📜
๒๖. พฺราหฺมณวคฺโค
๑. ปสาทพหุลพฺราหฺมณวตฺถุ
ฉินฺท ¶ ¶ ¶ โสตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปสาทพหุลํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร พฺราหฺมโณ ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต อตฺตโน เคเห โสฬสมตฺตานํ ภิกฺขูนํ นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปตฺวา ภิกฺขูนํ อาคตเวลาย ปตฺตํ คเหตฺวา ‘‘อาคจฺฉนฺตุ โภนฺโต อรหนฺโต, นิสีทนฺตุ โภนฺโต อรหนฺโต’’ติ ยํกิฺจิ วทนฺโต อรหนฺตวาทปฏิสํยุตฺตเมว วทติ. เตสุ ปุถุชฺชนา ‘‘อยํ อมฺเหสุ อรหนฺตสฺี’’ติ จินฺตยึสุ, ขีณาสวา ‘‘อยํ โน ขีณาสวภาวํ ชานาตี’’ติ. เอวํ เต สพฺเพปิ กุกฺกุจฺจายนฺตา ตสฺส เคหํ นาคมึสุ. โส ทุกฺขี ทุมฺมโน ‘‘กินฺนุ โข, อยฺยา, นาคจฺฉนฺตี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘กึ เอตํ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ตสฺมึ อตฺเถ อาโรจิเต ‘‘สาทิยถ ปน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อรหนฺตวาท’’นฺติ อาห. ‘‘น สาทิยาม มยํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต มนุสฺสานํ เอตํ ปสาทภฺํ, อนาปตฺติ ¶ , ภิกฺขเว, ปสาทภฺเ, อปิ จ โข ปน พฺราหฺมณสฺส อรหนฺเตสุ อธิมตฺตํ เปมํ, ตสฺมา ตุมฺเหหิปิ ตณฺหาโสตํ เฉตฺวา อรหตฺตเมว ปตฺตุํ ยุตฺต’’นฺติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ฉินฺท โสตํ ปรกฺกมฺม, กาเม ปนุท พฺราหฺมณ;
สงฺขารานํ ขยํ ตฺวา, อกตฺูสิ พฺราหฺมณา’’ติ.
ตตฺถ ปรกฺกมฺมาติ ตณฺหาโสตํ นาม น อปฺปมตฺตเกน วายาเมน ฉินฺทิตุํ สกฺกา, ตสฺมา าณสมฺปยุตฺเตน มหนฺเตน ปรกฺกเมน ปรกฺกมิตฺวา ตํ โสตํ ฉินฺท. อุโภปิ กาเม ปนุท นีหร. พฺราหฺมณาติ ขีณาสวานํ อาลปนเมตํ. สงฺขารานนฺติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ ขยํ ชานิตฺวา. อกตฺูติ เอวํ สนฺเต ตฺวํ สุวณฺณาทีสุ เกนจิ อกตสฺส นิพฺพานสฺส ชานนโต อกตฺู นาม โหสีติ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปสาทพหุลพฺราหฺมณวตฺถุ ปมํ.
๒. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ
ยทา ¶ ทฺวเยสูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ¶ ตึสมตฺตา ทิสาวาสิกา ภิกฺขู อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สาริปุตฺตตฺเถโร เตสํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ิตโกว อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, ทฺเว ธมฺมาติ วุจฺจนฺติ, กตเม นุ โข ทฺเว ธมฺมา’’ติ? อถ นํ สตฺถา ‘‘ทฺเว ธมฺมาติ โข, สาริปุตฺต, สมถวิปสฺสนา วุจฺจนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยทา ทฺวเยสุ ธมฺเมสุ, ปารคู โหติ พฺราหฺมโณ;
อถสฺส สพฺเพ สํโยคา, อตฺถํ คจฺฉนฺติ ชานโต’’ติ.
ตตฺถ ยทาติ ยสฺมึ กาเล ทฺวิธา ิเตสุ สมถวิปสฺสนาธมฺเมสุ อภิฺาปารคาทิวเสน อยํ ขีณาสโว ปารคู โหติ, อถสฺส วฏฺฏสฺมึ สํโยชนสมตฺถา สพฺเพ กามโยคาทโย สํโยคา เอวํ ชานนฺตสฺส อตฺถํ ปริกฺขยํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน สพฺเพปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.
๓. มารวตฺถุ
ยสฺส ปารนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มารํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิเรกสฺมึ ทิวเส อฺตโร ปุริโส วิย หุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต ¶ , ปารํ ปารนฺติ วุจฺจติ, กินฺนุ โข เอตํ ปารํ นามา’’ติ. สตฺถา ‘‘มาโร อย’’นฺติ วิทิตฺวา, ‘‘ปาปิม, กึ ตว ปาเรน, ตฺหิ วีตราเคหิ ปตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺส ปารํ อปารํ วา, ปาราปารํ น วิชฺชติ;
วีตทฺทรํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ปารนฺติ อชฺฌตฺติกานิ ฉ อายตนานิ. อปารนฺติ พาหิรานิ ฉ อายตนานิ. ปาราปารนฺติ ตทุภยํ. น วิชฺชตีติ ยสฺส สพฺพมฺเปตํ ‘‘อห’’นฺติ วา ‘‘มม’’นฺติ วา คหณาภาเวน นตฺถิ, ตํ กิเลสทรถานํ วิคเมน วีตทฺทรํ สพฺพกิเลเสหิ วิสํยุตฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มารวตฺถุ ตติยํ.
๔. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ
ฌายินฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถา อตฺตโน สาวเก, ‘พฺราหฺมณา’ติ ¶ วทติ, อหฺจมฺหิ ชาติโคตฺเตน พฺราหฺมโณ, มมฺปิ นุ โข เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘นาหํ ชาติโคตฺตมตฺเตน พฺราหฺมณํ วทามิ, อุตฺตมตฺถํ อรหตฺตํ อนุปฺปตฺตเมว ปเนวํ วทามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ฌายึ วิรชมาสีนํ, กตกิจฺจมนาสวํ;
อุตฺตมตฺถมนุปฺปตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ฌายินฺติ ทุวิเธน ฌาเนน ฌายนฺตํ กามรเชน วิรชํ วเน เอกกมาสีนํ จตูหิ มคฺเคหิ โสฬสนฺนํ กิจฺจานํ กตตฺตา กตกิจฺจํ อาสวานํ อภาเวน อนาสวํ อุตฺตมตฺถํ อรหตฺตํ อนุปฺปตฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ โส พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. อานนฺทตฺเถรวตฺถุ
ทิวา ¶ ตปตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา มิคารมาตุปาสาเท วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ปเสนทิ โกสโล กิร มหาปวารณาย สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโต ¶ คนฺธมาลาทีนิ อาทาย วิหารํ อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ กาฬุทายิตฺเถโร ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสินฺโน โหติ, นามเมว ปนสฺเสตํ, สรีรํ สุวณฺณวณฺณํ. ตสฺมึ ปน ขเณ จนฺโท อุคฺคจฺฉติ, สูริโย อตฺถเมติ. อานนฺทตฺเถโร อตฺถเมนฺตสฺส จ สูริยสฺส อุคฺคจฺฉนฺตสฺส จ จนฺทสฺส โอภาสํ โอโลเกนฺโต รฺโ สรีโรภาสํ เถรสฺส สรีโรภาสํ ตถาคตสฺส จ สรีโรภาสํ โอโลเกสิ. ตตฺถ สพฺโพภาเส อติกฺกมิตฺวา สตฺถาว วิโรจติ. เถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช มม อิเม โอภาเส โอโลเกนฺตสฺส ตุมฺหากเมว โอภาโส รุจฺจติ. ตุมฺหากฺหิ สรีรํ สพฺโพภาเส อติกฺกมิตฺวา วิโรจตี’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา, ‘‘อานนฺท, สูริโย นาม ทิวา วิโรจติ, จนฺโท รตฺตึ, ราชา อลงฺกตกาเลเยว, ขีณาสเว คณสงฺคณิกํ ปหาย อนฺโตสมาปตฺติยํเยว วิโรจติ, พุทฺธา ปน รตฺติมฺปิ ทิวาปิ ปฺจวิเธน เตเชน วิโรจนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทิวา ตปติ อาทิจฺโจ, รตฺติมาภาติ จนฺทิมา;
สนฺนทฺโธ ขตฺติโย ตปติ, ฌายี ตปติ พฺราหฺมโณ;
อถ สพฺพมโหรตฺตึ, พุทฺโธ ตปติ เตชสา’’ติ.
