📜
๒๔. ตณฺหาวคฺโค
๑. กปิลมจฺฉวตฺถุ
มนุชสฺสาติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กปิลมจฺฉํ อารพฺภ กเถสิ.
อตีเต กิร กสฺสปภควโต ปรินิพฺพุตกาเล ทฺเว กุลภาตโร นิกฺขมิตฺวา สาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสุ เชฏฺโ สาคโต นาม อโหสิ, กนิฏฺโ กปิโล นาม. มาตา ปน เนสํ สาธินี นาม, กนิฏฺภคินี ตาปนา นาม. ตาปิ ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชึสุ. เอวํ เตสุ ปพฺพชิเตสุ อุโภ ภาตโร อาจริยุปชฺฌายานํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา วิหรนฺตา เอกทิวสํ, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ สาสเน กติ ธุรานี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘คนฺถธุรํ วิปสฺสนาธุรฺจาติ ทฺเว ธุรานี’’ติ สุตฺวา เชฏฺโ ‘‘วิปสฺสนาธุรํ ¶ ปูเรสฺสามี’’ติ ปฺจ วสฺสานิ อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก วสิตฺวา ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วายมนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. กนิฏฺโ ‘‘อหํ ตาว ตรุโณ, วุฑฺฒกาเล วิปสฺสนาธุรํ ปูเรสฺสามี’’ติ คนฺถธุรํ ปฏฺเปตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคณฺหิ. ตสฺส ปริยตฺตึ นิสฺสาย มหาปริวาโร, ปริวารํ นิสฺสาย ลาโภ อุทปาทิ. โส พาหุสจฺจมเทน มตฺโต ลาภตณฺหาย อภิภูโต อติปณฺฑิตมานิตาย ปเรหิ วุตฺตํ กปฺปิยมฺปิ ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ วเทติ, อกปฺปิยมฺปิ ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วเทติ, สาวชฺชมฺปิ ‘‘อนวชฺช’’นฺติ, อนวชฺชมฺปิ ‘‘สาวชฺช’’นฺติ. โส เปสเลหิ ภิกฺขูหิ ‘‘มา, อาวุโส กปิล, เอวํ อวจา’’ติ วตฺวา ธมฺมฺจ วินยฺจ ทสฺเสตฺวา โอวทิยมาโนปิ ‘‘ตุมฺเห กึ ชานาถ, ริตฺตมุฏฺิสทิสา’’ติอาทีนิ วตฺวา ขุํเสนฺโต วมฺเภนฺโต จรติ. อถสฺส ภาตุ สาคตตฺเถรสฺสาปิ ภิกฺขู ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. โสปิ นํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อาวุโส กปิล, ตุมฺหาทิสานฺหิ สมฺมาปฏิปตฺติ สาสนสฺส อายุ นาม, ตสฺมา ปฏิปตฺตึ ปหาย กปฺปิยาทีนิ ปฏิพาหนฺโต มา เอวํ อวจา’’ติ โอวทิ. โส ตสฺสปิ วจนํ นาทิยิ. เอวํ สนฺเตปิ เถโร ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ โอวทิตฺวา โอวาทํ อคณฺหนฺตํ ‘‘นายํ มม วจนํ กโรตี’’ติ ตฺวา ‘‘เตน, อาวุโส, ปฺายิสฺสสิ สเกน กมฺเมนา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ ¶ . ตโต ปฏฺาย นํ อฺเ เปสลา ภิกฺขู ฉฑฺฑยึสุ.
โส ¶ ¶ ทุราจาโร หุตฺวา ทุราจารปริวุโต วิหรนฺโต เอกทิวสํ อุโปสถคฺเค ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ พีชนึ อาทาย ธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘วตฺตติ, อาวุโส, เอตฺถ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โก อตฺโถ อิมสฺส ปฏิวจเนน ทินฺเนนา’’ติ ตุณฺหีภูเต ภิกฺขู ทิสฺวา, ‘‘อาวุโส, ธมฺโม วา วินโย วา นตฺถิ, ปาติโมกฺเขน สุเตน วา อสุเตน วา โก อตฺโถ’’ติ วตฺวา อาสนา วุฏฺหิ. เอวํ โส กสฺสปสฺส ภควโต ปริยตฺติสาสนํ โอสกฺกาเปสิ. สาคตตฺเถโรปิ ตทเหว ปรินิพฺพายิ. กปิโล อายุปริโยสาเน อวีจิมฺหิ มหานิรเย นิพฺพตฺติ. สาปิสฺส มาตา จ ภคินี จ ตสฺเสว ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชิตฺวา เปสเล ภิกฺขู อกฺโกสิตฺวา ปริภาสิตฺวา ตตฺเถว นิพฺพตฺตึสุ.
ตสฺมึ ปน กาเล ปฺจสตา ปุริสา คามฆาตกาทีนิ กตฺวา โจริกาย ชีวนฺตา ชนปทมนุสฺเสหิ อนุพทฺธา ปลายมานา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ กิฺจิ ปฏิสรณํ อปสฺสนฺตา อฺตรํ อารฺิกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ปฏิสรณํ โน, ภนฺเต, โหถา’’ติ วทึสุ. เถโร ‘‘ตุมฺหากํ สีลสทิสํ ปฏิสรณํ นาม ¶ นตฺถิ, สพฺเพปิ ปฺจสีลานิ สมาทิยถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สีลานิ สมาทิยึสุ. อถ เน เถโร โอวทิ – ‘‘อิทานิ ตุมฺเห สีลวนฺตา, ชีวิตเหตุปิ โว เนว สีลํ อติกฺกมิตพฺพํ, น มโนปโทโส กาตพฺโพ’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. อถ เน ชนปทมนุสฺสา ตํ านํ ปตฺวา อิโต จิโต จ ปริเยสมานา เต โจเร ทิสฺวา สพฺเพ เต ชีวิตา โวโรเปสุํ. เต กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ, โจรเชฏฺโก เชฏฺกเทวปุตฺโต อโหสิ.
เต อนุโลมปฏิโลมวเสน เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินครทฺวาเร ปฺจสตกุลิเก เกวฏฺฏคาเม นิพฺพตฺตึสุ. เชฏฺกเทวปุตฺโต เกวฏฺฏเชฏฺกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อิตเร อิตเรสุ. เอวํ เตสํ เอกทิวเสเยว ปฏิสนฺธิคหณฺจ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺจ อโหสิ. เกวฏฺฏเชฏฺโก ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมสฺมึ คาเม อฺเปิ ทารกา อชฺช ชาตา’’ติ ปริเยสาเปตฺวา เตสํ ชาตภาวํ ตฺวา ‘‘เอเต มม ปุตฺตสฺส สหายกา ภวิสฺสนฺตี’’ติ สพฺเพสํ โปสาวนิกํ ¶ ทาเปสิ. เต สพฺเพปิ สหปํสุกีฬกา สหายกา หุตฺวา อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺตา อเหสุํ. เตสํ เกวฏฺฏเชฏฺกปุตฺโตว ยสโต จ เตชโต จ อคฺคปุริโส อโหสิ.
กปิโลปิ ¶ เอกํ พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน ตสฺมึ กาเล อจิรวติยา สุวณฺณวณฺโณ ทุคฺคนฺธมุโข มจฺโฉ หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถกทิวสํ เต สหายกา ‘‘มจฺเฉ พนฺธิสฺสามา’’ติ ชาลาทีนิ คเหตฺวา นทิยา ขิปึสุ. อถ เนสํ อนฺโตชาลํ โส มจฺโฉ ปาวิสิ ¶ . ตํ ทิสฺวา สพฺเพ เกวฏฺฏคามวาสิโน อุจฺจาสทฺทมกํสุ – ‘‘ปุตฺตา โน ปมํ มจฺเฉ พนฺธนฺตา สุวณฺณมจฺฉํ พนฺธึสุ, อิทานิ โน ราชา พหุธนํ ทสฺสตี’’ติ. เตปิ โข สหายกา มจฺฉํ นาวาย ปกฺขิปิตฺวา นาวํ อุกฺขิปิตฺวา รฺโ สนฺติกํ อคมํสุ. รฺาปิ ตํ ทิสฺวาว ‘‘กึ เอต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘มจฺโฉ, เทวา’’ติ อาหํสุ. ราชา สุวณฺณวณฺณํ มจฺฉํ ทิสฺวา ‘‘สตฺถา เอตสฺส สุวณฺณวณฺณการณํ ชานิสฺสตี’’ติ มจฺฉํ คาหาเปตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. มจฺเฉน มุเข วิวฏมตฺเตเยว สกลเชตวนํ อติวิย ทุคฺคนฺธํ อโหสิ. ราชา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, มจฺโฉ สุวณฺณวณฺโณ ชาโต, กสฺมา จสฺส มุขโต ทุคฺคนฺโธ วายตี’’ติ?
อยํ, มหาราช, กสฺสปภควโต ปาวจเน กปิโล นาม ภิกฺขุ อโหสิ พหุสฺสุโต มหาปริวาโร ลาภตณฺหาย อภิภูโต อตฺตโน วจนํ อคณฺหนฺตานํ อกฺโกสกปริภาสโก, ตสฺส จ ภควโต สาสนํ โอสกฺกาเปสิ, โส เตน ¶ กมฺเมน อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา วิปากาวเสเสน อิทานิ มจฺโฉ หุตฺวา ชาโต. ยํ ปน โส ทีฆรตฺตํ พุทฺธวจนํ วาเจสิ, พุทฺธสฺส จ คุณํ กเถสิ, ตสฺส นิสฺสนฺเทน อิมํ สุวณฺณวณฺณํ ปฏิลภิ. ยํ ภิกฺขูนํ อกฺโกสกปริภาสโก อโหสิ, เตนสฺส มุขโต ทุคฺคนฺโธ วายติ. ‘‘กถาเปมิ นํ, มหาราชา’’ติ? ‘‘กถาเปถ, ภนฺเต’’ติ. อถ นํ สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘ตฺวํสิ กปิโล’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อหํ กปิโล’’ติ. ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ? ‘‘อวีจิมหานิรยโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เชฏฺภาติโก เต สาคโต กุหึ คโต’’ติ? ‘‘ปรินิพฺพุโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มาตา ปน เต สาธินี กห’’นฺติ? ‘‘มหานิรเย นิพฺพตฺตา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กนิฏฺภคินี จ เต ตาปนา กห’’นฺติ? ‘‘มหานิรเย นิพฺพตฺตา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อิทานิ ตฺวํ กหํ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘อวีจิมหานิรยเมว, ภนฺเต’’ติ วตฺวา วิปฺปฏิสาราภิภูโต นาวํ ¶ สีเสน ปหริตฺวา ตาวเทว กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ. มหาชโน สํวิคฺโค อโหสิ โลมหฏฺชาโต.
อถ ภควา ตสฺมึ ขเณ สนฺนิปติตาย ปริสาย จิตฺตาจารํ โอโลเกตฺวา ตงฺขณานุรูปํ ธมฺมํ เทเสตุํ ‘‘ธมฺมจริยํ พฺรหฺมจริยํ, เอตทาหุ วสุตฺตม’’นฺติ สุตฺตนิปาเต (สุ. นิ. ๒๗๖) กปิลสุตฺตํ กเถตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘มนุชสฺส ¶ ปมตฺตจาริโน, ตณฺหา วฑฺฒติ มาลุวา วิย;
โส ปฺลวตี หุรา หุรํ, ผลมิจฺฉํว วนสฺมิ วานโร.
