📜
๑๒. อตฺตวคฺโค
๑. โพธิราชกุมารวตฺถุ
อตฺตานฺเจติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เภสกฬาวเน วิหรนฺโต โพธิราชกุมารํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ปถวีตเล อฺเหิ ปาสาเทหิ อสทิสรูปํ อากาเส อุปฺปตมานํ วิย โกกนุทํ นาม ปาสาทํ กาเรตฺวา วฑฺฒกึ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ ตยา อฺตฺถาปิ เอวรูโป ปาสาโท กตปุพฺโพ, อุทาหุ ปมสิปฺปเมว เต อิท’’นฺติ. ‘‘ปมสิปฺปเมว, เทวา’’ติ จ วุตฺเต จินฺเตสิ – ‘‘สเจ อยํ อฺสฺสปิ เอวรูปํ ปาสาทํ กริสฺสติ, อยํ ปาสาโท อนจฺฉริโย ภวิสฺสติ. อิมํ มยา มาเรตุํ วา หตฺถปาเท วาสฺส ฉินฺทิตุํ อกฺขีนิ วา อุปฺปาเฏตุํ วฏฺฏติ, เอวํ อฺสฺส ปาสาทํ น กริสฺสตี’’ติ. โส ตมตฺถํ อตฺตโน ปิยสหายกสฺส สฺชีวกปุตฺตสฺส นาม มาณวกสฺส กเถสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘นิสฺสํสยํ เอส วฑฺฒกึ นาเสสฺสติ, อนคฺโฆ สิปฺปี, โส มยิ ปสฺสนฺเต มา นสฺสตุ, สฺมสฺส ทสฺสามี’’ติ. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาสาเท เต กมฺมํ นิฏฺิตํ, โน’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นิฏฺิต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ราชกุมาโร ตํ นาเสตุกาโม อตฺตานํ รกฺเขยฺยาสี’’ติ อาห ¶ . วฑฺฒกีปิ ‘‘ภทฺทกํ เต, สามิ, กตํ มม อาโรเจนฺเตน, อหเมตฺถ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กึ, สมฺม, อมฺหากํ ปาสาเท กมฺมํ นิฏฺิต’’นฺติ ราชกุมาเรน ปุฏฺโ ‘‘น ตาว, เทว, นิฏฺิตํ, พหุ อวสิฏฺ’’นฺติ อาห. กึ กมฺมํ นาม อวสิฏฺนฺติ? ปจฺฉา, เทว, อาจิกฺขิสฺสามิ, ทารูนิ ตาว อาหราเปถาติ. กึ ทารูนิ นามาติ? นิสฺสารานิ สุกฺขทารูนิ, เทวาติ. โส อาหราเปตฺวา อทาสิ. อถ นํ อาห – ‘‘เทว, เต อิโต ปฏฺาย มม สนฺติกํ นาคนฺตพฺพํ. กึ การณา? สุขุมกมฺมํ กโรนฺตสฺส หิ อฺเหิ สทฺธึ สลฺลปนฺตสฺส เม กมฺมวิกฺเขโป โหติ, อาหารเวลายํ ปน เม ภริยาว อาหารํ อาหริสฺสตี’’ติ. ราชกุมาโรปิ ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. โสปิ เอกสฺมึ คพฺเภ นิสีทิตฺวา ตานิ ทารูนิ ตจฺเฉตฺวา อตฺตโน ปุตฺตทารสฺส อนฺโต นิสีทนโยคฺคํ ครุฬสกุณํ กตฺวา อาหารเวลาย ปน ภริยํ อาห – ‘‘เคเห วิชฺชมานกํ สพฺพํ วิกฺกิณิตฺวา หิรฺสุวณฺณํ ¶ คณฺหาหี’’ติ. ราชกุมาโรปิ วฑฺฒกิสฺส อนิกฺขมนตฺถาย เคหํ ปริกฺขิปิตฺวา อารกฺขํ เปสิ. วฑฺฒกีปิ ¶ สกุณสฺส นิฏฺิตกาเล ‘‘อชฺช สพฺเพปิ ทารเก คเหตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ ภริยํ วตฺวา ภุตฺตปาตราโส ปุตฺตทารํ สกุณสฺส กุจฺฉิยํ นิสีทาเปตฺวา วาตปาเนน นิกฺขมิตฺวา ปลายิ. โส เตสํ, ‘‘เทว, วฑฺฒกี ปลายตี’’ติ กนฺทนฺตานํเยว คนฺตฺวา หิมวนฺเต โอตริตฺวา เอกํ นครํ มาเปตฺวา กฏฺวาหนราชา นาม ชาโต.
ราชกุมาโรปิ ¶ ‘‘ปาสาทมหํ กริสฺสามี’’ติ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ปาสาเท จตุชฺชาติยคนฺเธหิ ปริภณฺฑิกํ กตฺวา ปมอุมฺมารโต ปฏฺาย เจลปฏิกํ ปตฺถริ. โส กิร อปุตฺตโก, ตสฺมา ‘‘สจาหํ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลจฺฉามิ, สตฺถา อิมํ อกฺกมิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปตฺถริ. โส สตฺถริ อาคเต สตฺถารํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ‘‘ปวิสถ, ภนฺเต’’ติ อาห. สตฺถา น ปาวิสิ, โส ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ยาจิ. สตฺถา อปวิสิตฺวาว อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกสิ. เถโร โอโลกิตสฺาเยว วตฺถานํ อนกฺกมนภาวํ ตฺวา ตํ ‘‘สํหรตุ, ราชกุมาร, ทุสฺสานิ, น ภควา เจลปฏิกํ อกฺกมิสฺสติ, ปจฺฉิมชนตํ ตถาคโต โอโลเกตี’’ติ ทุสฺสานิ สํหราเปสิ. โส ทุสฺสานิ สํหริตฺวา สตฺถารํ อนฺโตนิเวสนํ ปเวสตฺวา ยาคุขชฺชเกน สมฺมาเนตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อหํ ตุมฺหากํ อุปการโก ติกฺขตฺตุํ สรณํ คโต, กุจฺฉิคโต จ กิรมฺหิ เอกวารํ สรณํ คโต, ทุติยํ ตรุณทารกกาเล, ตติยํ วิฺุภาวํ ปตฺตกาเล. ตสฺส เม กสฺมา เจลปฏิกํ น อกฺกมิตฺถา’’ติ? ‘‘กึ ปน ตฺวํ, กุมาร, จินฺเตตฺวา เจลานิ อตฺถรี’’ติ? ‘‘สเจ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลจฺฉามิ, สตฺถา เม เจลปฏิกํ อกฺกมิสฺสตี’’ติ อิทํ จินฺเตตฺวา, ภนฺเตติ. เตเนวาหํ ตํ น อกฺกมินฺติ. ‘‘กึ ปนาหํ, ภนฺเต, ปุตฺตํ ¶ วา ธีตรํ วา เนว ลจฺฉามี’’ติ? ‘‘อาม, กุมารา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘ปุริมกอตฺตภาเว ชายาย สทฺธึ ปมาทํ อาปนฺนตฺตา’’ติ. ‘‘กสฺมึ กาเล, ภนฺเต’’ติ? อถสฺส สตฺถา อตีตํ อาหริตฺวา ทสฺเสสิ –
อตีเต กิร อเนกสตา มนุสฺสา มหติยา นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทึสุ. นาวา สมุทฺทมชฺเฌ ภิชฺชิ. ทฺเว ชยมฺปติกา เอกํ ผลกํ คเหตฺวา อนฺตรทีปกํ ปวิสึสุ, เสสา สพฺเพ ตตฺเถว มรึสุ. ตสฺมึ โข ปน ทีปเก ¶ มหาสกุณสงฺโฆ วสติ. เต อฺํ ขาทิตพฺพกํ อทิสฺวา ฉาตชฺฌตฺตา สกุณอณฺฑานิ องฺคาเรสุ ปจิตฺวา ขาทึสุ, เตสุ อปฺปโหนฺเตสุ สกุณจฺฉาเป คเหตฺวา ขาทึสุ. เอวํ ปมวเยปิ มชฺฌิมวเยปิ ปจฺฉิมวเยปิ ขาทึสุเยว. เอกสฺมิมฺปิ วเย อปฺปมาทํ นาปชฺชึสุ, เอโกปิ จ เนสํ อปฺปมาทํ นาปชฺชิ.
