📜

๑๙. ธมฺมฏฺวคฺโค

๑. วินิจฺฉยมหามตฺตวตฺถุ

เตน โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วินิจฺฉยมหามตฺเต อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ ภิกฺขู สาวตฺถิยํ อุตฺตรทฺวารคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา นครมชฺเฌน วิหารํ อาคจฺฉนฺติ. ตสฺมึ ขเณ เมโฆ อุฏฺาย ปาวสฺสิ. เต สมฺมุขาคตํ วินิจฺฉยสาลํ ปวิสิตฺวา วินิจฺฉยมหามตฺเต ลฺชํ คเหตฺวา สามิเก อสามิเก กโรนฺเต ทิสฺวา ‘‘อโห อิเม อธมฺมิกา, มยํ ปน ‘อิเม ธมฺเมน วินิจฺฉยํ กโรนฺตี’ติ สฺิโน อหุมฺหา’’ติ จินฺเตตฺวา วสฺเส วิคเต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ฉนฺทาทิวสิกา หุตฺวา สาหเสน อตฺถํ วินิจฺฉินนฺตา ธมฺมฏฺา นาม โหนฺติ, อปราธํ ปน อนุวิชฺชิตฺวา อปราธานุรูปํ อสาหเสน วินิจฺฉยํ กโรนฺตา เอว ธมฺมฏฺา นาม โหนฺตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๕๖.

‘‘น เตน โหติ ธมฺมฏฺโ, เยนตฺถํ สาหสา นเย;

โย จ อตฺถํ อนตฺถฺจ, อุโภ นิจฺเฉยฺย ปณฺฑิโต.

๒๕๗.

‘‘อสาหเสน ธมฺเมน, สเมน นยตี ปเร;

ธมฺมสฺส คุตฺโต เมธาวี, ธมฺมฏฺโติ ปวุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ เตนาติ เอตฺตเกเนว การเณน. ธมฺมฏฺโติ ราชา หิ อตฺตโน กาตพฺเพ วินิจฺฉยธมฺเม ิโตปิ ธมฺมฏฺโ นาม น โหติ. เยนาติ เยน การเณน. อตฺถนฺติ โอติณฺณํ วินิจฺฉิตพฺพํ อตฺถํ. สาหสา นเยติ ฉนฺทาทีสุ ปติฏฺิโต สาหเสน มุสาวาเทน วินิจฺเฉยฺย. โย หิ ฉนฺเท ปติฏฺาย าตีติ วา มิตฺโตติ วา มุสา วตฺวา อสามิกเมว สามิกํ กโรติ, โทเส ปติฏฺาย อตฺตโน เวรีนํ มุสา วตฺวา สามิกเมว อสามิกํ กโรติ, โมเห ปติฏฺาย ลฺชํ คเหตฺวา วินิจฺฉยกาเล อฺวิหิโต วิย อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต มุสา วตฺวา ‘‘อิมินา ชิตํ, อยํ ปราชิโต’’ติ ปรํ นีหรติ, ภเย ปติฏฺาย กสฺสจิเทว อิสฺสรชาติกสฺส ปราชยํ ปาปุณนฺตสฺสาปิ ชยํ อาโรเปติ, อยํ สาหเสน อตฺถํ เนติ นาม. เอโส ธมฺมฏฺโ นาม น โหตีติ อตฺโถ. อตฺถํ อนตฺถฺจาติ ภูตฺจ อภูตฺจ การณํ. อุโภ นิจฺเฉยฺยาติ โย ปน ปณฺฑิโต อุโภ อตฺถานตฺเถ วินิจฺฉินิตฺวา วทติ. อสาหเสนาติ อมุสาวาเทน. ธมฺเมนาติ วินิจฺฉยธมฺเมน, น ฉนฺทาทิวเสน. สเมนาติ อปราธานุรูเปเนว ปเร นยติ, ชยํ วา ปราชยํ วา ปาเปติ. ธมฺมสฺส คุตฺโตติ โส ธมฺมคุตฺโต ธมฺมรกฺขิโต ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต เมธาวี วินิจฺฉยธมฺเม ิตตฺตา ธมฺมฏฺโติ ปวุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

วินิจฺฉยมหามตฺตวตฺถุ ปมํ.