‘‘ยํ ¶ เอสา สหเต ชมฺมี, ตณฺหา โลเก วิสตฺติกา;
โสกา ตสฺส ปวฑฺฒนฺติ, อภิวฏฺํว พีรณํ.
‘‘โย เจตํ สหเต ชมฺมึ, ตณฺหํ โลเก ทุรจฺจยํ;
โสกา ตมฺหา ปปตนฺติ, อุทพินฺทุว โปกฺขรา.
‘‘ตํ โว วทามิ ภทฺทํ โว, ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา;
ตณฺหาย มูลํ ขณถ, อุสีรตฺโถว พีรณํ;
มา โว นฬํว โสโตว, มาโร ภฺชิ ปุนปฺปุน’’นฺติ.
ตตฺถ ปมตฺตจาริโนติ สติโวสฺสคฺคลกฺขเณน ปมาเทน ปมตฺตจาริสฺส ปุคฺคลสฺส เนว ฌานํ น วิปสฺสนา น มคฺคผลานิ วฑฺฒนฺติ. ยถา ปน รุกฺขํ สํสิพฺพนฺตี ปริโยนนฺธนฺตี ตสฺส วินาสาย มาลุวาลตา วฑฺฒติ ¶ , เอวมสฺส ฉ ทฺวารานิ นิสฺสาย ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต ตณฺหา วฑฺฒตีติ อตฺโถ. โส ปฺลวตี หุรา หุรนฺติ โส ตณฺหาวสิโก ปุคฺคโล ภเว ภเว อุปฺลวติ ธาวติ. ยถา กึ วิยาติ? ผลมิจฺฉํว วนสฺมิ วานโร, ยถา รุกฺขผลํ อิจฺฉนฺโต วานโร วนสฺมึ ธาวติ, ตสฺส ตสฺส รุกฺขสฺส สาขํ คณฺหาติ, ตํ มฺุจิตฺวา อฺํ คณฺหาติ, ตมฺปิ มฺุจิตฺวา อฺํ คณฺหาติ, ‘‘สาขํ อลภิตฺวา สนฺนิสินฺโน’’ติ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชติ, เอวเมว ตณฺหาวสิโก ปุคฺคโล หุรา หุรํ ธาวนฺโต ‘‘อารมฺมณํ อลภิตฺวา ตณฺหาย อปวตฺตํ ปตฺโต’’ติ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชติ.
ยนฺติ ¶ ยํ ปุคฺคลํ เอสา ลามกภาเวน ชมฺมี วิสาหารตาย วิสปุปฺผตาย วิสผลตาย วิสปริโภคตาย รูปาทีสุ วิสตฺตตาย อาสตฺตตาย วิสตฺติกาติ สงฺขฺยํ คตา ฉทฺวาริกตณฺหา อภิภวติ. ยถา นาม วสฺสาเน ปุนปฺปุนํ วสฺสนฺเตน เทเวน ¶ อภิวฏฺํ พีรณติณํ วฑฺฒติ, เอวํ ตสฺส ปุคฺคลสฺส อนฺโต วฏฺฏมูลกา โสกา อภิวฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ.
ทุรจฺจยนฺติ โย ปน ปุคฺคโล เอวํ วุตฺตปฺปการํ อติกฺกมิตุํ ปชหิตุํ ทุกฺกรตาย ทุรจฺจยํ ตณฺหํ สหติ อภิภวติ, ตมฺหา ปุคฺคลา วฏฺฏมูลกา โสกา ปปตนฺติ. ยถา นาม โปกฺขเร ปทุมปตฺเต ปติตํ อุทกพินฺทุ น ปติฏฺาติ, เอวํ น ปติฏฺหนฺตีติ อตฺโถ.
ตํ โว วทามีติ เตน การเณน อหํ ตุมฺเห วทามิ. ภทฺทํ โวติ ภทฺทํ ตุมฺหากํ โหตุ, มา ¶ อหํ กปิโล วิย วินาสํ ปาปุณถาติ อตฺโถ. มูลนฺติ อิมิสฺสา ฉทฺวาริกตณฺหาย อรหตฺตมคฺคาเณน มูลํ ขณถ. กึ วิยาติ? อุสีรตฺโถว พีรณํ, ยถา อุสีเรน อตฺถิโก ปุริโส มหนฺเตน กุทาเลน พีรณํ ขณติ, เอวมสฺสา มูลํ ขณถาติ อตฺโถ. มา โว นฬํว โสโตว, มาโร ภฺชิ ปุนปฺปุนนฺติ มา ตุมฺเห นทีโสเต ชาตํ นฬํ มหาเวเคน อาคโต นทีโสโต วิย กิเลสมาโร มรณมาโร เทวปุตฺตมาโร จ ปุนปฺปุนํ ภฺชตูติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ เกวฏฺฏปุตฺตา สํเวคํ อาปชฺชิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยํ ปตฺถยมานา สตฺถุ สนฺติเก ¶ ปพฺพชิตฺวา น จิรสฺเสว ทุกฺขสฺสนฺตํ กตฺวา สตฺถารา สทฺธึ อาเนฺชวิหารสมาปตฺติธมฺมปริโภเคน เอกปริโภคา อเหสุนฺติ.
กปิลมจฺฉวตฺถุ ปมํ.
๒. สูกรโปติกาวตฺถุ
ยถาปิ มูเลติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต คูถสูกรโปติกํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมึ ¶ กิร สมเย สตฺถา ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต เอกํ สูกรโปติกํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. ตสฺส สิตํ กโรนฺตสฺส มุขวิวรนิคฺคตํ ทนฺโตภาสมณฺฑลํ ทิสฺวา อานนฺทตฺเถโร ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ สิตสฺส ปาตุกมฺมายา’’ติ สิตการณํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘ปสฺสเสตํ, อานนฺท, สูกรโปติก’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. เอสา กกุสนฺธสฺส ภควโต สาสเน เอกาย อาสนสาลาย สามนฺตา กุกฺกุฏี อโหสิ. สา เอกสฺส โยคาวจรสฺส วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ สชฺฌายนฺตสฺส ธมฺมโฆสํ สุตฺวา ตโต จุตา ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุพฺพรี นาม ราชธีตา อโหสิ. สา อปรภาเค สรีรวลฺชฏฺานํ ปวิฏฺา ปุฬวกราสึ ทิสฺวา ตตฺถ ¶ ปุฬวกสฺํ อุปฺปาเทตฺวา ปมํ ฌานํ ปฏิลภิ. สา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุตา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. ตโต จวิตฺวา ปุน คติวเสน อาลุลมานา อิทานิ สูกรโยนิยํ นิพฺพตฺติ, อิทํ การณํ ทิสฺวา มยา สิตํ ปาตุกตนฺติ. ตํ สุตฺวา อานนฺทตฺเถรปฺปมุขา ภิกฺขู มหนฺตํ สํเวคํ ปฏิลภึสุ. สตฺถา เตสํ สํเวคํ อุปฺปาเทตฺวา ภวตณฺหาย อาทีนวํ ปกาเสนฺโต อนฺตรวีถิยํ ิตโกว อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ยถาปิ ¶ มูเล อนุปทฺทเว ทฬฺเห,
ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเรว รูหติ;
เอวมฺปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต,
นิพฺพตฺตตี ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุนํ.
‘‘ยสฺส ฉตฺตึสติ โสตา, มนาปสวนา ภุสา;
มหาวหนฺติ ทุทฺทิฏฺึ, สงฺกปฺปา ราคนิสฺสิตา.
‘‘สวนฺติ สพฺพธิ โสตา, ลตา อุปฺปชฺช ติฏฺติ;
ตฺจ ทิสฺวา ลตํ ชาตํ, มูลํ ปฺาย ฉินฺทถ.
‘‘สริตานิ สิเนหิตานิ จ,
โสมนสฺสานิ โหนฺติ ชนฺตุโน;
เต สาตสิตา สุเขสิโน,
เต เว ชาติชรูปคา นรา.
‘‘ตสิณาย ¶ ปุรกฺขตา ปชา,
ปริสปฺปนฺติ สโสว พนฺธิโต;
สํโยชนสงฺคสตฺตกา,
ทุกฺขมุเปนฺติ ปุนปฺปุนํ จิราย.
‘‘ตสิณาย ¶ ปุรกฺขตา ปชา,
ปริสปฺปนฺติ สโสว พนฺธิโต;
ตสฺมา ตสิณํ วิโนทเย,
อากงฺขนฺต วิราคมตฺตโน’’ติ.
ตตฺถ มูเลติ ยสฺส รุกฺขสฺส จตูสุ ทิสาสุ จตุธา เหฏฺา จ อุชุกเมว คเต ปฺจวิธมูเล เฉทนผาลนปาจนวิชฺฌนาทีนํ เกนจิ อุปทฺทเวน อนุปทฺทเว ถิรปตฺตตาย ทฬฺเห โส รุกฺโข อุปริจฺฉินฺโนปิ สาขานํ วเสน ปุนเทว รูหติ, เอวเมว ฉทฺวาริกาย ตณฺหาย อนุสเย ¶ อรหตฺตมคฺคาเณน อนุหเต อสมุจฺฉินฺเน ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว ชาติอาทิเภทํ อิทํ ทุกฺขํ ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺตติเยวาติ อตฺโถ.
ยสฺสาติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ‘‘อิติ อชฺฌตฺติกสฺสูปาทาย อฏฺารส ตณฺหาวิจริตานิ พาหิรสฺสูปาทาย อฏฺารส ตณฺหาวิจริตานี’’ติ อิเมสํ ตณฺหาวิจริตานํ วเสน ฉตฺตึสติยา โสเตหิ สมนฺนาคตา มนาเปสุ รูปาทีสุ อาสวติ ปวตฺตตีติ มนาปสวนา ตณฺหา ภุสา พลวตี โหติ, ตํ ปุคฺคลํ วิปนฺนาณตาย ทุทฺทิฏฺึ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต มหนฺตภาเวน มหา หุตฺวา ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา อนิสฺสาย ราคนิสฺสิตา ¶ สงฺกปฺปา วหนฺตีติ อตฺโถ.
สวนฺติ สพฺพธิ โสตาติ อิเม ตณฺหาโสตา จกฺขุทฺวาราทีนํ วเสน สพฺเพสุ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ สวนโต, สพฺพาปิ รูปตณฺหา…เป… ธมฺมตณฺหาติ สพฺพภเวสุ วา สวนโต สพฺพธิ สวนฺติ นาม. ลตาติ ปลิเวนฏฺเน สํสิพฺพนฏฺเน จ ลตา วิยาติ ลตา. อุปฺปชฺช ติฏฺตีติ ฉหิ ทฺวาเรหิ อุปฺปชฺชิตฺวา รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ติฏฺติ. ตฺจ ทิสฺวาติ ตํ ปน ตณฺหาลตํ ‘‘เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ ชาตฏฺานวเสน ทิสฺวา. ปฺายาติ สตฺเถน วเน ชาตํ ลตํ วิย มคฺคปฺาย มูเล ฉินฺทถาติ อตฺโถ.
