📜

๒๑. ปกิณฺณกวคฺโค

๑. อตฺตโนปุพฺพกมฺมวตฺถุ

มตฺตาสุขปริจฺจาคาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย เวสาลี อิทฺธา อโหสิ ผีตา พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา. ตตฺถ หิ วาเรน วาเรน รชฺชํ กาเรนฺตานํ ขตฺติยานํเยว สตฺตสตาธิกานิ สตฺตสหสฺสานิ สตฺต จ ขตฺติยา อเหสุํ. เตสํ วสนตฺถาย ตตฺตกาเยว ปาสาทา ตตฺตกาเนว กูฏาคารานิ อุยฺยาเน วิหารตฺถาย ตตฺตกาเยว อารามา จ โปกฺขรณิโย จ อเหสุํ. สา อปเรน สมเยน ทุพฺภิกฺขา อโหสิ ทุสฺสสฺสา. ตตฺถ ฉาตกภเยน ปมํ ทุคฺคตมนุสฺสา กาลมกํสุ. เตสํ เตสํ ตตฺถ ตตฺถ ฉฑฺฑิตานํ กุณปานํ คนฺเธน อมนุสฺสา นครํ ปวิสึสุ. อมนุสฺสูปทฺทเวน พหุตรา กาลมกํสุ. เตสํ กุณปคนฺธปฏิกฺกูลตาย สตฺตานํ อหิวาตโรโค อุปฺปชฺชิ. เอวํ ทุพฺภิกฺขภยํ อมนุสฺสภยํ โรคภยนฺติ ตีณิ ภยานิ อุปฺปชฺชึสุ.

นครวาสิโน สนฺนิปติตฺวา ราชานํ อาหํสุ – ‘‘มหาราช, อิมสฺมึ นคเร ตีณิ ภยานิ อุปฺปนฺนานิ, อิโต ปุพฺเพ ยาว สตฺตมา ราชปริวฏฺฏา เอวรูปํ ภยํ นาม น อุปฺปนฺนปุพฺพํ. อธมฺมิกราชูนฺหิ กาเล เอวรูปํ ภยํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ราชา สนฺถาคาเร สพฺเพสํ สนฺนิปาตํ กาเรตฺวา ‘‘สเจ เม อธมฺมิกภาโว อตฺถิ, ตํ วิจินถา’’ติ อาห. เวสาลิวาสิโน สพฺพํ ปเวณิ วิจินนฺตา รฺโ กฺจิ โทสํ อทิสฺวา, ‘‘มหาราช, นตฺถิ เต โทโส’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ นุ โข อิทํ อมฺหากํ ภยํ วูปสมํ คจฺเฉยฺยา’’ติ มนฺตยึสุ. ตตฺถ เอกจฺเจหิ ‘‘พลิกมฺเมน อายาจนาย มงฺคลกิริยายา’’ติ วุตฺเต สพฺพมฺปิ ตํ วิธึ กตฺวา ปฏิพาหิตุํ นาสกฺขึสุ. อถฺเ เอวมาหํสุ – ‘‘ฉ สตฺถาโร มหานุภาวา, เตสุ อิธาคตมตฺเตสุ ภยํ วูปสเมยฺยา’’ติ. อปเร ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน. โส หิ ภควา สพฺพสตฺตหิตาย ธมฺมํ เทเสติ, มหิทฺธิโก มหานุภาโว. ตสฺมึ อิธ อาคเต อิมานิ ภยานิ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ อาหํสุ. เตสํ วจนํ สพฺเพปิ อภินนฺทิตฺวา ‘‘กหํ นุ โข โส ภควา เอตรหิ วิหรตี’’ติ อาหํสุ . ตทา ปน สตฺถา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย รฺโ พิมฺพิสารสฺส ปฏิฺํ ทตฺวา เวฬุวเน วิหรติ. เตน จ สมเยน พิมฺพิสารสมาคเม พิมฺพิสาเรน สทฺธึ โสตาปตฺติผลํ ปตฺโต มหาลิ นาม ลิจฺฉวี ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ.

เวสาลิวาสิโน มหนฺตํ ปณฺณาการํ สชฺเชตฺวา ราชานํ พิมฺพิสารํ สฺาเปตฺวา ‘‘สตฺถารํ อิธาเนถา’’ติ มหาลิฺเจว ลิจฺฉวึ ปุโรหิตปุตฺตฺจ ปหิณึสุ. เต คนฺตฺวา รฺโ ปณฺณาการํ ทตฺวา ตํ ปวตฺตึ นิเวเทตฺวา, ‘‘มหาราช, สตฺถารํ อมฺหากํ นครํ เปเสถา’’ติ ยาจึสุ. ราชา ‘‘ตุมฺเหว ชานาถา’’ติ น สมฺปฏิจฺฉิ. เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ยาจึสุ – ‘‘ภนฺเต, เวสาลิยํ ตีณิ ภยานิ อุปฺปนฺนานิ, ตานิ ตุมฺเหสุ อาคเตสุ วูปสมิสฺสนฺติ, เอถ, ภนฺเต, คจฺฉามา’’ติ. สตฺถา เตสํ วจนํ สุตฺวา อาวชฺเชนฺโต ‘‘เวสาลิยํ รตนสุตฺเต (ขุ. ปา. ๖.๑ อาทโย; สุ. นิ. ๒๒๔ อาทโย) วุตฺเต สา รกฺขา จกฺกวาฬานํ โกฏิสตสหสฺสํ ผริสฺสติ, สุตฺตปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ, ตานิ จ ภยานิ วูปสมิสฺสนฺตี’’ติ ตฺวา เตสํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิ.

ราชา พิมฺพิสาโร ‘‘สตฺถารา กิร เวสาลิคมนํ สมฺปฏิจฺฉิต’’นฺติ สุตฺวา นคเร โฆสนํ กาเรตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, เวสาลิคมนํ สมฺปฏิจฺฉิต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อาคเมถ, ตาว มคฺคํ ปฏิยาเทสฺสามี’’ติ วตฺวา ราชคหสฺส จ คงฺคาย จ อนฺตเร ปฺจโยชนภูมึ สมํ กาเรตฺวา โยชเน โยชเน วิหารํ ปติฏฺาเปตฺวา สตฺถุ คมนกาลํ อาโรเจสิ. สตฺถา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ราชา โยชนนฺตเร ชณฺณุมตฺเตน โอธินา ปฺจวณฺณานิ ปุปฺผานิ โอกิราเปตฺวา ธชปฏากกทลีอาทีนิ อุสฺสาเปตฺวา ภควโต ฉตฺตาติฉตฺตํ กตฺวา ทฺเว เสตจฺฉตฺตานิ เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน เอกเมกํ เสตจฺฉตฺตํ อุปริ ธาเรตฺวา สปริวาโร ปุปฺผคนฺธาทีหิ ปูชํ กโรนฺโต สตฺถารํ เอเกกสฺมึ วิหาเร วสาเปตฺวา มหาทานาทีนิ ทตฺวา ปฺจหิ ทิวเสหิ คงฺคาตีรํ ปาเปตฺวา ตตฺถ นาวํ อลงฺกโรนฺโต เวสาลิกานํ สาสนํ เปเสสิ – ‘‘มคฺคํ ปฏิยาเทตฺวา สตฺถุ ปจฺจุคฺคมนํ กโรนฺตู’’ติ. เต ‘‘ทิคุณํ ปูชํ กริสฺสามา’’ติ เวสาลิยา จ คงฺคาย จ อนฺตเร ติโยชนภูมึ สมํ กาเรตฺวา ภควโต จตูหิ เสตจฺฉตฺเตหิ เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน ทฺวีหิ ทฺวีหิ เสตจฺฉตฺเตหิ ฉตฺตาติฉตฺตานิ สชฺเชตฺวา ปูชํ กุรุมานา อาคนฺตฺวา คงฺคาตีเร อฏฺํสุ. พิมฺพิสาโร ทฺเว นาวา สงฺฆาเฏตฺวา มณฺฑปํ กาเรตฺวา ปุปฺผทามาทีหิ อลงฺการาเปตฺวา สพฺพรตนมยํ พุทฺธาสนํ ปฺาเปสิ. ภควา ตสฺมึ นิสีทิ. ภิกฺขูปิ นาวํ อภิรุหิตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. ราชา อนุคจฺฉนฺโต คลปฺปมาณํ อุทกํ โอตริตฺวา ‘‘ยาว, ภนฺเต, ภควา อาคจฺฉติ, ตาวาหํ อิเธว คงฺคาตีเร วสิสฺสามี’’ติ วตฺวา นาวํ อุยฺโยเชตฺวา นิวตฺติ. สตฺถา โยชนมตฺตํ อทฺธานํ คงฺคาย คนฺตฺวา เวสาลิกานํ สีมํ ปาปุณิ.