สตฺถา อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสตฺวา ‘‘สเจ หิ ตฺวํ, กุมาร, ตทา เอกสฺมิมฺปิ วเย ภริยาย ¶ สทฺธึ อปฺปมาทํ อาปชฺชิสฺส, เอกสฺมิมฺปิ วเย ปุตฺโต วา ธีตา วา อุปฺปชฺเชยฺย. สเจ ปน โว เอโกปิ อปฺปมตฺโต อภวิสฺส, ตํ ปฏิจฺจ ปุตฺโต วา ธีตา วา อุปฺปชฺชิสฺส. กุมาร, อตฺตานฺหิ ปิยํ มฺมาเนน ตีสุปิ วเยสุ อปฺปมตฺเตน อตฺตา รกฺขิตพฺโพ, เอวํ อสกฺโกนฺเตน เอกวเยปิ รกฺขิตพฺโพเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตานฺเจ ปิยํ ชฺา, รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตํ;
ติณฺณํ อฺตรํ ยามํ, ปฏิชคฺเคยฺย ปณฺฑิโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยามนฺติ สตฺถา อตฺตโน ธมฺมิสฺสรตาย เทสนากุสลตาย จ อิธ ติณฺณํ วยานํ อฺตรํ วยํ ยามนฺติ กตฺวา เทเสสิ, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สเจ อตฺตานํ ปิยํ ชาเนยฺย, รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตนฺติ ยถา โส สุรกฺขิโต โหติ, เอวํ นํ รกฺเขยฺย. ตตฺถ สเจ คีหี สมาโน ‘‘อตฺตานํ รกฺขิสฺสามี’’ติ อุปริปาสาทตเล สุสํวุตํ คพฺภํ ปวิสิตฺวา สมฺปนฺนารกฺโข หุตฺวา วสนฺโตปิ, ปพฺพชิโต หุตฺวา สุสํวุเต ปิหิตทฺวารวาตปาเน เลเณ วิหรนฺโตปิ อตฺตานํ น รกฺขติเยว. คิหี ปน สมาโน ยถาพลํ ทานสีลาทีนิ ปฺุานิ กโรนฺโต, ปพฺพชิโต วา ปน วตฺตปฏิวตฺตปริยตฺติมนสิกาเรสุ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺโต อตฺตานํ รกฺขติ นาม. เอวํ ตีสุ วเยสุ อสกฺโกนฺโต อฺตรสฺมิมฺปิ วเย ปณฺฑิตปุริโส อตฺตานํ ปฏิชคฺคติเยว. สเจ หิ คิหิภูโต ปมวเย ขิฑฺฑาปสุตตาย กุสลํ กาตุํ น สกฺโกติ, มชฺฌิมวเย อปฺปมตฺเตน หุตฺวา กุสลํ กาตพฺพํ. สเจ มชฺฌิมวเย ปุตฺตทารํ โปเสนฺโต กุสลํ กาตุํ น สกฺโกติ, ปจฺฉิมวเย กาตพฺพเมว. เอวมฺปิ กโรนฺเตน อตฺตา ปฏิชคฺคิโตว โหติ. เอวํ อกโรนฺตสฺส ปน อตฺตา ปิโย นาม น โหติ, อปายปรายณเมว นํ กโรติ. สเจ ปน ¶ ปพฺพชิโต ปมวเย สชฺฌายํ กโรนฺโต ธาเรนฺโต วาเจนฺโต วตฺตปฏิวตฺตํ กโรนฺโต ปมาทํ อาปชฺชติ, มชฺฌิมวเย อปฺปมตฺเตน สมณธมฺโม ¶ กาตพฺโพ. สเจ ปมวเย อุคฺคหิตปริยตฺติยา อฏฺกถํ วินิจฺฉยํ การณาการณฺจ ปุจฺฉนฺโต มชฺฌิมวเย ปมาทํ อาปชฺชติ, ปจฺฉิมวเย อปฺปมตฺเตน สมณธมฺโม กาตพฺโพเยว. เอวมฺปิ กโรนฺเตน อตฺตา ปฏิชคฺคิโตว โหติ. เอวํ อกโรนฺตสฺส ปน อตฺตา ปิโย นาม น โหติ, ปจฺฉานุตาเปเนว นํ ตาเปตีติ.
เทสนาวสาเน โพธิราชกุมาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
โพธิราชกุมารวตฺถุ ปมํ.
๒. อุปนนฺทสกฺยปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
อตฺตานเมว ¶ ปมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุปนนฺทํ สกฺยปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เถโร ธมฺมกถํ กเถตุํ เฉโก. ตสฺส อปฺปิจฺฉตาทิปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ สุตฺวา พหู ภิกฺขุ ตํ ติจีวเรหิ ปูเชตฺวา ธุตงฺคานิ สมาทิยึสุ. เตหิ วิสฺสฏฺปริกฺขาเร โสเยว คณฺหิ. โส เอกสฺมึ อนฺโตวสฺเส อุปกฏฺเ ชนปทํ อคมาสิ. อถ นํ เอกสฺมึ วิหาเร ทหรสามเณรา ธมฺมกถิกเปเมน, ‘‘ภนฺเต, อิธ วสฺสํ อุเปถา’’ติ วทึสุ. ‘‘อิธ กิตฺตกํ วสฺสาวาสิกํ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘เอเกโก สาฏโก’’ติ วุตฺเต ตตฺถ อุปาหนา เปตฺวา อฺํ วิหารํ อคมาสิ ¶ . ทุติยํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิธ กึ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทฺเว สาฏกา’’ติ วุตฺเต กตฺตรยฏฺึ เปสิ. ตติยํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิธ กึ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตโย สาฏกา’’ติ วุตฺเต ตตฺถ อุทกตุมฺพํ เปสิ. จตุตฺถํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิธ กึ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จตฺตาโร สาฏกา’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ อิธ วสิสฺสามี’’ติ ตตฺถ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา คหฏฺานฺเจว ภิกฺขูนฺจ ธมฺมกถํ กเถสิ. เต นํ พหูหิ วตฺเถหิ เจว จีวเรหิ จ ปูเชสุํ. โส วุฏฺวสฺโส อิตเรสุปิ วิหาเรสุ สาสนํ เปเสตฺวา ‘‘มยา ปริกฺขารสฺส ปิตตฺตา วสฺสาวาสิกํ ลทฺธพฺพํ, ตํ เม ปหิณนฺตู’’ติ สพฺพํ อาหราเปตฺวา ยานกํ ปูเรตฺวา ปายาสิ.