๒. ฉพฺพคฺคิยวตฺถุ

น เตน ปณฺฑิโต โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร วิหาเรปิ คาเมปิ ภตฺตคฺคํ อากุลํ กโรนฺตา วิจรนฺติ. อเถกทิวเส ภิกฺขู คาเม ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อาคเต ทหเร สามเณเร จ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กีทิสํ, อาวุโส, ภตฺตคฺค’’นฺติ? ภนฺเต, มา ปุจฺฉถ, ฉพฺพคฺคิยา ‘‘มยเมว วิยตฺตา, มยเมว ปณฺฑิตา, อิเม ปหริตฺวา สีเส กจวรํ อากิริตฺวา นีหริสฺสามา’’ติ วตฺวา อมฺเห ปิฏฺิยํ คเหตฺวา กจวรํ โอกิรนฺตา ภตฺตคฺคํ อากุลํ อกํสูติ. ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, พหุํ ภาสิตฺวา ปเร วิเหยมานํ ‘ปณฺฑิโต’ติ วทามิ, เขมินํ ปน อเวรีนํ อภยเมว ปณฺฑิโตติ วทามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๕๘.

‘‘น เตน ปณฺฑิโต โหติ, ยาวตา พหุ ภาสติ;

เขมี อเวรี อภโย, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ ยาวตาติ ยตฺตเกน การเณน สงฺฆมชฺฌาทีสุ พหุํ กเถติ, เตน ปณฺฑิโต นาม น โหติ . โย ปน สยํ เขมี ปฺจนฺนํ เวรานํ อภาเวน อเวรี นิพฺภโย , ยํ วา อาคมฺม มหาชนสฺส ภยํ น โหติ, โส ปณฺฑิโต นาม โหตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ฉพฺพคฺคิยวตฺถุ ทุติยํ.

๓. เอกุทานขีณาสวตฺเถรวตฺถุ

น ตาวตาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกุทานตฺเถรํ นาม ขีณาสวํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร เอกโกว เอกสฺมึ วนสณฺเฑ วิหรติ, เอกเมวสฺส อุทานํ ปคุณํ –

‘‘อธิเจตโส อปฺปมชฺชโต,

มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต;

โสกา น ภวนฺติ ตาทิโน,

อุปสนฺตสฺส สทา สตีมโต’’ติ. (ปาจิ. ๑๕๓; อุทา. ๓๗);

