📜
๑. ยมกวคฺโค
๑. จกฺขุปาลตฺเถรวตฺถุ
‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ¶ ¶ ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา;
มนสา เจ ปทุฏฺเน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวติ, จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติ. –
อยํ ธมฺมเทสนา กตฺถ ภาสิตาติ? สาวตฺถิยํ. กํ อารพฺภาติ? จกฺขุปาลตฺเถรํ.
สาวตฺถิยํ กิร มหาสุวณฺโณ นาม กุฏุมฺพิโก อโหสิ อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค อปุตฺตโก. โส เอกทิวสํ นฺหานติตฺถํ นฺหตฺวา นตฺวา อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค สมฺปนฺนปตฺตสาขํ เอกํ วนปฺปตึ ทิสฺวา ‘‘อยํ มเหสกฺขาย เทวตาย ปริคฺคหิโต ภวิสฺสตี’’ติ ตสฺส เหฏฺาภาคํ โสธาเปตฺวา ปาการปริกฺเขปํ การาเปตฺวา วาลุกํ โอกิราเปตฺวา ธชปฏากํ อุสฺสาเปตฺวา วนปฺปตึ อลงฺกริตฺวา อฺชลึ กริตฺวา ‘‘สเจ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลเภยฺยํ, ตุมฺหากํ มหาสกฺการํ กริสฺสามี’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา ปกฺกามิ.
อถสฺส น จิรสฺเสว ภริยาย กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา ¶ คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา ตสฺส อาโรเจสิ. โส ตสฺสา คพฺภสฺส ปริหารมทาสิ. สา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ. ตํ นามคฺคหณทิวเส ¶ เสฏฺิ อตฺตนา ปาลิตํ วนปฺปตึ นิสฺสาย ลทฺธตฺตา ตสฺส ปาโลติ นามํ อกาสิ. สา อปรภาเค อฺมฺปิ ปุตฺตํ ลภิ. ตสฺส จูฬปาโลติ นามํ กตฺวา อิตรสฺส มหาปาโลติ นามํ อกาสิ. เต วยปฺปตฺเต ฆรพนฺธเนน พนฺธึสุ. อปรภาเค มาตาปิตโร กาลมกํสุ. สพฺพมฺปิ วิภวํ อิตเรเยว วิจารึสุ.
ตสฺมึ สมเย สตฺถา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพนาคนฺตฺวา อนาถปิณฺฑิเกน มหาเสฏฺินา จตุปณฺณาสโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา การิเต เชตวนมหาวิหาเร วิหรติ มหาชนํ สคฺคมคฺเค จ โมกฺขมคฺเค จ ปติฏฺาปยมาโน. ตถาคโต หิ มาติปกฺขโต อสีติยา, ปิติปกฺขโต ¶ อสีติยาติ ทฺเวอสีติาติกุลสหสฺเสหิ การิเต นิคฺโรธมหาวิหาเร เอกเมว วสฺสาวาสํ วสิ, อนาถปิณฺฑิเกน การิเต เชตวนมหาวิหาเร เอกูนวีสติวสฺสานิ, วิสาขาย สตฺตวีสติโกฏิธนปริจฺจาเคน การิเต ปุพฺพาราเม ฉพฺพสฺสานีติ ทฺวินฺนํ กุลานํ คุณมหตฺตตํ ปฏิจฺจ สาวตฺถึ นิสฺสาย ปฺจวีสติวสฺสานิ วสฺสาวาสํ วสิ. อนาถปิณฺฑิโกปิ วิสาขาปิ มหาอุปาสิกา นิพทฺธํ ทิวสสฺส ทฺเว วาเร ตถาคตสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉนฺติ, คจฺฉนฺตา จ ‘‘ทหรสามเณรา โน หตฺเถ โอโลเกสฺสนฺตี’’ติ ตุจฺฉหตฺถา น คตปุพฺพา. ปุเรภตฺตํ คจฺฉนฺตา ขาทนียโภชนียาทีนิ ¶ คเหตฺวาว คจฺฉนฺติ, ปจฺฉาภตฺตํ คจฺฉนฺตา ปฺจ เภสชฺชานิ อฏฺ จ ปานานิ. นิเวสเนสุ ปน เตสํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขุสหสฺสานํ นิจฺจํ ปฺตฺตาสนาเนว โหนฺติ. อนฺนปานเภสชฺเชสุ โย ยํ อิจฺฉติ, ตสฺส ตํ ยถิจฺฉิตเมว สมฺปชฺชติ. เตสุ อนาถปิณฺฑิเกน เอกทิวสมฺปิ สตฺถา ปฺหํ น ปุจฺฉิตปุพฺโพ. โส กิร ‘‘ตถาคโต พุทฺธสุขุมาโล ขตฺติยสุขุมาโล, ‘พหูปกาโร เม, คหปตี’ติ มยฺหํ ธมฺมํ เทเสนฺโต กิลเมยฺยา’’ติ สตฺถริ อธิมตฺตสิเนเหน ปฺหํ น ปุจฺฉติ. สตฺถา ปน ตสฺมึ นิสินฺนมตฺเตเยว ‘‘อยํ เสฏฺิ มํ อรกฺขิตพฺพฏฺาเน รกฺขติ. อหฺหิ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อลงฺกตปฏิยตฺตํ อตฺตโน สีสํ ฉินฺทิตฺวา อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา หทยมํสํ อุปฺปาเฏตฺวา ปาณสมํ ปุตฺตทารํ ปริจฺจชิตฺวา ปารมิโย ปูเรนฺโต ปเรสํ ธมฺมเทสนตฺถเมว ปูเรสึ. เอส มํ อรกฺขิตพฺพฏฺาเน รกฺขตี’’ติ เอกํ ธมฺมเทสนํ กเถติเยว.
ตทา ¶ สาวตฺถิยํ สตฺต มนุสฺสโกฏิโย วสนฺติ. เตสุ สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปฺจโกฏิมตฺตา มนุสฺสา อริยสาวกา ชาตา, ทฺเวโกฏิมตฺตา มนุสฺสา ปุถุชฺชนา. เตสุ อริยสาวกานํ ทฺเวเยว กิจฺจานิ อเหสุํ – ปุเรภตฺตํ ทานํ เทนฺติ, ปจฺฉาภตฺตํ คนฺธมาลาทิหตฺถา วตฺถเภสชฺชปานกาทีนิ คาหาเปตฺวา ธมฺมสฺสวนตฺถาย คจฺฉนฺติ. อเถกทิวสํ มหาปาโล อริยสาวเก คนฺธมาลาทิหตฺเถ ¶ วิหารํ คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘อยํ มหาชโน กุหึ คจฺฉตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ธมฺมสฺสวนายา’’ติ สุตฺวา ‘‘อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิ.
พุทฺธา จ นาม ธมฺมํ เทเสนฺตา สรณสีลปพฺพชฺชาทีนํ อุปนิสฺสยํ โอโลเกตฺวา อชฺฌาสยวเสน ธมฺมํ เทเสนฺติ, ตสฺมา ตํ ทิวสํ สตฺถา ตสฺส อุปนิสฺสยํ โอโลเกตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อนุปุพฺพิกถํ กเถสิ. เสยฺยถิทํ – ทานกถํ, สีลกถํ, สคฺคกถํ, กามานํ อาทีนวํ, โอการํ สํกิเลสํ, เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาปาโล กุฏุมฺพิโก จินฺเตสิ – ‘‘ปรโลกํ คจฺฉนฺตํ ปุตฺตธีตโร วา ภาตโร วา โภคา วา นานุคจฺฉนฺติ, สรีรมฺปิ อตฺตนา ¶ สทฺธึ น คจฺฉติ, กึ เม ฆราวาเสน ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส เทสนาปริโยสาเน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ สตฺถา – ‘‘อตฺถิ เต โกจิ อาปุจฺฉิตพฺพยุตฺตโก าตี’’ติ อาห. ‘‘กนิฏฺภาตา เม อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ ตํ อาปุจฺฉาหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เคหํ คนฺตฺวา กนิฏฺํ ปกฺโกสาเปตฺวา – ‘‘ตาต, ยํ มยฺหํ อิมสฺมึ เคเห สวิฺาณกมฺปิ อวิฺาณกมฺปิ ธนํ กิฺจิ อตฺถิ, สพฺพํ ตํ ตว ภาโร, ปฏิปชฺชาหิ น’’นฺติ. ‘‘ตุมฺเห ปน กึ กริสฺสถา’’ติ อาห. ‘‘อหํ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ กเถสิ ภาติก, ตฺวํ เม มาตริ มตาย มาตา วิย, ปิตริ มเต ปิตา วิย ลทฺโธ, เคเห เต มหาวิภโว, สกฺกา เคหํ อชฺฌาวสนฺเตเหว ปฺุานิ กาตุํ ¶ , มา เอวํ กริตฺถา’’ติ. ‘‘ตาต, อหํ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ฆราวาเส วสิตุํ น สกฺโกมิ. สตฺถารา หิ อติสณฺหสุขุมํ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาโณ ธมฺโม เทสิโต, น สกฺกา โส อคารมชฺเฌ วสนฺเตน ปูเรตุํ ¶ , ปพฺพชิสฺสามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘ภาติก, ตรุณาเยว ตาวตฺถ, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิสฺสถา’’ติ. ‘‘ตาต, มหลฺลกสฺส หิ อตฺตโน หตฺถปาทาปิ อนสฺสวา โหนฺติ, น อตฺตโน วเส วตฺตนฺติ, กิมงฺคํ ปน าตกา, สฺวาหํ ตว กถํ น กโรมิ, สมณปฏิปตฺตึเยว ปูเรสฺสามิ’’.
‘‘ชราชชฺชริตา โหนฺติ, หตฺถปาทา อนสฺสวา;
ยสฺส โส วิหตตฺถาโม, กถํ ธมฺมํ จริสฺสติ’’. –
ปพฺพชิสฺสาเมวาหํ, ตาตาติ ตสฺส วิรวนฺตสฺเสว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ลทฺธปพฺพชฺชูปสมฺปโท อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก ปฺจ วสฺสานิ วสิตฺวา วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา สตฺถารมุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ สาสเน กติ ธุรานี’’ติ? ‘‘คนฺถธุรํ, วิปสฺสนาธุรนฺติ ทฺเวเยว ธุรานิ ภิกฺขู’’ติ. ‘‘กตมํ ปน, ภนฺเต, คนฺถธุรํ, กตมํ วิปสฺสนาธุร’’นฺติ? ‘‘อตฺตโน ปฺานุรูเปน เอกํ วา ทฺเว วา นิกาเย สกลํ วา ปน เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ตสฺส ธารณํ, กถนํ, วาจนนฺติ ¶ อิทํ คนฺถธุรํ นาม, สลฺลหุกวุตฺติโน ปน ปนฺตเสนาสนาภิรตสฺส อตฺตภาเว ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา สาตจฺจกิริยวเสน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตคฺคหณนฺติ อิทํ วิปสฺสนาธุรํ นามา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อหํ มหลฺลกกาเล ปพฺพชิโต คนฺถธุรํ ปูเรตุํ น สกฺขิสฺสามิ, วิปสฺสนาธุรํ ปน ปูเรสฺสามิ, กมฺมฏฺานํ เม กเถถา’’ติ. อถสฺส สตฺถา ยาว อรหตฺตํ กมฺมฏฺานํ กเถสิ.
โส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อตฺตนา สหคามิโน ภิกฺขู ปริเยสนฺโต สฏฺิ ภิกฺขู ลภิตฺวา เตหิ ¶ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา วีสโยชนสตมคฺคํ คนฺตฺวา เอกํ มหนฺตํ ปจฺจนฺตคามํ ปตฺวา ตตฺถ สปริวาโร ปิณฺฑาย ปาวิสิ. มนุสฺสา วตฺตสมฺปนฺเน ภิกฺขู ทิสฺวาว ปสนฺนจิตฺตา อาสนานิ ปฺาเปตฺวา นิสีทาเปตฺวา ปณีเตนาหาเรน ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กุหึ อยฺยา คจฺฉนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ยถาผาสุกฏฺานํ อุปาสกา’’ติ วุตฺเต ปณฺฑิตา มนุสฺสา ‘‘วสฺสาวาสํ เสนาสนํ ปริเยสนฺติ ภทนฺตา’’ติ ตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สเจ อยฺยา อิมํ เตมาสํ อิธ วเสยฺยุํ, มยํ สรเณสุ ปติฏฺาย สีลานิ คณฺเหยฺยามา’’ติ อาหํสุ. เตปิ ‘‘มยํ อิมานิ กุลานิ นิสฺสาย ภวนิสฺสรณํ กริสฺสามา’’ติ อธิวาเสสุํ.
มนุสฺสา ¶ เตสํ ปฏิฺํ คเหตฺวา วิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ สมฺปาเทตฺวา อทํสุ. เต นิพทฺธํ ตเมว คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺติ. อถ เน เอโก เวชฺโช อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, พหูนํ วสนฏฺาเน อผาสุกมฺปิ นาม โหติ, ตสฺมึ อุปฺปนฺเน มยฺหํ กเถยฺยาถ, เภสชฺชํ กริสฺสามี’’ติ ปวาเรสิ. เถโร วสฺสูปนายิกทิวเส เต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ปุจฺฉิ, ‘‘อาวุโส ¶ , อิมํ เตมาสํ กติหิ อิริยาปเถหิ วีตินาเมสฺสถา’’ติ? ‘‘จตูหิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปเนตํ, อาวุโส, ปติรูปํ, นนุ อปฺปมตฺเตหิ ภวิตพฺพํ’’? ‘‘มยฺหิ ธรมานกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติกา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อาคตา, พุทฺธา จ นาม น สกฺกา ปมาเทน อาราเธตุํ, กลฺยาณชฺฌาสเยน เต โว อาราเธตพฺพา. ปมตฺตสฺส จ นาม จตฺตาโร อปายา สกเคหสทิสา, อปฺปมตฺตา โหถาวุโส’’ติ. ‘‘กึ ตุมฺเห ปน, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อหํ ตีหิ อิริยาปเถหิ วีตินาเมสฺสามิ, ปิฏฺึ น ปสาเรสฺสามิ, อาวุโส’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ.
อถ เถรสฺส นิทฺทํ อโนกฺกมนฺตสฺส ปมมาเส อติกฺกนฺเต มชฺฌิมมาเส สมฺปตฺเต อกฺขิโรโค อุปฺปชฺชิ. ฉิทฺทฆฏโต อุทกธารา วิย อกฺขีหิ อสฺสุธารา ปคฺฆรนฺติ. โส สพฺพรตฺตึ สมณธมฺมํ กตฺวา อรุณุคฺคมเน คพฺภํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ. ภิกฺขู ภิกฺขาจารเวลาย เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภิกฺขาจารเวลา, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. ‘‘เตน หิ, อาวุโส, คณฺหถ ปตฺตจีวร’’นฺติ. อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา นิกฺขมิ. ภิกฺขู ตสฺส อกฺขีหิ อสฺสูนิ ปคฺฆรนฺเต ทิสฺวา, ‘‘กิเมตํ, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อกฺขีนิ เม, อาวุโส, วาตา วิชฺฌนฺตี’’ติ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, เวชฺเชน ปวาริตมฺหา, ตสฺส กเถมา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ¶ เต เวชฺชสฺส กถยึสุ. โส เตลํ ปจิตฺวา เปเสสิ. เถโร นาสาย เตลํ อาสิฺจนฺโต นิสินฺนโกว อาสิฺจิตฺวา อนฺโตคามํ ปาวิสิ. เวชฺโช ตํ ทิสฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อยฺยสฺส กิร อกฺขีนิ วาโต วิชฺฌตี’’ติ? ‘‘อาม, อุปาสกา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มยา เตลํ ปจิตฺวา เปสิตํ, นาสาย โว เตลํ อาสิตฺต’’นฺติ? ‘‘อาม, อุปาสกา’’ติ. ‘‘อิทานิ ¶ กีทิส’’นฺติ? ‘‘รุชฺชเตว อุปาสกา’’ติ. เวชฺโช ‘‘มยา เอกวาเรเนว วูปสมนสมตฺถํ เตลํ ปหิตํ, กึ นุ โข โรโค น วูปสนฺโต’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นิสีทิตฺวา โว เตลํ อาสิตฺตํ, นิปชฺชิตฺวา’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ตุณฺหี อโหสิ, ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉิยมาโนปิ น กเถสิ. โส ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา เถรสฺส ¶ วสนฏฺานํ โอโลเกสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, คจฺฉถา’’ติ เถรํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา เถรสฺส วสนฏฺานํ โอโลเกนฺโต จงฺกมนนิสีทนฏฺานเมว ทิสฺวา สยนฏฺานํ อทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, นิสินฺเนหิ โว อาสิตฺตํ, นิปนฺเนหี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ตุณฺหี อโหสิ. ‘‘มา, ภนฺเต, เอวํ กริตฺถ, สมณธมฺโม นาม สรีรํ ยาเปนฺเตน สกฺกา กาตุํ, นิปชฺชิตฺวา อาสิฺจถา’’ติ ปุนปฺปุนํ ยาจิ. ‘‘คจฺฉ ตฺวํ ตาวาวุโส, มนฺเตตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ เวชฺชํ อุยฺโยเชสิ. เถรสฺส จ ตตฺถ เนว าตี, น สาโลหิตา อตฺถิ, เตน สทฺธึ มนฺเตยฺย? กรชกาเยน ปน สทฺธึ มนฺเตนฺโต ¶ ‘‘วเทหิ ตาว, อาวุโส ปาลิต, ตฺวํ กึ อกฺขีนิ โอโลเกสฺสสิ, อุทาหุ พุทฺธสาสนํ? อนมตคฺคสฺมิฺหิ สํสารวฏฺเฏ ตว อกฺขิกาณสฺส คณนา นาม นตฺถิ, อเนกานิ ปน พุทฺธสตานิ พุทฺธสหสฺสานิ อตีตานิ. เตสุ เต เอกพุทฺโธปิ น ปริจิณฺโณ, อิทานิ อิมํ อนฺโตวสฺสํ ตโย มาเส น นิปชฺชิสฺสามีติ เตมาสํ นิพทฺธวีริยํ กริสฺสามิ. ตสฺมา เต จกฺขูนิ นสฺสนฺตุ วา ภิชฺชนฺตุ วา, พุทฺธสาสนเมว ธาเรหิ, มา จกฺขูนี’’ติ ภูตกายํ โอวทนฺโต อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘จกฺขูนิ หายนฺตุ มมายิตานิ,
โสตานิ หายนฺตุ ตเถว กาโย;
สพฺพมฺปิทํ หายตุ เทหนิสฺสิตํ,
กึ การณา ปาลิต ตฺวํ ปมชฺชสิ.
‘‘จกฺขูนิ ชีรนฺตุ มมายิตานิ,
โสตานิ ชีรนฺตุ ตเถว กาโย;
สพฺพมฺปิทํ ชีรตุ เทหนิสฺสิตํ,
กึ การณา ปาลิต ตฺวํ ปมชฺชสิ.
‘‘จกฺขูนิ ภิชฺชนฺตุ มมายิตานิ,
โสตานิ ภิชฺชนฺตุ ตเถว กาโย;
สพฺพมฺปิทํ ¶ ภิชฺชตุ เทหนิสฺสิตํ,
กึ การณา ปาลิต ตฺวํ ปมชฺชสี’’ติ.
เอวํ ¶ ¶ ตีหิ คาถาหิ อตฺตโน โอวาทํ ทตฺวา นิสินฺนโกว นตฺถุกมฺมํ กตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เวชฺโช ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, นตฺถุกมฺมํ กต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อุปาสกา’’ติ. ‘‘กีทิสํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘รุชฺชเตว อุปาสกา’’ติ. ‘‘นิสีทิตฺวา โว, ภนฺเต, นตฺถุกมฺมํ กตํ, นิปชฺชิตฺวา’’ติ. เถโร ตุณฺหี อโหสิ, ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉิยมาโนปิ น กิฺจิ กเถสิ. อถ นํ เวชฺโช, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห สปฺปายํ น กโรถ, อชฺชโต ปฏฺาย ‘อสุเกน เม เตลํ ปกฺก’นฺติ มา วทิตฺถ, อหมฺปิ ‘มยา โว เตลํ ปกฺก’นฺติ น วกฺขามี’’ติ อาห. โส เวชฺเชน ปจฺจกฺขาโต วิหารํ คนฺตฺวา ตฺวํ เวชฺเชนาปิ ปจฺจกฺขาโตสิ, อิริยาปถํ มา วิสฺสชฺชิ สมณาติ.
‘‘ปฏิกฺขิตฺโต ติกิจฺฉาย, เวชฺเชนาปิ วิวชฺชิโต;
นิยโต มจฺจุราชสฺส, กึ ปาลิต ปมชฺชสี’’ติ. –
อิมาย คาถาย อตฺตานํ โอวทิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ. อถสฺส มชฺฌิมยาเม อติกฺกนฺเต อปุพฺพํ อจริมํ อกฺขีนิ เจว กิเลสา จ ภิชฺชึสุ. โส สุกฺขวิปสฺสโก อรหา หุตฺวา คพฺภํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ.
ภิกฺขู ภิกฺขาจารเวลาย อาคนฺตฺวา ‘‘ภิกฺขาจารกาโล, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. ‘‘กาโล, อาวุโส’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉถา’’ติ. ‘‘กึ ตุมฺเห ปน, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อกฺขีนิ เม, อาวุโส, ปริหีนานี’’ติ. เต ตสฺส อกฺขีนิ โอโลเกตฺวา อสฺสุปุณฺณเนตฺตา หุตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มา จินฺตยิตฺถ, มยํ ¶ โว ปฏิชคฺคิสฺสามา’’ติ เถรํ สมสฺสาเสตฺวา กตฺตพฺพยุตฺตกํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. มนุสฺสา เถรํ อทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ อยฺโย กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ยาคุํ เปเสตฺวา สยํ ปิณฺฑปาตมาทาย คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา ปาทมูเล ปริวตฺตมานา โรทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยํ โว ปฏิชคฺคิสฺสาม, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ สมสฺสาเสตฺวา ปกฺกมึสุ.
ตโต ปฏฺาย นิพทฺธํ ยาคุภตฺตํ วิหารเมว เปเสนฺติ. เถโรปิ อิตเร สฏฺิ ภิกฺขู นิรนฺตรํ โอวทติ. เต ตสฺโสวาเท ตฺวา อุปกฏฺาย ปวารณาย สพฺเพว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ ¶ . เต วุฏฺวสฺสา จ ปน สตฺถารํ ทฏฺุกามา หุตฺวา เถรมาหํสุ, ‘‘ภนฺเต, สตฺถารํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ ¶ . เถโร เตสํ วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ทุพฺพโล, อนฺตรามคฺเค จ อมนุสฺสปริคฺคหิตา อฏวี อตฺถิ, มยิ เอเตหิ สทฺธึ คจฺฉนฺเต สพฺเพ กิลมิสฺสนฺติ, ภิกฺขมฺปิ ลภิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, อิเม ปุเรตรเมว เปเสสฺสามี’’ติ. อถ เน อาห – ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห ปุรโต คจฺฉถา’’ติ. ‘‘ตุมฺเห ปน ภนฺเต’’ติ? ‘‘อหํ ทุพฺพโล, อนฺตรามคฺเค จ อมนุสฺสปริคฺคหิตา อฏวี อตฺถิ, มยิ ตุมฺเหหิ สทฺธึ คจฺฉนฺเต สพฺเพ กิลมิสฺสถ, ตุมฺเห ปุรโต คจฺฉถา’’ติ. ‘‘มา, ภนฺเต, เอวํ กริตฺถ, มยํ ตุมฺเหหิ สทฺธึเยว คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘มา โว, อาวุโส, เอวํ รุจฺจิตฺถ, เอวํ สนฺเต มยฺหํ อผาสุกํ ภวิสฺสติ, มยฺหํ กนิฏฺโ ปน ตุมฺเห ทิสฺวา ปุจฺฉิสฺสติ, อถสฺส มม จกฺขูนํ ¶ ปริหีนภาวํ อาโรเจยฺยาถ, โส มยฺหํ สนฺติกํ กฺจิเทว ปหิณิสฺสติ, เตน สทฺธึ อาคจฺฉิสฺสามิ, ตุมฺเห มม วจเนน ทสพลฺจ อสีติมหาเถเร จ วนฺทถา’’ติ เต อุยฺโยเชสิ.
เต เถรํ ขมาเปตฺวา อนฺโตคามํ ปวิสึสุ. มนุสฺสา เต ทิสฺวา นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ ทตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, อยฺยานํ คมนากาโร ปฺายตี’’ติ? ‘‘อาม, อุปาสกา, สตฺถารํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ. เต ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวา เตสํ คมนฉนฺทเมว ตฺวา อนุคนฺตฺวา ปริเทวิตฺวา นิวตฺตึสุ. เตปิ อนุปุพฺเพน เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารฺจ อสีติมหาเถเร จ เถรสฺส วจเนน วนฺทิตฺวา ปุนทิวเส ยตฺถ เถรสฺส กนิฏฺโ วสติ, ตํ วีถึ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. กุฏุมฺพิโก เต สฺชานิตฺวา นิสีทาเปตฺวา กตปฏิสนฺถาโร ‘‘ภาติกตฺเถโร เม, ภนฺเต, กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. โส ตํ สุตฺวาว เตสํ ปาทมูเล ปริวตฺเตนฺโต โรทิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อิทานิ, ภนฺเต, กึ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘เถโร อิโต กสฺสจิ อาคมนํ ปจฺจาสีสติ, ตสฺส คตกาเล เตน สทฺธึ อาคมิสฺสตี’’ติ. ‘‘อยํ เม, ภนฺเต, ภาคิเนยฺโย ปาลิโต นาม, เอตํ เปเสถา’’ติ. ‘‘เอวํ เปเสตุํ น สกฺกา, มคฺเค ปริปนฺโถ อตฺถิ, ตํ ปพฺพาเชตฺวา เปเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เอวํ กตฺวา เปเสถ, ภนฺเต’’ติ. อถ นํ ปพฺพาเชตฺวา อฑฺฒมาสมตฺตํ ปตฺตจีวรคฺคหณาทีนิ สิกฺขาเปตฺวา มคฺคํ อาจิกฺขิตฺวา ปหิณึสุ.
โส อนุปุพฺเพน ตํ คามํ ปตฺวา คามทฺวาเร เอกํ มหลฺลกํ ทิสฺวา, ‘‘อิมํ คามํ นิสฺสาย โกจิ อารฺโก วิหาโร อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก นาม ตตฺถ วสตี’’ติ? ‘‘ปาลิตตฺเถโร นาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มคฺคํ เม อาจิกฺขถา’’ติ. ‘‘โกสิ ตฺวํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เถรสฺส ภาคิเนยฺโยมฺหี’’ติ. อถ ¶ นํ คเหตฺวา วิหารํ ¶ เนสิ. โส เถรํ วนฺทิตฺวา อฑฺฒมาสมตฺตํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา เถรํ สมฺมา ปฏิชคฺคิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มาตุลกุฏุมฺพิโก เม ตุมฺหากํ ¶ อาคมนํ ปจฺจาสีสติ, เอถ, คจฺฉามา’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ อิมํ เม ยฏฺิโกฏึ คณฺหาหี’’ติ. โส ยฏฺิโกฏึ คเหตฺวา เถเรน สทฺธึ อนฺโตคามํ ปาวิสิ. มนุสฺสา เถรํ นิสีทาเปตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, คมนากาโร โว ปฺายตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อาม, อุปาสกา, คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ. เต นานปฺปกาเรน ยาจิตฺวา อลภนฺตา เถรํ อุยฺโยเชตฺวา อุปฑฺฒปถํ คนฺตฺวา โรทิตฺวา นิวตฺตึสุ. สามเณโร เถรํ ยฏฺิโกฏิยา อาทาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อฏวิยํ กฏฺนครํ นาม เถเรน อุปนิสฺสาย วุฏฺปุพฺพํ คามํ สมฺปาปุณิ, โส คามโต นิกฺขมิตฺวา อรฺเ คีตํ คายิตฺวา ทารูนิ อุทฺธรนฺติยา เอกิสฺสา อิตฺถิยา คีตสทฺทํ สุตฺวา สเร นิมิตฺตํ คณฺหิ. อิตฺถิสทฺโท วิย หิ อฺโ สทฺโท ปุริสานํ สกลสรีรํ ผริตฺวา าตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เตนาห ภควา –
‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกสทฺทมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อิตฺถิสทฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒).
สามเณโร ตตฺถ นิมิตฺตํ คเหตฺวา ยฏฺิโกฏึ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘ติฏฺถ ตาว, ภนฺเต, กิจฺจํ เม อตฺถี’’ติ ตสฺสา สนฺติกํ ¶ คโต. สา ตํ ทิสฺวา ตุณฺหี อโหสิ. โส ตาย สทฺธึ สีลวิปตฺตึ ปาปุณิ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อิทาเนว เอโก คีตสทฺโท สุยฺยิตฺถ. โส จ โข อิตฺถิยา สทฺโท ฉิชฺชิ, สามเณโรปิ จิรายติ, โส ตาย สทฺธึ สีลวิปตฺตึ ปตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ. โสปิ อตฺตโน กิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา อาคนฺตฺวา ‘‘คจฺฉาม, ภนฺเต’’ติ อาห. อถ นํ เถโร ปุจฺฉิ – ‘‘ปาโปชาโตสิ สามเณรา’’ติ. โส ตุณฺหี หุตฺวา เถเรน ปุนปฺปุนํ ปุฏฺโปิ น กิฺจิ กเถสิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘ตาทิเสน ปาเปน มม ยฏฺิโกฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถี’’ติ. โส สํเวคปฺปตฺโต กาสายานิ อปเนตฺวา คิหินิยาเมน ปริทหิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ ปุพฺเพ สามเณโร, อิทานิ ปนมฺหิ คิหี ชาโต, ปพฺพชนฺโตปิ จ สฺวาหํ น สทฺธาย ปพฺพชิโต, มคฺคปริปนฺถภเยน ปพฺพชิโต, เอถ คจฺฉามา’’ติ อาห. ‘‘อาวุโส, คิหิปาโปปิ สมณปาโปปิ ปาโปเยว, ตฺวํ สมณภาเว ตฺวาปิ สีลมตฺตํ ปูเรตุํ นาสกฺขิ, คิหี หุตฺวา กึ ¶ นาม กลฺยาณํ กริสฺสสิ, ตาทิเสน ปาเปน มม ยฏฺิโกฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถี’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, อมนุสฺสุปทฺทโว มคฺโค, ตุมฺเห จ อนฺธา อปริณายกา, กถํ อิธ วสิสฺสถา’’ติ? อถ นํ เถโร, ‘‘อาวุโส, ตฺวํ มา เอวํ จินฺตยิ, อิเธว เม นิปชฺชิตฺวา มรนฺตสฺสาปิ อปราปรํ ปริวตฺตนฺตสฺสาปิ ตยา สทฺธึ คมนํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘หนฺทาหํ ¶ หตจกฺขุสฺมิ, กนฺตารทฺธานมาคโต;
เสยฺยมาโน น คจฺฉามิ, นตฺถิ พาเล สหายตา.
‘‘หนฺทาหํ ¶ หตจกฺขุสฺมิ, กนฺตารทฺธานมาคโต;
มริสฺสามิ โน คมิสฺสามิ, นตฺถิ พาเล สหายตา’’ติ.
ตํ สุตฺวา อิตโร สํเวคชาโต ‘‘ภาริยํ วต เม สาหสิกํ อนนุจฺฉวิกํ กมฺมํ กต’’นฺติ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโต วนสณฺฑํ ปกฺขนฺทิตฺวา ตถา ปกฺกนฺโตว อโหสิ. เถรสฺสาปิ สีลเตเชน สฏฺิโยชนายามํ ปฺาสโยชนวิตฺถตํ ปนฺนรสโยชนพหลํ ชยสุมนปุปฺผวณฺณํ นิสีทนุฏฺหนกาเลสุ โอนมนุนฺนมนปกติกํ สกฺกสฺส เทวรฺโ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ านา จาเวตุกาโม’’ติ โอโลเกนฺโต ทิพฺเพน จกฺขุนา เถรํ อทฺทส. เตนาหุ โปราณา –
‘‘สหสฺสเนตฺโต เทวินฺโท, ทิพฺพจกฺขุํ วิโสธยิ;
ปาปครหี อยํ ปาโล, อาชีวํ ปริโสธยิ.
‘‘สหสฺสเนตฺโต เทวินฺโท, ทิพฺพจกฺขุํ วิโสธยิ;
ธมฺมครุโก อยํ ปาโล, นิสินฺโน สาสเน รโต’’ติ.
อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สจาหํ เอวรูปสฺส ปาปครหิโน ธมฺมครุกสฺส อยฺยสฺส สนฺติกํ น คมิสฺสามิ, มุทฺธา เม สตฺตธา ผเลยฺย, คมิสฺสามิ ตสฺส สนฺติก’’นฺติ. ตโต –
‘‘สหสฺสเนตฺโต เทวินฺโท, เทวรชฺชสิรินฺธโร;
ตงฺขเณน อาคนฺตฺวาน, จกฺขุปาลมุปาคมิ’’. –
อุปคนฺตฺวา ¶ จ ปน เถรสฺส อวิทูเร ปทสทฺทมกาสิ. อถ นํ เถโร ปุจฺฉิ – ‘‘โก เอโส’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, อทฺธิโก’’ติ. ‘‘กุหึ ยาสิ อุปาสกา’’ติ ¶ ? ‘‘สาวตฺถิยํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยาหิ, อาวุโส’’ติ. ‘‘อยฺโย ปน, ภนฺเต, กุหึ คมิสฺสตี’’ติ? ‘‘อหมฺปิ ตตฺเถว คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ เอกโตว คจฺฉาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อหํ, อาวุโส, ทุพฺพโล, มยา สทฺธึ คจฺฉนฺตสฺส ตว ปปฺโจ ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘มยฺหํ อจฺจายิกํ นตฺถิ, อหมฺปิ อยฺเยน ¶ สทฺธึ คจฺฉนฺโต ทสสุ ปฺุกิริยวตฺถูสุ เอกํ ลภิสฺสามิ, เอกโตว คจฺฉาม, ภนฺเต’’ติ. เถโร ‘‘เอโส สปฺปุริโส ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘เตน หิ สทฺธึ คมิสฺสามิ, ยฏฺิโกฏึ คณฺห อุปาสกา’’ติ อาห. สกฺโก ตถา กตฺวา ปถวึ สงฺขิปนฺโต สายนฺหสมเย เชตวนํ สมฺปาเปสิ. เถโร สงฺขปณวาทิสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กตฺเถโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สาวตฺถิยํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ปุพฺเพ มยํ คมนกาเล จิเรน คมิมฺหา’’ติ. ‘‘อหํ อุชุมคฺคํ ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ตสฺมึ ขเณ เถโร ‘‘นายํ มนุสฺโส, เทวตา ภวิสฺสตี’’ติ สลฺลกฺเขสิ.
‘‘สหสฺสเนตฺโต เทวินฺโท, เทวรชฺชสิรินฺธโร;
สงฺขิปิตฺวาน ตํ มคฺคํ, ขิปฺปํ สาวตฺถิมาคมี’’ติ.
โส เถรํ เนตฺวา เถรสฺเสวตฺถาย กนิฏฺกุฏุมฺพิเกน การิตํ ¶ ปณฺณสาลํ เนตฺวา ผลเก นิสีทาเปตฺวา ปิยสหายกวณฺเณน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘สมฺม, จูฬปาลา’’ติ ปกฺโกสิ. ‘‘กึ, สมฺมา’’ติ? ‘‘เถรสฺสาคตภาวํ ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, กึ ปน เถโร อาคโต’’ติ? ‘‘อาม, สมฺม, อิทานิ อหํ วิหารํ คนฺตฺวา เถรํ ตยา การิตปณฺณสาลาย นิสินฺนกํ ทิสฺวา อาคโตมฺหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. กุฏุมฺพิโกปิ วิหารํ คนฺตฺวา เถรํ ทิสฺวา ปาทมูเล ปริวตฺตนฺโต โรทิตฺวา ‘‘อิทํ ทิสฺวา อหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปพฺพชิตุํ นาทาสิ’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ทฺเว ทาสทารเก ภุชิสฺเส กตฺวา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชตฺวา ‘‘อนฺโตคามโต ยาคุภตฺตาทีนิ อาหริตฺวา เถรํ อุปฏฺหถา’’ติ ปฏิยาเทสิ. สามเณรา วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา เถรํ อุปฏฺหึสุ.
อเถกทิวสํ ทิสาวาสิโน ภิกฺขู ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ เชตวนํ อาคนฺตฺวา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา อสีติมหาเถเร จ, วนฺทิตฺวา วิหารจาริกํ จรนฺตา จกฺขุปาลตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ ปตฺวา ‘‘อิทมฺปิ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สายํ ¶ ตทภิมุขา อเหสุํ. ตสฺมึ ขเณ มหาเมโฆ อุฏฺหิ. เต ‘‘อิทานิ อติสายนฺโห, เมโฆ จ อุฏฺิโต, ปาโตว คนฺตฺวา ปสฺสิสฺสามา’’ติ นิวตฺตึสุ. เทโว ปมยามํ วสฺสิตฺวา มชฺฌิมยาเม วิคโต. เถโร อารทฺธวีริโย อาจิณฺณจงฺกมโน, ตสฺมา ปจฺฉิมยาเม จงฺกมนํ โอตริ. ตทา จ ปน นววุฏฺาย ภูมิยา พหู อินฺทโคปกา ¶ อุฏฺหึสุ. เต เถเร จงฺกมนฺเต เยภุยฺเยน วิปชฺชึสุ. อนฺเตวาสิกา เถรสฺส จงฺกมนฏฺานํ กาลสฺเสว น สมฺมชฺชึสุ. อิตเร ภิกฺขู ‘‘เถรสฺส วสนฏฺานํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อาคนฺตฺวา จงฺกมเน มตปาณเก ทิสฺวา ‘‘โก อิมสฺมึ จงฺกมตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อมฺหากํ อุปชฺฌาโย, ภนฺเต’’ติ. เต อุชฺฌายึสุ ‘‘ปสฺสถาวุโส, สมณสฺส กมฺมํ, สจกฺขุกกาเล นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺโต ¶ กิฺจิ อกตฺวา อิทานิ จกฺขุวิกลกาเล ‘จงฺกมามี’ติ เอตฺตเก ปาณเก มาเรสิ ‘อตฺถํ กริสฺสามี’ติ อนตฺถํ กโรตี’’ติ.
อถ โข เต คนฺตฺวา ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ, ‘‘ภนฺเต, จกฺขุปาลตฺเถโร ‘จงฺกมามี’ติ พหู ปาณเก มาเรสี’’ติ. ‘‘กึ ปน โส ตุมฺเหหิ มาเรนฺโต ทิฏฺโ’’ติ? ‘‘น ทิฏฺโ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยเถว ตุมฺเห ตํ น ปสฺสถ, ตเถว โสปิ เต ปาเณ น ปสฺสติ. ขีณาสวานํ มรณเจตนา นาม นตฺถิ, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสเย สติ กสฺมา อนฺโธ ชาโต’’ติ? ‘‘อตฺตโน กตกมฺมวเสน, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เตน กต’’นฺติ? เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถ –
อตีเต พาราณสิยํ กาสิรฺเ รชฺชํ กาเรนฺเต เอโก เวชฺโช คามนิคเมสุ จริตฺวา เวชฺชกมฺมํ กโรนฺโต เอกํ จกฺขุทุพฺพลํ อิตฺถึ ทิสฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึ เต อผาสุก’’นฺติ? ‘‘อกฺขีหิ น ปสฺสามี’’ติ. ‘‘เภสชฺชํ เต กริสฺสามี’’ติ? ‘‘กโรหิ, สามี’’ติ. ‘‘กึ เม ทสฺสสี’’ติ? ‘‘สเจ เม อกฺขีนิ ปากติกานิ กาตุํ สกฺขิสฺสสิ, อหํ เต สทฺธึ ปุตฺตธีตาหิ ทาสี ภวิสฺสามี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ เภสชฺชํ สํวิทหิ, เอกเภสชฺเชเนว อกฺขีนิ ปากติกานิ อเหสุํ. สา ¶ จินฺเตสิ – ‘‘อหเมตสฺส สปุตฺตธีตา ทาสี ภวิสฺสามี’’ติ ปฏิชานึ, ‘‘น โข ปน มํ สณฺเหน สมฺมาจาเรน สมุทาจริสฺสติ, วฺเจสฺสามิ น’’นฺติ. สา เวชฺเชนาคนฺตฺวา ‘‘กีทิสํ, ภทฺเท’’ติ ปุฏฺา ‘‘ปุพฺเพ เม อกฺขีนิ โถกํ รุชฺชึสุ, อิทานิ ปน อติเรกตรํ รุชฺชนฺตี’’ติ อาห. เวชฺโช ‘‘อยํ มํ วฺเจตฺวา กิฺจิ อทาตุกามา, น เม เอตาย ทินฺนาย ¶ ภติยา อตฺโถ, อิทาเนว นํ อนฺธํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เคหํ คนฺตฺวา ภริยาย เอตมตฺถํ อาจิกฺขิ. สา ตุณฺหี อโหสิ. โส เอกํ เภสชฺชํ โยเชตฺวา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภทฺเท, อิมํ เภสชฺชํ อฺเชหี’’ติ อฺชาเปสิ. อถสฺสา ทฺเว อกฺขีนิ ทีปสิขา วิย วิชฺฌายึสุ. โส เวชฺโช จกฺขุปาโล อโหสิ.
ภิกฺขเว, ตทา มม ปุตฺเตน กตกมฺมํ ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุพนฺธิ. ปาปกมฺมฺหิ นาเมตํ ธุรํ วหโต พลิพทฺทสฺส ปทํ จกฺกํ วิย อนุคจฺฉตีติ อิทํ วตฺถุํ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ปติฏฺาปิตมตฺติกํ สาสนํ ราชมุทฺทาย ลฺฉนฺโต วิย ธมฺมราชา อิมํ คาถมาห –
‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ¶ ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา;
มนสา เจ ปทุฏฺเน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวติ, จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติ.