อเถกสฺมึ ¶ วิหาเร ทฺเว ทหรภิกฺขู ทฺเว สาฏเก เอกฺจ กมฺพลํ ลภิตฺวา ‘‘ตุยฺหํ สาฏกา โหนฺตุ, มยฺหํ กมฺพโล’’ติ ภาเชตุํ อสกฺโกนฺตา มคฺคสมีเป นิสีทิตฺวา วิวทนฺติ. เต ตํ เถรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห โน ภาเชตฺวา เทถา’’ติ วทึสุ. ตุมฺเหเยว ภาเชถาติ. น สกฺโกม, ภนฺเต, ตุมฺเหเยว โน ภาเชตฺวา เทถาติ. เตน หิ มม วจเน สฺสถาติ. อาม, สฺสามาติ. ‘‘เตน หิ สาธู’’ติ เตสํ ทฺเว สาฏเก ทตฺวา ‘‘อยํ ธมฺมกถํ กเถนฺตานํ อมฺหากํ ปารุปนารโห’’ติ มหคฺฆํ กมฺพลํ อาทาย ปกฺกามิ. ทหรภิกฺขู วิปฺปฏิสาริโน หุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ตุมฺหากํ สนฺตกํ ¶ คเหตฺวา ตุมฺเห วิปฺปฏิสาริโน กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีตสฺมึ อนุตีรจารี จ คมฺภีรจารี จาติ ทฺเว อุทฺทา มหนฺตํ โรหิตมจฺฉํ ลภิตฺวา ‘‘มยฺหํ สีสํ โหตุ, ตว นงฺคุฏฺ’’นฺติ วิวาทาปนฺนา ภาเชตุํ อสกฺโกนฺตา เอกํ สิงฺคาลํ ทิสฺวา อาหํสุ – ‘‘มาตุล, อิมํ โน ภาเชตฺวา เทหี’’ติ. อหํ รฺา วินิจฺฉยฏฺาเน ปิโต, ตตฺถ จิรํ ¶ นิสีทิตฺวา ชงฺฆวิหารตฺถาย อาคโตมฺหิ, อิทานิ เม โอกาโส นตฺถีติ. มาตุล, มา เอวํ กโรถ, ภาเชตฺวา เอว โน เทถาติ. มม วจเน สฺสถาติ. สฺสาม, มาตุลาติ. ‘‘เตน หิ สาธู’’ติ โส สีสํ ฉินฺทิตฺวา เอกมนฺเต อกาสิ, นงฺคุฏฺํ เอกมนฺเต. กตฺวา จ ปน, ‘‘ตาตา, เยน โว อนุตีเร จริตํ, โส นงฺคุฏฺํ คณฺหาตุ. เยน คมฺภีเร จริตํ, ตสฺส สีสํ โหตุ. อยํ ปน มชฺฌิโม ขณฺโฑ มม วินิจฺฉยธมฺเม ิตสฺส ภวิสฺสตี’’ติ เต สฺาเปนฺโต –
‘‘อนุตีรจาริ นงฺคุฏฺํ, สีสํ คมฺภีรจาริโน;
อจฺจายํ มชฺฌิโม ขณฺโฑ, ธมฺมฏฺสฺส ภวิสฺสตี’’ติ. (ชา. ๑.๗.๓๓) –
อิมํ คาถํ วตฺวา มชฺฌิมขณฺฑํ อาทาย ปกฺกามิ. เตปิ วิปฺปฏิสาริโน ตํ โอโลเกตฺวา อฏฺํสุ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอวเมส อตีเตปิ ตุมฺเห วิปฺปฏิสาริโน อกาสิเยวา’’ติ เต ภิกฺขู สฺาเปตฺวา อุปนนฺทํ ครหนฺโต, ‘‘ภิกฺขเว ¶ , ปรํ โอวทนฺเตน นาม ปมเมว อตฺตา ปติรูเป ปติฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตานเมว ปมํ, ปติรูเป นิเวสเย;
อถฺมนุสาเสยฺย, น กิลิสฺเสยฺย ปณฺฑิโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปติรูเป นิเวสเยติ อนุจฺฉวิเก คุเณ ปติฏฺาเปยฺย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย อปฺปิจฺฉตาทิคุเณหิ วา อริยวํสปฏิปทาทีหิ วา ปรํ อนุสาสิตุกาโม, โส อตฺตานเมว ปมํ ตสฺมึ คุเณ ปติฏฺาเปยฺย. เอวํ ปติฏฺาเปตฺวา อถฺํ เตหิ คุเณหิ อนุสาเสยฺย. อตฺตานฺหิ ตตฺถ อนิเวเสตฺวา เกวลํ ปรเมว อนุสาสมาโน ปรโต นินฺทํ ลภิตฺวา กิลิสฺสติ นาม, ตตฺถ อตฺตานํ นิเวเสตฺวา อนุสาสมาโน ปรโต ปสํสํ ลภติ, ตสฺมา น กิลิสฺสติ นาม. เอวํ กโรนฺโต ปณฺฑิโต น กิลิสฺเสยฺยาติ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อุปนนฺทสกฺยปุตฺตตฺเถรวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ปธานิกติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อตฺตานฺเจติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปธานิกติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ปฺจสเต ภิกฺขู อาทาย อรฺเ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา, ‘‘อาวุโส, ธรมานกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก โว กมฺมฏฺานํ คหิตํ, อปฺปมตฺตาว สมณธมฺมํ กโรถา’’ติ โอวทิตฺวา สยํ คนฺตฺวา นิปชฺชิตฺวา สุปติ. เต ภิกฺขู ปมยาเม จงฺกมิตฺวา มชฺฌิมยาเม วิหารํ ปวิสนฺติ. โส นิทฺทายิตฺวา ปพุทฺธกาเล เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ ตุมฺเห ‘นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายิสฺสามา’ติ อาคตา, สีฆํ นิกฺขมิตฺวา ¶ สมณธมฺมํ กโรถา’’ติ วตฺวา สยํ คนฺตฺวา ตเถว สุปติ. อิตเร มชฺฌิมยาเม พหิ จงฺกมิตฺวา ปจฺฉิมยาเม วิหารํ ปวิสนฺติ. โส ปุนปิ ปพุชฺฌิตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เต วิหารา นีหริตฺวา สยํ ปุน คนฺตฺวา ตเถว สุปติ. ตสฺมึ นิจฺจกาลํ เอวํ กโรนฺเต เต ภิกฺขู สชฺฌายํ วา กมฺมฏฺานํ ¶ วา มนสิกาตุํ นาสกฺขึสุ, จิตฺตํ อฺถตฺตํ อคมาสิ. เต ‘‘อมฺหากํ อาจริโย อติวิย อารทฺธวีริโย, ปริคฺคณฺหิสฺสาม น’’นฺติ ปริคฺคณฺหนฺตา ตสฺส กิริยํ ทิสฺวา ‘‘นฏฺมฺหา, อาวุโส, อาจริโย โน ตุจฺฉรวํ รวตี’’ติ วทึสุ. เตสํ อติวิย นิทฺทาย กิลมนฺตานํ เอกภิกฺขุปิ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. เต วุฏฺวสฺสา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารา กตปฏิสนฺถารา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตา หุตฺวา สมณธมฺมํ กริตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ตุมฺหากํ อนฺตรายมกาสิเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต –
‘‘อมาตาปิตรสํวฑฺโฒ, อนาเจรกุเล วสํ;
นายํ กาลํ อกาลํ วา, อภิชานาติ กุกฺกุโฏ’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๑๙) –
อิมํ อกาลราวิกุกฺกุฏชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. ‘‘ตทา หิ โส กุกฺกุโฏ อยํ ปธานิกติสฺสตฺเถโร อโหสิ, อิเม ปฺจ สตา ภิกฺขู เต มาณวา อเหสุํ, ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อหเมวา’’ติ สตฺถา อิมํ ชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ปรํ โอวทนฺเตน นาม อตฺตา สุทนฺโต กาตพฺโพ. เอวํ โอวทนฺโต หิ ¶ สุทนฺโต หุตฺวา ทเมติ นามา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตานฺเจ ¶ ตถา กยิรา, ยถาฺมนุสาสติ;
สุทนฺโต วต ทเมถ, อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – โย หิ ภิกฺขุ ‘‘ปมยามาทีสุ จงฺกมิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปรํ โอวทติ, สยํ จงฺกมนาทีนิ อธิฏฺหนฺโต อตฺตานฺเจ ตถา กยิรา, ยถาฺมนุสาสติ, เอวํ สนฺเต สุทนฺโต วต ทเมถาติ เยน คุเณน ปรํ อนุสาสติ, เตน อตฺตนา สุทนฺโต หุตฺวา ทเมยฺย. อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโมติ อยฺหิ อตฺตา นาม ทุทฺทโม. ตสฺมา ยถา โส สุทนฺโต โหติ, ตถา ทเมตพฺโพติ.
เทสนาวสาเน ปฺจ สตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ.
ปธานิกติสฺสตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.
๔. กุมารกสฺสปมาตุเถรีวตฺถุ
อตฺตา ¶ หิ อตฺตโน นาโถติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กุมารกสฺสปตฺเถรสฺส มาตรํ อารพฺภ กเถสิ.
สา กิร ราชคหนคเร เสฏฺิธีตา วิฺุตํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ สา ปุนปฺปุนํ ยาจมานาปิ มาตาปิตูนํ สนฺติกา ปพฺพชฺชํ อลภิตฺวา วยปฺปตฺตา ¶ ปติกุลํ คนฺตฺวา ปติเทวตา หุตฺวา อคารํ อชฺฌาวสิ. อถสฺสา น จิรสฺเสว กุจฺฉิสฺมึ คพฺโภ ปติฏฺหิ. สา คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ อชานิตฺวาว สามิกํ อาราเธตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ โส มหนฺเตน สกฺกาเรน ภิกฺขุนุปสฺสยํ เนตฺวา อชานนฺโต เทวทตฺตปกฺขิกานํ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. อปเรน สมเยน ภิกฺขุนิโย ตสฺสา คพฺภินิภาวํ ตฺวา ตาหิ ‘‘กึ อิท’’นฺติ วุตฺตา นาหํ, อยฺเย, ชานามิ ‘‘กิเมตํ’’, สีลํ วต เม อโรคเมวาติ. ภิกฺขุนิโย ตํ เทวทตฺตสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุนี สทฺธาปพฺพชิตา, อิมิสฺสา มยํ คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ชานาม, กาลํ น ชานาม, กึ ทานิ กโรมา’’ติ ปุจฺฉึสุ. เทวทตฺโต ‘‘มา มยฺหํ โอวาทการิกานํ ภิกฺขุนีนํ อยโส อุปฺปชฺชตู’’ติ เอตฺตกเมว จินฺเตตฺวา ‘‘อุปฺปพฺพาเชถ น’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา สา ทหรา มา มํ, อยฺเย, นาเสถ, นาหํ เทวทตฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตา, เอถ, มํ สตฺถุ สนฺติกํ เชตวนํ เนถาติ. ตา ตํ อาทาย เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถุ ¶ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘ตสฺสา คิหิกาเล คพฺโภ ปติฏฺิโต’’ติ ชานนฺโตปิ ปรวาทโมจนตฺถํ ราชานํ ปเสนทิโกสลํ มหาอนาถปิณฺฑิกํ จูฬอนาถปิณฺฑิกํ วิสาขาอุปาสิกํ อฺานิ จ มหากุลานิ ปกฺโกสาเปตฺวา อุปาลิตฺเถรํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, อิมิสฺสา ทหราย ภิกฺขุนิยา จตุปริสมชฺเฌ กมฺมํ ปริโสเธหี’’ติ. เถโร รฺโ ปุรโต วิสาขํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตํ อธิกรณํ ปฏิจฺฉาเปสิ. สา สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา อนฺโตสาณิยํ ตสฺสา หตฺถปาทนาภิอุทรปริโยสานานิ ¶ โอโลเกตฺวา มาสทิวเส สมาเนตฺวา ‘‘คิหิภาเว อิมาย คพฺโภ ลทฺโธ’’ติ ตฺวา เถรสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถสฺสา เถโร ปริสมชฺเฌ ปริสุทฺธภาวํ ปติฏฺาเปสิ. สา อปเรน สมเยน ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส ปาทมูเล ปตฺถิตปตฺถนํ มหานุภาวํ ปุตฺตํ วิชายิ.