สริตานีติ ¶ อนุสฏานิ ปยาตานิ. สิเนหิตานีติ จีวราทีสุ ปวตฺตสิเนหวเสน สิเนหิตานิ จ, ตณฺหาสิเนหมกฺขิตานีติ อตฺโถ. โสมนสฺสานีติ ตณฺหาวสิกสฺส ชนฺตุโน เอวรูปานิ โสมนสฺสานิ ภวนฺติ. เต สาตสิตาติ เต ตณฺหาวสิกา ปุคฺคลา สาตนิสฺสิตา สุขนิสฺสิตา จ หุตฺวา สุเขสิโน สุขปริเยสิโน ภวนฺติ. เต เวติ เย เอวรูปา นรา, เต ชาติชราพฺยาธิมรณานิ อุปคจฺฉนฺติเยวาติ ชาติชรูปคา นาม โหนฺติ. ปชาติ อิเม สตฺตา ตาสกรเณน ตสิณาติ สงฺขฺยํ คตาย ตณฺหาย ปุรกฺขตา ปริวาริตา หุตฺวา.
พนฺธิโตติ ลุทฺเทน อรฺเ พทฺโธ สโส วิย ปริสปฺปนฺติ ภายนฺติ. สํโยชนสงฺคสตฺตกาติ ¶ ทสวิเธน สํโยชนสงฺเคน เจว สตฺตวิเธน ราคสงฺคาทินา จ สตฺตา พทฺธา ตสฺมึ วา ลคฺคา หุตฺวา. จิรายาติ จิรํ ทีฆมทฺธานํ ปุนปฺปุนํ ชาติอาทิกํ ทุกฺขํ อุปคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา ตสิณาย ปุรกฺขตา ปลิเวิตา สตฺตา, ตสฺมา อตฺตโน วิราคํ ราคาทิวิคมํ นิพฺพานํ ปตฺเถนฺโต อากงฺกมาโน ภิกฺขุ อรหตฺตมคฺเคเนตํ ตสิณํ วิโนทเย ปนุทิตฺวา นีหริตฺวา ฉฑฺเฑยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ.
สาปิ โข สูกรโปติกา ตโต จวิตฺวา สุวณฺณภูมิยํ ราชกุเล นิพฺพตฺติ, ตโต จุตา พาราณสิยํ, ตโต จุตา สุปฺปารกปฏฺฏเน อสฺสวาณิชเคเห นิพฺพตฺติ, ตโต จุตา กาวีรปฏฺฏเน นาวิกสฺส เคเห นิพฺพตฺติ, ตโต จุตา อนุราธปุเร อิสฺสรกุลเคเห นิพฺพตฺติ, ตโต จุตา ตสฺเสว ทกฺขิณทิสาย โภกฺกนฺตคาเม สุมนสฺส นาม กุฏุมฺพิกสฺส ธีตา นาเมน สุมนา เอว หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อถสฺสา ปิตา ตสฺมึ คาเม ฉฑฺฑิเต ทีฆวาปิรฏฺํ คนฺตฺวา มหามุนิคาเม นาม วสิ. ตตฺถ นํ ทุฏฺคามณิรฺโ อมจฺโจ ลกุณฺฑกอติมฺพโร นาม เกนจิเทว กรณีเยน คโต ทิสฺวา มหนฺตํ มงฺคลํ กตฺวา อาทาย มหาปุณฺณคามํ คโต. อถ นํ โกฏิปพฺพตมหาวิหารวาสี มหาอนุรุทฺธตฺเถโร นาม ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา ตสฺสา เคหทฺวาเร ิโต ทิสฺวา ภิกฺขูหิ สทฺธึ กเถสิ, ‘‘อาวุโส, สูกรโปติกา นาม ลกุณฺฑกอติมฺพรมหามตฺตสฺส ¶ ภริยภาวํ ปตฺตา, อโห อจฺฉริย’’นฺติ. สา ตํ กถํ สุตฺวา อตีตภเว ¶ อุคฺฆาเฏตฺวา ชาติสฺสราณํ ปฏิลภิ. ตงฺขณฺเว อุปฺปนฺนสํเวคา สามิกํ ยาจิตฺวา มหนฺเตน อิสฺสริเยน ปฺจพลกตฺเถรีนํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ติสฺสมหาวิหาเร มหาสติปฏฺานสุตฺตกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ปจฺฉา ทมิฬมทฺทเน กเต าตีนํ วสนฏฺานํ โภกฺกนฺตคามเมว คนฺตฺวา ตตฺถ วสนฺตี กลฺลมหาวิหาเร อาสีวิโสปมสุตฺตนฺตํ สุตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.
สา ปรินิพฺพานทิวเส ภิกฺขุภิกฺขุนีหิ ปุจฺฉิตา ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส สพฺพํ อิมํ ปวตฺตึ นิรนฺตรํ กเถตฺวา สนฺนิปติตสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ มณฺฑลารามวาสินา ธมฺมปทภาณกมหาติสฺสตฺเถเรน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา ‘‘อหํ ปุพฺเพ มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุตา กุกฺกุฏี หุตฺวา ตตฺถ เสนสฺส สนฺติกา สีสจฺเฉทํ ปตฺวา ราชคเห นิพฺพตฺตา, ปริพฺพาชิกาสุ ปพฺพชิตฺวา ปมชฺฌานภูมิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุตา เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺตา นจิรสฺเสว จวิตฺวา สูกรโยนึ คนฺตฺวา ตโต จุตา สุวณฺณภูมึ, ตโต จุตา พาราณสึ, ตโต จุตา สุปฺปารกปฏฺฏนํ, ตโต จุตา กาวีรปฏฺฏนํ, ตโต จุตา อนุราธปุรํ, ตโต จุตา โภกฺกนฺตคาม’’นฺติ เอวํ สมวิสเม เตรส อตฺตภาเว ปตฺวา ‘‘อิทานิ อุกฺกณฺิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา, สพฺเพปิ อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ วตฺวา จตสฺโส ปริสา สํเวเชตฺวา ปรินิพฺพายีติ.
สูกรโปติกาวตฺถุ ทุติยํ.
๓. วิพฺภนฺตภิกฺขุวตฺถุ
โย ¶ ¶ นิพฺพนโถติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ วิพฺภนฺตกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร มหากสฺสปตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก หุตฺวา จตฺตาริ ฌานานิ อุปฺปาเทตฺวาปิ อตฺตโน มาตุลสฺส สุวณฺณการสฺส เคเห วิสภาคารมฺมณํ ทิสฺวา ตตฺถ ปฏิพทฺธจิตฺโต วิพฺภมิ. อถ นํ มนุสฺสา อลสภาเวน กมฺมํ กาตุํ อนิจฺฉนฺตํ เคหา นีหรึสุ. โส ปาปมิตฺตสํสคฺเคน โจรกมฺเมน ชีวิกํ กปฺเปนฺโต วิจริ. อถ นํ เอกทิวสํ คเหตฺวา ¶ ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จตุกฺเก จตุกฺเก กสาหิ ตาเฬนฺตา อาฆาตนํ นยึสุ. เถโร ปิณฺฑาย จริตุํ ปวิสนฺโต ตํ ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นีหริยมานํ ทิสฺวา พนฺธนํ สิถิลํ กาเรตฺวา ‘‘ปุพฺเพ ตยา ปริจิตกมฺมฏฺานํ ปุน อาวชฺเชหี’’ติ อาห. โส เตน โอวาเทน สตุปฺปาทํ ลภิตฺวา ปุน จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตสิ. อถ นํ ‘‘อาฆาตนํ เนตฺวา ฆาเตสฺสามา’’ติ สูเล อุตฺตาเสสุํ. โส น ภายติ น สนฺตสติ. อถสฺส ตสฺมึ ตสฺมึ ทิสาภาเค ิตา มนุสฺสา อสิสตฺติโตมราทีนิ อาวุธานิ อุกฺขิปิตฺวาปิ ตํ อสนฺตสนฺตเมว ทิสฺวา ‘‘ปสฺสถ, โภ, อิมํ ปุริสํ, อเนกสตานฺหิ อาวุธหตฺถานํ ปุริสานํ มชฺเฌ เนว ฉมฺภติ น เวธติ, อโห อจฺฉริย’’นฺติ อจฺฉริยพฺภุตชาตา มหานาทํ นทิตฺวา รฺโ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. ราชา ตํ การณํ สุตฺวา ‘‘วิสฺสชฺเชถ น’’นฺติ อาห. สตฺถุ สนฺติกมฺปิ ¶ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรจยึสุ. สตฺถา โอภาสํ ผริตฺวา ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โย นิพฺพนโถ วนาธิมุตฺโต,
วนมุตฺโต วนเมว ธาวติ;
ตํ ปุคฺคลเมถ ปสฺสถ,
มุตฺโต พนฺธนเมว ธาวตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – โย ปุคฺคโล คิหิภาเว อาลยสงฺขาตํ วนถํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิตตาย นิพฺพนโถ ทิพฺพวิหารสงฺขาเต ตโปวเน อธิมุตฺโต ฆราวาสพนฺธนสงฺขาตา ตณฺหาวนา มุตฺโต หุตฺวา ปุน ฆราวาสพนฺธนสงฺขาตํ ตณฺหาวนเมว ธาวติ, เอถ ตํ ปุคฺคลํ ปสฺสถ, เอโส ฆราวาสพนฺธนโต มุตฺโต ฆราวาสพนฺธนเมว ธาวตีติ.
อิมํ ¶ ปน เทสนํ สุตฺวา โส ราชปุริสานํ อนฺตเร สูลคฺเค นิสินฺโนว อุทยพฺพยํ ปฏฺเปตฺวา ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา สมาปตฺติสุขํ อนุภวนฺโต เวหาสํ อุปฺปติตฺวา อากาเสเนว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สราชิกาย ปริสาย มชฺเฌเยว อรหตฺตํ ปาปุณีติ.
วิพฺภนฺตภิกฺขุวตฺถุ ตติยํ.
๔. พนฺธนาคารวตฺถุ
น ¶ ตํ ทฬฺหนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พนฺธนาคารํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมึ กิร กาเล พหู สนฺธิจฺเฉทกปนฺถฆาตกมนุสฺสฆาตเก โจเร ¶ อาเนตฺวา โกสลรฺโ ทสฺสยึสุ. เต ราชา อนฺทุพนฺธนรชฺชุพนฺธนสงฺขลิกพนฺธเนหิ พนฺธาเปสิ. ตึสมตฺตาปิ โข ชานปทา ภิกฺขู สตฺถารํ ทฏฺุกามา อาคนฺตฺวา ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ปุนทิวเส สาวตฺถึ ปิณฺฑาย จรนฺตา พนฺธนาคารํ คนฺตฺวา เต โจเร ทิสฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา สายนฺหสมเย ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช อมฺเหหิ ปิณฺฑาย จรนฺเตหิ พนฺธนาคาเร พหู โจรา อนฺทุพนฺธนาทีหิ พทฺธา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตา ทิฏฺา, เต ตานิ พนฺธนานิ ฉินฺทิตฺวา ปลายิตุํ น สกฺโกนฺติ, อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, เตหิ พนฺธเนหิ ถิรตรํ อฺํ พนฺธนํ นามา’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, กึ พนฺธนานิ นาเมตานิ, ยํ ปเนตํ ธนธฺปุตฺตทาราทีสุ ตณฺหาสงฺขาตํ กิเลสพนฺธนํ, เอตํ เอเตหิ สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน ถิรตรํ, เอวํ มหนฺตมฺปิ ปเนตํ ทุจฺฉินฺทนิยํ พนฺธนํ โปราณกปณฺฑิตา ฉินฺทิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ ทุคฺคตคหปติกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส ปิตา กาลมกาสิ. โส ภตึ กตฺวา มาตรํ โปเสสิ. อถสฺส มาตา อนิจฺฉมานสฺเสว เอกํ กุลธีตรํ เคเห กตฺวา อปรภาเค กาลมกาสิ. ภริยายปิสฺส กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺหิ. โส คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ อชานนฺโตว, ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ ภตึ กตฺวา ชีว, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘สามิ, นนุ คพฺโภ ¶ เม ปติฏฺิโต, มยิ วิชาตาย ทารกํ ทิสฺวา ปพฺพชิสฺสสี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺสา วิชาตกาเล, ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ โสตฺถินา วิชาตา, อิทานิ อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาปุจฺฉิ. อถ นํ สา ‘‘ปุตฺตสฺส ¶ ตาว ถนปานโต อปคมนกาลํ อาคเมหี’’ติ วตฺวา ปุน คพฺภํ คณฺหิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา คนฺตุํ น สกฺกา, อิมิสฺสา อนาจิกฺขิตฺวาว ปลายิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส ¶ ตสฺสา อนาจิกฺขิตฺวาว รตฺติภาเค อุฏฺาย ปลายิ. อถ นํ นครคุตฺติกา อคฺคเหสุํ. โส ‘‘อหํ, สามิ, มาตุโปสโก นาม, วิสฺสชฺเชถ ม’’นฺติ อตฺตานํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา เอกสฺมึ าเน วสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺาสมาปตฺติโย ลภิตฺวา ฌานกีฬาย กีฬนฺโต วิหาสิ. โส ตตฺถ วสนฺโตเยว ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม เม ทุจฺฉินฺทนิยํ ปุตฺตทารพนฺธนํ กิเลสพนฺธนํ ฉินฺน’’นฺติ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา เตน อุทานิตํ อุทานํ ปกาเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา,
ยทายสํ ทารุชปพฺพชฺจ;
สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ,
ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา.
