📜
๒๓. นาควคฺโค
๑. อตฺตทนฺตวตฺถุ
อหํ ¶ ¶ ¶ นาโค วาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โกสมฺพิยํ วิหรนฺโต อตฺตานํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อปฺปมาทวคฺคสฺส อาทิคาถาวณฺณนาย วิตฺถาริตเมว. วุตฺตฺเหตํ ตตฺถ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.สามาวติวตฺถุ) –
มาคณฺฑิยา ตาสํ กิฺจิ กาตุํ อสกฺกุณิตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺเสว กตฺตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ นาครานํ ลฺชํ ทตฺวา ‘‘สมณํ โคตมํ อนฺโตนครํ ปวิสิตฺวา จรนฺตํ ทาสกมฺมกรโปริเสหิ สทฺธึ อกฺโกเสตฺวา ปริภาเสตฺวา ปลาเปถา’’ติ อาณาเปสิ. มิจฺฉาทิฏฺิกา ตีสุ รตเนสุ อปฺปสนฺนา อนฺโตนครํ ปวิฏฺํ สตฺถารํ อนุพนฺธิตฺวา ‘‘โจโรสิ พาโลสิ มูฬฺโหสิ เถโนสิ โอฏฺโสิ โคโณสิ คทฺรโภสิ เนรยิโกสิ ติรจฺฉานคโตสิ, นตฺถิ ตุยฺหํ ¶ สุคติ, ทุคฺคติเยว ตุยฺหํ ปาฏิกงฺขา’’ติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ. ตํ สุตฺวา อายสฺมา อานนฺโท สตฺถารํ เอตทโวจ – ‘‘ภนฺเต, อิเม นาครา อมฺเห อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ, อิโต อฺตฺถ คจฺฉามา’’ติ. ‘‘กุหึ, อานนฺทา’’ติ? ‘‘อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตตฺถ มนุสฺเสสุ อกฺโกสนฺเตสุ ปริภาสนฺเตสุ ปุน กตฺถ คมิสฺสามานนฺทา’’ติ. ‘‘ตโตปิ อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตตฺถ มนุสฺเสสุ อกฺโกสนฺเตสุ ปริภาสนฺเตสุ กุหึ คมิสฺสามานนฺทา’’ติ. ‘‘ตโตปิ อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อานนฺท, น เอวํ กาตุํ วฏฺฏติ, ยตฺถ อธิกรณํ อุปฺปนฺนํ, ตตฺเถว ตสฺมึ วูปสนฺเต อฺตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏติ, เก ปน เต, อานนฺท, อกฺโกสนฺตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ทาสกมฺมกเร อุปาทาย สพฺเพ อกฺโกสนฺตี’’ติ. ‘‘อหํ, อานนฺท, สงฺคามํ โอติณฺณหตฺถิสทิโส. สงฺคามํ โอติณฺณหตฺถิโน หิ จตูหิ ทิสาหิ อาคเต สเร สหิตุํ ภาโร, ตเถว พหูหิ ทุสฺสีเลหิ กถิตกถานํ สหนํ นาม ¶ มยฺหํ ภาโร’’ติ วตฺวา อตฺตานํ อารพฺภ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อหํ นาโคว สงฺคาเม, จาปโต ปติตํ สรํ;
อติวากฺยํ ติติกฺขิสฺสํ, ทุสฺสีโล หิ พหุชฺชโน.
‘‘ทนฺตํ ¶ ¶ นยนฺติ สมิตึ, ทนฺตํ ราชาภิรูหติ;
ทนฺโต เสฏฺโ มนุสฺเสสุ, โยติวากฺยํ ติติกฺขติ.
‘‘วรมสฺสตรา ทนฺตา, อาชานียา จ สินฺธวา;
กฺุชรา จ มหานาคา, อตฺตทนฺโต ตโต วร’’นฺติ.
ตตฺถ นาโควาติ หตฺถี วิย. จาปโต ปติตนฺติ ธนุโต มุตฺตํ. อติวากฺยนฺติ อฏฺอนริยโวหารวเสน ปวตฺตํ วีติกฺกมวจนํ. ติติกฺขิสฺสนฺติ ยถา สงฺคามาวจโร สุทนฺโต มหานาโค ขโม สตฺติปหาราทีนิ จาปโต มุจฺจิตฺวา อตฺตนิ ปติเต สเร อวิหฺมาโน ติติกฺขติ, เอวเมว เอวรูปํ อติวากฺยํ ติติกฺขิสฺสํ, สหิสฺสามีติ อตฺโถ. ทุสฺสีโล หีติ อยฺหิ โลกิยมหาชโน พหุทุสฺสีโล อตฺตโน อตฺตโน รุจิวเสน วาจํ นิจฺฉาเรตฺวา ฆฏฺเฏนฺโต จรติ, ตตฺถ อธิวาสนํ อชฺฌุเปกฺขนเมว มม ภาโร. สมิตินฺติ อุยฺยานกีฬมณฺฑลาทีสุ มหาชนมชฺฌํ คจฺฉนฺตา ¶ ทนฺตเมว โคณชาตึ วา อสฺสชาตึ วา ยาเน โยเชตฺวา นยนฺติ. ราชาติ ตถารูเปเหว วาหเนหิ คจฺฉนฺโต ราชาปิ ทนฺตเมว อภิรูหติ. มนุสฺเสสูติ มนุสฺเสสุปิ จตูหิ อริยมคฺเคหิ ทนฺโต นิพฺพิเสวโนว เสฏฺโ. โยติวากฺยนฺติ โย เอวรูปํ อติกฺกมวจนํ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานมฺปิ ติติกฺขติ น ปฏิปฺผรติ น วิหฺติ, เอวรูโป ทนฺโต เสฏฺโติ อตฺโถ.
อสฺสตราติ วฬวาย คทฺรเภน ชาตา. อาชานียาติ ยํ อสฺสทมสารถิ การณํ กาเรติ, ตสฺส ขิปฺปํ ชานนสมตฺถา. สินฺธวาติ สินฺธวรฏฺเ ชาตา อสฺสา. มหานาคาติ กฺุชรสงฺขาตา มหาหตฺถิโน. อตฺตทนฺโตติ เอเต อสฺสตรา จ สินฺธวา จ กฺุชรา จ ทนฺตาว วรํ, น อทนฺตา. โย ปน จตูหิ อริยมคฺเคหิ อตฺตโน ทนฺตตาย อตฺตทนฺโต นิพฺพิเสวโน, อยํ ตโตปิ วรํ, สพฺเพหิปิ เอเตหิ อุตฺตริตโรติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ลฺชํ คเหตฺวา วีถิสิงฺฆาฏกาทีสุ ตฺวา ¶ อกฺโกสนฺโต ปริภาสนฺโต สพฺโพปิ โส มหาชโน โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณีติ.
อตฺตทนฺตวตฺถุ ปมํ.
