📜
๕. มงฺคลสุตฺตวณฺณนา
นิกฺเขปปฺปโยชนํ
อิทานิ ¶ กุมารปฺหานนฺตรํ นิกฺขิตฺตสฺส มงฺคลสุตฺตสฺส อตฺถวณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโต, ตสฺส อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ วตฺวา อตฺถวณฺณนํ กริสฺสาม. เสยฺยถิทํ – อิทฺหิ สุตฺตํ อิมินา อนุกฺกเมน ภควตา อวุตฺตมฺปิ ยฺวายํ สรณคมเนหิ สาสโนตาโร, สิกฺขาปททฺวตฺตึสาการกุมารปฺเหหิ ¶ จ สีลสมาธิปฺาปฺปเภทนโย ทสฺสิโต, สพฺโพเปส ปรมมงฺคลภูโต, ยโต มงฺคลตฺถิเกน เอตฺเถว อภิโยโค กาตพฺโพ, โส จสฺส มงฺคลภาโว อิมินา สุตฺตานุสาเรน เวทิตพฺโพติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ.
อิทมสฺส อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ.
ปมมหาสงฺคีติกถา
เอวํ ¶ นิกฺขิตฺตสฺส ปนสฺส อตฺถวณฺณนตฺถํ อยํ มาติกา –
‘‘วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมา, เจตํ วตฺวา อิมํ วิธึ;
เอวมิจฺจาทิปาสฺส, อตฺถํ นานปฺปการโต.
‘‘วณฺณยนฺโต สมุฏฺานํ, วตฺวา ยํ ยตฺถ มงฺคลํ;
ววตฺถเปตฺวา ตํ ตสฺส, มงฺคลตฺตํ วิภาวเย’’ติ.
ตตฺถ ‘‘วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมา, เจตํ วตฺวา อิมํ วิธิ’’นฺติ อยํ ตาว อทฺธคาถา ยทิทํ ‘‘เอวํ เม สุตํ เอกํ สมยํ ภควา…เป… ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสี’’ติ, อิทํ วจนํ สนฺธาย วุตฺตา. อิทฺหิ อนุสฺสววเสน วุตฺตํ, โส จ ภควา สยมฺภู อนาจริยโก, ตสฺมา เนทํ ตสฺส ภควโต วจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ยโต วตฺตพฺพเมตํ ‘‘อิทํ วจนํ เกน วุตฺตํ ¶ , กทา, กสฺมา จ วุตฺต’’นฺติ. วุจฺจเต – อายสฺมตา อานนฺเทน วุตฺตํ, ตฺจ ปมมหาสงฺคีติกาเล.
ปมมหาสงฺคีติ เจสา สพฺพสุตฺตนิทานโกสลฺลตฺถมาทิโต ปภุติ เอวํ เวทิตพฺพา. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฺหิ อาทึ กตฺวา ยาว สุภทฺทปริพฺพาชกวินยนา, กตพุทฺธกิจฺเจ กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน ยมกสาลานมนฺตเร วิสาขปุณฺณมทิวเส ปจฺจูสสมเย อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุเต, ภควติ โลกนาเถ ภควโต ปรินิพฺพาเน สนฺนิปติตานํ สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสานํ สงฺฆตฺเถโร อายสฺมา มหากสฺสโป สตฺตาหปรินิพฺพุเต ¶ ภควติ สุภทฺเทน วุฑฺฒปพฺพชิเตน ‘‘อลํ, อาวุโส, มา โสจิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถ, สุมุตฺตา มยํ เตน มหาสมเณน, อุปทฺทุตา จ โหม ‘อิทํ โว กปฺปติ อิทํ โว น กปฺปตี’ติ, อิทานิ ปน มยํ ยํ อิจฺฉิสฺสาม ตํ กริสฺสาม, ยํ น อิจฺฉิสฺสาม น ตํ กริสฺสามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๗; ที. นิ. ๒.๒๓๒) วุตฺตวจนมนุสฺสรนฺโต ‘‘านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ ปาปภิกฺขู ‘อตีตสตฺถุกํ ปาวจน’นฺติ มฺมานา ปกฺขํ ลภิตฺวา น จิรสฺเสว สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปยฺยุํ. ยาว จ ธมฺมวินโย ติฏฺติ, ตาว อนตีตสตฺถุกเมว ปาวจนํ โหติ. ยถาห ภควา –
‘‘โย ¶ โว, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖).
‘‘ยํนูนาหํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยํ, ยถยิทํ สาสนํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺิติกํ’’.
ยฺจาหํ ภควตา –
‘‘ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ, กสฺสป, สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานี’’ติ วตฺวา จีวเร สาธารณปริโภเคน เจว –
‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ, กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเทว อากงฺขติ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ –
เอวมาทินา ¶ นเยน นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาปฺปเภเท อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมฏฺปเนน จ อนุคฺคหิโต, ตสฺส เม กิมฺํ อาณณฺยํ ภวิสฺสติ? ‘‘นนุ มํ ภควา ราชา วิย สกกวจอิสฺสริยานุปฺปทาเนน อตฺตโน กุลวํสปฺปติฏฺาปกํ ปุตฺตํ ‘สทฺธมฺมวํสปฺปติฏฺาปโก เม อยํ ภวิสฺสตี’ติ มนฺตฺวา อิมินา อสาธารเณน อนุคฺคเหน อนุคฺคเหสี’’ติ จินฺตยนฺโต ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ ¶ อุสฺสาหํ ชเนสิ? ยถาห –
‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู อามนฺเตสิ – เอกมิทาหํ, อาวุโส, สมยํ ปาวาย กุสินารํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๓๑; จูฬว. ๔๓๗) สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ วิตฺถาเรตพฺพํ.
ตโต ปรํ อาห –
‘‘หนฺท มยํ, อาวุโส, ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยาม, ปุเร อธมฺโม ทิปฺปติ, ธมฺโม ปฏิพาหิยฺยติ, อวินโย ทิปฺปติ, วินโย ปฏิพาหิยฺยติ, ปุเร อธมฺมวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺติ, อวินยวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).
ภิกฺขู ¶ อาหํสุ ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, เถโร ภิกฺขู อุจฺจินตู’’ติ. เถโร สกลนวงฺคสตฺถุสาสนปริยตฺติธเร ปุถุชฺชนโสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิสุกฺขวิปสฺสกขีณาสวภิกฺขู อเนกสเต อเนกสหสฺเส จ วชฺเชตฺวา ติปิฏกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธเร ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเต มหานุภาเว เยภุยฺเยน ภควตา เอตทคฺคํ อาโรปิเต เตวิชฺชาทิเภเท ขีณาสวภิกฺขูเยว เอกูนปฺจสเต ปริคฺคเหสิ. เย สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป เอเกนูนปฺจอรหนฺตสตานิ อุจฺจินี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).
กิสฺส ปน เถโร เอเกนูนมกาสีติ? อายสฺมโต อานนฺทตฺเถรสฺส โอกาสกรณตฺถํ. เตน หายสฺมตา สหาปิ วินาปิ น สกฺกา ธมฺมสงฺคีติ กาตุํ. โส หายสฺมา เสโข สกรณีโย, ตสฺมา สห น สกฺกา, ยสฺมา ปนสฺส กิฺจิ ทสพลเทสิตํ สุตฺตเคยฺยาทิกํ ภควโต อสมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา วินาปิ น สกฺกา. ยทิ เอวํ เสโขปิ สมาโน ธมฺมสงฺคีติยา พหูการตฺตา เถเรน อุจฺจินิตพฺโพ อสฺส, อถ กสฺมา น อุจฺจินิโตติ? ปรูปวาทวิวชฺชนโต ¶ . เถโร หิ อายสฺมนฺเต ¶ อานนฺเท อติวิย วิสฺสตฺโถ อโหสิ. ตถา หิ นํ สิรสฺมึ ปลิเตสุ ชาเตสุปิ ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) กุมารกวาเทน โอวทติ. สกฺยกุลปฺปสุโต จายํ อายสฺมา ตถาคตสฺส ภาตา จูฬปิตุ ปุตฺโต, ตตฺร ภิกฺขู ฉนฺทาคมนํ วิย มฺมานา ‘‘พหู อเสขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเต ภิกฺขู เปตฺวา อานนฺทํ เสขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตํ เถโร อุจฺจินี’’ติ อุปวเทยฺยุํ. ตํ ปรูปวาทํ ปริวิวชฺเชนฺโต ‘‘อานนฺทํ วินา สงฺคีติ น สกฺกา กาตุํ, ภิกฺขูนํเยว อนุมติยา คเหสฺสามี’’ติ น อุจฺจินิ.
อถ สยเมว ภิกฺขู อานนฺทสฺสตฺถาย เถรํ ยาจึสุ. ยถาห –
‘‘ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจุํ – ‘อยํ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท กิฺจาปิ เสโข, อภพฺโพ ฉนฺทา โทสา โมหา ภยา อคตึ คนฺตุํ, พหุ จาเนน ภควโต สนฺติเก ธมฺโม จ วินโย จ ปริยตฺโต, เตน หิ, ภนฺเต, เถโร ¶ อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินตู’ติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).
เอวํ ภิกฺขูนํ อนุมติยา อุจฺจินิเตน เตนายสฺมตา สทฺธึ ปฺจเถรสตานิ อเหสุํ.
อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กตฺถ นุ โข มยํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยามา’’ติ. อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘‘ราชคหํ โข มหาโคจรํ ปหูตเสนาสนํ, ยํนูน มยํ ราชคเห วสฺสํ วสนฺตา ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยาม, นฺเ ภิกฺขู ราชคเห วสฺสํ อุปคจฺเฉยฺยุ’’นฺติ. กสฺมา ปน เนสํ เอตทโหสิ? อิทํ อมฺหากํ ถาวรกมฺมํ, โกจิ วิสภาคปุคฺคโล ¶ สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา อุกฺโกเฏยฺยาติ. อถายสฺมา มหากสฺสโป ตฺติทุติเยน กมฺเมน สาเวสิ. ตํ สงฺคีติกฺขนฺธเก (จูฬว. ๔๓๗) วุตฺตนเยเนว าตพฺพํ.
อถ ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต สตฺตสุ สาธุกีฬนทิวเสสุ สตฺตสุ จ ธาตุปูชาทิวเสสุ วีติวตฺเตสุ ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต, อิทานิ คิมฺหานํ ทิยฑฺโฒ มาโส เสโส, อุปกฏฺา วสฺสูปนายิกา’’ติ มนฺตฺวา มหากสฺสปตฺเถโร ‘‘ราชคหํ, อาวุโส, คจฺฉามา’’ติ อุปฑฺฒํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา เอกํ มคฺคํ คโต. อนุรุทฺธตฺเถโรปิ อุปฑฺฒํ คเหตฺวา เอกํ มคฺคํ คโต, อานนฺทตฺเถโร ¶ ปน ภควโต ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา ราชคหํ คนฺตุกาโม เยน สาวตฺถิ, เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อานนฺทตฺเถเรน คตคตฏฺาเน มหาปริเทโว อโหสิ, ‘‘ภนฺเต อานนฺท, กุหึ สตฺถารํ เปตฺวา อาคโตสี’’ติ? อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ อนุปฺปตฺเต เถเร ภควโต ปรินิพฺพานสมเย วิย มหาปริเทโว อโหสิ.
ตตฺร สุทํ อายสฺมา อานนฺโท อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ตํ มหาชนํ สฺาเปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา ทสพเลน วสิตคนฺธกุฏิยา ทฺวารํ วิวริตฺวา มฺจปีํ นีหริตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา คนฺธกุฏึ สมฺมชฺชิตฺวา มิลาตมาลากจวรํ ฉฑฺเฑตฺวา มฺจปีํ อติหริตฺวา ปุน ยถาาเน เปตฺวา ภควโต ิตกาเล กรณียํ วตฺตํ สพฺพมกาสิ. อถ ¶ เถโร ภควโต ปรินิพฺพานโต ปภุติ านนิสชฺชพหุลตฺตา อุสฺสนฺนธาตุกํ กายํ สมสฺสาเสตุํ ทุติยทิวเส ขีรวิเรจนํ ปิวิตฺวา วิหาเรเยว นิสีทิ, ยํ สนฺธาย สุเภน มาณเวน ปหิตํ มาณวกํ เอตทโวจ –
‘‘อกาโล โข, มาณวก, อตฺถิ ¶ เม อชฺช เภสชฺชมตฺตา ปีตา, อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยามา’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๔๗).
ทุติยทิวเส เจตกตฺเถเรน ปจฺฉาสมเณน คนฺตฺวา สุเภน มาณเวน ปุฏฺโ ทีฆนิกาเย สุภสุตฺตํ นาม ทสมํ สุตฺตมภาสิ.
อถ โข เถโร เชตวเน วิหาเร ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ การาเปตฺวา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย ราชคหํ คโต. ตถา มหากสฺสปตฺเถโร อนุรุทฺธตฺเถโร จ สพฺพํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา ราชคหเมว คตา.
เตน โข ปน สมเยน ราชคเห อฏฺารส มหาวิหารา โหนฺติ. เต สพฺเพปิ ฉฑฺฑิตปติตอุกฺลาปา อเหสุํ. ภควโต หิ ปรินิพฺพาเน สพฺเพ ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิหาเร จ ปริเวเณ จ ฉฑฺเฑตฺวา อคมํสุ. ตตฺถ เถรา ภควโต วจนปูชนตฺถํ ติตฺถิยวาทปริโมจนตฺถฺจ ‘‘ปมํ มาสํ ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ กโรมา’’ติ จินฺเตสุํ. ติตฺถิยา หิ วเทยฺยุํ ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา สตฺถริ ิเตเยว วิหาเร ปฏิชคฺคึสุ, ปรินิพฺพุเต ฉฑฺเฑสุ’’นฺติ. เตสํ วาทปริโมจนตฺถฺจ จินฺเตสุนฺติ วุตฺตํ โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ภควตา โข, อาวุโส, ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ ¶ วณฺณิตํ, หนฺท มยํ, อาวุโส, ปมํ มาสํ ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ กโรม, มชฺฌิมํ มาสํ สนฺนิปติตฺวา ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิสฺสามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๘).
เต ทุติยทิวเส คนฺตฺวา ราชทฺวาเร อฏฺํสุ. อชาตสตฺตุ ราชา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, กึ กโรมิ, เกนตฺโถ’’ติ ปวาเรสิ. เถรา อฏฺารสมหาวิหารปฺปฏิสงฺขรณตฺถาย หตฺถกมฺมํ ปฏิเวเทสุํ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา หตฺถกมฺมการเก มนุสฺเส อทาสิ. เถรา ปมํ มาสํ สพฺพวิหาเร ปฏิสงฺขราเปสุํ.
อถ ¶ รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘นิฏฺิตํ, มหาราช, วิหารปฺปฏิสงฺขรณํ ¶ , อิทานิ ธมฺมวินยสงฺคหํ กโรมา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, วิสฺสตฺถา กโรถ, มยฺหํ อาณาจกฺกํ, ตุมฺหากํ ธมฺมจกฺกํ โหตุ. อาณาเปถ, ภนฺเต, กึ กโรมี’’ติ? ‘‘ธมฺมสงฺคหํ กโรนฺตานํ ภิกฺขูนํ สนฺนิสชฺชฏฺานํ มหาราชา’’ติ. ‘‘กตฺถ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เวภารปพฺพตปสฺเส สตฺตปณฺณิคุหาทฺวาเร กาตุํ ยุตฺตํ มหาราชา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ โข, ราชา อชาตสตฺตุ, วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิตสทิสํ สุวิภตฺตภิตฺติถมฺภโสปานํ นานาวิธมาลากมฺมลตากมฺมวิจิตฺรํ มหามณฺฑปํ การาเปตฺวา วิวิธกุสุมทามโอลมฺพกวินิคฺคลนฺตจารุวิตานํ รตนวิจิตฺรมณิโกฏฺฏิมตลมิว จ นํ นานาปุปฺผูปหารวิจิตฺรํ สุปรินิฏฺิตภูมิกมฺมํ พฺรหฺมวิมานสทิสํ อลงฺกริตฺวา ตสฺมึ มหามณฺฑเป ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ อนคฺฆานิ ปฺจกปฺปิยปจฺจตฺถรณสตานิ ปฺาเปตฺวา ทกฺขิณภาคํ นิสฺสาย อุตฺตราภิมุขํ เถราสนํ, มณฺฑปมชฺเฌ ปุรตฺถาภิมุขํ พุทฺธสฺส ภควโต อาสนารหํ ธมฺมาสนํ ปฺาเปตฺวา ทนฺตขจิตํ จิตฺตพีชนิฺเจตฺถ เปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรจาเปสิ ‘‘นิฏฺิตํ, ภนฺเต, กิจฺจ’’นฺติ.
ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อาหํสุ ‘‘สฺเว, อาวุโส อานนฺท, สงฺฆสนฺนิปาโต, ตฺวฺจ เสโข สกรณีโย, เตน เต น ยุตฺตํ สนฺนิปาตํ คนฺตุํ, อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ‘‘สฺเว สนฺนิปาโต, น โข ปน เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ เสโข สมาโน สนฺนิปาตํ คจฺเฉยฺย’’นฺติ พหุเทว รตฺตึ กายคตาย สติยา วีตินาเมตฺวา รตฺติยา ปจฺจูสสมเย จงฺกมา โอโรหิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘นิปชฺชิสฺสามี’’ติ กายํ อาวชฺเชสิ. ทฺเว ปาทา ภูมิโต มุตฺตา, อปฺปตฺตฺจ สีสํ พิมฺโพหนํ, เอตสฺมึ อนฺตเร อนุปาทาย ¶ อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิ. อยฺหิ อายสฺมา จงฺกเมน พหิ วีตินาเมตฺวา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต จินฺเตสิ ‘‘นนุ มํ ภควา เอตทโวจ – ‘กตปฺุโสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยฺุช, ขิปฺปํ โหหิสิ ¶ อนาสโว’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗). พุทฺธานฺจ กถาโทโส นาม นตฺถิ, มม ปน อจฺจารทฺธํ วีริยํ, เตน เม จิตฺตํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺตติ, หนฺทาหํ วีริยสมตํ โยเชมี’’ติ จงฺกมา โอโรหิตฺวา ปาทโธวนฏฺาเน ตฺวา ปาเท โธวิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา มฺจเก นิสีทิตฺวา ‘‘โถกํ วิสฺสมิสฺสามี’’ติ กายํ มฺจเก อุปนาเมสิ. ทฺเว ปาทา ¶ ภูมิโต มุตฺตา, สีสฺจ พิมฺโพหนมสมฺปตฺตํ, เอตสฺมึ อนฺตเร อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิ. จตุอิริยาปถวิรหิตํ เถรสฺส อรหตฺตํ. เตน ‘‘อิมสฺมึ สาสเน อนิสินฺโน อนิปนฺโน อฏฺิโต อจงฺกมนฺโต โก ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ วุตฺเต ‘‘อานนฺทตฺเถโร’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.
อถ เถรา ภิกฺขู ทุติยทิวเส ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา. อานนฺทตฺเถโร ปน อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ าเปตุกาโม ภิกฺขูหิ สทฺธึ น คโต. ภิกฺขู ยถาวุฑฺฒํ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทนฺตา อานนฺทตฺเถรสฺส อาสนํ เปตฺวา นิสินฺนา. ตตฺถ เกหิจิ ‘‘เอตมาสนํ กสฺสา’’ติ วุตฺเต อานนฺทสฺสาติ. ‘‘อานนฺโท ปน กุหึ คโต’’ติ. ตสฺมึ สมเย เถโร จินฺเตสิ ‘‘อิทานิ มยฺหํ คมนกาโล’’ติ. ตโต อตฺตโน อานุภาวํ ทสฺเสนฺโต ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา อตฺตโน อาสเนเยว อตฺตานํ ทสฺเสสิ. อากาเสนาคนฺตฺวา นิสีทีติปิ เอเก.