‘‘เอตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา,
โอหารินํ สิถิลํ ทุปฺปมฺุจํ;
เอตมฺปิ เฉตฺวาน ปริพฺพชนฺติ,
อนเปกฺขิโน กามสุขํ ปหายา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ธีราติ พุทฺธาทโย ปณฺฑิตปุริสา ยํ สงฺขลิกสงฺขาตํ อยสา นิพฺพตฺตํ อายสํ, อนฺทุพนฺธนสงฺขาตํ ทารุชํ, ยฺจ ปพฺพชติเณหิ วา อฺเหิ วา วากาทีหิ รชฺชุํ กตฺวา กตํ รชฺชุพนฺธนํ, ตํ อสิอาทีหิ ฉินฺทิตุํ สกฺกุเณยฺยภาเวน ถิรนฺติ น วทนฺตีติ อตฺโถ. สารตฺตรตฺตาติ สารตฺตา หุตฺวา รตฺตา, พหลตรราครตฺตาติ อตฺโถ. มณิกุณฺฑเลสูติ มณีสุ เจว กุณฺฑเลสุ จ, มณิวิจิตฺเตสุ วา กุณฺฑเลสุ. เอตํ ทฬฺหนฺติ เย มณิกุณฺฑเลสุ สารตฺตรตฺตา, เตสํ โส ราโค จ ยา ปุตฺตทาเรสุ อเปกฺขา ตณฺหา, เอตํ กิเลสมยํ พนฺธนฺจ ปณฺฑิตปุริสา ทฬฺหนฺติ วทนฺติ. โอหารินนฺติ อากฑฺฒิตฺวา จตูสุ อปาเยสุ ปาตนโต อวหรติ เหฏฺา หรตีติ โอหารินํ. สิถิลนฺติ พนฺธนฏฺาเน ฉวิจมฺมมํสานิ น ฉินฺทติ, โลหิตํ น นีหรติ, พนฺธนภาวมฺปิ อชานาเปตฺวา ถลปถชลปถาทีสุ กมฺมานิ กาตุํ เทตีติ สิถิลํ. ทุปฺปมฺุจนฺติ โลภวเสน หิ เอกวารมฺปิ อุปฺปนฺนํ กิเลสพนฺธนํ ทฏฺฏฺานโต กจฺฉโป ¶ วิย ทุมฺโมจิยํ ¶ โหตีติ ทุปฺปมฺุจํ. เอตมฺปิ เฉตฺวานาติ เอตํ ทฬฺหมฺปิ กิเลสพนฺธนํ าณขคฺเคน ฉินฺทิตฺวา อนเปกฺขิโน ¶ หุตฺวา กามสุขํ ปหาย ปริพฺพชนฺติ, ปกฺกมนฺติ ปพฺพชนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
พนฺธนาคารวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. เขมาเถรีวตฺถุ
เย ราครตฺตาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เขมํ นาม รฺโ พิมฺพิสารสฺส อคฺคมเหสึ อารพฺภ กเถสิ.
สา กิร ปทุมุตฺตรปาทมูเล ปตฺถิตปตฺถนา อติวิย อภิรูปา ปาสาทิกา อโหสิ. ‘‘สตฺถา กิร รูปสฺส โทสํ กเถตี’’ติ สุตฺวา ปน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตุํ น อิจฺฉิ. ราชา ตสฺสา รูปมทมตฺตภาวํ ตฺวา เวฬุวนวณฺณนาปฏิสํยุตฺตานิ คีตานิ กาเรตฺวา นฏาทีนํ ทาเปสิ. เตสํ ตานิ คายนฺตานํ สทฺทํ สุตฺวา ตสฺสา เวฬุวนํ อทิฏฺปุพฺพํ วิย อสุตปุพฺพํ วิย จ อโหสิ. สา ‘‘กตรํ อุยฺยานํ สนฺธาย คายถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เทวี, ตุมฺหากํ เวฬุวนุยฺยานเมวา’’ติ วุตฺเต อุยฺยานํ คนฺตุกามา อโหสิ. สตฺถา ตสฺสา อาคมนํ ตฺวา ปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโตว ตาลวณฺฏํ อาทาย อตฺตโน ปสฺเส ตฺวา พีชมานํ อภิรูปํ อิตฺถึ นิมฺมินิ. เขมา, เทวีปิ ปวิสมานาว ตํ อิตฺถึ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ รูปสฺส โทสํ กเถตีติ วทนฺติ, อยฺจสฺส สนฺติเก อิตฺถี พีชยมานา ิตา, นาหํ อิมิสฺสา กลภาคมฺปิ ¶ อุเปมิ, น มยา อีทิสํ อิตฺถิรูปํ ทิฏฺปุพฺพํ, สตฺถารํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ มฺเ’’ติ จินฺเตตฺวา ตถาคตสฺส กถาสทฺทมฺปิ อนิสาเมตฺวา ตเมว อิตฺถึ โอโลกยมานา อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺสา ตสฺมึ รูเป อุปฺปนฺนพหุมานตํ ตฺวา ตํ รูปํ ปมวยาทิวเสน ทสฺเสตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ปริโยสาเน อฏฺิมตฺตาวสานํ กตฺวา ทสฺเสสิ. เขมา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปมฺปิ นาเมตํ รูปํ มุหุตฺเตเนว ขยวยํ สมฺปตฺตํ, นตฺถิ วต อิมสฺมึ รูเป สาโร’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตสฺสา จิตฺตาจารํ โอโลเกตฺวา, ‘‘เขเม, ตฺวํ ‘อิมสฺมึ รูเป สาโร อตฺถี’ติ จินฺเตสิ, ปสฺส ทานิสฺส อสารภาว’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อาตุรํ ¶ ¶ อสุจึ ปูตึ, ปสฺส เขเม สมุสฺสยํ;
อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ, พาลานํ อภิปตฺถิต’’นฺติ. (อป. เถรี ๒.๒.๓๕๔);
สา คาถาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘เขเม, อิเม สตฺตา ราครตฺตา โทสปทุฏฺา โมหมูฬฺหา อตฺตโน ตณฺหาโสตํ สมติกฺกมิตุํ น สกฺโกนฺติ, ตตฺเถว ลคฺคนฺตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘เย ราครตฺตานุปตนฺติ โสตํ,
สยํ กตํ มกฺกฏโกว ชาลํ;
เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีรา,
อนเปกฺขิโน สพฺพทุกฺขํ ปหายา’’ติ.
ตตฺถ มกฺกฏโกว ชาลนฺติ ยถา นาม มกฺกฏโก สุตฺตชาลํ กตฺวา มชฺเฌ าเน นาภิมณฺฑเล นิปนฺโน ปริยนฺเต ปติตํ ปฏงฺคํ วา มกฺขิกํ วา เวเคน คนฺตฺวา วิชฺฌิตฺวา ตสฺส รสํ ปิวิตฺวา ปุน คนฺตฺวา ตสฺมึเยว ¶ าเน นิปชฺชติ, เอวเมว เย สตฺตา ราครตฺตา โทสปทุฏฺา โมหมูฬฺหา สยํกตํ ตณฺหาโสตํ อนุปตนฺติ, เต ตํ สมติกฺกมิตุํ น สกฺโกนฺติ, เอวํ ทุรติกฺกมํ. เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีราติ ปณฺฑิตา เอตํ พนฺธนํ เฉตฺวา อนเปกฺขิโน นิราลยา หุตฺวา อรหตฺตมคฺเคน สพฺพทุกฺขํ ปหาย วชนฺติ, คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เขมา อรหตฺเต ปติฏฺหิ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสิ. สตฺถา ราชานํ อาห – ‘‘มหาราช, เขมาย ปพฺพชิตุํ วา ปรินิพฺพายิตุํ วา วฏฺฏตี’’ติ. ภนฺเต, ปพฺพาเชถ นํ, อลํ ปรินิพฺพาเนนาติ. สา ปพฺพชิตฺวา อคฺคสาวิกา อโหสีติ.
เขมาเถรีวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. อุคฺคเสนวตฺถุ
มฺุจ ปุเรติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อุคฺคเสนํ อารพฺภ กเถสิ.
ปฺจสตา ¶ กิร นฏา สํวจฺฉเร วา ฉมาเส วา ปตฺเต ราชคหํ คนฺตฺวา รฺโ สตฺตาหํ สมชฺชํ ¶ กตฺวา พหุํ หิรฺสุวณฺณํ ลภนฺติ, อนฺตรนฺตเร อุกฺเขปทายานํ ปริยนฺโต นตฺถิ. มหาชโน มฺจาติมฺจาทีสุ ตฺวา สมชฺชํ โอโลเกสิ. อเถกา ลงฺฆิกธีตา วํสํ อภิรุยฺห ตสฺส อุปริ ปริวตฺติตฺวา ตสฺส ปริยนฺเต อากาเส จงฺกมมานา นจฺจติ เจว คายติ จ. ตสฺมึ สมเย ¶ อุคฺคเสโน นาม เสฏฺิปุตฺโต สหายเกน สทฺธึ มฺจาติมฺเจ ิโต ตํ โอโลเกตฺวา ตสฺสา หตฺถปาทวิกฺเขปาทีสุ อุปฺปนฺนสิเนโห เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ตํ ลภนฺโต ชีวิสฺสามิ, อลภนฺตสฺส เม อิเธว มรณ’’นฺติ อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ. มาตาปิตูหิ, ‘‘ตาต, กึ เต รุชฺชตี’’ติ ปุจฺฉิโตปิ ‘‘ตํ เม นฏธีตรํ ลภนฺตสฺส ชีวิตํ อตฺถิ, อลภนฺตสฺส เม อิเธว มรณ’’นฺติ วตฺวา, ‘‘ตาต, มา เอวํ กริ, อฺํ เต อมฺหากํ กุลสฺส จ โภคานฺจ อนุรูปํ กุมาริกํ อาเนสฺสามา’’ติ วุตฺเตปิ ตเถว วตฺวา นิปชฺชิ. อถสฺส ปิตา พหุํ ยาจิตฺวาปิ ตํ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ตสฺส สหายํ ปกฺโกสาเปตฺวา กหาปณสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อิเม กหาปเณ คเหตฺวา อตฺตโน ธีตรํ มยฺหํ ปุตฺตสฺส เทตู’’ติ ปหิณิ. โส ‘‘นาหํ กหาปเณ คเหตฺวา เทมิ, สเจ ปน โส อิมํ อลภิตฺวา ชีวิตุํ น สกฺโกติ, เตน หิ อมฺเหหิ สทฺธึเยว วิจรตุ, ทสฺสามิสฺส ธีตร’’นฺติ อาห. มาตาปิตโร ปุตฺตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. โส ‘‘อหํ เตหิ สทฺธึ วิจริสฺสามี’’ติ วตฺวา ยาจนฺตานมฺปิ เตสํ กถํ อนาทิยิตฺวา นิกฺขมิตฺวา นาฏกสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โส ตสฺส ธีตรํ ทตฺวา เตน สทฺธึเยว คามนิคมราชธานีสุ สิปฺปํ ทสฺเสนฺโต วิจริ.