ตตฺถ ทิวา ตปตีติ ทิวา วิโรจติ, รตฺตึ ปนสฺส คตมคฺโคปิ น ปฺายติ. จนฺทิมาติ จนฺโทปิ ¶ อพฺภาทีหิ วิมุตฺโต รตฺติเมว วิโรจติ, โน ทิวา. สนฺนทฺโธติ สุวณฺณมณิวิจิตฺเตหิ สพฺพาภรเณหิ ปฏิมณฺฑิโต จตุรงฺคินิยา เสนาย ปริกฺขิตฺโตว ราชา วิโรจติ, น อฺาตกเวเสน ิโต. ฌายีติ ขีณาสโว ปน คณํ วิโนเทตฺวา ฌายนฺโตว วิโรจติ. เตชสาติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน สีลเตเชน ทุสฺสีลฺยเตชํ, คุณเตเชน นิคฺคุณเตชํ, ปฺาเตเชน ¶ ทุปฺปฺเตชํ, ปฺุเตเชน ¶ อปฺุเตชํ, ธมฺมเตเชน อธมฺมเตชํ ปริยาทิยิตฺวา อิมินา ปฺจวิเธน เตชสา นิจฺจกาลเมว วิโรจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อานนฺทตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. อฺตรพฺราหฺมณปพฺพชิตวตฺถุ
พาหิตปาโปติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณปพฺพชิตํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร พฺราหฺมโณ พาหิรกปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตฺวา ‘‘สมโณ โคตโม อตฺตโน สาวเก ‘ปพฺพชิตา’ติ วทติ, อหฺจมฺหิ ¶ ปพฺพชิโต, มมฺปิ โข เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘นาหํ เอตฺตเกน ‘ปพฺพชิโต’ติ วทามิ, กิเลสมลานํ ปน ปพฺพาชิตตฺตา ปพฺพชิโต นาม โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘พาหิตปาโปติ พฺราหฺมโณ, สมจริยา สมโณติ วุจฺจติ;
ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ, ตสฺมา ปพฺพชิโตติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ สมจริยาติ สพฺพากุสลานิ สเมตฺวา จรเณน. ตสฺมาติ ยสฺมา พาหิตปาปตาย พฺราหฺมโณ, อกุสลานิ สเมตฺวา จรเณน สมโณติ วุจฺจติ, ตสฺมา โย อตฺตโน ราคาทิมลํ ปพฺพาชยนฺโต วิโนเทนฺโต จรติ, โสปิ เตน ปพฺพาชเนน ปพฺพชิโตติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมณปพฺพชิโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อฺตรพฺราหฺมณปพฺพชิตวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
น ¶ ¶ พฺราหฺมณสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมึ กิร าเน สมฺพหุลา มนุสฺสา ‘‘อโห อมฺหากํ ¶ , อยฺโย, ขนฺติพเลน สมนฺนาคโต, อฺเสุ อกฺโกสนฺเตสุ วา ปหรนฺเตสุ วา โกปมตฺตมฺปิ นตฺถี’’ติ เถรสฺส คุเณ กถยึสุ. อเถโก มิจฺฉาทิฏฺิโก พฺราหฺมโณ ‘‘โก เอส น กุชฺฌตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อมฺหากํ เถโร’’ติ. ‘‘นํ กุชฺฌาเปนฺโต น ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘นตฺเถตํ, พฺราหฺมณา’’ติ. ‘‘เตน หิ อหํ นํ กุชฺฌาเปสฺสามี’’ติ? ‘‘สเจ สกฺโกสิ, กุชฺฌาเปหี’’ติ. โส ‘‘โหตุ, ชานิสฺสามิสฺส กตฺตพฺพ’’นฺติ เถรํ ภิกฺขาย ปวิฏฺํ ทิสฺวา ปจฺฉาภาเคน คนฺตฺวา ปิฏฺิมชฺเฌ มหนฺตํ ปาณิปฺปหารมทาสิ. เถโร ‘‘กึ นาเมต’’นฺติ อโนโลเกตฺวาว คโต. พฺราหฺมณสฺส สกลสรีเร ฑาโห อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘อโห คุณสมฺปนฺโน, อยฺโย’’ติ เถรสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมถ เม, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘กึ เอต’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘อหํ วีมํสนตฺถาย ตุมฺเห ปหริ’’นฺติ อาห. ‘‘โหตุ ขมามิ เต’’ติ. ‘‘สเจ เม, ภนฺเต, ขมถ, มม เคเหเยว นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ เถรสฺส ปตฺตํ คณฺหิ, เถโรปิ ปตฺตํ อทาสิ. พฺราหฺมโณ เถรํ เคหํ เนตฺวา ปริวิสิ.
มนุสฺสา กุชฺฌิตฺวา ‘‘อิมินา อมฺหากํ นิรปราโธ อยฺโย ปหโฏ, ทณฺเฑนปิสฺส โมกฺโข นตฺถิ, เอตฺเถว นํ มาเรสฺสามา’’ติ เลฑฺฑุทณฺฑาทิหตฺถา พฺราหฺมณสฺส เคหทฺวาเร อฏฺํสุ. เถโร อุฏฺาย คจฺฉนฺโต พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ ปตฺตํ อทาสิ. มนุสฺสา ตํ เถเรน สทฺธึ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปตฺตํ คเหตฺวา พฺราหฺมณํ นิวตฺเตถา’’ติ อาหํสุ. กึ เอตํ อุปาสกาติ? พฺราหฺมเณน ¶ ตุมฺเห ปหฏา, มยมสฺส กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามาติ. กึ ปน ตุมฺเห อิมินา ปหฏา, อุทาหุ อหนฺติ? ตุมฺเห, ภนฺเตติ. ‘‘มํ เอส ปหริตฺวา ขมาเปสิ, คจฺฉถ ตุมฺเห’’ติ มนุสฺเส อุยฺโยเชตฺวา พฺราหฺมณํ นิวตฺตาเปตฺวา เถโร วิหารเมว คโต. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘กึ นาเมตํ สาริปุตฺตตฺเถโร เยน พฺราหฺมเณน ปหโฏ, ตสฺเสว เคเห นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ คเหตฺวา อาคโต. เถรสฺส ปหฏกาลโต ปฏฺาย อิทานิ โส กสฺส ลชฺชิสฺสติ, อวเสเส โปเถนฺโต วิจริสฺสตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ¶ ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณํ ปหรนฺโต นาม นตฺถิ, คิหิพฺราหฺมเณน ปน สมณพฺราหฺมโณ ปหโฏ ภวิสฺสติ, โกโธ นาเมส อนาคามิมคฺเคน สมุคฺฆาตํ คจฺฉตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น ¶ พฺราหฺมณสฺส ปหเรยฺย, นาสฺส มฺุเจถ พฺราหฺมโณ;
ธี พฺราหฺมณสฺส หนฺตารํ, ตโต ธี ยสฺส มฺุจติ.
‘‘น พฺราหฺมณสฺเสตทกิฺจิ เสยฺโย, ยทา นิเสโธ มนโส ปิเยหิ;
ยโต ยโต หึสมโน นิวตฺตติ, ตโต ตโต สมฺมติเมว ทุกฺข’’นฺติ.
ตตฺถ ปหเรยฺยาติ ‘‘ขีณาสวพฺราหฺมโณหมสฺมี’’ติ ชานนฺโต ขีณาสวสฺส วา อฺตรสฺส วา ชาติพฺราหฺมณสฺส ¶ น ปหเรยฺย. นาสฺส มฺุเจถาติ โสปิ ปหโฏ ขีณาสวพฺราหฺมโณ อสฺส ปหริตฺวา ิตสฺส เวรํ น มฺุเจถ, ตสฺมึ โกปํ น กเรยฺยาติ อตฺโถ. ธี พฺราหฺมณสฺสาติ ขีณาสวพฺราหฺมณสฺส หนฺตารํ ครหามิ. ตโต ธีติ โย ปน ตํ ปหรนฺตํ ปฏิปหรนฺโต ตสฺส อุปริ เวรํ มฺุจติ, ตํ ตโตปิ ครหามิเยว.
เอตทกิฺจิ เสยฺโยติ ยํ ขีณาสวสฺส อกฺโกสนฺตํ วา อปจฺจกฺโกสนํ, ปหรนฺตํ วา อปฺปฏิปหรณํ, เอตํ ตสฺส ขีณาสวพฺราหฺมณสฺส น กิฺจิ เสยฺโย, อปฺปมตฺตกํ เสยฺโย น โหติ, อธิมตฺตเมว เสยฺโยติ อตฺโถ. ยทา นิเสโธ มนโส ปิเยหีติ โกธนสฺส หิ โกธุปฺปาโทว มนโส ปิโย นาม. โกโธ หิ ปเนส มาตาปิตูสุปิ พุทฺธาทีสุปิ อปรชฺฌติ. ตสฺมา โย อสฺส เตหิ มนโส นิเสโธ โกธวเสน อุปฺปชฺชมานสฺส จิตฺตสฺส นิคฺคโห, เอตํ น กิฺจิ เสยฺโยติ อตฺโถ. หึสมโนติ โกธมโน. โส ตสฺส ยโต ยโต วตฺถุโต อนาคามิมคฺเคน สมุคฺฆาตํ คจฺฉนฺโต นิวตฺตติ ¶ ¶ . ตโต ตโตติ ตโต ตโต วตฺถุโต สกลมฺปิ วฏฺฏทุกฺขํ นิวตฺตติเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. มหาปชาปติโคตมีวตฺถุ
ยสฺส กาเยน วาจายาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาปชาปตึ โคตมึ อารพฺภ กเถสิ.
