📜
๒๒. นิรยวคฺโค
๑. สุนฺทรีปริพฺพาชิกาวตฺถุ
อภูตวาทีติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุนฺทรึ ปริพฺพาชิกํ อารพฺภ กเถสิ.
‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต’’ติ วตฺถุ วิตฺถารโต อุทาเน (อุทา. ๓๘) อาคตเมว. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – ภควโต กิร ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปฺจนฺนํ มหานทีนํ มโหฆสทิเส ลาภสกฺกาเร อุปฺปนฺเน หตลาภสกฺการา อฺติตฺถิยา สูริยุคฺคมนกาเล ขชฺโชปนกา วิย นิปฺปภา หุตฺวา เอกโต สนฺนิปติตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘มยํ สมณสฺส โคตมสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย หตลาภสกฺการา, น โน โกจิ อตฺถิภาวมฺปิ ชานาติ, เกน นุ โข สทฺธึ เอกโต หุตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการมสฺส อนฺตรธาเปยฺยามา’’ติ. อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘สุนฺทริยา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา สกฺกุณิสฺสามา’’ติ. เต เอกทิวสํ สุนฺทรึ ติตฺถิยารามํ ปวิสิตฺวา วนฺทิตฺวา ิตํ นาลปึสุ. สา ปุนปฺปุนํ ¶ สลฺลปนฺตีปิ ปฏิวจนํ อลภิตฺวา ‘‘อปิ ปนยฺยา, เกนจิ วิเหิตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ, ภคินิ, สมณํ โคตมํ อมฺเห วิเหเตฺวา หตลาภสกฺกาเร กตฺวา วิจรนฺตํ น ปสฺสสี’’ติ? ‘‘มยา เอตฺถ กึ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘ตฺวํ โขสิ, ภคินิ, อภิรูปา โสภคฺคปฺปตฺตา, สมณสฺส โคตมสฺส อยสํ อาโรเปตฺวา มหาชนํ ตว กถํ คาหาเปตฺวา หตลาภสกฺการํ กโรหี’’ติ. สา ตํ สุตฺวา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปกฺกนฺตา ตโต ปฏฺาย มาลาคนฺธวิเลปนกปฺปูรกฏุกผลาทีนิ คเหตฺวา สายํ มหาชนสฺส สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นครํ ปวิสนกาเล เชตวนาภิมุขี คจฺฉติ, ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ จ ปุฏฺา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามิ, อหฺหิ เตน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสามี’’ติ วตฺวา อฺตรสฺมึ ติตฺถิยาราเม วสิตฺวา ปาโตว เชตวนมคฺคํ โอตริตฺวา นคราภิมุขี อาคจฺฉนฺตี ‘‘กึ, สุนฺทริ, กหํ คตาสี’’ติ ปุฏฺา ‘‘สมเณน โคตเมน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา ตํ กิเลสรติยา รมาเปตฺวา อาคตามฺหี’’ติ วทติ.
อถ ¶ ¶ เต กติปาหจฺจเยน ¶ ธุตฺตานํ กหาปเณ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ สุนฺทรึ มาเรตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส คนฺธกุฏิยา สมีเป มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปิตฺวา เอถา’’ติ วทึสุ. เต ตถา อกํสุ. ตโต ติตฺถิยา ‘‘สุนฺทรึ น ปสฺสามา’’ติ โกลาหลํ กตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา ‘‘กหํ โว อาสงฺกา’’ติ วุตฺตา ‘‘อิเมสุ ทิวเสสุ เชตวเน วสติ, ตตฺถสฺสา ปวตฺตึ น ชานามา’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, นํ วิจินถา’’ติ รฺา อนฺุาตา อตฺตโน อุปฏฺาเก คเหตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา วิจินนฺตา มาลากจวรนฺตเร ตํ ทิสฺวา มฺจกํ อาโรเปตฺวา นครํ ปเวเสตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ‘สตฺถารา กตํ ปาปกมฺมํ ปฏิจฺฉาเทสฺสามา’ติ สุนฺทรึ มาเรตฺวา มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปึสู’’ติ รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, นครํ อาหิณฺฑถา’’ติ อาห. เต นครวีถีสุ ‘‘ปสฺสถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ปุน รฺโ นิเวสนทฺวารํ อาคมึสุ. ราชา สุนฺทริยา สรีรํ อามกสุสาเน อฏฺฏกํ อาโรเปตฺวา รกฺขาเปสิ. สาวตฺถิวาสิโน เปตฺวา อริยสาวเก เสสา เยภุยฺเยน ‘‘ปสฺสถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วตฺวา อนฺโตนคเรปิ พหินคเรปิ ภิกฺขู ¶ อกฺโกสนฺตา วิจรนฺติ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘เตน หิ ตุมฺเหปิ เต มนุสฺเส เอวํ ปฏิโจเทถา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อภูตวาที นิรยํ อุเปติ,
โย วาปิ กตฺวา น กโรมิจาห;
อุโภปิ เต เปจฺจ สมา ภวนฺติ,
นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติ.
