📜

๑๓. โลกวคฺโค

๑. ทหรภิกฺขุวตฺถุ

หีนํธมฺมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ทหรภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

อฺตโร กิร เถโร ทหรภิกฺขุนา สทฺธึ ปาโตว วิสาขาย เคหํ อคมาสิ. วิสาขาย เคเห ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ ธุวยาคุ นิจฺจปฺตฺตา โหติ. เถโร ตตฺถ ยาคุํ ปิวิตฺวา ทหรภิกฺขุํ นิสีทาเปตฺวา สยํ อฺํ เคหํ อคมาสิ. เตน จ สมเยน วิสาขาย ปุตฺตสฺส ธีตา อยฺยิกาย าเน ตฺวา ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจํ กโรติ. สา ตสฺส ทหรสฺส อุทกํ ปริสฺสาเวนฺตี จาฏิยํ อตฺตโน มุขนิมิตฺตํ ทิสฺวา หสิ, ทหโรปิ ตํ โอโลเกตฺวา หสิ. สา ตํ หสมานํ ทิสฺวา ‘‘ฉินฺนสีโส หสตี’’ติ อาห. อถ นํ ทหโร ‘‘ตฺวํ ฉินฺนสีสา, มาตาปิตโรปิ เต ฉินฺนสีสา’’ติ อกฺโกสิ. สา โรทมานา มหานเส อยฺยิกาย สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ อิทํ, อมฺมา’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สา ทหรสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มา กุชฺฌิ, น เอตํ ฉินฺนเกสนขสฺส ฉินฺนนิวาสนปารุปนสฺส มชฺเฌ ฉินฺนกปาลํ อาทาย ภิกฺขาย จรนฺตสฺส อยฺยสฺส อครุก’’นฺติ อาห. ทหโร อาม, อุปาสิเก, ตฺวํ มม ฉินฺนเกสาทิภาวํ ชานาสิ, อิมิสฺสา มํ ‘‘ฉินฺนสีโส’’ติ กตฺวา อกฺโกสิตุํ วฏฺฏิสฺสตีติ. วิสาขา เนว ทหรํ สฺาเปตุํ อสกฺขิ, นปิ ทาริกํ. ตสฺมึ ขเณ เถโร อาคนฺตฺวา ‘‘กิมิทํ อุปาสิเก’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ทหรํ โอวทนฺโต อาห – ‘‘อเปหิ, อาวุโส, นายํ ฉินฺนเกสนขวตฺถสฺส มชฺเฌ ฉินฺนกปาลํ อาทาย ภิกฺขาย จรนฺตสฺส อกฺโกโส, ตุณฺหี โหหี’’ติ. อาม, ภนฺเต, กึ ตุมฺเห อตฺตโน อุปฏฺายิกํ อตชฺเชตฺวา มํ ตชฺเชถ, มํ ‘‘ฉินฺนสีโส’’ติ อกฺโกสิตุํ วฏฺฏิสฺสตีติ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิ. วิสาขา อาทิโต ปฏฺาย ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺส ทหรสฺส โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘มยา อิมํ ทหรํ อนุวตฺติตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา วิสาขํ อาห – ‘‘กึ ปน วิสาเข ตว ทาริกาย ฉินฺนเกสาทิมตฺตเกเนว มม สาวเก ฉินฺนสีเส กตฺวา อกฺโกสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ทหโร ตาวเทว อุฏฺาย อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา , ‘‘ภนฺเต, เอตํ ปฺหํ ตุมฺเหว สุฏฺุ ชานาถ, อมฺหากํ อุปชฺฌาโย จ อุปาสิกา จ สุฏฺุ น ชานนฺตี’’ติ อาห. สตฺถา ทหรสฺส อตฺตโน อนุกุลภาวํ ตฺวา ‘‘กามคุณํ อารพฺภ หสนภาโว นาม หีโน ธมฺโม, หีนฺจ นาม ธมฺมํ เสวิตุํ ปมาเทน สทฺธึ สํวสิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๖๗.

‘‘หีนํ ธมฺมํ น เสเวยฺย, ปมาเทน น สํวเส;

มิจฺฉาทิฏฺึ น เสเวยฺย, น สิยา โลกวฑฺฒโน’’ติ.

ตตฺถ หีนํ ธมฺมนฺติ ปฺจกามคุณํ ธมฺมํ. โส หิ หีโน ธมฺโม น อนฺตมโส โอฏฺโคณาทีหิปิ ปฏิเสวิตพฺโพ. หีเนสุ จ นิรยาทีสุ าเนสุ นิพฺพตฺตาเปตีติ หีโน นาม, ตํ น เสเวยฺย. ปมาเทนาติ สติโวสฺสคฺคลกฺขเณน ปมาเทนาปิ น สํวเส. น เสเวยฺยาติ มิจฺฉาทิฏฺิมฺปิ น คณฺเหยฺย. โลกวฑฺฒโนติ โย หิ เอวํ กโรติ, โส โลกวฑฺฒโน นาม โหติ. ตสฺมา เอวํ อกรเณน น สิยา โลกวฑฺฒโนติ.

เทสนาวสาเน โส ทหโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ทหรภิกฺขุวตฺถุ ปมํ.

๒. สุทฺโธทนวตฺถุ

อุตฺติฏฺเติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต ปิตรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา ปมคมเนน กปิลปุรํ คนฺตฺวา าตีหิ กตปจฺจุคฺคมโน นิคฺโรธารามํ ปตฺวา าตีนํ มานภินฺทนตฺถาย อากาเส รตนจงฺกมํ มาเปตฺวา ตตฺถ จงฺกมนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. าตี ปสนฺนจิตฺตา สุทฺโธทนมหาราชานํ อาทึ กตฺวา วนฺทึสุ. ตสฺมึ าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. ตํ อารพฺภ มหาชเนน กถาย สมุฏฺาปิตาย ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ มยฺหํ าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิเยวา’’ติ วตฺวา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถสิ. ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปกฺกมนฺเตสุ าตีสุ เอโกปิ สตฺถารํ น นิมนฺเตสิ. ราชาปิ ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต มม เคหํ อนาคนฺตฺวา กหํ คมิสฺสตี’’ติ อนิมนฺเตตฺวาว อคมาสิ. คนฺตฺวา จ ปน เคเห วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ ยาคุอาทีนิ ปฏิยาทาเปตฺวา อาสนานิ ปฺาเปสิ. ปุนทิวเส สตฺถา ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต ‘‘กึ นุ โข อตีตพุทฺธา ปิตุ นครํ ปตฺวา อุชุกเมว าติกุลํ ปวิสึสุ, อุทาหุ ปฏิปาฏิยา ปิณฺฑาย จรึสู’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘ปฏิปาฏิยา จรึสู’’ติ ทิสฺวา ปมเคหโต ปฏฺาย ปิณฺฑาย จรนฺโต ปายาสิ. ราหุลมาตา ปาสาทตเล นิสินฺนาว ทิสฺวา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา สาฏกํ สณฺาเปนฺโต เวเคน นิกฺขมิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา – ‘‘ปุตฺต, กสฺมา มํ นาเสสิ, อติวิย เต ปิณฺฑาย จรนฺเตน ลชฺชา อุปฺปาทิตา, ยุตฺตํ นาม โว อิมสฺมึเยว นคเร สุวณฺณสิวิกาทีหิ วิจริตฺวา ปิณฺฑาย จริตุํ, กึ มํ ลชฺชาเปสี’’ติ? ‘‘นาหํ ตํ, มหาราช, ลชฺชาเปมิ, อตฺตโน ปน กุลวํสํ อนุวตฺตามี’’ติ. ‘‘กึ ปน, ตาต, ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวนวํโส มม วํโส’’ติ? ‘‘เนโส, มหาราช, ตว วํโส, มม ปเนโส วํโส. อเนกานิ หิ พุทฺธสหสฺสานิ ปิณฺฑาย จริตฺวาว ชีวึสู’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๑๖๘.

‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, ธมฺมํ สุจริตํ จเร;

ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.

๑๖๙.

‘‘ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร;

ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ.