โส กิร อุโปสถทิวเสสุ สยเมว ธมฺมสฺสวนํ โฆเสตฺวา อิมํ คาถํ วทติ. ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺโท วิย เทวตานํ สาธุการสทฺโท โหติ. อเถกสฺมึ อุโปสถทิวเส ปฺจปฺจสตปริวารา ทฺเว ติปิฏกธรา ภิกฺขู ตสฺส วสนฏฺานํ อคมํสุ. โส เต ทิสฺวาว ตุฏฺมานโส ‘‘สาธุ โว กตํ อิธ อาคจฺฉนฺเตหิ, อชฺช มยํ ตุมฺหากํ ธมฺมํ สุณิสฺสามา’’ติ อาห. อตฺถิ ปน, อาวุโส, อิธ ธมฺมํ โสตุกามาติ. อตฺถิ, ภนฺเต, อยํ วนสณฺโฑ ธมฺมสฺสวนทิวเส เทวตานํ สาธุการสทฺเทน เอกนินฺนาโท โหตีติ. เตสุ เอโก ติปิฏกธโร ธมฺมํ โอสาเรสิ, เอโก กเถสิ. เอกเทวตาปิ สาธุการํ นาทาสิ. เต อาหํสุ – ‘‘ตฺวํ, อาวุโส, ธมฺมสฺสวนทิวเส อิมสฺมึ วนสณฺเฑ เทวตา มหนฺเตน สทฺเทน สาธุการํ เทนฺตีติ วเทสิ, กึ นาเมต’’นฺติ. ภนฺเต, อฺเสุ ทิวเสสุ สาธุการสทฺเทน เอกนินฺนาโท เอว โหติ, น อชฺช ปน ชานามิ ‘‘กิเมต’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, อาวุโส, ตฺวํ ตาว ธมฺมํ กเถหี’’ติ. โส พีชนึ คเหตฺวา อาสเน นิสินฺโน ตเมว คาถํ วเทสิ. เทวตา มหนฺเตน สทฺเทน สาธุการมทํสุ. อถ เนสํ ปริวารา ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘อิมสฺมึ วนสณฺเฑ เทวตา มุโขโลกเนน สาธุการํ ททนฺติ, ติปิฏกธรภิกฺขูสุ เอตฺตกํ ภณนฺเตสุปิ กิฺจิ ปสํสนมตฺตมฺปิ อวตฺวา เอเกน มหลฺลกตฺเถเรน เอกคาถาย กถิตาย มหาสทฺเทน สาธุการํ ททนฺตี’’ติ. เตปิ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ.

สตฺถา ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, โย พหุมฺปิ อุคฺคณฺหติ วา ภาสติ วา, ตํ ธมฺมธโรติ วทามิ. โย ปน เอกมฺปิ คาถํ อุคฺคณฺหิตฺวา สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, อยํ ธมฺมธโร นามา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๒๕๙.

‘‘น ตาวตา ธมฺมธโร, ยาวตา พหุ ภาสติ;

โย จ อปฺปมฺปิ สุตฺวาน, ธมฺมํ กาเยน ปสฺสติ;

ส เว ธมฺมธโร โหติ, โย ธมฺมํ นปฺปมชฺชตี’’ติ.

ตตฺถ ยาวตาติ ยตฺตเกน อุคฺคหณธารณวาจนาทินา การเณน พหุํ ภาสติ, ตาวตฺตเกน ธมฺมธโร น โหติ, วํสานุรกฺขโก ปน ปเวณิปาลโก นาม โหติ. โย จ อปฺปมฺปีติ โย ปน อปฺปมตฺตกมฺปิ สุตฺวา ธมฺมมนฺวาย อตฺถมนฺวาย ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน หุตฺวา นามกาเยน ทุกฺขาทีนิ ปริชานนฺโต จตุสจฺจธมฺมํ ปสฺสติ, ส เว ธมฺมธโร โหติ. โย ธมฺมํ นปฺปมชฺชตีติ โยปิ อารทฺธวีริโย หุตฺวา อชฺช อชฺเชวาติ ปฏิเวธํ อากงฺขนฺโต ธมฺมํ นปฺปมชฺชติ, อยมฺปิ ธมฺมธโรเยวาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

เอกุทานขีณาสวตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.

๔. ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ

เตน เถโร โส โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ ตสฺมึ เถเร สตฺถุ อุปฏฺานํ คนฺตฺวา ปกฺกนฺตมตฺเต ตึสมตฺตา อารฺิกา ภิกฺขู ตํ ปสฺสนฺตา เอว อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา เตสํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘อิโต คตํ เอกํ เถรํ ปสฺสถา’’ติ? ‘‘น ปสฺสาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ นุ ทิฏฺโ โว’’ติ? ‘‘เอกํ, ภนฺเต, สามเณรํ ปสฺสิมฺหา’’ติ. ‘‘น โส, ภิกฺขเว, สามเณโร, เถโร เอว โส’’ติ? ‘‘อติวิย ขุทฺทโก, ภนฺเต’’ติ. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, มหลฺลกภาเวน เถราสเน นิสินฺนมตฺตเกน เถโรติ วทามิ. โย ปน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา มหาชนสฺส อหึสกภาเว ิโต, อยํ เถโร นามา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๖๐.