ลิจฺฉวีราชาโน สตฺถารํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา คลปฺปมาณํ อุทกํ โอตริตฺวา นาวํ ตีรํ อุปเนตฺวา สตฺถารํ นาวาโต โอตารยึสุ. สตฺถารา โอตริตฺวา ตีเร อกฺกนฺตมตฺเตเยว มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. สพฺพตฺถ ชณฺณุปฺปมาณอูรุปฺปมาณกฏิปฺปมาณาทีนิ อุทกานิ สนฺทนฺตานิ สพฺพกุณปานิ คงฺคํ ปเวสยึสุ, ปริสุทฺโธ ภูมิภาโค อโหสิ. ลิจฺฉวีราชาโน สตฺถารํ โยชเน โยชเน วสาเปตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ทิคุณํ ปูชํ กโรนฺตา ตีหิ ทิวเสหิ เวสาลึ นยึสุ. สกฺโก เทวราชา เทวคณปริวุโต อาคมาสิ, มเหสกฺขานํ เทวานํ สนฺนิปาเตน อมนุสฺสา เยภุยฺเยน ปลายึสุ. สตฺถา สายํ นครทฺวาเร ตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, อานนฺท, รตนสุตฺตํ อุคฺคณฺหิตฺวา ลิจฺฉวีกุมาเรหิ สทฺธึ วิจรนฺโต เวสาลิยา ติณฺณํ ปาการานํ อนฺตเร ปริตฺตํ กโรหี’’ติ.

เถโร สตฺถารา ทินฺนํ รตนสุตฺตํ อุคฺคณฺหิตฺวา สตฺถุ เสลมยปตฺเตน อุทกํ อาทาย นครทฺวาเร ิโต ปณิธานโต ปฏฺาย ตถาคตสฺส ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย ปฺจ มหาปริจฺจาเค โลกตฺถจริยา าตตฺถจริยา พุทฺธตฺถจริยาติ ติสฺโส จริยาโย ปจฺฉิมภเว คพฺภโวกฺกนฺตึ ชาตึ อภินิกฺขมนํ ปธานจริยํ โพธิปลฺลงฺเก มารวิชยํ สพฺพฺุตฺาณปฏิเวธํ ธมฺมจกฺกปวตฺตนํ นวโลกุตฺตรธมฺเมติ สพฺเพปิเม พุทฺธคุเณ อาวชฺเชตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา ติยามรตฺตึ ตีสุ ปาการนฺตเรสุ ปริตฺตํ กโรนฺโต วิจริ. เตน ‘‘ยํกิฺจี’’ติ วุตฺตมตฺเตเยว อุทฺธํ ขิตฺตอุทกํ อมนุสฺสานํ อุปริ ปติ. ‘‘ยานีธ ภูตานี’’ติ คาถากถนโต ปฏฺาย รชตวฏํสกา วิย อุทกพินฺทูนิ อากาเสน คนฺตฺวา คิลานมนุสฺสานํ อุปริ ปตึสุ. ตาวเทว วูปสนฺตโรคา มนุสฺสา อุฏฺายุฏฺาย เถรํ ปริวาเรสุํ . ‘‘ยํกิฺจี’’ติ วุตฺตปทโต ปฏฺาย ปน อุทกผุสิเตหิ ผุฏฺผุฏฺา สพฺเพ อปลายนฺตา สงฺการกูฏภิตฺติปเทสาทินิสฺสิตา อมนุสฺสา เตน เตน ทฺวาเรน ปลายึสุ. ทฺวารานิ อโนกาสานิ อเหสุํ. เต โอกาสํ อลภนฺตา ปาการํ ภินฺทิตฺวาปิ ปลายึสุ.

มหาชโน นครมชฺเฌ สนฺถาคารํ สพฺพคนฺเธหิ อุปลิมฺเปตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกาทิวิจิตฺตํ วิตานํ พนฺธิตฺวา พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา สตฺถารํ อาเนสิ. สตฺถา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ ลิจฺฉวีคโณปิ สตฺถารํ ปริวาเรตฺวา นิสีทิ. สกฺโก เทวราชา เทวคณปริวุโต ปติรูเป โอกาเส อฏฺาสิ. เถโรปิ สกลนครํ อนุวิจริตฺวา วูปสนฺตโรเคน มหาชเนน สทฺธึ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. สตฺถา ปริสํ โอโลเกตฺวา ตเทว รตนสุตฺตํ อภาสิ. เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เอวํ ปุนทิวเสปีติ สตฺตาหํ ตเทว รตนสุตฺตํ เทเสตฺวา สพฺพภยานํ วูปสนฺตภาวํ ตฺวา ลิจฺฉวีคณํ อามนฺเตตฺวา เวสาลิโต นิกฺขมิ. ลิจฺฉวีราชาโน ทิคุณํ สกฺการํ กโรนฺตา ปุน ตีหิ ทิวเสหิ สตฺถารํ คงฺคาตีรํ นยึสุ.

คงฺคาย นิพฺพตฺตนาคราชาโน จินฺเตสุํ – ‘‘มนุสฺสา ตถาคตสฺส สกฺการํ กโรนฺติ, มยํ กึ น กโรมา’’ติ. เต สุวณฺณรชตมณิมยา นาวาโย มาเปตฺวา สุวณฺณรชตมณิมเย ปลฺลงฺเก ปฺาเปตฺวา ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ อุทกํ กริตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากมฺปิ อนุคฺคหํ กโรถา’’ติ อตฺตโน อตฺตโน นาวํ อภิรุหณตฺถาย สตฺถารํ ยาจึสุ. ‘‘มนุสฺสา จ นาคา จ ตถาคตสฺส ปูชํ กโรนฺติ, มยํ ปน กึ น กโรมา’’ติ ภูมฏฺกเทเวปิ อาทึ กตฺวา ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมโลกา สพฺเพ เทวา สกฺการํ กรึสุ. ตตฺถ นาคา โยชนิกานิ ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุกฺขิปึสุ. เอวํ เหฏฺา นาคา ภูมิตเล รุกฺขคจฺฉปพฺพตาทีสุ ภูมฏฺกา เทวตา, อนฺตลิกฺเข อากาสฏฺเทวาติ นาคภวนํ อาทึ กตฺวา จกฺกวาฬปริยนฺเตน ยาว พฺรหฺมโลกา ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุสฺสาปิตานิ อเหสุํ. ฉตฺตนฺตเรสุ ธชา, ธชนฺตเรสุ ปฏากา, เตสํ อนฺตรนฺตรา ปุปฺผทามวาสจุณฺณธุมาทีหิ สกฺกาโร อโหสิ. สพฺพลงฺการปฏิมณฺฑิตา เทวปุตฺตา ฉณเวสํ คเหตฺวา อุคฺโฆสยมานา อากาเส วิจรึสุ. ตโย เอว กิร สมาคมา มหนฺตา อเหสุํ – ยมกปาฏิหาริยสมาคโม เทโวโรหณสมาคโม อยํ คงฺโคโรหณสมาคโมติ.

ปรตีเร พิมฺพิสาโรปิ ลิจฺฉวีหิ กตสกฺการโต ทิคุณํ สกฺการํ สชฺเชตฺวา ภควโต อาคมนํ อุทิกฺขมาโน อฏฺาสิ. สตฺถา คงฺคาย อุโภสุ ปสฺเสสุ ราชูนํ มหนฺตํ ปริจฺจาคํ โอโลเกตฺวา นาคาทีนฺจ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา เอเกกาย นาวาย ปฺจปฺจภิกฺขุสตปริวารํ เอเกกํ นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. โส เอเกกสฺส เสตจฺฉตฺตสฺส เจว กปฺปรุกฺขสฺส จ ปุปฺผทามสฺส จ เหฏฺา นาคคณปริวุโต นิสินฺโน โหติ. ภูมฏฺกเทวตาทีสุปิ เอเกกสฺมึ โอกาเส สปริวารํ เอเกกํ นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. เอวํ สกลจกฺกวาฬคพฺเภ เอกาลงฺกาเร เอกุสฺสเว เอกฉเณเยว จ ชาเต สตฺถา นาคานมนุคฺคหํ กโรนฺโต เอกํ รตนนาวํ อภิรุหิ. ภิกฺขูสุปิ เอเกโก เอเกกเมว อภิรุหิ. นาคราชาโน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นาคภวนํ ปเวเสตฺวา สพฺพรตฺตึ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมกถํ สุตฺวา ทุติยทิวเส ทิพฺเพน ขาทนีเยน โภชนีเยน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสึสุ. สตฺถา อนุโมทนํ กตฺวา นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา สกลจกฺกวาฬเทวตาหิ ปูชิยมาโน ปฺจหิ นาวาสเตหิ คงฺคานทึ อติกฺกมิ.