ตตฺถ อุตฺติฏฺเติ อุฏฺหิตฺวา ปเรสํ ฆรทฺวาเร ตฺวา คเหตพฺพปิณฺเฑ. นปฺปมชฺเชยฺยาติ ปิณฺฑจาริกวตฺตฺหิ หาเปตฺวา ปณีตโภชนานิ ปริเยสนฺโต อุตฺติฏฺเ ปมชฺชติ นาม, สปทานํ ปิณฺฑาย จรนฺโต ปน น ปมชฺชติ นาม. เอวํ กโรนฺโต อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย. ธมฺมนฺติ อเนสนํ ปหาย สปทานํ จรนฺโต ตเมว ภิกฺขาจริยธมฺมํ สุจริตํ จเร. สุขํ เสตีติ เทสนามตฺตเมตํ, เอวํ ปเนตํ ภิกฺขาจริยธมฺมํ จรนฺโต ธมฺมจารี อิธ โลเก จตูหิ อิริยาปเถหิ สุขํ วิหรตีติ อตฺโถ. น นํ ทุจฺจริตนฺติ เวสิยาทิเภเท อโคจเร จรนฺโต ภิกฺขาจริยธมฺมํ ทุจฺจริตํ จรติ นาม. เอวํ อจริตฺวา ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร. เสสํ วุตฺตตฺถเมว.

เทสนาวสาเน ราชา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

สุทฺโธทนวตฺถุ ทุติยํ.

๓. ปฺจสตวิปสฺสกภิกฺขุวตฺถุ

ยถาปุพฺพุฬกนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต วิปสฺสเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏนฺตา วายมนฺตา อปฺปวิเสสา ‘‘วิเสเสตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหสฺสามา’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค มรีจิกมฺมฏฺานํ ภาเวนฺตาว อาคมึสุ . เตสํ วิหารํ ปวิฏฺกฺขเณเยว เทโว วสฺสิ. เต ตตฺถ ตตฺถ ปมุเขสุ ตฺวา ธาราเวเคน อุฏฺหิตฺวา ภิชฺชนฺเต ปุพฺพฬเก ทิสฺวา ‘‘อยมฺปิ อตฺตภาโว อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชนตฺเถน ปุพฺพุฬกสทิโสเยวา’’ติ อารมฺมณํ คณฺหึสุ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว เต ภิกฺขู โอโลเกตฺวา เตหิ สทฺธึ กเถนฺโต วิย โอภาสํ ผริตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๐.

‘‘ยถา ปุพฺพุฬกํ ปสฺเส, ยถา ปสฺเส มรีจิกํ;

เอวํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ, มจฺจุราชา น ปสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ มรีจิกนฺติ มยูขํ. เต หิ ทูรโตว เคหสณฺานาทิวเสน อุปฏฺิตาปิ อุปคจฺฉนฺตานํ อคยฺหูปคา ริตฺตกา ตุจฺฉกาว. ตสฺมา ยถา อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชนตฺเถน ปุพฺพุฬกํ ริตฺตตุจฺฉาทิภาเวเนว ปสฺเสยฺย, เอวํ ขนฺธาทิโลกํ อเวกฺขนฺตํ มจฺจุราชา น ปสฺสตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู ิตฏฺาเนเยว อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ.

ปฺจสตวิปสฺสกภิกฺขุวตฺถุ ตติยํ.

๔. อภยราชกุมารวตฺถุ

เอถ ปสฺสถิมํ โลกนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อภยราชกุมารํ อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺส กิร ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา อาคตสฺส ปิตา พิมฺพิสาโร ตุสฺสิตฺวา เอกํ นจฺจคีตกุสลํ นาฏกิตฺถึ ทตฺวา สตฺตาหํ รชฺชมทาสิ. โส สตฺตาหํ เคหา พหิ อนิกฺขนฺโตว รชฺชสิรึ อนุภวิตฺวา อฏฺเม ทิวเส นทีติตฺถํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา สนฺตติมหามตฺโต วิย ตสฺสา อิตฺถิยา นจฺจคีตํ ปสฺสนฺโต นิสีทิ. สาปิ ตงฺขณฺเว สนฺตติมหามตฺตสฺส นาฏกิตฺถี วิย สตฺถกวาตานํ วเสน กาลมกาสิ. กุมาโร ตสฺสา กาลกิริยาย อุปฺปนฺนโสโก ‘‘น เม อิมํ โสกํ เปตฺวา สตฺถารํ อฺโ นิพฺพาเปตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โสกํ เม นิพฺพาเปถา’’ติ อาห. สตฺถา ตํ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘ตยา หิ, กุมาร, อิมิสฺสา อิตฺถิยา เอวเมว มตกาเล โรทนฺเตน ปวตฺติตานํ อสฺสูนํ อนมตคฺเค สํสาเร ปมาณํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ตาย เทสนาย โสกสฺส ตนุภาวํ ตฺวา, ‘‘กุมาร, มา โสจิ, พาลชนานํ สํสีทนฏฺานเมต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๑.

‘‘เอถ ปสฺสถิมํ โลกํ, จิตฺตํ ราชรถูปมํ;

ยตฺถ พาลา วิสีทนฺติ, นตฺถิ สงฺโค วิชานต’’นฺติ.

ตตฺถ เต ปสฺสถาติ ราชกุมารเมว สนฺธายาห. อิมํ โลกนฺติ อิมํ ขนฺธโลกาทิสงฺขาตํ อตฺตภาวํ. จิตฺตนฺติ สตฺตรตนาทิวิจิตฺตํ ราชรถํ วิย วตฺถาลงฺการาทิจิตฺติตํ. ยตฺถ พาลาติ ยสฺมึ อตฺตภาเว พาลา เอวํ วิสีทนฺติ. วิชานตนฺติ วิชานนฺตานํ ปณฺฑิตานํ เอตฺถ ราคสงฺคาทีสุ เอโกปิ สงฺโค นตฺถีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน ราชกุมาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

อภยราชกุมารวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. สมฺมชฺชนตฺเถรวตฺถุ

โยจ ปุพฺเพติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺมชฺชนตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร ปาโต วา สายํ วาติ เวลํ ปมาณํ อกตฺวา อภิกฺขณํ สมฺมชฺชนฺโตว วิจรติ. โส เอกทิวสํ สมฺมชฺชนึ คเหตฺวา ทิวาฏฺาเน นิสินฺนสฺส เรวตตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อยํ มหากุสีโต ชนสฺส สทฺธาเทยฺยํ ภุฺชิตฺวา อาคนฺตฺวา นิสีทติ, กึ นาเมตสฺส สมฺมชฺชนึ คเหตฺวา เอกํ านํ สมฺมชฺชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. เถโร ‘‘โอวาทมสฺส ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอหาวุโสติ. กึ, ภนฺเตติ? คจฺฉ นฺหตฺวา เอหีติ. โส ตถา อกาสิ. อถ นํ เถโร เอกมนฺตํ นิสีทาเปตฺวา โอวทนฺโต อาห – ‘‘อาวุโส, ภิกฺขุนา นาม น สพฺพกาลํ สมฺมชฺชนฺเตน วิจริตุํ วฏฺฏติ, ปาโต เอว ปน สมฺมชฺชิตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺเตน อาคนฺตฺวา รตฺติฏฺาเน วา ทิวาฏฺาเน วา นิสินฺเนน ทฺวตฺตึสาการํ สชฺฌายิตฺวา อตฺตภาเว ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา สายนฺเห อุฏฺาย สมฺมชฺชิตุํ วฏฺฏติ, นิจฺจกาลํ อสมฺมชฺชิตฺวา อตฺตโนปิ นาม โอกาโส กาตพฺโพ’’ติ. โส เถรสฺส โอวาเท ตฺวา น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตํ ตํ านํ อุกฺลาปํ อโหสิ. อถ นํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘อาวุโส สมฺมชฺชนตฺเถร, ตํ ตํ านํ อุกฺลาปํ กสฺมา น สมฺมชฺชสี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, มยา ปมาทกาเล เอวํ กตํ, อิทานามฺหิ อปฺปมตฺโต’’ติ. ภิกฺขู ‘‘อยํ เถโร อฺํ พฺยากโรตี’’ติ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต ปุพฺเพ ปมาทกาเล สมฺมชฺชนฺโต วิจริ, อิทานิ ปน มคฺคผลสุเขน วีตินาเมนฺโต น สมฺมชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๒.

