📜

๒. สีหนาทวคฺโค

๑. สีหนาทสุตฺตวณฺณนา

๑๑. ทุติยสฺส ปเม อวาปุเรนฺติ วิวรนฺติ ทฺวารํ เอเตนาติ อวาปุรณํ. รชํ หรนฺติ เอเตนาติ รโชหรณํ. กโฬปิหตฺโถติ วิลีวมยภาชนหตฺโถ, ‘‘จมฺมมยภาชนหตฺโถ’’ติ จ วทนฺติ. ฉินฺนานิ วิสาณานิ เอตสฺสาติ ฉินฺนวิสาโณ, อุสโภ จ โส ฉินฺนวิสาโณ จาติ อุสภฉินฺนวิสาโณ. วิเสสนปโรยํ สมาโส. อหิกุณเปน วาติอาทิ อติเชคุจฺฉปฺปฏิกูลกุณปทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. กณฺเ อาสตฺเตนาติ เกนจิเทว ปจฺจตฺถิเกน อาเนตฺวา กณฺเ พทฺเธน, โอมุกฺเกนาติ อตฺโถ. อฏฺโฏ อาตุโร ทุคฺคนฺธปีฬาย ปีฬิโต. อจฺจยสฺส ปฏิคฺคณฺหนํ วา อธิวาสนํ. เอวฺหิ โส การเณ เทสิยมาเน ตโต วิคโต นาม โหติ. เตนาห ‘‘ปฏิคฺคณฺหตูติ ขมตู’’ติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

สีหนาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สอุปาทิเสสสุตฺตวณฺณนา

๑๒. ทุติเย ภวสฺส อปฺปมตฺตกตา นาม อิตฺตรกาลตายาติ อาห ‘‘อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปี’’ติ.

สอุปาทิเสสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. โกฏฺิกสุตฺตวณฺณนา

๑๓. ตติเย ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต อตฺตภาโว, ตสฺมึ เวทิตพฺพํ ผลํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ. เตนาห ‘‘อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว’’ติ. จตุปฺปฺจกฺขนฺธผลตาย สฺาภวูปคํ กมฺมํ พหุเวทนียํ. เอกกฺขนฺธผลตฺตา อสฺาภวูปคํ กมฺมํ ‘‘อปฺปเวทนีย’’นฺติ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘อรูปาวจรกมฺมํ พหุกาลํ เวทิตพฺพผลตฺตา พหุเวทนียํ, อิตรํ อปฺปเวทนียํ. รูปารูปาวจรกมฺมํ วา พหุเวทนียํ, ปริตฺตํ กมฺมํ อปฺปเวทนีย’’นฺติ วทนฺติ. เวทนียนฺติ ปจฺจยนฺตรสมวาเย วิปากุปฺปาทนสมตฺถํ, น อารทฺธวิปากเมว. อเวทนียนฺติ ปจฺจยเวกลฺเลน วิปจฺจิตุํ อสมตฺถํ อโหสิกมฺมาทิเภทํ.

โกฏฺิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สมิทฺธิสุตฺตวณฺณนา

๑๔. จตุตฺเถ สมิทฺธีติ เถรสฺส กิร อตฺตภาโว สมิทฺโธ อภิรูโป ปาสาทิโก, ตสฺมา สมิทฺธีตฺเวว สงฺขาโต. เตนาห ‘‘อตฺตภาวสมิทฺธตายา’’ติอาทิ. รูปธาตุอาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน สทฺทธาตุอาทึ สงฺคณฺหาติ.

สมิทฺธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕-๙. คณฺฑสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๕-๑๙. ปฺจเม มาตาเปตฺติกสมฺภวสฺสาติ มาติโต จ ปิติโต จ นิพฺพตฺเตน มาตาเปตฺติเกน สุกฺกโสณิเตน สมฺภูตสฺส. อุจฺฉาทนธมฺมสฺสาติ อุจฺฉาเทตพฺพสภาวสฺส. ปริมทฺทนธมฺมสฺสาติ ปริมทฺทิตพฺพสภาวสฺส. เอตฺถ จ โอทนกุมฺมาสูปจยอุจฺฉาทนปเทหิ วฑฺฒิ กถิตา, อนิจฺจเภทนวิทฺธํสนปเทหิ หานิ. ปุริเมหิ วา สมุทโย, ปจฺฉิเมหิ อตฺถงฺคโมติ เอวํ จาตุมหาภูติกสฺส กายสฺส วฑฺฒิปริหานินิพฺพตฺติเภทา ทสฺสิตา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. ฉฏฺาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.

คณฺฑสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. เวลามสุตฺตวณฺณนา

๒๐. ทสเม สกุณฺฑกภตฺตนฺติ สกุณฺฑกํ อุตฺตณฺฑุลภตฺตํ. ปริตฺเตหิ สกุณฺเฑหิ ตณฺฑุเลหิปิ สทฺธึ วิปกฺกภตฺตํ อุตฺตณฺฑุลเมว โหติ. พิฬงฺคํ วุจฺจติ อารนาฬํ, พิฬงฺคโต นิพฺพตฺตนโต ตเทว กฺชิยโต ชาตนฺติ กฺชิยํ, ตํ ทุติยํ เอตสฺสาติ พิฬงฺคทุติยํ, ตํ กฺชิยทุติยนฺติ วุตฺตํ. อสกฺกริตฺวาติ เทยฺยธมฺมมฺปิ ปุคฺคลมฺปิ อสกฺกริตฺวา. เทยฺยธมฺมสฺส อสกฺกรณํ อสมฺปนฺนกาโร, ปุคฺคลสฺส อสกฺกรณํ อครุกรณํ. เทยฺยธมฺมํ อสกฺกโรนฺโต หิ อุตฺตณฺฑุลาทิโทสสมนฺนาคตํ อาหารํ เทติ, น สมฺปนฺนํ กโรติ. ปุคฺคลํ อสกฺกโรนฺโต นิสีทนฏฺานํ อสมฺมชฺชิตฺวา ยตฺถ ตตฺถ วา นิสีทาเปตฺวา ยํ วา ตํ วา ทารกํ เปเสตฺวา เทติ. อจิตฺตีกตฺวาติ น จิตฺตึ กตฺวา, น ปูเชตฺวาติ อตฺโถ. ปูเชนฺโต หิ ปูเชตพฺพวตฺถุํ จิตฺเต เปติ, น ตโต พหิ กโรติ. จิตฺตํ วา อจฺฉริยํ กตฺวา ปฏิปตฺติ จิตฺตีกรณํ สมฺภาวนกิริยา, ตปฺปฏิกฺเขปโต อจิตฺตีกรณํ อสมฺภาวนกิริยา. อปวิทฺธนฺติ อุจฺฉิฏฺาทิฉฑฺฑนียธมฺมํ วิย อวขิตฺตกํ. โย หิ ฉฑฺเฑตุกาโม หุตฺวา โรคิโน สรีเร โอทนาทีนิ มชฺชิตฺวา วมฺมิเก โรคํ ปกฺขิปนฺโต วิย เทติ, อยํ อปวิทฺธํ เทติ นาม. อนาคมนทิฏฺิโกติ ‘‘อทฺธา อิมสฺส ทานสฺส ผลํ มม อาคจฺฉตี’’ติ เอวํ ยสฺส กมฺมสฺสกตทิฏฺิ อตฺถิ, โส อาคมนทิฏฺิโก. อยํ ปน น ตาทิโสติ อนาคมนทิฏฺิโก, ผลํ ปาฏิกงฺขํ หุตฺวา น เทตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘น กมฺมฺจ ผลฺจ สทฺทหิตฺวา เทตี’’ติ.

