📜

๑. สมฺโพธิวคฺโค

๑-๒. สมฺโพธิสุตฺตาทิวณฺณนา

๑-๒. นวกนิปาตสฺส ปมทุติเยสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

๓. เมฆิยสุตฺตวณฺณนา

. ตติเย (อุทา. อฏฺ. ๓๑) เมฆิโยติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. อุปฏฺาโก โหตีติ ปริจารโก โหติ. ภควโต หิ ปมโพธิยํ อุปฏฺากา อนิพทฺธา อเหสุํ. เอกทา นาคสมโล, เอกทา นาคิโต, เอกทา อุปวาโณ, เอกทา สุนกฺขตฺโต, เอกทา จุนฺโท สมณุทฺเทโส , เอกทา สาคโต, เอกทา เมฆิโย, ตทาปิ เมฆิยตฺเถโรว อุปฏฺาโก โหติ. เตนาห ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา เมฆิโย ภควโต อุปฏฺาโก โหตี’’ติ.

กิมิกาฬายาติ กาฬกิมีนํ พหุลตาย ‘‘กิมิกาฬา’’ติ ลทฺธนามาย นทิยา. ชงฺฆาวิหารนฺติ จิรนิสชฺชาย ชงฺฆาสุ อุปฺปนฺนกิลมถวิโนทนตฺถํ วิจรณํ. ปาสาทิกนฺติ อวิรฬรุกฺขตาย สินิทฺธปตฺตตาย จ ปสฺสนฺตานํ ปสาทํ อาวหตีติ ปาสาทิกํ. สนฺทจฺฉายตาย มนุฺภูมิภาคตาย จ อนฺโต ปวิฏฺานํ ปีติโสมนสฺสชนนฏฺเน จิตฺตํ รเมตีติ รมณียํ. อลนฺติ ปริยตฺตํ, ยุตฺตนฺติปิ อตฺโถ. ปธานตฺถิกสฺสาติ ปธาเนน ภาวนานุโยเคน อตฺถิกสฺส. ยสฺมา โส ปธานกมฺเม ยุตฺโต ปธานกมฺมิโก นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปธานกมฺมิกสฺสา’’ติ. อาคจฺเฉยฺยาหนฺติ อาคจฺเฉยฺยํ อหํ. เถเรน กิร ปุพฺเพ ตํ านํ อนุปฺปฏิปาฏิยา ปฺจ ชาติสตานิ รฺา เอว สตา อนุภูตปุพฺพํ อุยฺยานํ อโหสิ, เตนสฺส ทิฏฺมตฺเตเยว ตตฺถ วิหริตุํ จิตฺตํ นมิ.

ยาวอฺโปิ โกจิ ภิกฺขุ อาคจฺฉตีติ อฺโ โกจิปิ ภิกฺขุ มม สนฺติกํ ยาว อาคจฺฉติ, ตาว อาคเมหีติ อตฺโถ. ‘‘โกจิ ภิกฺขุ ทิสฺสตี’’ติปิ ปาโ, ‘‘อาคจฺฉตู’’ติปิ ปนฺติ, ตถา ‘‘ทิสฺสตู’’ติปิ. นตฺถิ กิฺจิ อุตฺตริ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาทีนํ โสฬสนฺนํ กิจฺจานํ กตตฺตา อภิสมฺโพธิยา วา อธิคตตฺตา ตโต อฺํ อุตฺตริ กรณียํ นาม นตฺถิ. จตูสุ สจฺเจสุ จตุนฺนํ กิจฺจานํ กตตฺตาติ อิทํ ปน มคฺควเสน ลพฺภภานํ เภทํ อนุเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ. อตฺถิ กตสฺส ปฏิจโยติ มยฺหํ สนฺตาเน นิปฺผาทิตสฺส สีลาทิธมฺมสฺส อริยมคฺคสฺส อนธิคตตฺตา ตทตฺถํ ปุน วฑฺฒนสงฺขาโต ปฏิจโย อตฺถิ, อิจฺฉิตพฺโพติ อตฺโถ.

ติวิธนาฏกปริวาโรติ มหนฺติตฺถิโย มชฺฌิมิตฺถิโย อติตรุณิตฺถิโยติ เอวํ วธูกุมาริกกฺาวตฺถาหิ ติวิธาหิ นาฏกิตฺถีหิ ปริวุโต. อกุสลวิตกฺเกหีติ ยถาวุตฺเตหิ กามวิตกฺกาทีหิ. อปเร ปน ‘‘ตสฺมึ วนสณฺเฑ ปุปฺผผลปลฺลวาทีสุ โลภวเสน กามวิตกฺโก, ขรสฺสรานํ ปกฺขิอาทีนํ สทฺทสฺสวเนน พฺยาปาทวิตกฺโก, เลฑฺฑุอาทีหิ เตสํ วิเหนาธิปฺปาเยน วิหึสาวิตกฺโก. ‘อิเธวาหํ วเสยฺย’นฺติ ตตฺถ สาเปกฺขตาวเสน วา กามวิตกฺโก, วนจรเก ตตฺถ ตตฺถ ทิสฺวา เตสุ จิตฺตทุพฺภเนน พฺยาปาทวิตกฺโก, เตสํ วิเหนาธิปฺปาเยน วิหึสาวิตกฺโก ตสฺส อุปฺปชฺชตี’’ติ วทนฺติ. ยถา ตถา วา ตสฺส มิจฺฉาวิตกฺกปฺปวตฺติเยว อจฺฉริยการณํ. อจฺฉริยํ วต, โภติ ครหณจฺฉริยํ นาม กิเรตํ . ยถา อายสฺมา อานนฺโท ภควโต วลิยคตฺตํ ทิสฺวา อโวจ ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๑). สมฺปริวาริตาติ โวกิณฺณา. อตฺตนิ ครุมฺหิ จ เอกตฺเตปิ พหุวจนํ ทิสฺสติ. ‘‘อนฺวาสตฺโต’’ติปิ ปาโ. กสฺมา ปนสฺส ภควา ตตฺถ คมนํ อนุชานิ? ‘‘อนนุฺาโตปิ จายํ มํ โอหาย คจฺฉิสฺสเตว, ปริจารกามตาย มฺเ ภควา คนฺตุํ น เทตีติ จสฺส สิยา อฺถตฺตํ, ตทสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺเตยฺยา’’ติ อนุชานิ.

เอวํ ตสฺมึ อตฺตโน ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา นิสินฺเน อถสฺส ภควา สปฺปายธมฺมํ เทเสนฺโต ‘‘อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘อปริปกฺกายา’’ติ ปริปากํ อปฺปตฺตาย. เจโตวิมุตฺติยาติ กิเลเสหิ เจตโส วิมุตฺติยา. ปุพฺพภาเค หิ ตทงฺควเสน เจว วิกฺขมฺภนวเสน จ เจตโส วิมุตฺติ โหติ, อปรภาเค สมุจฺเฉทวเสน เจว ปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน จ. สายํ วิมุตฺติ เหฏฺา วิตฺถารโต กถิตาว, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. ตตฺถ วิมุตฺติปริปาจนีเยหิ ธมฺเมหิ อาสเย ปริปาจิเต โสธิเต วิปสฺสนาย มคฺคคพฺภํ คณฺหนฺติยา ปริปากํ คจฺฉนฺติยา เจโตวิมุตฺติ ปริปกฺกา นาม โหติ, ตทภาเว อปริปกฺกา.