‘‘โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา, ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ;

โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – โย ปุคฺคโล ปุพฺเพ วตฺตปฏิวตฺตกรเณน วา สชฺฌายาทีหิ วา ปมชฺชิตฺวา ปจฺฉา มคฺคผลสุเขน วีตินาเมนฺโต นปฺปมชฺชติ, โส อพฺภาทีหิ มุตฺโต จนฺโทว โอกาสโลกํ มคฺคาเณน อิมํ ขนฺธาทิโลกํ โอภาเสติ, เอกาโลกํ กโรตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สมฺมชฺชนตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. องฺคุลิมาลตฺเถรวตฺถุ

ยสฺส ปาปนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต องฺคุลิมาลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ องฺคุลิมาลสุตฺตนฺตวเสเนว (ม. นิ. ๒.๓๔๗ อาทโย) เวทิตพฺพํ.

เถโร ปน สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล รโหคโต ปฏิสลฺลีโน วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที. ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา, ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ;

โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา’’ติ. –

อาทินา นเยน อุทานํ อุทาเนตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต. ภิกฺขู ‘‘กหํ นุ โข, อาวุโส, เถโร อุปฺปนฺโน’’ติ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ? สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, องฺคุลิมาลตฺเถรสฺส นิพฺพตฺตฏฺานกถายา’’ติ วุตฺเต ‘‘ปรินิพฺพุโต จ, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอตฺตเก มนุสฺเส มาเรตฺวา ปรินิพฺพุโต’’ติ? ‘‘อาม, ภิกฺขเว, โส ปุพฺเพ เอกํ กลฺยาณมิตฺตํ อลภิตฺวา เอตฺตกํ ปาปมกาสิ, ปจฺฉา ปน กลฺยาณมิตฺตปจฺจยํ ลภิตฺวา อปฺปมตฺโต อโหสิ. เตนสฺส ตํ ปาปกมฺมํ กุสเลน ปิหิต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๓.

‘‘ยสฺส ปาปํ กตํ กมฺมํ, กุสเลน ปิธียติ;

โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา’’ติ.

ตตฺถ กุสเลนาติ อรหตฺตมคฺคํ สนฺธาย วุตฺตํ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

องฺคุลิมาลตฺเถรวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. เปสการธีตาวตฺถุ

อนฺธภูโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อคฺคาฬเว เจติเย วิหรนฺโต เอกํ เปสการธีตรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ อาฬวิวาสิโน สตฺถริ อาฬวึ สมฺปตฺเต นิมนฺเตตฺวา ทานํ อทํสุ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘อทฺธุวํ เม ชีวิตํ, ธุวํ เม มรณํ, อวสฺสํ มยา มริตพฺพเมว , มรณปริโยสานํ เม ชีวิตํ, ชีวิตเมว อนิยตํ, มรณํ นิยตนฺติ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวถ. เยสฺหิ มรณสฺสติ อภาวิตา, เต ปจฺฉิเม กาเล อาสีวิสํ ทิสฺวา ภีตอทณฺฑปุริโส วิย สนฺตาสปฺปตฺตา เภรวรวํ รวนฺตา กาลํ กโรนฺติ. เยสํ ปน มรณสฺสติ ภาวิตา, เต ทูรโตว อาสีวิสํ ทิสฺวา ทณฺฑเกน คเหตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา ิตปุริโส วิย ปจฺฉิเม กาเล น สนฺตสนฺติ, ตสฺมา มรณสฺสติ ภาเวตพฺพา’’ติ อาห. ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อวเสสชนา สกิจฺจปฺปสุตาว อเหสุํ. เอกา ปน โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา เปสการธีตา ‘‘อโห พุทฺธานํ กถา นาม อจฺฉริยา, มยา ปน มรณสฺสตึ ภาเวตุํ วฏฺฏตี’’ติ รตฺตินฺทิวํ มรณสฺสติเมว ภาเวสิ. สตฺถาปิ ตโต นิกฺขมิตฺวา เชตวนํ อคมาสิ. สาปิ กุมาริกา ตีณิ วสฺสานิ มรณสฺสตึ ภาเวสิเยว.

อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตํ กุมาริกํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโตปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อิมาย กุมาริกาย มม ธมฺมเทสนาย สุตทิวสโต ปฏฺาย ตีณิ วสฺสานิ มรณสฺสติ ภาวิตา, อิทานาหํ ตตฺถ คนฺตฺวา อิมํ กุมาริกํ จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา ตาย วิสฺสชฺเชนฺติยา จตูสุ าเนสุ สาธุการํ ทตฺวา อิมํ คาถํ ภาสิสฺสามิ. สา คาถาวสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิสฺสติ, ตํ นิสฺสาย มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร เชตวนา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน อคฺคาฬววิหารํ อคมาสิ. อาฬวิวาสิโน ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ตํ วิหารํ คนฺตฺวา นิมนฺตยึสุ. ตทา สาปิ กุมาริกา สตฺถุ อาคมนํ สุตฺวา ‘‘อาคโต กิร มยฺหํ ปิตา, สามิ, อาจริโย ปุณฺณจนฺทมุโข มหาโคตมพุทฺโธ’’ติ ตุฏฺมานสา ‘‘อิโต เม ติณฺณํ สํวจฺฉรานํ มตฺถเก สุวณฺณวณฺโณ สตฺถา ทิฏฺปุพฺโพ, อิทานิสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ทฏฺุํ มธุโรชฺจ วรธมฺมํ โสตุํ ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. ปิตา ปนสฺสา สาลํ คจฺฉนฺโต อาห – ‘‘อมฺม, ปรสนฺตโก เม สาฏโก อาโรปิโต, ตสฺส วิทตฺถิมตฺตํ อนิฏฺิตํ, ตํ อชฺช นิฏฺาเปสฺสามิ, สีฆํ เม ตสรํ วฏฺเฏตฺวา อาหเรยฺยาสี’’ติ. สา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สตฺถุ ธมฺมํ โสตุกามา, ปิตา จ มํ เอวํ อาห. กึ นุ โข สตฺถุ ธมฺมํ สุณามิ, อุทาหุ ปิตุ ตสรํ วฏฺเฏตฺวา หรามี’’ติ? อถสฺสา เอตทโหสิ ‘‘ปิตา มํ ตสเร อนาหริยมาเน โปเถยฺยปิ ปหเรยฺยปิ, ตสฺมา ตสรํ วฏฺเฏตฺวา ตสฺส ทตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ ปีเก นิสีทิตฺวา ตสรํ วฏฺเฏสิ.

อาฬวิวาสิโนปิ สตฺถารํ ปริวิสิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อนุโมทนตฺถาย อฏฺํสุ. สตฺถา ‘‘ยมหํ กุลธีตรํ นิสฺสาย ตึสโยชนมคฺคํ อาคโต, สา อชฺชาปิ โอกาสํ น ลภติ. ตาย โอกาเส ลทฺเธ อนุโมทนํ กริสฺสามี’’ติ ตุณฺหีภูโต อโหสิ. เอวํ ตุณฺหีภูตมฺปิ สตฺถารํ สเทวเก โลเก โกจิ กิฺจิ วตฺตุํ น วิสหติ. สาปิ โข กุมาริกา ตสรํ วฏฺเฏตฺวา ปจฺฉิยํ เปตฺวา ปิตุ สนฺติกํ คจฺฉมานา ปริสปริยนฺเต ตฺวา สตฺถารํ โอโลกยมานาว อฏฺาสิ. สตฺถาปิ คีวํ อุกฺขิปิตฺวา ตํ โอโลเกสิ. สา โอโลกิตากาเรเนว อฺาสิ – ‘‘สตฺถา เอวรูปาย ปริสาย มชฺเฌ นิสีทิตฺวาว มํ โอโลเกนฺโต มมาคมนํ ปจฺจาสีสติ, อตฺตโน สนฺติกํ อาคมนเมว ปจฺจาสีสตี’’ติ. สา ตสรปจฺฉึ เปตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. กสฺมา ปน นํ สตฺถา โอโลเกสีติ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘เอสา เอตฺโตว คจฺฉมานา ปุถุชฺชนกาลกิริยํ กตฺวา อนิยตคติกา ภวิสฺสติ, มม สนฺติกํ อาคนฺตฺวา คจฺฉมานา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา นิยตคติกา หุตฺวา ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ. ตสฺสา กิร ตํ ทิวสํ มรณโต มุตฺติ นาม นตฺถิ. สา โอโลกิตสฺาเณเนว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ฉพฺพณฺณรํสีนํ อนฺตรํ ปวิสิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตถารูปาย ปริสาย มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ตุณฺหีภูตํ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ิตกฺขเณเยว ตํ อาห – ‘‘กุมาริเก, กุโต อาคจฺฉสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กตฺถ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘น ชานาสี’’ติ? ‘‘ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. อิติ นํ สตฺถา จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิ. มหาชโน อุชฺฌายิ – ‘‘อมฺโภ, ปสฺสถ, อยํ เปสการธีตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สทฺธึ อิจฺฉิติจฺฉิตํ กเถสิ, นนุ นาม อิมาย ‘กุโต อาคจฺฉสี’ติ วุตฺเต ‘เปสการเคหโต’ติ วตฺตพฺพํ. ‘กหํ คจฺฉสี’ติ วุตฺเต ‘เปสการสาล’นฺติ วตฺตพฺพํ สิยา’’ติ.