ตตฺถ มโนติ กามาวจรกุสลาทิเภทํ สพฺพมฺปิ จตุภูมิกจิตฺตํ. อิมสฺมึ ปน ปเท ตทา ตสฺส เวชฺชสฺส อุปฺปนฺนจิตฺตวเสน นิยมิยมานํ ววตฺถาปิยมานํ ¶ ปริจฺฉิชฺชิยมานํ โทมนสฺสสหคตํ ปฏิฆสมฺปยุตฺตจิตฺตเมว ลพฺภติ. ปุพฺพงฺคมาติ เตน ปมคามินา หุตฺวา สมนฺนาคตา. ธมฺมาติ คุณเทสนาปริยตฺตินิสฺสตฺตนิชฺชีววเสน จตฺตาโร ธมฺมา นาม. เตสุ –
‘‘น หิ ธมฺโม อธมฺโม จ, อุโภ สมวิปากิโน;
อธมฺโม นิรยํ เนติ, ธมฺโม ปาเปติ สุคฺคติ’’นฺติ. (เถรคา. ๓๐๔; ชา. ๑.๑๕.๓๘๖) –
อยํ คุณธมฺโม นาม. ‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อาทิกลฺยาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๔๒๐) อยํ เทสนาธมฺโม นาม. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ สุตฺตํ เคยฺย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๙) อยํ ปริยตฺติธมฺโม นาม. ‘‘ตสฺมึ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนฺติ, ขนฺธา โหนฺตี’’ติ (ธ. ส. ๑๒๑) อยํ นิสฺสตฺตธมฺโม นาม, นิชฺชีวธมฺโมติปิ เอโส เอว. เตสุ อิมสฺมึ าเน นิสฺสตฺตนิชฺชีวธมฺโม อธิปฺเปโต. โส อตฺถโต ตโย อรูปิโน ขนฺธา เวทนากฺขนฺโธ สฺากฺขนฺโธ สงฺขารกฺขนฺโธติ. เอเต หิ มโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ มโนปุพฺพงฺคมา นาม.
กถํ ¶ ปเนเตหิ สทฺธึ เอกวตฺถุโก เอการมฺมโณ อปุพฺพํ อจริมํ เอกกฺขเณ อุปฺปชฺชมาโน มโน ปุพฺพงฺคโม นาม โหตีติ? อุปฺปาทปจฺจยฏฺเน. ยถา หิ พหูสุ เอกโต คามฆาตาทีนิ กมฺมานิ กโรนฺเตสุ ‘‘โก เอเตสํ ปุพฺพงฺคโม’’ติ วุตฺเต โย เนสํ ปจฺจโย โหติ, ยํ นิสฺสาย เต ตํ กมฺมํ กโรนฺติ, โส ทตฺโต วา มิตฺโต วา เตสํ ปุพฺพงฺคโมติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ ¶ เวทิตพฺพํ. อิติ อุปฺปาทปจฺจยฏฺเน มโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ มโนปุพฺพงฺคมา. น หิ เต มเน อนุปฺปชฺชนฺเต อุปฺปชฺชิตุํ สกฺโกนฺติ, มโน ปน เอกจฺเจสุ เจตสิเกสุ อนุปชฺชนฺเตสุปิ อุปฺปชฺชติเยว. อธิปติวเสน ปน มโน เสฏฺโ เอเตสนฺติ มโนเสฏฺโ. ยถา หิ โจราทีนํ โจรเชฏฺกาทโย อธิปติโน เสฏฺา. ตถา เตสมฺปิ มโน อธิปติ มโนว เสฏฺา. ยถา ปน ทารุอาทีหิ ¶ นิปฺผนฺนานิ ตานิ ตานิ ภณฺฑานิ ทารุมยาทีนิ นาม โหนฺติ, ตถา เตปิ มนโต นิปฺผนฺนตฺตา มโนมยา นาม.
ปทุฏฺเนาติ อาคนฺตุเกหิ อภิชฺฌาทีหิ โทเสหิ ปทุฏฺเน. ปกติมโน หิ ภวงฺคจิตฺตํ, ตํ อปทุฏฺํ. ยถา หิ ปสนฺนํ อุทกํ อาคนฺตุเกหิ นีลาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺํ นีโลทกาทิเภทํ โหติ, น จ นวํ อุทกํ, นาปิ ปุริมํ ปสนฺนอุทกเมว, ตถา ตมฺปิ อาคนฺตุเกหิ อภิชฺฌาทีหิ โทเสหิ ปทุฏฺํ โหติ, น จ นวํ จิตฺตํ, นาปิ ปุริมํ ภวงฺคจิตฺตเมว, เตนาห ภควา – ‘‘ปภสฺสรมิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺ’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๙). เอวํ มนสา เจ ปทุฏฺเน, ภาสติ วา กโรติ วา โส ภาสมาโน จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตเมว ภาสติ, กโรนฺโต ติวิธํ กายทุจฺจริตเมว กโรติ, อภาสนฺโต อกโรนฺโต ตาย อภิชฺฌาทีหิ ปทุฏฺมานสตาย ติวิธํ มโนทุจฺจริตํ ปูเรติ. เอวมสฺส ทส อกุสลกมฺมปถา ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ.
ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวตีติ ¶ ตโต ติวิธทุจฺจริตโต ตํ ปุคฺคลํ ทุกฺขํ อนฺเวติ, ทุจฺจริตานุภาเวน จตูสุ อปาเยสุ, มนุสฺเสสุ วา ตมตฺตภาวํ คจฺฉนฺตํ กายวตฺถุกมฺปิ อิตรมฺปีติ อิมินา ปริยาเยน กายิกเจตสิกํ วิปากทุกฺขํ อนุคจฺฉติ. ยถา กึ? จกฺกํว วหโต ปทนฺติ ธุเร ยุตฺตสฺส ธุรํ วหโต พลิพทฺทสฺส ปทํ จกฺกํ วิย. ยถา หิ โส เอกมฺปิ ทิวสํ ทฺเวปิ ปฺจปิ ทสปิ อฑฺฒมาสมฺปิ มาสมฺปิ วหนฺโต จกฺกํ นิวตฺเตตุํ ชหิตุํ น สกฺโกติ ¶ , อถ ขฺวสฺส ปุรโต อภิกฺกมนฺตสฺส ยุคํ คีวํ พาธติ, ปจฺฉโต ปฏิกฺกมนฺตสฺส จกฺกํ อูรุมํสํ ปฏิหนติ. อิเมหิ ทฺวีหิ อากาเรหิ พาธนฺตํ จกฺกํ ตสฺส ปทานุปทิกํ โหติ; ตเถว มนสา ปทุฏฺเน ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา ิตํ ปุคฺคลํ นิรยาทีสุ ตตฺถ ตตฺถ คตคตฏฺาเน ทุจฺจริตมูลกํ กายิกมฺปิ เจตสิกมฺปิ ทุกฺขมนุพนฺธตีติ.
คาถาปริโยสาเน ตึสสหสฺสา ภิกฺขู สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สมฺปตฺตปริภายปิ เทสนา สาตฺถิกา สผลา อโหสีติ.
จกฺขุปาลตฺเถรวตฺถุ ปมํ
๒. มฏฺกุณฺฑลีวตฺถุ
๒. มโนปุพฺพงฺคมา ¶ ธมฺมาติ ทุติยคาถาปิ ¶ สาวตฺถิยํเยว มฏฺกุณฺฑลึ อารพฺภ ภาสิตา.
สาวตฺถิยํ กิร อทินฺนปุพฺพโก นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ. เตน กสฺสจิ กิฺจิ น ทินฺนปุพฺพํ, เตน ตํ ‘‘อทินฺนปุพฺพโก’’ตฺเวว สฺชานึสุ. ตสฺส เอกปุตฺตโก อโหสิ ปิโย มนาโป. อถสฺส ปิลนฺธนํ กาเรตุกาโม ‘‘สเจ สุวณฺณกาเร กาเรสฺสามิ, ภตฺตเวตนํ ทาตพฺพํ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว สุวณฺณํ โกฏฺเฏตฺวา มฏฺานิ กุณฺฑลานิ กตฺวา อทาสิ. เตนสฺส ปุตฺโต มฏฺกุณฺฑลีตฺเวว ปฺายิตฺถ. ตสฺส โสฬสวสฺสิกกาเล ปณฺฑุโรโค อุทปาทิ. ตสฺส มาตา ปุตฺตํ โอโลเกตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, ปุตฺตสฺส เต โรโค อุปฺปนฺโน, ติกิจฺฉาเปหิ น’’นฺติ อาห. ‘‘โภติ สเจ เวชฺชํ อาเนสฺสามิ, ภตฺตเวตนํ ทาตพฺพํ ภวิสฺสติ; กึ ตฺวํ มม ธนจฺเฉทํ น โอโลเกสฺสสี’’ติ? ‘‘อถ นํ กึ กริสฺสสิ, พฺราหฺมณา’’ติ? ‘‘ยถา เม ธนจฺเฉโท น โหติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ. โส เวชฺชานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อสุกโรคสฺส นาม ตุมฺเห กึ เภสชฺชํ กโรถา’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เต ยํ วา ตํ วา รุกฺขตจาทึ อาจิกฺขนฺติ. โส ตมาหริตฺวา ปุตฺตสฺส เภสชฺชํ กโรติ. ตํ กโรนฺตสฺเสวสฺส โรโค พลวา อโหสิ, อเตกิจฺฉภาวํ อุปาคมิ. พฺราหฺมโณ ¶ ตสฺส ทุพฺพลภาวํ ตฺวา เอกํ เวชฺชํ ปกฺโกสิ. โส ตํ โอโลเกตฺวาว ‘‘อมฺหากํ เอกํ กิจฺจํ อตฺถิ, อฺํ เวชฺชํ ปกฺโกสิตฺวา ติกิจฺฉาเปหี’’ติ ตํ ¶ ปหาย นิกฺขมิ. พฺราหฺมโณ ตสฺส มรณสมยํ ตฺวา ‘‘อิมสฺส ทสฺสนตฺถาย อาคตา อนฺโตเคเห สาปเตยฺยํ ปสฺสิสฺสนฺติ, พหิ นํ กริสฺสามี’’ติ ปุตฺตํ นีหริตฺวา พหิอาฬินฺเท นิปชฺชาเปสิ.
ตํ ทิวสํ ภควา พลวปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย ปุพฺพพุทฺเธสุ กตาธิการานํ อุสฺสนฺนกุสลมูลานํ เวเนยฺยพนฺธวานํ ทสฺสนตฺถํ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ าณชาลํ ปตฺถริ. มฏฺกุณฺฑลี พหิอาฬินฺเท นิปนฺนากาเรเนว ตสฺส อนฺโต ปฺายิ. สตฺถา ตํ ทิสฺวา ตสฺส อนฺโตเคหา นีหริตฺวา ตตฺถ นิปชฺชาปิตภาวํ ตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข มยฺหํ เอตฺถ คตปจฺจเยน อตฺโถ’’ติ อุปธาเรนฺโต อิทํ อทฺทส – อยํ มาณโว มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา กาลํ กตฺวา ตาวตึสเทวโลเก ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติสฺสติ, อจฺฉราสหสฺสปริวาโร ภวิสฺสติ, พฺราหฺมโณปิ ตํ ฌาเปตฺวา โรทนฺโต อาฬาหเน วิจริสฺสติ. เทวปุตฺโต ติคาวุตปฺปมาณํ สฏฺิสกฏภาราลงฺการปฏิมณฺฑิตํ อจฺฉราสหสฺสปริวารํ อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘เกน นุ โข กมฺเมน มยา อยํ สิริสมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ โอโลเกตฺวา มยิ ¶ จิตฺตปฺปสาเทน ลทฺธภาวํ ตฺวา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ธนจฺเฉทภเยน มม เภสชฺชมกตฺวา อิทานิ อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติ, วิปฺปการปฺปตฺตํ นํ กริสฺสามี’’ติ ปิตริ โรทนฺเต มฏฺกุณฺฑลิวณฺเณน อาคนฺตฺวา อาฬาหนสฺสาวิทูเร ¶ นิปชฺชิตฺวา โรทิสฺสติ. อถ นํ พฺราหฺมโณ ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิสฺสติ. ‘‘อหํ เต ปุตฺโต มฏฺกุณฺฑลี’’ติ อาจิกฺขิสฺสติ. ‘‘กุหึ นิพฺพตฺโตสี’’ติ? ‘‘ตาวสึสภวเน’’ติ. ‘‘กึ กมฺมํ กตฺวา’’ติ วุตฺเต มยิ จิตฺตปฺปสาเทน นิพฺพตฺตภาวํ อาจิกฺขิสฺสติ. พฺราหฺมโณ ‘‘ตุมฺเหสุ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺโต นาม อตฺถี’’ติ มํ ปุจฺฉิสฺสติ. อถสฺสาหํ ‘‘เอตฺตกานิ สตานิ วา สหสฺสานิ วา สตสหสฺสานิ วาติ น สกฺกา คณนา ปริจฺฉินฺทิตุ’’นฺติ วตฺวา ธมฺมปเท คาถํ ภาสิสฺสามิ. คาถาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ, มฏฺ กุณฺฑลี โสตาปนฺโน ภวิสฺสติ. ตถา อทินฺนปุพฺพโก พฺราหฺมโณ. อิติ ¶ อิมํ กุลปุตฺตํ นิสฺสาย มหาธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตีติ ทิสฺวา ปุนทิวเส กตสรีรปฏิชคฺคโน มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา อนุปุพฺเพน พฺราหฺมณสฺส เคหทฺวารํ คโต.
ตสฺมึ ขเณ มฏฺกุณฺฑลี อนฺโตเคหาภิมุโข นิปนฺโน โหติ. อถสฺส สตฺถา อตฺตโน อปสฺสนภาวํ ตฺวา เอกํ รสฺมึ วิสฺสชฺเชสิ. มาณโว ‘‘กึ โอภาโส นาเมโส’’ติ ปริวตฺเตตฺวา นิปนฺโนว สตฺถารํ ทิสฺวา, ‘‘อนฺธพาลปิตรํ นิสฺสาย เอวรูปํ พุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา กายเวยฺยาวฏิกํ วา กาตุํ ทานํ วา ทาตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ นาลตฺถํ, อิทานิ เม หตฺถาปิ อนธิปเตยฺยา, อฺํ กตฺตพฺพํ นตฺถี’’ติ มนเมว ปสาเทสิ. สตฺถา ‘‘อลํ เอตฺตเกน จิตฺตปฺปสาเทน อิมสฺสา’’ติ ปกฺกามิ. โส ตถาคเต จกฺขุปถํ วิชหนฺเตเยว ¶ ปสนฺนมโน กาลํ กตฺวา สุตฺตปฺปพุทฺโธ วิย เทวโลเก ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ.
พฺราหฺมโณปิสฺส สรีรํ ฌาเปตฺวา อาฬาหเน โรทนปรายโณ อโหสิ, เทวสิกํ อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติ – ‘‘กหํ เอกปุตฺตก, กหํ เอกปุตฺตกา’’ติ. เทวปุตฺโตปิ อตฺตโน สมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา, ‘‘เกน เม กมฺเมน ลทฺธา’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘สตฺถริ มโนปสาเทนา’’ติ ตฺวา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ มม อผาสุกกาเล เภสชฺชมกาเรตฺวา อิทานิ อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติ, วิปฺปการปฺปตฺตเมว นํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ มฏฺกุณฺฑลิวณฺเณน อาคนฺตฺวา อาฬาหนสฺสาวิทูเร พาหา ปคฺคยฺห โรทนฺโต อฏฺาสิ. พฺราหฺมโณ ตํ ทิสฺวา ‘‘อหํ ตาว ปุตฺตโสเกน โรทามิ, เอส กิมตฺถํ โรทติ, ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อลงฺกโต ¶ มฏฺกุณฺฑลี,
มาลธารี หริจนฺทนุสฺสโท;
พาหา ปคฺคยฺห กนฺทสิ,
วนมชฺเฌ กึ ทุกฺขิโต ตุว’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๒๐๗; เป. ว. ๑๘๖);
โส ¶ มาณโว อาห –
‘‘โสวณฺณมโย ปภสฺสโร,
อุปฺปนฺโน รถปฺชโร มม;
ตสฺส จกฺกยุคํ น วินฺทามิ,
เตน ทุกฺเขน ชหามิ ชีวิต’’นฺติ. (ว. ๑๒๐๘; เป. ว. ๑๘๗);
อถ ¶ นํ พฺราหฺมโณ อาห –
‘‘โสวณฺณมยํ มณิมยํ,
โลหิตกมยํ อถ รูปิยมยํ;
อาจิกฺข เม ภทฺท มาณว,
จกฺกยุคํ ปฏิปาทยามิ เต’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๐๙; เป. ว. ๑๘๘);
ตํ สุตฺวา มาณโว ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ปุตฺตสฺส เภสชฺชมกตฺวา ปุตฺตปติรูปกํ มํ ทิสฺวา โรทนฺโต ‘สุวณฺณาทิมยํ รถจกฺกํ กโรมี’ติ วทติ, โหตุ นิคฺคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘กีว มหนฺตํ เม จกฺกยุคํ กริสฺสสี’’ติ วตฺวา ‘‘ยาว มหนฺตํ อากงฺขสิ, ตาว มหนฺตํ กริสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘จนฺทิมสูริเยหิ เม อตฺโถ, เต เม เทหี’’ติ ยาจนฺโต อาห –
‘‘โส มาณโว ตสฺส ปาวทิ,
จนฺทสูริยา อุภเยตฺถ ทิสฺสเร;
โสวณฺณมโย ¶ รโถ มม,
เตน จกฺกยุเคน โสภตี’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๐; เป. ว. ๑๘๙);
อถ นํ พฺราหฺมโณ อาห –
‘‘พาโล โข ตฺวํ อสิ มาณว,
โย ตฺวํ ปตฺถยเส อปตฺถิยํ;
มฺามิ ตุวํ มริสฺสสิ,
น หิ ตฺวํ ลจฺฉสิ จนฺทสูริเย’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๑; เป. ว. ๑๙๐);
อถ ¶ นํ มาณโว อาห –
‘‘กึ ปน ปฺายมานสฺสตฺถาย โรทนฺโต พาโล โหติ, อุทาหุ อปฺายมานสฺสตฺถายา’’ติ วตฺวา –
‘‘คมนาคมนมฺปิ ¶ ทิสฺสติ,
วณฺณธาตุ อุภยตฺถ วีถิยา;
เปโต กาลกโต น ทิสฺสติ,
โก นิธ กนฺทตํ พาลฺยตโร’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๒; เป. ว. ๑๙๑);
ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ‘‘ยุตฺตํ เอส วทตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา –
‘‘สจฺจํ โข วเทสิ มาณว,
อหเมว กนฺทตํ พาลฺยตโร;
จนฺทํ วิย ทารโก รุทํ,
เปตํ กาลกตาภิปตฺถยิ’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๒๑๓; เป. ว. ๑๙๒) –
วตฺวา ¶ ตสฺส กถาย นิสฺโสโก หุตฺวา มาณวสฺส ถุตึ กโรนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;
วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.
‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, โสกํ หทยนิสฺสิตํ;
โย เม โสกปเรตสฺส, ปุตฺตโสกํ อปานุทิ.
‘‘สฺวาหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต;
น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน มาณวา’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๔-๑๒๑๖; เป. ว. ๑๙๓-๑๙๕);
อถ ¶ นํ ‘‘โก นาม ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต –
‘‘เทวตานุสิ คนฺธพฺโพ, อทุ สกฺโก ปุรินฺทโท;
โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุตฺโต, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๒๑๗; เป. ว. ๑๙๖) –
อาห. อถสฺส มาณโว –
‘‘ยฺจ กนฺทสิ ยฺจ โรทสิ,
ปุตฺตํ อาฬาหเน สยํ ทหิตฺวา;
สฺวาหํ กุสลํ กริตฺวา กมฺมํ,
ติทสานํ สหพฺยตํ คโต’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๘; เป. ว. ๑๙๗) –
อาจิกฺขิ ¶ . อถ นํ พฺราหฺมโณ อาห –
‘‘อปฺปํ วา พหุํ วา นาทฺทสาม,
ทานํ ททนฺตสฺส สเก อคาเร;
อุโปสถกมฺมํ ¶ วา ตาทิสํ,
เกน กมฺเมน คโตสิ เทวโลก’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๒๑๙; เป. ว. ๑๙๘);
มาณโว อาห –
‘‘อาพาธิโกหํ ทุกฺขิโต คิลาโน,
อาตูรรูโปมฺหิ สเก นิเวสเน;
พุทฺธํ วิคตรชํ วิติณฺณกงฺขํ,
อทฺทกฺขึ สุคตํ อโนมปฺํ.
‘‘สฺวาหํ มุทิตธโน ปสนฺนจิตฺโต,
อฺชลึ อกรึ ตถาคตสฺส;
ตาหํ กุสลํ กริตฺวาน กมฺมํ,
ติทสานํ สหพฺยตํ คโต’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๒๐-๑๒๒๑; เป. ว. ๑๙๙-๒๐๐);
ตสฺมึ ¶ กเถนฺเตเยว พฺราหฺมณสฺส สกลสรีรํ ปีติยา ปริปูริ. โส ตํ ปีตึ ปเวเทนฺโต –
‘‘อจฺฉริยํ วต อพฺภุตํ วต,
อฺชลิกมฺมสฺส อยมีทิโส วิปาโก;
อหมฺปิ ปมุทิตมโน ปสนฺนจิตฺโต,
อชฺเชว พุทฺธํ สรณํ วชามี’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๒๒; เป. ว. ๒๐๑) –
อาห. อถ นํ มาณโว –
‘‘อชฺเชว พุทฺธํ สรณํ วชาหิ,
ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ ปสนฺนจิตฺโต;
ตเถว ¶ สิกฺขาปทานิ ปฺจ,
อขณฺฑผุลฺลานิ สมาทิยสฺสุ.
ปาณาติปาตา วิรมสฺสุ ขิปฺปํ,
โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยสฺสุ;
อมชฺชโป มา จ มุสา ภณาหิ,
สเกน ทาเรน จ โหหิ ตุฏฺโ’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๒๓-๑๒๒๔; เป. ว. ๒๐๒-๒๐๓) –
อาห ¶ . โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อตฺถกาโมสิ เม ยกฺข, หิตกาโมสิ เทวเต;
กโรมิ ตุยฺหํ วจนํ, ตฺวํสิ อาจริโย มม.
‘‘อุเปมิ สรณํ พุทฺธํ, ธมฺมฺจาปิ อนุตฺตรํ;
สงฺฆฺจ นรเทวสฺส, คจฺฉามิ สรณํ อหํ.
‘‘ปาณาติปาตา วิรมามิ ขิปฺปํ,
โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยามิ;
อมชฺชโป โน จ มุสา ภณามิ,
สเกน ทาเรน จ โหมิ ตุฏฺโ’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๒๕-๑๒๒๗; เป. ว. ๒๐๔-๒๐๖);
อถ ¶ นํ เทวปุตฺโต, ‘‘พฺราหฺมณ, เต เคเห พหุํ ธนํ อตฺถิ, สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ทานํ เทหิ, ธมฺมํ สุณาหิ, ปฺหํ ปุจฺฉาหี’’ติ วตฺวา ตตฺเถว อนฺตรธายิ.
พฺราหฺมโณปิ เคหํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ภทฺเท, อหํ อชฺช สมณํ โคตมํ นิมนฺเตตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามิ, สกฺการํ กโรหี’’ติ วตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ เนว อภิวาเทตฺวา น ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ ิโต, ‘‘โภ โคตม, อธิวาเสหิ อชฺชตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ อาห. สตฺถา อธิวาเสสิ. โส สตฺถุ อธิวาสนํ วิทิตฺวา เวเคนาคนฺตฺวา ¶ สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียฺจ ปฏิยาทาเปสิ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. พฺราหฺมโณ สกฺกจฺจํ ปริวิสิ, มหาชโน สนฺนิปติ. มิจฺฉาทิฏฺิเกน กิร ตถาคเต นิมนฺติเต ทฺเว ชนกายา สนฺนิปตนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิกา ‘‘อชฺช สมณํ โคตมํ ปฺหํ ปุจฺฉนาย วิเหิยมานํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปตนฺติ, สมฺมาทิฏฺิกา ‘‘อชฺช พุทฺธวิสยํ พุทฺธลีฬํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปตนฺติ. อถ โข พฺราหฺมโณ กตภตฺตกิจฺจํ ตถาคตมุปสงฺกมิตฺวา นีจาสเน นิสินฺโน ปฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘โภ โคตม, ตุมฺหากํ ทานํ อทตฺวา ปูชํ อกตฺวา ธมฺมํ อสุตฺวา อุโปสถวาสํ อวสิตฺวา เกวลํ มโนปสาทมตฺเตเนว สคฺเค นิพฺพตฺตา นาม โหนฺตี’’ติ? ‘‘พฺราหฺมณ, กสฺมา มํ ปุจฺฉสิ, นนุ เต ปุตฺเตน มฏฺกุณฺฑลินา มยิ มนํ ปสาเทตฺวา ¶ อตฺตโน สคฺเค นิพฺพตฺตภาโว กถิโต’’ติ? ‘‘กทา, โภ โคตมา’’ติ? นนุ ตฺวํ อชฺช สุสานํ คนฺตฺวา กนฺทนฺโต อวิทูเร พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺตํ เอกํ มาณวํ ทิสฺวา ‘‘อลงฺกโต มฏฺกุณฺฑลี, มาลธารี ¶ หริจนฺทนุสฺสโท’’ติ ทฺวีหิ ชเนหิ กถิตกถํ ปกาเสนฺโต สพฺพํ มฏฺกุณฺฑลิวตฺถุํ กเถสิ. เตเนเวตํ พุทฺธภาสิตํ นาม ชาตํ.
ตํ กเถตฺวา จ ปน ‘‘น โข, พฺราหฺมณ, เอกสตํ วา น ทฺเวสตํ, อถ โข มยิ มนํ ปสาเทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตานํ คณนา นาม นตฺถี’’ติ อาห. อถ มหาชโน น นิพฺเพมติโก โหติ, อถสฺส อนิพฺเพมติกภาวํ วิทิตฺวา สตฺถา ‘‘มฏฺกุณฺฑลิเทวปุตฺโต วิมาเนเนว สทฺธึ อาคจฺฉตู’’ติ อธิฏฺาสิ. โส ติคาวุตปฺปมาเณเนว ทิพฺพาภรณปฏิมณฺฑิเตน อตฺตภาเวน อาคนฺตฺวา วิมานโต โอรุยฺห สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ตฺวํ อิมํ สมฺปตฺตึ กึ กมฺมํ กตฺวา ปฏิลภี’’ติ ปุจฺฉนฺโต –
‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;
โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา;
ปุจฺฉามิ ตํ เทว มหานุภาว, มนุสฺสภูโต กิมกาสิ ปฺุ’’นฺติ. –
คาถมาห. ‘‘เทวปุตฺโต อยํ เม, ภนฺเต, สมฺปตฺติ ตุมฺเหสุ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ลทฺธา’’ติ. ‘‘มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ลทฺธา เต’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. มหาชโน เทวปุตฺตํ โอโลเกตฺวา ‘‘อจฺฉริยา วต, โภ, พุทฺธคุณา, อทินฺนปุพฺพกพฺราหฺมณสฺส นาม ปุตฺโต อฺํ ¶ กิฺจิ ปฺุํ อกตฺวา สตฺถริ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ปฏิลภี’’ติ ตุฏฺึ ปเวเทสิ.
อถ ¶ เนสํ กุสลากุสลกมฺมกรเณ มโนว ปุพฺพงฺคโม, มโนว เสฏฺโ. ปสนฺเนน หิ มเนน กตํ กมฺมํ เทวโลกํ มนุสฺสโลกํ คจฺฉนฺตํ ปุคฺคลํ ฉายาว น วิชหตีติ อิทํ วตฺถุํ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ปติฏฺาปิตมตฺติกํ สาสนํ ราชมุทฺทาย ลฺฉนฺโต วิย ธมฺมราชา อิมํ คาถมาห –
๒. ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา.
มนสา เจ ปสนฺเนน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ สุขมนฺเวติ, ฉายาว อนปายินี’’ติ.
ตตฺถ ¶ กิฺจาปิ มโนติ อวิเสเสน สพฺพมฺปิ จตุภูมิกจิตฺตํ วุจฺจติ, อิมสฺมึ ปน ปเท นิยมิยมานํ ววตฺถาปิยมานํ ปริจฺฉิชฺชิยมานํ อฏฺวิธํ กามาวจรกุสลจิตฺตํ ลพฺภติ. วตฺถุวเสน ปนาหริยมานํ ตโตปิ โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตจิตฺตเมว ลพฺภติ. ปุพฺพงฺคมาติ เตน ปมคามินา หุตฺวา สมนฺนาคตา. ธมฺมาติ เวทนาทโย ตโย ขนฺธา. เอเต หิ อุปฺปาทปจฺจยฏฺเน โสมนสฺสสมฺปยุตฺตมโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ มโนปุพฺพงฺคมา นาม. ยถา หิ พหูสุ เอกโต หุตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆสฺส จีวรทานาทีนิ วา อุฬารปูชาธมฺมสฺสวนาทีนิ วา มาลาคนฺธสกฺการกรณาทีนิ วา ปฺุานิ กโรนฺเตสุ ‘‘โก เอเตสํ ปุพฺพงฺคโม’’ติ วุตฺเต โย เตสํ ปจฺจโย โหติ, ยํ นิสฺสาย เต ตานิ ปฺุานิ กโรนฺติ, โส ติสฺโส วา ผุสฺโส วา เตสํ ปุพฺพงฺคโมติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. อิติ อุปฺปาทปจฺจยฏฺเน มโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ ¶ มโนปุพฺพงฺคมา. น หิ เต มเน อนุปฺปชฺชนฺเต อุปฺปชฺชิตุํ สกฺโกนฺติ, มโน ปน เอกจฺเจสุ เจตสิเกสุ อนุปฺปชฺชนฺเตสุปิ อุปฺปชฺชติเยว. เอวํ อธิปติวเสน ปน มโน เสฏฺโ เอเตสนฺติ มโนเสฏฺา. ยถา หิ คณาทีนํ อธิปติ ปุริโส คณเสฏฺโ เสณิเสฏฺโติ วุจฺจติ, ตถา เตสมฺปิ มโนว เสฏฺโ. ยถา ปน สุวณฺณาทีหิ นิปฺผาทิตานิ ภณฺฑานิ สุวณฺณมยาทีนิ นาม โหนฺติ, ตถา เอเตปิ มนโต นิปฺผนฺนตฺตา มโนมยา นาม.
ปสนฺเนนาติ อนภิชฺฌาทีหิ คุเณหิ ปสนฺเนน. ภาสติ วา กโรติ วาติ เอวรูเปน มเนน ภาสนฺโต จตุพฺพิธํ วจีสุจริตเมว ภาสติ, กโรนฺโต ติวิธํ กายสุจริตเมว กโรติ, อภาสนฺโต อกโรนฺโต ตาย อนภิชฺฌาทีหิ ปสนฺนมานสตาย ติวิธํ มโนสุจริตํ ปูเรติ. เอวมสฺส ทส กุสลกมฺมปถา ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ.
ตโต นํ สุขมนฺเวตีติ ตโต ติวิธสุจริตโต นํ ปุคฺคลํ สุข มนฺเวติ. อิธ เตภูมิกมฺปิ ¶ กุสลํ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา เตภูมิกสุจริตานุภาเวน สุคติภเว นิพฺพตฺตํ ปุคฺคลํ, ทุคฺคติยํ วา สุขานุภวนฏฺาเน ิตํ กายวตฺถุกมฺปิ อิตรวตฺถุกมฺปิ อวตฺถุกมฺปีติ กายิกเจตสิกํ วิปากสุขํ อนุคจฺฉติ, น วิชหตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยถา กึ? ฉายาว อนปายินีติ ยถา หิ ฉายา นาม สรีรปฺปฏิพทฺธา สรีเร คจฺฉนฺเต คจฺฉติ, ติฏฺนฺเต ติฏฺติ ¶ , นิสีทนฺเต นิสีทติ, น สกฺโกติ, ‘‘สณฺเหน วา ผรุเสน ¶ วา นิวตฺตาหี’’ติ วตฺวา วา โปเถตฺวา วา นิวตฺตาเปตุํ. กสฺมา? สรีรปฺปฏิพทฺธตฺตา. เอวเมว อิเมสํ ทสนฺนํ กุสลกมฺมปถานํ อาจิณฺณสมาจิณฺณกุสลมูลิกํ กามาวจราทิเภทํ กายิกเจตสิกสุขํ คตคตฏฺาเน อนปายินี ฉายา วิย หุตฺวา น วิชหตีติ.
คาถาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, มฏฺกุณฺฑลิเทวปุตฺโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, ตถา อทินฺนปุพฺพโก พฺราหฺมโณ. โส ตาวมหนฺตํ วิภวํ พุทฺธสาสเน วิปฺปกิรีติ.
มฏฺกุณฺฑลีวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อกฺโกจฺฉิ มนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิรายสฺมา ติสฺสตฺเถโร ภควโต ปิตุจฺฉาปุตฺโต อโหสิ, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตฺวา พุทฺธานํ อุปฺปนฺนลาภสกฺการํ ปริภฺุชนฺโต ถูลสรีโร อาโกฏิตปจฺจาโกฏิเตหิ จีวเรหิ นิวาเสตฺวา เยภุยฺเยน วิหารมชฺเฌ อุปฏฺานสาลายํ นิสีทติ. ตถาคตํ ทสฺสนตฺถาย อาคตา อาคนฺตุกภิกฺขู ตํ ทิสฺวา ‘‘เอโก มหาเถโร ภวิสฺสตี’’ติ สฺาย ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วตฺตํ อาปุจฺฉนฺติ, ปาทสมฺพาหนาทีนิ อาปุจฺฉนฺติ. โส ตุณฺหี อโหสิ. อถ นํ เอโก ทหรภิกฺขุ ‘‘กติวสฺสา ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วสฺสํ นตฺถิ, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตา มย’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อาวุโส, ทุพฺพินีต, มหลฺลก ¶ , อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสิ, เอตฺตเก มหาเถเร ทิสฺวา สามีจิกมฺมมตฺตมฺปิ น กโรสิ, วตฺเต อาปุจฺฉิยมาเน ตุณฺหี โหสิ, กุกฺกุจฺจมตฺตมฺปิ เต นตฺถี’’ติ อจฺฉรํ ปหริ. โส ขตฺติยมานํ ชเนตฺวา ‘‘ตุมฺเห กสฺส สนฺติกํ อาคตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺถุ สนฺติก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘มํ ปน ‘โก เอโส’ติ สลฺลกฺเขถ, มูลเมว โว ฉินฺทิสฺสามี’’ติ วตฺวา รุทนฺโต ทุกฺขี ทุมฺมโน สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ ¶ . อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ นุ ตฺวํ ติสฺส ทุกฺขี ทุมฺมโน อสฺสุมุโข โรทมาโน อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. เตปิ ภิกฺขู ‘‘เอส คนฺตฺวา กิฺจิ อาโลฬํ กเรยฺยา’’ติ เตเนว ¶ สทฺธึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. โส สตฺถารา ปุจฺฉิโต ‘‘อิเม มํ, ภนฺเต, ภิกฺขู อกฺโกสนฺตี’’ติ อาห. ‘‘กหํ ปน ตฺวํ นิสินฺโนสี’’ติ? ‘‘วิหารมชฺเฌ อุปฏฺานสาลายํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อิเม เต ภิกฺขู อาคจฺฉนฺตา ทิฏฺา’’ติ? ‘‘อาม, ทิฏฺา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ อุฏฺาย เต ปจฺจุคฺคมนํ กต’’นฺติ? ‘‘น กตํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ปริกฺขารคฺคหณํ อาปุจฺฉิต’’นฺติ? ‘‘นาปุจฺฉิตํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘วตฺตํ วา ปานียํ วา อาปุจฺฉิต’’นฺติ. ‘‘นาปุจฺฉิตํ ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาสนํ นีหริตฺวา อภิวาเทตฺวา ปาทสมฺพาหนํ กต’’นฺติ? ‘‘น กตํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ติสฺส มหลฺลกภิกฺขูนํ สพฺพํ เอตํ วตฺตํ กาตพฺพํ, เอตํ วตฺตํ อกโรนฺเตน วิหารมชฺเฌ นิสีทิตุํ น วฏฺฏติ, ตเวว โทโส, เอเต ภิกฺขู ขมาเปหี’’ติ? ‘‘เอเต มํ, ภนฺเต, อกฺโกสึสุ ¶ , นาหํ เอเต ขมาเปมี’’ติ. ‘‘ติสฺส มา เอวํ กริ, ตเวว โทโส, ขมาเปหิ เน’’ติ? ‘‘น ขมาเปมิ, ภนฺเต’’ติ. อถ สตฺถา ‘‘ทุพฺพโจ เอส, ภนฺเต’’ติ ภิกฺขูหิ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ทุพฺพโจ เอส, ปุพฺเพปิ เอส ทุพฺพโจเยวา’’ติ วตฺวา ‘‘อิทานิ ตาวสฺส, ภนฺเต, ทุพฺพจภาโว อมฺเหหิ าโต, อตีเต เอส กึ อกาสี’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถา’’ติ วตฺวา อตีตมาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พาราณสิรฺเ รชฺชํ กาเรนฺเต เทวิโล นาม ตาปโส อฏฺ มาเส หิมวนฺเต วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย จตฺตาโร มาเส นครมุปนิสฺสาย วสิตุกาโม หิมวนฺตโต อาคนฺตฺวา นครทฺวาเร ทารเก ทิสฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อิมํ นครํ สมฺปตฺตปพฺพชิตา กตฺถ วสนฺตี’’ติ? ‘‘กุมฺภการสาลายํ, ภนฺเต’’ติ. ตาปโส กุมฺภการสาลํ คนฺตฺวา ทฺวาเร ตฺวา ‘‘สเจ เต ภคฺคว อครุ, วเสยฺยาม เอกรตฺตึ สาลาย’’นฺติ อาห. กุมฺภกาโร ‘‘มยฺหํ รตฺตึ สาลายํ กิจฺจํ นตฺถิ, มหตี สาลา, ยถาสุขํ วสถ, ภนฺเต’’ติ สาลํ นิยฺยาเทสิ. ตสฺมึ ปวิสิตฺวา นิสินฺเน อปโรปิ นารโท นาม ตาปโส หิมวนฺตโต อาคนฺตฺวา กุมฺภการํ เอกรตฺติวาสํ ยาจิ. กุมฺภกาโร ‘‘ปมํ อาคโต อิมินา สทฺธึ เอกโต วสิตุกาโม ภเวยฺย วา โน วา, อตฺตานํ ปริโมเจสฺสามี’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา ‘‘สเจ, ภนฺเต, ปมํ อุปคโต โรเจสฺสติ, ตสฺส รุจิยา วสถา’’ติ อาห. โส ตมุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สเจ เต, อาจริย อครุ, มยฺเจตฺถ เอกรตฺตึ วเสยฺยามา’’ติ ยาจิ. ‘‘มหตี สาลา, ปวิสิตฺวา ¶ เอกมนฺเต วสาหี’’ติ วุตฺเต ปวิสิตฺวา ปุเรตรํ ปวิฏฺสฺส เทวิลสฺส อปรภาเค นิสีทิ. อุโภปิ สารณียกถํ กเถตฺวา นิปชฺชึสุ.
สยนกาเล ¶ นารโท เทวิลสฺส นิปชฺชนฏฺานฺจ ทฺวารฺจ สลฺลกฺเขตฺวา นิปชฺชิ. โส ปน เทวิโล นิปชฺชมาโน อตฺตโน นิปชฺชนฏฺาเน อนิปชฺชิตฺวา ทฺวารมชฺเฌ ติริยํ นิปชฺชิ. นารโท รตฺตึ นิกฺขมนฺโต ตสฺส ชฏาสุ อกฺกมิ. ‘‘โก มํ อกฺกมี’’ติ จ วุตฺเต, ‘‘อาจริย, อห’’นฺติ อาห. ‘‘กูฏชฏิล, อรฺโต อาคนฺตฺวา มม ชฏาสุ อกฺกมสี’’ติ. ‘‘อาจริย, ตุมฺหากํ อิธ นิปนฺนภาวํ น ชานามิ, ขมถ เม’’ติ วตฺวา ตสฺส กนฺทนฺตสฺเสว พหิ นิกฺขมิ. อิตโร ‘‘อยํ ปวิสนฺโตปิ มํ อกฺกเมยฺยา’’ติ ปริวตฺเตตฺวา ปาทฏฺาเน สีสํ กตฺวา นิปชฺชิ. นารโทปิ ปวิสนฺโต ‘‘ปมํปาหํ อาจริเย อปรชฺฌึ, อิทานิสฺส ปาทปสฺเสน ปวิสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อาคจฺฉนฺโต คีวาย อกฺกมิ. ‘‘โก เอโส’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อหํ, อาจริยา’’ติ วตฺวา ‘‘กูฏชฏิล, ปมํ มม ชฏาสุ อกฺกมิตฺวา อิทานิ คีวาย อกฺกมสิ, อภิสปิสฺสามิ ต’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อาจริย, มยฺหํ โทโส นตฺถิ, อหํ ตุมฺหากํ เอวํ นิปนฺนภาวํ น ชานามิ, ‘ปมมฺปิ เม อปรทฺธํ, อิทานิ ปาทปสฺเสน ¶ ปวิสิสฺสามี’ติ ปวิฏฺโมฺหิ, ขมถ เม’’ติ อาห. ‘‘กูฏชฏิล, อภิสปิสฺสามิ ต’’นฺติ. ‘‘มา เอวํ กริตฺถ อาจริยา’’ติ. โส ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา –
‘‘สหสฺสรํสี สตเตโช, สูริโย ตมวิโนทโน;
ปาโตทยนฺเต สูริเย, มุทฺธา เต ผลตุ สตฺตธา’’ติ. –
ตํ อภิสปิ เอว. นารโท, ‘‘อาจริย, มยฺหํ โทโส นตฺถีติ มม วทนฺตสฺเสว ตุมฺเห อภิสปถ, ยสฺส โทโส อตฺถิ, ตสฺส มุทฺธา ผลตุ, มา นิทฺโทสสฺสา’’ติ วตฺวา –
‘‘สหสฺสรํสี สตเตโช, สูริโย ตมวิโนทโน;
ปาโตทยนฺเต สูริเย, มุทฺธา เต ผลตุ สตฺตธา’’ติ. –
อภิสปิ. โส ปน มหานุภาโว อตีเต จตฺตาลีส, อนาคเต จตฺตาลีสาติ อสีติกปฺเป อนุสฺสรติ. ตสฺมา ‘‘กสฺส นุ โข อุปริ อภิสโป ปติสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อาจริยสฺสา’’ติ ตฺวา ตสฺมึ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ อิทฺธิพเลน อรุณุคฺคมนํ นิวาเรติ.
