธาเรตฺวา ตสฺส วเสน ตุลาตุลภาโว เวทิตพฺโพ. สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโวติ อาห ‘‘สมฺภวเหตุภูต’’นฺติ. นิยกชฺฌตฺตรโตติ สสนฺตานธมฺเมสุ วิปสฺสนาวเสน โคจราเสวนาย จ นิรโต. สวิปากมฺปิ สมานํ ปวตฺติวิปากมตฺตทายิกมฺมํ สวิปากฏฺเน สมฺภวํ, น จ ตํ กามาทิภวาภิสงฺขารกนฺติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘สมฺภว’’นฺติ วตฺวา ‘‘ภวสงฺขาร’’นฺติ วุตฺตํ. โอสฺสชีติ อริยมคฺเคน อวสฺสชิ. กวจํ วิย อตฺตภาวํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตํ อตฺตนิ สมฺภูตตฺตา อตฺตสมฺภวํ กิเลสฺจ อภินฺทีติ กิเลสเภทสหภาวิกมฺโมสฺสชฺชนํ ทสฺเสนฺโต ตทุภยสฺส การณมโวจ ‘‘อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต’’ติ.

ปมวิกปฺเป อวสชฺชนเมว วุตฺตํ, เอตฺถ อวสชฺชนากาโรติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตีเรนฺโตติ ‘‘อุปฺปาโท ภยํ, อนุปฺปาโท เขม’’นฺติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๑๐) วีมํสนฺโต. ‘‘ตุเลนฺโต ตีเรนฺโต’’ติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจกฺขนฺธา’’ติอาทึ วตฺวา ภวสงฺขารสฺส อวสชฺชนาการํ สรูปโต ทสฺเสติ. เอวนฺติอาทินา ปน อุทานคาถาวณฺณนายํ อาทิโต วุตฺตมตฺถํ นิคมวเสน ทสฺเสติ.

นฺติ (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๗๑) กรเณ, อธิกรเณ วา ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘เยน สมเยน, ยสฺมึ วา สมเย’’ติ. อุกฺเขปกวาตาติ อุทกสนฺธารกวาตํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ิตฏฺานโต เขปกวาตา. สฏฺิ…เป… พหลนฺติ อิทํ ตสฺส วาตสฺส อุพฺเพธปฺปมาณเมว คเหตฺวา วุตฺตํ , อายามวิตฺถารโต ปน ทสสหสฺสจกฺกวาฬปฺปมาณํ โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬปฺปมาณมฺปิ อุทกสนฺธารกวาตํ อุปจฺฉินฺทติเยว. อากาเสติ ปุพฺเพ วาเตน ปติฏฺิตากาเส. ปุน วาโตติ อุกฺเขปกวาเต ตถา กตฺวา วิคเต อุทกสนฺธารกวาโต ปุน อาพนฺธิตฺวา คณฺหาติ. ยถา ตํ อุทกํ น ภสฺสติ, เอวํ อุปตฺถมฺเภนฺตํ อาพนฺธนวิตานวเสน พนฺธิตฺวา คณฺหาติ. ตโต อุทกํ อุคฺคจฺฉตีติ ตโต อาพนฺธิตฺวา คหณโต เตน วาเตน อุฏฺาปิตํ อุทกํ อุคฺคจฺฉติ อุปริ คจฺฉติ. โหติเยวาติ อนฺตรนฺตรา โหติเยว. พหุภาเวนาติ มหาปถวิยา มหนฺตภาเวน. สกลา หิ มหาปถวี ตทา โอคฺคจฺฉติ จ อุคฺคจฺฉติ จ, ตสฺมา กมฺปนํ น ปฺายติ.