ภควตา ¶ หิ อนุปฺปนฺเน วตฺถุสฺมึ ปฺตฺเต อฏฺ ครุธมฺเม มณฺฑนกชาติโย ปุริโส สุรภิปุปฺผทามํ วิย สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สปริวารา มหาปชาปติ โคตมี อุปสมฺปทํ ลภิ, อฺโ ตสฺสา อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา นตฺถิ. เอวํ ลทฺธูปสมฺปทํ เถรึ อารพฺภ อปเรน สมเยน กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘มหาปชาปติยา โคตมิยา อาจริยุปชฺฌายา น ปฺายนฺติ, สหตฺเถเนว กาสายานิ คณฺหี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ภิกฺขุนิโย กุกฺกุจฺจายนฺติโย ตาย สทฺธึ เนว อุโปสถํ น ปวารณํ กโรนฺติ, ตา คนฺตฺวา ตถาคตสฺสปิ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตาสํ กถํ สุตฺวา ‘‘มยา มหาปชาปติยา โคตมิยา อฏฺ ครุธมฺมา ทินฺนา, อหเมวสฺสาจริโย, อหเมว อุปชฺฌาโย. กายทุจฺจริตาทิวิรหิเตสุ ขีณาสเวสุ กุกฺกุจฺจํ นาม น กาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺส ¶ กาเยน วาจาย, มนสา นตฺถิ ทุกฺกฏํ;
สํวุตํ ตีหิ าเนหิ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ทุกฺกฏนฺติ สาวชฺชํ ทุกฺขุทฺรยํ อปายสํวตฺตนิกํ กมฺมํ. ตีหิ าเนหีติ เอเตหิ กายาทีหิ ตีหิ การเณหิ กายทุจฺจริตาทิปเวสนิวารณตฺถาย ทฺวารํ ปิหิตํ, ตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหาปชาปติโคตมีวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
ยมฺหาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิรายสฺมา อสฺสชิตฺเถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย ‘‘ยสฺสํ ทิสายํ เถโร วสตี’’ติ สุณาติ, ตโต อฺชลึ ปคฺคยฺห ตโตว สีสํ กตฺวา นิปชฺชติ. ภิกฺขู ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิโก สาริปุตฺโต, อชฺชาปิ ทิสา นมสฺสมาโน วิจรตี’’ติ ตมตฺถํ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ. สตฺถา เถรํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, สาริปุตฺต, ทิสา นมสฺสนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ¶ , ‘‘ภนฺเต, มม ทิสา นมสฺสนภาวํ วา อนมสฺสนภาวํ วา ¶ ตุมฺเหว ชานาถา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต ทิสา นมสฺสติ, อสฺสชิตฺเถรสฺส ปน สนฺติกา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺตตาย อตฺตโน อาจริยํ นมสฺสติ. ยฺหิ อาจริยํ นิสฺสาย ภิกฺขุ ธมฺมํ วิชานาติ, เตน โส พฺราหฺมเณน อคฺคิ วิย สกฺกจฺจํ นมสฺสิตพฺโพเยวา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยมฺหา ธมฺมํ วิชาเนยฺย, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;
สกฺกจฺจํ ตํ นมสฺเสยฺย, อคฺคิหุตฺตํว พฺราหฺมโณ’’ติ.
ตตฺถ อคฺคิหุตฺตํวาติ ยถา พฺราหฺมโณ อคฺคิหุตฺตํ สมฺมา ปริจรเณน เจว อฺชลิกมฺมาทีหิ จ สกฺกจฺจํ นมสฺสติ, เอวํ ยมฺหา อาจริยา ตถาคตปเวทิตํ ธมฺมํ วิชาเนยฺย, ตํ สกฺกจฺจํ นมสฺเสยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ นวมํ.
๑๐. ชฏิลพฺราหฺมณวตฺถุ
น ชฏาหีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ชฏิลพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ ¶ กิร ‘‘อหํ มาติโต จ ปิติโต จ สุชาโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต. สเจ สมโณ โคตโม อตฺตโน สาวเก พฺราหฺมณาติ วทติ, มมฺปิ นุ โข ตถา วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, ชฏามตฺเตน, น ชาติโคตฺตมตฺเตน พฺราหฺมณํ วทามิ, ปฏิวิทฺธสจฺจเมว ปนาหํ พฺราหฺมโณติ วทามี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น ชฏาหิ น โคตฺเตน, น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ;
ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จ, โส สุจี โส จ พฺราหฺมโณ’’ติ.
ตตฺถ ¶ สจฺจนฺติ ยสฺมึ ปุคฺคเล จตฺตาริ สจฺจานิ โสฬสหากาเรหิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิตํ สจฺจาณฺเจว นววิโธ จ โลกุตฺตรธมฺโม อตฺถิ, โส สุจิ, โส พฺราหฺมโณ จาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ชฏิลพฺราหฺมณวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. กุหกพฺราหฺมณวตฺถุ
กึ เตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺโต เอกํ วคฺคุลิวตํ กุหกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร เวสาลินครทฺวาเร เอกํ กกุธรุกฺขํ อารุยฺห ทฺวีหิ ปาเทหิ รุกฺขสาขํ คณฺหิตฺวา อโธสิโร โอลมฺพนฺโต ‘‘กปิลานํ เม สตํ เทถ, กหาปเณ เทถ, ปริจาริกํ เทถ, โน เจ ทสฺสถ, อิโต ปติตฺวา มรนฺโต นครํ อนครํ กริสฺสามี’’ติ วทติ. ตถาคตสฺส ภิกฺขุสงฺฆปริวุตสฺส นครํ ปวิสนกาเล ภิกฺขู ตํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา นิกฺขมนกาเลปิ นํ ตเถว โอลมฺพนฺตํ ปสฺสึสุ. นาคราปิ ‘‘อยํ ปาโตว ปฏฺาย เอวํ โอลมฺพนฺโต ปติตฺวา มรนฺโต นครํ อนครํ กเรยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา นครวินาสภีตา ‘‘ยํ โส ยาจติ, สพฺพํ เทมา’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา อทํสุ. โส โอตริตฺวา สพฺพํ คเหตฺวา อคมาสิ. ภิกฺขู วิหารูปจาเร ตํ คาวึ วิย วิรวิตฺวา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา ‘‘ลทฺธํ เต ¶ , พฺราหฺมณ, ยถาปตฺถิต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ลทฺธํ เม’’ติ สุตฺวา อนฺโตวิหารํ คนฺตฺวา ตถาคตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว โส กุหกโจโร, ปุพฺเพปิ กุหกโจโรเยว อโหสิ. อิทานิ ปเนส ¶ พาลชนํ วฺเจติ, ตทา ปน ปณฺฑิเต วฺเจตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตมาหริ.
อตีเต เอกํ กาสิกคามํ นิสฺสาย เอโก กุหกตาปโส วาสํ กปฺเปสิ. ตํ เอกํ กุลํ ปฏิชคฺคิ. ทิวา อุปฺปนฺนขาทนียโภชนียโต อตฺตโน ปุตฺตานํ วิย ตสฺสปิ เอกํ โกฏฺาสํ เทติ, สายํ อุปฺปนฺนโกฏฺาสํ เปตฺวา ทุติยทิวเส เทติ. อเถกทิวสํ สายํ โคธมํสํ ลภิตฺวา สาธุกํ ปจิตฺวา ตโต โกฏฺาสํ เปตฺวา ทุติยทิวเส ตสฺส อทํสุ. ตาปโส มํสํ ขาทิตฺวาว รสตณฺหาย พทฺโธ ‘‘กึ มํสํ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โคธมํส’’นฺติ สุตฺวา ภิกฺขาย จริตฺวา สปฺปิทธิกฏุกภณฺฑาทีนิ ¶ คเหตฺวา ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ เปสิ. ปณฺณสาลาย ปน อวิทูเร เอกสฺมึ วมฺมิเก โคธราชา วิหรติ. โส กาเลน กาลํ ตาปสํ วนฺทิตุํ อาคจฺฉติ. ตํทิวสํ ปเนส ‘‘ตํ วธิสฺสามี’’ติ ทณฺฑํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ตสฺส วมฺมิกสฺส อวิทูเร าเน นิทฺทายนฺโต วิย นิสีทิ. โคธราชา วมฺมิกโต นิกฺขมิตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโตว อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘น เม อชฺช อาจริยสฺส อากาโร รุจฺจตี’’ติ ตโตว นิวตฺติ. ตาปโส ตสฺส นิวตฺตนภาวํ ตฺวา ตสฺส ¶ มารณตฺถาย ทณฺฑํ ขิปิ, ทณฺโฑ วิรชฺฌิตฺวา คโต. โคธราชาปิ ธมฺมิกํ ปวิสิตฺวา ตโต สีสํ นีหริตฺวา อาคตมคฺคํ โอโลเกนฺโต ตาปสํ อาห –
‘‘สมณํ ตํ มฺมาโน, อุปคจฺฉิมสฺตํ;
โส มํ ทณฺเฑน ปาหาสิ, ยถา อสมโณ ตถา.