ตตฺถ อภูตวาทีติ ปรสฺส โทสํ อทิสฺวาว มุสาวาทํ กตฺวา ตุจฺเฉน ปรํ อพฺภาจิกฺขนฺโต. กตฺวาติ โย วา ปน ปาปกมฺมํ กตฺวา ‘‘นาหํ เอตํ กโรมี’’ติ อาห. เปจฺจ สมา ภวนฺตีติ เต อุโภปิ ชนา ปรโลกํ คนฺตฺวา นิรยํ อุปคมเนน คติยา สมา ภวนฺติ. คติเยว เนสํ ปริจฺฉินฺนา, อายุ ปน เนสํ น ปริจฺฉินฺนํ. พหุกฺหิ ปาปกมฺมํ กตฺวา จิรํ นิรเย ปจฺจนฺติ, ปริตฺตํ กตฺวา อปฺปมตฺตกเมว กาลํ. ยสฺมา ปน เนสํ อุภินฺนมฺปิ ¶ ลามกเมว กมฺมํ, เตน วุตฺตํ – ‘‘นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติ. ปรตฺถาติ อิมสฺส ปน ปทสฺส ปุรโต เปจฺจปเทน สมฺพนฺโธ. เปจฺจ ปรตฺถ อิโต คนฺตฺวา เต นิหีนกมฺมา ปรโลเก สมา ภวนฺตีติ อตฺโถ. เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ราชา ‘‘สุนฺทริยา อฺเหิ มาริตภาวํ ชานาถา’’ติ ปุริเส อุยฺโยเชสิ. อถ เต ธุตฺตา เตหิ ¶ กหาปเณหิ สุรํ ปิวนฺตา อฺมฺํ กลหํ กรึสุ. เอโก เอกํ อาห – ‘‘ตฺวํ สุนฺทรึ เอกปฺปหาเรเนว มาเรตฺวา มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปิตฺวา ตโต ลทฺธกหาปเณหิ สุรํ ปิวสิ, โหตุ โหตู’’ติ. ราชปุริสา เต ธุตฺเต คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. อถ เน ราชา ‘‘ตุมฺเหหิ สา มาริตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เกหิ มาราปิตา’’ติ? ‘‘อฺติตฺถิเยหิ, เทวา’’ติ. ราชา ติตฺถิเย ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ. เต ตเถว วทึสุ. เตน หิ คจฺฉถ ตุมฺเห เอวํ วทนฺตา นครํ อาหิณฺฑถ – ‘‘อยํ สุนฺทรี สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อาโรเปตุกาเมหิ อมฺเหหิ มาราปิตา, เนว สมณสฺส โคตมสฺส, น สาวกานํ โทโส อตฺถิ, อมฺหากเมว โทโส’’ติ. เต ตถา กรึสุ. พาลมหาชโน ตทา สทฺทหิ, ติตฺถิยาปิ ธุตฺตาปิ ปุริสวธทณฺฑํ ปาปุณึสุ. ตโต ปฏฺาย พุทฺธานํ สกฺกาโร มหา อโหสีติ.
สุนฺทรีปริพฺพาชิกาวตฺถุ ปมํ.
๒. ทุจฺจริตผลปีฬิตวตฺถุ
กาสาวกณฺาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ทุจฺจริตผลานุภาเวน ปีฬิเต สตฺเต อารพฺภ กเถสิ.
