📜

๗. ติโรกุฏฺฏสุตฺตวณฺณนา

นิกฺเขปปฺปโยชนํ

อิทานิ ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺตี’’ติอาทินา รตนสุตฺตานนฺตรํ นิกฺขิตฺตสฺส ติโรกุฏฺฏสุตฺตสฺส อตฺถวณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโต, ตสฺส อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ วตฺวา อตฺถวณฺณนํ กริสฺสาม.

ตตฺถ อิทฺหิ ติโรกุฏฺฏํ อิมินา อนุกฺกเมน ภควตา อวุตฺตมฺปิ ยายํ อิโต ปุพฺเพ นานปฺปกาเรน กุสลกมฺมปฏิปตฺติ ทสฺสิตา, ตตฺถ ปมาทํ อาปชฺชมาโน นิรยติรจฺฉานโยนีหิ วิสิฏฺตเรปิ าเน อุปฺปชฺชมาโน ยสฺมา เอวรูเปสุ เปเตสุ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา น เอตฺถ ปมาโท กรณีโยติ ทสฺสนตฺถํ, เยหิ จ ภูเตหิ อุปทฺทุตาย เวสาลิยา อุปทฺทววูปสมนตฺถํ รตนสุตฺตํ วุตฺตํ, เตสุ เอกจฺจานิ เอวรูปานีติ ทสฺสนตฺถํ วา วุตฺตนฺติ.

อิทมสฺส อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ เวทิตพฺพํ.

อนุโมทนากถา

ยสฺมา ปนสฺส อตฺถวณฺณนา –

‘‘เยน ยตฺถ ยทา ยสฺมา, ติโรกุฏฺฏํ ปกาสิตํ;

ปกาเสตฺวาน ตํ สพฺพํ, กยิรมานา ยถากฺกมํ;

สุกตา โหติ ตสฺมาหํ, กริสฺสามิ ตเถว ตํ’’.

เกน ปเนตํ ปกาสิตํ, กตฺถ กทา กสฺมา จาติ? วุจฺจเต – ภควตา ปกาสิตํ, ตํ โข ปน ราชคเห ทุติยทิวเส รฺโ มาคธสฺส อนุโมทนตฺถํ. อิมสฺส จตฺถสฺส วิภาวนตฺถํ อยเมตฺถ วิตฺถารกถา กเถตพฺพา –

อิโต ทฺวานวุติกปฺเป กาสิ นาม นครํ อโหสิ. ตตฺถ ชยเสโน นาม ราชา. ตสฺส สิริมา นาม เทวี, ตสฺสา กุจฺฉิยํ ผุสฺโส นาม โพธิสตฺโต นิพฺพตฺติตฺวา อนุปุพฺเพน สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ. ชยเสโน ราชา ‘‘มม ปุตฺโต อภินิกฺขมิตฺวา พุทฺโธ ชาโต, มยฺหเมว พุทฺโธ, มยฺหํ ธมฺโม, มยฺหํ สงฺโฆ’’ติ มมตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สพฺพกาลํ สยเมว อุปฏฺหติ, น อฺเสํ โอกาสํ เทติ.

ภควโต กนิฏฺภาตโร เวมาติกา ตโย ภาตโร จินฺเตสุํ – ‘‘พุทฺธา นาม สพฺพโลกหิตาย อุปฺปชฺชนฺติ, น เจกสฺเสวตฺถาย, อมฺหากฺจ ปิตา อฺเสํ โอกาสํ น เทติ, กถํ นุ มยํ ลเภยฺยาม ภควนฺตํ อุปฏฺาตุ’’นฺติ. เตสํ เอตทโหสิ – ‘‘หนฺท มยํ กิฺจิ อุปายํ กโรมา’’ติ. เต ปจฺจนฺตํ กุปิตํ วิย การาเปสุํ. ตโต ราชา ‘‘ปจฺจนฺโต กุปิโต’’ติ สุตฺวา ตโยปิ ปุตฺเต ปจฺจนฺตวูปสมนตฺถํ เปเสสิ. เต วูปสเมตฺวา อาคตา, ราชา ตุฏฺโ วรํ อทาสิ ‘‘ยํ อิจฺฉถ, ตํ คณฺหถา’’ติ. เต ‘‘มยํ ภควนฺตํ อุปฏฺาตุํ อิจฺฉามา’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘เอตํ เปตฺวา อฺํ คณฺหถา’’ติ อาห. เต ‘‘มยํ อฺเน อนตฺถิกา’’ติ อาหํสุ. เตน หิ ปริจฺเฉทํ กตฺวา คณฺหถาติ. เต สตฺต วสฺสานิ ยาจึสุ, ราชา น อทาสิ. เอวํ ฉ, ปฺจ, จตฺตาริ, ตีณิ, ทฺเว, เอกํ, สตฺต มาสานิ, ฉ, ปฺจ, จตฺตารีติ ยาว เตมาสํ ยาจึสุ. ราชา ‘‘คณฺหถา’’ติ อทาสิ.

เต วรํ ลภิตฺวา ปรมตุฏฺา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อาหํสุ – ‘‘อิจฺฉาม มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ เตมาสํ อุปฏฺาตุํ, อธิวาเสตุ โน, ภนฺเต , ภควา อิมํ เตมาสํ วสฺสาวาส’’นฺติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. ตโต เต อตฺตโน ชนปเท นิยุตฺตกปุริสสฺส เลขํ เปเสสุํ ‘‘อิมํ เตมาสํ อมฺเหหิ ภควา อุปฏฺาตพฺโพ, วิหารํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ ภควโต อุปฏฺานสมฺภารํ กโรหี’’ติ. โส ตํ สพฺพํ สมฺปาเทตฺวา ปฏินิเวเทสิ. เต กาสายวตฺถนิวตฺถา หุตฺวา อฑฺฒเตยฺเยหิ ปุริสสหสฺเสหิ เวยฺยาวจฺจกเรหิ ภควนฺตํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหมานา ชนปทํ เนตฺวา วิหารํ นิยฺยาเตตฺวา วสาเปสุํ.