‘‘กึ เต ชฏาหิ ทุมฺเมธ, กึ เต อชินสาฏิยา;
อพฺภนฺตรํ เต คหนํ, พาหิรํ ปริมชฺชสี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๙๗-๙๘);
อถ นํ ตาปโส อตฺตโน สนฺตเกน ปโลเภตุํ เอวมาห –
‘‘เอหิ โคธ นิวตฺตสฺสุ, ภฺุช สาลีนโมทนํ;
เตลํ โลณฺจ เม อตฺถิ, ปหูตํ มยฺห ปิปฺผลี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๙๙);
ตํ ¶ สุตฺวา โคธราชา ‘‘ยถา ยถา ตฺวํ กเถสิ, ตถา ตถา เม ปลายิตุกามตาว โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เอส ภิยฺโย ปเวกฺขามิ, วมฺมิกํ สตโปริสํ;
เตลํ โลณฺจ กิตฺเตสิ, อหิตํ มยฺห ปิปฺผลี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๑๐๐);
เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อหํ เอตฺตกํ กาลํ ตยิ สมณสฺํ อกาสึ, อิทานิ ปน เต มํ ปหริตุกามตาย ทณฺโฑ ขิตฺโต, ตสฺส ขิตฺตกาเลเยว อสมโณ ¶ ชาโต. กึ ตาทิสสฺส ทุปฺปฺสฺส ปุคฺคลสฺส ชฏาหิ, กึ สขุเรน อชินจมฺเมน. อพฺภนฺตรฺหิ เต คหนํ, เกวลํ พาหิรเมว ปริมชฺชสี’’ติ อาห. สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา ‘‘ตทา เอส กุหโก ตาปโส ¶ อโหสิ, โคธราชา ปน อหเมวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ตทา โคธปณฺฑิเตน ตสฺส นิคฺคหิตการณํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กึ เต ชฏาหิ ทุมฺเมธ, กึ เต อชินสาฏิยา;
อพฺภนฺตรํ เต คหนํ, พาหิรํ ปริมชฺชสี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๙๘);
ตตฺถ กึ เต ชฏาหีติ อมฺโภ ทุปฺปฺ ตว พทฺธาหิปิ อิมาหิ ชฏาหิ สขุราย นิวตฺถายปิ อิมาย อชินจมฺมสาฏิกาย จ กิมตฺโถติ. อพฺภนฺตรนฺติ อพฺภนฺตรฺหิ เต ราคาทิกิเลสคหนํ, เกวลํ หตฺถิลณฺฑํ อสฺสลณฺฑํ วิย มฏฺํ พาหิรํ ปริมชฺชสีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
กุหกพฺราหฺมณวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. กิสาโคตมีวตฺถุ
ปํสุกูลธรนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต วิหรนฺโต กิสาโคตมึ อารพฺภ กเถสิ.
ตทา ¶ กิร สกฺโก ปมยามาวสาเน เทวปริสาย สทฺธึ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺเต สารณียธมฺมกถํ สุณนฺโต นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ กิสาโคตมี ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา สกฺกํ ทิสฺวา นิวตฺติ. โส ตํ วนฺทิตฺวา นิวตฺตนฺตึ ทิสฺวา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘กา นาเมสา ¶ , ภนฺเต, อาคจฺฉมานาว ตุมฺเห ทิสฺวา นิวตฺตตี’’ติ? สตฺถา ‘‘กิสาโคตมี นาเมสา, มหาราช, มม ธีตา ปํสุกูลิกตฺเถรีนํ อคฺคา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปํสุกูลธรํ ชนฺตุํ, กิสํ ธมนิสนฺถตํ;
เอกํ วนสฺมึ ฌายนฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ กิสนฺติ ปํสุกูลิกา หิ อตฺตโน อนุรูปํ ปฏิปทํ ปูเรนฺตา อปฺปมํสโลหิตา เจว โหนฺติ ¶ ธมนิสนฺถตคตฺตา จ, ตสฺมา เอวมาห. เอกํ วนสฺมินฺติ วิวิตฺตฏฺาเน เอกกํ วนสฺมึ ฌายนฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
กิสาโคตมีวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
๑๓. เอกพฺราหฺมณวตฺถุ
น ¶ จาหนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ‘‘สมโณ โคตโม อตฺตโน สาวเก พฺราหฺมณาติ วทติ อหฺจมฺหิ พฺราหฺมณโยนิยํ นิพฺพตฺโต, มมฺปิ นุ โข เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมณโยนิยํ นิพฺพตฺตมตฺเตเนวํ วทามิ, โย ปน อกิฺจโน อคหโณ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น จาหํ พฺราหฺมณํ พฺรูมิ, โยนิชํ มตฺติสมฺภวํ;
โภวาทิ นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน;
อกิฺจนํ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ โยนิชนฺติ โยนิยํ ชาตํ. มตฺติสมฺภวนฺติ พฺราหฺมณิยา มาตุ สนฺตเก อุทรสฺมึ สมฺภูตํ. โภวาทีติ โส ปน อามนฺตนาทีสุ ‘‘โภ, โภ’’ติ วตฺวา วิจรนฺโต โภวาทิ นาม โหติ, สเจ ราคาทีหิ ¶ กิฺจเนหิ สกิฺจโน. อหํ ปน ราคาทีหิ อกิฺจนํ จตูหิ อุปาทาเนหิ อนาทานํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
เอกพฺราหฺมณวตฺถุ เตรสมํ.
๑๔. อุคฺคเสนเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ
สพฺพสํโยชนนฺติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อุคฺคเสนํ นาม เสฏฺิปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘มฺุจ ปุเร มฺุจ ปจฺฉโต’’ติ (ธ. ป. ๓๔๘) คาถาวณฺณนาย วิตฺถาริตเมว.
ตทา หิ สตฺถา, ‘‘ภนฺเต, อุคฺคเสโน ‘น ภายามี’ติ วทติ, อภูเตน มฺเ อฺํ พฺยากโรตี’’ติ ภิกฺขูหิ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺตสทิสา ฉินฺนสํโยชนา น ภายนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺพสํโยชนํ เฉตฺวา, โย เว น ปริตสฺสติ;
สงฺคาติคํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ สพฺพสํโยชนนฺติ ทสวิธสํโยชนํ. น ปริตสฺสตีติ ตณฺหาย น ภายติ. ตมหนฺติ ตํ อหํ ราคาทีนํ สงฺคานํ อตีตตฺตา สงฺคาติคํ, จตุนฺนมฺปิ โยคานํ อภาเวน วิสํยุตฺตํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อุคฺคเสนเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ จุทฺทสมํ.
๑๕. ทฺเวพฺราหฺมณวตฺถุ
เฉตฺวา ¶ นทฺธินฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว พฺราหฺมเณ อารพฺภ กเถสิ.
เตสุ ¶ กิเรกสฺส จูฬโรหิโต นาม โคโณ อโหสิ, เอกสฺส มหาโรหิโต นาม. เต เอกทิวสํ ‘‘ตว โคโณ พลวา, มม โคโณ พลวา’’ติ วิวทิตฺวา ‘‘กึ โน วิวาเทน, ปาเชตฺวา ชานิสฺสามา’’ติ อจิรวตีตีเร สกฏํ วาลุกาย ปูเรตฺวา โคเณ โยชยึสุ. ตสฺมึ ขเณ ภิกฺขูปิ นฺหายิตุํ ตตฺถ คตา โหนฺติ. พฺราหฺมณา โคเณ ปาเชสุํ. สกฏํ นิจฺจลํ อฏฺาสิ, นทฺธิวรตฺตา ปน ฉิชฺชึสุ. ภิกฺขู ทิสฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ สตฺถุ อาโรจยึสุ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว ¶ , พาหิรา เอตา นทฺธิวรตฺตา, โย โกจิ เอตา ฉินฺทเตว, ภิกฺขุนา ปน อชฺฌตฺติกํ โกธนทฺธิฺเจว ตณฺหาวรตฺตฺจ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เฉตฺวา นทฺธึ วรตฺตฺจ, สนฺทานํ สหนุกฺกมํ;
อุกฺขิตฺตปลิฆํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ นทฺธินฺติ นยฺหนภาเวน ปวตฺตํ โกธํ. วรตฺตนฺติ พนฺธนภาเวน ปวตฺตํ ตณฺหํ. สนฺทานํ สหนุกฺกมนฺติ อนุสยานุกฺกมสหิตํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิสนฺทานํ, อิทํ สพฺพมฺปิ ฉินฺทิตฺวา ิตํ อวิชฺชาปลิฆสฺส อุกฺขิตฺตตฺตา อุกฺขิตฺตปลิฆํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ พุทฺธตฺตา พุทฺธํ ตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ทฺเวพฺราหฺมณวตฺถุ ปนฺนรสมํ.