กตเม ปน วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา? สทฺธินฺทฺริยาทีนํ วิสุทฺธิกรณวเสน ปนฺนรส ธมฺมา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อสฺสทฺเธ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, สทฺเธ ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ปสาทนีเย สุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ สทฺธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘กุสีเต ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, อารทฺธวีริเย ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, สมฺมปฺปธาเน ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ วีริยินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘มุฏฺสฺสตี ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, อุปฏฺิตสฺสตี ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, สติปฏฺาเน ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ สตินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘อสมาหิเต ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, สมาหิเต ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ฌานวิโมกฺเข ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ สมาธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘ทุปฺปฺเ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, ปฺวนฺเต ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, คมฺภีราณจริยํ ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ ปฺินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘อิติ อิเม ปฺจ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, ปฺจ ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ปฺจ สุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ปนฺนรสหิ อากาเรหิ อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๘๕).

อปเรหิปิ ปนฺนรสหิ อากาเรหิ อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ วิสุชฺฌนฺติ. อปเรปิ ปนฺนรส ธมฺมา วิมุตฺติปริปาจนียา. สทฺธาปฺจมานิ อินฺทฺริยานิ, อนิจฺจสฺา อนิจฺเจ, ทุกฺขสฺา ทุกฺเข, อนตฺตสฺา, ปหานสฺา, วิราคสฺาติ อิมา ปฺจ นิพฺเพธภาคิยา สฺา, กลฺยาณมิตฺตตา, สีลสํวโร, อภิสลฺเลขตา, วีริยารมฺโภ, นิพฺเพธิกปฺาติ. เตสุ เวเนยฺยทมนกุสโล สตฺถา เวเนยฺยสฺส เมฆิยตฺเถรสฺส อชฺฌาสยวเสน อิธ กลฺยาณมิตฺตตาทโย วิมุตฺติปริปาจนีเย ธมฺเม ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฺจ ธมฺมา ปริปกฺกาย สํวตฺตนฺตี’’ติ วตฺวา เต วิตฺถาเรนฺโต ‘‘อิธ, เมฆิย, ภิกฺขุ กลฺยาณมิตฺโต โหตี’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ กลฺยาณมิตฺโตติ กลฺยาโณ ภทฺโท สุนฺทโร มิตฺโต เอตสฺสาติ กลฺยาณมิตฺโต. ยสฺส สีลาทิคุณสมฺปนฺโน ‘‘อฆสฺส ตาตา หิตสฺส วิธาตา’’ติ เอวํ สพฺพากาเรน อุปกาโร มิตฺโต โหติ, โส ปุคฺคโล กลฺยาณมิตฺโตว. ยถาวุตฺเตหิ กลฺยาณปุคฺคเลเหว สพฺพิริยาปเถสุ สห อยติ ปวตฺตติ, น วินา เตหีติ กลฺยาณสหาโย. กลฺยาณปุคฺคเลสุ เอว จิตฺเตน เจว กาเยน จ นินฺนโปณปพฺภารภาเวน ปวตฺตตีติ กลฺยาณสมฺปวงฺโก. ปทตฺตเยน กลฺยาณมิตฺตสํสคฺเค อาทรํ อุปฺปาเทติ. อยํ กลฺยาณมิตฺตตาสงฺขาโต พฺรหฺมจริยวาสสฺส อาทิภาวโต สพฺเพสฺจ กุสลธมฺมานํ พหุการตาย ปธานภาวโต จ อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ อาทิโต วุตฺตตฺตา ปโม อนวชฺชธมฺโม อวิสุทฺธานํ สทฺธาทีนํ วิสุทฺธิกรณวเสน เจโตวิมุตฺติยา ปริปกฺกาย สํวตฺตติ. เอตฺถ จ กลฺยาณมิตฺตสฺส พหุการตา ปธานตา จ ‘‘อุปฑฺฒมิทํ, ภนฺเต, พฺรหฺมจริยสฺส ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา’’ติ วทนฺตํ ธมฺมภณฺฑาคาริกํ ‘‘มา เหวํ, อานนฺทา’’ติ ทฺวิกฺขตุํ ปฏิเสเธตฺวา ‘‘สกลเมว หิทํ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยํ ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา’’ติ – อาทิสุตฺตปเทหิ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙; ๕.๒) เวทิตพฺพา.

ปุน จปรนฺติ ปุน จ อปรํ ธมฺมชาตํ. สีลวาติ เอตฺถ เกนฏฺเน สีลํ? สีลนฏฺเน สีลํ . กิมิทํ สีลนํ นาม? สมาธานํ, กายกมฺมาทีนํ สุสีลฺยวเสน อวิปฺปกิณฺณตาติ อตฺโถ. อถ วา อุปธารณํ, ฌานาทิกุสลธมฺมานํ ปติฏฺานวเสน อาธารภาโวติ อตฺโถ. ตสฺมา สีเลติ, สีลตีติ วา สีลํ. อยํ ตาว สทฺทลกฺขณนเยน สีลฏฺโ. อปเร ปน ‘‘สิรฏฺโ สีลฏฺโ, สีตลฏฺโ, สีลฏฺโ’’ติ นิรุตฺตินเยน อตฺถํ วณฺเณนฺติ. ตยิทํ ปาริปูริโต อติสยโต วา สีลํ อสฺส อตฺถีติ สีลวา, สีลสมฺปนฺโนติ อตฺโถ.

ยถา จ สีลวา โหติ สีลสมฺปนฺโน, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปาติโมกฺขนฺติ สิกฺขาปทสีลํ. ตฺหิ โย นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหีติ ปาติโมกฺขํ. สํวรณํ สํวโร, กายวาจาหิ อวีติกฺกโม. ปาติโมกฺขเมว สํวโร ปาติโมกฺขสํวโร, เตน สํวุโต ปิหิตกายวาโจติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต. อิทมสฺส ตสฺมึ สีเล ปติฏฺิตภาวปริทีปนํ. วิหรตีติ ตทนุรูปวิหารสมงฺคิภาวปริทีปนํ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ เหฏฺา ปาติโมกฺขสํวรสฺส อุปริ วิเสสานํ โยคสฺส จ อุปการธมฺมปริทีปนํ. อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ ปาติโมกฺขสีลโต อจวนธมฺมตาปริทีปนํ. สมาทายาติ สิกฺขาปทานํ อนวเสสโต อาทานปริทีปนํ. สิกฺขตีติ สิกฺขาย สมงฺคิภาวปริทีปนํ. สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขิตพฺพธมฺมปริทีปนํ.

อปโร นโย – กิเลสานํ พลวภาวโต ปาปกิริยาย สุกรภาวโต ปุฺกิริยาย จ ทุกฺกรภาวโต พหุกฺขตฺตุํ อปาเยสุ ปตนสีโลติ ปาตี, ปุถุชฺชโน. อนิจฺจตาย วา ภวาทีสุ กมฺมเวคุกฺขิตฺโต ฆฏิยนฺตํ วิย อนวฏฺาเนน ปริพฺภมนโต คมนสีโลติ ปาตี. มรณวเสน วา ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย อตฺตภาวสฺส ปตนสีโล วา ปาตี, สตฺตสนฺตาโน, จิตฺตเมว วา. ตํ ปาตินํ สํสารทุกฺขโต โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขํ. จิตฺตสฺส หิ วิโมกฺเขน สตฺโต ‘‘วิมุตฺโต’’ติ วุจฺจติ. วุตฺตฺหิ ‘‘จิตฺตโวทานา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐), ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติ (มหาว. ๒๘) จ.