อายสฺมา หิ โมคฺคลฺลาโน ลกฺขณตฺเถเรน สทฺธึ คิชฺฌกูฏา โอโรหนฺโต อฏฺิสงฺขลิกเปตาทีนํ อตฺตภาเว ทิสฺวา สิตํ กโรนฺโต ลกฺขณตฺเถเรน สิตการณํ ปุฏฺโ ‘‘อกาโล, อาวุโส, อิมสฺส ปฺหสฺส, ตถาคตสฺส สนฺติเก มํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ตถาคตสฺส สนฺติเก เถเรน ปุฏฺโ อฏฺิสงฺขลิกเปตาทีนํ ทิฏฺภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิธาหํ, อาวุโส, คิชฺฌกูฏา ปพฺพตา โอโรหนฺโต อทฺทสํ ภิกฺขุํ เวหาสํ ¶ คจฺฉนฺตํ, ตสฺส สงฺฆาฏิปิ อาทิตฺตา สมฺปชฺชลิตา สโชติภูตา…เป… กาโยปิ อาทิตฺโต’’ติอาทินา (ปารา. ๒๓๐; สํ. นิ. ๒.๒๑๘) นเยน สทฺธึ ปตฺตจีวรกายพนฺธนาทีหิ ฑยฺหมาเน ปฺจ สหธมฺมิเก อาโรเจสิ. สตฺถา เตสํ กสฺสปทสพลสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปพฺพชฺชาย อนุรูปํ กาตุํ อสกฺโกนฺตานํ ปาปภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ตสฺมึ ขเณ ตตฺถ นิสินฺนานํ พหูนํ ปาปภิกฺขูนํ ทุจฺจริตกมฺมสฺส วิปากํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กาสาวกณฺา พหโว, ปาปธมฺมา อสฺตา;
ปาปา ปาเปหิ กมฺเมหิ, นิรยํ เต อุปปชฺชเร’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ กาสาวกณฺาติ กาสาเวน ปลิเวิตกณฺา. ปาปธมฺมาติ ลามกธมฺมา. อสฺตาติ กายาทิสํยมรหิตา, ตถารูปา ปาปปุคฺคลา อตฺตนา กเตหิ อกุสลกมฺเมหิ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ, เต ตตฺถ ปจฺจิตฺวา ตโต จุตา วิปากาวเสเสน เปเตสุปิ เอวํ ปจฺจนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ทุจฺจริตผลปีฬิตวตฺถุ ทุติยํ.
๓. วคฺคุมุทาตีริยภิกฺขุวตฺถุ
เสยฺโย อโยคุโฬติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวสาลึ อุปนิสฺสาย มหาวเน วิหรนฺโต วคฺคุมุทาตีริเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปาราชิเก (ปารา. ๑๙๓ อาทโย) อาคตเมว.
ตทา หิ สตฺถา เต ภิกฺขู ‘‘กึ ปน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อุทรสฺสตฺถาย คิหีนํ อฺมฺสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสิตฺถา’’ติ วตฺวา เตหิ ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต เต ภิกฺขู อเนกปริยาเยน ครหิตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เสยฺโย ¶ อโยคุโฬ ภุตฺโต, ตตฺโต อคฺคิสิขูปโม;
ยฺเจ ภฺุเชยฺย ทุสฺสีโล, รฏฺปิณฺฑมสฺโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยฺเจ ภฺุเชยฺยาติ ยํ ทุสฺสีโล นิสฺสีลปุคฺคโล กายาทีหิ อสฺโต รฏฺวาสีหิ สทฺธาย ทินฺนํ รฏฺปิณฺฑํ ‘‘สมโณมฺหี’’ติ ปฏิชานนฺโต คเหตฺวา ภฺุเชยฺย, ตตฺโต อาทิตฺโต อคฺคิวณฺโณ อโยคุโฬว ภุตฺโต เสยฺโย สุนฺทรตโร. กึ การณา? ตปฺปจฺจยา หิ เอโกว อตฺตภาโว ฌาเยยฺย, ทุสฺสีโล ปน สทฺธาเทยฺยํ ภฺุชิตฺวา อเนกานิปิ ชาติสตานิ นิรเย ปจฺเจยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
วคฺคุมุทาตีริยภิกฺขุวตฺถุ ตติยํ.
