📜
๖. รตนสุตฺตวณฺณนา
นิกฺเขปปฺปโยชนํ
อิทานิ ¶ ยานีธ ภูตานีติเอวมาทินา มงฺคลสุตฺตานนฺตรํ นิกฺขิตฺตสฺส รตนสุตฺตสฺส อตฺถวณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโต. ตสฺส อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ วตฺวา ตโต ปรํ สุปริสุทฺเธน ติตฺเถน นทิตฬากาทีสุ สลิลชฺโฌคาหณมิว สุปริสุทฺเธน นิทาเนน อิมสฺส สุตฺตสฺส อตฺถชฺโฌคาหณํ ทสฺเสตุํ –
‘‘เยน วุตฺตํ ยทา ยตฺถ, ยสฺมา เจตํ อิมํ นยํ;
ปกาเสตฺวาน เอตสฺส, กริสฺสามตฺถวณฺณนํ’’.
ตตฺถ ¶ ยสฺมา มงฺคลสุตฺเตน อตฺตรกฺขา อกลฺยาณกรณกลฺยาณากรณปจฺจยานฺจ อาสวานํ ปฏิฆาโต ทสฺสิโต, อิมฺจ สุตฺตํ ปรารกฺขํ อมนุสฺสาทิปจฺจยานฺจ อาสวานํ ปฏิฆาตํ สาเธติ, ตสฺมา ตทนนฺตรํ นิกฺขิตฺตํ สิยาติ.
อิทํ ตาวสฺส อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ.
เวสาลิวตฺถุ
อิทานิ ‘‘เยน วุตฺตํ ยทา ยตฺถ, ยสฺมา เจต’’นฺติ เอตฺถาห ‘‘เกน ปเนตํ สุตฺตํ วุตฺตํ, กทา กตฺถ, กสฺมา จ วุตฺต’’นฺติ. วุจฺจเต – อิทฺหิ ภควตา เอว วุตฺตํ, น สาวกาทีหิ. ตฺจ ยทา ¶ ทุพฺภิกฺขาทีหิ อุปทฺทเวหิ อุปทฺทุตาย เวสาลิยา ลิจฺฉวีหิ ราชคหโต ยาจิตฺวา ภควา เวสาลึ อานีโต, ตทา เวสาลิยํ เตสํ อุปทฺทวานํ ปฏิฆาตตฺถาย วุตฺตนฺติ. อยํ เตสํ ปฺหานํ สงฺเขปวิสฺสชฺชนา. วิตฺถารโต ปน เวสาลิวตฺถุโต ปภุติ โปราเณหิ วณฺณียติ.
ตตฺรายํ วณฺณนา – พาราณสิรฺโ กิร อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ คพฺโภ สณฺาสิ, สา ตํ ¶ ตฺวา รฺโ นิเวเทสิ, ราชา คพฺภปริหารํ อทาสิ. สา สมฺมา ปริหริยมานคพฺภา คพฺภปริปากกาเล วิชายนฆรํ ปาวิสิ. ปฺุวตีนํ ปจฺจูสสมเย คพฺภวุฏฺานํ โหติ. สา จ ตาสํ อฺตรา, เตน ปจฺจูสสมเย อลตฺตกปฏลพนฺธุชีวกปุปฺผสทิสํ มํสเปสึ วิชายิ. ตโต ‘‘อฺา เทวิโย สุวณฺณพิมฺพสทิเส ปุตฺเต วิชายนฺติ, อคฺคมเหสี มํสเปสินฺติ รฺโ ปุรโต มม อวณฺโณ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา เตน อวณฺณภเยน ตํ มํสเปสึ เอกสฺมึ ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา อฺตเรน ปฏิกุชฺชิตฺวา ราชมุทฺทิกาย ลฺฉิตฺวา คงฺคาย โสเต ปกฺขิปาเปสิ. มนุสฺเสหิ ฉฑฺฑิตมตฺเต เทวตา อารกฺขํ สํวิทหึสุ. สุวณฺณปฏฺฏกฺเจตฺถ ชาติหิงฺคุลเกน ‘‘พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา ปชา’’ติ ลิขิตฺวา พนฺธึสุ. ตโต ตํ ภาชนํ อูมิภยาทีหิ อนุปทฺทุตํ คงฺคาโสเตน ปายาสิ.
เตน จ สมเยน อฺตโร ตาปโส โคปาลกุลํ นิสฺสาย คงฺคาตีเร วิหรติ. โส ปาโตว คงฺคํ โอตรนฺโต ภาชนํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ¶ ปํสุกูลสฺาย อคฺคเหสิ. ตโต ตตฺถ ตํ อกฺขรปฏฺฏกํ ราชมุทฺทิกาลฺฉนฺจ ทิสฺวา มฺุจิตฺวา ตํ มํสเปสึ อทฺทส ¶ , ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ ‘‘สิยา คพฺโภ, ตถา หิสฺส ทุคฺคนฺธปูติภาโว นตฺถี’’ติ. ตํ อสฺสมํ เนตฺวา สุทฺเธ โอกาเส เปสิ. อถ อฑฺฒมาสจฺจเยน ทฺเว มํสเปสิโย อเหสุํ. ตาปโส ทิสฺวา สาธุตรํ เปสิ, ตโต ปุน อฑฺฒมาสจฺจเยน เอกเมกิสฺสา เปสิยา หตฺถปาทสีสานมตฺถาย ปฺจ ปฺจ ปิฬกา อุฏฺหึสุ. ตาปโส ทิสฺวา ปุน สาธุตรํ เปสิ. อถ อฑฺฒมาสจฺจเยน เอกา มํสเปสิ สุวณฺณพิมฺพสทิโส ทารโก, เอกา ทาริกา อโหสิ. เตสุ ตาปสสฺส ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิ. องฺคุฏฺกโต จสฺส ขีรํ นิพฺพตฺติ. ตโต ปภุติ จ ขีรภตฺตํ ลภติ, โส ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา ขีรํ ทารกานํ มุเข อาสิฺจติ. เตสํ ยํ ยํ อุทรํ ปวิฏฺํ, ตํ สพฺพํ มณิภาชนคตํ วิย ทิสฺสติ. เอวํ ลิจฺฉวี อเหสุํ. อปเร ปนาหุ ‘‘สิพฺเพตฺวา ปิตา วิย เนสํ อฺมฺํ ลีนา ฉวิ อโหสี’’ติ. เอวํ เต นิจฺฉวิตาย วา ลีนจฺฉวิตาย วา ลิจฺฉวีติ ปฺายึสุ.
ตาปโส ทารเก โปเสนฺโต อุสฺสูเร คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, อติทิวา ปฏิกฺกมติ. ตสฺส ตํ พฺยาปารํ ตฺวา โคปาลกา อาหํสุ, ‘‘ภนฺเต, ปพฺพชิตานํ ทารกโปสนํ ปลิโพโธ, อมฺหากํ ทารเก เทถ, มยํ โปเสสฺสาม, ตุมฺเห อตฺตโน กมฺมํ กโรถา’’ติ. ตาปโส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. โคปาลกา ทุติยทิวเส มคฺคํ สมํ กตฺวา ปุปฺเผหิ โอกิริตฺวา ธชปฏากํ อุสฺสาเปตฺวา ตูริเยหิ วชฺชมาเนหิ อสฺสมํ อาคตา. ตาปโส ‘‘มหาปฺุา ทารกา, อปฺปมาเทน วฑฺเฒถ, วฑฺเฒตฺวา จ อฺมฺํ อาวาหวิวาหํ กโรถ, ปฺจโครเสน ราชานํ โตเสตฺวา ภูมิภาคํ คเหตฺวา ¶ นครํ มาเปถ, ตตฺถ กุมารํ อภิสิฺจถา’’ติ วตฺวา ทารเก อทาสิ. เต ‘‘สาธู’’ติ ¶ ปฏิสฺสุณิตฺวา ทารเก เนตฺวา โปเสสุํ.
ทารกา วุฑฺฒิมนฺวาย กีฬนฺตา วิวาทฏฺาเนสุ อฺเ โคปาลทารเก หตฺเถนปิ ปาเทนปิ ปหรนฺติ, เต โรทนฺติ. ‘‘กิสฺส โรทถา’’ติ จ มาตาปิตูหิ วุตฺตา ‘‘อิเม นิมฺมาตาปิติกา ตาปสโปสิตา อมฺเห อตีว ปหรนฺตี’’ติ วทนฺติ. ตโต เตสํ มาตาปิตโร ‘‘อิเม ทารกา อฺเ ทารเก วิเหเนฺติ ทุกฺขาเปนฺติ, น อิเม สงฺคเหตพฺพา, วชฺชิตพฺพา อิเม’’ติ อาหํสุ. ตโต ปภุติ กิร โส ปเทโส ‘‘วชฺชี’’ติ ¶ วุจฺจติ, ติโยชนสตํ ปริมาเณน. อถ ตํ ปเทสํ โคปาลกา ราชานํ โตเสตฺวา อคฺคเหสุํ. ตตฺเถว นครํ มาเปตฺวา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ กุมารํ อภิสิฺจิตฺวา ราชานํ อกํสุ. ตาย จสฺส ทาริกาย สทฺธึ วาเรยฺยํ กตฺวา กติกํ อกํสุ ‘‘น พาหิรโต ทาริกา อาเนตพฺพา, อิโต ทาริกา น กสฺสจิ ทาตพฺพา’’ติ. เตสํ ปมสํวาเสน ทฺเว ทารกา ชาตา ธีตา จ ปุตฺโต จ, เอวํ โสฬสกฺขตฺตุํ ทฺเว ทฺเว ชาตา. ตโต เตสํ ทารกานํ ยถากฺกมํ วฑฺฒนฺตานํ อารามุยฺยานนิวาสฏฺานปริวารสมฺปตฺตึ คเหตุํ อปฺปโหนฺตํ ตํ นครํ ติกฺขตฺตุํ คาวุตนฺตเรน คาวุตนฺตเรน ปากาเรน ปริกฺขิปึสุ, ตสฺส ปุนปฺปุนํ วิสาลีกตตฺตา เวสาลีตฺเวว นามํ ชาตํ. อิทํ เวสาลิวตฺถุ.
ภควโต นิมนฺตนํ
อยํ ปน เวสาลี ภควโต อุปฺปนฺนกาเล อิทฺธา เวปุลฺลปฺปตฺตา อโหสิ. ตตฺถ หิ ราชูนํเยว สตฺต สหสฺสานิ สตฺต สตานิ สตฺต จ ราชาโน อเหสุํ. ตถา ยุวราชเสนาปติภณฺฑาคาริกปฺปภุตีนํ ¶ . ยถาห –
‘‘เตน โข ปน สมเยน เวสาลี อิทฺธา เจว โหติ ผีตา จ พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา สุภิกฺขา จ, สตฺต จ ปาสาทสหสฺสานิ สตฺต จ ปาสาทสตานิ สตฺต จ ปาสาทา, สตฺต จ กูฏาคารสหสฺสานิ สตฺต จ กูฏาคารสตานิ สตฺต จ กูฏาคารานิ, สตฺต จ อารามสหสฺสานิ สตฺต จ อารามสตานิ สตฺต จ อารามา, สตฺต จ โปกฺขรณิสหสฺสานิ สตฺต จ โปกฺขรณิสตานิ สตฺต จ โปกฺขรณิโย’’ติ (มหาว. ๓๒๖).
สา อปเรน สมเยน ทุพฺภิกฺขา อโหสิ ทุพฺพุฏฺิกา ทุสฺสสฺสา. ปมํ ทุคฺคตมนุสฺสา มรนฺติ ¶ , เต พหิทฺธา ฉฑฺเฑนฺติ. มตมนุสฺสานํ กุณปคนฺเธน อมนุสฺสา นครํ ปวิสึสุ, ตโต พหุตรา มรนฺติ. ตาย ปฏิกูลตาย สตฺตานํ อหิวาตโรโค อุปฺปชฺชิ. อิติ ตีหิ ทุพฺภิกฺขอมนุสฺสโรคภเยหิ อุปทฺทุตา เวสาลินครวาสิโน อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ อาหํสุ, ‘‘มหาราช, อิมสฺมึ นคเร ติวิธํ ภยมุปฺปนฺนํ, อิโต ปุพฺเพ ยาว สตฺตมา ราชกุลปริวฏฺฏา เอวรูปํ อนุปฺปนฺนปุพฺพํ, ตุมฺหากํ มฺเ อธมฺมิกตฺเตน ¶ ตํ เอตรหิ อุปฺปนฺน’’นฺติ. ราชา สพฺเพ สนฺถาคาเร สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘มยฺหํ อธมฺมิกภาวํ วิจินถา’’ติ อาห. เต สพฺพํ ปเวณึ วิจินนฺตา น กิฺจิ อทฺทสํสุ.
ตโต รฺโ โทสมทิสฺวา ‘‘อิทํ ภยํ อมฺหากํ กถํ วูปสเมยฺยา’’ติ จินฺเตสุํ. ตตฺถ เอกจฺเจ ฉ สตฺถาเร อปทิสึสุ ‘‘เอเตหิ โอกฺกนฺตมตฺเต วูปสเมสฺสตี’’ติ. เอกจฺเจ อาหํสุ – ‘‘พุทฺโธ กิร โลเก อุปฺปนฺโน, โส ภควา สพฺพสตฺตหิตาย ธมฺมํ เทเสติ มหิทฺธิโก มหานุภาโว, เตน โอกฺกนฺตมตฺเต สพฺพภยานิ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ. เตน เต อตฺตมนา หุตฺวา ‘‘กหํ ปน โส ภควา เอตรหิ วิหรติ, อมฺเหหิ เปสิโต ¶ น อาคจฺเฉยฺยา’’ติ อาหํสุ. อถาปเร อาหํสุ – ‘‘พุทฺธา นาม อนุกมฺปกา, กิสฺส นาคจฺเฉยฺยุํ, โส ปน ภควา เอตรหิ ราชคเห วิหรติ, ราชา พิมฺพิสาโร ตํ อุปฏฺหติ, โส อาคนฺตุํ น ทเทยฺยา’’ติ. ‘‘เตน หิ ราชานํ สฺาเปตฺวา อาเนยฺยามา’’ติ ทฺเว ลิจฺฉวิราชาโน มหตา พลกาเยน ปหูตํ ปณฺณาการํ ทตฺวา รฺโ สนฺติกํ เปสึสุ ‘‘พิมฺพิสารํ สฺาเปตฺวา ภควนฺตํ อาเนถา’’ติ. เต คนฺตฺวา รฺโ ปณฺณาการํ ทตฺวา ตํ ปวตฺตึ นิเวเทตฺวา, ‘‘มหาราช, ภควนฺตํ อมฺหากํ นครํ เปเสหี’’ติ อาหํสุ. ราชา น สมฺปฏิจฺฉิ, ‘‘ตุมฺเหเยว ชานาถา’’ติ อาห. เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ นคเร ตีณิ ภยานิ อุปฺปนฺนานิ, สเจ ภควา อาคจฺเฉยฺย, โสตฺถิ โน ภเวยฺยา’’ติ. ภควา อาวชฺเชตฺวา ‘‘เวสาลิยํ รตนสุตฺเต วุตฺเต สา รกฺขา โกฏิสตสหสฺสํ จกฺกวาฬานํ ผริสฺสติ, สุตฺตปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ อธิวาเสสิ. อถ ราชา พิมฺพิสาโร ภควโต อธิวาสนํ สุตฺวา ‘‘ภควตา เวสาลิคมนํ อธิวาสิต’’นฺติ นคเร โฆสนํ การาเปตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘กึ, ภนฺเต, สมฺปฏิจฺฉถ เวสาลิคมน’’นฺติ? อาม, มหาราชาติ. เตน หิ, ภนฺเต, ตาว อาคเมถ, ยาว มคฺคํ ปฏิยาเทมีติ.