‘‘น เตน เถโร โส โหติ, เยนสฺส ปลิตํ สิโร;

ปริปกฺโก วโย ตสฺส, โมฆชิณฺโณติ วุจฺจติ.

๒๖๑.

‘‘ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จ, อหึสา สํยโม ทโม;

ส เว วนฺตมโล ธีโร, เถโร อิติ ปวุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ ปริปกฺโกติ ปริณโต, วุฑฺฒภาวํ ปตฺโตติ อตฺโถ. โมฆชิณฺโณติ อนฺโต เถรกรานํ ธมฺมานํ อภาเวน ตุจฺฉชิณฺโณ นาม. ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จาติ ยมฺหิ ปน ปุคฺคเล โสฬสหากาเรหิ ปฏิวิทฺธตฺตา จตุพฺพิธํ สจฺจํ, าเณน สจฺฉิกตตฺตา นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม จ อตฺถิ. อหึสาติ อหึสนภาโว. เทสนามตฺตเมตํ, ยมฺหิ ปน จตุพฺพิธาปิ อปฺปมฺาภาวนา อตฺถีติ อตฺโถ. สํยโม ทโมติ สีลฺเจว อินฺทฺริยสํวโร จ. วนฺตมโลติ มคฺคาเณน นีหฏมโล. ธีโรติ ธิติสมฺปนฺโน. เถโรติ โส อิเมหิ ถิรภาวการเกหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโรติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.

ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ

วากฺกรณมตฺเตนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย ทหเร เจว สามเณเร จ อตฺตโน ธมฺมาจริยานเมว จีวรรชนาทีนิ เวยฺยาวจฺจานิ กโรนฺเต ทิสฺวา เอกจฺเจ เถรา จินฺตยึสุ – ‘‘มยมฺปิ พฺยฺชนสมเย กุสลา, อมฺหากเมว กิฺจิ นตฺถิ. ยํนูน มยํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺยาม, ‘ภนฺเต, มยํ พฺยฺชนสมเย กุสลา, อฺเสํ สนฺติเก ธมฺมํ อุคฺคณฺหิตฺวาปิ อิเมสํ สนฺติเก อโสเธตฺวา มา สชฺฌายิตฺถาติ ทหรสามเณเร อาณาเปถา’ติ. เอวฺหิ อมฺหากํ ลาภสกฺกาโร วฑฺฒิสฺสตี’’ติ. เต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ตถา วทึสุ.

สตฺถา เตสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิมสฺมึ สาสเน ปเวณิวเสเนว เอวํ วตฺตุํ ลภติ, อิเม ปน ลาภสกฺกาเร นิสฺสิตาติ ตฺวา อหํ ตุมฺเห วากฺกรณมตฺเตน สาธุรูปาติ น วทามิ. ยสฺส ปเนเต อิสฺสาทโย ธมฺมา อรหตฺตมคฺเคน สมุจฺฉินฺนา, เอโส เอว สาธุรูโป’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๖๒.

‘‘น วากฺกรณมตฺเตน, วณฺณโปกฺขรตาย วา;

สาธุรูโป นโร โหติ, อิสฺสุกี มจฺฉรี สโ.

๒๖๓.

‘‘ยสฺส เจตํ สมุจฺฉินฺนํ, มูลฆจฺจํ สมูหตํ;