อเถกทิวสํ ¶ ราชา ภิกฺขุนุปสฺสยสมีเปน คจฺฉนฺโต ทารกสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เทว, เอกิสฺสา ภิกฺขุนิยา ปุตฺโต ชาโต, ตสฺเสส สทฺโท’’ติ วุตฺเต ตํ กุมารํ อตฺตโน ฆรํ เนตฺวา ธาตีนํ อทาสิ. นามคฺคหณทิวเส จสฺส กสฺสโปติ นามํ กตฺวา กุมารปริหาเรน วฑฺฒิตตฺตา กุมารกสฺสโปติ สฺชานึสุ. โส กีฬามณฺฑเล ทารเก ปหริตฺวา ‘‘นิมฺมาตาปิติเกนมฺหา ปหฏา’’ติ วุตฺเต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘เทว, มํ ‘นิมฺมาตาปิติโก’ติ วทนฺติ, มาตรํ เม อาจิกฺขถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา รฺา ธาติโย ทสฺเสตฺวา ‘‘อิมา เต มาตโร’’ติ วุตฺเต ‘‘น เอตฺติกา เม มาตโร, เอกาย เม มาตรา ภวิตพฺพํ, ตํ เม อาจิกฺขถา’’ติ อาห. ราชา ‘‘น สกฺกา อิมํ วฺเจตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ตาต, ตว มาตา ภิกฺขุนี, ตฺวํ มยา ภิกฺขุนุปสฺสยา อานีโตติ. โส ตาวตเกเนว สมุปฺปนฺนสํเวโค หุตฺวา, ‘‘ตาต, ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ อาห. ราชา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตํ มหนฺเตน สกฺกาเรน สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. โส ลทฺธูปสมฺปโท กุมารกสฺสปตฺเถโรติ ปฺายิ. โส สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วายมิตฺวา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ปุน กมฺมฏฺานํ วิเสเสตฺวา คเหสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อนฺธวเน วิหาสิ.
อถ นํ กสฺสปพุทฺธกาเล เอกโต สมณธมฺมํ กตฺวา อนาคามิผลํ ปตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตภิกฺขุ พฺรหฺมโลกโต อาคนฺตฺวา ปนฺนรส ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา ¶ ‘‘อิเม ปฺเห เปตฺวา สตฺถารํ อฺโ พฺยากาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, คจฺฉ, สตฺถุ สนฺติเก อิเมสํ อตฺถํ อุคฺคณฺหา’’ติ อุยฺโยเชสิ. โส ตถา กตฺวา ปฺหวิสฺสชฺชนาวสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺส ปน นิกฺขนฺตทิวสโต ปฏฺาย ทฺวาทส วสฺสานิ มาตุภิกฺขุนิยา อกฺขีหิ อสฺสูนิ ปวตฺตึสุ. สา ปุตฺตวิโยคทุกฺขิตา อสฺสุตินฺเตเนว มุเขน ภิกฺขาย จรมานา อนฺตรวีถิยํ เถรํ ทิสฺวาว, ‘‘ปุตฺต ¶ , ปุตฺตา’’ติ วิรวนฺตี ตํ คณฺหิตุํ อุปธาวมานา ปริวตฺติตฺวา ปติ. สา ถเนหิ ขีรํ มฺุจนฺเตหิ อุฏฺหิตฺวา อลฺลจีวรา คนฺตฺวา เถรํ คณฺหิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สจายํ มม สนฺติกา มธุรวจนํ ลภิสฺสติ, วินสฺสิสฺสติ. ถทฺธเมว กตฺวา อิมาย สทฺธึ สลฺลปิสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘กึ กโรนฺตี วิจรสิ, สิเนหมตฺตมฺปิ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกสี’’ติ. สา ‘‘อโห กกฺขฬา เถรสฺส ¶ กถา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กึ วเทสิ, ตาตา’’ติ วตฺวา ปุนปิ เตน ตเถว วุตฺตา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิมสฺส การณา ทฺวาทส วสฺสานิ อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกมิ, อยํ ปเนวํ ถทฺธหทโย, กึ เม อิมินา’’ติ ปุตฺตสิเนหํ ฉินฺทิตฺวา ตํทิวสเมว อรหตฺตํ ปาปุณิ.
อปเรน สมเยน ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺเตน เอวํ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน กุมารกสฺสโป จ เถรี จ นาสิตา, สตฺถา ปน เตสํ ปติฏฺา ชาโต, อโห พุทฺธา นาม โลกานุกมฺปกา’’ติ ¶ . สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว อหํ อิเมสํ ปจฺจโย ปติฏฺา ชาโต, ปุพฺเพปิ เนสํ อหํ ปติฏฺา อโหสึเยวา’’ติ วตฺวา –
‘‘นิคฺโรธเมว เสเวยฺย, น สาขมุปสํวเส;
นิคฺโรธสฺมึ มตํ เสยฺโย, ยฺเจ สาขสฺมิ ชีวิต’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๑๒; ๑.๑๐.๘๑) –
อิมํ นิคฺโรธชาตกํ วิตฺถาเรน กเถตฺวา ‘‘ตทา สาขมิโค เทวทตฺโต อโหสิ, ปริสาปิสฺส เทวทตฺตปริสา, วารปฺปตฺตา มิคเธนุ เถรี อโหสิ, ปุตฺโต กุมารกสฺสโป, คพฺภินีมิคิยา ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา คโต นิคฺโรธมิคราชา ปน อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ปุตฺตสิเนหํ ฉินฺทิตฺวา เถริยา อตฺตนาว อตฺตโน ปติฏฺานกตภาวํ ปกาเสนฺโต, ‘‘ภิกฺขเว, ยสฺมา ปรสฺส อตฺตนิ ิเตน สคฺคปรายเณน วา มคฺคปรายเณน วา ภวิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา อตฺตาว อตฺตโน นาโถ, ปโร กึ กริสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ, โก หิ นาโถ ปโร สิยา;
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน, นาถํ ลภติ ทุลฺลภ’’นฺติ.