เอวํ นิสินฺเน ตสฺมึ อายสฺมนฺเต มหากสฺสปตฺเถโร ภิกฺขู อามนฺเตสิ, ‘‘อาวุโส, กึ ปมํ สงฺคายาม ธมฺมํ วา วินยํ วา’’ติ? ภิกฺขู อาหํสุ, ‘‘ภนฺเต มหากสฺสป, วินโยนามพุทฺธสาสนสฺส อายุ, วินเย ิเต สาสนํ ิตํ โหติ, ตสฺมา ปมํ วินยํ สงฺคายามา’’ติ. ‘‘กํ ธุรํ กตฺวา วินโย สงฺคายิตพฺโพ’’ติ? ‘‘อายสฺมนฺตํ อุปาลิ’’นฺติ ¶ . ‘‘กึ อานนฺโท นปฺปโหตี’’ติ? ‘‘โน นปฺปโหติ, อปิจ โข ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธรมาโนเยว วินยปริยตฺตึ นิสฺสาย อายสฺมนฺตํ อุปาลึ เอตทคฺเค เปสิ – ‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ วินยธรานํ ยทิทํ อุปาลี’’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๒๘). ตสฺมา อุปาลิตฺเถรํ ปุจฺฉิตฺวา วินยํ สงฺคายามาติ. ตโต เถโร วินยํ ปุจฺฉนตฺถาย อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิ. อุปาลิตฺเถโรปิ วิสฺสชฺชนตฺถาย สมฺมนฺนิ. ตตฺรายํ ปาฬิ –
อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อุปาลึ วินยํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ.
อายสฺมาปิ ¶ ¶ อุปาลิ สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อายสฺมตา มหากสฺสเปน วินยํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ.
เอวํ อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิตฺวา อายสฺมา, อุปาลิ, อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เถเร ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ธมฺมาสเน นิสีทิ ทนฺตขจิตํ พีชนึ คเหตฺวา. ตโต มหากสฺสปตฺเถโร อุปาลิตฺเถรํ ปมปาราชิกํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ วินยํ ปุจฺฉิ, อุปาลิตฺเถโร วิสฺสชฺเชสิ. สพฺเพ ปฺจสตา ภิกฺขู ปมปาราชิกสิกฺขาปทํ สนิทานํ กตฺวา เอกโต คณสชฺฌายมกํสุ. เอวํ เสสานิปีติ สพฺพํ วินยฏฺกถาย คเหตพฺพํ. เอเตน นเยน สอุภโตวิภงฺคํ สขนฺธกปริวารํ สกลํ วินยปิฏกํ สงฺคายิตฺวา อุปาลิตฺเถโร ทนฺตขจิตํ พีชนึ นิกฺขิปิตฺวา ธมฺมาสนา โอโรหิตฺวา วุฑฺเฒ ภิกฺขู วนฺทิตฺวา อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทิ.
วินยํ สงฺคายิตฺวา ธมฺมํ สงฺคายิตุกาโม อายสฺมา มหากสฺสปตฺเถโร ภิกฺขู ปุจฺฉิ – ‘‘ธมฺมํ สงฺคายนฺเตหิ กํ ปุคฺคลํ ธุรํ กตฺวา ธมฺโม สงฺคายิตพฺโพ’’ติ? ภิกฺขู ‘‘อานนฺทตฺเถรํ ธุรํ กตฺวา’’ติ อาหํสุ.
อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อานนฺทํ ธมฺมํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ.
อถ โข อายสฺมา อานนฺโท สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อายสฺมตา มหากสฺสเปน ธมฺมํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ.
อถ โข อายสฺมา อานนฺโท อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เถเร ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ธมฺมาสเน นิสีทิ ทนฺตขจิตํ พีชนึ คเหตฺวา. อถ มหากสฺสปตฺเถโร อานนฺทตฺเถรํ ธมฺมํ ปุจฺฉิ ¶ – ‘‘พฺรหฺมชาลํ, อาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ? ‘‘อนฺตรา จ, ภนฺเต, ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทํ ราชาคารเก อมฺพลฏฺิกาย’’นฺติ. ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ ¶ ? ‘‘สุปฺปิยฺจ ปริพฺพาชกํ พฺรหฺมทตฺตฺจ มาณวก’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ พฺรหฺมชาลสฺส นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ. ‘‘สามฺผลํ; ปนาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ? ‘‘ราชคเห, ภนฺเต, ชีวกมฺพวเน’’ติ. ‘‘เกน สทฺธิ’’นฺติ? ‘‘อชาตสตฺตุนา ¶ เวเทหิปุตฺเตน สทฺธิ’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สามฺผลสฺส นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ. เอเตเนว อุปาเยน ปฺจปิ นิกาเย ปุจฺฉิ, ปุฏฺโ ปุฏฺโ อายสฺมา อานนฺโท วิสฺสชฺเชสิ. อยํ ปมมหาสงฺคีติ ปฺจหิ เถรสเตหิ กตา –
‘‘สเตหิ ปฺจหิ กตา, เตน ปฺจสตาติ จ;
เถเรเหว กตตฺตา จ, เถริกาติ ปวุจฺจตี’’ติ.
อิมิสฺสา ปมมหาสงฺคีติยา วตฺตมานาย สพฺพํ ทีฆนิกายํ มชฺฌิมนิกายาทิฺจ ปุจฺฉิตฺวา อนุปุพฺเพน ขุทฺทกนิกายํ ปุจฺฉนฺเตน อายสฺมตา มหากสฺสเปน ‘‘มงฺคลสุตฺตํ, อาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ เอวมาทิวจนาวสาเน ‘‘นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉี’’ติ เอตฺถ นิทาเน ปุจฺฉิเต ตํ นิทานํ วิตฺถาเรตฺวา ยถา จ ภาสิตํ, เยน จ สุตํ, ยทา จ สุตํ, เยน จ ภาสิตํ, ยตฺถ จ ภาสิตํ, ยสฺส จ ภาสิตํ, ตํ สพฺพํ กเถตุกาเมน ‘‘เอวํ ภาสิตํ มยา สุตํ, เอกํ สมยํ สุตํ, ภควตา ภาสิตํ, สาวตฺถิยํ ภาสิตํ, เทวตาย ภาสิต’’นฺติ เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺเตน อายสฺมตา อานนฺเทน วุตฺตํ ‘‘เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม…เป… ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสี’’ติ. เอวมิทํ ¶ อายสฺมตา อานนฺเทน วุตฺตํ, ตฺจ ปน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ ‘‘กสฺมา วุตฺต’’นฺติ เอตฺถ วุจฺจเต – ยสฺมา อยมายสฺมา มหากสฺสปตฺเถเรน นิทานํ ปุฏฺโ, ตสฺมาเนน ตํ นิทานํ อาทิโต ปภุติ วิตฺถาเรตุํ วุตฺตํ. ยสฺมา วา อานนฺทํ ธมฺมาสเน นิสินฺนํ วสีคณปริวุตํ ทิสฺวา เอกจฺจานํ เทวตานํ จิตฺตมุปฺปนฺนํ ‘‘อยมายสฺมา เวเทหมุนิ ปกติยาปิ สกฺยกุลมนฺวโย ภควโต ทายาโท, ภควตาปิ ปฺจกฺขตฺตุํ เอตทคฺเค นิทฺทิฏฺโ, จตูหิ อจฺฉริยอพฺภุตธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, จตุนฺนํ ปริสานํ ปิโย มนาโป, อิทานิ มฺเ ภควโต ธมฺมรชฺชทายชฺชํ ปตฺวา พุทฺโธ ชาโต’’ติ. ตสฺมา อายสฺมา อานนฺโท ตาสํ เทวตานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย ตํ อภูตคุณสมฺภาวนํ อนธิวาเสนฺโต อตฺตโน สาวกภาวเมว ทีเปตุํ อาห ‘‘เอวํ เม สุตํ เอกํ สมยํ ภควา ¶ …เป… อชฺฌภาสี’’ติ. เอตฺถนฺตเร ปฺจ อรหนฺตสตานิ ¶ อเนกานิ จ เทวตาสหสฺสานิ ‘‘สาธุ สาธู’’ติ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภินนฺทึสุ, มหาภูมิจาโล อโหสิ, นานาวิธกุสุมวสฺสํ อนฺตลิกฺขโต ปปติ, อฺานิ จ พหูนิ อจฺฉริยานิ ปาตุรเหสุํ, พหูนฺจ เทวตานํ สํเวโค อุปฺปชฺชิ ‘‘ยํ อมฺเหหิ ภควโต สมฺมุขา สุตํ, อิทาเนว ตํ ปโรกฺขา ชาต’’นฺติ. เอวมิทํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วทนฺเตนาปิ อิมินา การเณน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา จ ‘‘วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมา, เจตํ วตฺวา อิมํ วิธิ’’นฺติ อิมิสฺสา อทฺธคาถาย อตฺโถ ปกาสิโต โหติ.
เอวมิจฺจาทิปาวณฺณนา
๑. อิทานิ ‘‘เอวมิจฺจาทิปาสฺส, อตฺถํ นานปฺปการโต’’ติ เอวมาทิมาติกาย สงฺคหิตตฺถปฺปกาสนตฺถํ วุจฺจเต – เอวนฺติ ¶ อยํ สทฺโท อุปมูปเทสสมฺปหํสนครหณวจนสมฺปฏิคฺคหาการนิทสฺสนาวธารณาทีสุ อตฺเถสุ ทฏฺพฺโพ. ตถา เหส ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจน, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๕๓) อุปมายํ ทิสฺสติ. ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๒๒) อุปเทเส. ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) สมฺปหํสเน. ‘‘เอวเมวํ ปนายํ วสลี ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๘๗) ครหเณ. ‘‘เอวํ, ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) วจนสมฺปฏิคฺคเห. ‘‘เอวํ พฺยา โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๙๘) อากาเร. ‘‘เอหิ ตฺวํ, มาณวก, เยน สมโณ อานนฺโท เตนุปสงฺกม, อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน สมณํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ. ‘สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภวนฺตํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ, เอวฺจ วเทหิ สาธุ กิร ภวํ อานนฺโท เยน สุภสฺส มาณวสฺส โตเทยฺยปุตฺตสฺส นิเวสนํ, เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๕) นิทสฺสเน. ‘‘ตํ กึ มฺถ กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วาติ? อกุสลา, ภนฺเต. สาวชฺชา วา อนวชฺชา วาติ? สาวชฺชา, ภนฺเต. วิฺุครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา ¶ วาติ? วิฺุครหิตา, ภนฺเต. สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ โน วา, กถํ โว เอตฺถ โหตีติ? สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) อวธารเณ. อิธ ปน อาการนิทสฺสนาวธารเณสุ ทฏฺพฺโพ.
ตตฺถ ¶ อาการตฺเถน เอวํ-สทฺเทน ¶ เอตมตฺถํ ทีเปติ – นานานยนิปุณมเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ วิวิธปาฏิหาริยํ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถมาคจฺฉนฺตํ ตสฺส ภควโต วจนํ สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุํ, สพฺพถาเมน ปน โสตุกามตํ ชเนตฺวาปิ เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอเกนากาเรน สุตนฺติ.
นิทสฺสนตฺเถน ‘‘นาหํ สยมฺภู, น มยา อิทํ สจฺฉิกต’’นฺติ อตฺตานํ ปริโมเจนฺโต ‘‘เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอวํ สุต’’นฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลสุตฺตํ นิทสฺเสติ.
อวธารณตฺเถน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท, คติมนฺตานํ, สติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙-๒๒๓) เอวํ ภควตา ปสตฺถภาวานุรูปํ อตฺตโน ธารณพลํ ทสฺเสนฺโต สตฺตานํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ ‘‘เอวํ เม สุตํ, ตฺจ โข อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกํ, เอวเมว, น อฺถา ทฏฺพฺพ’’นฺติ.
เม-สทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา หิสฺส ‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’’นฺติ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๘๑) มยาติ อตฺโถ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๘) มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๙) มมาติ อตฺโถ. อิธ ปน ‘‘มยา สุต’’นฺติ จ ‘‘มม สุต’’นฺติ จ อตฺถทฺวเย ยุชฺชติ.
สุตนฺติ อยํ สุตสทฺโท สอุปสคฺโค อนุปสคฺโค จ คมนขฺยาตราคาภิภูตูปจิตานุโยคโสตวิฺเยฺยโสตทฺวารวิฺาตาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา หิสฺส ‘‘เสนาย ปสุโต’’ติ เอวมาทีสุ คจฺฉนฺโตติ ¶ อตฺโถ. ‘‘สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต’’ติ เอวมาทีสุ ขฺยาตธมฺมสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘อวสฺสุตา อวสฺสุตสฺสา’’ติ เอวมาทีสุ (ปาจิ. ๖๕๗) ราคาภิภูตา ราคาภิภูตสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘ตุมฺเหหิ ปฺุํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติ เอวมาทีสุ (ขุ. ปา. ๗.๑๒) อุปจิตนฺติ อตฺโถ. ‘‘เย ฌานปฺปสุตา ¶ ธีรา’’ติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๑๘๑) ฌานานุยุตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) โสตวิฺเยฺยนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุตธโร สุตสนฺนิจโย’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๓๙) โสตทฺวารานุสารวิฺาตธโรติ อตฺโถ. อิธ ปน สุตนฺติ โสตวิฺาณปุพฺพงฺคมาย วิฺาณวีถิยา ¶ อุปธาริตนฺติ วา อุปธารณนฺติ วาติ อตฺโถ. ตตฺถ ยทา เม-สทฺทสฺส มยาติ อตฺโถ, ตทา ‘‘เอวํ มยา สุตํ, โสตวิฺาณปุพฺพงฺคมาย วิฺาณวีถิยา อุปธาริต’’นฺติ ยุชฺชติ. ยทา เม-สทฺทสฺส มมาติ อตฺโถ, ตทา ‘‘เอวํ มม สุตํ โสตวิฺาณปุพฺพงฺคมาย วิฺาณวีถิยา อุปธารณ’’นฺติ ยุชฺชติ.
เอวเมเตสุ ตีสุ ปเทสุ เอวนฺติ โสตวิฺาณกิจฺจนิทสฺสนํ. เมติ วุตฺตวิฺาณสมงฺคีปุคฺคลนิทสฺสนํ. สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. ตถา เอวนฺติ สวนาทิจิตฺตานํ นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตภาวนิทสฺสนํ. เมติ อตฺตนิทสฺสนํ. สุตนฺติ ธมฺมนิทสฺสนํ.
ตถา เอวนฺติ นิทฺทิสิตพฺพธมฺมนิทสฺสนํ. เมติ ปุคฺคลนิทสฺสนํ. สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทสฺสนํ.
ตถา เอวนฺติ วีถิจิตฺตานํ อาการปฺตฺติวเสน นานปฺปการนิทฺเทโส. เมติ กตฺตารนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโส.
ตถา เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส. เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส.
ตถา เอวนฺติ ภาวนิทฺเทโส. เมติ ปุคฺคลนิทฺเทโส. สุตนฺติ ตสฺส กิจฺจนิทฺเทโส.
ตตฺถ เอวนฺติ จ เมติ จ สจฺฉิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺติ. สุตนฺติ วิชฺชมานปฺตฺติ. ตถา เอวนฺติ จ เมติ จ ตํ ตํ อุปาทาย วตฺตพฺพโต ¶ อุปาทาปฺตฺติ. สุตนฺติ ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต อุปนิธาปฺตฺติ ¶ .
เอตฺถ จ เอวนฺติ วจเนน อสมฺโมหํ ทีเปติ, สุตนฺติ วจเนน สุตสฺส อสมฺโมสํ. ตถา เอวนฺติ วจเนน โยนิโสมนสิการํ ทีเปติ อโยนิโส มนสิกโรโต นานปฺปการปฺปฏิเวธาภาวโต. สุตนฺติ วจเนน อวิกฺเขปํ ทีเปติ วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส สวนาภาวโต. ตถา หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต ปุคฺคโล สพฺพสมฺปตฺติยา วุจฺจมาโนปิ ‘‘น มยา สุตํ, ปุน ภณถา’’ติ ภณติ. โยนิโสมนสิกาเรน เจตฺถ อตฺตสมฺมาปณิธึ ปุพฺเพ กตปฺุตฺจ ¶ สาเธติ, อวิกฺเขเปน สทฺธมฺมสฺสวนํ สปฺปุริสูปนิสฺสยฺจ. เอวนฺติ จ อิมินา ภทฺทเกน อากาเรน ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ อตฺตโน ทีเปติ, สุตนฺติ สวนโยเคน ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ. ตถา อาสยสุทฺธึ ปโยคสุทฺธิฺจ, ตาย จ อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺตึ, ปโยคสุทฺธิยา อาคมพฺยตฺตึ.
เอวนฺติ จ อิมินา นานปฺปการปฏิเวธทีปเกน วจเนน อตฺตโน อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาสมฺปทํ ทีเปติ. สุตนฺติ อิมินา โสตพฺพเภทปฏิเวธทีปเกน ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปทํ ทีเปติ. เอวนฺติ จ อิทํ โยนิโสมนสิการทีปกํ วจนํ ภณนฺโต ‘‘เอเต มยา ธมฺมา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา’’ติ าเปติ. สุตนฺติ อิทํ สวนโยคทีปกวจนํ ภณนฺโต ‘‘พหู มยา ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตา’’ติ าเปติ. ตทุภเยนปิ อตฺถพฺยฺชนปาริปูรึ ทีเปนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ.
เอวํ เม สุตนฺติ อิมินา ปน สกเลนปิ วจเนน อายสฺมา อานนฺโท ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมํ อตฺตโน อทหนฺโต อสปฺปุริสภูมึ, อติกฺกมติ, สาวกตฺตํ ปฏิชานนฺโต สปฺปุริสภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสทฺธมฺมา จิตฺตํ วุฏฺาเปติ, สทฺธมฺเม จิตฺตํ ปติฏฺาเปติ. ‘‘เกวลํ สุตเมเวตํ มยา, ตสฺเสว ตุ ภควโต วจนํ ¶ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ จ ทีเปนฺโต อตฺตานํ ปริโมเจติ, สตฺถารํ อปทิสติ, ชินวจนํ อปฺเปติ, ธมฺมเนตฺตึ ปติฏฺาเปติ.
อปิจ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อตฺตนา อุปฺปาทิตภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต ปุริมสฺสวนํ วิวรนฺโต ‘‘สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตมิทํ มยา ตสฺส ภควโต จตุเวสารชฺชวิสารทสฺส ¶ ทสพลธรสฺส อาสภฏฺานฏฺายิโน สีหนาทนาทิโน สพฺพสตฺตุตฺตมสฺส ธมฺมิสฺสรสฺส ธมฺมราชสฺส ธมฺมาธิปติโน ธมฺมทีปสฺส ธมฺมปฺปฏิสรณสฺส สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. น เอตฺถ อตฺเถ วา ธมฺเม วา ปเท วา พฺยฺชเน วา กงฺขา วา วิมติ วา กาตพฺพา’’ติ สพฺพเทวมนุสฺสานํ อิมสฺมึ ธมฺเม อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ, สทฺธาสมฺปทํ อุปฺปาเทตีติ เวทิตพฺโพ. โหติ เจตฺถ –
‘‘วินาสยติ อสฺสทฺธํ, สทฺธํ วฑฺเฒติ สาสเน;
เอวํ เม สุตมิจฺเจวํ, วทํ โคตมสาวโก’’ติ.
เอกนฺติ ¶ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. สมยนฺติ ปริจฺฉินฺนนิทฺเทโส. เอกํ สมยนฺติ อนิยมิตปริทีปนํ. ตตฺถ สมยสทฺโท –
สมวาเย ขเณ กาเล, สมูเห เหตุทิฏฺิสุ;
ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสติ.
ตถา หิสฺส ‘‘อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยาม กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๗) สมวาโย อตฺโถ. ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) ขโณ. ‘‘อุณฺหสมโย ปริฬาหสมโย’’ติ เอวมาทีสุ (ปาจิ. ๓๕๘) กาโล. ‘‘มหาสมโย ปวนสฺมิ’’นฺติ เอวมาทีสุ สมูโห. ‘‘สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ, ภควา โข สาวตฺถิยํ วิหรติ, โสปิ มํ ชานิสฺสติ, ‘ภทฺทาลิ, นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน ¶ สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ, อยมฺปิ โข เต ภทฺทาลิ สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๓๕) เหตุ. ‘‘เตน โข ปน สมเยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฏิวสตี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๖๐) ทิฏฺิ.
‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) –
เอวมาทีสุ ปฏิลาโภ. ‘‘สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘) ปหานํ. ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ ¶ วิปริณามฏฺโ อภิสมยฏฺโ’’ติ เอวมาทีสุ (ปฏิ. ม. ๒.๘) ปฏิเวโธ. อิธ ปนสฺส กาโล อตฺโถ. เตน เอกํ สมยนฺติ สํวจฺฉรอุตุมาสอฑฺฒมาสรตฺติทิวปุพฺพณฺหมชฺฌนฺหิกสายนฺหปมมชฺฌิม- ปจฺฉิมยามมุหุตฺตาทีสุ กาลขฺเยสุ สมเยสุ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ.