สตฺถา มหาชนํ นิสฺสทฺทํ กตฺวา, ‘‘กุมาริเก, ตฺวํ กุโต อาคจฺฉสี’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา น ชานามีติ วเทสี’’ติ ปุจฺฉิ. ภนฺเต, ตุมฺเห มม เปสการเคหโต อาคตภาวํ ชานาถ, ‘‘กุโต อาคตาสี’’ติ ปุจฺฉนฺตา ปน ‘‘กุโต อาคนฺตฺวา อิธ นิพฺพตฺตาสี’’ติ ปุจฺฉถ. อหํ ปน น ชานามิ ‘‘กุโต จ อาคนฺตฺวา อิธ นิพฺพตฺตามฺหี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘สาธุ สาธุ, กุมาริเก, มยา ปุจฺฉิตปฺโหว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ ปมํ สาธุการํ ทตฺวา อุตฺตริมฺปิ ปุจฺฉิ – ‘‘กตฺถ คมิสฺสสีติ ปุน ปุฏฺา กสฺมา ‘น ชานามี’ติ วเทสี’’ติ? ภนฺเต, ตุมฺเห มํ ตสรปจฺฉึ คเหตฺวา เปสการสาลํ คจฺฉนฺตึ ชานาถ, ‘‘อิโต คนฺตฺวา กตฺถ นิพฺพตฺติสฺสสี’’ติ ปุจฺฉถ. อหฺจ อิโต จุตา น ชานามิ ‘‘กตฺถ คนฺตฺวา นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘มยา ปุจฺฉิตปฺโหเยว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ ทุติยํ สาธุการํ ทตฺวา อุตฺตริมฺปิ ปุจฺฉิ – ‘‘อถ กสฺมา ‘น ชานาสี’ติ ปุฏฺา ‘ชานามี’ติ วเทสี’’ติ? ‘‘มรณภาวํ ชานามิ, ภนฺเต, ตสฺมา เอวํ วเทมี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘มยา ปุจฺฉิตปฺโหเยว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ ตติยํ สาธุการํ ทตฺวา อุตฺตริมฺปิ ปุจฺฉิ – ‘‘อถ กสฺมา ‘ชานาสี’ติ ปุฏฺา ‘น ชานามี’ติ วเทสี’’ติ. มม มรณภาวเมว อหํ ชานามิ, ภนฺเต, ‘‘รตฺตินฺทิวปุพฺพณฺหาทีสุ ปน อสุกกาเล นาม มริสฺสามี’’ติ น ชานามิ, ตสฺมา เอวํ วเทมีติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘มยา ปุจฺฉิตปฺโหเยว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ จตุตฺถํ สาธุการํ ทตฺวา ปริสํ อามนฺเตตฺวา ‘‘เอตฺตกํ นาม ตุมฺเห อิมาย กถิตํ น ชานาถ, เกวลํ อุชฺฌายเถว. เยสฺหิ ปฺาจกฺขุ นตฺถิ, เต อนฺธา เอว . เยสํ ปฺาจกฺขุ อตฺถิ, เต เอว จกฺขุมนฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๔.

‘‘อนฺธภูโต อยํ โลโก, ตนุเกตฺถ วิปสฺสติ;

สกุโณ ชาลมุตฺโตว, อปฺโป สคฺคาย คจฺฉตี’’ติ.

ตตฺถ อนฺธภูโต อยํ โลโกติ อยํ โลกิยมหาชโน ปฺาจกฺขุโน อภาเวน อนฺธภูโต. ตนุเกตฺถาติ ตนุโก เอตฺถ, น พหุ ชโน อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสติ. ชาลมุตฺโตวาติ ยถา เฉเกน สากุณิเกน ชาเลน โอตฺถริตฺวา คยฺหมาเนสุ วฏฺฏเกสุ โกจิเทว ชาลโต มุจฺจติ. เสสา อนฺโตชาลเมว ปวิสนฺติ. ตถา มรณชาเลน โอตฺถเฏสุ สตฺเตสุ พหู อปายคามิโน โหนฺติ, อปฺโป โกจิเทว สตฺโต สคฺคาย คจฺฉติ, สุคตึ วา นิพฺพานํ วา ปาปุณาตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน กุมาริกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

สาปิ ตสรปจฺฉึ คเหตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อคมาสิ, โสปิ นิสินฺนโกว นิทฺทายิ. ตสฺสา อสลฺลกฺเขตฺวาว ตสรปจฺฉึ อุปนาเมนฺติยา ตสรปจฺฉิ เวมโกฏิยํ ปฏิหฺิตฺวา สทฺทํ กุรุมานา ปติ. โส ปพุชฺฌิตฺวา คหิตนิมิตฺเตเนว เวมโกฏึ อากฑฺฒิ. เวมโกฏิ คนฺตฺวา ตํ กุมาริกํ อุเร ปหริ, สา ตตฺเถว กาลํ กตฺวา ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ. อถสฺสา ปิตา ตํ โอโลเกนฺโต สกลสรีเรน โลหิตมกฺขิเตน ปติตฺวา มตํ อทฺทส. อถสฺส มหาโสโก อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘น มม โสกํ อฺโ นิพฺพาเปตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ โรทนฺโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โสกํ เม นิพฺพาเปถา’’ติ อาห. สตฺถา ตํ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘มา โสจิ, อุปาสก. อนมตคฺคสฺมิฺหิ สํสาเร ตว เอวเมว ธีตุ มรณกาเล ปคฺฆริตอสฺสุ จตุนฺนํ มหาสมุทฺทานํ อุทกโต อติเรกตร’’นฺติ วตฺวา อนมตคฺคกถํ กเถสิ . โส ตนุภูตโสโก สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณีติ.

เปสการธีตาวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. ตึสภิกฺขุวตฺถุ

หํสาทิจฺจปเถติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตึส ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ตึสมตฺตา ทิสาวาสิกา ภิกฺขู สตฺถารํ อุปสงฺกมึสุ. อานนฺทตฺเถโร สตฺถุ วตฺตกรณเวลาย อาคนฺตฺวา เต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘สตฺถารา อิเมหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถาเร กเต วตฺตํ กริสฺสามี’’ติ ทฺวารโกฏฺเก อฏฺาสิ. สตฺถาปิ เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เตสํ สารณียธมฺมํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา เต สพฺเพปิ อรหตฺตํ ปตฺวา อุปฺปติตฺวา อากาเสน อคมึสุ. อานนฺทตฺเถโร เตสุ จิรายนฺเตสุ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทาเนว ตึสมตฺตา ภิกฺขู อาคตา, เต กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘คตา, อานนฺทา’’ติ. ‘‘กตเรน มคฺเคน, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อากาเสนานนฺทา’’ติ. ‘‘กึ ปน เต, ภนฺเต, ขีณาสวา’’ติ? ‘‘อามานนฺท, มม สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา’’ติ. ตสฺมึ ปน ขเณ อากาเสน หํสา อาคมึสุ. สตฺถา ‘‘ยสฺส โข ปนานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา สุภาวิตา, โส หํสา วิย อากาเสน คจฺฉตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๕.

‘‘หํสาทิจฺจปเถ ยนฺติ, อากาเส ยนฺติ อิทฺธิยา;

นียนฺติ ธีรา โลกมฺหา, เชตฺวา มารํ สวาหินิ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – อิเม หํสา อาทิจฺจปเถ อากาเส คจฺฉนฺติ. เยสํ อิทฺธิปาทา สุภาวิตา, เตปิ อากาเส ยนฺติ อิทฺธิยา. ธีรา ปณฺฑิตา สวาหินึ มารํ เชตฺวา อิมมฺหา วฏฺฏโลกา นียนฺติ, นิพฺพานํ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ตึสภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. จิฺจมาณวิกาวตฺถุ

เอกํธมฺมนฺติ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จิฺจมาณวิกํ อารพฺภ กเถสิ.