อถ โข ราชา พิมฺพิสาโร ราชคหสฺส จ คงฺคาย จ อนฺตรา ปฺจโยชนภูมึ สมํ กตฺวา โยชเน โยชเน วิหารํ มาเปตฺวา ภควโต คมนกาลํ ปฏิเวเทสิ. ภควา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ ปริวุโต ¶ ปายาสิ. ราชา ปฺจโยชนํ มคฺคํ ปฺจวณฺเณหิ ปุปฺเผหิ ชาณุมตฺตํ โอกิราเปตฺวา ¶ ธชปฏากปุณฺณฆฏกทลิอาทีนิ อุสฺสาเปตฺวา ¶ ภควโต ทฺเว เสตจฺฉตฺตานิ เอกเมกสฺส จ ภิกฺขุสฺส เอกเมกํ อุกฺขิปาเปตฺวา สทฺธึ อตฺตโน ปริวาเรน ปุปฺผคนฺธาทีหิ ปูชํ กโรนฺโต เอเกกสฺมึ วิหาเร ภควนฺตํ วสาเปตฺวา มหาทานานิ ทตฺวา ปฺจหิ ทิวเสหิ คงฺคาตีรํ เนสิ. ตตฺถ สพฺพาลงฺกาเรหิ นาวํ อลงฺกโรนฺโต เวสาลิกานํ สาสนํ เปเสสิ ‘‘อาคโต ภควา, มคฺคํ ปฏิยาเทตฺวา สพฺเพ ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ กโรถา’’ติ. เต ‘‘ทิคุณํ ปูชํ กริสฺสามา’’ติ เวสาลิยา จ คงฺคาย จ อนฺตรา ติโยชนภูมึ สมํ กตฺวา ภควโต จตฺตาริ เอกเมกสฺส จ ภิกฺขุสฺส ทฺเว ทฺเว เสตจฺฉตฺตานิ สชฺเชตฺวา ปูชํ กุรุมานา คงฺคาตีรํ อาคนฺตฺวา อฏฺํสุ.
อถ พิมฺพิสาโร ทฺเว นาวาโย สงฺฆเฏตฺวา มณฺฑปํ กตฺวา ปุปฺผทามาทีหิ อลงฺกริตฺวา ตตฺถ สพฺพรตนมยํ พุทฺธาสนํ ปฺเปสิ, ภควา ตตฺถ นิสีทิ. ปฺจ สตา ภิกฺขูปิ นาวํ อารุหิตฺวา ยถานุรูปํ นิสีทึสุ. ราชา ภควนฺตํ อนุคจฺฉนฺโต คลปฺปมาณํ อุทกํ โอคาเหตฺวา ‘‘ยาว, ภนฺเต, ภควา อาคจฺฉติ, ตาวาหํ อิเธว คงฺคาตีเร วสิสฺสามี’’ติ วตฺวา นิวตฺโต. อุปริ เทวตา ยาว อกนิฏฺภวนา ปูชํ อกํสุ. เหฏฺาคงฺคานิวาสิโน กมฺพลสฺสตราทโย นาคราชาโน ปูชํ อกํสุ. เอวํ มหติยา ปูชาย ภควา โยชนมตฺตํ อทฺธานํ คงฺคาย คนฺตฺวา เวสาลิกานํ สีมนฺตรํ ปวิฏฺโ.
ตโต ลิจฺฉวิราชาโน พิมฺพิสาเรน กตปูชาย ทิคุณํ กโรนฺตา คลปฺปมาเณ อุทเก ภควนฺตํ ปจฺจุคฺคจฺฉึสุ. เตเนว ขเณน เตน มุหุตฺเตน วิชฺชุปฺปภาวินทฺธนฺธการวิสฏกูโฏ คฬคฬายนฺโต จตูสุ ทิสาสุ มหาเมโฆ วุฏฺาสิ. อถ ภควตา ปมปาเท ¶ คงฺคาตีเร นิกฺขิตฺตมตฺเต โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. เย เตเมตุกามา, เต เอว เตเมนฺติ, อเตเมตุกามา น เตเมนฺติ. สพฺพตฺถ ชาณุมตฺตํ อูรุมตฺตํ กฏิมตฺตํ คลปฺปมาณํ อุทกํ วหติ, สพฺพกุณปานิ อุทเกน คงฺคํ ปเวสิตานิ, ปริสุทฺโธ ภูมิภาโค อโหสิ.
ลิจฺฉวิราชาโน ภควนฺตํ อนฺตรา โยชเน โยชเน วาสาเปตฺวา มหาทานานิ ทตฺวา ตีหิ ทิวเสหิ ทิคุณํ ปูชํ กโรนฺตา เวสาลึ นยึสุ ¶ . เวสาลึ สมฺปตฺเต ภควติ สกฺโก เทวานมินฺโท เทวสงฺฆปุรกฺขโต อาคจฺฉิ. มเหสกฺขานํ เทวตานํ สนฺนิปาเตน อมนุสฺสา เยภุยฺเยน ปลายึสุ. ภควา นครทฺวาเร ตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, อานนฺท, รตนสุตฺตํ อุคฺคเหตฺวา พลิกมฺมูปกรณานิ คเหตฺวา ลิจฺฉวิราชกุมาเรหิ สทฺธึ เวสาลิยา ติปาการนฺตเร วิจรนฺโต ปริตฺตํ กโรหี’’ติ รตนสุตฺตํ อภาสิ. ‘‘เอวํ เกน ปเนตํ สุตฺตํ วุตฺตํ ¶ , กทา, กตฺถ, กสฺมา จ วุตฺต’’นฺติ เอเตสํ ปฺหานํ วิสฺสชฺชนา วิตฺถาเรน เวสาลิวตฺถุโต ปภุติ โปราเณหิ วณฺณียติ.
เอวํ ภควโต เวสาลึ อนุปฺปตฺตทิวเสเยว เวสาลินครทฺวาเร เตสํ อุปทฺทวานํ ปฏิฆาตตฺถาย วุตฺตมิทํ รตนสุตฺตํ อุคฺคเหตฺวา อายสฺมา อานนฺโท ปริตฺตตฺถาย ภาสมาโน ภควโต ปตฺเตน อุทกมาทาย สพฺพนครํ อพฺภุกฺกิรนฺโต อนุวิจริ. ยํ กิฺจีติ วุตฺตมตฺเต เอว เถเรน เย ปุพฺเพ อปลาตา สงฺการกูฏภิตฺติปฺปเทสาทินิสฺสิตา อมนุสฺสา, เต จตูหิ ทฺวาเรหิ ปลายึสุ, ทฺวารานิ อโนกาสานิ อเหสุํ. ตโต เอกจฺเจ ทฺวาเรสุ โอกาสํ อลภมานา ปาการํ ภินฺทิตฺวา ปลาตา. อมนุสฺเสสุ คตมตฺเตสุ มนุสฺสานํ คตฺเตสุ โรโค วูปสนฺโต. เต นิกฺขมิตฺวา สพฺพปุปฺผคนฺธาทีหิ เถรํ ปูเชสุํ. มหาชโน นครมชฺเฌ ¶ สนฺถาคารํ สพฺพคนฺเธหิ ลิมฺปิตฺวา วิตานํ กตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา ตตฺถ พุทฺธาสนํ ปฺเปตฺวา ภควนฺตํ อาเนสิ.
ภควา สนฺถาคารํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข ราชาโน มนุสฺสา จ ปติรูเป ปติรูเป อาสเน นิสีทึสุ. สกฺโกปิ เทวานมินฺโท ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวปริสาย สทฺธึ อุปนิสีทิ อฺเ จ เทวา, อานนฺทตฺเถโรปิ สพฺพํ เวสาลึ อนุวิจรนฺโต รกฺขํ กตฺวา เวสาลินครวาสีหิ สทฺธึ อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตตฺถ ภควา สพฺเพสํ ตเทว รตนสุตฺตํ อภาสีติ.
เอตฺตาวตา จ ยา ‘‘เยน วุตฺตํ ยทา ยตฺถ, ยสฺมา เจตํ อิมํ นยํ. ปกาเสตฺวานา’’ติ มาติกา นิกฺขิตฺตา, สา สพฺพปฺปกาเรน วิตฺถาริตา โหติ.
ยานีธาติคาถาวณฺณนา
๑. อิทานิ ¶ ‘‘เอตสฺส กริสฺสามตฺถวณฺณน’’นฺติ วุตฺตตฺตา อตฺถวณฺณนา อารพฺภเต. อปเร ปน วทนฺติ ‘‘อาทิโต ปฺเจว คาถา ภควตา วุตฺตา, เสสา ปริตฺตกรณสมเย อานนฺทตฺเถเรนา’’ติ. ยถา วา ตถา วา โหตุ, กึ โน อิมาย ปริกฺขาย, สพฺพถาปิ เอตสฺส รตนสุตฺตสฺส กริสฺสามตฺถวณฺณนํ.
ยานีธ ภูตานีติ ปมคาถา. ตตฺถ ยานีติ ยาทิสานิ อปฺเปสกฺขานิ วา มเหสกฺขานิ วา. อิธาติ อิมสฺมึ ปเทเส, ตสฺมึ ขเณ สนฺนิปาตฏฺานํ สนฺธายาห. ภูตานีติ กิฺจาปิ ¶ ภูตสทฺโท ‘‘ภูตสฺมึ ปาจิตฺติย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ปาจิ. ๖๙) วิชฺชมาเน. ‘‘ภูตมิทนฺติ, ภิกฺขเว ¶ , สมนุปสฺสถา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๐๑) ขนฺธปฺจเก. ‘‘จตฺตาโร โข, ภิกฺขุ, มหาภูตา เหตู’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) จตุพฺพิเธ ปถวีธาตฺวาทิรูเป. ‘‘โย จ กาลฆโส ภูโต’’ติ เอวมาทีสุ (ชา. ๑.๒.๑๙๐) ขีณาสเว. ‘‘สพฺเพว นิกฺขิปิสฺสนฺติ, ภูตา โลเก สมุสฺสย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๒๐) สพฺพสตฺเต. ‘‘ภูตคามปาตพฺยตายา’’ติ เอวมาทีสุ (ปาจิ. ๙๐) รุกฺขาทิเก. ‘‘ภูตํ ภูตโต สฺชานาตี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓) จาตุมหาราชิกานํ เหฏฺา สตฺตนิกายํ อุปาทาย วตฺตติ. อิธ ปน อวิเสสโต อมนุสฺเสสุ ทฏฺพฺโพ.
สมาคตานีติ สนฺนิปติตานิ. ภุมฺมานีติ ภูมิยํ นิพฺพตฺตานิ. วา-อิติ วิกปฺปเน. เตน ยานีธ ภุมฺมานิ วา ภูตานิ สมาคตานีติ อิมเมกํ วิกปฺปํ กตฺวา ปุน ทุติยวิกปฺปํ กาตุํ ‘‘ยานิ ว อนฺตลิกฺเข’’ติ อาห. อนฺตลิกฺเข วา ยานิ ภูตานิ นิพฺพตฺตานิ, ตานิ สพฺพานิ อิธ สมาคตานีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ยามโต ยาว อกนิฏฺํ, ตาว นิพฺพตฺตานิ ภูตานิ อากาเส ปาตุภูตวิมาเนสุ นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘อนฺตลิกฺเข ภูตานี’’ติ เวทิตพฺพานิ. ตโต เหฏฺา สิเนรุโต ปภุติ ยาว ภูมิยํ รุกฺขลตาทีสุ อธิวตฺถานิ ปถวิยฺจ นิพฺพตฺตานิ ภูตานิ, ตานิ สพฺพานิ ภูมิยํ ภูมิปฏิพทฺเธสุ จ รุกฺขลตาปพฺพตาทีสุ นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘ภุมฺมานิ ภูตานี’’ติ เวทิตพฺพานิ.
เอวํ ¶ ภควา สพฺพาเนว อมนุสฺสภูตานิ ‘‘ภุมฺมานิ วา ยานิ ว อนฺตลิกฺเข’’ติ ทฺวีหิ ปเทหิ วิกปฺเปตฺวา ปุน เอเกน ปเทน ปริคฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺเพว ภูตา สุมนา ภวนฺตู’’ติ อาห. สพฺเพติ อนวเสสา. เอวาติ อวธารเณ, เอกมฺปิ อนปเนตฺวาติ อธิปฺปาโย. ภูตาติ อมนุสฺสา. สุมนา ภวนฺตูติ สุขิตมนา ปีติโสมนสฺสชาตา ภวนฺตุ. อโถปีติ กิจฺจนฺตรสนฺนิโยชนตฺถํ วากฺโยปาทาเน นิปาตทฺวยํ. สกฺกจฺจ สุณนฺตุ ภาสิตนฺติ อฏฺึ ¶ กตฺวา มนสิกตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺติโลกุตฺตรสุขาวหํ มม เทสนํ สุณนฺตุ.
เอวเมตฺถ ภควา ‘‘ยานีธ ภูตานิ สมาคตานี’’ติ อนิยมิตวจเนน ภูตานิ ปริคฺคเหตฺวา ปุน ‘‘ภุมฺมานิ วา ยานิ ว อนฺตลิกฺเข’’ติ ทฺวิธา วิกปฺเปตฺวา ตโต ‘‘สพฺเพว ภูตา’’ติ ปุน เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘สุมนา ภวนฺตู’’ติ อิมินา วจเนน อาสยสมฺปตฺติยํ นิโยเชนฺโต ‘‘สกฺกจฺจ สุณนฺตุ ภาสิต’’นฺติ ปโยคสมฺปตฺติยํ, ตถา โยนิโสมนสิการสมฺปตฺติยํ ¶ ปรโตโฆสสมฺปตฺติยฺจ, ตถา อตฺตสมฺมาปณิธิสปฺปุริสูปนิสฺสยสมฺปตฺตีสุ สมาธิปฺาเหตุสมฺปตฺตีสุ จ นิโยเชนฺโต คาถํ สมาเปสิ.