ราชา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา สตฺถารํ นาวาโต โอตาเรตฺวา อาคมนกาเล ลิจฺฉวีติ กตสกฺการโต ทิคุณํ สกฺการํ กตฺวา ปุริมนเยเนว ปฺจหิ ทิวเสหิ ราชคหํ อภิเนสิ. ทุติยทิวเส ภิกฺขู ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห พุทฺธานํ มหานุภาโว, อโห สตฺถริ เทวมนุสฺสานํ ปสาโท, คงฺคาย นาม โอรโต จ ปารโต จ อฏฺโยชเน มคฺเค พุทฺธคเตน ปสาเทน ราชูหิ สมตลํ ภูมึ กตฺวา วาลุกา โอกิณฺณา, ชณฺณุมตฺเตน โอธินา นานาวณฺณานิ ปุปฺผานิ สนฺถตานิ, คงฺคาย อุทกํ นาคานุภาเวน ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนํ, ยาว อกนิฏฺภวนา ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุสฺสาปิตานิ, สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอกาลงฺการํ เอกุสฺสวํ วิย ชาต’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เอส ปูชาสกฺกาโร มยฺหํ พุทฺธานุภาเวน นิพฺพตฺโต, น นาคเทวพฺรหฺมานุภาเวน. อตีเต ปน อปฺปมตฺตกปริจฺจาคานุภาเวน นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต ตกฺกสิลายํ สงฺโข นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ. ตสฺส ปุตฺโต สุสีโม นาม มาณโว โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก เอกทิวสํ ปิตรํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘อิจฺฉามหํ, ตาต, พาราณสึ คนฺตฺวา มนฺเต อชฺฌายิตุ’’นฺติ. อถ นํ ปิตา อาห – ‘‘เตน หิ, ตาต, อสุโก นาม พฺราหฺมโณ มม สหายโก, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อธียสฺสู’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ คนฺตฺวา ตํ พฺราหฺมณํ อุปสงฺกมิตฺวา ปิตรา ปหิตภาวมาจิกฺขิ. อถ นํ โส ‘‘สหายกสฺส เม ปุตฺโต’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปฏิปสฺสทฺธทรถํ ภทฺทเกน ทิวเสน มนฺเต วาเจตุมารภิ. โส ลหุฺจ คณฺหนฺโต พหุฺจ คณฺหนฺโต อตฺตโน อุคฺคหิตุคฺคหิตํ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหเตลมิว อวินสฺสมานํ ธาเรนฺโต น จิรสฺเสว อาจริยสฺส สมฺมุขโต อุคฺคณฺหิตพฺพํ สพฺพํ อุคฺคณฺหิตฺวา สชฺฌายํ กโรนฺโต อตฺตโน อุคฺคหิตสิปฺปสฺส อาทิมชฺฌเมว ปสฺสติ, โน ปริโยสานํ.

โส อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ อิมสฺส สิปฺปสฺส อาทิมชฺฌเมว ปสฺสามิ, โน ปริโยสาน’’นฺติ วตฺวา อาจริเยน ‘‘อหมฺปิ, ตาต, น ปสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘อถ โก, อาจริย, ปริโยสานํ ชานาตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิเม, ตาต, อิสโย อิสิปตเน วิหรนฺติ, เต ชาเนยฺยุํ, เตสํ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉสฺสู’’ติ อาจริเยน วุตฺเต ปจฺเจกพุทฺเธ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห กิร ปริโยสานํ ชานาถา’’ติ? ‘‘อาม, ชานามา’’ติ. ‘‘เตน หิ เม อาจิกฺขถา’’ติ? ‘‘น มยํ อปพฺพชิตสฺส อาจิกฺขาม. สเจ เต ปริโยสาเนนตฺโถ , ปพฺพชสฺสู’’ติ . โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เตสํ สนฺติเก ปพฺพชิ. อถสฺส เต ‘‘อิทํ ตาว สิกฺขสฺสู’’ติ วตฺวา ‘‘เอวํ เต นิวาเสตพฺพํ, เอวํ ปารุปิตพฺพ’’นฺติอาทินา นเยน อาภิสมาจาริกํ อาจิกฺขึสุ. โส ตตฺถ สิกฺขนฺโต อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา นจิรสฺเสว ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา สกลพาราณสินคเร คคนตเล ปุณฺณจนฺโท วิย ปากโฏ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อโหสิ, โส อปฺปายุกสํวตฺตนิกสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา น จิรสฺเสว ปรินิพฺพายิ. อถสฺส ปจฺเจกพุทฺธา จ มหาชโน จ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ธาตุโย จ คเหตฺวา นครทฺวาเร ถูปํ กาเรสุํ.

สงฺโขปิ พฺราหฺมโณ ‘‘ปุตฺโต เม จิรํ คโต, ปวตฺติมสฺส ชานิสฺสามี’’ติ ตํ ทฏฺุกาโม ตกฺกสิลาโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา มหาชนกายํ สนฺนิปติตํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา อิเมสุ เอโกปิ เม ปุตฺตสฺส ปวตฺตึ ชานิสฺสตี’’ติ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สุสีโม นาม มาณโว อิธาคมิ, อปิ นุ โข ตสฺส ปวตฺตึ ชานาถา’’ติ? ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, ชานาม, อสุกสฺส พฺราหฺมณสฺส สนฺติเก ตโย เวเท สชฺฌายิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉิกตฺวา ปรินิพฺพุโต, อยมสฺส ถูโป ปติฏฺาปิโต’’ติ. โส ภูมึ หตฺเถน ปหริตฺวา โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา ตํ เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา ติณานิ อุทฺธริตฺวา อุตฺตรสาฏเกน วาลุกํ อาหริตฺวา เจติยงฺคเณ อากิริตฺวา กมณฺฑลุโต อุทเกน ปริปฺโผสิตฺวา วนปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา สาฏเกน ปฏากํ อาโรเปตฺวา ถูปสฺส อุปริ อตฺตโน ฉตฺตกํ พนฺธิตฺวา ปกฺกามิ.

สตฺถา อิทํ อตีตํ อาหริตฺวา ‘‘ตทา, ภิกฺขเว, อหํ สงฺโข พฺราหฺมโณ อโหสึ. มยา สุสีมสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส เจติยงฺคเณ ติณานิ อุทฺธฏานิ, ตสฺส เม กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺคํ วิหตขาณุกกณฺฏกํ กตฺวา สุทฺธํ สมตลํ กรึสุ. มยา ตตฺถ วาลุกา โอกิณฺณา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺเค วาลุกํ โอกิรึสุ. มยา ตตฺถ วนกุสุเมหิ ปูชา กตา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺเค นานาวณฺณานิ ปุปฺผานิ โอกิณฺณานิ, เอกโยชนฏฺาเน คงฺคาย อุทกํ ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนํ. มยา ตตฺถ กมณฺฑลุอุทเกน ภูมิ ปริปฺโผสิตา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน เวสาลิยํ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. มยา ตตฺถ ปฏากา, อาโรปิตา, ฉตฺตกฺจ พทฺธํ, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน ยาว อกนิฏฺภวนา ธชปฏากฉตฺตาติฉตฺตาทีหิ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอกุสฺสวํ วิย ชาตํ. อิติ โข, ภิกฺขเว, เอส ปูชาสกฺกาโร มยฺหํ เนว พุทฺธานุภาเวน นิพฺพตฺโต, น นาคเทวพฺรหฺมานุภาเวน, อตีเต ปน อปฺปมตฺตกปริจฺจาคานุภาเวนา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๒๙๐.

‘‘มตฺตาสุขปริจฺจาคา , ปสฺเส เจ วิปุลํ สุขํ;

จเช มตฺตาสุขํ ธีโร, สมฺปสฺสํ วิปุลํ สุข’’นฺติ.

ตตฺถ มตฺตาสุขปริจฺจาคาติ มตฺตาสุขนฺติ ปมาณยุตฺตกํ ปริตฺตสุขํ วุจฺจติ, ตสฺส ปริจฺจาเคน. วิปุลํ สุขนฺติ อุฬารํ สุขํ นิพฺพานสุขํ วุจฺจติ, ตํ เจ ปสฺเสยฺยาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกฺหิ โภชนปาตึ สชฺชาเปตฺวา ภุฺชนฺตสฺส มตฺตาสุขํ นาม อุปฺปชฺชติ, ตํ ปน ปริจฺจชิตฺวา อุโปสถํ วา กโรนฺตสฺส ทานํ วา ททนฺตสฺส วิปุลํ อุฬารํ นิพฺพานสุขํ นาม นิพฺพตฺตติ. ตสฺมา สเจ เอวํ ตสฺส มตฺตาสุขสฺส ปริจฺจาคา วิปุลํ สุขํ ปสฺสติ, อเถตํ วิปุลํ สุขํ สมฺมา ปสฺสนฺโต ปณฺฑิโต ตํ มตฺตาสุขํ จเชยฺยาติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อตฺตโนปุพฺพกมฺมวตฺถุ ปมํ.

