📜
๑๔. พุทฺธวคฺโค
๑. มารธีตรวตฺถุ
ยสฺส ¶ ¶ ¶ ชิตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โพธิมณฺเฑ วิหรนฺโต มารธีตโร อารพฺภ กเถสิ. เทสนํ ปน สาวตฺถิยํ สมุฏฺาเปตฺวา ปุน กุรุรฏฺเ มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส กเถสิ.
กุรุรฏฺเ กิร มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส ธีตา มาคณฺฑิยาเยว นาม อโหสิ อุตฺตมรูปธรา. ตํ ปตฺถยมานา อเนกพฺราหฺมณมหาสาลา เจว ขตฺติยมหาสาลา จ ‘‘ธีตรํ โน เทตู’’ติ มาคณฺฑิยสฺส ปหิณึสุ. โสปิ ‘‘น ตุมฺเห มยฺหํ ธีตุ อนุจฺฉวิกา’’ติ สพฺเพ ปฏิกฺขิปเตว. อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ มาคณฺฑิยพฺราหฺมณํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต พฺราหฺมณสฺส จ พฺราหฺมณิยา จ ติณฺณํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยํ อทฺทส. พฺราหฺมโณปิ พหิคาเม นิพทฺธํ อคฺคึ ปริจรติ. สตฺถา ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย ตํ านํ อคมาสิ. พฺราหฺมโณ สตฺถุ รูปสิรึ โอโลเกนฺโต ‘‘อิมสฺมึ โลเก อิมินา สทิโส ปุริโส นาม นตฺถิ, อยํ มยฺหํ ¶ ธีตุ อนุจฺฉวิโก, อิมสฺส เม ธีตรํ ทสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อาห – ‘‘สมณ, มม เอกา ธีตา อตฺถิ, อหํ ตสฺสา อนุจฺฉวิกํ ปุริสํ อปสฺสนฺโต ตํ น กสฺสจิ อทาสึ, ตฺวํ ปนสฺสา อนุจฺฉวิโก, อหํ เต ธีตรํ ปาทปริจาริกํ กตฺวา ทาตุกาโม, ยาว นํ อาเนมิ, ตาว อิเธว ติฏฺาหี’’ติ. สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา เนว อภินนฺทิ, น ปฏิกฺโกสิ.
พฺราหฺมโณปิ เคหํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณึ อาห – ‘‘โภติ, อชฺช เม ธีตุ อนุจฺฉวิโก ปุริโส ทิฏฺโ, ตสฺส นํ ทสฺสามา’’ติ ธีตรํ อลงฺการาเปตฺวา อาทาย พฺราหฺมณิยา สทฺธึ ตํ านํ อคมาสิ. มหาชโนปิ กุตูหลชาโต นิกฺขมิ. สตฺถา พฺราหฺมเณน วุตฺตฏฺาเน อฏฺตฺวา ตตฺถ ปทเจติยํ ทสฺเสตฺวา อฺสฺมึ าเน อฏฺาสิ. พุทฺธานํ กิร ปทเจติยํ ‘‘อิทํ อสุโก นาม ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา อกฺกนฺตฏฺาเนเยว ปฺายติ, เสสฏฺาเน ตํ ปสฺสนฺโต นาม นตฺถิ. พฺราหฺมโณ อตฺตนา สทฺธึ ¶ คจฺฉมานาย พฺราหฺมณิยา ‘‘กหํ โส’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อิมสฺมึ าเน ติฏฺาหีติ ตํ อวจ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ปทวลฺชํ ทิสฺวา ‘‘อิทมสฺส ปท’’นฺติ ทสฺเสสิ. สา ลกฺขณมนฺตกุสลตาย ¶ ‘‘น อิทํ, พฺราหฺมณ, กามโภคิโน ปท’’นฺติ วตฺวา พฺราหฺมเณน, ‘‘โภติ, ตฺวํ อุทกปาติมฺหิ สุสุมารํ ปสฺสสิ, มยา โส สมโณ ทิฏฺโ ‘ธีตรํ เต ทสฺสามี’ติ วุตฺโต, เตนาปิ อธิวาสิต’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘พฺราหฺมณ, กิฺจาปิ ตฺวํ เอวํ วเทสิ, อิทํ ปน นิกฺกิเลสสฺเสว ปท’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘รตฺตสฺส ¶ หิ อุกฺกุฏิกํ ปทํ ภเว,
ทุฏฺสฺส โหติ สหสานุปีฬิตํ;
มูฬฺหสฺส โหติ อวกฑฺฒิตํ ปทํ,
วิวฏฺฏจฺฉทสฺส อิทมีทิสํ ปท’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๔๕; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๖๐-๒๖๑; ธ. ป. อฏฺ. ๑.สามาวตีวตฺถุ);
อถ นํ พฺราหฺมโณ, ‘‘โภติ, มา วิรวิ, ตุณฺหีภูตาว เอหี’’ติ คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา ‘‘อยํ โส ปุริโส’’ติ ตสฺสา ทสฺเสตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘สมณ, ธีตรํ เต ทสฺสามี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘น เม ตว ธีตาย อตฺโถ’’ติ อวตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, เอกํ เต การณํ กเถสฺสามิ, สุณิสฺสสี’’ติ วตฺวา ‘‘กเถหิ, โภ สมณ, สุณิสฺสามี’’ติ วุตฺเต อภินิกฺขมนโต ปฏฺาย อตีตํ อาหริตฺวา ทสฺเสสิ.
ตตฺรายํ สงฺเขปกถา – มหาสตฺโต รชฺชสิรึ ปหาย กณฺฏกํ อารุยฺห ฉนฺนสหาโย อภินิกฺขมนฺโต นครทฺวาเร ิเตน มาเรน ‘‘สิทฺธตฺถ, นิวตฺต, อิโต เต สตฺตเม ทิวเส จกฺกรตนํ ปาตุภวิสฺสตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อหเมตํ, มาร, ชานามิ, น เม เตนตฺโถ’’ติ อาห. อถ กิมตฺถาย นิกฺขมสีติ? สพฺพฺุตฺาณตฺถายาติ. ‘‘เตน หิ สเจ อชฺชโต ปฏฺาย กามวิตกฺกาทีนํ เอกมฺปิ วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสสิ, ชานิสฺสามิ เต กตฺตพฺพ’’นฺติ อาห. โส ตโต ปฏฺาย โอตาราเปกฺโข สตฺต วสฺสานิ มหาสตฺตํ อนุพนฺธิ.
สตฺถาปิ ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ จริตฺวา ปจฺจตฺตปุริสการํ นิสฺสาย โพธิมูเล สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทยมาโน ปฺจมสตฺตาเห อชปาลนิคฺโรธมูเล นิสีทิ. ตสฺมึ สมเย มาโร ‘‘อหํ ¶ เอตฺตกํ กาลํ อนุพนฺธิตฺวา โอตาราเปกฺโขปิ ¶ อิมสฺส กิฺจิ ขลิตํ นาทฺทสํ, อติกฺกนฺโต อิทานิ เอส มม วิสย’’นฺติ โทมนสฺสปฺปตฺโต มหามคฺเค นิสีทิ. อถสฺส ตณฺหา อรตี รคาติ อิมา ติสฺโส ธีตโร ‘‘ปิตา โน น ปฺายติ, กหํ นุ โข เอตรหี’’ติ โอโลกยมานา ตํ ตถา นิสินฺนํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กสฺมา ¶ , ตาต, ทุกฺขี ทุมฺมโนสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ตาสํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ ตา อาหํสุ – ‘‘ตาต, มา จินฺตยิ, มยํ ตํ อตฺตโน วเส กตฺวา อาเนสฺสามา’’ติ. ‘‘น สกฺกา อมฺมา, เอส เกนจิ วเส กาตุนฺติ. ‘‘ตาต, มยํ อิตฺถิโย นาม อิทาเนว นํ ราคปาสาทีหิ พนฺธิตฺวา อาเนสฺสาม, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เนว ตาสํ วจนํ มนสากาสิ, น อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกสิ.
ปุน มารธีตโร ‘‘อุจฺจาวจา โข ปุริสานํ อธิปฺปายา, เกสฺจิ กุมาริกาสุ เปมํ โหติ, เกสฺจิ ปมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ มชฺฌิมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ ปจฺฉิมวเย ิตาสุ, นานปฺปกาเรหิ ตํ ปโลเภสฺสามา’’ติ เอเกกา กุมาริกวณฺณาทิวเสน สตํ สตํ อตฺตภาเว อภินิมฺมินิตฺวา กุมาริโย, อวิชาตา, สกึ วิชาตา, ทุวิชาตา, มชฺฌิมิตฺถิโย, มหลฺลกิตฺถิโย จ หุตฺวา ฉกฺขตฺตุํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺโตติ. อถ สตฺถา ¶ เอตฺตเกนปิ ตา อนุคจฺฉนฺติโย ‘‘อเปถ, กึ ทิสฺวา เอวํ วายมถ, เอวรูปํ นาม วีตราคานํ ปุรโต กาตุํ น วฏฺฏติ. ตถาคตสฺส ปน ราคาทโย ปหีนา. เกน ตํ การเณน อตฺตโน วสํ เนสฺสถา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ยสฺส ชิตํ นาวชียติ,
ชิตํ ยสฺส โนยาติ โกจิ โลเก;
ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ,
อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถ.
‘‘ยสฺส ¶ ชาลินี วิสตฺติกา,
ตณฺหา นตฺถิ กุหิฺจิ เนตเว;
ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ,
อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถา’’ติ.
ตตฺถ ยสฺส ชิตํ นาวชียตีติ ยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เตน เตน มคฺเคน ชิตํ ราคาทิกิเลสชาตํ ปุน อสมุทาจรณโต นาวชียติ, ทุชฺชิตํ นาม น โหติ. โนยาตีติ น อุยฺยาติ, ยสฺส ชิตํ กิเลสชาตํ ราคาทีสุ โกจิ เอโก กิเลโสปิ โลเก ปจฺฉโต วตฺตี นาม ¶ น โหติ, นานุพนฺธตีติ อตฺโถ. อนนฺตโคจรนฺติ อนนฺตารมฺมณสฺส สพฺพฺุตฺาณสฺส วเสน อปริยนฺต โคจรํ. เกน ปเทนาติ ยสฺส หิ ราคปทาทีสุ เอกปทมฺปิ อตฺถิ, ตํ ตุมฺเห เตน ปเทน เนสฺสถ. พุทฺธสฺส ปน เอกปทมฺปิ ¶ นตฺถิ, ตํ อปทํ พุทฺธํ ตุมฺเห เกน ปเทน เนสฺสถ.
ทุติยคาถาย ตณฺหา นาเมสา สํสิพฺพิตปริโยนนฺธนฏฺเน ชาลมสฺสา อตฺถีติปิ ชาลการิกาติปิ ชาลูปมาติปิ ชาลินี. รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ วิสตฺตตาย วิสตฺตมนตาย วิสาหรตาย วิสปุปฺผตาย วิสผลตาย วิสปริโภคตาย วิสตฺติกา. สา เอวรูปา ตณฺหา ยสฺส กุหิฺจิ ภเว เนตุํ นตฺถิ, ตํ ตุมฺเห อปทํ พุทฺธํ เกน ปเทน เนสฺสถาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหูนํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. มารธีตโรปิ ตตฺเถว อนฺตรธายึสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘มาคณฺฑิย, อหํ ปุพฺเพ อิมา ติสฺโส มารธีตโร อทฺทสํ เสมฺหาทีหิ อปลิพุทฺเธน สุวณฺณกฺขนฺธสทิเสน อตฺตภาเวน สมนฺนาคตา, ตทาปิ เมถุนสฺมึ ฉนฺโท นาโหสิเยว. ตว ธีตุ สรีรํ ทฺวตฺตึสาการกุณปปริปูรํ พหิวิจิตฺโต วิย อสุจิฆโฏ. สเจ หิ มม ปาโท อสุจิมกฺขิโต ภเวยฺย, อยฺจ อุมฺมารฏฺาเน ติฏฺเยฺย, ตถาปิสฺสา สรีเร อหํ ปาเท น ผุเสยฺย’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทิสฺวาน ¶ ¶ ตณฺหํ อรตึ รคฺจ,
นาโหสิ ฉนฺโท อปิ เมถุนสฺมึ;
กิเมวิทํ มุตฺตกรีสปุณฺณํ,
ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิจฺเฉ’’ติ. (สุ. นิ. ๘๔๑; มหานิ. ๗๐);
เทสนาวสาเน อุโภปิ ชยมฺปติกา อนาคามิผเล ปติฏฺหึสูติ.
มารธีตรวตฺถุ ปมํ.
๒. เทโวโรหณวตฺถุ
เย ¶ ฌานปสุตา ธีราติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สงฺกสฺสนครทฺวาเร พหู เทวมนุสฺเส อารพฺภ กเถสิ. เทสนา ปน ราชคเห สมุฏฺิตา.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ราชคหเสฏฺิ ปริสฺสยโมจนตฺถฺเจว ปมาเทน คลิตานํ อาภรณาทีนํ รกฺขณตฺถฺจ ชาลกรณฺฑกํ ปริกฺขิปาเปตฺวา คงฺคาย อุทกกีฬํ กีฬิ. อเถโก รตฺตจนฺทนรุกฺโข คงฺคาย อุปริตีเร ชาโต คงฺโคทเกน โธตมูโล ปติตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปาสาเณสุ สํภชฺชมาโน วิปฺปกิริ. ตโต เอกา ฆฏปฺปมาณา ฆฏิกา ปาสาเณหิ ฆํสิยมานา อุทกอูมีหิ โปถิยมานา มฏฺา หุตฺวา อนุปุพฺเพน วุยฺหมานา เสวาลปริโยนทฺธา อาคนฺตฺวา ตสฺส ชาเล ลคฺคิ. เสฏฺิ ‘‘กิเมต’’นฺติ วตฺวา ‘‘รุกฺขฆฏิกา’’ติ สุตฺวา ตํ อาหราเปตฺวา ‘‘กึ นาเมต’’นฺติ อุปธารณตฺถํ วาสิกณฺเณน ตจฺฉาเปสิ. ตาวเทว อลตฺตกวณฺณํ รตฺตจนฺทนํ ¶ ปฺายิ. เสฏฺิ ปน เนว สมฺมาทิฏฺิ น มิจฺฉาทิฏฺิ, มชฺฌตฺตธาตุโก. โส จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ เคเห รตฺตจนฺทนํ พหุ, กึ นุ โข อิมินา กริสฺสามี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิมสฺมึ โลเก ‘มยํ อรหนฺโต มยํ อรหนฺโต’ติ วตฺตาโร พหู, อหํ เอกํ อรหนฺตมฺปิ น ปสฺสามิ. เคเห ภมํ โยเชตฺวา ปตฺตํ ลิขาเปตฺวา สิกฺกาย เปตฺวา เวฬุปรมฺปราย สฏฺิหตฺถมตฺเต อากาเส โอลมฺพาเปตฺวา ‘สเจ อรหา อตฺถิ, อิมํ อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหาตู’ติ วกฺขามิ. โย ตํ คเหสฺสติ, ตํ สปุตฺตทาโร สรณํ คมิสฺสามี’’ติ. โส จินฺติตนิยาเมเนว ปตฺตํ ลิขาเปตฺวา เวฬุปรมฺปราย อุสฺสาเปตฺวา ‘‘โย อิมสฺมึ โลเก อรหา, โส อากาเสนาคนฺตฺวา อิมํ ปตฺตํ คณฺหาตู’’ติ อาห.