อถ วา อวิชฺชาทิเหตุนา สํสาเร ปตติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ ปาติ. ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔) หิ วุตฺตํ. ตสฺส ปาติโน สตฺตสฺส ตณฺหาทิสํกิเลสตฺตยโต โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺขํ.

อถ วา ปาเตติ วินิปาเตติ ทุกฺเขติ ปาติ, จิตฺตํ. วุตฺตฺหิ ‘‘จิตฺเตน นียตี โลโก, จิตฺเตน ปริกสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๖๒). ตสฺส ปาติโน โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺขํ. ปตติ วา เอเตน อปายทุกฺเข สํสารทุกฺเข จาติ ปาติ, ตณฺหาทิสํกิเลโส. วุตฺตฺหิ ‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ (สํ. นิ. ๑.๕๕). ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ (อ. นิ. ๔.๙; อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕) จ อาทิ. ตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺขํ.

อถ วา ปตติ เอตฺถาติ ปาติ, ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ. วุตฺตฺหิ ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน, ฉสุ กุพฺพติ สนฺถว’’นฺติ (สุ. นิ. ๑๗๑). ตโต ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนสงฺขาตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺขํ. อถ วา ปาโต วินิปาโต อสฺส อตฺถีติ ปาตี, สํสาโร. ตโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺขํ. อถ วา สพฺพโลกาธิปติภาวโต ธมฺมิสฺสโร ภควา ปตีติ วุจฺจติ, มุจฺจติ เอเตนาติ โมกฺโข, ปติโน โมกฺโข เตน ปฺตฺตตฺตาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺขํ. สพฺพคุณานํ วา มูลภาวโต อุตฺตมฏฺเน ปติ จ โส ยถาวุตฺเตนตฺเถน โมกฺโข จาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺขํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปาติโมกฺขนฺติ อาทิเมตํ มุขเมตํ ปมุขเมต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๕) วิตฺถาโร.

อถ วา -อิติ ปกาเร, อตีติ อจฺจนฺตตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา ปกาเรหิ อจฺจนฺตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขํ. อิทฺหิ สีลํ สยํ ตทงฺควเสน, สมาธิสหิตํ ปฺาสหิตฺจ วิกฺขมฺภนวเสน สมุจฺเฉทวเสน อจฺจนฺตํ โมกฺเขติ โมเจตีติ ปาติโมกฺขํ. ปติ ปติ โมกฺโขติ วา ปติโมกฺโข, ตมฺหา ตมฺหา วีติกฺกมโทสโต ปจฺเจกํ โมกฺโขติ อตฺโถ. ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺขํ. โมกฺโขติ วา นิพฺพานํ, ตสฺส โมกฺขสฺส ปฏิพิมฺพภูโตติ ปติโมกฺโข. สีลสํวโร หิ สูริยสฺส อรุณุคฺคมนํ วิย นิพฺพานสฺส อุทยภูโต ตปฺปฏิภาโคว ยถารหํ กิเลสนิพฺพาปนโต. ปติโมกฺโขเยว ปาติโมกฺขํ. อถ วา โมกฺขํ ปติ วตฺตติ, โมกฺขาภิมุขนฺติ วา ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขเมว ปาติโมกฺขนฺติ เอวํ ตาว เอตฺถ ปาติโมกฺขสทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

สํวรติ ปิทหติ เอเตนาติ สํวโร, ปาติโมกฺขเมว สํวโรติ ปาติโมกฺขสํวโร. อตฺถโต ปน ตโต ตโต วีติกฺกมิตพฺพโต วิรติโย เจตนา จ, เตน ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต สมนฺนาคโต ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปคโต สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต, เตน วุจฺจติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑).

วิหรตีติ อิริยาปถวิหาเรน วิหรติ อิริยติ วตฺตติ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ เวฬุทานาทิมิจฺฉาชีวสฺส กายปาคพฺภิยาทีนฺจ อกรเณน สพฺพโส อนาจารํ วชฺเชตฺวา กายิโก อวีติกฺกโม, วาจสิโก อวีติกฺกโม, กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโมติ เอวํ วุตฺตภิกฺขุ สารุปฺปอาจารสมฺปตฺติยา เวสิยาทิอโคจรํ วชฺเชตฺวา ปิณฺฑปาตาทิอตฺถํ อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺานสงฺขาตโคจรจรเณน จ สมฺปนฺนตฺตา อาจารโคจรสมฺปนฺโน.

อปิจ โย ภิกฺขุ สตฺถริ สคารโว สปฺปติสฺโส สพฺรหฺมจารีสุ สคารโว สปฺปติสฺโส หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺโน สุนิวตฺโถ สุปารุโต ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตน ปฏิกฺกนฺเตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิฺชิเตน ปสาริเตน อิริยาปถสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู ชาคริยํ อนุยุตฺโต สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ อาภิสมาจาริเกสุ สกฺกจฺจการี ครุจิตฺตีการพหุโล วิหรติ, อยํ วุจฺจติ อาจารสมฺปนฺโน.

โคจโร ปน อุปนิสฺสยโคจโร, อารกฺขโคจโร, อุปนิพนฺธโคจโรติ ติวิโธ. ตตฺถ โย ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต วุตฺตลกฺขโณ กลฺยาณมิตฺโต, ยํ นิสฺสาย อสฺสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทาเปติ, กงฺขํ วิตรติ, ทิฏฺึ อุชุํ กโรติ, จิตฺตํ ปสาเทติ, ยสฺส จ อนุสิกฺขนฺโต สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน, สุเตน, จาเคน, ปฺาย วฑฺฒติ, อยํ วุจฺจติ อุปนิสฺสยโคจโร.

โย ภิกฺขุ อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ วีถึ ปฏิปนฺโน โอกฺขิตฺตจกฺขุ ยุคมตฺตทสฺสี สํวุโต คจฺฉติ, น หตฺถึ โอโลเกนฺโต, น อสฺสํ, น รถํ , น ปตฺตึ, น อิตฺถึ, น ปุริสํ โอโลเกนฺโต, น อุทฺธํ อุลฺโลเกนฺโต, น อโธ โอโลเกนฺโต, น ทิสาวิทิสํ เปกฺขมาโน คจฺฉติ, อยํ อารกฺขโคจโร.

อุปนิพนฺธโคจโร ปน จตฺตาโร สติปฏฺานา, ยตฺถ ภิกฺขุ อตฺตโน จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโย, ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒). ตตฺถ อุปนิสฺสยโคจรสฺส ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา อิตเรสํ วเสเนตฺถ โคจโร เวทิตพฺโพ. อิติ ยถาวุตฺตาย อาจารสมฺปตฺติยา อิมาย จ โคจรสมฺปตฺติยา สมนฺนาคตตฺตา อาจารโคจรสมฺปนฺโน.

อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ อปฺปมตฺตกตฺตา อณุปฺปมาเณสุ อสฺสติยา อสฺจิจฺจ อาปนฺนเสขิยอกุสลจิตฺตุปฺปาทาทิเภเทสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสนสีโล. โย หิ ภิกฺขุ ปรมาณุมตฺตํ วชฺชํ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสุพฺเพธสิเนรุปพฺพตราชสทิสํ กตฺวา ปสฺสติ, โยปิ สพฺพลหุกํ ทุพฺภาสิตมตฺตํ ปาราชิกสทิสํ กตฺวา ปสฺสติ, อยมฺปิ อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี นาม. สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ ยํกิฺจิ สิกฺขาปเทสุ สิกฺขิตพฺพํ, ตํ สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อนวเสสํ สมาทิยิตฺวา สิกฺขติ, วตฺตติ ปูเรตีติ อตฺโถ.

อภิสลฺเลขิกาติ อติวิย กิเลสานํ สลฺเลขนียา, เตสํ ตนุภาวาย ปหานาย ยุตฺตรูปา. เจโตวิวรณสปฺปายาติ เจตโส ปฏิจฺฉาทกานํ นีวรณานํ ทูรีภาวกรเณน เจโตวิวรณสงฺขาตานํ สมถวิปสฺสนานํ สปฺปายา, สมถวิปสฺสนาจิตฺตสฺเสว วา วิวรณาย ปากฏีกรณาย วา สปฺปายา อุปการิกาติ เจโตวิวรณสปฺปายา.

อิทานิ เยน นิพฺพิทาทิอาวหเณน อยํ กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา จ นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกนฺตนิพฺพิทายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เอกนฺตนิพฺพิทายาติ เอกํเสเนว วฏฺฏทุกฺขโต นิพฺพินฺทนตฺถาย. วิราคาย นิโรธายาติ ตสฺเสว วิรชฺชนตฺถาย จ นิรุชฺฌนตฺถาย จ. อุปสมายาติ สพฺพกิเลสวูปสมาย. อภิฺายาติ สพฺพสฺสปิ อภิฺเยฺยสฺส อภิชานนาย. สมฺโพธายาติ จตุมคฺคสมฺโพธาย. นิพฺพานายาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานาย. เอเตสุ หิ อาทิโต ตีหิ ปเทหิ วิปสฺสนา วุตฺตา, ทฺวีหิ นิพฺพานํ วุตฺตํ. สมถวิปสฺสนา อาทึ กตฺวา นิพฺพานปริโยสาโน อยํ สพฺโพ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม ทสกถาวตฺถุลาภิโน สิชฺฌตีติ ทสฺเสติ.

อิทานิ ตํ กถํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อปฺปิจฺฉกถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อปฺปิจฺโฉติ นิอิจฺโฉ, ตสฺส กถา อปฺปิจฺฉกถา, อปฺปิจฺฉภาวปฺปฏิสํยุตฺตกถา วา อปฺปิจฺฉกถา. เอตฺถ จ อตฺริจฺโฉ, ปาปิจฺโฉ, มหิจฺโฉ, อปฺปิจฺโฉติ อิจฺฉาวเสน จตฺตาโร ปุคฺคลา. เตสุ อตฺตนา ยถาลทฺเธน ลาเภน อติตฺโต อุปรูปริ ลาภํ อิจฺฉนฺโต อตฺริจฺโฉ นาม. ยํ สนฺธาย –

‘‘จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา, อฏฺาหิปิ จ โสฬส;

โสฬสาหิ จ พาตฺตึส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;

อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ. (ชา. ๑.๕.๑๐๓) จ;

‘‘อตฺริจฺฉํ อติโลเภน, อติโลภมเทน จา’’ติ. จ วุตฺตํ;

ลาภสกฺการสิโลกนิกามยมานาย อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาโย ปาปิจฺโฉ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิเธกจฺโจ อสฺสทฺโธ สมาโน ‘สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตู’ติ อิจฺฉติ, ทุสฺสีโล สมาโน ‘สีลวาติ มํ ชโน ชานาตู’ติ อิจฺฉตี’’ติอาทิ (วิภ. ๘๕๑).

สนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาโย ปฏิคฺคหเณ อมตฺตฺู มหิจฺโฉ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิเธกจฺโจ สทฺโธ สมาโน ‘สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตู’ติ อิจฺฉติ, สีลวา สมาโน ‘สีลวาติ มํ ชโน ชานาตู’ติ อิจฺฉตี’’ติอาทิ. ทุตฺตปฺปิยตาย หิสฺส วิชาตมาตาปิ จิตฺตํ คเหตุํ น สกฺโกติ. เตเนตํ วุจฺจติ –

‘‘อคฺคิกฺขนฺโธ สมุทฺโท จ, มหิจฺโฉ จาปิ ปุคฺคโล;

สกเฏน ปจฺจเย เทนฺตุ, ตโยเปเต อตปฺปยา’’ติ.

เอเต ปน อตฺริจฺฉตาทโย โทเส อารกา วิวชฺเชตฺวา สนฺตคุณนิคุหนาธิปฺปาโย ปฏิคฺคหเณ จ มตฺตฺู อปฺปิจฺโฉ. อตฺตนิ วิชฺชมานมฺปิ คุณํ ปฏิจฺฉาเทตุกามตาย สทฺโธ สมาโน ‘‘สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติ, สีลวา, พหุสฺสุโต, ปวิวิตฺโต, อารทฺธวีริโย, อุปฏฺิตสฺสติ, สมาหิโต, ปฺวา สมาโน ‘‘ปฺวาติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติ. สฺวายํ ปจฺจยปฺปิจฺโฉ, ธุตงฺคปฺปิจฺโฉ, ปริยตฺติอปฺปิจฺโฉ อธิคมปฺปิจฺโฉติ จตุพฺพิโธ. ตตฺถ จตูสุ ปจฺจเยสุ อปฺปิจฺโฉ ปจฺจยทายกํ เทยฺยธมฺมํ อตฺตโน ถามฺจ โอโลเกตฺวา สเจปิ หิ เทยฺยธมฺโม พหุ โหติ, ทายโก อปฺปํ ทาตุกาโม, ทายกสฺส วเสน อปฺปเมว คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโม เจ อปฺโป, ทายโก พหุํ ทาตุกาโม, เทยฺยธมฺมสฺส วเสน อปฺปเมว คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโมปิ เจ พหุ, ทายโกปิ พหุํ ทาตุกาโม, อตฺตโน ถามํ ตฺวา ปมาณยุตฺตเมว คณฺหาติ. เอวรูโป หิ ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนํ ลาภํ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนํ ลาภํ ถาวรํ กโรติ, ทายกานํ จิตฺตํ อาราเธติ. ธุตงฺคสมาทานสฺส ปน อตฺตนิ อตฺถิภาวํ น ชานาเปตุกาโม ธุตงฺคปฺปิจฺโฉ. โย อตฺตโน พหุสฺสุตภาวํ ชานาเปตุํ น อิจฺฉติ, อยํ ปริยตฺติอปฺปิจฺโฉ. โย ปน โสตาปนฺนาทีสุ อฺตโร หุตฺวา สพฺรหฺมจารีนมฺปิ อตฺตโน โสตาปนฺนาทิภาวํ ชานาเปตุํ น อิจฺฉติ, อยํ อธิคมปฺปิจฺโฉ. เอวเมเตสํ อปฺปิจฺฉานํ ยา อปฺปิจฺฉตา, ตสฺสา สทฺธึ สนฺทสฺสนาทิวิธินา อเนกาการโวการานิสํสวิภาวนวเสน สปฺปฏิปกฺขสฺส อตฺริจฺฉตาทิเภทสฺส อิจฺฉาจารสฺส อาทีนววิภาวนวเสน จ ปวตฺตา กถา อปฺปิจฺฉกถา.