๒. กุกฺกุฏอณฺฑขาทิกาวตฺถุ

ปรทุกฺขูปธาเนนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุกฺกุฏอณฺฑขาทิกํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร ปณฺฑุรํ นาม เอโก คาโม, ตตฺเถโก เกวฏฺโฏ วสติ. โส สาวตฺถึ คจฺฉนฺโต อจิรวติยํ กจฺฉปอณฺฑานิ ทิสฺวา ตานิ อาทาย สาวตฺถึ คนฺตฺวา เอกสฺมึ เคเห ปจาเปตฺวา ขาทนฺโต ตสฺมึ เคเห กุมาริกายปิ เอกํ อณฺฑํ อทาสิ. สา ตํ ขาทิตฺวา ตโต ปฏฺาย อฺํ ขาทนียํ นาม น อิจฺฉิ. อถสฺสา มาตา กุกฺกุฏิยา วิชาตฏฺานโต เอกํ อณฺฑํ คเหตฺวา อทาสิ. สา ตํ ขาทิตฺวา รสตณฺหาย พทฺธา ตโต ปฏฺาย สยเมว กุกฺกุฏิยา อณฺฑานิ คเหตฺวา ขาทติ. กุกฺกุฏี วิชาตวิชาตกาเล ตํ อตฺตโน อณฺฑานิ คเหตฺวา ขาทนฺตึ ทิสฺวา ตาย อุปทฺทุตา อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘อิโต ทานิ จุตา ยกฺขินี หุตฺวา ตว ชาตทารเก ขาทิตุํ สมตฺถา หุตฺวา นิพฺพตฺเตยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา กาลํ กตฺวา ตสฺมึเยว เคเห มชฺชารี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิตราปิ กาลํ กตฺวา ตตฺเถว กุกฺกุฏี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. กุกฺกุฏี อณฺฑานิ วิชายิ, มชฺชารี อาคนฺตฺวา ตานิ ขาทิตฺวา ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ขาทิเยว. กุกฺกุฏี ‘‘ตโย วาเร มม อณฺฑานิ ขาทิตฺวา อิทานิ มมฺปิ ขาทิตุกามาสิ , อิโต จุตา สปุตฺตกํ ตํ ขาทิตุํ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ตโต จุตา ทีปินี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิตราปิ กาลํ กตฺวา มิคี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺสา วิชาตกาเล ทีปินี อาคนฺตฺวา ตํ สทฺธึ ปุตฺเตหิ ขาทิ. เอวํ ขาทนฺตา ปฺจสุ อตฺตภาวสเตสุ อฺมฺสฺส ทุกฺขํ อุปฺปาเทตฺวา อวสาเน เอกา ยกฺขินี หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เอกา สาวตฺถิยํ กุลธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิโต ปรํ ‘‘น หิ เวเรน เวรานี’’ติ (ธ. ป. ๕) คาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิธ ปน สตฺถา ‘‘เวรฺหิ อเวเรน อุปสมฺมติ, โน เวเรนา’’ติ วตฺวา อุภินฺนมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๒๙๑.

‘‘ปรทุกฺขูปธาเนน, อตฺตโน สุขมิจฺฉติ;

เวรสํสคฺคสํสฏฺโ, เวรา โส น ปริมุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ ปรทุกฺขูปธาเนนาติ ปรสฺมึ ทุกฺขูปธาเนน, ปรสฺส ทุกฺขุปฺปาทเนนาติ อตฺโถ. เวรสํสคฺคสํสฏฺโติ โย ปุคฺคโล อกฺโกสนปจฺจกฺโกสนปหรณปฏิหรณาทีนํ วเสน อฺมฺํ กเตน เวรสํสคฺเคน สํสฏฺโ. เวรา โส น ปริมุจฺจตีติ นิจฺจกาลํ เวรวเสน ทุกฺขเมว ปาปุณาตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน ยกฺขินี สรเณสุ ปติฏฺาย ปฺจ สีลานิ สมาทิยิตฺวา เวรโต มุจฺจิ, อิตราปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

กุกฺกุฏอณฺฑขาทิกาวตฺถุ ทุติยํ.

๓. ภทฺทิยภิกฺขุวตฺถุ

ยฺหิกิจฺจนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ภทฺทิยํ นิสฺสาย ชาติยาวเน วิหรนฺโต ภทฺทิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร ปาทุกมณฺฑเน อุยฺยุตฺตา อเหสุํ. ยถาห – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภทฺทิยา ภิกฺขู อเนกวิหิตํ ปาทุกมณฺฑนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, ติณปาทุกํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, มุฺชปาทุกํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, ปพฺพชปาทุกํ หินฺตาลปาทุกํ กมลปาทุกํ กมฺพลปาทุกํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, ริฺจนฺติ อุทฺเทสํ ปริปุจฺฉํ อธิสีลํ อธิจิตฺตํ อธิปฺ’’นฺติ (มหาว. ๒๕๑). ภิกฺขู เตสํ ตถากรณภาวํ ชานิตฺวา อุชฺฌายิตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา เต ภิกฺขู ครหิตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺเห อฺเน กิจฺเจน อาคตา อฺสฺมึเยว กิจฺเจ อุยฺยุตฺตา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๒๙๒.

‘‘ยฺหิ กิจฺจํ อปวิทฺธํ, อกิจฺจํ ปน กรียติ;

อุนฺนฬานํ ปมตฺตานํ, เตสํ วฑฺฒนฺติ อาสวา.

๒๙๓.

‘‘เยสฺจ สุสมารทฺธา, นิจฺจํ กายคตา สติ;

อกิจฺจํ เต น เสวนฺติ, กิจฺเจ สาตจฺจการิโน;

สตานํ สมฺปชานานํ, อตฺถํ คจฺฉนฺติ อาสวา’’ติ.

ตตฺถ ยฺหิ กิจฺจนฺติ ภิกฺขุโน หิ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย อปริมาณสีลกฺขนฺธโคปนํ อรฺาวาโส ธุตงฺคปริหรณํ ภาวนารามตาติ เอวมาทีนิ กิจฺจํ นาม. อิเมหิ ปน ยํ อตฺตโน กิจฺจํ, ตํ อปวิทฺธํ ฉฑฺฑิตํ. อกิจฺจนฺติ ภิกฺขุโน ฉตฺตมณฺฑนํ อุปาหนมณฺฑนํ ปาทุกปตฺตถาลกธมฺมกรณกายพนฺธนอํสพทฺธกมณฺฑนํ อกิจฺจํ นาม. เยหิ ตํ กยิรติ, เตสํ มานนฬํ อุกฺขิปิตฺวา จรเณน อุนฺนฬานํ สติโวสฺสคฺเคน ปมตฺตานํ จตฺตาโร อาสวา วฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ. สุสมารทฺธาติ สุปคฺคหิตา. กายคตา สตีติ กายานุปสฺสนาภาวนา. อกิจฺจนฺติ เต เอตํ ฉตฺตมณฺฑนาทิกํ อกิจฺจํ น เสวนฺติ น กโรนฺตีติ อตฺโถ. กิจฺเจติ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย กตฺตพฺเพ อปริมาณสีลกฺขนฺธโคปนาทิเก กรณีเย. สาตจฺจการิโนติ สตตการิโน อฏฺิตการิโน. เตสํ สติยา อวิปฺปวาเสน สตานํ สาตฺถกสมฺปชฺํ สปฺปายสมฺปชฺํ โคจรสมฺปชฺํ อสมฺโมหสมฺปชฺนฺติ จตูหิ สมฺปชฺเหิ สมฺปชานานํ จตฺตาโรปิ อาสวา อตฺถํ คจฺฉนฺติ, ปริกฺขยํ อภาวํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ภทฺทิยวตฺถุ ตติยํ.

๔. ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ

มาตรนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ สมฺพหุลา อาคนฺตุกา ภิกฺขู สตฺถารํ ทิวาฏฺาเน นิสินฺนํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. ตสฺมึ ขเณ ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถโร ภควโต อวิทูเร อติกฺกมติ. สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ จิตฺตาจารํ ตฺวา โอโลเกตฺวา ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, อยํ ภิกฺขุ มาตาปิตโร หนฺตฺวา นิทฺทุกฺโข หุตฺวา ยาตี’’ติ วตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ ‘‘กึ นุ โข สตฺถา วทตี’’ติ อฺมฺํ มุขานิ โอโลเกตฺวา สํสยปกฺขนฺเทหิ, ‘‘ภนฺเต, กึ นาเมตํ วเทถา’’ติ วุตฺเต เตสํ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๒๙๔.