ตสฺมา หีติคาถาวณฺณนา
๒. ตสฺมา หิ ภูตาติ ทุติยคาถา. ตตฺถ ตสฺมาติ การณวจนํ. ภูตาติ อามนฺตนวจนํ. นิสาเมถาติ สุณาถ. สพฺเพติ อนวเสสา. กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺมา ตุมฺเห ทิพฺพฏฺานานิ ตตฺถ อุปโภคปริโภคสมฺปทฺจ ปหาย ธมฺมสฺสวนตฺถํ อิธ สมาคตา, น นฏนจฺจนาทิทสฺสนตฺถํ, ตสฺมา หิ ภูตา นิสาเมถ สพฺเพติ. อถ วา ‘‘สุมนา ภวนฺตุ, สกฺกจฺจ สุณนฺตู’’ติ วจเนน เตสํ สุมนภาวํ สกฺกจฺจํ โสตุกมฺยตฺจ ทิสฺวา อาห ‘‘ยสฺมา ตุมฺเห สุมนภาเวน อตฺตสมฺมาปณิธิโยนิโสมนสิการาสยสุทฺธีหิ สกฺกจฺจํ โสตุกมฺยตาย สปฺปุริสูปนิสฺสยปรโตโฆสปทฏฺานโต ปโยคสุทฺธีหิ จ ยุตฺตา, ตสฺมา หิ ภูตา นิสาเมถ สพฺเพ’’ติ. อถ วา ยํ ¶ ปุริมคาถาย อนฺเต ‘‘ภาสิต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ การณภาเวน อปทิสนฺโต อาห ‘‘ยสฺมา มม ภาสิตํ นาม อติทุลฺลภํ อฏฺกฺขณปริวชฺชิตสฺส ขณสฺส ทุลฺลภตฺตา, อเนกานิสํสฺจ ปฺากรุณาคุเณน ปวตฺตตฺตา, ตฺจาหํ วตฺตุกาโม ‘สุณนฺตุ ภาสิต’นฺติ อโวจํ, ตสฺมา หิ ภูตา นิสาเมถ สพฺเพ’’ติ. อิทํ อิมินา คาถาปเทน วุตฺตํ โหติ.
เอวเมตํ การณํ นิโรเปนฺโต อตฺตโน ภาสิตนิสามเน นิโยเชตฺวา นิสาเมตพฺพํ วตฺตุมารทฺโธ ¶ ‘‘เมตฺตํ กโรถ มานุสิยา ปชายา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยายํ ตีหิ อุปทฺทเวหิ อุปทฺทุตา มานุสี ปชา, ตสฺสา มานุสิยา ปชาย เมตฺตํ มิตฺตภาวํ หิตชฺฌาสยตํ ปจฺจุปฏฺเปถาติ. เกจิ ปน ‘‘มานุสิกํ ปช’’นฺติ ปนฺติ, ตํ ภุมฺมตฺถาสมฺภวา น ยุชฺชติ. ยมฺปิ อฺเ อตฺถํ วณฺณยนฺติ, โสปิ น ยุชฺชติ. อธิปฺปาโย ปเนตฺถ – นาหํ พุทฺโธติ อิสฺสริยพเลน วทามิ, อปิ ตุ ยํ ตุมฺหากฺจ อิมิสฺสา จ มานุสิยา ปชาย หิตตฺถํ วทามิ ‘‘เมตฺตํ กโรถ มานุสิยา ปชายา’’ติ. เอตฺถ จ –
‘‘เย สตฺตสณฺฑํ ปถวึ วิเชตฺวา,
ราชิสโย ยชมานานุปริยคา;
อสฺสเมธํ ปุริสเมธํ,
สมฺมาปาสํ วาชเปยฺยํ นิรคฺคฬํ.
‘‘เมตฺตสฺส ¶ จิตฺตสฺส สุภาวิตสฺส,
กลมฺปิ เต นานุภวนฺติ โสฬสึ;
เอกมฺปิ เจ ปาณมทุฏฺจิตฺโต,
เมตฺตายติ กุสโล เตน โหติ.
‘‘สพฺเพ จ ปาเณ มนสานุกมฺปี, ปหูตมริโย ปกโรติ ปฺุ’’นฺติ. (อิติวุ. ๒๗; อ. นิ. ๘.๑) –
เอวมาทีนํ สุตฺตานํ เอกาทสานิสํสานฺจ วเสน เย เมตฺตํ กโรนฺติ, เอเตสํ เมตฺตา หิตาติ เวทิตพฺพา.
‘‘เทวตานุกมฺปิโต โปโส, สทา ภทฺรานิ ปสฺสตี’’ติ. (อุทา. ๗๖; มหาว. ๒๘๖) –
เอวมาทีนํ ¶ สุตฺตานํ วเสน เยสุ กยิรติ, เตสมฺปิ หิตาติ เวทิตพฺพา.
เอวํ อุภเยสมฺปิ หิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เมตฺตํ กโรถ มานุสิยา’’ติ วตฺวา อิทานิ อุปการมฺปิ ทสฺเสนฺโต อาห ¶ ‘‘ทิวา จ รตฺโต จ หรนฺติ เย พลึ, ตสฺมา หิ เน รกฺขถ อปฺปมตฺตา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – เย มนุสฺสา จิตฺตกมฺมกฏฺกมฺมาทีหิปิ เทวตา กตฺวา เจติยรุกฺขาทีนิ จ อุปสงฺกมิตฺวา เทวตา อุทฺทิสฺส ทิวา พลึ กโรนฺติ, กาลปกฺขาทีสุ จ รตฺตึ พลึ กโรนฺติ, สลากภตฺตาทีนิ วา ทตฺวา อารกฺขเทวตา อุปาทาย ยาว พฺรหฺมเทวตานํ ปตฺติทานนิยฺยาตเนน ทิวา พลึ กโรนฺติ, ฉตฺตาโรปนทีปมาลาย สพฺพรตฺติกธมฺมสฺสวนาทีนิ การาเปตฺวา ปตฺติทานนิยฺยาตเนน จ รตฺตึ พลึ กโรนฺติ, เต กถํ น รกฺขิตพฺพา? ยโต เอวํ ทิวา จ รตฺโต จ ตุมฺเห อุทฺทิสฺส กโรนฺติ เย พลึ, ตสฺมา หิ เน รกฺขถ; ตสฺมา พลิกมฺมกรณาปิ เต มนุสฺเส รกฺขถ โคปยถ, อหิตํ เนสํ อปเนถ, หิตํ อุปเนถ อปฺปมตฺตา หุตฺวา ตํ กตฺุภาวํ หทเย กตฺวา นิจฺจมนุสฺสรนฺตาติ.
ยํกิฺจีติคาถาวณฺณนา
๓. เอวํ เทวตาสุ มนุสฺสานํ อุปการกภาวํ ทสฺเสตฺวา เตสํ อุปทฺทววูปสมนตฺถํ พุทฺธาทิคุณปฺปกาสเนน ¶ จ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมสฺสวนตฺถํ ‘‘ยํกิฺจิ วิตฺต’’นฺติอาทินา นเยน สจฺจวจนํ ปยฺุชิตุมารทฺโธ. ตตฺถ ยํกิฺจีติ อนิยมิตวเสน อนวเสสํ ปริยาทิยติ ยํกิฺจิ ตตฺถ ตตฺถ โวหารูปคํ. วิตฺตนฺติ ธนํ. ตฺหิ วิตฺตึ ชเนตีติ วิตฺตํ. อิธ วาติ มนุสฺสโลกํ นิทฺทิสติ. หุรํ วาติ ตโต ปรํ อวเสสโลกํ, เตน จ เปตฺวา มนุสฺเส สพฺพโลกคฺคหเณ ปตฺเต ‘‘สคฺเคสุ วา’’ติ ปรโต วุตฺตตฺตา เปตฺวา มนุสฺเส จ สคฺเค จ อวเสสานํ นาคสุปณฺณาทีนํ คหณํ เวทิตพฺพํ.
เอวํ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ ยํ มนุสฺสานํ โวหารูปคํ อลงฺการปริโภคูปคฺจ ชาตรูปรชตมุตฺตามณิเวฬุริยปวาฬโลหิตงฺกมสารคลฺลาทิกํ, ยฺจ มุตฺตามณิวาลุกตฺถตาย ภูมิยา รตนมยวิมาเนสุ อเนกโยชนสตวิตฺถเตสุ ¶ ภวเนสุ อุปฺปนฺนานํ นาคสุปณฺณาทีนํ วิตฺตํ, ตํ นิทฺทิฏฺํ โหติ. สคฺเคสุ วาติ กามาวจรรูปาวจรเทวโลเกสุ. เต ¶ หิ โสภเนน กมฺเมน อชียนฺตีติ สคฺคา. สุฏฺุ อคฺคาติปิ สคฺคา. ยนฺติ ยํ สสามิกํ วา อสามิกํ วา. รตนนฺติ รตึ นยติ วหติ ชนยติ วฑฺเฒตีติ รตนํ. ยํกิฺจิ จิตฺตีกตํ มหคฺฆํ อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ อโนมสตฺตปริโภคฺจ, ตสฺเสตํ อธิวจนํ. ยถาห –
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติ.
ปณีตนฺติ อุตฺตมํ เสฏฺํ อตปฺปกํ. เอวํ อิมินา คาถาปเทน ยํ สคฺเคสุ อเนกโยชนสตปฺปมาณสพฺพรตนมยวิมานสุธมฺมเวชยนฺตปฺปภุตีสุ สสามิกํ, ยฺจ พุทฺธุปฺปาทวิรเหน อปายเมว ปริปูเรนฺเตสุ สตฺเตสุ สฺุวิมานปฺปฏิพทฺธํ อสามิกํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ ปถวิมหาสมุทฺทหิมวนฺตาทินิสฺสิตมสามิกํ รตนํ, ตํ นิทฺทิฏฺํ โหติ.
น โน สมํ อตฺถิ ตถาคเตนาติ น-อิติ ปฏิเสเธ. โน-อิติ อวธารเณ. สมนฺติ ตุลฺยํ. อตฺถีติ วิชฺชติ. ตถาคเตนาติ พุทฺเธน. กึ วุตฺตํ โหติ? ยํ เอตํ วิตฺตฺจ รตนฺจ ปกาสิตํ, เอตฺถ เอกมฺปิ พุทฺธรตเนน สทิสํ รตนํ เนวตฺถิ. ยมฺปิ หิ ตํ จิตฺตีกตฏฺเน รตนํ, เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนํ มณิรตนฺจ, ยมฺหิ อุปฺปนฺเน มหาชโน น อฺตฺถ จิตฺตีการํ กโรติ, น โกจิ ปุปฺผคนฺธาทีนิ คเหตฺวา ยกฺขฏฺานํ วา ภูตฏฺานํ วา คจฺฉติ, สพฺโพปิ ชโน จกฺกรตนมณิรตนเมว จิตฺตีการํ กโรติ ปูเชติ, ตํ ตํ วรํ ปตฺเถติ, ปตฺถิตปตฺถิตฺจสฺส เอกจฺจํ สมิชฺฌติ, ตมฺปิ รตนํ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ ¶ จิตฺตีกตฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคเต ¶ หิ อุปฺปนฺเน เย เกจิ มเหสกฺขา เทวมนุสฺสา น เต อฺตฺร จิตฺตีการํ กโรนฺติ, น กฺจิ อฺํ ปูเชนฺติ. ตถา หิ พฺรหฺมา สหมฺปติ สิเนรุมตฺเตน รตนทาเมน ตถาคตํ ปูเชสิ, ยถาพลฺจ อฺเ เทวา มนุสฺสา จ พิมฺพิสารโกสลราชอนาถปิณฺฑิกาทโย. ปรินิพฺพุตมฺปิ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ฉนฺนวุติโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา อโสกมหาราชา สกลชมฺพุทีเป จตุราสีติ วิหารสหสฺสานิ ปติฏฺาเปสิ, โก ปน วาโท อฺเสํ จิตฺตีการานํ. อปิจ กสฺสฺสฺส ปรินิพฺพุตสฺสาปิ ชาติโพธิธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนปรินิพฺพานฏฺานานิ ปฏิมาเจติยาทีนิ วา อุทฺทิสฺส เอวํ จิตฺตีการครุกาโร ปวตฺตติ ยถา ภควโต. เอวํจิตฺตีกตฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ตถา ¶ ยมฺปิ ตํ มหคฺฆฏฺเน รตนํ. เสยฺยถิทํ – กาสิกํ วตฺถํ. ยถาห – ‘‘ชิณฺณมฺปิ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ วณฺณวนฺตฺเจว โหติ สุขสมฺผสฺสฺจ มหคฺฆฺจา’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๐), ตมฺปิ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ มหคฺฆฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคโต หิ เยสํ ปํสุกมฺปิ ปฏิคฺคณฺหาติ, เตสํ ตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ เสยฺยถาปิ อโสกรฺโ, อิทมสฺส มหคฺฆตาย. เอวํ มหคฺฆตาวจเนน เจตฺถ โทสาภาวสาธกํ อิทํ สุตฺตปทํ เวทิตพฺพํ –
‘‘เยสํ โข ปน โส ปฏิคฺคณฺหาติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ, เตสํ ตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ. อิทมสฺส มหคฺฆตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ ตํ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ มหคฺฆํ, ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๐).
เอวํ มหคฺฆฏฺเนปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ตถา ยมฺปิ ตํ อตุลฏฺเน ¶ รตนํ. เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนํ อุปฺปชฺชติ อินฺทนีลมณิมยนาภิ สตฺตรตนมยสหสฺสารํ ปวาฬมยเนมิ รตฺตสุวณฺณมยสนฺธิ, ยสฺส ทสนฺนํ ทสนฺนํ อรานมุปริ เอกํ มุณฺฑารํ โหติ วาตํ คเหตฺวา สทฺทกรณตฺถํ, เยน กโต สทฺโท สุกุสลปฺปตาฬิตปฺจงฺคิกตูริยสทฺโท วิย โหติ, ยสฺส นาภิยา อุโภสุ ปสฺเสสุ ทฺเว สีหมุขานิ โหนฺติ, อพฺภนฺตรํ สกฏจกฺกสฺเสว สุสิรํ. ตสฺส กตฺตา วา กาเรตา วา นตฺถิ, กมฺมปจฺจเยน อุตุโต สมุฏฺาติ. ยํ ราชา ทสวิธํ จกฺกวตฺติวตฺตํ ปูเรตฺวา ตทหุโปสเถ ปุณฺณมทิวเส สีสํนฺหาโต อุโปสถิโก อุปริปาสาทวรคโต สีลานิ โสเธนฺโต นิสินฺโน ปุณฺณจนฺทํ ¶ วิย สูริยํ วิย จ อุฏฺเนฺตํ ปสฺสติ, ยสฺส ทฺวาทสโยชนโต สทฺโท สุยฺยติ, โยชนโต วณฺโณ ทิสฺสติ, ยํ มหาชเนน ‘‘ทุติโย มฺเ จนฺโท สูริโย วา อุฏฺิโต’’ติ อติวิย โกตูหลชาเตน ทิสฺสมานํ นครสฺส อุปริ อาคนฺตฺวา รฺโ อนฺเตปุรสฺส ปาจีนปสฺเส นาติอุจฺจํ นาตินีจํ หุตฺวา มหาชนสฺส คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูเชตุํ, ยุตฺตฏฺาเน อกฺขาหตํ วิย ติฏฺติ.
ตเทว ¶ อนุพนฺธมานํ หตฺถิรตนํ อุปฺปชฺชติ, สพฺพเสโต รตฺตปาโท สตฺตปฺปติฏฺโ อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม อุโปสถกุลา วา ฉทฺทนฺตกุลา วา อาคจฺฉติ, อุโปสถกุลา จ อาคจฺฉนฺโต สพฺพเชฏฺโ อาคจฺฉติ, ฉทฺทนฺตกุลา สพฺพกนิฏฺโ สิกฺขิตสิกฺโข ทมถูเปโต, โส ทฺวาทสโยชนํ ปริสํ คเหตฺวา สกลชมฺพุทีปํ อนุสํยายิตฺวา ปุเรปาตราสเมว สกํ ราชธานึ อาคจฺฉติ.
ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ อสฺสรตนํ อุปฺปชฺชติ, สพฺพเสโต รตฺตปาโท กาฬสีโส มฺุชเกโส วลาหกสฺสราชกุลา อาคจฺฉติ. เสสเมตฺถ หตฺถิรตนสทิสเมว.
ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ มณิรตนํ ¶ อุปฺปชฺชติ. โส โหติ มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต อายามโต จกฺกนาภิสทิโส, เวปุลฺลปพฺพตา อาคจฺฉติ. โส จตุรงฺคสมนฺนาคเตปิ อนฺธกาเร รฺโ ธชคฺคํ คโต โยชนํ โอภาเสติ, ยสฺโสภาเสน มนุสฺสา ‘‘ทิวา’’ติ มฺมานา กมฺมนฺเต ปโยเชนฺติ, อนฺตมโส กุนฺถกิปิลฺลิกํ อุปาทาย ปสฺสนฺติ.
ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ อิตฺถิรตนํ อุปฺปชฺชติ, ปกติอคฺคมเหสี วา โหติ, อุตฺตรกุรุโต วา อาคจฺฉติ มทฺทราชกุลโต วา, อติทีฆตาทิฉโทสวิวชฺชิตา อติกฺกนฺตา มานุสวณฺณํ อปฺปตฺตา ทิพฺพวณฺณํ, ยสฺสา รฺโ สีตกาเล อุณฺหานิ คตฺตานิ โหนฺติ, อุณฺหกาเล สีตานิ, สตธา โผฏิต ตูลปิจุโน วิย สมฺผสฺโส โหติ, กายโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ, ปุพฺพุฏฺายินิตาทิอเนกคุณสมนฺนาคตา จ โหติ.
ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ คหปติรตนํ อุปฺปชฺชติ รฺโ ปกติกมฺมกาโร เสฏฺิ, ยสฺส จกฺกรตเน อุปฺปนฺนมตฺเต ทิพฺพํ จกฺขุ ปาตุภวติ, เยน สมนฺตโต โยชนมตฺเต นิธึ ปสฺสติ อสามิกมฺปิ สสามิกมฺปิ, โส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปวาเรติ ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ, เทว, โหหิ, อหํ เต ธเนน ธนกรณียํ กริสฺสามี’’ติ.
ตมฺปิ ¶ ¶ อนุพนฺธมานํ ปริณายกรตนํ อุปฺปชฺชติ รฺโ ปกติเชฏฺปุตฺโต. จกฺกรตเน อุปฺปนฺนมตฺเต อติเรกปฺาเวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต โหติ, ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย เจตสา จิตฺตํ ปริชานิตฺวา นิคฺคหปคฺคหสมตฺโถ โหติ, โส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปวาเรติ ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ, เทว, โหหิ, อหํ เต รชฺชํ อนุสาสิสฺสามี’’ติ. ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ อตุลฏฺเน รตนํ, ยสฺส น สกฺกา ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา อคฺโฆ กาตุํ ‘‘สตํ วา สหสฺสํ วา อคฺฆติ โกฏึ วา’’ติ. ตตฺถ เอกรตนมฺปิ พุทฺธรตเนน สมํ ¶ นตฺถิ. ยทิ หิ อตุลฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคโต หิ น สกฺกา สีลโต วา สมาธิโต วา ปฺาทีนํ วา อฺตรโต เกนจิ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา ‘‘เอตฺตกคุโณ วา อิมินา สโม วา สปฺปฏิภาโค วา’’ติ ปริจฺฉินฺทิตุํ. เอวํ อตุลฏฺเนปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ตถา ยมฺปิ ตํ ทุลฺลภทสฺสนฏฺเน รตนํ, เสยฺยถิทํ ทุลฺลภปาตุภาโว ราชา จกฺกวตฺติ, จกฺกาทีนิ จ ตสฺส รตนานิ, ตมฺปิ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ ทุลฺลภทสฺสนฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ, กุโต จกฺกวตฺติอาทีนํ รตนตฺตํ. ตานิ หิ เอกสฺมึเยว กปฺเป อเนกานิ อุปฺปชฺชนฺติ. ยสฺมา ปน อสงฺขฺเยยฺเยปิ กปฺเป ตถาคตสฺุโ โลโก โหติ, ตสฺมา ตถาคโตว กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนโต ทุลฺลภทสฺสโน. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา ปรินิพฺพานสมเย –
‘‘เทวตา, อานนฺท, อุชฺฌายนฺติ ‘ทูรา จ วตมฺห อาคตา ตถาคตํ ทสฺสนาย, กทาจิ กรหจิ ตถาคตา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, อชฺเชว รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติ, อยฺจ มเหสกฺโข ภิกฺขุ ภควโต ปุรโต ิโต โอวาเรนฺโต, น มยํ ลภาม ปจฺฉิเม กาเล ตถาคตํ ทสฺสนายา’’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๐).
เอวํ ทุลฺลภทสฺสนฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ตถา ยมฺปิ ตํ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเน รตนํ. เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนาทิ ตฺหิ โกฏิสตสหสฺสธนานมฺปิ สตฺตภูมิกปาสาทวรตเล ¶ วสนฺตานมฺปิ จณฺฑาลเวนเนสาทรถการปุกฺกุสาทีนํ นีจกุลิกานํ โอมกปุริสานํ สุปินนฺเตปิ ¶ ปริโภคตฺถาย น นิพฺพตฺตติ. อุภโต สุชาตสฺส ปน รฺโ ขตฺติยสฺเสว ปริปูริตทสวิธจกฺกวตฺติวตฺตสฺส ปริโภคตฺถาย นิพฺพตฺตนโต อโนมสตฺตปริโภคํเยว โหติ, ตมฺปิ พุทฺธรตนสมํ นตฺถิ. ยทิ หิ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเน ¶ รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคโต หิ โลเก โอมกสตฺตสมฺมตานํ อนุปนิสฺสยสมฺปนฺนานํ วิปรีตทสฺสนานํ ปูรณกสฺสปาทีนํ ฉนฺนํ สตฺถารานํ อฺเสฺจ เอวรูปานํ สุปินนฺเตปิ อปริโภโค. อุปนิสฺสยสมฺปนฺนานํ ปน จตุปฺปทายปิ คาถาย ปริโยสาเน อรหตฺตมธิคนฺตุํ สมตฺถานํ นิพฺเพธิกาณทสฺสนานํ พาหิยทารุจีริยปฺปภุตีนํ อฺเสฺจ มหากุลปฺปสุตานํ มหาสาวกานํ ปริโภโค, เต หิ ตํ ทสฺสนานุตฺตริยสวนานุตฺตริยปาริจริยานุตฺตริยาทีนิ สาเธนฺตา ตถาคตํ ปริภฺุชนฺติ. เอวํ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ยมฺปิ ตํ อวิเสสโต รติชนนฏฺเน รตนํ. เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนํ. ตฺหิ ทิสฺวาว ราชา จกฺกวตฺติ อตฺตมโน โหติ, เอวมฺปิ ตํ รฺโ รตึ ชเนติ. ปุน จปรํ ราชา จกฺกวตฺติ วาเมน หตฺเถน สุวณฺณภิงฺการํ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิรติ ‘‘ปวตฺตตุ ภวํ จกฺกรตนํ, อภิวิชินาตุ ภวํ จกฺกรตน’’นฺติ. ตโต จกฺกรตนํ ปฺจงฺคิกํ วิย ตูริยํ มธุรสฺสรํ นิจฺฉรนฺตํ อากาเสน ปุรตฺถิมํ ทิสํ คจฺฉติ ¶ , อนฺวเทว ราชา, จกฺกวตฺติ จกฺกานุภาเวน ทฺวาทสโยชนวิตฺถิณฺณาย จตุรงฺคินิยา เสนาย นาติอุจฺจํ นาตินีจํ อุจฺจรุกฺขานํ เหฏฺาภาเคน, นีจรุกฺขานํ อุปริภาเคน, รุกฺเขสุ ปุปฺผผลปลฺลวาทิปณฺณาการํ คเหตฺวา อาคตานํ หตฺถโต ปณฺณาการฺจ คณฺหนฺโต ‘‘เอหิ โข, มหาราชา’’ติ เอวมาทินา ปรมนิปจฺจกาเรน อาคเต ปฏิราชาโน ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ’’ติอาทินา นเยน อนุสาสนฺโต คจฺฉติ. ยตฺถ ปน ราชา ภฺุชิตุกาโม วา ทิวาเสยฺยํ วา กปฺเปตุกาโม โหติ, ตตฺถ จกฺกรตนํ อากาสา โอโรหิตฺวา อุทกาทิสพฺพกิจฺจกฺขเม สเม ภูมิภาเค อกฺขาหตํ วิย ติฏฺติ. ปุน รฺโ คมนจิตฺเต อุปฺปนฺเน ปุริมนเยเนว สทฺทํ กโรนฺตํ คจฺฉติ, ตํ สุตฺวา ทฺวาทสโยชนิกาปิ ปริสา อากาเสน คจฺฉติ ¶ . จกฺกรตนํ อนุปุพฺเพน ปุรตฺถิมํ สมุทฺทํ อชฺโฌคาหติ, ตสฺมึ อชฺโฌคาหนฺเต อุทกํ โยชนปฺปมาณํ อปคนฺตฺวา ภิตฺตีกตํ วิย ติฏฺติ. มหาชโน ยถากามํ สตฺต รตนานิ คณฺหาติ. ปุน ราชา สุวณฺณภิงฺการํ คเหตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย มม รชฺช’’นฺติ อุทเกน อพฺภุกฺกิริตฺวา นิวตฺตติ. เสนา ปุรโต โหติ, จกฺกรตนํ ปจฺฉโต, ราชา มชฺเฌ. จกฺกรตเนน โอสกฺกิโตสกฺกิตฏฺานํ อุทกํ ปริปูรติ. เอเตเนว อุปาเยน ทกฺขิณปจฺฉิมุตฺตเรปิ สมุทฺเท คจฺฉติ.
เอวํ จตุทฺทิสํ อนุสํยายิตฺวา จกฺกรตนํ ติโยชนปฺปมาณํ อากาสํ อาโรหติ. ตตฺถ ิโต ราชา จกฺกรตนานุภาเวน วิชิตวิชโย ปฺจสตปริตฺตทีปปฏิมณฺฑิตํ สตฺตโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํ ¶ ปุพฺพวิเทหํ, ตถา อฏฺโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํ อุตฺตรกุรุํ, สตฺตโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํเยว ¶ อปรโคยานํ, ทสโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํ ชมฺพุทีปฺจาติ เอวํ จตุมหาทีปทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปฏิมณฺฑิตํ เอกํ จกฺกวาฬํ สุผุลฺลปุณฺฑรีกวนํ วิย โอโลเกติ. เอวํ โอโลกยโต จสฺส อนปฺปกา รติ อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ ตํ จกฺกรตนํ รฺโ รตึ ชเนติ, ตมฺปิ พุทฺธรตนสมํ นตฺถิ. ยทิ หิ รติชนนฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ, กึ กริสฺสติ เอตํ จกฺกรตนํ? ตถาคโต หิ ยสฺสา ทิพฺพาย รติยา จกฺกรตนาทีหิ สพฺเพหิปิ ชนิตา จกฺกวตฺติรติ สงฺขมฺปิ กลมฺปิ กลภาคมฺปิ น อุเปติ, ตโตปิ รติโต อุตฺตริตรฺจ ปณีตตรฺจ อตฺตโน โอวาทปฺปฏิกรานํ อสงฺขฺเยยฺยานมฺปิ เทวมนุสฺสานํ ปมชฺฌานรตึ ทุติยตติยจตุตฺถปฺจมชฺฌานรตึ, อากาสานฺจายตนรตึ, วิฺาณฺจายตนอากิฺจฺายตนเนวสฺานาสฺายตนรตึ, โสตาปตฺติมคฺครตึ, โสตาปตฺติผลรตึ, สกทาคามิอนาคามิอรหตฺตมคฺคผลรติฺจ ชเนติ. เอวํ รติชนนฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถีติ.
อปิจ รตนํ นาเมตํ ทุวิธํ โหติ สวิฺาณกมวิฺาณกฺจ. ตตฺถ อวิฺาณกํ จกฺกรตนํ มณิรตนฺจ, ยํ วา ปนฺมฺปิ อนินฺทฺริยพทฺธสุวณฺณรชตาทิ, สวิฺาณกํ หตฺถิรตนาทิปริณายกรตนปริโยสานํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ อินฺทฺริยพทฺธํ. เอวํ ทุวิเธ เจตฺถ สวิฺาณกรตนํ อคฺคมกฺขายติ ¶ . กสฺมา? ยสฺมา อวิฺาณกํ สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิรตนํ สวิฺาณกานํ หตฺถิรตนาทีนํ อลงฺการตฺถาย อุปนียติ.
สวิฺาณกรตนมฺปิ ทุวิธํ ติรจฺฉานคตรตนํ, มนุสฺสรตนฺจ. ตตฺถ มนุสฺสรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? ยสฺมา ติรจฺฉานคตรตนํ มนุสฺสรตนสฺส โอปวยฺหํ ¶ โหติ. มนุสฺสรตนมฺปิ ทุวิธํ อิตฺถิรตนํ, ปุริสรตนฺจ. ตตฺถ ปุริสรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? ยสฺมา อิตฺถิรตนํ ปุริสรตนสฺส ปริจาริกตฺตํ อาปชฺชติ. ปุริสรตนมฺปิ ทุวิธํ อคาริกรตนํ, อนคาริกรตนฺจ. ตตฺถ อนคาริกรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? ยสฺมา อคาริกรตเนสุ อคฺโค จกฺกวตฺติปิ สีลาทิคุณยุตฺตํ อนคาริกรตนํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อุปฏฺหิตฺวา ปยิรุปาสิตฺวา ทิพฺพมานุสิกา สมฺปตฺติโย ปาปุณิตฺวา อนฺเต นิพฺพานสมฺปตฺตึ ปาปุณาติ.
เอวํ อนคาริกรตนมฺปิ ทุวิธํ อริยปุถุชฺชนวเสน. อริยรตนมฺปิ ทุวิธํ เสขาเสขวเสน. อเสขรตนมฺปิ ทุวิธํ สุกฺขวิปสฺสกสมถยานิกวเสน. สมถยานิกรตนมฺปิ ¶ ทุวิธํ สาวกปารมิปฺปตฺตมปฺปตฺตฺจ. ตตฺถ สาวกปารมิปฺปตฺตํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? คุณมหนฺตตาย. สาวกปารมิปฺปตฺตรตนโตปิ ปจฺเจกพุทฺธรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? คุณมหนฺตตาย. สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานสทิสาปิ หิ อเนกสตา สาวกา เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส คุณานํ สตภาคมฺปิ น อุเปนฺติ. ปจฺเจกพุทฺธรตนโตปิ สมฺมาสมฺพุทฺธรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? คุณมหนฺตตาย. สกลมฺปิ หิ ชมฺพุทีปํ ปูเรตฺวา ปลฺลงฺเกน ปลฺลงฺกํ ฆเฏนฺตา นิสินฺนา ปจฺเจกพุทฺธา เอกสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส คุณานํ เนว สงฺขํ น กลํ น กลภาคํ อุเปนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; อิติวุ. ๙๐). เอวํ เกนจิ ปริยาเยน ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ. เตนาห ภควา – ‘‘น โน สมํ อตฺถิ ¶ ตถาคเตนา’’ติ.