เตสํ ภณฺฑาคาริโก เอโก คหปติปุตฺโต สปชาปติโก สทฺโธ อโหสิ ปสนฺโน. โส พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทานวตฺตํ สกฺกจฺจํ อทาสิ. ชนปเท นิยุตฺตกปุริโส ตํ คเหตฺวา ชานปเทหิ เอกาทสมตฺเตหิ ปุริสสหสฺเสหิ สทฺธึ สกฺกจฺจเมว ทานํ ปวตฺตาเปสิ. ตตฺถ เกจิ ชานปทา ปฏิหตจิตฺตา อเหสุํ. เต ทานสฺส อนฺตรายํ กตฺวา เทยฺยธมฺเม อตฺตนา ขาทึสุ, ภตฺตสาลฺจ อคฺคินา ทหึสุ. ปวาริเต ราชปุตฺตา ภควโต มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา ภควนฺตํ ปุรกฺขตฺวา ปิตุโน สกาสเมว อคมํสุ. ตตฺถ คนฺตฺวา เอว ภควา ปรินิพฺพายิ. ราชา จ ราชปุตฺตา จ ชนปเท นิยุตฺตกปุริโส จ ภณฺฑาคาริโก จ อนุปุพฺเพน กาลํ กตฺวา สทฺธึ ปริสาย สคฺเค อุปฺปชฺชึสุ, ปฏิหตจิตฺตชนา นิรเยสุ นิพฺพตฺตึสุ. เอวํ เตสํ ทฺวินฺนํ คณานํ สคฺคโต สคฺคํ, นิรยโต นิรยํ อุปปชฺชนฺตานํ ทฺวานวุติกปฺปา วีติวตฺตา.

อถ อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป กสฺสปพุทฺธสฺส กาเล เต ปฏิหตจิตฺตชนา เปเตสุ อุปฺปนฺนา. ตทา มนุสฺสา อตฺตโน าตกานํ เปตานํ อตฺถาย ทานํ ทตฺวา อุทฺทิสนฺติ ‘‘อิทํ อมฺหากํ าตีนํ โหตู’’ติ. เต สมฺปตฺตึ ลภนฺติ. อถ อิเมปิ เปตา ตํ ทิสฺวา ภควนฺตํ กสฺสปํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, มยมฺปิ เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ลเภยฺยามา’’ติ? ภควา อาห – ‘‘อิทานิ น ลภถ , อปิจ อนาคเต โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสติ, ตสฺส ภควโต กาเล พิมฺพิสาโร นาม ราชา ภวิสฺสติ, โส ตุมฺหากํ อิโต ทฺวานวุติกปฺเป าติ อโหสิ, โส พุทฺธสฺส ทานํ ทตฺวา ตุมฺหากํ อุทฺทิสิสฺสติ, ตทา ลภิสฺสถา’’ติ. เอวํ วุตฺเต กิร เตสํ เปตานํ ตํ วจนํ ‘‘สฺเว ลภิสฺสถา’’ติ วุตฺตํ วิย อโหสิ.

อถ เอกสฺมึ พุทฺธนฺตเร วีติวตฺเต อมฺหากํ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิ. เตปิ ตโย ราชปุตฺตา เตหิ อฑฺฒเตยฺเยหิ ปุริสสหสฺเสหิ สทฺธึ เทวโลกา จวิตฺวา มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล อุปฺปชฺชิตฺวา อนุปุพฺเพน อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา คยาสีเส ตโย ชฏิลา อเหสุํ, ชนปเท นิยุตฺตกปุริโส, ราชา อโหสิ พิมฺพิสาโร, ภณฺฑาคาริโก, คหปติ วิสาโข นาม มหาเสฏฺิ อโหสิ, ตสฺส ปชาปติ ธมฺมทินฺนา นาม เสฏฺิธีตา อโหสิ. เอวํ สพฺพาปิ อวเสสา ปริสา รฺโ เอว ปริวารา หุตฺวา นิพฺพตฺตา.

อมฺหากํ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา สตฺตสตฺตาหํ อติกฺกมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ อาคมฺม ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา ปฺจวคฺคิเย อาทึ กตฺวา ยาว อฑฺฒเตยฺยสหสฺสปริวาเร ตโย ชฏิเล วิเนตฺวา ราชคหํ อคมาสิ. ตตฺถ จ ตทหุปสงฺกมนฺตํเยว ราชานํ พิมฺพิสารํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ เอกาทสนวุเตหิ มาคธเกหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ สทฺธึ. อถ รฺา สฺวาตนาย ภตฺเตน นิมนฺติโต ภควา อธิวาเสตฺวา ทุติยทิวเส สกฺเกน เทวานมินฺเทน ปุรโต ปุรโต คจฺฉนฺเตน –

‘‘ทนฺโต ทนฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;

สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา’’ติ. (มหาว. ๕๘) –

เอวมาทีหิ คาถาหิ อภิตฺถวิยมาโน ราชคหํ ปวิสิตฺวา รฺโ นิเวสเน มหาทานํ สมฺปฏิจฺฉิ. เต เปตา ‘‘อิทานิ ราชา อมฺหากํ ทานํ อุทฺทิสิสฺสติ, อิทานิ อุทฺทิสิสฺสตี’’ติ อาสาย ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ.