ฉ ¶ สตฺถาโร ‘‘อมฺหากํ เอส อนุจฺฉวิโก, อมฺหากเมว นํ เทหี’’ติ วทึสุ. โส ‘‘อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหถา’’ติ อาห. อถ ฉฏฺเ ทิวเส นิคณฺโ นาฏปุตฺโต อนฺเตวาสิเก เปเสสิ – ‘‘คจฺฉถ, เสฏฺึ เอวํ วเทถ – ‘อมฺหากํ อาจริยสฺเสว อนุจฺฉวิโกยํ, มา อปฺปมตฺตกสฺส การณา อากาเสนาคมนํ กริ, เทหิ กิร เม ตํ ปตฺต’’’นฺติ ¶ . เต คนฺตฺวา เสฏฺึ ตถา วทึสุ. เสฏฺิ ‘‘อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหิตุํ สมตฺโถว คณฺหาตู’’ติ อาห. นาฏปุตฺโต สยํ คนฺตุกาโม อนฺเตวาสิกานํ สฺํ อทาสิ – ‘‘อหํ เอกํ หตฺถฺจ ปาทฺจ อุกฺขิปิตฺวา อุปฺปติตุกาโม วิย ภวิสฺสามิ, ตุมฺเห มํ, ‘อาจริย, กึ กโรถ, ทารุมยปตฺตสฺส การณา ปฏิจฺฉนฺนํ อรหตฺตคุณํ มหาชนสฺส มา ทสฺสยิตฺถา’ติ วตฺวา มํ หตฺเถสุ จ ปาเทสุ จ คเหตฺวา อากฑฺฒนฺตา ภูมิยํ ปาเตยฺยาถา’’ติ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา เสฏฺึ อาห, ‘‘มหาเสฏฺิ, มยฺหํ อยํ ปตฺโต อนุจฺฉวิโก, อฺเสํ นานุจฺฉวิโก, มา เต อปฺปมตฺตกสฺส การณา มม อากาเส อุปฺปตนํ ¶ รุจฺจิ, เทหิ เม ปตฺต’’นฺติ. ภนฺเต, อากาเส อุปฺปติตฺวาว คณฺหถาติ. ตโต นาฏปุตฺโต ‘‘เตน หิ อเปถ อเปถา’’ติ อนฺเตวาสิเก อปเนตฺวา ‘‘อากาเส อุปฺปติสฺสามี’’ติ เอกํ หตฺถฺจ ปาทฺจ อุกฺขิปิ. อถ นํ อนฺเตวาสิกา, ‘‘อาจริย, กึ นาเมตํ กโรถ, ฉวสฺส ลามกสฺส ทารุมยปตฺตสฺส การณา ปฏิจฺฉนฺนคุเณน มหาชนสฺส ทสฺสิเตน โก อตฺโถ’’ติ ตํ หตฺถปาเทสุ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา ภูมิยํ ปาเตสุํ. โส เสฏฺึ อาห – ‘‘อิเม, มหาเสฏฺิ, อุปฺปติตุํ น เทนฺติ, เทหิ เม ปตฺต’’นฺติ. อุปฺปติตฺวา คณฺหถ, ภนฺเตติ. เอวํ ติตฺถิยา ฉ ทิวสานิ วายมิตฺวาปิ ตํ ปตฺตํ น ลภึสุเยว.
สตฺตเม ทิวเส อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส จ อายสฺมโต ปิณฺโฑลภารทฺวาชสฺส จ ‘‘ราชคเห ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา เอกสฺมึ ปิฏฺิปาสาเณ ตฺวา จีวรํ ปารุปนกาเล ¶ ธุตฺตกา กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อมฺโภ ปุพฺเพ ฉ สตฺถาโร โลเก ‘มยํ อรหนฺตมฺหา’ติ วิจรึสุ., ราชคหเสฏฺิโน ปน อชฺช สตฺตโม ทิวโส ปตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ‘สเจ อรหา อตฺถิ, อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหาตู’ติ วทนฺตสฺส, เอโกปิ ‘อหํ อรหา’ติ อากาเส อุปฺปตนฺโต นตฺถิ. อชฺช โน โลเก อรหนฺตานํ นตฺถิภาโว าโต’’ติ. ตํ กถํ สุตฺวา อายสฺมา ¶ มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมนฺตํ ปิณฺโฑลภารทฺวาชํ อาห – ‘‘สุตํ เต, อาวุโส ภารทฺวาช, อิเมสํ วจนํ, อิเม พุทฺธสฺส สาสนํ ปริคฺคณฺหนฺตา วิย วทนฺติ. ตฺวฺจ มหิทฺธิโก มหานุภาโว, คจฺฉ ตํ ปตฺตํ อากาเสน คนฺตฺวา คณฺหาหี’’ติ. อาวุโส มหาโมคฺคลฺลาน, ตฺวํ อิทฺธิมนฺตานํ อคฺโค, ตฺวํ เอตํ คณฺหาหิ, ตยิ ปน อคฺคณฺหนฺเต อหํ คณฺหิสฺสามีติ. ‘‘คณฺหาวุโส’’ติ วุตฺเต อายสฺมา ปิณฺโฑลภารทฺวาโช อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อุฏฺาย ติคาวุตํ ปิฏฺิปาสาณํ ปาทนฺเตน ปฏิจฺฉาเทนฺโต ตุลปิจุ วิย อากาเส อุฏฺาเปตฺวา ราชคหนครสฺส อุปริ สตฺตกฺขตฺตุํ อนุปริยายิ. โส ติคาวุตปมาณสฺส นครสฺส ปิธานํ วิย ปฺายิ. นครวาสิโน ‘‘ปาสาโณ โน อวตฺถริตฺวา คณฺหาตี’’ติ ภีตา สุปฺปาทีนิ มตฺถเก กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิลียึสุ ¶ . สตฺตเม วาเร เถโร ปิฏฺิปาสาณํ ภินฺทิตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสิ. มหาชโน เถรํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต ปิณฺโฑลภารทฺวาช, ตว ปาสาณํ ทฬฺหํ กตฺวา คณฺห, มา โน สพฺเพ นาสยี’’ติ. เถโร ปาสาณํ ปาทนฺเตน ขิปิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. โส คนฺตฺวา ยถาาเนเยว ปติฏฺาสิ. เถโร เสฏฺิสฺส เคหมตฺถเก อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา เสฏฺิ อุเรน นิปชฺชิตฺวา ‘‘โอตรถ สามี’’ติ วตฺวา อากาสโต โอติณฺณํ เถรํ นิสีทาเปตฺวา ปตฺตํ โอตาราเปตฺวา จตุมธุรปุณฺณํ กตฺวา เถรสฺส อทาสิ. เถโร ปตฺตํ คเหตฺวา วิหาราภิมุโข ปายาสิ. อถสฺส เย อรฺคตา วา สฺุาคารคตา วา ตํ ปาฏิหาริยํ นาทฺทสํสุ. เต สนฺนิปติตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากมฺปิ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสหี’’ติ เถรํ อนุพนฺธึสุ. โส เตสํ เตสํ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา วิหารํ อคมาสิ.
สตฺถา ¶ ตํ อนุพนฺธิตฺวา อุนฺนาเทนฺตสฺส มหาชนสฺส สทฺทํ สุตฺวา, ‘‘อานนฺท, กสฺเสโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปิณฺโฑลภารทฺวาเชน อากาเส อุปฺปติตฺวา จนฺทนปตฺโต คหิโต, ตสฺส สนฺติเก เอโส สทฺโท’’ติ สุตฺวา ภารทฺวาชํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตยา เอวํ กต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘กสฺมา เต, ภารทฺวาช, เอวํ กต’’นฺติ เถรํ ครหิตฺวา ตํ ปตฺตํ ขณฺฑาขณฺฑํ เภทาเปตฺวา ภิกฺขูนํ อฺชนปิสนตฺถาย ทาเปตฺวา ปาฏิหาริยสฺส อกรณตฺถาย สาวกานํ สิกฺขาปทํ (จูฬว. ๒๕๒) ปฺาเปสิ.
ติตฺถิยา ¶ ¶ ‘‘สมโณ กิร โคตโม ตํ ปตฺตํ เภทาเปตฺวา ปาฏิหาริยสฺส อกรณตฺถาย สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺาเปสี’’ติ สุตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺติ, สมโณปิ โคตโม ตํ รกฺขิสฺสเตว. อิทานิ อมฺเหหิ โอกาโส ลทฺโธ’’ติ นครวีถีสุ อาโรเจนฺตา วิจรึสุ ‘‘มยํ อตฺตโน คุณํ รกฺขนฺตา ปุพฺเพ ทารุมยปตฺตสฺส การณา อตฺตโน คุณํ มหาชนสฺส น ทสฺสยิมฺหา, สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ปตฺตกมตฺตสฺส การณา อตฺตโน คุณํ มหาชนสฺส ทสฺเสสุํ. สมโณ โคตโม อตฺตโน ปณฺฑิตตาย ปตฺตํ เภทาเปตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปสิ, อิทานิ มยํ เตเนว สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’’ติ.
ราชา พิมฺพิสาโร ตํ กถํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ กิร, ภนฺเต, ปาฏิหาริยสฺส อกรณตฺถาย สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺต’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. อิทานิ ติตฺถิยา ‘‘ตุมฺเหหิ สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’’ติ วทนฺติ, กึ อิทานิ กริสฺสถาติ? ‘‘เตสุ กโรนฺเตสุ กริสฺสามิ, มหาราชา’’ติ. นนุ ตุมฺเหหิ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตนฺติ. นาหํ, มหาราช, อตฺตโน สิกฺขาปทํ ปฺาเปสึ, ตํ มเมว สาวกานํ ปฺตฺตนฺติ. ตุมฺเห เปตฺวา อฺตฺถ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ นาม โหติ, ภนฺเตติ. เตน หิ, มหาราช, ตเมเวตฺถ ปฏิปุจฺฉามิ, ‘‘อตฺถิ ปน เต, มหาราช, วิชิเต อุยฺยาน’’นฺติ. ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจ เต, มหาราช, อุยฺยาเน มหาชโน อมฺพาทีนิ ขาเทยฺย, กิมสฺส กตฺตพฺพ’’นฺติ? ‘‘ทณฺโฑ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตฺวํ ปน ขาทิตุํ ลภสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, มยฺหํ ทณฺโฑ นตฺถิ, อหํ อตฺตโน สนฺตกํ ขาทิตุํ ลภามี’’ติ. ‘‘มหาราช, ยถา ตว ¶ ติโยชนสติเก รชฺเช อาณา ปวตฺตติ, อตฺตโน อุยฺยาเน อมฺพาทีนิ ขาทนฺตสฺส ทณฺโฑ นตฺถิ, อฺเสํ อตฺถิ, เอวํ มมปิ จกฺกวาฬโกฏิสตสหสฺเส อาณา ปวตฺตติ, อตฺตโน สิกฺขาปทปฺตฺติยา อติกฺกโม นาม นตฺถิ, อฺเสํ ปน อตฺถิ, กริสฺสามหํ ปาฏิหาริย’’นฺติ. ติตฺถิยา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิทานมฺหา นฏฺา, สมเณน กิร โคตเมน สาวกานํเยว ¶ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, น อตฺตโน. สยเมว กิร ปาฏิหาริยํ กตฺตุกาโม, กึ นุ โข กโรมา’’ติ มนฺตยึสุ.
ราชา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, กทา ปาฏิหาริยํ กริสฺสถา’’ติ. ‘‘อิโต จตุมาสจฺจเยน อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กตฺถ กริสฺสถ, ภนฺเต’’ติ ¶ ? ‘‘สาวตฺถึ นิสฺสาย, มหาราชา’’ติ. ‘‘กสฺมา ปน สตฺถา เอวํ ทูรฏฺานํ อปทิสี’’ติ? ‘‘ยสฺมา ตํ สพฺพพุทฺธานํ มหาปาฏิหาริยกรณฏฺานํ, อปิจ มหาชนสฺส สนฺนิปาตนตฺถายปิ ทูรฏฺานเมว อปทิสี’’ติ. ติตฺถิยา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิโต กิร จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน สมโณ โคตโม สาวตฺถิยํ ปาฏิหาริยํ กริสฺสติ, อิทานิ ตํ อมฺุจิตฺวาว อนุพนฺธิสฺสาม, มหาชโน อมฺเห ทิสฺวา ‘กึ อิท’นฺติ ปุจฺฉิสฺสติ. อถสฺส วกฺขาม ‘มยํ สมเณน โคตเมน สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’ติ วทิมฺหา. โส ปลายติ, มยมสฺส ปลายิตุํ อทตฺวา อนุพนฺธามา’’ติ. สตฺถา ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา นิกฺขมิ. ติตฺถิยาปิสฺส ปจฺฉโตว นิกฺขมิตฺวา ภตฺตกิจฺจฏฺาเน วสนฺติ. วสิตฏฺาเน ปุนทิวเส ปาตราสํ กโรนฺติ. เต มนุสฺเสหิ ‘‘กิมิท’’นฺติ ปุจฺฉิตา เหฏฺา จินฺติตนิยาเมเนว อาโรเจสุํ ¶ . มหาชโนปิ ‘‘ปาฏิหาริยํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อนุพนฺธิ.
สตฺถา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปาปุณิ. ติตฺถิยาปิ เตน สทฺธึเยว คนฺตฺวา อุปฏฺาเก สมาทเปตฺวา สตสหสฺสํ ลภิตฺวา ขทิรถมฺเภหิ มณฺฑปํ กาเรตฺวา นีลุปฺปเลหิ ฉาทาเปตฺวา ‘‘อิธ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’’ติ นิสีทึสุ. ราชา ปเสนทิ โกสโล สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ติตฺถิเยหิ มณฺฑโป การิโต, อหมฺปิ ตุมฺหากํ มณฺฑปํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘อลํ, มหาราช, อตฺถิ มยฺหํ มณฺฑปการโก’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มํ เปตฺวา โก อฺโ กาตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ? ‘‘สกฺโก, เทวราชา’’ติ. ‘‘กหํ ปน, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล, มหาราชา’’ติ. ติตฺถิยา ‘‘อมฺพรุกฺขมูเล กิร ปาฏิหาริยํ กริสฺสตี’’ติ สุตฺวา อตฺตโน อุปฏฺากานํ อาโรเจตฺวา โยชนพฺภนฺตเร าเน อนฺตมโส ตทหุชาตมฺปิ อมฺพโปตกํ อุปฺปาเฏตฺวา อรฺเ ขิปาเปสุํ.
สตฺถา อาสาฬฺหิปุณฺณมทิวเส อนฺโตนครํ ปาวิสิ. รฺโปิ อุยฺยานปาโล กณฺโฑ นาม เอกํ ปิงฺคลกิปิลฺลิเกหิ กตปตฺตปุฏสฺส อนฺตเร มหนฺตํ อมฺพปกฺกํ ทิสฺวา ตสฺส คนฺธรสโลเภน สมฺปตนฺเต วายเส ปลาเปตฺวา รฺโ ขาทนตฺถาย อาทาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ราชา อิมํ อมฺพํ ขาทิตฺวา มยฺหํ อฏฺ วา โสฬส วา กหาปเณ ทเทยฺย, ตํ เม เอกตฺตภาเวปิ ¶ ชีวิตวุตฺติยา นาลํ. สเจ ปนาหํ สตฺถุ อิมํ ¶ ทสฺสามิ, อวสฺสํ ตํ เม ทีฆกาลํ หิตาวหํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส ตํ อมฺพปกฺกํ สตฺถุ อุปนาเมสิ. สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกสิ ¶ . อถสฺส เถโร จตุมหาราชทตฺติยํ ปตฺตํ นีหริตฺวา หตฺเถ เปสิ. สตฺถา ปตฺตํ อุปนาเมตฺวา อมฺพปกฺกํ ปฏิคฺคเหตฺวา ตตฺเถว นิสีทนาการํ ทสฺเสสิ. เถโร จีวรํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. อถสฺส ตสฺมึ นิสินฺเน เถโร ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา อมฺพปกฺกํ มทฺทิตฺวา ปานกํ กตฺวา อทาสิ. สตฺถา อมฺพปานกํ ปิวิตฺวา กณฺฑํ อาห – ‘‘อิมํ อมฺพฏฺึ อิเธว ปํสุํ วิยูหิตฺวา โรเปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อุปริ หตฺถํ โธวิ. หตฺเถ โธวิตมตฺเตเยว นงฺคลสีสมตฺตกฺขนฺโธ หุตฺวา อุพฺเพเธน ปณฺณาสหตฺโถ อมฺพรุกฺโข อุฏฺหิ. จตูสุ ทิสาสุ เอเกกา, อุทฺธํ เอกาติ ปฺจ มหาสาขา ปณฺณาสหตฺถา อเหสุํ. โส ตาวเทว ปุปฺผผลสฺฉนฺโน หุตฺวา เอเกกสฺมึ าเน ปริปกฺกอมฺพปิณฺฑิธโร อโหสิ. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตา ภิกฺขู อมฺพปกฺกานิ ขาทนฺตา เอว อาคมึสุ. ราชา ‘‘เอวรูโป กิร อมฺพรุกฺโข อุฏฺิโต’’ติ สุตฺวา ‘‘มา นํ โกจิ ฉินฺที’’ติ อารกฺขํ เปสิ. โส ปน กณฺเฑน โรปิตตฺตา กณฺฑมฺพรุกฺโขตฺเวว ปฺายิ. ธุตฺตกาปิ อมฺพปกฺกานิ ขาทิตฺวา ‘‘หเร ทุฏฺติตฺถิยา ‘สมโณ กิร โคตโม กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ปาฏิหาริยํ กริสฺสตี’ติ ตุมฺเหหิ โยชนพฺภนฺตเร ตทหุชาตาปิ อมฺพโปตกา ¶ อุปฺปาฏาปิตา, กณฺฑมฺโพ นาม อย’’นฺติ วตฺวา เต อุจฺฉิฏฺอมฺพฏฺีหิ ปหรึสุ.