เอวํ ภควา พุทฺธรตนสฺส อฺเหิ รตเนหิ อสมตํ วตฺวา อิทานิ เตสํ สตฺตานํ อุปฺปนฺนอุปทฺทววูปสมตฺถํ เนว ชาตึ น โคตฺตํ น โกลปุตฺติยํ น วณฺณโปกฺขรตาทึ นิสฺสาย, อปิจ โข อวีจิมุปาทาย ภวคฺคปริยนฺเต ¶ โลเก สีลสมาธิกฺขนฺธาทีหิ คุเณหิ พุทฺธรตนสฺส อสทิสภาวํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตํ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตู’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อิทมฺปิ อิธ วา หุรํ วา สคฺเคสุ วา ยํกิฺจิ อตฺถิ วิตฺตํ วา รตนํ วา, เตน สทฺธึ เตหิ เตหิ คุเณหิ อสมตฺตา พุทฺเธ รตนํ ปณีตํ. ยทิ หิ เอตํ สจฺจํ, อถ เอเตน สจฺเจน อิเมสํ ปาณีนํ สุวตฺถิ โหตุ, โสภนานํ อตฺถิตา โหตุ อโรคตา นิรุปทฺทวตาติ. เอตฺถ จ ยถา ‘‘จกฺขุ โข, อานนฺท, สฺุํ อตฺเตน วา อตฺตนิเยน วา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๕) อตฺตภาเวน วา อตฺตนิยภาเวน วาติ อตฺโถ. อิตรถา หิ จกฺขุ อตฺตา วา อตฺตนิยํ วาติ อปฺปฏิสิทฺธเมว สิยา. เอวํ รตนํ ปณีตนฺติ รตนตฺตํ ปณีตํ, รตนภาโว ปณีโตติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิตรถา หิ พุทฺโธ เนว รตนนฺติ สิชฺเฌยฺย. น หิ ยตฺถ รตนํ อตฺถิ, ตํ รตนนฺติ น สิชฺฌติ. ยตฺถ ปน จิตฺตีกตาทิอตฺถสงฺขาตํ เยน วา เตน วา วิธินา สมฺพนฺธคตํ รตนํ อตฺถิ, ยสฺมา ตํ รตนตฺตมุปาทาย รตนนฺติ ปฺาปียติ, ตสฺมา ตสฺส รตนสฺส อตฺถิตาย รตนนฺติ สิชฺฌติ. อถ วา อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนนฺติ อิมินาปิ ปกาเรน พุทฺโธว รตนนฺติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. วุตฺตมตฺตาย จ ภควตา อิมาย คาถาย ราชกุลสฺส โสตฺถิ ชาตา, ภยํ วูปสนฺตํ. อิมิสฺสา คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
ขยํ วิราคนฺติคาถาวณฺณนา
๔. เอวํ ¶ ¶ พุทฺธคุเณน สจฺจํ วตฺวา อิทานิ นิพฺพานธมฺมคุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ขยํ วิราค’’นฺติ. ตตฺถ ยสฺมา นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย ราคาทโย ขีณา โหนฺติ ปริกฺขีณา, ยสฺมา วา ตํ เตสํ อนุปฺปาทนิโรธกฺขยมตฺตํ, ยสฺมา จ ตํ ราคาทิวิปฺปยุตฺตํ สมฺปโยคโต จ อารมฺมณโต จ, ยสฺมา วา ตมฺหิ สจฺฉิกเต ราคาทโย อจฺจนฺตํ วิรตฺตา โหนฺติ วิคตา วิทฺธสฺตา, ตสฺมา ขยนฺติ จ วิราคนฺติ จ วุจฺจติ. ยสฺมา ปนสฺส น อุปฺปาโท ปฺายติ, น วโย, น ิตสฺส อฺถตฺตํ ตสฺมา ตํ น ชายติ น ชียติ น มียตีติ กตฺวา อมตนฺติ วุจฺจติ. อุตฺตมตฺเถน ปน อตปฺปกฏฺเน จ ปณีตนฺติ. ยทชฺฌคาติ ยํ อชฺฌคา วินฺทิ ปฏิลภิ, อตฺตโน าณพเลน สจฺฉากาสิ. สกฺยมุนีติ ¶ สกฺยกุลปฺปสุตตฺตา สกฺโย, โมเนยฺยธมฺมสมนฺนาคตตฺตา มุนิ, สกฺโย เอว มุนิ สกฺยมุนิ. สมาหิโตติ อริยมคฺคสมาธินา สมาหิตจิตฺโต. น เตน ธมฺเมน สมตฺถิ กิฺจีติ เตน ขยาทินามเกน สกฺยมุนินา อธิคเตน ธมฺเมน สมํ กิฺจิ ธมฺมชาตํ นตฺถิ. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).
เอวํ ภควา นิพฺพานธมฺมสฺส อฺเหิ ธมฺเมหิ อสมตํ วตฺวา อิทานิ เตสํ สตฺตานํ อุปฺปนฺนอุปทฺทววูปสมตฺถํ ขยวิราคามตปณีตตาคุเณหิ นิพฺพานธมฺมรตนสฺส อสทิสภาวํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ ธมฺเม รตนํ ปณีตํ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตู’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุริมคาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
ยํ พุทฺธเสฏฺโติคาถาวณฺณนา
๕. เอวํ นิพฺพานธมฺมคุเณน สจฺจํ วตฺวา อิทานิ มคฺคธมฺมคุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ยํ พุทฺธเสฏฺโ’’ติ. ตตฺถ ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานี’’ติอาทินา นเยน พุทฺโธ ¶ , อุตฺตโม ปสํสนีโย จาติ เสฏฺโ, พุทฺโธ จ โส เสฏฺโ จาติ พุทฺธเสฏฺโ, อนุพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสุตพุทฺธขฺเยสุ วา พุทฺเธสุ เสฏฺโติ พุทฺธเสฏฺโ. โส พุทฺธเสฏฺโ ยํ ปริวณฺณยี ‘‘อฏฺงฺคิโกว มคฺคานํ, เขมํ นิพฺพานปตฺติยา’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๑๕) จ ‘‘อริยํ โว, ภิกฺขเว, สมฺมาสมาธึ เทสิสฺสามิ สอุปนิสํ สปริกฺขาร’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๓๖) จ เอวมาทินา นเยน ตตฺถ ตตฺถ ¶ ปสํสิ ปกาสยิ. สุจินฺติ กิเลสมลสมุจฺเฉทกรณโต อจฺจนฺตโวทานํ. สมาธิมานนฺตริกฺมาหูติ ยฺจ อตฺตโน ปวตฺติสมนนฺตรํ นิยเมเนว ผลปทานโต ‘‘อานนฺตริกสมาธี’’ติ อาหุ. น หิ มคฺคสมาธิมฺหิ อุปฺปนฺเน ตสฺส ผลุปฺปตฺตินิเสธโก โกจิ อนฺตราโย อตฺถิ. ยถาห –
‘‘อยฺจ ปุคฺคโล โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน อสฺส, กปฺปสฺส จ อุฑฺฑยฺหนเวลา อสฺส, เนว ตาว กปฺโป อุฑฺฑยฺเหยฺย, ยาวายํ ปุคฺคโล น โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกโรติ, อยํ ¶ วุจฺจติ ปุคฺคโล ิตกปฺปี. สพฺเพปิ มคฺคสมงฺคิโน ปุคฺคลา ิตกปฺปิโน’’ติ (ปุ. ป. ๑๗).
สมาธินา เตน สโม น วิชฺชตีติ เตน พุทฺธเสฏฺปริวณฺณิเตน สุจินา อานนฺตริกสมาธินา สโม รูปาวจรสมาธิ วา อรูปาวจรสมาธิ วา โกจิ น วิชฺชติ. กสฺมา? เตสํ ภาวิตตฺตา ตตฺถ ตตฺถ พฺรหฺมโลเก อุปปนฺนสฺสาปิ ปุน นิรยาทีสุปิ อุปปตฺติสมฺภวโต, อิมสฺส จ อรหตฺตสมาธิสฺส ภาวิตตฺตา อริยปุคฺคลสฺส สพฺพูปปตฺติสมุคฺฆาตสมฺภวโต. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา ¶ สงฺขตา…เป… อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).
เอวํ ภควา อานนฺตริกสมาธิสฺส อฺเหิ สมาธีหิ อสมตํ วตฺวา อิทานิ ปุริมนเยเนว มคฺคธมฺมรตนสฺส อสทิสภาวํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ ธมฺเม…เป… โหตู’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
เย ปุคฺคลาติคาถาวณฺณนา
๖. เอวํ มคฺคธมฺมคุเณนาปิ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ สงฺฆคุเณนาปิ วตฺตุมารทฺโธ ‘‘เย ปุคฺคลา’’ติ. ตตฺถ เยติ อนิยเมตฺวา อุทฺเทโส. ปุคฺคลาติ สตฺตา. อฏฺาติ เตสํ คณนปริจฺเฉโท. เต หิ จตฺตาโร จ ปฏิปนฺนา จตฺตาโร จ ผเล ิตาติ อฏฺ โหนฺติ. สตํ ปสตฺถาติ สปฺปุริเสหิ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวเกหิ อฺเหิ จ เทวมนุสฺเสหิ ปสตฺถา. กสฺมา? สหชาตสีลาทิคุณโยคา. เตสฺหิ จมฺปกวกุลกุสุมาทีนํ สหชาตวณฺณคนฺธาทโย วิย สหชาตา สีลสมาธิอาทโย คุณา, เตน เต วณฺณคนฺธาทิสมฺปนฺนานิ วิย ปุปฺผานิ เทวมนุสฺสานํ ¶ สตํ ปิยา มนาปา ปสํสนียา จ โหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เย ปุคฺคลา อฏฺสตํ ปสตฺถา’’ติ.
อถ วา เยติ อนิยเมตฺวา อุทฺเทโส. ปุคฺคลาติ สตฺตา. อฏฺสตนฺติ เตสํ คณนปริจฺเฉโท. เต หิ เอกพีชี โกลํโกโล สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ ตโย โสตาปนฺนา. กามรูปารูปภเวสุ อธิคตผลา ¶ ตโย สกทาคามิโน. เต สพฺเพปิ จตุนฺนํ ปฏิปทานํ วเสน จตุวีสติ. อนฺตราปรินิพฺพายี, อุปหจฺจปรินิพฺพายี, สสงฺขารปรินิพฺพายี, อสงฺขารปรินิพฺพายี, อุทฺธํโสโต, อกนิฏฺคามีติ อวิเหสุ ปฺจ. ตถา อตปฺปสุทสฺสสุทสฺสีสุ ¶ . อกนิฏฺเสุ ปน อุทฺธํโสตวชฺชา จตฺตาโรติ จตุวีสติ อนาคามิโน. สุกฺขวิปสฺสโก สมถยานิโกติ ทฺเว อรหนฺโต. จตฺตาโร มคฺคฏฺาติ จตุปฺาส. เต สพฺเพปิ สทฺธาธุรปฺาธุรานํ วเสน ทิคุณา หุตฺวา อฏฺสตํ โหนฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
จตฺตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนฺตีติ เต สพฺเพปิ อฏฺ วา อฏฺสตํ วาติ วิตฺถารวเสน อุทฺทิฏฺปุคฺคลา สงฺเขปวเสน โสตาปตฺติมคฺคฏฺโ ผลฏฺโติ เอกํ ยุคํ, เอวํ ยาว อรหตฺตมคฺคฏฺโ ผลฏฺโติ เอกํ ยุคนฺติ จตฺตาริ ยุคานิ โหนฺติ. เต ทกฺขิเณยฺยาติ เอตฺถ เตติ ปุพฺเพ อนิยเมตฺวา อุทฺทิฏฺานํ นิยเมตฺวา นิทฺเทโส. เย ปุคฺคลา วิตฺถารวเสน อฏฺ วา, อฏฺสตํ วา, สงฺเขปวเสน จตฺตาริ ยุคานิ โหนฺตีติ วุตฺตา, สพฺเพปิ เต ทกฺขิณํ อรหนฺตีติ ทกฺขิเณยฺยา. ทกฺขิณา นาม กมฺมฺจ กมฺมวิปากฺจ สทฺทหิตฺวา ‘‘เอส เม อิทํ เวชฺชกมฺมํ วา ชงฺฆเปสนิกํ วา กริสฺสตี’’ติ เอวมาทีนิ อนเปกฺขิตฺวา ทิยฺยมาโน เทยฺยธมฺโม, ตํ อรหนฺติ นาม สีลาทิคุณยุตฺตา ปุคฺคลา, อิเม จ ตาทิสา, เตน วุจฺจนฺติ ‘‘เต ทกฺขิเณยฺยา’’ติ.
สุคตสฺส สาวกาติ ภควา โสภเนน คมเนน ยุตฺตตฺตา, โสภนฺจ านํ คตตฺตา, สุฏฺุ จ คตตฺตา, สุฏฺุ เอว จ คทตฺตา สุคโต, ตสฺส สุคตสฺส. สพฺเพปิ เต วจนํ สุณนฺตีติ สาวกา. กามฺจ อฺเปิ สุณนฺติ, น ปน สุตฺวา กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรนฺติ, อิเม ปน สุตฺวา กตฺตพฺพํ ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺตึ กตฺวา มคฺคผลานิ ปตฺตา, ตสฺมา ‘‘สาวกา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานีติ เอเตสุ สุคตสาวเกสุ อปฺปกานิปิ ทานานิ ทินฺนานิ ปฏิคฺคาหกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิภาวํ อุปคตตฺตา มหปฺผลานิ โหนฺติ. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ –
‘‘ยาวตา ¶ , ภิกฺขเว ¶ , สงฺฆา วา คณา วา ตถาคตสาวกสงฺโฆ, เตสํ อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ…เป… อคฺโค วิปาโก โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; อิติวุ. ๙๐).
เอวํ ¶ ภควา สพฺเพสมฺปิ มคฺคฏฺผลฏฺานํ วเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
เย สุปฺปยุตฺตาติคาถาวณฺณนา
๗. เอวํ มคฺคฏฺผลฏฺานํ วเสน สงฺฆคุเณน สจฺจํ วตฺวา อิทานิ ตโต เอกจฺจานํ ผลสมาปตฺติสุขมนุภวนฺตานํ ขีณาสวปุคฺคลานํเยว คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘เย สุปฺปยุตฺตา’’ติ. ตตฺถ เยติ อนิยมิตุทฺเทสวจนํ. สุปฺปยุตฺตาติ สุฏฺุ ปยุตฺตา, อเนกวิหิตํ อเนสนํ ปหาย สุทฺธาชีวิตํ นิสฺสาย วิปสฺสนาย อตฺตานํ ปยฺุชิตุมารทฺธาติ อตฺโถ. อถ วา สุปฺปยุตฺตาติ สุวิสุทฺธกายวจีปโยคสมนฺนาคตา, เตน เตสํ สีลกฺขนฺธํ ทสฺเสติ. มนสา ทฬฺเหนาติ ทฬฺเหน มนสา, ถิรสมาธิยุตฺเตน เจตสาติ อตฺโถ. เตน เตสํ สมาธิกฺขนฺธํ ทสฺเสติ. นิกฺกามิโนติ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขา หุตฺวา ปฺาธุเรน วีริเยน สพฺพกิเลเสหิ กตนิกฺกมนา. เตน เตสํ วีริยสมฺปนฺนํ ปฺกฺขนฺธํ ทสฺเสติ.