ราชา ทานํ ทตฺวา ‘‘กตฺถ นุ โข ภควา วิหเรยฺยา’’ติ ภควโต วิหารฏฺานเมว จินฺเตสิ, น ตํ ทานํ กสฺสจิ อุทฺทิสิ. เปตา ฉินฺนาสา หุตฺวา รตฺตึ รฺโ นิเวสเน อติวิย ภึสนกํ วิสฺสรมกํสุ. ราชา ภยสํเวคสนฺตาสมาปชฺชิ, ตโต ปภาตาย รตฺติยา ภควโต อาโรเจสิ – ‘‘เอวรูปํ สทฺทมสฺโสสึ, กึ นุ โข เม, ภนฺเต, ภวิสฺสตี’’ติ. ภควา อาห – ‘‘มา ภายิ, มหาราช, น เต กิฺจิ ปาปกํ ภวิสฺสติ, อปิจ โข เต ปุราณาตกา เปเตสุ อุปฺปนฺนา สนฺติ, เต เอกํ พุทฺธนฺตรํ ตเมว ปจฺจาสีสมานา วิจรนฺติ ‘พุทฺธสฺส ทานํ ทตฺวา อมฺหากํ อุทฺทิสิสฺสตี’ติ , น เตสํ ตฺวํ หิยฺโย อุทฺทิสิ, เต ฉินฺนาสา ตถารูปํ วิสฺสรมกํสู’’ติ.

โส อาห ‘‘อิทานิ ปน, ภนฺเต, ทินฺเน ลเภยฺยุ’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ เม, ภนฺเต, อธิวาเสตุ ภควา อชฺชตนาย ทานํ, เตสํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ? ภควา อธิวาเสสิ. ราชา นิเวสนํ คนฺตฺวา มหาทานํ ปฏิยาเทตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ. ภควา ราชนฺเตปุรํ คนฺตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. เตปิ โข เปตา ‘‘อปิ นาม อชฺช ลเภยฺยามา’’ติ คนฺตฺวา ติโรกุฏฺฏาทีสุ อฏฺํสุ. ภควา ตถา อกาสิ, ยถา เต สพฺเพว รฺโ ปากฏา อเหสุํ. ราชา ทกฺขิโณทกํ เทนฺโต ‘‘อิทํ เม าตีนํ โหตู’’ติ อุทฺทิสิ, ตงฺขณฺเว เตสํ เปตานํ ปทุมสฺฉนฺนา โปกฺขรณิโย นิพฺพตฺตึสุ. เต ตตฺถ นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ปฏิปฺปสฺสทฺธทรถกิลมถปิปาสา สุวณฺณวณฺณา อเหสุํ. ราชา ยาคุขชฺชกโภชนานิ ทตฺวา อุทฺทิสิ, ตงฺขณฺเว เตสํ ทิพฺพยาคุขชฺชกโภชนานิ นิพฺพตฺตึสุ. เต ตานิ ปริภุฺชิตฺวา ปีณินฺทฺริยา อเหสุํ. อถ วตฺถเสนาสนานิ ทตฺวา อุทฺทิสิ. เตสํ ทิพฺพวตฺถทิพฺพยานทิพฺพปาสาททิพฺพปจฺจตฺถรณทิพฺพเสยฺยาทิอลงฺการวิธโย นิพฺพตฺตึสุ. สาปิ เตสํ สมฺปตฺติ ยถา สพฺพาว ปากฏา โหติ, ตถา ภควา อธิฏฺาสิ. ราชา อติวิย อตฺตมโน อโหสิ. ตโต ภควา ภุตฺตาวี ปวาริโต รฺโ มาคธสฺส อนุโมทนตฺถํ ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺตี’’ติ อิมา คาถา อภาสิ.

เอตฺตาวตา จ ‘‘เยน ยตฺถ ยทา ยสฺมา, ติโรกุฏฺฏํ ปกาสิตํ, ปกาเสตฺวาน ตํ สพฺพ’’นฺติ อยํ มาติกา สงฺเขปโต วิตฺถารโต จ วิภตฺตา โหติ.

ปมคาถาวณฺณนา

. อิทานิ อิมสฺส ติโรกุฏฺฏสฺส ยถากฺกมํ อตฺถวณฺณนํ กริสฺสาม. เสยฺยถิทํ – ปมคาถาย ตาว ติโรกุฏฺฏาติ กุฏฺฏานํ ปรภาคา วุจฺจนฺติ. ติฏฺนฺตีติ นิสชฺชาทิปฺปฏิกฺเขปโต านกปฺปนวจนเมตํ. เตน ยถา ปาการปรภาคํ ปพฺพตปรภาคฺจ คจฺฉนฺตํ ‘‘ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉตี’’ติ วทนฺติ, เอวมิธาปิ กุฏฺฏสฺส ปรภาเคสุ ติฏฺนฺเต ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺตี’’ติ อาห. สนฺธิสิงฺฆาฏเกสุ จาติ เอตฺถ สนฺธิโยติ จตุกฺโกณรจฺฉา วุจฺจนฺติ ฆรสนฺธิภิตฺติสนฺธิอาโลกสนฺธิโย จาปิ. สิงฺฆาฏกาติ ติโกณรจฺฉา วุจฺจนฺติ, ตเทกชฺฌํ กตฺวา ปุริเมน สทฺธึ สงฺฆเฏนฺโต ‘‘สนฺธิสิงฺฆาฏเกสุ จา’’ติ อาห. ทฺวารพาหาสุ ติฏฺนฺตีติ นครทฺวารฆรทฺวารานํ พาหา นิสฺสาย ติฏฺนฺติ. อาคนฺตฺวาน สกํ ฆรนฺติ เอตฺถ สกํ ฆรํ นาม ปุพฺพาติฆรมฺปิ อตฺตนา สามิกภาเวน อชฺฌาวุตฺถปุพฺพฆรมฺปิ. ตทุภยมฺปิ ยสฺมา เต สกฆรสฺาย อาคจฺฉนฺติ, ตสฺมา ‘‘อาคนฺตฺวาน สกํ ฆร’’นฺติ อาห.