สกฺโก วาตวลาหกํ เทวปุตฺตํ อาณาเปสิ ‘‘ติตฺถิยานํ มณฺฑปํ วาเตหิ อุปฺปาเฏตฺวา อุกฺการภูมิยํ ขิปาเปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. สูริยมฺปิ เทวปุตฺตํ อาณาเปสิ ‘‘สูริยมณฺฑลํ นิกฑฺฒนฺโต ตาเปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. ปุน วาตวลาหกํ อาณาเปสิ ‘‘วาตมณฺฑลํ อุฏฺาเปนฺโต ยาหี’’ติ. โส ตถา กโรนฺโต ติตฺถิยานํ ปคฺฆริตเสทสรีเร รโชวฏฺฏิยา โอกิริ. เต ตมฺพมตฺติกสทิสา อเหสุํ. วสฺสวลาหกมฺปิ อาณาเปสิ ‘‘มหนฺตานิ พินฺทูนิ ปาเตหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. อถ เนสํ กาโย กพรคาวิสทิโส อโหสิ. เต นิคณฺา ลชฺชมานา หุตฺวา สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนเนว ปลายึสุ. เอวํ ปลายนฺเตสุ ปุราณกสฺสปสฺส อุปฏฺาโก เอโก กสฺสโก ‘‘อิทานิ เม อยฺยานํ ปาฏิหาริยกรณเวลา, คนฺตฺวา ปาฏิหาริยํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ โคเณ วิสฺสชฺเชตฺวา ปาโตว อาภตํ ยาคุกุฏฺเจว โยตฺตกฺจ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺโต ปุราณํ ตถา ปลายนฺตํ ทิสฺวา, ภนฺเต ¶ , อชฺช ‘อยฺยานํ ปาฏิหาริยํ ปสฺสิสฺสามี’ติ อาคจฺฉามิ, ตุมฺเห กหํ คจฺฉถา’’ติ. กึ เต ปาฏิหาริเยน, อิมํ กุฏฺจ ¶ โยตฺตฺจ เทหีติ. โส เตน ทินฺนํ กุฏฺจ โยตฺตฺจ อาทาย นทีตีรํ คนฺตฺวา กุฏํ โยตฺเตน อตฺตโน คีวาย พนฺธิตฺวา ลชฺชนฺโต กิฺจิ อกเถตฺวา รหเท ปติตฺวา อุทกปุพฺพุเฬ อุฏฺาเปนฺโต กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ.
สกฺโก ¶ อากาเส รตนจงฺกมํ มาเปสิ. ตสฺส เอกา โกฏิ ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อโหสิ, เอกา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ. สตฺถา สนฺนิปติตาย ฉตฺตึสโยชนิกาย ปริสาย วฑฺฒมานกจฺฉายาย ‘‘อิทานิ ปาฏิหาริยกรณเวลา’’ติ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ปมุเข อฏฺาสิ. อถ นํ ฆรณี นาม อิทฺธิมนฺตี เอกา อนาคามิอุปาสิกา อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มาทิสาย ธีตริ วิชฺชมานาย ตุมฺหากํ กิลมนกิจฺจํ นตฺถิ, อหํ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กถํ ตฺวํ กริสฺสสิ, ฆรณี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, เอกสฺมึ จกฺกวาฬคพฺเภ มหาปถวึ อุทกํ กตฺวา อุทกสกุณิกา วิย นิมุชฺชิตฺวา ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อตฺตานํ ทสฺเสสฺสามิ, ตถา ปจฺฉิมอุตฺตรทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ, ตถา มชฺเฌ’’. มหาชโน มํ ทิสฺวา ‘‘กา เอสา’’ติ วุตฺเต วกฺขติ ‘‘ฆรณี นาเมสา, อยํ ตาว เอกิสฺสา อิตฺถิยา อานุภาโว, พุทฺธานุภาโว ปน กีทิโส ภวิสฺสตี’’ติ ¶ . เอวํ ติตฺถิยา ตุมฺเห อทิสฺวาว ปลายิสฺสนฺตีติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ชานามิ เต ฆรณี เอวรูปํ ปาฏิหาริยํ กาตุํ สมตฺถภาวํ, น ปนายํ ตวตฺถาย พทฺโธ มาลาปุโฏ’’ติ วตฺวา ปฏิกฺขิปิ. สา ‘‘น เม สตฺถา อนุชานาติ, อทฺธา มยา อุตฺตริตรํ ปาฏิหาริยํ กาตุํ สมตฺโถ อฺโ อตฺถี’’ติ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. สตฺถาปิ ‘‘เอวเมว เตสํ คุโณ ปากโฏ ภวิสฺสตีติ เอวํ ฉตฺตึสโยชนิกาย ปริสาย มชฺเฌ สีหนาทํ นทิสฺสตี’’ติ มฺมาโน อปเรปิ ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห กถํ ปาฏิหาริยํ กริสฺสถา’’ติ. เต ‘‘เอวฺจ เอวฺจ กริสฺสาม, ภนฺเต’’ติ สตฺถุ ปุรโต ิตาว สีหนาทํ นทึสุ. เตสุ กิร จูฬอนาถปิณฺฑิโก ‘‘มาทิเส อนาคามิอุปาสเก ปุตฺเต วิชฺชมาเน สตฺถุ กิลมนกิจฺจํ นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อหํ, ภนฺเต, ทฺวาทสโยชนิกํ พฺรหฺมตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา อิมิสฺสา ปริสาย มชฺเฌ มหาเมฆคชฺชิตสทิเสน สทฺเทน พฺรหฺมอปฺโผฏนํ นาม อปฺโผเฏสฺสามี’’ติ. มหาชโน ‘‘กึ นาเมโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จูฬอนาถปิณฺฑิกสฺส กิร ¶ พฺรหฺมอปฺโผฏนสทฺโท นามา’’ติ วกฺขติ. ติตฺถิยา ‘‘คหปติกสฺส กิร ตาว เอโส อานุภาโว, พุทฺธานุภาโว กีทิโส ภวิสฺสตี’’ติ ตุมฺเห อทิสฺวาว ปลายิสฺสนฺตีติ. สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺสปิ ตเถว วตฺวา ปาฏิหาริยกรณํ นานุชานิ.
อเถกา ปฏิสมฺภิทปฺปตฺตา สตฺตวสฺสิกา ¶ จีรสามเณรี กิร นาม สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กถํ กริสฺสสิ จีเร’’ติ? ‘‘ภนฺเต, สิเนรฺุจ จกฺกวาฬปพฺพตฺจ หิมวนฺตฺจ อาหริตฺวา อิมสฺมึ าเน ปฏิปาฏิยา เปตฺวา อหํ หํสสกุณี วิย ตโต ตโต นิกฺขมิตฺวา อสชฺชมานา คมิสฺสามิ, มหาชโน มํ ทิสฺวา ‘กา เอสา’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘จีรสามเณรี’ติ วกฺขติ. ติตฺถิยา ‘สตฺตวสฺสิกาย ตาว สามเณริยา ¶ อยมานุภาโว, พุทฺธานุภาโว กีทิโส ภวิสฺสตี’ติ ตุมฺเห อทิสฺวาว ปลายิสฺสนฺตี’’ติ. อิโต ปรํ เอวรูปานิ วจนานิ วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพานิ. ตสฺสาปิ ภควา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ วตฺวา ปาฏิหาริยกรณํ นานุชานิ. อเถโก ปฏิสมฺภิทปฺปตฺโต ขีณาสโว จุนฺทสามเณโร นาม ชาติยา สตฺตวสฺสิโก สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ ภควา ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺโ อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ชมฺพุทีปสฺส ธชภูตํ มหาชมฺพุรุกฺขํ ขนฺเธ คเหตฺวา จาเลตฺวา มหาชมฺพุเปสิโย อาหริตฺวา อิมํ ปริสํ ขาทาเปสฺสามิ, ปาริจฺฉตฺตกกุสุมานิ จ อาหริตฺวา ตุมฺเห วนฺทิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺส ปาฏิหาริยกรณํ ปฏิกฺขิปิ.
อถ อุปฺปลวณฺณา เถรี สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺา อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมนฺตา ทฺวาทสโยชนิกํ ปริสํ ทสฺเสตฺวา อาวฏฺฏโต ฉตฺตึสโยชนาย ปริสาย ปริวุโต จกฺกวตฺติราชา หุตฺวา อาคนฺตฺวา ตุมฺเห วนฺทิสฺสามี’’ติ ¶ . สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺสาปิ ปาฏิหาริยกรณํ ปฏิกฺขิปิ. อถ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺโ อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, สิเนรุปพฺพตราชานํ ทนฺตนฺตเร เปตฺวา มาสสาสปพีชํ วิย ขาทิสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘อิมํ มหาปถวึ กฏสารกํ วิย สํเวลฺลิตฺวา องฺคุลนฺตเร นิกฺขิปิสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘มหาปถวึ กุลาลจกฺกํ วิย ปริวตฺเตตฺวา มหาชนํ ปถโวชํ ¶ ขาทาเปสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘วามหตฺเถ ปถวึ กตฺวา อิเม สตฺเต ทกฺขิณหตฺเถน อฺสฺมึ ทีเป เปสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘สิเนรุํ ฉตฺตทณฺฑํ วิย กตฺวา มหาปถวึ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺสุปริ เปตฺวา ฉตฺตหตฺโถ ภิกฺขุ วิย เอกหตฺเถนาทาย อากาเส จงฺกมิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺสปิ ปาฏิหาริยกรณํ นานุชานิ. โส ‘‘ชานาติ มฺเ สตฺถา มยา อุตฺตริตรํ ปาฏิหาริยํ กาตุํ สมตฺถ’’นฺติ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ.
อถ นํ สตฺถา ‘‘นายํ โมคฺคลฺลานํ ตวตฺถาย พทฺโธ พาลาปุโฏ. อหฺหิ อสมธุโร, มม ธุรํ อฺโ วหิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. อนจฺฉริยเมตํ, ยํ อิทานิ มม ธุรํ วหิตุํ สมตฺโถ นาม ภเวยฺย. อเหตุกติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตกาเลปิ มม ธุรํ อฺโ วหิตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิเยวา’’ติ วตฺวา ‘‘กทา ¶ ปน, ภนฺเต’’ติ เถเรน ปุฏฺโ อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘ยโต ¶ ยโต ครุ ธุรํ, ยโต คมฺภีรวตฺตนี;
ตทาสฺสุ กณฺหํ ยฺุชนฺติ, สฺวาสฺสุ ตํ วหเต ธุร’’นฺติ. –
อิทํ กณฺหอุสภชาตกํ (ชา. ๑.๑.๒๙) วิตฺถาเรตฺวา ปุน ตเมว วตฺถุํ วิเสเสตฺวา ทสฺเสนฺโต –
‘‘มนฺุเมว ภาเสยฺย, นามนฺุํ กุทาจนํ;
มนฺุํ ภาสมานสฺส, ครุํ ภารํ อุททฺธริ;
ธนฺจ นํ อลาเภสิ, เตน จตฺตมโน อหู’’ติ. –
อิทํ นนฺทิวิสาลชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. กเถตฺวา จ ปน สตฺถา รตนจงฺกมํ อภิรุหิ, ปุรโต ทฺวาทสโยชนิกา ปริสา อโหสิ ตถา ปจฺฉโต จ อุตฺตรโต จ ทกฺขิณโต จ. อุชุกํ ปน จตุวีสติโยชนิกาย ปริสาย มชฺเฌ ภควา ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ.
ตํ ปาฬิโต ตาว เอวํ เวทิตพฺพํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖) – กตมํ ตถาคตสฺส ยมกปาฏิหาริเย าณํ? อิธํ ตถาคโต ยมกปาฏิหาริยํ กโรติ อสาธารณํ สาวเกหิ, อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เหฏฺิมกายโต ¶ อุทกธารา ปวตฺตติ ¶ . เหฏฺิมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อุปริมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ. ปุรตฺถิมกายโต, ปจฺฉิมกายโต; ปจฺฉิมกายโต, ปุรตฺถิมกายโต; ทกฺขิณอกฺขิโต, วามอกฺขิโต; วามอกฺขิโต, ทกฺขิณอกฺขิโต; ทกฺขิณกณฺณโสตโต, วามกณฺณโสตโต; วามกณฺณโสตโต, ทกฺขิณกณฺณโสตโต; ทกฺขิณนาสิกาโสตโต, วามนาสิกาโสตโต; วามนาสิกาโสตโต, ทกฺขิณนาสิกาโสตโต; ทกฺขิณอํสกูฏโต, วามอํสกูฏโต; วามอํสกูฏโต, ทกฺขิณอํสกูฏโต; ทกฺขิณหตฺถโต, วามหตฺถโต; วามหตฺถโต, ทกฺขิณหตฺถโต; ทกฺขิณปสฺสโต, วามปสฺสโต; วามปสฺสโต, ทกฺขิณปสฺสโต; ทกฺขิณปาทโต, วามปาทโต; วามปาทโต, ทกฺขิณปาทโต; องฺคุลงฺคุเลหิ, องฺคุลนฺตริกาหิ; องฺคุลนฺตริกาหิ, องฺคุลงฺคุเลหิ; เอเกกโลมกูปโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เอเกกโลมโต อุทกธารา ปวตฺตติ. เอเกกโลมโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เอเกกโลมกูปโต อุทกธารา ปวตฺตติ ฉนฺนํ วณฺณานํ นีลานํ ปีตกานํ โลหิตกานํ โอทาตานํ มฺเชฏฺานํ ปภสฺสรานํ. ภควา จงฺกมติ, พุทฺธนิมฺมิโต ติฏฺติ วา นิสีทติ วา เสยฺยํ วา กปฺเปติ…เป… นิมฺมิโต เสยฺยํ กปฺเปติ, ภควา จงฺกมติ วา ติฏฺติ วา นิสีทติ วา. อิทํ ตถาคตสฺส ยมกปาฏิหาริเย าณนฺติ.