เย วา อิเม คพฺโภกฺกนฺติสมโย ชาติสมโย สํเวคสมโย อภินิกฺขมนสมโย ทุกฺกรการิกสมโย มารวิชยสมโย อภิสมฺโพธิสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทสนาสมโย ปรินิพฺพานสมโยติ เอวมาทโย ภควโต เทวมนุสฺเสสุ อติวิย ปกาสา อเนกกาลขฺยา เอว สมยา. เตสุ สมเยสุ เทสนาสมยสงฺขาตํ เอกํ สมยนฺติ วุตฺตํ โหติ. โย ¶ จายํ าณกรุณากิจฺจสมเยสุ กรุณากิจฺจสมโย, อตฺตหิตปรหิตปฺปฏิปตฺติสมเยสุ ปรหิตปฺปฏิปตฺติสมโย, สนฺนิปติตานํ กรณียทฺวยสมเยสุ ธมฺมีกถาสมโย, เทสนาปฏิปตฺติสมเยสุ เทสนาสมโย, เตสุปิ สมเยสุ ยํ กิฺจิ สนฺธาย ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วุตฺตํ โหติ.
เอตฺถาห – อถ กสฺมา ยถา อภิธมฺเม ¶ ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจร’’นฺติ จ อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ จ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต, วินเย จ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา’’ติ กรณวจเนน, ตถา อกตฺวา อิธ ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อุปโยควจนนิทฺเทโส กโตติ. ตตฺถ ตถา, อิธ จ อฺถา อตฺถสมฺภวโต. ตตฺถ หิ อภิธมฺเม อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ จ อธิกรณตฺโถ ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ จ สมฺภวติ. อธิกรณฺหิ กาลตฺโถ สมูหตฺโถ จ สมโย, ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺส จ สมยสฺส ภาเวน เตสํ ภาโว ลกฺขียติ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ ภุมฺมวจนนิทฺเทโส กโต.
วินเย จ เหตฺวตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย หิ โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย สาริปุตฺตาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตน จ สิกฺขาปทานิ ปฺเปนฺโต สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ กรณวจนนิทฺเทโส กโต.
อิธ ¶ ปน อฺสฺมิฺจ เอวํชาติเก สุตฺตนฺตปาเ อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ. ยฺหิ สมยํ ภควา อิมํ อฺํ วา สุตฺตนฺตํ เทเสสิ, อจฺจนฺตเมว ตํ สมยํ กรุณาวิหาเรน วิหาสิ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ อิธ อุปโยควจนนิทฺเทโส กโตติ วิฺเยฺโย. โหติ เจตฺถ –
‘‘ตํ ตํ อตฺถมเปกฺขิตฺวา, ภุมฺเมน กรเณน จ;
อฺตฺร สมโย วุตฺโต, อุปโยเคน โส อิธา’’ติ.
ภควาติ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนเมตํ. ยถาห –
‘‘ภควาติ ¶ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;
ครุ คารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.
จตุพฺพิธฺหิ ¶ นามํ อาวตฺถิกํ, ลิงฺคิกํ, เนมิตฺตกํ, อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ. อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ นาม ‘‘ยทิจฺฉก’’นฺติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ วจฺโฉ ทมฺโม พลิพทฺโธติ เอวมาทิ อาวตฺถิกํ, ทณฺฑี ฉตฺตี สิขี กรีติ เอวมาทิ ลิงฺคิกํ, เตวิชฺโช ฉฬภิฺโติ เอวมาทิ เนมิตฺตกํ, สิริวฑฺฒโก ธนวฑฺฒโกติ เอวมาทิ วจนตฺถมนเปกฺขิตฺวา ปวตฺตํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ. อิทํ ปน ภควาติ นามํ คุณเนมิตฺตกํ, น มหามายาย, น สุทฺโธทนมหาราเชน, น อสีติยา าติสหสฺเสหิ กตํ, น สกฺกสนฺตุสิตาทีหิ เทวตาวิเสเสหิ กตํ. ยถาห อายสฺมา สาริปุตฺตตฺเถโร ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กตํ…เป… สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ ภควา’’ติ (มหานิ. ๘๔).
ยํ คุณเนมิตฺตกฺเจตํ นามํ, เตสํ คุณานํ ปกาสนตฺถํ อิมํ คาถํ วทนฺติ –
‘‘ภคี ภชี ภาคี วิภตฺตวา อิติ,
อกาสิ ภคฺคนฺติ ครูติ ภาคฺยวา;
พหูหิ าเยหิ สุภาวิตตฺตโน,
ภวนฺตโค โส ภควาติ วุจฺจตี’’ติ.
นิทฺเทสาทีสุ (มหานิ. ๘๔; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒) วุตฺตนเยเนว จสฺส อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อยํ ปน อปโร ปริยาโย –
‘‘ภาคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;
ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ ‘‘วณฺณาคโม วณฺณวิปริยาโย’’ติ เอวํ นิรุตฺติลกฺขณํ คเหตฺวา สทฺทนเยน วา ปิโสทราทิปกฺเขปลกฺขณํ คเหตฺวา ยสฺมา โลกิยโลกุตฺตรสุขาภินิพฺพตฺตกํ ¶ ทานสีลาทิปารปฺปตฺตํ ภาคฺยมสฺส อตฺถิ, ตสฺมา ภาคฺยวาติ วตฺตพฺเพ ภควาติ วุจฺจตีติ าตพฺพํ. ยสฺมา ปน โลภโทสโมหวิปรีตมนสิการอหิริกาโนตฺตปฺปโกธูปนาหมกฺขปลา- อิสฺสามจฺฉริยมายาสาเยฺยถมฺภสารมฺภมานาติมานมทปมาทตณฺหาวิชฺชาติวิธากุสลมูลทุจฺจริต- สํกิเลสมลวิสมสฺาวิตกฺกปปฺจจตุพฺพิธวิปริเยสอาสวคนฺถโอฆโยคอคติตณฺหุปาทาน- ปฺจเจโตขิลวินิพนฺธนีวรณาภินนฺทนฉวิวาทมูลตณฺหากายสตฺตานุสย- อฏฺมิจฺฉตฺตนวตณฺหามูลกทสากุสลกมฺมปถทฺวาสฏฺิทิฏฺิคต- อฏฺสตตณฺหาวิจริตปฺปเภทสพฺพทรถปริฬาหกิเลสสตสหสฺสานิ ¶ , สงฺเขปโต วา ปฺจ กิเลสกฺขนฺธอภิสงฺขารมจฺจุเทวปุตฺตมาเร อภฺชิ, ตสฺมา ภคฺคตฺตา เอเตสํ ปริสฺสยานํ ภคฺควาติ วตฺตพฺเพ ภควาติ วุจฺจติ. อาห เจตฺถ –
‘‘ภคฺคราโค ภคฺคโทโส, ภคฺคโมโห อนาสโว;
ภคฺคาสฺส ปาปกา ธมฺมา, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.
ภาคฺยวตาย จสฺส สตปฺุลกฺขณธรสฺส รูปกายสมฺปตฺติ ทีปิตา โหติ, ภคฺคโทสตาย ธมฺมกายสมฺปตฺติ. ตถา โลกิยสริกฺขกานํ พหุมานภาโว, คหฏฺปพฺพชิเตหิ อภิคมนียตา. ตถา อภิคตานฺจ เนสํ กายจิตฺตทุกฺขาปนยเน ปฏิพลภาโว, อามิสทานธมฺมทาเนหิ อุปการิตา. โลกิยโลกุตฺตรสุเขหิ จ สํโยชนสมตฺถตา ทีปิตา โหติ.
ยสฺมา จ โลเก อิสฺสริยธมฺมยสสิริกามปยตฺเตสุ ฉสุ ธมฺเมสุ ภคสทฺโท วตฺตติ, ปรมฺจสฺส สกจิตฺเต อิสฺสริยํ, อณิมาลฆิมาทิกํ วา โลกิยสมฺมตํ สพฺพาการปริปูรํ ¶ อตฺถิ, ตถา โลกุตฺตโร ธมฺโม, โลกตฺตยพฺยาปโก ยถาภุจฺจคุณาธิคโต อติวิย ปริสุทฺโธ ยโส, รูปกายทสฺสนพฺยาวฏชนนยนมนปฺปสาทชนนสมตฺถา สพฺพาการปริปูรา สพฺพงฺคปจฺจงฺคสิรี, ยํ ยํ อเนน อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ อตฺตหิตํ ปรหิตํ วา, ตสฺส ตสฺส ตเถว อภินิปฺผนฺนตฺตา อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺติสฺิโต กาโม, สพฺพโลกครุภาวปฺปตฺติเหตุภูโต สมฺมาวายามสงฺขาโต ปยตฺโต จ อตฺถิ, ตสฺมา อิเมหิ ภเคหิ ยุตฺตตฺตาปิ ภคา อสฺส สนฺตีติ อิมินา อตฺเถน ‘‘ภควา’’ติ วุจฺจติ.
ยสฺมา ¶ ปน กุสลาทิเภเทหิ สพฺพธมฺเม, ขนฺธายตนธาตุสจฺจอินฺทฺริยปฏิจฺจสมุปฺปาทาทีหิ วา กุสลาทิธมฺเม, ปีฬนสงฺขตสนฺตาปวิปริณามฏฺเน วา ทุกฺขมริยสจฺจํ, อายูหนนิทานสํโยคปลิโพธฏฺเน สมุทยํ, นิสฺสรณวิเวกาสงฺขตอมตฏฺเน นิโรธํ, นิยฺยานิกเหตุทสฺสนาธิปเตยฺยฏฺเน มคฺคํ วิภตฺตวา, วิภชิตฺวา วิวริตฺวา เทสิตวาติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา วิภตฺตวาติ วตฺตพฺเพ ‘‘ภควา’’ติ วุจฺจติ.
ยสฺมา จ เอส ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเร กายจิตฺตอุปธิวิเวเก สฺุตาปฺปณิหิตานิมิตฺตวิโมกฺเข ¶ อฺเ จ โลกิยโลกุตฺตเร อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม ภชิ เสวิ พหุลมกาสิ, ตสฺมา ภตฺตวาติ วตฺตพฺเพ ‘‘ภควา’’ติ วุจฺจติ.
ยสฺมา ปน ตีสุ ภเวสุ ตณฺหาสงฺขาตํ คมนํ อเนน วนฺตํ, ตสฺมา ภเวสุ วนฺตคมโนติ วตฺตพฺเพ ภวสทฺทโต ภการํ คมนสทฺทโต คการํ วนฺตสทฺทโต วการฺจ ทีฆํ กตฺวา อาทาย ‘‘ภควา’’ติ วุจฺจติ, ยถา โลเก ‘‘เมหนสฺส ขสฺส มาลา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘เมขลา’’ติ.
เอตฺตาวตา ¶ เจตฺถ เอวํ เม สุตนฺติ วจเนน ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสนฺโต ปจฺจกฺขํ กตฺวา ภควโต ธมฺมสรีรํ ปกาเสติ, เตน ‘‘นยิทํ อตีตสตฺถุกํ ปาวจนํ, อยํ โว สตฺถา’’ติ ภควโต อทสฺสเนน อุกฺกณฺิตชนํ สมสฺสาเสติ.
เอกํ สมยํ ภควาติ วจเนน ตสฺมึ สมเย ภควโต อวิชฺชมานภาวํ ทสฺเสนฺโต รูปกายปรินิพฺพานํ ทสฺเสติ. เตน ‘‘เอวํวิธสฺส อิมสฺส อริยธมฺมสฺส เทเสตา ทสพลธโร วชิรสงฺฆาตกาโย โสปิ ภควา ปรินิพฺพุโต, ตตฺถ เกนฺเน ชีวิเต อาสา ชเนตพฺพา’’ติ ชีวิตมทมตฺตํ ชนํ สํเวเชติ, สทฺธมฺเม จสฺส อุสฺสาหํ ชเนติ.
เอวนฺติ จ ภณนฺโต เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ, เม สุตนฺติ สาวกสมฺปตฺตึ, เอกํ สมยนฺติ กาลสมฺปตฺตึ, ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ.
สาวตฺถิยํ วิหรตีติ เอตฺถ สาวตฺถีติ สวตฺถสฺส อิสิโน นิวาสฏฺานภูตํ นครํ, ยถา กากนฺที มากนฺทีติ, เอวํ อิตฺถิลิงฺควเสน สาวตฺถีติ วุจฺจติ, เอวํ อกฺขรจินฺตกา. อฏฺกถาจริยา ปน ภณนฺติ ‘‘ยํกิฺจิ ¶ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ สพฺพเมตฺถ อตฺถี’’ติ สาวตฺถี. สตฺถสมาโยเค จ ‘‘กึ ภณฺฑมตฺถี’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘สพฺพมตฺถี’’ติ วจนมุปาทาย สาวตฺถี.
‘‘สพฺพทา สพฺพูปกรณํ, สาวตฺถิยํ สโมหิตํ;
ตสฺมา สพฺพมุปาทาย, สาวตฺถีติ ปวุจฺจติ.
‘‘โกสลานํ ปุรํ รมฺมํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํ;
ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ, อนฺนปานสมายุตํ.
‘‘วุฑฺฒึ ¶ ¶ เวปุลฺลตํ ปตฺตํ, อิทฺธํ ผีตํ มโนรมํ;
อาฬกมนฺทาว เทวานํ, สาวตฺถิปุรมุตฺตม’’นฺติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔);
ตสฺสํ สาวตฺถิยํ. สมีปตฺเถ ภุมฺมวจนํ.
วิหรตีติ อวิเสเสน อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรสุ อฺตรวิหารสมงฺคิปริทีปนเมตํ. อิธ ปน านคมนาสนสยนปฺปเภเทสุ อิริยาปเถสุ อฺตรอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ, เตน ิโตปิ คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ สยาโนปิ ภควา วิหรติจฺเจว เวทิตพฺโพ. โส หิ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อปเรน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตติ. ตสฺมา วิหรตีติ วุจฺจติ.
เชตวเนติ เอตฺถ อตฺตโน ปจฺจตฺถิกชนํ ชินาตีติ เชโต, รฺา วา อตฺตโน ปจฺจตฺถิกชเน ชิเต ชาโตติ เชโต, มงฺคลกมฺยตาย วา ตสฺส เอวํ นามเมว กตนฺติปิ เชโต. วนยตีติ วนํ, อตฺตสมฺปทาย สตฺตานํ ภตฺตึ กาเรติ, อตฺตนิ สิเนหํ อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. วนุเต อิติ วา วนํ, นานาวิธกุสุมคนฺธสมฺโมทมตฺตโกกิลาทิวิหงฺควิรุเตหิ มนฺทมาลุตจลิตรุกฺขสาขาวิฏปปุปฺผผลปลฺลวปลาเสหิ จ ‘‘เอถ มํ ปริภฺุชถา’’ติ ปาณิโน ยาจติ วิยาติ อตฺโถ. เชตสฺส วนํ เชตวนํ. ตฺหิ เชเตน ราชกุมาเรน โรปิตํ สํวฑฺฒิตํ ปริปาลิตํ, โส จ ตสฺส สามี อโหสิ, ตสฺมา เชตวนนฺติ วุจฺจติ. ตสฺมึ เชตวเน.
อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมติ เอตฺถ สุทตฺโต นาม โส คหปติ มาตาปิตูหิ กตนามวเสน, สพฺพกามสมิทฺธิตาย ตุ วิคตมลมจฺเฉรตาย กรุณาทิคุณสมงฺคิตาย จ นิจฺจกาลํ อนาถานํ ปิณฺฑํ ¶ อทาสิ, เตน อนาถปิณฺฑิโกติ ¶ สงฺขฺยํ คโต. อารมนฺติ เอตฺถ ปาณิโน, วิเสเสน วา ปพฺพชิตาติ อาราโม, ตสฺส ปุปฺผผลปลฺลวาทิโสภนตาย นาติทูรนาจฺจาสนฺนตาทิปฺจวิธเสนาสนงฺคสมฺปตฺติยา จ ตโต ตโต อาคมฺม รมนฺติ อภิรมนฺติ อนุกฺกณฺิตา หุตฺวา นิวสนฺตีติ อตฺโถ. วุตฺตปฺปการาย วา สมฺปตฺติยา ตตฺถ ตตฺถ คเตปิ อตฺตโน อพฺภนฺตรํเยว อาเนตฺวา รเมตีติ อาราโม. โส หิ อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา เชตสฺส ราชกุมารสฺส หตฺถโต อฏฺารสหิรฺโกฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา อฏฺารสหิรฺโกฏีหิ เสนาสนํ การาเปตฺวา อฏฺารสหิรฺโกฏีหิ วิหารมหํ นิฏฺาเปตฺวา เอวํ จตุปฺาสาย หิรฺโกฏิปริจฺจาเคน ¶ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาติโต, ตสฺมา ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมึ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม.
เอตฺถ จ ‘‘เชตวเน’’ติ วจนํ ปุริมสามิปริกิตฺตนํ, ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ ปจฺฉิมสามิปริกิตฺตนํ. กิเมเตสํ ปริกิตฺตเน ปโยชนนฺติ? วุจฺจเต – อธิการโต ตาว ‘‘กตฺถ ภาสิต’’นฺติ ปุจฺฉานิยามกรณํ อฺเสํ ปฺุกามานํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเน นิโยชนฺจ. ตตฺถ หิ ทฺวารโกฏฺกปาสาทมาปเน ภูมิวิกฺกยลทฺธา อฏฺารส หิรฺโกฏิโย อเนกโกฏิอคฺฆนกา รุกฺขา จ เชตสฺส ปริจฺจาโค, จตุปฺาส โกฏิโย อนาถปิณฺฑิกสฺส. ยโต เตสํ ปริกิตฺตเนน ‘‘เอวํ ปฺุกามา ปฺุานิ กโรนฺตี’’ติ ทสฺเสนฺโต อายสฺมา อานนฺโท อฺเปิ ปฺุกาเม เตสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเน นิโยเชติ. เอวเมตฺถ ปฺุกามานํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเน นิโยชนํ ปโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอตฺถาห – ‘‘ยทิ ตาว ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ, ‘เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’ติ น วตฺตพฺพํ. อถ ตตฺถ วิหรติ, ‘สาวตฺถิย’นฺติ น วตฺตพฺพํ. น หิ สกฺกา อุภยตฺถ เอกํ ¶ สมยํ วิหริตุ’’นฺติ. วุจฺจเต – นนุ วุตฺตเมตํ ‘‘สมีปตฺเถ ภุมฺมวจน’’นฺติ, ยโต ยถา คงฺคายมุนาทีนํ สมีเป โคยูถานิ จรนฺตานิ ‘‘คงฺคาย จรนฺติ, ยมุนาย จรนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวมิธาปิ ยทิทํ สาวตฺถิยา สมีเป เชตวนํ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม, ตตฺถ วิหรนฺโต วุจฺจติ ‘‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน ¶ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ เวทิตพฺโพ. โคจรคามนิทสฺสนตฺถํ หิสฺส สาวตฺถิวจนํ, ปพฺพชิตานุรูปนิวาสฏฺานนิทสฺสนตฺถํ เสสวจนํ.
ตตฺถ สาวตฺถิกิตฺตเนน ภควโต คหฏฺานุคฺคหกรณํ ทสฺเสติ, เชตวนาทิกิตฺตเนน ปพฺพชิตานุคฺคหกรณํ. ตถา ปุริเมน ปจฺจยคฺคหณโต อตฺตกิลมถานุโยควิวชฺชนํ, ปจฺฉิเมน วตฺถุกามปฺปหานโต กามสุขลฺลิกานุโยควชฺชนูปายทสฺสนํ. ปุริเมน จ ธมฺมเทสนาภิโยคํ, ปจฺฉิเมน วิเวกาธิมุตฺตึ. ปุริเมน กรุณาย อุปคมนํ, ปจฺฉิเมน จ ปฺาย อปคมนํ. ปุริเมน สตฺตานํ หิตสุขนิปฺผาทนาธิมุตฺติตํ, ปจฺฉิเมน ปรหิตสุขกรเณ นิรุปเลปตํ. ปุริเมน ธมฺมิกสุขาปริจฺจาคนิมิตฺตํ ผาสุวิหารํ, ปจฺฉิเมน อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานุโยคนิมิตฺตํ. ปุริเมน มนุสฺสานํ อุปการพหุลตํ, ปจฺฉิเมน เทวานํ. ปุริเมน โลเก ชาตสฺส โลเก สํวฑฺฒภาวํ, ปจฺฉิเมน โลเกน อนุปลิตฺตตนฺติ เอวมาทิ.