สนฺตุฏฺิกถาติ เอตฺถ สนฺตุฏฺีติ สเกน อตฺตนา ลทฺเธน ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ. อถ วา วิสมํ ปจฺจยิจฺฉํ ปหาย สมํ ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ, สนฺเตน วา วิชฺชมาเนน ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ. วุตฺตฺเจตํ –

‘‘อตีตํ นานุพทฺโธ โส, นปฺปชปฺปมนาคตํ;

ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปนฺโต, สนฺตุฏฺโติ ปวุจฺจตี’’ติ.

สมฺมา วา าเยน ภควตา อนุฺาตวิธินา ปจฺจเยหิ ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ, อตฺถโต อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส, โส ทฺวาทสวิโธ โหติ. กถํ? จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส, ยถาพลสนฺโตโส, ยถาสารุปฺปสนฺโตโสติ ติวิโธ. เอวํ ปิณฺฑปาตาทีสุ.

ตตฺรายํ ปเภทวณฺณนา – อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ปกติทุพฺพโล วา โหติ อาพาธชราภิภูโต วา, ครุจีวรํ ปารุปนฺโต กิลมติ, โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธึ ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ปณีตปจฺจยลาภี โหติ, โส ปฏฺฏจีวราทีนํ อฺตรํ มหคฺฆจีวรํ พหูนิ วา ลภิตฺวา ‘‘อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ พหุสฺสุตานํ อนุรูปํ, อิทํ คิลานานํ ทุพฺพลานํ อปฺปลาภีนํ โหตู’’ติ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา สงฺการกูฏาทิโต วา นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา สงฺฆาฏึ กตฺวา เตสํ วา ปุราณจีวรานิ คเหตฺวา ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

อิธ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ, ลูขํ ปณีตํ ปกติวิรุทฺธํ พฺยาธิวิรุทฺธํ วา ปิณฺฑปาตํ ภุฺชิตฺวา คาฬฺหํ วา โรคาพาธํ ปาปุณาติ, โส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปายโภชนํ ภุฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาพลสนฺโตโส. อปโร พหุํ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ลภติ, โส ‘‘อยํ ปิณฺฑปาโต จิรปพฺพชิตานํ อนุรูโป’’ติ จีวรํ วิย เตสํ ทตฺวา เตสํ วา เสสกํ อตฺตนา ปิณฺฑาย จริตฺวา มิสฺสกาหารํ วา ภุฺชนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

อิธ ปน ภิกฺขุโน เสนาสนํ ปาปุณาติ มนาปํ วา อามนาปํ วา อนฺตมโส ติณสนฺถารกมฺปิ, โส เตเนว สนฺตุสฺสติ, ปุน อฺํ สุนฺทรตรํ ปาปุณาติ, ตํ น คณฺหาติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ ทุพฺพโล วา, ปกติวิรุทฺธํ วา โส พฺยาธิวิรุทฺธํ วา เสนาสนํ ลภติ, ยตฺถสฺส วสโต อผาสุ โหติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส สนฺตเก สปฺปายเสนาสเน วสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาพลสนฺโตโส. อปโร สุนฺทรํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฏิจฺฉติ ‘‘ปณีตเสนาสนํ นาม ปมาทฏฺาน’’นฺติ, มหาปุฺตาย วา เลณมณฺฑปกูฏาคาราทีนิ พหูนิ ปณีตเสนาสนานิ ลภติ, โส ตานิ จีวราทีนิ วิย จิรปพฺพชิตาทีนํ ทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ตุสฺสติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยํ คิลานปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน เตเลน อตฺถิโก ผาณิตํ ลภติ, โส ยํ ลภติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต เตเลน เภสชฺชํ กตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสนฺโตโส. อปโร มหาปุฺโ พหุํ เตลมธุผาณิตาทิปณีตเภสชฺชํ ลภติ, โส ตํ จีวราทีนิ วิย จิรปพฺพชิตาทีนํ ทตฺวา เตสํ อาภตเกน เยน เกนจิ เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. โย ปน เอกสฺมึ ภาชเน มุตฺตหรีตกํ, เอกสฺมึ จตุมธุรํ เปตฺวา ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต, ยทิจฺฉสี’’ติ วุจฺจมาโน ‘‘สจสฺส เตสุ อฺตเรนปิ โรโค วูปสมฺมติ, อิทํ มุตฺตหรีตกํ นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิต’’นฺติ, ‘‘ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา, ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย’’ติ (มหาว. ๑๒๘) วจนํ อนุสฺสรนฺโต จตุมธุรํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มุตฺตหรีตเกน เภสชฺชํ กโรนฺโต ปรมสนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

โส เอวํปเภโท สพฺโพปิ สนฺโตโส สนฺตุฏฺีติ ปวุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺถโต อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส’’ติ. ตสฺสา สนฺตุฏฺิยา สทฺธึ สนฺทสฺสนาทิวิธินา อานิสํสวิภาวนวเสน ตปฺปฏิปกฺขสฺส อตฺริจฺฉตาทิเภทสฺส อิจฺฉาจารสฺส อาทีนววิภาวนวเสน จ ปวตฺตา กถา สนฺตุฏฺิกถา. อิโต ปราสุปิ กถาสุ เอเสว นโย. วิเสสมตฺตเมว วกฺขาม.

ปวิเวกกถาติ เอตฺถ กายวิเวโก, จิตฺตวิเวโก, อุปธิวิเวโกติ ตโย วิเวกา. เตสุ เอโก คจฺฉติ, เอโก ติฏฺติ, เอโก นิสีทติ , เอโก เสยฺยํ กปฺเปติ, เอโก คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, เอโก ปฏิกฺกมติ, เอโก อภิกฺกมติ, เอโก จงฺกมํ อธิฏฺาติ, เอโก จรติ, เอโก วิหรติ, เอวํ สพฺพิริยาปเถสุ สพฺพกิจฺเจสุ คณสงฺคณิกํ ปหาย วิวิตฺตวาโส กายวิเวโก นาม. อฏฺ สมาปตฺติโย ปน จิตฺตวิเวโก นาม. นิพฺพานํ อุปธิวิเวโก นาม. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กายวิเวโก จ วิเวกฏฺกายานํ เนกฺขมฺมาภิรตานํ, จิตฺตวิเวโก จ ปริสุทฺธจิตฺตานํ ปรมโวทานปฺปตฺตานํ, อุปธิวิเวโก จ นิรุปธีนํ ปุคฺคลานํ วิสงฺขารคตาน’’นฺติ (มหานิ. ๕๗). วิเวโกเยว ปวิเวโก, ปวิเวเก ปฏิสํยุตฺตา กถา ปวิเวกกถา.