โคตมสาสนมฺหีติ โคตฺตโต โคตมสฺส ตถาคตสฺเสว สาสนมฺหิ. เตน อิโต พหิทฺธา นานปฺปการมฺปิ อมรตปํ กโรนฺตานํ สุปฺปโยคาทิคุณาภาวโต กิเลเสหิ นิกฺกมนาภาวํ ทสฺเสติ. เตติ ปุพฺเพ อุทฺทิฏฺานํ นิทฺเทสวจนํ. ปตฺติปตฺตาติ เอตฺถ ปตฺตพฺพาติ ปตฺติ, ปตฺตพฺพา นาม ปตฺตุํ อรหา, ยํ ปตฺวา อจฺจนฺตโยคกฺเขมิโน ¶ โหนฺติ, อรหตฺตผลสฺเสตํ อธิวจนํ, ตํ ปตฺตึ ปตฺตาติ ปตฺติปตฺตา. อมตนฺติ นิพฺพานํ. วิคยฺหาติ อารมฺมณวเสน วิคาหิตฺวา. ลทฺธาติ ลภิตฺวา. มุธาติ อพฺยเยน กากณิกมตฺตมฺปิ พฺยยํ อกตฺวา. นิพฺพุตินฺติ ปฏิปฺปสฺสทฺธกิเลสทรถํ ผลสมาปตฺตึ. ภฺุชมานาติ อนุภวมานา. กึ วุตฺตํ โหติ? เย อิมสฺมึ โคตมสาสนมฺหิ สีลสมฺปนฺนตฺตา สุปฺปยุตฺตา, สมาธิสมฺปนฺนตฺตา มนสา ทฬฺเหน, ปฺาสมฺปนฺนตฺตา นิกฺกามิโน ¶ , เต อิมาย สมฺมาปฏิปทาย อมตํ วิคยฺห มุธา ลทฺธา ผลสมาปตฺติสฺิตํ นิพฺพุตึ ภฺุชมานา ปตฺติปตฺตา นาม โหนฺตีติ.
เอวํ ¶ ภควา ผลสมาปตฺติสุขมนุภวนฺตานํ ขีณาสวปุคฺคลานเมว วเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
ยถินฺทขีโลติคาถาวณฺณนา
๘. เอวํ ขีณาสวปุคฺคลานํ คุเณน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ พหุชนปจฺจกฺเขน โสตาปนฺนสฺเสว คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ยถินฺทขีโล’’ติ. ตตฺถ ยถาติ อุปมาวจนํ. อินฺทขีโลติ นครทฺวารวินิวารณตฺถํ อุมฺมารพฺภนฺตเร อฏฺ วา ทส วา หตฺเถ ปถวึ ขณิตฺวา อาโกฏิตสฺส สารทารุมยถมฺภสฺเสตํ อธิวจนํ. ปถวินฺติ ภูมึ. สิโตติ อนฺโต ปวิสิตฺวา นิสฺสิโต. สิยาติ ภเวยฺย. จตุพฺภิ วาเตหีติ จตูหิ ทิสาหิ อาคเตหิ วาเตหิ. อสมฺปกมฺปิโยติ กมฺเปตุํ วา จาเลตุํ วา อสกฺกุเณยฺโย. ตถูปมนฺติ ตถาวิธํ. สปฺปุริสนฺติ อุตฺตมปุริสํ. วทามีติ ภณามิ. โย อริยสจฺจานิ อเวจฺจ ปสฺสตีติ โย จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปฺาย อชฺโฌคาเหตฺวา ปสฺสติ. ตตฺถ อริยสจฺจานิ กุมารปฺเห วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.
อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา หิ อินฺทขีโล ¶ คมฺภีรเนมตาย ปถวิสฺสิโต จตุพฺภิ วาเตหิ อสมฺปกมฺปิโย สิยา, อิมมฺปิ สปฺปุริสํ ตถูปมเมว วทามิ, โย อริยสจฺจานิ อเวจฺจ ปสฺสติ. กสฺมา? ยสฺมา โสปิ อินฺทขีโล วิย จตูหิ วาเตหิ สพฺพติตฺถิยวาทวาเตหิ อสมฺปกมฺปิโย โหติ, ตมฺหา ทสฺสนา เกนจิ กมฺเปตุํ วา จาเลตุํ วา อสกฺกุเณยฺโย. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อโยขีโล วา อินฺทขีโล วา คมฺภีรเนโม สุนิขาโต อจโล อสมฺปกมฺปี, ปุรตฺถิมาย เจปิ ทิสาย อาคจฺเฉยฺย ภุสา วาตวุฏฺิ, เนว นํ สงฺกมฺเปยฺย น สมฺปกมฺเปยฺย น สมฺปจาเลยฺย. ปจฺฉิมาย…เป… ทกฺขิณาย, อุตฺตรายปิ เจ…เป… น สมฺปจาเลยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? คมฺภีรตฺตา, ภิกฺขเว, เนมสฺส ¶ , สุนิขาตตฺตา อินฺทขีลสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย จ โข เกจิ สมณา วา ¶ พฺราหฺมณา วา ‘อิทํ ทุกฺขนฺติ…เป… ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานนฺติ, เต น อฺสฺส สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา มุขํ โอโลเกนฺติ ‘อยํ นูน ภวํ ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สุทิฏฺตฺตา, ภิกฺขเว, จตุนฺนํ อริยสจฺจาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๙).
เอวํ ภควา พหุชนปจฺจกฺขสฺส โสตาปนฺนสฺเสว วเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
เย อริยสจฺจานีติคาถาวณฺณนา
๙. เอวํ อวิเสสโต โสตาปนฺนสฺส คุเณน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ เย เต ตโย โสตาปนฺนา เอกพีชี โกลํโกโล สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ. ยถาห –
‘‘อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหติ…เป… โส เอกํเยว ภวํ นิพฺพตฺติตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ เอกพีชี. ตถา ทฺเว วา ตีณิ วา กุลานิ สนฺธาวิตฺวา ¶ สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ โกลํโกโล. ตถา สตฺตกฺขตฺตุํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ สตฺตกฺขตฺตุปรโม’’ติ (ปุ. ป. ๓๑-๓๓).
เตสํ สพฺพกนิฏฺสฺส สตฺตกฺขตฺตุปรมสฺส คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘เย อริยสจฺจานี’’ติ. ตตฺถ เย อริยสจฺจานีติ เอตํ วุตฺตนยเมว. วิภาวยนฺตีติ ปฺาโอภาเสน สจฺจปฺปฏิจฺฉาทกํ กิเลสนฺธการํ วิธมิตฺวา อตฺตโน ปกาสานิ ปากฏานิ กโรนฺติ. คมฺภีรปฺเนาติ อปฺปเมยฺยปฺตาย สเทวกสฺส โลกสฺส าเณน อลพฺภเนยฺยปฺปติฏฺปฺเน, สพฺพฺุนาติ วุตฺตํ โหติ. สุเทสิตานีติ สมาสพฺยาสสากลฺยเวกลฺยาทีหิ เตหิ เตหิ นเยหิ สุฏฺุ เทสิตานิ. กิฺจาปิ เต โหนฺติ ¶ ภุสํ ปมตฺตาติ เต วิภาวิตอริยสจฺจา ปุคฺคลา กิฺจาปิ เทวรชฺชจกฺกวตฺติรชฺชาทิปฺปมาทฏฺานํ อาคมฺม ภุสํ ปมตฺตา โหนฺติ, ตถาปิ โสตาปตฺติมคฺคาเณน อภิสงฺขารวิฺาณสฺส นิโรเธน เปตฺวา สตฺต ภเว อนมตคฺเค สํสาเร เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ นามฺจ รูปฺจ, เตสํ นิรุทฺธตฺตา อตฺถงฺคตตฺตา น อฏฺมํ ภวํ อาทิยนฺติ, สตฺตมภเว เอว ปน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณนฺติ.
เอวํ ¶ ภควา สตฺตกฺขตฺตุปรมวเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
สหาวสฺสาติคาถาวณฺณนา
๑๐. เอวํ สตฺตกฺขตฺตุปรมสฺส อฏฺมํ ภวํ อนาทิยนคุเณน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ ตสฺเสว สตฺต ภเว อาทิยโตปิ อฺเหิ อปฺปหีนภวาทาเนหิ ปุคฺคเลหิ วิสิฏฺเน คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘สหาวสฺสา’’ติ ¶ . ตตฺถ สหาวาติ สทฺธึเยว. อสฺสาติ ‘‘น เต ภวํ อฏฺมมาทิยนฺตี’’ติ วุตฺเตสุ อฺตรสฺส. ทสฺสนสมฺปทายาติ โสตาปตฺติมคฺคสมฺปตฺติยา. โสตาปตฺติมคฺโค หิ นิพฺพานํ ทิสฺวา กตฺตพฺพกิจฺจสมฺปทาย สพฺพปมํ นิพฺพานทสฺสนโต ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺส อตฺตนิ ปาตุภาโว ทสฺสนสมฺปทา, ตาย ทสฺสนสมฺปทาย สห เอว. ตยสฺสุ ธมฺมา ชหิตา ภวนฺตีติ เอตฺถ อสฺสุ-อิติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต ‘‘อิทํ สุ เม, สาริปุตฺต, มหาวิกฏโภชนสฺมึ โหตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๖) วิย. ยโต สหาวสฺส ทสฺสนสมฺปทาย ตโย ธมฺมา ชหิตา ภวนฺติ ปหีนา โหนฺตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
อิทานิ ชหิตธมฺมทสฺสนตฺถมาห ‘‘สกฺกายทิฏฺี วิจิกิจฺฉิตฺจ, สีลพฺพตํ วาปิ ยทตฺถิ กิฺจี’’ติ. ตตฺถ สติ กาเย วิชฺชมาเน อุปาทานกฺขนฺธปฺจกาขฺเย กาเย วีสติวตฺถุกา ทิฏฺิ สกฺกายทิฏฺิ, สตี วา ตตฺถ กาเย ทิฏฺีติปิ สกฺกายทิฏฺิ, ยถาวุตฺตปฺปกาเร กาเย วิชฺชมานา ทิฏฺีติ อตฺโถ. สติเยว วา กาเย ทิฏฺีติปิ สกฺกายทิฏฺิ, ยถาวุตฺตปฺปกาเร กาเย วิชฺชมาเน ¶ รูปาทิสงฺขาโต อตฺตาติ เอวํ ปวตฺตา ทิฏฺีติ อตฺโถ. ตสฺสา จ ปหีนตฺตา สพฺพทิฏฺิคตานิ ปหีนาเนว โหนฺติ. สา หิ เนสํ มูลํ. สพฺพกิเลสพฺยาธิวูปสมนโต ปฺา‘‘จิกิจฺฉิต’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ ปฺาจิกิจฺฉิตํ อิโต วิคตํ, ตโต วา ปฺาจิกิจฺฉิตา อิทํ วิคตนฺติ วิจิกิจฺฉิตํ. ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๐๘; วิภ. ๙๑๕) นเยน วุตฺตาย อฏฺวตฺถุกาย วิมติยา เอตํ อธิวจนํ. ตสฺสา ปหีนตฺตา สพฺพานิปิ วิจิกิจฺฉิตานิ ปหีนานิ โหนฺติ. ตฺหิ เนสํ มูลํ. ‘‘อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณานํ ¶ สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธี’’ติ เอวมาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๒๒; วิภ. ๙๓๘) อาคตํ โคสีลกุกฺกุรสีลาทิกํ สีลํ โควตกุกฺกุรวตาทิกฺจ วตํ สีลพฺพตนฺติ วุจฺจติ, ตสฺส ปหีนตฺตา สพฺพมฺปิ นคฺคิยมุณฺฑิกาทิอมรตปํ ปหีนํ โหติ. ตฺหิ ตสฺส มูลํ, เตเนว สพฺพาวสาเน วุตฺตํ ‘‘ยทตฺถิ กิฺจี’’ติ. ทุกฺขทสฺสนสมฺปทาย เจตฺถ สกฺกายทิฏฺิ ¶ สมุทยทสฺสนสมฺปทาย วิจิกิจฺฉิตํ, มคฺคทสฺสนนิพฺพานทสฺสนสมฺปทาย สีลพฺพตํ ปหียตีติ วิฺาตพฺพํ.
จตูหปาเยหีติคาถาวณฺณนา
๑๑. เอวมสฺส กิเลสวฏฺฏปฺปหานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺมึ กิเลสวฏฺเฏ สติ เยน วิปากวฏฺเฏน ภวิตพฺพํ, ตปฺปหานา ตสฺสาปิ ปหานํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘จตูหปาเยหิ จ วิปฺปมุตฺโต’’ติ. ตตฺถ จตฺตาโร อปายา นาม นิรยติรจฺฉานเปตฺติวิสยอสุรกายา. เตหิ เอส สตฺต ภเว อาทิยนฺโตปิ วิปฺปมุตฺโตติ อตฺโถ.
เอวมสฺส วิปากวฏฺฏปฺปหานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยมสฺส วิปากวฏฺฏสฺส มูลภูตํ กมฺมวฏฺฏํ, ตสฺสาปิ ปหานํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ฉจฺจาภิานานิ อภพฺพ กาตุ’’นฺติ. ตตฺถ อภิานานีติ โอฬาริกฏฺานานิ, ตานิ เอส ฉ อภพฺโพ กาตุํ. ตานิ จ ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล มาตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺยา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๑.๒๗๑; ม. นิ. ๓.๑๒๘; วิภ. ๘๐๙) นเยน เอกกนิปาเต วุตฺตานิ มาตุฆาตปิตุฆาตอรหนฺตฆาตโลหิตุปฺปาทสงฺฆเภทอฺสตฺถารุทฺเทสกมฺมานีติ เวทิตพฺพานิ. ตานิ หิ กิฺจาปิ ทิฏฺิสมฺปนฺโน อริยสาวโก กุนฺถกิปิลฺลิกมฺปิ ชีวิตา น โวโรเปติ, อปิจ ¶ โข ปน ปุถุชฺชนภาวสฺส วิครหณตฺถํ วุตฺตานิ. ปุถุชฺชโน หิ อทิฏฺิสมฺปนฺนตฺตา เอวํมหาสาวชฺชานิ อภิานานิปิ กโรติ, ทสฺสนสมฺปนฺโน ปน อภพฺโพ ตานิ กาตุนฺติ. อภพฺพคฺคหณฺเจตฺถ ภวนฺตเรปิ อกรณทสฺสนตฺถํ. ภวนฺตเรปิ หิ เอส อตฺตโน อริยสาวกภาวํ อชานนฺโตปิ ธมฺมตาย เอว เอตานิ วา ฉ ปกติปาณาติปาตาทีนิ ¶ วา ปฺจ เวรานิ อฺสตฺถารุทฺเทเสน สห ฉ านานิ น กโรติ, ยานิ สนฺธาย เอกจฺเจ ‘‘ฉ ฉาภิานานี’’ติปิ ปนฺติ. มตมจฺฉคฺคาหาทโย เจตฺถ อริยสาวกคามทารกานํ นิทสฺสนํ.