อถาติ อวิจฺเฉทตฺเถ, โขติ อธิการนฺตรนิทสฺสนตฺเถ นิปาโต. เตน อวิจฺฉินฺเนเยว ตตฺถ ¶ ภควโต วิหาเร อิทมธิการนฺตรํ อุทปาทีติ ทสฺเสติ. กึ ตนฺติ? อฺตรา เทวตาติอาทิ. ตตฺถ อฺตราติ อนิยมิตนิทฺเทโส. สา หิ นามโคตฺตโต อปากฏา, ตสฺมา ‘‘อฺตรา’’ติ วุตฺตา. เทโว เอว เทวตา, อิตฺถิปุริสสาธารณเมตํ. อิธ ปน ปุริโส ¶ เอว, โส เทวปุตฺโต กินฺตุ, สาธารณนามวเสน เทวตาติ วุตฺโต.
อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภนุโมทนาทีสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๓๘๓; อ. นิ. ๘.๒๐) ขเย ทิสฺสติ. ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) สุนฺทเร.
‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. (วิ. ว. ๘๕๗); –
เอวมาทีสุ ¶ อภิรูเป. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๒.๑๖; ปารา. ๑๕) อพฺภนุโมทเน. อิธ ปน ขเย. เตน อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ ปริกฺขีณาย รตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ.
อภิกฺกนฺตวณฺณาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺตสทฺโท อภิรูเป, วณฺณสทฺโท ปน ฉวิถุติกุลวคฺคการณสณฺานปมาณรูปายตนาทีสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘สุวณฺณวณฺโณสิ ภควา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๓) ฉวิยํ. ‘‘กทา สฺูฬฺหา ปน เต คหปติ อิเม สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๗) ถุติยํ. ‘‘จตฺตาโรเม, โภ โคตม, วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๑๕) กุลวคฺเค. ‘‘อถ เกน นุ วณฺเณน, คนฺธเถโนติ ¶ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓๔) การเณ. ‘‘มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) สณฺาเน. ‘‘ตโย ปตฺตสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ ปมาเณ. ‘‘วณฺโณ คนฺโธ รโส โอชา’’ติ เอวมาทีสุ รูปายตเน. โส อิธ ฉวิยํ ทฏฺพฺโพ. เตน อภิกฺกนฺตวณฺณาติ อภิรูปจฺฉวีติ วุตฺตํ โหติ.
เกวลกปฺปนฺติ เอตฺถ เกวลสทฺโท อนวเสสเยภุยฺยอพฺยามิสฺสานติเรกทฬฺหตฺถวิสํโยคาทิอเนกตฺโถ ¶ . ตถา หิสฺส ‘‘เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ปารา. ๑) อนวเสสตา อตฺโถ. ‘‘เกวลกปฺปา จ องฺคมาคธา ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย อุปสงฺกมิสฺสนฺตี’’ติ เอวมาทีสุ (มหาว. ๔๓) เยภุยฺยตา. ‘‘เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ เอวมาทีสุ (วิภ. ๒๒๕) อพฺยามิสฺสตา. ‘‘เกวลํ สทฺธามตฺตกํ นูน อยมายสฺมา’’ติ เอวมาทีสุ (มหาว. ๒๔๔) อนติเรกตา. ‘‘อายสฺมโต, ภนฺเต, อนุรุทฺธสฺส พาหิโย นาม สทฺธิวิหาริโก เกวลกปฺปํ สงฺฆเภทาย ิโต’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๔๓) ทฬฺหตฺถตา. ‘‘เกวลี วุสิตวา อุตฺตมปุริโสติ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕๗) วิสํโยโค. อิธ ปนสฺส อนวเสสตฺตมตฺโถ อธิปฺเปโต.
กปฺปสทฺโท ปนายํ อภิสทฺทหนโวหารกาลปฺตฺติเฉทนวิกปฺปเลสสมนฺตภาวาทิอเนกตฺโถ. ตถา หิสฺส ‘‘โอกปฺปนียเมตํ ¶ โภโต โคตมสฺส, ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) อภิสทฺทหนมตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหิ สมณกปฺเปหิ ผลํ ปริภฺุชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๒๕๐) ¶ โวหาโร. ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) กาโล. ‘‘อิจฺจายสฺมา กปฺโป’’ติ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๙๘; จูฬนิ. กปฺปมาณวปุจฺฉา ๑๑๗, กปฺปมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๖๑) ปฺตฺติ. ‘‘อลงฺกโต กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติ เอวมาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๑๓๖๘) เฉทนํ. ‘‘กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป’’ติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๔๔๖) วิกปฺโป. ‘‘อตฺถิ กปฺโป นิปชฺชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๘.๘๐) เลโส. ‘‘เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๔) สมนฺตภาโว. อิธ ปนสฺส สมนฺตภาโว อตฺโถ อธิปฺเปโต. ยโต เกวลกปฺปํ เชตวนนฺติ เอตฺถ อนวเสสํ สมนฺตโต เชตวนนฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
โอภาเสตฺวาติ อาภาย ผริตฺวา, จนฺทิมา วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกปชฺโชตํ กริตฺวาติ อตฺโถ.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ. ยโต ยตฺถ ภควา, ตตฺถ อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เยน วา การเณน ภควา เทวมนุสฺเสหิ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตเนว การเณน อุปสงฺกมีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ? นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมาธิปฺปาเยน, สาทุรสผลูปโภคาธิปฺปาเยน ทิชคเณหิ นิจฺจผลิตมหารุกฺโข วิย. อุปสงฺกมีติ จ คตาติ วุตฺตํ โหติ. อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ ¶ . อถ วา เอวํ คตา ตโต อาสนฺนตรํ านํ ภควโต สมีปสงฺขาตํ คนฺตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวาติ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปณมิตฺวา นมสฺสิตฺวา.
เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส เอโกกาสํ เอกปสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ภุมฺมตฺเถ วา อุปโยควจนํ. อฏฺาสีติ ¶ นิสชฺชาทิปฏิกฺเขโป, านํ กปฺเปสิ, ิตา อโหสีติ อตฺโถ.
กถํ ¶ ิตา ปน สา เอกมนฺตํ ิตา อหูติ?
‘‘น ปจฺฉโต น ปุรโต, นาปิ อาสนฺนทูรโต;
น กจฺเฉ โนปิ ปฏิวาเต, น จาปิ โอณตุณฺณเต;
อิเม โทเส วิวชฺเชตฺวา, เอกมนฺตํ ิตา อหู’’ติ.
กสฺมา ปนายํ อฏฺาสิ เอว, น นิสีทีติ? ลหุํ นิวตฺติตุกามตาย. เทวตาโย หิ กฺจิเทว อตฺถวสํ ปฏิจฺจ สุจิปุริโส วิย วจฺจฏฺานํ มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉนฺติ. ปกติยา ปน ตาสํ โยชนสตโต ปภุติ มนุสฺสโลโก ทุคฺคนฺธตาย ปฏิกูโล โหติ, น เอตฺถ อภิรมนฺติ, เตน สา อาคตกิจฺจํ กตฺวา ลหุํ นิวตฺติตุกามตาย น นิสีทิ. ยสฺส จ คมนาทิอิริยาปถปริสฺสมสฺส วิโนทนตฺถํ นิสีทนฺติ, โส เทวานํ ปริสฺสโม นตฺถิ, ตสฺมาปิ น นิสีทิ. เย จ มหาสาวกา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา ิตา, เต ปติมาเนติ, ตสฺมาปิ น นิสีทิ. อปิจ ภควติ คารเวเนว น นิสีทิ. เทวตานฺหิ นิสีทิตุกามานํ อาสนํ นิพฺพตฺตติ, ตํ อนิจฺฉมานา นิสชฺชาย จิตฺตมฺปิ อกตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ.
เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตาติ เอวํ อิเมหิ การเณหิ เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา. ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสีติ ภควนฺตํ อกฺขรปทนิยมิตคนฺถิเตน วจเนน อภาสีติ อตฺโถ. กถํ? พหู เทวา มนุสฺสา จ…เป… พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตมนฺติ.
มงฺคลปฺหสมุฏฺานกถา
ตตฺถ ยสฺมา ‘‘เอวมิจฺจาทิปาสฺส, อตฺถํ นานปฺปการโต. วณฺณยนฺโต สมุฏฺานํ, วตฺวา’’ติ มาติกา ปิตา, ตสฺส จ สมุฏฺานสฺส อยํ วตฺตพฺพตาย โอกาโส, ตสฺมา มงฺคลปฺหสมุฏฺานํ ตาว วตฺวา ปจฺฉา อิเมสํ คาถาปทานมตฺถํ ¶ วณฺณยิสฺสามิ. กิฺจ มงฺคลปฺหสมุฏฺานํ? ชมฺพุทีเป ¶ กิร ตตฺถ ตตฺถ นครทฺวารสนฺถาคารสภาทีสุ มหาชโน สนฺนิปติตฺวา หิรฺสุวณฺณํ ทตฺวา นานปฺปการํ สีตาหรณาทิกถํ กถาเปติ, เอเกกา กถา จตุมาสจฺจเยน นิฏฺาติ. ตตฺถ เอกทิวสํ มงฺคลกถา สมุฏฺาสิ ‘‘กึ นุ โข มงฺคลํ, กึ ทิฏฺํ มงฺคลํ, สุตํ มงฺคลํ, มุตํ มงฺคลํ, โก มงฺคลํ ชานาตี’’ติ.
อถ ¶ ทิฏฺมงฺคลิโก นาเมโก ปุริโส อาห ‘‘อหํ มงฺคลํ ชานามิ, ทิฏฺํ โลเก มงฺคลํ ทิฏฺํ นาม อภิมงฺคลสมฺมตํ รูปํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย จาตกสกุณํ วา ปสฺสติ, เพลุวลฏฺึ วา คพฺภินึ วา กุมารเก วา อลงฺกตปฏิยตฺเต ปุณฺณฆเฏ วา อลฺลโรหิตมจฺฉํ วา อาชฺํ วา อาชฺรถํ วา อุสภํ วา คาวึ วา กปิลํ วา, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ เอวรูปํ อภิมงฺคลสมฺมตํ รูปํ ปสฺสติ, อิทํ วุจฺจติ ทิฏฺมงฺคล’’นฺติ. ตสฺส วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ น อคฺคเหสุํ. เย น อคฺคเหสุํ, เต เตน สห วิวทึสุ.
อถ สุตมงฺคลิโก นาม เอโก ปุริโส อาห – ‘‘จกฺขุนาเมตํ, โภ, สุจิมฺปิ ปสฺสติ อสุจิมฺปิ, ตถา สุนฺทรมฺปิ, อสุนฺทรมฺปิ, มนาปมฺปิ, อมนาปมฺปิ. ยทิ เตน ทิฏฺํ มงฺคลํ สิยา, สพฺพมฺปิ มงฺคลํ สิยา. ตสฺมา น ทิฏฺํ มงฺคลํ, อปิจ ¶ โข ปน สุตํ มงฺคลํ. สุตํ นาม อภิมงฺคลสมฺมโต สทฺโท. เสยฺยถิทํ? อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย วฑฺฒาติ วา วฑฺฒมานาติ วา ปุณฺณาติ วา ผุสฺสาติ วา สุมนาติ วา สิรีติ วา สิริวฑฺฒาติ วา อชฺช สุนกฺขตฺตํ สุมุหุตฺตํ สุทิวสํ สุมงฺคลนฺติ เอวรูปํ วา ยํกิฺจิ อภิมงฺคลสมฺมตํ สทฺทํ สุณาติ, อิทํ วุจฺจติ สุตมงฺคล’’นฺติ. ตสฺสาปิ วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ น อคฺคเหสุํ. เย น อคฺคเหสุํ, เต เตน สห วิวทึสุ.
อถ มุตมงฺคลิโก นาเมโก ปุริโส อาห ‘‘โสตมฺปิ หิ นาเมตํ, โภ, สาธุมฺปิ อสาธุมฺปิ มนาปมฺปิ อมนาปมฺปิ สทฺทํ สุณาติ. ยทิ เตน สุตํ มงฺคลํ สิยา, สพฺพมฺปิ มงฺคลํ สิยา. ตสฺมา น สุตํ มงฺคลํ, อปิจ โข ปน มุตํ มงฺคลํ. มุตํ นาม อภิมงฺคลสมฺมตํ คนฺธรสโผฏฺพฺพํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย ปทุมคนฺธาทิปุปฺผคนฺธํ วา ฆายติ, ผุสฺสทนฺตกฏฺํ วา ขาทติ, ปถวึ วา อามสติ, หริตสสฺสํ วา อลฺลโคมยํ วา กจฺฉปํ วา ติลํ วา ปุปฺผํ วา ผลํ วา อามสติ, ผุสฺสมตฺติกาย วา สมฺมา ลิมฺปติ, ผุสฺสสาฏกํ วา นิวาเสติ, ผุสฺสเวนํ วา ธาเรติ. ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ เอวรูปํ อภิมงฺคลสมฺมตํ คนฺธํ วา ฆายติ, รสํ วา สายติ, โผฏฺพฺพํ ¶ วา ผุสติ, อิทํ วุจฺจติ มุตมงฺคล’’นฺติ. ตสฺสาปิ วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ น อคฺคเหสุํ.
ตตฺถ ¶ น ทิฏฺมงฺคลิโก สุตมุตมงฺคลิเก อสกฺขิ าเปตุํ, น เตสํ อฺตโร อิตเร ทฺเว. เตสุ จ มนุสฺเสสุ เย ทิฏฺมงฺคลิกสฺส วจนํ คณฺหึสุ, เต ‘‘ทิฏฺํเยว มงฺคล’’นฺติ คตา. เย สุตมุตมงฺคลิกานํ, เต ‘‘สุตํเยว มุตํเยว มงฺคล’’นฺติ คตา. เอวมยํ มงฺคลกถา สกลชมฺพุทีเป ปากฏา ชาตา.
อถ สกลชมฺพุทีเป มนุสฺสา คุมฺพคุมฺพา ¶ หุตฺวา ‘‘กึ นุ โข มงฺคล’’นฺติ มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. เตสํ มนุสฺสานํ อารกฺขเทวตา ตํ กถํ สุตฺวา ตเถว มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. ตาสํ เทวตานํ ภุมฺมเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อถ ตโต สุตฺวา ภุมฺมเทวตาปิ ตเถว มงฺคลานิ จินฺตยึสุ, ตาสํ เทวตานํ อากาสฏฺเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อากาสฏฺเทวตานํ จตุมหาราชิกา เทวตา มิตฺตา โหนฺติ, เอเตนุปาเยน ยาว สุทสฺสีเทวตานํ อกนิฏฺเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อถ ตโต สุตฺวา อกนิฏฺเทวตาปิ ตเถว คุมฺพคุมฺพา หุตฺวา มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. เอวํ ยาว ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ สพฺพตฺถ มงฺคลจินฺตา อุทปาทิ. อุปฺปนฺนา จ ‘‘อิทํ มงฺคลํ อิทํ มงฺคล’’นฺติ วินิจฺฉยมานาปิ อปฺปตฺตา เอว วินิจฺฉยํ ทฺวาทส วสฺสานิ อฏฺาสิ. สพฺเพ มนุสฺสา จ เทวา จ พฺรหฺมาโน จ เปตฺวา อริยสาวเก ทิฏฺสุตมุตวเสน ติธา ภินฺนา. เอโกปิ ‘‘อิทเมว มงฺคล’’นฺติ ยถาภุจฺจโต นิฏฺงฺคโต นาโหสิ, มงฺคลโกลาหลํ โลเก อุปฺปชฺชิ.
โกลาหลํ นาม ปฺจวิธํ กปฺปโกลาหลํ, จกฺกวตฺติโกลาหลํ, พุทฺธโกลาหลํ, มงฺคลโกลาหลํ, โมเนยฺยโกลาหลนฺติ. ตตฺถ กามาวจรเทวา มุตฺตสิรา วิกิณฺณเกสา รุทมฺมุขา อสฺสูนิ หตฺเถหิ ปฺุฉมานา รตฺตวตฺถนิวตฺถา อติวิย วิรูปเวสธาริโน หุตฺวา ‘‘วสฺสสตสหสฺสจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ โหหิติ, อยํ โลโก วินสฺสิสฺสติ, มหาสมุทฺโท สุสฺสิสฺสติ, อยฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา ¶ อุฑฺฒยฺหิสฺสติ วินสฺสิสฺสติ, ยาว พฺรหฺมโลกา โลกวินาโส ภวิสฺสติ, เมตฺตํ มาริสา ภาเวถ, กรุณํ มุทิตํ อุเปกฺขํ มาริสา ภาเวถ, มาตรํ อุปฏฺหถ, ปิตรํ อุปฏฺหถ, กุเล เชฏฺาปจายิโน โหถ, ชาครถ มา ปมาทตฺถา’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ กปฺปโกลาหลํ นาม.
กามาวจรเทวาเยว ‘‘วสฺสสตสฺสจฺจเยน จกฺกวตฺติราชา โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ ¶ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ จกฺกวตฺติโกลาหลํ นาม. สุทฺธาวาสา ปน เทวา พฺรหฺมาภรเณน อลงฺกริตฺวา พฺรหฺมเวนํ ¶ สีเส กตฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา พุทฺธคุณวาทิโน ‘‘วสฺสสหสฺสจฺจเยน พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ พุทฺธโกลาหลํ นาม. สุทฺธาวาสา เอว เทวา เทวมนุสฺสานํ จิตฺตํ ตฺวา ‘‘ทฺวาทสนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน สมฺมาสมฺพุทฺโธ มงฺคลํ กเถสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ มงฺคลโกลาหลํ นาม. สุทฺธาวาสา เอว เทวา ‘‘สตฺตนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อฺตโร ภิกฺขุ ภควตา สทฺธึ สมาคมฺม โมเนยฺยปฺปฏิปทํ ปุจฺฉิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ โมเนยฺยโกลาหลํ นาม. อิเมสุ ปฺจสุ โกลาหเลสุ เทวมนุสฺสานํ อิทํ มงฺคลโกลาหลํ โลเก อุปฺปชฺชิ.
อถ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ วิจินิตฺวา วิจินิตฺวา มงฺคลานิ อลภมาเนสุ ทฺวาทสนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน ตาวตึสกายิกา เทวตา สงฺคมฺม สมาคมฺม เอวํ สมจินฺเตสุํ ‘‘เสยฺยถาปิ นาม ฆรสามิโก อนฺโตฆรชนานํ, คามสามิโก คามวาสีนํ ¶ , ราชา สพฺพมนุสฺสานํ, เอวเมว อยํ สกฺโก เทวานมินฺโท อมฺหากํ อคฺโค จ เสฏฺโ จ ยทิทํ ปฺุเน เตเชน อิสฺสริเยน ปฺาย ทฺวินฺนํ เทวโลกานํ อธิปติ, ยํนูน มยํ สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺยามา’’ติ. ตา สกฺกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ ตงฺขณานุรูปนิวาสนาภรณสสฺสิริกสรีรํ อฑฺฒเตยฺยโกฏิอจฺฉราคณปริวุตํ ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลวราสเน นิสินฺนํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา เอตทโวจุํ ‘‘ยคฺเฆ, มาริส, ชาเนยฺยาสิ, เอตรหิ มงฺคลปฺหา สมุฏฺิตา, เอเก ‘ทิฏฺํ มงฺคล’นฺติ วทนฺติ, เอเก ‘สุตํ มงฺคล’นฺติ, เอเก ‘มุตํ มงฺคล’นฺติ, ตตฺถ มยฺจ อฺเ จ อนิฏฺงฺคตา, สาธุ วต โน ตฺวํ ยาถาวโต พฺยากโรหี’’ติ. เทวราชา ปกติยาปิ ปฺวา ‘‘อยํ มงฺคลกถา กตฺถ ปมํ สมุฏฺิตา’’ติ อาห. ‘‘มยํ, เทว, จาตุมหาราชิกานํ อสฺสุมฺหา’’ติ อาหํสุ. ตโต จาตุมหาราชิกา อากาสฏฺเทวตานํ, อากาสฏฺเทวตา ภุมฺมเทวตานํ, ภุมฺมเทวตา มนุสฺสารกฺขเทวตานํ, มนุสฺสารกฺขเทวตา ‘‘มนุสฺสโลเก สมุฏฺิตา’’ติ อาหํสุ.
อถ เทวานมินฺโท ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ กตฺถ วสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มนุสฺสโลเก เทวา’’ติ อาหํสุ. ตํ ภควนฺตํ โกจิ ปุจฺฉีติ, น โกจิ เทวาติ ¶ . กินฺนุ นาม ตุมฺเห มาริสา อคฺคึ ฉฑฺเฑตฺวา ขชฺโชปนกํ อุชฺชาเลถ, เยน ตุมฺเห อนวเสสมงฺคลเทสกํ ตํ ภควนฺตํ อติกฺกมิตฺวา มํ ปุจฺฉิตพฺพํ มฺถ, อาคจฺฉถ มาริสา, ตํ ภควนฺตํ ปุจฺฉาม, อทฺธา สสฺสิริกํ ปฺหเวยฺยากรณํ ลภิสฺสามาติ เอกํ เทวปุตฺตํ อาณาเปสิ ‘‘ตํ ภควนฺตํ ปุจฺฉา’’ติ. โส ¶ เทวปุตฺโต ¶ ตงฺขณานุรูเปน อลงฺกาเรน อตฺตานํ อลงฺกริตฺวา วิชฺชุริว วิชฺโชตมาโน เทวคณปริวุโต เชตวนมหาวิหารํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา มงฺคลปฺหํ ปุจฺฉนฺโต คาถาย อชฺฌภาสิ ‘‘พหู เทวา มนุสฺสา จา’’ติ.