อิชฺฌนสฺสาติ อิจฺฉิตตฺถสิชฺฌนสฺส อนุภวิตพฺพสฺส อิสฺสริยสมฺปตฺติอาทิกสฺส. ปริตฺตาติ ปฏิลทฺธมตฺตา นาติสุภาวิตา. ตถา จ ภาวนา พลวตี น โหตีติ อาห ‘‘ทุพฺพลา’’ติ. สฺาสีเสน หิ ภาวนา วุตฺตา. อปฺปมาณาติ ปคุณา สุภาวิตา. สา หิ ถิรา ทฬฺหตรา โหตีติ อาห ‘‘พลวา’’ติ. ‘‘ปริตฺตา ปถวีสฺา, อปฺปมาณา อาโปสฺา’’ติ เทสนามตฺตเมตํ, อาโปสฺาย ปน สุภาวิตาย ปถวีกมฺโป สุเขเนว อิชฺฌตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. สํเวเชนฺโต วา ทิพฺพสมฺปตฺติยา ปมตฺตํ สกฺกํ เทวราชานํ, วีมํสนฺโต วา ตาวเทว สมธิคตํ อตฺตโน อิทฺธิพลํ. โส กิรายสฺมา (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗๑) ขุรคฺเค อรหตฺตํ ปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ ภิกฺขุ เยน ปพฺพชิตทิวเสเยว อรหตฺตํ ปตฺวา เวชยนฺโต ปาสาโท กมฺปิตปุพฺโพ’’ติ. ตโต ‘‘นตฺถิ โกจี’’ติ ตฺวา ‘‘อหํ กมฺเปสฺสามี’’ติ อภิฺาพเลน เวชยนฺตมตฺถเก ตฺวา ปาเทน ปหริตฺวา กมฺเปตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ สกฺกสฺส นาฏกิตฺถิโย อาหํสุ – ‘‘ปุตฺต สงฺฆรกฺขิต, ตฺวํ ปูติคนฺเธเนว สีเสน เวชยนฺตํ กมฺเปตุํ อิจฺฉสิ, สุปฺปติฏฺิโต, ตาต, ปาสาโท, กถํ กมฺเปตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ.

สามเณโร ‘‘อิมา เทวตา มยา สทฺธึ เกฬึ กโรนฺติ, อหํ โข ปน อาจริยํ นาลตฺถํ, กหํ นุ โข เม อาจริโย สามุทฺทิกมหานาคตฺเถโร’’ติ อาวชฺเชตฺวา ‘‘มหาสมุทฺเท อุทกเลณํ มาเปตฺวา ทิวาวิหารํ นิสินฺโน’’ติ ตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ตโต นํ เถโร, ‘‘ตาต สงฺฆรกฺขิต, อสิกฺขิตฺวาว ยุทฺธํ ปวิฏฺโสี’’ติ วตฺวา ‘‘นาสกฺขิ, ตาต, เวชยนฺตํ กมฺเปตุ’’นฺติ ปุจฺฉิ. อาจริยํ, ภนฺเต, นาลตฺถนฺติ. อถ นํ เถโร, ‘‘ตาต, ตุมฺหาทิเส อกมฺเปนฺเต อฺโ โก กมฺเปสฺสติ, ทิฏฺปุพฺพํ เต, ตาต, อุทกปิฏฺเ โคมยขณฺฑํ ปิลวนฺตํ, ตาต, กปลฺลปูวํ ปจฺจนฺตํ อนฺตนฺเตน ปริจฺฉินฺนนฺติ อิมินา โอปมฺเมน ชานาหี’’ติ อาห. โส ‘‘วฏฺฏิสฺสติ, ภนฺเต, เอตฺตเกนา’’ติ วตฺวา ‘‘ปาสาเทน ปติฏฺิโตกาสํ อุทกํ โหตู’’ติ อธิฏฺาย เวชยนฺตาภิมุโข อคมาสิ. เทวธีตโร ตํ ทิสฺวา ‘‘เอกวารํ ลชฺชิตฺวา คโต, ปุนปิ สามเณโร เอติ, ปุนปิ เอตี’’ติ วทึสุ. สกฺโก เทวราชา ‘‘มา มยฺหํ ปุตฺเตน สทฺธึ กถยิตฺถ, อิทานิ เตน อาจริโย ลทฺโธ ขเณน ปาสาทํ กมฺเปสฺสตี’’ติ อาห. สามเณโรปิ ปาทงฺคุฏฺเน ปาสาทถูปิกํ ปหริ, ปาสาโท จตูหิ ทิสาหิ โอณมติ. เทวตา ‘‘ปติฏฺาตุํ เทหิ, ตาต, ปาสาทสฺส, ปติฏฺาตุํ เทหิ, ตาต, ปาสาทสฺสา’’ติ วิรวึสุ. สามเณโร ปาสาทํ ยถาาเน เปตฺวา ปาสาทมตฺถเก ตฺวา อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘อชฺเชวาหํ ปพฺพชิโต, อชฺช ปตฺตาสวกฺขยํ;

อชฺช กมฺเปมิ ปาสาทํ, อโห พุทฺธสฺสุฬารตา.