สวนฺตโทโส เมธาวี, สาธุรูโปติ วุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ น วากฺกรณมตฺเตนาติ วจีกรณมตฺเตน สทฺทลกฺขณสมฺปนฺนวจนมตฺเตน. วณฺณโปกฺขรตาย วาติ สรีรวณฺณสฺส มนาปภาเวน วา. นโรติ เอตฺตเกเนว การเณน ปรลาภาทีสุ อิสฺสามนโก ปฺจวิเธน มจฺเฉเรน สมนฺนาคโต เกราฏิกภาเวน สโ นโร สาธุรูโป น โหติ. ยสฺส เจตนฺติ ยสฺส จ ปุคฺคลสฺเสตํ อิสฺสาทิโทสชาตํ อรหตฺตมคฺคาเณน สมูลกํ ฉินฺนํ, มูลฆาตํ กตฺวา สมูหตํ , โส วนฺตโทโส ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต สาธุรูโปติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. หตฺถกวตฺถุ

มุณฺฑเกน สมโณติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต หตฺถกํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร วาทกฺขิตฺโต ‘‘ตุมฺเห อสุกเวลาย อสุกฏฺานํ นาม อาคจฺเฉยฺยาถ, วาทํ กริสฺสามา’’ติ วตฺวา ปุเรตรเมว ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘ปสฺสถ, ติตฺถิยา มม ภเยน นาคตา, เอโสว ปน เนสํ ปราชโย’’ติอาทีนิ วตฺวา วาทกฺขิตฺโต อฺเนฺํ ปฏิจรนฺโต วิจรติ. สตฺถา ‘‘หตฺถโก กิร เอวํ กโรตี’’ติ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, หตฺถก, เอวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสิ? เอวรูปฺหิ มุสาวาทํ กโรนฺโต สีสมุณฺฑนาทิมตฺเตเนว สมโณ นาม น โหติ. โย ปน อณูนิ วา ถูลานิ วา ปาปานิ สเมตฺวา ิโต, อยเมว สมโณ’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๖๔.

‘‘น มุณฺฑเกน สมโณ, อพฺพโต อลิกํ ภณํ;

อิจฺฉาโลภสมาปนฺโน, สมโณ กึ ภวิสฺสติ.

๒๖๕.

‘‘โย จ สเมติ ปาปานิ, อณุํ ถูลานิ สพฺพโส;

สมิตตฺตา หิ ปาปานํ, สมโณติ ปวุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ มุณฺฑเกนาติ สีสมุณฺฑนมตฺเตน. อพฺพโตติ สีลวเตน จ ธุตงฺควเตน จ วิรหิโต. อลิกํ ภณนฺติ มุสาวาทํ ภณนฺโต อสมฺปตฺเตสุ อารมฺมเณสุ อิจฺฉาย ปตฺเตสุ จ โลเภน สมนฺนาคโต สมโณ นาม กึ ภวิสฺสติ? สเมตีติ โย จ ปริตฺตานิ วา มหนฺตานิ วา ปาปานิ วูปสเมติ, โส เตสํ สมิตตฺตา สมโณติ ปวุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

หตฺถกวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ

เตน ภิกฺขุ โส โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร พาหิรสมเย ปพฺพชิตฺวา ภิกฺขํ จรนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม อตฺตโน สาวเก ภิกฺขาย จรเณน ‘ภิกฺขู’ติ วทติ, มมฺปิ ‘ภิกฺขู’ติ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘โภ โคตม, อหมฺปิ ภิกฺขํ จริตฺวา ชีวามิ, มมฺปิ ‘ภิกฺขู’ติ วเทหี’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขนมตฺเตน ภิกฺขูติ วทามิ. น หิ วิสฺสํ ธมฺมํ สมาทาย วตฺตนฺโต ภิกฺขุ นาม โหติ. โย ปน สพฺพสงฺขาเรสุ สงฺขาย จรติ, โส ภิกฺขุ นามา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๖๖.

‘‘น เตน ภิกฺขุ โส โหติ, ยาวตา ภิกฺขเต ปเร;

วิสฺสํ ธมฺมํ สมาทาย, ภิกฺขุ โหติ น ตาวตา.

๒๖๗.