๔. เขมกเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ
จตฺตาริ ¶ านานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส ภาคิเนยฺยํ เขมกํ นาม เสฏฺิปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร อภิรูโป อโหสิ, เยภุยฺเยน อิตฺถิโย ตํ ทิสฺวา ราคาภิภูตา สกภาเวน สณฺาตุํ นาสกฺขึสุ. โสปิ ปรทารกมฺมาภิรโตว อโหสิ. อถ นํ รตฺตึ ราชปุริสา คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา มหาเสฏฺิสฺส ลชฺชามีติ ตํ กิฺจิ อวตฺวา วิสฺสชฺชาเปสิ. โส ปน เนว วิรมิ ¶ . อถ นํ ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ราชปุริสา คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา วิสฺสชฺชาเปสิเยว. มหาเสฏฺิ, ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺส ธมฺมํ เทเสถา’’ติ อาห. สตฺถา ตสฺส สํเวคกถํ วตฺวา ปรทารเสวนาย โทสํ ทสฺเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘จตฺตาริ านานิ นโร ปมตฺโต,
อาปชฺชติ ปรทารูปเสวี;
อปฺุลาภํ น นิกามเสยฺยํ,
นินฺทํ ตตียํ นิรยํ จตุตฺถํ.
‘‘อปฺุลาโภ ¶ จ คตี จ ปาปิกา,
ภีตสฺส ภีตาย รตี จ โถกิกา;
ราชา จ ทณฺฑํ ครุกํ ปเณติ,
ตสฺมา นโร ปรทารํ น เสเว’’ติ.
ตตฺถ านานีติ ทุกฺขการณานิ. ปมตฺโตติ สติโวสฺสคฺเคน สมนฺนาคโต. อาปชฺชตีติ ปาปุณาติ. ปรทารูปเสวีติ ปรทารํ อุปเสวนฺโต อุปฺปถจารี. อปฺุลาภนฺติ อกุสลลาภํ. น นิกามเสยฺยนฺติ ยถา อิจฺฉติ, เอวํ เสยฺยํ อลภิตฺวา อนิจฺฉิตํ ปริตฺตกเมว กาลํ เสยฺยํ ลภติ. อปฺุลาโภ จาติ เอวํ ตสฺส อยฺจ อปฺุลาโภ, เตน จ อปฺุเน นิรยสงฺขาตา ปาปิกา คติ โหติ. รตี จ โถกิกาติ ยา ตสฺส ภีตสฺส ภีตาย อิตฺถิยา สทฺธึ รติ, สาปิ โถกิกา ปริตฺตา โหติ. ครุกนฺติ ราชา จ หตฺถจฺเฉทาทิวเสน ครุกํ ทณฺฑํ ¶ ปเณติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปรทารํ เสวนฺโต เอตานิ อปฺุาทีนิ ปาปุณาติ, ตสฺมา ปรทารํ น เสเวยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ เขมโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตโต ปฏฺาย มหาชโน สุขํ วีตินาเมสิ. กึ ปนสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ? โส กิร กสฺสปพุทฺธกาเล อุตฺตมมลฺโล หุตฺวา ทฺเว สุวณฺณปฏากา ทสพลสฺส กฺจนถูเป อาโรเปตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ ‘‘เปตฺวา าติสาโลหิติตฺถิโย อวเสสา มํ ทิสฺวา รชฺชนฺตู’’ติ. อิทมสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ. เตน ตํ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ทิสฺวา ปเรสํ อิตฺถิโย สกภาเวน สณฺาตุํ นาสกฺขึสูติ.
เขมกเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. ทุพฺพจภิกฺขุวตฺถุ
กุโส ยถาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร ภิกฺขุ อสฺจิจฺจ เอกํ ติณํ ฉินฺทิตฺวา กุกฺกุจฺเจ อุปฺปนฺเน เอกํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อาวุโส, โย ติณํ ฉินฺทติ, ตสฺส กึ โหตี’’ติ ตํ อตฺตนา กตภาวํ อาโรเจตฺวา ปุจฺฉิ. อถ นํ อิตโร ‘‘ตฺวํ ¶ ติณสฺส ฉินฺนการณา กิฺจิ โหตีติ สฺํ กโรสิ, น เอตฺถ กิฺจิ โหติ, เทเสตฺวา ปน มุจฺจตี’’ติ วตฺวา สยมฺปิ ¶ อุโภหิ หตฺเถหิ ติณํ ลฺุจิตฺวา อคฺคเหสิ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ อเนกปริยาเยน วิครหิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘กุโส ยถา ทุคฺคหิโต, หตฺถเมวานุกนฺตติ;
สามฺํ ทุปฺปรามฏฺํ, นิรยายุปกฑฺฒติ.