อิทํ ¶ ปน ปาฏิหาริยํ ภควา ตสฺมึ จงฺกเม จงฺกมิตฺวา อกาสิ. ตสฺส เตโชกสิณสมาปตฺติวเสน อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อาโปกสิณสมาปตฺติวเสน เหฏฺิมกายโต ¶ อุทกธารา ปวตฺตติ. น ปน อุทกธาราย ปวตฺตนฏฺานโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อคฺคิกฺขนฺธสฺส ปวตฺตนฏฺานโต อุทกธารา ปวตฺตตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เหฏฺิมกายโต อุปริมกายโต’’ติ วุตฺตํ. เอเสว นโย สพฺพปเทสุ. อคฺคิกฺขนฺโธ ปเนตฺถ อุทกธาราย อสมฺมิสฺโส อโหสิ, ตถา อุทกธารา อคฺคิกฺขนฺเธน. อุภยมฺปิ กิร เจตํ ยาว พฺรหฺมโลกา อุคฺคนฺตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ปตติ. ‘‘ฉนฺนํ วณฺณาน’’นฺติ วุตฺตา ปนสฺส ฉพฺพณฺณรํสิโย ฆเฏหิ อาสิฺจมานํ วิลีนสุวณฺณํ วิย ยนฺตนาลิกโต นิกฺขนฺตสุวณฺณรสธารา วิย จ เอกจกฺกวาฬคพฺภโต อุคฺคนฺตฺวา พฺรหฺมโลกํ อาหจฺจ ปฏินิวตฺติตฺวา ¶ จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิเมว คณฺหึสุ. เอกจกฺกวาฬคพฺภํ วงฺกโคปานสิกํ วิย โพธิฆรํ อโหสิ เอกาโลกํ.
ตํทิวสํ สตฺถา จงฺกมิตฺวา ปาฏิหาริยํ กโรนฺโต อนฺตรนฺตรา มหาชนสฺส ธมฺมํ กเถสิ. กเถนฺโต จ ชนํ นิรสฺสาสํ อกตฺวา ตสฺส อสฺสาสวารํ เทติ. ตสฺมึ ขเณ มหาชโน สาธุการํ ปวตฺเตสิ. ตสฺส สาธุการปวตฺตนกาเล สตฺถา ตาวมหติยา ปริสาย จิตฺตํ โอโลเกนฺโต เอเกกสฺส โสฬสนฺนํ อาการานํ วเสน จิตฺตาจารํ อฺาสิ. เอวํ ลหุกปริวตฺตํ พุทฺธานํ จิตฺตํ ¶ . โย โย ยสฺมิฺจ ธมฺเม ยสฺมิฺจ ปาฏิหีเร ปสนฺโน, ตสฺส ตสฺส อชฺฌาสยวเสเนว ธมฺมฺจ กเถสิ, ปาฏิหีรฺจ อกาสิ. เอวํ ธมฺเม เทสิยมาเน ปาฏิหีเร จ กริยมาเน มหาชนสฺส ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. สตฺถา ปน ตสฺมึ สมาคเม อตฺตโน มนํ คเหตฺวา อฺํ ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ สมตฺถํ อทิสฺวา นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. เตน ปุจฺฉิตํ ปฺหํ สตฺถา วิสฺสชฺเชสิ, สตฺถารา ปุจฺฉิตํ โส วิสฺสชฺเชสิ. ภควโต จงฺกมนกาเล นิมฺมิโต านาทีสุ อฺตรํ กปฺเปสิ, นิมฺมิตสฺส จงฺกมนกาเล ภควา านาทีสุ อฺตรํ กปฺเปสิ. ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิมฺมิโต จงฺกมติ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ กโรนฺตสฺส สตฺถุ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ตสฺมึ สมาคเม วีสติยา ปาณโกฏีนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ.
สตฺถา ปาฏิหีรํ กโรนฺโตว ‘‘กตฺถ นุ โข อตีตพุทฺธา อิทํ ปาฏิหีรํ กตฺวา วสฺสํ อุเปนฺตี’’ติ อาวชฺเชตฺวา ‘‘ตาวตึสภวเน วสฺสํ อุปคนฺตฺวา มาตุ อภิธมฺมปิฏกํ เทเสนฺตี’’ติ ทิสฺวา ทกฺขิณปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ยุคนฺธรมตฺถเก เปตฺวา อิตรํ ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา สิเนรุมตฺถเก เปสิ. เอวํ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสฏฺาเน ตโย ปทวารา อเหสุํ, ทฺเว ปาทฉิทฺทานิ. สตฺถา ปาทํ ปสาเรตฺวา อกฺกมีติ น สลฺลกฺเขตพฺพํ. ตสฺส หิ ปาทุกฺขิปนกาเลเยว ปพฺพตา ปาทมูลํ ¶ อาคนฺตฺวา สมฺปฏิจฺฉึสุ, สตฺถารา อกฺกมนกาเล เต ปพฺพตา อุฏฺาย สกฏฺาเนเยว อฏฺํสุ. สกฺโก สตฺถารํ ¶ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ปณฺฑุกมฺพลสิลาย มฺเ สตฺถา อิมํ วสฺสาวาสํ อุเปสฺสติ, พหูนฺจ เทวตานํ อุปกาโร ภวิสฺสติ, สตฺถริ ปเนตฺถ วสฺสาวาสํ อุปคเต อฺา เทวตา หตฺถมฺปิ เปตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. อยํ โข ¶ ปน ปณฺฑุกมฺพลสิลา ทีฆโต สฏฺิโยชนา, วิตฺถารโต ปณฺณาสโยชนา, ปุถุลโต ปนฺนรสโยชนา, สตฺถริ นิสินฺเนปิ ตุจฺฉํ ภวิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อตฺตโน สงฺฆาฏึ สิลาสนํ ปฏิจฺฉาทยมานํ ขิปิ. สกฺโก จินฺเตสิ – ‘‘จีวรํ ตาว ปฏิจฺฉาทยมานํ ขิปิ, สยํ ปน ปริตฺตเก าเน นิสีทิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา นีจปีกํ มหาปํสุกูลิโก วิย ปณฺฑุกมฺพลสิลํ อนฺโตจีวรโภเคเยว กตฺวา นิสีทิ. มหาชโนปิ ตํขณฺเว สตฺถารํ โอโลเกนฺโต นาทฺทส, จนฺทสฺส อตฺถงฺคมิตกาโล วิย สูริยสฺส จ อตฺถงฺคมิตกาโล วิย อโหสิ. มหาชโน –
‘‘คโต นุ จิตฺตกูฏํ วา, เกลาสํ วา ยุคนฺธรํ;
น โน ทกฺเขมุ สมฺพุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภ’’นฺติ. –
อิมํ ¶ คาถํ วทนฺโต ปริเทวิ. อปเร ‘‘สตฺถา นาม ปวิเวกรโต, โส ‘เอวรูปาย เม ปริสาย เอวรูปํ ปาฏิหีรํ กต’นฺติ ลชฺชาย อฺํ รฏฺํ วา ชนปทํ วา คโต ภวิสฺสติ, น ทานิ ตํ ทกฺขิสฺสามา’’ติ ปริเทวนฺตา อิมํ คาถมาหํสุ –
‘‘ปวิเวกรโต ธีโร, นิมํ โลกํ ปุเนหิติ;
น โน ทกฺเขมุ สมฺพุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภ’’นฺติ.
เต มหาโมคฺคลฺลานํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กหํ, ภนฺเต, สตฺถา’’ติ? โส สยํ ชานนฺโตปิ ‘‘ปเรสมฺปิ คุณา ปากฏา โหนฺตู’’ติ อชฺฌาสเยน ‘‘อนุรุทฺธํ ปุจฺฉถา’’ติ อาห. เต เถรํ ตถา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กหํ, ภนฺเต, สตฺถา’’ติ? ตาวตึสภวเน ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา มาตุ อภิธมฺมปิฏกํ เทเสตุํ คโตติ. ‘‘กทา อาคมิสฺสติ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ตโย มาเส อภิธมฺมปิฏกํ เทเสตฺวา มหาปวารณทิวเส’’ติ. เต ‘‘สตฺถารํ อทิสฺวา น คมิสฺสามา’’ติ ตตฺเถว ขนฺธาวารํ พนฺธึสุ. อากาสเมว กิร เนสํ ฉทนํ อโหสิ. ตาย จ มหติยา ปริสาย สรีรนิฆํโส นาม น ปฺายิ, ปถวี วิวรํ อทาสิ, สพฺพตฺถ ปริสุทฺธเมว ภูมิตลํ อโหสิ.
สตฺถา ปมเมว โมคฺคลฺลานตฺเถรํ อโวจ – ‘‘โมคฺคลฺลาน, ตฺวํ เอติสฺสาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสยฺยาสิ, จูฬอนาถปิณฺฑิโก อาหารํ ทสฺสตี’’ติ. ตสฺมา ¶ ตํ เตมาสํ จูฬอนาถปิณฺฑิโกว ตสฺสา ¶ ปริสาย ยาปนํ ยาคุภตฺตํ ¶ ขาทนียํ ตมฺพุลเตลคนฺธมาลาปิลนฺธนานิ จ อทาสิ. มหาโมคฺคลฺลาโน ธมฺมํ เทเสสิ, ปาฏิหาริยทสฺสนตฺถํ อาคตาคเตหิ ปุฏฺปฺเห จ วิสฺสชฺเชสิ. สตฺถารมฺปิ มาตุ อภิธมฺมเทสนตฺถํ ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วสฺสํ อุปคตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา ปริวารยึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตาวตึเส ยทา พุทฺโธ, สิลายํ ปณฺฑุกมฺพเล;
ปาริจฺฉตฺตกมูลมฺหิ, วิหาสิ ปุริสุตฺตโม.
‘‘ทสสุ โลกธาตูสุ, สนฺนิปติตฺวาน เทวตา;
ปยิรุปาสนฺติ สมฺพุทฺธํ, วสนฺตํ นาคมุทฺธนิ.
‘‘น โกจิ เทโว วณฺเณน, สมฺพุทฺธสฺส วิโรจติ;
สพฺเพ เทเว อติกฺกมฺม, สมฺพุทฺโธว วิโรจตี’’ติ. (เป. ว. ๓๑๗-๓๑๙);
เอวํ สพฺพา เทวตา อตฺตโน สรีรปฺปภาย อภิภวิตฺวา นิสินฺนสฺส ปนสฺส มาตา ตุสิตวิมานโต อาคนฺตฺวา ทกฺขิณปสฺเส นิสีทิ. อินฺทโกปิ เทวปุตฺโต อาคนฺตฺวา ทกฺขิณปสฺเสเยว นิสีทิ, องฺกุโร วามปสฺเส นิสีทิ. โส มเหสกฺขาสุ เทวตาสุ สนฺนิปตนฺตีสุ อปคนฺตฺวา ทฺวาทสโยชนิเก าเน โอกาสํ ลภิ, อินฺทโก ตตฺเถว นิสีทิ. สตฺถา เต อุโภปิ โอโลเกตฺวา อตฺตโน สาสเน ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลานํ ทินฺนทานสฺส มหปฺผลภาวํ าเปตุกาโม เอวมาห – ‘‘องฺกุร, ตยา ทีฆมนฺตเร ทสวสฺสสหสฺสปริมาณกาเล ทฺวาทสโยชนิกํ อุทฺธนปนฺตึ กตฺวา มหาทานํ ¶ ทินฺนํ, อิทานิ มม สมาคมํ อาคนฺตฺวา ทฺวาทสโยชนิเก าเน โอกาสํ ลภิ, กึ นุ โข เอตฺถ การณ’’นฺติ? วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘โอโลเกตฺวาน สมฺพุทฺโธ, องฺกุรฺจาปิ อินฺทกํ;
ทกฺขิเณยฺยํ สมฺภาเวนฺโต, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘‘มหาทานํ ¶ ตยา ทินฺนํ, องฺกุร ทีฆมนฺตเร;
อติทูเร นิสินฺโนสิ, อาคจฺฉ มม สนฺติเก’’ติ. (เป. ว. ๓๒๑-๓๒๒);
โส สทฺโธ ปถวีตลํ ปาปุณิ. สพฺพาปิ นํ สา ปริสา อสฺโสสิ. เอวํ วุตฺเต –
‘‘โจทิโต ¶ ภาวิตตฺเตน, องฺกุโร เอตมพฺรวิ;
กึ มยฺหํ เตน ทาเนน, ทกฺขิเณยฺเยน สฺุตํ.
‘‘อยํ โส อินฺทโก ยกฺโข, ทชฺชา ทานํ ปริตฺตกํ;
อติโรจติ อมฺเหหิ, จนฺโท ตาราคเณ ยถา’’ติ. (เป. ว. ๓๒๓-๓๒๔);
ตตฺถ ทชฺชาติ ทตฺวา. เอวํ วุตฺเต สตฺถา อินฺทกํ อาห – ‘‘อินฺทก, ตฺวํ มม ทกฺขิณปสฺเส นิสินฺโน, กสฺมา อนปคนฺตฺวาว นิสีทสี’’ติ? โส ‘‘อหํ, ภนฺเต, สุเขตฺเต อปฺปกพีชํ วปนกสฺสโก วิย ทกฺขิเณยฺยสมฺปทํ อลตฺถ’’นฺติ ทกฺขิเณยฺยํ ปภาเวนฺโต อาห –
‘‘อุชฺชงฺคเล ยถา เขตฺเต, พีชํ พหุมฺปิ โรปิตํ;
น ผลํ วิปุลํ โหติ, นปิ โตเสติ กสฺสกํ.
‘‘ตเถว ทานํ พหุกํ, ทุสฺสีเลสุ ปติฏฺิตํ;
น ผลํ วิปุลํ โหติ, นปิ โตเสติ ทายกํ.
‘‘ยถาปิ ¶ ภทฺทเก เขตฺเต, พีชํ อปฺปมฺปิ โรปิตํ;
สมฺมา ธารํ ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ โตเสติ กสฺสกํ.
‘‘ตเถว สีลวนฺเตสุ, คุณวนฺเตสุ ตาทิสุ;
อปฺปกมฺปิ กตํ การํ, ปฺุํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ. (เป. ว. ๓๒๕-๓๒๘);
กึ ปเนตสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ? โส กิร อนุรุทฺธตฺเถรสฺส อนฺโตคามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส อตฺตโน อาภตํ กฏจฺฉุภิกฺขํ ทาเปสิ. ตทา ตสฺส ปฺุํ องฺกุเรน ทสวสฺสสหสฺสานิ ทฺวาทสโยชนิกํ อุทฺธนปนฺตึ กตฺวา ทินฺนทานโต มหปฺผลตรํ ชาตํ. ตสฺมา เอวมาห.
เอวํ วุตฺเต สตฺถา, ‘‘องฺกุร, ทานํ นาม วิเจยฺย ทาตุํ วฏฺฏติ, เอวํ ตํ สุเขตฺเตสุ วุตฺตพีชํ วิย มหปฺผลํ โหติ. ตฺวํ ปน น ตถา อกาสิ, เตน เต ทานํ มหปฺผลํ น ชาต’’นฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต –
‘‘วิเจยฺย ¶ ¶ ทานํ ทาตพฺพํ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ…เป….
‘‘วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ,
เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก;
เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ,
พีชานิ วุตฺตานิ ยถา สุเขตฺเต’’ติ. (เป. ว. ๓๒๙-๓๓๐) –
วตฺวา อุตฺตริมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตราเคสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โทสโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตโทเสสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โมหโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตโมเหสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ ¶ เขตฺตานิ, อิจฺฉาโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วิคติจฺเฉสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ.