‘‘อชฺเชวาหํ ปพฺพชิโต, อชฺช ปตฺตาสวกฺขยํ;

อชฺช กมฺเปมิ ปาสาทํ, อโห ธมฺมสฺสุฬารตา.

‘‘อชฺเชวาหํ ปพฺพชิโต, อชฺช ปตฺตาสวกฺขยํ;

อชฺช กมฺเปมิ ปาสาทํ, อโห สงฺฆสฺสุฬารตา’’ติ.

‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสตฺโต ตุสิตกายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘) วตฺวา ‘‘อยฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘), ตถา ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒) วตฺวา ‘‘อยฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒) จ มหาสตฺตสฺส คพฺโภกฺกนฺติยํ อภิชาติฺจ ธมฺมตาวเสน มหาปทาเน ปถวีกมฺปสฺส วุตฺตตฺตา อิตเรสุปิ จตูสุ าเนสุ ปถวีกมฺโป ธมฺมตาวเสเนวาติ อตฺถโต วุตฺตเมตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

อิทานิ เนสํ ปถวีกมฺปานํ การณโต ปวตฺติอาการโต จ วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิติ อิเมสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ธาตุโกเปนาติ อุกฺเขปกวาตสงฺขาตาย วาโยธาตุยา ปโกเปน. อิทฺธานุภาเวนาติ าณิทฺธิยา, กมฺมวิปากชิทฺธิยา วา สภาเวน, เตเชนาติ อตฺโถ. ปุฺเตเชนาติ ปุฺานุภาเวน, มหาโพธิสตฺตสฺส ปุฺพเลนาติ อตฺโถ. าณเตเชนาติ อนฺสาธารเณน ปฏิเวธาณานุภาเวน. สาธุการทานวเสนาติ ยถา อนฺสาธารณปฺปฏิเวธาณานุภาเวน อภิหตา มหาปถวี อภิสมฺโพธิยํ กมฺปิตฺถ, เอวํ อนฺสาธารเณน เทสนาาณานุภาเวน อภิหตา มหาปถวี กมฺปิตฺถ, ตํ ปนสฺสา สาธุการทานํ วิย โหตีติ ‘‘สาธุการทานวเสนา’’ติ วุตฺตํ.

เยน ปน ภควา อสีติอนุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิตทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณวิจิตฺรรูปกาโย สพฺพาการปริสุทฺธสีลกฺขนฺธาทิคุณรตนสมิทฺธิธมฺมกาโย ปุฺมหตฺตถามมหตฺตอิทฺธิมหตฺตยสมหตฺตปฺามหตฺตานํ ปรมุกฺกํสคโต อสโม อสมสโม อปฺปฏิปุคฺคโล อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อตฺตโน อตฺตภาวสฺิตํ ขนฺธปฺจกํ กปฺปํ วา กปฺปาวเสสํ วา เปตุํ สมตฺโถปิ สงฺขตธมฺมปริชิคุจฺฉนาการปฺปวตฺเตน าณวิเสเสน ติณายปิ อมฺมาโน อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนวิธินา นิรเปกฺโข โอสฺสชฺชิ. ตทนุภาวาภิหตา มหาปถวี อายุสงฺขโรสฺสชฺชเน อกมฺปิตฺถ. ตํ ปนสฺสา การุฺสภาวสณฺิตา วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘การุฺภาเวนา’’ติ.