‘‘ยํ กิฺจิ สิถิลํ กมฺมํ, สํกิลิฏฺฺจ ยํ วตํ;
สงฺกสฺสรํ พฺรหฺมจริยํ, น ตํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘กยิรา ¶ เจ กยิราเถนํ, ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเม;
สิถิโล หิ ปริพฺพาโช, ภิยฺโย อากิรเต รช’’นฺติ.
ตตฺถ กุโสติ ยํ กิฺจิ ติขิณธารํ ติณํ อนฺตมโส ตาลปณฺณมฺปิ, ยถา โส กุโส เยน ทุคฺคหิโต, ตสฺส หตฺถํ อนุกนฺตติ ผาเลติ, เอวเมว สมณธมฺมสงฺขาตํ สามฺมฺปิ ขณฺฑสีลาทิตาย ทุปฺปรามฏฺํ นิรยายุปกฑฺฒติ, นิรเย นิพฺพตฺตาเปตีติ อตฺโถ. สิถิลนฺติ โอลียิตฺวา กรเณน สิถิลคาหํ กตฺวา กตํ ยํกิฺจิ กมฺมํ. สํกิลิฏฺนฺติ ¶ เวสิยาทิเกสุ อโคจเรสุ จรเณน สํกิลิฏฺํ. สงฺกสฺสรนฺติ สงฺกาหิ สริตพฺพํ, อุโปสถกิจฺจาทีสุ อฺตรกิจฺเจน สนฺนิปติตมฺปิ สงฺฆํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา อิเม มม จริยํ ตฺวา มํ อุกฺขิปิตุกามาว สนฺนิปติตา’’ติ เอวํ อตฺตโน อาสงฺกาหิ สริตํ อุสฺสงฺกิตํ ปริสงฺกิตํ. น ตํ โหตีติ ตํ เอวรูปํ สมณธมฺมสงฺขาตํ พฺรหฺมจริยํ ตสฺส ปุคฺคลสฺส มหปฺผลํ น โหติ, ตสฺส มหปฺผลาภาเวเนว ภิกฺขทายกานมฺปิสฺส น มหปฺผลํ โหตีติ อตฺโถ. กยิรา เจติ ตสฺมา ยํ กมฺมํ กเรยฺย, ตํ กเรยฺยาเถว. ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเมติ ถิรกตเมว กตฺวา อวตฺตสมาทาโน หุตฺวา เอนํ กยิรา. ปริพฺพาโชติ สิถิลภาเวน กโต ขณฺฑาทิภาวปฺปตฺโต สมณธมฺโม. ภิยฺโย อากิรเต รชนฺติ อพฺภนฺตเร วิชฺชมานํ ราครชาทึ เอวรูโป สมณธมฺโม อปเนตุํ น สกฺโกติ, อถ โข ตสฺส อุปริ อปรมฺปิ ราครชาทึ อากิรตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ, โสปิ ภิกฺขุ สํวเร ตฺวา ปจฺฉา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณีติ.
ทุพฺพจภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. อิสฺสาปกติตฺถิวตฺถุ
อกตนฺติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อิสฺสาปกตํ อิตฺถึ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺสา กิร สามิโก เอกาย เคหทาสิยา สทฺธึ สนฺถวํ อกาสิ. สา อิสฺสาปกตา ตํ ทาสึ หตฺถปาเทสุ พนฺธิตฺวา ตสฺสา กณฺณนาสํ ฉินฺทิตฺวา เอกสฺมึ คุฬฺหคพฺเภ ปกฺขิปิตฺวา ทฺวารํ ปิทหิตฺวา ตสฺส กมฺมสฺส อตฺตนา กตภาวํ ปฏิจฺฉาเทตุํ ‘‘เอหิ, อยฺย, วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ ¶ สุณิสฺสามา’’ติ สามิกํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺตี นิสีทิ. อถสฺสา อาคนฺตุกาตกา เคหํ อาคนฺตฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ทาสึ โมจยึสุ. สา วิหารํ คนฺตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ิตา ตมตฺถํ ทสพลสฺส อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ทุจฺจริตํ นาม ‘อิทํ เม อฺเ น ชานนฺตี’ติ อปฺปมตฺตกมฺปิ น กาตพฺพํ, อฺสฺมึ อชานนฺเตปิ สุจริตเมว กาตพฺพํ. ปฏิจฺฉาเทตฺวา กตมฺปิ หิ ทุจฺจริตํ นาม ปจฺฉานุตาปํ กโรติ, สุจริตํ ปาโมชฺชเมว ชเนตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อกตํ ทุกฺกฏํ เสยฺโย, ปจฺฉา ตปฺปติ ทุกฺกฏํ;
กตฺจ สุกตํ เสยฺโย, ยํ กตฺวา นานุตปฺปตี’’ติ.