อิทํ มงฺคลปฺหสมุฏฺานํ.
พหูเทวาติคาถาวณฺณนา
๒. อิทานิ คาถาปทานํ อตฺถวณฺณนา โหติ. พหูติ อนิยมิตสงฺขฺยานิทฺเทโส, เตน อเนกสตา อเนกสหสฺสา อเนกสตสหสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ทิพฺพนฺตีติ เทวา, ปฺจหิ กามคุเณหิ กีฬนฺติ, อตฺตโน วา สิริยา โชเตนฺตีติ อตฺโถ. อปิจ เทวาติ ติวิธา เทวา สมฺมุติอุปปตฺติวิสุทฺธิวเสน. ยถาห –
‘‘เทวาติ ตโย เทวา – สมฺมุติเทวา, อุปปตฺติเทวา, วิสุทฺธิเทวา. ตตฺถ สมฺมุติเทวา นาม ราชาโน เทวิโย ราชกุมารา. อุปปตฺติเทวา นาม จาตุมหาราชิเก เทเว อุปาทาย ตทุตฺตริเทวา. วิสุทฺธิเทวา นาม อรหนฺโต วุจฺจนฺตี’’ติ (จูฬนิ. โธตกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๓๒, ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๑๙).
เตสุ อิธ อุปปตฺติเทวา อธิปฺเปตา. มนุโน อปจฺจาติ มนุสฺสา. โปราณา ปน ภณนฺติ – มนโส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา. เต ชมฺพุทีปกา, อปรโคยานกา, อุตฺตรกุรุกา, ปุพฺพวิเทหกาติ จตุพฺพิธา, อิธ ชมฺพุทีปกา อธิปฺเปตา. มงฺคลนฺติ มหนฺติ อิเมหิ สตฺตาติ มงฺคลานิ, อิทฺธึ วุทฺธิฺจ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ. อจินฺตยุนฺติ จินฺเตสุํ อากงฺขมานาติ อิจฺฉมานา ปตฺถยมานา ปิหยมานา. โสตฺถานนฺติ โสตฺถิภาวํ, สพฺเพสํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ โสภนานํ สุนฺทรานํ กลฺยาณานํ ธมฺมานมตฺถิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. พฺรูหีติ เทเสหิ ปกาเสหิ, อาจิกฺข วิวร ¶ วิภช ¶ อุตฺตานีกโรหิ. มงฺคลนฺติ อิทฺธิการณํ วุทฺธิการณํ สพฺพสมฺปตฺติการณํ. อุตฺตมนฺติ วิสิฏฺํ ปวรํ สพฺพโลกหิตสุขาวหนฺติ อยํ คาถาย อนุปุพฺพปทวณฺณนา.
อยํ ปน ปิณฺฑตฺโถ – โส เทวปุตฺโต ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวตา มงฺคลปฺหํ โสตุกามตาย อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา เอกวาลคฺคโกฏิโอกาสมตฺเต ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ ¶ จตฺตาลีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ สฏฺิปิ สตฺตติปิ อสีติปิ สุขุมตฺตภาเว นิมฺมินิตฺวา สพฺพเทวมารพฺรหฺมาโน สิริยา จ เตชสา จ อธิคฺคยฺห วิโรจมานํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺนํ ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา ิตา ทิสฺวา ตสฺมิฺจ สมเย อนาคตานมฺปิ สกลชมฺพุทีปกานํ มนุสฺสานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย สพฺพเทวมนุสฺสานํ วิจิกิจฺฉาสลฺลสมุทฺธรณตฺถํ อาห –
‘‘พหู เทวา มนุสฺสา จ, มงฺคลานิ อจินฺตยุํ;
อากงฺขมานา โสตฺถานํ, พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ.
ตาสํ เทวตานํ อนุมติยา มนุสฺสานฺจ อนุคฺคเหน มยา ปุฏฺโ สมาโน ยํ สพฺเพสเมว อมฺหากํ เอกนฺตหิตสุขาวหโต อุตฺตมํ มงฺคลํ, ตํ โน อนุกมฺปํ อุปาทาย พฺรูหิ ภควาติ.
อเสวนาจาติคาถาวณฺณนา
๓. เอวเมตํ เทวปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ภควา ‘‘อเสวนา จ พาลาน’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ อเสวนาติ อภชนา อปยิรุปาสนา. พาลานนฺติ พลนฺติ อสฺสสนฺตีติ พาลา, อสฺสสิตปสฺสสิตมตฺเตน ชีวนฺติ, น ปฺาชีวิเตนาติ อธิปฺปาโย. เตสํ พาลานํ. ปณฺฑิตานนฺติ ปณฺฑนฺตีติ ปณฺฑิตา, สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิเกสุ อตฺเถสุ าณคติยา คจฺฉนฺตีติ ¶ อธิปฺปาโย. เตสํ ปณฺฑิตานํ. เสวนาติ ภชนา ปยิรุปาสนา ตํสหายตา ตํสมฺปวงฺกตา ตํสมงฺคิตา ปูชาติ สกฺการครุการมานนวนฺทนา. ปูชเนยฺยานนฺติ ปูชารหานํ. เอตํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ ยา จ พาลานํ อเสวนา, ยา จ ปณฺฑิตานํ เสวนา, ยา จ ปูชเนยฺยานํ ปูชา, ตํ สพฺพํ สมฺปิณฺเฑตฺวา อาห ‘‘เอตํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ. ยํ ตยา ปุฏฺํ ‘‘พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ, เอตฺถ ตาว เอตํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ คณฺหาหีติ วุตฺตํ โหติ. อยเมติสฺสา คาถาย ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ¶ ปนสฺสา เอวํ เวทิตพฺพา – เอวเมตํ เทวปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ภควา ‘‘อเสวนา จ พาลาน’’นฺติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ยสฺมา จตุพฺพิธา คาถา ปุจฺฉิตคาถา, อปุจฺฉิตคาถา, สานุสนฺธิกคาถา, อนนุสนฺธิกคาถาติ. ตตฺถ ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ, โคตม, ภูริปฺ, กถงฺกโร สาวโก สาธุ โหตี’’ติ (สุ. นิ. ๓๗๘) จ ‘‘กถํ นุ ตฺวํ, มาริส, โอฆมตรี’’ติ ¶ (สํ. นิ. ๑.๑) จ เอวมาทีสุ ปุจฺฉิเตน กถิตา ปุจฺฉิตคาถา. ‘‘ยํ ปเร สุขโต อาหุ, ตทริยา อาหุ ทุกฺขโต’’ติ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๗๖๗) อปุจฺฉิเตน อตฺตชฺฌาสยวเสน กถิตา อปุจฺฉิตคาถา. สพฺพาปิ พุทฺธานํ คาถา ‘‘สนิทานาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๒๖; กถา. ๘๐๖) วจนโต สานุสนฺธิกคาถา. อนนุสนฺธิกคาถา อิมสฺมึ สาสเน นตฺถิ. เอวเมตาสุ คาถาสุ อยํ เทวปุตฺเตน ปุจฺฉิเตน ภควตา กถิตตฺตา ปุจฺฉิตคาถา. อยฺจ ยถา เฉโก ปุริโส กุสโล มคฺคสฺส กุสโล อมคฺคสฺส มคฺคํ ปุฏฺโ ปมํ วิชหิตพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา ปจฺฉา คเหตพฺพํ อาจิกฺขติ ‘‘อสุกสฺมึ นาม าเน ทฺเวธาปโถ โหติ, ตตฺถ วามํ มฺุจิตฺวา ทกฺขิณํ คณฺหถา’’ติ, เอวํ เสวิตพฺพาเสวิตพฺเพสุ อเสวิตพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา เสวิตพฺพํ อาจิกฺขติ ¶ . ภควา จ มคฺคกุสลปุริสสทิโส. ยถาห –
‘‘ปุริโส มคฺคกุสโลติ โข, ติสฺส, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. โส หิ กุสโล อิมสฺส โลกสฺส, กุสโล ปรสฺส โลกสฺส, กุสโล มจฺจุเธยฺยสฺส, กุสโล อมจฺจุเธยฺยสฺส, กุสโล มารเธยฺยสฺส, กุสโล อมารเธยฺยสฺสา’’ติ.
ตสฺมา ปมํ อเสวิตพฺพํ อาจิกฺขนฺโต อาห – ‘‘อเสวนา จ พาลานํ, ปณฺฑิตานฺจ เสวนา’’ติ. วิชหิตพฺพมคฺโค วิย หิ ปมํ พาลา น เสวิตพฺพา น ปยิรุปาสิตพฺพา, ตโต คเหตพฺพมคฺโค วิย ปณฺฑิตา เสวิตพฺพา ปยิรุปาสิตพฺพาติ. กสฺมา ปน ภควตา มงฺคลํ กเถนฺเตน ปมํ พาลานมเสวนา ปณฺฑิตานฺจ เสวนา กถิตาติ? วุจฺจเต – ยสฺมา อิมํ ทิฏฺาทีสุ มงฺคลทิฏฺึ พาลเสวนาย เทวมนุสฺสา คณฺหึสุ, สา จ อมงฺคลํ, ตสฺมา เตสํ ตํ อิธโลกปรโลกตฺถภฺชกํ อกลฺยาณมิตฺตสํสคฺคํ ครหนฺเตน อุภยโลกตฺถสาธกฺจ กลฺยาณมิตฺตสํสคฺคํ ¶ ปสํสนฺเตน ภควตา ปมํ พาลานมเสวนา ปณฺฑิตานฺจ เสวนา กถิตาติ.
ตตฺถ พาลา นาม เย เกจิ ปาณาติปาตาทิอกุสลกมฺมปถสมนฺนาคตา สตฺตา, เต ตีหากาเรหิ ชานิตพฺพา. ยถาห ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, พาลสฺส พาลลกฺขณานี’’ติ สุตฺตํ (อ. นิ. ๓.๓; ม. นิ. ๓.๒๔๖). อปิจ ปูรณกสฺสปาทโย ฉ สตฺถาโร, เทวทตฺตโกกาลิกกฏโมทกติสฺสขณฺฑเทวิยาปุตฺตสมุทฺททตฺตจิฺจมาณวิกาทโย อตีตกาเล จ ทีฆวิทสฺส ภาตาติ อิเม อฺเ ¶ จ เอวรูปา สตฺตา พาลาติ เวทิตพฺพา.
เต ¶ อคฺคิปทิตฺตมิว อคารํ อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อตฺตานฺเจว อตฺตโน วจนการเก จ วินาเสนฺติ. ยถา ทีฆวิทสฺส ภาตา จตุพุทฺธนฺตรํ สฏฺิโยชนมตฺเตน อตฺตภาเวน อุตฺตาโน ปติโต มหานิรเย ปจฺจติ, ยถา จ ตสฺส ทิฏฺึ อภิรุจนกานิ ปฺจ กุลสตานิ ตสฺเสว สหพฺยตํ อุปปนฺนานิ มหานิรเย ปจฺจนฺติ. วุตฺตฺเจตํ ภควตา –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, นฬาคารา วา ติณาคารา วา อคฺคิ มุตฺโต กูฏาคารานิปิ ฑหติ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตานิ นิวาตานิ ผุสิตคฺคฬานิ ปิหิตวาตปานานิ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ภยานิ อุปฺปชฺชนฺติ, สพฺพานิ ตานิ พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต. เย เกจิ อุปทฺทวา อุปฺปชฺชนฺติ…เป… เย เกจิ อุปสคฺคา…เป… โน ปณฺฑิตโต. อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปฏิภโย พาโล, อปฺปฏิภโย ปณฺฑิโต. สอุปทฺทโว พาโล, อนุปทฺทโว ปณฺฑิโต, สอุปสคฺโค พาโล, อนุปสคฺโค ปณฺฑิโต’’ติ (อ. นิ. ๓.๑).
อปิจ ปูติมจฺฉสทิโส พาโล, ปูติมจฺฉพนฺธปตฺตปุฏสทิโส โหติ ตทุปเสวี, ฉฑฺฑนียตํ ชิคุจฺฉนียตฺจ ปาปุณาติ วิฺูนํ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘ปูติมจฺฉํ กุสคฺเคน, โย นโร อุปนยฺหติ;
กุสาปิ ปูตี วายนฺติ, เอวํ พาลูปเสวนา’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๑๘๓; ๒.๒๒.๑๒๕๗);
อกิตฺติปณฺฑิโต จาปิ สกฺเกน เทวานมินฺเทน วเร ทิยฺยมาเน เอวมาห –
‘‘พาลํ ¶ น ปสฺเส น สุเณ, น จ พาเลน สํวเส;
พาเลนลฺลาปสลฺลาปํ, น กเร น จ โรจเย.
‘‘กินฺนุ เต อกรํ พาโล, วท กสฺสป การณํ;
เกน กสฺสป พาลสฺส, ทสฺสนํ นาภิกงฺขสิ.
‘‘อนยํ นยติ ทุมฺเมโธ, อธุรายํ นิยฺุชติ;
ทุนฺนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุตฺโต ปกุปฺปติ;
วินยํ โส น ชานาติ, สาธุ ตสฺส อทสฺสน’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๓.๙๐-๙๒);
เอวํ ¶ ¶ ภควา สพฺพากาเรน พาลูปเสวนํ ครหนฺโต ‘‘พาลานมเสวนา มงฺคล’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ปณฺฑิตเสวนํ ปสํสนฺโต ‘‘ปณฺฑิตานฺจ เสวนา มงฺคล’’นฺติ อาห. ตตฺถ ปณฺฑิตา นาม เย เกจิ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทิทสกุสลกมฺมปถสมนฺนาคตา สตฺตา, เต ตีหากาเรหิ ชานิตพฺพา. ยถาห ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานี’’ติ (อ. นิ. ๓.๓; ม. นิ. ๓.๒๕๓) สุตฺตํ. อปิจ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธอสีติมหาสาวกา อฺเ จ ตถาคตสฺส สาวกา สุเนตฺตมหาโควินฺทวิธุรสรภงฺคมโหสธสุตโสมนิมิราช- อโยฆรกุมารอกิตฺติปณฺฑิตาทโย จ ปณฺฑิตาติ เวทิตพฺพา.
เต ภเย วิย รกฺขา อนฺธกาเร วิย ปทีโป ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขาภิภเว วิย อนฺนปานาทิปฺปฏิลาโภ อตฺตโน วจนกรานํ สพฺพภยุปทฺทวูปสคฺควิทฺธํสนสมตฺถา โหนฺติ. ตถา หิ ตถาคตํ อาคมฺม อสงฺขฺเยยฺยา อปริมาณา เทวมนุสฺสา อาสวกฺขยํ ปตฺตา, พฺรหฺมโลเก ปติฏฺิตา, เทวโลเก ปติฏฺิตา, สุคติโลเก อุปฺปนฺนา, สาริปุตฺตตฺเถเร จิตฺตํ ปสาเทตฺวา จตูหิ จ ปจฺจเยหิ เถรํ อุปฏฺหิตฺวา อสีติ กุลสหสฺสานิ สคฺเค นิพฺพตฺตานิ. ตถา มหาโมคฺคลฺลานมหากสฺสปปฺปภุตีสุ สพฺพมหาสาวเกสุ, สุเนตฺตสฺส สตฺถุโน สาวกา อปฺเปกจฺเจ พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชึสุ, อปฺเปกจฺเจ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ…เป… อปฺเปกจฺเจ คหปติมหาสาลานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘นตฺถิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตโต ภยํ, นตฺถิ ปณฺฑิตโต อุปทฺทโว, นตฺถิ ปณฺฑิตโต อุปสคฺโค’’ติ (อ. นิ. ๓.๑).
อปิจ ¶ ตครมาลาทิคนฺธสทิโส ปณฺฑิโต, ตครมาลาทิคนฺธพนฺธปลิเวนปตฺตสทิโส โหติ ตทุปเสวี, ภาวนียตํ มนฺุตฺจ อาปชฺชติ วิฺูนํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ตครฺจ ¶ ปลาเสน, โย นโร อุปนยฺหติ;
ปตฺตาปิ สุรภี วายนฺติ, เอวํ ธีรูปเสวนา’’ติ. (อิติวุ. ๗๖; ชา. ๑.๑๕.๑๘๔; ๒.๒๒.๑๒๕๘);
อกิตฺติปณฺฑิโต จาปิ สกฺเกน เทวานมินฺเทน วเร ทิยฺยมาเน เอวมาห –
‘‘ธีรํ ¶ ปสฺเส สุเณ ธีรํ, ธีเรน สห สํวเส;
ธีเรนลฺลาปสลฺลาปํ, ตํ กเร ตฺจ โรจเย.
‘‘กินฺนุ เต อกรํ ธีโร, วท กสฺสป การณํ;
เกน กสฺสป ธีรสฺส, ทสฺสนํ อภิกงฺขสิ.
‘‘นยํ นยติ เมธาวี, อธุรายํ น ยฺุชติ;
สุนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุตฺโต น กุปฺปติ;
วินยํ โส ปชานาติ, สาธุ เตน สมาคโม’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๙๔-๙๖);
เอวํ ภควา สพฺพากาเรน ปณฺฑิตเสวนํ ปสํสนฺโต ‘‘ปณฺฑิตานํ เสวนา มงฺคล’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ตาย พาลานํ อเสวนาย ปณฺฑิตานํ เสวนาย จ อนุปุพฺเพน ปูชเนยฺยภาวํ อุปคตานํ ปูชํ ปสํสนฺโต ‘‘ปูชา จ ปูชเนยฺยานํ มงฺคล’’นฺติ อาห. ตตฺถ ปูชเนยฺยา นาม สพฺพโทสวิรหิตตฺตา สพฺพคุณสมนฺนาคตตฺตา จ พุทฺธา ภควนฺโต, ตโต ปจฺฉา ปจฺเจกพุทฺธา, อริยสาวกา จ. เตสฺหิ ปูชา อปฺปกาปิ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหติ, สุมนมาลาการมลฺลิกาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ.
ตตฺเถกํ นิทสฺสนมตฺตํ ภณาม – ภควา หิ เอกทิวสํ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ โข สุมนมาลากาโร รฺโ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส ปุปฺผานิ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต อทฺทส ภควนฺตํ นครทฺวารมนุปฺปตฺตํ ปาสาทิกํ ปสาทนียํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณาสีตานุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิตํ พุทฺธสิริยา ชลนฺตํ, ทิสฺวานสฺส ¶ เอตทโหสิ ‘‘ราชา ปุปฺผานิ คเหตฺวา สตํ วา สหสฺสํ วา ทเทยฺย ¶ , ตฺจ อิธโลกมตฺตเมว สุขํ ภเวยฺย, ภควโต ปน ปูชา อปฺปเมยฺยอสงฺขฺเยยฺยผลา ทีฆรตฺตํ หิตสุขาวหา โหติ, หนฺทาหํ อิเมหิ ปุปฺเผหิ ภควนฺตํ ปูเชมี’’ติ ปสนฺนจิตฺโต เอกํ ปุปฺผมุฏฺึ คเหตฺวา ภควโต ปฏิมุขํ ขิปิ, ปุปฺผานิ อากาเสน คนฺตฺวา ภควโต อุปริ มาลาวิตานํ หุตฺวา อฏฺํสุ. มาลากาโร ตมานุภาวํ ทิสฺวา ปสนฺนตรจิตฺโต ปุน เอกํ ปุปฺผมุฏฺึ ขิปิ, ตานิปิ คนฺตฺวา มาลากฺจุโก หุตฺวา อฏฺํสุ. เอวํ อฏฺ ปุปฺผมุฏฺิโย ขิปิ, ตานิ คนฺตฺวา ปุปฺผกูฏาคารํ หุตฺวา อฏฺํสุ.