‘‘โยธ ปุฺฺจ ปาปฺจ, พาเหตฺวา พฺรหฺมจริยวา;

สงฺขาย โลเก จรติ, ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ ยาวตาติ ยตฺตเกน ปเร ภิกฺขเต, เตน ภิกฺขนมตฺเตน ภิกฺขุ นาม น โหติ. วิสฺสนฺติ วิสมํ ธมฺมํ, วิสฺสคนฺธํ วา กายกมฺมาทิกํ ธมฺมํ สมาทาย จรนฺโต ภิกฺขุ นาม น โหติ. โยธาติ โย อิธ สาสเน อุภยมฺเปตํ ปุฺฺจ ปาปฺจ มคฺคพฺรหฺมจริเยน พาเหตฺวา ปนุทิตฺวา พฺรหฺมจริยวา โหติ. สงฺขายาติ าเณน. โลเกติ ขนฺธาทิโลเก ‘‘อิเม อชฺฌตฺติกา ขนฺธา, อิเม พาหิรา’’ติ เอวํ สพฺเพปิ ธมฺเม ชานิตฺวา จรติ, โส เตน าเณน กิเลสานํ ภินฺนตฺตา ‘‘ภิกฺขู’’ติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. ติตฺถิยวตฺถุ

โมเนนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติตฺถิเย อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร ภุตฺตฏฺาเนสุ มนุสฺสานํ ‘‘เขมํ โหตุ, สุขํ โหตุ, อายุ วฑฺฒตุ, อสุกฏฺาเน นาม กลลํ อตฺถิ, อสุกฏฺาเน นาม กณฺฏโก อตฺถิ, เอวรูปํ านํ คนฺตุํ น วฏฺฏตี’’ติอาทินา นเยน มงฺคลํ วตฺวา ปกฺกมนฺติ. ภิกฺขู ปน ปมโพธิยํ อนุโมทนาทีนํ อนนุฺาตกาเล ภตฺตคฺเค มนุสฺสานํ อนุโมทนํ อกตฺวา ปกฺกมนฺติ. มนุสฺสา ‘‘ติตฺถิยานํ สนฺติกา มงฺคลํ สุณาม, ภทฺทนฺตา ปน ตุณฺหีภูตา ปกฺกมนฺตี’’ติ อุชฺฌายึสุ. ภิกฺขู ตมตฺถํ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, อิโต ปฏฺาย ภตฺตคฺคาทีสุ ยถาสุขํ อนุโมทนํ กโรถ, อุปนิสินฺนกถํ กโรถ, ธมฺมํ กเถถา’’ติ อนุชานิ. เต ตถา กรึสุ. มนุสฺสา อนุโมทนาทีนิ สุณนฺตา อุสฺสาหปฺปตฺตา ภิกฺขู นิมนฺเตตฺวา สกฺการํ กโรนฺตา วิจรนฺติ. ติตฺถิยา ปน ‘‘มยํ มุนิโน โมนํ กโรม, สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ภตฺตคฺคาทีสุ มหากถํ กเถนฺตา วิจรนฺตี’’ติ อุชฺฌายึสุ.

สตฺถา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, ตุณฺหีภาวมตฺเตน ‘มุนี’ติ วทามิ. เอกจฺเจ หิ อชานนฺตา น กเถนฺติ, เอกจฺเจ อวิสารทตาย, เอกจฺเจ ‘มา โน อิมํ อติสยตฺถํ อฺเ ชานึสู’ติ มจฺเฉเรน. ตสฺมา โมนมตฺเตน มุนิ น โหติ, ปาปวูปสเมน ปน มุนิ นาม โหตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๖๘.

‘‘น โมเนน มุนี โหติ, มูฬฺหรูโป อวิทฺทสุ;

โย จ ตุลํว ปคฺคยฺห, วรมาทาย ปณฺฑิโต.

๒๖๙.