๑๖. อกฺโกสกภารทฺวาชวตฺถุ
อกฺโกสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อกฺโกสกภารทฺวาชํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส หิ ภาตุ ภารทฺวาชสฺส ธนฺชานี นาม พฺราหฺมณี โสตาปนฺนา อโหสิ. สา ขีปิตฺวาปิ กาสิตฺวาปิ ปกฺขลิตฺวาปิ ‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ. สา เอกทิวสํ พฺราหฺมณปริเวสนาย ¶ ปวตฺตมานาย ปกฺขลิตฺวา ตเถว มหาสทฺเทน อุทานํ อุทาเนสิ. พฺราหฺมโณ กุชฺฌิตฺวา ‘‘เอวเมวายํ วสลี ยตฺถ วา ตตฺถ วา ปกฺขลิตฺวา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติ ¶ วตฺวา ‘‘อิทานิ เต, วสลิ, คนฺตฺวา ตสฺส สตฺถุโน วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ สา ‘‘คจฺฉ, พฺราหฺมณ, นาหํ ตํ ปสฺสามิ, โย ตสฺส ภควโต วาทํ อาโรเปยฺย, อปิ จ คนฺตฺวา ตํ ภควนฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉสฺสู’’ติ อาห. โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อวนฺทิตฺวาว เอกมนฺตํ ิโต ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กึสุ ¶ เฉตฺวา สุขํ เสติ, กึสุ เฉตฺวา น โสจติ;
กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, วธํ โรเจสิ โคตมา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๗);
อถสฺส ปฺหํ พฺยากโรนฺโต สตฺถา อิมํ คาถมาห –
‘‘โกธํ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;
โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส พฺราหฺมณ;
วธํ อริยา ปสํสนฺติ, ตฺหิ เฉตฺวา น โสจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๗);
โส ¶ สตฺถริ ปสีทิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถสฺส กนิฏฺโ อกฺโกสกภารทฺวาโช ‘‘ภาตา กิร เม ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา กุทฺโธ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสิ. โสปิ สตฺถารา อติถีนํ ขาทนียาทิทานโอปมฺเมน สฺตฺโต สตฺถริ ปสนฺโน ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อปเรปิสฺส สุนฺทริกภารทฺวาโช พิลิงฺคกภารทฺวาโชติ ทฺเว กนิฏฺภาตโร สตฺถารํ อกฺโกสนฺตาว สตฺถารา วินีตา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.
อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, อจฺฉริยา วต พุทฺธคุณา, จตูสุ นาม ภาติเกสุ อกฺโกสนฺเตสุ สตฺถา กิฺจิ อวตฺวา เตสํเยว ปติฏฺา ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, อหํ มม ขนฺติพเลน สมนฺนาคตตฺตา ทุฏฺเสุ อทุสฺสนฺโต มหาชนสฺส ปติฏฺา โหมิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อกฺโกสํ วธพนฺธฺจ, อทุฏฺโ โย ติติกฺขติ;
ขนฺตีพลํ พลานีกํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ อทุฏฺโติ เอตํ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสฺจ ปาณิอาทีหิ โปถนฺจ อนฺทุพนฺธนาทีหิ พนฺธนฺจ โย อกุทฺธมานโส หุตฺวา อธิวาเสติ ¶ , ขนฺติพเลน สมนฺนาคตตฺตา ขนฺติพลํ, ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติยา อนีกภูเตน เตเนว ขนฺติพเลน สมนฺนาคตตฺตา พลานีกํ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อกฺโกสกภารทฺวาชวตฺถุ โสฬสมํ.
๑๗. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
อกฺโกธนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ตทา กิร เถโร ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย จรนฺโต นาลกคาเม มาตุ ฆรทฺวารํ อคมาสิ. อถ นํ สา นิสีทาเปตฺวา ปริวิสมานา อกฺโกสิ – ‘‘อมฺโภ, อุจฺฉิฏฺขาทก อุจฺฉิฏฺกฺชิยํ อลภิตฺวา ปรฆเรสุ อุฬุงฺกปิฏฺเน ฆฏฺฏิตกฺชิยํ ปริภฺุชิตุํ อสีติโกฏิธนํ ปหาย ปพฺพชิโตสิ, นาสิตมฺหา ตยา, ภฺุชาหิ ทานี’’ติ. ภิกฺขูนมฺปิ ภตฺตํ ททมานา ¶ ‘‘ตุมฺเหหิ มม ปุตฺโต อตฺตโน จูฬุปฏฺาโก กโต, อิทานิ ภฺุชถา’’ติ วเทติ. เถโร ภิกฺขํ คเหตฺวา วิหารเมว อคมาสิ. อถายสฺมา ราหุโล สตฺถารํ ปิณฺฑปาเตน อาปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘ราหุล, กหํ คมิตฺถา’’ติ? ‘‘อยฺยิกาย คามํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปน เต อยฺยิกาย อุปชฺฌาโย วุตฺโต’’ติ? ‘‘อยฺยิกาย เม, ภนฺเต, อุปชฺฌาโย อกฺกุฏฺโ’’ติ. ‘‘กินฺติ วตฺวา’’ติ? ‘‘อิทํ นาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อุปชฺฌาเยน ปน เต กึ วุตฺต’’นฺติ? ‘‘น กิฺจิ, ภนฺเต’’ติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, อจฺฉริยา วต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส คุณา, เอวํนามสฺส มาตริ อกฺโกสนฺติยา โกธมตฺตมฺปิ นาโหสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ขีณาสวา นาม อกฺโกธนาว โหนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อกฺโกธนํ วตวนฺตํ, สีลวนฺตํ อนุสฺสทํ;
ทนฺตํ อนฺติมสารีรํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ วตวนฺตนฺติ ธุตวเตน, สมนฺนาคตํ จตุปาริสุทฺธิสีเลน สีลวนฺตํ, ตณฺหาอุสฺสทาภาเวน อนุสฺสทํ ¶ , ฉฬินฺทฺริยทมเนน ทนฺตํ, โกฏิยํ ิเตน อตฺตภาเวน อนฺติมสรีรํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ สตฺตรสมํ.
๑๘. อุปฺปลวณฺณาเถรีวตฺถุ
วาริ โปกฺขรปตฺเตวาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุปฺปลวณฺณเถรึ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘มธุวา มฺติ พาโล’’ติ คาถาวณฺณนาย (ธ. ป. ๖๙) วิตฺถาริตเมว. วุตฺตฺหิ ตตฺถ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๖๙) –
อปเรน สมเยน มหาชโน ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘ขีณาสวาปิ มฺเ กามสุขํ สาทิยนฺติ, กามํ เสวนฺติ, กึ น เสวิสฺสนฺติ. น เหเต โกฬาปรุกฺขา, น จ วมฺมิกา, อลฺลมํสสรีราว, ตสฺมา เอเตปิ กามสุขํ สาทิยนฺตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, ขีณาสวา กามสุขํ สาทิยนฺติ, น กามํ เสวนฺติ. ยถา หิ ปทุมปตฺเต ปติตํ อุทกพินฺทุ น ลิมฺปติ น สณฺาติ, วินิวตฺติตฺวา ปน ปตเตว. ยถา จ อารคฺเค สาสโป น อุปลิมฺปติ น สณฺาติ, วินิวตฺติตฺวา ปตเตว, เอวํ ขีณาสวสฺส ¶ จิตฺเต ทุวิโธปิ กาโม น ลิมฺปติ น สณฺาตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘วาริ โปกฺขรปตฺเตว, อารคฺเคริว สาสโป;
โย น ลิมฺปติ กาเมสุ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ โย น ลิมฺปตีติ เอวเมวํ โย อพฺภนฺตเร ทุวิเธปิ กาเม น อุปลิมฺปติ, ตสฺมึ กาเม น สณฺาติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อุปฺปลวณฺณาเถรีวตฺถุ อฏฺารสมํ.
๑๙. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ
โย ¶ ¶ ทุกฺขสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส กิเรโก ทาโส อปฺตฺเต สิกฺขาปเท ปลายิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. พฺราหฺมโณ ตํ โอโลเกนฺโต อทิสฺวา เอกทิวสํ สตฺถารา สทฺธึ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ทฺวารนฺตเร ทิสฺวา จีวรํ ทฬฺหํ อคฺคเหสิ. สตฺถา นิวตฺติตฺวา ‘‘กึ อิทํ, พฺราหฺมณา’’ติ ปุจฺฉิ. ทาโส เม, โภ โคตมาติ ¶ . ปนฺนภาโร เอส, พฺราหฺมณาติ. ‘‘ปนฺนภาโร’’ติ จ วุตฺเต พฺราหฺมโณ ‘‘อรหา’’ติ สลฺลกฺเขสิ. ตสฺมา ปุนปิ เตน ‘‘เอวํ, โภ โคตมา’’ติ วุตฺเต สตฺถา ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, ปนฺนภาโร’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โย ทุกฺขสฺส ปชานาติ, อิเธว ขยมตฺตโน;
ปนฺนภารํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ทุกฺขสฺสาติ ขนฺธทุกฺขสฺส. ปนฺนภารนฺติ โอหิตขนฺธภารํ จตูหิ โยเคหิ สพฺพกิเลเสหิ วา วิสํยุตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ เอกูนวีสติมํ.
๒๐. เขมาภิกฺขุนีวตฺถุ
คมฺภีรปฺนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา คิชฺฌกูเฏ วิหรนฺโต เขมํ นาม ภิกฺขุนึ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ปมยามสมนนฺตเร สกฺโก เทวราชา ปริสาย สทฺธึ อาคนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สารณียธมฺมกถํ สุณนฺโต นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ เขมา ภิกฺขุนี ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา สกฺกํ ทิสฺวา ¶ อากาเส ิตาว สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิวตฺติ. สกฺโก ตํ ทิสฺวา ‘‘โก ¶ เอสา, ภนฺเต, อาคจฺฉมานา อากาเส ิตาว สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิวตฺตี’’ติ ¶ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘เอสา, มหาราช, มม ธีตา เขมา นาม มหาปฺา มคฺคามคฺคโกวิทา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘คมฺภีรปฺํ เมธาวึ, มคฺคามคฺคสฺส โกวิทํ;
อุตฺตมตฺถมนุปฺปตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ คพฺภีรปฺนฺติ คมฺภีเรสุ ขนฺธาทีสุ ปวตฺตาย ปฺาย สมนฺนาคตํ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคตํ เมธาวึ ‘‘อยํ ทุคฺคติยา มคฺโค, อยํ สุคติยา มคฺโค, อยํ นิพฺพานสฺส มคฺโค, อยํ อมคฺโค’’ติ เอวํ มคฺเค จ อมคฺเค จ เฉกตาย มคฺคามคฺคสฺส โกวิทํ อรหตฺตสงฺขาตํ อุตฺตมตฺถํ อนุปฺปตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เขมาภิกฺขุนิวตฺถุ วีสติมํ.
๒๑. ปพฺภารวาสีติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อสํสฏฺนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปพฺภารวาสีติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ¶ ปวิสิตฺวา สปฺปายํ เสนาสนํ โอโลเกนฺโต เอกํ เลณปพฺภารํ ปาปุณิ, สมฺปตฺตกฺขเณเยวสฺส จิตฺตํ เอกคฺคตํ ลภิ. โส ‘‘อหํ อิธ วสนฺโต ปพฺพชิตกิจฺจํ นิปฺผาเทตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. เลเณปิ อธิวตฺถา เทวตา ‘‘สีลวา ภิกฺขุ อาคโต, อิมินา สทฺธึ เอกฏฺาเน วสิตุํ ทุกฺขํ. อยํ ปน อิธ เอกรตฺติเมว วสิตฺวา ปกฺกมิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุตฺเต อาทาย นิกฺขมิ. เถโร ปุนทิวเส ปาโตว โคจรคามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ นํ เอกา อุปาสิกา ทิสฺวาว ปุตฺตสิเนหํ ปฏิลภิตฺวา เคเห นิสีทาเปตฺวา โภเชตฺวา อตฺตานํ นิสฺสาย เตมาสํ วสนตฺถาย ยาจิ. โสปิ ‘‘สกฺกา มยา อิมํ นิสฺสาย ¶ ภวนิสฺสรณํ กาตุ’’นฺติ อธิวาเสตฺวา ตเมว เลณํ อคมาสิ. เทวตา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา เกนจิ นิมนฺติโต ภวิสฺสติ, สฺเว วา ปรสุเว วา คมิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ.
เอวํ ¶ อฑฺฒมาสมตฺเต อติกฺกนฺเต ‘‘อยํ อิเธว มฺเ อนฺโตวสฺสํ วสิสฺสติ, สีลวตา ปน สทฺธึ เอกฏฺาเน ปุตฺตเกหิ สทฺธึ วสิตุํ ทุกฺกรํ, อิมฺจ ‘นิกฺขมา’ติ วตฺตุํ น สกฺกา, อตฺถิ นุ โข อิมสฺส สีเล ขลิต’’นฺติ ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกนฺตี อุปสมฺปทมาฬกโต ปฏฺาย ตสฺส สีเล ขลิตํ อทิสฺวา ‘‘ปริสุทฺธมสฺส สีลํ, กิฺจิเทวสฺส กตฺวา อยสํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ ตสฺส อุปฏฺากกุเล อุปาสิกาย เชฏฺปุตฺตสฺส สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา คีวํ ปริวตฺเตสิ. ตสฺส อกฺขีนิ นิกฺขมึสุ, มุขโต เขโฬ ปคฺฆริ. อุปาสิกา ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ วิรวิ. อถ นํ เทวตา อทิสฺสมานรูปา ¶ เอวมาห – ‘‘มยา เอส คหิโต, พลิกมฺเมนปิ เม อตฺโถ นตฺถิ, ตุมฺหากํ ปน กุลูปกํ เถรํ ลฏฺิมธุกํ ยาจิตฺวา เตน เตลํ ปจิตฺวา อิมสฺส นตฺถุกมฺมํ เทถ, เอวาหํ อิมํ มฺุจิสฺสามี’’ติ. นสฺสตุ วา เอส มรตุ วา, น สกฺขิสฺสามหํ อยฺยํ ลฏฺิมธุกํ ยาจิตุนฺติ. สเจ ลฏฺิมธุกํ ยาจิตุํ น สกฺโกถ, นาสิกายสฺส หิงฺคุจุณฺณํ ปกฺขิปิตุํ วเทถาติ. อิทมฺปิ วตฺตุํ น สกฺโกมาติ. เตน หิสฺส ปาทโธวนอุทกํ อาทาย สีเส อาสิฺจถาติ. อุปาสิกา ‘‘สกฺกา อิทํ กาตุ’’นฺติ เวลาย อาคตํ เถรํ นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา อนฺตรภตฺเต นิสินฺนสฺส ปาเท โธวิตฺวา อุทกํ คเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ อุทกํ ทารกสฺส สีเส อาสิฺจามา’’ติ อาปุจฺฉิตฺวา ‘‘เตน หิ อาสิฺจถา’’ติ วุตฺเต ตถา อกาสิ. สา เทวตา ตาวเทว ตํ มฺุจิตฺวา คนฺตฺวา เลณทฺวาเร อฏฺาสิ.
เถโรปิ ภตฺตกิจฺจาวสาเน อุฏฺายาสนา อวิสฺสฏฺกมฺมฏฺานตาย ทฺวตฺตึสาการํ สชฺฌายนฺโตว ปกฺกามิ. อถ นํ เลณทฺวารํ ปตฺตกาเล สา เทวตา ‘‘มหาเวชฺช มา อิธ ปวิสา’’ติ อาห. โส ตตฺเถว ตฺวา ‘‘กาสิ ตฺว’’นฺติ อาห. อหํ อิธ ¶ อธิวตฺถา เทวตาติ. เถโร ‘‘อตฺถิ นุ โข มยา เวชฺชกมฺมสฺส กตฏฺาน’’นฺติ อุปสมฺปทมาฬกโต ปฏฺาย โอโลเกนฺโต อตฺตโน สีเล ติลกํ วา กาฬกํ วา อทิสฺวา ¶ ‘‘อหํ มยา เวชฺชกมฺมสฺส กตฏฺานํ น ปสฺสามิ, กสฺมา เอวํ วเทสี’’ติ อาห. น ปสฺสสีติ. อาม, น ปสฺสามีติ? อาจิกฺขามิ เตติ. อาม, อาจิกฺขาหีติ. ติฏฺตุ ตาว ทูเร กตํ, อชฺเชว ตยา อมนุสฺสคหิตสฺส อุปฏฺากปุตฺตสฺส ปาทโธวนอุทกํ สีเส อาสิตฺตํ, นาสิตฺตนฺติ? อาม, อาสิตฺตนฺติ. กึ เอตํ น ปสฺสสีติ? เอตํ สนฺธาย ตฺวํ วเทสีติ? อาม, เอตํ สนฺธาย วทามีติ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อโห วต เม สมฺมา ปณิหิโต อตฺตา, สาสนสฺส อนุรูปํ วต เม จริตํ, เทวตาปิ มม จตุปาริสุทฺธิสีเล ติลกํ วา กาฬกํ วา อทิสฺวา ทารกสฺส สีเส อาสิตฺตปาทโธวนมตฺตํ อทฺทสา’’ติ ตสฺส สีลํ อารพฺภ พลวปีติ อุปฺปชฺชิ. โส ตํ วิกฺขมฺเภตฺวา ปาทุทฺธารมฺปิ อกตฺวา ¶ ตตฺเถว อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘มาทิสํ ปริสุทฺธํ สมณํ ทูเสตฺวา มา อิธ วนสณฺเฑ วสิ, ตฺวเมว นิกฺขมาหี’’ติ เทวตํ โอวทนฺโต อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘วิสุทฺโธ ¶ วต เม วาโส, นิมฺมลํ มํ ตปสฺสินํ;
มา ตฺวํ วิสุทฺธํ ทูเสสิ, นิกฺขม ปวนา ตุว’’นฺติ.
โส ตตฺเถว เตมาสํ วสิตฺวา วุตฺถวสฺโส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภิกฺขูหิ ‘‘กึ, อาวุโส, ปพฺพชิตกิจฺจํ เต มตฺถกํ ปาปิต’’นฺติ ปุฏฺโ ตสฺมึ เลเณ วสฺสูปคมนโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ ภิกฺขูนํ อาโรเจตฺวา, ‘‘อาวุโส, ตฺวํ เทวตาย เอวํ วุจฺจมาโน น กุชฺฌี’’ติ วุตฺเต ‘‘น กุชฺฌิ’’นฺติ อาห. ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ, ‘‘ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ อฺํ พฺยากโรติ, เทวตาย อิทํ นาม วุจฺจมาโนปิ น กุชฺฌินฺติ วทตี’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘เนว, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต กุชฺฌติ, เอตสฺส คิหีหิ วา ปพฺพชิเตหิ วา สํสคฺโค นาม นตฺถิ, อสํสฏฺโ เอส อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อสํสฏฺํ คหฏฺเหิ, อนาคาเรหิ จูภยํ;
อโนกสาริมปฺปิจฺฉํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ อสํสฏฺนฺติ ทสฺสนสวนสมุลฺลปนปริโภคกายสํสคฺคานํ อภาเวน อสํสฏฺํ. อุภยนฺติ ¶ คิหีหิ จ อนาคาเรหิ จาติ อุภเยหิปิ อสํสฏฺํ ¶ . อโนกสารินฺติ อนาลยจารึ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปพฺภารวาสีติสฺสตฺเถรวตฺถุ เอกวีสติมํ.