๒. หตฺถาจริยปุพฺพกภิกฺขุวตฺถุ
น ¶ ¶ หิ เอเตหีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ หตฺถาจริยปุพฺพกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เอกทิวสํ อจิรวตีนทีตีเร หตฺถิทมกํ ‘‘เอกํ หตฺถึ ทเมสฺสามี’’ติ อตฺตนา อิจฺฉิตํ การณํ สิกฺขาเปตุํ อสกฺโกนฺตํ ทิสฺวา สมีเป ิเต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา อาห – ‘‘อาวุโส, สเจ อยํ หตฺถาจริโย อิมํ หตฺถึ อสุกฏฺาเน นาม วิชฺเฌยฺย, ขิปฺปเมว อิมํ การณํ สิกฺขาเปยฺยา’’ติ. โส ตสฺส กถํ สุตฺวา ตถา กตฺวา ตํ หตฺถึ สุทนฺตํ ทเมสิ. เต ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตยา เอวํ วุตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต วิครหิตฺวา ‘‘กึ เต, โมฆปุริส, หตฺถิยาเนน วา อฺเน วา ทนฺเตน. น หิ เอเตหิ ยาเนหิ อคตปุพฺพํ านํ คนฺตุํ สมตฺถา ¶ นาม อตฺถิ, อตฺตนา ปน สุทนฺเตน สกฺกา อคตปุพฺพํ านํ คนฺตุํ, ตสฺมา อตฺตานเมว ทเมหิ, กึ เต เอเตสํ ทมเนนา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น หิ เอเตหิ ยาเนหิ, คจฺเฉยฺย อคตํ ทิสํ;
ยถาตฺตนา สุทนฺเตน, ทนฺโต ทนฺเตน คจฺฉตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ยานิ ตานิ หตฺถิยานาทีนิ ยานานิ, น หิ เอเตหิ ยาเนหิ โกจิ ปุคฺคโล สุปินนฺเตนปิ อคตปุพฺพตฺตา ‘‘อคต’’นฺติ สงฺขาตํ นิพฺพานทิสํ ตถา คจฺเฉยฺย, ยถา ปุพฺพภาเค อินฺทฺริยทเมน อปรภาเค อริยมคฺคภาวนาย สุทนฺเตน ทนฺโต นิพฺพิเสวโน สปฺปฺโ ปุคฺคโล ตํ อคตปุพฺพํ ทิสํ คจฺฉติ, ทนฺตภูมึ ปาปุณาติ. ตสฺมา อตฺตทมนเมว ตโต วรนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
หตฺถาจริยปุพฺพกภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ปริชิณฺณพฺราหฺมณปุตฺตวตฺถุ
ธนปาโลติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อฺตรสฺส ปริชิณฺณพฺราหฺมณสฺส ปุตฺเต อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรโก พฺราหฺมโณ อฏฺสตสหสฺสวิภโว วยปฺปตฺตานํ จตุนฺนํ ปุตฺตานํ อาวาหํ กตฺวา จตฺตาริ สตสหสฺสานิ อทาสิ. อถสฺส พฺราหฺมณิยา กาลกตาย ปุตฺตา สมฺมนฺตยึสุ – ‘‘สเจ อยํ อฺํ พฺราหฺมณึ อาเนสฺสติ, ตสฺสา กุจฺฉิยํ นิพฺพตฺตานํ วเสน กุลสนฺตกํ ภิชฺชิสฺสติ, หนฺท นํ มยํ สงฺคณฺหิสฺสามา’’ติ เต ตํ ปณีเตหิ ฆาสจฺฉาทนาทีหิ อุปฏฺหนฺตา หตฺถปาทสมฺพาหนาทีนิ กโรนฺตา อุปฏฺหิตฺวา เอกทิวสมสฺส ทิวา นิทฺทายิตฺวา วุฏฺิตสฺส หตฺถปาเท สมฺพาหนฺตา ปาฏิเยกฺกํ ฆราวาเส อาทีนวํ วตฺวา ‘‘มยํ ตุมฺเห อิมินา นีหาเรน ยาวชีวํ อุปฏฺหิสฺสาม, เสสธนมฺปิ โน เทถา’’ติ ยาจึสุ. พฺราหฺมโณ ปุน เอเกกสฺส สตสหสฺสํ ทตฺวา อตฺตโน นิวตฺถปารุปนมตฺตํ เปตฺวา สพฺพํ อุปโภคปริโภคํ จตฺตาโร โกฏฺาเส กตฺวา นิยฺยาเทสิ. ตํ เชฏฺปุตฺโต กติปาหํ อุปฏฺหิ. อถ นํ เอกทิวสํ นฺหตฺวา อาคจฺฉนฺตํ ทฺวารโกฏฺเก ¶ ตฺวา สุณฺหา เอวมาห – ‘‘กึ ตยา เชฏฺปุตฺตสฺส สตํ วา สหสฺสํ วา อติเรกํ ทินฺนํ อตฺถิ, นนุ สพฺเพสํ ทฺเว ทฺเว สตสหสฺสานิ ทินฺนานิ, กึ เสสปุตฺตานํ ฆรสฺส มคฺคํ น ชานาสี’’ติ. โสปิ ‘‘นสฺส วสลี’’ติ กุชฺฌิตฺวา อฺสฺส ฆรํ อคมาสิ. ตโตปิ กติปาหจฺจเยน อิมินาว อุปาเยน ปลาปิโต อฺสฺสาติ เอวํ เอกฆรมฺปิ ปเวสนํ อลภมาโน ปณฺฑรงฺคปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ภิกฺขาย จรนฺโต กาลานมจฺจเยน ชราชิณฺโณ ทุพฺโภชนทุกฺขเสยฺยาหิ มิลาตสรีโร ภิกฺขาย จรนฺโต อาคมฺม ปีิกาย นิปนฺโน นิทฺทํ โอกฺกมิตฺวา อุฏฺาย นิสินฺโน อตฺตานํ โอโลเกตฺวา ปุตฺเตสุ อตฺตโน ปติฏฺํ อปสฺสนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ กิร โคตโม อพฺภากุฏิโก อุตฺตานมุโข สุขสมฺภาโส ปฏิสนฺถารกุสโล, สกฺกา สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฏิสนฺถารํ ลภิตุ’’นฺติ. โส นิวาสนปารุปนํ สณฺาเปตฺวา ภิกฺขภาชนํ คเหตฺวา ทณฺฑมาทาย ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ (สํ. นิ. ๑.๒๐๐) –
อถ ¶ โข อฺตโร พฺราหฺมณมหาสาโล ลูโข ลูขปาวุรโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา เอกมนฺตํ นิสินฺเนน เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอตทโวจ – ‘‘กินฺนุ ตฺวํ ¶ , พฺราหฺมณ, ลูโข ลูขปาวุรโณ’’ติ. อิธ เม, โภ โคตม, จตฺตาโร ปุตฺตา ¶ , เต มํ ทาเรหิ สํปุจฺฉ ฆรา นิกฺขาเมนฺตีติ. เตน หิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อิมา คาถาโย ปริยาปุณิตฺวา สภายํ มหาชนกาเย สนฺนิปติเต ปุตฺเตสุ จ สนฺนิสินฺเนสุ ภาสสฺสุ –
‘‘เยหิ ชาเตหิ นนฺทิสฺสํ, เยสฺจ ภวมิจฺฉิสํ;
เต มํ ทาเรหิ สํปุจฺฉ, สาว วาเรนฺติ สูกรํ.
‘‘อสนฺตา กิร มํ ชมฺมา, ตาต ตาตาติ ภาสเร;
รกฺขสา ปุตฺตรูเปน, เต ชหนฺติ วโยคตํ.