‘‘ปาปานิ ปริวชฺเชติ, ส มุนี เตน โส มุนิ;

โย มุนาติ อุโภ โลเก, มุนิ เตน ปวุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ น โมเนนาติ กามฺหิ โมเนยฺยปฏิปทาสงฺขาเตน มคฺคาณโมเนน มุนิ นาม โหติ, อิธ ปน ตุณฺหีภาวํ สนฺธาย ‘‘โมเนนา’’ติ วุตฺตํ. มูฬฺหรูโปติ ตุจฺฉรูโป. อวิทฺทสูติ อวิฺู. เอวรูโป หิ ตุณฺหีภูโตปิ มุนิ นาม น โหติ. อถ วา โมเนน มุนิ นาม น โหติ, ตุจฺฉสภาโว ปน อวิฺู จ โหตีติ อตฺโถ. โย จ ตุลํว ปคยฺหาติ ยถา หิ ตุลํ คเหตฺวา ิโต อติเรกํ เจ โหติ, หรติ. อูนํ เจ โหติ , ปกฺขิปติ. เอวเมว โย อติเรกํ หรนฺโต วิย ปาปํ หรติ ปริวชฺเชติ, อูนเก ปกฺขิปนฺโต วิย กุสลํ ปริปูเรติ. เอวฺจ ปน กโรนฺโต สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนสงฺขาตํ วรํ อุตฺตมเมว อาทาย ปาปานิ อกุสลกมฺมานิ ปริวชฺเชติ. ส มุนีติ โส มุนิ นามาติ อตฺโถ. เตน โส มุนีติ กสฺมา ปน โส มุนีติ เจ? ยํ เหฏฺา วุตฺตการณํ, เตน โส มุนีติ อตฺโถ. โส มุนาติ อุโภ โลเกติ โย ปุคฺคโล อิมสฺมึ ขนฺธาทิโลเก ตุลํ อาโรเปตฺวา มินนฺโต วิย ‘‘อิเม อชฺฌตฺติกา ขนฺธา, อิเม พาหิรา’’ติอาทินา นเยน อิเม อุโภ อตฺเถ มุนาติ. มุนิ เตน ปวุจฺจตีติ เตน การเณน มุนีติ วุจฺจติเยวาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ติตฺถิยวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. พาลิสิกวตฺถุ

น เตน อริโย โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อริยํ นาม พาลิสิกํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ สตฺถา ตสฺส โสตาปตฺติมคฺคสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา สาวตฺถิยา อุตฺตรทฺวารคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตโต อาคจฺฉติ. ตสฺมึ ขเณ โส พาลิสิโก พลิเสน มจฺเฉ คณฺหนฺโต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ทิสฺวา พลิสยฏฺึ ฉฑฺเฑตฺวา อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส อวิทูเร าเน นิวตฺติตฺวา ิโต ‘‘ตฺวํ กึ นาโมสี’’ติ สาริปุตฺตตฺเถราทีนํ นามานิ ปุจฺฉิ. เตปิ ‘‘อหํ สาริปุตฺโต อหํ โมคฺคลฺลาโน’’ติ อตฺตโน อตฺตโน นามานิ กถยึสุ. พาลิสิโก จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถา สพฺเพสํ นามานิ ปุจฺฉติ, มมมฺปิ นามํ ปุจฺฉิสฺสติ มฺเ’’ติ. สตฺถา ตสฺส อิจฺฉํ ตฺวา, ‘‘อุปาสก, ตฺวํ โก นาโมสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, อริโย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, อุปาสก, ตาทิสา ปาณาติปาติโน อริยา นาม โหนฺติ, อริยา ปน มหาชนสฺส อหึสนภาเว ิตา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๗๐.

‘‘น เตน อริโย โหติ, เยน ปาณานิ หึสติ;

อหึสา สพฺพปาณานํ, อริโยติ ปวุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ อหึสาติ อหึสเนน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน หิ ปาณานิ หึสติ, น เตน การเณน อริโย โหติ. โย ปน สพฺพปาณานํ ปาณิอาทีหิ อหึสเนน เมตฺตาทิภาวนาย ปติฏฺิตตฺตา หึสโต อาราว ิโต, อยํ อริโยติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พาลิสิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

พาลิสิกวตฺถุ นวมํ.