ยสฺมา ภควา ปรินิพฺพานสมเย จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา สมาปตฺติโย สมาปชฺชิ, อนฺตรนฺตรา ผลสมาปตฺติสมาปชฺชเนน ตสฺส ปุพฺพภาเค สาติสยํ ติกฺขํ สูรํ วิปสฺสนาาณฺจ ปวตฺเตสิ. ‘‘ยทตฺถฺจ มยา เอวํ สุจิรกาลํ อนฺสาธารโณ ปรมุกฺกํสคโต าณสมฺภาโร สมฺภโต, อนุตฺตโร จ วิโมกฺโข สมธิคโต, ตสฺส วต เม สิขาปฺปตฺตผลภูตา อจฺจนฺตนิฏฺา อนุปาทิเสสปรินิพฺพานธาตุ อชฺช สมิชฺฌตี’’ติ ภิยฺโย อติวิย โสมนสฺสปฺปตฺตสฺส ภควโต ปีติวิปฺผาราทิคุณวิปุลตรานุภาโว ปเรหิ อสาธารณาณาติสโย อุทปาทิ, ยสฺส สมาปตฺติพลสมุปพฺรูหิตสฺส าณาติสยสฺส อานุภาวํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘ทฺเวเม ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมสมวิปากา’’ติอาทิ (อุทา. ๗๕), ตสฺมา ตสฺสานุภาเวน สมภิหตา มหาปถวี อกมฺปิตฺถ, ตํ ปนสฺสา ตสฺสํ เวลายํ อาโรทนาการปฺปตฺติ วิย โหตีติ ‘‘อฏฺโม อาโรทเนนา’’ติ วุตฺตํ.

อิทานิ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมนฺเต’’ติอาทิมาห. อยํ ปนตฺโถติ ‘‘สาธุการทานวเสนา’’ติอาทินา วุตฺต อตฺโถ. ปถวีเทวตาย วเสนาติ เอตฺถ สมุทฺทเทวตา วิย มหาปถวิยา อธิเทวตา กิร นาม อตฺถิ, ตาทิเส การเณ สติ ตสฺสา จิตฺตวเสน อยํ มหาปถวี สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติ. ยถา วาตวลาหกเทวตานํ จิตฺตวเสน วาตา วายนฺติ, สีตุณฺหอพฺภวสฺสวลาหกเทวตานํ จิตฺตวเสน สีตาทโย ภวนฺติ, ตถา หิ วิสาขปุณฺณมายํ อภิสมฺโพธิอตฺถํ โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺนสฺส โลกนาถสฺส อนฺตรายกรณตฺถํ อุปฏฺิตํ มารพลํ วิธมิตุํ –

‘‘อเจตนายํ ปถวี, อวิฺาย สุขํ ทุขํ;

สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติ. (จริยา. ๑.๑๒๔) –

วจนสมนนฺตรํ มหาปถวี ภิชฺชิตฺวา สปริสํ มารํ ปริวตฺเตสิ. เอตนฺติ สาธุการทานาทิ. ยทิปิ นตฺถิ อเจตนตฺตา, ธมฺมตาวเสน ปน วุตฺตนเยน สิยาติ สกฺกา วตฺตุํ. ธมฺมตา ปน อตฺถโต ธมฺมภาโว, โส ปุฺธมฺมสฺส วา าณธมฺมสฺส วา อานุภาวสภาโวติ. ตยิทํ สพฺพํ วิจาริตเมว. เอวฺจ กตฺวา –

‘‘อิเม ธมฺเม สมฺมสโต, สภาวสรสลกฺขเณ;

ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถา’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๖๖) –

อาทิวจนฺจ สมตฺถิตํ โหติ.

อยํ ปน (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๙) มหาปถวี อปเรสุปิ อฏฺสุ าเนสุ อกมฺปิตฺถ มหาภินิกฺขมเน โพธิมณฺฑูปสงฺกมเน ปํสุกูลคฺคหเณ ปํสุกูลโธวเน กาฬการามสุตฺเต โคตมกสุตฺเต เวสฺสนฺตรชาตเก พฺรหฺมชาเลติ. ตตฺถ มหาภินิกฺขมนโพธิมณฺฑูปสงฺกมเนสุ วีริยพเลน อกมฺปิตฺถ. ปํสุกูลคฺคหเณ ‘‘ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเร นาม จตฺตาโร มหาทีเป ปหาย ปพฺพชิตฺวา สุสานํ คนฺตฺวา ปํสุกูลํ คณฺหนฺเตน ทุกฺกรํ ภควตา กต’’นฺติ อจฺฉริยเวคาภิหตา อกมฺปิตฺถ. ปํสุกูลโธวนเวสฺสนฺตรชาตเกสุ อกาลกมฺปเนน อกมฺปิตฺถ. กาฬการามโคตมกสุตฺเตสุ (อ. นิ. ๔.๒๔; ๓.๑๒๖) ‘‘อหํ สกฺขี ภควา’’ติ สกฺขิภาเวน อกมฺปิตฺถ. พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. ๑.๑๔๗) ปน ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺิคเตสุ วิชเฏตฺวา นิคฺคุมฺพํ กตฺวา เทสิยมาเนสุ สาธุการทานวเสน อกมฺปิตฺถาติ เวทิตพฺพา.