ตตฺถ นาโถติ ปติฏฺา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา อตฺตนิ ิเตน อตฺตสมฺปนฺเนน กุสลํ กตฺวา ¶ สคฺคํ วา ปาปุณิตุํ, มคฺคํ วา ภาเวตุํ, ผลํ วา สจฺฉิกาตุํ สกฺกา ¶ . ตสฺมา หิ อตฺตาว อตฺตโน ปติฏฺา โหติ, ปโร โก นาม กสฺส ปติฏฺา สิยา. อตฺตนา เอว หิ สุทนฺเตน นิพฺพิเสวเนน ¶ อรหตฺตผลสงฺขาตํ ทุลฺลภํ นาถํ ลภติ. อรหตฺตฺหิ สนฺธาย อิธ ‘‘นาถํ ลภติ ทุลฺลภ’’นฺติ วุตฺตํ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
กุมารกสฺสปมาตุเถรีวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. มหากาลอุปาสกวตฺถุ
อตฺตนา หิ กตํ ปาปนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มหากาลํ นาม โสตาปนฺนอุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร มาสสฺส อฏฺทิวเสสุ อุโปสถิโก หุตฺวา วิหาเร สพฺพรตฺตึ ธมฺมกถํ สุณาติ. อถ รตฺตึ โจรา เอกสฺมึ เคเห สนฺธึ ฉินฺทิตฺวา ภณฺฑกํ คเหตฺวา โลหภาชนสทฺเทน ปพุทฺเธหิ สามิเกหิ อนุพทฺธา คหิตภณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ. สามิกาปิ เต อนุพนฺธึสุเยว, เต ทิสา ปกฺขนฺทึสุ. เอโก ปน วิหารมคฺคํ คเหตฺวา มหากาลสฺส รตฺตึ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปาโตว โปกฺขรณิตีเร มุขํ โธวนฺตสฺส ปุรโต ภณฺฑิกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิ. โจเร อนุพนฺธิตฺวา อาคตมนุสฺสา ภณฺฑิกํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ โน เคหสนฺธึ ฉินฺทิตฺวา ภณฺฑิกํ หริตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต วิย วิจรสี’’ติ ¶ ตํ คเหตฺวา โปเถตฺวา มาเรตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา อคมึสุ. อถ นํ ปาโตว ปานียฆฏํ อาทาย คตา ทหรสามเณรา ทิสฺวา ‘‘วิหาเร ธมฺมกถํ สุตฺวา สยิตอุปาสโก อยุตฺตํ มรณํ ลภตี’’ติ วตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ อตฺตภาเว กาเลน อปฺปติรูปํ มรณํ ลทฺธํ, ปุพฺเพ กตกมฺมสฺส ปน เตน ยุตฺตเมว ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถสิ –
อตีเต กิร พาราณสิรฺโ วิชิเต เอกสฺส ปจฺจนฺตคามสฺส อฏวิมุเข โจรา ปหรนฺติ. ราชา อฏวิมุเข เอกํ ราชภฏํ เปสิ, โส ภตึ คเหตฺวา มนุสฺเส โอรโต ปารํ เนติ, ปารโต โอรํ อาเนติ. อเถโก มนุสฺโส อภิรูปํ อตฺตโน ภริยํ จูฬยานกํ อาโรเปตฺวา ¶ ตํ านํ อคมาสิ. ราชภโฏ ตํ อิตฺถึ ทิสฺวาว สฺชาตสิเนโห เตน ‘‘อฏวึ โน ¶ , สามิ, อติกฺกาเมหี’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘อิทานิ วิกาโล, ปาโตว อติกฺกาเมสฺสามี’’ติ อาห. โส สกาโล, สามิ, อิทาเนว โน เนหีติ. นิวตฺต, โภ, อมฺหากํเยว เคเห อาหาโร จ นิวาโส จ ภวิสฺสตีติ. โส เนว นิวตฺติตุํ อิจฺฉิ. อิตโร ปุริสานํ สฺํ ทตฺวา ยานกํ นิวตฺตาเปตฺวา อนิจฺฉนฺตสฺเสว ทฺวารโกฏฺเก นิวาสํ ทตฺวา อาหารํ ปฏิยาทาเปสิ. ตสฺส ปน เคเห เอกํ มณิรตนํ อตฺถิ. โส ตํ ตสฺส ยานกนฺตเร ปกฺขิปาเปตฺวา ปจฺจูสกาเล โจรานํ ปวิฏฺสทฺทํ กาเรสิ. อถสฺส ปุริสา ‘‘มณิรตนํ, สามิ, โจเรหิ หฏ’’นฺติ อาโรเจสุํ. โส คามทฺวาเรสุ อารกฺขํ เปตฺวา ‘‘อนฺโตคามโต นิกฺขมนฺเต วิจินถา’’ติ อาห. อิตโรปิ ปาโตว ยานกํ โยเชตฺวา ¶ ปายาสิ. อถสฺส ยานกํ โสเธนฺตา อตฺตนา ปิตํ มณิรตนํ ทิสฺวา สนฺตชฺเชตฺวา ‘‘ตฺวํ มณึ คเหตฺวา ปลายสี’’ติ โปเถตฺวา ‘‘คหิโต โน, สามิ, โจโร’’ติ คามโภชกสฺส ทสฺเสสุํ. โส ‘‘ภตกสฺส วต เม เคเห นิวาสํ ทตฺวา ภตฺตํ ทินฺนํ, มณึ คเหตฺวา คโต, คณฺหถ นํ ปาปปุริส’’นฺติ โปถาเปตฺวา มาเรตฺวา ฉฑฺฑาเปสิ. อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ. โส ตโต จุโต อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ทีฆรตฺตํ ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต ตเถว โปถิโต มรณํ ปาปุณิ.
เอวํ สตฺถา มหากาลสฺส ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, เอวํ อิเม สตฺเต อตฺตนา กตปาปกมฺมเมว จตูสุ อปาเยสุ อภิมตฺถตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตนา หิ กตํ ปาปํ, อตฺตชํ อตฺตสมฺภวํ;
อภิมตฺถติ ทุมฺเมธํ, วชิรํวสฺมมยํ มณิ’’นฺติ.
ตตฺถ วชิรํวสฺมมยํ มณินฺติ วชิรํว อสฺมมยํ มณึ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ปาสาณมยํ ปาสาณสมฺภวํ วชิรํ ตเมว อสฺมมยํ มณึ อตฺตโน อุฏฺานฏฺานสงฺขาตํ ปาสาณมณึ ขาทิตฺวา ฉิทฺทํ ฉิทฺทํ ขณฺฑํ ขณฺฑํ กตฺวา อปริโภคํ กโรติ, เอวเมว อตฺตนา กตํ อตฺตนิ ชาตํ อตฺตสมฺภวํ ¶ ¶ ปาปํ ทุมฺเมธํ นิปฺปฺํ ปุคฺคลํ จตูสุ อปาเยสุ อภิมตฺถติ กนฺตติ วิทฺธํเสตีติ.
เทสนาวสาเน สมฺปตฺตภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหากาลอุปาสกวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. เทวทตฺตวตฺถุ
ยสฺส ¶ อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม ทุสฺสีลฺยการเณน วฑฺฒิตาย ตณฺหาย อชาตสตฺตุํ สงฺคณฺหิตฺวา มหนฺตํ ลาภสกฺการํ นิพฺพตฺเตตฺวา อชาตสตฺตุํ ปิตุวเธ สมาทเปตฺวา เตน สทฺธึ เอกโต หุตฺวา นานปฺปกาเรน ตถาคตสฺส วธาย ปริสกฺกตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต นานปฺปกาเรน มยฺหํ วธาย ปริสกฺกตี’’ติ วตฺวา กุรุงฺคมิคชาตกาทีนิ (ชา. ๑.๒.๑๑๑-๒) กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อจฺจนฺตทุสฺสีลปุคฺคลํ นาม ทุสฺสีลฺยการณา อุปฺปนฺนา ตณฺหา มาลุวา วิย สาลํ ปริโยนนฺธิตฺวา สมฺภฺชมานา นิรยาทีสุ ปกฺขิปตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถามาห –
‘‘ยสฺส ¶ อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยํ, มาลุวา สาลมิโวตฺถตํ;
กโรติ โส ตถตฺตานํ, ยถา นํ อิจฺฉตี ทิโส’’ติ.