เทสนาวสาเน องฺกุโร จ อินฺทโก จ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อถ สตฺถา เทวปริสาย มชฺเฌ นิสินฺโน มาตรํ อารพฺภ ‘‘กุสลา ธมฺมา, อกุสลา ธมฺมา, อพฺยากตา ธมฺมา’’ติ อภิธมฺมปิฏกํ ปฏฺเปสิ. เอวํ ตโย มาเส นิรนฺตรํ อภิธมฺมปิฏกํ กเถสิ. กเถนฺโต ปน ภิกฺขาจารเวลาย ‘‘ยาว มมาคมนา เอตฺตกํ นาม ธมฺมํ เทเสตู’’ติ นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปตฺวา หิมวนฺตํ คนฺตฺวา นาคลตาทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา มหาสาลมาฬเก นิสินฺโน ภตฺตกิจฺจํ อกาสิ. สาริปุตฺตตฺเถโร ตตฺถ คนฺตฺวา สตฺถุ วตฺตํ กโรติ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน, ‘‘สาริปุตฺต ¶ , อชฺช มยา เอตฺตโก นาม ธมฺโม ภาสิโต, ตฺวํ อตฺตโน อนฺเตวาสิกานํ ภิกฺขูนํ วาเจหี’’ติ เถรสฺส กเถสิ. ยมกปาฏิหีเร กิร ปสีทิตฺวา ปฺจสตา กุลปุตฺตา เถรสฺส สนฺติเก ¶ ปพฺพชึสุ. เต สนฺธาย เถรํ ¶ เอวมาห. วตฺวา จ ปน เทวโลกํ คนฺตฺวา นิมฺมิตพุทฺเธน เทสิตฏฺานโต ปฏฺาย สยํ ธมฺมํ เทเสสิ. เถโรปิ คนฺตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสสิ. เต สตฺถริ เทวโลเก วิหรนฺเตเยว สตฺตปกรณิกา อเหสุํ.
เต กิร กสฺสปพุทฺธกาเล ขุทฺทกวคฺคุลิโย หุตฺวา เอกสฺมึ ปพฺภาเร โอลมฺพนฺตา ทฺวินฺนํ เถรานํ จงฺกมิตฺวา อภิธมฺมํ สชฺฌายนฺตานํ สทฺทํ สุตฺวา สเร นิมิตฺตํ อคฺคเหสุํ. เต ‘‘อิเม ขนฺธา นาม, อิมา ธาตุโย นามา’’ติ อชานิตฺวา สเร นิมิตฺตคหณมตฺเตเนว ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺตา, เอกํ พุทฺธนฺตรํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ตโต จวิตฺวา สาวตฺถิยํ กุลฆเรสุ นิพฺพตฺตา. ยมกปาฏิหีเร อุปฺปนฺนปสาทา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สพฺพปมํ สตฺตปกรณิกา อเหสุํ. สตฺถาปิ เตเนว นีหาเรน ตํ เตมาสํ อภิธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาวสาเน อสีติโกฏิสหสฺสานํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, มหามายาปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.
สาปิ ¶ โข ฉตฺตึสโยชนปริมณฺฑลา ปริสา ‘‘อิทานิ สตฺตเม ทิวเส มหาปวารณา ภวิสฺสตี’’ติ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต สตฺถุ, โอโรหณทิวสํ สฺาตุํ วฏฺฏติ, น หิ มยํ สตฺถารํ อทิสฺวา คมิสฺสามา’’ติ. อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘สาธาวุโส’’ติ วตฺวา ตตฺเถว ปถวิยํ นิมุคฺโค สิเนรุปาทํ คนฺตฺวา ‘‘มํ อภิรุหนฺตํ ปริสา ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺาย มณิรตเนน อาวุตํ ปณฺฑุกมฺพลสุตฺตํ วิย ปฺายมานรูโปว สิเนรุมชฺเฌน อภิรุหิ. มนุสฺสาปิ นํ ‘‘เอกโยชนํ อภิรุฬฺโห, ทฺวิโยชนํ อภิรุฬฺโห’’ติ โอโลกยึสุ. เถโรปิ สตฺถุ ปาเท สีเสน อุกฺขิปนฺโต วิย อภิรุหิตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, ปริสา ตุมฺเห ทิสฺวาว คนฺตุกามา, กทา โอโรหิสฺสถา’’ติ. ‘‘กหํ ปน เต, โมคฺคลฺลาน, เชฏฺภาติโก สาริปุตฺโต’’ติ. ‘‘ภนฺเต, สงฺกสฺสนคเร วสฺสํ อุปคโต’’ติ. โมคฺคลฺลาน, อหํ อิโต สตฺตเม ทิวเส มหาปวารณาย สงฺกสฺสนครทฺวาเร โอตริสฺสามิ, มํ ทฏฺุกามา ตตฺถ อาคจฺฉนฺตุ, สาวตฺถิโต สงฺกสฺสนครทฺวารํ ตึสโยชนานิ, เอตฺตเก มคฺเค กสฺสจิ ปาเถยฺยกิจฺจํ นตฺถิ, อุโปสถิกา หุตฺวา ธุรวิหารํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย ¶ คจฺฉนฺตา วิย อาคจฺเฉยฺยาถาติ เตสํ อาโรเจยฺยาสีติ. เถโร ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ คนฺตฺวา ตถา อาโรเจสิ.
สตฺถา ¶ วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา สกฺกสฺส อาโรเจสิ – ‘‘มหาราช, มนุสฺสปถํ คมิสฺสามี’’ติ ¶ . สกฺโก สุวณฺณมยํ มณิมยํ รชตมยนฺติ ตีณิ โสปานานิ มาเปสิ. เตสํ ปาทา สงฺกสฺสนครทฺวาเร ปติฏฺหึสุ, สีสานิ สิเนรุมุทฺธนิ. เตสุ ทกฺขิณปสฺเส สุวณฺณมยํ โสปานํ เทวตานํ อโหสิ, วามปสฺเส รชตมยํ โสปานํ มหาพฺรหฺมานํ อโหสิ, มชฺเฌ มณิมยํ โสปานํ ตถาคตสฺส อโหสิ. สตฺถาปิ สิเนรุมุทฺธนิ ตฺวา เทโวโรหณสมเย ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา อุทฺธํ โอโลเกสิ, ยาว พฺรหฺมโลกา เอกงฺคณา อเหสุํ. อโธ โอโลเกสิ, ยาว อวีจิโต เอกงฺคณํ อโหสิ. ทิสาวิทิสา โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสตสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํ. เทวา มนุสฺเส ปสฺสึสุ, มนุสฺสาปิ เทเว ปสฺสึสุ, สพฺเพ สมฺมุขาว ปสฺสึสุ.
ภควา ฉพฺพณฺณรํสิโย วิสฺสชฺเชสิ. ตํ ทิวสํ พุทฺธสิรึ โอโลเกตฺวา ฉตฺตึสโยชน ปริมณฺฑลาย ปริสาย เอโกปิ พุทฺธภาวํ อปตฺเถนฺโต นาม นตฺถิ. สุวณฺณโสปาเนน เทวา โอตรึสุ, รชตโสปาเนน มหาพฺรหฺมาโน โอตรึสุ, มณิโสปาเนน สมฺมาสมฺพุทฺโธ โอตริ. ปฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุตฺโต เพลุวปณฺฑุวีณํ อาทาย ทกฺขิณปสฺเส ตฺวา สตฺถุ คนฺธพฺพมธุรทิพฺพวีณาย สทฺเทน ปูชํ กโรนฺโต โอตริ, มาตลิ, สงฺคาหโก วามปสฺเส ¶ ตฺวา ทิพฺพคนฺธมาลาปุปฺผํ คเหตฺวา นมสฺสมาโน ปูชํ กตฺวา โอตริ, มหาพฺรหฺมา ฉตฺตํ ธาเรสิ, สุยาโม วาลพีชนึ ธาเรสิ. สตฺถา อิมินา ปริวาเรน สทฺธึ โอตริตฺวา สงฺกสฺสนครทฺวาเร ปติฏฺหิ. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ยสฺมา สาริปุตฺตตฺเถเรน ตถารูปาย พุทฺธสิริยา โอตรนฺโต สตฺถา อิโต ปุพฺเพ น ทิฏฺปุพฺโพ, ตสฺมา –
‘‘น เม ทิฏฺโ อิโต ปุพฺเพ, น สุโต อุท กสฺสจิ;
เอวํ วคฺคุวโท สตฺถา, ตุสิตา คณิมาคโต’’ติ. (สุ. นิ. ๙๖๑; มหานิ. ๑๙๐) –
อาทีหิ ¶ อตฺตโน ตุฏฺึ ปกาเสตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช สพฺเพปิ เทวมนุสฺสา ตุมฺหากํ ปิหยนฺติ, ปตฺเถนฺตี’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา, ‘‘สาริปุตฺต, เอวรูเปหิ คุเณหิ สมนฺนาคตา พุทฺธา เทวมนุสฺสานํ ปิยา โหนฺติเยวา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘เย ฌานปสุตา ธีรา, เนกฺขมฺมูปสเม รตา;
เทวาปิ เตสํ ปิหยนฺติ, สมฺพุทฺธานํ สตีมต’’นฺติ.
ตตฺถ เย ฌานปสุตาติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ อารมฺมณูปนิชฺฌานนฺติ อิเมสุ ทฺวีสุ ฌาเนสุ อาวชฺชนสมาปชฺชนอธิฏฺานวุฏฺานปจฺจเวกฺขเณหิ ¶ ยุตฺตปฺปยุตฺตา. เนกฺขมฺมูปสเม รตาติ ¶ เอตฺถ ปพฺพชฺชา เนกฺขมฺมนฺติ น คเหตพฺพา, กิเลสวูปสมนิพฺพานรตึ ปน สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เทวาปีติ เทวาปิ มนุสฺสาปิ เตสํ ปิหยนฺติ ปตฺเถนฺติ. สตีมตนฺติ เอวรูปคุณานํ เตสํ สติยา สมนฺนาคตานํ สมฺพุทฺธานํ. ‘‘อโห วต มยํ พุทฺธา ภเวยฺยามา’’ติ พุทฺธภาวํ อิจฺฉมานา ปิหยนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ตึสมตฺตานํ ปาณโกฏีนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, เถรสฺส สทฺธิวิหาริกา ปฺจสตภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ.
สพฺพพุทฺธานํ กิร อวิชหิตเมว ยมกปาฏิหีรํ กตฺวา เทวโลเก วสฺสํ วสิตฺวา สงฺกสฺสนครทฺวาเร โอตรณํ. ตตฺถ ปน ทกฺขิณปาทสฺส ปติฏฺิตฏฺานํ อจลเจติยฏฺานํ นาม โหติ. สตฺถา ตตฺถ ตฺวา ปุถุชฺชนาทีนํ วิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิ, ปุถุชฺชนา อตฺตโน วิสเย ปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา โสตาปนฺนวิสเย ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ นาสกฺขึสุ. ตถา สกทาคามิอาทีนํ วิสเย โสตาปนฺนาทโย, มหาโมคฺคลฺลานวิสเย เสสมหาสาวกา, สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วิสเย มหาโมคฺคลฺลาโน, พุทฺธวิสเย ¶ จ สาริปุตฺโตปิ วิสฺสชฺเชตุํ นาสกฺขิเยว. โส ปาจีนทิสํ อาทึ กตฺวา สพฺพทิสา โอโลเกสิ, สพฺพตฺถ เอกงฺคณเมว อโหสิ. อฏฺสุ ทิสาสุ เทวมนุสฺสา อุทฺธํ ยาว พฺรหฺมโลกา เหฏฺา ภูมฏฺา จ ยกฺขนาคสุปณฺณา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิธ ตสฺส ปฺหสฺส วิสฺสชฺเชตา นตฺถิ, เอตฺเถว อุปธาเรถา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา สาริปุตฺโต กิลมติ. กิฺจาปิ เหส –
‘‘เย ¶ จ สงฺขาตธมฺมาเส, เย จ เสขา ปุถู อิธ;
เตสํ เม นิปโก อิริยํ, ปุฏฺโ ปพฺรูหิ มาริสา’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๔; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๗) –
อิมํ พุทฺธวิสเย ปุฏฺปฺหํ สุตฺวา ‘สตฺถา มํ เสขาเสขานํ อาคมนปฏิปทํ ปุจฺฉตี’ติ ปฺเห นิกฺกงฺโข, ขนฺธาทีสุ ปน กตเรน นุ โข มุเขน อิมํ ปฏิปทํ กเถนฺโต ‘อหํ สตฺถุ อชฺฌาสยํ คณฺหิตุํ น สกฺขิสฺสามี’ติ มม อชฺฌาสเย กงฺขติ, โส มยา นเย อทินฺเน กเถตุํ น สกฺขิสฺสติ, นยมสฺส ทสฺสามีติ นยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภูตมิทํ, สาริปุตฺต, สมนุปสฺสสี’’ติ อาห. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘สาริปุตฺโต มม อชฺฌาสยํ คเหตฺวา กเถนฺโต ขนฺธวเสน ¶ กเถสฺสตี’’ติ. เถรสฺส สห นยทาเนน โส ปฺโห นยสเตน นยสหสฺเสน นยสตสหสฺเสน ¶ อุปฏฺาสิ. โส สตฺถารา ทินฺนนเย ตฺวา ตํ ปฺหํ กเถสิ. เปตฺวา กิร สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ปฺํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เตเนว กิร เถโร สตฺถุ ปุรโต ตฺวา สีหนาทํ นทิ – ‘‘อหํ, ภนฺเต, สกลกปฺปมฺปิ เทเว วุฏฺเ ‘เอตฺตกานิ พินฺทูนิ มหาสมุทฺเท ปติตานิ, เอตฺตกานิ ภูมิยํ, เอตฺตกานิ ปพฺพเต’ติ คเณตฺวา เลขํ อาโรเปตุํ สมตฺโถ’’ติ. สตฺถาปิ นํ ‘‘ชานามิ, สาริปุตฺต, คเณตุํ สมตฺถภาว’’นฺติ อาห. ตสฺส อายสฺมโต ปฺาย อุปมา นาม นตฺถิ. เตเนวาห –
‘‘คงฺคาย วาลุกา ขีเย, อุทกํ ขีเย มหณฺณเว;
มหิยา มตฺติกา ขีเย, น ขีเย มม พุทฺธิยา’’ติ.
อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ หิ, ภนฺเต, พุทฺธิสมฺปนฺนโลกนาถ, มยา เอกสฺมึ ปฺเห วิสฺสชฺชิเต เอกํ วา วาลุกํ เอกํ วา อุทกพินฺทุํ เอกํ วา ปํสุขณฺฑํ อขิปิตฺวา ปฺหานํ สเตน วา สหสฺเสนวา สตสหสฺเสน วา วิสฺสชฺชิเต คงฺคาย วาลุกาทีสุ เอเกกํ เอกมนฺเต ขิเปยฺย, ขิปฺปตรํ คงฺคาทีสุ วาลุกาทโย ปริกฺขยํ คจฺเฉยฺยุํ, น ตฺเวว มม ปฺหานํ วิสฺสชฺชนนฺติ. เอวํ มหาปฺโปิ หิ ภิกฺขุ พุทฺธวิสเย ปฺหสฺส ¶ อนฺตํ วา โกฏึ วา อทิสฺวา สตฺถารา ทินฺนนเย ตฺวาว ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘ยํ ปฺหํ ปุฏฺโ สพฺโพปิ ชโน กเถตุํ น สกฺขิ, ตํ ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต เอกโกว กเถสี’’ติ. สตฺถา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘น อิทาเนว สาริปุตฺโต ยํ ปฺหํ มหาชโน วิสฺสชฺเชตุํ นาสกฺขิ ¶ , ตํ วิสฺสชฺเชสิ, ปุพฺเพปิ อเนน วิสฺสชฺชิโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริตุํ –
‘‘ปโรสหสฺสมฺปิ สมาคตานํ,
กนฺเทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปฺา;
เอโกว เสยฺโย ปุริโส สปฺโ,
โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๙๙) –
อิมํ ชาตกํ วิตฺถาเรน กเถสีติ.
เทโวโรหณวตฺถุ ทุติยํ.