นาครา ¶ อรุเณ อนุคฺคจฺฉนฺเต ราชทฺวารํ คนฺตฺวา, ‘‘เทว, ตยิ รชฺชํ กาเรนฺเต อรุโณ น อุฏฺหติ, อรุณํ โน อุฏฺาเปหี’’ติ กนฺทึสุ. ราชา อตฺตโน กายกมฺมาทีนิ โอโลเกนฺโต กิฺจิ อยุตฺตํ อทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ปพฺพชิตานํ วิวาเทน ภวิตพฺพ’’นฺติ ¶ ปริสงฺกมาโน ‘‘กจฺจิ อิมสฺมึ นคเร ปพฺพชิตา อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘หิยฺโย สายํ กุมฺภการสาลายํ อาคตา อตฺถิ เทวา’’ติ วุตฺเต ตํขณฺเว ราชา ¶ อุกฺกาหิ ธาริยมานาหิ ตตฺถ คนฺตฺวา นารทํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน อาห –
‘‘กมฺมนฺตา นปฺปวตฺตนฺติ, ชมฺพุทีปสฺส นารท;
เกน โลโก ตโมภูโต, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.
นารโท สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา อิมินา การเณน อหํ อิมินา อภิสปิโต, อถาหํ ‘‘มยฺหํ โทโส นตฺถิ, ยสฺส โทโส อตฺถิ, ตสฺเสว อุปริ อภิสโป ปตตู’’ติ วตฺวา อภิสปึ. อภิสปิตฺวา จ ปน ‘‘กสฺส นุ โข อุปริ อภิสโป ปติสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘สูริยุคฺคมนเวลาย อาจริยสฺส มุทฺธา สตฺตธา ผลิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา เอตสฺมึ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ อรุณสฺส อุคฺคมนํ น เทมีติ. ‘‘กถํ ปน อสฺส, ภนฺเต, อนฺตราโย น ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘สเจ มํ ขมาเปยฺย, น ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘เตน หิ ขมาเปหี’’ติ วุตฺเต ‘‘เอโส, มหาราช, มํ ชฏาสุ จ คีวาย จ อกฺกมิ, นาหํ เอตํ กูฏชฏิลํ ขมาเปมี’’ติ. ‘‘ขมาเปหิ, ภนฺเต, มา เอวํ กริตฺถา’’ติ. ‘‘น ขมาเปมี’’ติ. ‘‘มุทฺธา เต สตฺตธา ผลิสฺสตี’’ติ วุตฺเตปิ น ขมาเปติเยว. อถ นํ ราชา ‘‘น ตฺวํ อตฺตโน รุจิยา ขมาเปสฺสสี’’ติ หตฺถปาทกุจฺฉิคีวาสุ คาหาเปตฺวา นารทสฺส ปาทมูเล โอนมาเปสิ. นารโทปิ ‘‘อุฏฺเหิ, อาจริย, ขมามิ เต’’ติ วตฺวา, ‘‘มหาราช, นายํ ยถามเนน ขมาเปติ, นครสฺส อวิทูเร ¶ เอโก สโร อตฺถิ, ตตฺถ นํ สีเส มตฺติกาปิณฺฑํ กตฺวา คลปฺปมาเณ อุทเก ปาเปหี’’ติ อาห. ราชา ตถา กาเรสิ. นารโท เทวิลํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อาจริย, มยา อิทฺธิยา วิสฺสฏฺาย สูริยสนฺตาเป อุฏฺหนฺเต อุทเก นิมุชฺชิตฺวา อฺเน าเนน อุตฺตริตฺวา คจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห. ‘‘ตสฺส สูริยรํสีหิ สํผุฏฺมตฺโตว มตฺติกาปิณฺโฑ สตฺตธา ผลิ, โส นิมุชฺชิตฺวา อฺเน าเนน ปลายี’’ติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘ตทา, ภิกฺขเว, ราชา อานนฺโท อโหสิ, เทวิโล ติสฺโส, นารโท อหเมวาติ เอวํ ตทาเปส ทุพฺพโจเยวา’’ติ ¶ วตฺวา ติสฺสตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ติสฺส, ภิกฺขุโน นาม ‘อสุเกนาหํ อกฺกุฏฺโ, อสุเกน ปหโฏ, อสุเกน ชิโต, อสุโก โข เม ภณฺฑํ อหาสี’ติ จินฺเตนฺตสฺส เวรํ นาม น วูปสมฺมติ, เอวํ ปน อนุปนยฺหนฺตสฺเสว อุปสมฺมตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อกฺโกจฺฉิ ¶ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;
เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสํ น สมฺมติ.
‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;
เย จ ตํ นุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสูปสมฺมตี’’ติ.
ตตฺถ อกฺโกจฺฉีติ อกฺโกสิ. อวธีติ ปหริ. อชินีติ ¶ กูฏสกฺขิโอตารเณน วา วาทปฏิวาเทน วา กรณุตฺตริยกรเณน วา อเชสิ. อหาสิ เมติ มม สนฺตกํ ปตฺตาทีสุ กิฺจิเทว อวหริ. เย จ ตนฺติ เย เกจิ เทวตา วา มนุสฺสา วา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา ตํ ‘‘อกฺโกจฺฉิ ม’’นฺติอาทิวตฺถุกํ โกธํ สกฏธุรํ วิย นทฺธินา ปูติมจฺฉาทีนิ วิย จ กุสาทีหิ ปุนปฺปุนํ เวเตฺวา อุปนยฺหนฺติ, เตสํ สกึ อุปฺปนฺนํ เวรํ น สมฺมตีติ วูปสมฺมติ. เย จ ตํ นุปนยฺหนฺตีติ อสติยา อมนสิการวเสน วา กมฺมปจฺจเวกฺขณาทิวเสน วา เย ตํ อกฺโกสาทิวตฺถุกํ โกธํ ตยาปิ โกจิ นิทฺโทโส ปุริมภเว อกฺกุฏฺโ ภวิสฺสติ, ปหโฏ ภวิสฺสติ, กูฏสกฺขึ โอตาเรตฺวา ชิโต ภวิสฺสติ, กสฺสจิ เต ปสยฺห กิฺจิ อจฺฉินฺนํ ภวิสฺสติ, ตสฺมา นิทฺโทโส หุตฺวาปิ อกฺโกสาทีนิ ปาปุณาสีติ เอวํ น อุปนยฺหนฺติ. เตสุ ปมาเทน อุปฺปนฺนมฺปิ เวรํ อิมินา อนุปนยฺหเนน นิรินฺธโน วิย ชาตเวโท วูปสมฺมตีติ.
เทสนาปริโยสาเน สตสหสฺสภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ¶ ปาปุณึสุ. ธมฺมเทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสิ. ทุพฺพโจปิ สุพฺพโจเยว ชาโตติ.
ติสฺสตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.
๔. กาฬยกฺขินีวตฺถุ
น หิ เวเรนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ วฺฌิตฺถึ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก ¶ กิร กุฏุมฺพิกปุตฺโต ปิตริ กาลกเต เขตฺเต จ ฆเร จ สพฺพกมฺมานิ อตฺตนาว กโรนฺโต มาตรํ ปฏิชคฺคิ. อถสฺส มาตา ‘‘กุมาริกํ เต, ตาต, อาเนสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘อมฺม ¶ , มา เอวํ วเทถ, อหํ ยาวชีวํ ตุมฺเห ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ. ‘‘ตาต, เขตฺเต จ ฆเร จ กิจฺจํ ตฺวเมว กโรสิ, เตน มยฺหํ จิตฺตสุขํ นาม น โหติ, อาเนสฺสามี’’ติ. โส ปุนปฺปุนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. สา เอกํ กุลํ คนฺตุกามา เคหา นิกฺขมิ. อถ นํ ปุตฺโต ‘‘กตรํ กุลํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อสุกกุลํ นามา’’ติ วุตฺเต ตตฺถ คมนํ ปฏิเสเธตฺวา อตฺตโน อภิรุจิตํ กุลํ อาจิกฺขิ. สา ตตฺถ คนฺตฺวา กุมาริกํ วาเรตฺวา ทิวสํ ววตฺถเปตฺวา ตํ อาเนตฺวา ตสฺส ฆเร อกาสิ. สา วฺฌา อโหสิ. อถ นํ มาตา, ปุตฺต, ตฺวํ อตฺตโน รุจิยา กุมาริกํ อาณาเปสิ, สา อิทานิ วฺฌา ชาตา, อปุตฺตกฺจ นาม กุลํ วินสฺสติ ¶ , ปเวณี น ฆฏียติ, เตน อฺํ เต กุมาริกํ อาเนมีติ. เตน ‘‘อลํ, อมฺมา’’ติ วุจฺจมานาปิ ปุนปฺปุนํ กเถสิ. วฺฌิตฺถี ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘ปุตฺตา นาม มาตาปิตูนํ วจนํ อติกฺกมิตุํ น สกฺโกนฺติ, อิทานิ อฺํ วิชายินึ อิตฺถึ อาเนตฺวา มํ ทาสิโภเคน ภฺุชิสฺสติ. ยํนูนาหํ สยเมว เอกํ กุมาริกํ อาเนยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา เอกํ กุลํ คนฺตฺวา ตสฺสตฺถาย กุมาริกํ วาเรตฺวา ‘‘กึ นาเมตํ, อมฺม, วเทสี’’ติ เตหิ ปฏิกฺขิตฺตา ‘‘อหํ วฺฌา, อปุตฺตกํ นาม กุลํ วินสฺสติ, ตุมฺหากํ ปน ธีตา ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลภิตฺวา กุฏุมฺพิกสฺส สามินี ภวิสฺสติ, มยฺหํ สามิกสฺส นํ เทถา’’ติ ยาจิตฺวา สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา อาเนตฺวา สามิกสฺส ฆเร อกาสิ.
อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘สจายํ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลภิสฺสติ, อยเมว กุฏุมฺพสฺส สามินี ภวิสฺสติ. ยถา ทารกํ น ลภติ, ตเถว นํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อถ นํ สา อาห – ‘‘อมฺม, ยทา เต กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาติ, อถ เม อาโรเจยฺยาสี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา คพฺเภ ปติฏฺิเต ตสฺสา อาโรเจสิ. อิตริสฺสา ปน สา สยเมว นิจฺจํ ยาคุภตฺตํ เทติ, อถสฺสา ¶ อาหาเรเนว สทฺธึ คพฺภปาตนเภสชฺชมทาสิ, คพฺโภ ปติ. ทุติยมฺปิ คพฺเภ ปติฏฺิเต อาโรเจสิ ¶ , อิตรา ทุติยมฺปิ ตเถว ปาเตสิ. อถ นํ ปฏิวิสฺสกิตฺถิโย ปุจฺฉึสุ – ‘‘กจฺจิ เต สปตฺติ อนฺตรายํ กโรตี’’ติ? สา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘อนฺธพาเล, กสฺมา เอวมกาสิ, อยํ ตว อิสฺสริยภเยน คพฺภสฺส ปาตนเภสชฺชํ โยเชตฺวา เทติ, เตน เต คพฺโภ ปตติ, มา ปุน เอวมกตฺถา’’ติ วุตฺตา ตติยวาเร น กเถสิ. อถ สา อิตริสฺสา อุทรํ ทิสฺวา ‘‘กสฺมา มยฺหํ คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ น กเถสี’’ติ วตฺวา ‘‘ตฺวํ มํ อาเนตฺวา วฺเจตฺวา ทฺเว วาเร คพฺภํ ปาเตสิ, กิมตฺถํ ตุยฺหํ กเถมี’’ติ วุตฺเต ‘‘นฏฺา ทานิมฺหี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺสา ปมาทํ โอโลเกนฺตี ปริณเต คพฺเภ โอกาสํ ลภิตฺวา เภสชฺชํ โยเชตฺวา อทาสิ. คพฺโภ ปริณตตฺตา ปติตุํ อสกฺโกนฺโต ติริยํ นิปติ, ขรา เวทนา อุปฺปชฺชิ, ชีวิตสํสยํ ปาปุณิ. สา ‘‘นาสิตมฺหิ ตยา, ตฺวเมว มํ อาเนตฺวา ตฺวเมว ตโยปิ วาเร ¶ ทารเก นาเสสิ, อิทานิ อหมฺปิ นสฺสามิ, อิโต ทานิ จุตา ยกฺขินี หุตฺวา ตว ทารเก ขาทิตุํ สมตฺถา หุตฺวา นิพฺพตฺเตยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา กาลํ กตฺวา ตสฺมึเยว ¶ เคเห มชฺชารี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิตรมฺปิ สามิโก คเหตฺวา ‘‘ตยา เม กุลูปจฺเฉโท กโต’’ติ กปฺปรชณฺณุกาทีหิ สุโปถิตํ โปเถสิ. สา เตเนวาพาเธน กาลํ กตฺวา ตตฺเถว กุกฺกุฏี หุตฺวา นิพฺพตฺตา.
กุกฺกุฏี น จิรสฺเสว อณฺฑานิ วิชายิ, มชฺชารี อาคนฺตฺวา ตานิ อณฺฑานิ ขาทิ. ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ขาทิเยว. กุกฺกุฏี จินฺเตสิ – ‘‘ตโย วาเร มม อณฺฑานิ ขาทิตฺวา อิทานิ มมฺปิ ขาทิตุกามาสี’’ติ. ‘‘อิโต จุตา สปุตฺตกํ ตํ ขาทิตุํ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ตโต จุตา อรฺเ ทีปินี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิตรา มิคี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺสา วิชาตกาเล ทีปินี อาคนฺตฺวา ตโย วาเร ปุตฺตเก ขาทิ. มิคี มรณกาเล ‘‘อยํ เม ติกฺขตฺตุํ ปุตฺตเก ขาทิตฺวา อิทานิ มมฺปิ ขาทิสฺสติ, อิโต ทานิ จุตา เอตํ สปุตฺตกํ ขาทิตุํ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา อิโต จุตา ยกฺขินี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ทีปินีปิ ตเถว ตโต จุตา สาวตฺถิยํ กุลธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สา วุทฺธิปฺปตฺตา ทฺวารคามเก ปติกุลํ อคมาสิ, อปรภาเค จ ปุตฺตํ วิชายิ. ยกฺขินีปิ ตสฺสา ปิยสหายิกาวณฺเณน อาคนฺตฺวา ‘‘กุหึ เม สหายิกา’’ติ ‘‘อนฺโตคพฺเภ วิชาตา’’ติ วุตฺเต ‘‘ปุตฺตํ นุ โข วิชาตา, อุทาหุ ธีตรนฺติ ปสฺสิสฺสามิ น’’นฺติ คพฺภํ ปวิสิตฺวา ปสฺสนฺตี วิย ทารกํ คเหตฺวา ¶ ขาทิตฺวา คตา. ปุน ทุติยวาเรปิ ตเถว ขาทิ. ตติยวาเร อิตรา ครุภารา หุตฺวา สามิกํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘สามิ, อิมสฺมึ าเน เอกา ยกฺขินี มม ทฺเว ปุตฺเต ขาทิตฺวา คตา, อิทานิ ¶ มม กุลเคหํ คนฺตฺวา วิชายิสฺสามี’’ติ กุลเคหํ คนฺตฺวา วิชายิ.
ตทา สา ยกฺขินี อุทกวารํ คตา โหติ. เวสฺสวณสฺส หิ ยกฺขินิโย วาเรน อโนตตฺตทหโต สีสปรมฺปราย อุทกมาหรนฺติ. ตา จตุมาสจฺจเยนปิ ปฺจมาสจฺจเยนปิ มุจฺจนฺติ. อปรา ยกฺขินิโย กิลนฺตกายา ชีวิตกฺขยมฺปิ ปาปุณนฺติ. สา ปน อุทกวารโต มุตฺตมตฺตาว เวเคน ตํ ฆรํ คนฺตฺวา ‘‘กุหึ เม สหายิกา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กุหึ นํ ปสฺสิสฺสสิ, ตสฺสา อิมสฺมึ าเน ชาตชาตทารเก ยกฺขินี อาคนฺตฺวา ขาทติ, ตสฺมา กุลเคหํ คตา’’ติ. สา ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา คจฺฉตุ, น เม มุจฺจิสฺสตี’’ติ เวรเวคสมุสฺสาหิตมานสา นคราภิมุขี ปกฺขนฺทิ. อิตราปิ นามคฺคหณทิวเส นํ ทารกํ นฺหาเปตฺวา นามํ กตฺวา, ‘‘สามิ, อิทานิ สกฆรํ คจฺฉามา’’ติ ปุตฺตมาทาย สามิเกน สทฺธึ วิหารมชฺเฌ คตมคฺเคน คจฺฉนฺตี ปุตฺตํ สามิกสฺส ทตฺวา วิหารโปกฺขรณิยา นฺหาตฺวา สามิเก นฺหายนฺเต ¶ อุตฺตริตฺวา ปุตฺตสฺส ถฺํ ปายมานา ิตา ยกฺขินึ อาคจฺฉนฺตึ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา, ‘‘สามิ, เวเคน เอหิ, อยํ สา ยกฺขินี, เวเคน เอหิ, อยํ สา ยกฺขินี’’ติ อุจฺจาสทฺทํ กตฺวา ยาว ตสฺส อาคมนํ ¶ สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี นิวตฺเตตฺวา อนฺโตวิหาราภิมุขี ปกฺขนฺทิ.
ตสฺมึ สมเย สตฺถา ปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสสิ. สา ปุตฺตํ ตถาคตสฺส ปาทปิฏฺเ นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ มยา เอส ทินฺโน, ปุตฺตสฺส เม ชีวิตํ เทถา’’ติ อาห. ทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺโถ สุมนเทโว นาม ยกฺขินิยา อนฺโต ปวิสิตุํ นาทาสิ. สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, อานนฺท, ตํ ยกฺขินึ ปกฺโกสาหี’’ติ อาห. เถโร ปกฺโกสิ. อิตรา ‘‘อยํ, ภนฺเต, อาคจฺฉตี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เอตุ, มา สทฺทมกาสี’’ติ วตฺวา ตํ อาคนฺตฺวา ิตํ ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสิ, สเจ ตุมฺเห มาทิสสฺส พุทฺธสฺส สมฺมุขีภาวํ นาคมิสฺสถ, อหินกุลานํ วิย อจฺฉผนฺทนานํ วิย กาโกลูกานํ วิย จ กปฺปฏฺิติกํ โว เวรํ อภวิสฺส ¶ , กสฺมา เวรํ ปฏิเวรํ กโรถ. เวรฺหิ อเวเรน อุปสมฺมติ, โน เวเรนา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ;
อเวเรน จ สมฺมนฺติ, เอส ธมฺโม สนนฺตโน’’ติ.
ตตฺถ น หิ เวเรนาติ ยถา หิ เขฬสิงฺฆาณิกาทีหิ อสุจีหิ มกฺขิตํ านํ เตเหว อสุจีหิ โธวนฺตา สุทฺธํ ¶ นิคฺคนฺธํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ, อถ โข ตํ านํ ภิยฺโยโสมตฺตาย อสุทฺธตรฺเจว ทุคฺคนฺธตรฺจ โหติ; เอวเมว อกฺโกสนฺตํ ปจฺจกฺโกสนฺโต ปหรนฺตํ ปฏิปหรนฺโต เวเรน เวรํ วูปสเมตุํ น สกฺโกติ, อถ โข ภิยฺโย ภิยฺโย เวรเมว กโรติ. อิติ เวรานิ นาม เวเรน กิสฺมิฺจิ กาเล น สมฺมนฺติ, อถ โข วฑฺฒนฺติเยว. อเวเรน จ สมฺมนฺตีติ ยถา ปน ตานิ เขฬาทีนิ อสุจีนิ วิปฺปสนฺเนน อุทเกน โธวิยมานานิ นสฺสนฺติ, ตํ านํ สุทฺธํ โหติ สุคนฺธํ; เอวเมว อเวเรน ขนฺติเมตฺโตทเกน โยนิโส มนสิกาเรน ปจฺจเวกฺขเณน เวรานิ วูปสมฺมนฺติ ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ อภาวํ คจฺฉนฺติ. เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ เอส อเวเรน เวรูปสมนสงฺขาโต โปราณโก ธมฺโม; สพฺเพสํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวานํ คตมคฺโคติ.
คาถาปริโยสาเน ยกฺขินี โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สมฺปตฺตปริสายปิ ธมฺมเทสนา สาตฺถิกา อโหสิ.
สตฺถา ¶ ตํ อิตฺถึ อาห – ‘‘เอติสฺสา ตว ปุตฺตํ เทหี’’ติ. ‘‘ภายามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มา ภายิ, นตฺถิ เต เอตํ นิสฺสาย ปริปนฺโถ’’ติ อาห. สา ตสฺสา ปุตฺตมทาสิ. สา ตํ จุมฺพิตฺวา อาลิงฺเคตฺวา ปุน มาตุเยว ทตฺวา โรทิตุํ อารภิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กิเมต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, อหํ ปุพฺเพ ยถา วา ตถา วา ชีวิกํ กปฺเปนฺตีปิ กุจฺฉิปูรํ นาลตฺถํ, อิทานิ กถํ ชีวิสฺสามี’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘มา จินฺตยี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา ตํ อิตฺถิมาห – ‘‘อิมํ เนตฺวา ¶ อตฺตโน เคเห นิวาสาเปตฺวา อคฺคยาคุภตฺเตหิ ปฏิชคฺคาหี’’ติ. สา ตํ เนตฺวา ปิฏฺิวํเส ปติฏฺาเปตฺวา อคฺคยาคุภตฺเตหิ ปฏิชคฺคิ, ตสฺสา วีหิปหรณกาเล มุสลคฺเคน มุทฺธํ ปหรนฺตํ วิย อุปฏฺาสิ. สา สหายิกํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อิมสฺมึ าเน วสิตุํ น สกฺโกมิ, อฺตฺถ มํ ปติฏฺาเปหี’’ติ วตฺวา มุสลสาลาย อุทกจาฏิยํ อุทฺธเน นิพฺพโกเส สงฺการกูเฏ คามทฺวาเร จาติ เอเตสุ าเนสุ ¶ ปติฏฺาปิตาปิ อิธ เม มุสเลน สีสํ ภินฺทนฺตํ วิย อุปฏฺาติ, อิธ ทารกา อุจฺฉิฏฺโทกํ โอตาเรนฺติ, อิธ สุนขา นิปชฺชนฺติ, อิธ ทารกา อสุจึ กโรนฺติ, อิธ กจวรํ ฉฑฺเฑนฺติ, อิธ คามทารกา ลกฺขโยคฺคํ กโรนฺตีติ สพฺพานิ ตานิ ปฏิกฺขิปิ. อถ นํ พหิคาเม วิวิตฺโตกาเส ปติฏฺาเปตฺวา ตตฺถ ตสฺสา อคฺคยาคุภตฺตาทีนิ หริตฺวา ปฏิชคฺคิ. สา ยกฺขินี เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เม สหายิกา อิทานิ พหูปการา, หนฺทาหํ กิฺจิ ปฏิคุณํ กโรมี’’ติ. สา ‘‘อิมสฺมึ สํวจฺฉเร สุพฺพุฏฺิกา ภวิสฺสติ, ถลฏฺาเน สสฺสํ กโรหิ, อิมสฺมึ สํวจฺฉเร ทุพฺพุฏฺิกา ภวิสฺสติ, นินฺนฏฺาเนเยว สสฺสํ กโรหี’’ติ สหายิกาย อาโรเจติ. เสสชเนหิ กตสสฺสํ อติอุทเกน วา อโนทเกน วา นสฺสติ, ตสฺสา อติวิย สมฺปชฺชติ. อถ นํ เสสชนา, ‘‘อมฺม, ตยา กตสสฺสํ เนว อจฺโจทเกน, น อนุทเกน นสฺสติ, สุพฺพุฏฺิทุพฺพุฏฺิภาวํ ตฺวา กมฺมํ กโรสิ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อมฺหากํ สหายิกา ยกฺขินี สุพฺพุฏฺิทุพฺพุฏฺิภาวํ ¶ อาจิกฺขติ, มยํ ตสฺสา วจเนน ถเลสุ นินฺเนสุ สสฺสานิ กโรม, เตน โน สมฺปชฺชติ. กึ น ปสฺสถ? นิพทฺธํ อมฺหากํ เคหโต ยาคุภตฺตาทีนิ หริยมานานิ, ตานิ เอติสฺสา หรียนฺติ, ตุมฺเหปิ เอติสฺสา อคฺคยาคุภตฺตาทีนิ หรถ, ตุมฺหากมฺปิ กมฺมนฺเต โอโลเกสฺสตี’’ติ. อถสฺสา สกลนครวาสิโน สกฺการํ กรึสุ. สาปิ ตโต ปฏฺาย สพฺเพสํ กมฺมนฺเต โอโลเกนฺตี ลาภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ มหาปริวารา. สา อปรภาเค อฏฺ สลากภตฺตานิ ปฏฺเปสิ. ตานิ ยาวชฺชกาลา ทียนฺติเยวาติ.
กาฬยกฺขินีวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. โกสมฺพกวตฺถุ
ปเร ¶ จ น วิชานนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสมฺพเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
โกสมฺพิยฺหิ โฆสิตาราเม ปฺจสตปฺจสตปริวารา ทฺเว ภิกฺขู วิหรึสุ วินยธโร จ ธมฺมกถิโก จ. เตสุ ธมฺมกถิโก เอกทิวสํ ¶ สรีรวลฺชํ กตฺวา อุทกโกฏฺเก อาจมนอุทกาวเสสํ ภาชเน เปตฺวาว นิกฺขมิ. ปจฺฉา วินยธโร ตตฺถ ¶ ปวิฏฺโ ตํ อุทกํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา อิตรํ ปุจฺฉิ, ‘‘อาวุโส, ตยา อุทกํ ปิต’’นฺติ? ‘‘อาม, อาวุโส’’ติ. ‘‘กึ ปเนตฺถ อาปตฺติภาวํ น ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, น ชานามี’’ติ. ‘‘โหติ, อาวุโส, เอตฺถ อาปตฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ ปฏิกริสฺสามิ น’’นฺติ. ‘‘สเจ ปน เต, อาวุโส, อสฺจิจฺจ อสฺสติยา กตํ, นตฺถิ อาปตฺตี’’ติ. โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ อโหสิ. วินยธโรปิ อตฺตโน นิสฺสิตกานํ ‘‘อยํ ธมฺมกถิโก อาปตฺตึ อาปชฺชมาโนปิ น ชานาตี’’ติ อาโรเจสิ. เต ตสฺส นิสฺสิตเก ทิสฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวาปิ อาปตฺติภาวํ น ชานาตี’’ติ อาหํสุ. เต คนฺตฺวา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส อาโรเจสุํ. โส เอวมาห – ‘‘อยํ วินยธโร ปุพฺเพ อนาปตฺตีติ วตฺวา อิทานิ อาปตฺตีติ วทติ, มุสาวาที เอโส’’ติ. เต คนฺตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย มุสาวาที’’ติ อาหํสุ. เต เอวํ อฺมฺํ กลหํ วฑฺฒยึสุ. กโต วินยธโร โอกาสํ ลภิตฺวา ธมฺมกถิกสฺส อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺเขปนียกมฺมมกาสิ. ตโต ปฏฺาย เตสํ ปจฺจยทายกา อุปฏฺากาปิ ทฺเว โกฏฺาสา อเหสุํ, โอวาทปฏิคฺคาหกา ภิกฺขุนิโยปิ อารกฺขเทวตาปิ ตาสํ สนฺทิฏฺสมฺภตฺตา อากาสฏฺเทวตาปีติ ยาว พฺรหฺมโลกา สพฺเพปิ ปุถุชฺชนา ทฺเว ปกฺขา อเหสุํ. จาตุมหาราชิกํ อาทึ กตฺวา ยาว อกนิฏฺภาวนา ปน เอกนินฺนาทํ โกลาหลํ อคมาสิ.
อเถโก อฺตโร ภิกฺขุ ตถาคตมุปสงฺกมิตฺวา อุกฺเขปกานํ วินยธรอนฺเตวาสิกานํ ‘‘ธมฺมิเกเนวายํ วินยกมฺเมน อุกฺขิตฺโต’’ติ ลทฺธิฺจ, อุกฺขิตฺตานุวตฺตกานํ ¶ ธมฺมกถิกอนฺเตวาสิกานํ ปน ‘‘อธมฺมิเกเนว กมฺเมน อุกฺขิตฺโต’’ติ ลทฺธิฺจ, อุกฺเขปเกหิ วาริยมานานมฺปิ จ เตสํ ตํ อนุปริวาเรตฺวา วิจรณภาวฺจ อาโรเจสิ ภควา ‘‘สมคฺคา กิร โหนฺตู’’ติ ทฺเว วาเร เปเสตฺวา ‘‘น อิจฺฉนฺติ, ภนฺเต, สมคฺคา ภวิตุ’’นฺติ สุตฺวา ตติยวาเร ‘‘ภินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, ภินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อุกฺเขปกานํ อุกฺเขปเน, อิตเรสฺจ อาปตฺติยา อทสฺสเน อาทีนวํ กเถตฺวา ปุน เตสํ ตตฺเถว ¶ เอกสีมายํ อุโปสถาทีนิ ¶ อนุชานิตฺวา ภตฺตคฺคาทีสุ ภณฺฑนชาตานํ ‘‘อาสนนฺตริกาย นิสีทิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๔๕๖) ภตฺตคฺเค วตฺตํ ปฺาเปตฺวา ‘‘อิทานิปิ ภณฺฑนชาตาว วิหรนฺตี’’ติ สุตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑน’’นฺติอาทีนิ วตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภณฺฑนกลหวิคฺคหวิวาทา นาเมเต อนตฺถการกา. กลหํ นิสฺสาย หิ ลฏุกิกาปิ สกุณิกา หตฺถินาคํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสี’’ติ ลฏุกิกชาตกํ (ชา. ๑.๕.๓๙ อาทโย) กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สมคฺคา โหถ, มา วิวทถ. วิวาทํ นิสฺสาย หิ อเนกสตสหสฺสา วฏฺฏกาปิ ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา’’ติ วฏฺฏกชาตกํ (ชา. ๑.๑.๑๑๘) กเถสิ. เอวมฺปิ เตสุ ภควโต วจนํ อนาทิยนฺเตสุ อฺตเรน ธมฺมวาทินา ตถาคตสฺส วิเหสํ อนิจฺฉนฺเตน ‘‘อาคเมตุ, ภนฺเต ภควา, ธมฺมสามิ, อปฺโปสฺสุกฺโก, ภนฺเต ภควา, ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยุตฺโต ¶ วิหรตุ, มยเมว เตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปฺายิสฺสามา’’ติ (มหาว. ๔๕๗; ม. นิ. ๓.๒๓๖) วุตฺเต อตีตํ อาหริ –
ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต นาม กาสิราชา อโหสิ. พฺรหฺมทตฺเตน ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ รชฺชํ อจฺฉินฺทิตฺวา อฺาตกเวเสน วสนฺตสฺส ปิตุโน มาริตภาวฺเจว ทีฆาวุกุมาเรน อตฺตโน ชีวิเต ทินฺเน ตโต ปฏฺาย เตสํ สมคฺคภาวฺจ กเถตฺวา ‘‘เตสฺหิ นาม, ภิกฺขเว, ราชูนํ อาทินฺนทณฺฑานํ อาทินฺนสตฺถานํ เอวรูปํ ขนฺติโสรจฺจํ ภวิสฺสติ. อิธ โข ตํ, ภิกฺขเว, โสเภถ, ยํ ตุมฺเห เอวํ สฺวาขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตา สมานา ขมา จ ภเวยฺยาถ โสรตา จา’’ติ โอวทิตฺวาปิ เนว เต สมคฺเค กาตุํ อสกฺขิ. โส ตาย อากิณฺณวิหารตาย อุกฺกณฺิโต ‘‘อหํ โข อิทานิ อากิณฺโณ ทุกฺขํ วิหรามิ, อิเม จ ภิกฺขู มม วจนํ น กโรนฺติ. ยํนูนาหํ เอกโกว คณมฺหา วูปกฏฺโ วิหเรยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา โกสมฺพิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา อนปโลเกตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ เอกโกว อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย พาลกโลณกคามํ คนฺตฺวา ตตฺถ ภคุตฺเถรสฺส เอกจาริกวตฺตํ กเถตฺวา ปาจินวํสมิคทาเย ติณฺณํ กุลปุตฺตานํ สามคฺคิยานิสํสํ กเถตฺวา เยน ¶ ปาลิเลยฺยกํ ¶ อตฺถิ, ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ปาลิเลยฺยกํ อุปนิสฺสาย รกฺขิตวนสณฺเฑ ภทฺทสาลมูเล ปาลิเลยฺยเกน หตฺถินา อุปฏฺิยมาโน ผาสุกํ วสฺสาวาสํ วสิ.
โกสมฺพิวาสิโนปิ โข อุปาสกา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อปสฺสนฺตา ‘‘กุหึ, ภนฺเต, สตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปาลิเลยฺยกวนสณฺฑํ คโต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘อมฺเห สมคฺเค กาตุํ วายมิ, มยํ ปน น สมคฺคา อหุมฺหา’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต, ตุมฺเห สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึ สามคฺคึ กโรนฺเต สมคฺคา นาหุวตฺถา’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ. ‘‘มนุสฺสา อิเม ¶ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึ สามคฺคึ กโรนฺเตปิ สมคฺคา น ชาตา, มยํ อิเม นิสฺสาย สตฺถารํ ทฏฺุํ น ลภิมฺหา, อิเมสํ เนว อาสนํ ทสฺสาม, น อภิวาทนาทีนิ กริสฺสามา’’ติ ตโต ปฏฺาย เตสํ สามีจิมตฺตมฺปิ น กรึสุ. เต อปฺปาหารตาย สุสฺสมานา กติปาเหเนว อุชุกา หุตฺวา อฺมฺํ อจฺจยํ เทเสตฺวา ขมาเปตฺวา ‘‘อุปาสกา มยํ สมคฺคา ชาตา, ตุมฺเหปิ โน ปุริมสทิสา โหถา’’ติ อาหํสุ. ‘‘ขมาปิโต ปน โว, ภนฺเต, สตฺถา’’ติ. ‘‘น ขมาปิโต, อาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ สตฺถารํ ขมาเปถ, สตฺถุ ขมาปิตกาเล มยมฺปิ ตุมฺหากํ ปุริมสทิสา ภวิสฺสามา’’ติ. เต อนฺโตวสฺสภาเวน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตุํ อวิสหนฺตา ทุกฺเขน ตํ อนฺโตวสฺสํ วีตินาเมสุํ. สตฺถา ปน เตน หตฺถินา อุปฏฺิยมาโน สุขํ วสิ. โสปิ หิ หตฺถินาโค คณํ ปหาย ผาสุวิหารตฺถาเยว ¶ ตํ วนสณฺฑํ ปาวิสิ.
ยถาห – ‘‘อหํ โข อากิณฺโณ วิหรามิ หตฺถีหิ หตฺถีนีหิ หตฺถิกลเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทามิ, โอภคฺโคภคฺคฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวามิ, โอคาหา จสฺส เม อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ, ยํนูนาหํ เอโกว คณมฺหา วูปกฏฺโ วิหเรยฺย’’นฺติ (มหาว. ๔๖๗; อุทา. ๓๕). อถ โข โส หตฺถินาโค ยูถา อปกฺกมฺม เยน ปาลิเลยฺยกํ รกฺขิตวนสณฺฑํ ภทฺทสาลมูลํ, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปน ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา โอโลเกนฺโต อฺํ กิฺจิ อทิสฺวา ภทฺทสาลมูลํ ปาเทเนว ปหรนฺโต ตจฺเฉตฺวา โสณฺฑาย สาขํ คเหตฺวา สมฺมชฺชิ. ตโต ปฏฺาย โสณฺฑาย ¶ ฆฏํ คเหตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปติ, อุณฺโหทเกน อตฺเถ สติ อุณฺโหทกํ ปฏิยาเทติ. กถํ? หตฺเถน กฏฺานิ ฆํสิตฺวา อคฺคึ สมฺปาเทติ, ตตฺถ ทารูนิ ปกฺขิปนฺโต อคฺคึ ชาเลตฺวา ตตฺถ ปาสาเณ ปกฺขิปิตฺวา ปจิตฺวา ทารุทณฺฑเกน ปวฏฺเฏตฺวา ปริจฺฉินฺนาย ขุทฺทกโสณฺฑิกาย ขิปติ, ตโต หตฺถํ โอตาเรตฺวา อุทกสฺส ตตฺตภาวํ ชานิตฺวา คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทติ. สตฺถา ‘‘อุทกํ เต ตาปิตํ ปาลิเลยฺยกา’’ติ วตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา นฺหายติ ¶ . อถสฺส นานาวิธานิ ผลานิ อาหริตฺวา เทติ. ยทา ปน สตฺถา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, ตทา สตฺถุ ปตฺตจีวรมาทาย กุมฺเภ ปติฏฺเปตฺวา สตฺถารา สทฺธึเยว คจฺฉติ. สตฺถา คามูปจารํ ปตฺวา ‘‘ปาลิเลยฺยก อิโต ปฏฺาย ตยา คนฺตุํ น สกฺกา, อาหาร เม ปตฺตจีวร’’นฺติ อาหราเปตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. โสปิ ยาว สตฺถุ นิกฺขมนา ตตฺเถว ตฺวา อาคมนกาเล ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปุริมนเยเนว ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วสนฏฺาเน โอตาเรตฺวา วตฺตํ ทสฺเสตฺวา สาขาย พีชติ, รตฺตึ วาฬมิคปริปนฺถนิวารณตฺถํ มหนฺตํ ทณฺฑํ โสณฺฑาย คเหตฺวา ‘‘สตฺถารํ รกฺขิสฺสามี’’ติ ยาว อรุณุคฺคมนา วนสณฺฑสฺส อนฺตรนฺตเรน วิจรติ, ตโต ¶ ปฏฺายเยว กิร โส วนสณฺโฑ ปาลิเลยฺยกรกฺขิตวนสณฺโฑ นาม ชาโต. อรุเณ อุคฺคเต มุโขทกทานํ อาทึ กตฺวา เตเนวูปาเยน สพฺพวตฺตานิ กโรติ.
อเถโก มกฺกโฏ ตํ หตฺถึ อุฏฺาย สมุฏฺาย ทิวเส ทิวเส ตถาคตสฺส อาภิสมาจาริกํ กโรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อหมฺปิ กิฺจิเทว กริสฺสามี’’ติ วิจรนฺโต เอกทิวสํ นิมฺมกฺขิกํ ทณฺฑกมธุํ ทิสฺวา ทณฺฑกํ ภฺชิตฺวา ทณฺฑเกเนว สทฺธึ มธุปฏลํ สตฺถุ สนฺติกํ อาหริตฺวา กทลิปตฺตํ ฉินฺทิตฺวา ตตฺถ เปตฺวา อทาสิ ¶ . สตฺถา คณฺหิ. มกฺกโฏ ‘‘กริสฺสติ นุ โข ปริโภคํ น กริสฺสตี’’ติ โอโลเกนฺโต คเหตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข’’ติ จินฺเตตฺวา ทณฺฑโกฏิยํ คเหตฺวา ปริวตฺเตตฺวา อุปธาเรนฺโต อณฺฑกานิ ทิสฺวา ตานิ สณิกํ อปเนตฺวา ปุน อทาสิ. สตฺถา ปริโภคมกาสิ. โส ตุฏฺมานโส ตํ ตํ สาขํ คเหตฺวา นจฺจนฺโตว อฏฺาสิ. อถสฺส คหิตสาขาปิ อกฺกนฺตสาขาปิ ภิชฺชึสุ. โส เอกสฺมึ ขาณุมตฺถเก ปติตฺวา นิวิฏฺคตฺโต สตฺถริ ปสนฺเนเนว จิตฺเตน ¶ กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสปริวาโร มกฺกฏเทวปุตฺโต นาม อโหสิ.
ตถาคตสฺส ตตฺถ หตฺถินาเคน อุปฏฺิยมานสฺส วสนภาโว สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ อโหสิ. สาวตฺถินครโต ‘‘อนาถปิณฺฑิโก วิสาขา จ มหาอุปาสิกา’’ติเอวมาทีนิ มหากุลานิ อานนฺทตฺเถรสฺส สาสนํ ปหิณึสุ ‘‘สตฺถารํ โน, ภนฺเต, ทสฺเสถา’’ติ. ทิสาวาสิโนปิ ปฺจสตา ภิกฺขู วุฏฺวสฺสา อานนฺทตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘จิรสฺสุตา โน, อาวุโส อานนฺท, ภควโต สมฺมุขา ธมฺมี กถา, สาธุ มยํ, อาวุโส อานนฺท, ลเภยฺยาม ภควโต สมฺมุขา ธมฺมึ กถํ สวนายา’’ติ ยาจึสุ. เถโร เต ภิกฺขู อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘เตมาสํ เอกวิหาริโน ตถาคตสฺส สนฺติกํ เอตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุปสงฺกมิตุํ ¶ อยุตฺต’’นฺติ จินฺเตตฺวา เต ภิกฺขู พหิ เปตฺวา เอกโกว สตฺถารํ อุปสงฺกมิ. ปาลิเลยฺยโก ตํ ทิสฺวา ทณฺฑมาทาย ปกฺขนฺทิ. สตฺถา โอโลเกตฺวา อเปหิ ‘‘อเปหิ ปาลิเลยฺยก, มา นิวารยิ, พุทฺธุปฏฺาโก เอโส’’ติ อาห. โส ตตฺเถว ทณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณํ อาปุจฺฉิ. เถโร นาทาสิ. นาโค ‘‘สเจ อุคฺคหิตวตฺโต ภวิสฺสติ, สตฺถุ นิสีทนปาสาณผลเก อตฺตโน ปริกฺขารํ น เปสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. เถโร ปตฺตจีวรํ ภูมิยํ เปสิ. วตฺตสมฺปนฺนา หิ ครูนํ อาสเน วา สยเน วา อตฺตโน ปริกฺขารํ น เปนฺติ.