‘‘อสฺโสว ชิณฺโณ นิพฺโภโค, ขาทนา อปนียติ;
พาลกานํ ปิตา เถโร, ปราคาเรสุ ภิกฺขติ.
‘‘ทณฺโฑว กิร เม เสยฺโย, ยฺเจ ปุตฺตา อนสฺสวา;
จณฺฑมฺปิ โคณํ วาเรติ, อโถ จณฺฑมฺปิ กุกฺกุรํ.
‘‘อนฺธกาเร ปุเร โหติ, คมฺภีเร คาธเมธติ;
ทณฺฑสฺส อานุภาเวน, ขลิตฺวา ปติติฏฺตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๐๐);
โส ¶ ภควโต สนฺติเก ตา คาถาโย อุคฺคณฺหิตฺวา ตถารูเป พฺราหฺมณานํ สมาคมทิวเส สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเตสุ ปุตฺเตสุ ตํ สภํ โอคาหิตฺวา พฺราหฺมณานํ มชฺเฌ มหารเหสุ อาสเนสุ นิสินฺเนสุ ‘‘อยํ เม กาโล’’ติ สภาย มชฺเฌ ปวิสิตฺวา หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘อหํ, โภ, ตุมฺหากํ คาถาโย ภาสิตุกาโม, สุณิสฺสถา’’ติ วตฺวา ‘‘ภาสสฺสุ, พฺราหฺมณ, สุโณมา’’ติ วุตฺเต ิตโกว อภาสิ. เตน จ สมเยน มนุสฺสานํ วตฺตํ โหติ ‘‘โย มาตาปิตูนํ สนฺตกํ ขาทนฺโต มาตาปิตโร น โปเสติ, โส มาเรตพฺโพ’’ติ. ตสฺมา เต พฺราหฺมณปุตฺตา ปิตุ ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘ชีวิตํ โน, ตาต, เทถา’’ติ ยาจึสุ. โส ปิตุ หทยมุทุตาย ‘‘มา เม, โภ, ปุตฺตเก วินาสยิตฺถ, โปเสสฺสนฺติ ม’’นฺติ อาห. อถสฺส ปุตฺเต มนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘สเจ, โภ ¶ , อชฺช ปฏฺาย ปิตรํ น สมฺมา ปฏิชคฺคิสฺสถ, ฆาเตสฺสาม โว’’ติ. เต ภีตา ปิตรํ ปีเ นิสีทาเปตฺวา สยํ อุกฺขิปิตฺวา เคหํ เนตฺวา ¶ สรีรํ เตเลน อพฺภฺชิตฺวา อุพฺพฏฺเฏตฺวา คนฺธจุณฺณาทีหิ นฺหาเปตฺวา พฺราหฺมณิโย ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อชฺช ปฏฺาย อมฺหากํ ปิตรํ สมฺมา ปฏิชคฺคถ, สเจ ตุมฺเห ปมาทํ อาปชฺชิสฺสถ, นิคฺคณฺหิสฺสาม โว’’ติ วตฺวา ปณีตโภชนํ โภเชสุํ.
พฺราหฺมโณ ¶ สุโภชนฺจ สุขเสยฺยฺจ อาคมฺม กติปาหจฺจเยน สฺชาตพโล ปีณินฺทฺริโย อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ เม สมฺปตฺติ สมณํ โคตมํ นิสฺสาย ลทฺธา’’ติ ปณฺณาการตฺถาย เอกํ ทุสฺสยุคํ อาทาย ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา กตปฏิสนฺถาโร เอกมนฺตํ นิสินฺโน ตํ ทุสฺสยุคํ ภควโต ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘มยํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา นาม อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสาม, ปฏิคฺคณฺหาตุ เม ภวํ โคตโม อาจริโย อาจริยธน’’นฺติ อาห. ภควา ตสฺส อนุกมฺปาย ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาวสาเน พฺราหฺมโณ สรเณสุ ปติฏฺาย เอวมาห – ‘‘โภ โคตม, มยฺหํ ปุตฺเตหิ จตฺตาริ ธุวภตฺตานิ ทินฺนานิ, ตโต อหํ ทฺเว ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กลฺยาณํ, พฺราหฺมณ, มยํ ปน รุจฺจนฏฺานเมว คมิสฺสามา’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสิ. พฺราหฺมโณ ฆรํ คนฺตฺวา ปุตฺเต อาห – ‘‘ตาตา, สมโณ โคตโม ¶ มยฺหํ สหาโย, ตสฺส เม ทฺเว ธุวภตฺตานิ ทินฺนานิ, ตุมฺเห ตสฺมึ สมฺปตฺเต มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ.
สตฺถา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย จรนฺโต เชฏฺปุตฺตสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิ. โส สตฺถารํ ทิสฺวา ปตฺตมาทาย ฆรํ ปเวเสตฺวา มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา ปณีตโภชนมทาสิ. สตฺถา ปุนทิวเส อิตรสฺส อิตรสฺสาติ ปฏิปาฏิยา สพฺเพสํ ฆรานิ อคมาสิ. สพฺเพ เต ตเถว สกฺการํ อกํสุ. เอกทิวสํ เชฏฺปุตฺโต มงฺคเล ปจฺจุปฏฺิเต ปิตรํ อาห – ‘‘ตาต, กสฺส มงฺคลํ เทมา’’ติ? ‘‘นาหํ อฺเ ชานามิ, สมโณ โคตโม มยฺหํ สหาโย’’ติ. ‘‘เตน หิ ตํ สฺวาตนาย ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิมนฺเตถา’’ติ. พฺราหฺมโณ ตถา อกาสิ. สตฺถา ปุนทิวเส สปริวาโร ตสฺส เคหํ อคมาสิ. โส หริตุปลิตฺเต สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเต เคเห พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา อปฺโปทกมธุปายเสน ¶ เจว ปณีเตน ขาทนีเยน จ ปริวิสิ. อนฺตราภตฺตสฺมึเยว พฺราหฺมณสฺส จตฺตาโร ปุตฺตา สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิตฺวา อาหํสุ – ‘‘โภ โคตม, มยํ อมฺหากํ ปิตรํ ปฏิชคฺคาม น ปมชฺชาม ¶ , ปสฺสถิมสฺส อตฺตภาว’’นฺติ.
สตฺถา ‘‘กลฺยาณํ โว กตํ, มาตาปิตุโปสนํ นาม โปราณกปณฺฑิตานํ อาจิณฺณเมวา’’ติ วตฺวา ‘‘ตสฺส นาคสฺส วิปฺปวาเสน, วิรูฬฺหา สลฺลกี จ กุฏชา จา’’ติ อิมํ เอกาทสนิปาเต มาตุโปสกนาคราชชาตกํ (จริยา. ๒.๑ อาทโย; ชา. ๑.๑๑.๑ อาทโย) วิตฺถาเรน กเถตฺวา อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ธนปาโล นาม กฺุชโร,
กฏุกเภทโน ทุนฺนิวารโย;
พทฺโธ ¶ กพฬํ น ภฺุชติ,
สุมรติ นาควนสฺส กฺุชโร’’ติ.