ปมโพธิยฺหิ ทสพลสฺส ปุถุภูเตสุ สาวเกสุ อปฺปมาเณสุ เทวมนุสฺเสสุ อริยภูมึ โอกฺกนฺเตสุ ปตฺถเฏ คุณสมุทเย มหาลาภสกฺกาโร อุทปาทิ. ติตฺถิยา สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนกสทิสา อเหสุํ หตลาภสกฺการา. เต อนฺตรวีถิยํ ตฺวา ‘‘กึ สมโณ โคตโมว พุทฺโธ, มยมฺปิ พุทฺธา, กึ ตสฺเสว ทินฺนํ มหปฺผลํ, อมฺหากมฺปิ ทินฺนํ มหปฺผลเมว, อมฺหากมฺปิ เทถ สกฺกโรถา’’ติ เอวํ มนุสฺเส วิฺาเปนฺตาปิ ลาภสกฺการํ อลภิตฺวา รโห สนฺนิปติตฺวา ‘‘เกน นุ โข อุปาเยน สมณสฺส โคตมสฺส มนุสฺสานํ อนฺตเร อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสยฺยามา’’ติ จินฺตยึสุ.

ตทา สาวตฺถิยํ จิฺจมาณวิกา นาเมกา ปริพฺพาชิกา อุตฺตมรูปธรา โสภคฺคปฺปตฺตา เทวจฺฉรา วิย. อสฺสา สรีรโต รสฺมิโย นิจฺฉรนฺติ. อเถโก ขรมนฺตี เอวมาห – ‘‘จิฺจมาณวิกํ ปฏิจฺจ สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสสฺสามา’’ติ. เต ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. อถ สา ติตฺถิยารามํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ, ติตฺถิยา ตาย สทฺธึ น กเถสุํ. สา ‘‘โก นุ โข เม โทโส’’ติ ยาวตติยํ ‘‘วนฺทามิ, อยฺยา’’ติ วตฺวา, ‘‘อยฺยา, โก นุ โข เม โทโส, กึ มยา สทฺธึ น กเถถา’’ติ อาห. ‘‘ภคินิ, สมณํ โคตมํ อมฺเห วิเหยนฺตํ หตลาภสกฺกาเร กตฺวา วิจรนฺตํ น ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, อยฺยา, กึ ปเนตฺถ มยา กตฺตพฺพ’’นฺติ. ‘‘สเจ ตฺวํ, ภคินิ, อมฺหากํ สุขมิจฺฉสิ, อตฺตานํ ปฏิจฺจ สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสหี’’ติ.

สา ‘‘สาธุ, อยฺยา, มยฺหํเวโส ภาโร, มา จินฺตยิตฺถา’’ติ วตฺวา ปกฺกมิตฺวา อิตฺถิมายาสุ กุสลตาย ตโต ปฏฺาย สาวตฺถิวาสีนํ ธมฺมกถํ สุตฺวา เชตวนา นิกฺขมนสมเย อินฺทโคปกวณฺณํ ปฏํ ปารุปิตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา เชตวนาภิมุขี คจฺฉติ. ‘‘อิมาย เวลาย กุหึ คจฺฉสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ ตุมฺหากํ มม คมนฏฺาเนนา’’ติ วตฺวา เชตวนสมีเป ติตฺถิยาราเม วสิตฺวา ปาโตว ‘‘อคฺควนฺทนํ วนฺทิสฺสามา’’ติ นครา นิกฺขมนฺเต อุปาสกชเน เชตวนสฺส อนฺโตวุฏฺา วิย หุตฺวา นครํ ปวิสติ. ‘‘กุหึ วุฏฺาสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ ตุมฺหากํ มม วุฏฺฏฺาเนนา’’ติ วตฺวา มาสทฺธมาสจฺจเยน ปุจฺฉิยมานา เชตวเน สมเณน โคตเมน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยา วุฏฺามฺหีติ. ปุถุชฺชนานํ ‘‘สจฺจํ นุ โข เอตํ, โน’’ติ กงฺขํ อุปฺปาเทตฺวา เตมาสจตุมาสจฺจเยน ปิโลติกาหิ อุทรํ เวเตฺวา คพฺภินิวณฺณํ ทสฺเสตฺวา อุปริ รตฺตปฏํ ปารุปิตฺวา ‘‘สมณํ โคตมํ ปฏิจฺจ คพฺโภ อุปฺปนฺโน’’ติ อนฺธพาเล สทฺทหาเปตฺวา อฏฺนวมาสจฺจเยน อุทเร ทารุมณฺฑลิกํ พนฺธิตฺวา อุปริ ปฏํ ปารุปิตฺวา หตฺถปาทปิฏฺิโย โคหนุเกน โกฏฺฏาเปตฺวา อุสฺสเท ทสฺเสตฺวา กิลนฺตินฺทฺริยา หุตฺวา สายนฺหสมเย ตถาคเต อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺเต ธมฺมสภํ คนฺตฺวา ตถาคตสฺส ปุรโต ตฺวา, ‘‘มหาสมณ, มหาชนสฺส ตาว ธมฺมํ เทเสสิ, มธุโร เต สทฺโท, สมฺผุสิตํ ทนฺตาวรณํ. อหํ ปน ตํ ปฏิจฺจ คพฺภํ ลภิตฺวา ปริปุณฺณคพฺภา ชาตา, เนว เม สูติฆรํ ชานาสิ, สปฺปิเตลาทีนิ สยํ อกโรนฺโต อุปฏฺากานมฺปิ อฺตรํ โกสลราชานํ วา อนาถปิณฺฑิกํ วา วิสาขํ อุปาสิกํ วา ‘อิมิสฺสา จิฺจมาณวิกาย กตฺตพฺพยุตฺตกํ กโรหี’ติ น วเทสิ, อภิรมิตุํเยว ชานาสิ, คพฺภปริหารํ น ชานาสี’’ติ คูถปิณฺฑํ คเหตฺวา จนฺทมณฺฑลํ ทูเสตุํ วายมนฺตี วิย ปริสมชฺเฌ ตถาคตํ อกฺโกสิ. ตถาคโต ธมฺมกถํ เปตฺวา สีโห วิย อภินทนฺโต, ‘‘ภคินิ, ตยา กถิตสฺส ตถภาวํ วา วิตถภาวํ วา อหเมว จ ตฺวฺจ ชานามา’’ติ อาห. ‘‘อาม, มหาสมณ, ตยา จ มยา จ าตภาเวเนตํ ชาต’’นฺติ.

ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน ‘‘จิฺจมาณวิกา ตถาคตํ อภูเตน อกฺโกสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อิทํ วตฺถุํ โสเธสฺสามี’’ติ จตูหิ เทวปุตฺเตหิ สทฺธึ อาคมิ. เทวปุตฺตา มูสิกโปตกา หุตฺวา ทารุมณฺฑลิกสฺส พนฺธนรชฺชุเก เอกปฺปหาเรเนว ฉินฺทึสุ, ปารุตปฏํ วาโต อุกฺขิปิ, ทารุมณฺฑลิกํ ปตมานํ ตสฺสา ปาทปิฏฺิยํ ปติ , อุโภ อคฺคปาทา ฉิชฺชึสุ. มนุสฺสา ‘‘ธี กาฬกณฺณิ, สมฺมาสมฺพุทฺธํ อกฺโกสี’’ติ สีเส เขฬํ ปาเตตฺวา เลฑฺฑุทณฺฑาทิหตฺตา เชตวนา นีหรึสุ. อถสฺสา ตถาคตสฺส จกฺขุปถํ อติกฺกนฺตกาเล มหาปถวี ภิชฺชิตฺวา วิวรมทาสิ, อวีจิโต อคฺคิชาลา อุฏฺหิ. สา กุลทตฺติยํ กมฺพลํ ปารุปมานา วิย คนฺตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. อฺติตฺถิยานํ ลาภสกฺกาโร ปริหายิ, ทสพลสฺส ภิยฺโยโสมตฺตาย วฑฺฒิ. ปุนทิวเส ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, จิฺจมาณวิกา เอวํ อุฬารคุณํ อคฺคทกฺขิเณยฺยํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา มหาวินาสํ ปตฺตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เอสา มํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา วินาสํ ปตฺตาเยวา’’ติ วตฺวา –