เถโร สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘อานนฺท, เอโกว อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปฺจสเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘กหํ ปเนเต’’ติ วตฺวา ¶ ‘‘ตุมฺหากํ จิตฺตํ อชานนฺโต พหิ เปตฺวา อาคโตมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปกฺโกสาหิ เน’’ติ อาห. เถโร ตถา อกาสิ. เต ภิกฺขู อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ, ‘‘ภนฺเต ภควา, หิ พุทฺธสุขุมาโล เจว ขตฺติยสุขุมาโล จ, ตุมฺเหหิ เตมาสํ เอกเกหิ ติฏฺนฺเตหิ นิสีทนฺเตหิ จ ทุกฺกรํ กตํ, วตฺตปฏิวตฺตการโกปิ มุโขทกาทิทายโกปิ นาโหสิ มฺเ’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ปาลิเลยฺยกหตฺถินา มม สพฺพกิจฺจานิ กตานิ. เอวรูปฺหิ สหายํ ลภนฺเตน ¶ เอกโตว วสิตุํ ยุตฺตํ, อลภนฺตสฺส เอกจาริกภาโวว ¶ เสยฺโย’’ติ วตฺวา อิมา นาควคฺเค ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ,
สทฺธึจรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;
อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ,
จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมา.
‘‘โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ,
สทฺธึจรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;
ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหาย,
เอโก จเร มาตงฺครฺเว นาโค.
‘‘เอกสฺส จริตํ เสยฺโย,
นตฺถิ พาเล สหายตา;
เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา,
อปฺโปสฺสุกฺโก มาตงฺครฺเว นาโค’’ติ. (มหาว. ๔๖๔; ม. นิ. ๓.๒๓๗; ธ. ป. ๓๒๘-๓๓๐; สุ. นิ. ๔๕-๔๖);
คาถาปริโยสาเน ปฺจสตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ. อานนฺทตฺเถโรปิ อนาถปิณฺฑิกาทีหิ เปสิตสาสนํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อนาถปิณฺฑิกปฺปมุขา เต ปฺจ อริยสาวกโกฏิโย ตุมฺหากํ อาคมนํ ปจฺจาสีสนฺตี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เตน หิ คณฺหาหิ ปตฺตจีวร’’นฺติ ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา นิกฺขมิ. นาโค คนฺตฺวา คตมคฺเค ติริยํ อฏฺาสิ. ‘‘กึ กโรติ, ภนฺเต, นาโค’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขํ ทาตุํ ปจฺจาสีสติ, ทีฆรตฺตํ โข ปนายํ ¶ มยฺหํ อุปการโก, นาสฺส จิตฺตํ โกเปตุํ วฏฺฏติ, นิวตฺตถ, ภิกฺขเว’’ติ สตฺถา ภิกฺขู คเหตฺวา ¶ นิวตฺติ. หตฺถีปิ วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา ปนสกทลิผลาทีนิ นานาผลานิ สํหริตฺวา ราสึ กตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขูนํ อทาสิ. ปฺจสตา ภิกฺขู สพฺพานิ เขเปตุํ นาสกฺขึสุ. ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สตฺถา ปตฺตจีวรํ คาเหตฺวา นิกฺขมิ. นาโค ภิกฺขูนํ อนฺตรนฺตเรน คนฺตฺวา สตฺถุ ปุรโต ติริยํ อฏฺาสิ. ‘‘กึ กโรติ, ภนฺเต, นาโค’’ติ? ‘‘อยฺหิ ภิกฺขเว, ตุมฺเห เปเสตฺวา มํ นิวตฺเตตุกาโม’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ปาลิเลยฺยก, อิทํ ปน ¶ มม อนิวตฺตคมนํ, ตว อิมินา อตฺตภาเวน ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา มคฺคผลํ วา นตฺถิ, ติฏฺ ตฺว’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา นาโค มุเข โสณฺฑํ ปกฺขิปิตฺวา โรทนฺโต ปจฺฉโต ปจฺฉโต อคมาสิ. โส หิ สตฺถารํ นิวตฺเตตุํ ลภนฺโต เตเนว นิยาเมน ยาวชีวํ ปฏิชคฺเคยฺย, สตฺถา ปน ตํ คามูปจารํ ปตฺวา ‘‘ปาลิเลยฺยก อิโต ปฏฺาย ตว อภูมิ, มนุสฺสาวาโส สปริปนฺโถ, ติฏฺ ตฺว’’นฺติ อาห. โส โรทมาโน ตตฺเถว ตฺวา สตฺถริ จกฺขุปถํ วิชหนฺเต หทเยน ผลิเตน กาลํ กตฺวา สตฺถริ ปสาเทน ตาวตึสภวเน ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน อจฺฉราสหสฺสมชฺเฌ นิพฺพตฺติ, ปาลิเลยฺยกเทวปุตฺโตเยวสฺส นามํ อโหสิ.
สตฺถาปิ อนุปุพฺเพน เชตวนํ อคมาสิ. โกสมฺพกา ภิกฺขู ¶ ‘‘สตฺถา กิร สาวตฺถึ อาคโต’’ติ สุตฺวา สตฺถารํ ขมาเปตุํ ตตฺถ อคมํสุ. โกสลราชา ‘‘เต กิร โกสมฺพกา ภณฺฑนการกา ภิกฺขู อาคจฺฉนฺตี’’ติ สุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, เตสํ มม วิชิตํ ปวิสิตุํ น ทสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘มหาราช, สีลวนฺตา เอเต ภิกฺขู, เกวลํ อฺมฺํ วิวาเทน มม วจนํ น คณฺหึสุ, อิทานิ มํ ขมาเปตุํ อาคจฺฉนฺติ, อาคจฺฉนฺตุ มหาราชา’’ติ. อนาถปิณฺฑิโกปิ ‘‘อหํ, ภนฺเต, เตสํ วิหารํ ปวิสิตุํ น ทสฺสามี’’ติ วตฺวา ตเถว ภควตา ปฏิกฺขิตฺโต ตุณฺหี อโหสิ. สาวตฺถิยํ อนุปฺปตฺตานํ ปน เตสํ ภควา เอกมนฺเต วิวิตฺตํ การาเปตฺวา เสนาสนํ ทาเปสิ. อฺเ ภิกฺขู เตหิ สทฺธึ เนว เอกโต นิสีทนฺติ, น ติฏฺนฺติ, อาคตาคตา สตฺถารํ ปุจฺฉนฺติ – ‘‘กตเมเต, ภนฺเต, ภณฺฑนการกา โกสมฺพกา ภิกฺขู’’ติ? สตฺถา ‘‘เอเต’’ติ ทสฺเสติ. ‘‘เอเต กิร เต, เอเต กิร เต’’ติ อาคตาคเตหิ องฺคุลิกา ทสฺสิยมานา ลชฺชาย สีสํ อุกฺขิปิตุํ อสกฺโกนฺตา ภควโต ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ภควนฺตํ ขมาเปสุํ. สตฺถา ‘‘ภาริยํ โว, ภิกฺขเว, กตํ, ตุมฺเห หิ นาม มาทิสสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา มยิ สามคฺคึ กโรนฺเต มม วจนํ น กริตฺถ, โปราณกปณฺฑิตาปิ วชฺฌปฺปตฺตานํ มาตาปิตูนํ โอวาทํ ¶ สุตฺวา เตสุ ชีวิตา โวโรปิยมาเนสุปิ ตํ อนติกฺกมิตฺวา ปจฺฉา ทฺวีสุ รฏฺเสุ รชฺชํ การยึสู’’ติ วตฺวา ปุนเทว ¶ โกสมฺพิกชาตกํ (ชา. ๑.๙.๑๐ อาทโย) กเถตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, ทีฆาวุกุมาโร มาตาปิตูสุ ¶ ชีวิตา โวโรปิยมาเนสุปิ เตสํ โอวาทํ อนติกฺกมิตฺวา ปจฺฉา พฺรหฺมทตฺตสฺส ธีตรํ ลภิตฺวา ทฺวีสุ กาสิโกสลรฏฺเสุ รชฺชํ กาเรสิ, ตุมฺเหหิ ปน มม วจนํ อกโรนฺเตหิ ภาริยํ กต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปเร จ น วิชานนฺติ, มยเมตฺถ ยมามเส;
เย จ ตตฺถ วิชานนฺติ, ตโต สมฺมนฺติ เมธคา’’ติ.
ตตฺถ ปเรติ ปณฺฑิเต เปตฺวา ตโต อฺเ ภณฺฑนการกา ปเร นาม. เต ตตฺถ สงฺฆมชฺเฌ โกลาหลํ กโรนฺตา ‘‘มยํ ยมามเส อุปรมาม วินสฺสาม สตตํ สมิตํ มจฺจุสนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ น วิชานนฺติ. เย จ ตตฺถ วิชานนฺตีติ เย ตตฺถ ปณฺฑิตา ‘‘มยํ มจฺจุสนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ วิชานนฺติ. ตโต สมฺมนฺติ เมธคาติ เอวฺหิ เต ชานนฺตา โยนิโสมนสิการํ อุปฺปาเทตฺวา เมธคานํ กลหานํ วูปสมาย ปฏิปชฺชนฺติ. อถ เนสํ ตาย ปฏิปตฺติยา เต เมธคา สมฺมนฺตีติ. อถ วา ปเร จาติ ปุพฺเพ มยา ‘‘มา, ภิกฺขเว, ภณฺฑน’’นฺติอาทีนิ วตฺวา โอวทิยมานาปิ มม โอวาทสฺส อปฏิคฺคหเณน อติกฺกมเนน อมามกา ¶ ปเร นาม. ‘‘มยํ ฉนฺทาทิวเสน มิจฺฉาคาหํ คเหตฺวา เอตฺถ สงฺฆมชฺเฌ ยมามเส ภณฺฑนาทีนํ วุทฺธิยา วายมามา’’ติ น วิชานนฺติ. อิทานิ ปน โยนิโส ปจฺจเวกฺขมานา ตตฺถ ตุมฺหากํ อนฺตเร เย จ ปณฺฑิตปุริสา ‘‘ปุพฺเพ มยํ ฉนฺทาทิวเสน วายมนฺตา อโยนิโส ปฏิปนฺนา’’ติ วิชานนฺติ, ตโต เตสํ สนฺติกา เต ปณฺฑิตปุริเส นิสฺสาย อิเม ทานิ กลหสงฺขาตา เมธคา สมฺมนฺตีติ อยเมตฺถ อตฺโถติ.
คาถาปริโยสาเน สมฺปตฺตภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีสุ ปติฏฺหึสูติ.
โกสมฺพกวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. มหากาฬตฺเถรวตฺถุ
สุภานุปสฺสินฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เสตพฺยนครํ อุปนิสฺสาย สึสปาวเน วิหรนฺโต จูฬกาฬมหากาเฬ อารพฺภ กเถสิ.
เสตพฺยนครวาสิโน ¶ หิ จูฬกาโฬ, มชฺฌิมกาโฬ, มหากาโฬติ ตโย ภาตโร กุฏุมฺพิกา ¶ . เตสุ เชฏฺกนิฏฺา ทิสาสุ วิจริตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาหรนฺติ, มชฺฌิมกาโฬ อาภตํ วิกฺกิณาติ. อเถกสฺมึ สมเย เต อุโภปิ ภาตโร ¶ ปฺจหิ สกฏสเตหิ นานาภณฺฑํ คเหตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา สาวตฺถิยา จ เชตวนสฺส จ อนฺตเร สกฏานิ โมจยึสุ. เตสุ มหากาโฬ สายนฺหสมเย มาลาคนฺธาทิหตฺเถ สาวตฺถิวาสิโน อริยสาวเก ธมฺมสฺสวนาย คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘กุหึ อิเม คจฺฉนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา กนิฏฺํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ตาต, เตสุ สกเฏสุ อปฺปมตฺโต โหหิ, อหํ ธมฺมํ โสตุํ คจฺฉามี’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิ. สตฺถา ตํ ทิสฺวา ตสฺส อชฺฌาสยวเสน อนุปุพฺพึ กถํ กเถนฺโต ทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตาทิวเสน (ม. นิ. ๑.๑๖๓ อาทโย) อเนกปริยาเยน กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสฺจ กเถสิ. ตํ สุตฺวา มหากาโฬ ‘‘สพฺพํ กิร ปหาย คนฺตพฺพํ, ปรโลกํ คจฺฉนฺตํ เนว โภคา, น าตกา จ อนุคจฺฉนฺติ, กึ เม ฆราวาเสน ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา มหาชเน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺเต สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา สตฺถารา ‘‘นตฺถิ เต โกจิ อปโลเกตพฺโพ’’ติ วุตฺเต, ‘‘กนิฏฺโ เม, ภนฺเต, อตฺถี’’ติ วตฺวา เตน หิ ‘‘อปโลเกหิ น’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา กนิฏฺํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, อิมํ สพฺพํ สาปเตยฺยํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเห ¶ ปน กึ กริสฺสถ ภาติกา’’ติ? ‘‘อหํ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส ตํ นานปฺปกาเรหิ ยาจิตฺวา นิวตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘สาธุ, สามิ, ยถา อชฺฌาสยํ กโรถา’’ติ อาห. มหากาโฬ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. ‘‘อหํ ภาติกํ คเหตฺวาว อุปฺปพฺพชิสฺสามี’’ติ จูฬกาโฬปิ ปพฺพชิ. อปรภาเค มหากาโฬ อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สาสเน ธุรานิ ปุจฺฉิตฺวา สตฺถารา ทฺวีสุ ธุเรสุ กถิเตสุ ‘‘อหํ, ภนฺเต, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตตฺตา คนฺถธุรํ ปูเรตุํ น สกฺขิสฺสามิ, วิปสฺสนาธุรํ ปน ปูเรสฺสามี’’ติ ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา โสสานิกธุตงฺคํ สมาทาย ปมยามาติกฺกนฺเต สพฺเพสุ นิทฺทํ โอกฺกนฺเตสุ สุสานํ คนฺตฺวา ปจฺจูสกาเล สพฺเพสุ อนุฏฺิเตสุเยว วิหารํ อาคจฺฉติ.
อเถกา ¶ สุสานโคปิกา กาลี นาม ฉวฑาหิกา เถรสฺส ิตฏฺานํ นิสินฺนฏฺานํ จงฺกมิตฏฺานฺจ ทิสฺวา ‘‘โก นุ โข อิธาคจฺฉติ, ปริคฺคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ ปริคฺคณฺหิตุํ อสกฺโกนฺตี เอกทิวสํ สุสานกุฏิกายเมว ทีปํ ชาเลตฺวา ปุตฺตธีตโร อาทาย คนฺตฺวา เอกมนฺเต นิลียมานา มชฺฌิมยาเม เถรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘อยฺโย, โน, ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน วิหรตี’’ติ อาห. ‘‘อาม, อุปาสิเก’’ติ. ‘‘ภนฺเต, สุสาเน วิหรนฺเตหิ ¶ นาม วตฺตํ อุคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เถโร ‘‘กึ ปน มยํ ตยา กถิตวตฺเต วตฺติสฺสามา’’ติ อวตฺวา ‘‘กึ กาตุํ วฏฺฏติ อุปาสิเก’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, โสสานิเกหิ นาม ¶ สุสาเน วสนภาโว สุสานโคปกานฺจ วิหาเร มหาเถรสฺส จ คามโภชกสฺส จ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เถโร กึ การณา’’ติ? ‘‘กตกมฺมา โจรา ธนสามิเกหิ ปทานุปทํ อนุพทฺธา สุสาเน ภณฺฑกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายนฺติ, อถ มนุสฺสา โสสานิกานํ ปริปนฺถํ กโรนฺติ, เอเตสํ ปน กถิเต ‘มยํ อิมสฺส ภทฺทนฺตสฺส เอตฺตกํ นาม กาลํ เอตฺถ วสนภาวํ ชานาม, อโจโร เอโส’ติ อุปทฺทวํ นิวาเรนฺติ. ตสฺมา เอเตสํ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ.
‘‘เถโร อฺํ กึ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘ภนฺเต, สุสาเน วสนฺเตน นาม อยฺเยน มจฺฉมํสติลปิฏฺเตลคุฬาทีนิ วชฺเชตพฺพานิ, ทิวา น นิทฺทายิตพฺพํ, กุสีเตน น ภวิตพฺพํ, อารทฺธวีริเยน ภวิตพฺพํ, อสเน อมายาวินา หุตฺวา กลฺยาณชฺฌาสเยน ภวิตพฺพํ, สายํ สพฺเพสุ สุตฺเตสุ วิหารโต อาคนฺตพฺพํ, ปจฺจูสกาเล สพฺเพสุ อนุฏฺิเตสุเยว วิหารํ คนฺตพฺพํ. สเจ, ภนฺเต, อยฺโย อิมสฺมึ าเน เอวํ วิหรนฺโต ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตุํ สกฺขิสฺสติ, สเจ มตสรีรํ อาเนตฺวา ฉฑฺเฑนฺติ, อหํ กมฺพลกูฏาคารํ อาโรเปตฺวา คนฺธมาลาทีหิ สกฺการํ กตฺวา สรีรกิจฺจํ กริสฺสามิ. โน เจ สกฺขิสฺสติ, จิตกํ อาโรเปตฺวา อคฺคึ ชาเลตฺวา สงฺกุนา อากฑฺฒิตฺวา พหิ ¶ ขิปิตฺวา ผรสุนา โกฏฺเฏตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา อคฺคิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา ฌาเปสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ เถโร ‘‘สาธุ ภทฺเท, เอกํ ปน รูปารมฺมณํ ทิสฺวา มยฺหํ กเถยฺยาสี’’ติ อาห. สา ‘‘สาธู’’ติ ปจฺจสฺโสสิ. เถโร ยถาชฺฌาสเยน สุสาเน สมณธมฺมํ กโรติ. จูฬกาฬตฺเถโร ¶ ปน อุฏฺาย สมุฏฺาย ฆราวาสํ จินฺเตติ, ปุตฺตทารํ อนุสฺสรติ. ‘‘ภาติโก เม อติภาริยํ กมฺมํ กโรตี’’ติ จินฺเตติ.
อเถกา กุลธีตา ตํมุหุตฺตสมุฏฺิเตน พฺยาธินา สายนฺหสมเย อมิลาตา อกิลนฺตา กาลมกาสิ. ตเมนํ าตกาทโย ทารุเตลาทีหิ สทฺธึ สายํ สุสานํ เนตฺวา สุสานโคปิกาย ‘‘อิมํ ฌาเปหี’’ติ ภตึ ทตฺวา นิยฺยาเทตฺวา ปกฺกมึสุ. สา ตสฺสา ปารุตวตฺถํ อปเนตฺวา ตํมุหุตฺตมตํ ปีณิตปีณิตํ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ทิสฺวา, ‘‘อิมํ อยฺยสฺส ทสฺเสตุํ ปติรูปํ อารมฺมณ’’นฺติ จินฺเตตฺวา คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอวรูปํ นาม อารมฺมณํ อตฺถิ, โอโลเกถ อยฺยา’’ติ อาห. เถโร ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ปารุปนํ นีหราเปตฺวา ปาทตลโต ยาว เกสคฺคา โอโลเกตฺวา ‘‘อติปีณิตเมตํ ¶ รูปํ สุวณฺณวณฺณํ อคฺคิมฺหิ นํ ปกฺขิปิตฺวา มหาชาลาหิ คหิตมตฺตกาเล มยฺหํ อาโรเจยฺยาสี’’ติ วตฺวา สกฏฺานเมว คนฺตฺวา นิสีทิ. สา ตถา กตฺวา เถรสฺส อาโรเจสิ. เถโร คนฺตฺวา โอโลเกสิ. ชาลาย ปหฏปหฏฏฺานํ กพรคาวิยา วิย สรีรวณฺณํ อโหสิ, ปาทา นมิตฺวา โอลมฺพึสุ, หตฺถา ปฏิกุฏึสุ, อูรุนลาฏํ นิจฺจมฺมํ อโหสิ ¶ . เถโร ‘‘อิทํ สรีรํ อิทาเนว โอโลเกนฺตานํ อปริยนฺตกรํ หุตฺวา อิทาเนว ขยํ ปตฺตํ วยํ ปตฺต’’นฺติ รตฺติฏฺานํ คนฺตฺวา นิสีทิตฺวา ขยวยํ สมฺปสฺสมาโน –
‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติ. (ที. นิ. ๒.๒๒๑, ๒๗๒; สํ. นิ. ๑.๑๘๖; ๒.๑๔๓; ชา. ๑.๑.๙๕) –
คาถํ วตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
ตสฺมึ อรหตฺตํ ปตฺเต สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ จรมาโน เสตพฺยํ คนฺตฺวา สึสปาวนํ ปาวิสิ. จูฬกาฬสฺส ภริยาโย ‘‘สตฺถา กิร อนุปฺปตฺโต สึสปาวน’’นฺติ สุตฺวา ‘‘อมฺหากํ สามิกํ คณฺหิสฺสามา’’ติ เปเสตฺวา สตฺถารํ นิมนฺตาเปสุํ. พุทฺธานํ ปน อปริจิณฺณฏฺาเน อาสนปฺตฺตึ อาจิกฺขนฺเตน เอเกน ภิกฺขุนา ปมตรํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. พุทฺธานฺหิ มชฺฌิมฏฺาเน อาสนํ ปฺาเปตฺวา ตสฺส ทกฺขิณโต ¶ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส, วามโต ¶ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส, ตโต ปฏฺาย อุโภสุ ปสฺเสสุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาสนํ ปฺาเปตพฺพํ โหติ. ตสฺมา มหากาฬตฺเถโร จีวรปารุปนฏฺาเน ตฺวา, ‘‘จูฬกาฬ, ตฺวํ ปุรโต คนฺตฺวา อาสนปฺตฺตึ อาจิกฺขา’’ติ จูฬกาฬํ เปเสสิ. ตสฺส ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย เคหชนา เตน สทฺธึ ปริหาสํ กโรนฺตา นีจาสนานิ สงฺฆตฺเถรสฺส โกฏิยํ อตฺถรนฺติ, อุจฺจาสนานิ สงฺฆนวกสฺส โกฏิยํ. อิตโร ‘‘มา เอวํ กโรถ, นีจาสนานิ อุปริ มา ปฺาเปถ, อุจฺจาสนานิ อุปริ ปฺาเปถ, นีจาสนานิ เหฏฺา’’ติ อาห. อิตฺถิโย ตสฺส วจนํ อสุณนฺติโย วิย ‘‘ตฺวํ กึ กโรนฺโต วิจรสิ, กึ ตว อาสนานิ ปฺาเปตุํ น วฏฺฏติ, ตฺวํ กํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิโต, เกน ปพฺพชิโตสิ, กสฺมา อิธาคโตสี’’ติ วตฺวา นิวาสนปารุปนํ อจฺฉินฺทิตฺวา เสตกานิ นิวาเสตฺวา สีเส จ มาลาจุมฺพุฏกํ เปตฺวา, ‘‘คจฺฉ สตฺถารํ อาเนหิ, มยํ อาสนานิ ปฺาเปสฺสามา’’ติ ปหิณึสุ. น จิรํ ภิกฺขุภาเว ตฺวา อวสฺสิโกว อุปฺปพฺพชิตตฺตา ลชฺชิตุํ น ชานาติ, ตสฺมา โส เตน อากปฺเปน นิราสงฺโกว คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ อาทาย อาคโต. ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปน ภตฺตกิจฺจาวสาเน มหากาฬสฺส ภริยาโย ‘‘อิมาหิ อตฺตโน สามิโก คหิโต, มยมฺปิ อมฺหากํ สามิกํ คณฺหิสฺสามา’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ นิมนฺตยึสุ. ตทา ปน อาสนปฺาปนตฺถํ อฺโ ภิกฺขุ อคมาสิ. ตา ตสฺมึ ขเณ โอกาสํ อลภิตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ อทํสุ. จูฬกาฬสฺส ปน ทฺเว ภริยาโย, มชฺฌิมกาฬสฺส ¶ จตสฺโส, มหากาฬสฺส ปน อฏฺ. ภิกฺขูปิ ภตฺตกิจฺจํ กาตุกามา นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจมกํสุ, พหิ คนฺตุกามา อุฏฺาย อคมํสุ. สตฺถา ปน นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กริ. ตสฺส ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ตา อิตฺถิโย, ‘‘ภนฺเต, มหากาโฬ อมฺหากํ อนุโมทนํ กตฺวา อาคจฺฉิสฺสติ, ตุมฺเห ปุรโต คจฺฉถา’’ติ วทึสุ. สตฺถา ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ปุรโต อคมาสิ. คามทฺวารํ ปตฺวา ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘กึ นาเมตํ สตฺถารา กตํ, ตฺวา นุ โข กตํ, อุทาหุ อชานิตฺวา. หิยฺโย จูฬกาฬสฺส ปุรโต คตตฺตา ปพฺพชฺชนฺตราโย ชาโต, อชฺช อฺสฺส ปุรโต คตตฺตา อนฺตราโย นาโหสิ. อิทานิ มหากาฬํ เปตฺวา อาคโต, สีลวา โข ปน ภิกฺขุ อาจารสมฺปนฺโน, กริสฺสติ นุ โข ตสฺส ปพฺพชฺชนฺตราย’’นฺติ. สตฺถา เตสํ วจนํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา ิโต ‘‘กึ กเถถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิ ¶ . เต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ‘‘กึ ปน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, จูฬกาฬํ วิย มหากาฬํ สลฺลกฺเขถา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’. ตสฺส หิ ทฺเว ปชาปติโย, อิมสฺส อฏฺ. ‘‘อฏฺหิ ปริกฺขิปิตฺวา คหิโต กึ กริสฺสติ, ภนฺเต’’ติ? สตฺถา ‘‘มา, ภิกฺขเว, เอวํ อวจุตฺถ, จูฬกาโฬ อุฏฺาย สมุฏฺาย สุภารมฺมณพหุโล วิหรติ, ปปาเต ิโต ทุพฺพลรุกฺขสทิโส. มยฺหํ ปน ปุตฺโต มหากาโฬ ¶ อสุภานุปสฺสี วิหรติ, ฆนเสลปพฺพโต วิย อจโล’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สุภานุปสฺสึ วิหรนฺตํ, อินฺทฺริเยสุ อสํวุตํ;
โภชนมฺหิ จามตฺตฺุํ, กุสีตํ หีนวีริยํ;
ตํ เว ปสหติ มาโร, วาโต รุกฺขํว ทุพฺพลํ.
‘‘อสุภานุปสฺสึ วิหรนฺตํ, อินฺทฺริเยสุ สุสํวุตํ;
โภชนมฺหิ จ มตฺตฺุํ, สทฺธํ อารทฺธวีริยํ;
ตํ เว นปฺปสหตี มาโร, วาโต เสลํว ปพฺพต’’นฺติ.
ตตฺถ สุภานุปสฺสึ วิหรนฺตนฺติ สุตํ อนุปสฺสนฺตํ, อิฏฺารมฺมเณ มานสํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิหรนฺตนฺติ อตฺโถ. โย หิ ปุคฺคโล นิมิตฺตคฺคาหํ อนุพฺยฺชนคฺคาหํ คณฺหนฺโต ‘‘นขา โสภนา’’ติ คณฺหาติ, ‘‘องฺคุลิโย โสภนา’’ติ คณฺหาติ, ‘‘หตฺถปาทา, ชงฺฆา, อูรุ, กฏิ, อุทรํ, ถนา, คีวา, โอฏฺา, ทนฺตา, มุขํ, นาสา, อกฺขีนิ, กณฺณา, ภมุกา, นลาฏํ, เกสา, โสภนา’’ติ คณฺหาติ, ‘‘เกสา, โลมา, นขา, ทนฺตา, ตโจ, โสภนา’’ติ ¶ คณฺหาติ, วณฺโณ สุโภ, สณฺานํ สุภนฺติ, อยํ สุภานุปสฺสี นาม. เอวํ ตํ สุภานุปสฺสึ วิหรนฺตํ. อินฺทฺริเยสูติ ¶ จกฺขาทีสุ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ. อสํวุตนฺติ จกฺขุทฺวาราทีนิ อรกฺขนฺตํ. ปริเยสนมตฺตา ปฏิคฺคหณมตฺตา ปริโภคมตฺตาติ อิมิสฺสา มตฺตาย อชานนโต โภชนมฺหิ จามตฺตฺุํ. อปิจ ปจฺจเวกฺขณมตฺตา วิสฺสชฺชนมตฺตาติ อิมิสฺสาปิ มตฺตาย อชานนโต อมตฺตฺุํ, อิทํ โภชนํ ธมฺมิกํ, อิทํ อธมฺมิกนฺติปิ อชานนฺตํ. กามจฺฉนฺทพฺยาปาทวิหึสาวิตกฺกวสิตาย กุสีตํ. หีนวีริยนฺติ นิพฺพีริยํ จตูสุ อิริยาปเถสุ วีริยกรณรหิตํ. ปสหตีติ อภิภวติ อชฺโฌตฺถรติ. วาโต รุกฺขํว ทุพฺพลนฺติ พลววาโต ฉินฺนปปาเต ชาตํ ทุพฺพลรุกฺขํ วิย. ยถา หิ โส วาโต ตสฺส ทุพฺพลรุกฺขสฺส ปุปฺผผลปลฺลวาทีนิปิ ปาเตติ, ขุทฺทกสาขาปิ ภฺชติ, มหาสาขาปิ ¶ ภฺชติ, สมูลกมฺปิ ตํ รุกฺขํ อุปฺปาเฏตฺวา อุทฺธํมูลํ อโธสาขํ กตฺวา คจฺฉติ, เอวเมว เอวรูปํ ปุคฺคลํ อนฺโต อุปฺปนฺโน กิเลสมาโร ปสหติ, พลววาโต ทุพฺพลรุกฺขสฺส ¶ ปุปฺผผลปลฺลวาทิปาตนํ วิย ขุทฺทานุขุทฺทกาปตฺติอาปชฺชนมฺปิ กโรติ, ขุทฺทกสาขาภฺชนํ วิย นิสฺสคฺคิยาทิอาปตฺติอาปชฺชนมฺปิ กโรติ, มหาสาขาภฺชนํ วิย เตรสสงฺฆาทิเสสาปตฺติอาปชฺชนมฺปิ กโรติ, อุปฺปาเฏตฺวา อุทฺธํ, มูลกํ เหฏฺาสาขํ กตฺวา ปาตนํ วิย ปาราชิกาปตฺติอาปชฺชนมฺปิ กโรติ, สฺวากฺขาตสาสนา นีหริตฺวา กติปาเหเนว คิหิภาวํ ปาเปตีติ เอวํ เอวรูปํ ปุคฺคลํ กิเลสมาโร อตฺตโน วเส วตฺเตตีติ อตฺโถ.
อสุภานุปสฺสินฺติ ทสสุ อสุเภสุ อฺตรํ อสุภํ ปสฺสนฺตํ ปฏิกูลมนสิกาเร ยุตฺตํ เกเส อสุภโต ปสฺสนฺตํ โลเม นเข ทนฺเต ตจํ วณฺณํ สณฺานํ อสุภโต ปสฺสนฺตํ. อินฺทฺริเยสูติ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ. สุสํวุตนฺติ นิมิตฺตาทิคฺคาหรหิตํ ปิหิตทฺวารํ. อมตฺตฺุตาปฏิกฺเขเปน โภชนมฺหิ จ มตฺตฺุํ. สทฺธนฺติ กมฺมสฺส เจว ผลสฺส จ สทฺทหนลกฺขณาย โลกิกาย สทฺธาย เจว ตีสุ วตฺถูสุ อเวจฺจปฺปสาทสงฺขาตาย โลกุตฺตรสทฺธาย จ สมนฺนาคตํ. อารทฺธวีริยนฺติ ปคฺคหิตวีริยํ ปริปุณฺณวีริยํ. ตํ เวติ เอวรูปํ ตํ ปุคฺคลํ ยถา ทุพฺพลวาโต สณิกํ ปหรนฺโต เอกคฺฆนํ เสลํ จาเลตุํ น สกฺโกติ, ตถา ¶ อพฺภนฺตเร อุปฺปชฺชมาโนปิ ทุพฺพลกิเลสมาโร นปฺปสหติ, โขเภตุํ วา จาเลตุํ วา น สกฺโกตีติ อตฺโถ.
ตาปิ โข ตสฺส ปุราณทุติยิกาโย เถรํ ปริวาเรตฺวา ‘‘ตฺวํ กํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิโต, อิทานิ คิหี ภวิสฺสสิ น ภวิสฺสสี’’ติอาทีนิ วตฺวา กาสาวํ นีหริตุกามา อเหสุํ. เถโร ตาสํ อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา นิสินฺนาสนา วุฏฺาย อิทฺธิยา อุปฺปตฺติตฺวา กูฏาคารกณฺณิกํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา สตฺถริ คาถา ปริโยสาเปนฺเตเยว สตฺถุ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ อภิตฺถวนฺโต อากาสโต โอตริตฺวา ตถาคตสฺส ปาเท วนฺทิ.
คาถาปริโยสาเน ¶ สมฺปตฺตภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีสุ ปติฏฺหึสูติ.
มหากาฬตฺเถรวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. เทวทตฺตวตฺถุ
อนิกฺกสาโวติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราชคเห เทวทตฺตสฺส กาสาวลาภํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ทฺเว อคฺคสาวกา ปฺจสเต ปฺจสเต อตฺตโน อตฺตโน ปริวาเร อาทาย สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา วนฺทิตฺวา เชตวนโต ราชคหํ อคมํสุ. ราชคหวาสิโน ทฺเวปิ ตโยปิ พหูปิ เอกโต หุตฺวา อาคนฺตุกทานํ อทํสุ. อเถกทิวสํ อายสฺมา สาริปุตฺโต อนุโมทนํ กโรนฺโต ¶ ‘‘อุปาสกา เอโก สยํ ทานํ เทติ, ปรํ น สมาทเปติ, โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทํ ลภติ, โน ปริวารสมฺปทํ. เอโก สยํ น เทติ, ปรํ สมาทเปติ, โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ปริวารสมฺปทํ ลภติ, โน โภคสมฺปทํ. เอโก สยมฺปิ น เทติ, ปรมฺปิ น สมาทเปติ, โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน กฺชิกมตฺตมฺปิ กุจฺฉิปูรํ น ลภติ, อนาโถ โหติ นิปฺปจฺจโย. เอโก สยมฺปิ เทติ, ปรมฺปิ สมาทเปติ, โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อตฺตภาวสเตปิ อตฺตภาวสหสฺเสปิ อตฺตภาวสตสหสฺเสปิ โภคสมฺปทฺเจว ปริวารสมฺปทฺจ ลภตี’’ติ เอวํ ธมฺมํ เทเสสิ.
ตเมโก ปณฺฑิตปุริโส ธมฺมํ สุตฺวา ‘‘อจฺฉริยา วต โภ, อพฺภุตา วต โภ ธมฺมเทสนา, สุการณํ กถิตํ, มยา อิมาสํ ทฺวินฺนํ สมฺปตฺตีนํ นิปฺผาทกํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘ภนฺเต, สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ เถรํ นิมนฺเตสิ. ‘‘กิตฺตเกหิ เต ภิกฺขูหิ อตฺโถ อุปาสกา’’ติ. ‘‘กิตฺตกา ปน โว, ภนฺเต, ปริวารา’’ติ? ‘‘สหสฺสมตฺตา อุปาสกา’’ติ. ‘‘สพฺเพหิ สทฺธึเยว สฺเว ภิกฺขํ คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เถโร อธิวาเสสิ’’. อุปาสโก นครวีถิยํ จรนฺโต – ‘‘อมฺมา, ตาตา, มยา ภิกฺขุสหสฺสํ นิมนฺติตํ, ตุมฺเห กิตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ภิกฺขํ ทาตุํ สกฺขิสฺสถ, ตุมฺเห กิตฺตกาน’’นฺติ สมาทเปสิ. มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน ปโหนกนิยาเมน ¶ – ‘‘มยํ ทสนฺนํ ทสฺสาม, มยํ วีสติยา, มยํ สตสฺสา’’ติ อาหํสุ. อุปาสโก – ‘‘เตน หิ เอกสฺมึ าเน สมาคมํ กตฺวา เอกโตว ปริวิสิสฺสาม ¶ , สพฺเพ ติลตณฺฑุลสปฺปิมธุผาณิตาทีนิ สมาหรถา’’ติ เอกสฺมึ าเน สมาหราเปสิ.
อถสฺส ¶ เอโก กุฏุมฺพิโก สตสหสฺสคฺฆนิกํ คนฺธกาสาววตฺถํ ทตฺวา – ‘‘สเจ เต ทานวตฺตํ นปฺปโหติ, อิทํ วิสฺสชฺเชตฺวา ยํ อูนํ, ตํ ปูเรยฺยาสิ. สเจ ปโหติ, ยสฺสิจฺฉสิ, ตสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺยาสี’’ติ อาห. ตทา ตสฺส สพฺพํ ทานวตฺตํ ปโหสิ, กิฺจิ อูนํ นาม นาโหสิ. โส มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘อิทํ, อยฺยา, กาสาวํ เอเกน กุฏุมฺพิเกน เอวํ นาม วตฺวา ทินฺนํ อติเรกํ ชาตํ, กสฺส นํ เทมา’’ติ. เอกจฺเจ ‘‘สาริปุตฺตตฺเถรสฺสา’’ติ อาหํสุ. เอกจฺเจ ‘‘เถโร สสฺสปากสมเย อาคนฺตฺวา คมนสีโล, เทวทตฺโต อมฺหากํ มงฺคลามงฺคเลสุ สหาโย อุทกมณิโก วิย นิจฺจํ ปติฏฺิโต, ตสฺส ตํ เทมา’’ติ อาหํสุ. สมฺพหุลิกาย กถายปิ ‘‘เทวทตฺตสฺส ทาตพฺพ’’นฺติ วตฺตาโร พหุตรา อเหสุํ, อถ นํ เทวทตฺตสฺส อทํสุ. โส ตํ ฉินฺทิตฺวา สิพฺพิตฺวา รชิตฺวา นิวาเสตฺวา ปารุปิตฺวา วิจรติ. ตํ ทิสฺวา มนุสฺสา ‘‘นยิทํ เทวทตฺตสฺส อนุจฺฉวิกํ, สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อนุจฺฉวิกํ. เทวทตฺโต อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ นิวาเสตฺวา ปารุปิตฺวา วิจรตี’’ติ วทึสุ. อเถโก ¶ ทิสาวาสิโก ภิกฺขุ ราชคหา สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร สตฺถารา ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉิโต อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข ภิกฺขุ อิทาเนเวโส อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ วตฺถํ ธาเรติ, ปุพฺเพปิ ธาเรสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิวาสี เอโก หตฺถิมารโก หตฺถึ มาเรตฺวา มาเรตฺวา ทนฺเต จ นเข จ อนฺตานิ จ ฆนมํสฺจ อาหริตฺวา วิกฺกิณนฺโต ชีวิตํ กปฺเปติ. อเถกสฺมึ อรฺเ อเนกสหสฺสา หตฺถิโน โคจรํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตา ปจฺเจกพุทฺเธ ทิสฺวา ตโต ปฏฺาย คจฺฉมานา คมนาคมนกาเล ชณฺณุเกหิ นิปติตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกมนฺติ. เอกทิวสฺหิ หตฺถิมารโก ตํ กิริยํ ทิสฺวา – ‘‘อหํ อิเม กิจฺเฉน มาเรมิ, อิเม จ คมนาคมนกาเล ปจฺเจกพุทฺเธ วนฺทนฺติ, กึ นุ โข ทิสฺวา วนฺทนฺตี’’ติ จินฺเตนฺโต – ‘‘กาสาว’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา, ‘‘มยาปิ อิทานิ กาสาวํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ชาตสฺสรํ โอรุยฺห นฺหายนฺตสฺส ตีเร ปิเตสุ กาสาเวสุ จีวรํ เถเนตฺวา ¶ เตสํ หตฺถีนํ คมนาคมนมคฺเค สตฺตึ คเหตฺวา สสีสํ ปารุปิตฺวา นิสีทติ. หตฺถิโน ตํ ทิสฺวา – ‘‘ปจฺเจกพุทฺโธ’’ติ สฺาย วนฺทิตฺวา ปกฺกมนฺติ. โส เตสํ สพฺพปจฺฉโต คจฺฉนฺตํ สตฺติยา ปหริตฺวา มาเรตฺวา ทนฺตาทีนิ คเหตฺวา เสสํ ภูมิยํ ¶ นิขณิตฺวา คจฺฉติ. อปรภาเค โพธิสตฺโต ¶ หตฺถิโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา หตฺถิเชฏฺโก ยูถปติ อโหสิ. ตทาปิ โส ตเถว กโรติ. มหาปุริโส อตฺตโน ปริสาย ปริหานึ ตฺวา, ‘‘กุหึ อิเม หตฺถี คตา, มนฺทา ชาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘น ชานาม, สามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘กุหิฺจิ คจฺฉนฺตา มํ อนาปุจฺฉิตฺวา น คมิสฺสนฺติ, ปริปนฺเถน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา, ‘‘เอกสฺมึ าเน กาสาวํ ปารุปิตฺวา นิสินฺนสฺส สนฺติกา ปริปนฺเถน ภวิตพฺพ’’นฺติ ปริสงฺกิตฺวา, ‘‘ตํ ปริคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สพฺเพ หตฺถี ปุรโต เปเสตฺวา สยํ ปจฺฉโต วิลมฺพมาโน อาคจฺฉติ. โส เสสหตฺถีสุ วนฺทิตฺวา คเตสุ มหาปุริสํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา จีวรํ สํหริตฺวา สตฺตึ วิสฺสชฺชิ. มหาปุริโส สตึ อุปฺปฏฺเปตฺวา อาคจฺฉนฺโต ปจฺฉโต ปฏิกฺกมิตฺวา สตฺตึ วิวชฺเชสิ. อถ นํ ‘‘อิมินา อิเม หตฺถี นาสิตา’’ติ คณฺหิตุํ ปกฺขนฺทิ. อิตโร เอกํ รุกฺขํ ปุรโต กตฺวา นิลียิ. อถ ‘‘นํ รุกฺเขน สทฺธึ โสณฺฑาย ปริกฺขิปิตฺวา คเหตฺวา ภูมิยํ โปเถสฺสามี’’ติ เตน นีหริตฺวา ทสฺสิตํ กาสาวํ ทิสฺวา – ‘‘สจาหํ อิมสฺมึ ทุพฺภิสฺสามิ, อเนกสหสฺเสสุ เม พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสเวสุ ลชฺชา นาม ภินฺนา ภวิสฺสตี’’ติ อธิวาเสตฺวา – ‘‘ตยา เม เอตฺตกา าตกา นาสิตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สามี’’ติ. ‘‘กสฺมา เอวํ ภาริยกมฺมมกาสิ, อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ วีตราคานํ อนุจฺฉวิกํ วตฺถํ ปริทหิตฺวา เอวรูปํ กมฺมํ กโรนฺเตน ภาริยํ ตยา กต’’นฺติ. เอวฺจ ปน วตฺวา อุตฺตริปิ นํ นิคฺคณฺหนฺโต ‘‘อนิกฺกสาโว ¶ กาสาวํ…เป… ส เว กาสาวมรหตี’’ติ คาถํ วตฺวา – ‘‘อยุตฺตํ เต กต’’นฺติ วตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘ตทา หตฺถิมารโก เทวทตฺโต อโหสิ, ตสฺส นิคฺคาหโก หตฺถินาโค อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนตฺวา, ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ วตฺถํ ธาเรสิเยวา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อนิกฺกสาโว ¶ กาสาวํ, โย วตฺถํ ปริทหิสฺสติ;
อเปโต ทมสจฺเจน, น โส กาสาวมรหติ.