๓. เอรกปตฺตนาคราชวตฺถุ
กิจฺโฉ ¶ มนุสฺสปฏิลาโภติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา พาราณสิยํ อุปนิสฺสาย สตฺตสิรีสกรุกฺขมูเล วิหรนฺโต เอรกปตฺตํ นาม นาคราชํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ปุพฺเพ กสฺสปพุทฺธสาสเน ทหรภิกฺขุ หุตฺวา คงฺคาย นาวํ อภิรุยฺห คจฺฉนฺโต ¶ เอกสฺมึ เอรกคุมฺเพ เอรกปตฺตํ คเหตฺวา นาวาย เวคสา คจฺฉมานายปิ น มฺุจิ, เอรกปตฺตํ ฉิชฺชิตฺวา คตํ. โส ‘‘อปฺปมตฺตกํ เอต’’นฺติ อาปตฺตึ อเทเสตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ อรฺเ สมณธมฺมํ กตฺวาปิ มรณกาเล เอรกปตฺเตน คีวาย คหิโต วิย อาปตฺตึ เทเสตุกาโมปิ อฺํ ภิกฺขุํ อปสฺสมาโน ‘‘อปริสุทฺธํ เม สีล’’นฺติ อุปฺปนฺนวิปฺปฏิสาโร ตโต จวิตฺวา เอกรุกฺขโทณิกนาวปฺปมาโณ นาคราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เอรกปตฺโตตฺเววสฺส นามํ อโหสิ. โส นิพฺพตฺตกฺขเณเยว อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘เอตฺตกํ นาม กาลํ สมณธมฺมํ กตฺวา อเหตุกโยนิยํ มณฺฑูกภกฺขฏฺาเน นิพฺพตฺโตมฺหี’’ติ วิปฺปฏิสารี อโหสิ. โส อปรภาเค เอกํ ธีตรํ ลภิตฺวา มชฺเฌ คงฺคาย อุทกปิฏฺเ มหนฺตํ ผลํ อุกฺขิปิตฺวา ธีตรํ ตสฺมึ เปตฺวา นจฺจาเปตฺวา คายาเปสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อทฺธา อหํ อิธ อิมินา อุปาเยน พุทฺเธ อุปฺปนฺเน ตสฺส อุปฺปนฺนภาวํ สุณิสฺสามี’’ติ. โย เม คีตสฺส ปฏิคีตํ อาหรติ ¶ , ตสฺส มหนฺเตน นาคภวเนน สทฺธึ ธีตรํ ทสฺสามีติ อนฺวฑฺฒมาสํ อุโปสถทิวเส ตํ ธีตรํ ผเณ เปสิ. สา ตตฺถ ิตา นจฺจนฺตี –
‘‘กึสุ อธิปฺปตี ราชา, กึสุ ราชา รชฺชิสฺสโร;
กถํสุ วิรโช โหติ, กถํ พาโลติ วุจฺจตี’’ติ. –
อิมํ ¶ คีตํ คายติ.
สกลชมฺพุทีปวาสิโน ‘‘นาคมาณวิกํ คณฺหิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปฺาพเลน ปฏิคีตํ กตฺวา คายนฺติ. สา ตํ ปฏิกฺขิปติ. ตสฺสา อนฺวฑฺฒมาสํ ผเณ ตฺวา เอวํ คายนฺติยาว เอกํ พุทฺธนฺตรํ วีติวตฺตํ. อถ อมฺหากํ สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา เอกทิวสํ ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต เอรกปตฺตํ อาทึ กตฺวา อุตฺตรมาณวํ นาม อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘อชฺช เอรกปตฺตสฺส ธีตรํ ผเณ เปตฺวา นจฺจาปนทิวโส, อยํ อุตฺตรมาณโว มยา ทินฺนํ ปฏิคีตํ คณฺหนฺโตว ¶ โสตาปนฺโน หุตฺวา ตํ อาทาย นาคราชสฺส สนฺติกํ คมิสฺสติ. โส ตํ สุตฺวา ‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’ติ ตฺวา มม สนฺติกํ อาคมิสฺสติ, อหํ ตสฺมึ อาคเต มหาสมาคเม คาถํ กเถสฺสามิ, คาถาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ อทฺทส. โส ตตฺถ คนฺตฺวา พาราณสิโต อวิทูเร สตฺต สิรีสกรุกฺขา อตฺถิ, เตสุ เอกสฺส มูเล นิสีทิ. ชมฺพุทีปวาสิโน คีตปฏิคีตํ อาทาย สนฺนิปตึสุ. สตฺถา อวิทูเร าเน คจฺฉนฺตํ อุตฺตรมาณวํ ทิสฺวา ‘‘เอหิ, อุตฺตรา’’ติ อาห. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อิโต ตาว เอหี’’ติ. อถ นํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ อาห ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ? ‘‘เอรกปตฺตสฺส ธีตุ คายนฏฺาน’’นฺติ. ‘‘ชานาสิ ปน คีตปฏิคีต’’นฺติ? ‘‘ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘วเทหิ ตาว น’’นฺติ? อถ นํ อตฺตโน ชานนนิยาเมเนว วทนฺตํ ‘‘น อุตฺตรํ เอตํ ปฏิคีตํ, อหํ เต ปฏิคีตํ ทสฺสามิ, อาทาย ¶ นํ คมิสฺสสี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ. อถ นํ สตฺถา, อุตฺตร, ตฺวํ นาคมาณวิกาย คีตกาเล –
‘‘ฉทฺวาราธิปฺปตี ราชา, รชฺชมาโน รชฺชิสฺสโร;
อรชฺชํ วิรโช โหติ, รชฺชํ พาโลติ วุจฺจตี’’ติ. –
อิมํ ปฏิคีตํ คาเยยฺยาสีติ อาห.
มาณวิกาย ¶ คีตสฺส อตฺโถ – กึสุ อธิปฺปตี ราชาติ กึ อธิปฺปติ ราชา นาม โหติ? กึสุ ราชา รชฺชิสฺสโรติ กถํ ปน ราชา รชฺชิสฺสโร นาม โหติ? กถํสุ วิรโช โหตีติ กถํ นุ โข โส ราชา วิรโช นาม โหตีติ?
ปฏิคีตสฺส ปน อตฺโถ – ฉทฺวาราธิปฺปตี ราชาติ โย ฉนฺนํ ทฺวารานํ อธิปฺปติ, เอกทฺวาเรปิ รูปาทีหิ อนภิภูโต, อยํ ราชา นาม. รชฺชมาโน รชฺชิสฺสโรติ โย ปน เตสุ อารมฺมเณสุ รชฺชติ, โส รชฺชมาโน รชฺชิสฺสโร นาม. อรชฺชนฺติ อรชฺชมาโน ปน วิรโช นาม โหติ. รชฺชนฺติ รชฺชมาโน พาโลติ วุจฺจตีติ.
เอวมสฺส สตฺถา ปฏิคีตํ ทตฺวา, อุตฺตร, ตยา อิมสฺมึ คีเต คายิเต อิมสฺส คีตสฺส อิมํ ปฏิคีตํ คายิสฺสติ –
‘‘เกนสฺสุ ¶ วุยฺหติ พาโล, กถํ นุทติ ปณฺฑิโต;
โยคกฺเขมี กถํ โหติ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.
อถสฺส ตฺวํ อิทํ ปฏิคีตํ คาเยยฺยาสิ –
‘‘โอเฆน วุยฺหติ พาโล, โยคา นุทติ ปณฺฑิโต;
สพฺพโยควิสํยุตฺโต, โยคกฺเขมีติ วุจฺจตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ‘‘กาโมฆาทินา จตุพฺพิเธน โอเฆน พาโล วุยฺหติ, ตํ โอฆํ ปณฺฑิโต สมฺมปฺปธานสงฺขาเตน โยเคน ¶ นุทติ. โส สพฺเพหิ กามโยคาทีหิ วิสํยุตฺโต โยคกฺเขมี นาม วุจฺจตี’’ติ.
อุตฺตโร อิมํ ปฏิคีตํ คณฺหนฺโตว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. โส โสตาปนฺโน หุตฺวา ตํ คาถํ อาทาย คนฺตฺวา, ‘‘อมฺโภ, มยา คีตปฏิคีตํ อาหฏํ, โอกาสํ เม เทถา’’ติ วตฺวา นิรนฺตรํ ิตสฺส มหาชนสฺส ชณฺณุนา อกฺกมนฺโต อคมาสิ. นาคมาณวิกา ปิตุ ผเณ ตฺวา นจฺจมานา ‘‘กึสุ อธิปฺปตี ราชา’’ติ คีตํ คายติ? อุตฺตโร ‘‘ฉทฺวาราธิปฺปตี ราชา’’ติ ปฏิคีตํ คายิ. ปุน นาคมาณวิกา ‘‘เกนสฺสุ วุยฺหตี’’ติ ตสฺส คีตํ คายติ? อถสฺสา ปฏิคีตํ คายนฺโต อุตฺตโร ‘‘โอเฆน วุยฺหตี’’ติ อิมํ คาถมาห. นาคราชา ตํ สุตฺวาว พุทฺธสฺส อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา ‘‘มยา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เอวรูปํ ปทํ นาม น สุตปุพฺพํ, อุปฺปนฺโน วต, โภ, โลเก ¶ พุทฺโธ’’ติ ตุฏฺมานโส นงฺคุฏฺเน อุทกํ ปหริ, มหาวีจิโย อุฏฺหึสุ, อุโภ ตีรานิ ภิชฺชึสุ. อิโต จิโต จ อุสภมตฺเต าเน มนุสฺสา อุทเก นิมุชฺชึสุ. โส เอตฺตกํ มหาชนํ ผเณ เปตฺวา อุกฺขิปิตฺวา ถเล ปติฏฺเปสิ. โส อุตฺตรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กหํ, สามิ, สตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอกสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺโน, มหาราชา’’ติ. โส ‘‘เอหิ, สามิ, คจฺฉามา’’ติ อุตฺตเรน สทฺธึ อคมาสิ. มหาชโนปิ เตน สทฺธึเยว คโต. นาคราชา คนฺตฺวา ฉพฺพณฺณรํสีนํ อนฺตรํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา โรทมาโน อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘กึ อิทํ, มหาราชา’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส สาวโก หุตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ ¶ อกาสึ, โสปิ มํ สมณธมฺโม นิทฺธาเรตุํ นาสกฺขิ. อปฺปมตฺตกํ เอรกปตฺตฉินฺทนมตฺตํ นิสฺสาย อเหตุกปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อุเรน ปริสกฺกนฏฺาเน นิพฺพตฺโตสฺมิ, เอกํ พุทฺธนฺตรํ เนว มนุสฺสตฺตํ ลภามิ, น สทฺธมฺมสฺสวนํ, น ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส ทสฺสน’’นฺติ สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา, ‘‘มหาราช, มนุสฺสตฺตํ นาม ทุลฺลภเมว, ตถา สทฺธมฺมสฺสวนํ ¶ , ตถา พุทฺธุปฺปาโท, อิทํ กิจฺเฉน กสิเรน ลพฺภตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ, กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ;
กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ, กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – มหนฺเตน หิ วายาเมน มหนฺเตน กุสเลน ลทฺธตฺตา มนุสฺสตฺตปฏิลาโภ นาม กิจฺโฉ ทุลฺลโภ. นิรนฺตรํ กสิกมฺมาทีนิ กตฺวา ชีวิตวุตฺตึ ฆฏนโตปิ ปริตฺตฏฺายิตายปิ มจฺจานํ ชีวิตํ กิจฺฉํ. อเนเกสุปิ กปฺเปสุ ธมฺมเทสกสฺส ปุคฺคลสฺส ทุลฺลภตาย สทฺธมฺมสฺสวนมฺปิ กิจฺฉํ. มหนฺเตน วายาเมน อภินีหารสฺส สมิชฺฌนโต สมิทฺธาภินีหารสฺส จ อเนเกหิปิ กปฺปโกฏิสหสฺเสหิ ทุลฺลภุปฺปาทโต พุทฺธานํ อุปฺปาโทปิ กิจฺโฉเยว, อติวิย ทุลฺลโภติ.
เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. นาคราชาปิ ตํทิวสํ โสตาปตฺติผลํ ลเภยฺย, ติรจฺฉานคตตฺตา ปน นาลตฺถ. โส เยสุ ปฏิสนฺธิคหณตจชหนวิสฺสฏฺนิทฺโทกฺกมนสชาติยาเมถุนเสวนจุติสงฺขาเตสุ ¶ ปฺจสุ าเนสุ นาคสรีรเมว ¶ คเหตฺวา กิลมนฺติ, เตสุ อกิลมนภาวํ ปตฺวา มาณวรูเปเนว วิจริตุํ ลภตีติ.
เอรกปตฺตนาคราชวตฺถุ ตติยํ.
๔. อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ
สพฺพปาปสฺส อกรณนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรสฺส ปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.
เถโร กิร ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถารา สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ มาตาปิตโร อายุปริจฺเฉโท โพธิ สาวกสนฺนิปาโต อคฺคสาวกสนฺนิปาโต อคฺคสาวกอุปฏฺาโกติ อิทํ สพฺพํ กถิตํ, อุโปสโถ ปน อกถิโต, กึ นุ โข เตสมฺปิ อยเมว อุโปสโถ, อฺโ’’ติ? โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. ยสฺมา ปน เตสํ พุทฺธานํ กาลเภโทว อโหสิ, น กถาเภโท. วิปสฺสี สมฺมาสมฺพุทฺโธ หิ สตฺตเม สตฺตเม สํวจฺฉเร อุโปสถํ อกาสิ. เอกทิวสํ ทินฺโนวาโทเยว ¶ หิสฺส สตฺตนฺนํ สํวจฺฉรานํ อลํ โหติ. สิขี เจว เวสฺสภู จ ฉฏฺเ ฉฏฺเ สํวจฺฉเร อุโปสถํ กรึสุ, กกุสนฺโธ โกณาคมโน จ สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร. กสฺสปทสพโล ฉฏฺเ ฉฏฺเ มาเส อุโปสถํ อกาสิ. เอกทิวสํ ทินฺโนวาโท เอว หิสฺส ฉนฺนํ มาสานํ อลํ อโหสิ. ตสฺมา สตฺถา เตสํ อิมํ กาลเภทํ ¶ อาโรเจตฺวา ‘‘โอวาทคาถา ปน เนสํ อิมาเยวา’’ติ วตฺวา สพฺเพสํ เอกเมว อุโปสถํ อาวิ กโรนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา,
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา;
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี,
น สมโณ โหติ ปรํ วิเหยนฺโต.
‘‘อนูปวาโท ¶ อนูปฆาโต, ปาติโมกฺเข จ สํวโร;
มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ, ปนฺตฺจ สยนาสนํ;
อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ.
ตตฺถ สพฺพปาปสฺสาติ สพฺพสฺส อกุสลกมฺมสฺส. อุปสมฺปทาติ อภินิกฺขมนโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา กุสลสฺส อุปฺปาทนฺเจว อุปฺปาทิตสฺส จ ภาวนา. สจิตฺตปริโยทปนนฺติ ปฺจหิ นีวรเณหิ อตฺตโน จิตฺตสฺส โวทาปนํ. เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ สพฺพพุทฺธานํ อยมนุสิฏฺิ.
ขนฺตีติ ยา เอสา ติติกฺขาสงฺขาตา ขนฺตี นาม, อิทํ อิมสฺมึ สาสเน ปรมํ อุตฺตมํ ตโป. นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธาติ พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ อนุพุทฺธา จาติ อิเม ตโย พุทฺธา นิพฺพานํ อุตฺตมนฺตี วทนฺติ. น หิ ปพฺพชิโตติ ปาณิอาทีหิ ปรํ อปหนนฺโต วิเหเนฺโต ปรูปฆาตี ปพฺพชิโต นาม น โหติ. น สมโณติ วุตฺตนเยเนว ปรํ วิเหยนฺโต สมโณปิ น โหติเยว ¶ .