ทุติยคาถาวณฺณนา

. เอวํ ภควา ปุพฺเพ อนชฺฌาวุตฺถปุพฺพมฺปิ ปุพฺพาติฆรํ พิมฺพิสารนิเวสนํ สกฆรสฺาย อาคนฺตฺวา ติโรกุฏฺฏสนฺธิสิงฺฆาฏกทฺวารพาหาสุ ิเต อิสฺสามจฺฉริยผลํ อนุภวนฺเต, อปฺเปกจฺเจ ทีฆมสฺสุเกสวิการธเร อนฺธการมุเข สิถิลพนฺธนวิลมฺพมานกิสผรุสกาฬกงฺคปจฺจงฺเค ตตฺถ ตตฺถ ิตวนทาหทฑฺฒตาลรุกฺขสทิเส, อปฺเปกจฺเจ ชิฆจฺฉาปิปาสารณินิมฺมถเนน อุทรโต อุฏฺาย มุขโต วินิจฺฉรนฺตาย อคฺคิชาลาย ปริฑยฺหมานสรีเร, อปฺเปกจฺเจ สูจิฉิทฺทาณุมตฺตกณฺพิลตาย ปพฺพตาการกุจฺฉิตาย จ ลทฺธมฺปิ ปานโภชนํ ยาวทตฺถํ ภุฺชิตุํ อสมตฺถตาย ขุปฺปิปาสาปเรเต อฺํ รสมวินฺทมาเน, อปฺเปกจฺเจ อฺมฺสฺส อฺเสํ วา สตฺตานํ ปภินฺนคณฺฑปิฬกมุขา ปคฺฆริตรุธิรปุพฺพลสิกาทึ ลทฺธา อมตมิว สายมาเน อติวิย ทุทฺทสิกวิรูปภยานกสรีเร พหู เปเต รฺโ นิทสฺเสนฺโต –

‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺติ, สนฺธิสิงฺฆาฏเกสุ จ;

ทฺวารพาหาสุ ติฏฺนฺติ, อาคนฺตฺวาน สกํ ฆร’’นฺติ. –

วตฺวา ปุน เตหิ กตสฺส กมฺมสฺส ทารุณภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปหูเต อนฺนปานมฺหี’’ติ ทุติยคาถมาห.

ตตฺถ ปหูเตติ อนปฺปเก พหุมฺหิ, ยาวทตฺถิเกติ วุตฺตํ โหติ. ภ-การสฺส หิ ห-กาโร ลพฺภติ ‘‘ปหุ สนฺโต น ภรตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๙๘) วิย. เกจิ ปน ‘‘พหูเต’’ อิติ จ ‘‘พหูเก’’ อิติ จ ปนฺติ. ปมาทปาา เอเต . อนฺเน จ ปานมฺหิ จ อนฺนปานมฺหิ. ขชฺเช จ โภชฺเช จ ขชฺชโภชฺเช, เอเตน อสิตปีตขายิตสายิตวเสน จตุพฺพิธํ อาหารํ ทสฺเสติ. อุปฏฺิเตติ อุปคมฺม ิเต, สชฺชิเต ปฏิยตฺเต สโมหิเตติ วุตฺตํ โหติ. น เตสํ โกจิ สรติ, สตฺตานนฺติ เตสํ เปตฺติวิสเย อุปฺปนฺนานํ สตฺตานํ โกจิ มาตา วา ปิตา วา ปุตฺโต วา น สรติ. กึ การณา? กมฺมปจฺจยา, อตฺตนา กตสฺส อทานทานปฺปฏิเสธนาทิเภทสฺส กทริยกมฺมสฺส ปจฺจยา. ตฺหิ เตสํ กมฺมํ าตีนํ สริตุํ น เทติ.

ตติยคาถาวณฺณนา

. เอวํ ภควา อนปฺปเกปิ อนฺนปานาทิมฺหิ ปจฺจุปฏฺิเต ‘‘อปิ นาม อมฺเห อุทฺทิสฺส กิฺจิ ทเทยฺยุ’’นฺติ าตี ปจฺจาสีสนฺตานํ วิจรตํ เตสํ เปตานํ เตหิ กตสฺส อติกฏุกวิปากกรสฺส กมฺมสฺส ปจฺจเยน กสฺสจิ าติโน อนุสฺสรณมตฺตาภาวํ ทสฺเสนฺโต –

‘‘ปหูเต อนฺนปานมฺหิ, ขชฺชโภชฺเช อุปฏฺิเต;

น เตสํ โกจิ สรติ, สตฺตานํ กมฺมปจฺจยา’’ติ. –

วตฺวา ปุน รฺโ เปตฺติวิสยูปปนฺเน าตเก อุทฺทิสฺส ทินฺนํ ทานํ ปสํสนฺโต ‘‘เอวํ ททนฺติ าตีน’’นฺติ ตติยคาถมาห.

ตตฺถ เอวนฺติ อุปมาวจนํ. ตสฺส ทฺวิธา สมฺพนฺโธ – เตสํ สตฺตานํ กมฺมปจฺจยา อสรนฺเตปิ กิสฺมิฺจิ ททนฺติ, าตีนํ, เย เอวํ อนุกมฺปกา โหนฺตีติ จ ยถา ตยา, มหาราช, ทินฺนํ, เอวํ สุจึ ปณีตํ กาเลน กปฺปิยํ ปานโภชนํ ททนฺติ าตีนํ, เย โหนฺติ อนุกมฺปกาติ จ. ททนฺตีติ เทนฺติ อุทฺทิสนฺติ นิยฺยาเตนฺติ. าตีนนฺติ มาติโต จ ปิติโต จ สมฺพนฺธานํ. เยติ เย เกจิ ปุตฺตา วา ธีตโร วา ภาตโร วา โหนฺตีติ ภวนฺติ. อนุกมฺปกาติ อตฺถกามา หิเตสิโน. สุจินฺติ วิมลํ ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํ ธมฺมิกํ ธมฺมลทฺธํ. ปณีตนฺติ อุตฺตมํ เสฏฺํ. กาเลนาติ าติเปตานํ ติโรกุฏฺฏาทีสุ อาคนฺตฺวา ิตกาเลน. กปฺปิยนฺติ อนุจฺฉวิกํ ปติรูปํ อริยานํ ปริโภคารหํ. ปานโภชนนฺติ ปานฺจ โภชนฺจ. อิธ ปานโภชนมุเขน สพฺโพปิ เทยฺยธมฺโม อธิปฺเปโต.