สาปิ เตน สทฺธึ สํวาสมนฺวาย นจิรสฺเสว ปุตฺตํ ลภิตฺวา กีฬาปยมานา ‘‘สกฏโคปกสฺส ปุตฺต, ภณฺฑหารกสฺส ปุตฺต, กิฺจิ อชานกสฺส ปุตฺตา’’ติ วทติ. โสปิ เนสํ สกฏปริวตฺตกํ กตฺวา ิตฏฺาเน โคณานํ ติณํ อาหรติ, สิปฺปทสฺสนฏฺาเน ลทฺธภณฺฑกํ อุกฺขิปิตฺวา หรติ ¶ . ตเทว กิร สนฺธาย สา อิตฺถี ปุตฺตํ กีฬาปยมานา ตถา วทติ. โส อตฺตานํ อารพฺภ ตสฺสา คายนภาวํ ตฺวา ตํ ปุจฺฉิ – ‘‘มํ สนฺธาย กเถสี’’ติ? ‘‘อาม, ตํ สนฺธายา’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต อหํ ปลายิสฺสามี’’ติ ¶ . สา ‘‘กึ ปน มยฺหํ ตยา ปลายิเตน วา อาคเตน วา’’ติ ปุนปฺปุนํ ตเทว คีตํ คายติ. สา กิร อตฺตโน รูปสมฺปตฺติฺเจว ธนลาภฺจ นิสฺสาย ตํ กิสฺมิฺจิ น มฺติ. โส ‘‘กึ นุ โข นิสฺสาย อิมิสฺสา อยํ มาโน’’ติ จินฺเตนฺโต ‘‘สิปฺปํ นิสฺสายา’’ติ ตฺวา ‘‘โหตุ, สิปฺปํ อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ สสุรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส ชานนกสิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา คามนิคมาทีสุ สิปฺปํ ทสฺเสนฺโต อนุปุพฺเพน ราชคหํ อาคนฺตฺวา ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส อุคฺคเสโน เสฏฺิปุตฺโต นครวาสีนํ สิปฺปํ ทสฺเสสฺสตี’’ติ อาโรจาเปสิ.
นครวาสิโน ¶ มฺจาติมฺจาทโย พนฺธาเปตฺวา สตฺตเม ทิวเส สนฺนิปตึสุ. โสปิ สฏฺิหตฺถํ วํสํ อภิรุยฺห ตสฺส มตฺถเก อฏฺาสิ. ตํ ทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘สฺเว เสฏฺิปุตฺโต สิปฺปํ ทสฺเสสฺสามีติ วํสมตฺถเก สฺสติ, ตสฺส ทสฺสนตฺถํ มหาชโน สนฺนิปติสฺสติ. ตตฺร อหํ จตุปฺปทิกํ คาถํ เทเสสฺสามิ, ตํ สุตฺวา จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ, อุคฺคเสโนปิ อรหตฺเต ปติฏฺหิสฺสตี’’ติ อฺาสิ. สตฺถา ปุนทิวเส กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อุคฺคเสโนปิ สตฺถริ อนฺโตนครํ อปวิฏฺเเยว อุนฺนาทนตฺถาย มหาชนสฺส องฺคุลิสฺํ ทตฺวา วํสมตฺถเก ¶ ปติฏฺาย อากาเสเยว สตฺต วาเร ปริวตฺติตฺวา โอรุยฺห วํสมตฺถเก อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา นครํ ปวิสนฺโต ยถา ตํ ปริสา น โอโลเกติ, เอวํ กตฺวา อตฺตานเมว โอโลกาเปสิ. อุคฺคเสโน ปริสํ โอโลเกตฺวา ‘‘น มํ ปริสา โอโลเกตี’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺโต ‘‘อิทํ มยา สํวจฺฉเร กตฺตพฺพํ สิปฺปํ, สตฺถริ นครํ ปวิสนฺเต ปริสา มํ อโนโลเกตฺวา สตฺถารเมว โอโลเกติ, โมฆํ วต เม สิปฺปทสฺสนํ ชาต’’นฺติ จินฺเตสิ.
สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา มหาโมคฺคลฺลานํ อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, โมคฺคลฺลาน, เสฏฺิปุตฺตํ วเทหิ ‘สิปฺปํ กิร ทสฺเสตู’’’ติ อาห. เถโร คนฺตฺวา วํสสฺส เหฏฺา ิโต เสฏฺิปุตฺตํ อามนฺเตตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิงฺฆ ¶ ปสฺส นฏปุตฺต, อุคฺคเสน มหพฺพล;
กโรหิ รงฺคํ ปริสาย, หาสยสฺสุ มหาชน’’นฺติ.
โส เถรสฺส กถํ สุตฺวา ตุฏฺมานโส หุตฺวา ‘‘สตฺถา มฺเ มม สิปฺปํ ปสฺสิตุกาโม’’ติ วํสมตฺถเก ิตโกว อิมํ คาถมาห –
‘‘อิงฺฆ ปสฺส มหาปฺ, โมคฺคลฺลาน มหิทฺธิก;
กโรมิ รงฺคํ ปริสาย, หาสยามิ มหาชน’’นฺติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา วํสมตฺถกโต เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเสว จุทฺทสกฺขตฺตุํ ปริวตฺติตฺวา โอรุยฺห วํสมตฺถเกว อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘อุคฺคเสน, ปณฺฑิเตน นาม อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ ¶ ขนฺเธสุ อาลยํ ปหาย ชาติอาทีหิ มุจฺจิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘มฺุจ ปุเร มฺุจ ปจฺฉโต,
มชฺเฌ มฺุจ ภวสฺส ปารคู;
สพฺพตฺถ วิมุตฺตมานโส,
น ปุนํ ชาติชรํ อุเปหิสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ มฺุจ ปุเรติ อตีเตสุ ขนฺเธสุ อาลยํ นิกนฺตึ อชฺโฌสานํ ปตฺถนํ ปริยุฏฺานํ คาหํ ปรามาสํ ตณฺหํ มฺุจ. ปจฺฉโตติ อนาคเตสุปิ ขนฺเธสุ อาลยาทีนิ มฺุจ. มชฺเฌติ ปจฺจุปฺปนฺเนสุปิ ตานิ มฺุจ. ภวสฺส ปารคูติ เอวํ สนฺเต ติวิธสฺสาปิ ภวสฺส อภิฺาปริฺาปหานภาวนาสจฺฉิกิริยวเสน ปารคู ปารงฺคโต หุตฺวา ขนฺธธาตุอายตนาทิเภเท สพฺพสงฺขเต วิมุตฺตมานโส วิหรนฺโต ปุน ชาติชรามรณานิ น อุปคจฺฉตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เสฏฺิปุตฺโตปิ วํสมตฺถเก ิตโกว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา วํสโต โอรุยฺห สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ สตฺถา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ อาห. โส ตาวเทว อฏฺปริกฺขารธโร สฏฺิวสฺสิกตฺเถโร วิย อโหสิ. อถ นํ ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส อุคฺคเสน, สฏฺิหตฺถสฺส เต วํสสฺส มตฺถกโต โอตรนฺตสฺส ภยํ นาม นาโหสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นตฺถิ เม, อาวุโส, ภย’’นฺติ วุตฺเต สตฺถุ อาโรเจสุํ, ‘‘ภนฺเต, อุคฺคเสโน ¶ ‘น ภายามี’ติ วทติ, อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺเตน อุคฺคเสเนน สทิสา ฉินฺนสํโยชนา ภิกฺขู ภายนฺติ, น ตสนฺตี’’ติ วตฺวา พฺราหฺมณวคฺเค อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺพสํโยชนํ ¶ เฉตฺวา, โย เว น ปริตสฺสติ;
สงฺคาติคํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๙๗; สุ. นิ. ๖๒๖);
เทสนาวสาเน พหูนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ปุเนกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, เอวํ อรหตฺตูปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส ภิกฺขุโน นฏธีตรํ นิสฺสาย ¶ นเฏหิ สทฺธึ วิจรณการณํ, กึ อรหตฺตูปนิสฺสยการณ’’นฺติ? สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, อุภยมฺเปตํ อิมินา เอว กต’’นฺติ วตฺวา ตมตฺถํ ปกาเสตุํ อตีตํ อาหริ.
อตีเต กิร กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติเย กริยมาเน พาราณสิวาสิโน กุลปุตฺตา พหุํ ขาทนียโภชนียํ ยานเกสุ อาโรเปตฺวา ‘‘หตฺถกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ เจติยฏฺานํ คจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค เอกํ เถรํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ปสฺสึสุ. อเถกา กุลธีตา เถรํ โอโลเกตฺวา สามิกํ อาห – ‘‘สามิ, อยฺโย, ปิณฺฑาย ปวิสติ, ยานเก จ โน พหุํ ขาทนียํ โภชนียํ, ปตฺตมสฺส อาหร, ภิกฺขํ ทสฺสามา’’ติ. โส ตํ ปตฺตํ อาหริตฺวา ขาทนียโภชนียสฺส ปูเรตฺวา เถรสฺส หตฺเถ ปติฏฺเปตฺวา อุโภปิ ปตฺถนํ กรึสุ, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺเสว ภาคิโน ภเวยฺยามา’’ติ. โสปิ เถโร ขีณาสโวว, ตสฺมา โอโลเกนฺโต เตสํ ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ตฺวา สิตํ อกาสิ. ตํ ทิสฺวา สา อิตฺถี สามิกํ อาห – ‘‘อมฺหากํ, อยฺโย, สิตํ กโรติ, เอโก นฏการโก ¶ ภวิสฺสตี’’ติ. สามิโกปิสฺสา ‘‘เอวํ ภวิสฺสติ, ภทฺเท’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. อิทํ เตสํ ปุพฺพกมฺมํ. เต ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา สา อิตฺถี นฏเคเห นิพฺพตฺติ, ปุริโส เสฏฺิเคเห. โส ‘‘เอวํ, ภทฺเท, ภวิสฺสตี’’ติ ตสฺสา ปฏิวจนสฺส ทินฺนตฺตา นเฏหิ สทฺธึ วิจริ. ขีณาสวตฺเถรสฺส ¶ ทินฺนปิณฺฑปาตํ นิสฺสาย อรหตฺตํ ปาปุณิ. สาปิ นฏธีตา ‘‘ยา เม สามิกสฺส คติ, มยฺหมฺปิ สา เอว คตี’’ติ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺหีติ.
อุคฺคเสนวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. จูฬธนุคฺคหปณฺฑิตวตฺถุ
วิตกฺกมถิตสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูฬธนุคฺคหปณฺฑิตํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร ทหรภิกฺขุ สลากคฺเค อตฺตโน ปตฺตสลากํ คเหตฺวา สลากยาคุํ อาทาย อาสนสาลํ คนฺตฺวา ปิวิ. ตตฺถ อุทกํ อลภิตฺวา อุทกตฺถาย เอกํ ฆรํ อคมาสิ. ตตฺถ ตํ เอกา กุมาริกา ทิสฺวาว อุปฺปนฺนสิเนหา, ‘‘ภนฺเต, ปุน ปานีเยน อตฺเถ สติ อิเธว อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ อาห. โส ตโต ปฏฺาย ยทา ปานียํ น ลภติ, ตทา ตตฺเถว คจฺฉติ. สาปิสฺส ¶ ปตฺตํ คเหตฺวา ปานียํ เทติ. เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล ยาคุมฺปิ ทตฺวา ปุเนกทิวสํ ตตฺเถว นิสีทาเปตฺวา ภตฺตํ อทาสิ. สนฺติเก จสฺส นิสีทิตฺวา ¶ , ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ เคเห น กิฺจิ นตฺถิ นาม, เกวลํ มยํ วิจรณกมนุสฺสเมว น ลภามา’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสิ. โส กถิปาเหเนว ตสฺสา กถํ สุตฺวา อุกฺกณฺิ. อถ นํ เอกทิวสํ อาคนฺตุกา ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กสฺมา ตฺวํ, อาวุโส, กิโส อุปฺปณฺฑุปณฺฑุกชาโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุกฺกณฺิโตมฺหิ, อาวุโส’’ติ วุตฺเต อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติกํ นยึสุ. เตปิ นํ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา ตฺวํ มาทิสสฺส อารทฺธวีริยสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ‘โสตาปนฺโน’ติ วา ‘สกทาคามี’ติ วา อตฺตานํ อวทาเปตฺวา ‘อุกฺกณฺิโต’ติ วทาเปสิ, ภาริยํ เต กมฺมํ กต’’นฺติ วตฺวา ‘‘กึ การณา อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, เอกา มํ อิตฺถี เอวมาหา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขุ, อนจฺฉริยํ เอตํ ตสฺสา กิริยํ. สา หิ ปุพฺเพ สกลชมฺพุทีเป อคฺคธนุคฺคหปณฺฑิตํ ปหาย ตํมุหุตฺตทิฏฺเก เอกสฺมึ สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ¶ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสี’’ติ วตฺวา ตสฺสตฺถสฺส ปกาสนตฺถํ ภิกฺขูหิ ยาจิโต –
อตีเต จูฬธนุคฺคหปณฺฑิตกาเล ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคเหตฺวา เตน ตุฏฺเน ทินฺนํ ธีตรํ อาทาย พาราณสึ คจฺฉนฺตสฺส เอกสฺมึ อฏวิมุเข เอกูนปฺาสาย กณฺเฑหิ เอกูนปฺาสโจเร มาเรตฺวา กณฺเฑสุ ขีเณสุ โจรเชฏฺกํ คเหตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา, ‘‘ภทฺเท, อสึ อาหรา’’ติ วุตฺเต ตาย ตงฺขณํ ทิฏฺโจเร สิเนหํ กตฺวา โจรสฺส หตฺเถ อสิถรุํ เปตฺวา โจเรน ธนุคฺคหปณฺฑิตสฺส มาริตภาวํ อาวิกตฺวา โจเรน จ ตํ อาทาย คจฺฉนฺเตน ‘‘มมฺปิ เอสา อฺํ ทิสฺวา อตฺตโน สามิกํ วิย มาราเปสฺสติ ¶ , กึ เม อิมายา’’ติ เอกํ นทึ ทิสฺวา โอริมตีเร ตํ เปตฺวา ตสฺสา ภณฺฑกํ อาทาย ‘‘ตฺวํ อิเธว โหหิ, ยาวาหํ ภณฺฑิกํ อุตฺตาเรมี’’ติ ตตฺเถว ตํ ปหาย คมนภาวฺจ อาวิกตฺวา –
‘‘สพฺพํ ภณฺฑํ สมาทาย, ปารํ ติณฺโณสิ พฺราหฺมณ;
ปจฺจาคจฺฉ ลหุํ ขิปฺปํ, มมฺปิ ตาเรหิ ทานิโต.
‘‘อสนฺถุตํ มํ จิรสนฺถุเตน,
นิมีนิ โภตี อทฺธุวํ ธุเวน;
มยาปิ โภตี นิมิเนยฺย อฺํ,
อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺสํ.
‘‘กายํ ¶ เอฬคลาคุมฺเพ, กโรติ อหุหาสิยํ;
นยีธ นจฺจํ วา คีตํ วา, ตาฬํ วา สุสมาหิตํ;
อนมฺหิกาเล สุโสณิ, กึ นุ ชคฺฆสิ โสภเน.
‘‘สิงฺคาล พาล ทุมฺเมธ, อปฺปปฺโสิ ชมฺพุก;
ชีโน มจฺฉฺจ เปสิฺจ, กปโณ วิย ฌายสิ.
‘‘สุทสฺสํ วชฺชมฺเสํ, อตฺตโน ปน ทุทฺทสํ;
ชีนา ปติฺจ ชารฺจ, มฺเ ตฺวฺเว ฌายสิ.
‘‘เอวเมตํ ¶ มิคราช, ยถา ภาสสิ ชมฺพุก;
สา นูนาหํ อิโต คนฺตฺวา, ภตฺตุ เหสฺสํ วสานุคา.
‘‘โย หเร มตฺติกํ ถาลํ, กํสถาลมฺปิ โส หเร;
กตฺเจว ตยา ปาปํ, ปุนเปวํ กริสฺสสี’’ติ. (ชา. ๑.๕.๑๒๘-๑๓๔) –
อิมํ ปฺจกนิปาเต จูฬธนุคฺคหชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘ตทา จูฬธนุคฺคหปณฺฑิโต ตฺวํ อโหสิ, สา อิตฺถี เอตรหิ ¶ อยํ กุมาริกา, สิงฺคาลรูเปน อาคนฺตฺวา ตสฺสา นิคฺคหการโก สกฺโก เทวราชา อหเมวา’’ติ วตฺวา ‘‘เอวํ สา อิตฺถี ตํมุหุตฺตทิฏฺเก เอกสฺมึ สิเนเหน สกลชมฺพุทีเป อคฺคปณฺฑิตํ ชีวิตา โวโรเปสิ, ตํ อิตฺถึ อารพฺภ อุปฺปนฺนํ ตว ตณฺหํ ฉินฺทิตฺวา วิหราหิ ภิกฺขู’’ติ ตํ โอวทิตฺวา อุตฺตริมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘วิตกฺกมถิตสฺส ชนฺตุโน,
ติพฺพราคสฺส สุภานุปสฺสิโน;
ภิยฺโย ตณฺหา ปวฑฺฒติ,
เอส โข ทฬฺหํ กโรติ พนฺธนํ.
‘‘วิตกฺกูปสเม จ โย รโต,
อสุภํ ภาวยเต สทา สโต;
เอส ¶ โข พฺยนฺติ กาหิติ,
เอส เฉจฺฉติ มารพนฺธน’’นฺติ.
ตตฺถ วิตกฺกมถิตสฺสาติ กามวิตกฺกาทีหิ วิตกฺเกหิ นิมฺมถิตสฺส. ติพฺพราคสฺสาติ พหลราคสฺส. สุภานุปสฺสิโนติ อิฏฺารมฺมเณ สุภนิมิตฺตคาหาทิวเสน วิสฺสฏฺมานสตาย สุภนฺติ อนุปสฺสนฺตสฺส. ตณฺหาติ เอวรูปสฺส ฌานาทีสุ เอกมฺปิ น วฑฺฒติ, อถ โข ฉทฺวาริกา ตณฺหาเยว ภิยฺโย วฑฺฒติ. เอส โขติ เอโส ปุคฺคโล ตณฺหาพนฺธนํ ทฬฺหํ สุถิรํ กโรติ. วิตกฺกูปสเมติ มิจฺฉาวิตกฺกาทีนํ วูปสมสงฺขาเต ทสสุ อสุเภสุ ปมชฺฌาเน. สทา สโตติ ¶ โย เอตฺถ อภิรโต หุตฺวา นิจฺจํ อุปฏฺิตสติตาย สโต ตํ อสุภฌานํ ภาเวติ. พฺยนฺติ กาหิตีติ เอส ¶ ภิกฺขุ ตีสุ ภเวสุ อุปฺปชฺชนกํ ตณฺหํ วิคตนฺตํ กริสฺสติ. มารพนฺธนนฺติ เอโส เตภูมกวฏฺฏสงฺขาตํ มารพนฺธนมฺปิ ฉินฺทิสฺสตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
จูฬธนุคฺคหปณฺฑิตวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. มารวตฺถุ
นิฏฺงฺคโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มารํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ วิกาเล สมฺพหุลา เถรา เชตวนวิหารํ ปวิสิตฺวา ราหุลตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ อุฏฺาเปสุํ. โส อฺตฺถ วสนฏฺานํ อปสฺสนฺโต ตถาคตสฺส คนฺธกุฏิยา ปมุเข นิปชฺชิ. ตทา โส อายสฺมา อรหตฺตํ ปตฺโต อวสฺสิโกว โหติ. มาโร วสวตฺติภวเน ิโตเยว ตํ อายสฺมนฺตํ คนฺธกุฏิปมุเข นิปนฺนํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส รุชนกองฺคุลี พหิ นิปนฺโน, สยํ อนฺโตคนฺธกุฏิยํ นิปนฺโน, องฺคุลิยา ปีฬิยมานาย สยมฺปิ ¶ ปีฬิโต ภวิสฺสตี’’ติ. โส มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา อาคมฺม โสณฺฑาย เถรสฺส มตฺถกํ ปริกฺขิปิตฺวา มหนฺเตน สทฺเทน โกฺจนาทํ รวิ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ตสฺส มารภาวํ ตฺวา, ‘‘มาร, ตาทิสานํ สตสหสฺเสนาปิ มม ปุตฺตสฺส ภยํ อุปฺปาเทตุํ น สกฺกา. ปุตฺโต หิ เม อสนฺตาสี วีตตณฺโห มหาวีริโย มหาปฺโ’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘นิฏฺงฺคโต ¶ อสนฺตาสี, วีตตณฺโห อนงฺคโณ;
อจฺฉินฺทิ ภวสลฺลานิ, อนฺติโมยํ สมุสฺสโย.
‘‘วีตตณฺโห อนาทาโน, นิรุตฺติปทโกวิโท;
อกฺขรานํ สนฺนิปาตํ, ชฺา ปุพฺพาปรานิ จ;
ส เว อนฺติมสารีโร,
มหาปฺโ มหาปุริโสติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ นิฏฺงฺคโตติ อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตานํ อรหตฺตํ นิฏฺํ นาม, ตํ คโต ปตฺโตติ อตฺโถ. อสนฺตาสีติ อพฺภนฺตเร ราคสนฺตาสาทีนํ อภาเวน อสนฺตสนโก. อจฺฉินฺทิ ภวสลฺลานีติ สพฺพานิปิ ภวคามีนิ สลฺลานิ อจฺฉินฺทิ. สมุสฺสโยติ อยํ เอตสฺส อนฺติโม เทโห.