อนูปวาโทติ อนูปวาทนฺเจว อนูปวาทาปนฺจ. อนูปฆาโตติ อนูปฆาตนฺเจว อนูปฆาตาปนฺจ ¶ . ปาติโมกฺเขติ เชฏฺกสีเล. สํวโรติ ปิทหนํ. มตฺตฺุตาติ มตฺตฺุภาโว ปมาณชานนํ. ปนฺตนฺติ วิวิตฺตํ. อธิจิตฺเตติ อฏฺสมาปตฺติสงฺขาเต อธิจิตฺเต. อาโยโคติ ปโยคกรณํ. เอตนฺติ เอตํ สพฺเพสํ พุทฺธานํ สาสนํ. เอตฺถ หิ อนูปวาเทน วาจสิกํ สีลํ กถิตํ, อนูปฆาเตน กายิกสีลํ, ‘‘ปาติโมกฺเข จ สํวโร’’ติ สีลํ กถิตํ, อนูปฆาเตน กายิกสีลํ, ‘‘ปาติโมกฺเข จ สํวโร’’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสีลฺเจว อินฺทฺริยสํวรฺจ, มตฺตฺุตาย อาชีวปาริสุทฺธิ เจว ปจฺจยสนฺนิสิตสีลฺจ, ปนฺตเสนาสเนน สปฺปายเสนาสนํ, อธิจิตฺเตน อฏฺ สมาปตฺติโย. เอวํ อิมาย คาถาย ติสฺโสปิ สิกฺขา กถิตา เอว โหนฺตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. อนภิรตภิกฺขุวตฺถุ
น ¶ กหาปณวสฺเสนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อนภิรตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร สาสเน ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ‘‘อสุกฏฺานํ นาม คนฺตฺวา อุทฺเทสํ อุคฺคณฺหาหี’’ติ อุปชฺฌาเยน เปสิโต ตตฺถ อคมาสิ. อถสฺส ปิตุโน โรโค อุปฺปชฺชิ. โส ปุตฺตํ ทฏฺุกาโม หุตฺวา ตํ ปกฺโกสิตุํ สมตฺถํ กฺจิ ¶ อลภิตฺวา ปุตฺตโสเกน วิปฺปลปนฺโตเยว อาสนฺนมรโณ หุตฺวา ‘‘อิทํ เม ปุตฺตสฺส ปตฺตจีวรมูลํ กเรยฺยาสี’’ติ กหาปณสตํ กนิฏฺสฺส หตฺเถ ทตฺวา กาลมกาสิ. โส ทหรสฺส อาคตกาเล ปาทมูเล นิปติตฺวา ปวฏฺเฏนฺโต โรทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปิตา เต วิปฺปลปนฺโตว กาลกโต, มยฺหํ ปน เตน กหาปณสตํ หตฺเถ ปิตํ, เตน กึ กโรมี’’ติ อาห. ทหโร ‘‘น เม กหาปเณหิ อตฺโถ’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา อปรภาเค จินฺเตสิ – ‘‘กึ เม ปรกุเลสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิเตน, สกฺกา ตํ กหาปณสตํ นิสฺสาย ชีวิตุํ, วิพฺภมิสฺสามี’’ติ. โส อนภิรติยา ปีฬิโต วิสฺสฏฺสชฺฌายนกมฺมฏฺาโน ปณฺฑุโรคี วิย อโหสิ. อถ นํ ทหรสามเณรา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุกฺกณฺิโตมฺหี’’ติ วุตฺเต อาจริยุปชฺฌายานํ อาจิกฺขึสุ. อถ นํ เต สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา สตฺถุ ทสฺเสสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ อุกฺกณฺิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา เอวมกาสิ, อตฺถิ ปน เต ¶ โกจิ ชีวิตปจฺจโย’’ติ อาห. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ เต อตฺถี’’ติ? ‘‘กหาปณสตํ, ภนฺเต’’ติ. เตน หิ กตฺถจิ ตาว สกฺขรา อาหร, คเณตฺวา ชานิสฺสาม ‘‘สกฺกา วา ตาวตฺตเกน ชีวิตุํ, โน วา’’ติ. โส สกฺขรา อาหริ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘ปริโภคตฺถาย ตาว ปณฺณาสํ เปหิ, ทฺวินฺนํ โคณานํ อตฺถาย จตุวีสติ, เอตฺตกํ นาม พีชตฺถาย, ยุคนงฺคลตฺถาย, กุทฺทาลวาสิผรสุอตฺถายา’’ติ เอวํ คณิยมาเน ตํ กหาปณสตํ นปฺปโหติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ ตว กหาปณา อปฺปกา, กถํ เอเต นิสฺสาย ตณฺหํ ปูเรสฺสสิ, อตีเต กิร จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรตฺวา อปฺโผฏิตมตฺเตน ¶ ทฺวาทสโยชนฏฺาเน กฏิปฺปมาเณน รตนวสฺสํ วสฺสาเปตุํ สมตฺโถ ยาว ฉตฺตึส สกฺกา จวนฺติ, เอตฺตกํ กาลํ เทวรชฺชํ กาเรตฺวาปิ มรณกาเล ¶ ตณฺหํ อปูเรตฺวาว กาลมกาสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริตฺวา มนฺธาตุชาตกํ (ชา. ๑.๓.๒๒) วิตฺถาเรตฺวา –
‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺติ, ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;
สพฺเพว ทาสา มนฺธาตุ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตา’’ติ. –
อิมิสฺสา คาถาย อนนฺตรา อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘น กหาปณวสฺเสน, ติตฺติ กาเมสุ วิชฺชติ;
อปฺปสฺสาทา ทุขา กามา, อิติ วิฺาย ปณฺฑิโต.
‘‘อปิ ทิพฺเพสุ กาเมสุ, รตึ โส นาธิคจฺฉติ;
ตณฺหกฺขยรโต โหติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก’’ติ.
ตตฺถ กหาปณวสฺเสนาติ ยํ โส อปฺโผเฏตฺวา สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสาเปสิ, ตํ อิธ กหาปณวสฺสนฺติ วุตฺตํ. เตนปิ หิ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ ติตฺติ นาม นตฺถิ. เอวํ ทุปฺปูรา เอสา ตณฺหา. อปฺปสฺสาทาติ สุปินสทิสตาย ปริตฺตสุขา. ทุขาติ ทุกฺขกฺขนฺธาทีสุ อาคตทุกฺขวเสน ปน พหุทุกฺขาว. อิติ วิฺายาติ เอวเมเต กาเม ชานิตฺวา. อปิ ทิพฺเพสูติ สเจ หิ เทวานํ อุปกปฺปนกกาเมหิ นิมนฺเตยฺยาปิ อายสฺมา สมิทฺธิ ¶ วิย เอวมฺปิ เตสุ กาเมสุ รตึ น วินฺทติเยว. ตณฺหกฺขยรโตติ อรหตฺเต เจว นิพฺพาเน จ อภิรโต โหติ, ตํ ปตฺถยมาโน วิหรติ. สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโกติ สมฺมาสมฺพุทฺเธน เทสิตสฺส ธมฺมสฺส สวเนน ชาโต โยคาวจรภิกฺขูติ.
เทสนาวสาเน ¶ โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อนภิรตภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณวตฺถุ
พหุํ เว สรณํ ยนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วาลิกราสิมฺหิ นิสินฺนํ อคฺคิทตฺตํ นาม โกสลรฺโ ปุโรหิตํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร มหาโกสลสฺส ปุโรหิโต อโหสิ. อถ นํ ปิตริ กาลกเต ราชา ปเสนทิ โกสโล ‘‘ปิตุ เม ปุโรหิโต’’ติ คารเวน ตสฺมึเยว าเน เปตฺวา ตสฺส อตฺตโน อุปฏฺานํ อาคตกาเล ปจฺจุคฺคมนํ กโรติ, ‘‘อาจริย, อิธ นิสีทถา’’ติ สมานาสนํ ทาเปสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา มยิ อติวิย คารวํ กโรติ, น โข ปน ราชูนํ นิจฺจกาลเมว สกฺกา จิตฺตํ คเหตุํ. สมานวเยเนว หิ สทฺธึ รชฺชสุขํ นาม สุขํ โหติ, อหฺจมฺหิ มหลฺลโก, ปพฺพชิตุํ เม ยุตฺต’’นฺติ. โส ราชานํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา นคเร เภรึ จราเปตฺวา สตฺตาเหน สพฺพํ อตฺตโน ¶ ธนํ ทานมุเข วิสฺสชฺเชตฺวา พาหิรกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตํ นิสฺสาย ทส ปุริสสหสฺสานิ อนุปพฺพชึสุ. โส เตหิ สทฺธึ องฺคมคธานฺจ กุรุรฏฺสฺส จ อนฺตเร วาสํ กปฺเปตฺวา อิมํ โอวาทํ เทติ, ‘‘ตาตา, ยสฺส กามวิตกฺกาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, โส นทิโต เอเกกํ วาลุกปุฏํ อุทฺธริตฺวา อิมสฺมึ โอกิรตู’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา กามวิตกฺกาทีนํ อุปฺปนฺนกาเล ตถา กรึสุ. อปเรน สมเยน มหาวาลุกราสิ อโหสิ, ตํ อหิฉตฺโต นาม นาคราชา ปฏิคฺคเหสิ. องฺคมคธวาสิโน เจว กุรุรฏฺวาสิโน จ มาเส มาเส เตสํ มหนฺตํ สกฺการํ อภิหริตฺวา ทานํ เทนฺติ. อถ เนสํ อคฺคิทตฺโต อิมํ โอวาทํ อทาสิ – ‘‘ปพฺพตํ สรณํ ยาถ, วนํ สรณํ ยาถ, อารามํ สรณํ ยาถ, รุกฺขํ สรณํ ยาถ, เอวํ สพฺพทุกฺขโต มุจฺจิสฺสถา’’ติ. อตฺตโน อนฺเตวาสิเกปิ อิมินา โอวาเทน โอวทิ.
โพธิสตฺโตปิ กตาภินิกฺขมโน สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ตสฺมึ สมเย สาวตฺถึ นิสฺสาย เชตวเน วิหรนฺโต ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณํ สทฺธึ อนฺเตวาสิเกหิ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘สพฺเพปิ อิเม อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา’’ติ ตฺวา สายนฺหสมเย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อาห – ‘‘โมคฺคลฺลาน, กึ ปสฺสสิ อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณํ มหาชนํ ¶ อติตฺเถ ปกฺขนฺทาเปนฺตํ, คจฺฉ เตสํ โอวาทํ เทหี’’ติ. ภนฺเต, พหู เอเต, เอกกสฺส มยฺหํ อวิสยฺหา. สเจ ¶ ตุมฺเหปิ อาคมิสฺสถ, วิสยฺหา ภวิสฺสนฺตีติ. โมคฺคลฺลาน, อหมฺปิ อาคมิสฺสามิ, ตฺวํ ปุรโต ยาหีติ. เถโร ปุรโต คจฺฉนฺโตว จินฺเตสิ – ‘‘เอเต พลวนฺโต เจว พหู จ. สเจ สพฺเพสํ สมาคมฏฺาเน กิฺจิ ¶ กเถสฺสามิ, สพฺเพปิ วคฺควคฺเคน อุฏฺเหยฺยุ’’นฺติ อตฺตโน อานุภาเวน ถูลผุสิตกํ เทวํ วุฏฺาเปสิ. เต ถูลผุสิตเกสุ ปตนฺเตสุ อุฏฺายุฏฺาย อตฺตโน อตฺตโน ปณฺณสาลํ ปวิสึสุ. เถโร อคฺคิทตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ปณฺณสาลทฺวาเร ตฺวา ‘‘อคฺคิทตฺตา’’ติ อาห. โส เถรสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘มํ อิมสฺมึ โลเก นาเมน อาลปิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, โก นุ โข มํ นาเมน อาลปตี’’ติ มานถทฺธตาย ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. ‘‘อหํ, พฺราหฺมณา’’ติ. ‘‘กึ วเทสี’’ติ? ‘‘อชฺช เม เอกรตฺตึ อิธ วสนฏฺานํ ตฺวํ อาจิกฺขาหี’’ติ. ‘‘อิธ วสนฏฺานํ นตฺถิ, เอกสฺส เอกาว ปณฺณสาลา’’ติ. ‘‘อคฺคิทตฺต, มนุสฺสา นาม มนุสฺสานํ, คาโว คุนฺนํ, ปพฺพชิตา ปพฺพชิตานํ สนฺติกํ คจฺฉนฺติ, มา เอวํ กริ, เทหิ เม วสนฏฺาน’’นฺติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ ปพฺพชิโต’’ติ? ‘‘อาม, ปพฺพชิโตมฺหี’’ติ. ‘‘สเจ ปพฺพชิโต, กหํ เต ขาริภณฺฑํ, โก ปพฺพชิตปริกฺขาโร’’ติ. ‘‘อตฺถิ เม ปริกฺขาโร, วิสุํ ปน นํ คเหตฺวา วิจริตุํ ทุกฺขนฺติ อพฺภนฺตเรเนว นํ คเหตฺวา วิจรามิ, พฺราหฺมณา’’ติ. โส ‘‘ตํ คเหตฺวา วิจริสฺสสี’’ติ เถรสฺส กุชฺฌิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘อมฺเห, อคฺคิทตฺต, มา กุชฺฌิ, วสนฏฺานํ เม อาจิกฺขาหี’’ติ. นตฺถิ เอตฺถ วสนฏฺานนฺติ. เอตสฺมึ ปน วาลุกราสิมฺหิ โก วสตีติ. เอโก, นาคราชาติ. เอตํ เม เทหีติ. น สกฺกา ทาตุํ, ภาริยํ ¶ เอตสฺส กมฺมนฺติ. โหตุ, เทหิ เมติ. เตน หิ ตฺวํ เอว ชานาหีติ.
เถโร วาลุกราสิอภิมุโข ปายาสิ. นาคราชา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สมโณ อิโต อาคจฺฉติ, น ชานาติ มฺเ มม อตฺถิภาวํ, ธูมายิตฺวา นํ มาเรสฺสามี’’ติ ธูมายิ. เถโร ‘‘อยํ นาคราชา ‘อหเมว ธูมายิตุํ สกฺโกมิ, อฺเ น สกฺโกนฺตี’ติ มฺเ สลฺลกฺเขตี’’ติ สยมฺปิ ธูมายิ. ทฺวินฺนมฺปิ สรีรโต อุคฺคตา ธูมา ยาว พฺรหฺมโลกา อุฏฺหึสุ. อุโภปิ ธูมา เถรํ อพาเธตฺวา นาคราชานเมว พาเธนฺติ. นาคราชา ธูมเวคํ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต ปชฺชลิ. เถโรปิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา เตน สทฺธึเยว ปชฺชลิ. อคฺคิชาลา ยาว พฺรหฺมโลกา อุฏฺหึสุ. อุโภปิ เถรํ อพาเธตฺวา นาคราชานเมว พาธยึสุ. อถสฺส สกลสรีรํ อุกฺกาหิ ปทิตฺตํ วิย อโหสิ. อิสิคโณ โอโลเกตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘นาคราชา, สมณํ ฌาเปติ, ภทฺทโก วต สมโณ อมฺหากํ วจนํ อสุตฺวา นฏฺโ’’ติ. เถโร นาคราชานํ ¶ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา วาลุกราสิมฺหิ นิสีทิ. นาคราชา วาลุกราสึ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา กูฏาคารกุจฺฉิปมาณํ ผณํ มาเปตฺวา เถรสฺส อุปริ ธาเรสิ.