ตตฺถ ธนปาโล นามาติ ตทา กาสิกรฺา หตฺถาจริยํ เปเสตฺวา รมณีเย นาควเน คาหาปิตสฺส หตฺถิโน เอตํ นามํ. กฏุกเภทโนติ ติขิณมโท. หตฺถีนฺหิ มทกาเล กณฺณจูฬิกา ปภิชฺชนฺติ, ปกติยาปิ หตฺถิโน ตสฺมึ กาเล องฺกุเส วา ¶ กุนฺตโตมเร วา น คเณนฺติ, จณฺฑา ภวนฺติ. โส ปน อติจณฺโฑเยว. เตน วุตฺตํ – กฏุกเภทโน ทุนฺนิวารโยติ. พทฺโธ กพฬํ น ภฺุชตีติ โส พทฺโธ หตฺถิสาลํ ปน เนตฺวา วิจิตฺรสาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา กตคนฺธปริภณฺฑาย อุปริ พทฺธวิจิตฺรวิตานาย ภูมิยา ปิโต รฺา ราชารเหน นานคฺครเสน โภชเนน อุปฏฺาปิโตปิ กิฺจิ ภฺุชิตุํ น อิจฺฉิ, ตมตฺถํ สนฺธาย ‘‘พทฺโธ กพฬํ น ภฺุชตี’’ติ วุตฺตํ. สุมรติ นาควนสฺสาติ โส รมณียํ เม วสนฏฺานนฺติ นาควนํ สรติ. ‘‘มาตา ปน เม อรฺเ ปุตฺตวิโยเคน ทุกฺขปฺปตฺตา อโหสิ, มาตาปิตุอุปฏฺานธมฺโม น เม ปูรติ, กึ เม อิมินา โภชเนนา’’ติ ธมฺมิกํ มาตาปิตุอุปฏฺานธมฺมเมว สริ. ตํ ปน ยสฺมา ตสฺมึ นาควเนเยว ¶ ิโต สกฺกา ปูเรตุํ, เตน วุตฺตํ – สุมรติ นาควนสฺส กฺุชโรติ. สตฺถริ อิมํ อตฺตโน ปุพฺพจริยํ ¶ อาเนตฺวา กเถนฺเต กเถนฺเตเยว สพฺเพปิ เต อสฺสุธารา ปวตฺเตตฺวา มุทุหทยา โอหิตโสตา ภวึสุ. อถ เนสํ ภควา สปฺปายํ วิทิตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ.
เทสนาวสาเน สทฺธึ ปุตฺเตหิ เจว สุณิสาหิ จ พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.
ปริชิณฺณพฺราหฺมณปุตฺตวตฺถุ ตติยํ.
๔. ปเสนทิโกสลวตฺถุ
มิทฺธี ยทา โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราชานํ ปเสนทิโกสลํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ราชา ตณฺฑุลโทณสฺส โอทนํ ตทุปิเยน สูปพฺยฺชเนน ภฺุชติ. โส เอกทิวสํ ภุตฺตปาตราโส ภตฺตสมฺมทํ อวิโนเทตฺวาว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กิลนฺตรูโป อิโต จิโต จ สมฺปริวตฺตติ, นิทฺทาย อภิภุยฺยมาโนปิ ¶ อุชุกํ นิปชฺชิตุํ อสกฺโกนฺโต เอกมนฺตํ ¶ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘กึ, มหาราช, อวิสฺสมิตฺวาว อาคโตสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ภุตฺตกาลโต ปฏฺาย เม มหาทุกฺขํ โหตี’’ติ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘มหาราช, อติพหุโภชนํ เอวํ ทุกฺขํ โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘มิทฺธี ยทา โหติ มหคฺฆโส จ,
นิทฺทายิตา สมฺปริวตฺตสายี;
มหาวราโหว นิวาปปุฏฺโ,
ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท’’ติ.
ตตฺถ มิทฺธีติ ถินมิทฺธาภิภูโต. มหคฺฆโส จาติ มหาโภชโน อาหรหตฺถกอลํสาฏกตตฺรวฏฺฏกกากมาสกภุตฺตวมิตกานํ อฺตโร วิย. นิวาปปุฏฺโติ กุณฺฑกาทินา สูกรภตฺเตน ปุฏฺโ. ฆรสูกโร หิ ทหรกาลโต ปฏฺาย โปสิยมาโน ถูลสรีรกาเล เคหา พหิ นิกฺขมิตุํ อลภนฺโต เหฏฺามฺจาทีสุ สมฺปริวตฺติตฺวา ¶ อสฺสสนฺโต ปสฺสสนฺโต สยเตว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทา ปุริโส มิทฺธี จ ¶ โหติ มหคฺฆโส จ, นิวาปปุฏฺโ มหาวราโห วิย จ อฺเน อิริยาปเถน ยาเปตุํ อสกฺโกนฺโต นิทฺทายนสีโล สมฺปริวตฺตสายี, ตทา โส ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ตีณิ ลกฺขณานิ มนสิกาตุํ น สกฺโกติ. เตสํ อมนสิการา มนฺทปฺโ ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ, คพฺภวาสโต น ปริมุจฺจตีติ. เทสนาวสาเน สตฺถา รฺโ อุปการวเสน –
‘‘มนุชสฺส สทา สตีมโต, มตฺตํ ชานโต ลทฺธโภชเน;
ตนุกสฺส ภวนฺติ เวทนา, สณิกํ ชีรติ อายุ ปาลย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๔);
อิมํ คาถํ วตฺวา อุตฺตรมาณวํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา ‘‘อิมํ คาถํ รฺโ โภชนเวลาย ปเวเทยฺยาสิ, อิมินา อุปาเยน โภชนํ ปริหาเปยฺยาสี’’ติ อุปายํ อาจิกฺขิ, โส ตถา อกาสิ. ราชา อปเรน สมเยน นาฬิโกทนปรมตาย สณฺิโต สุสลฺลหุกสรีโร สุขปฺปตฺโต สตฺถริ อุปฺปนฺนวิสฺสาโส สตฺตาหํ อสทิสทานํ ปวตฺเตสิ. ทานานุโมทนาย มหาชโน มหนฺตํ วิเสสํ ปาปุณีติ.
ปเสนทิโกสลวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. สานุสามเณรวตฺถุ
อิทํ ¶ ¶ ปุเรติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สานุํ นาม สามเณรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เอกิสฺสา อุปาสิกาย เอกปุตฺตโก อโหสิ. อถ นํ สา ทหรกาเลเยว ปพฺพาเชสิ. โส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สีลวา อโหสิ วตฺตสมฺปนฺโน, อาจริยุปชฺฌายอาคนฺตุกานํ วตฺตํ กตเมว โหติ. มาสสฺส อฏฺเม ทิวเส ปาโตว อุฏฺาย อุทกมาฬเก อุทกํ อุปฏฺาเปตฺวา ธมฺมสฺสวนคฺคํ สมฺมชฺชิตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา ทีปํ ชาเลตฺวา มธุรสฺสเรน ธมฺมสฺสวนํ โฆเสติ. ภิกฺขู ตสฺส ถามํ ตฺวา ¶ ‘‘สรภฺํ ภณ สามเณรา’’ติ อชฺเฌสนฺติ. โส ‘‘มยฺหํ หทยวาโต รุชติ, กาโย วา พาธตี’’ติ กิฺจิ ปจฺจาหารํ อกตฺวา ธมฺมาสนํ อภิรูหิตฺวา อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย สรภฺํ วตฺวา โอตรนฺโต ‘‘มยฺหํ มาตาปิตูนํ อิมสฺมึ สรภฺเ ปตฺตึ ทมฺมี’’ติ วทติ. ตสฺส มนุสฺสา มาตาปิตโร ปตฺติยา ทินฺนภาวํ ¶ น ชานนฺติ. อนนฺตรตฺตภาเว ปนสฺส มาตา ยกฺขินี หุตฺวา นิพฺพตฺตา, สา เทวตาหิ สทฺธึ อาคนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ‘‘สามเณเรน ทินฺนปตฺตึ อนุโมทามิ, ตาตา’’ติ วทติ. ‘‘สีลสมฺปนฺโน จ นาม ภิกฺขุ สเทวกสฺส โลกสฺส ปิโย โหตี’’ติ ตสฺมึ สามเณเร เทวตา สลชฺชา สคารวา มหาพฺรหฺมานํ วิย อคฺคิกฺขนฺธํ วิย จ นํ มฺนฺติ. สามเณเร คารเวน ตฺจ ยกฺขินึ ครุกํ กตฺวา ปสฺสนฺติ. ตา ธมฺมสฺสวนยกฺขสมาคมาทีสุ ‘‘สานุมาตา สานุมาตา’’ติ ยกฺขินิยา อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ เทนฺติ. มเหสกฺขาปิ ยกฺขา ตํ ทิสฺวา มคฺคา โอกฺกมนฺติ, อาสนา วุฏฺหนฺติ.
อถ โข สามเณโร วุฑฺฒิมนฺวาย ปริปกฺกินฺทฺริโย อนภิรติยา ปีฬิโต อนภิรตึ วิโนเทตุํ อสกฺโกนฺโต ปรุฬฺหเกสนโข กิลิฏฺนิวาสนปารุปโน กสฺสจิ อนาโรเจตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เอกโกว มาตุฆรํ อคมาสิ. อุปาสิกา ปุตฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘กึ, ตาต, ตฺวํ ปุพฺเพ ¶ อาจริยุปชฺฌาเยหิ วา ทหรสามเณเรหิ วา สทฺธึ อิธาคจฺฉสิ, กสฺมา เอกโกว อชฺช อาคโตสี’’ติ? โส อุกฺกณฺิตภาวํ อาโรเจสิ. สา อุปาสิกา นานปฺปกาเรน ฆราวาเส อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ปุตฺตํ โอวทมานาปิ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตี ‘‘อปฺเปว นาม อตฺตโน ธมฺมตายปิ สลฺลกฺเขยฺยา’’ติ อนุยฺโยเชตฺวา ‘‘ติฏฺ, ตาต, ยาว เต ยาคุภตฺตํ สมฺปาเทมิ, ยาคุํ ปิวิตฺวา กตภตฺตกิจฺจสฺส เต มนาปานิ วตฺถานิ นีหริตฺวา ทสฺสามี’’ติ วตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ สามเณโร. อุปาสิกา มุหุตฺเตเนว ยาคุขชฺชกํ ¶ สมฺปาเทตฺวา อทาสิ. อถ ‘‘ภตฺตํ สมฺปาเทสฺสามี’’ติ อวิทูเร นิสินฺนา ตณฺฑุเล โธวติ. ตสฺมึ สมเย สา ยกฺขินี ‘‘กหํ นุ โข สามเณโร, กจฺจิ ภิกฺขาหารํ ลภติ, โน’’ติ อาวชฺชมานา ตสฺส วิพฺภมิตุกามตาย นิสินฺนภาวํ ตฺวา ‘‘สามเณโร เม มเหสกฺขานํ เทวตานํ อนฺตเร ลชฺชํ อุปฺปาเทยฺย, คจฺฉามิสฺส วิพฺภมเน อนฺตรายํ กริสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา ตสฺส สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา ¶ คีวํ ปริวตฺเตตฺวา เขเฬน ปคฺฆรนฺเตน ภูมิยํ ¶ นิปติ. อุปาสิกา ปุตฺตสฺส ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา เวเคน คนฺตฺวา ปุตฺตํ อาลิงฺเคตฺวา อูรูสุ นิปชฺชาเปสิ. สกลคามวาสิโน อาคนฺตฺวา พลิกมฺมาทีนิ กรึสุ. อุปาสิกา ปน ปริเทวมานา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;
ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ.
‘‘อุโปสถํ อุปวสนฺติ, พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ เย;
น เตหิ ยกฺขา กีฬนฺติ, อิติ เม อรหตํ สุตํ;
สา ทานิ อชฺช ปสฺสามิ, ยกฺขา กีฬนฺติ สานุนา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);
อุปาสิกาย วจนํ สุตฺวา –
‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;
ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ.
‘‘อุโปสถํ อุปวสนฺติ, พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ เย;
น เตหิ ยกฺขา กีฬนฺติ, สาหุ เต อรหตํ สุต’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙) –
วตฺวา อาห –
‘‘สานุํ ปพุทฺธํ วชฺชาสิ, ยกฺขานํ วจนํ อิทํ;
มากาสิ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ วา ยทิ วา รโห.