‘‘มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา, ราชาโน ทฺเว จ ขตฺติเย;

รฏฺํ สานุจรํ หนฺตฺวา, อนีโฆ ยาติ พฺราหฺมโณ’’ติ.

ตตฺถ สานุจรนฺติ อายสาธเกน อายุตฺตเกน สหิตํ. เอตฺถ หิ ‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริส’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๕๕-๕๗) วจนโต ตีสุ ภเวสุ สตฺตานํ ชนนโต ตณฺหา มาตา นาม. ‘‘อหํ อสุกสฺส นาม รฺโ วา ราชมหามตฺตสฺส วา ปุตฺโต’’ติ ปิตรํ นิสฺสาย อสฺมิมานสฺส อุปฺปชฺชนโต อสฺมิมาโน ปิตา นาม. โลโก วิย ราชานํ ยสฺมา สพฺพทิฏฺิคตานิ ทฺเว สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโย ภชนฺติ, ตสฺมา ทฺเว สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโย ทฺเว ขตฺติยราชาโน นาม. ทฺวาทสายตนานิ วิตฺถตฏฺเน รฏฺทิสตฺตา รฏฺํ นาม. อายสาธโก อายุตฺตกปุริโส วิย ตนฺนิสฺสิโต นนฺทิราโค อนุจโร นาม. อนีโฆติ นิทฺทุกฺโข. พฺราหฺมโณติ ขีณาสโว. เอเตสํ ตณฺหาทีนํ อรหตฺตมคฺคาณาสินา หตตฺตา ขีณาสโว นิทฺทุกฺโข หุตฺวา ยาตีติ อยเมตฺถตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ.

ทุติยคาถายปิ วตฺถุ ปุริมสทิสเมว. ตทา หิ สตฺถา ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรเมว อารพฺภ กเถสิ. เตสํ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๒๙๕.

‘‘มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา, ราชาโน ทฺเว จ โสตฺถิเย;

เวยคฺฆปฺจมํ หนฺตฺวา, อนีโฆ ยาติ พฺราหฺมโณ’’ติ.

ตตฺถ ทฺเว จ โสตฺถิเยติ ทฺเว จ พฺราหฺมเณ. อิมิสฺสา คาถาย สตฺถา อตฺตโน ธมฺมิสฺสรตาย จ เทสนาวิธิกุสลตาย จ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโย ทฺเว พฺราหฺมณราชาโน จ กตฺวา กเถสิ. เวยคฺฆปฺจมนฺติ เอตฺถ พฺยคฺฆานุจริโต สปฺปฏิภโย ทุปฺปฏิปนฺโน มคฺโค เวยคฺโฆ นาม, วิจิกิจฺฉานีวรณมฺปิ เตน สทิสตาย เวยคฺฆํ นาม, ตํ ปฺจมํ อสฺสาติ นีวรณปฺจกํ เวยคฺฆปฺจมํ นาม. อิทฺจ เวยคฺฆปฺจมํ อรหตฺตมคฺคาณาสินา นิสฺเสสํ หนฺตฺวา อนีโฆว ยาติ พฺราหฺมโณติ อยเมตฺถตฺโถ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.

ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. ทารุสากฏิกปุตฺตวตฺถุ

สุปฺปพุทฺธนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ทารุสากฏิกสฺส ปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.

ราชคหสฺมิฺหิ สมฺมาทิฏฺิกปุตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิกปุตฺโตติ ทฺเว ทารกา อภิกฺขณํ คุฬกีฬํ กีฬนฺติ. เตสุ สมฺมาทิฏฺิกปุตฺโต คุฬํ ขิปมาโน พุทฺธานุสฺสตึ อาวชฺเชตฺวา ‘‘นโม พุทฺธสฺสา’’ติ วตฺวา วตฺวา คุฬํ ขิปติ. อิตโร ติตฺถิยคุเณ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘นโม อรหนฺตาน’’นฺติ วตฺวา วตฺวา ขิปติ. เตสุ สมฺมาทิฏฺิกสฺส ปุตฺโต ชินาติ, อิตโร ปน ปราชยติ. โส ตสฺส กิริยํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เอวํ อนุสฺสริตฺวา เอวํ วตฺวา คุฬํ ขิปนฺโต มมํ ชินาติ, อหมฺปิ เอวรูปํ กริสฺสามี’’ติ พุทฺธานุสฺสติยํ ปริจยมกาสิ. อเถกทิวสํ ตสฺส ปิตา สกฏํ โยเชตฺวา ทารูนํ อตฺถาย คจฺฉนฺโต ตมฺปิ ทารกํ อาทาย คนฺตฺวา อฏวิยํ ทารูนํ สกฏํ ปูเรตฺวา อาคจฺฉนฺโต พหินคเร สุสานสามนฺเต อุทกผาสุกฏฺาเน โคเณ โมเจตฺวา ภตฺตวิสฺสคฺคมกาสิ. อถสฺส เต โคณา สายนฺหสมเย นครํ ปวิสนฺเตน โคคเณน สทฺธึ นครเมว ปวิสึสุ. สากฏิโกปิ โคเณ อนุพนฺธนฺโต นครํ ปวิสิตฺวา สายํ โคเณ ทิสฺวา อาทาย นิกฺขมนฺโต ทฺวารํ น สมฺปาปุณิ. ตสฺมิฺหิ อสมฺปตฺเตเยว ทฺวารํ ปิหิตํ.

อถสฺส ปุตฺโต เอกโกว รตฺติภาเค สกฏสฺส เหฏฺา นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. ราชคหํ ปน ปกติยาปิ อมนุสฺสพหุลํ. อยฺจ สุสานสนฺติเก นิปนฺโน. ตตฺถ นํ ทฺเว อมนุสฺสา ปสฺสึสุ. เอโก สาสนสฺส ปฏิกณฺฑโก มิจฺฉาทิฏฺิโก, เอโก สมฺมาทิฏฺิโก. เตสุ มิจฺฉาทิฏฺิโก อาห – ‘‘อยํ โน ภกฺโข, อิมํ ขาทิสฺสามา’’ติ. อิตโร ‘‘อลํ มา เต รุจฺจี’’ติ นิวาเรติ. โส เตน นิวาริยมาโนปิ ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา ทารกํ ปาเทสุ คเหตฺวา อากฑฺฒิ. โส พุทฺธานุสฺสติยา ปริจิตตฺตา ตสฺมึ ขเณ ‘‘นโม พุทฺธสฺสา’’ติ อาห. อมนุสฺโส มหาภยภีโต ปฏิกฺกมิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ อิตโร ‘‘อมฺเหหิ อกิจฺจํ กตํ, ทณฺฑกมฺมํ ตสฺส กโรมา’’ติ วตฺวา ตํ รกฺขมาโน อฏฺาสิ. มิจฺฉาทิฏฺิโก นครํ ปวิสิตฺวา รฺโ โภชนปาตึ ปูเรตฺวา โภชนํ อาหริ. อถ นํ อุโภปิ ตสฺส มาตาปิตโร วิย หุตฺวา อุปฏฺาเปตฺวา โภเชตฺวา ‘‘อิมานิ อกฺขรานิ ราชาว ปสฺสตุ, มา อฺโ’’ติ ตํ ปวตฺตึ ปกาเสนฺตา ยกฺขานุภาเวน โภชนปาติยํ อกฺขรานิ ฉินฺทิตฺวา ปาตึ ทารุสกเฏ ปกฺขิปิตฺวา สพฺพรตฺตึ อารกฺขํ กตฺวา ปกฺกมึสุ.

ปุนทิวเส ‘‘ราชกุลโต โจเรหิ โภชนภณฺฑํ อวหฏ’’นฺติ โกลาหลํ กโรนฺตา ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา โอโลเกนฺตา ตตฺถ อปสฺสนฺตา นครา นิกฺขมิตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺตา ทารุสกเฏ สุวณฺณปาตึ ทิสฺวา ‘‘อยํ โจโร’’ติ ตํ ทารกํ คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา อกฺขรานิ ทิสฺวา ‘‘กึ เอตํ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นาหํ , เทว, ชานามิ, มาตาปิตโร เม อาคนฺตฺวา รตฺตึ โภเชตฺวา รกฺขมานา อฏฺํสุ, อหมฺปิ มาตาปิตโร มํ รกฺขนฺตีติ นิพฺภโยว นิทฺทํ อุปคโต. เอตฺตกํ อหํ ชานามี’’ติ. อถสฺส มาตาปิตโรปิ ตํ านํ อาคมํสุ. ราชา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา เต ตโยปิ ชเน อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ อาโรเจตฺวา ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, พุทฺธานุสฺสติ เอว รกฺขา โหติ, อุทาหุ ธมฺมานุสฺสติอาทโยปี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถา, ‘‘มหาราช, น เกวลํ พุทฺธานุสฺสติเยว รกฺขา, เยสํ ปน ฉพฺพิเธน จิตฺตํ สุภาวิตํ, เตสํ อฺเน รกฺขาวรเณน วา มนฺโตสเธหิ วา กิจฺจํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ฉ านานิ ทสฺเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ.