๑๐. สมฺพหุลสีลาทิสมฺปนฺนภิกฺขุวตฺถุ

น สีลพฺพตมตฺเตนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล สีลาทิสมฺปนฺเน ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เตสุ กิร เอกจฺจานํ เอวํ อโหสิ – ‘‘มยํ สมฺปนฺนสีลา, มยํ ธุตงฺคธรา, มยํ พหุสฺสุตา, มยํ ปนฺตเสนาสนวาสิโน, มยํ ฌานลาภิโน, น อมฺหากํ อรหตฺตํ ทุลฺลภํ, อิจฺฉิตทิวเสเยว อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามา’’ติ. เยปิ ตตฺถ อนาคามิโน, เตสมฺปิ เอตทโหสิ – ‘‘น อมฺหากํ อิทานิ อรหตฺตํ ทุลฺลภ’’นฺติ. เต สพฺเพปิ เอกทิวสํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนา ‘‘อปิ นุ โข โว, ภิกฺขเว, ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ สตฺถารา ปุฏฺา เอวมาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, มยํ เอวรูปา เอวรูปา จ, ตสฺมา ‘อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณเยว อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถมฺหา’ติ จินฺเตตฺวา วิหรามา’’ติ.

สตฺถา เตสํ วจนํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม ปริสุทฺธสีลาทิมตฺตเกน วา อนาคามิสุขปฺปตฺตมตฺตเกน วา ‘อปฺปกํ โน ภวทุกฺข’นฺติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ, อาสวกฺขยํ ปน อปฺปตฺวา ‘สุขิโตมฺหี’ติ จิตฺตํ น อุปฺปาเทตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๗๑.

‘‘น สีลพฺพตมตฺเตน, พาหุสจฺเจน วา ปน;

อถ วา สมาธิลาเภน, วิวิตฺตสยเนน วา.

๒๗๒.

‘‘ผุสามิ เนกฺขมฺมสุขํ, อปุถุชฺชนเสวิตํ;

ภิกฺขุ วิสฺสาสมาปาทิ, อปฺปตฺโต อาสวกฺขย’’นฺติ.

ตตฺถ สีลพฺพตมตฺเตนาติ จตุปาริสุทฺธิสีลมตฺเตน วา เตรสธุตงฺคมตฺเตน วา. พาหุสจฺเจน วาติ ติณฺณํ ปิฏกานํ อุคฺคหิตมตฺเตน วา. สมาธิลาเภนาติ อฏฺสมาปตฺติยา ลาเภน. เนกฺขมฺมสุขนฺติ อนาคามิสุขํ. ตํ อนาคามิสุขํ ผุสามีติ เอตฺตกมตฺเตน วา. อปุถุชฺชนเสวิตนฺติ ปุถุชฺชเนหิ อเสวิตํ อริยเสวิตเมว. ภิกฺขูติ เตสํ อฺตรํ อาลปนฺโต อาห. วิสฺสาสมาปาทีติ วิสฺสาสํ น อาปชฺเชยฺย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขุ อิมินา สมฺปนฺนสีลาทิภาวมตฺตเกเนว ‘‘มยฺหํ ภโว อปฺปโก ปริตฺตโก’’ติ อาสวกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ อปฺปตฺโต หุตฺวา ภิกฺขุ นาม วิสฺสาสํ นาปชฺเชยฺย. ยถา หิ อปฺปมตฺตโกปิ คูโถ ทุคฺคนฺโธ โหติ, เอวํ อปฺปมตฺตโกปิ ภโว ทุกฺโขติ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหํสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

สมฺพหุลสีลาทิสมฺปนฺนภิกฺขุวตฺถุ ทสมํ.

ธมฺมฏฺวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

เอกูนวีสติโม วคฺโค.