๒๒. อฺตรภิกฺขุวตฺถุ
นิธาย ทณฺฑนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วายมนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘ปฏิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามี’’ติ ตโต นิกฺขมิ. อถ นํ เอกสฺมึ คาเม เอกา อิตฺถี สามิเกน สทฺธึ กลหํ กตฺวา ตสฺมึ พหิ นิกฺขนฺเต ‘‘กุลฆรํ คมิสฺสามี’’ติ มคฺคํ ปฏิปนฺนา อนฺตรามคฺเค ทิสฺวา ‘‘อิมํ เถรํ นิสฺสาย คมิสฺสามี’’ติ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธิ. เถโร ปน ตํ น ปสฺสติ. อถสฺสา สามิโก เคหํ อาคโต ตํ อทิสฺวา ‘‘กุลคามํ คตา ภวิสฺสตี’’ติ อนุพนฺธนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘น สกฺกา อิมาย เอกิกาย อิมํ อฏวึ ปฏิปชฺชิตุํ, กํ นุ โข นิสฺสาย คจฺฉตี’’ติ โอโลเกนฺโต เถรํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อิมํ ¶ คณฺหิตฺวา นิกฺขนฺโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา เถรํ สนฺตชฺเชสิ. อถ นํ สา อิตฺถี ‘‘เนว มํ เอส ภทนฺโต ปสฺสติ, น อาลปติ, มา นํ กิฺจิ อวจา’’ติ อาห. โส ‘‘กึ ปน ตฺวํ อตฺตานํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตํ มม อาจิกฺขิสฺสสิ, ตุยฺหเมว อนุจฺฉวิกํ อิมสฺส กริสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนโกโธ อิตฺถิยา อาฆาเตน เถรํ โปเถตฺวา ตํ อาทาย นิวตฺติ. เถรสฺส สกลสรีรํ สฺชาตคณฺฑํ อโหสิ. อถสฺส วิหารํ คตกาเล ภิกฺขู สรีรํ สมฺพาหนฺตา คณฺเฑ ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. โส เตสํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส, ตสฺมึ ปุริเส เอวํ ปหรนฺเต ตฺวํ กึ อวจ, กึ วา เต โกโธ อุปฺปนฺโน’’ติ. ‘‘น เม, อาวุโส, โกโธ อุปฺปชฺชี’’ติ วุตฺเต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอส ภิกฺขุ ‘โกโธ เต ¶ อุปฺปชฺชตี’ติ วุจฺจมาโน ‘น เม, อาวุโส, โกโธ อุปฺปชฺชตี’ติ อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ อาโรเจสุํ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ขีณาสวา นาม นิหิตทณฺฑา, เต ปหรนฺเตสุปิ โกธํ น กโรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘นิธาย ทณฺฑํ ภูเตสุ, ตเสสุ ถาวเรสุ จ;
โย น หนฺติ น ฆาเตติ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ นิธายาติ นิกฺขิปิตฺวา โอโรเปตฺวา. ตเสสุ ถาวเรสุ จาติ ตณฺหาตาเสน ตเสสุ, ตณฺหาอภาเวน ถิรตาย ¶ ถาวเรสุ จ. โย น หนฺตีติ โย เอวํ สพฺพสตฺเตสุ วิคตปฏิฆตาย นิกฺขิตฺตทณฺโฑ เนว กฺจิ สยํ หนติ, น อฺเ ฆาเตติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อฺตรภิกฺขุวตฺถุ พาวีสติมํ.
๒๓. สามเณรานํ วตฺถุ
อวิรุทฺธนฺติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จตฺตาโร สามเณเร อารพฺภ กเถสิ.
เอกา กิร พฺราหฺมณี จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ อุทฺเทสภตฺตํ สชฺเชตฺวา พฺราหฺมณํ อาห – ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา จตฺตาโร มหลฺลกพฺราหฺมเณ อุทฺทิสาเปตฺวา อาเนหี’’ติ. โส วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘จตฺตาโร เม พฺราหฺมเณ อุทฺทิสิตฺวา เทถา’’ติ อาห. ตสฺส สํกิจฺโจ ปณฺฑิโต โสปาโก เรวโตติ สตฺตวสฺสิกา จตฺตาโร ขีณาสวสามเณรา ปาปุณึสุ. พฺราหฺมณี มหารหานิ อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ิตา สามเณเร ทิสฺวาว กุปิตา อุทฺธเน ปกฺขิตฺตโลณํ วิย ตฏตฏายมานา ‘‘ตฺวํ วิหารํ คนฺตฺวา อตฺตโน นตฺตุมตฺเตปิ อปฺปโหนฺเต ¶ จตฺตาโร กุมารเก คเหตฺวา อาคโตสี’’ติ วตฺวา เตสํ เตสุ อาสเนสุ นิสีทิตุํ อทตฺวา นีจปีกานิ อตฺถริตฺวา ‘‘เอเตสุ นิสีทถา’’ติ วตฺวา ‘‘คจฺฉ, พฺราหฺมณ, มหลฺลเก โอโลเกตฺวา อาเนหี’’ติ ¶ อาห. พฺราหฺมโณ วิหารํ คนฺตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรํ ทิสฺวา ‘‘เอถ, อมฺหากํ เคหํ คมิสฺสามา’’ติ อาเนสิ. เถโร อาคนฺตฺวา สามเณเร ทิสฺวา ‘‘อิเมหิ พฺราหฺมเณหิ ภตฺตํ ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ลทฺธ’’นฺติ วุตฺเต จตุนฺนเมว ภตฺตสฺส ปฏิยตฺตภาวํ ตฺวา ‘‘อาหร เม ปตฺต’’นฺติ ปตฺตํ คเหตฺวา ปกฺกามิ. พฺราหฺมณีปิ ‘‘กึ อิมินา วุตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอเตสํ นิสินฺนานํ พฺราหฺมณานํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, อาหร เม ปตฺต’’นฺติ อตฺตโน ปตฺตํ คเหตฺวา คโต, น ภฺุชิตุกาโม ภวิสฺสติ, สีฆํ คนฺตฺวา อฺํ โอโลเกตฺวา อาเนหีติ. พฺราหฺมโณ คนฺตฺวา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ ทิสฺวา ตเถว วตฺวา อาเนสิ. โสปิ สามเณเร ทิสฺวา ตเถว วตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ปกฺกามิ. อถ นํ พฺราหฺมณี อาห – ‘‘เอเต น ภฺุชิตุกามา, พฺราหฺมณวาทกํ คนฺตฺวา เอกํ มหลฺลกพฺราหฺมณํ อาเนหี’’ติ.
สามเณราปิ ปาโตว ปฏฺาย กิฺจิ อลภมานา ชิฆจฺฉาย ปีฬิตา นิสีทึสุ. อถ เนสํ คุณเตเชน สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺเชนฺโต เตสํ ปาโตว ปฏฺาย นิสินฺนานํ กิลนฺตภาวํ ตฺวา ‘‘มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ ชราชิณฺโณ มหลฺลกพฺราหฺมโณ หุตฺวา ตสฺมึ พฺราหฺมณวาทเก พฺราหฺมณานํ อคฺคาสเน นิสีทิ. พฺราหฺมโณ ตํ ทิสฺวา ¶ ‘‘อิทานิ เม พฺราหฺมณี อตฺตมนา ภวิสฺสตี’’ติ เอหิ เคหํ คมิสฺสามา’’ติ ตํ อาทาย เคหํ อคมาสิ. พฺราหฺมณี ตํ ทิสฺวาว ตุฏฺจิตฺตา ทฺวีสุ อาสเนสุ อตฺถรณํ เอกสฺมึเยว อตฺถริตฺวา, ‘‘อยฺย, อิธ นิสีทาหี’’ติ อาห. สกฺโก เคหํ ปวิสิตฺวา จตฺตาโร สามเณเร ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา เตสํ อาสนปริยนฺเต ภูมิยํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. อถ นํ ทิสฺวา พฺราหฺมณี พฺราหฺมณํ อาห – ‘‘อโห เต อานีโต พฺราหฺมโณ, เอตมฺปิ อุมฺมตฺตกํ คเหตฺวา อาคโตสิ, อตฺตโน นตฺตุมตฺเต วนฺทนฺโต ¶ วิจรติ, กึ อิมินา, นีหราหิ น’’นฺติ. โส ขนฺเธปิ หตฺเถปิ กจฺฉายปิ คเหตฺวา นิกฺกฑฺฒิยมาโน อุฏฺาตุมฺปิ น อิจฺฉติ. อถ นํ พฺราหฺมณี ‘‘เอหิ, พฺราหฺมณ, ตฺวํ เอกสฺมึ หตฺเถ คณฺห, อหํ เอกสฺมึ หตฺเถ คณฺหิสฺสามี’’ติ อุโภปิ ทฺวีสุ หตฺเถสุ คเหตฺวา ปิฏฺิยํ โปเถนฺตา เคหทฺวารโต พหิ อกํสุ. สกฺโกปิ นิสินฺนฏฺาเนเยว นิสินฺโน หตฺถํ ปริวตฺเตสิ. เต นิวตฺติตฺวา ตํ นิสินฺนเมว ทิสฺวา ภีตรวํ รวนฺตา วิสฺสชฺเชสุํ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก อตฺตโน สกฺกภาวํ ชานาเปสิ. อถ เนสํ อาหารํ อทํสุ. ปฺจปิ ชนา ¶ อาหารํ คเหตฺวา เอโก กณฺณิกามณฺฑลํ วินิวิชฺฌิตฺวา, เอโก ฉทนสฺส ปุริมภาคํ, เอโก ปจฺฉิมภาคํ, เอโก ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา, สกฺโกปิ เอเกน าเนน นิกฺขมีติ เอวํ ปฺจธา อคมํสุ ¶ . ตโต ปฏฺาย จ ปน ตํ เคหํ ปฺจฉิทฺทเคหํ กิร นาม ชาตํ.