อสํสคฺคกถาติ เอตฺถ สวนสํสคฺโค, ทสฺสนสํสคฺโค, สมุลฺลปนสํสคฺโค, สมฺโภคสํสคฺโค, กายสํสคฺโคติ ปฺจ สํสคฺคา. เตสุ อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ สุณาติ ‘‘อมุกสฺมึ าเน คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา’’ติ, โส ตํ สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ, เอวํ วิสภาคารมฺมณสฺสวเนน อุปฺปนฺนกิเลสสนฺถโว สวนสํสคฺโค นาม. น เหว โข ภิกฺขุ สุณาติ, อปิจ โข สามํ ปสฺสติ อิตฺถึ อภิรูปํ ทสฺสนียํ ปาสาทิกํ ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตํ, โส ตํ ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ, เอวํ วิสภาคารมฺมณทสฺสเนน อุปฺปนฺนกิเลสสนฺถโว ทสฺสนสํสคฺโค นาม. ทิสฺวา ปน อฺมฺํ อาลาปสลฺลาปวเสน อุปฺปนฺโน กิเลสสนฺถโว สมุลฺลปนสํสคฺโค นาม. สฺชคฺฆนาทิปิ เอเตเนว สงฺคยฺหติ. อตฺตโน ปน สนฺตกํ ยํ กิฺจิ มาตุคามสฺส ทตฺวา อทตฺวา วา เตน ทินฺนสฺส วนภงฺคินิยาทิโน ปริโภควเสน อุปฺปนฺโน กิเลสสนฺถโว สมฺโภคสํสคฺโค นาม. มาตุคามสฺส หตฺถคฺคาหาทิวเสน อุปฺปนฺนกิเลสสนฺถโว กายสํสคฺโค นาม.

โยปิ เจส ‘‘คิหีหิ สํสฏฺโ วิหรติ อนนุโลมิเกน สํสคฺเคน สหโสกี สหนนฺที สุขิเตสุ สุขิโต ทุกฺขิเตสุ ทุกฺขิโต อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ อตฺตนา โว โยคํ อาปชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๓; มหานิ. ๑๖๔) เอวํ วุตฺโต อนนุโลมิโก คิหิสํสคฺโค นาม, โย จ สพฺรหฺมจารีหิปิ กิเลสุปฺปตฺติเหตุภูโต สํสคฺโค, ตํ สพฺพํ ปหาย ยฺวายํ สํสาเร ถิรตรํ สํเวคสงฺขาเรสุ ติพฺพํ ภยสฺํ สรีเร ปฏิกฺกูลสฺํ สพฺพากุสเลสุ ชิคุจฺฉาปุพฺพงฺคมํ หิโรตฺตปฺปํ สพฺพกิริยาสุ สติสมฺปชฺนฺติ สพฺพํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา กมลทเล ชลพินฺทุ วิย สพฺพตฺถ อลคฺคภาโว, อยํ สพฺพสํสคฺคปฺปฏิปกฺขตาย อสํสคฺโค, ตปฺปฏิสํยุตฺตา กถา อสํสคฺคกถา.

วีริยารมฺภกถาติ เอตฺถ วีรสฺส ภาโว, กมฺมนฺติ วา วีริยํ, วิธินา อีเรตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ วา วีริยํ, วีริยฺจ ตํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย อารภนํ วีริยารมฺโภ. สฺวายํ กายิโก, เจตสิโก จาติ ทุวิโธ, อารมฺภธาตุ, นิกฺกมธาตุ, ปรกฺกมธาตุ, จาติ ติวิโธ, สมฺมปฺปธานวเสน จตุพฺพิโธ. โส สพฺโพปิ โย ภิกฺขุ คมเน อุปฺปนฺนกิเลสํ านํ ปาปุณิตุํ น เทติ, าเน อุปฺปนฺนํ นิสชฺชํ, นิสชฺชาย อุปฺปนฺนํ สยนํ ปาปุณิตุํ น เทติ, ตตฺถ ตตฺเถว อชปเทน ทณฺเฑน กณฺหสปฺปํ อุปฺปีเฬตฺวา คณฺหนฺโต วิย ติขิเณน อสินา อมิตฺตํ คีวาย ปหรนฺโต วิย สีสํ อุกฺขิปิตุํ อทตฺวา วีริยพเลน นิคฺคณฺหาติ, ตสฺเสวํ วีริยารมฺโภ อารทฺธวีริยสฺส วเสน เวทิตพฺโพ, ตปฺปฏิสํยุตฺตา กถา วีริยารมฺภกถา.

สีลกถาติอาทีสุ ทุวิธํ สีลํ โลกิยํ โลกุตฺตรฺจ. ตตฺถ โลกิยํ ปาติโมกฺขสํวราทิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ. โลกุตฺตรํ มคฺคสีลํ ผลสีลฺจ. ตถา สมาธิปิ. วิปสฺสนาย ปาทกภูตา สห อุปจาเรน อฏฺ สมาปตฺติโย โลกิโย สมาธิ, มคฺคสมฺปยุตฺโต ปเนตฺถ โลกุตฺตโร สมาธิ นาม. ตถา ปฺาปิ. โลกิยา สุตมยา, จินฺตามยา, ฌานสมฺปยุตฺตา, วิปสฺสนาาณฺจ. วิเสสโต ปเนตฺถ วิปสฺสนาปฺา คเหตพฺพา. โลกุตฺตรา มคฺคปฺา ผลปฺา จ. วิมุตฺติ อริยผลวิมุตฺติ นิพฺพานฺจ. อปเร ปน ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทวิมุตฺตีนมฺปิ วเสเนตฺถ อตฺถํ สํวณฺเณนฺติ. วิมุตฺติาณทสฺสนมฺปิ เอกูนวีสติวิธํ ปจฺจเวกฺขณาณํ. อิติ อิเมสํ สีลาทีนํ สทฺธึ สนฺทสฺสนาทิวิธินา อเนกาการโวการอานิสํสวิภาวนวเสน เจว ตปฺปฏิปกฺขานํ ทุสฺสีลฺยาทีนํ อาทีนววิภาวนวเสน จ ปวตฺตา กถา, ตปฺปฏิสํยุตฺตา กถา วา สีลาทิกถา นาม.

เอตฺถ จ ‘‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ โหติ, อปฺปิจฺฉ กถฺจ ปเรสํ กตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๒; อ. นิ. ๑๐.๗๐) ‘‘สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, อิตรีตรจีวรสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๔; จูฬนิ. ขคฺควิสาณปุจฺฉานิทฺเทโส ๑๒๘) จ อาทิวจนโต สยฺจ อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคเตน ปเรสมฺปิ ตทตฺถาย หิตชฺฌาสเยน ปวตฺเตตพฺพา ตถารูปี กถา. ยา อิธ อภิสลฺเลขิกาทิภาเวน วิเสเสตฺวา วุตฺตา อปฺปิจฺฉกถาทีติ เวทิตพฺพา. การกสฺเสว หิ กถา วิเสสโต อธิปฺเปตตฺถสาธินี. ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ…เป… อกสิรลาภี’’ติ (อ. นิ. ๙.๓).

เอวรูปิยาติ อีทิสาย ยถาวุตฺตาย. นิกามลาภีติ ยถิจฺฉิตลาภี ยถารุจิลาภี, สพฺพกาลํ อิมํ กถํ โสตุํ วิจาเรตุฺจ ยถาสุขํ ลภนฺโต. อกิจฺฉลาภีติ นิทุกฺขลาภี. อกสิรลาภีติ วิปุลลาภี.