๒๙๖.

‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;

เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, นิจฺจํ พุทฺธคตา สติ.

๒๙๗.

‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;

เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, นิจฺจํ ธมฺมคตา สติ.

๒๙๘.

‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;

เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, นิจฺจํ สงฺฆคตา สติ.

๒๙๙.

‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;

เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, นิจฺจํ กายคตา สติ.

๓๐๐.

‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;

เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, อหึสาย รโต มโน.

๓๐๑.

‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;

เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, ภาวนาย รโต มโน’’ติ.

ตตฺถ สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺตีติ พุทฺธคตํ สตึ คเหตฺวา สุปนฺตา, คเหตฺวาเยว จ ปพุชฺฌนฺตา สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ นาม. สทา โคตมสาวกาติ โคตมโคตฺตสฺส พุทฺธสฺส สวนนฺเต ชาตตฺตา ตสฺเสว อนุสาสนิยา สวนตาย โคตมสาวกา. พุทฺธคตา สตีติ เยสํ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทิปฺปเภเท พุทฺธคุเณ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานา สติ นิจฺจกาลํ อตฺถิ, เต สทาปิ สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺตีติ อตฺโถ. ตถา อสกฺโกนฺตา ปน เอกทิวสํ ตีสุ กาเลสุ ทฺวีสุ กาเลสุ เอกสฺมิมฺปิ กาเล พุทฺธานุสฺสตึ มนสิ กโรนฺตา สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติเยว นาม. ธมฺมคตา สตีติ ‘‘สฺวาขาโต ภควตา ธมฺโม’’ติอาทิปฺปเภเท ธมฺมคุเณ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานา สติ. สงฺฆคตา สตีติ ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติอาทิปฺปเภเท สงฺฆคุเณ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานา สติ. กายคตา สตีติ ทฺวตฺตึสาการวเสน วา นวสิวถิกาวเสน วา จตุธาตุววตฺถานวเสน วา อชฺฌตฺตนีลกสิณาทิรูปชฺฌานวเสน วา อุปฺปชฺชมานา สติ. อหึสาย รโตติ ‘‘โส กรุณาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติ (วิภ. ๖๔๒) เอวํ วุตฺตาย กรุณาภาวนาย รโต. ภาวนายาติ เมตฺตาภาวนาย. กิฺจาปิ เหฏฺา กรุณาภาวนาย วุตฺตตฺตา อิธ สพฺพาปิ อวเสสา ภาวนา นาม, อิธ ปน เมตฺตาภาวนาว อธิปฺเปตา. เสสํ ปมคาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

เทสนาวสาเน ทารโก สทฺธึ มาตาปิตูหิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ปจฺฉา ปน ปพฺพชิตฺวา สพฺเพปิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ทารุสากฏิกปุตฺตวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. วชฺชิปุตฺตกภิกฺขุวตฺถุ

ทุปฺปพฺพชฺชนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวสาลึ นิสฺสาย มหาวเน วิหรนฺโต อฺตรํ วชฺชิปุตฺตกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – อฺตโร วชฺชิปุตฺตโก ภิกฺขุ เวสาลิยํ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ, เตน โข ปน สมเยน เวสาลิยํ สพฺพรตฺติฉโณ โหติ. อถ โข โส ภิกฺขุ เวสาลิยา ตูริยตาฬิตวาทิตนิคฺโฆสสทฺทํ สุตฺวา ปริเทวมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘เอกกา มยํ อรฺเ วิหราม,

อปวิทฺธํว วนสฺมึ ทารุกํ;

เอตาทิสิกาย รตฺติยา,

โกสุ นามมฺเหหิ ปาปิโย’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๒๙);

โส กิร วชฺชิรฏฺเ ราชปุตฺโต วาเรน สมฺปตฺตํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต เวสาลิยํ จาตุมหาราชิเกหิ สทฺธึ เอกาพทฺธํ กตฺวา สกลนคเร ธชปฏากาทีหิ ปฏิมณฺฑิเต โกมุทิยา ปุณฺณมาย สพฺพรตฺตึ ฉณวาเร วตฺตมาเน เภริยาทีนํ ตูริยานํ ตาฬิตานํ นิคฺโฆสํ วีณาทีนฺจ วาทิตานํ สทฺทํ สุตฺวา ยานิ เวสาลิยํ สตฺต ราชสหสฺสานิ สตฺต ราชสตานิ สตฺต ราชาโน, ตตฺตกา เอว จ เนสํ อุปราชเสนาปติอาทโย, เตสุ อลงฺกตปฏิยตฺเตสุ นกฺขตฺตกีฬนตฺถาย วีถึ โอติณฺเณสุ สฏฺิหตฺเถ มหาจงฺกเม จงฺกมมาโน คคนมชฺเฌ ิตํ ปุณฺณจนฺทํ ทิสฺวา จงฺกมโกฏิยํ ผลกํ นิสฺสาย ิโต เวนาลงฺการวิรหิตตฺตา วเน ฉฑฺฑิตทารุกํ วิย อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข อฺโ อมฺเหหิ ลามกตโร’’ติ จินฺเตนฺโต ปกติยา อารฺกาทิคุณยุตฺโตปิ ตสฺมึ ขเณ อนภิรติยา ปีฬิโต เอวมาห. โส ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถาย เทวตาย ‘‘อิมํ ภิกฺขุํ สํเวเชสฺสามี’’ติ อธิปฺปาเยน –

‘‘เอกโกว ตฺวํ อรฺเ วิหรสิ, อปวิทฺธํว วนสฺมึ ทารุกํ;

ตสฺส เต พหุกา ปิหยนฺติ, เนรยิกา วิย สคฺคคามิน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๒๙) –

วุตฺตํ อิมํ คาถํ สุตฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ฆราวาสสฺส ทุกฺขตํ ปกาเสตุกาโม ปฺจ ทุกฺขานิ สโมธาเนตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๐๒.

‘‘ทุปฺปพฺพชฺชํ ทุรภิรมํ, ทุราวาสา ฆรา ทุขา;

ทุกฺโขสมานสํวาโส, ทุกฺขานุปติตทฺธคู;

ตสฺมา น จทฺธคู สิยา, น จ ทุกฺขานุปติโต สิยา’’ติ.

ตตฺถ ทุปฺปพฺพชฺชนฺติ อปฺปํ วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธฺเจว าติปริวฏฺฏฺจ ปหาย อิมสฺมึ สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชฺชํ นาม ทุกฺขํ. ทุรภิรมนฺติ เอวํ ปพฺพชิเตนาปิ ภิกฺขาจริยาย ชีวิตวุตฺตึ ฆเฏนฺเตน อปริมาณสีลกฺขนฺธโคปนธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺติปูรณวเสน อภิรมิตุํ ทุกฺขํ. ทุราวาสาติ ยสฺมา ปน ฆรํ อาวสนฺเตน ราชูนํ ราชกิจฺจํ, อิสฺสรานํ อิสฺสรกิจฺจํ วหิตพฺพํ, ปริชนา เจว ธมฺมิกา สมณพฺราหฺมณา จ สงฺคหิตพฺพา. เอวํ สนฺเตปิ ฆราวาโส ฉิทฺทฆโฏ วิย มหาสมุทฺโท วิย จ ทุปฺปูโร. ตสฺมา ฆราวาสา นาเมเต ทุราวาสา ทุกฺขา อาวสิตุํ, เตเนว การเณน ทุกฺขาติ อตฺโถ. ทุกฺโข สมานสํวาโสติ คิหิโน วา หิ เย ชาติโคตฺตกุลโภเคหิ ปพฺพชิตา วา สีลาจารพาหุสจฺจาทีหิ สมานาปิ หุตฺวา ‘‘โกสิ ตฺวํ, โกสฺมิ อห’’นฺติอาทีนิ วตฺวา อธิกรณปสุตา โหนฺติ, เต อสมานา นาม, เตหิ สทฺธึ สํวาโส ทุกฺโขติ อตฺโถ. ทุกฺขานุปติตทฺธคูติ เย วฏฺฏสงฺขาตํ อทฺธานํ ปฏิปนฺนตฺตา อทฺธคู, เต ทุกฺเข อนุปติตาว. ตสฺมา น จทฺธคูติ ยสฺมา ทุกฺขานุปติตภาโวปิ ทุกฺโข อทฺธคูภาโวปิ, ตสฺมา วฏฺฏสงฺขาตํ อทฺธานํ คมนตาย อทฺธคู น ภเวยฺย, วุตฺตปฺปกาเรน ทุกฺเขน อนุปติโตปิ น ภเวยฺยาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ ปฺจสุ าเนสุ ทสฺสิเต ทุกฺเข นิพฺพินฺทนฺโต ปฺโจรมฺภาคิยานิ ปฺจ อุทฺธมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปทาเลตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺหีติ.

วชฺชิปุตฺตกภิกฺขุวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. จิตฺตคหปติวตฺถุ

สทฺโธติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จิตฺตคหปตึ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ พาลวคฺเค ‘‘อสนฺตํ ภาวนมิจฺเฉยฺยา’’ติ คาถาวณฺณนาย วิตฺถาริตํ. คาถาปิ ตตฺเถว วุตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ตตฺถ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๗๔) –

‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เอตสฺส ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตสฺเสวายํ ลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชติ, อุทาหุ อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ‘‘อานนฺท, มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตสฺสาปิ อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺสาปิ ตสฺส อุปฺปชฺชเตว. อยฺหิ อุปาสโก สทฺโธ ปสนฺโน สมฺปนฺนสีโล, เอวรูโป ปุคฺคโล ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถวสฺส ลาภสกฺกาโร นิพฺพตฺตตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๐๓.

‘‘สทฺโธ สีเลน สมฺปนฺโน, ยโสโภคสมปฺปิโต;

ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถว ปูชิโต’’ติ. (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๗๔);

ตตฺถ สทฺโธติ โลกิยโลกุตฺตรสทฺธาย สมนฺนาคโต. สีเลนาติ อาคาริยสีลํ, อนาคาริยสีลนฺติ ทุวิธํ สีลํ. เตสุ อิธ อาคาริยสีลํ อธิปฺเปตํ, เตน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ยโสโภคสมปฺปิโตติ ยาทิโส อนาถปิณฺฑิกาทีนํ ปฺจอุปาสกสตปริวารสงฺขาโต อาคาริยยโส, ตาทิเสเนว ยเสน ธนธฺาทิโก เจว สตฺตวิธอริยธนสงฺขาโต จาติ ทุวิโธ โภโค, เตน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ยํ ยํ ปเทสนฺติ ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุ เอวรูโป กุลปุตฺโต ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺถ เอวรูเปน ลาภสกฺกาเรน ปูชิโตว โหตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

จิตฺตคหปติวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. จูฬสุภทฺทาวตฺถุ

ทูเร สนฺโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส ธีตรํ จูฬสุภทฺทํ นาม อารพฺภ กเถสิ.

อนาถปิณฺฑิกสฺส กิร ทหรกาลโต ปฏฺาย อุคฺคนครวาสี อุคฺโค นาม เสฏฺิปุตฺโต สหายโก อโหสิ. เต เอกาจริยกุเล สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺตา อฺมฺํ กติกํ กรึสุ ‘‘อมฺหากํ วยปฺปตฺตกาเล ปุตฺตธีตาสุ ชาตาสุ โย ปุตฺตสฺส ธีตรํ วาเรติ, เตน ตสฺส ธีตา ทาตพฺพา’’ติ. เต อุโภปิ วยปฺปตฺตา อตฺตโน อตฺตโน นคเร เสฏฺิฏฺาเน ปติฏฺหึสุ. อเถกสฺมึ สมเย อุคฺคเสฏฺิ วณิชฺชํ ปโยเชนฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ สาวตฺถึ อคมาสิ. อนาถปิณฺฑิโก อตฺตโน ธีตรํ จูฬสุภทฺทํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อมฺม, ปิตา เต อุคฺคเสฏฺิ นาม อาคโต, ตสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ สพฺพํ ตว ภาโร’’ติ อาณาเปสิ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตสฺส อาคตทิวสโต ปฏฺาย สหตฺเถเนว สูปพฺยฺชนาทีนิ สมฺปาเทติ, มาลาคนฺธวิเลปนาทีนิ อภิสงฺขโรติ , โภชนกาเล ตสฺส นฺหาโนทกํ ปฏิยาทาเปตฺวา นฺหานกาลโต ปฏฺาย สพฺพกิจฺจานิ สาธุกํ กโรติ.

อุคฺคเสฏฺิ ตสฺสา อาจารสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต เอกทิวสํ อนาถปิณฺฑิเกน สทฺธึ สุขกถาย สนฺนิสินฺโน ‘‘มยํ ทหรกาเล เอวํ นาม กติกํ กริมฺหา’’ติ สาเรตฺวา จูฬสุภทฺทํ อตฺตโน ปุตฺตสฺสตฺถาย วาเรสิ. โส ปน ปกติยาว มิจฺฉาทิฏฺิโก. ตสฺมา ทสพลสฺส ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา สตฺถารา อุคฺคเสฏฺิสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา อนุฺาโต ภริยาย สทฺธึ มนฺเตตฺวา ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ทิวสํ ววตฺถเปตฺวา ธีตรํ วิสาขํ ทตฺวา อุยฺโยเชนฺโต ธนฺจยเสฏฺิ วิย มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา สุภทฺทํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อมฺม, สสุรกุเล วสนฺติยา นาม อนฺโตอคฺคิ พหิ น นีหริตพฺโพ’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๕๙; ธ. ป. อฏฺ. ๑.๕๒ วิสาขาวตฺถุ) ธนฺจยเสฏฺินา วิสาขาย ทินฺนนเยเนว ทส โอวาเท ทตฺวา ‘‘สเจ เม คตฏฺาเน ธีตุ โทโส อุปฺปชฺชติ, ตุมฺเหหิ โสเธตพฺโพ’’ติ อฏฺ กุฏุมฺพิเก ปาฏิโภเค คเหตฺวา ตสฺสา อุยฺโยชนทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ปุริมภเว ธีตรา กตานํ สุจริตานํ ผลวิภูตึ โลกสฺส ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต วิย มหนฺเตน สกฺกาเรน ธีตรํ อุยฺโยเชสิ. ตสฺสา อนุปุพฺเพน อุคฺคนครํ ปตฺตกาเล สสุรกุเลน สทฺธึ มหาชโน ปจฺจุคฺคมนมกาสิ.

สาปิ อตฺตโน สิริวิภวํ ปากฏํ กาตุํ วิสาขา วิย สกลนครสฺส อตฺตานํ ทสฺเสนฺตี รเถ ตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา นาคเรหิ เปสิเต ปณฺณากาเร คเหตฺวา อนุรูปวเสน เตสํ เตสํ เปเสนฺตี สกลนครํ อตฺตโน คุเณหิ เอกาพทฺธมกาสิ. มงฺคลทิวสาทีสุ ปนสฺสา สสุโร อเจลกานํ สกฺการํ กโรนฺโต ‘‘อาคนฺตฺวา อมฺหากํ สมเณ วนฺทตู’’ติ เปเสสิ. สา ลชฺชาย นคฺเค ปสฺสิตุํ อสกฺโกนฺตี คนฺตุํ น อิจฺฉติ. โส ปุนปฺปุนํ เปเสตฺวาปิ ตาย ปฏิกฺขิตฺโต กุชฺฌิตฺวา ‘‘นีหรถ น’’นฺติ อาห. สา ‘‘น สกฺกา มม อการเณน โทสํ อาโรเปตุ’’นฺติ กุฏุมฺพิเก ปกฺโกสาเปตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เต ตสฺสา นิทฺโทสภาวํ ตฺวา เสฏฺึ สฺาเปสุํ. โส ‘‘อยํ มม สมเณ อหิริกาติ น วนฺที’’ติ ภริยาย อาโรเจสิ. สา ‘‘กีทิสา นุ โข อิมิสฺสา สมณา, อติวิย เตสํ ปสํสตี’’ติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห –

‘‘กีทิสา สมณา ตุยฺหํ, พาฬฺหํ โข เน ปสํสสิ;

กึสีลา กึสมาจารา, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิตา’’ติ. (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๒๔);

อถสฺสา สุภทฺทา พุทฺธานฺเจว พุทฺธสาวกานฺจ คุเณ ปกาเสนฺตี –

‘‘สนฺตินฺทฺริยา สนฺตมานสา, สนฺตํ เตสํ คตํ ิตํ;

โอกฺขิตฺตจกฺขู มิตภาณี, ตาทิสา สมณา มม. (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๒๔);

‘‘กายกมฺมํ สุจิ เนสํ, วาจากมฺมํ อนาวิลํ;

มโนกมฺมํ สุวิสุทฺธํ, ตาทิสา สมณา มม.

‘‘วิมลา สงฺขมุตฺตาภา, สุทฺธา อนฺตรพาหิรา;

ปุณฺณา สุทฺเธหิ ธมฺเมหิ, ตาทิสา สมณา มม.