น เกวลฺจ เอเตสุเยว าเนสุ ปถวี อกมฺปิตฺถ, อถ โข ตีสุ สงฺคเหสุปิ มหามหินฺทตฺเถรสฺส อิมํ ทีปํ อาคนฺตฺวา โชติวเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทสิตทิวเสปิ อกมฺปิตฺถ. กลฺยาณิยมหาวิหาเร จ ปิณฺฑปาติยตฺเถรสฺส เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา ตตฺเถว นิสีทิตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา อิมํ สุตฺตนฺตํ อารทฺธสฺส สุตฺตปริโยสาเน อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อกมฺปิตฺถ. โลหปาสาทสฺส ปาจีนอมฺพลฏฺิกฏฺานํ นาม อโหสิ, ตตฺถ นิสีทิตฺวา ทีฆภาณกตฺเถรา พฺรหฺมชาลสุตฺตํ อารภึสุ. เตสํ สชฺฌายปริโยสาเนปิ อุทกปริยนฺตเมว กตฺวา ปถวี อกมฺปิตฺถ.

ยทิ เอวํ ‘‘อฏฺิเม, อานนฺท, เหตู อฏฺ ปจฺจยา มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายา’’ติ กสฺมา อฏฺเว เหตู วุตฺตาติ? นิยมเหตุภาวโต. อิเมเยว หิ อฏฺ เหตู นิยมนฺติ, นาฺเ. เต หิ กทาจิ สมฺภวนฺตีติ อนิยมภาวโต น คณิตา. วุตฺตฺเหตํ นาคเสนตฺเถเรน มิลินฺทปฺเห (มิ. ป. ๔.๑.๔) –

‘‘อฏฺิเม, ภิกฺขเว, เหตู อฏฺ ปจฺจยา มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายาติ. ยํ เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, ตฺจ ปน อกาลิกํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฏฺหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, ตสฺมา อคณิตํ อฏฺหิ เหตูหิ.

‘‘ยถา, มหาราช, โลเก ตโยเยว เมฆา คณียนฺติ วสฺสิโก, เหมนฺติโก, ปาวุสโกติ. ยทิ เต มุฺจิตฺวา อฺโ เมโฆ ปวสฺสติ, น โส เมโฆ คณียติ สมฺมเตหิ เมเฆหิ, อกาลเมโฆตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ, เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน ยํ สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, อกาลิกํ เอตํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฏฺหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, น ตํ คณียติ อฏฺหิ เหตูหิ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, หิมวนฺตา ปพฺพตา ปฺจ นทิสตานิ สนฺทนฺติ, เตสํ, มหาราช, ปฺจนฺนํ นทิสตานํ ทเสว นทิโย นทิคณนาย คณียนฺติ. เสยฺยถิทํ – คงฺคา, ยมุนา, อจิรวตี, สรภู, มหี, สินฺธุ, สรสฺสตี, เวตฺรวตี, วีตํสา, จนฺทภาคาติ. อวเสสา นทิโย นทิคณนาย อคณิตา. กึการณา? น ตา นทิโย ธุวสลิลา, เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน ยํ สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, อกาลิกํ เอตํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฏฺหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, น ตํ คณียติ อฏฺหิ เหตูหิ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, รฺโ สตมฺปิ ทฺวิสตมฺปิ ติสตมฺปิ อมจฺจา โหนฺติ, เตสํ ฉเยว ชนา อมจฺจคณนาย คณียนฺติ. เสยฺยถิทํ – เสนาปติ, ปุโรหิโต, อกฺขทสฺโส, ภณฺฑาคาริโก, ฉตฺตคฺคาหโก, ขคฺคคฺคาหโก, เอเตเยว อมจฺจคณนาย คณียนฺติ. กึการณา? ยุตฺตตฺตา ราชคุเณหิ. อวเสสา อคณิตา, สพฺเพ อมจฺจาตฺเวว สงฺขํ คจฺฉนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน ยํ สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, อกาลิกํ เอตํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฏฺหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, น ตํ คณียติ อฏฺหิ เหตูหี’’ติ.

ภูมิจาลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

จาปาลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.