‘‘โย จ วนฺตกสาวสฺส, สีเลสุ สุสมาหิโต;
อุเปโต ทมสจฺเจน, ส เว กาสาวมรหตี’’ติ.
ฉทฺทนฺตชาตเกนาปิ (ชา. ๑.๑๖.๑๒๒-๑๒๓) จ อยมตฺโถ ทีเปตพฺโพ.
ตตฺถ ¶ อนิกฺกสาโวติ ราคาทีหิ กสาเวหิ สกสาโว. ปริทหิสฺสตีติ นิวาสนปารุปนอตฺถรณวเสน ปริภฺุชิสฺสติ. ปริธสฺสตีติปิ ปาโ. อเปโต ทมสจฺเจนาติ อินฺทฺริยทเมน เจว ปรมตฺถสจฺจปกฺขิเกน วจีสจฺเจน จ อเปโต, วิยุตฺโต ปริจฺจตฺโถติ อตฺโถ. น โสติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล กาสาวํ ปริทหิตุํ นารหติ. วนฺตกสาวสฺสาติ จตูหิ มคฺเคหิ วนฺตกสาโว ฉฑฺฑิตกสาโว ปหีนกสาโว อสฺส. สีเลสูติ จตุปาริสุทฺธิสีเลสุ. สุสมาหิโตติ สุฏฺุ สมาหิโต สุฏฺิโต. อุเปโตติ อินฺทฺริยทเมน เจว วุตฺตปฺปกาเรน จ สจฺเจน อุปคโต. ส เวติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล ตํ คนฺธกาสาววตฺถํ อรหตีติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ โส ทิสาวาสิโก ภิกฺขุ โสตาปนฺโน อโหสิ, อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.
เทวทตฺตวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
อสาเร สารมติโนติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อคฺคสาวเกหิ นิเวทิตํ สฺจยสฺส อนาคมนํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อมฺหากฺหิ สตฺถา อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก อมรวติยา นาม นคเร สุเมโธ นาม พฺราหฺมณกุมาโร หุตฺวา สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา มาตาปิตูนํ ¶ อจฺจเยน อเนกโกฏิสงฺขฺยํ ธนํ ปริจฺจชิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต วสนฺโต ฌานาภิฺา นิพฺพตฺเตตฺวา อากาเสน คจฺฉนฺโต ทีปงฺกรทสพลสฺส สุทสฺสนวิหารโต รมฺมวตีนครํ ปวิสนตฺถาย มคฺคํ โสธยมานํ ชนํ ทิสฺวา สยมฺปิ เอกํ ปเทสํ คเหตฺวา มคฺคํ โสเธติ. ตสฺมึ อโสธิเตเยว อาคตสฺส สตฺถุโน อตฺตานํ เสตุํ กตฺวา กลเล อชินจมฺมํ อตฺถริตฺวา ‘‘สตฺถา สสาวกสงฺโฆ กลลํ อนกฺกมิตฺวา มํ อกฺกมนฺโต คจฺฉตู’’ติ นิปนฺโน. สตฺถารา ตํ ทิสฺวาว ‘‘พุทฺธงฺกุโร เอส, อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ ¶ อสงฺขฺเยยฺยานํ ปริโยสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากโต. ตสฺส สตฺถุโน อปรภาเค ‘‘โกณฺฑฺโ มงฺคโล สุมโน เรวโต โสภิโต อโนมทสฺสี ปทุโม นารโท ปทุมุตฺตโร สุเมโธ สุชาโต ปิยทสฺสี อตฺถทสฺสี ธมฺมทสฺสี สิทฺธตฺโถ ติสฺโส ผุสฺโส วิปสฺสี สิขี เวสฺสภู กกุสนฺโธ โกณาคมโน กสฺสโป’’ติ โลกํ โอภาเสตฺวา อุปฺปนฺนานํ อิเมสมฺปิ เตวีสติยา ¶ พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ, ‘‘ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโย’’ติ สมตฺตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ิโต ปถวิกมฺปนานิ มหาทานานิ ทตฺวา ปุตฺตทารํ ปริจฺจชิตฺวา อายุปริโยสาเน ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ทส สหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ สนฺนิปติตฺวา –
‘‘กาโล เทว มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;
สเทวกํ ตารยนฺโต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๖๗) –
วุตฺเต –
‘‘กาลํ เทสฺจ ทีปฺจ, กุลํ มาตรเมว จ;
อิเม ปฺจ วิโลเกตฺวา, อุปฺปชฺชติ มหายโส’’ติ. –
ปฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา ตโต จุโต สกฺยราชกุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ทสมาสจฺจเยน มาตุกุจฺฉิโต วิชายิ. โสฬสวสฺสกาเล ตตฺถ มหาสมฺปตฺติยา ปริหริยมาโน อนุกฺกเมน ภทฺรโยพฺพนํ ปตฺวา ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเกสุ ตีสุ ปาสาเทสุ เทวโลกสิรึ ¶ วิย รชฺชสิรึ อนุภวนฺโต อุยฺยานกีฬาย คมนสมเย อนุกฺกเมน ชิณฺณพฺยาธิมตสงฺขาเต ตโย ¶ เทวทูเต ทิสฺวา สฺชาตสํเวโค นิวตฺติตฺวา จตุตฺถวาเร ปพฺพชิตํ ทิสฺวา, ‘‘สาธุ ปพฺพชฺชา’’ติ ปพฺพชฺชาย รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺถ ทิวสํ เขเปตฺวา มงฺคลโปกฺขรณีตีเร นิสินฺโน กปฺปกเวสํ คเหตฺวา อาคเตน วิสฺสกมฺเมน เทวปุตฺเตน อลงฺกตปฏิยตฺโต ราหุลกุมารสฺส ชาตสาสนํ สุตฺวา ปุตฺตสิเนหสฺส พลวภาวํ ตฺวา, ‘‘ยาว อิทํ พนฺธนํ น วฑฺฒติ, ตาวเทว นํ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สายํ นครํ ปวิสนฺโต –
‘‘นิพฺพุตา นูน สา มาตา, นิพฺพุโต นูน โส ปิตา;
นิพฺพุตา นูน สา นารี, ยสฺสายํ อีทิโส ปตี’’ติ. –
กิสาโคตมิยา นาม ปิตุจฺฉาธีตาย ภาสิตํ อิมํ คาถํ สุตฺวา, ‘‘อหํ อิมาย นิพฺพุตปทํ สาวิโต’’ติ มุตฺตาหารํ โอมฺุจิตฺวา ตสฺสา เปเสตฺวา อตฺตโน ภวนํ ปวิสิตฺวา สิริสยเน นิสินฺโน นิทฺโทปคตานํ นาฏกิตฺถีนํ วิปฺปการํ ทิสฺวา นิพฺพินฺนหทโย ฉนฺนํ อุฏฺาเปตฺวา กณฺฑกํ อาหราเปตฺวา ตํ อารุยฺห ฉนฺนสหาโย ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ ปริวุโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ¶ อโนมานทีตีเร ปพฺพชิตฺวา อนุกฺกเมน ราชคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปณฺฑวปพฺพตปพฺภาเร นิสินฺโน มคธรฺา รชฺเชน นิมนฺติยมาโน ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺวา อตฺตโน วิชิตํ อาคมนตฺถาย เตน คหิตปฏิฺโ อาฬารฺจ อุทกฺจ อุปสงฺกมิตฺวา เตสํ สนฺติเก อธิคตวิเสสํ อนลงฺกริตฺวา ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหิตฺวา วิสาขปุณฺณมทิวเส ¶ ปาโตว สุชาตาย ทินฺนปายสํ ปริภฺุชิตฺวา เนรฺชราย นทิยา สุวณฺณปาตึ ปวาเหตฺวา เนรฺชราย นทิยา ตีเร มหาวนสณฺเฑ นานาสมาปตฺตีหิ ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย โสตฺติเยน ทินฺนํ ติณํ คเหตฺวา กาเฬน นาคราเชน อภิตฺถุตคุโณ โพธิมณฺฑํ อารุยฺห ติณานิ สนฺถริตฺวา ‘‘น ตาวิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามิ, ยาว เม อนุปาทาย ¶ อาสเวหิ จิตฺตํ น มุจฺจิสฺสตี’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิตฺวา สูริเย อนตฺถงฺคมิเตเยว มารพลํ วิธมิตฺวา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสาณํ, มชฺฌิมยาเม จุตูปปาตาณํ ปตฺวา ปจฺฉิมยามาวสาเน ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรตฺวา อรุณุคฺคมเน ทสพลจตุเวสารชฺชาทิสพฺพคุณปฏิมณฺฑิตํ สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑ วีตินาเมตฺวา อฏฺเม สตฺตาเห อชปาลนิคฺโรธมูเล นิสินฺโน ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขเณน อปฺโปสฺสุกฺกตํ อาปชฺชมาโน ทสสหสฺสจกฺกวาฬมหาพฺรหฺมปริวาเรน สหมฺปติพฺรหฺมุนา อายาจิตธมฺมเทสโน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกตฺวา พฺรหฺมุโน อชฺเฌสนํ อธิวาเสตฺวา, ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ โอโลเกนฺโต อาฬารุทกานํ กาลกตภาวํ ตฺวา ปฺจวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ พหูปการตํ อนุสฺสริตฺวา อุฏฺายาสนา กาสิปุรํ ¶ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อุปเกน สทฺธึ มนฺเตตฺวา อาสาฬฺหิปุณฺณมทิวเส อิสิปตเน มิคทาเย ปฺจวคฺคิยานํ วสนฏฺานํ ปตฺวา เต อนนุจฺฉวิเกน สมุทาจาเรน สมุทาจรนฺเต สฺาเปตฺวา อฺาตโกณฺฑฺปฺปมุเข อฏฺารส พฺรหฺมโกฏิโย อมตปานํ ปาเยนฺโต ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ปฺจมิยํ ปกฺขสฺส สพฺเพปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา ตํ ทิวสเมว ยสกุลปุตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ตํ รตฺติภาเค นิพฺพินฺทิตฺวา เคหํ ปหาย นิกฺขนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘เอหิ ยสา’’ติ ปกฺโกสิตฺวา ตสฺมึเยว รตฺติภาเค โสตาปตฺติผลํ ปาเปตฺวา ปุนทิวเส อรหตฺตํ ปาเปตฺวา อปเรปิ ตสฺส สหายเก จตุปณฺณาส ชเน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา อรหตฺตํ ปาเปสิ.
เอวํ โลเก เอกสฏฺิยา อรหนฺเตสุ ชาเตสุ วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา, ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริก’’นฺติ สฏฺิ ภิกฺขู ทิสาสุ เปเสตฺวา สยํ อุรุเวลํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ตึส ชเน ภทฺทวคฺคิยกุมาเร วิเนสิ. เตสุ สพฺพปจฺฉิมโก โสตาปนฺโน สพฺพุตฺตโม อนาคามี อโหสิ. เต สพฺเพปิ เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา ทิสาสุ เปเสตฺวา สยํ ¶ อุรุเวลํ คนฺตฺวา อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ ทสฺเสตฺวา อุรุเวลกสฺสปาทโย ¶ สหสฺสชฏิลปริวาเร เตภาติกชฏิเล วิเนตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา คยาสีเส ¶ นิสีทาเปตฺวา อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔; สํ. นิ. ๔.๒๘) อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา เตน อรหนฺตสหสฺเสน ปริวุโต ‘‘พิมฺพิสารรฺโ ทินฺนํ ปฏิฺํ โมเจสฺสามี’’ติ ราชคหนครูปจาเร ลฏฺิวนุยฺยานํ คนฺตฺวา, ‘‘สตฺถา กิร อาคโต’’ติ สุตฺวา ทฺวาทสนหุเตหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ สทฺธึ อาคตสฺส รฺโ มธุรธมฺมกถํ กเถนฺโต ราชานํ เอกาทสหิ นหุเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา เอกนหุตํ สรเณสุ ปติฏฺาเปตฺวา ปุนทิวเส สกฺเกน เทวราเชน มาณวกวณฺณํ คเหตฺวา อภิตฺถุตคุโณ ราชคหนครํ ปวิสิตฺวา ราชนิเวสเน กตภตฺตกิจฺโจ เวฬุวนารามํ ปฏิคฺคเหตฺวา ตตฺเถว วาสํ กปฺเปสิ. ตตฺถ นํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา อุปสงฺกมึสุ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อนุปฺปนฺเนเยว หิ พุทฺเธ ราชคหโต อวิทูเร อุปติสฺสคาโม โกลิตคาโมติ ทฺเว พฺราหฺมณคามา อเหสุํ. เตสุ อุปติสฺสคาเม สาริยา นาม พฺราหฺมณิยา คพฺภสฺส ปติฏฺิตทิวเสเยว โกลิตคาเม โมคฺคลิยา นาม พฺราหฺมณิยาปิ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. ตานิ กิร ทฺเวปิ กุลานิ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อาพทฺธปฏิพทฺธสหายกาเนว อเหสุํ, ตาสํ ทฺวินฺนมฺปิ เอกทิวสเมว คพฺภปริหารํ อทํสุ. ตา อุโภปิ ทสมาสจฺเจเยน ปุตฺเต วิชายึสุ. นามคฺคหณทิวเส สาริยา พฺราหฺมณิยา ปุตฺตสฺส อุปติสฺสคามเก เชฏฺกุลสฺส ปุตฺตตฺตา อุปติสฺโสติ นามํ กรึสุ ¶ , อิตรสฺส โกลิตคาเม เชฏฺกุลสฺส ปุตฺตตฺตา โกลิโตติ นามํ กรึสุ. เต อุโภปิ วุฑฺฒิมนฺวาย สพฺพสิปฺปานํ ปารํ อคมํสุ. อุปติสฺสมาณวสฺส กีฬนตฺถาย นทึ วา อุยฺยานํ วา คมนกาเล ปฺจ สุวณฺณสิวิกสตานิ ปริวารานิ โหนฺติ, โกลิตมาณวสฺส ปฺจ อาชฺยุตฺตรถสตานิ. ทฺเวปิ ชนา ปฺจปฺจมาณวกสตปริวารา โหนฺติ. ราชคเห จ อนุสํวจฺฉรํ คิรคฺคสมชฺโช นาม อโหสิ. เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ เอกฏฺาเนเยว มฺจํ พนฺธนฺติ. ทฺเวปิ เอกโต นิสีทิตฺวา สมชฺชํ ปสฺสนฺตา หสิตพฺพฏฺาเน หสนฺติ, สํเวคฏฺาเน สํเวเชนฺติ, ทายํ ทาตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทายํ เทนฺติ. เตสํ อิมินาว นิยาเมน เอกทิวสํ สมชฺชํ ปสฺสนฺตานํ ปริปากคตตฺตา าณสฺส ปุริมทิวเสสุ วิย หสิตพฺพฏฺาเน หาโส วา สํเวคฏฺาเน สํเวโค วา ทาตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทานํ วา นาโหสิ ¶ . ทฺเวปิ ปน ชนา เอวํ จินฺตยึสุ – ‘‘กิเมตฺถ โอโลเกตพฺพํ อตฺถิ, สพฺเพปิเม อปฺปตฺเต วสฺสสเต อปฺปณฺณตฺติกภาวํ คมิสฺสนฺติ, อมฺเหหิ ปน เอกํ โมกฺขธมฺมํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อารมฺมณํ คเหตฺวา นิสีทึสุ. ตโต โกลิโต อุปติสฺสํ อาห – ‘‘สมฺม อุปติสฺส, น ตฺวํ อฺเสุ ทิวเสสุ วิย หฏฺปหฏฺโ, อิทานิ อนตฺตมนธาตุโกสิ, กึ เต สลฺลกฺขิต’’นฺติ? ‘‘สมฺม โกลิต, เอเตสํ โวโลกเน สาโร นตฺถิ ¶ ¶ , นิรตฺถกเมตํ, อตฺตโน โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ จินฺตยนฺโต นิสินฺโนมฺหิ. ตฺวํ ปน กสฺมา อนตฺตมโนสีติ? โสปิ ตเถว อาห. อถสฺส อตฺตนา สทฺธึ เอกชฺฌาสยตํ ตฺวา อุปติสฺโส อาห – ‘‘อมฺหากํ อุภินฺนมฺปิ สุจินฺติกํ, โมกฺขธมฺมํ ปน คเวสนฺเตหิ เอกา ปพฺพชฺชา ลทฺธุํ วฏฺฏติ. กสฺส สนฺติเก ปพฺพชามา’’ติ?
เตน โข ปน สมเยน สฺจโย นาม ปริพฺพาชโก ราชคเห ปฏิวสติ มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ. เต ‘‘ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามา’’ติ ปฺจมาณวกสตานิ ‘‘สิวิกาโย จ รเถ จ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ อุยฺโยเชตฺวา เอกาย สิวิกาย เอเกน รเถน คนฺตฺวา สฺจยสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสํ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สฺจโย อติเรกลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อโหสิ. เต กติปาเหเนว สพฺพํ สฺจยสฺส สมยํ ปริมทฺทิตฺวา, ‘‘อาจริย, ตุมฺหากํ ชานนสมโย เอตฺตโกว, อุทาหุ อุตฺตริมฺปิ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘เอตฺตโกว สพฺพํ ตุมฺเหหิ าต’’นฺติ วุตฺเต จินฺตยึสุ – ‘‘เอวํ สติ อิมสฺส สนฺติเก พฺรหฺมจริยวาโส นิรตฺถโก, มยํ ยํ โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ นิกฺขนฺตา, โส อิมสฺส สนฺติเก อุปฺปาเทตุํ น สกฺกา, มหา โข ปน ชมฺพุทีโป, คามนิคมราชธานิโย จรนฺตา อทฺธา โมกฺขธมฺมเทสกํ กฺจิ อาจริยํ ลภิสฺสามา’’ติ. ตโต ปฏฺาย, ‘‘ยตฺถ ยตฺถ ปณฺฑิตา สมณพฺราหฺมณา อตฺถี’’ติ วทนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา สากจฺฉํ กโรนฺติ. เตหิ ปุฏฺํ ปฺหํ อฺเ กเถตุํ ¶ น สกฺโกนฺติ, เต ปน เตสํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺติ. เอวํ สกลชมฺพุทีปํ ปริคฺคณฺหิตฺวา นิวตฺติตฺวา สกฏฺานเมว อาคนฺตฺวา, ‘‘สมฺม โกลิต, อมฺเหสุ โย ปมํ อมตํ อธิคจฺฉติ, โส อิตรสฺส อาโรเจตู’’ติ กติกํ อกํสุํ.
เอวํ เตสุ กติกํ กตฺวา วิหรนฺเตสุ สตฺถา วุตฺตานุกฺกเมน ราชคหํ ปตฺวา เวฬุวนํ ปฏิคฺคเหตฺวา เวฬุวเน วิหรติ. ตทา ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริกํ ¶ พหุชนหิตายา’’ติ รตนตฺตยคุณปกาสนตฺถํ อุยฺโยชิตานํ เอกสฏฺิยา อรหนฺตานํ อนฺตเร ปฺจวคฺคิยานํ อพฺภนฺตโร อสฺสชิตฺเถโร ปฏินิวตฺติตฺวา ราชคหํ อาคโต, ปุนทิวเส ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตสฺมึ สมเย อุปติสฺสปริพฺพาชโกปิ ปาโตว ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปริพฺพาชการามํ คจฺฉนฺโต เถรํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา เอวรูโป ปพฺพชิโต นาม น ทิฏฺปุพฺโพเยว, เย โลเก อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา, อยํ เตสํ ภิกฺขูนํ อฺตโร, ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺเฉยฺยํ – ‘กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’’ติ? อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข อิมํ ภิกฺขุํ ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ, อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ ปิณฺฑาย จรติ, ยํนูนาหํ อิมํ ¶ ภิกฺขุํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺเธยฺยํ, อตฺถิเกหิ อุปฺาตํ มคฺค’’นฺติ. โส เถรํ ลทฺธปิณฺฑปาตํ อฺตรํ โอกาสํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา นิสีทิตุกามตฺจสฺส ตฺวา อตฺตโน ¶ ปริพฺพาชกปีกํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ, โส ภตฺตกิจฺจปริโยสาเนปิสฺส อตฺตโน กุณฺฑิกาย อุทกํ อทาสิ.
เอวํ อาจริยวตฺตํ กตฺวา กตภตฺตกิจฺเจน เถเรน สทฺธึ มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอวมาห – ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข ปน เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต, กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ปริพฺพาชกา นาม สาสนสฺส ปฏิปกฺขภูตา, อิมสฺส สาสนสฺส คมฺภีรตํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ. อตฺตโน นวกภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘อหํ โข, อาวุโส, นโว อจิรปพฺพชิโต, อธุนาคโต อิมํ ธมฺมวินยํ, น ตาวาหํ สกฺขิสฺสามิ วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสตุ’’นฺติ. ปริพฺพาชโก – ‘‘อหํ อุปติสฺโส นาม, ตฺวํ ยถาสตฺติยา อปฺปํ วา พหุํ วา วท, เอตํ นยสเตน นยสหสฺเสน ปฏิวิชฺฌิตุํ มยฺหํ ภาโร’’ติ จินฺเตตฺวา อาห –
‘‘อปฺปํ วา พหุํ วา ภาสสฺสุ, อตฺถํเยว เม พฺรูหิ;
อตฺเถเนว เม อตฺโถ, กึ กาหสิ พฺยฺชนํ พหุ’’นฺติ. (มหาว. ๖๐);
เอวํ ¶ วุตฺเต เถโร – ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติ (มหาว. ๖๐; อป. เถร ๑.๑.๒๘๖) คาถมาห. ปริพฺพาชโก ปมปททฺวยเมว สุตฺวา สหสฺสนยปฏิมณฺฑิเต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, อิตรํ ปททฺวยํ ¶ โสตาปนฺนกาเล นิฏฺาเปสิ. โส โสตาปนฺโน หุตฺวา อุปริวิเสเส อปฺปวตฺตนฺเต ‘‘ภวิสฺสติ เอตฺถ การณ’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา เถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต, มา อุปริ ธมฺมเทสนํ วฑฺฒยิตฺถ, เอตฺตกเมว โหตุ, กุหึ อมฺหากํ สตฺถา วสตี’’ติ? ‘‘เวฬุวเน, อาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ตุมฺเห ปุรโต ยาถ, มยฺหํ เอโก สหายโก อตฺถิ, อมฺเหหิ จ อฺมฺํ กติกา กตา ‘อมฺเหสุ โย อมตํ ปมํ อธิคจฺฉติ, โส อิตรสฺส อาโรเจตู’ติ. อหํ ตํ ปฏิฺํ โมเจตฺวา สหายกํ คเหตฺวา ตุมฺหากํ คตมคฺเคเนว สตฺถุ สนฺติกํ อาคมิสฺสามีติ ปฺจปติฏฺิเตน เถรสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เถรํ อุยฺโยเชตฺวา ปริพฺพาชการามาภิมุโข อคมาสิ’’.
อถ โข โกลิตปริพฺพาชโก ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘อชฺช มยฺหํ สหายกสฺส ¶ มุขวณฺโณ น อฺทิวเสสุ วิย, อทฺธา เตน อมตํ อธิคตํ ภวิสฺสตี’’ติ อมตาธิคมํ ปุจฺฉิ. โสปิสฺส ‘‘อามาวุโส, อมตํ อธิคต’’นฺติ ปฏิชานิตฺวา ตเมว คาถํ อภาสิ. คาถาปริโยสาเน โกลิโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิตฺวา อาห – ‘‘กุหึ กิร, สมฺม, อมฺหากํ สตฺถา วสตี’’ติ? ‘‘เวฬุวเน กิร, สมฺม, เอวํ โน อาจริเยน อสฺสชิตฺเถเรน กถิต’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, สมฺม, อายาม, สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ. สาริปุตฺตตฺเถโร จ นาเมส สทาปิ อาจริยปูชโกว, ตสฺมา สหายํ เอวมาห – ‘‘สมฺม, อมฺเหหิ อธิคตํ อมตํ อมฺหากํ อาจริยสฺส สฺจยปริพฺพาชกสฺสาปิ กเถสฺสาม, พุชฺฌมาโน ¶ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ, อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต อมฺหากํ สทฺทหิตฺวา สตฺถุ, สนฺติกํ คมิสฺสติ, พุทฺธานํ เทสนํ สุตฺวา มคฺคผลปฏิเวธํ กริสฺสตี’’ติ. ตโต ทฺเวปิ ชนา สฺจยสฺส สนฺติกํ อคมํสุ.
สฺจโย เต ทิสฺวาว – ‘‘กึ, ตาตา, โกจิ โว อมตมคฺคเทสโก ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อาจริย, ลทฺโธ, พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, ธมฺโม โลเก อุปฺปนฺโน, สงฺโฆ โลเก อุปฺปนฺโน, ตุมฺเห ตุจฺเฉ อสาเร วิจรถ, ตสฺมา เอถ, สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, นาหํ สกฺขิสฺสามี’’ติ ¶ . ‘‘กึ การณาหิ’’? ‘‘อหํ มหาชนสฺส อาจริโย หุตฺวา วิจรึ, วิจรนฺตสฺส เม อนฺเตวาสิกวาโส จาฏิยา อุทฺจนภาวปฺปตฺติ วิย โหติ, น สกฺขิสฺสามหํ อนฺเตวาสิกวาสํ วสิตุ’’นฺติ. ‘‘มา เอวํ กริตฺถ, อาจริยา’’ติ. ‘‘โหตุ, ตาตา, คจฺฉถ ตุมฺเห, นาหํ สกฺขิสฺสามี’’ติ. อาจริย, โลเก พุทฺธสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย มหาชโน คนฺธมาลาทิหตฺโถ คนฺตฺวา ตเมว ปูเชสฺสติ, มยมฺปิ ตตฺเถว คมิสฺสาม. ‘‘ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘ตาตา, กึ นุ โข อิมสฺมึ โลเก ทนฺธา พหู, อุทาหุ ปณฺฑิตา’’ติ. ‘‘ทนฺธา, อาจริย, พหู, ปณฺฑิตา จ นาม กติปยา เอว โหนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ตาตา, ปณฺฑิตา ปณฺฑิตสฺส สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คมิสฺสนฺติ, ทนฺธา ทนฺธสฺส มม สนฺติกํ อาคมิสฺสนฺติ ¶ , คจฺฉถ ตุมฺเห, นาหํ คมิสฺสามี’’ติ. เต ‘‘ปฺายิสฺสถ ตุมฺเห, อาจริยา’’ติ ปกฺกมึสุ. เตสุ คจฺฉนฺเตสุ สฺจยสฺส ปริสา ภิชฺชิ, ตสฺมึ ขเณ อาราโม ตุจฺโฉ อโหสิ. โส ตุจฺฉํ อารามํ ทิสฺวา อุณฺหํ โลหิตํ ฉฑฺเฑสิ. เตหิปิ สทฺธึ คจฺฉนฺเตสุ ปฺจสุ ปริพฺพาชกสเตสุ สฺจยสฺส อฑฺฒเตยฺยสตานิ นิวตฺตึสุ, อถ โข เต อตฺตโน อนฺเตวาสิเกหิ อฑฺฒเตยฺเยหิ ปริพฺพาชกสเตหิ สทฺธึ เวฬุวนํ อคมํสุ.
สตฺถา จตุปริสมชฺเฌ นิสินฺโน ธมฺมํ เทเสนฺโต เต ทูรโตว ทิสฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เอเต, ภิกฺขเว, ทฺเว สหายกา อาคจฺฉนฺติ โกลิโต จ อุปติสฺโส จ, เอตํ เม สาวกยุคํ ภวิสฺสติ อคฺคํ ภทฺทยุค’’นฺติ. เต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, นิสีทิตฺวา จ ปน ¶ ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ลเภยฺยาม มยํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’’นฺติ. ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘สฺวากฺขาโต ธมฺโม, จรถ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ. สพฺเพปิ อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา สฏฺิวสฺสิกตฺเถรา วิย อเหสุํ.
อถ เนสํ ปริสาย จริตวเสน สตฺถา ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒสิ. เปตฺวา ทฺเว อคฺคสาวเก อวเสสา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, อคฺคสาวกานํ ปน อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ น นิฏฺาสิ. กึ การณา? สาวกปารมิาณสฺส มหนฺตตาย. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปพฺพชิตทิวสโต ¶ ¶ สตฺตเม ทิวเส มคธรฏฺเ กลฺลวาลคามกํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต ถินมิทฺเธ โอกฺกมนฺเต สตฺถารา สํเวชิโต ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา ตถาคเตน ทินฺนํ ธาตุกมฺมฏฺานํ สุณนฺโตว อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา สาวกปารมิาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ปพฺพชิตทิวสโต อฑฺฒมาสํ อติกฺกมิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ ตเมว ราชคหํ อุปนิสฺสาย สูกรขตเลเณ วิหรนฺโต อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺตนฺเต เทสิยมาเน สุตฺตานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา ปรสฺส วฑฺฒิตภตฺตํ ปริภฺุชนฺโต วิย สาวกปารมิาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. นนุ จายสฺมา มหาปฺโ, อถ กสฺมา มหาโมคฺคลฺลานโต จิรตเรน สาวกปารมิาณํ ปาปุณีติ? ปริกมฺมมหนฺตตาย. ยถา หิ ทุคฺคตมนุสฺสา ยตฺถ กตฺถจิ คนฺตุกามา ขิปฺปเมว นิกฺขมนฺติ, ราชูนํ ปน หตฺถิวาหนกปฺปนาทึ มหนฺตํ ปริกมฺมํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ.
ตํ ทิวสฺเว ปน สตฺถา วฑฺฒมานกจฺฉายาย เวฬุวเน สาวกสนฺนิปาตํ กตฺวา ทฺวินฺนํ เถรานํ อคฺคสาวกฏฺานํ ทตฺวา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ – ‘‘สตฺถา มุโขโลกเนน ภิกฺขํ เทติ, อคฺคสาวกฏฺานํ ททนฺเตน นาม ปมํ ปพฺพชิตานํ ปฺจวคฺคิยานํ ทาตุํ วฏฺฏติ, เอเต อโนโลเกนฺเตน ยสเถรปฺปมุขานํ ปฺจปณฺณาสภิกฺขูนํ ทาตุํ วฏฺฏติ, เอเต อโนโลเกนฺเตน ภทฺทวคฺคิยานํ ¶ ตึสชนานํ, เอเต อโนโลเกนฺเตน อุรุเวลกสฺสปาทีนํ เตภาติกานํ, เอเต ปน เอตฺตเก มหาเถเร ปหาย สพฺพปจฺฉา ปพฺพชิตานํ อคฺคสาวกฏฺานํ ททนฺเตน มุขํ โอโลเกตฺวา ทินฺน’’นฺติ. สตฺถา, ‘‘กึ กเถถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิทํ นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, มุขํ โอโลเกตฺวา ภิกฺขํ เทมิ, เอเตสํ ปน อตฺตนา อตฺตนา ปตฺถิตปตฺถิตเมว เทมิ. อฺาตโกณฺฑฺโ หิ เอกสฺมึ สสฺเส นว วาเร อคฺคสสฺสทานํ ททนฺโต อคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถตฺวา นาทาสิ, อคฺคธมฺมํ ปน อรหตฺตํ สพฺพปมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ ปตฺเถตฺวา อทาสี’’ติ. ‘‘กทา ปน ภควา’’ติ? ‘‘สุณิสฺสถ, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ, ภควา อตีตํ อาหริ –
ภิกฺขเว ¶ , อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสี นาม ภควา โลเก อุทปาทิ. ตทา มหากาโฬ จูฬกาโฬติ ทฺเวภาติกา กุฏุมฺพิกา มหนฺตํ สาลิกฺเขตฺตํ ¶ วปาเปสุํ. อเถกทิวสํ จูฬกาโฬ สาลิกฺเขตฺตํ คนฺตฺวา เอกํ สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา ขาทิ, ตํ อติมธุรํ อโหสิ. โส พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส สาลิคพฺภทานํ ทาตุกาโม หุตฺวา เชฏฺภาติกํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภาติก, สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา พุทฺธานํ อนุจฺฉวิกํ กตฺวา ปจาเปตฺวา ทานํ เทมา’’ติ อาห. ‘‘กึ วเทสิ, ตาต, สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา ทานํ นาม เนว อตีเต ภูตปุพฺพํ, น อนาคเตปิ ภวิสฺสติ, มา สสฺสํ นาสยี’’ติ; วุตฺโตปิ โส ปุนปฺปุนํ ยาจิเยว ¶ . อถ นํ ภาตา, ‘‘เตน หิ สาลิกฺเขตฺตํ ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา มม โกฏฺาสํ อนามสิตฺวา อตฺตโน โกฏฺาเส เขตฺเต ยํ อิจฺฉสิ, ตํ กโรหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ เขตฺตํ วิภชิตฺวา พหู มนุสฺเส หตฺถกมฺมํ ยาจิตฺวา สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา นิรุทเกน ขีเรน ปจาเปตฺวา สปฺปิมธุสกฺขราทีหิ โยเชตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน – ‘‘อิทํ, ภนฺเต, มม อคฺคทานํ อคฺคธมฺมสฺส สพฺพปมํ ปฏิเวธาย สํวตฺตตู’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนมกาสิ.
โส เขตฺตํ คนฺตฺวา โอโลเกนฺโต สกลกฺเขตฺตํ กณฺณิกพทฺเธหิ วิย สาลิสีเสหิ สฺฉนฺนํ ทิสฺวา ปฺจวิธปีตึ ปฏิลภิตฺวา, ‘‘ลาภา วต เม’’ติ จินฺเตตฺวา ปุถุกกาเล ปุถุกคฺคํ นาม อทาสิ, คามวาสีหิ สทฺธึ อคฺคสสฺสทานํ นาม อทาสิ, ลายเน ลายนคฺคํ, เวณิกรเณ เวณคฺคํ, กลาปาทีสุ กลาปคฺคํ, ขลคฺคํ, ขลภณฺฑคฺคํ, โกฏฺคฺคนฺติ. เอวํ เอกสสฺเส นว วาเร อคฺคทานํ อทาสิ. ตสฺส สพฺพวาเรสุ คหิตคหิตฏฺานํ ปริปูริ, สสฺสํ อติเรกํ อุฏฺานสมฺปนฺนํ อโหสิ. ธมฺโม หิ นาเมส อตฺตานํ รกฺขนฺตํ รกฺขติ. เตนาห ภควา –
‘‘ธมฺโม ¶ หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ,
ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;
เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ,
น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติ. (เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒) –
‘‘เอวเมส ¶ วิปสฺสีสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล อคฺคธมฺมํ ปมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ ปตฺเถนฺโต นว วาเร อคฺคทานานิ อทาสิ. อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก ปน หํสวตีนคเร ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธกาเลปิ สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา ตสฺส ภควโต ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา อคฺคธมฺมสฺส ปมํ ปฏิวิชฺฌนตฺถเมว ¶ ปตฺถนํ เปสิ. อิติ อิมินา ปตฺถิตเมว มยา ทินฺนํ, นาหํ, ภิกฺขเว, มุขํ โอโลเกตฺวา เทมี’’ติ.
‘‘ยสกุลปุตฺตปฺปมุขา ปฺจปฺาส ชนา กึ กมฺมํ กรึสุ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เอเตปิ เอกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก อรหตฺตํ ปตฺเถนฺตา พหุํ ปฺุกมฺมํ กตฺวา อปรภาเค อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ สหายกา หุตฺวา วคฺคพนฺธเนน ปฺุานิ กโรนฺตา อนาถมตสรีรานิ ปฏิชคฺคนฺตา วิจรึสุ. เต เอกทิวสํ สคพฺภํ อิตฺถึ กาลกตํ ทิสฺวา, ‘ฌาเปสฺสามา’ติ สุสานํ หรึสุ. เตสุ ปฺจ ชเน ‘ตุมฺเห ฌาเปถา’ติ สุสาเน เปตฺวา เสสา คามํ ปวิฏฺา. ยสทารโก ตํ มตสรีรํ สูเลหิ วิชฺฌิตฺวา ปริวตฺเตตฺวา ปริวตฺเตตฺวา ฌาเปนฺโต อสุภสฺํ ปฏิลภิ, อิตเรสมฺปิ จตุนฺนํ ชนานํ – ‘ปสฺสถ, โภ, อิมํ สรีรํ ตตฺถ ตตฺถ วิทฺธํสิตจมฺมํ, กพรโครูปํ วิย อสุจึ ทุคฺคนฺธํ ปฏิกูล’นฺติ ¶ ทสฺเสสิ. เตปิ ตตฺถ อสุภสฺํ ปฏิลภึสุ. เต ปฺจปิ ชนา คามํ คนฺตฺวา เสสสหายกานํ กถยึสุ. ยโส ปน ทารโก เคหํ คนฺตฺวา มาตาปิตูนฺจ ภริยาย จ กเถสิ. เต สพฺเพปิ อสุภํ ภาวยึสุ. อิทเมเตสํ ปุพฺพกมฺมํ. เตเนว ยสสฺส อิตฺถาคาเร สุสานสฺา อุปฺปชฺชิ, ตาย จ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา สพฺเพสมฺปิ วิเสสาธิคโม นิพฺพตฺติ. เอวํ อิเมปิ อตฺตนา ปตฺถิตเมว ลภึสุ. นาหํ มุขํ โอโลเกตฺวา ทมฺมี’’ติ.
‘‘ภทฺทวคฺคิยสหายกา ปน กึ กมฺมํ กรึสุ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เอเตปิ ปุพฺพพุทฺธานํ สนฺติเก อรหตฺตํ ปตฺเถตฺวา ปฺุานิ กตฺวา อปรภาเค อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ตึส ธุตฺตา หุตฺวา ตุณฺฑิโลวาทํ สุตฺวา สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ ปฺจ สีลานิ รกฺขึสุ. เอวํ อิเมปิ อตฺตนา ปตฺถิตเมว ลภึสุ. นาหํ มุขํ โอโลเกตฺวา ทมฺมี’’ติ.
‘‘อุรุเวลกสฺสปาทโย ปน กึ กมฺมํ กรึสุ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เตปิ อรหตฺตเมว ปตฺเถตฺวา ปฺุานิ กรึสุ. อิโต หิ ทฺเวนวุติกปฺเป ติสฺโส ¶ ผุสฺโสติ ทฺเว พุทฺธา อุปฺปชฺชึสุ. ผุสฺสพุทฺธสฺส มหินฺโท นาม ราชา ปิตา อโหสิ. ตสฺมึ ปน สมฺโพธึ ปตฺเต รฺโ กนิฏฺปุตฺโต ปมอคฺคสาวโก ปุโรหิตปุตฺโต ทุติยอคฺคสาวโก อโหสิ. ราชา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา – ‘เชฏฺปุตฺโต เม พุทฺโธ, กนิฏฺปุตฺโต ปมอคฺคสาวโก, ปุโรหิตปุตฺโต ทุติยอคฺคสาวโก’ติ เต โอโลเกตฺวา, ‘มเมว พุทฺโธ, มเมว ธมฺโม, มเมว สงฺโฆ, นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ¶ , ‘ภนฺเต, อิทานิ เม นวุติวสฺสสหสฺสปริมาณสฺส อายุโน โกฏิยํ นิสีทิตฺวา นิทฺทายนกาโล วิย อฺเสํ เคหทฺวารํ อคนฺตฺวา ยาวาหํ ชีวามิ, ตาว เม จตฺตาโร ปจฺจเย อธิวาเสถา’ติ ¶ ปฏิฺํ คเหตฺวา นิพทฺธํ พุทฺธุปฏฺานํ กโรติ. รฺโ ปน อปเรปิ ตโต ปุตฺตา อเหสุํ. เตสุ เชฏฺสฺส ปฺจ โยธสตานิ ปริวารานิ, มชฺฌิมสฺส ตีณิ, กนิฏฺสฺส ทฺเว. เต ‘มยมฺปิ ภาติกํ โภเชสฺสามา’ติ ปิตรํ โอกาสํ ยาจิตฺวา อลภมานา ปุนปฺปุนํ ยาจนฺตาปิ อลภิตฺวา ปจฺจนฺเต กุปิเต ตสฺส วูปสมนตฺถาย เปสิตา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อาคมึสุ. อถ เน ปิตา อาลิงฺคิตฺวา สีเส จุมฺพิตฺวา, ‘วรํ โว, ตาตา, ทมฺมี’ติ อาห.