‘‘สเจ ¶ จ ปาปกํ กมฺมํ, กริสฺสสิ กโรสิ วา;
น เต ทุกฺขา ปมุตฺยตฺถิ, อุปฺปจฺจาปิ ปลายโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);
เอวํ ¶ ปาปกํ กมฺมํ กตฺวา สกุณสฺส วิย อุปฺปติตฺวา ปลายโตปิ เต โมกฺโข นตฺถีติ วตฺวา สา ยกฺขินี สามเณรํ มฺุจิ. โส อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา มาตรํ เกเส วิกิริย อสฺสสนฺตึ ปสฺสสนฺตึ โรทมานํ สกลคามวาสิโน จ สนฺนิปติเต ทิสฺวา อตฺตโน ยกฺเขน คหิตภาวํ อชานนฺโต ‘‘อหํ ปุพฺเพ ปีเ นิสินฺโน, มาตา เม อวิทูเร นิสีทิตฺวา ตณฺฑุเล โธวิ, อิทานิ ปนมฺหิ ภูมิยํ นิปนฺโน, กึ นุ โข เอต’’นฺติ นิปนฺนโกว มาตรํ อาห –
‘‘มตํ ¶ วา อมฺม โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสติ;
ชีวนฺตํ อมฺม ปสฺสนฺตี, กสฺมา มํ อมฺม โรทสี’’ติ. (เถรคา. ๔๔; สํ. นิ. ๑.๒๓๙);
อถสฺส มาตา วตฺถุกามกิเลสกาเม ปหาย ปพฺพชิตสฺส ปุน วิพฺภมนตฺถํ อาคมเน อาทีนวํ ทสฺเสนฺตี อาห –
‘‘มตํ วา ปุตฺต โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสติ;
โย จ กาเม จชิตฺวาน, ปุนราคจฺฉเต อิธ;
ตํ วาปิ ปุตฺต โรทนฺติ, ปุน ชีวํ มโต หิ โส’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);
เอวฺจ ¶ ปน วตฺวา ฆราวาสํ กุกฺกุฬสทิสฺเจว นรกสทิสฺจ กตฺวา ฆราวาเส อาทีนวํ ทสฺเสนฺตี ปุน อาห –
‘‘กุกฺกุฬา อุพฺภโต ตาต, กุกฺกุฬํ ปติตุมิจฺฉสิ;
นรกา อุพฺภโต ตาต, นรกํ ปติตุมิจฺฉสี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);
อถ นํ, ‘‘ปุตฺต, ภทฺทํ ตว โหตุ, มยา ปน ‘อยํ โน ปุตฺตโก ฑยฺหมาโน’ติ เคหา ภณฺฑํ ¶ วิย นีหริตฺวา พุทฺธสาสเน ปพฺพาชิโต, ฆราวาเส ปุน ฑยฺหิตุํ อิจฺฉสิ. อภิธาวถ ปริตฺตายถ โนติ อิมมตฺถํ กสฺส อุชฺฌาปยาม กํ นิชฺฌาปยามา’’ติ ทีเปตุํ อิมํ คาถมาห –
‘‘อภิธาวถ ภทฺทนฺเต, กสฺส อุชฺฌาปยามเส;
อาทิตฺตา นีหตํ ภณฺฑํ, ปุน ฑยฺหิตุมิจฺฉสี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);
โส มาตริ กเถนฺติยา กเถนฺติยา สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘นตฺถิ มยฺหํ คิหิภาเวน อตฺโถ’’ติ อาห. อถสฺส มาตา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตุฏฺา ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา ‘‘กติวสฺโสสิ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปริปุณฺณวสฺสภาวํ ตฺวา ติจีวรํ ปฏิยาเทสิ. โส ปริปุณฺณปตฺตจีวโร อุปสมฺปทํ ลภิ. อถสฺส อจิรูปสมฺปนฺนสฺส สตฺถา จิตฺตนิคฺคเห อุสฺสาหํ ชเนนฺโต ‘‘จิตฺตํ ¶ นาเมตํ นานารมฺมเณสุ ทีฆรตฺตํ จาริกํ จรนฺตํ อนิคฺคณฺหนฺตสฺส โสตฺถิภาโว นาม นตฺถิ, ตสฺมา องฺกุเสน มตฺตหตฺถิโน วิย จิตฺตสฺส นิคฺคณฺหเน โยโค กรณีโย’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิทํ ¶ ปุเร จิตฺตมจาริ จาริกํ,
เยนิจฺฉกํ ยตฺถกามํ ยถาสุขํ;
ตทชฺชหํ นิคฺคเหสฺสามิ โยนิโส,
หตฺถิปฺปภินฺนํ วิย องฺกุสคฺคโห’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อิทํ จิตฺตํ นาม อิโต ปุพฺเพ รูปาทีสุ จ อารมฺมเณสุ ราคาทีนํ เยน การเณน อิจฺฉติ, ยตฺเถวสฺส กาโม อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วเสน ยตฺถ กามํ ยถารุจิ จรนฺตสฺส สุขํ โหติ, ตเถว วิจรณโต ยถาสุขํ ทีฆรตฺตํ จาริกํ จริ, ตํ อชฺช อหํ ปภินฺนํ มตฺตหตฺถึ หตฺถาจริยสงฺขาโต เฉโก องฺกุสคฺคโห องฺกุเสน วิย โยนิโสมนสิกาเรน นิคฺคเหสฺสามิ, นาสฺส วีติกฺกมิตุํ ทสฺสามีติ.
เทสนาวสาเน สานุนา สทฺธึ ธมฺมสฺสวนาย อุปสงฺกมนฺตานํ ¶ พหูนํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. โสปายสฺมา เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา มหาธมฺมกถิโก หุตฺวา วีสวสฺสสตํ ตฺวา สกลชมฺพุทีปํ สงฺโขเภตฺวา ปรินิพฺพายีติ.
สานุสามเณรวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ปาเวยฺยกหตฺถิวตฺถุ
อปฺปมาทรตาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ ปาเวยฺยกํ นาม หตฺถึ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร หตฺถี ตรุณกาเล มหาพโล หุตฺวา อปเรน สมเยน ชราวาตเวคพฺภาหโต หุตฺวา เอกํ มหนฺตํ สรํ โอรุยฺห กลเล ลคฺคิตฺวา อุตฺตริตุํ นาสกฺขิ. มหาชโน ตํ ทิสฺวา ‘‘เอวรูโปปิ นาม หตฺถี อิมํ ทุพฺพลภาวํ ปตฺโต’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสิ. ราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา หตฺถาจริยํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, อาจริย, ตํ หตฺถึ กลลโต อุทฺธราหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺมึ าเน สงฺคามสีสํ ทสฺเสตฺวา สงฺคามเภรึ อาโกฏาเปสิ. มานชาติโก หตฺถี เวเคนุฏฺาย ถเล ปติฏฺหิ. ภิกฺขู ตํ การณํ ทิสฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘เตน, ภิกฺขเว ¶ , หตฺถินา ¶ ปกติปงฺกทุคฺคโต อตฺตา อุทฺธโฏ, ตุมฺเห ปน กิเลสทุคฺเค ปกฺขนฺทา. ตสฺมา โยนิโส ปทหิตฺวา ตุมฺเหปิ ตโต อตฺตานํ อุทฺธรถา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อปฺปมาทรตา โหถ, สจิตฺตมนุรกฺขถ;
ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ, ปงฺเก สนฺโนว กฺุชโร’’ติ.
ตตฺถ อปฺปมาทรตาติ สติยา อวิปฺปวาเส อภิรตา โหถ. สจิตฺตนฺติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ อตฺตโน จิตฺตํ ยถา วีติกฺกมํ น กโรติ, เอวํ รกฺขถ. ทุคฺคาติ ยถา โส ปงฺเก สนฺโน กฺุชโร หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายามํ กตฺวา ปงฺกทุคฺคโต อตฺตานํ อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฏฺิโต, เอวํ ตุมฺเหปิ กิเลสทุคฺคโต อตฺตานํ อุทฺธรถ, นิพฺพานถเล ปติฏฺาเปถาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
ปาเวยฺยกหตฺถิวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ
สเจ ลเภถาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปาลิเลยฺยกํ นิสฺสาย รกฺขิตวนสณฺเฑ วิหรนฺโต สมฺพหุเล ¶ ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ¶ ยมกวคฺเค ‘‘ปเร จ น วิชานนฺตี’’ติ คาถาวณฺณนาย อาคตเมว. วุตฺตฺเหตํ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๕ โกสมฺพกวตฺถุ) –
ตถาคตสฺส ตตฺถ หตฺถินาเคน อุปฏฺิยมานสฺส วสนภาโว สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ อโหสิ. สาวตฺถินครโต ‘‘อนาถปิณฺฑิโก วิสาขา มหาอุปาสิกา’’ติ เอวมาทีนิ มหากุลานิ อานนฺทตฺเถรสฺส สาสนํ ปหิณึสุ ‘‘สตฺถารํ โน, ภนฺเต, ทสฺเสถา’’ติ. ทิสาวาสิโนปิ ปฺจสตา ภิกฺขู วุฏฺวสฺสา อานนฺทตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘จิรสฺสุตา โน, อาวุโส อานนฺท, ภควโต สมฺมุขา ธมฺมี กถา, สาธุ มยํ, อาวุโส อานนฺท, ลเภยฺยาม ภควโต สมฺมุขา ธมฺมึ กถํ สวนายา’’ติ ยาจึสุ. เถโร เต ภิกฺขู อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘เตมาสํ ¶ เอกวิหาริโน ตถาคตสฺส สนฺติกํ เอตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุปสงฺกมนํ อยุตฺต’’นฺติ จินฺเตตฺวา เต ภิกฺขู พหิ เปตฺวา เอกโกว สตฺถารํ อุปสงฺกมิ. ปาลิเลยฺยโก ตํ ทิสฺวา ทณฺฑมาทาย ปกฺขนฺทิ. ตํ สตฺถา โอโลเกตฺวา ‘‘อเปหิ, อเปหิ, ปาลิเลยฺยก, มา วารยิ, พุทฺธุปฏฺาโก เอโส’’ติ อาห. โส ตตฺเถว ทณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณํ อาปุจฺฉิ. เถโร นาทาสิ. นาโค ‘‘สเจ อุคฺคหิตวตฺโต ภวิสฺสติ, สตฺถุ นิสีทนปาสาณผลเก อตฺตโน ปริกฺขารํ น เปสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. เถโร ปตฺตจีวรํ ภูมิยํ เปสิ. วตฺตสมฺปนฺนา หิ ครูนํ อาสเน วา สยเน วา อตฺตโน ปริกฺขารํ น เปนฺติ.
เถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ¶ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘เอกโกว อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘กหํ ปน เต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ จิตฺตํ อชานนฺโต พหิ เปตฺวา อาคโตมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปกฺโกสาหิ เน’’ติ อาห. เถโร ตถา อกาสิ. สตฺถา เตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ, ‘‘ภนฺเต, ภควา พุทฺธสุขุมาโล เจว ขตฺติยสุขุมาโล จ, ตุมฺเหหิ เตมาสํ เอกเกหิ ติฏฺนฺเตหิ นิสีทนฺเตหิ จ ทุกฺกรํ กตํ, วตฺตปฏิวตฺตการโกปิ มุโขทกาทิทายโกปิ นาโหสิ มฺเ’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ปาลิเลยฺยกหตฺถินา มม สพฺพกิจฺจานิ กตานิ. เอวรูปฺหิ สหายํ ลภนฺเตน เอกโกว วสิตุํ ยุตฺตํ, อลภนฺตสฺส เอกจาริกภาโวว เสยฺโย’’ติ วตฺวา นาควคฺเค อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ,
สทฺธึจรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;
อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ,
จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมา.
‘‘โน ¶ เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ,
สทฺธึจรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;
ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหาย,
เอโก จเร มาตงฺครฺเว นาโค.
นตฺถิ พาเล สหายตา;
เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา,
อปฺโปสฺสุกฺโก มาตงฺครฺเว นาโค’’ติ.
ตตฺถ นิปกนฺติ เนปกฺกปฺาย สมนฺนาคตํ. สาธุวิหาริ ธีรนฺติ ภทฺทกวิหารึ ปณฺฑิตํ. ปริสฺสยานีติ ตาทิสํ เมตฺตาวิหารึ สหายํ ลภนฺโต สีหพฺยคฺฆาทโย ปากฏปริสฺสเย จ ราคภยโทสภยโมหภยาทโย ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสเย จาติ สพฺเพว ปริสฺสเย อภิภวิตฺวา เตน สทฺธึ อตฺตมโน อุปฏฺิตสตี หุตฺวา จเรยฺย, วิหเรยฺยาติ อตฺโถ.
ราชาว รฏฺนฺติ รฏฺํ หิตฺวา คโต มหาชนกราชา วิย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา วิชิตภูมิปเทโส ราชา ‘‘อิทํ รชฺชํ นาม มหนฺตํ ปมาทฏฺานํ, กึ เม รชฺเชน การิเตนา’’ติ วิชิตํ รฏฺํ ปหาย เอกโกว มหารฺํ ปวิสิตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตูสุ อิริยาปเถสุ เอกโกว จรติ, เอวํ เอกโกว จเรยฺยาติ. มาตงฺครฺเว นาโคติ ยถา จ ‘‘อหํ โข อากิณฺโณ วิหรามิ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ ¶ หตฺถิกฬเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทามิ, โอภคฺโคภคฺคฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวามิ, โอคาหา จ เม อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ, ยํนูนาหํ เอกโกว คณมฺหา วูปกฏฺโ วิหเรยฺย’’นฺติ (มหาว. ๔๖๗; อุทา. ๓๕) เอวํ ปฏิสฺจิกฺขิตฺวา คมนโต มาตงฺโคติ ลทฺธนาโม อิมสฺมึ อรฺเ อยํ หตฺถินาโค ยูถํ ปหาย สพฺพิริยาปเถสุ เอกโกว สุขํ จรติ, เอวมฺปิ เอโกว จเรยฺยาติ อตฺโถ.
เอกสฺสาติ ปพฺพชิตสฺส หิ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย เอกีภาวาภิรตสฺส เอกกสฺเสว จริตํ เสยฺโย. นตฺถิ พาเล สหายตาติ จูฬสีลํ มชฺฌิมสีลํ มหาสีลํ ทส กถาวตฺถูนิ เตรส ธุตงฺคคุณานิ วิปสฺสนาาณํ จตฺตาโร มคฺคา จตฺตาริ ผลานิ ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺา อมตมหานิพฺพานนฺติ อยฺหิ สหายตา นาม. สา พาเล ¶ นิสฺสาย อธิคนฺตุํ ¶ น สกฺกาติ ¶ นตฺถิ พาเล สหายตา. เอโกติ อิมินา การเณน สพฺพิริยาปเถสุ เอกโกว จเรยฺย, อปฺปมตฺตกานิปิ น จ ปาปานิ กยิรา. ยถา โส อปฺโปสฺสุกฺโก นิราลโย อิมสฺมึ อรฺเ มาตงฺคนาโค อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺาเน สุขํ จรติ, เอวํ เอกโกว หุตฺวา จเรยฺย, อปฺปมตฺตกานิปิ น จ ปาปานิ กเรยฺยาติ อตฺโถ. ตสฺมา ตุมฺเหหิ ปติรูปํ สหายํ อลภนฺเตหิ เอกจารีเหว ภวิตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ อิมํ ธมฺมเทสนํ เทเสสิ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. มารวตฺถุ
อตฺถมฺหีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา หิมวนฺตปเทเส อรฺกุฏิกายํ วิหรนฺโต มารํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺมึ กิร กาเล ราชาโน มนุสฺเส ปีเฬตฺวา รชฺชํ กาเรนฺติ. อถ ภควา อธมฺมิกราชูนํ รชฺเช ทณฺฑกรณปีฬิเต มนุสฺเส ทิสฺวา การฺุเน เอวํ จินฺเตสิ ¶ – ‘‘สกฺกา นุ โข รชฺชํ กาเรตุํ อหนํ อฆาตยํ, อชินํ อชาปยํ, อโสจํ อโสจาปยํ ธมฺเมนา’’ติ, มาโร ปาปิมา ตํ ภควโต ปริวิตกฺกํ ตฺวา ‘‘สมโณ โคตโม ‘สกฺกา นุ โข รชฺชํ กาเรตุ’นฺติ จินฺเตสิ, อิทานิ รชฺชํ กาเรตุกาโม ภวิสฺสติ, รชฺชฺจ นาเมตํ ปมาทฏฺานํ, ตํ กาเรนฺเต สกฺกา โอกาสํ ลภิตุํ, คจฺฉามิ อุสฺสาหมสฺส ชเนสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘กาเรตุ, ภนฺเต, ภควา รชฺชํ, กาเรตุ สุคโต รชฺชํ อหนํ อฆาตยํ, อชินํ อชาปยํ, อโสจํ อโสจาปยํ ธมฺเมนา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ ปน เม ตฺวํ, ปาปิม, ปสฺสสิ, ยํ มํ ตฺวํ เอวํ วเทสี’’ติ วตฺวา ‘‘ภควตา โข, ภนฺเต, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา สุภาวิตา. อากงฺขมาโน หิ ภควา หิมวนฺตํ ปพฺพตราชํ ‘สุวณฺณ’นฺติ อธิมุจฺเจยฺย, ตฺจ สุวณฺณเมว อสฺส, อหมฺปิ โข ธเนน ธนกรณียํ กริสฺสามิ, ตุมฺเห ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสฺสถา’’ติ เตน วุตฺเต –
‘‘ปพฺพตสฺส ¶ สุวณฺณสฺส, ชาตรูปสฺส เกวโล;
ทฺวิตฺตาว นาลเมกสฺส, อิติ วิทฺวา สมฺจเร.