อิสิคณา ¶ ปาโตว ‘‘สมณสฺส มตภาวํ วา อมตภาวํ วา ชานิสฺสามา’’ติ เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ วาลุกราสิมตฺถเก นิสินฺนํ ทิสฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห อภิตฺถวนฺตา อาหํสุ – ‘‘สมณ, กจฺจิ นาคราเชน น พาธิโต’’ติ. ‘‘กึ น ปสฺสถ มม อุปริผณํ ธาเรตฺวา ิต’’นฺติ? เต ‘‘อจฺฉริยํ วต โภ, สมณสฺส เอวรูโป ¶ นาม นาคราชา ทมิโต’’ติ เถรํ ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา อาคโต. เถโร สตฺถารํ ทิสฺวา อุฏฺาย วนฺทิ. อถ นํ อิสโย อาหํสุ – ‘‘อยมฺปิ ตยา มหนฺตตโร’’ติ. เอโส ภควา สตฺถา, อหํ อิมสฺส สาวโกติ. สตฺถา วาลุกราสิมตฺถเก นิสีทิ, อิสิคโณ ‘‘อยํ ตาว สาวกสฺส อานุภาโว, อิมสฺส ปน อานุภาโว กีทิโส ภวิสฺสตี’’ติ อฺชลึ ปคฺคยฺห สตฺถารํ อภิตฺถวิ. สตฺถา อคฺคิทตฺตํ อามนฺเตตฺวา อาห – ‘‘อคฺคิทตฺต, ตฺวํ ตว สาวกานฺจ อุปฏฺากานฺจ โอวาทํ ททมาโน กินฺติ วตฺวา เทสี’’ติ. ‘‘เอตํ ปพฺพตํ สรณํ คจฺฉถ, วนํ อารามํ รุกฺขํ สรณํ คจฺฉถ. เอตานิ หิ สรณํ คโต สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ เอวํ เตสํ โอวาทํ ทมฺมีติ. สตฺถา ‘‘น โข, อคฺคิทตฺต, เอตานิ สรณํ คโต สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ, พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ ปน สรณํ คนฺตฺวา สกลวฏฺฏทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘พหุํ เว สรณํ ยนฺติ, ปพฺพตานิ วนานิ จ;
อารามรุกฺขเจตฺยานิ, มนุสฺสา ภยตชฺชิตา.
‘‘เนตํ โข สรณํ เขมํ, เนตํ สรณมุตฺตมํ;
เนตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.
‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;
จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ.
‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;
อริยํ จฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.
‘‘เอตํ ¶ ¶ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;
เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ พหุนฺติ พหุ. ปพฺพตานีติ ตตฺถ ตตฺถ อิสิคิลิเวปุลฺลเวภาราทิเก ปพฺพเต จ มหาวนโคสิงฺคสาลวนาทีนิ ¶ วนานิ จ เวฬุวนชีวกมฺพวนาทโย อาราเม จ อุเทนเจติยโคตมเจติยาทีนิ รุกฺขเจตฺยานิ จ เต เต มนุสฺสา เตน เตน ภเยน ตชฺชิตา ภยโต มุจฺจิตุกามา ปุตฺตลาภาทีนิ วา ปตฺถยมานา สรณํ ยนฺตีติ อตฺโถ. เนตํ สรณนฺติ เอตํ สพฺพมฺปิ สรณํ เนว เขมํ น อุตฺตมํ, น จ เอตํ ปฏิจฺจ ชาติอาทิธมฺเมสุ สตฺเตสุ เอโกปิ ชาติอาทิโต สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ อตฺโถ.
โย จาติ อิทํ อเขมํ อนุตฺตมํ สรณํ ทสฺเสตฺวา เขมํ อุตฺตมํ สรณํ ทสฺสนตฺถํ อารทฺธํ. ตสฺสตฺโถ – โย จ คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา ‘‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทิกํ พุทฺธธมฺมสงฺฆานุสฺสติกมฺมฏฺานํ นิสฺสาย เสฏฺวเสน พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ สรณํ คโต, ตสฺสปิ ตํ สรณคมนํ อฺติตฺถิยวนฺทนาทีหิ กุปฺปติ จลติ. ตสฺส ปน อจลภาวํ ทสฺเสตุํ มคฺเคน อาคตสรณเมว ปกาสนฺโต จตฺตาริ อริยสจฺจานิ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตีติ อาห. โย หิ เอเตสํ สจฺจานํ ทสฺสนวเสน เอตานิ สรณํ ¶ คโต, เอตสฺส เอตํ สรณํ เขมฺจ อุตฺตมฺจ, โส จ ปุคฺคโล เอตํ สรณํ ปฏิจฺจ สกลสฺมาปิ วฏฺฏทุกฺขา ปมุจฺจติ, ตสฺมา เอตํ โข สรณํ เขมนฺติอาทิ วุตฺตํ.
เทสนาวสาเน สพฺเพปิ เต อิสโย สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. สตฺถาปิ จีวรคพฺภโต หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอถ ภิกฺขโว, จรถ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อาห. เต ตงฺขเณเยว อฏฺปริกฺขารธรา วสฺสสฏฺิกเถรา วิย อเหสุํ. โส จ สพฺเพสมฺปิ องฺคมคธกุรุรฏฺวาสีนํ สกฺการํ อาทาย อาคมนทิวโส อโหสิ. เต สกฺการํ อาทาย อาคตา สพฺเพปิ เต อิสโย ปพฺพชิเต ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข อมฺหากํ อคฺคิทตฺตพฺราหฺมโณ มหา, อุทาหุ สมโณ โคตโม’’ติ จินฺเตตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส อาคตตฺตา ‘‘อคฺคิทตฺโตว มหา’’ติ มฺึสุ. สตฺถา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อคฺคิทตฺต, ปริสาย กงฺขํ ฉินฺทา’’ติ อาห. โส ‘‘อหมฺปิ เอตฺตกเมว ¶ ปจฺจาสีสามี’’ติ อิทฺธิพเลน สตฺตกฺขตฺตุํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปุนปฺปุนํ โอรุยฺห สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ วตฺวา สาวกตฺตํ ปกาเสสีติ.
อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ
ทุลฺลโภติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรสฺส ปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.
เถโร หิ เอกทิวสํ ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘หตฺถาชานีโย ¶ ฉทฺทนฺตกุเล วา อุโปสถกุเล วา อุปฺปชฺชติ, อสฺสาชานีโย สินฺธวกุเล วา วลาหกสฺสราชกุเล วา, อุสโภ โคอาชนีโย ทกฺขิณปเถติอาทีนิ วทนฺเตน สตฺถารา หตฺถิอาชานียาทีนํ อุปฺปตฺติฏฺานาทีนิ กถิตานิ, ปุริสาชานีโย ปน กหํ นุ โข อุปฺปชฺชตี’’ติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉิ. สตฺถา, ‘‘อานนฺท, ปุริสาชานีโย นาม สพฺพตฺถ นุปฺปชฺชติ, อุชุกโต ปน ติโยชนสตายาเม วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยสเต อาวฏฺฏโต นวโยชนสตปฺปมาเณ มชฺฌิมปเทสฏฺาเน อุปฺปชฺชติ. อุปฺปชฺชนฺโต จ ปน น ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา กุเล อุปฺปชฺชติ, ขตฺติยมหาสาลพฺราหฺมณมหาสาลกุลานํ ปน อฺตรสฺมึเยว อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทุลฺลโภ ปุริสาชฺโ, น โส สพฺพตฺถ ชายติ;
ยตฺถ โส ชายตี ธีโร, ตํ กุลํ สุขเมธตี’’ติ.
ตตฺถ ทุลฺลโภติ ปุริสาชฺโ หิ ทุลฺลโภ, น หตฺถิอาชานียาทโย วิย สุลโภ, โส สพฺพตฺถ ปจฺจนฺตเทเส วา นีจกุเล วา น ชายติ, มชฺฌิมเทเสปิ มหาชนสฺส อภิวาทนาทิสกฺการกรณฏฺาเน ขตฺติยพฺราหฺมณกุลานํ อฺตรสฺมึ กุเล ชายติ. เอวํ ชายมาโน ยตฺถ โส ชายติ ธีโร อุตฺตมปฺโ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ¶ , ตํ กุลํ สุขเมธตีติ สุขปฺปตฺตเมว โหตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ
สุโข ¶ ¶ พุทฺธานนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ กถํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ปฺจสตภิกฺขู อุปฏฺานสาลายํ นิสินฺนา, ‘‘อาวุโส, กึ นุ โข อิมสฺมึ โลเก สุข’’นฺติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ? ตตฺถ เกจิ ‘‘รชฺชสุขสทิสํ สุขํ นาม นตฺถี’’ติ อาหํสุ. เกจิ กามสุขสทิสํ, เกจิ ‘‘สาลิมํสโภชนาทิสทิสํ สุขํ นาม นตฺถี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เตสํ นิสินฺนฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, กึ กเถถ? อิทฺหิ สพฺพมฺปิ สุขํ วฏฺฏทุกฺขปริยาปนฺนเมว, อิมสฺมึ โลเก พุทฺธุปฺปาโท ธมฺมสฺสวนํ, สงฺฆสามคฺคี, สมฺโมทมานภาโวติ อิทเมว สุข’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท, สุขา สทฺธมฺมเทสนา;
สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี, สมคฺคานํ ตโป สุโข’’ติ.
ตตฺถ พุทฺธานมุปฺปาโทติ ยสฺมา พุทฺธา อุปฺปชฺชมานา มหาชนํ ราคกนฺตาราทีหิ ตาเรนฺติ, ตสฺมา พุทฺธานํ อุปฺปาโท สุโข อุตฺตโม. ยสฺมา ¶ สทฺธมฺมเทสนํ อาคมฺม ชาติอาทิธมฺมา สตฺตา ชาติอาทีหิ มุจฺจนฺติ, ตสฺมา สทฺธมฺมเทสนา สุขา. สามคฺคีติ สมจิตฺตตา, สาปิ สุขา เอว. สมคฺคานํ ปน เอกจิตฺตานํ ยสฺมา พุทฺธวจนํ วา อุคฺคณฺหิตุํ ธุตงฺคานิ วา ปริหริตุํ สมณธมฺมํ วา กาตุํ สกฺกา, ตสฺมา สมคฺคานํ ตโป สุโขติ วุตฺตํ. เตเนวาห – ‘‘ยาวกีวฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สมคฺคา สนฺนิปติสฺสนฺติ, สมฺมคฺคา วุฏฺหิสฺสนฺติ, สมคฺคา สงฺฆกรณียานิ กริสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๓๖).
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติยวตฺถุ
ปูชารเหติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา จาริกํ จรมาโน กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติยํ อารพฺภ กเถสิ.
ตถาคโต สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค โตเทยฺยคามสฺส สมีเป มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร อฺตรํ เทวฏฺานํ สมฺปาปุณิ. ตตฺร นิสินฺโน สุคโต ธมฺมภณฺฑาคาริกํ เปเสตฺวา อวิทูเร กสิกมฺมํ กโรนฺตํ พฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปสิ ¶ . โส พฺราหฺมโณ อาคนฺตฺวา ตถาคตํ อนภิวนฺทิตฺวา ตเมว เทวฏฺานํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. สุคโตปิ ‘‘อิมํ ปเทสํ กินฺติ มฺสิ พฺราหฺมณา’’ติ อาห. อมฺหากํ ปเวณิยา อาคตเจติยฏฺานนฺติ วนฺทามิ, โภ โคตมาติ. ‘‘อิมํ านํ วนฺทนฺเตน ตยา สาธุ กตํ พฺราหฺมณา’’ติ สุคโต ตํ สมฺปหํเสสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ‘‘เกน นุ โข การเณน ภควา เอวํ สมฺปหํเสสี’’ติ สํสยํ สฺชเนสุํ. ตโต ตถาคโต เตสํ สํสยมปเนตุํ มชฺฌิมนิกาเย ฆฏิการสุตฺตนฺตํ (ม. นิ. ๒.๒๘๒ อาทโย) วตฺวา อิทฺธานุภาเวน กสฺสปทสพลสฺส โยชนุพฺเพธํ กนกเจติยํ อปรฺจ กนกเจติยํ อากาเส นิมฺมินิตฺวา มหาชนํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, เอวํวิธานํ ปูชารหานํ ปูชา ยุตฺตตราวา’’ติ วตฺวา มหาปรินิพฺพานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๒๐๖) ทสฺสิตนเยเนว พุทฺธาทิเก จตฺตาโร ถูปารเห ปกาเสตฺวา สรีรเจติยํ อุทฺทิสฺสเจติยํ ปริโภคเจติยนฺติ ตีณิ เจติยานิ วิเสสโต ปริทีเปตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ปูชารเห ปูชยโต, พุทฺเธ ยทิ จ สาวเก;
ปปฺจสมติกฺกนฺเต, ติณฺณโสกปริทฺทเว.
‘‘เต ตาทิเส ปูชยโต, นิพฺพุเต อกุโตภเย;
น สกฺกา ปฺุํ สงฺขาตุํ, อิเมตฺตมปิ เกนจี’’ติ. (อป. เถร ๑.๑๐.๑-๒);
ตตฺถ ปูชิตุํ อรหา ปูชารหา, ปูชิตุํ ยุตฺตาติ อตฺโถ. ปูชารเห ปูชยโตติ อภิวาทนาทีหิ จ จตูหิ จ ปจฺจเยหิ ¶ ปูเชนฺตสฺส. ปูชารเห ทสฺเสติ พุทฺเธติอาทินา. พุทฺเธติ สมฺมาสมฺพุทฺเธ. ยทีติ ยทิ วา, อถ วาติ อตฺโถ. ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺเธติ กถิตํ โหติ, สาวเก จ. ปปฺจสมติกฺกนฺเตติ สมติกฺกนฺตตณฺหาทิฏฺิมานปปฺเจ. ติณฺณโสกปริทฺทเวติ ¶ อติกฺกนฺตโสกปริทฺทเว ¶ , อิเม ทฺเว อติกฺกนฺเตติ อตฺโถ. เอเตหิ ปูชารหตฺตํ ทสฺสิตํ.
เตติ พุทฺธาทโย. ตาทิเสติ วุตฺตคหณวเสน. นิพฺพุเตติ ราคาทินิพฺพุติยา. นตฺถิ กุโตจิ ภวโต วา อารมฺมณโต วา เอเตสํ ภยนฺติ อกุโตภยา, เต อกุโตภเย. น สกฺกา ปฺุํ สงฺขาตุนฺติ ปฺุํ คเณตุํ น สกฺกา. กถนฺติ เจ? อิเมตฺตมปิ เกนจีติ อิมํ เอตฺตกํ, อิมํ เอตฺตกนฺติ เกนจีติ อปิสทฺโท อิธ สมฺพนฺธิตพฺโพ, เกนจิ ปุคฺคเลน มาเนน วา. ตตฺถ ปุคฺคเลนาติ เตน พฺรหฺมาทินา. มาเนนาติ ติวิเธน มาเนน ตีรเณน ธารเณน ปูรเณน วา. ตีรณํ นาม อิทํ เอตฺตกนฺติ นยโต ตีรณํ. ธารณนฺติ ตุลาย ธารณํ. ปูรณํ นาม อฑฺฒปสตปตฺถนาฬิกาทิวเสน ปูรณํ. เกนจิ ปุคฺคเลน อิเมหิ ตีหิ มาเนหิ พุทฺธาทิเก ปูชยโต ปฺุํ วิปากวเสน คเณตุํ น สกฺกา ปริยนฺตรหิตโตติ ทฺวีสุ าเนสุ ปูชยโต กึ ทานํ ปมํ ธรมาเน พุทฺธาที ปูชยโต น สกฺกา ปฺุํ สงฺขาตุํ, ปุน เต ตาทิเส กิเลสปรินิพฺพานนิมิตฺเตน ขนฺธปรินิพฺพาเนน นิพฺพุเตปิ ปูชยโต น สกฺกา สงฺขาตุนฺติ เภทา ยุชฺชนฺติ. เตน หิ วิมานวตฺถุมฺหิ –
‘‘ติฏฺนฺเต ¶ นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิตฺเต สมํ ผลํ;
เจโตปณิธิเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคติ’’นฺติ. (วิ. ว. ๘๐๖);
เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมโณ โสตาปนฺโน อโหสีติ. โยชนิกํ กนกเจติยํ สตฺตาหมากาเสว อฏฺาสิ, มหนฺเตน สมาคโม จาโหสิ, สตฺตาหํ เจติยํ นานปฺปกาเรน ปูเชสุํ. ตโต ภินฺนลทฺธิกานํ ลทฺธิเภโท ชาโต, พุทฺธานุภาเวน ตํ เจติยํ สกฏฺานเมว คตํ, ตตฺเถว ตํขเณ มหนฺตํ ปาสาณเจติยํ อโหสิ. ตสฺมึ สมาคเม จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.
กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติยวตฺถุ นวมํ.
พุทฺธวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
จุทฺทสโม วคฺโค.
ปมภาณวารํ นิฏฺิตํ.