‘‘เต ‘สาธุ เทวา’ติ วรํ คหิตกํ กตฺวา ปุน กติปาหจฺจเยน ปิตรา ‘คณฺหถ, ตาตา, วร’นฺติ วุตฺตา, ‘‘เทว, อมฺหากํ อฺเน เกนจิ อตฺโถ นตฺถิ, อิโต ปฏฺาย มยํ ภาติกํ โภเชสฺสาม, อิมํ โน วรํ เทหี’’ติ อาหํสุ. ‘น เทมิ, ตาตา’ติ. ‘นิจฺจกาลํ อเทนฺโต สตฺต สํวจฺฉรานิ เทถ, เทวา’ติ. ‘น เทมิ, ตาตา’ติ. ‘เตน หิ ฉ ปฺจ จตฺตาริ ตีณิ ทฺเว เอกํ สํวจฺฉรํ เทถ, เทวา’ติ. ‘น เทมิ, ตาตา’ติ. ‘เตน หิ, เทว, สตฺต มาเส เทถา’ติ. ‘ฉ มาเส ปฺจ มาเส จตฺตาโร มาเส ตโย มาเส เทถ, เทวา’ติ. ‘น เทมิ, ตาตา’ติ. ‘โหตุ, เทว, เอเกกสฺส โน เอเกกํ มาสํ กตฺวา ตโย มาเส เทถา’ติ. ‘สาธุ, ตาตา, เตน หิ ตโย มาเส โภเชถา’ติ อาห. เต ตุฏฺา ราชานํ วนฺทิตฺวา สกฏฺานเมว คตา. เตสํ ปน ติณฺณมฺปิ เอโกว โกฏฺาคาริโก, เอโกว อายุตฺตโก, ตสฺส ทฺวาทสนหุตา ปุริสปริวารา. เต เต ปกฺโกสาเปตฺวา ¶ , ‘มยํ อิมํ เตมาสํ ทส สีลานิ คเหตฺวา ทฺเว กาสาวานิ ¶ นิวาเสตฺวา สตฺถารา สหวาสํ วสิสฺสาม, ตุมฺเห เอตฺตกํ นาม ทานวตฺตํ คเหตฺวา เทวสิกํ นวุติสหสฺสานํ ภิกฺขูนํ โยธสหสฺสสฺส จ สพฺพํ ขาทนียโภชนียํ ปวตฺเตยฺยาถ. มยฺหิ อิโต ปฏฺาย น กิฺจิ วกฺขามา’ติ วทึสุ.
‘‘เต ตโยปิ ชนา ปริวารสหสฺสํ คเหตฺวา ทส สีลานิ สมาทาย กาสายวตฺถานิ นิวาเสตฺวา วิหาเรเยว วสึสุ. โกฏฺาคาริโก จ อายุตฺตโก จ เอกโต หุตฺวา ติณฺณํ ภาติกานํ โกฏฺาคาเรหิ วาเรน วาเรน ทานวตฺตํ คเหตฺวา ทานํ เทนฺติ, กมฺมการานํ ปน ปุตฺตา ยาคุภตฺตาทีนํ อตฺถาย โรทนฺติ. เต เตสํ ภิกฺขุสงฺเฆ อนาคเตเยว ยาคุภตฺตาทีนิ เทนฺติ. ภิกฺขุสงฺฆสฺส ภตฺตกิจฺจาวสาเน กิฺจิ อติเรกํ น ภูตปุพฺพํ. เต ‘อปรภาเค ทารกานํ เทมา’ติ อตฺตนาปิ คเหตฺวา ขาทึสุ. มนฺุํ อาหารํ ทิสฺวา อธิวาเสตุํ นาสกฺขึสุ. เต ปน จตุราสีติสหสฺสา อเหสุํ. เต สงฺฆสฺส ทินฺนทานวตฺตํ ขาทิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสเย นิพฺพตฺตึสุ. เตภาติกา ปน ปุริสสหสฺเสน สทฺธึ กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทวโลกา มนุสฺสโลกํ, มนุสฺสโลกา เทวโลกํ สํสรนฺตา ทฺเวนวุติกปฺเป เขเปสุํ. ‘เอวํ ¶ เต ตโย ภาตโร อรหตฺตํ ปตฺเถนฺตา ตทา กลฺยาณกมฺมํ กรึสุ. เต อตฺตนา ปตฺถิตเมว ลภึสุ. นาหํ มุขํ โอโลเกตฺวา ทมฺมี’’’ติ.
ตทา ปน ¶ เตสํ อายุตฺตโก พิมฺพิสาโร ราชา อโหสิ, โกฏฺาคาริโก วิสาโข อุปาสโก. ตโย ราชกุมารา ตโย ชฏิลา อเหสุํ. เตสํ กมฺมการา ตทา เปเตสุ นิพฺพตฺติตฺวา สุคติทุคฺคติวเสน สํสรนฺตา อิมสฺมึ กปฺเป จตฺตาริ พุทฺธนฺตรานิ เปตโลเกเยว นิพฺพตฺตึสุ. เต อิมสฺมึ กปฺเป สพฺพปมํ อุปฺปนฺนํ จตฺตาลีสวสฺสสหสฺสายุกํ กกุสนฺธํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อมฺหากํ อาหารํ ลภนกาลํ อาจิกฺขถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘มม ตาว กาเล น ลภิสฺสถ, มม ปจฺฉโต มหาปถวิยา โยชนมตฺตํ อภิรุฬฺหาย โกณาคมโน นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตํ ปุจฺเฉยฺยาถา’’ติ อาห. เต ตตฺตกํ กาลํ เขเปตฺวา ตสฺมึ อุปฺปนฺเน ตํ ปุจฺฉึสุ. โสปิ ‘‘มม กาเล น ลภิสฺสถ, มม ปจฺฉโต มหาปถวิยา โยชนมตฺตํ อภิรุฬฺหาย กสฺสโป นาม ¶ พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตํ ปุจฺเฉยฺยาถา’’ติ อาห. เต ตตฺตกํ กาลํ เขเปตฺวา ตสฺมึ อุปฺปนฺเน ตํ ปุจฺฉึสุ. โสปิ ‘‘มม กาเล น ลภิสฺสถ, มม ปน ปจฺฉโต มหาปถวิยา โยชนมตฺตํ อภิรุฬฺหาย โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตทา ตุมฺหากํ าตโก พิมฺพิสาโร นาม ราชา ภวิสฺสติ, โส สตฺถุ ทานํ ทตฺวา ตุมฺหากํ ปตฺตึ ปาเปสฺสติ, ตทา ลภิสฺสถา’’ติ อาห. เตสํ เอกํ พุทฺธนฺตรํ สฺเวทิวสสทิสํ อโหสิ. เต ตถาคเต อุปฺปนฺเน พิมฺพิสารรฺา ปมทิวสํ ทาเน ทินฺเน ปตฺตึ อลภิตฺวา รตฺติภาเค เภรวสทฺทํ กตฺวา รฺโ อตฺตานํ ทสฺสยึสุ. โส ปุนทิวเส เวฬุวนํ คนฺตฺวา ตถาคตสฺส ¶ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ.
สตฺถา, ‘‘มหาราช, อิโต ทฺเวนวุติกปฺปมตฺถเก ผุสฺสพุทฺธกาเล เอเต ตว าตกา, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทินฺนทานวตฺตํ ขาทิตฺวา เปตโลเก นิพฺพตฺติตฺวา สํสรนฺตา กกุสนฺธาทโย พุทฺเธ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ อิทฺจิทฺจ วุตฺตา เอตฺตกํ กาลํ ตว ทานํ ปจฺจาสีสมานา หิยฺโย ตยา ทาเน ทินฺเน ปตฺตึ อลภมานา เอวมกํสู’’ติ อาห. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อิทานิปิ ทินฺเน ลภิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิโต เตสํ เปตานํ ทิพฺพอนฺนปานํ สมฺปชฺชตู’’ติ ปตฺตึ อทาสิ, เตสํ ตเถว นิพฺพตฺติ. ปุนทิวเส นคฺคา หุตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสุํ. ราชา ‘‘อชฺช, ภนฺเต, นคฺคา หุตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสุ’’นฺติ อาโรเจสิ. ‘‘วตฺถานิ เต น ทินฺนานิ, มหาราชา’’ติ. ราชาปิ ปุนทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส จีวรทานํ ทตฺวา, ‘‘อิโต เตสํ เปตานํ ทิพฺพวตฺถานิ โหนฺตู’’ติ ปาเปสิ. ตงฺขณฺเว เตสํ ทิพฺพวตฺถานิ อุปฺปชฺชึสุ. เต เปตตฺตภาวํ ¶ วิชหิตฺวา ทิพฺพตฺตภาเว สณฺหึสุ. สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺตี’’ติอาทินา (ขุ. ปา. ๗.๑; เป. ว. ๑๔) ติโรกุฏฺฏานุโมทนํ อกาสิ. อนุโมทนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. อิติ สตฺถา เตภาติกชฏิลานํ วตฺถุํ กเถตฺวา อิมมฺปิ ธมฺมเทสนํ อาหริ.
อคฺคสาวกา ปน, ‘‘ภนฺเต, กึ กรึสู’’ติ? ‘‘อคฺคสาวกภาวาย ปตฺถนํ กรึสุ’’. อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺส หิ กปฺปานํ อสงฺขฺเยยฺยสฺส มตฺถเก สาริปุตฺโต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, นาเมน สรทมาณโว ¶ นาม อโหสิ. โมคฺคลฺลาโน คหปติมหาสาลกุเล ¶ นิพฺพตฺติ, นาเมน สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิโก นาม อโหสิ. เต อุโภปิ สหปํสุกีฬกา สหายกา อเหสุํ. เตสุ สรทมาณโว ปิตุ อจฺจเยน กุสลนฺตกํ มหาธนํ ปฏิปชฺชิตฺวา เอกทิวสํ รโหคโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิธโลกตฺตภาวเมว ชานามิ, โน ปรโลกตฺตภาวํ. ชาตสตฺตานฺจ มรณํ นาม ธุวํ, มยา เอกํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา โมกฺขธมฺมคเวสนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สหายกํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘สมฺม สิริวฑฺฒน, อหํ ปพฺพชิตฺวา โมกฺขธมฺมํ คเวสิสฺสามิ, ตฺวํ มยา สทฺธึ ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสิ, น สกฺขิสฺสสี’’ติ? ‘‘น สกฺขิสฺสามิ, สมฺม, ตฺวํเยว ปพฺพชาหี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘ปรโลกํ คจฺฉนฺโต สหาเย วา าติมิตฺเต วา คเหตฺวา คโต นาม นตฺถิ, อตฺตนา กตํ อตฺตโนว โหตี’’ติ. ตโต รตนโกฏฺาคารํ วิวราเปตฺวา กปณทฺธิกวณิพฺพกยาจกานํ มหาทานํ ทตฺวา ปพฺพตปาทํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตสฺส เอโก ทฺเว ตโยติ เอวํ อนุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา ชฏิลา อเหสุํ. โส ปฺจ อภิฺา, อฏฺ จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา เตสํ ชฏิลานํ กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิ. เตปิ สพฺเพ ปฺจ อภิฺา อฏฺ จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสุํ.
เตน สมเยน อโนมทสฺสี นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุทปาทิ. นครํ จนฺทวตี นาม อโหสิ, ปิตา ยสวา นาม ขตฺติโย, มาตา ยโสธรา นาม เทวี, โพธิ อชฺชุนรุกฺโข, นิสโภ จ อโนโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นาม อุปฏฺาโก, สุนฺทรา จ สุมนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา อเหสุํ. อายุ วสฺสสตสหสฺสํ อโหสิ, สรีรํ อฏฺปฺาสหตฺถุพฺเพธํ ¶ , สรีรปฺปภา ทฺวาทสโยชนํ ผริ, ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร อโหสิ. โส เอกทิวสํ ปจฺจูสกาเล มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต สรทตาปสํ ทิสฺวา, ‘‘อชฺช มยฺหํ สรทตาปสสฺสํ สนฺติกํ คตปจฺจเยน ธมฺมเทสนา จ มหตี ภวิสฺสติ, โส จ อคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถสฺสติ, ตสฺส สหายโก สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิโก ทุติยสาวกฏฺานํ, เทสนาปริโยสาเน ¶ จสฺส ปริวารา จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา ชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ, มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย อฺํ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา สีโห วิย เอกจโร หุตฺวา สรทตาปสสฺส ¶ อนฺเตวาสิเกสุ ผลาผลตฺถาย คเตสุ ‘‘พุทฺธภาวํ เม ชานาตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ปสฺสนฺตสฺเสว สรทตาปสสฺส อากาสโต โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาสิ. สรทตาปโส พุทฺธานุภาวฺเจว สรีรนิปฺผตฺติฺจสฺส ทิสฺวา ลกฺขณมนฺเต สมฺมสิตฺวา ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต นาม อคารมชฺเฌ วสนฺโต ราชา โหติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชนฺโต โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท สพฺพฺุพุทฺโธ โหติ. อยํ ปุริโส นิสฺสํสยํ พุทฺโธ’’ติ ชานิตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อคฺคาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อคฺคาสเน. สรทตาปโสปิ อตฺตโน อนุจฺฉวิกํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย จตุสตฺตติสหสฺสชฏิลา ปณีตปณีตานิ โอชวนฺตานิ ผลาผลานิ คเหตฺวา อาจริยสฺส สนฺติกํ สมฺปตฺตา พุทฺธานฺเจว อาจริยสฺส จ นิสินฺนาสนํ โอโลเกตฺวา อาหํสุ – ‘‘อาจริย ¶ , มยํ ‘อิมสฺมึ โลเก ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร นตฺถี’ติ วิจราม, อยํ ปน ปุริโส ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร มฺเ’’ติ? ‘‘ตาตา, กึ วเทถ, สาสเปน สทฺธึ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสุพฺเพธํ สิเนรุํ สมํ กาตุํ อิจฺฉถ, สพฺพฺุพุทฺเธน สทฺธึ มมํ อุปมํ มา กริตฺถ ปุตฺตกา’’ติ. อถ เต ตาปสา, ‘‘สจายํ อิตฺตรสตฺโต อภวิสฺส, อมฺหากํ อาจริโย น เอวรูปํ อุปมํ อาหริสฺส, ยาว มหา วตายํ ปุริโส’’ติ สพฺเพว ปาเทสุ นิปติตฺวา สิรสา วนฺทึสุ. อถ เน อาจริโย อาห – ‘‘ตาตา, อมฺหากํ พุทฺธานํ อนุจฺฉวิโก เทยฺยธมฺโม นตฺถิ, สตฺถา จ ภิกฺขาจารเวลายํ อิธาคโต, มยํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ เทยฺยธมฺมํ ทสฺสาม, ตุมฺเห ยํ ยํ ปณีตํ ผลาผลํ, ตํ ตํ อาหรถา’’ติ อาหราเปตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา สยํ ตถาคตสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปสิ. สตฺถารา ผลาผเล ปฏิคฺคหิตมตฺเต เทวตา ทิพฺโพชํ ปกฺขิปึสุ. โส ตาปโส อุทกมฺปิ สยเมว ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิ. ตโต ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา นิสินฺเน สตฺถริ สพฺเพ อนฺเตวาสิเก ปกฺโกสิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สารณียกถํ กเถนฺโต นิสีทิ. สตฺถา ‘‘ทฺเว อคฺคสาวกา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อาคจฺฉนฺตู’’ติ จินฺเตสิ. เต สตฺถุ จิตฺตํ ตฺวา สตสหสฺสขีณาสวปริวารา อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ.
ตโต ¶ สรทตาปโส ¶ อนฺเตวาสิเก อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา, พุทฺธานํ นิสินฺนาสนมฺปิ นีจํ, สมณสตสหสฺสานมฺปิ อาสนํ นตฺถิ, อชฺช ตุมฺเหหิ อุฬารํ พุทฺธสกฺการํ กาตุํ วฏฺฏติ, ปพฺพตปาทโต วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหรถา’’ติ. กถนกาโล ปปฺโจ วิย โหติ, อิทฺธิมโต ¶ ปน อิทฺธิวิสโย อจินฺเตยฺโยติ มุหุตฺตมตฺเตเนว เต ตาปสา วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหริตฺวา พุทฺธานํ โยชนปฺปมาณํ ปุปฺผาสนํ ปฺาเปสุํ. อุภินฺนํ อคฺคสาวกานํ ติคาวุตํ, เสสภิกฺขูนํ อฑฺฒโยชนิกาทิเภทํ, สงฺฆนวกสฺส อุสภมตฺตํ อโหสิ. ‘‘กถํ เอกสฺมึ อสฺสมปเท ตาว มหนฺตานิ อาสนานิ ปฺตฺตานี’’ติ น จินฺเตตพฺพํ. อิทฺธิวิสโย เหส. เอวํ ปฺตฺเตสุ อาสเนสุ สรทตาปโส ตถาคตสฺส ปุรโต อฺชลึ ปคฺคยฺห ิโต, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อิมํ ปุปฺผาสนํ อภิรุหถา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘นานาปุปฺผฺจ คนฺธฺจ, สมฺปาเทตฺวาน เอกโต;
ปุปฺผาสนํ ปฺาเปตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘‘อิทํ เม อาสนํ วีร, ปฺตฺตํ ตวนุจฺฉวึ;
มม จิตฺตํ ปสาเทนฺโต, นิสีท ปุปฺผมาสเน.
‘‘สตฺตรตฺตินฺทิวํ พุทฺโธ, นิสีทิ ปุปฺผมาสเน;
มม จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, หาสยิตฺวา สเทวเก’’ติ.
เอวํ นิสินฺเน สตฺถริ ทฺเว อคฺคสาวกา เสสภิกฺขู จ ¶ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทึสุ. สรทตาปโส มหนฺตํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ คเหตฺวา ตถาคตสฺส มตฺถเก ธาเรนฺโต อฏฺาสิ. สตฺถา ‘‘ชฏิลานํ อยํ สกฺกาโร มหปฺผโล โหตู’’ติ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. สตฺถุ สมาปตฺตึ สมาปนฺนภาวํ ตฺวา ทฺเว อคฺคสาวกาปิ เสสภิกฺขูปิ สมาปตฺตึ สมาปชฺชึสุ. ตถาคเต สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺเน อนฺเตวาสิกา ภิกฺขาจารกาเล สมฺปตฺเต วนมูลผลาผลํ ปริภฺุชิตฺวา เสสกาเล พุทฺธานํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ติฏฺนฺติ. สรทตาปโส ปน ภิกฺขาจารมฺปิ อคนฺตฺวา ปุปฺผจฺฉตฺตํ ธารยมาโนว สตฺตาหํ ปีติสุเขน วีตินาเมสิ. สตฺถา นิโรธโต วุฏฺาย ทกฺขิณปสฺเส นิสินฺนํ ปมอคฺคสาวกํ นิสภตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘นิสภ, สกฺการการกานํ ¶ ตาปสานํ ปุปฺผาสนานุโมทนํ กโรหี’’ติ. เถโร จกฺกวตฺติรฺโ สนฺติกา ปฏิลทฺธมหาลาโภ มหาโยโธ วิย ตุฏฺมานโส สาวกปารมิาเณ ตฺวา ปุปฺผาสนานุโมทนํ อารภิ. ตสฺส เทสนาวสาเน ทุติยสาวกํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตฺวมฺปิ ภิกฺขุ ธมฺมํ เทเสหี’’ติ. อโนมตฺเถโร เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สมฺมสิตฺวา ธมฺมํ กเถสิ. ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ เทสนาย เอกสฺสาปิ อภิสมโย นาโหสิ. อถ สตฺถา อปริมาเณ พุทฺธวิสเย ตฺวา ธมฺมเทสนํ อารภิ. เทสนาปริโยสาเน เปตฺวา สรทตาปสํ สพฺเพปิ จตุสตฺตติสหสฺสชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ ¶ , สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. เตสํ ตาวเทว เกสมสฺสูนิ อนฺตรธายึสุ, อฏฺปริกฺขารา กาเย ปฏิมุกฺกาว อเหสุํ.
สรทตาปโส ‘‘กสฺมา อรหตฺตํ น ปตฺโต’’ติ? วิกฺขิตฺตจิตฺตตฺตา. โส กิร พุทฺธานํ ทุติยาสเน ¶ นิสีทิตฺวา สาวกปารมิาเณ ตฺวา ธมฺมํ เทสยโต อคฺคสาวกสฺส ธมฺมเทสนํ โสตุํ อารทฺธกาลโต ปฏฺาย, ‘‘อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อุปฺปชฺชนกพุทฺธสฺส สาสเน อิมินา สาวเกน ปฏิลทฺธธุรํ ลเภยฺย’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. โส เตน ปริวิตกฺเกน มคฺคผลปฏิเวธํ กาตุํ นาสกฺขิ. ตถาคตํ ปน วนฺทิตฺวา สมฺมุเข ตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ อนนฺตราสเน นิสินฺโน ภิกฺขุ ตุมฺหากํ สาสเน โก นาม โหตี’’ติ? ‘‘มยา ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกํ อนุปวตฺเตนฺโต สาวกปารมิาณสฺส โกฏิปฺปตฺโต โสฬส ปฺา ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิโต มยฺหํ สาสเน อคฺคสาวโก นิสโภ นาม เอโส’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ยฺวายํ มยา สตฺตาหํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ ธาเรนฺเตน สกฺกาโร กโต, อหํ อิมสฺส ผเลน อฺํ สกฺกตฺตํ วา พฺรหฺมตฺตํ วา น ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน อยํ นิสภตฺเถโร วิย เอกสฺส พุทฺธสฺส อคฺคสาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสินฺติ. สตฺถา ‘‘สมชฺฌิสฺสติ นุ โข อิมสฺส ปุริสสฺส ปตฺถนา’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา โอโลเกนฺโต กปฺปสตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา สมิชฺฌนภาวํ อทฺทส. ทิสฺวาน สรทตาปสํ อาห – ‘‘น เต อยํ ปตฺถนา โมฆา ภวิสฺสติ, อนาคเต ปน กปฺปสตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส มาตา มหามายา ¶ นาม เทวี ภวิสฺสติ, ปิตา สุทฺโธทโน นาม มหาราชา, ปุตฺโต ราหุโล นาม, อุปฏฺาโก อานนฺโท นาม, ทุติยอคฺคสาวโก โมคฺคลฺลาโน นาม, ตฺวํ ปนสฺส ปมอคฺคสาวโก ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต นาม ภวิสฺสสี’’ติ ¶ . เอวํ ตาปสํ พฺยากริตฺวา ธมฺมกถํ กเถตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อากาสํ ปกฺขนฺทิ.
สรทตาปโสปิ อนฺเตวาสิกตฺเถรานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สหายกสฺส สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิกสฺส สาสนํ เปเสสิ, ‘‘ภนฺเต, มม สหายกสฺส วเทถ, สหายเกน เต สรทตาปเสน อโนมทสฺสีพุทฺธสฺส ปาทมูเล อนาคเต อุปฺปชฺชนกสฺส โคตมพุทฺธสฺส สาสเน ปมอคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺถิตํ, ตฺวํ ทุติยอคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถหี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา เถเรหิ ปุเรตรเมว เอกปสฺเสน คนฺตฺวา สิริวฑฺฒนสฺส นิเวสนทฺวาเร อฏฺาสิ. สิริวฑฺฒโน ‘‘จิรสฺสํ วต เม อยฺโย อาคโต’’ติ อาสเน นิสีทาเปตฺวา อตฺตนา นีจาสเน นิสินฺโน, ‘‘อนฺเตวาสิกปริสา ปน โว, ภนฺเต, น ปฺายตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สมฺม, อมฺหากํ อสฺสมํ อโนมทสฺสี พุทฺโธ อาคโต, มยํ ตสฺส อตฺตโน พเลน สกฺการํ อกริมฺหา, สตฺถา สพฺเพสํ ¶ ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาปริโยสาเน เปตฺวา มํ เสสา อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชึสุ. อหํ สตฺถุ ปมอคฺคสาวกํ นิสภตฺเถรํ ทิสฺวา อนาคเต อุปฺปชฺชนกสฺส โคตมพุทฺธสฺส นาม สาสเน ปมอคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถสึ, ตฺวมฺปิ ตสฺส สาสเน ทุติยอคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถหี’’ติ. ‘‘มยฺหํ พุทฺเธหิ สทฺธึ ปริจโย นตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘พุทฺเธหิ สทฺธึ กถนํ มยฺหํ ภาโร โหตุ, ตฺวํ มหนฺตํ สกฺการํ สชฺเชหี’’ติ.
สิริวฑฺฒโน ตสฺส วจนํ สุตฺวา อตฺตโน นิเวสนทฺวาเร ราชมาเนน อฏฺกรีสมตฺตํ านํ สมตลํ กาเรตฺวา วาลุกํ โอกิราเปตฺวา ¶ ลาชปฺจมานิปุปฺผานิ วิกิราเปตฺวา นีลุปฺปลจฺฉทนํ มณฺฑปํ กาเรตฺวา พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา เสสภิกฺขูนมฺปิ อาสนานิ ปฏิยาเทตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ สชฺเชตฺวา พุทฺธานํ นิมนฺตนตฺถาย สรทตาปสสฺส สฺํ อทาสิ. ตาปโส พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา ตสฺส นิเวสนํ อคมาสิ. สิริวฑฺฒโนปิ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ตถาคตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา มณฺฑปํ ปเวเสตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสินฺนสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทกฺขิโณทกํ ¶ ทตฺวา ปณีเตน โภชเนน ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ มหารเหหิ วตฺเถหิ อจฺฉาเทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นายํ อารพฺโภ อปฺปมตฺตกฏฺานตฺถาย, อิมินาว นิยาเมน สตฺตาหํ อนุกมฺปํ กโรถา’’ติ อาห. สตฺถา อธิวาเสสิ. โส เตเนว นิยาเมน สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ิโต อาห – ‘‘ภนฺเต, มม สหาโย สรทตาปโส ยสฺส สตฺถุสฺส ปมอคฺคสาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺเถสิ, อหมฺปิ ‘‘ตสฺเสว ทุติยอคฺคสาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺเถมีติ.
สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา พฺยากาสิ – ‘‘ตฺวํ อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โคตมพุทฺธสฺส ทุติยอคฺคสาวโก ภวิสฺสสี’’ติ. พุทฺธานํ พฺยากรณํ สุตฺวา สิริวฑฺฒโน หฏฺปหฏฺโ อโหสิ. สตฺถาปิ ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา สปริวาโร วิหารเมว คโต. ‘‘อยํ, ภิกฺขเว, มม ปุตฺเตหิ ตทา ปตฺถิตปตฺถนา. เต ยถาปตฺถิตเมว ลภึสุ. นาหํ มุขํ โอโลเกตฺวา เทมี’’ติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต ทฺเว อคฺคสาวกา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยํ อคาริยภูตา สมานา คิรคฺคสมชฺชํ ทสฺสนาย คตา’’ติ ยาว อสฺสชิตฺเถรสฺส สนฺติกา โสตาปตฺติผลปฏิเวธา สพฺพํ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุํ กเถตฺวา, ‘‘เต มยํ, ภนฺเต, อาจริยสฺส สฺจยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ตุมฺหากํ ปาทมูเล อาเนตุกามา ตสฺส ลทฺธิยา นิสฺสารภาวํ กเถตฺวา อิธาคมเน อานิสํสํ กถยิมฺหา. โส อิทานิ มยฺหํ อนฺเตวาสิกวาโส นาม จาฏิยา อุทฺจนภาวปฺปตฺติสทิโส, น สกฺขิสฺสามิ ¶ อนฺเตวาสิวาสํ วสิตุ’’นฺติ วตฺวา, ‘‘อาจริย, อิทานิ มหาชโน คนฺธมาลาทิหตฺโถ คนฺตฺวา สตฺถารเมว ปูเชสฺสติ, ตุมฺเห กถํ ภวิสฺสถา’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ ปน อิมสฺมึ โลเก ปณฺฑิตา พหู, อุทาหุ ทนฺธา’’ติ? ‘‘ทนฺธา’’ติ กถิเต ‘‘เตน หิ ปณฺฑิตา ปณฺฑิตสฺส สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คมิสฺสนฺติ, ทนฺธา ทนฺธสฺส มม สนฺติกํ อาคมิสฺสนฺติ, คจฺฉถ ตุมฺเห’’ติ วตฺวา ‘‘อาคนฺตุํ น อิจฺฉิ, ภนฺเต’’ติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, สฺจโย อตฺตโน มิจฺฉาทิฏฺิตาย อสารํ สาโรติ, สารฺจ อสาโรติ คณฺหิ. ตุมฺเห ปน อตฺตโน ปณฺฑิตตาย สารฺจ สารโต, อสารฺจ อสารโต ตฺวา อสารํ ปหาย สารเมว คณฺหิตฺถา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อสาเร ¶ สารมติโน, สาเร จาสารทสฺสิโน;
เต สารํ นาธิคจฺฉนฺติ, มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา.
‘‘สารฺจ ¶ สารโต ตฺวา, อสารฺจ อสารโต;
เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ, สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา’’ติ.
ตตฺถ อสาเร สารมติโนติ จตฺตาโร ปจฺจยา, ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฏฺิ, ตสฺสา อุปนิสฺสยภูตา ธมฺมเทสนาติ อยํ อสาโร นาม, ตสฺมึ สารทิฏฺิโนติ อตฺโถ. สาเร จาสารทสฺสิโนติ ทสวตฺถุกา สมฺมาทิฏฺิ, ตสฺสา อุปนิสฺสยภูตา ธมฺมเทสนาติ อยํ สาโร นาม, ตสฺมึ ‘‘นายํ สาโร’’ติ อสารทสฺสิโน. เต สารนฺติ เต ปน ตํ มิจฺฉาทิฏฺิคฺคหณํ คเหตฺวา ิตา กามวิตกฺกาทีนํ วเสน มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา หุตฺวา สีลสารํ, สมาธิสารํ, ปฺาสารํ, วิมุตฺติสารํ, วิมุตฺติาณทสฺสนสารํ, ‘‘ปรมตฺถสารํ, นิพฺพานฺจ นาธิคจฺฉ’’นฺติ. สารฺจาติ ตเมว สีลสาราทิสารํ ‘‘สาโร นามาย’’นฺติ, วุตฺตปฺปการฺจ อสารํ ‘‘อสาโร อย’’นฺติ ตฺวา. เต สารนฺติ เต ปณฺฑิตา เอวํ สมฺมาทสฺสนํ คเหตฺวา ิตา เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทีนํ วเสน สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา หุตฺวา ตํ วุตฺตปฺปการํ สารํ อธิคจฺฉนฺตีติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. สนฺนิปติตานํ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. นนฺทตฺเถรวตฺถุ
ยถา ¶ ¶ อคารนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ นนฺทํ อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถา หิ ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วิหรนฺโต – ‘‘ปุตฺตํ เม อาเนตฺวา ทสฺเสถา’’ติ สุทฺโธทนมหาราเชน เปสิตานํ สหสฺสสหสฺสปริวารานํ ทสนฺนํ ทูตานํ สพฺพปจฺฉโต คนฺตฺวา อรหตฺตปฺปตฺเตน กาฬุทายิตฺเถเรน คมนกาลํ ตฺวา มคฺควณฺณํ วณฺเณตฺวา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ¶ กปิลปุรํ นีโต าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ อตฺถุปฺปตฺตึ กตฺวา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถตฺวา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ, ‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๘) คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา, ‘‘ธมฺมฺจเร’’ติ (ธ. ป. ๑๖๙) คาถาย มหาปชาปตึ โสตาปตฺติผเล, ราชานฺจ สกทาคามิผเล ปติฏฺาเปสิ. ภตฺตกิจฺจาวสาเน ปน ราหุลมาตุคุณกถํ นิสฺสาย จนฺทกินฺนรีชาตกํ (ชา. ๑.๑๔.๑๘ อาทโย) กเถตฺวา ตโต ตติยทิวเส นนฺทกุมารสฺส อภิเสกเคหปฺปเวสนวิวาหมงฺคเลสุ ปวตฺตมาเนสุ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา นนฺทกุมารสฺส หตฺเถ ปตฺตํ ทตฺวา มงฺคลํ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมนฺโต นนฺทกุมารสฺส หตฺถโต ปตฺตํ น คณฺหิ. โสปิ ตถาคตคารเวน ‘‘ปตฺตํ โว, ภนฺเต, คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ นาสกฺขิ. เอวํ ปน จินฺเตสิ – ‘‘โสปานสีเส ปตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺมิมฺปิ าเน น คณฺหิ. อิตโร ‘‘โสปานปาทมูเล คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตตฺถาปิ น ¶ คณฺหิ. อิตโร ‘‘ราชงฺคเณ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิ. กุมาโร นิวตฺติตุกาโม อรุจิยา คจฺฉนฺโต สตฺถุคารเวน ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ น สกฺโกติ. ‘‘อิธ คณฺหิสฺสติ, เอตฺถ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต คจฺฉติ.
ตสฺมึ ขเณ อฺา อิตฺถิโย ตํ ทิสฺวา ชนปทกลฺยาณิยา อาจิกฺขึสุ – ‘‘อยฺเย, ภควา นนฺทกุมารํ คเหตฺวา คโต, ตุมฺเหหิ ตํ วินา กริสฺสตี’’ติ. สา อุทกพินฺทูหิ ปคฺฆรนฺเตเหว อฑฺฒุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ เวเคน คนฺตฺวา, ‘‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห. ตํ ตสฺสา วจนํ ตสฺส หทเย ติริยํ ปติตฺวา วิย ิตํ. สตฺถาปิสฺส หตฺถโต ปตฺตํ อคฺคณฺหิตฺวาว ตํ วิหารํ เนตฺวา, ‘‘ปพฺพชิสฺสสิ นนฺทา’’ติอาห. โส พุทฺธคารเวน ‘‘น ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อวตฺวา, ‘‘อาม, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เตน หิ นนฺทํ ปพฺพาเชถา’’ติ อาห. สตฺถา กปิลปุรํ คนฺตฺวา ตติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสิ.
สตฺตเม ¶ ทิวเส ราหุลมาตา กุมารํ อลงฺกริตฺวา ภควโต สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘ปสฺส, ตาต, เอตํ วีสติสหสฺสสมณปริวุตํ สุวณฺณวณฺณํ พฺรหฺมรูปิวณฺณํ สมณํ, อยํ เต ปิตา, เอตสฺส มหนฺตา นิธิกุมฺภิโย อเหสุํ. ตฺยาสฺส นิกฺขมนโต ปฏฺาย น ปสฺสาม, คจฺฉ นํ ทายชฺชํ ยาจสฺสุ – ‘อหํ ¶ , ตาต, กุมาโร, อภิเสกํ ปตฺวา จกฺกวตฺตี ภวิสฺสามิ, ธเนน เม อตฺโถ, ธนํ เม เทหิ. สามิโก หิ ปุตฺโต ปิตุสนฺตกสฺสา’’’ติ. กุมาโร ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวาว ปิตุสิเนหํ ปฏิลภิตฺวา หฏฺจิตฺโต ‘‘สุขา เต, สมณ, ฉายา’’ติ วตฺวา อฺมฺปิ ¶ พหุํ อตฺตโน อนุรูปํ วทนฺโต อฏฺาสิ. ภควา กตภตฺตกิจฺโจ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. กุมาโรปิ ‘‘ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหิ, ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหี’’ติ ภควนฺตํ อนุพนฺธิ. ภควาปิ กุมารํ น นิวตฺตาเปสิ. ปริชโนปิ ภควตา สทฺธึ คจฺฉนฺตํ นิวตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อิติ โส ภควตา สทฺธึ อารามเมว อคมาสิ.
ตโต ภควา จินฺเตสิ – ‘‘ยํ อยํ ปิตุสนฺตกํ ธนํ อิจฺฉติ, ตํ วฏฺฏานุคตํ สวิฆาตํ, หนฺทสฺส โพธิตเล ปฏิลทฺธํ สตฺตวิธํ อริยธนํ เทมิ, โลกุตฺตรทายชฺชสฺส นํ สามิกํ กโรมี’’ติ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชหี’’ติ. เถโร กุมารํ ปพฺพาเชสิ. ปพฺพชิเต จ ปน กุมาเร รฺโ อธิมตฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชิ. ตํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ภควโต นิเวเทตฺวา, ‘‘สาธุ, ภนฺเต, อยฺยา, มาตาปิตูหิ อนนฺุาตํ ปุตฺตํ น ปพฺพาเชยฺยุ’’นฺติ วรํ ยาจิ. ภควา ตสฺส ตํ วรํ ทตฺวา ปุเนกทิวสํ ราชนิเวสเน กตปาตราโส เอกมนฺตํ นิสินฺเนน รฺา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทุกฺกรการิกกาเล เอกา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘ปุตฺโต เต กาลกโต’ติ อาห. อหํ ตสฺสา วจนํ อสทฺทหนฺโต ‘น มยฺหํ ปุตฺโต โพธึ อปฺปตฺวา กาลํ กโรตี’ติ ปฏิกฺขิปิ’’นฺติ วุตฺเต – ‘‘อิทานิ กึ สทฺทหิสฺสถ, ปุพฺเพปิ อฏฺิกานิ ทสฺเสตฺวา, ‘ปุตฺโต เต มโต’ติ วุตฺเต น สทฺทหิตฺวา’’ติ อิมิสฺสา อตฺถุปฺปตฺติยา มหาธมฺมปาลชาตกํ (ชา. ๑.๑๐.๙๒ อาทโย) กเถสิ. คาถาปริโยสาเน ราชา อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. อิติ ภควา ปิตรํ ตีสุ ผเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ¶ ปุนเทว ราชคหํ คนฺตฺวา ตโต อนาถปิณฺฑิเกน สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย คหิตปฏิฺโ นิฏฺิเต เชตวเน วิหาเร ตตฺถ คนฺตฺวา วาสํ กปฺเปสิ.
เอวํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต อายสฺมา นนฺโท อุกฺกณฺิตฺวา ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิ – ‘‘อนภิรโต อหํ, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ จรามิ, น ¶ สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’ติ. ภควา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ปกฺโกสาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, นนฺท, สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ เอวํ อาโรเจสิ ¶ – ‘อนภิรโต, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ จรามิ, น สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กิสฺส ปน ตฺวํ, นนฺท, อนภิรโต พฺรหฺมจริยํ จรสิ, น สกฺโกสิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสสี’’ติ? ‘‘สากิยานี มํ, ภนฺเต, ชนปทกลฺยาณี ฆรา นิกฺขมนฺตสฺส อฑฺฒุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ อปโลเกตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’ติ, โส โข อหํ, ภนฺเต, ตํ อนุสฺสรมาโน อนภิรโต พฺรหฺมจริยํ จรามิ, น สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’ติ.
อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ พาหายํ คเหตฺวา อิทฺธิพเลน ตาวตึสเทวโลกํ อาเนนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกสฺมึ ฌามกฺเขตฺเต ฌามขาณุเก นิสินฺนํ ฉินฺนกณฺณนาสนงฺคุฏฺํ เอกํ ปลุฏฺมกฺกฏึ ทสฺเสตฺวา ตาวตึสภวเน สกฺกสฺส เทวรฺโ อุปฏฺานํ อาคตานิ กกุฏปาทานิ ปฺจ อจฺฉราสตานิ ทสฺเสสิ. กกุฏปาทานีติ ¶ รตฺตวณฺณตาย ปาเรวตปาทสทิสปาทานิ. ทสฺเสตฺวา จ ปนาห – ‘‘ตํ กึ มฺสิ, นนฺท, กตมา นุ โข อภิรูปตรา วา ทสฺสนียตรา วา ปาสาทิกตรา วา สากิยานี วา ชนปทกลฺยาณี, อิมานิ วา ปฺจ อจฺฉราสตานิ กกุฏปาทานี’’ติ? ตํ สุตฺวา อาห – ‘‘เสยฺยถาปิ สา, ภนฺเต, ฉินฺนกณฺณนาสนงฺคุฏฺา ปลุฏฺมกฺกฏี, เอวเมว โข, ภนฺเต, สากิยานี ชนปทกลฺยาณี, อิเมสํ ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ อุปนิธาย สงฺขฺยมฺปิ น อุเปติ, กลมฺปิ น อุเปติ, กลภาคมฺปิ น อุเปติ. อถ โข อิมาเนว ปฺจ อจฺฉราสตานิ อภิรูปตรานิ เจว ทสฺสนียตรานิ จ ปาสาทิกตรานิ จา’’ติ. ‘‘อภิรม, นนฺท, อภิรม, นนฺท, อหํ เต ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทาน’’นฺติ. ‘‘สเจ เม, ภนฺเต ภควา, ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทานํ, อภิรมิสฺสามหํ, ภนฺเต, ภควติ พฺรหฺมจริเย’’ติ.
อถ ¶ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ คเหตฺวา ตตฺถ อนฺตรหิโต เชตวเนเยว ปาตุรโหสิ. อสฺโสสุํ โข ภิกฺขู, ‘‘อายสฺมา กิร นนฺโท ภควโต ภาตา มาตุจฺฉาปุตฺโต อจฺฉรานํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรติ. ภควา กิรสฺส ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทาน’’นฺติ. อถ โข อายสฺมโต นนฺทสฺส สหายกา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ภตกวาเทน จ อุปกฺกิตกวาเทน จ สมุทาจรนฺติ, ‘‘ภตโก กิรายสฺมา นนฺโท, อุปกฺกิตโก กิรายสฺมา นนฺโท, อจฺฉรานํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรติ. ภควา กิรสฺส ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทาน’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา นนฺโท สหายกานํ ภิกฺขูนํ ¶ ภตกวาเทน จ อุปกฺกิตกวาเทน จ อฏฺฏิยมาโน หรายมาโน ชิคุจฺฉมาโน ¶ เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต น จิรสฺเสว ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ, ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ โข ปนายสฺมา นนฺโท อรหตํ อโหสิ.