‘‘โย ¶ ¶ ทุกฺขมทกฺขิ ยโตนิทานํ,
กาเมสุ โส ชนฺตุ กถํ นเมยฺย;
อุปธึ วิทิตฺวา สงฺโคติ โลเก,
ตสฺเสว ชนฺตุ วินยาย สิกฺเข’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๖) –
อิมาหิ คาถาหิ สํเวเชตฺวา ‘‘อฺโ เอว โข, ปาปิม, ตว โอวาโท, อฺโ มม, ตยา สทฺธึ ธมฺมสํสนฺทนา นาม นตฺถิ, อหฺหิ เอวํ โอวทามี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อตฺถมฺหิ ชาตมฺหิ สุขา สหายา,
ตุฏฺี สุขา ยา อิตรีตเรน;
ปฺุํ สุขํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ,
สพฺพสฺส ทุกฺขสฺส สุขํ ปหานํ.
‘‘สุขา มตฺเตยฺยตา โลเก,
อโถ เปตฺเตยฺยตา สุขา;
สุขา สามฺตา โลเก,
อโถ พฺรหฺมฺตา สุขา.
‘‘สุขํ ยาว ชราสีลํ, สุขา สทฺธา ปติฏฺิตา;
สุโข ปฺาย ปฏิลาโภ, ปาปานํ อกรณํ สุข’’นฺติ.
ตตฺถ อตฺถมฺหีติ ปพฺพชิตสฺสาปิ หิ จีวรกรณาทิเก วา อธิกรณวูปสมาทิเก วา คิหิโนปิ ¶ กสิกมฺมาทิเก วา พลวปกฺขสนฺนิสฺสิเตหิ อภิภวนาทิเก วา กิจฺเจ อุปฺปนฺเน เย ตํ กิจฺจํ นิปฺผาเทตุํ วา วูปสเมตุํ วา สกฺโกนฺติ, เอวรูปา สุขา สหายาติ อตฺโถ. ตุฏฺี สุขาติ ยสฺมา ปน คิหิโนปิ สเกน อสนฺตุฏฺา สนฺธิจฺเฉทาทีนิ อารภนฺติ, ปพฺพชิตาปิ นานปฺปการํ อเนสนํ. อิติ เต สุขํ น วินฺทนฺติเยว. ตสฺมา ยา อิตรีตเรน ปริตฺเตน วา วิปุเลน วา อตฺตโน สนฺตเกน สนฺตุฏฺิ, อยเมว สุขาติ อตฺโถ. ปฺุนฺติ มรณกาเล ปน ยถาชฺฌาสเยน ปตฺถริตฺวา กตปฺุกมฺมเมว ¶ สุขํ. สพฺพสฺสาติ สกลสฺสปิ ปน วฏฺฏทุกฺขสฺส ปหานสงฺขาตํ อรหตฺตเมว อิมสฺมึ โลเก สุขํ นาม.
มตฺเตยฺยตาติ ¶ มาตริ สมฺมา ปฏิปตฺติ. เปตฺเตยฺยตาติ ปิตริ สมฺมา ปฏิปตฺติ. อุภเยนปิ มาตาปิตูนํ อุปฏฺานเมว กถิตํ. มาตาปิตโร หิ ปุตฺตานํ อนุปฏฺหนภาวํ ตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ ภูมิยํ วา นิทหนฺติ, ปเรสํ วา วิสฺสชฺเชนฺติ, ‘‘มาตาปิตโร น อุปฏฺหนฺตี’’ติ เนสํ นินฺทาปิ วฑฺฒติ, กายสฺส เภทา คูถนิรเยปิ นิพฺพตฺตนฺติ. เย ปน มาตาปิตโร สกฺกจฺจํ อุปฏฺหนฺติ, เต ¶ เตสํ สนฺตกํ ธนมฺปิ ปาปุณนฺติ, ปสํสมฺปิ ลภนฺติ, กายสฺส เภทา สคฺเค นิพฺพตฺตนฺติ. ตสฺมา อุภยมฺเปตํ สุขนฺติ วุตฺตํ. สามฺตาติ ปพฺพชิเตสุ สมฺมา ปฏิปตฺติ. พฺรหฺมฺตาติ พาหิตปาเปสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกสุ สมฺมา ปฏิปตฺติเยว. อุภเยนปิ เตสํ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปฏิชคฺคนภาโว กถิโต, อิทมฺปิ โลเก สุขํ นาม กถิกํ.
สีลนฺติ มณิกุณฺฑลรตฺตวตฺถาทโย หิ อลงฺการา ตสฺมึ ตสฺมึ วเย ิตานํเยว โสภนฺติ. น ทหรานํ อลงฺกาโร มหลฺลกกาเล, มหลฺลกานํ วา อลงฺกาโร ทหรกาเล โสภติ, ‘‘อุมฺมตฺตโก เอส มฺเ’’ติ ครหุปฺปาทเนน ปน โทสเมว ชเนติ. ปฺจสีลทสสีลาทิเภทํ ปน สีลํ ทหรสฺสาปิ มหลฺลกสฺสาปิ สพฺพวเยสุ โสภติเยว, ‘‘อโห วตายํ สีลวา’’ติ ปสํสุปฺปาทเนน โสมนสฺสเมว อาวหติ. เตน วุตฺตํ – สุขํ ยาว ชรา สีลนฺติ. สทฺธา ปติฏฺิตาติ โลกิยโลกุตฺตรโต ทุวิธาปิ สทฺธา นิจฺจลา หุตฺวา ปติฏฺิตา. สุโข ปฺาย ปฏิลาโภติ โลกิยโลกุตฺตรปฺาย ปฏิลาโภ สุโข. ปาปานํ ¶ อกรณนฺติ เสตุฆาตวเสน ปน ปาปานํ อกรณํ อิมสฺมึ โลเก สุขนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหูนํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.
มารวตฺถุ อฏฺมํ.
นาควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
เตวีสติโม วคฺโค.