จตุตฺถคาถาปุพฺพทฺธวณฺณนา

. เอวํ ภควา รฺา มาคเธน เปตภูตานํ าตีนํ อนุกมฺปาย ทินฺนํ ปานโภชนํ ปสํสนฺโต –

‘‘เอวํ ททนฺติ าตีนํ, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

สุจึ ปณีตํ กาเลน, กปฺปิยํ ปานโภชน’’นฺติ. –

วตฺวา ปุน เยน ปกาเรน ทินฺนํ เตสํ โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตู’’ติ จตุตฺถคาถาย ปุพฺพทฺธมาห ตํ ตติยคาถาย ปุพฺพทฺเธน สมฺพนฺธิตพฺพํ –

‘‘เอวํ ททนฺติ าตีนํ, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา ;

อิทํ โว าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’’ติ.

เตน ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตูติ เอวํ ททนฺติ, โน อฺถา’’ติ เอตฺถ อาการตฺเถน เอวํสทฺเทน ทาตพฺพาการนิทสฺสนํ กตํ โหติ.

ตตฺถ อิทนฺติ เทยฺยธมฺมนิทสฺสนํ. โวติ ‘‘กจฺจิ ปน โว อนุรุทฺธา สมคฺคา สมฺโมทมานา’’ติ จ (ม. นิ. ๑.๓๒๖; มหาว. ๔๖๖), ‘‘เยหิ โว อริยา’’ติ จ เอวมาทีสุ วิย เกวลํ นิปาตมตฺตํ, น สามิวจนํ. าตีนํ โหตูติ เปตฺติวิสเย อุปฺปนฺนานํ าตกานํ โหตุ. สุขิตา โหนฺตุ าตโยติ เต เปตฺติวิสยูปปนฺนา าตโย อิทํ ปจฺจนุภวนฺตา สุขิตา โหนฺตูติ.

จตุตฺถคาถาปรทฺธปฺจมคาถาปุพฺพทฺธวณฺณนา

๔-๕. เอวํ ภควา เยน ปกาเรน เปตฺติวิสยูปปนฺนานํ าตีนํ ทาตพฺพํ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’’ติ วตฺวา ปุน ยสฺมา ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตู’’ติ วุตฺเตปิ น อฺเน กตํ กมฺมํ อฺสฺส ผลทํ โหติ, เกวลนฺตุ ตถา อุทฺทิสฺส ทิยฺยมานํ ตํ วตฺถุ าตีนํ กุสลกมฺมสฺส ปจฺจโย โหติ. ตสฺมา ยถา เตสํ ตสฺมึเยว วตฺถุสฺมึ ตงฺขเณ ผลนิพฺพตฺตกํ กุสลกมฺมํ โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เต จ ตตฺถา’’ติ จตุตฺถคาถาย ปจฺฉิมทฺธํ ‘‘ปหูเต อนฺนปานมฺหี’’ติ ปฺจมคาถาย ปุพฺพทฺธฺจ อาห.

เตสํ อตฺโถ – เต าติเปตา ยตฺถ ตํ ทานํ ทียติ, ตตฺถ สมนฺตโต อาคนฺตฺวา สมาคนฺตฺวา, สโมธาย วา เอกชฺฌํ หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ, สมฺมา อาคตา สมาคตา ‘‘อิเม โน าตโย อมฺหากํ อตฺถาย ทานํ อุทฺทิสิสฺสนฺตี’’ติ เอตทตฺถํ สมฺมา อาคตา หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปหูเต อนฺนปานมฺหีติ ตสฺมึ อตฺตโน อุทฺทิสฺสมาเน ปหูเต อนฺนปานมฺหิ. สกฺกจฺจํ อนุโมทเรติ อภิสทฺทหนฺตา กมฺมผลํ อวิชหนฺตา จิตฺตีการํ อวิกฺขิตฺตจิตฺตา หุตฺวา ‘‘อิทํ โน ทานํ หิตาย สุขาย โหตู’’ติ โมทนฺติ อนุโมทนฺติ, ปีติโสมนสฺสชาตา โหนฺตีติ.

ปฺจมคาถาปรทฺธฉฏฺคาถาปุพฺพทฺธวณฺณนา

๕-๖. เอวํ ภควา ยถา เปตฺติวิสยูปปนฺนานํ ตงฺขเณ ผลนิพฺพตฺตกํ กุสลํ กมฺมํ โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต –

‘‘เต จ ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, าติเปตา สมาคตา;

ปหูเต อนฺนปานมฺหิ, สกฺกจฺจํ อนุโมทเร’’ติ. –

วตฺวา ปุน าตเก นิสฺสาย นิพฺพตฺตกุสลกมฺมผลํ ปจฺจนุโภนฺตานํ เตสํ าตี อารพฺภ โถมนาการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จิรํ ชีวนฺตู’’ติ ปฺจมคาถาย ปจฺฉิมทฺธํ ‘‘อมฺหากฺจ กตา ปูชา’’ติ ฉฏฺคาถาย ปุพฺพทฺธฺจ อาห.

เตสํ อตฺโถ – จิรํ ชีวนฺตูติ จิรชีวิโน ทีฆายุกา โหนฺตุ. โน าตีติ อมฺหากํ าตกา. เยสํ เหตูติ เย นิสฺสาย เยสํ การณา. ลภามเสติ ลภาม. อตฺตนา ตงฺขณํ ปฏิลทฺธสมฺปตฺตึ อปทิสนฺตา ภณนฺติ. เปตานฺหิ อตฺตโน อนุโมทเนน, ทายกานํ อุทฺเทเสน, ทกฺขิเณยฺยสมฺปทาย จาติ ตีหิ องฺเคหิ ทกฺขิณา สมิชฺฌติ, ตงฺขเณ ผลนิพฺพตฺติกา โหติ. ตตฺถ ทายกา วิเสสเหตุ. เตนาหํสุ ‘‘เยสํ เหตุ ลภามเส’’ติ. อมฺหากฺจ กตา ปูชาติ ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตู’’ติ เอวํ อิมํ ทานํ อุทฺทิสนฺเตหิ อมฺหากฺจ ปูชา กตา. ทายกา จ อนิปฺผลาติ ยมฺหิ สนฺตาเน ปริจฺจาคมยํ กมฺมํ กตํ, ตสฺส ตตฺเถว ผลทานโต ทายกา จ อนิปฺผลาติ.