อเถกา เทวตา รตฺติภาเค สกลํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อาโรเจสิ – ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, นนฺโท ภควโต ภาตา มาตุจฺฉาปุตฺโต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ. ภควโตปิ โข าณํ อุทปาทิ ‘‘นนฺโท อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ. โสปายสฺมา นนฺโท ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘ยํ เม, ภนฺเต, ภควา ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทานํ, มฺุจามหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ เอตสฺมา ปฏิสฺสวา’’ติ. ‘‘มยาปิ โข เต, นนฺท, เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต ‘นนฺโท อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ¶ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ. เทวตาปิ เม เอตมตฺถํ อาโรเจสิ – ‘อายสฺมา, ภนฺเต, นนฺโท อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ. ยเทว โข เต, นนฺท, อนุปาทาย อาสเวหิ ¶ จิตฺตํ วิมุตฺตํ, อถาหํ มุตฺโต เอตสฺมา ปฏิสฺสวา’’ติ. อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘ยสฺส นิตฺติณฺโณ ปงฺโก, มทฺทิโต กามกณฺฏโก;
โมหกฺขยํ อนุปฺปตฺโต, สุขทุกฺเขสุ น เวธตี ส ภิกฺขู’’ติ. (อุทา. ๒๒);
อเถกทิวสํ ภิกฺขู ตํ อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘อาวุโส นนฺท, ปุพฺเพ ตฺวํ ‘อุกฺกณฺิโตมี’ติ วเทสิ, อิทานิ เต กถ’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ เม, อาวุโส, คิหิภาวาย อาลโย’’ติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู – ‘‘อภูตํ อายสฺมา นนฺโท กเถติ, อฺํ พฺยากโรติ, อตีตทิวเสสุ ‘อุกฺกณฺิโตมฺหี’ติ วตฺวา อิทานิ ‘นตฺถิ เม คิหิภาวาย อาลโย’ติ กเถตี’’ติ คนฺตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ภควา ‘‘ภิกฺขเว, อตีตทิวเสสุ นนฺทสฺส อตฺตภาโว ทุจฺฉนฺนเคหสทิโส อโหสิ, อิทานิ สุจฺฉนฺนเคหสทิโส ชาโต. อยฺหิ ทิพฺพจฺฉรานํ ¶ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย ปพฺพชิตกิจฺจสฺส มตฺถกํ ปาเปตุํ ¶ วายมนฺโต ตํ กิจฺจํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ยถา อคารํ ทุจฺฉนฺนํ, วุฏฺี สมติวิชฺฌติ;
เอวํ อภาวิตํ จิตฺตํ, ราโค สมติวิชฺฌติ.
‘‘ยถา อคารํ สุจฺฉนฺนํ, วุฏฺี น สมติวิชฺฌติ;
เอวํ สุภาวิตํ จิตฺตํ, ราโค น สมติวิชฺฌตี’’ติ.
ตตฺถ อคารนฺติ ยํกิฺจิ เคหํ. ทุจฺฉนฺนนฺติ วิรฬจฺฉนฺนํ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ. สมติวิชฺฌตีติ วสฺสวุฏฺิ วินิวิชฺฌติ. อภาวิตนฺติ ตํ อคารํ วุฏฺิ วิย ภาวนาย รหิตตฺตา อภาวิตํ จิตฺตํ ราโค สมติ วิชฺฌติ. น เกวลํ ราโคว, โทสโมหมานาทโย สพฺพกิเลสา ตถารูปํ จิตฺตํ อติวิย วิชฺฌนฺติเยว. สุภาวิตนฺติ สมถวิปสฺสนาภาวนาหิ สุภาวิตํ. เอวรูปํ จิตฺตํ สุจฺฉนฺนํ เคหํ วุฏฺิ วิย ราคาทโย กิเลสา อติวิชฺฌิตุํ น สกฺโกนฺตีติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. มหาชนสฺส เทสนา สาตฺถิกา อโหสิ.
อถ โข ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, พุทฺธา นาม อจฺฉริยา, ชนปทกลฺยาณึ นิสฺสาย อุกฺกณฺิโต นามายสฺมา นนฺโท ¶ สตฺถารา เทวจฺฉรา อามิสํ กตฺวา วินีโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ¶ , ปุพฺเพเปส มยา มาตุคาเมน ปโลเภตฺวา วินีโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิวาสี กปฺปโฏ นาม วาณิโช อโหสิ. ตสฺเสโก คทฺรโภ กุมฺภภารํ วหติ, เอกทิวเสน สตฺต โยชนานิ คจฺฉติ. โส เอกสฺมึ สมเย คทฺรภภารเกหิ สทฺธึ ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ยาว ภณฺฑสฺส วิสฺสชฺชนํ, ตาว คทฺรภํ จริตุํ วิสฺสชฺเชสิ. อถสฺส โส คทฺรโภ ปริขาปิฏฺเ จรมาโน เอกํ คทฺรภึ ทิสฺวา อุปสงฺกมิ. สา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺตี อาห – ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ? ‘‘พาราณสิโต’’ติ. ‘‘เกน กมฺเมนา’’ติ? ‘‘วาณิชฺชกมฺเมนา’’ติ. ‘‘กิตฺตกํ ภารํ วหสี’’ติ ¶ ? ‘‘กุมฺภภาร’’นฺติ? ‘‘เอตฺตกํ ภารํ วหนฺโต กติ โยชนานิ คจฺฉสี’’ติ? ‘‘สตฺต โยชนานี’’ติ. ‘‘คตคตฏฺาเน เต กาจิ ปาทปริกมฺมปิฏฺิปริกมฺมกรา อตฺถี’’ติ? ‘‘นตฺถี’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต มหาทุกฺขํ นาม อนุโภสี’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ หิ ติรจฺฉานคตานํ ปาทปริกมฺมาทิการกา นาม นตฺถิ, กามสํโยชนฆฏฺฏนตฺถาย ปน เอวรูปํ กถํ กเถสิ’’? โส ตสฺสา กถาย อุกฺกณฺิ. กปฺปโฏปิ ภณฺฑํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา – ‘‘เอหิ, ตาต, คมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, นาหํ คมิสฺสามี’’ติ. อถ นํ ¶ ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวา, ‘‘อนิจฺฉนฺตํ ปริภาเสตฺวา นํ เนสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา คาถมาห –
‘‘ปโตทํ เต กริสฺสามิ, สาฬสงฺคุลิกณฺฏกํ;
สฺฉินฺทิสฺสามิ เต กายํ, เอวํ ชานาหิ คทฺรภา’’ติ.
ตํ สุตฺวา คทฺรโภ ‘‘เอวํ สนฺเต อหมฺปิ เต กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปโตทํ เม กริสฺสสิ, โสฬสงฺคุลิกณฺฏกํ;
ปุรโต ปติฏฺหิตฺวาน, อุทฺธริตฺวาน ปจฺฉโต;
ทนฺตํ เต ปาตยิสฺสามิ, เอวํ ชานาหิ กปฺปฏา’’ติ.
ตํ ¶ สุตฺวา วาณิโช – ‘‘เกน นุ โข การเณน เอส เอวํ วทตี’’ติ จินฺเตตฺวา, อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต ตํ คทฺรภึ ทิสฺวา, ‘‘อิมาเยส เอวํ สิกฺขาปิโต ภวิสฺสติ, ‘เอวรูปึ นาม เต คทฺรภึ อาเนสฺสามี’ติ มาตุคาเมน นํ ปโลเภตฺวา เนสฺสามี’’ติ อิมํ คาถมาห –
‘‘จตุปฺปทึ สงฺขมุขึ, นารึ สพฺพงฺคโสภินึ;
ภริยํ เต อานยิสฺสามิ, เอวํ ชานาหิ คทฺรภา’’ติ.
ตํ สุตฺวา ตุฏฺจิตฺโต คทฺรโภ อิมํ คาถมาห –
‘‘จตุปฺปทึ สงฺขมุขึ, นารึ สพฺพงฺคโสภินึ;
ภริยํ เม อานยิสฺสสิ, เอวํ ชานาหิ กปฺปฏ;
กปฺปฏ ภิยฺโย คมิสฺสามิ, โยชนานิ จตุทฺทสา’’ติ.
อถ ¶ ¶ นํ กปฺปโฏ, ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ คเหตฺวา สกฏฺานํ อคมาสิ. โส กติปาหจฺจเยน นํ อาห – ‘‘นนุ มํ ตุมฺเห ‘ภริยํ เต อานยิสฺสามี’ติ อโวจุตฺถา’’ติ? ‘‘อาม, วุตฺตํ, นาหํ อตฺตโน กถํ ภินฺทิสฺสามิ, ภริยํ เต อาเนสฺสามิ, เวตนํ ปน ตุยฺหํ เอกกสฺเสว ทสฺสามิ, ตุยฺหํ เวตนํ ทุติยสฺส ปโหตุ วา มา วา, ตฺวเมว ชาเนยฺยาสิ. อุภินฺนํ ปน โว สํวาสมนฺวาย ปุตฺตา วิชายิสฺสนฺติ, เตหิปิ พหูหิ สทฺธึ ตุยฺหํ ตํ ปโหตุ วา มา วา, ตฺวเมว ชาเนยฺยาสี’’ติ. คทฺรโภ ตสฺมึ กเถนฺเตเยว อนเปกฺโข อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘ตทา, ภิกฺขเว, คทฺรภี ชนปทกลฺยาณี อโหสิ, คทฺรโภ นนฺโท, วาณิโช อหเมว. เอวํ ปุพฺเพเปส มยา มาตุคาเมน ปโลเภตฺวา วินีโต’’ติ ชาตกํ นิฏฺาเปสีติ.
นนฺทตฺเถรวตฺถุ นวมํ.
๑๐. จุนฺทสูกริกวตฺถุ
อิธ โสเจตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต จุนฺทสูกริกํ นาม ปุริสํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ สูกเร วธิตฺวา ขาทนฺโต จ วิกฺกิณนฺโต จ ชีวิกํ กปฺเปสิ. ฉาตกาเล สกเฏน วีหึ อาทาย ชนปทํ คนฺตฺวา เอกนาฬิทฺเวนาฬิมตฺเตน คามสูกรโปตเก ¶ กิณิตฺวา สกฏํ ปูเรตฺวา อาคนฺตฺวา ปจฺฉานิเวสเน วชํ วิย เอกํ านํ ปริกฺขิปิตฺวา ตตฺเถว เตสํ นิวาปํ โรเปตฺวา, เตสุ นานาคจฺเฉ จ สรีรมลฺจ ขาทิตฺวา วฑฺฒิเตสุ ยํ ยํ มาเรตุกาโม โหติ, ตํ ตํ อาฬาเน นิจฺจลํ พนฺธิตฺวา สรีรมํสสฺส อุทฺธุมายิตฺวา พหลภาวตฺถํ จตุรสฺสมุคฺคเรน โปเถตฺวา, ‘‘พหลมํโส ชาโต’’ติ ตฺวา มุขํ วิวริตฺวา อนฺตเร ทณฺฑกํ ทตฺวา โลหถาลิยา ปกฺกุถิตํ อุณฺโหทกํ มุเข อาสิฺจติ. ตํ กุจฺฉึ ปวิสิตฺวา ปกฺกุถิตํ กรีสํ อาทาย อโธภาเคน นิกฺขมติ, ยาว โถกมฺปิ กรีสํ อตฺถิ, ตาว อาวิลํ หุตฺวา นิกฺขมติ, สุทฺเธ อุทเร อจฺฉํ อนาวิลํ หุตฺวา นิกฺขมติ. อถสฺส อวเสสํ อุทกํ ปิฏฺิยํ อาสิฺจติ. ตํ กาฬจมฺมํ อุปฺปาเฏตฺวา คจฺฉติ. ตโต ติณุกฺกาย โลมานิ ฌาเปตฺวา ติขิเณน อสินา สีสํ ฉินฺทติ. ปคฺฆรณตํ โลหิตํ ภาชเนน ปฏิคฺคเหตฺวา มํสํ โลหิเตน มทฺทิตฺวา ปจิตฺวา ปุตฺตทารมชฺเฌ นิสินฺโน ขาทิตฺวา เสสํ วิกฺกิณาติ. ตสฺส อิมินาว นิยาเมน ชีวิกํ กปฺเปนฺตสฺส ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ อติกฺกนฺตานิ ¶ . ตถาคเต ธุรวิหาเร วสนฺเต เอกทิวสมฺปิ ปุปฺผมุฏฺิมตฺเตน ปูชา วา กฏจฺฉุมตฺตํ ภิกฺขทานํ วา อฺํ วา กิฺจิ ปฺุํ นาม นาโหสิ. อถสฺส สรีเร โรโค อุปฺปชฺชิ, ชีวนฺตสฺเสว ¶ อวีจิมหานิรยสนฺตาโป อุปฏฺหิ. อวีจิสนฺตาโป นาม โยชนสเต ตฺวา โอโลเกนฺตสฺส อกฺขีนํ ภิชฺชนสมตฺโถ ปริฬาโห โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสายุตา;
สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๖๗; อ. นิ. ๓.๓๖);
นาคเสนตฺเถเรน ปนสฺส ปากติกคฺคิสนฺตาปโต อธิมตฺตตาย อยํ อุปมา วุตฺตา – ‘‘ยถา, มหาราช, กูฏาคารมตฺโต ปาสาโณปิ เนรยิกคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺโต ขเณน วิลยํ คจฺฉติ, นิพฺพตฺตสตฺตา ปเนตฺถ กมฺมพเลน ¶ มาตุกุจฺฉิคตา วิย น วิลียนฺตี’’ติ (มิ. ป. ๒.๔.๖). ตสฺส ตสฺมึ สนฺตาเป อุปฏฺิเต กมฺมสริกฺขโก อากาโร อุปฺปชฺชิ. เคหมชฺเฌเยว สูกรรวํ รวิตฺวา ชณฺณุเกหิ วิจรนฺโต ปุรตฺถิมวตฺถุมฺปิ ปจฺฉิมวตฺถุมฺปิ คจฺฉติ. อถสฺส เคหมานุสกา ตํ ทฬฺหํ คเหตฺวา มุขํ ปิทหนฺติ. กมฺมวิปาโก นาม น สกฺกา เกนจิ ปฏิพาหิตุํ. โส วิรวนฺโตว อิโต จิโต จ วิจรติ. สมนฺตา สตฺตสุ ฆเรสุ มนุสฺสา นิทฺทํ น ลภนฺติ. มรณภเยน ตชฺชิตสฺส ปน พหินิกฺขมนํ นิวาเรตุํ อสกฺโกนฺโต สพฺโพ เคหชโน ยถา อนฺโติโต พหิ วิจริตุํ น สกฺโกติ, ตถา เคหทฺวารานิ ถเกตฺวา พหิเคหํ ปริวาเรตฺวา รกฺขนฺโต อจฺฉติ. อิตโร อนฺโตเคเหเยว นิรยสนฺตาเปน วิรวนฺโต อิโต จิโต จ วิจรติ. เอวํ สตฺตทิวสานิ วิจริตฺวา อฏฺเม ทิวเส กาลํ กตฺวา อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ. อวีจิมหานิรโย เทวทูตสุตฺเตน (ม. นิ. ๓.๒๖๑ อาทโย; อ. นิ. ๓.๓๖) วณฺเณตพฺโพติ.
ภิกฺขู ตสฺส ฆรทฺวาเรน คจฺฉนฺตา ¶ ตํ สทฺทํ สุตฺวา, ‘‘สูกรสทฺโท’’ติ สฺิโน หุตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺนา เอวมาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, จุนฺทสูกริตสฺส เคหทฺวารํ ปิทหิตฺวา สูกรานํ มาริยมานานํ อชฺช สตฺตโม ทิวโส, เคเห กาจิ มงฺคลกิริยา ภวิสฺสติ มฺเ. เอตฺตเก นาม, ภนฺเต, สูกเร มาเรนฺตสฺส เอกมฺปิ เมตฺตจิตฺตํ วา การฺุํ วา นตฺถิ, น วต โน เอวรูโป กกฺขโฬ ผรุโส สตฺโต ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ. สตฺถา – ‘‘น, ภิกฺขเว, โส อิเม สตฺตทิวเส สูกเร มาเรติ, กมฺมสริกฺขกํ ปนสฺส วิปากํ อุทปาทิ, ชีวนฺตสฺเสว อวีจิมหานิรยสนฺตาโป อุปฏฺาสิ. โส เตน สนฺตาเปน สตฺต ทิวสานิ สูกรรวํ ¶ รวนฺโต อนฺโตนิเวสเน วิจริตฺวา อชฺช กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิธ โลเก เอวํ โสจิตฺวา ปุน คนฺตฺวา โสจนฏฺาเนเยว นิพฺพตฺโต’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ปมตฺตา นาม คหฏฺา วา โหนฺตุ ปพฺพชิตา วา, อุภยตฺถ โสจนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ,
ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ;
โส โสจติ โส วิหฺติ;
ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺมตฺตโน’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปาปการีติ นานปฺปการสฺส ปาปกมฺมสฺส การโก ปุคฺคโล ‘‘อกตํ วต เม กลฺยาณํ, กตํ ปาป’’นฺติ เอกํเสเนว มรณสมเย อิธ โสจติ, อิทมสฺส กมฺมโสจนํ. วิปากํ อนุภวนฺโต ปน เปจฺจ โสจติ. อิทมสฺส ปรโลเก วิปากโสจนํ. เอวํ โส อุภยตฺถ โสจติเยว. เตเนว การเณน ชีวมาโนเยว โส จุนฺทสูกริโกปิ โสจติ. ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺนฺติ ¶ อตฺตโน กิลิฏฺกมฺมํ ปสฺสิตฺวา นานปฺปการกํ วิลปนฺโต วิหฺตีติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
จุนฺทสูกริกวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. ธมฺมิกอุปาสกวตฺถุ
อิธ โมทตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมิกอุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร ปฺจสตา ธมฺมิกอุปาสกา นาม อเหสุํ. เตสุ เอเกกสฺส ปฺจ ปฺจ อุปาสกสตานิ ปริวารา. โย เตสํ เชฏฺโก, ตสฺส สตฺต ปุตฺตา สตฺต ธีตโร. เตสุ เอเกกสฺส เอเกกา สลากยาคุ สลากภตฺตํ ปกฺขิกภตฺตํ นิมนฺตนภตฺตํ อุโปสถิกภตฺตํ อาคนฺตุกภตฺตํ สงฺฆภตฺตํ วสฺสาวาสิกํ อโหสิ. เตปิ สพฺเพว อนุชาตปุตฺตา นาม อเหสุํ. อิติ จุทฺทสนฺนํ ปุตฺตานํ ภริยาย อุปาสกสฺสาติ โสฬส สลากยาคุอาทีนิ ปวตฺตนฺติ. อิติ โส สปุตฺตทาโร สีลวา ¶ กลฺยาณธมฺโม ทานสํวิภาครโต อโหสิ. อถสฺส อปรภาเค โรโค อุปฺปชฺชิ, อายุสงฺขาโร ปริหายิ. โส ธมฺมํ ¶ โสตุกาโม ‘‘อฏฺ วา เม โสฬส วา ภิกฺขู เปเสถา’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ ปหิณิ. สตฺถา เปเสสิ. เต คนฺตฺวา ตสฺส มฺจํ ปริวาเรตฺวา ปฺตฺเตสุ อาสเนสุ นิสินฺนา. ‘‘ภนฺเต, อยฺยานํ เม ทสฺสนํ ทุลฺลภํ ภวิสฺสติ, ทุพฺพโลมฺหิ, เอกํ เม สุตฺตํ สชฺฌายถา’’ติ วุตฺเต ‘‘กตรํ สุตฺตํ โสตุกาโม อุปาสกา’’ติ? ‘‘สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตํ สติปฏฺานสุตฺต’’นฺติ วุตฺเต – ‘‘เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติ ¶ (ที. นิ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. ๑.๑๐๖) สุตฺตนฺตํ ปฏฺเปสุํ. ตสฺมึ ขเณ ฉหิ เทวโลเกหิ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา สหสฺสสินฺธวยุตฺตา ทิยฑฺฒโยชนสติกา ฉ รถา อาคมึสุ. เตสุ ิตา เทวตา ‘‘อมฺหากํ เทวโลกํ เนสฺสาม, อมฺหากํ เทวโลกํ เนสฺสาม, อมฺโภ มตฺติกภาชนํ ภินฺทิตฺวา สุวณฺณภาชนํ คณฺหนฺโต วิย อมฺหากํ เทวโลเก อภิรมิตุํ อิธ นิพฺพตฺตาหิ, อมฺหากํ เทวโลเก อภิรมิตุํ อิธ นิพฺพตฺตาหี’’ติ วทึสุ. อุปาสโก ธมฺมสฺสวนนฺตรายํ อนิจฺฉนฺโต – ‘‘อาคเมถ อาคเมถา’’ติ อาห. ภิกฺขู ‘‘อมฺเห วาเรตี’’ติ สฺาย ตุณฺหี อเหสุํ.
อถสฺส ปุตฺตธีตโร ‘‘อมฺหากํ ปิตา ปุพฺเพ ธมฺมสฺสวเนน อติตฺโต อโหสิ, อิทานิ ปน ภิกฺขู ปกฺโกสาเปตฺวา สชฺฌายํ กาเรตฺวา สยเมว วาเรติ, มรณสฺส อภายนกสตฺโต นาม นตฺถี’’ติ วิรวึสุ. ภิกฺขู ‘‘อิทานิ อโนกาโส’’ติ อุฏฺายาสนา ปกฺกมึสุ. อุปาสโก โถกํ วีตินาเมตฺวา สตึ ปฏิลภิตฺวา ปุตฺเต ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺมา กนฺทถา’’ติ? ‘‘ตาต, ตุมฺเห ภิกฺขู ปกฺโกสาเปตฺวา ธมฺมํ สุณนฺตา สยเมว วารยิตฺถ, อถ มยํ ‘มรณสฺส อภายนกสตฺโต นาม นตฺถี’ติ กนฺทิมฺหา’’ติ ¶ . ‘‘อยฺยา ปน กุหิ’’นฺติ? ‘‘‘อโนกาโส’ติ อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺตา, ตาตา’’ติ. ‘‘นาหํ, อยฺเยหิ สทฺธึ กเถมี’’ติ วุตฺเต ‘‘อถ เกน สทฺธึ กเถถา’’ติ. ‘‘ฉหิ เทวโลเกหิ เทวตา ฉ รเถ อลงฺกริตฺวา อาทาย อากาเส ตฺวา ‘อมฺหาหิ เทวโลเก อภิรม, อมฺหากํ เทวโลเก อภิรมา’ติ สทฺทํ กโรนฺติ, ตาหิ สทฺธึ กเถมี’’ติ. ‘‘กุหึ, ตาต, รถา, น มยํ ปสฺสามา’’ติ? ‘‘อตฺถิ ปน มยฺหํ คนฺถิตานิ ปุปฺผานี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ตาตา’’ติ. ‘‘กตโร เทวโลโก รมณีโย’’ติ? ‘‘สพฺพโพธิสตฺตานํ พุทฺธมาตาปิตูนฺจ วสิตฏฺานํ ตุสิตภวนํ รมณียํ, ตาตา’’ติ. ‘‘เตน หิ ‘ตุสิตภวนโต อาคตรเถ ลคฺคตู’ติ ปุปฺผทามํ ขิปถา’’ติ. เต ขิปึสุ. ตํ รถธุเร ลคฺคิตฺวา อากาเส โอลมฺพิ. มหาชโน ตเทว ปสฺสติ, รถํ น ปสฺสติ. อุปาสโก ‘‘ปสฺสเถตํ ปุปฺผทาม’’นฺติ วตฺวา, ‘‘อาม, ปสฺสามา’’ติ วุตฺเต – ‘‘เอตํ ตุสิตภวนโต อาคตรเถ โอลมฺพติ, อหํ ตุสิตภวนํ คจฺฉามิ ¶ , ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถ, มม สนฺติเก นิพฺพตฺติตุกามา หุตฺวา มยา กตนิยาเมเนว ปฺุานิ กโรถา’’ติ วตฺวา กาลํ กตฺวา รเถ ปติฏฺาสิ.
ตาวเทวสฺส ¶ ติคาวุตปฺปมาโณ สฏฺิสกฏภาราลงฺการปฏิมณฺฑิโต อตฺตภาโว นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสํ ปริวาเรสิ, ปฺจวีสติโยชนิกํ กนกวิมานํ ปาตุรโหสิ. เตปิ ภิกฺขู วิหารํ อนุปฺปตฺเต สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘สุตา, ภิกฺขเว, อุปาสเกน ธมฺมเทสนา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อนฺตราเยว ปน ‘อาคเมถา’ติ วาเรสิ. อถสฺส ปุตฺตธีตโร กนฺทึสุ ¶ . มยํ ‘อิทานิ อโนกาโส’ติ อุฏฺายาสนา นิกฺขนฺตา’’ติ. ‘‘น โส, ภิกฺขเว, ตุมฺเหหิ สทฺธึ กเถสิ, ฉหิ เทวโลเกหิ เทวตา ฉ รเถ อลงฺกริตฺวา อาหริตฺวา ตํ อุปาสกํ ปกฺโกสึสุ. โส ธมฺมเทสนาย อนฺตรายํ อนิจฺฉนฺโต ตาหิ สทฺธึ กเถสี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อิทานิ กุหึ นิพฺพตฺโต’’ติ? ‘‘ตุสิตภวเน, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิทานิ อิธ าติมชฺเฌ โมทมาโน วิจริตฺวา อิทาเนว คนฺตฺวา ปุน โมทนฏฺาเนเยว นิพฺพตฺโต’’ติ. ‘‘อาม, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตา หิ คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา สพฺพตฺถ โมทนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิธ โมทติ เปจฺจ โมทติ,
กตปฺุโ อุภยตฺถ โมทติ;
โส โมทติ โส ปโมทติ,
ทิสฺวา กมฺมวิสุทฺธิมตฺตโน’’ติ.
ตตฺถ กตปฺุโติ นานปฺปการสฺส กุสลสฺส การโก ปุคฺคโล ‘‘อกตํ วต เม ปาปํ, กตํ เม กลฺยาณ’’นฺติ อิธ กมฺมโมทเนน, เปจฺจ วิปากโมทเนน โมทติ. เอวํ อุภยตฺถ โมทติ นาม. กมฺมวิสุทฺธินฺติ ธมฺมิกอุปาสโกปิ อตฺตโน กมฺมวิสุทฺธึ ปฺุกมฺมสมฺปตฺตึ ทิสฺวา กาลกิริยโต ปุพฺเพ อิธโลเกปิ โมทติ, กาลํ กตฺวา อิทานิ ปรโลเกปิ อติโมทติเยวาติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
ธมฺมิกอุปาสกวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. เทวทตฺตวตฺถุ
อิธ ¶ ¶ ¶ ตปฺปตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
เทวทตฺตสฺส วตฺถุ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย ยาว ปถวิปฺปเวสนา เทวทตฺตํ อารพฺภ ภาสิตานิ สพฺพานิ ชาตกานิ วิตฺถาเรตฺวา กถิตํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – สตฺถริ อนุปิยํ นาม มลฺลานํ นิคโม อตฺถิ. ตํ นิสฺสาย อนุปิยมฺพวเน วิหรนฺเตเยว ตถาคตสฺส ลกฺขณปฏิคฺคหณทิวเสเยว อสีติสหสฺเสหิ าติกุเลหิ ‘‘ราชา วา โหตุ, พุทฺโธ วา, ขตฺติยปริวาโรว วิจริสฺสตี’’ติ อสีติสหสฺสปุตฺตา ปฏิฺาตา. เตสุ เยภุยฺเยน ปพฺพชิเตสุ ภทฺทิยํ นาม ราชานํ, อนุรุทฺธํ, อานนฺทํ, ภคุํ, กิมิลํ, เทวทตฺตนฺติ อิเม ฉ สกฺเย อปพฺพชนฺเต ทิสฺวา, ‘‘มยํ อตฺตโน ปุตฺเต ปพฺพาเชม, อิเม ฉ สกฺยา น าตกา มฺเ, กสฺมา น ปพฺพชนฺตี’’ติ? กถํ สมุฏฺาเปสุํ. อถ โข มหานาโม สกฺโย อนุรุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ตาต, อมฺหากํ กุลา ปพฺพชิโต นตฺถิ, ตฺวํ วา ปพฺพช, อหํ วา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. โส ปน สุขุมาโล โหติ สมฺปนฺนโภโค, ‘‘นตฺถี’’ติ วจนมฺปิ เตน น สุตปุพฺพํ. เอกทิวสฺหิ เตสุ ฉสุ ขตฺติเยสุ คุฬกีฬํ กีฬนฺเตสุ อนุรุทฺโธ ปูเวน ปราชิโต ปูวตฺถาย ปหิณิ, อถสฺส มาตา ปูเว สชฺเชตฺวา ปหิณิ ¶ . เต ขาทิตฺวา ปุน กีฬึสุ. ปุนปฺปุนํ ตสฺเสว ปราชโย โหติ. มาตา ปนสฺส ปหิเต ปหิเต ติกฺขตฺตุํ ปูเว ปหิณิตฺวา จตุตฺถวาเร ‘‘ปูวา นตฺถี’’ติ ปหิณิ. โส ‘‘นตฺถี’’ติ วจนสฺส อสุกปุพฺพตฺตา ‘‘เอสาเปกา ปูววิกติ ภวิสฺสตี’’ติ มฺมาโน ‘‘นตฺถิปูวํ เม อาหรถา’’ติ เปเสสิ. มาตา ปนสฺส ‘‘นตฺถิปูวํ กิร, อยฺเย, เทถา’’ติ วุตฺเต, ‘‘มม ปุตฺเตน ‘นตฺถี’ติ ปทํ น สุตปุพฺพํ, อิมินา ปน อุปาเยน นํ เอตมตฺถํ ชานาเปสฺสามี’’ติ ตุจฺฉํ สุวณฺณปาตึ อฺาย สุวณฺณปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา เปเสสิ. นครปริคฺคาหิกา เทวตา จินฺเตสุํ – ‘‘อนุรุทฺธสกฺเยน อนฺนภารกาเล อตฺตโน ภาคภตฺตํ อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺธสฺส ทตฺวา ‘‘‘นตฺถี’ติ เม วจนสฺส สวนํ มา โหตุ, โภชนุปฺปตฺติฏฺานชานนํ มา ‘โหตู’ติ ปตฺถนา กตา, สจายํ ตุจฺฉปาตึ ปสฺสิสฺสติ, เทวสมาคมํ ปวิสิตุํ น ลภิสฺสาม, สีสมฺปิ โน สตฺตธา ผเลยฺยา’’ติ. อถ ¶ นํ ปาตึ ทิพฺพปูเวหิ ปุณฺณํ อกํสุ. กสฺสา คุฬมณฺฑเล เปตฺวา อุคฺฆาฏิตมตฺตาย ปูวคนฺโธ สกลนคเร ฉาเทตฺวา ิโต. ปูวขณฺฑํ มุเข ปิตมตฺตเมว สตฺตรสหรณีสหสฺสานิ อนุผริ.
โส จินฺเตสิ – ‘‘นาหํ มาตุ ปิโย, เอตฺตกํ เม กาลํ อิมํ นตฺถิปูวํ ¶ นาม น ปจิ, อิโต ปฏฺาย อฺํ ปูวํ นาม น ขาทิสฺสามี’’ติ, โส เคหํ คนฺตฺวาว มาตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม ¶ , ตุมฺหากํ อหํ ปิโย, อปฺปิโย’’ติ? ‘‘ตาต, เอกกฺขิโน อกฺขิ วิย จ หทยํ วิย จ อติวิย ปิโย เม อโหสี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา เอตฺตกํ กาลํ มยฺหํ นตฺถิ ปูวํ น ปจิตฺถ, อมฺมา’’ติ? สา จูฬูปฏฺากํ ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ กิฺจิ ปาติยํ, ตาตา’’ติ? ‘‘ปริปุณฺณา, อยฺเย, ปาติ ปูเวหิ, เอวรูปา ปูวา นาม เม น ทิฏฺปุพฺพา’’ติ อาโรเจสิ. สา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต ปฺุวา กตาภินีหาโร ภวิสฺสติ, เทวตาหิ ปาตึ ปูเรตฺวา ปูวา ปหิตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘อถ นํ ปุตฺโต, อมฺม, อิโต ปฏฺายาหํ อฺํ ปูวํ นาม น ขาทิสฺสามิ, นตฺถิปูวเมว ปเจยฺยาสี’’ติ. สาปิสฺส ตโต ปฏฺาย ‘‘ปูวํ ขาทิตุกาโมมฺหี’’ติ วุตฺเต ตุจฺฉปาติเมว อฺาย ปาติยา ปฏิกุจฺฉิตฺวา เปเสสิ. ยาว อคารมชฺเฌ วสิ, ตาวสฺส เทวตาว ปูเว ปหิณึสุ.
โส เอตฺตกมฺปิ อชานนฺโต ปพฺพชฺชํ นาม กึ ชานิสฺสติ? ตสฺมา ‘‘กา เอสา ปพฺพชฺชา นามา’’ติ ภาตรํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โอหาริตเกสมสฺสุนา กาสายนิวตฺเถน กฏฺตฺถรเก วา พิทลมฺจเก วา นิปชฺชิตฺวา ปิณฺฑาย จรนฺเตน วิหริตพฺพํ. เอสา ปพฺพชฺชา นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภาติก, อหํ สุขุมาโล. นาหํ สกฺขิสฺสามิ ปพฺพชิตุ’’นฺติ ¶ อาห. ‘‘เตน หิ, ตาต, กมฺมนฺตํ อุคฺคเหตฺวา ฆราวาสํ วส. น หิ สกฺกา อมฺเหสุ เอเกน อปพฺพชิตุ’’นฺติ. อถ นํ ‘‘โก เอส กมฺมนฺโต นามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภตฺตุฏฺานฏฺานมฺปิ อชานนฺโต กุลปุตฺโต กมฺมนฺตํ นาม กึ ชานิสฺสตี’’ติ? เอกทิวสฺหิ ติณฺณํ ขตฺติยานํ กถา อุทปาทิ – ‘‘ภตฺตํ นาม กุหึ อุฏฺหตี’’ติ? กิมิโล อาห – ‘‘โกฏฺเ อุฏฺหตี’’ติ. อถ นํ ภทฺทิโย ‘‘ตฺวํ ภตฺตสฺส อุฏฺานฏฺานํ น ชานาสิ, ภตฺตํ นาม อุกฺขลิยํ อุฏฺหตี’’ติ อาห. อนุรุทฺโธ ‘‘ตุมฺเห ทฺเวปิ น ชานาถ, ภตฺตํ นาม รตนมกุฬาย สุวณฺณปาติยํ อุฏฺหตี’’ติ อาห.
เตสุ ¶ กิร เอกทิวสํ กิมิโล โกฏฺโต วีหี โอตาริยมาเน ทิสฺวา, ‘‘เอเต โกฏฺเเยว ชาตา’’ติ สฺี อโหสิ. ภทฺทิโย เอกทิวสํ อุกฺขลิโต ภตฺตํ วฑฺฒิยมานํ ทิสฺวา ‘‘อุกฺขลิยฺเว อุปฺปนฺน’’นฺติ สฺี อโหสิ. อนุรุทฺเธน ปน เนว วีหี โกฏฺเฏนฺตา, น ภตฺตํ ปจนฺตา, น วฑฺเฒนฺตา ทิฏฺปุพฺพา, วฑฺเฒตฺวา ปน ปุรโต ปิตเมว ปสฺสติ. โส ภฺุชิตุกามกาเล ‘‘ภตฺตํ ปาติยํ อุฏฺหตี’’ติ สฺมกาสิ. เอวํ ตโยปิ เต ภตฺตุฏฺานฏฺานํ น ชานนฺติ. เตนายํ ‘‘โก เอส กมฺมนฺโต นามา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ปมํ เขตฺตํ กสาเปตพฺพ’’นฺติอาทิกํ สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร กตฺตพฺพํ กิจฺจํ สุตฺวา, ‘‘กทา กมฺมนฺตานํ อนฺโต ปฺายิสฺสติ, กทา มยํ อปฺโปสฺสุกฺกา โภเค ภฺุชิสฺสามา’’ติ วตฺวา กมฺมนฺตานํ อปริยนฺตตาย อกฺขาตาย ‘‘เตน หิ ตฺวฺเว ฆราวาสํ วส, น มยฺหํ เอเตนตฺโถ’’ติ มาตรํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ¶ , ‘‘อนุชานาหิ มํ, อมฺม, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตาย นานปฺปกาเรหิ ติกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิตฺวา, ‘‘สเจ เต สหายโก ภทฺทิยราชา ปพฺพชิสฺสติ, เตน สทฺธึ ปพฺพชาหี’’ติ วุตฺเต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘มม โข, สมฺม, ปพฺพชฺชา ตว ปฏิพทฺธา’’ติ วตฺวา ตํ นานปฺปกาเรหิ สฺาเปตฺวา สตฺตเม ทิวเส อตฺตนา สทฺธึ ปพฺพชนตฺถาย ปฏิฺํ คณฺหิ.
ตโต ภทฺทิโย สกฺยราชา อนุรุทฺโธ อานนฺโท ภคุ กิมิโล เทวทตฺโตติ อิเม ฉ ขตฺติยา อุปาลิกปฺปกสตฺตมา เทวา วิย ทิพฺพสมฺปตฺตึ สตฺตาหํ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อุยฺยานํ คจฺฉนฺตา วิย จตุรงฺคินิยา เสนาย นิกฺขมิตฺวา ปรวิสยํ ปตฺวา ราชาณาย เสนํ นิวตฺตาเปตฺวา ปรวิสยํ โอกฺกมึสุ. ตตฺถ ฉ ขตฺติยา อตฺตโน อตฺตโน อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา ภณฺฑิกํ กตฺวา, ‘‘หนฺท ภเณ, อุปาลิ, นิวตฺตสฺสุ, อลํ เต เอตฺตกํ ชีวิกายา’’ติ ตสฺส อทํสุ. โส เตสํ ปาทมูเล ปริวตฺติตฺวา ปริเทวิตฺวา เตสํ อาณํ อติกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโต อุฏฺาย ตํ คเหตฺวา นิวตฺติ. เตสํ ทฺวิธา ชาตกาเล, วนํ อาโรทนปฺปตฺตํ วิย ปถวีกมฺปมานาการปฺปตฺตา วิย อโหสิ. อุปาลิ กปฺปโกปิ โถกํ คนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา ‘‘จณฺฑา โข สากิยา, ‘อิมินา กุมารา นิปฺปาติตา’ติ ฆาเตยฺยุมฺปิ มํ. อิเม หิ นาม สกฺยกุมารา เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ปหาย อิมานิ อนคฺฆานิ อาภรณานิ เขฬปิณฺฑํ วิย ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิสฺสนฺติ, กิมงฺคํ ¶ ¶ ปนาห’’นฺติ ภณฺฑิกํ โอมฺุจิตฺวา ตานิ อาภรณานิ รุกฺเข ลคฺเคตฺวา ‘‘อตฺถิกา คณฺหนฺตู’’ติ วตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตหิ ‘‘กสฺมา นิวตฺโตสี’’ติ ปุฏฺโ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ เต อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘มยํ, ภนฺเต, สากิยา นาม มานนิสฺสิตา, อยํ อมฺหากํ ทีฆรตฺตํ ปริจารโก, อิมํ ปมตรํ ปพฺพาเชถ, มยมสฺส อภิวาทนาทีนิ กริสฺสาม, เอวํ โน มาโน นิมฺมานายิสฺสตี’’ติ วตฺวา ตํ ปมตรํ ปพฺพาเชตฺวา ปจฺฉา สยํ ปพฺพชึสุ. เตสุ อายสฺมา ภทฺทิโย เตเนว อนฺตรวสฺเสน เตวิชฺโช อโหสิ. อายสฺมา อนุรุทฺโธ ทิพฺพจกฺขุโก หุตฺวา ปจฺฉา มหาวิตกฺกสุตฺตํ (อ. นิ. ๘.๓๐) สุตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อายสฺมา อานนฺโท โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ภคุตฺเถโร จ กิมิลตฺเถโร จ อปรภาเค วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เทวทตฺโต โปถุชฺชนิกํ อิทฺธึ ปตฺโต.
อปรภาเค สตฺถริ โกสมฺพิยํ วิหรนฺเต สสาวกสงฺฆสฺส ตถาคตสฺส มหนฺโต ลาภสกฺกาโร นิพฺพตฺติ. วตฺถเภสชฺชาทิหตฺถา มนุสฺสา วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘กุหึ สตฺถา, กุหึ สาริปุตฺตตฺเถโร, กุหึ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร, กุหึ มหากสฺสปตฺเถโร, กุหึ ภทฺทิยตฺเถโร, กุหึ อนุรุทฺธตฺเถโร, กุหึ อานนฺทตฺเถโร, กุหึ ภคุตฺเถโร, กุหึ กิมิลตฺเถโร’’ติ อสีติมหาสาวกานํ นิสินฺนฏฺานํ ¶ โอโลเกนฺตา วิจรนฺติ. ‘‘เทวทตฺตตฺเถโร กุหึ นิสินฺโน วา, ิโต วา’’ติ ปุจฺฉนฺโต นาม นตฺถิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อหมฺปิ เอเตหิ สทฺธิฺเว ปพฺพชิโต, เอเตปิ ขตฺติยปพฺพชิตา, อหมฺปิ ขตฺติยปพฺพชิโต, ลาภสกฺการหตฺถา ¶ มนุสฺสา เอเตเยว ปริเยสนฺติ, มม นามํ คเหตาปิ นตฺถิ. เกน นุ โข สทฺธึ เอกโต หุตฺวา กํ ปสาเทตฺวา มม ลาภสกฺการํ นิพฺพตฺเตยฺย’’นฺติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข ราชา พิมฺพิสาโร ปมทสฺสเนเนว เอกาทสหิ นหุเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต, น สกฺกา เอเตน สทฺธึ เอกโต ภวิตุํ, โกสลรฺาปิ สทฺธึ น สกฺกา ภวิตุํ. อยํ โข ปน รฺโ ปุตฺโต อชาตสตฺตุ กุมาโร กสฺสจิ คุณโทเส น ชานาติ, เอเตน สทฺธึ เอกโต ภวิสฺสามี’’ติ. โส โกสมฺพิโต ราชคหํ คนฺตฺวา กุมารกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา จตฺตาโร อาสีวิเส จตูสุ หตฺถปาเทสุ เอกํ คีวาย ปิลนฺธิตฺวา ¶ เอกํ สีเส จุมฺพฏกํ กตฺวา เอกํ เอกํสํ กริตฺวา อิมาย อหิเมขลาย อากาสโต โอรุยฺห อชาตสตฺตุสฺส อุจฺฉงฺเค นิสีทิตฺวา เตน ภีเตน ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อหํ เทวทตฺโต’’ติ วตฺวา ตสฺส ภยวิโนทนตฺถํ ตํ อตฺตภาวํ ปฏิสํหริตฺวา สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธโร ปุรโต ตฺวา ตํ ปสาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นิพฺพตฺเตสิ. โส ลาภสกฺการาภิภูโต ‘‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ ปาปกํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สห จิตฺตุปฺปาเทน อิทฺธิโต ปริหายิตฺวา สตฺถารํ เวฬุวนวิหาเร สราชิกาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสนฺตํ วนฺทิตฺวา อุฏฺายาสนา อฺชลึ ปคฺคยฺห – ‘‘ภควา, ภนฺเต, เอตรหิ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก, อปฺโปสฺสุกฺโก ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ อนุยฺุชตุ, อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามิ, นิยฺยาเทถ เม ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติ ¶ วตฺวา สตฺถารา เขฬาสกวาเทน อปสาเทตฺวา ปฏิกฺขิตฺโต อนตฺตมโน อิมํ ปมํ ตถาคเต อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ปกฺกามิ.