‘‘นาทฏฺา ปรโต โทสํ, อณุํ ถูลานิ สพฺพโส;

อิสฺสโร ปณเย ทณฺฑํ, สามํ อปฺปฏิเวกฺขิยา’’ติ. –

อิมํ ทฺวาทสนิปาเต มหาปทุมชาตกํ (ชา. ๑.๑๒.๑๐๖) วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ –

ตทา กิเรสา มหาปทุมกุมารสฺส โพธิสตฺตสฺส มาตุ สปตฺตี รฺโ อคฺคมเหสี หุตฺวา มหาสตฺตํ อสทฺธมฺเมน นิมนฺเตตฺวา ตสฺส มนํ อลภิตฺวา อตฺตนาว อตฺตนิ วิปฺปการํ กตฺวา คิลานาลยํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตว ปุตฺโต มํ อนิจฺฉนฺตึ อิมํ วิปฺปการํ ปาเปสี’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา กุทฺโธ มหาสตฺตํ โจรปปาเต ขิปิ. อถ นํ ปพฺพตกุจฺฉิยํ อธิวตฺถา เทวตา ปฏิคฺคเหตฺวา นาคราชสฺส ผณคพฺเภ ปติฏฺเปสิ. นาคราชา ตํ นาคภวนํ เนตฺวา อุปฑฺฒรชฺเชน สมฺมาเนสิ. โส ตตฺถ สํวจฺฉรํ วสิตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หิมวนฺตปฺปเทสํ ปตฺวา ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตสิ. อถ นํ เอโก วนจรโก ทิสฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา กตปฏิสนฺถาโร สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ ตฺวา มหาสตฺตํ รชฺเชน นิมนฺเตตฺวา เตน ‘‘มยฺหํ รชฺเชน กิจฺจํ นตฺถิ, ตฺวํ ปน ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา อคติคมนํ ปหาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรหี’’ติ โอวทิโต อุฏฺายาสนา โรทิตฺวา นครํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อมจฺเจ ปุจฺฉิ – ‘‘อหํ กํ นิสฺสาย เอวํ อาจารสมฺปนฺเนน ปุตฺเตน วิโยคํ ปตฺโต’’ติ? ‘‘อคฺคมเหสึ นิสฺสาย, เทวา’’ติ. ราชา ตํ อุทฺธํปาทํ คเหตฺวา โจรปปาเต ขิปาเปตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตทา มหาปทุมกุมาโร สตฺถา อโหสิ, มาตุ สปตฺตี จิฺจมาณวิกาติ.

สตฺถา อิมมตฺถํ ปกาเสตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, เอกํ ธมฺมฺหิ สจฺจวจนํ ปหาย มุสาวาเท ปติฏฺิตานํ วิสฺสฏฺปรโลกานํ อกตฺตพฺพปาปกมฺมํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๖.

‘‘เอกํ ธมฺมํ อตีตสฺส, มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน;

วิติณฺณปรโลกสฺส, นตฺถิ ปาปํ อการิย’’นฺติ.

ตตฺถ เอกํ ธมฺมนฺติ สจฺจํ. มุสาวาทิสฺสาติ ยสฺส ทสสุ วจเนสุ เอกมฺปิ สจฺจํ นตฺถิ, เอวรูปสฺส มุสาวาทิโน . วิติณฺณปรโลกสฺสาติ วิสฺสฏฺปรโลกสฺส. เอวรูโป หิ มนุสฺสสมฺปตฺตึ เทวสมฺปตฺตึ อวสาเน นิพฺพานสมฺปตฺตินฺติ อิมา ติสฺโสปิ สมฺปตฺติโย น ปสฺสติ. นตฺถิ ปาปนฺติ ตสฺส เอวรูปสฺส อิทํ นาม ปาปํ อกตฺตพฺพนฺติ นตฺถิ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

จิฺจมาณวิกาวตฺถุ นวมํ.

๑๐. อสทิสทานวตฺถุ

เว กทริยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อสทิสทานํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา จาริกํ จริตฺวา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร เชตวนํ ปาวิสิ. ราชา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส อาคนฺตุกทานํ สชฺเชตฺวา ‘‘ทานํ เม ปสฺสนฺตู’’ติ นาคเร ปกฺโกสิ. นาครา อาคนฺตฺวา รฺโ ทานํ ทิสฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ทานํ สชฺเชตฺวา ‘‘อมฺหากมฺปิ ทานํ, เทโว, ปสฺสตู’’ติ รฺโ ปหิณึสุ. ราชา เตสํ ทานํ ทิสฺวา ‘‘อิเมหิ มม ทานโต อุตฺตริตรํ กตํ, ปุน ทานํ กริสฺสามี’’ติ ปุนทิวเสปิ ทานํ สชฺเชสิ. นาคราปิ ตํ ทิสฺวา ปุนทิวเส สชฺชยึสุ. เอวํ เนว ราชา นาคเร ปราเชตุํ สกฺโกติ, น นาครา ราชานํ. อถ ฉฏฺเ วาเร นาครา สตคุณํ สหสฺสคุณํ วฑฺเฒตฺวา ยถา น สกฺกา โหติ ‘‘อิทํ นาม อิเมสํ ทาเน นตฺถี’’ติ วตฺตุํ, เอวํ ทานํ สชฺชยึสุ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘สจาหํ อิเมสํ ทานโต อุตฺตริตรํ กาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, กึ เม ชีวิเตนา’’ติ อุปายํ จินฺเตนฺโต นิปชฺชิ. อถ นํ มลฺลิกา เทวี อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘กสฺมา, มหาราช, เอวํ นิปนฺโนสิ, เกน เต อินฺทฺริยานิ กิลนฺตานิ วิยา’’ติ ปุจฺฉิ. ราชา อาห – ‘‘น ทานิ ตฺวํ, เทวิ, ชานาสี’’ติ. ‘‘น ชานามิ, เทวา’’ติ. โส ตสฺสา ตมตฺถํ อาโรเจสิ.

อถ นํ มลฺลิกา อาห – ‘‘เทว, มา จินฺตยิ, กหํ ตยา ปถวิสฺสโร ราชา นาคเรหิ ปราชิยมาโน ทิฏฺปุพฺโพ วา สุตปุพฺโพ วา, อหํ เต ทานํ สํวิทหิสฺสามี’’ติ. อิติสฺส อสทิสทานํ สํวิทหิตุกามตาย เอวํ วตฺวา, มหาราช, สาลกลฺยาณิปทเรหิ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อนฺโต อาวฏฺเฏ นิสีทนมณฺฑปํ กาเรหิ, เสสา พหิอาวฏฺเฏ นิสีทิสฺสนฺติ. ปฺจ เสตจฺฉตฺตสตานิ กาเรหิ, ตานิ คเหตฺวา ปฺจสตา หตฺถี ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ มตฺถเก ธารยมานา สฺสนฺติ. อฏฺ วา ทส วา รตฺตสุวณฺณนาวาโย กาเรหิ, ตา มณฺฑปมชฺเฌ ภวิสฺสนฺติ. ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ อนฺตเร เอเกกา ขตฺติยธีตา นิสีทิตฺวา คนฺเธ ปิสิสฺสติ, เอเกกา ขตฺติยธีตา พีชนํ อาทาย ทฺเว ทฺเว ภิกฺขู พีชมานา สฺสติ, เสสา ขตฺติยธีตโร ปิเส ปิเส คนฺเธ หริตฺวา สุวณฺณนาวาสุ ปกฺขิปิสฺสนฺติ, ตาสุ เอกจฺจา ขตฺติยธีตโร นีลุปฺปลกลาเป คเหตฺวา สุวณฺณนาวาสุ ปกฺขิตฺตคนฺเธ อาโลเฬตฺวา วาสํ คาหาเปสฺสนฺติ. นาครานฺหิเนว ขตฺติยธีตโร อตฺถิ, น เสตจฺฉตฺตานิ, น หตฺถิโน จ. อิเมหิ การเณหิ นาครา ปราชิสฺสนฺติ, เอวํ กโรหิ, มหาราชาติ. ราชา ‘‘สาธุ, เทวิ, กลฺยาณํ เต กถิต’’นฺติ ตาย กถิตนิยาเมน สพฺพํ กาเรสิ. เอกสฺส ปน ภิกฺขุโน เอโก หตฺถิ นปฺปโหสิ. อถ ราชา มลฺลิกํ อาห – ‘‘ภทฺเท, เอกสฺส ภิกฺขุโน เอโก หตฺถิ นปฺปโหติ, กึ กริสฺสามา’’ติ. ‘‘กึ, เทว, ปฺจ หตฺถิสตานิ นตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, เทวิ, อวเสสา ทุฏฺหตฺถิโน, เต ภิกฺขู ทิสฺวาว เวรมฺภวาตา วิย จณฺฑา โหนฺตี’’ติ. ‘‘เทว, อหํ เอกสฺส ทุฏฺหตฺถิโปตกสฺส ฉตฺตํ คเหตฺวา ติฏฺนฏฺานํ ชานามี’’ติ. ‘‘กตฺถ นํ เปสฺสามา’’ติ? ‘‘อยฺยสฺส องฺคุลิมาลสฺส สนฺติเก’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ. หตฺถิโปตโก วาลธึ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา อุโภ กณฺเณ ปาเตตฺวา อกฺขีนิ นิมิเลตฺวา อฏฺาสิ. มหาชโน ‘‘เอวรูปสฺส นาม จณฺฑหตฺถิโน อยมากาโร’’ติ หตฺถิเมว โอโลเกสิ.

ราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยํ อิมสฺมึ ทานคฺเค กปฺปิยภณฺฑํ วา อกปฺปิยภณฺฑํ วา, สพฺพํ ตํ ตุมฺหากเมว ทมฺมี’’ติ อาห . ตสฺมึ ปน ทาเน เอกทิวเสเนว ปริจฺจตฺตํ จุทฺทสโกฏิธนํ โหติ. สตฺถุ ปน เสตจฺฉตฺตํ นิสีทนปลฺลงฺโก อาธารโก ปาทปีิกาติ จตฺตาริ อนคฺฆาเนว. ปุน เอวรูปํ กตฺวา พุทฺธานํ ทานํ นาม ทาตุํ สมตฺโถ นาโหสิ, เตเนว ตํ ‘‘อสทิสทาน’’นฺติ ปฺายิ. ตํ กิร สพฺพพุทฺธานํ เอกวารํ โหติเยว, สพฺเพสํ ปน อิตฺถีเยว สํวิทหติ. รฺโ ปน กาโฬ จ ชุณฺโห จาติ ทฺเว อมจฺจา อเหสุํ. เตสุ กาโฬ จินฺเตสิ – ‘‘อโห ราชกุลสฺส ปริหานิ, เอกทิวเสเนว จุทฺทสโกฏิธนํ ขยํ คจฺฉติ, อิเม อิมํ ทานํ ภุฺชิตฺวา คนฺตฺวา นิปนฺนา นิทฺทายิสฺสนฺติ, อโห นฏฺํ ราชกุล’’นฺติ. ชุณฺโห จินฺเตสิ – ‘‘อโห รฺโ ทานํ สุทินฺนํ. น หิ สกฺกา ราชภาเว อฏฺิเตน เอวรูปํ ทานํ ทาตุํ, สพฺพสตฺตานํ ปตฺตึ อเทนฺโต นาม นตฺถิ, อหํ ปนิทํ ทานํ อนุโมทามี’’ติ.

สตฺถุ ภตฺตกิจฺจาวสาเน ราชา อนุโมทนตฺถาย ปตฺตํ คณฺหิ. สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘รฺา มโหฆํ ปวตฺเตนฺเตน วิย มหาทานํ ทินฺนํ, อสกฺขิ นุ โข มหาชโน จิตฺตํ ปสาเทตุํ, อุทาหุ โน’’ติ. โส เตสํ อมจฺจานํ จิตฺตาจารํ ตฺวา ‘‘สเจ รฺโ ทานานุจฺฉวิกํ อนุโมทนํ กริสฺสามิ, กาฬสฺส มุทฺธา สตฺตธา ผลิสฺสติ, ชุณฺโห โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิสฺสตี’’ติ ตฺวา กาเฬ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ เอวรูปํ ทานํ ทตฺวา ิตสฺส รฺโ จตุปฺปทิกํ คาถเมว วตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ คโต. ภิกฺขู องฺคุลิมาลํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘น กึ นุ โข, อาวุโส, ทุฏฺหตฺถึ ฉตฺตํ ธาเรตฺวา ิตํ ทิสฺวา ภายี’’ติ? ‘‘น ภายึ, อาวุโส’’ติ. เต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘องฺคุลิมาโล, ภนฺเต, อฺํ พฺยากโรสี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว , องฺคุลิมาโล ภายติ. ขีณาสวอุสภานฺหิ อนฺตเร เชฏฺกอุสภา มม ปุตฺตสทิสา ภิกฺขู น ภายนฺตี’’ติ วตฺวา พฺราหฺมณวคฺเค อิมํ คาถมาห –

‘‘อุสภํ ปวรํ วีรํ, มเหสึ วิชิตาวินํ;

อเนชํ นฺหาตกํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๒๒; สุ. นิ. ๖๕๑);

ราชาปิ โทมนสฺสปฺปตฺโต ‘‘เอวรูปาย นาม ปริสาย ทานํ ทตฺวา ิตสฺส มยฺหํ อนุจฺฉวิกํ อนุโมทนํ อกตฺวา คาถเมว วตฺวา สตฺถา อุฏฺายาสนา คโต. มยา สตฺถุ อนุจฺฉวิกํ ทานํ อกตฺวา อนนุจฺฉวิกํ กตํ ภวิสฺสติ , กปฺปิยภณฺฑํ อทตฺวา อกปฺปิยภณฺฑํ วา ทินฺนํ ภวิสฺสติ, สตฺถารา เม กุปิเตน ภวิตพฺพํ. เอวฺหิ อสทิสทานํ นาม, ทานานุรูปํ อนุโมทนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โข เม, ภนฺเต, ทาตพฺพยุตฺตกํ ทานํ น ทินฺนํ, อุทาหุ ทานานุรูปํ กปฺปิยภณฺฑํ อทตฺวา อกปฺปิยภณฺฑเมว ทินฺน’’นฺติ. ‘‘กิเมตํ , มหาราชา’’ติ? ‘‘น เม ตุมฺเหหิ ทานานุจฺฉวิกา อนุโมทนา กตา’’ติ? ‘‘มหาราช, อนุจฺฉวิกเมว เต ทานํ ทินฺนํ. เอตฺหิ อสทิสทานํ นาม, เอกสฺส พุทฺธสฺส เอกวารเมว สกฺกา ทาตุํ, ปุน เอวรูปํ นาม ทานํ ทุทฺทท’’นฺติ. ‘‘อถ กสฺมา, ภนฺเต, เม ทานานุรูปํ อนุโมทนํ น กริตฺถา’’ติ? ‘‘ปริสาย อสุทฺธตฺตา, มหาราชา’’ติ. ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, ปริสาย โทโส’’ติ? อถสฺส สตฺถา ทฺวินฺนมฺปิ อมจฺจานํ จิตฺตาจารํ อาโรเจตฺวา กาเฬ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ อนุโมทนาย อกตภาวํ อาจิกฺขิ. ราชา ‘‘สจฺจํ กิร เต, กาฬ, เอวํ จินฺติต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ตว สนฺตกํ อคฺคเหตฺวา มม ปุตฺตทาเรหิ สทฺธึ มยิ อตฺตโน สนฺตกํ เทนฺเต ตุยฺหํ กา ปีฬา. คจฺฉ, โภ, ยํ เต มยา ทินฺนํ, ตํ ทินฺนเมว โหตุ, รฏฺโต ปน เม นิกฺขมา’’ติ ตํ รฏฺา นีหริตฺวา ชุณฺหํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร เต เอวํ จินฺติต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สาธุ, มาตุล, ปสนฺโนสฺมิ, ตฺวํ มม ปริชนํ คเหตฺวา มยา ทินฺนนิยาเมเนว สตฺต ทิวสานิ ทานํ เทหี’’ติ สตฺตาหํ รชฺชํ นิยฺยาเทตฺวา สตฺถารํ อาห – ‘‘ปสฺสถ, ภนฺเต, พาลสฺส กรณํ, มยา เอวํ ทินฺนทาเน ปหารมทาสี’’ติ. สตฺถา ‘‘อาม, มหาราช, พาลา นาม ปรสฺส ทานํ อนภินนฺทิตฺวา ทุคฺคติปรายณา โหนฺติ, ธีรา ปน ปเรสมฺปิ ทานํ อนุโมทิตฺวา สคฺคปรายณา เอว โหนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๗.