ภควา อนฺโตกูฏาคาเร อโหสิ, มหาชนกาโย สนฺนิปติ. ภควา มาลาการํ ปสฺสนฺโต สิตํ ¶ ปาตฺวากาสิ. อานนฺทตฺเถโร ‘‘น พุทฺธา อเหตู อปจฺจยา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ สิตการณํ ปุจฺฉิ. ภควา อาห ‘‘เอโส, อานนฺท, มาลากาโร อิมิสฺสา ปูชาย อานุภาเวน สตสหสฺสกปฺเป เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา ปริโยสาเน สุมนิสฺสโร นาม ปจฺเจกพุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ. วจนปริโยสาเน ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ตฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ;
ยสฺส ปตีโต สุมโน, วิปากํ ปฏิเสวตี’’ติ. (ธ. ป. ๖๘);
คาถาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เอวํ อปฺปกาปิ เตสํ ปูชา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหตีติ เวทิตพฺพา. สา จ อามิสปูชาว, โก ปน วาโท ปฏิปตฺติปูชาย? ยโต เย กุลปุตฺตา สรณคมนสิกฺขาปทปฺปฏิคฺคหเณน อุโปสถงฺคสมาทาเนน จตุปาริสุทฺธิสีลาทีหิ จ อตฺตโน คุเณหิ ภควนฺตํ ปูเชนฺติ, โก เตสํ ปูชาผลํ วณฺณยิสฺสติ? เต หิ ตถาคตํ ปรมาย ปูชาย ปูเชนฺตีติ วุตฺตา. ยถาห –
‘‘โย โข, อานนฺท, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน วิหรติ สามีจิปฺปฏิปนฺโน อนุธมฺมจารี, โส ตถาคตํ สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ¶ ปูเชติ อปจิยติ ปรมาย ปูชายา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๙๙).
เอเตนานุสาเรน ปจฺเจกพุทฺธอริยสาวกานมฺปิ ปูชาย หิตสุขาวหตา เวทิตพฺพา.
อปิจ ¶ คหฏฺานํ กนิฏฺสฺส เชฏฺโ ภาตาปิ ภคินีปิ ปูชเนยฺยา, ปุตฺตสฺส มาตาปิตโร, กุลวธูนํ สามิกสสฺสุสสุราติ เอวเมตฺถ ปูชเนยฺยา เวทิตพฺพา. เอเตสมฺปิ หิ ปูชา กุสลธมฺมสงฺขาตตฺตา อายุอาทิวุฑฺฒิเหตุตฺตา จ มงฺคลเมว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เต มตฺเตยฺยา ภวิสฺสนฺติ เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน, อิทํ กุสลํ ธมฺมํ สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ, เต เตสํ กุสลานํ ธมฺมานํ สมาทานเหตุ อายุนาปิ วฑฺฒิสฺสนฺติ, วณฺเณนปิ วฑฺฒิสฺสนฺตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๑๐๕).
อิทานิ ยสฺมา ‘‘ยํ ยตฺถ มงฺคลํ. ววตฺถเปตฺวา ตํ ตสฺส, มงฺคลตฺตํ วิภาวเย’’ติ อิติ มาติกา ¶ นิกฺขิตฺตา, ตสฺมา อิทํ วุจฺจติ – เอวเมติสฺสา คาถาย พาลานํ อเสวนา, ปณฺฑิตานํ เสวนา, ปูชเนยฺยานฺจ ปูชาติ ตีณิ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. ตตฺถ พาลานํ อเสวนา พาลเสวนปจฺจยภยาทิปริตฺตาเณน อุภยโลกตฺถเหตุตฺตา, ปณฺฑิตานํ เสวนา ปูชเนยฺยานํ ปูชา จ ตาสํ ผลวิภูติวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว นิพฺพานสุคติเหตุตฺตา มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพา. อิโต ปรํ ตุ มาติกํ อทสฺเสตฺวา เอว ยํ ยตฺถ มงฺคลํ, ตํ ววตฺถเปตฺวา ตสฺส มงฺคลตฺตํ วิภาวยิสฺสามาติ.
นิฏฺิตา อเสวนา จ พาลานนฺติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
ปติรูปเทสวาโสจาติคาถาวณฺณนา
๔. เอวํ ภควา ‘‘พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ เอกํ อชฺเฌสิโตปิ อปฺปํ ยาจิโต พหุทายโก อุฬารปุริโส วิย เอกาย ¶ คาถาย ตีณิ มงฺคลานิ วตฺวา ตโต อุตฺตริปิ เทวตานํ โสตุกามตาย มงฺคลานมตฺถิตาย เยสํ เยสํ ยํ ยํ อนุกุลํ, เต เต สตฺเต ตตฺถ ตตฺถ มงฺคเล นิโยเชตุกามตาย จ ‘‘ปติรูปเทสวาโส จา’’ติอาทีหิ คาถาหิ ปุนปิ อเนกานิ มงฺคลานิ วตฺตุมารทฺโธ. ตตฺถ ปมคาถาย ตาว ปติรูโปติ อนุจฺฉวิโก. เทโสติ คาโมปิ นิคโมปิ นครมฺปิ ชนปโทปิ โย โกจิ สตฺตานํ นิวาโส โอกาโส. วาโสติ ตตฺถ ¶ นิวาโส. ปุพฺเพติ ปุรา อตีตาสุ ชาตีสุ. กตปฺุตาติ อุปจิตกุสลตา. อตฺตาติ จิตฺตํ วุจฺจติ สกโล วา อตฺตภาโว, สมฺมาปณิธีติ ตสฺส อตฺตโน สมฺมา ปณิธานํ นิยฺุชนํ, ปนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ. อยเมตฺถ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ปติรูปเทสวาโส นาม ยตฺถ จตสฺโส ปริสา วิจรนฺติ, ทานาทีนิ ปฺุกิริยวตฺถูนิ วตฺตนฺติ, นวงฺคํ สตฺถุ สาสนํ ทิพฺพติ, ตตฺถ นิวาโส สตฺตานํ ปฺุกิริยาย ปจฺจยตฺตา มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. สีหฬทีปปวิฏฺเกวฏฺฏาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ.
อปโร นโย – ปติรูปเทสวาโส นาม ภควโต โพธิมณฺฑปฺปเทโส ธมฺมจกฺกวตฺติตปฺปเทโส ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย มชฺเฌ สพฺพติตฺถิยมตํ ภินฺทิตฺวา ยมกปาฏิหาริยทสฺสิตกณฺฑมฺพ รุกฺขมูลปฺปเทโส เทโวโรหณปฺปเทโส, โย วา ปนฺโปิ สาวตฺถิราชคหาทิ ¶ พุทฺธาธิวาสปฺปเทโส, ตตฺถ นิวาโส สตฺตานํ ฉอนุตฺตริยปฺปฏิลาภปจฺจยโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
อปโร นโย (มหาว. ๒๕๙) – ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส ปเรน มหาสาลา, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณปุรตฺถิมาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณาย ทิสาย ¶ เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อุตฺตราย ทิสาย อุสีรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อยํ มชฺฌิมเทโส อายาเมน ตีณิ โยชนสตานิ, วิตฺถาเรน อฑฺฒเตยฺยานิ, ปริกฺเขเปน นว โยชนสตานิ โหนฺติ. เอโส ปติรูปเทโส นาม.
เอตฺถ จตุนฺนํ มหาทีปานํ ทฺวิสหสฺสานํ ปริตฺตทีปานฺจ อิสฺสริยาธิปจฺจการกา จกฺกวตฺตี อุปฺปชฺชนฺติ, เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทโย มหาสาวกา อุปฺปชฺชนฺติ, ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา ปจฺเจกพุทฺธา, จตฺตาริ อฏฺ โสฬส วา อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา ¶ สมฺมาสมฺพุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ. ตตฺถ สตฺตา จกฺกวตฺติรฺโ โอวาทํ คเหตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาย สคฺคปรายณา โหนฺติ. ตถา ปจฺเจกพุทฺธานํ โอวาเท ปติฏฺาย, สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปน พุทฺธสาวกานํ โอวาเท ปติฏฺาย สคฺคปรายณา นิพฺพานปรายณา จ โหนฺติ. ตสฺมา ตตฺถ วาโส อิมาสํ สมฺปตฺตีนํ ปจฺจยโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
ปุพฺเพ กตปฺุตา นาม อตีตชาติยํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสเว อารพฺภ อุปจิตกุสลตา, สาปิ มงฺคลํ. กสฺมา? พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสมฺมุขโต ทสฺเสตฺวา พุทฺธานํ พุทฺธสาวกานํ วา สมฺมุขา สุตาย จตุปฺปทิกายปิ คาถาย ปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาเปตีติ กตฺวา. โย จ มนุสฺโส ปุพฺเพ กตาธิกาโร อุสฺสนฺนกุสลมูโล โหติ, โส เตเนว กุสลมูเลน วิปสฺสนํ อุปฺปาเทตฺวา อาสวกฺขยํ ปาปุณาติ ยถา ราชา มหากปฺปิโน อคฺคมเหสี จ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุพฺเพ จ กตปฺุตา มงฺคล’’นฺติ.
อตฺตสมฺมาปณิธิ ¶ นาม อิเธกจฺโจ อตฺตานํ ทุสฺสีลํ สีเล ปติฏฺาเปติ, อสฺสทฺธํ สทฺธาสมฺปทาย ปติฏฺาเปติ, มจฺฉรึ จาคสมฺปทาย ปติฏฺาเปติ. อยํ วุจฺจติ ‘‘อตฺตสมฺมาปณิธี’’ติ ¶ , เอโส จ มงฺคลํ. กสฺมา? ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกเวรปฺปหานวิวิธานิสํสาธิคมเหตุโตติ.
เอวํ อิมิสฺสาปิ คาถาย ปติรูปเทสวาโส จ, ปุพฺเพ จ กตปฺุตา, อตฺตสมฺมาปณิธี จาติ ตีณิเยว มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ปติรูปเทสวาโส จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
พาหุสจฺจฺจาติคาถาวณฺณนา
๕. อิทานิ พาหุสจฺจฺจาติ เอตฺถ พาหุสจฺจนฺติ พหุสฺสุตภาโว. สิปฺปนฺติ ยํ กิฺจิ หตฺถโกสลฺลํ. วินโยติ กายวาจาจิตฺตวินยนํ. สุสิกฺขิโตติ สุฏฺุ สิกฺขิโต. สุภาสิตาติ สุฏฺุ ภาสิตา. ยาติ อนิยตนิทฺเทโส. วาจาติ คิรา พฺยปฺปโถ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ. อยเมตฺถ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ¶ ปน เอวํ เวทิตพฺพา – พาหุสจฺจํ นาม ยํ ตํ ‘‘สุตธโร โหติ สุตสนฺนิจโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๓๙; อ. นิ. ๔.๒๒) จ ‘‘อิเธกจฺจสฺส พหุกํ สุตํ โหติ, สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณ’’นฺติ จ (อ. นิ. ๔.๖) เอวมาทินา นเยน สตฺถุสาสนธรตฺตํ วณฺณิตํ, ตํ อกุสลปฺปหานกุสลาธิคมเหตุโต อนุปุพฺเพน ปรมตฺถสจฺจสจฺฉิกิริยาเหตุโต จ มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗).
อปรมฺปิ วุตฺตํ –
‘‘ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถมุปปริกฺขติ, อตฺถํ อุปปริกฺขโต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา สติ ฉนฺโท ชายติ, ฉนฺทชาโต อุสฺสหติ, อุสฺสหนฺโต ตุลยติ ¶ , ตุลยนฺโต ปทหติ ปทหนฺโต กาเยน เจว ปรมตฺถสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ อติวิชฺฌ ¶ ปสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๓๒).
อปิจ อคาริกพาหุสจฺจมฺปิ ยํ อนวชฺชํ, ตํ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ.
สิปฺปํ นาม อคาริกสิปฺปฺจ อนคาริกสิปฺปฺจ. ตตฺถ อคาริกสิปฺปํ นาม ยํ ปรูปโรธวิรหิตํ อกุสลวิวชฺชิตํ มณิการสุวณฺณการกมฺมาทิกํ, ตํ อิธโลกตฺถาวหนโต มงฺคลํ. อนคาริกสิปฺปํ นาม จีวรวิจารณสิพฺพนาทิสมณปริกฺขาราภิสงฺขรณํ, ยํ ตํ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กึ กรณียานิ, ตตฺถ ทกฺโข โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๔๕; ๓๖๐; อ. นิ. ๑๐.๑๗) นเยน ตตฺถ ตตฺถ สํวณฺณิตํ, ยํ ‘‘นาถกโร ธมฺโม’’ติ จ วุตฺตํ, ตํ อตฺตโน จ ปเรสฺจ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ.
วินโย นาม อคาริกวินโย จ อนคาริกวินโย จ. ตตฺถ อคาริกวินโย นาม ทสอกุสลกมฺมปถวิรมณํ, โส ตตฺถ สุสิกฺขิโต อสํกิเลสาปชฺชเนน อาจารคุณววตฺถาเนน จ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต ¶ มงฺคลํ. อนคาริกวินโย นาม สตฺตาปตฺติกฺขนฺธอนาปชฺชนํ, โสปิ วุตฺตนเยเนว สุสิกฺขิโต, จตุปาริสุทฺธิสีลํ วา อนคาริกวินโย, โส ยถา ตตฺถ ปติฏฺาย อรหตฺตํ ปาปุณาติ, เอวํ สิกฺขเนน สุสิกฺขิโต โลกิยโลกุตฺตรสุขาธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺโพ.
สุภาสิตา วาจา นาม มุสาวาทาทิโทสวิรหิตา. ยถาห ‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต วาจา สุภาสิตา โหตี’’ติ (สุ. นิ. สุภาสิตสุตฺตํ). อสมฺผปฺปลาปา วาจา เอว วา สุภาสิตา. ยถาห –
‘‘สุภาสิตํ อุตฺตมมาหุ สนฺโต,
ธมฺมํ ภเณ นาธมฺมํ ตํ ทุติยํ;
ปิยํ ภเณ นาปฺปิยํ ตํ ตติยํ,
สจฺจํ ภเณ นาลิกํ ตํ จตุตฺถ’’นฺติ. (สุ. นิ. ๔๕๒);
อยมฺปิ ¶ ¶ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพา. ยสฺมา จ อยํ วินยปริยาปนฺนา เอว, ตสฺมา วินยคฺคหเณน เอตํ อสงฺคณฺหิตฺวา วินโย สงฺคเหตพฺโพ. อถ วา กึ อิมินา ปริสฺสเมน ปเรสํ ธมฺมเทสนาทิวาจา อิธ สุภาสิตา วาจาติ เวทิตพฺพา. สา หิ ยถา ปติรูปเทสวาโส, เอวํ สตฺตานํ อุภยโลกหิตสุขนิพฺพานาธิคมปจฺจยโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. อาห จ –
‘‘ยํ พุทฺโธ ภาสติ วาจํ, เขมํ นิพฺพานปตฺติยา;
ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, สา เว วาจานมุตฺตมา’’ติ. (สุ. นิ. ๔๕๖);
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย พาหุสจฺจํ, สิปฺปํ, วินโย สุสิกฺขิโต, สุภาสิตา วาจาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา พาหุสจฺจฺจาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
มาตาปิตุอุปฏฺานนฺติคาถาวณฺณนา
๖. อิทานิ ¶ มาตาปิตุอุปฏฺานนฺติ เอตฺถ มาตุ จ ปิตุ จาติ มาตาปิตุ. อุปฏฺานนฺติ อุปฏฺหนํ. ปุตฺตานฺจ ทารานฺจาติ ปุตฺตทารสฺส สงฺคณฺหนํ สงฺคโห. น อากุลา อนากุลา. กมฺมานิ เอว กมฺมนฺตา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – มาตา นาม ชนิกา วุจฺจติ, ตถา ปิตา. อุปฏฺานํ นาม ปาทโธวนสมฺพาหนุจฺฉาทนนฺหาปเนหิ จตุปจฺจยสมฺปทาเนน จ อุปการกรณํ. ตตฺถ ยสฺมา มาตาปิตโร พหูปการา ปุตฺตานํ อตฺถกามา อนุกมฺปกา, เย ปุตฺตเก พหิ กีฬิตฺวา ปํสุมกฺขิตสรีรเก อาคเต ทิสฺวา ปํสุํ ปฺุฉิตฺวา มตฺถกํ อุปสิงฺฆายนฺตา ปริจุมฺพนฺตา จ สิเนหํ อุปฺปาเทนฺติ, วสฺสสตมฺปิ มาตาปิตโร สีเสน ปริหรนฺตา ปุตฺตา เตสํ ปติการํ กาตุํ อสมตฺถา. ยสฺมา จ เต อาปาทกา โปสกา อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโร, พฺรหฺมสมฺมตา ปุพฺพาจริยสมฺมตา, ตสฺมา เตสํ ¶ อุปฏฺานํ อิธ ปสํสํ, เปจฺจ สคฺคสุขฺจ อาวหติ. เตน มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘พฺรหฺมาติ ¶ มาตาปิตโร, ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร;
อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ, ปชาย อนุกมฺปกา.
‘‘ตสฺมา หิ เน นมสฺเสยฺย, สกฺกเรยฺย จ ปณฺฑิโต;
อนฺเนน อถ ปาเนน, วตฺเถน สยเนน จ;
อุจฺฉาทเนน นฺหาปเนน, ปาทานํ โธวเนน จ.
‘‘ตาย นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;
อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ. (อิติวุ. ๑๐๖; ชา. ๒.๒๐.๑๘๑-๑๘๓);
อปโร นโย – อุปฏฺานํ นาม ภรณกิจฺจกรณกุลวํสฏฺปนาทิปฺจวิธํ, ตํ ปาปนิวารณาทิปฺจวิธทิฏฺธมฺมิกหิตสุขเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘‘ปฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺาตพฺพา ภโต เน ภริสฺสามิ, กิจฺจํ เนสํ กริสฺสามิ ¶ , กุลวํสํ เปสฺสามิ, ทายชฺชํ ปฏิปชฺชิสฺสามิ, อถ วา ปน เปตานํ กาลกตานํ ทกฺขิณํ อนุปฺปทสฺสามี’ติ. อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺิตา ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺตํ อนุกมฺปนฺติ, ปาปา นิวาเรนฺติ, กลฺยาเณ นิเวเสนฺติ, สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺติ, ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชนฺติ, สมเย ทายชฺชํ นิยฺยาเทนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๗).
อปิจ โย มาตาปิตโร ตีสุ วตฺถูสุ ¶ ปสาทุปฺปาทเนน, สีลสมาทาปเนน, ปพฺพชฺชาย วา อุปฏฺหติ, อยํ มาตาปิตุอุปฏฺากานํ อคฺโค. ตสฺส ตํ มาตาปิตุอุปฏฺานํ มาตาปิตูหิ กตสฺส อุปการสฺส ปจฺจุปการภูตํ อเนเกสํ ทิฏฺธมฺมิกานํ สมฺปรายิกานฺจ อตฺถานํ ปทฏฺานโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
ปุตฺตทารสฺสาติ เอตฺถ อตฺตโต ชาตา ปุตฺตาปิ ธีตโรปิ ปุตฺตาอิจฺเจว สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ. ทาราติ วีสติยา ภริยานํ ยา กาจิ ภริยา. ปุตฺตา จ ทารา จ ปุตฺตทารํ, ตสฺส ปุตฺตทารสฺส. สงฺคโหติ สมฺมานนาทีหิ อุปการกรณํ. ตํ สุสํวิหิตกมฺมนฺตตาทิทิฏฺธมฺมิกหิตสุขเหตุโต ¶ มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ปจฺฉิมา ทิสา ปุตฺตทารา เวทิตพฺพา’’ติ เอตฺถ อุทฺทิฏฺํ ปุตฺตทารํ ภริยาสทฺเทน สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘ปฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ สามิเกน ปจฺฉิมา ทิสา ภริยา ปจฺจุปฏฺาตพฺพา สมฺมานนาย, อนวมานนาย, อนติ จริยาย, อิสฺสริยโวสฺสคฺเคน, อลงฺการานุปฺปทาเนน. อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปฺจหิ าเนหิ สามิเกน ปจฺฉิมา ทิสา ภริยา ปจฺจุปฏฺิตา ปฺจหิ าเนหิ สามิกํ อนุกมฺปติ, สุสํวิหิตกมฺมนฺตา จ โหติ, สงฺคหิตปริชนา จ, อนติจารินี จ, สมฺภตฺจ อนุรกฺขติ ทกฺขา จ โหติ อนลสา สพฺพกิจฺเจสู’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๙).