เอวํ ภควา สตฺต ภเว อาทิยโตปิ อริยสาวกสฺส อฺเหิ อปฺปหีนภวาทาเนหิ ปุคฺคเลหิ วิสิฏฺคุณวเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
กิฺจาปิ โสติคาถาวณฺณนา
๑๒. เอวํ ¶ สตฺต ภเว อาทิยโตปิ อฺเหิ อปฺปหีนภวาทาเนหิ ปุคฺคเลหิ วิสิฏฺคุเณน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ น เกวลํ ทสฺสนสมฺปนฺโน ฉ อภิานานิ อภพฺโพ กาตุํ, กินฺตุ อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตฺวา ตสฺส ปฏิจฺฉาทนายปิ อภพฺโพติ ปมาทวิหาริโนปิ ทสฺสนสมฺปนฺนสฺส กตปฺปฏิจฺฉาทนาภาวคุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘กิฺจาปิ โส กมฺม กโรติ ปาปก’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – โส ทสฺสนสมฺปนฺโน กิฺจาปิ สติสมฺโมเสน ปมาทวิหารํ อาคมฺม ยํ ตํ ภควตา โลกวชฺชํ สฺจิจฺจาติกฺกมนํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’’ติ (จูฬว. ๓๘๕; อุทา. ๔๕) ตํ เปตฺวา อฺํ กุฏิการสหเสยฺยาทึ ปณฺณตฺติวชฺชวีติกฺกมสงฺขาตํ พุทฺธปฺปติกุฏฺํ กาเยน ปาปกมฺมํ กโรติ, ปทโสธมฺมอุตฺตริฉปฺปฺจวาจาธมฺมเทสนสมฺผปฺปลาปผรุสวจนาทึ วา วาจาย ¶ , อุท เจตสา วา กตฺถจิ โลภโทสุปฺปาทนํ ชาตรูปาทิสาทิยนํ จีวราทิปริโภเคสุ อปจฺจเวกฺขณาทึ วา ปาปกมฺมํ กโรติ. อภพฺโพ โส ตสฺส ¶ ปฏิจฺฉทาย น โส ตํ ‘‘อิทํ อกปฺปิยมกรณีย’’นฺติ ชานิตฺวา มุหุตฺตมฺปิ ปฏิจฺฉาเทติ, ตํขณํ เอว ปน สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ กตฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ, ‘‘น ปุน กริสฺสามี’’ติ เอวํ สํวริตพฺพํ วา สํวรติ. กสฺมา? ยสฺมา อภพฺพตา ทิฏฺปทสฺส วุตฺตา, เอวรูปมฺปิ ปาปกมฺมํ กตฺวา ตสฺส ปฏิจฺฉาทาย ทิฏฺนิพฺพานปทสฺส ทสฺสนสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส อภพฺพตา วุตฺตาติ อตฺโถ.
กถํ?
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทหโร กุมาโร มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก หตฺเถน วา ปาเทน วา องฺคารํ อกฺกมิตฺวา ขิปฺปเมว ปฏิสํหรติ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ธมฺมตา เอสา ทิฏฺิสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส, กิฺจาปิ ตถารูปึ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, ยถารูปาย อาปตฺติยา วุฏฺานํ ปฺายติ. อถ โข นํ ขิปฺปเมว สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ เทเสติ วิวรติ อุตฺตานีกโรติ, เทเสตฺวา วิวริตฺวา อุตฺตานีกตฺวา อายตึ สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๙๖).
เอวํ ภควา ปมาทวิหาริโนปิ ทสฺสนสมฺปนฺนสฺส กตปฺปฏิจฺฉาทนาภาวคุเณน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ ¶ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
วนปฺปคุมฺเพติคาถาวณฺณนา
๑๓. เอวํ สงฺฆปริยาปนฺนานํ ปุคฺคลานํ เตน เตน คุณปฺปกาเรน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ ยฺวายํ ภควตา รตนตฺตยคุณํ ทีเปนฺเตน อิธ สงฺเขเปน อฺตฺร จ วิตฺถาเรน ปริยตฺติธมฺโม เทสิโต, ตมฺปิ นิสฺสาย ปุน พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺตุมารทฺโธ ‘‘วนปฺปคุมฺเพ ยถา ผุสฺสิตคฺเค’’ติ. ตตฺถ อาสนฺนสนฺนิเวสววตฺถิตานํ รุกฺขานํ สมูโห ¶ วนํ, มูลสารเผคฺคุตจสาขาปลาเสหิ ปวุทฺโธ คุมฺโพ ปคุมฺโพ, วนสฺส, วเน วา ปคุมฺโพ วนปฺปคุมฺโพ. สฺวายํ ‘‘วนปฺปคุมฺเพ’’ติ วุตฺโต, เอวมฺปิ หิ วตฺตุํ ลพฺภติ ‘‘อตฺถิ สวิตกฺกสวิจาเร ¶ , อตฺถิ อวิตกฺกวิจารมตฺเต, สุเข ทุกฺเข ชีเว’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๗๔; ม. นิ. ๒.๒๒๘) วิย. ยถาติ อุปมาวจนํ. ผุสฺสิตานิ อคฺคานิ อสฺสาติ ผุสฺสิตคฺโค, สพฺพสาขาปสาขาสุ สฺชาตปุปฺโผติ อตฺโถ. โส ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ‘‘ผุสฺสิตคฺเค’’ติ วุตฺโต. คิมฺหานมาเส ปมสฺมึ คิมฺเหติ เย จตฺตาโร คิมฺหานํ มาสา, เตสํ จตุนฺนํ คิมฺหมาสานํ เอกสฺมึ มาเส. กตรสฺมึ มาเส อิติ เจ? ปมสฺมึ คิมฺเห, จิตฺรมาเสติ อตฺโถ. โส หิ ‘‘ปมคิมฺโห’’ติ จ ‘‘พาลวสนฺโต’’ติ จ วุจฺจติ. ตโต ปรํ ปทตฺถโต ปากฏเมว.
อยํ ปเนตฺถ ปิณฺฑตฺโถ – ยถา ปมคิมฺหนามเก พาลวสนฺเต นานาวิธรุกฺขคหเน วเน สุปุปฺผิตคฺคสาโข ตรุณรุกฺขคจฺฉปริยายนาโม ปคุมฺโพ อติวิย สสฺสิริโก โหติ, เอวเมว ขนฺธายตนาทีหิ สติปฏฺานสมฺมปฺปธานาทีหิ สีลสมาธิกฺขนฺธาทีหิ วา นานปฺปกาเรหิ อตฺถปฺปเภทปุปฺเผหิ อติวิย สสฺสิริกตฺตา ตถูปมํ นิพฺพานคามิมคฺคทีปนโต นิพฺพานคามึ ปริยตฺติธมฺมวรํ เนว ลาภเหตุ น สกฺการาทิเหตุ, เกวลนฺตุ มหากรุณาย อพฺภุสฺสาหิตหทโย สตฺตานํ ปรมหิตาย อเทสยีติ. ปรมํ หิตายาติ เอตฺถ จ คาถาพนฺธสุขตฺถํ อนุนาสิโก. อยํ ปนตฺโถ – ปรมหิตาย นิพฺพานาย อเทสยีติ.
เอวํ ภควา อิมํ สุปุปฺผิตคฺควนปฺปคุมฺพสทิสํ ปริยตฺติธมฺมํ วตฺวา อิทานิ ตเมว นิสฺสาย พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เกวลํ ปน อิทมฺปิ ยถาวุตฺตปการปริยตฺติธมฺมสงฺขาตํ ¶ พุทฺเธ รตนํ ปณีตนฺติ เอวํ โยเชตพฺพํ ¶ . อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
วโร วรฺูติคาถาวณฺณนา
๑๔. เอวํ ภควา ปริยตฺติธมฺเมน พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ โลกุตฺตรธมฺเมน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘วโร วรฺู’’ติ. ตตฺถ วโรติ ปณีตาธิมุตฺติเกหิ อิจฺฉิโต ‘‘อโห วต มยมฺปิ เอวรูปา อสฺสามา’’ติ, วรคุณโยคโต วา วโร อุตฺตโม เสฏฺโติ อตฺโถ. วรฺูติ ¶ นิพฺพานฺู. นิพฺพานฺหิ สพฺพธมฺมานํ อุตฺตมฏฺเน วรํ, ตฺเจส โพธิมูเล สยํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา อฺาสิ. วรโทติ ปฺจวคฺคิยภทฺทวคฺคิยชฏิลาทีนํ อฺเสฺจ เทวมนุสฺสานํ นิพฺเพธภาคิยวาสนาภาคิยวรธมฺมทายีติ อตฺโถ. วราหโรติ วรสฺส มคฺคสฺส อาหฏตฺตา วราหโรติ วุจฺจติ. โส หิ ภควา ทีปงฺกรโต ปภุติ สมตึส ปารมิโย ปูเรนฺโต ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ อนุยาตํ ปุราณมคฺควรมาหริ, เตน ‘‘วราหโร’’ติ วุจฺจติ.
อปิจ สพฺพฺุตฺาณปฺปฏิลาเภน วโร, นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย วรฺู, สตฺตานํ วิมุตฺติสุขทาเนน วรโท, อุตฺตมปฏิปทาหรเณน วราหโร. เอเตหิ โลกุตฺตรคุเณหิ อธิกสฺส กสฺสจิ คุณสฺส อภาวโต อนุตฺตโร.
อปโร นโย – วโร อุปสมาธิฏฺานปริปูรเณน, วรฺู ปฺาธิฏฺานปริปูรเณน, วรโท จาคาธิฏฺานปริปูรเณน, วราหโร สจฺจาธิฏฺานปริปูรเณน, วรํ มคฺคสจฺจมาหรีติ. ตถา วโร ปฺุุสฺสเยน, วรฺู ปฺุสฺสเยน, วรโท พุทฺธภาวตฺถิกานํ ตทุปายสมฺปทาเนน, วราหโร ปจฺเจกพุทฺธภาวตฺถิกานํ ตทุปายาหรเณน, อนุตฺตโร ตตฺถ ตตฺถ อสทิสตาย, อตฺตนา วา อนาจริยโก หุตฺวา ปเรสํ อาจริยภาเวน, ธมฺมวรํ อเทสยิ สาวกภาวตฺถิกานํ ตทตฺถาย สฺวากฺขาตตาทิคุณยุตฺตสฺส ธมฺมวรสฺส เทสนโต. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
เอวํ ภควา นววิเธน โลกุตฺตรธมฺเมน อตฺตโน คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว ¶ คุณํ นิสฺสาย พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เกวลํ ปน ยํ วรํ โลกุตฺตรธมฺมํ เอส อฺาสิ, ยฺจ อทาสิ, ยฺจ อาหริ, ยฺจ เทเสสิ, อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตนฺติ เอวํ โยเชตพฺพํ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
ขีณนฺติคาถาวณฺณนา
๑๕. เอวํ ¶ ภควา ปริยตฺติธมฺมฺจ นวโลกุตฺตรธมฺมฺจ นิสฺสาย ทฺวีหิ คาถาหิ พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ เย ตํ ปริยตฺติธมฺมํ อสฺโสสุํ, สุตานุสาเรน ¶ จ ปฏิปชฺชิตฺวา นวปฺปการมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ อธิคมึสุ, เตสํ อนุปาทิเสสนิพฺพานปตฺติคุณํ นิสฺสาย ปุน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ขีณํ ปุราณ’’นฺติ. ตตฺถ ขีณนฺติ สมุจฺฉินฺนํ. ปุราณนฺติ ปุราตนํ. นวนฺติ สมฺปติ วตฺตมานํ. นตฺถิ สมฺภวนฺติ อวิชฺชมานปาตุภาวํ. วิรตฺตจิตฺตาติ วีตราคจิตฺตา. อายติเก ภวสฺมินฺติ อนาคตมทฺธานํ ปุนพฺภเว. เตติ เยสํ ขีณํ ปุราณํ นวํ นตฺถิ สมฺภวํ, เย จ อายติเก ภวสฺมึ วิรตฺตจิตฺตา, เต ขีณาสวา ภิกฺขู. ขีณพีชาติ อุจฺฉินฺนพีชา. อวิรูฬฺหิฉนฺทาติ วิรูฬฺหิฉนฺทวิรหิตา. นิพฺพนฺตีติ วิชฺฌายนฺติ. ธีราติ ธิติสมฺปนฺนา. ยถายํ ปทีโปติ อยํ ปทีโป วิย.
กึ วุตฺตํ โหติ? ยํ ตํ สตฺตานํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธมฺปิ ปุราณํ อตีตกาลิกํ กมฺมํ ตณฺหาสิเนหสฺส อปฺปหีนตฺตา ปฏิสนฺธิอาหรณสมตฺถตาย อขีณํเยว โหติ, ตํ ปุราณํ กมฺมํ เยสํ อรหตฺตมคฺเคน ตณฺหาสิเนหสฺส โสสิตตฺตา อคฺคินา ทฑฺฒพีชมิว อายตึ วิปากทานาสมตฺถตาย ขีณํ. ยฺจ เนสํ พุทฺธปูชาทิวเสน อิทานิ ปวตฺตมานํ กมฺมํ นวนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ตณฺหาปหาเนเนว ฉินฺนมูลปาทปปุปฺผมิว อายตึ ผลทานาสมตฺถตาย เยสํ นตฺถิ สมฺภวํ, เย จ ตณฺหาปหาเนเนว อายติเก ภวสฺมึ วิรตฺตจิตฺตา, เต ขีณาสวา ภิกฺขู ‘‘กมฺมํ ¶ เขตฺตํ วิฺาณํ พีช’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๗๗) เอตฺถ วุตฺตสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส กมฺมกฺขเยเนว ขีณตฺตา ขีณพีชา. โยปิ ปุพฺเพ ปุนพฺภวสงฺขาตาย วิรูฬฺหิยา ฉนฺโท อโหสิ. ตสฺสปิ สมุทยปฺปหาเนเนว ปหีนตฺตา ปุพฺเพ วิย จุติกาเล อสมฺภเวน อวิรูฬฺหิฉนฺทา ธิติสมฺปนฺนตฺตา ธีรา จริมวิฺาณนิโรเธน ยถายํ ปทีโป นิพฺพุโต, เอวํ นิพฺพนฺติ, ปุน ‘‘รูปิโน วา อรูปิโน วา’’ติ เอวมาทึ ปฺตฺติปถํ อจฺเจนฺตีติ. ตสฺมึ กิร สมเย นครเทวตานํ ปูชนตฺถาย ชาลิเตสุ ปทีเปสุ เอโก ปทีโป วิชฺฌายิ, ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยถายํ ปทีโป’’ติ.