เอตฺถาห – ‘‘กึ ปน เปตฺติวิสยูปปนฺนา เอว าตโย ลภนฺติ, อุทาหุ อฺเปิ ลภนฺตี’’ติ ? วุจฺจเต – ภควตา เอเวตํ พฺยากตํ ชาณุสฺโสณินา พฺราหฺมเณน ปุฏฺเน, กิเมตฺถ อมฺเหหิ วตฺตพฺพํ อตฺถิ. วุตฺตํ เหตํ –

‘‘มยมสฺสุ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา นาม ทานานิ เทม, สทฺธานิ กโรม ‘อิทํ ทานํ เปตานํ าติสาโลหิตานํ อุปกปฺปตุ, อิทํ ทานํ เปตา าติสาโลหิตา ปริภุฺชนฺตู’ติ, กจฺจิ ตํ, โภ โคตม, ทานํ เปตานํ าติสาโลหิตานํ อุปกปฺปติ, กจฺจิ เต เปตา าติสาโลหิตา ตํ ทานํ ปริภุฺชนฺตีติ. าเน โข, พฺราหฺมณ, อุปกปฺปติ, โน อฏฺาเนติ.

‘‘กตมํ ปน ตํ, โภ โคตม, านํ, กตมํ อฏฺานนฺติ? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา นิรยํ อุปปชฺชติ. โย เนรยิกานํ สตฺตานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทํ โข, พฺราหฺมณ, อฏฺานํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ น อุปกปฺปติ.

‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปชฺชติ. โย ติรจฺฉานโยนิกานํ สตฺตานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, อฏฺานํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ น อุปกปฺปติ.

‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนุสฺสานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ…เป… เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. โย เทวานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, อฏฺานํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ น อุปกปฺปติ.

‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปชฺชติ. โย เปตฺติเวสยิกานํ สตฺตานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. ยํ วา ปนสฺส อิโต อนุปเวจฺฉนฺติ มิตฺตามจฺจา วา าติสาโลหิตา วา, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทํ โข, พฺราหฺมณ, านํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ อุปกปฺปตีติ.

‘‘สเจ ปน, โภ โคตม, โส เปโต าติสาโลหิโต ตํ านํ อนุปปนฺโน โหติ, โก ตํ ทานํ ปริภุฺชตีติ? อฺเปิสฺส, พฺราหฺมณ, เปตา าติสาโลหิตา ตํ านํ อุปปนฺนา โหนฺติ, เต ตํ ทานํ ปริภุฺชนฺตีติ.

‘‘สเจ ปน, โภ โคตม, โส เจว เปโต าติสาโลหิโต ตํ านํ อนุปปนฺโน โหติ, อฺเปิสฺส เปตา าติสาโลหิตา ตํ านํ อนุปปนฺนา โหนฺติ, โก ตํ ทานํ ปริภุฺชตีติ? อฏฺานํ โข เอตํ พฺราหฺมณ อนวกาโส, ยํ ตํ านํ วิวิตฺตํ อสฺส อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา ยทิทํ เปเตหิ าติสาโลหิเตหิ. อปิจ พฺราหฺมณ ทายโกปิ อนิปฺผโล’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๗๗).

ฉฏฺคาถาปรทฺธสตฺตมคาถาวณฺณนา

๖-๗. เอวํ ภควา รฺโ มาคธสฺส เปตฺติวิสยูปปนฺนานํ ปุพฺพาตีนํ สมฺปตฺตึ นิสฺสาย โถเมนฺโต ‘‘เอเต เต, มหาราช, าตี อิมาย ทานสมฺปทาย อตฺตมนา เอวํ โถเมนฺตี’’ติ ทสฺเสนฺโต –

‘‘จิรํ ชีวนฺตุ โน าตี, เยสํ เหตุ ลภามเส;

อมฺหากฺจ กตา ปูชา, ทายกา จ อนิปฺผลา’’ติ. –

วตฺวา ปุน เตสํ เปตฺติวิสยูปปนฺนานํ อฺสฺส กสิโครกฺขาทิโน สมฺปตฺติปฏิลาภการณสฺส อภาวํ อิโต ทินฺเนน ยาปนภาวฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘น หิ ตตฺถ กสี อตฺถี’’ติ ฉฏฺคาถาย ปจฺฉิมทฺธํ ‘‘วณิชฺชา ตาทิสี’’ติ อิมํ สตฺตมคาถฺจ อาห.

ตตฺรายํ อตฺถวณฺณนา – น หิ, มหาราช, ตตฺถ เปตฺติวิสเย กสิ อตฺถิ, ยํ นิสฺสาย เต เปตา สมฺปตฺตึ ปฏิลเภยฺยุํ. โครกฺเขตฺถ น วิชฺชตีติ น เกวลํ กสิ เอว, โครกฺขาปิ เอตฺถ เปตฺติวิสเย น วิชฺชติ, ยํ นิสฺสาย เต สมฺปตฺตึ ปฏิลเภยฺยุํ. วณิชฺชา ตาทิสี นตฺถีติ วาณิชฺชาปิ ตาทิสี นตฺถิ, ยา เตสํ สมฺปตฺติปฏิลาภเหตุ ภเวยฺย. หิรฺเน กยากยนฺติ หิรฺเน กยวิกฺกยมฺปิ ตตฺถ ตาทิสํ นตฺถิ, ยํ เตสํ สมฺปตฺติปฏิลาภเหตุ ภเวยฺย. อิโต ทินฺเนน ยาเปนฺติ, เปตา กาลคตา ตหินฺติ เกวลํ ปน อิโต าตีหิ วา มิตฺตามจฺเจหิ วา ทินฺเนน ยาเปนฺติ, อตฺตภาวํ คเมนฺติ. เปตาติ เปตฺติวิสยูปปนฺนา สตฺตา. กาลคตาติ อตฺตโน มรณกาเลน คตา, ‘‘กาลกตา’’ติ วา ปาโ, กตกาลา กตมรณาติ อตฺโถ. ตหินฺติ ตสฺมึ เปตฺติวิสเย.