อยํ วา อปโร นโย – สงฺคโหติ ธมฺมิกาหิ ทานปิยวาจาตฺถจริยาหิ สงฺคณฺหนํ. เสยฺยถิทํ – อุโปสถทิวเสสุ ปริพฺพยทานํ, นกฺขตฺตทิวเสสุ นกฺขตฺตทสฺสาปนํ, มงฺคลทิวเสสุ มงฺคลกรณํ, ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิเกสุ อตฺเถสุ โอวาทานุสาสนนฺติ. ตํ วุตฺตนเยเนว ทิฏฺธมฺมิกหิตเหตุโต ¶ สมฺปรายิกหิตเหตุโต เทวตาหิปิ นมสฺสนียภาวเหตุโต จ มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถาห สกฺโก เทวานมินฺโท –
‘‘เย ¶ คหฏฺา ปฺุกรา, สีลวนฺโต อุปาสกา;
ธมฺเมน ทารํ โปเสนฺติ, เต นมสฺสามิ มาตลี’’ติ. (สํ.นิ.๑.๑.๒๖๔);
อนากุลา กมฺมนฺตา นาม กาลฺุตาย ปติรูปการิตาย อนลสตาย อุฏฺานวีริยสมฺปทาย, อพฺยสนียตาย จ กาลาติกฺกมนอปฺปติรูปกรณสิถิลกรณาทิอากุลภาววิรหิตา กสิโครกฺขวาณิชฺชาทโย กมฺมนฺตา. เอเต อตฺตโน วา ปุตฺตทารสฺส วา ทาสกมฺมกรานํ วา พฺยตฺตตาย เอวํ ปโยชิตา ทิฏฺเว ธมฺเม ธนธฺวุทฺธิปฏิลาภเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ปติรูปการี ธุรวา, อุฏฺาตา วินฺทเต ธน’’นฺติ จ (สุ. นิ. ๑๘๕; สํ. นิ. ๑.๒๔๖).
‘‘น ทิวา โสปฺปสีเลน, รตฺติมุฏฺานเทสฺสินา;
นิจฺจํ มตฺเตน โสณฺเฑน, สกฺกา อาวสิตุํ ฆรํ.
‘‘อติสีตํ ¶ อติอุณฺหํ, อติสายมิทํ อหุ;
อิติ วิสฺสฏฺกมฺมนฺเต, อตฺถา อจฺเจนฺติ มาณเว.
‘‘โยธ สีตฺจ อุณฺหฺจ, ติณา ภิยฺโย น มฺติ;
กรํ ปุริสกิจฺจานิ, โส สุขํ น วิหายตี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๕๓);
‘‘โภเค สํหรมานสฺส, ภมรสฺเสว อิรียโต;
โภคา สนฺนิจยํ ยนฺติ, วมฺมิโกวูปจียตี’’ติ. จ เอวมาทิ (ที. นิ. ๓.๒๖๕);
เอวํ ¶ อิมิสฺสา คาถาย มาตุอุปฏฺานํ, ปิตุอุปฏฺานํ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห, อนากุลา จ กมฺมนฺตาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคหํ วา ทฺวิธา กตฺวา ปฺจ, มาตาปิตุอุปฏฺานํ วา เอกเมว กตฺวา ตีณิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา มาตาปิตุอุปฏฺานนฺติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
ทานฺจาติคาถาวณฺณนา
๗. อิทานิ ทานฺจาติ เอตฺถ ทียเต อิมินาติ ทานํ, อตฺตโน สนฺตกํ ปรสฺส ปฏิปาทียตีติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมสฺส จริยา, ธมฺมา วา อนเปตา จริยา ¶ ธมฺมจริยา. ายนฺเต ‘‘อมฺหากํ อิเม’’ติ าตกา. น อวชฺชานิ อนวชฺชานิ, อนินฺทิตานิ อครหิตานีติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ทานํ นาม ปรํ อุทฺทิสฺส สุพุทฺธิปุพฺพิกา อนฺนาทิทสทานวตฺถุปริจฺจาคเจตนา, ตํสมฺปยุตฺโต วา อโลโภ. อโลเภน หิ ตํ วตฺถุํ ปรสฺส ปฏิปาเทติ, เตน วุตฺตํ ‘‘ทียเต อิมินาติ ทาน’’นฺติ. ตํ พหุชนปิยมนาปตาทีนํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ ผลวิเสสานํ อธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. ‘‘ทายโก, สีห ทานปติ, พหุโน ชนสฺส ปิโย โหติ มนาโป’’ติ เอวมาทีนิ (อ. นิ. ๕.๓๔) เจตฺถ สุตฺตานิ อนุสฺสริตพฺพานิ.
อปโร ¶ นโย – ทานํ นาม ทุวิธํ อามิสทานํ, ธมฺมทานฺจ, ตตฺถ อามิสทานํ วุตฺตปฺปการเมว. อิธโลกปรโลกทุกฺขกฺขยสุขาวหสฺส ปน สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตสฺส ธมฺมสฺส ปเรสํ หิตกามตาย เทสนา ธมฺมทานํ ¶ , อิเมสฺจ ทฺวินฺนํ ทานานํ เอตเทว อคฺคํ. ยถาห –
‘‘สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ,
สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ;
สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ,
ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ. (ธ. ป. ๓๕๔);
ตตฺถ อามิสทานสฺส มงฺคลตฺตํ วุตฺตเมว. ธมฺมทานํ ปน ยสฺมา อตฺถปฏิสํเวทิตาทีนํ คุณานํ ปทฏฺานํ, ตสฺมา มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ยถา ยถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ, ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จา’’ติ เอวมาทิ (อ. นิ. ๕.๒๖).
ธมฺมจริยา นาม ทสกุสลกมฺมปถจริยา. ยถาห – ‘‘ติวิธา โข คหปตโย กาเยน ธมฺมจริยา สมจริยา โหตี’’ติ เอวมาทิ. สา ปเนสา ธมฺมจริยา สคฺคโลกูปปตฺติเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ธมฺมจริยาสมจริยาเหตุ โข คหปตโย เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๓๙).
าตกา ¶ นาม มาติโต วา ปิติโต วา ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา สมฺพนฺธา. เตสํ โภคปาริชฺุเน วา พฺยาธิปาริชฺุเน วา อภิหตานํ อตฺตโน สมีปํ อาคตานํ ยถาพลํ ฆาสจฺฉาทนธนธฺาทีหิ สงฺคโห ปสํสาทีนํ ทิฏฺธมฺมิกานํ สุคติคมนาทีนฺจ สมฺปรายิกานํ วิเสสาธิคมานํ เหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
อนวชฺชานิ กมฺมานิ นาม อุโปสถงฺคสมาทานเวยฺยาวจฺจกรณอารามวนโรปนเสตุกรณาทีนิ กายวจีมโนสุจริตกมฺมานิ. ตานิ หิ นานปฺปการหิตสุขาธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจนฺติ. ‘‘านํ ¶ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ อิตฺถี วา ปุริโส วา ¶ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺยา’’ติ เอวมาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ (อ. นิ. ๘.๔๓) อนุสฺสริตพฺพานิ.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ทานฺจ, ธมฺมจริยา จ, าตกานฺจ สงฺคโห, อนวชฺชานิ กมฺมานีติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ทานฺจาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
อารตีติคาถาวณฺณนา
๘. อิทานิ อารตี วิรตีติ เอตฺถ อารตีติ อารมณํ, วิรตีติ วิรมณํ, วิรมนฺติ วา เอตาย สตฺตาติ วิรติ. ปาปาติ อกุสลา. มทนียฏฺเน มชฺชํ, มชฺชสฺส ปานํ มชฺชปานํ, ตโต มชฺชปานา. สํยมนํ สํยโม อปฺปมชฺชนํ อปฺปมาโท. ธมฺเมสูติ กุสเลสุ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – อารติ นาม ปาเป อาทีนวทสฺสาวิโน มนสา เอว อนภิรติ. วิรติ นาม กมฺมทฺวารวเสน กายวาจาหิ วิรมณํ, สา เจสา วิรติ นาม สมฺปตฺตวิรติ, สมาทานวิรติ, สมุจฺเฉทวิรตีติ ติวิธา โหติ, ตตฺถ ยา กุลปุตฺตสฺส อตฺตโน ชาตึ วา กุลํ วา โคตฺตํ วา ปฏิจฺจ ‘‘น เม เอตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ ¶ อิมํ ปาณํ หเนยฺยํ, อทินฺนํ อาทิเยยฺย’’นฺติอาทินา นเยน สมฺปตฺตวตฺถุโต วิรติ, อยํ สมฺปตฺตวิรติ นาม. สิกฺขาปทสมาทานวเสน ปวตฺตา สมาทานวิรติ นาม, ยสฺสา ปวตฺติโต ปภุติ กุลปุตฺโต ปาณาติปาตาทีนิ น กโรติ. อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา สมุจฺเฉทวิรติ นาม, ยสฺสา ปวตฺติโต ปภุติ อริยสาวกสฺส ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺติ. ปาปํ นาม ยํ ตํ ‘‘ปาณาติปาโต โข, คหปติปุตฺต, กมฺมกิเลโส, อทินฺนาทานํ…เป… กาเมสุมิจฺฉาจาโร…เป… มุสาวาโท’’ติ เอวํ วิตฺถาเรตฺวา –
‘‘ปาณาติปาโต ¶ อทินฺนาทานํ, มุสาวาโท จ วุจฺจติ;
ปรทารคมนฺเจว, นปฺปสํสนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๔๕) –
เอวํ ¶ คาถาย สงฺคหิตํ กมฺมกิเลสสงฺขาตํ จตุพฺพิธํ อกุสลํ, ตโต ปาปา. สพฺพาเปสา อารติ จ วิรติ จ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกภยเวรปฺปหานาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โข, คหปติปุตฺต, อริยสาวโก’’ติอาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ อนุสฺสริตพฺพานิ.
มชฺชปานา สํยโม นาม ปุพฺเพ วุตฺตสุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺานา เวรมณิยา เอเวตํ อธิวจนํ. ยสฺมา ปน มชฺชปายี อตฺถํ น ชานาติ, ธมฺมํ น ชานาติ, มาตุ อนฺตรายํ กโรติ, ปิตุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธตถาคตสาวกานมฺปิ อนฺตรายํ กโรติ, ทิฏฺเว ธมฺเม ครหํ สมฺปราเย ทุคฺคตึ อปราปริเย อุมฺมาทฺจ ปาปุณาติ. มชฺชปานา ปน สํยโม เตสํ โทสานํ วูปสมํ ตพฺพิปรีตคุณสมฺปทฺจ ปาปุณาติ. ตสฺมา อยํ มชฺชปานา สํยโม มงฺคลนฺติ เวทิตพฺโพ.
กุสเลสุ ธมฺเมสุ อปฺปมาโท นาม ‘‘กุสลานํ วา ธมฺมานํ ภาวนาย อสกฺกจฺจกิริยตา, อสาตจฺจกิริยตา, อนฏฺิตกิริยตา, โอลีนวุตฺติตา, นิกฺขิตฺตฉนฺทตา, นิกฺขิตฺตธุรตา, อนาเสวนา, อภาวนา, อพหุลีกมฺมํ, อนธิฏฺานํ, อนนุโยโค, ปมาโท. โย เอวรูโป ปมาโท ปมชฺชนา ปมชฺชิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ ปมาโท’’ติ (วิภ. ๘๔๖). เอตฺถ วุตฺตสฺส ปมาทสฺส ปฏิปกฺขวเสน อตฺถโต กุสเลสุ ธมฺเมสุ สติยา อวิปฺปวาโส เวทิตพฺโพ. โส นานปฺปการกุสลาธิคมเหตุโต อมตาธิคมเหตุโต จ มงฺคลนฺติ วุจฺจติ ¶ . ตตฺถ ¶ ‘‘อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน’’ติ จ (ม. นิ. ๒.๑๘; อ. นิ. ๕.๒๖), ‘‘อปฺปมาโท อมตํ ปท’’นฺติ จ, เอวมาทิ (ธ. ป. ๒๑) สตฺถุ สาสนํ อนุสฺสริตพฺพํ.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ปาปา วิรติ, มชฺชปานา สํยโม, กุสเลสุ ธมฺเมสุ อปฺปมาโทติ ตีณิ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา อารตีติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
คารโวจาติคาถาวณฺณนา
๙. อิทานิ คารโว จาติ เอตฺถ คารโวติ ครุภาโว. นิวาโตติ นีจวุตฺติตา. สนฺตุฏฺีติ สนฺโตโส ¶ . กตสฺส ชานนตา กตฺุตา. กาเลนาติ ขเณน สมเยน. ธมฺมสฺส สวนํ ธมฺมสฺสวนํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – คารโว นาม ครุการปฺปโยคารเหสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธตถาคตสาวกอาจริยุปชฺฌายมาตาปิตุเชฏฺกภาติกภคินีอาทีสุ ยถานุรูปํ ครุกาโร ครุกรณํ สคารวตา. ส จายํ คารโว ยสฺมา สุคติคมนาทีนํ เหตุ. ยถาห –
‘‘ครุกาตพฺพํ ครุํ กโรติ, มาเนตพฺพํ มาเนติ, ปูเชตพฺพํ ปูเชติ. โส เตน กมฺเมน เอวํ สมตฺเตน เอวํ สมาทินฺเนน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. โน เจ กายสฺส…เป… อุปปชฺชติ, สเจ มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, ยตฺถ ยตฺถ ปจฺจาชายติ, อุจฺจากุลีโน โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๙๕).
ยถา จาห – ‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, อปริหานิยา ธมฺมา. กตเม สตฺต? สตฺถุคารวตา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๗.๓๓), ตสฺมา มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
นิวาโต นาม นีจมนตา นิวาตวุตฺติตา, ยาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล นิหตมาโน นิหตทปฺโป ปาทปฺุฉนกโจฬสทิโส ฉินฺนวิสาณอุสภสโม อุทฺธฏทาสปฺปสโม จ หุตฺวา สณฺโห สขิโล สุขสมฺภาโส ¶ โหติ, อยํ นิวาโต. สฺวายํ ¶ ยสาทิคุณปฺปฏิลาภเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. อาห จ ‘‘นิวาตวุตฺติ อตฺถทฺโธ, ตาทิโส ลภเต ยส’’นฺติ เอวมาทิ (ที. นิ. ๓.๒๗๓).
สนฺตุฏฺิ นาม อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส, โส ทฺวาทสวิโธ โหติ. เสยฺยถิทํ – จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส, ยถาพลสนฺโตโส, ยถาสารุปฺปสนฺโตโสติ ติวิโธ. เอวํ ปิณฺฑปาตาทีสุ.
ตสฺสายํ ปเภทวณฺณนา – อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา. โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ภิกฺขุ อาพาธิโก โหติ, ครุํ จีวรํ ปารุปนฺโต โอณมติ วา กิลมติ วา, โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธึ ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ ปณีตปจฺจยลาภี โหติ, โส ปฏฺฏจีวราทีนํ อฺตรํ มหคฺฆํ จีวรํ ลภิตฺวา ‘‘อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ พหุสฺสุตานฺจ อนุรูป’’นฺติ ¶ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา สงฺการกูฏา วา อฺโต วา กุโตจิ นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา สงฺฆาฏึ กริตฺวา ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ภิกฺขุ อาพาธิโก โหติ, ลูขํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา คาฬฺหํ โรคาตงฺกํ ปาปุณาติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปิมธุขีราทีนิ ภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ¶ ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ลภติ, โส ‘‘อยํ ปิณฺฑปาโต เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ อฺเสฺจ ปณีตปิณฺฑปาตํ วินา อยาเปนฺตานํ สพฺรหฺมจารีนํ อนุรูโป’’ติ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา ปิณฺฑาย จริตฺวา มิสฺสกาหารํ ภฺุชนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ¶ ปน ภิกฺขุโน เสนาสนํ ปาปุณาติ. โส เตเนว สนฺตุสฺสติ, ปุน อฺํ สุนฺทรตรมฺปิ ปาปุณนฺตํ น คณฺหาติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ภิกฺขุ อาพาธิโก โหติ, นิวาตเสนาสเน วสนฺโต อติวิย ปิตฺตโรคาทีหิ อาตุรียติ. โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส ปาปุณเน สวาเต สีตลเสนาสเน วสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ สุนฺทรํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฏิจฺฉติ ‘‘สุนฺทรเสนาสนํ ปมาทฏฺานํ, ตตฺร นิสินฺนสฺส ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, นิทฺทาภิภูตสฺส จ ปุน ปฏิพุชฺฌโต กามวิตกฺโก สมุทาจรตี’’ติ. โส ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อชฺโฌกาสรุกฺขมูลปณฺณกุฏีสุ ยตฺถ กตฺถจิ นิวสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ หรีตกํ วา อามลกํ วา. โส เตเนว ยาเปติ, อฺเหิ ลทฺธสปฺปิมธุผาณิตาทิมฺปิ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ภิกฺขุ อาพาธิโก โหติ, เตเลนตฺถิโก ผาณิตํ ลภติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต เตเลน เภสชฺชํ กตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ เอกสฺมึ ¶ ภาชเน ปูติมุตฺตหรีตกํ เปตฺวา เอกสฺมึ จตุมธุรํ ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต, ยทิจฺฉสี’’ติ วุจฺจมาโน สจสฺส เตสํ ทฺวินฺนมฺตเรนปิ พฺยาธิ วูปสมฺมติ, อถ ‘‘ปูติมุตฺตหรีตกํ นาม พุทฺธาทีหิ ¶ วณฺณิต’’นฺติ จ ‘‘ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา, ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโยติ วุตฺต’’นฺติ (มหาว. ๑๒๘) จ จินฺเตนฺโต จตุมธุรเภสชฺชํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปูติมุตฺตหรีตเกน เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ ปรมสนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
เอวํปเภโท สพฺโพเปโส สนฺโตโส สนฺตุฏฺีติ วุจฺจติ. สา อตฺริจฺฉตามหิจฺฉตาปาปิจฺฉตาทีนํ ปาปธมฺมานํ ปหานาธิคมเหตุโต, สุคติเหตุโต, อริยมคฺคสมฺภารภาวโต, จาตุทฺทิสาทิภาวเหตุโต จ มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพา. อาห จ –
‘‘จาตุทฺทิโส ¶ อปฺปฏิโฆ จ โหติ,
สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรนา’’ติ. เอวมาทิ (สุ. นิ. ๔๒);
กตฺุตา นาม อปฺปสฺส วา พหุสฺส วา เยน เกนจิ กตสฺส อุปการสฺส ปุนปฺปุนํ อนุสฺสรณภาเวน ชานนตา. อปิจ เนรยิกาทิทุกฺขปริตฺตาณโต ปฺุานิ เอว ปาณีนํ พหูปการานิ, ตโต เตสมฺปิ อุปการานุสฺสรณตา กตฺุตาติ เวทิตพฺพา. สา สปฺปุริเสหิ ปสํสนียาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. อาห จ ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา ทุลฺลภา โลกสฺมึ. กตเม ทฺเว? โย จ ปุพฺพการี โย จ กตฺู กตเวที’’ติ (อ. นิ. ๒.๑๒๐).
กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นาม ยสฺมึ กาเล อุทฺธจฺจสหคตํ จิตฺตํ โหติ, กามวิตกฺกาทีนํ วา อฺตเรน อภิภูตํ, ตสฺมึ กาเล เตสํ วิโนทนตฺถํ ธมฺมสฺสวนํ. อปเร อาหุ ‘‘ปฺจเม ปฺจเม ทิวเส ธมฺมสฺสวนํ กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นาม. ยถาห อายสฺมา ¶ อนุรุทฺโธ ‘ปฺจาหิกํ โข ปน มยํ, ภนฺเต, สพฺพรตฺตึ ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสีทามา’’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๒๗; มหาว. ๔๖๖).
อปิจ ยสฺมึ กาเล กลฺยาณมิตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา สกฺกา โหติ อตฺตโน กงฺขาวิโนทกํ ธมฺมํ โสตุํ, ตสฺมึ กาเลปิ ธมฺมสฺสวนํ กาเลน ธมฺมสฺสวนนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถาห ‘‘เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปฺหตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๓๕๘). ตเทตํ กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นีวรณปฺปหานจตุรานิสํสอาสวกฺขยาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยสฺมึ ¶ , ภิกฺขเว, สมเย อริยสาวโก อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, ปฺจสฺส นีวรณา ตสฺมึ สมเย น โหนฺตี’’ติ จ (สํ. นิ. ๕.๒๑๙).
‘‘โสตานุคตานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ…เป… สุปฺปฏิวิทฺธานํ จตฺตาโร อานิสํสา ปาฏิกงฺขา’’ติ จ (อ. นิ. ๔.๑๙๑).
‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา กาเลน กาลํ สมฺมา ภาวิยมานา สมฺมา อนุปริวตฺติยมานา อนุปุพฺเพน อาสวานํ ขยํ ปาเปนฺติ. กตเม จตฺตาโร? กาเลน ธมฺมสฺสวน’’นฺติ จ เอวมาทิ (อ. นิ. ๔.๑๔๗).