อารทฺธวีริโยติ ปคฺคหิตวีริโย. อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานายาติ อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน อกุสลานํ ปาปธมฺมานํ ปชหนตฺถาย. กุสลานํ ธมฺมานนฺติ กุจฺฉิตานํ สลนาทิอตฺเถน อนวชฺชฏฺเน จ กุสลานํ สหวิปสฺสนานํ มคฺคผลธมฺมานํ. อุปสมฺปทายาติ สมฺปาทนาย อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทนาย. ถามวาติ อุสฺโสฬฺหิสงฺขาเตน วีริยถาเมน สมนฺนาคโต. ทฬฺหปรกฺกโมติ ถิรปรกฺกโม อสิถิลวีริโย. อนิกฺขิตฺตธุโรติ อโนโรหิตธุโร อโนสกฺกวีริโย.

ปฺวาติ วิปสฺสนาปฺาย ปฺวา. อุทยตฺถคามินิยาติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทยฺจ วยฺจ ปฏิวิชฺฌนฺติยา. อริยายาติ วิกฺขมฺภนวเสน กิเลเสหิ อารกา ทูเร ิตาย นิทฺโทสาย. นิพฺเพธิกายาติ นิพฺเพธภาคิยาย. สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส เขปนโต ‘‘ทุกฺขกฺขโย’’ติ ลทฺธนามํ อริยมคฺคํ สมฺมา เหตุนา นเยน คจฺฉนฺติยา. อิเมสุ จ ปน ปฺจสุ ธมฺเมสุ สีลํ วีริยํ ปฺา จ โยคิโน อชฺฌตฺติกํ องฺคํ, อิตรทฺวยํ พาหิรํ องฺคํ. ตตฺถาปิ กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยเนว เสสํ จตุพฺพิธํ อิชฺฌติ, กลฺยาณมิตฺตสฺเสเวตฺถ พหุการตํ ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺข’’นฺติอาทินา เทสนํ วฑฺเฒสิ. ตตฺถ ปาฏิกงฺขนฺติ เอกํเสน อิจฺฉิตพฺพํ, อวสฺสํภาวีติ อตฺโถ. นฺติ กิริยาปรามสนํ . อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สีลวา ภวิสฺสตี’’ติ เอตฺถ ยเทตํ กลฺยาณมิตฺตสฺส ภิกฺขุโน สีลวนฺตตาย ภวนํ สีลสมฺปนฺนตฺตํ, ตสฺส ภิกฺขุโน สีลสมฺปนฺนตฺตา เอตํ ตสฺส ปาฏิกงฺขํ, อวสฺสํภาวี เอกํเสเนว ตสฺส ตตฺถ นิโยชนโตติ อธิปฺปาโย. ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย.

เอวํ ภควา สเทวเก โลเก อุตฺตมกลฺยาณมิตฺตสงฺขาตสฺส อตฺตโน วจนํ อนาทิยิตฺวา ตํ วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา ตาทิสํ วิปฺปการํ ปตฺตสฺส อายสฺมโต เมฆิยสฺส กลฺยาณมิตฺตตาทินา สกลํ สาสนสมฺปทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิสฺส ตตฺถ อาทรชาตสฺส ปุพฺเพ เยหิ กามวิตกฺกาทีหิ อุปทฺทุตตฺตา กมฺมฏฺานํ น สมฺปชฺชติ, ตสฺส เตสํ อุชุวิปจฺจนีกภูตตฺตา จ ภาวนานยํ ปกาเสตฺวา ตโต ปรํ อรหตฺตสฺส กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขนฺโต ‘‘เตน จ ปน, เมฆิย, ภิกฺขุนา อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย จตฺตาโร ธมฺมา อุตฺตริ ภาเวตพฺพา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เตนาติ เอวํ กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน ยถาวุตฺตสีลาทิคุณสมนฺนาคเตน. เตเนวาห ‘‘อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺายา’’ติ. อุตฺตรีติ อารทฺธตรุณวิปสฺสนสฺส ราคาทิปริสฺสยา เจ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตสํ วิโสธนตฺถํ ตโต อุทฺธํ จตฺตาโร ธมฺมา ภาเวตพฺพา อุปฺปาเทตพฺพา วฑฺเฒตพฺพา จ.

อสุภาติ เอกาทสสุ อสุภกมฺมฏฺาเนสุ ยถารหํ ยตฺถ กตฺถจิ อสุภภาวนา. ราคสฺส ปหานายาติ กามราคสฺส ปชหนตฺถาย. อยมตฺโถ สาลิลาวโกปมาย วิภาเวตพฺโพ. เอวํภูตํ ภาวนาวิธึ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อสุภา ภาเวตพฺพา ราคสฺส ปหานายา’’ติ. เมตฺตาติ เมตฺตากมฺมฏฺานํ. พฺยาปาทสฺส ปหานายาติ วุตฺตนเยเนว อุปฺปนฺนสฺส โกปสฺส ปชหนตฺถาย. อานาปานสฺสตีติ โสฬสวตฺถุกา อานาปานสฺสติ. วิตกฺกุปจฺเฉทายาติ วุตฺตนเยเนว อุปฺปนฺนานํ วิตกฺกานํ ปจฺเฉทนตฺถาย. อสฺมิมานสมุคฺฆาตายาติ ‘‘อสฺมี’’ติ อุปฺปชฺชนกสฺส นววิธสฺส มานสฺส สมุจฺเฉทนตฺถาย.

อนิจฺจสฺิโนติ หุตฺวา อภาวโต อุทยพฺพยวนฺตโต ปภงฺคุโต ตาวกาลิกโต นิจฺจปฺปฏิกฺเขปโต จ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๗; จูฬนิ. เหมกมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส ๕๖) ปวตฺตอนิจฺจานุปสฺสนาวเสน อนิจฺจสฺิโน. อนตฺตสฺา สณฺาตีติ อสารกโต อวสวตฺตนโต ปรโต ริตฺตโต ตุจฺฉโต สุฺโต จ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๙; จูฬนิ. เหมกมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส ๕๖) เอวํ ปวตฺตอนตฺตานุปสฺสนาสงฺขาตา อนตฺตสฺา จิตฺเต สณฺหติ อติทฬฺหํ ปติฏฺหติ. อนิจฺจลกฺขเณ หิ ทิฏฺเ อนตฺตลกฺขณํ ทิฏฺเมว โหติ. ตีสุ ลกฺขเณสุ หิ เอกสฺมึ ทิฏฺเ อิตรทฺวยํ ทิฏฺเมว โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนิจฺจสฺิโน, เมฆิย, อนตฺตสฺา สณฺาตี’’ติ. อนตฺตลกฺขเณ สุทิฏฺเ ‘‘อสฺมี’’ติ อุปฺปชฺชนกมาโน สุปฺปชโหว โหตีติ อาห ‘‘อนตฺตสฺี อสฺมิมานสมุคฺฆาตํ ปาปุณาตี’’ติ. ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานนฺติ ทิฏฺเว ธมฺเม อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อปจฺจยปรินิพฺพานํ ปาปุณาติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน อสุภาทิภาวนานโย วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.

เมฆิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔-๕. นนฺทกสุตฺตาทิวณฺณนา

๔-๕. จตุตฺเถ อาคมยมาโนติ โอโลกยมาโน, พุทฺโธ สหสา อปวิสิตฺวา ยาว สา กถา นิฏฺาติ, ตาว อฏฺาสีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อิทมโวจาติ อิทํ กถาวสานํ อุทิกฺขมาโน’’ติ. อนิจฺจทุกฺขาทิวเสน สพฺพธมฺมสนฺตีรณํ อธิปฺาวิปสฺสนาติ อาห ‘‘สงฺขารปริคฺคหวิปสฺสนาาณสฺสา’’ติ. มานสนฺติ ราโคปิ จิตฺตมฺปิ อรหตฺตมฺปิ. ‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๑; มหาว. ๓๓) เอตฺถ ราโค มานสํ. ‘‘จิตฺตํ มโน มานส’’นฺติ (ธ. ส. ๖) เอตฺถ จิตฺตํ. ‘‘อปฺปตฺตมานโส เสโข, กาลํ กยิรา ชเน สุตา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙) เอตฺถ อรหตฺตํ. อิธาปิ อรหตฺตเมว อธิปฺเปตํ. เตนาห ‘‘อปฺปตฺตมานสาติ อปฺปตฺตอรหตฺตา’’ติ. อปฺปตฺตํ มานสํ อรหตฺตํ เอเตหีติ อปฺปตฺตมานสา. อิทานิ จิตฺตปริยายเมว มานสสทฺทํ สนฺธายาห ‘‘อรหตฺตํ วา’’ติอาทิ. ปฺจมํ สุวิฺเยฺยเมว.

นนฺทกสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. เสวนาสุตฺตวณฺณนา

. ฉฏฺเ ชีวิตสมฺภาราติ ชีวิตปฺปวตฺติยา สมฺภารา ปจฺจยา. สมุทาเนตพฺพาติ สมฺมา าเยน อนวชฺชอุฺฉาจริยาทินา อุทฺธมุทฺธมาเนตพฺพา ปาปุณิตพฺพา. เต ปน สมุทานิตา สมาหตา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘สมาหริตพฺพา’’ติ. ทุกฺเขน อุปฺปชฺชนฺตีติ สุลภุปฺปาทา น โหนฺติ. เอเตน โคจรอสปฺปายาทิภาวํ ทสฺเสติ. รตฺติภาคํ วา ทิวสภาคํ วาติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘รตฺติโกฏฺาเส วา ทิวสโกฏฺาเส วา’’ติ. รตฺตึเยว ปกฺกมิตพฺพํ สมณธมฺมสฺส ตตฺถ อนิปฺผชฺชนโต. สงฺขาปีติ ‘‘ยทตฺถมหํ ปพฺพชิโต, น เมตํ อิธ นิปฺผชฺชติ, จีวราทิ ปน สมุทาคจฺฉติ, นาหํ ตทตฺถํ ปพฺพชิโต, กึ เม อิธ วาเสนา’’ติ ปฏิสงฺขายปิ. เตนาห ‘‘สามฺตฺถสฺส ภาวนาปาริปูริอคมนํ ชานิตฺวา’’ติ. อนนฺตรวาเร สงฺขาปีติ สมณธมฺมสฺส นิปฺผชฺชนภาวํ ชานิตฺวา. โส ปุคฺคโล อนาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพํ, นานุพนฺธิตพฺโพติ ‘‘โส ปุคฺคโล’’ติ ปทสฺส ‘‘นานุพนฺธิตพฺโพ’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ยสฺส เยน หิ สมฺพนฺโธ, ทูรฏฺเนปิ โส ภวติ. ตํ ปุคฺคลนฺติ โส ปุคฺคโลติ ปจฺจตฺตวจนํ อุปโยควเสน ปริณาเมตฺวา ตํ ปุคฺคลํ อนาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อตฺถวเสน หิ วิภตฺติปริณาโมติ. อาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพนฺติ จ กตฺุกตเวทิตาย นิโยชนํ. เอวรูโปติ ยํ นิสฺสาย ภิกฺขุโน คุเณหิ วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, ปจฺจเยหิ น ปริสฺสโย, เอวรูโป ทณฺฑกมฺมาทีหิ นิคฺคณฺหาติ เจปิ, น ปริจฺจชิตพฺโพติ ทสฺเสติ ‘‘สเจปี’’ติอาทินา.

เสวนาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๑๐. สุตวาสุตฺตาทิวณฺณนา

๗-๑๐. สตฺตเม อภพฺโพ ขีณาสโว ภิกฺขุ สฺจิจฺจ ปาณนฺติอาทิ เทสนาสีสเมว, โสตาปนฺนาทโยปิ ปน อภพฺพาว, ปุถุชฺชนขีณาสวานํ นินฺทาปสํสตฺถมฺปิ เอวํ วุตฺตํ. ปุถุชฺชโน นาม คารยฺโห มาตุฆาตาทีนิ กโรติ, ขีณาสโว ปน ปาสํโส กุนฺถกิปิลฺลิกฆาตาทีนิปิ น กโรตีติ. สนฺนิธิการกํ กาเม ปริภุฺชิตุนฺติ ยถา คิหิภูโต สนฺนิธึ กตฺวา วตฺถุกาเม ปริภุฺชติ, เอวํ ติลตณฺฑุลสปฺปินวนีตาทีนิ สนฺนิธึ กตฺวา อิทานิ ปริภุฺชิตุํ อภพฺโพติ อตฺโถ. วตฺถุกาเม ปน นิทหิตฺวา ปริภุฺชนฺตา ตนฺนิสฺสิตํ กิเลสกามมฺปิ นิทหิตฺวา ปริภุฺชนฺติ นามาติ อาห ‘‘วตฺถุกามกิเลสกาเม’’ติ. นนุ จ ขีณาสวสฺเสว วสนฏฺาเน ติลตณฺฑุลาทโย ปฺายนฺตีติ? น ปน เต อตฺตโน อตฺถาย นิเธนฺติ, อผาสุกปพฺพชิตาทีนํ อตฺถาย นิเธนฺติ. อนาคามิสฺส กถนฺติ? ตสฺสปิ ปฺจ กามคุณา สพฺพโสว ปหีนา, ธมฺเมน ปน ลทฺธํ วิจาเรตฺวา ปริภุฺชติ. อกปฺปิยกามคุเณ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ, น มฺจปีอตฺถรณปาวุรณาทิสนฺนิสฺสิตํ. เสยฺยาถาปิ ปุพฺเพ อคาริยภูโตติ ยถา ปุพฺเพ คิหิภูโต ปริภุฺชติ, เอวํ ปริภุฺชิตุํ อภพฺโพ. อคารมชฺเฌ วสนฺตา หิ โสตาปนฺนาทโย ยาวชีวํ คิหิพฺยฺชเนน ติฏฺนฺติ. ขีณาสโว ปน อรหตฺตํ ปตฺวาว มนุสฺสภูโต ปรินิพฺพาติ วา ปพฺพชติ วา. จาตุมหาราชิกาทีสุ กามาวจรเทเวสุ มุหุตฺตมฺปิ น ติฏฺติ. กสฺมา? วิเวกฏฺานสฺส อภาวา. ภุมฺมเทวตฺตภาเว ปน ิโต อรหตฺตํ ปตฺวาปิ ติฏฺติ วิเวกฏฺานสมฺภวา. อฏฺมาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

สุตวาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมฺโพธิวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.