อฏฺมนวมคาถาทฺวยวณฺณนา

๘-๙. เอวํ ‘‘อิโต ทินฺเนน ยาเปนฺติ, เปตา กาลคตา ตหิ’’นฺติ วตฺวา อิทานิ อุปมาหิ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต ‘‘อุนฺนเม อุทกํ วุฏฺ’’นฺติ อิทํ คาถาทฺวยมาห.

ตสฺสตฺโถ – ยถา อุนฺนเต ถเล อุสฺสาเท ภูมิภาเค เมเฆหิ อภิวุฏฺํ อุทกํ นินฺนํ ปวตฺตติ, โย โย ภูมิภาโค นินฺโน โอณโต, ตํ ตํ ปวตฺตติ คจฺฉติ ปาปุณาติ, เอวเมว อิโต ทินฺนํ ทานํ เปตานํ อุปกปฺปติ นิพฺพตฺตติ, ปาตุภวตีติ อตฺโถ. นินฺนมิว หิ อุทกปฺปวตฺติยา านํ เปตโลโก ทานุปกปฺปนาย. ยถาห – ‘‘อิทํ โข, พฺราหฺมณ, านํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ อุปกปฺปตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๗๗). ยถา จ กนฺทรปทรสาขาปสาขกุโสพฺภมหาโสพฺภสนฺนิปาเตหิ วาริวหา มหานชฺโช ปูรา หุตฺวา สาครํ ปริปูเรนฺติ, เอวมฺปิ อิโต ทินฺนทานํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เปตานํ อุปกปฺปตีติ.

ทสมคาถาวณฺณนา

๑๐. เอวํ ภควา ‘‘อิโต ทินฺเนน ยาเปนฺติ, เปตา กาลคตา ตหิ’’นฺติ อิมํ อตฺถํ อุปมาหิ ปกาเสตฺวา ปุน ยสฺมา เต เปตา ‘‘อิโต กิฺจิ ลจฺฉามา’’ติ อาสาภิภูตา าติฆรํ อาคนฺตฺวาปิ ‘‘อิทํ นาม โน เทถา’’ติ ยาจิตุํ อสมตฺถา, ตสฺมา เตสํ อิมานิ อนุสฺสรณวตฺถูนิ อนุสฺสรนฺโต กุลปุตฺโต ทกฺขิณํ ทชฺชาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อทาสิ เม’’ติ อิมํ คาถมาห.

ตสฺสตฺโถ – ‘‘อิทํ นาม เม ธนํ วา ธฺํ วา อทาสี’’ติ จ, ‘‘อิทํ นาม เม กิจฺจํ อตฺตนา อุยฺโยคมาปชฺชนฺโต อกาสี’’ติ จ, ‘‘อมุ เม มาติโต วา ปิติโต วา สมฺพนฺธตฺตา าตี’’ติ จ สิเนหวเสน ตาณสมตฺถตาย ‘‘มิตฺตา’’ติ จ, ‘‘อสุโก เม สห ปํสุกีฬโก สขา’’ติ จ เอวํ สพฺพมนุสฺสรนฺโต เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา, ทานํ นิยฺยาเตยฺยาติ. อปโร ปาโ ‘‘เปตานํ ทกฺขิณา ทชฺชา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ทาตพฺพาติ ทชฺชา. กา สา? เปตานํ ทกฺขิณา, เตเนว ‘‘อทาสิ เม’’ติอาทินา นเยน ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ อนุสฺสรตาติ วุตฺตํ โหติ. กรณวจนปฺปสงฺเค ปจฺจตฺตวจนํ เวทิตพฺพํ.

เอกาทสมคาถาวณฺณนา

๑๑. เอวํ ภควา เปตานํ ทกฺขิณานิยฺยาตเน การณภูตานิ อนุสฺสรณวตฺถูนิ ทสฺเสนฺโต –

‘‘อทาสิ เม อกาสิ เม, าติมิตฺตา สขา จ เม;

เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา, ปุพฺเพ กตมนุสฺสร’’นฺติ. –

วตฺวา ปุน เย าติมรเณน รุณฺณโสกาทิปรา เอว หุตฺวา ติฏฺนฺติ, น เตสํ อตฺถาย กิฺจิ เทนฺติ, เตสํ ตํ รุณฺณโสกาทิ เกวลํ อตฺตปริตาปนเมว โหติ, น เปตานํ กิฺจิ อตฺถํ นิปฺผาเทตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น หิ รุณฺณํ วา’’ติ อิมํ คาถมาห.

ตตฺถ รุณฺณนฺติ โรทนา โรทิตตฺตํ อสฺสุปาตนํ, เอเตน กายปริสฺสมํ ทสฺเสติ. โสโกติ โสจนา โสจิตตฺตํ, เอเตน จิตฺตปริสฺสมํ ทสฺเสติ. ยา จฺาติ ยา จ รุณฺณโสเกหิ อฺา. ปริเทวนาติ าติพฺยสเนน ผุฏฺสฺส ลาลปฺปนา, ‘‘กหํ เอกปุตฺตก ปิย มนาปา’’ติ เอวมาทินา นเยน คุณสํวณฺณนา, เอเตน วจีปริสฺสมํ ทสฺเสติ.