อถสฺส ภควา ราชคเห ปกาสนียกมฺมํ กาเรสิ. โส ‘‘ปริจฺจตฺโต ทานิ อหํ สมเณน โคตเมน, อิทานิสฺส อนตฺถํ กริสฺสามี’’ติ อชาตสตฺตุํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ปุพฺเพ โข, กุมาร, มนุสฺสา ทีฆายุกา, เอตรหิ อปฺปายุกา. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ ตฺวํ กุมาโรว สมาโน กาลํ กเรยฺยาสิ, เตน หิ ตฺวํ, กุมาร, ปิตรํ หนฺตฺวา ราชา โหหิ, อหํ ภควนฺตํ หนฺตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตสฺมึ รชฺเช ปติฏฺิเต ตถาคตสฺส วธาย ปุริเส ปโยเชตฺวา เตสุ โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา นิวตฺเตสุ สยํ คิชฺฌกูฏปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา, ‘‘อหเมว สมณํ โคตมํ ชีวิตา โวโรเปสฺสามี’’ติ สิลํ ปวิชฺฌิตฺวา รุหิรุปฺปาทกกมฺมํ กตฺวา อิมินาปิ อุปาเยน มาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ปุน นาฬาคิรึ วิสฺสชฺชาเปสิ. ตสฺมึ อาคจฺฉนฺเต อานนฺทตฺเถโร อตฺตโน ชีวิตํ สตฺถุ ปริจฺจชิตฺวา ปุรโต อฏฺาสิ. สตฺถา นาคํ ทเมตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อเนกสหสฺเสหิ อุปาสเกหิ อภิหฏํ มหาทานํ ปริภฺุชิตฺวา ตสฺมึ ¶ ทิวเส สนฺนิปติตานํ อฏฺารสโกฏิสงฺขาตานํ ราชคหวาสีนํ อนุปุพฺพึ กถํ กเถตฺวา จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมเย ชาเต ‘‘อโห อายสฺมา อานนฺโท มหาคุโณ, ตถารูเป นาม หตฺถินาเค อาคจฺฉนฺเต อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ¶ ¶ สตฺถุ ปุรโตว อฏฺาสี’’ติ เถรสฺส คุณกถํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มมตฺถาย ชีวิตํ ปริจฺจชิเยวา’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต จูฬหํส (ชา. ๑.๑๕.๑๓๓ อาทโย; ๒.๒๑.๑ อาทโย) – มหาหํส (ชา. ๒.๒๑.๘๙ อาทโย) – กกฺกฏกชาตกานิ (ชา. ๑.๓.๔๙ อาทโย) กเถสิ. เทวทตฺตสฺสาปิ กมฺมํ เนว ปากฏํ, ตถา รฺโ มาราปิตตฺตา, น วธกานํ ปโยชิตตฺตา น สิลาย ปวิทฺธตฺตา ปากฏํ อโหสิ, ยถา นาฬาคิริหตฺถิโน วิสฺสชฺชิตตฺตา. ตทา หิ มหาชโน ‘‘ราชาปิ เทวทตฺเตเนว มาราปิโต, วธโกปิ ปโยชิโต, สิลาปิ อปวิทฺธา. อิทานิ ปน เตน นาฬาคิริ วิสฺสชฺชาปิโต, เอวรูปํ นาม ปาปกํ คเหตฺวา ราชา วิจรตี’’ติ โกลาหลมกาสิ.
ราชา มหาชนสฺส กถํ สุตฺวา ปฺจ ถาลิปากสตานิ นีหราเปตฺวา น ปุน ตสฺสูปฏฺานํ อคมาสิ, นาคราปิสฺส กุลํ อุปคตสฺส ภิกฺขามตฺตมฺปิ น อทํสุ. โส ปริหีนลาภสกฺกาโร โกหฺเน ชีวิตุกาโม สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจ วตฺถูนิ ยาจิตฺวา ภควโต ‘‘อลํ, เทวทตฺต, โย อิจฺฉติ, โส อารฺโก โหตู’’ติ ปฏิกฺขิตฺโต กสฺสาวุโส, วจนํ โสภนํ, กึ ตถาคตสฺส อุทาหุ มม, อหฺหิ อุกฺกฏฺวเสน เอวํ วทามิ, ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ภิกฺขู ยาวชีวํ อารฺกา อสฺสุ, ปิณฺฑปาติกา, ปํสุกูลิกา, รุกฺขมูลิกา, มจฺฉมํสํ น ขาเทยฺยุ’’นฺติ. ‘‘โย ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม, โส มยา สทฺธึ อาคจฺฉตู’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตสฺส วจนํ ¶ สุตฺวา เอกจฺเจ นวกปพฺพชิตา มนฺทพุทฺธิโน ‘‘กลฺยาณํ เทวทตฺโต อาห, เอเตน สทฺธึ วิจริสฺสามา’’ติ เตน สทฺธึ เอกโต อเหสุํ. อิติ โส ปฺจสเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ เตหิ ปฺจหิ วตฺถูหิ ลูขปฺปสนฺนํ ชนํ สฺาเปนฺโต กุเลสุ วิฺาเปตฺวา วิฺาเปตฺวา ภฺุชนฺโต สงฺฆเภทาย ปรกฺกมิ. โส ภควตา, ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, เทวทตฺต, สงฺฆเภทาย ปรกฺกมสิ จกฺกเภทายา’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ วตฺวา, ‘‘ครุโก โข, เทวทตฺต, สงฺฆเภโท’’ติอาทีหิ โอวทิโตปิ สตฺถุ วจนํ อนาทิยิตฺวา ปกฺกนฺโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘อชฺชตคฺเค ทานาหํ, อาวุโส อานนฺท, อฺตฺเรว ภควตา, อฺตฺร, ภิกฺขุสงฺฆา อุโปสถํ กริสฺสามิ, สงฺฆกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อาห. เถโร ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสิ. ตํ วิทิตฺวา สตฺถา อุปฺปนฺนธมฺมสํเวโค หุตฺวา, ‘‘เทวทตฺโต ¶ สเทวกสฺส โลกสฺส อนตฺถนิสฺสิตํ อตฺตโน อวีจิมฺหิ ปจฺจนกกมฺมํ กโรตี’’ติ วิตกฺเกตฺวา –
‘‘สุกรานิ ¶ อสาธูนิ, อตฺตโน อหิตานิ จ;
ยํ เว หิตฺจ สาธฺุจ, ตํ เว ปรมทุกฺกร’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๖๓) –
อิมํ คาถํ วตฺวา ปุน อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘สุกรํ สาธุนา สาธุ, สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ;
ปาปํ ปาเปน สุกรํ, ปาปมริเยหิ ทุกฺกร’’นฺติ. (อุทา. ๔๘; จูฬว. ๓๔๓);
อถ โข เทวทตฺโต อุโปสถทิวเส อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา, ‘‘ยสฺสิมานิ ปฺจ วตฺถูนิ ขมนฺติ ¶ , โส สลากํ คณฺหตู’’ติ วตฺวา ปฺจสเตหิ วชฺชิปุตฺตเกหิ นวเกหิ อปฺปกตฺูหิ สลากาย คหิตาย สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา เต ภิกฺขู อาทาย คยาสีสํ อคมาสิ. ตสฺส ตตฺถ คตภาวํ สุตฺวา สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ อานยนตฺถาย ทฺเว อคฺคสาวเก เปเสสิ. เต ตตฺถ คนฺตฺวา อาเทสนาปาฏิหาริยานุสาสนิยา เจว อิทฺธิปาฏิหาริยานุสาสนิยา จ อนุสาสนฺตา เต อมตํ ปาเยตฺวา อาทาย อากาเสน อาคมึสุ. โกกาลิโกปิ โข ‘‘อุฏฺเหิ, อาวุโส เทวทตฺต, นีตา เต ภิกฺขู สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนหิ, นนุ ตฺวํ มยา วุตฺโต ‘มา, อาวุโส, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน วิสฺสาสี’ติ. ปาปิจฺฉา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติ วตฺวา ชณฺณุเกน หทยมชฺเฌ ปหริ, ตสฺส ตตฺเถว อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคฺฉิ. อายสฺมนฺตํ ปน สาริปุตฺตํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ อากาเสน อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต คมนกาเล อตฺตทุติโย คโต, อิทานิ มหาปริวาโร อาคจฺฉนฺโต โสภตี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว สาริปุตฺโต โสภติ, ปุพฺเพ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตกาเลปิ มยฺหํ ปุตฺโต มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต โสภิเยวา’’ติ วตฺวา –
‘‘โหติ สีลวตํ อตฺโถ, ปฏิสนฺถารวุตฺตินํ;
ลกฺขณํ ปสฺส อายนฺตํ, าติสงฺฆปุรกฺขตํ;
อถ ปสฺสสิมํ กาฬํ, สุวิหีนํว าติภี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๑) –
อิทํ ¶ ¶ ชาตกํ กเถสิ. ปุน ภิกฺขูหิ, ‘‘ภนฺเต, เทวทตฺโต กิร ทฺเว อคฺคสาวเก อุโภสุ ปสฺเสสุ นิสีทาเปตฺวา ‘พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสสฺสามี’ติ ตุมฺหากํ อนุกิริยํ กโรตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘น ¶ , ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มม อนุกิริยํ กาตุํ วายมิ, น ปน สกฺขี’’ติ วตฺวา –
‘‘อปิ วีรก ปสฺเสสิ, สกุณํ มฺชุภาณกํ;
มยูรคีวสงฺกาสํ, ปตึ มยฺหํ สวิฏฺกํ.
‘‘อุทกถลจรสฺส ปกฺขิโน,
นิจฺจํ อามกมจฺฉโภชิโน;
ตสฺสานุกรํ สวิฏฺโก,
เสวาเล ปลิคุณฺิโต มโต’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๐๗-๑๐๘) –
อาทินา ชาตกํ วตฺวา อปราปเรสุปิ ทิวเสสุ ตถานุรูปเมว กถํ อารพฺภ –
‘‘อจาริ วตายํ วิตุทํ วนานิ,
กฏฺงฺครุกฺเขสุ อสารเกสุ;
อถาสทา ขทิรํ ชาตสารํ,
ยตฺถพฺภิทา ครุโฬ อุตฺตมงฺค’’นฺติ. (ชา. ๑.๒.๑๒๐);
‘‘ลสี ¶ จ เต นิปฺผลิกา, มตฺถโก จ ปทาลิโต;
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, อชฺช โข ตฺวํ วิโรจสี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๔๓) –
เอวมาทีนิ ชาตกานิ กเถสิ. ปุน ‘‘อกตฺู เทวทตฺโต’’ติ กถํ อารพฺภ –
‘‘อกรมฺหส เต กิจฺจํ, ยํ พลํ อหุวมฺหเส;
มิคราช นโม ตฺยตฺถุ, อปิ กิฺจิ ลภามเส.
‘‘มม โลหิตภกฺขสฺส, นิจฺจํ ลุทฺทานิ กุพฺพโต;
ทนฺตนฺตรคโต สนฺโต, ตํ พหุํ ยมฺปิ ชีวสี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๒๙-๓๐) –
อาทีนิ ¶ ชาตกานิ กเถสิ. ปุน วธาย ปริสกฺกนมสฺส อารพฺภ –
‘‘าตเมตํ กุรุงฺคสฺส, ยํ ตฺวํ เสปณฺณิ สิยฺยสิ;
อฺํ เสปณฺณิ คจฺฉามิ, น เม เต รุจฺจเต ผล’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๒๑) –
อาทีนิ ¶ ชาตกานิ กเถสิ. ปุนทิวเส ‘‘อุภโต ปริหีโน เทวทตฺโต ลาภสกฺการโต จ สามฺโต จา’’ติ กถาสุ ปวตฺตมานาสุ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต ปริหีโน, ปุพฺเพเปส ปริหีโนเยวา’’ติ วตฺวา –
‘‘อกฺขี ¶ ภินฺนา ปโฏ นฏฺโ, สขิเคเห จ ภณฺฑนํ;
อุภโต ปทุฏฺา กมฺมนฺตา, อุทกมฺหิ ถลมฺหิ จา’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๓๙) –
อาทีนิ ชาตกานิ กเถสิ. เอวํ ราชคเห วิหรนฺโตว เทวทตฺตํ อารพฺภ พหูนิ ชาตกานิ กเถตฺวา ราชคหโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา เชตวเน วิหาเร วาสํ กปฺเปสิ. เทวทตฺโตปิ โข นว มาเส คิลาโน ปจฺฉิเม กาเล สตฺถารํ ทฏฺุกาโม หุตฺวา อตฺตโน สาวเก อาห – ‘‘อหํ สตฺถารํ ทฏฺุกาโม, ตํ เม ทสฺเสถา’’ติ. ‘‘ตฺวํ สมตฺถกาเล สตฺถารา สทฺธึ เวรี หุตฺวา อจริ, น มยํ ตตฺถ เนสฺสามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘มา มํ นาเสถ, มยา สตฺถริ อาฆาโต กโต, สตฺถุ ปน มยิ เกสคฺคมตฺโตปิ อาฆาโต นตฺถิ’’. โส หิ ภควา –
‘‘วธเก เทวทตฺตมฺหิ, โจเร องฺคุลิมาลเก;
ธนปาเล ราหุเล จ, สพฺพตฺถ สมมานโส’’ติ. (อป. เถร ๑.๑.๕๘๕; มิ. ป. ๖.๖.๕) –
‘‘ทสฺเสถ เม ภควนฺต’’นฺติ ปุนปฺปุนํ ยาจิ. อถ นํ เต มฺจเกนาทาย นิกฺขมึสุ. ตสฺส อาคมนํ สุตฺวา ภิกฺขู สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, เทวทตฺโต กิร ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย อาคจฺฉตี’’ติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, โส เตนตฺตภาเวน มํ ปสฺสิตุํ ลภิสฺสตี’’ติ. เทวทตฺโต กิร ปฺจนฺนํ วตฺถูนํ อายาจิตกาลโต ปฏฺาย ปุน พุทฺธํ ทฏฺุํ น ลภติ, อยํ ¶ ธมฺมตา. ‘‘อสุกฏฺานฺจ อสุกฏฺานฺจ อาคโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยํ อิจฺฉติ, ตํ กโรตุ, น โส มํ ปสฺสิตุํ ลภิสฺสตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิโต โยชนมตฺตํ อาคโต, อฑฺฒโยชนํ, คาวุตํ, เชตวนโปกฺขรณีสมีปํ อาคโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจปิ อนฺโตเชตวนํ ปวิสติ, เนว มํ ปสฺสิตุํ ¶ ลภิสฺสตี’’ติ. เทวทตฺตํ คเหตฺวา อาคตา เชตวนโปกฺขรณีตีเร มฺจํ โอตาเรตฺวา โปกฺขรณึ นฺหายิตุํ โอตรึสุ. เทวทตฺโตปิ โข มฺจโต วุฏฺาย อุโภ ปาเท ภูมิยํ เปตฺวา นิสีทิ. ปาทา ปถวึ ปวิสึสุ ¶ . โส อนุกฺกเมน ยาว โคปฺผกา, ยาว ชณฺณุกา, ยาว กฏิโต, ยาว ถนโต, ยาว คีวโต ปวิสิตฺวา หนุกฏฺิกสฺส ภูมิยํ ปวิฏฺกาเล –
‘‘อิเมหิ อฏฺีหิ ตมคฺคปุคฺคลํ,
เทวาติเทวํ นรทมฺมสารถึ;
สมนฺตจกฺขุํ สตปฺุลกฺขณํ,
ปาเณหิ พุทฺธํ สรณํ อุเปมี’’ติ. (มิ. ป. ๔.๑.๓) –
อิมํ คาถมาห. อิทํ กิร านํ ทิสฺวา ตถาคโต เทวทตฺตํ ปพฺพาเชสิ. สเจ หิ น โส ปพฺพชิสฺส, คิหี หุตฺวา กมฺมฺจ ภาริยํ อกริสฺส, อายตึ ภวนิสฺสรณปจฺจยํ กาตุํ น สกฺขิสฺส, ปพฺพชิตฺวา จ ปน กิฺจาปิ กมฺมํ ภาริยํ กริสฺสติ, อายตึ ภวนิสฺสรณปจฺจยํ กาตุํ ¶ สกฺขิสฺสตีติ ตํ สตฺถา ปพฺพาเชสิ. โส หิ อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก อฏฺิสฺสโร นาม ปจฺเจกพุทฺโธ ภวิสฺสติ, โส ปถวึ ปวิสิตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. นิจฺจเล พุทฺเธ อปรชฺฌภาเวน ปน นิจฺจโลว หุตฺวา ปจฺจตูติ โยชนสติเก อนฺโต อวีจิมฺหิ โยชนสตุพฺเพธเมวสฺส สรีรํ นิพฺพตฺติ. สีสํ ยาว กณฺณสกฺขลิโต อุปริ อยกปลฺลํ ปาวิสิ, ปาทา ยาว โคปฺผกา เหฏฺา อยปถวิยํ ปวิฏฺา, มหาตาลกฺขนฺธปริมาณํ อยสูลํ ปจฺฉิมภิตฺติโต นิกฺขมิตฺวา ปิฏฺิมชฺฌํ ภินฺทิตฺวา อุเรน นิกฺขมิตฺวา ปุริมภิตฺตึ ปาวิสิ, อปรํ ทกฺขิณภิตฺติโต นิกฺขมิตฺวา ทกฺขิณปสฺสํ ภินฺทิตฺวา วามปสฺเสน นิกฺขมิตฺวา อุตฺตรภิตฺตึ ปาวิสิ, อปรํ อุปริ กปลฺลโต นิกฺขมิตฺวา มตฺถกํ ภินฺทิตฺวา อโธภาเคน นิกฺขมิตฺวา อยปถวึ ปาวิสิ. เอวํ โส ตตฺถ นิจฺจโลว ปจฺจิ.
ภิกฺขู ‘‘เอตฺตกํ านํ เทวทตฺโต อาคจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทฏฺุํ อลภิตฺวาว ปถวึ ปวิฏฺโ’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว มยิ อปรชฺฌิตฺวา ปถวึ ปาวิสิ, ปุพฺเพปิ ปวิฏฺโเยวา’’ติ วตฺวา หตฺถิราชกาเล มคฺคมูฬฺหํ ปุริสํ สมสฺสาเสตฺวา อตฺตโน ปิฏฺึ อาโรเปตฺวา เขมนฺตํ ปาปิตสฺส ปุน ติกฺขตฺตุํ อาคนฺตฺวา อคฺคฏฺาเน มชฺฌิมฏฺาเน ¶ มูเลหิ เอวํ ทนฺเต ฉินฺทิตฺวา ตติยวาเร มหาปุริสสฺส จกฺขุปถํ อติกฺกมนฺตสฺส ตสฺส ปถวึ ปวิฏฺภาวํ ทีเปตุํ –
‘‘อกตฺุสฺส ¶ ¶ โปสสฺส, นิจฺจํ วิวรทสฺสิโน;
สพฺพํ เจ ปถวึ ทชฺชา, เนว นํ อภิราธเย’’ติ. (ชา. ๑.๑.๗๒; ๑.๙.๑๐๗) –
อิทํ ชาตกํ กเถตฺวา ปุนปิ ตเถว กถาย สมุฏฺิตาย ขนฺติวาทิภูเต อตฺตนิ อปรชฺฌิตฺวา กลาพุราชภูตสฺส ตสฺส ปถวึ ปวิฏฺภาวํ ทีเปตุํ ขนฺติวาทิชาตกฺจ (ชา. ๑.๔.๔๙ อาทโย), จูฬธมฺมปาลภูเต อตฺตนิ อปรชฺฌิตฺวา มหาปตาปราชภูตสฺส ตสฺส ปถวึ ปวิฏฺภาวํ ทีเปตุํ จูฬธมฺมปาลชาตกฺจ (ชา. ๑.๕.๔๔ อาทโย) กเถสิ.
ปถวึ ปวิฏฺเ ปน เทวทตฺเต มหาชโน หฏฺตุฏฺโ ธชปฏากกทลิโย อุสฺสาเปตฺวา ปุณฺณฆเฏ เปตฺวา ‘‘ลาภา วต โน’’ติ มหนฺตํ ฉณํ อนุโภติ. ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺเต มเต มหาชโน ตุสฺสติ, ปุพฺเพปิ ตุสฺสิเยวา’’ติ วตฺวา สพฺพชนสฺส อปฺปิเย จณฺเฑ ผรุเส พาราณสิยํ ปิงฺคลรฺเ นาม มเต มหาชนสฺส ตุฏฺภาวํ ทีเปตุํ –
‘‘สพฺโพ ชโน หึสิโต ปิงฺคเลน,
ตสฺมึ มเต ปจฺจยา เวทยนฺติ;
ปิโย นุ เต อาสิ อกณฺหเนตฺโต,
กสฺมา ตุวํ โรทสิ ทฺวารปาล.
‘‘น ¶ เม ปิโย อาสิ อกณฺหเนตฺโต,
ภายามิ ปจฺจาคมนาย ตสฺส;
อิโต คโต หึเสยฺย มจฺจุราชํ,
โส หึสิโต อาเนยฺย ปุน อิธา’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๙-๑๘๐) –
อิทํ ปิงฺคลชาตกํ กเถสิ. ภิกฺขู สตฺถารํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘อิทานิ, ภนฺเต, เทวทตฺโต กุหึ นิพฺพตฺโต’’ติ? ‘‘อวีจิมหานิรเย, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิธ ตปฺปนฺโต วิจริตฺวา ปุน คนฺตฺวา ตปฺปนฏฺาเนเยว นิพฺพตฺโต’’ติ. ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ปพฺพชิตา วา โหนฺตุ คหฏฺา วา, ปมาทวิหาริโน อุภยตฺถ ตปฺปนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิธ ¶ ¶ ตปฺปติ เปจฺจ ตปฺปติ, ปาปการี อุภยตฺถ ตปฺปติ;
ปาปํ เม กตนฺติ ตปฺปติ, ภิยฺโย ตปฺปติ ทุคฺคตึ คโต’’ติ.
ตตฺถ อิธ ตปฺปตีติ อิธ กมฺมตปฺปเนน โทมนสฺสมตฺเตน ตปฺปติ. เปจฺจาติ ปรโลเก ปน วิปากตปฺปเนน อติทารุเณน อปายทุกฺเขน ตปฺปติ. ปาปการีติ นานปฺปการสฺส ปาปสฺส กตฺตา. อุภยตฺถาติ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน ตปฺปเนน อุภยตฺถ ตปฺปติ นาม. ปาปํ เมติ โส หิ กมฺมตปฺปเนน กปฺปนฺโต ‘‘ปาปํ เม กต’’นฺติ ตปฺปติ. ตํ อปฺปมตฺตกํ ตปฺปนํ, วิปากตปฺปเนน ปน ตปฺปนฺโต ภิยฺโย ตปฺปติ ทุคฺคตึ คโต อติผรุเสน ตปฺปเนน อติวิย ตปฺปตีติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
เทวทตฺตวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
๑๓. สุมนาเทวีวตฺถุ
อิธ ¶ นนฺทตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุมนาเทวึ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยฺหิ เทวสิกํ อนาถปิณฺฑิกสฺส เคเห ทฺเว ภิกฺขูสหสฺสานิ ภฺุชนฺติ, ตถา วิสาขาย มหาอุปาสิกาย. สาวตฺถิยํ โย โย ทานํ ทาตุกาโม โหติ, โส โส เตสํ อุภินฺนํ โอกาสํ ลภิตฺวาว กโรติ. กึ การณา? ‘‘ตุมฺหากํ ทานคฺคํ อนาถปิณฺฑิโก วา วิสาขา วา อาคตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘นาคตา’’ติ วุตฺเต สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา กตทานมฺปิ ‘‘กึ ทานํ นาเมต’’นฺติ ครหนฺติ. อุโภปิ หิ เต ภิกฺขุสงฺฆสฺส รุจิฺจ อนุจฺฉวิกกิจฺจานิ จ อติวิย ชานนฺติ, เตสุ วิจาเรนฺเตสุ ภิกฺขู จิตฺตรูปํ ภฺุชนฺติ. ตสฺมา สพฺเพ ทานํ ทาตุกามา เต คเหตฺวาว คจฺฉนฺติ. อิติ เต อตฺตโน อตฺตโน ฆเร ภิกฺขู ปริวิสิตุํ น ลภนฺติ. ตโต วิสาขา, ‘‘โก นุ โข มม าเน ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺตี ปุตฺตสฺส ธีตรํ ทิสฺวา ตํ อตฺตโน าเน เปสิ. สา ตสฺสา นิเวสเน ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสติ. อนาถปิณฺฑิโกปิ มหาสุภทฺทํ นาม เชฏฺธีตรํ เปสิ. สา ภิกฺขูนํ ¶ เวยฺยาวจฺจํ กโรนฺตี ธมฺมํ สุณนฺตี โสตาปนฺนา หุตฺวา ปติกุลํ อคมาสิ. ตโต จูฬสุภทฺทํ เปสิ. สาปิ ตเถว กโรนฺตี โสตาปนฺนา หุตฺวา ปติกุลํ คตา. อถ สุมนเทวึ นาม กนิฏฺธีตรํ เปสิ. สา ปน ธมฺมํ สุตฺวา สกทาคามิผลํ ปตฺวา กุมาริกาว หุตฺวา ตถารูเปน ¶ อผาสุเกน อาตุรา อาหารุปจฺเฉทํ กตฺวา ¶ ปิตรํ ทฏฺุกามา หุตฺวา ปกฺโกสาเปสิ. โส เอกสฺมึ ทานคฺเค ตสฺสา สาสนํ สุตฺวาว อาคนฺตฺวา, ‘‘กึ, อมฺม สุมเน’’ติ อาห. สาปิ นํ อาห – ‘‘กึ, ตาต กนิฏฺภาติกา’’ติ? ‘‘วิลปสิ อมฺมา’’ติ? ‘‘น วิลปามิ, กนิฏฺภาติกา’’ติ. ‘‘ภายสิ, อมฺมา’’ติ? ‘‘น ภายามิ, กนิฏฺภาติกา’’ติ. เอตฺตกํ วตฺวาเยว ปน สา กาลมกาสิ. โส โสตาปนฺโนปิ สมาโน เสฏฺิธีตริ อุปฺปนฺนโสกํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ธีตุ สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา โรทนฺโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘กึ, คหปติ, ทุกฺขี ทุมฺมโน อสฺสุมุโข โรทมาโน อาคโตสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ธีตา เม, ภนฺเต, สุมนเทวี กาลกตา’’ติ อาห. ‘‘อถ กสฺมา โสจสิ, นนุ สพฺเพสํ เอกํสิกํ มรณ’’นฺติ? ‘‘ชานาเมตํ, ภนฺเต, เอวรูปา นาม เม หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนา ธีตา, สา มรณกาเล สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตี วิลปมานา มตา, เตน เม อนปฺปกํ โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ‘‘กึ ปน ตาย กถิตํ มหาเสฏฺี’’ติ? ‘‘อหํ ตํ, ภนฺเต, ‘อมฺม, สุมเน’ติ อามนฺเตสึ. อถ มํ อาห – ‘กึ, ตาต, กนิฏฺภาติกา’ติ? ‘วิลปสิ, อมฺมา’ติ? ‘น วิลปามิ, กนิฏฺภาติกา’ติ. ‘ภายสิ, อมฺมา’ติ? ‘น ภายามิ กนิฏฺภาติกา’ติ. เอตฺตกํ วตฺวา กาลมกาสี’’ติ. อถ นํ ภควา อาห – ‘‘น เต มหาเสฏฺิ ธีตา วิลปตี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา ภนฺเต เอวมาหา’’ติ? ‘‘กนิฏฺตฺตาเยว ¶ . ธีตา หิ เต, คหปติ, มคฺคผเลหิ ตยา มหลฺลิกา. ตฺวฺหิ โสตาปนฺโน, ธีตา ปน เต สกทาคามินี. สา มคฺคผเลหิ ตยา มหลฺลิกตฺตา ตํ เอวมาหา’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เอวํ, คหปตี’’ติ. ‘‘อิทานิ กุหึ นิพฺพตฺตา, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ตุสิตภวเน, คหปตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มม ธีตา อิธ าตกานํ อนฺตเร นนฺทมานา วิจริตฺวา อิโต คนฺตฺวาปิ นนฺทนฏฺาเนเยว นิพฺพตฺตา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อาม, คหปติ, อปฺปมตฺตา นาม คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา อิธ โลเก จ ปรโลเก จ นนฺทนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิธ ¶ นนฺทติ เปจฺจ นนฺทติ, กตปฺุโ อุภยตฺถ นนฺทติ;
ปฺุํ เม กตนฺติ นนฺทติ, ภิยฺโย นนฺทติ สุคฺคตึ คโต’’ติ.
ตตฺถ อิธาติ อิธ โลเก กมฺมนนฺทเนน นนฺทติ. เปจฺจาติ ปรโลเก วิปากนนฺทเนน นนฺทติ. กตปฺุโติ นานปฺปการสฺส ปฺุสฺส กตฺตา. อุภยตฺถาติ อิธ ‘‘กตํ เม กุสลํ, อกตํ เม ปาป’’นฺติ นนฺทติ, ปรตฺถ วิปากํ อนุภวนฺโต นนฺทติ. ปฺุํ เมติ อิธ นนฺทนฺโต ปน ‘‘ปฺุํ เม กต’’นฺติ โสมนสฺสมตฺเตเนว กมฺมนนฺทนํ อุปาทาย นนฺทติ. ภิยฺโยติ วิปากนนฺทเนน ปน สุคตึ คโต สตฺตปฺาสวสฺสโกฏิโย สฏฺิวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ตุสิตปุเร อติวิย นนฺทตีติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ ¶ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
สุมนาเทวีวตฺถุ เตรสมํ.
๑๔. ทฺเวสหายกภิกฺขุวตฺถุ
พหุมฺปิ เจติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว สหายเก อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิวาสิโน หิ ทฺเว กุลปุตฺตา สหายกา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา กาเม ปหาย สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิตฺวา ปฺจ วสฺสานิ อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก วสิตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สาสเน ธุรํ ปุจฺฉิตฺวา วิปสฺสนาธุรฺจ คนฺถธุรฺจ วิตฺถารโต สุตฺวา เอโก ตาว ‘‘อหํ, ภนฺเต, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิโต น สกฺขิสฺสามิ คนฺถธุรํ ปูเรตุํ, วิปสฺสนาธุรํ ปน ปูเรสฺสามี’’ติ ยาว อรหตฺตา วิปสฺสนาธุรํ กถาเปตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิตโร ปน ‘‘อหํ คนฺถธุรํ ปูเรสฺสามี’’ติ อนุกฺกเมน เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา คตคตฏฺาเน ธมฺมํ กเถติ, สรภฺํ ภณติ, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ธมฺมํ วาเจนฺโต วิจรติ. อฏฺารสนฺนํ มหาคณานํ อาจริโย อโหสิ. ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ¶ อิตรสฺส เถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ตสฺส โอวาเท ตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา, ‘‘สตฺถารํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ ¶ วทนฺติ. เถโร ‘‘คจฺฉถ, อาวุโส, มม วจเนน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อสีติ มหาเถเร วนฺทถ, สหายกตฺเถรมฺปิ เม ‘อมฺหากํ อาจริโย ตุมฺเห วนฺทตี’ติ วทถา’’ติ เปเสติ. เต ภิกฺขู วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารฺเจว อสีติ มหาเถเร จ วนฺทิตฺวา คนฺถิกตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ อาจริโย ตุมฺเห วนฺทตี’’ติ วทนฺติ. อิตเรน จ ‘‘โก นาม โส’’ติ วุตฺเต, ‘‘ตุมฺหากํ สหายกภิกฺขุ, ภนฺเต’’ติ วทนฺติ. เอวํ เถเร ปุนปฺปุนํ สาสนํ ปหิณนฺเต โส ภิกฺขุ โถกํ กาลํ สหิตฺวา อปรภาเค สหิตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อมฺหากํ อาจริโย ตุมฺเห วนฺทตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘โก เอโส’’ติ วตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ สหายกภิกฺขู’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ ปน ตุมฺเหหิ ตสฺส สนฺติเก อุคฺคหิตํ, กึ ทีฆนิกายาทีสุ อฺตโร นิกาโย, กึ ตีสุ ปิฏเกสุ เอกํ ปิฏก’’นฺติ วตฺวา ‘‘จตุปฺปทิกมฺปิ คาถํ น ชานาติ, ปํสุกูลํ คเหตฺวา ปพฺพชิตกาเลเยว อรฺํ ปวิฏฺโ, พหู วต อนฺเตวาสิเก ลภิ, ตสฺส อาคตกาเล มยา ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตสิ.
อถ อปรภาเค เถโร สตฺถารํ ทฏฺุํ อาคโต. สหายกสฺส เถรสฺส สนฺติเก ปตฺตจีวรํ เปตฺวา ¶ คนฺตฺวา สตฺถารฺเจว อสีติ มหาเถเร จ วนฺทิตฺวา สหายกสฺส วสนฏฺานํ ปจฺจาคมิ. อถสฺส โส วตฺตํ กาเรตฺวา สมปฺปมาณํ อาสนํ คเหตฺวา, ‘‘ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา ‘‘เอส เอวรูปํ มม ปุตฺตํ วิเหเตฺวา นิรเย นิพฺพตฺเตยฺยา’’ติ ตสฺมึ อนุกมฺปาย วิหารจาริกํ จรนฺโต วิย เตสํ นิสินฺนฏฺานํ คนฺตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. ตตฺถ ตตฺถ นิสีทนฺตา หิ ภิกฺขู พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวาว นิสีทนฺติ. เตน ¶ สตฺถา ปกติปฺตฺเตเยว อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ปน คนฺถิกภิกฺขุํ ปมชฺฌาเน ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺมึ อกถิเต ทุติยชฺฌานํ อาทึ กตฺวา อฏฺสุปิ สมาปตฺตีสุ รูปารูเปสุ จ ปฺหํ ปุจฺฉิ. คนฺถิกตฺเถโร เอกมฺปิ กเถตุํ นาสกฺขิ. อิตโร ตํ สพฺพํ กเถสิ. อถ นํ โสตาปตฺติมคฺเค ปฺหํ ปุจฺฉิ. คนฺถิกตฺเถโร กเถตุํ นาสกฺขิ. ตโต ขีณาสวตฺเถรํ ปุจฺฉิ. เถโร กเถสิ. สตฺถา ‘‘สาธุ สาธุ, ภิกฺขู’’ติ อภินนฺทิตฺวา เสสมคฺเคสุปิ ปฏิปาฏิยา ¶ ปฺหํ ปุจฺฉิ. คนฺถิโก เอกมฺปิ กเถตุํ นาสกฺขิ, ขีณาสโว ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ กเถสิ. สตฺถา จตูสุปิ าเนสุ ตสฺส สาธุการํ อทาสิ. ตํ สุตฺวา ภุมฺมเทเว อาทึ กตฺวา ยาว พฺรหฺมโลกา สพฺพา เทวตา เจว นาคสุปณฺณา จ สาธุการํ อทํสุ. ตํ สาธุการํ สุตฺวา ตสฺส อนฺเตวาสิกา เจว สทฺธิวิหาริโน จ สตฺถารํ อุชฺฌายึสุ – ‘‘กึ นาเมตํ สตฺถารา กตํ, กิฺจิ อชานนฺตสฺส มหลฺลกตฺเถรสฺส จตูสุ าเนสุ สาธุการํ อทาสิ, อมฺหากํ ปนาจริยสฺส สพฺพปริยตฺติธรสฺส ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ปาโมกฺขสฺส ปสํสามตฺตมฺปิ น กรี’’ติ. อถ เน สตฺถา ‘‘กึ นาเมตํ, ภิกฺขเว, กเถถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺมึ อตฺเถ อาโรจิเต, ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ อาจริโย มม สาสเน ภติยา คาโว รกฺขณสทิโส, มยฺหํ ปน ปุตฺโต ยถารุจิยา ปฺจ โครเส ปริภฺุชนกสามิสทิโส’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘พหุมฺปิ ¶ เจ สํหิต ภาสมาโน,
น ตกฺกโร โหติ นโร ปมตฺโต;
โคโปว คาโว คณยํ ปเรสํ,
น ภาควา สามฺสฺส โหติ.
‘‘อปฺปมฺปิ เจ สํหิต ภาสมาโน,
ธมฺมสฺส โหติ อนุธมฺมจารี;
ราคฺจ โทสฺจ ปหาย โมหํ,
สมฺมปฺปชาโน สุวิมุตฺตจิตฺโต.
‘‘อนุปาทิยาโน ¶ อิธ วา หุรํ วา,
ส ภาควา สามฺสฺส โหตี’’ติ.
ตตฺถ สํหิตนฺติ เตปิฏกสฺส พุทฺธวจนสฺเสตํ นามํ. ตํ อาจริเย อุปสงฺกมิตฺวา อุคฺคณฺหิตฺวา พหุมฺปิ ปเรสํ ภาสมาโน วาเจนฺโต ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ยํ การเกน ปุคฺคเลน กตฺตพฺพํ, ตกฺกโร น โหติ. กุกฺกุฏสฺส ปกฺขปหรณมตฺตมฺปิ อนิจฺจาทิวเสน โยนิโสมนสิการํ นปฺปวตฺเตติ. เอโส ยถา นาม ทิวสํ ภติยา คาโว รกฺขนฺโต โคโป ปาโตว นิรวเสสํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สายํ คเหตฺวา สามิกานํ นิยฺยาเทตฺวา ทิวสภติมตฺตํ คณฺหาติ, ยถารุจิยา ปน ปฺจ โครเส ปริภฺุชิตุํ ¶ น ลภติ, เอวเมว เกวลํ อนฺเตวาสิกานํ สนฺติกา วตฺตปฏิวตฺตกรณมตฺตสฺส ภาคี โหติ, สามฺสฺส ปน ภาคี น โหติ. ยถา ปน โคปาลเกน นิยฺยาทิตานํ ¶ คุนฺนํ โครสํ สามิกาว ปริภฺุชนฺติ, ตถา เตน กถิตํ ธมฺมํ สุตฺวา การกปุคฺคลา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชิตฺวา เกจิ ปมชฺฌานาทีนิ ปาปุณนฺติ, เกจิ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคผลานิ ปาปุณนฺติ, โคณสามิกา โครสสฺเสว สามฺสฺส ภาคิโน โหนฺติ.
อิติ สตฺถา สีลสมฺปนฺนสฺส พหุสฺสุตสฺส ปมาทวิหาริโน อนิจฺจาทิวเสน โยนิโสมนสิกาเร ปมตฺตสฺส ภิกฺขุโน วเสน ปมํ คาถํ กเถสิ, น ทุสฺสีลสฺส. ทุติยคาถา ปน อปฺปสฺสุตสฺสปิ โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺตสฺส การกปุคฺคลสฺส วเสน กถิตา.
ตตฺถ อปฺปมฺปี เจติ โถกํ เอกวคฺคทฺวิวคฺคมตฺตมฺปิ. ธมฺมสฺส โหติ อนุธมฺมจารีติ อตฺถมฺาย ธมฺมมฺาย นวโลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุรูปํ ธมฺมํ ปุพฺพภาคปฏิปทาสงฺขาตํ จตุปาริสุทฺธิสีลธุตงฺคอสุภกมฺมฏฺานาทิเภทํ จรนฺโต อนุธมฺมจารี โหติ. โส ‘‘อชฺช อชฺเชวา’’ติ ปฏิเวธํ อากงฺขนฺโต วิจรติ. โส อิมาย สมฺมาปฏิปตฺติยา ราคฺจ โทสฺจ ปหาย โมหํ สมฺมา เหตุนา นเยน ปริชานิตพฺเพ ธมฺเม ปริชานนฺโต ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺตีนํ วเสน สุวิมุตฺตจิตฺโต, อนุปาทิยาโน อิธ วา หุรํ วาติ อิธโลกปรโลกปริยาปนฺนา วา อชฺฌตฺติกพาหิรา วา ขนฺธายตนธาตุโย จตูหิ อุปาทาเนหิ อนุปาทิยนฺโต มหาขีณาสโว มคฺคสงฺขาตสฺส สามฺสฺส วเสน อาคตสฺส ผลสามฺสฺส ¶ เจว ปฺจอเสกฺขธมฺมกฺขนฺธสฺส จ ภาควา โหตีติ รตนกูเฏน วิย อคารสฺส อรหตฺเตน เทสนาย กูฏํ คณฺหีติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
ทฺเวสหายกภิกฺขุวตฺถุ จุทฺทสมํ.
ยมกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ปโม วคฺโค.