ตตฺถ ทุกฺกฏนฺติ สาวชฺชํ อปายสํวตฺตนิกํ กมฺมํ อกตเมว เสยฺโย วรํ อุตฺตมํ. ปจฺฉา ตปฺปตีติ ¶ ตฺหิ อนุสฺสริตานุสฺสริตกาเล ตปฺปติเยว. สุกตนฺติ อนวชฺชํ ปน สุขทายกํ สุคติสํวตฺตนิกเมว กมฺมํ กตํ เสยฺโย. ยํ กตฺวาติ ยํ กมฺมํ กตฺวา ปจฺฉา อนุสฺสรณกาเล น ตปฺปติ นานุตปฺปติ, โสมนสฺสชาโตว โหติ, ตํ กมฺมํ วรนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน อุปาสโก จ สา จ อิตฺถี โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ตฺจ ปน ทาสึ ตตฺเถว ภุชิสฺสํ กตฺวา ธมฺมจารินึ กรึสูติ.
อิสฺสาปกติตฺถิวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ
นครํ ¶ ยถาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล อาคนฺตุเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร เอกสฺมึ ปจฺจนฺเต วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปมมาเส สุขํ วิหรึสุ. มชฺฌิมมาเส โจรา อาคนฺตฺวา เตสํ โคจรคามํ ปหริตฺวา กรมเร คเหตฺวา อคมํสุ. ตโต ปฏฺาย มนุสฺสา โจรานํ ปฏิพาหนตฺถาย ตํ ปจฺจนฺตนครํ อภิสงฺขโรนฺตา เต ภิกฺขู สกฺกจฺจํ อุปฏฺาตุํ โอกาสํ น ลภึสุ. เต อผาสุกํ วสฺสํ วสิตฺวา วุตฺถวสฺสา สตฺถุ ทสฺสนาย สาวตฺถึ ¶ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ กตปฏิสนฺถาโร ‘‘กึ, ภิกฺขเว ¶ , สุขํ วสิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยํ ปมมาสเมว สุขํ วสิมฺหา, มชฺฌิมมาเส โจรา คามํ ปหรึสุ, ตโต ปฏฺาย มนุสฺสา นครํ อภิสงฺขโรนฺตา สกฺกจฺจํ อุปฏฺาตุํ โอกาสํ น ลภึสุ. ตสฺมา อผาสุกํ วสฺสํ วสิมฺหา’’ติ วุตฺเต ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา จินฺตยิตฺถ, ผาสุวิหาโร นาม นิจฺจกาลํ ทุลฺลโภ, ภิกฺขุนา นาม ยถา เต มนุสฺสา นครํ โคปยึสุ, เอวํ อตฺตภาวเมว โคปยิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘นครํ ยถา ปจฺจนฺตํ, คุตฺตํ สนฺตรพาหิรํ;
เอวํ โคเปถ อตฺตานํ, ขโณ โว มา อุปจฺจคา;
ขณาตีตา หิ โสจนฺติ, นิรยมฺหิ สมปฺปิตา’’ติ.