ทฺวาทสมคาถาวณฺณนา

๑๒. เอวํ ภควา ‘‘รุณฺณํ วา โสโก วา ยา จฺา ปริเทวนา, สพฺพมฺปิ ตํ เปตานํ อตฺถาย น โหติ, เกวลนฺตุ อตฺตานํ ปริตาปนมตฺตเมว, เอวํ ติฏฺนฺติ าตโย’’ติ รุณฺณาทีนํ นิรตฺถกภาวํ ทสฺเสตฺวา ปุน มาคธราเชน ยา ทกฺขิณา ทินฺนา, ตสฺสา สาตฺถกภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยฺจ โข ทกฺขิณา’’ติ อิมํ คาถมาห.

ตสฺสตฺโถ – อยฺจ โข, มหาราช, ทกฺขิณา ตยา อชฺช อตฺตโน าติคณํ อุทฺทิสฺส ทินฺนา , สา ยสฺมา สงฺโฆ อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺส, ตสฺมา สงฺฆมฺหิ สุปฺปติฏฺิตา อสฺส เปตชนสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย อุปกปฺปติ สมฺปชฺชติ ผลตีติ วุตฺตํ โหติ. อุปกปฺปตีติ จ านโส อุปกปฺปติ, ตํขณํเยว อุปกปฺปติ, น จิเรน. ยถา หิ ตํขณฺเว ปฏิภนฺตํ ‘‘านโสเวตํ ตถาคตํ ปฏิภาตี’’ติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ ตํขณํเยว อุปกปฺปนฺตา ‘‘านโส อุปกปฺปตี’’ติ วุตฺตา. ยํ วา ตํ ‘‘อิทํ โข, พฺราหฺมณ, านํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ อุปกปฺปตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๗๗) วุตฺตํ, ตตฺถ ขุปฺปิปาสิกวนฺตาสปรทตฺตูปชีวินิชฺฌามตณฺหิกาทิเภทภินฺเน าเน อุปกปฺปตีติ วุตฺตํ ยถา กหาปณํ เทนฺโต ‘‘กหาปณโส เทตี’’ติ โลเก วุจฺจติ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป อุปกปฺปตีติ ปาตุภวติ, นิพฺพตฺตตีติ วุตฺตํ โหติ.

เตรสมคาถาวณฺณนา

๑๓. เอวํ ภควา รฺา ทินฺนาย ทกฺขิณาย สาตฺถกภาวํ ทสฺเสนฺโต –

‘‘อยฺจ โข ทกฺขิณา ทินฺนา, สงฺฆมฺหิ สุปฺปติฏฺิตา;

ทีฆรตฺตํ หิตายสฺส, านโส อุปกปฺปตี’’ติ. –

วตฺวา ปุน ยสฺมา อิมํ ทกฺขิณํ เทนฺเตน าตีนํ าตีหิ กตฺตพฺพกิจฺจกรณวเสน าติธมฺโม นิทสฺสิโต, พหุชนสฺส ปากฏีกโต, นิทสฺสนํ วา กโต, ตุมฺเหหิปิ าตีนํ เอวเมว าตีหิ กตฺตพฺพกิจฺจกรณวเสน าติธมฺโม ปริปูเรตพฺโพ, น นิรตฺถเกหิ รุณฺณาทีหิ อตฺตา ปริตาเปตพฺโพติ จ เปเต ทิพฺพสมฺปตฺตึ อธิคเมนฺเตน เปตานํ ปูชา กตา อุฬารา, พุทฺธปฺปมุขฺจ ภิกฺขุสงฺฆํ อนฺนปานาทีหิ สนฺตปฺเปนฺเตน ภิกฺขูนํ พลํ อนุปทินฺนํ, อนุกมฺปาทิคุณปริวารฺจ จาคเจตนํ นิพฺพตฺเตนฺเตน อนปฺปกํ ปุฺํ ปสุตํ, ตสฺมา ภควา อิเมหิ ยถาภุจฺจคุเณหิ ราชานํ สมฺปหํเสนฺโต –

‘‘โส าติธมฺโม จ อยํ นิทสฺสิโต,

เปตาน ปูชา จ กตา อุฬารา;

พลฺจ ภิกฺขูนมนุปฺปทินฺนํ,

ตุมฺเหหิ ปุฺํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติ. –

อิมาย คาถาย เทสนํ ปริโยสาเปติ.

อถ วา ‘‘โส าติธมฺโม จ อยํ นิทสฺสิโต’’ติ อิมินา คาถาปเทน ภควา ราชานํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ. าติธมฺมนิทสฺสนเมว หิ เอตฺถ สนฺทสฺสนํ เปตาน ปูชา จ กตา อุฬาราติ อิมินา สมาทเปติ. อุฬาราติ ปสํสนเมว หิ เอตฺถ ปุนปฺปุนํ ปูชากรเณ สมาทปนํ. พลฺจ ภิกฺขูนมนุปฺปทินฺนนฺติ อิมินา สมุตฺเตเชติ. พลานุปฺปทานเมว หิ เอตฺถ เอวํ ทานํ, พลานุปฺปทานตาติ ตสฺส อุสฺสาหวฑฺฒเนน สมุตฺเตชนํ. ตุมฺเหหิ ปุฺํ ปสุตํ อนปฺปกนฺติ อิมินา สมฺปหํเสติ. ปุฺปฺปสุตกิตฺตนเมว หิ เอตฺถ ตสฺส ยถาภุจฺจคุณสํวณฺณนภาเวน สมฺปหํสนชนนโต สมฺปหํสนนฺติ เวทิตพฺพํ.

เทสนาปริโยสาเน จ เปตฺติวิสยูปปตฺติอาทีนวสํวณฺณเนน สํวิคฺคานํ โยนิโส ปทหตํ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ทุติยทิวเสปิ ภควา เทวมนุสฺสานํ อิทเมว ติโรกุฏฺฏํ เทเสสิ, เอวํ ยาว สตฺตมทิวสา ตาทิโส เอว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปา-อฏฺกถาย

ติโรกุฏฺฏสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.