อนาทาโนติ ขนฺธาทีสุ นิคฺคหโณ. นิรุตฺติปทโกวิโทติ นิรุตฺติยฺจ เสสปเทสุ จาติ จตูสุปิ ปฏิสมฺภิทาสุ เฉโกติ อตฺโถ. อกฺขรานํ สนฺนิปาตํ, ชฺา ปุพฺพาปรานิ จาติ อกฺขรานํ สนฺนิปาตสงฺขาตํ อกฺขรปิณฺฑฺจ ชานาติ, ปุพฺพกฺขเรน อปรกฺขรํ, อปรกฺขเรน ปุพฺพกฺขรฺจ ชานาติ. ปุพฺพกฺขเรน อปรกฺขรํ ชานาติ นาม – อาทิมฺหิ ปฺายมาเน มชฺฌปริโยสาเนสุ ¶ อปฺายมาเนสุปิ ‘‘อิเมสํ อกฺขรานํ อิทํ มชฺฌํ, อิทํ ปริโยสาน’’นฺติ ชานาติ. อปรกฺขเรน ปุพฺพกฺขรํ ชานาติ นาม – อนฺเต ปฺายมาเน อาทิมชฺเฌสุ อปฺายมาเนสุ ‘‘อิเมสํ อกฺขรานํ อิทํ มชฺฌํ, อยํ อาที’’ติ ชานาติ. มชฺเฌ ปฺายมาเนปิ ‘‘อิเมสํ อกฺขรานํ อยํ อาทิ, อยํ อนฺโต’’ติ ชานาติ. เอวํ มหาปฺโ. ส เว อนฺติมสารีโรติ เอส โกฏิยํ ิตสรีโร, มหนฺตานํ อตฺถธมฺมนิรุตฺติปฏิภานานํ สีลกฺขนฺธาทีนฺจ ปริคฺคาหิกาย ปฺาย สมนฺนาคตตฺตา มหาปฺโ, ‘‘วิมุตฺตจิตฺตตฺตา ขฺวาหํ, สาริปุตฺต, มหาปุริโสติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๗) วจนโต วิมุตฺตจิตฺตตาย จ มหาปุริโสติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. มาโรปิ ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ สมโณ โคตโม’’ติ ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
มารวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. อุปกาชีวกวตฺถุ
สพฺพาภิภูติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อนฺตรามคฺเค อุปกํ อาชีวกํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา ปตฺตสพฺพฺุตฺาโณ โพธิมณฺเฑ ¶ สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย ธมฺมจกฺกปวตฺตนตฺถํ พาราณสึ สนฺธาย อฏฺารสโยชนมคฺคํ ปฏิปนฺโน อนฺตรามคฺเค อุปกํ อาชีวกํ ¶ อทฺทส. โสปิ สตฺถารํ ทิสฺวา ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต, กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถา ‘‘มยฺหํ อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺพาภิภู สพฺพวิทูหมสฺมิ,
สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนูปลิตฺโต;
สพฺพฺชโห ตณฺหกฺขเย วิมุตฺโต,
สยํ อภิฺาย กมุทฺทิเสยฺย’’นฺติ.
ตตฺถ สพฺพาภิภูติ สพฺเพสํ เตภูมกธมฺมานํ อภิภวนโต สพฺพาภิภู. สพฺพวิทูติ วิทิตสพฺพจตุภูมกธมฺโม. สพฺเพสุ ธมฺเมสูติ สพฺเพสุปิ เตภูมกธมฺเมสุ ตณฺหาทิฏฺีหิ อนูปลิตฺโต. สพฺพฺชโหติ สพฺเพ เตภูมกธมฺเม ชหิตฺวา ิโต. ตณฺหกฺขเย วิมุตฺโตติ ตณฺหกฺขยนฺเต อุปฺปาทิเต ตณฺหกฺขยสงฺขาเต อรหตฺเต อเสขาย วิมุตฺติยา วิมุตฺโต. สยํ อภิฺายาติ อภิฺเยฺยาทิเภเท ธมฺเม สยเมว ชานิตฺวา. กมุทฺทิเสยฺยนฺติ ‘‘อยํ เม อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา’’ติ กํ นาม อุทฺทิเสยฺยนฺติ.
เทสนาวสาเน อุปโก อาชีวโก ตถาคตสฺส วจนํ เนวาภินนฺทิ, น ปฏิกฺโกสิ. สีสํ ปน จาเลตฺวา ชิวฺหํ นิลฺลาเฬตฺวา เอกปทิกมคฺคํ คเหตฺวา อฺตรํ ลุทฺทกนิวาสนฏฺานํ อคมาสีติ.
อุปกาชีวกวตฺถุ นวมํ.
๑๐. สกฺกปฺหวตฺถุ
สพฺพทานนฺติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สกฺกํ เทวราชานํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ¶ สมเย ตาวตึสเทวโลเก เทวตา สนฺนิปติตฺวา จตฺตาโร ปฺเห สมุฏฺาเปสุํ ‘‘กตรํ ทานํ นุ โข ทาเนสุ, กตโร รโส รเสสุ, กตรา รติ รตีสุ เชฏฺกา, ตณฺหกฺขโยว กสฺมา เชฏฺโกติ วุจฺจตี’’ติ? เต ปฺเห เอกา เทวตาปิ วินิจฺฉิตุํ นาสกฺขิ. เอโก ปน เทโว เอกํ เทวํ, โสปิ อปรนฺติ เอวํ อฺมฺํ ปุจฺฉนฺตา ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ วิจรึสุ. เอตฺตเกนาปิ กาเลน ปฺหานํ อตฺถํ อทิสฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา จตุนฺนํ มหาราชานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, ตาตา, มหาเทวตาสนฺนิปาโต’’ติ วุตฺเต ‘‘จตฺตาโร ปฺเห สมุฏฺาเปตฺวา วินิจฺฉิตุํ อสกฺโกนฺตา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคตมฺหา’’ติ. ‘‘กึ ปฺหํ นาเมตํ, ตาตา’’ติ. ‘‘ทานรสรตีสุ กตมา ทานรสรตี นุ โข เสฏฺา, ตณฺหกฺขโยว กสฺมา เสฏฺโ’’ติ อิเม ปฺเห วินิจฺฉิตุํ อสกฺโกนฺตา อาคตมฺหาติ. ตาตา, มยมฺปิ อิเมสํ อตฺเถ น ชานาม, อมฺหากํ ปน ราชา ชนสหสฺเสน จินฺติเต อตฺเถ จินฺเตตฺวา ตงฺขเณเนว ชานาติ, โส อมฺเหหิ ปฺาย จ ปฺุเน จ วิสิฏฺโ, เอถ, ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉามาติ ตเมว เทวคณํ อาทาย สกฺกสฺส เทวรฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตนาปิ ‘‘กึ, ตาตา, มหนฺโต เทวสนฺนิปาโต’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ‘‘ตาตา, อิเมสํ ปฺหานํ อตฺถํ อฺโปิ ชานิตุํ น สกฺโกติ, พุทฺธวิสยา เหเต. สตฺถา ปเนตรหิ กหํ วิหรตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เชตวเน’’ติ สุตฺวา ‘‘เอถ, ตสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ เทวคเณน สทฺธึ รตฺติภาเค สกลํ เชตวนํ ¶ โอภาเสตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ‘‘กึ, มหาราช, มหตา เทวสงฺเฆน อาคโตสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภนฺเต, เทวคเณน อิเม นาม ปฺหา สมุฏฺาปิตา, อฺโ อิเมสํ อตฺถํ ชานิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, อิเมสํ โน อตฺถํ ปกาเสถา’’ติ อาห.
สตฺถา ‘‘สาธุ มหาราช, มยา หิ ปารมิโย ปูเรตฺวา มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา ตุมฺหาทิสานํ กงฺขจฺเฉทนตฺถเมว สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิทฺธํ, ตยา ปุจฺฉิตปฺเหสุ หิ สพฺพทานานํ ธมฺมทานํ เสฏฺํ, สพฺพรสานํ ธมฺมรโส เสฏฺโ, สพฺพรตีนํ ธมฺมรติ เสฏฺา, ตณฺหกฺขโย ปน อรหตฺตํ สมฺปาปกตฺตา เสฏฺโเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺพทานํ ¶ ธมฺมทานํ ชินาติ,
สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ;
สพฺพรตึ ¶ ธมฺมรติ ชินาติ,
ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ.
ตตฺถ สพฺพทานํ ธมฺมทานนฺติ สเจปิ หิ จกฺกวาฬคพฺเภ ยาว พฺรหฺมโลกา นิรนฺตรํ กตฺวา สนฺนิสินฺนานํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวานํ กทลิคพฺภสทิสานิ จีวรานิ ทเทยฺย, ตสฺมึ สมาคเม จตุปฺปทิกาย คาถาย กตานุโมทนาว เสฏฺา. ตฺหิ ทานํ ตสฺสา คาถาย โสฬสึ กลํ นาคฺฆติ. เอวํ ธมฺมสฺส เทสนาปิ วาจนมฺปิ สวนมฺปิ มหนฺตํ. เยน จ ปุคฺคเลน พหูนํ ตํ ธมฺมสฺสวนํ การิตํ, ตสฺเสว อานิสํโส มหา. ตถารูปาย เอว ปริสาย ปณีตปิณฺฑปาตสฺส ปตฺเต ปูเรตฺวา ทินฺนทานโตปิ สปฺปิเตลาทีนํ ปตฺเต ปูเรตฺวา ทินฺนเภสชฺชทานโตปิ มหาวิหารสทิสานํ วิหารานฺจ โลหปาสาทสทิสานฺจ ¶ ปาสาทานํ อเนกานิ สตสหสฺสานิ กาเรตฺวา ทินฺนเสนาสนทานโตปิ อนาถปิณฺฑิกาทีหิ วิหาเร อารพฺภ กตปริจฺจาคโตปิ อนฺตมโส จตุปฺปทิกาย คาถาย อนุโมทนาวเสนาปิ ปวตฺติตํ ธมฺมทานเมว วรํ เสฏฺํ. กึ การณา? เอวรูปานิ หิ ปฺุานิ กโรนฺตา ธมฺมํ สุตฺวาว กโรนฺติ, โน อสุตฺวา. สเจ หิ อิเม สตฺตา ธมฺมํ น สุเณยฺยุํ, อุฬุงฺกมตฺตํ ยาคุมฺปิ กฏจฺฉุมตฺตํ ภตฺตมฺปิ น ทเทยฺยุํ. อิมินา การเณน สพฺพทาเนหิ ธมฺมทานเมว เสฏฺํ. อปิจ เปตฺวา พุทฺเธ จ ปจฺเจกพุทฺเธ จ สกลกปฺปํ เทเว วสฺสนฺเต อุทกพินฺทูนิ คเณตุํ สมตฺถาย ปฺาย สมนฺนาคตา สาริปุตฺตาทโยปิ อตฺตโน ธมฺมตาย โสตาปตฺติผลาทีนิ อธิคนฺตุํ นาสกฺขึสุ, อสฺสชิตฺเถราทีหิ กถิตธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกรึสุ, สตฺถุ ธมฺมเทสนาย สาวกปารมีาณํ สจฺฉิกรึสุ. อิมินาปิ การเณน, มหาราช, ธมฺมทานเมว เสฏฺํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาตี’’ติ.