เวลาโมติ เอตฺถ มา-สทฺโท ปฏิเสธวจโน. ชาติโคตฺตรูปโภคาทิคุณานํ เวลา มริยาทา นตฺถิ เอตสฺมินฺติ เวลาโม. อถ วา ยถาวุตฺตคุณานํ เวลา มริยาทา อมติ โอสานํ คจฺฉติ เอตสฺมินฺติ เวลาโม, เวลํ วา มริยาทํ อมติ คจฺฉติ อติกฺกมตีติ เวลาโม. เตนาห ‘‘ชาติโคตฺต…เป… เอวํลทฺธนาโม’’ติ. ทียตีติ ทานํ, ทานวตฺถุ. ตํ อคฺคียติ นิสฺสชฺชียติ เอตฺถาติ ทานคฺคํ. ทานํ วา คณฺหนฺติ เอตฺถาติ ทานคฺคํ, เอวํ ภตฺตคฺคํ, ปริเวสนฏฺานํ. ทุกูลสนฺทนานีติ รชตภาชนาทินิสฺสิเต ทุกูเล ขีรสฺส สนฺทนํ เอเตสนฺติ ทุกูลสนฺทนานิ. กํสูปธารณานีติ รชตมยโทหภาชนานิ. เตนาห ‘‘รชตมยขีรปฏิจฺฉกานี’’ติ. รชตมยานิ ขีรปฏิจฺฉกานิ ขีรปฏิคฺคหภาชนานิ เอเตสนฺติ รชตมยขีรปฏิจฺฉกานิ. โสเธยฺยาติ มหปฺผลภาวกรเณน วิโสเธยฺย. มหปฺผลภาวปฺปตฺติยา หิ ทกฺขิณา วิสุชฺฌติ นาม.

มคฺเคนาคตํ อนิวตฺตนสรณนฺติ อิมินา โลกุตฺตรสรณคมนํ ทีเปติ. อปเรติอาทินา โลกิยสรณคมนํ วุตฺตํ. สรณํ นาม ติณฺณํ รตนานํ ชีวิตปริจฺจาคมยํ ปุฺํ สพฺพสมฺปตฺตึ เทติ, ตสฺมา มหปฺผลตรนฺติ อธิปฺปาโย. อิทฺจ – ‘‘สเจ ตฺวํ ยถา คหิตํ สรณํ น ภินฺทิสฺสสิ, เอวาหํ ตํ มาเรมี’’ติ ยทิปิ โกจิ ติณฺเหน สตฺเถน ชีวิตา โวโรเปยฺย, ตถาปิ ‘‘เนวาหํ พุทฺธํ น พุทฺโธติ, ธมฺมํ น ธมฺโมติ, สงฺฆํ น สงฺโฆติ วทามี’’ติ ทฬฺหตรํ กตฺวา คหิตสฺส วเสน วุตฺตํ. มคฺเคนาคตนฺติ โลกุตฺตรสีลํ สนฺธาย วทติ. อปเรติอาทินา ปน โลกิยสีลํ วุตฺตํ. สพฺเพสํ สตฺตานํ ชีวิตทานาทินิหิตทณฺฑตาย สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณาธิฏฺานโต จสฺส มหปฺผลมหานิสํสตา เวทิตพฺพา.

อุปสิงฺฆนมตฺตนฺติ ฆายนมตฺตํ. คทฺโทหนมตฺตนฺติ ปานฺตเร โคโทหนมตฺตํ กาลนฺติ อตฺโถ. โส จ น สกโล โคโทหนกฺขโณ อธิปฺเปโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘คาวิยา เอกวารํ ถนอฺฉนมตฺต’’นฺติ อตฺโถ วุตฺโต. อฺฉนมตฺตนฺติ อากฑฺฒนมตฺตํ. คาวิยา ถนํ คเหตฺวา เอกขีรพินฺทุทุหนกาลมตฺตมฺปิ คทฺทุหนมตฺตนฺติ วทนฺติ. เอตฺตกมฺปิ หิ กาลํ โย วสนคพฺภปริเวณวิหารูปจารปริจฺเฉเทน วา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สพฺพสตฺเต หิตผรณํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ สกฺโกติ. อิทํ ตโต ยถาวุตฺตทานาทิโต มหปฺผลตรํ.

เวลามสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

สีหนาทวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.