‘‘น เว กทริยา เทวโลกํ วชนฺติ, พาลา หเว นปฺปสํสนฺติ ทานํ;

ธีโร จ ทานํ อนุโมทมาโน, เตเนว โส โหติ สุขี ปรตฺถา’’ติ.

ตตฺถ กทริยาติ ถทฺธมจฺฉริโน. พาลาติ อิธโลกปรโลกํ อชานนกา. ธีโรติ ปณฺฑิโต. สุขี ปรตฺถาติ เตเนว โส ทานานุโมทนปุฺเน ปรโลเก ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมาโน สุขี โหตีติ.

เทสนาวสาเน ชุณฺโห โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสิ, ชุณฺโหปิ โสตาปนฺโน หุตฺวา สตฺตาหํ รฺา ทินฺนนิยาเมเนว ทานํ อทาสีติ.

อสทิสทานวตฺถุ ทสมํ.

๑๑. อนาถปิณฺฑกปุตฺตกาลวตฺถุ

ปถพฺยา เอกรชฺเชนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กาลํ นาม อนาถปิณฺฑิกสฺส ปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร ตถาวิธสฺส สทฺธาสมฺปนฺนสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต หุตฺวา เนว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตุํ, น เคหํ อาคตกาเล ทฏฺุํ, น ธมฺมํ โสตุํ, น สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจํ กาตุํ อิจฺฉติ. ปิตรา ‘‘มา เอวํ, ตาต, กรี’’ติ วุตฺโตปิ ตสฺส วจนํ น สุณาติ. อถสฺส ปิตา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เอวรูปํ ทิฏฺึ คเหตฺวา วิจรนฺโต อวีจิปรายโณ ภวิสฺสติ, น โข ปเนตํ ปติรูปํ, ยํ มยิ ปสฺสนฺเต มม ปุตฺโต นิรยํ คจฺเฉยฺย. อิมสฺมึ โข ปน โลเก ธนทาเนน อภิชฺชนกสตฺโต นาม นตฺถิ, ธเนน นํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘ตาต, อุโปสถิโก หุตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา เอหิ, กหาปณสตํ เต ทสฺสามี’’ติ. ทสฺสถ, ตาตาติ. ทสฺสามิ, ปุตฺตาติ. โส ยาวตติยํ ปฏิฺํ คเหตฺวา อุโปสถิโก หุตฺวา วิหารํ อคมาสิ. ธมฺมสฺสวเนน ปนสฺส กิจฺจํ นตฺถิ, ยถาผาสุกฏฺาเน สยิตฺวา ปาโตว เคหํ อคมาสิ. อถสฺส ปิตา ‘‘ปุตฺโต เม อุโปสถิโก อโหสิ, สีฆมสฺส ยาคุอาทีนิ อาหรถา’’ติ วตฺวา ทาเปสิ. โส ‘‘กหาปเณ อคฺคเหตฺวา น ภุฺชิสฺสามี’’ติ อาหฏาหฏํ ปฏิกฺขิปิ. อถสฺส ปิตา ปีฬํ อสหนฺโต กหาปณภณฺฑํ ทาเปสิ. โส ตํ หตฺเถน คเหตฺวาว อาหารํ ปริภุฺชิ.

อถ นํ ปุนทิวเส เสฏฺิ, ‘‘ตาต, กหาปณสหสฺสํ เต ทสฺสามิ, สตฺถุ ปุรโต ตฺวา เอกํ ธมฺมปทํ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ เปเสสิ. โสปิ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ปุรโต ตฺวาว เอกเมว ปทํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปลายิตุกาโม อโหสิ. อถสฺส สตฺถา อสลฺลกฺขณาการํ อกาสิ. โส ตํ ปทํ อสลฺลกฺเขตฺวา อุปริปทํ อุคฺคณฺหิสฺสามีติ ตฺวา อสฺโสสิเยว . อุคฺคณฺหิสฺสามีติ สุณนฺโตว กิร สกฺกจฺจํ สุณาติ นาม. เอวฺจ กิร สุณนฺตานํ ธมฺโม โสตาปตฺติมคฺคาทโย เทติ. โสปิ อุคฺคณฺหิสฺสามีติ สุณาติ, สตฺถาปิสฺส อสลฺลกฺขณาการํ กโรติ. โส ‘‘อุปริปทํ อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ ตฺวา สุณนฺโตว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.

โส ปุนทิวเส พุทฺธปฺปมุเขน ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึเยว สาวตฺถึ ปาวิสิ. มหาเสฏฺิ ตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มม ปุตฺตสฺส อากาโร รุจฺจตี’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺสปิ เอตทโหสิ – ‘‘อโห วต เม ปิตา อชฺช สตฺถุ สนฺติเก กหาปเณ น ทเทยฺย, กหาปณการณา มยฺหํ อุโปสถิกภาวํ ปฏิจฺฉาเทยฺยา’’ติ. สตฺถา ปนสฺส หิยฺโยว กหาปณสฺส การณา อุโปสถิกภาวํ อฺาสิ. มหาเสฏฺิ, พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ยาคุํ ทาเปตฺวา ปุตฺตสฺสปิ ทาเปสิ. โส นิสีทิตฺวา ตุณฺหีภูโตว ยาคุํ ปิวิ, ขาทนียํ ขาทิ, ภตฺตํ ภุฺชิ. มหาเสฏฺิ สตฺถุ ภตฺตกิจฺจาวสาเน ปุตฺตสฺส ปุรโต สหสฺสภณฺฑิกํ ปาเปตฺวา, ‘‘ตาต, มยา เต ‘สหสฺสํ ทสฺสามี’ติ วตฺวา อุโปสถํ สมาทาเปตฺวา วิหารํ ปหิโต. อิทํ เต สหสฺส’’นฺติ อาห. โส สตฺถุ ปุรโต กหาปเณ ทิยฺยมาเน ทิสฺวา ลชฺชนฺโต ‘‘อลํ เม กหาปเณหี’’ติ วตฺวา, ‘‘คณฺห, ตาตา’’ติ วุจฺจมาโนปิ น คณฺหิ. อถสฺส ปิตา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช เม ปุตฺตสฺส อากาโร รุจฺจตี’’ติ วตฺวา ‘‘กึ, มหาเสฏฺี’’ติ วุตฺเต ‘‘มยา เอส ปุริมทิวเส ‘กหาปณสตํ เต ทสฺสามี’ติ วตฺวา วิหารํ เปสิโต. ปุนทิวเส กหาปเณ อคฺคเหตฺวา ภุฺชิตุํ น อิจฺฉิ, อชฺช ปน ทิยฺยมาเนปิ กหาปเณ น อิจฺฉตี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘อาม, มหาเสฏฺิ, อชฺช ตว ปุตฺตสฺส จกฺกวตฺติสมฺปตฺติโตปิ เทวโลกพฺรหฺมโลกสมฺปตฺตีหิปิ โสตาปตฺติผลเมว วร’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๘.

‘‘ปถพฺยา เอกรชฺเชน, สคฺคสฺส คมเนน วา;

สพฺพโลกาธิปจฺเจน, โสตาปตฺติผลํ วร’’นฺติ.

ตตฺถ ปถพฺยา เอกรชฺเชนาติ จกฺกวตฺติรชฺเชน. สคฺคสฺส คมเนน วาติ ฉพฺพีสติวิธสฺส สคฺคสฺส อธิคมเนน. สพฺพโลกาธิปจฺเจนาติ น เอกสฺมึ เอตฺตเก โลเก นาคสุปณฺณเวมานิกเปเตหิ สทฺธึ, สพฺพสฺมึ โลเก อาธิปจฺเจน. โสตาปตฺติผลํ วรนฺติ ยสฺมา เอตฺตเก าเน รชฺชํ กาเรตฺวาปิ นิรยาทีหิ อมุตฺโตว โหติ, โสตาปนฺโน ปน ปิหิตาปายทฺวาโร หุตฺวา สพฺพทุพฺพโลปิ อฏฺเม ภเว น นิพฺพตฺตติ, ตสฺมา โสตาปตฺติผลเมว วรํ อุตฺตมนฺติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อนาถปิณฺฑกปุตฺตกาลวตฺถุ เอกาทสมํ.

โลกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

เตรสโม วคฺโค.