เอวํ ภควา เย ตํ ปุริมาหิ ทฺวีหิ คาถาหิ วุตฺตํ ปริยตฺติธมฺมํ อสฺโสสุํ, สุตานุสาเรน จ ปฏิปชฺชิตฺวา นวปฺปการมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ อธิคมึสุ, เตสํ อนุปาทิเสสนิพฺพานปตฺติคุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจวจนํ ปยฺุชนฺโต เทสนํ สมาเปสิ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ¶ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เกวลํ ปน อิทมฺปิ ยถาวุตฺเตน ปกาเรน ¶ ขีณาสวภิกฺขูนํ นิพฺพานสงฺขาตํ สงฺเฆ รตนํ ปณีตนฺติ เอวํ โยเชตพฺพํ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
เทสนาปริโยสาเน ราชกุลสฺส โสตฺถิ อโหสิ, สพฺพูปทฺทวา วูปสมึสุ, จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ.
ยานีธาติคาถาตฺตยวณฺณนา
๑๖. อถ สกฺโก เทวานมินฺโท ‘‘ภควตา รตนตฺตยคุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชมาเนน นาครสฺส โสตฺถิ กตา, มยาปิ นาครสฺส โสตฺถิตฺถํ รตนตฺตยคุณํ นิสฺสาย กิฺจิ วตฺตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อวสาเน คาถาตฺตยํ อภาสิ ‘‘ยานีธ ภูตานี’’ติ ตตฺถ ยสฺมา พุทฺโธ ยถา โลกหิตตฺถาย อุสฺสุกฺกํ อาปนฺเนหิ อาคนฺตพฺพํ ¶ , ตถา อาคตโต ยถา จ เตหิ คนฺตพฺพํ, ตถา คตโต ยถา จ เตหิ อาชานิตพฺพํ, ตถา อาชานนโต, ยถา จ ชานิตพฺพํ, ตถา ชานนโต, ยฺจ ตเถว โหติ, ตสฺส คทนโต จ ‘‘ตถาคโต’’ติ วุจฺจติ. ยสฺมา จ โส เทวมนุสฺเสหิ ปุปฺผคนฺธาทินา พหิ นิพฺพตฺเตน อุปการเกน, ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺตาทินา จ อตฺตนิ นิพฺพตฺเตน อติวิย ปูชิโต, ตสฺมา สกฺโก เทวานมินฺโท สพฺพํ เทวปริสํ อตฺตนา สทฺธึ สมฺปิณฺเฑตฺวา อาห ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, พุทฺธํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ.
๑๗. ยสฺมา ปน ธมฺเม มคฺคธมฺโม ยถา ยุคนทฺธสมถวิปสฺสนาพเลน คนฺตพฺพํ กิเลสปกฺขํ สมุจฺฉินฺทนฺเตน, ตถา คโตติ ตถาคโต. นิพฺพานธมฺโมปิ ยถา คโต ปฺาย ปฏิวิทฺโธ สพฺพทุกฺขปฺปฏิวิฆาตาย สมฺปชฺชติ, พุทฺธาทีหิ ตถา อวคโต, ตสฺมา ‘‘ตถาคโต’’ตฺเวว วุจฺจติ. ยสฺมา จ สงฺโฆปิ ยถา อตฺตหิตาย ปฏิปนฺเนหิ คนฺตพฺพํ เตน เตน มคฺเคน, ตถา คโตติ ‘‘ตถาคโต’’ตฺเวว วุจฺจติ. ตสฺมา อวเสสคาถาทฺวเยปิ ตถาคตํ ธมฺมํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตุ, ตถาคตํ สงฺฆํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตูติ วุตฺตํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
เอวํ ¶ สกฺโก เทวานมินฺโท อิมํ คาถาตฺตยํ ภาสิตฺวา ภควนฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เทวปุรเมว คโต สทฺธึ เทวปริสาย. ภควา ปน ตเทว รตนสุตฺตํ ทุติยทิวเสปิ เทเสสิ, ปุน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, เอวํ ยาว สตฺตมทิวสํ เทเสสิ, ทิวเส ทิวเส ตเถว ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ภควา อฑฺฒมาสเมว เวสาลิยํ วิหริตฺวา ราชูนํ ‘‘คจฺฉามา’’ติ ปฏิเวเทสิ. ตโต ราชาโน ทิคุเณน สกฺกาเรน ¶ ปุน ตีหิ ทิวเสหิ ภควนฺตํ ¶ คงฺคาตีรํ นยึสุ. คงฺคาย นิพฺพตฺตา นาคราชาโน จินฺเตสุํ ‘‘มนุสฺสา ตถาคตสฺส สกฺการํ กโรนฺติ, มยํ กึ น กริสฺสามา’’ติ สุวณฺณรชตมณิมยา นาวาโย มาเปตฺวา สุวณฺณรชตมณิมเย เอว ปลฺลงฺเก ปฺเปตฺวา ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ อุทกํ กริตฺวา ‘‘อมฺหากํ อนุคฺคหํ กโรถา’’ติ ภควนฺตํ ยาจึสุ. ภควา อธิวาเสตฺวา รตนนาวมารูฬฺโห, ปฺจ จ ภิกฺขุสตานิ ปฺจสตํ นาวาโย อภิรูฬฺหา. นาคราชาโน ภควนฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน นาคภวนํ ปเวเสสุํ. ตตฺร สุทํ ภควา สพฺพรตฺตึ นาคปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. ทุติยทิวเส ทิพฺเพหิ ขาทนียโภชนีเยหิ มหาทานํ อกํสุ, ภควา อนุโมทิตฺวา นาคภวนา นิกฺขมิ.
ภูมฏฺา เทวา ‘‘มนุสฺสา จ นาคา จ ตถาคตสฺส สกฺการํ กโรนฺติ, มยํ กึ น กริสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา วนปฺปคุมฺพรุกฺขปพฺพตาทีสุ ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุกฺขิปึสุ. เอเตเนว อุปาเยน ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมภวนํ, ตาว มหาสกฺการวิเสโส นิพฺพตฺติ. พิมฺพิสาโรปิ ลิจฺฉวีหิ อาคตกาเล กตสกฺการโต ทิคุณมกาสิ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปฺจหิ ทิวเสหิ ภควนฺตํ ราชคหํ อาเนสิ.
ราชคหมนุปฺปตฺเต ภควติ ปจฺฉาภตฺตํ มณฺฑลมาเฬ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ อยมนฺตรกถา อุทปาทิ ‘‘อโห พุทฺธสฺส ภควโต อานุภาโว, ยํ อุทฺทิสฺส คงฺคาย โอรโต จ ปารโต จ อฏฺโยชโน ภูมิภาโค นินฺนฺจ ถลฺจ สมํ กตฺวา วาลุกาย โอกิริตฺวา ปุปฺเผหิ สฺฉนฺโน, โยชนปฺปมาณํ คงฺคาย อุทกํ นานาวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนํ, ยาว อกนิฏฺภวนํ, ตาว ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุสฺสิตานี’’ติ. ภควา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ตงฺขณานุรูเปน ปาฏิหาริเยน คนฺตฺวา มณฺฑลมาเฬ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน ¶ นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ. ภิกฺขู สพฺพํ ¶ อาโรเจสุํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘น, ภิกฺขเว, อยํ ปูชาวิเสโส มยฺหํ พุทฺธานุภาเวน นิพฺพตฺโต, น นาคเทวพฺรหฺมานุภาเวน, อปิจ โข ปุพฺเพ อปฺปมตฺตกปริจฺจาคานุภาเวน นิพฺพตฺโต’’ติ. ภิกฺขู อาหํสุ ‘‘น มยํ, ภนฺเต, ตํ อปฺปมตฺตกํ ปริจฺจาคํ ชานาม, สาธุ โน ภควา ตถา กเถตุ, ยถา มยํ ตํ ชาเนยฺยามา’’ติ.
ภควา อาห – ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ตกฺกสิลายํ สงฺโข นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ. ตสฺส ปุตฺโต สุสีโม นาม มาณโว โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก วเยน. โส เอกทิวสํ ปิตรํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ ตํ ปิตา อาห ‘‘กึ, ตาต, สุสีมา’’ติ? โส อาห ‘‘อิจฺฉามหํ, ตาต, พาราณสึ คนฺตฺวา สิปฺปํ อุคฺคเหตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ ¶ , ตาต, สุสีม, อสุโก นาม พฺราหฺมโณ มม สหายโก, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อุคฺคณฺหาหี’’ติ กหาปณสหสฺสํ อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา มาตาปิตโร อภิวาเทตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ คนฺตฺวา อุปจารยุตฺเตน วิธินา อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา อตฺตานํ นิเวเทสิ. อาจริโย ‘‘มม สหายกสฺส ปุตฺโต’’ติ มาณวํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สพฺพํ ปาหุเนยฺยวตฺตมกาสิ. โส อทฺธานกิลมถํ วิโนเทตฺวา ตํ กหาปณสหสฺสํ อาจริยสฺส ปาทมูเล เปตฺวา สิปฺปํ อุคฺคเหตุํ โอกาสํ ยาจิ. อาจริโย โอกาสํ กตฺวา อุคฺคณฺหาเปสิ.
โส ลหฺุจ คณฺหนฺโต, พหฺุจ คณฺหนฺโต, คหิตคหิตฺจ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตเตลมิว อวินสฺสมานํ ธาเรนฺโต, ทฺวาทสวสฺสิกํ สิปฺปํ กติปยมาเสเนว ปริโยสาเปสิ. โส สชฺฌายํ กโรนฺโต อาทิมชฺฌํเยว ปสฺสติ, โน ปริโยสานํ. อถ อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห ‘‘อิมสฺส สิปฺปสฺส ¶ อาทิมชฺฌเมว ปสฺสามิ, โน ปริโยสาน’’นฺติ. อาจริโย อาห ‘‘อหมฺปิ, ตาต, เอวเมวา’’ติ. อถ โก, อาจริย, อิมสฺส สิปฺปสฺส ปริโยสานํ ชานาตีติ? อิสิปตเน, ตาต, อิสโย อตฺถิ, เต ชาเนยฺยุนฺติ. เต อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉามิ, อาจริยาติ? ปุจฺฉ, ตาต, ยถาสุขนฺติ. โส อิสิปตนํ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘อปิ, ภนฺเต, ปริโยสานํ ชานาถา’’ติ? อาม, อาวุโส, ชานามาติ. ตํ มมฺปิ สิกฺขาเปถาติ. เตน หาวุโส, ปพฺพชาหิ, น สกฺกา อปพฺพชิเตน สิกฺขาเปตุนฺติ. สาธุ, ภนฺเต, ปพฺพาเชถ วา มํ, ยํ วา อิจฺฉถ, ตํ กตฺวา ปริโยสานํ ¶ ชานาเปถาติ. เต ตํ ปพฺพาเชตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยเชตุํ อสมตฺถา ‘‘เอวํ เต นิวาเสตพฺพํ, เอวํ ปารุปิตพฺพ’’นฺติอาทินา นเยน อาภิสมาจาริกํ สิกฺขาเปสุํ. โส ตตฺถ สิกฺขนฺโต อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา น จิเรเนว ปจฺเจกโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ. สกลพาราณสิยํ ‘‘สุสีมปจฺเจกพุทฺโธ’’ติ ปากโฏ อโหสิ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต สมฺปนฺนปริวาโร. โส อปฺปายุกสํวตฺตนิกสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา น จิเรเนว ปรินิพฺพายิ. ตสฺส ปจฺเจกพุทฺธา จ มหาชนกาโย จ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ธาตุโย คเหตฺวา นครทฺวาเร ถูปํ ปติฏฺาเปสุํ.
อถ โข สงฺโข พฺราหฺมโณ ‘‘ปุตฺโต เม จิรคโต, น จสฺส ปวตฺตึ ชานามี’’ติ ปุตฺตํ ทฏฺุกาโม ตกฺกสิลาย นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ คนฺตฺวา มหาชนกายํ สนฺนิปติตํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา พหูสุ เอโกปิ เม ปุตฺตสฺส ปวตฺตึ ชานิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘สุสีโม นาม มาณโว อิธ อาคโต อตฺถิ, อปิ นุ ตสฺส ปวตฺตึ ชานาถา’’ติ? เต ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, ชานาม, อิมสฺมึ นคเร พฺราหฺมณสฺส สนฺติเก ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา ปจฺเจกพุทฺธานํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา อนุปาทิเสสาย ¶ นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, อยมสฺส ถูโป ปติฏฺาปิโต’’ติ อาหํสุ. โส ภูมึ หตฺเถน ปหริตฺวา โรทิตฺวา จ ปริเทวิตฺวา จ ¶ ตํ เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา ติณานิ อุทฺธริตฺวา อุตฺตรสาฏเกน วาลุกํ อาเนตฺวา ปจฺเจกพุทฺธเจติยงฺคเณ โอกิริตฺวา กมณฺฑลุโต อุทเกน สมนฺตโต ภูมึ ปริปฺโผสิตฺวา วนปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา อุตฺตรสาฏเกน ปฏากํ อาโรเปตฺวา ถูปสฺส อุปริ อตฺตโน ฉตฺตํ พนฺธิตฺวา ปกฺกามีติ.
เอวํ อตีตํ เทเสตฺวา ชาตกํ ปจฺจุปฺปนฺเนน อนุสนฺเธนฺโต ภิกฺขูนํ ธมฺมกถํ กเถสิ. ‘‘สิยา โข ปน โว, ภิกฺขเว, เอวมสฺส ‘อฺโ นูน เตน สมเยน สงฺโข พฺราหฺมโณ อโหสี’ติ, น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ, อหํ เตน สมเยน สงฺโข พฺราหฺมโณ อโหสึ, มยา สุสีมสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส เจติยงฺคเณ ติณานิ อุทฺธฏานิ, ตสฺส เม กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺคํ วิคตขาณุกณฺฏกํ กตฺวา สมํ สุทฺธมกํสุ. มยา ตตฺถ วาลุกา โอกิณฺณา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺเค วาลุกํ โอกิรึสุ. มยา ตตฺถ วนกุสุเมหิ ปูชา กตา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน นวโยชเน มคฺเค ถเล จ อุทเก จ นานาปุปฺเผหิ ¶ ปุปฺผสนฺถรมกํสุ. มยา ตตฺถ กมณฺฑลุทเกน ภูมิ ปริปฺโผสิตา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน เวสาลิยํ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. มยา ตสฺมึ เจติเย ปฏากา อาโรปิตา, ฉตฺตฺจ พทฺธํ, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน ยาว อกนิฏฺภวนา ปฏากา จ อาโรปิตา, ฉตฺตาติฉตฺตานิ จ อุสฺสิตานิ. อิติ โข, ภิกฺขเว, อยํ มยฺหํ ปูชาวิเสโส เนว พุทฺธานุภาเวน นิพฺพตฺโต ¶ , น นาคเทวพฺรหฺมานุภาเวน, อปิจ โข อปฺปมตฺตกปริจฺจาคานุภาเวน นิพฺพตฺโต’’ติ. ธมฺมกถาปริโยสาเน อิมํ คาถมภาสิ –
‘‘มตฺตาสุขปริจฺจาคา, ปสฺเส เจ วิปุลํ สุขํ;
จเช มตฺตาสุขํ ธีโร, สมฺปสฺสํ วิปุลํ สุข’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๙๐);
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปา-อฏฺกถาย
รตนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.