สพฺเพ ปน คนฺธรสาทโยปิ รสา อุกฺกํสโต เทวตานํ สุธาโภชนรโสปิ สํสารวฏฺเฏ ปาเตตฺวา ทุกฺขานุภวนสฺเสว ปจฺจโย. โย ปเนส สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาโต จ นวโลกุตฺตรธมฺมสงฺขาโต จ ธมฺมรโส, อยเมว สพฺพรสานํ เสฏฺโ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาตี’’ติ ¶ . ยาเปสา ปุตฺตรติธีตุรติธนรติอิตฺถิรตินจฺจคีตวาทิตาทิรติปเภทา จ อเนกปฺปเภทา รตี, สาปิ สํสารวฏฺเฏ ปาเตตฺวา ทุกฺขานุภวนสฺเสว ปจฺจโย. ยา ปเนสา ธมฺมํ กเถนฺตสฺส วา สุณนฺตสฺส วา วาเจนฺตสฺส วา ¶ อนฺโต อุปฺปชฺชมานา ปีติ อุทคฺคภาวํ ชเนติ, อสฺสูนิ ปวตฺเตติ, โลมหํสํ ชเนติ, สายํ สํสารวฏฺฏสฺส อนฺตํ กตฺวา อรหตฺตปริโยสานา โหติ. ตสฺมา สพฺพรตีนํ เอวรูปา ธมฺมรติเยว เสฏฺา. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาตี’’ติ ¶ ตณฺหกฺขโย ปน ตณฺหาย ขยนฺเต อุปฺปนฺนํ อรหตฺตํ สกลสฺสปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส อภิภวนโต สพฺพเสฏฺเมว. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ.
เอวํ สตฺถริ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถํ กเถนฺเตเยว จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. สกฺโกปิ สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, เอวํเชฏฺเก นาม ธมฺมทาเน กิมตฺถํ อมฺหากํ ปตฺตึ น ทาเปถ, อิโต ปฏฺาย โน ภิกฺขุสงฺฆสฺส กเถตฺวา ปตฺตึ ทาเปถ, ภนฺเต’’ติ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อชฺชาทึ กตฺวา มหาธมฺมสฺสวนํ วา ปากติกธมฺมสฺสวนํ วา อุปนิสินฺนกถํ วา อนฺตมโส อนุโมทนมฺปิ กเถตฺวา สพฺพสตฺตานํ ปตฺตึ ทเทยฺยาถา’’ติ อาห.
สกฺกปฺหวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. อปุตฺตกเสฏฺิวตฺถุ
หนนฺติ โภคาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อปุตฺตกเสฏฺึ นาม อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส ¶ กิร กาลกิริยํ สุตฺวา ราชา ปเสนทิ โกสโล ‘‘อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ กสฺส ปาปุณาตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘รฺโ’’ติ สุตฺวา สตฺตหิ ทิวเสหิ ตสฺส เคหโต ธนํ ราชกุลํ อภิหราเปตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘หนฺท กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวาทิวสฺสา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิธ, ภนฺเต, สาวตฺถิยํ เสฏฺิ, คหปติ, กาลกโต, ตมหํ อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชนฺเตปุรํ อภิหริตฺวา อาคจฺฉามี’’ติ อาห. สพฺพํ สุตฺเต (สํ. นิ. ๑.๑๓๐) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
โส ¶ กิร สุวณฺณปาติยา นานคฺครสโภชเน อุปนีเต ‘‘เอวรูปํ นาม มนุสฺสา ภฺุชนฺติ, กึ ตุมฺเห มยา สทฺธึ อิมสฺมึ เคเห เกฬึ กโรถา’’ติ โภชเน อุปฏฺิเต เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหริตฺวา ปลาเปตฺวา ‘‘อิทํ มนุสฺสานํ โภชน’’นฺติ กณาชกํ ภฺุชติ พิฬงฺคทุติยํ. วตฺถยานฉตฺเตสุปิ มนาเปสุ อุปฏฺาปิเตสุ เต มนุสฺเส เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหรนฺโต ปลาเปตฺวา สาณานิ ธาเรติ, ชชฺชรรถเกน ยาติ ปณฺณฉตฺตเกน ธาริยมาเนนาติ เอวํ รฺา อาโรจิเต สตฺถา ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถสิ.
ภูตปุพฺพํ ¶ โส, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, ตครสิขึ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิปาเทสิ. ‘‘เทถ สมณสฺส ปิณฺฑ’’นฺติ วตฺวา โส อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. ตสฺมึ กิร อสฺสทฺเธ พาเล เอวํ วตฺวา ปกฺกนฺเต ตสฺส ภริยา สทฺธา ปสนฺนา ‘‘จิรสฺสํ วต เม อิมสฺส มุขโต ‘เทหี’ติ วจนํ สุตํ, อชฺช มม มโนรถํ ปูเรนฺตี ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามี’’ติ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา ปณีตโภชนสฺส ปูเรตฺวา อทาสิ. โสปิ นิวตฺตมาโน ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, สมณ, กิฺจิ เต ลทฺธ’’นฺติ ปตฺตํ คเหตฺวา ปณีตปิณฺฑปาตํ ทิสฺวา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา เอวํ ¶ จินฺเตสิ – ‘‘วรเมตํ ปิณฺฑปาตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภฺุเชยฺยุํ. เต หิ อิมํ ภฺุชิตฺวา มยฺหํ กมฺมํ กริสฺสนฺติ, อยํ ปน คนฺตฺวา ภฺุชิตฺวา นิทฺทายิสฺสติ, นฏฺโ เม โส ปิณฺฑปาโต’’ติ. โส ภาตุ จ ปน เอกปุตฺตกํ สาปเตยฺยสฺส การณา ชีวิตา โวโรเปสิ. โส กิรสฺส องฺคุลึ คเหตฺวา วิจรนฺโต ‘‘อิทํ มยฺหํ ปิตุสนฺตกํ ยานกํ, อยํ ตสฺส โคโณ’’ติอาทีนิ อาห. อถ นํ โส เสฏฺิ ‘‘อิทานิ ตาเวส เอวํ วเทติ, อิมสฺส ปน วุฑฺฒิปฺปตฺตกาเล อิมสฺมึ เคเห โภเค โก รกฺขิสฺสตี’’ติ ตํ อรฺํ เนตฺวา เอกสฺมึ คจฺฉมูเล คีวาย คเหตฺวา มูลกนฺทํ วิย คีวํ ผาเลตฺวา มาเรตฺวา ตตฺเถว ฉฑฺเฑสิ. อิทมสฺส ปุพฺพกมฺมํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยํ โข โส, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, ตครสิขึ ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิปาเทสิ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน สตฺตกฺขตฺตุํ สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิ, ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา สตฺตกฺขตฺตุํ เสฏฺิตฺตํ กาเรสิ. ยํ โข โส, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, ทตฺวา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสิ ‘วรเมตํ ปิณฺฑปาตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภฺุเชยฺยุ’นฺติ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน นาสฺสุฬาราย ภตฺตโภคาย ¶ จิตฺตํ นมติ, นาสฺสุฬาราย ¶ วตฺถโภคาย, นาสฺสุฬาราย ยานโภคาย, นาสฺสุฬารานํ ปฺจนฺนํ กามคุณานํ โภคาย จิตฺตํ นมติ. ยํ โข โส, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, ภาตุ จ ปน เอกปุตฺตํ สาปเตยฺยสฺส การณา ชีวิตา โวโรเปสิ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน พหูนิ วสฺสสตานิ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺถ, ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อิทํ สตฺตมํ อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชโกสํ ปเวเสติ. ตสฺส โข ปน, มหาราช, เสฏฺิสฺส คหปติสฺส ปุราณฺจ ปฺุํ ปริกฺขีณํ, นวฺจ ปฺุํ อนุปจิตํ. อชฺช ปน, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, มหาโรรุเว นิรเย ปจฺจตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๓๑).
ราชา สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ‘‘อโห, ภนฺเต, ภาริยํ กมฺมํ, เอตฺตเก นาม โภเค วิชฺชมาเน เนว อตฺตนา ปริภฺุชิ, น ตุมฺหาทิเส พุทฺเธ ธุรวิหาเร วิหรนฺเต ปฺุกมฺมํ อกาสี’’ติ อาห ¶ . สตฺถา ‘‘เอวเมตํ, มหาราช, ทุมฺเมธปุคฺคลา นาม โภเค ลภิตฺวา นิพฺพานํ น คเวสนฺติ, โภเค นิสฺสาย อุปฺปนฺนตณฺหา ปเนเต ทีฆรตฺตํ หนตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘หนนฺติ โภคา ทุมฺเมธํ, โน จ ปารคเวสิโน;
โภคตณฺหาย ทุมฺเมโธ, หนฺติ อฺเว อตฺตน’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ โน จ ปารคเวสิโนติ เย ปน นิพฺพานปารคเวสิโน ปุคฺคลา, น เต โภคา หนนฺติ. อฺเว อตฺตนนฺติ โภเค นิสฺสาย อุปฺปนฺนาย ตณฺหาย ทุปฺปฺโ ปุคฺคโล ปเร วิย อตฺตานเมว หนตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อปุตฺตกเสฏฺิวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. องฺกุรวตฺถุ
ติณโทสานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วิหรนฺโต องฺกุรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘เย ฌานปฺปสุตา ธีรา’’ติ (ธ. ป. ๑๘๑) คาถาย ¶ วิตฺถาริตเมว. วุตฺตฺเหตํ ตตฺถ อินฺทกํ อารพฺภ. โส กิร อนุรุทฺธตฺเถรสฺส อนฺโตคามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส อตฺตโน อาภตํ กฏจฺฉุมตฺตกํ ภิกฺขํ ทาเปสิ. ตทสฺส ปฺุํ องฺกุเรน ทสวสฺสสหสฺสานิ ทฺวาทสโยชนิกํ อุทฺธนปนฺตึ กตฺวา ทินฺนทานโต มหปฺผลตรํ ชาตํ. ตสฺมา เอวมาห. เอวํ วุตฺเต สตฺถา, ‘‘องฺกุร, ทานํ นาม วิเจยฺย ทาตุํ วฏฺฏติ, เอวํ ตํ สุเขตฺเต สุวุตฺตพีชํ วิย มหปฺผลํ โหติ. ตฺวํ ปน ตถา นากาสิ, เตน เต ¶ ทานํ น มหปฺผลํ ชาต’’นฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต –
‘‘วิเจยฺย ทานํ ทาตพฺพํ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;
วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ,
เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก;
เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ,
พีชานิ วุตฺตานิ ยถาสุเขตฺเต’’ติ. (เป. ว. ๓๒๙) –
วตฺวา ¶ อุตฺตริมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตราเคสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โทสโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตโทเสสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โมหโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตโมเหสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, อิจฺฉาโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วิคติจฺเฉสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ.
ตตฺถ ติณโทสานีติ สามากาทีนิ ติณานิ อุฏฺหนฺตานิ ปุพฺพณฺณาปรณฺณานิ เขตฺตานิ ทูเสนฺติ, เตน ตานิ น พหุผลานิ โหนฺติ. เอวํ สตฺตานมฺปิ อนฺโต ราโค อุปฺปชฺชนฺโต สตฺเต ทูเสติ, เตน เตสุ ทินฺนํ มหปฺผลํ น โหติ ¶ . ขีณาสเวสุ ทินฺนํ ปน มหปฺผลํ โหติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ติณโทสานิ ¶ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตราเคสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ. –
เสสคาถาสุปิ เอเสว นโย.
เทสนาวสาเน องฺกุโร จ อินฺทโก จ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
องฺกุรวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
ตณฺหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุวีสติโม วคฺโค.