‘‘ลาเภน อุนฺนโต โลโก, อลาเภน จ โอนโต;

ลาภาลาเภน เอกฏฺา, ตาทิสา สมณา มม.

‘‘ยเสน อุนฺนโต โลโก, อยเสน จ โอนโต;

ยสายเสน เอกฏฺา, ตาทิสา สมณา มม.

‘‘ปสํสายุนฺนโต โลโก, นินฺทายาปิ จ โอนโต;

สมา นินฺทาปสํสาสุ, ตาทิสา สมณา มม.

‘‘สุเขน อุนฺนโต โลโก, ทุกฺเขนาปิ จ โอนโต;

อกมฺปา สุขทุกฺเขสุ, ตาทิสา สมณา มมา’’ติ. –

เอวมาทีหิ วจเนหิ สสฺสุํ โตเสสิ.

อถ นํ ‘‘สกฺกา ตว สมเณ อมฺหากมฺปิ ทสฺเสตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สกฺกา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ ยถา มยํ เต ปสฺสาม, ตถา กโรหี’’ติ วุตฺเต สา ‘‘สาธู’’ติ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ สชฺเชตฺวา อุปริปาสาทตเล ตฺวา เชตวนาภิมุขี สกฺกจฺจํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา พุทฺธคุเณ อาวชฺเชตฺวา คนฺธวาสปุปฺผธุเมหิ ปูชํ กตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตมิ, อิมินา เม สฺาเณน สตฺถา นิมนฺติตภาวํ ชานาตู’’ติ สุมนปุปฺผานํ อฏฺ มุฏฺิโย อากาเส ขิปิ. ปุปฺผานิ คนฺตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส สตฺถุโน อุปริ มาลาวิตานํ หุตฺวา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ อนาถปิณฺฑิโกปิ ธมฺมกถํ สุตฺวา สฺวาตนาย สตฺถารํ นิมนฺเตสิ. สตฺถา ‘‘อธิวุตฺถํ มยา, คหปติ, สฺวาตนาย ภตฺต’’นฺติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยา ปุเรตรํ อาคโต นตฺถิ, กสฺส นุ โข โว อธิวุตฺถ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘จูฬสุภทฺทาย, คหปติ, นิมนฺติโต’’ติ วตฺวา ‘‘นนุ, ภนฺเต, จูฬสุภทฺทา ทูเร วสติ อิโต วีสติโยชนสตมตฺถเก’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม คหปติ, ทูเร วสนฺตาปิ หิ สปฺปุริสา อภิมุเข ิตา วิย ปกาเสนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๐๔.

‘‘ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ, หิมวนฺโตว ปพฺพโต;

อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตา ยถา สรา’’ติ.

ตตฺถ สนฺโตติ ราคาทีนํ สนฺตตาย พุทฺธาทโย สนฺตา นาม. อิธ ปน ปุพฺพพุทฺเธสุ กตาธิการา อุสฺสนฺนกุสลมูลา ภาวิตภาวนา สตฺตา สนฺโตติ อธิปฺเปตา. ปกาเสนฺตีติ ทูเร ิตาปิ พุทฺธานํ าณปถํ อาคจฺฉนฺตา ปากฏา โหนฺติ. หิมวนฺโต วาติ ยถา หิ ติโยชนสหสฺสวิตฺถโต ปฺจโยชนสตุพฺเพโธ จตุราสีติยา กูฏสหสฺเสหิ ปฏิมณฺฑิโต หิมวนฺตปพฺพโต ทูเร ิตานมฺปิ อภิมุเข ิโต วิย ปกาเสติ, เอวํ ปกาเสนฺตีติ อตฺโถ. อสนฺเตตฺถาติ ทิฏฺธมฺมครุกา วิติณฺณปรโลกา อามิสจกฺขุกา ชีวิกตฺถาย ปพฺพชิตา พาลปุคฺคลา อสนฺโต นาม, เต เอตฺถ พุทฺธานํ ทกฺขิณสฺส ชาณุมณฺฑลสฺส สนฺติเก นิสินฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ น ปฺายนฺติ. รตฺตึ ขิตฺตาติ รตฺตึ จตุรงฺคสมนฺนาคเต อนฺธกาเร ขิตฺตสรา วิย ตถารูปสฺส อุปนิสฺสยภูตสฺส ปุพฺพเหตุโน อภาเวน น ปฺายนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สกฺโก เทวราชา ‘‘สตฺถารา สุภทฺทาย นิมนฺตนํ อธิวาสิต’’นฺติ ตฺวา วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ อาณาเปสิ – ‘‘ปฺจ กูฏาคารสตานิ นิมฺมินิตฺวา สฺเว พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ อุคฺคนครํ เนหี’’ติ. โส ปุนทิวเส ปฺจสตานิ กูฏาคารานิ นิมฺมินิตฺวา เชตวนทฺวาเร อฏฺาสิ. สตฺถา อุจฺจินิตฺวา วิสุทฺธขีณาสวานํเยว ปฺจสตานิ อาทาย สปริวาโร กูฏาคาเรสุ นิสีทิตฺวา อุคฺคนครํ อคมาสิ. อุคฺคเสฏฺิปิ สปริวาโร สุภทฺทาย ทินฺนนเยเนว ตถาคตสฺส อาคตมคฺคํ โอโลเกนฺโต สตฺถารํ มหนฺเตน สิริวิภเวน อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส มาลาทีหิ มหนฺตํ สกฺการํ กโรนฺโต สปริวาโร สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วนฺทิตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ปุนปฺปุนํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ อทาสิ. สตฺถาปิสฺส สปฺปายํ สลฺลกฺเขตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ อาทึ กตฺวา จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. สตฺถา ‘‘จูฬสุภทฺทาย อนุคฺคหณตฺถํ ตฺวํ อิเธว โหหี’’ติ อนุรุทฺธตฺเถรํ นิวตฺตาเปตฺวา สาวตฺถิเมว อคมาสิ. ตโต ปฏฺาย ตํ นครํ สทฺธาสมฺปนฺนํ อโหสีติ.

จูฬสุภทฺทาวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. เอกวิหาริตฺเถรวตฺถุ

เอกาสนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกวิหาริตฺเถรํ นาม อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร เถโร เอกโกว เสยฺยํ กปฺเปติ, เอกโกว นิสีทติ, เอกโกว จงฺกมติ, เอกโกว ติฏฺตีติ จตุปริสนฺตเร ปากโฏ อโหสิ. อถ นํ ภิกฺขู, ‘‘ภนฺเต, เอวรูโป นามายํ เถโร’’ติ ตถาคตสฺสาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ‘‘ภิกฺขุนา นาม ปวิวิตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ วิเวเก อานิสํสํ กเถตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๐๕.

‘‘เอกาสนํ เอกเสยฺยํ, เอโก จรมตนฺทิโต;

เอโก ทมยมตฺตานํ, วนนฺเต รมิโต สิยา’’ติ.

ตตฺถ เอกาสนํ เอกเสยฺยนฺติ ภิกฺขุสหสฺสมชฺเฌปิ มูลกมฺมฏฺานํ อวิชหิตฺวา เตเนว มนสิกาเรน นิสินฺนสฺส อาสนํ เอกาสนํ นาม. โลหปาสาทสทิเสปิ จ ปาสาเท ภิกฺขุสหสฺสมชฺเฌปิ ปฺตฺเต วิจิตฺรปจฺจตฺถรณูปธาเน มหารเห สยเน สตึ อุปฏฺเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน มูลกมฺมฏฺานมนสิกาเรน นิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน เสยฺยา เอกเสยฺยา นาม. เอวรูปํ เอกาสนฺจ เอกเสยฺยฺจ ภเชถาติ อตฺโถ. อตนฺทิโตติ ชงฺฆพลํ นิสฺสาย ชีวิตกปฺปเนน อกุสีโต หุตฺวา สพฺพีริยาปเถสุ เอกโกว จรนฺโตติ อตฺโถ. เอโก ทมยนฺติ รตฺติฏฺานาทีสุ กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชิตฺวา มคฺคผลาธิคมวเสน เอโกว หุตฺวา อตฺตานํ ทเมนฺโตติ อตฺโถ. วนนฺเต รมิโต สิยาติ เอวํ อตฺตานํ ทเมนฺโต อิตฺถิปุริสสทฺทาทีหิ ปวิวิตฺเต วนนฺเตเยว อภิรมิโต ภเวยฺย. น หิ สกฺกา อากิณฺณวิหารินา เอวํ อตฺตานํ ทเมตุนฺติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. ตโต ปฏฺาย มหาชโน เอกวิหาริกเมว ปตฺเถสีติ.

เอกวิหาริตฺเถรวตฺถุ นวมํ.

ปกิณฺณกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

เอกวีสติโม วคฺโค.