ตตฺถ สนฺตรพาหิรนฺติ, ภิกฺขเว, ยถา เตหิ มนุสฺเสหิ ตํ ปจฺจนฺตนครํ ทฺวารปาการาทีนิ ถิรานิ กโรนฺเตหิ สอนฺตรํ, อฏฺฏาลกปริขาทีนิ ถิรานิ กโรนฺเตหิ สพาหิรนฺติ สนฺตรพาหิรํ สุคุตฺตํ กตํ, เอวํ ตุมฺเหปิ สตึ อุปฏฺเปตฺวา อชฺฌตฺติกานิ ฉ ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา ทฺวารรกฺขิกํ สตึ อวิสฺสชฺเชตฺวา ยถา คยฺหมานานิ พาหิรานิ ฉ อายตนานิ อชฺฌตฺติกานํ อุปฆาตาย สํวตฺตนฺติ, ตถา อคฺคหเณน ตานิปิ ถิรานิ กตฺวา ¶ เตสํ อปฺปเวสาย ทฺวารรกฺขิกํ สตึ อปฺปหาย วิจรนฺตา อตฺตานํ โคเปถาติ อตฺโถ. ขโณ โว มา อุปจฺจคาติ โย หิ เอวํ อตฺตานํ น โคเปติ, ตํ ปุคฺคลํ อยํ พุทฺธุปฺปาทขโณ มชฺฌิมเทเส อุปฺปตฺติขโณ สมฺมาทิฏฺิยา ปฏิลทฺธขโณ ฉนฺนํ อายตนานํ อเวกลฺลขโณติ สพฺโพปิ อยํ ขโณ ¶ อติกฺกมติ, โส ขโณ ตุมฺเห มา อติกฺกมตุ. ขณาตีตาติ เย หิ ตํ ขณํ อตีตา, เต จ ปุคฺคเล โส จ ขโณ อตีโต, เต นิรยมฺหิ สมปฺปิตา หุตฺวา ตตฺถ นิพฺพตฺติตฺวา โสจนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อุปฺปนฺนสํเวคา อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. นิคณฺวตฺถุ
อลชฺชิตาเยติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต นิคณฺเ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ¶ ทิวเส ภิกฺขู นิคณฺเ ทิสฺวา กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, สพฺพโส อปฺปฏิจฺฉนฺเนหิ อเจลเกหิ อิเม นิคณฺา วรตรา, เย เอกํ ปุริมปสฺสมฺปิ ตาว ปฏิจฺฉาเทนฺติ, สหิริกา มฺเ เอเต’’ติ. ตํ สุตฺวา นิคณฺา ‘‘น มยํ เอเตน การเณน ปฏิจฺฉาเทม, ปํสุรชาทโย ¶ ปน ปุคฺคลา เอว, ชีวิตินฺทฺริยปฏิพทฺธา เอว, เต โน ภิกฺขาภาชเนสุ มา ปตึสูติ อิมินา การเณน ปฏิจฺฉาเทมา’’ติ วตฺวา เตหิ สทฺธึ วาทปฏิวาทวเสน พหุํ กถํ กเถสุํ. ภิกฺขู สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา นิสินฺนกาเล ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, อลชฺชิตพฺเพน ลชฺชิตฺวา ลชฺชิตพฺเพน อลชฺชมานา นาม ทุคฺคติปรายณาว โหนฺตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อลชฺชิตาเย ลชฺชนฺติ, ลชฺชิตาเย น ลชฺชเร;
มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคตึ.
‘‘อภเย ภยทสฺสิโน, ภเย จาภยทสฺสิโน;
มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคติ’’นฺติ.