ตตฺถ อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยนฺติ เอกนฺตทุสฺสีลภาโว. คิหี วา ชาติโต ปฏฺาย ทส อกุสลกมฺมปเถ กโรนฺโต, ปพฺพชิโต วา อุปสมฺปนฺนทิวสโต ปฏฺาย ครุกาปตฺตึ อาปชฺชมาโน อจฺจนฺตทุสฺสีโล นาม. อิธ ปน โย ทฺวีสุ ตีสุ อตฺตภาเวสุ ทุสฺสีโล, เอตสฺส คติยา อาคตํ ทุสฺสีลภาวํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ทุสฺสีลภาโวติ เจตฺถ ทุสฺสีลสฺส ฉ ¶ ทฺวารานิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนา ตณฺหา เวทิตพฺพา. มาลุวา สาลมิโวตฺถตนฺติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ตํ ตณฺหาสงฺขาตํ ทุสฺสีลฺยํ ยถา นาม มาลุวา สาลํ โอตฺถรนฺตี เทเว วสฺสนฺเต ปตฺเตหิ อุทกํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สมฺภฺชนวเสน สพฺพตฺถกเมว ปริโยนนฺธติ, เอวํ อตฺตภาวํ โอตฺถตํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตํ. โส มาลุวาย สมฺภฺชิตฺวา ภูมิยํ ปาติยมาโน รุกฺโข วิย ตาย ทุสฺสีลฺยสงฺขาตาย ตณฺหาย สมฺภฺชิตฺวา อปาเยสุ ปาติยมาโน, ยถา นํ อนตฺถกาโม ทิโส อิจฺฉติ, ตถา อตฺตานํ กโรติ นามาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เทวทตฺตวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. สงฺฆเภทปริสกฺกนวตฺถุ
สุกรานีติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สงฺฆเภทปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ เทวทตฺโต สงฺฆเภทาย ปริสกฺกนฺโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา อตฺตโน อธิปฺปายํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา เถโร สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสึ. อทฺทสา โข มํ, ภนฺเต, เทวทตฺโต ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตํ. ทิสฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘อชฺชตคฺเค ทานาหํ, อาวุโส อานนฺท, อฺตฺเรว ภควตา อฺตฺร ภิกฺขุสงฺเฆน อุโปสถํ กริสฺสามิ สงฺฆกมฺมฺจา’ติ. อชฺช ภควา เทวทตฺโต สงฺฆํ ภินฺทิสฺสติ, อุโปสถฺจ กริสฺสติ สงฺฆกมฺมานิ จา’’ติ. เอวํ วุตฺเต สตฺถา –
‘‘สุกรํ สาธุนา สาธุ, สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ;
ปาปํ ปาเปน สุกรํ, ปาปมริเยหิ ทุกฺกร’’นฺติ. (อุทา. ๔๘) –
อิมํ ¶ อุทานํ อุทาเนตฺวา, ‘‘อานนฺท, อตฺตโน อหิตกมฺมํ นาม สุกรํ, หิตกมฺมเมว ทุกฺกร’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สุกรานิ อสาธูนิ, อตฺตโน อหิตานิ จ;
ยํ เว หิตฺจ สาธฺุจ, ตํ เว ปรมทุกฺกร’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ยานิ กมฺมานิ อสาธูนิ สาวชฺชานิ อปายสํวตฺตนิกตฺตาเยว อตฺตโน อหิตานิ จ โหนฺติ, ตานิ สุกรานิ ¶ . ยํ ปน สุคติสํวตฺตนิกตฺตา อตฺตโน หิตฺจ อนวชฺชตฺเถน สาธฺุจ สุคติสํวตฺตนิกฺเจว นิพฺพานสํวตฺตนิกฺจ กมฺมํ, ตํ ปาจีนนินฺนาย คงฺคาย อุพฺพตฺเตตฺวา ปจฺฉามุขกรณํ วิย อติทุกฺกรนฺติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สงฺฆเภทปริสกฺกนวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. กาลตฺเถรวตฺถุ
โย ¶ สาสนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กาลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรกา อิตฺถี มาตุฏฺาเน ตฺวา ตํ เถรํ อุปฏฺหิ. ตสฺสา ปฏิวิสฺสกเคเห มนุสฺสา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา ‘‘อโห พุทฺธา นาม อจฺฉริยา, อโห ธมฺมเทสนา มธุรา’’ติ ปสํสนฺติ. สา อิตฺถี เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหมฺปิ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ โสตุกามา’’ติ ตสฺส อาโรเจสิ. โส ‘‘ตตฺถ มา คมี’’ติ ตํ นิวาเรสิ. สา ปุนทิวเส ปุนทิวเสปีติ ยาวตติยํ เตน นิวาริยมานาปิ โสตุกามาว อโหสิ. กสฺมา โส ปเนตํ นิวาเรสีติ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา มยิ ภิชฺชิสฺสตี’’ติ. สา เอกทิวสํ ปาโตว ภุตฺตปาตราสา อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา, ‘‘อมฺม, สาธุกํ อยฺยํ ปริวิเสยฺยาสี’’ติ ธีตรํ อาณาเปตฺวา วิหารํ อคมาสิ. ธีตาปิสฺสา ตํ ภิกฺขุํ อาคตกาเล ปริวิสิตฺวา ‘‘กุหึ มหาอุปาสิกา’’ติ วุตฺตา ‘‘ธมฺมสฺสวนาย ¶ วิหารํ คตา’’ติ อาห. โส ตํ ¶ สุตฺวาว กุจฺฉิยํ อุฏฺิเตน ฑาเหน สนฺตปฺปมาโน ‘‘อิทานิ สา มยิ ภินฺนา’’ติ เวเคน คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณมานํ ทิสฺวา สตฺถารํ อาห, ‘‘ภนฺเต, อยํ อิตฺถี ทนฺธา สุขุมํ ธมฺมกถํ น ชานาติ, อิมิสฺสา ขนฺธาทิปฏิสํยุตฺตํ สุขุมํ ธมฺมกถํ อกเถตฺวา ทานกถํ วา สีลกถํ วา กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สตฺถา ตสฺสชฺฌาสยํ วิทิตฺวา ‘‘ตฺวํ ทุปฺปฺโ ปาปิกํ ทิฏฺึ นิสฺสาย พุทฺธานํ สาสนํ ปฏิกฺโกสสิ. อตฺตฆาตาเยว วายมสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โย สาสนํ อรหตํ, อริยานํ ธมฺมชีวินํ;
ปฏิกฺโกสติ ทุมฺเมโธ, ทิฏฺึ นิสฺสาย ปาปิกํ;
ผลานิ กฏฺกสฺเสว, อตฺตฆาตาย ผลฺลตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – โย ทุมฺเมโธ ปุคฺคโล อตฺตโน สกฺการหานิภเยน ปาปิกํ ทิฏฺึ นิสฺสาย ‘‘ธมฺมํ วา โสสฺสาม, ทานํ วา ทสฺสามา’’ติ วทนฺเต ปฏิกฺโกสนฺโต อรหตํ อริยานํ ธมฺมชีวินํ พุทฺธานํ สาสนํ ปฏิกฺโกสติ, ตสฺส ตํ ปฏิกฺโกสนํ สา จ ปาปิกา ทิฏฺิ เวฬุสงฺขาตสฺส กฏฺกสฺส ผลานิ วิย โหติ. ตสฺมา ยถา กฏฺโก ผลานิ คณฺหนฺโต อตฺตฆาตาย ผลฺลติ, อตฺตโน ฆาตตฺถเมว ผลติ, เอวํ โสปิ อตฺตฆาตาย ผลฺลตีติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ผลํ ¶ เว กทลึ หนฺติ, ผลํ เวฬุํ ผลํ นฬํ;
สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ, คพฺโภ อสฺสตรึ ยถา’’ติ. (จูฬว. ๓๓๕; อ. นิ. ๔.๖๘);
เทสนาวสาเน อุปาสิกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
กาลตฺเถรวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. จูฬกาลอุปาสกวตฺถุ
อตฺตนา ¶ ¶ หิ กตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูฬกาลํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ มหากาลวตฺถุสฺมึ วุตฺตนเยเนว อุมงฺคโจรา สามิเกหิ อนุพทฺธา รตฺตึ วิหาเร ธมฺมกถํ สุตฺวา ปาโตว วิหารา นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺตสฺส ตสฺส อุปาสกสฺส ปุรโต ภณฺฑิกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ รตฺตึ โจรกมฺมํ กตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต วิย จรติ, คณฺหถ น’’นฺติ ตํ โปถยึสุ. กุมฺภทาสิโย อุทกติตฺถํ คจฺฉมานา ตํ ทิสฺวา ‘‘อเปถ, สามิ, นายํ เอวรูปํ กโรตี’’ติ ตํ โมเจสุํ. โส วิหารํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหมฺหิ มนุสฺเสหิ นาสิโต, กุมฺภทาสิโย เม นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ. ภิกฺขู ตถาคตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, จูฬกาลอุปาสโก กุมฺภทาสิโย เจว นิสฺสาย, อตฺตโน จ อกรณภาเวน ชีวิตํ ลภิ. อิเม หิ นาม สตฺตา อตฺตนา ปาปกมฺมํ กตฺวา นิรยาทีสุ อตฺตนาว กิลิสฺสนฺติ, กุสลํ กตฺวา ปน สุคติฺเจว นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺตา อตฺตนาว วิสุชฺฌนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตนา หิ กตํ ปาปํ, อตฺตนา สํกิลิสฺสติ;
อตฺตนา อกตํ ปาปํ, อตฺตนาว วิสุชฺฌติ;
สุทฺธี อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ, นาฺโ อฺํ วิโสธเย’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – เยน อตฺตนา อกุสลกมฺมํ กตํ โหติ, โส จตูสุ อปาเยสุ ทุกฺขํ อนุภวนฺโต ¶ อตฺตนาว สํกิลิสฺสติ. เยน ปน อตฺตนา อกตํ ปาปํ, โส สุคติฺเจว นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺโต อตฺตนาว วิสุชฺฌติ. กุสลกมฺมสงฺขาตา สุทฺธิ อกุสลกมฺมสงฺขาตา จ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ การกสตฺตานํ อตฺตนิเยว วิปจฺจติ. อฺโ ปุคฺคโล อฺํ ปุคฺคลํ น วิโสธเย เนว วิโสเธติ, น กิเลเสตีติ วุตฺตํ โหติ.
เทสนาวสาเน ¶ จูฬกาโล โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
จูฬกาลอุปาสกวตฺถุ นวมํ.
๑๐. อตฺตทตฺถตฺเถรวตฺถุ
อตฺตทตฺถนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อตฺตทตฺถตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถารา หิ ปรินิพฺพานกาเล, ‘‘ภิกฺขเว, อหํ อิโต จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วุตฺเต อุปฺปนฺนสํเวคา สตฺตสตา ปุถุชฺชนา ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติกํ อวิชหิตฺวา ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, กริสฺสามา’’ติ สมฺมนฺตยมานา วิจรนฺติ. อตฺตทตฺถตฺเถโร ปน จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถา กิร จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสติ, อหฺจมฺหิ อวีตราโค, สตฺถริ ธรมาเนเยว อรหตฺตตฺถาย วายมิสฺสามี’’ติ. โส ภิกฺขูนํ สนฺติกํ น คจฺฉติ. อถ นํ ภิกฺขู ‘‘กสฺมา, อาวุโส, ตฺวํ เนว อมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉสิ, น กิฺจิ มนฺเตสี’’ติ วตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อยํ, ภนฺเต, เอวํ นาม กโรตี’’ติ อาโรจยึสุ. โส สตฺถาราปิ ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตุมฺเห กิร, ภนฺเต, จตุมาสจฺจเยน ¶ ปรินิพฺพายิสฺสถ, อหํ ตุมฺเหสุ ธรนฺเตสุเยว อรหตฺตปฺปตฺติยา วายมิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ยสฺส มยิ สิเนโห อตฺถิ, เตน อตฺตทตฺเถน วิย ภวิตุํ วฏฺฏติ. น หิ คนฺธาทีหิ ปูเชนฺตา มํ ปูเชนฺติ, ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติยา ปน มํ ปูเชนฺติ. ตสฺมา อฺเนปิ อตฺตทตฺถสทิเสเนว ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตทตฺถํ ปรตฺเถน, พหุนาปิ น หาปเย;
อตฺตทตฺถมภิฺาย, สทตฺถปสุโต สิยา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – คิหิภูตา ตาว กากณิกมตฺตมฺปิ อตฺตโน อตฺถํ สหสฺสมตฺเตนาปิ ปรสฺส อตฺเถน ¶ น หาปเย. กากณิกมตฺเตนาปิ หิสฺส อตฺตทตฺโถว ขาทนียํ วา โภชนียํ วา นิปฺผาเทยฺย, น ปรตฺโถ. อิทํ ¶ ปน เอวํ อกเถตฺวา กมฺมฏฺานสีเสน กถิตํ, ตสฺมา ‘‘อตฺตทตฺถํ น หาเปมี’’ติ ภิกฺขุนา นาม สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนํ เจติยปฏิสงฺขรณาทิกิจฺจํ วา อุปชฺฌายาทิวตฺตํ วา น หาเปตพฺพํ. อาภิสมาจาริกวตฺตฺหิ ปูเรนฺโตเยว อริยผลาทีนิ สจฺฉิกโรติ, ตสฺมา อยมฺปิ อตฺตทตฺโถว. โย ปน อจฺจารทฺธวิปสฺสโก ‘‘อชฺช วา สุเว วา’’ติ ปฏิเวธํ ปตฺถยมาโน วิจรติ, เตน อุปชฺฌายวตฺตาทีนิปิ หาเปตฺวา อตฺตโน กิจฺจเมว กาตพฺพํ. เอวรูปฺหิ อตฺตทตฺถมภิฺาย ‘‘อยํ เม อตฺตโน อตฺโถ’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ¶ , สทตฺถปสุโต สิยาติ ตสฺมึ สเก อตฺเถ อุยฺยุตฺตปยุตฺโต ภเวยฺยาติ.
เทสนาวสาเน โส เถโร อรหตฺเต ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตภิกฺขูนมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อตฺตทตฺถตฺเถรวตฺถุ ทสมํ.
อตฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ทฺวาทสโม วคฺโค.