เอวํ ¶ อิมิสฺสา คาถาย คารโว, นิวาโต, สนฺตุฏฺิ, กตฺุตา, กาเลน ธมฺมสฺสวนนฺติ ปฺจ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา คารโว จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
ขนฺตีจาติคาถาวณฺณนา
๑๐. อิทานิ ขนฺตี จาติ เอตฺถ ขมนํ ขนฺติ. ปทกฺขิณคฺคาหิตาย สุขํ วโจ อสฺมินฺติ สุวโจ, สุวจสฺส กมฺมํ โสวจสฺสํ, โสวจสฺสสฺส ภาโว โสวจสฺสตา. กิเลสานํ สมิตตฺตา สมณา. ทสฺสนนฺติ เปกฺขนํ. ธมฺมสฺส สากจฺฉา ธมฺมสากจฺฉา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ. อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา ¶ – ขนฺติ นาม อธิวาสนกฺขนฺติ, ตาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺเต วธพนฺธาทีหิ วา วิเหสนฺเต ปุคฺคเล อสุณนฺโต วิย อปสฺสนฺโต วิย จ นิพฺพิกาโร โหติ ขนฺติวาที วิย. ยถาห –
‘‘อหุ อตีตมทฺธานํ, สมโณ ขนฺติทีปโน;
ตํ ขนฺติยาเยว ิตํ, กาสิราชา อเฉทยี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๕๑);
ภทฺรกโต ¶ วา มนสิ กโรติ ตโต อุตฺตริ อปราธาภาเวน อายสฺมา ปุณฺณตฺเถโร วิย. ยถาห โส –
‘‘สเจ มํ, ภนฺเต, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา อกฺโกสิสฺสนฺติ ปริภาสิสฺสนฺติ, ตตฺถ เม เอวํ ภวิสฺสติ ‘ภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, สุภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, ยํ เม นยิเม ปาณินา ปหารํ เทนฺตี’’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๓๙๖; สํ. นิ. ๔.๘๘).
ยาย จ สมนฺนาคโต อิสีนมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห สรภงฺโค อิสิ –
‘‘โกธํ ¶ วธิตฺวา น กทาจิ โสจติ,
มกฺขปฺปหานํ อิสโย วณฺณยนฺติ;
สพฺเพสํ วุตฺตํ ผรุสํ ขเมถ,
เอตํ ขนฺตึ อุตฺตมมาหุ สนฺโต’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๖๔);
เทวตานมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห สกฺโก เทวานมินฺโท –
‘‘โย หเว พลวา สนฺโต, ทุพฺพลสฺส ติติกฺขติ;
ตมาหุ ปรมํ ขนฺตึ, นิจฺจํ ขมติ ทุพฺพโล’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๕๐-๒๕๑);
พุทฺธานมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห ภควา –
‘‘อกฺโกสํ วธพนฺธฺจ, อทุฏฺโ โย ติติกฺขติ;
ขนฺตีพลํ พลาณีกํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๙๙);
สา ¶ ปเนสา ขนฺติ เอเตสฺจ อิธ วณฺณิตานํ อฺเสฺจ คุณานํ อธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพา.
โสวจสฺสตา นาม สหธมฺมิกํ วุจฺจมาเน วิกฺเขปํ วา ตุณฺหีภาวํ วา คุณโทสจินฺตนํ วา ¶ อนาปชฺชิตฺวา อติวิย อาทรฺจ คารวฺจ นีจมนตฺจ ปุรกฺขตฺวา สาธูติ วจนกรณตา. สา สพฺรหฺมจารีนํ สนฺติกา โอวาทานุสาสนิปฺปฏิลาภเหตุโต โทสปฺปหานคุณาธิคมเหตุโต จ มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
สมณานํ ทสฺสนํ นาม อุปสมิตกิเลสานํ ภาวิตกายวจีจิตฺตปฺานํ อุตฺตมทมถสมถสมนฺนาคตานํ ปพฺพชิตานํ อุปสงฺกมนุปฏฺานานุสฺสรณสฺสวนทสฺสนํ, สพฺพมฺปิ โอมกเทสนาย ทสฺสนนฺติ วุตฺตํ, ตํ มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ. กสฺมา? พหูปการตฺตา. อาห จ ‘‘ทสฺสนมฺปหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหูปการํ วทามี’’ติอาทิ (อิติวุ. ๑๐๔). ยโต หิตกาเมน กุลปุตฺเตน สีลวนฺเต ภิกฺขู ฆรทฺวารํ สมฺปตฺเต ทิสฺวา ยทิ เทยฺยธมฺโม อตฺถิ, ยถาพลํ เทยฺยธมฺเมน ปติมาเนตพฺพา. ยทิ นตฺถิ, ปฺจปติฏฺิตํ กตฺวา วนฺทิตพฺพา. ตสฺมิมฺปิ อสมฺปชฺชมาเน อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา นมสฺสิตพฺพา, ตสฺมิมฺปิ อสมฺปชฺชมาเน ปสนฺนจิตฺเตน ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสิตพฺพา. เอวํ ทสฺสนมูลเกนปิ หิ ปฺุเน อเนกานิ ชาติสหสฺสานิ จกฺขุมฺหิ โรโค วา ทาโห ¶ วา อุสฺสทา วา ปิฬกา วา น โหนฺติ, วิปฺปสนฺนปฺจวณฺณสสฺสิริกานิ โหนฺติ จกฺขูนิ รตนวิมาเน อุคฺฆาฏิตมณิกวาฏสทิสานิ, สตสหสฺสกปฺปมตฺตํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สมฺปตฺตีนํ ลาภี โหติ. อนจฺฉริยฺเจตํ, ยํ มนุสฺสภูโต สปฺปฺชาติโก สมฺมา ปวตฺติเตน สมณทสฺสนมเยน ปฺุเน เอวรูปํ วิปากสมฺปตฺตึ อนุภเวยฺย, ยตฺถ ติรจฺฉานคตานมฺปิ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน กตสฺส สมณทสฺสนสฺส เอวํ วิปากสมฺปตฺตึ วณฺณยนฺติ.
‘‘อุลูโก ¶ มณฺฑลกฺขิโก, เวทิยเก จิรทีฆวาสิโก;
สุขิโต วต โกสิโย อยํ, กาลุฏฺิตํ ปสฺสติ พุทฺธวรํ.
‘‘มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ภิกฺขุสงฺเฆ อนุตฺตเร;
กปฺปานํ สตสหสฺสานิ, ทุคฺคเตโส น คจฺฉติ.
‘‘ส เทวโลกา จวิตฺวา, กุสลกมฺเมน โจทิโต;
ภวิสฺสติ อนนฺตาโณ, โสมนสฺโสติ วิสฺสุโต’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๔);
กาเลน ธมฺมสากจฺฉา นาม ปโทเส วา ปจฺจูเส วา ทฺเว สุตฺตนฺติกา ภิกฺขู อฺมฺํ สุตฺตนฺตํ ¶ สากจฺฉนฺติ, วินยธรา วินยํ, อาภิธมฺมิกา อภิธมฺมํ, ชาตกภาณกา ชาตกํ, อฏฺกถิกา อฏฺกถํ, ลีนุทฺธตวิจิกิจฺฉาปเรตจิตฺตวิโสธนตฺถํ วา ตมฺหิ ตมฺหิ กาเล สากจฺฉนฺติ, อยํ กาเลน ธมฺมสากจฺฉา. สา อาคมพฺยตฺติอาทีนํ คุณานํ เหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจตีติ.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ขนฺติ, โสวจสฺสตา, สมณทสฺสนํ, กาเลน ธมฺมสากจฺฉาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ขนฺตี จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
ตโปจาติคาถาวณฺณนา
๑๑. อิทานิ ¶ ตโป จาติ เอตฺถ ปาปเก ธมฺเม ตปตีติ ตโป. พฺรหฺมํ จริยํ, พฺรหฺมานํ วา จริยํ พฺรหฺมจริยํ, เสฏฺจริยนฺติ วุตฺตํ โหติ. อริยสจฺจานํ ทสฺสนํ อริยสจฺจานทสฺสนํ, อริยสจฺจานิ ทสฺสนนฺติปิ เอเก, ตํ น สุนฺทรํ. นิกฺขนฺตํ วานโตติ นิพฺพานํ, สจฺฉิกรณํ สจฺฉิกิริยา, นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยา นิพฺพานสจฺฉิกิริยา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ตโป นาม อภิชฺฌาโทมนสฺสาทีนํ ตปนโต อินฺทฺริยสํวโร ¶ , โกสชฺชสฺส วา ตปนโต วีริยํ, เตหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล อาตาปีติ วุจฺจติ. สฺวายํ อภิชฺฌาทิปฺปหานฌานาทิปฺปฏิลาภเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺโพ.
พฺรหฺมจริยํ นาม เมถุนวิรติสมณธมฺมสาสนมคฺคานมธิวจนํ. ตถา หิ ‘‘อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี โหตี’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๙๔; ม. นิ. ๑.๒๙๒) เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยนฺติ วุจฺจติ. ‘‘ภควติ โน, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตีติ? เอวมาวุโส’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๕๗) สมณธมฺโม. ‘‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม อิทํ พฺรหฺมจริยํ น อิทฺธฺเจว ภวิสฺสติ ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๖๘; สํ. นิ. ๕.๘๒๒; อุทา. ๕๑) สาสนํ. ‘‘อยเมว โข, ภิกฺขุ, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค พฺรหฺมจริยํ. เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๖) มคฺโค. อิธ ปน อริยสจฺจทสฺสเนน ปรโต มคฺคสฺส ¶ สงฺคหิตตฺตา อวเสสํ สพฺพมฺปิ วฏฺฏติ. ตฺเจตํ อุปรูปริ นานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ.
อริยสจฺจาน ทสฺสนํ นาม กุมารปฺเห วุตฺตานํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อภิสมยวเสน มคฺคทสฺสนํ, ตํ สํสารทุกฺขวีติกฺกมเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
นิพฺพานสจฺฉิกิริยา นาม อิธ อรหตฺตผลํ นิพฺพานนฺติ อธิปฺเปตํ. ตมฺปิ หิ ปฺจคติวานเนน วานสฺิตาย ตณฺหาย นิกฺขนฺตตฺตา นิพฺพานนฺติ วุจฺจติ. ตสฺส ¶ ปตฺติ วา ปจฺจเวกฺขณา วา สจฺฉิกิริยาติ วุจฺจติ. อิตรสฺส ปน นิพฺพานสฺส อริยสจฺจานํ ทสฺสเนเนว สจฺฉิกิริยา สิทฺธา, เตเนตํ อิธ นาธิปฺเปตํ. เอวเมสา นิพฺพานสจฺฉิกิริยา ¶ ทิฏฺธมฺมิกสุขวิหาราทิเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพา.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ตโป พฺรหฺมจริยํ, อริยสจฺจานํ ทสฺสนํ, นิพฺพานสจฺฉิกิริยาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ตโป จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
ผุฏฺสฺสโลกธมฺเมหีติคาถาวณฺณนา
๑๒. อิทานิ ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหีติ เอตฺถ ผุฏฺสฺสาติ ผุสิตสฺส ฉุปิตสฺส สมฺปตฺตสฺส. โลเก ธมฺมา โลกธมฺมา, ยาว โลกปฺปวตฺติ, ตาว อนิวตฺตกา ธมฺมาติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺตนฺติ มโน มานสํ. ยสฺสาติ นวสฺส วา มชฺฌิมสฺส วา เถรสฺส วา. น กมฺปตีติ น จลติ น เวธติ. อโสกนฺติ นิสฺโสกํ อพฺพูฬฺหโสกสลฺลํ. วิรชนฺติ วิคตรชํ วิทฺธํสิตรชํ. เขมนฺติ อภยํ นิรุปทฺทวํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหิ จิตฺตํยสฺสน กมฺปติ นาม ยสฺส ลาภาลาภาทีหิ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ ผุฏฺสฺส อชฺโฌตฺถฏสฺส จิตฺตํ น กมฺปติ น จลติ น เวธติ, ตสฺส ตํ จิตฺตํ เกนจิ อกมฺปนียโลกุตฺตมภาวาวหนโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ.
กสฺส ¶ จ เอเตหิ ผุฏฺสฺส จิตฺตํ น กมฺปตีติ? อรหโต ขีณาสวสฺส, น อฺสฺส กสฺสจิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เสโล ยถา เอกคฺฆโน, วาเตน น สมีรติ;
เอวํ รูปา รสา สทฺทา, คนฺธา ผสฺสา จ เกวลา.
‘‘อิฏฺา ธมฺมา อนิฏฺา จ, น ปเวเธนฺติ ตาทิโน;
ิตํ จิตฺตํ วิปฺปมุตฺตํ, วยฺจสฺสานุปสฺสตี’’ติ. (มหาว. ๒๔๔);
อโสกํ ¶ ¶ นาม ขีณาสวสฺเสว จิตฺตํ. ตฺหิ ยฺวายํ ‘‘โสโก โสจนา โสจิตตฺตํ อนฺโตโสโก อนฺโตปริโสโก เจตโส ปรินิชฺฌายิตตฺต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๒๓๗) นเยน วุจฺจติ โสโก, ตสฺส อภาวโต อโสกํ. เกจิ นิพฺพานํ วทนฺติ, ตํ ปุริมปเทน นานุสนฺธิยติ. ยถา จ อโสกํ, เอวํ วิรชํ เขมนฺติปิ ขีณาสวสฺเสว จิตฺตํ. ตฺหิ ราคโทสโมหรชานํ วิคตตฺตา วิรชํ, จตูหิ จ โยเคหิ เขมตฺตา เขมํ, ยโต เอตํ เตน เตนากาเรน ตมฺหิ ตมฺหิ ปวตฺติกฺขเณ คเหตฺวา นิทฺทิฏฺวเสน ติวิธมฺปิ อปฺปวตฺตกฺขนฺธตาทิโลกุตฺตมภาวาวหนโต อาหุเนยฺยาทิภาวาวหนโต จ มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย อฏฺโลกธมฺเมหิ อกมฺปิตจิตฺตํ, อโสกจิตฺตํ, วิรชจิตฺตํ, เขมจิตฺตนฺติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหีติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
เอตาทิสานีติคาถาวณฺณนา
๑๓. เอวํ ภควา อเสวนา จ พาลานนฺติอาทีหิ ทสหิ คาถาหิ อฏฺตึส มหามงฺคลานิ กเถตฺวา อิทานิ เอตาเนว อตฺตนา วุตฺตมงฺคลานิ ถุนนฺโต ‘‘เอตาทิสานิ กตฺวานา’’ติ อวสานคาถมภาสิ.
ตสฺสายมตฺถวณฺณนา – เอตาทิสานีติ เอตานิ อีทิสานิ มยา วุตฺตปฺปการานิ พาลานํ อเสวนาทีนิ. กตฺวานาติ กตฺวา. กตฺวาน กตฺวา กริตฺวาติ หิ อตฺถโต อนฺํ. สพฺพตฺถมปราชิตาติ ¶ สพฺพตฺถ ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารเทวปุตฺตมารปฺปเภเทสุ ¶ จตูสุ ปจฺจตฺถิเกสุ เอเกนาปิ อปราชิตา หุตฺวา, สยเมว เต จตฺตาโร มาเร ปราเชตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. มกาโร เจตฺถ ปทสนฺธิกรมตฺโตติ วิฺาตพฺโพ.
สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺตีติ เอตาทิสานิ มงฺคลานิ กตฺวา จตูหิ มาเรหิ อปราชิตา หุตฺวา สพฺพตฺถ อิธโลกปรโลเกสุ านจงฺกมนาทีสุ จ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, พาลเสวนาทีหิ เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา ¶ วิฆาตปริฬาหา, เตสํ อภาวา โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, อนุปทฺทุตา อนุปสฏฺา เขมิโน อปฺปฏิภยา คจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อนุนาสิโก เจตฺถ คาถาพนฺธสุขตฺถํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
ตํ เตสํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ อิมินา คาถาปเทน ภควา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. กถํ? เอวํ, เทวปุตฺต, เย เอตาทิสานิ กโรนฺติ, เต ยสฺมา สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตํ พาลานํ อเสวนาทิอฏฺตึสวิธมฺปิ เตสํ เอตาทิสการกานํ มงฺคลมุตฺตมํ เสฏฺํ ปวรนฺติ คณฺหาหีติ.
เอวฺจ ภควตา นิฏฺาปิตาย เทสนาย ปริโยสาเน โกฏิสตสหสฺสเทวตาโย อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลสมฺปตฺตานํ คณนา อสงฺขฺเยยฺยา อโหสิ. อถ ภควา ทุติยทิวเส อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ ปน, อานนฺท, รตฺตึ อฺตรา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา มงฺคลปฺหํ ปุจฺฉิ, อถสฺสาหํ อฏฺตึส มงฺคลานิ อภาสึ, อุคฺคณฺหาหิ, อานนฺท, อิมํ มงฺคลปริยายํ, อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขู วาเจหี’’ติ. เถโร อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขู วาเจสิ. ตยิทํ อาจริยปรมฺปราย อาภตํ ยาวชฺชตนา ปวตฺตติ, ‘‘เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ ปุถุภูตํ ¶ ยาว เทวมนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิต’’นฺติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ เอเตสฺเวว มงฺคเลสุ าณปริจยปาฏวตฺถํ อยมาทิโต ปภุติ โยชนา – เอวมิเม อิธโลกปรโลกโลกุตฺตรสุขกามา สตฺตา พาลชนเสวนํ ปหาย, ปณฺฑิเต นิสฺสาย, ปูชเนยฺเย ปูเชตฺวา, ปติรูปเทสวาเสน ปุพฺเพ จ กตปฺุตาย กุสลปฺปวตฺติยํ โจทิยมานา อตฺตานํ สมฺมา ปณิธาย, พาหุสจฺจสิปฺปวินเยหิ อลงฺกตตฺตภาวา, วินยานุรูปํ สุภาสิตํ ภาสมานา, ยาว คิหิภาวํ น วิชหนฺติ, ตาว มาตาปิตูปฏฺาเนน โปราณํ อิณมูลํ วิโสธยมานา, ปุตฺตทารสงฺคเหน นวํ อิณมูลํ ปโยชยมานา, อนากุลกมฺมนฺตตาย ธนธฺาทิสมิทฺธึ ปาปุณนฺตา, ทาเนน โภคสารํ ธมฺมจริยาย ชีวิตสารฺจ คเหตฺวา, าติสงฺคเหน สกชนหิตํ อนวชฺชกมฺมนฺตตาย ¶ ปรชนหิตฺจ กโรนฺตา, ปาปวิรติยา ปรูปฆาตํ มชฺชปานสํยเมน อตฺตูปฆาตฺจ วิวชฺเชตฺวา, ธมฺเมสุ อปฺปมาเทน กุสลปกฺขํ วฑฺเฒตฺวา, วฑฺฒิตกุสลตาย คิหิพฺยฺชนํ โอหาย ปพฺพชิตภาเว ิตาปิ พุทฺธพุทฺธสาวกูปชฺฌายาจริยาทีสุ คารเวน นิวาเตน จ วตฺตสมฺปทํ อาราเธตฺวา, สนฺตุฏฺิยา ¶ ปจฺจยเคธํ ปหาย, กตฺุตาย สปฺปุริสภูมิยํ ตฺวา, ธมฺมสฺสวเนน จิตฺตลีนตํ ปหาย, ขนฺติยา สพฺพปริสฺสเย อภิภวิตฺวา, โสวจสฺสตาย สนาถํ อตฺตานํ กตฺวา, สมณทสฺสเนน ปฏิปตฺติปโยคํ ปสฺสนฺตา, ธมฺมสากจฺฉาย กงฺขาฏฺานิเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ วิโนเทตฺวา, อินฺทฺริยสํวรตเปน สีลวิสุทฺธึ สมณธมฺมพฺรหฺมจริเยน จิตฺตวิสุทฺธึ ตโต ปรา จ จตสฺโส วิสุทฺธิโย สมฺปาเทนฺตา ¶ , อิมาย ปฏิปทาย อริยสจฺจทสฺสนปริยายํ าณทสฺสนวิสุทฺธึ ปตฺวา อรหตฺตผลสงฺขฺยํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติ, ยํ สจฺฉิกริตฺวา สิเนรุปพฺพโต วิย วาตวุฏฺีหิ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อวิกมฺปมานจิตฺตา อโสกา วิรชา เขมิโน โหนฺติ. เย จ เขมิโน โหนฺติ, เต สพฺพตฺถ เอเกนปิ อปราชิตา โหนฺติ, สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ. เตนาห ภควา –
‘‘เอตาทิสานิ กตฺวาน, สพฺพตฺถมปราชิตา;
สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, ตํ เตสํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปา-อฏฺกถาย
มงฺคลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.