ตตฺถ อลชฺชิตาเยติ อลชฺชิตพฺเพน. ภิกฺขาภาชนฺหิ อลชฺชิตพฺพํ นาม, เต ปน ตํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา วิจรนฺตา เตน ลชฺชนฺติ นาม. ลชฺชิตาเยติ อปฏิจฺฉนฺเนน หิริโกปีนงฺเคน ลชฺชิตพฺเพน. เต ปน ตํ อปฏิจฺฉาเทตฺวา วิจรนฺตา ¶ ลชฺชิตาเย น ลชฺชนฺติ นาม. เตน เตสํ อลชฺชิตพฺเพน ¶ ลชฺชิตํ ลชฺชิตพฺเพน อลชฺชิตํ ตุจฺฉคหณภาเวน จ อฺถาคหณภาเวน จ มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ. ตํ สมาทิยิตฺวา วิจรนฺตา ปน เต มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา สตฺตา นิรยาทิเภทํ ทุคฺคตึ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. อภเยติ ภิกฺขาภาชนํ นิสฺสาย ราคโทสโมหมานทิฏฺิกิเลสทุจฺจริตภยานํ อนุปฺปชฺชนโต ภิกฺขาภาชนํ อภยํ นาม, ภเยน ตํ ปฏิจฺฉาเทนฺตา ปน อภเย ภยทสฺสิโน นาม. หิริโกปีนงฺคํ ปน นิสฺสาย ราคาทีนํ อุปฺปชฺชนโต ตํ ภยํ นาม, ตสฺส อปฏิจฺฉาทเนน ภเย จาภยทสฺสิโน. ตสฺส ตํ อยถาคหณสฺส สมาทินฺนตฺตา มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา สตฺตา ทุคฺคหึ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู นิคณฺา สํวิคฺคมานสา ปพฺพชึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
นิคณฺวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. ติตฺถิยสาวกวตฺถุ
อวชฺเชติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติตฺถิยสาวเก อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย อฺติตฺถิยสาวกา อตฺตโน ปุตฺเต สมฺมาทิฏฺิกานํ อุปาสกานํ ปุตฺเตหิ สทฺธึ สปริวาเร กีฬมาเน ทิสฺวา เคหํ อาคตกาเล ‘‘น โว สมณา สกฺยปุตฺติยา วนฺทิตพฺพา, นาปิ เตสํ วิหารํ ปวิสิตพฺพ’’นฺติ สปถํ การยึสุ. เต เอกทิวสํ เชตวนวิหารสฺส พหิทฺวารโกฏฺกสามนฺเต กีฬนฺตา ปิปาสิตา อเหสุํ. อเถกํ อุปาสกทารกํ ‘‘ตฺวํ เอตฺถ คนฺตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา อมฺหากมฺปิ อาหราหี’’ติ ปหิณึสุ. โส วิหารํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ตฺวเมว ปานียํ ปิวิตฺวา คนฺตฺวา อิตเรปิ ปานียปิวนตฺถาย อิเธว เปเสหี’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ. เต อาคนฺตฺวา ปานียํ ปิวึสุ. สตฺถา เต ปกฺโกสาเปตฺวา เตสํ สปฺปายํ ธมฺมกถํ กเถตฺวา เต อจลสทฺเธ กตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปสิ. เต สกานิ เคหานิ คนฺตฺวา ตมตฺถํ มาตาปิตูนํ อาโรเจสุํ ¶ ¶ . อถ เนสํ มาตาปิตโร ‘‘ปุตฺตกา โน วิปนฺนทิฏฺิกา ชาตา’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺตา ปริเทวึสุ. อถ เตสํ เฉกา สมฺพหุลา ปฏิวิสฺสกา มนุสฺสา อาคนฺตฺวา โทมนสฺสวูปสมนตฺถาย ธมฺมํ กถยึสุ. เต เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิเม ทารเก สมณสฺส โคตมสฺเสว นิยฺยาเทสฺสามา’’ติ มหนฺเตน าติคเณน สทฺธึ วิหารํ นยึสุ. สตฺถา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อวชฺเช วชฺชมติโน, วชฺเช จาวชฺชทสฺสิโน;
มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคตึ.
‘‘วชฺชฺจ วชฺชโต ตฺวา, อวชฺชฺจ อวชฺชโต;
สมฺมาทิฏฺิสมาทานา, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคติ’’นฺติ.
ตตฺถ อวชฺเชติ ทสวตฺถุกาย สมฺมาทิฏฺิยา, ตสฺสา อุปนิสฺสยภูเต ธมฺเม จ. วชฺชมติโนติ วชฺชํ อิทนฺติ อุปฺปนฺนมติโน. ทสวตฺถุกาย มิจฺฉาทิฏฺิยา ปน ตสฺสา อุปนิสฺสยภูเต ธมฺเม จ อวชฺชทสฺสิโน, เอติสฺสา อวชฺชํ วชฺชโต วชฺชฺจ อวชฺชโต ตฺวา ¶ คหณสงฺขาตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา สมาทินฺนตฺตา มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา สตฺตา ทุคฺคตึ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ทุติยคาถาย วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เทสนาวสาเน ¶ สพฺเพปิ เต ตีสุ สรเณสุ ปติฏฺาย อปราปรํ ธมฺมํ สุณนฺตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.
ติตฺถิยสาวกวตฺถุ นวมํ.
นิรยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ทฺวาวีสติโม วคฺโค.