สามเณเรปิ วิหารํ คตกาเล ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส, กีทิส’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. มา โน ปุจฺฉิตฺถ, อมฺหากํ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย พฺราหฺมณี โกธาภิภูตา ปฺตฺตาสเนสุ โน นิสีทิตุมฺปิ อทตฺวา ‘‘สีฆํ สีฆํ มหลฺลกพฺราหฺมณํ อาเนหี’’ติ อาห. อมฺหากํ อุปชฺฌาโย อาคนฺตฺวา อมฺเห ทิสฺวา ‘‘อิเมสํ นิสินฺนพฺราหฺมณานํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ ปตฺตํ อาหราเปตฺวา นิกฺขมิ. ‘‘อฺํ มหลฺลกํ พฺราหฺมณํ อาเนสี’’ติ วุตฺเต พฺราหฺมโณ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อาเนสิ, โสปิ อมฺเห ทิสฺวา ตเถว วตฺวา ปกฺกามิ. อถ พฺราหฺมณี ‘‘น เอเต ภฺุชิตุกามา, คจฺฉ พฺราหฺมณวาทกโต เอกํ มหลฺลกพฺราหฺมณํ อาเนหี’’ติ พฺราหฺมณํ ปหิณิ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา พฺราหฺมณเวเสน อาคตํ สกฺกํ อาเนสิ, ตสฺส อาคตกาเล อมฺหากํ อาหารํ อทํสูติ. เอวํ กโรนฺตานํ ปน เตสํ ตุมฺเห น กุชฺฌิตฺถาติ? น กุชฺฌิมฺหาติ. ภิกฺขู ตํ สุตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, อิเม ‘น กุชฺฌิมฺหา’ติ อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺตี’’ติ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, ขีณาสวา นาม วิรุทฺเธสุปิ น วิรุชฺฌนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อวิรุทฺธํ ¶ วิรุทฺเธสุ, อตฺตทณฺเฑสุ นิพฺพุตํ;
สาทาเนสุ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ อวิรุทฺธนฺติ อาฆาตวเสน วิรุทฺเธสุปิ โลกิยมหาชเนสุ อาฆาตาภาเวน อวิรุทฺธํ. หตฺถคเต ทณฺเฑ วา สตฺเถ วา อวิชฺชมาเนปิ ปเรสํ ปหารทานโต อวิรตตฺตา อตฺตทณฺเฑสุ ชเนสุ นิพฺพุตํ นิกฺขิตฺตทณฺฑํ, ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อหํ มมนฺติ คหิตตฺตา สาทาเนสุ ตสฺส คหณสฺส อภาเวน อนาทานํ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สามเณรานํ วตฺถุ เตวีสติมํ.
๒๔. มหาปนฺถกตฺเถรวตฺถุ
ยสฺส ¶ ราโค จาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต มหาปนฺถกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส หายสฺมา จูฬปนฺถกํ จตูหิ มาเสหิ เอกํ คาถํ ปคุณํ กาตุํ อสกฺโกนฺตํ ‘‘ตฺวํ สาสเน อภพฺโพ, คิหิโภคาปิ ปริหีโน, กึ เต อิธ วาเสน, อิโต นิกฺขมา’’ติ วิหารา นิกฺกฑฺฒิตฺวา ทฺวารํ ถเกสิ. ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, มหาปนฺถกตฺเถเรน อิทํ นาม กตํ ¶ , ขีณาสวานมฺปิ มฺเ โกโธ อุปฺปชฺชตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, ขีณาสวานํ ราคาทโย กิเลสา อตฺถิ, มม ปุตฺเตน อตฺถปุเรกฺขารตาย เจว ธมฺมปุเรกฺขารตาย จ กต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺส ราโค จ โทโส จ, มาโน มกฺโข จ ปาติโต;
สาสโปริว อารคฺคา, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ อารคฺคาติ ยสฺเสเต ราคาทโย กิเลสา, อยฺจ ปรคุณมกฺขนลกฺขโณ มกฺโข อารคฺคา สาสโป วิย ปาติโต, ยถา สาสโป อารคฺเค น สนฺติฏฺติ, เอวํ จิตฺเต น สนฺติฏฺติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหาปนฺถกตฺเถรวตฺถุ จตุวีสติมํ.
๒๕. ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรวตฺถุ
อกกฺกสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิรายสฺมา ‘‘เอหิ, วสลิ, ยาหิ, วสลี’’ติอาทีนิ วทนฺโต ¶ คิหีปิ ปพฺพชิเตปิ วสลิวาเทเนว สมุทาจรติ. อเถกทิวสํ สมฺพหุลา ภิกฺขู สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, ปิลินฺทวจฺโฉ ภิกฺขู วสลิวาเทน สมุทาจรตี’’ติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ¶ ปิลินฺทวจฺฉ ภิกฺขู วสลิวาเทน สมุทาจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ตสฺสายสฺมโต ปุพฺเพนิวาสํ มนสิกริตฺวา ‘‘มา โข ตุมฺเห, ภิกฺขเว, วจฺฉสฺส ภิกฺขุโน อุชฺฌายิตฺถ, น, ภิกฺขเว, วจฺโฉ โทสนฺตโร ภิกฺขู วสลิวาเทน สมุทาจรติ, วจฺฉสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปฺจ ชาติสตานิ อพฺโพกิณฺณานิ สพฺพานิ ตานิ พฺราหฺมณกุเล ปจฺจาชาตานิ, โส ตสฺส ทีฆรตฺตํ วสลิวาโท สมุทาจิณฺโณ, ขีณาสวสฺส นาม กกฺกสํ ผรุสํ ปเรสํ มมฺมฆฏฺฏนวจนเมว นตฺถิ. อาจิณฺณวเสน หิ มม ปุตฺโต เอวํ กเถตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อกกฺกสํ วิฺาปนึ, คิรํ สจฺจมุทีรเย;
ยาย นาภิสเช กฺจิ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ อกกฺกสนฺติ อผรุสํ. วิฺาปนินฺติ อตฺถวิฺาปนึ. สจฺจนฺติ ภูตตฺถํ. นาภิสเชติ ยาย คิราย อฺํ กุชฺฌาปนวเสน น ลคฺคาเปยฺย, ขีณาสโว นาม เอวรูปเมว คิรํ ภาเสยฺย, ตสฺมา ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรวตฺถุ ปฺจวีสติมํ.
๒๖. อฺตรตฺเถรวตฺถุ
โยธ ¶ ทีฆนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรโก มิจฺฉาทิฏฺิโก พฺราหฺมโณ สรีรคนฺธคหณภเยน อุตฺตรสาฏกํ อปเนตฺวา เอกมนฺเต เปตฺวา เคหทฺวาราภิมุโข นิสีทิ. อเถโก ขีณาสโว ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คจฺฉนฺโต ตํ สาฏกํ ทิสฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกตฺวา กฺจิ อปสฺสนฺโต ‘‘นิสฺสามิโก อย’’นฺติ ปํสุกูลํ อธิฏฺหิตฺวา คณฺหิ. อถ นํ พฺราหฺมโณ ทิสฺวา อกฺโกสนฺโต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มุณฺฑก ¶ , สมณ, มม สาฏกํ คณฺหสี’’ติ อาห. ตเวโส, พฺราหฺมณาติ. อาม, สมณาติ. ‘‘มยา ¶ กฺจิ อปสฺสนฺเตน ปํสุกูลสฺาย คหิโต, คณฺห น’’นฺติ ตสฺส ทตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถสฺส วจนํ สุตฺวา ภิกฺขู เตน สทฺธึ เกฬึ กโรนฺตา ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, สาฏโก ทีโฆ รสฺโส ถูโล สณฺโห’’ติ. อาวุโส, ทีโฆ วา โหตุ รสฺโส วา ถูโล วา สณฺโห วา, นตฺถิ มยฺหํ ตสฺมึ อาลโย, ปํสุกูลสฺาย นํ คณฺหินฺติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘เอส, ภนฺเต, ภิกฺขุ อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘ภูตํ, ภิกฺขเว, เอส กเถติ, ขีณาสวา นาม ปเรสํ สนฺตกํ น คณฺหนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โยธ ¶ ทีฆํ ว รสฺสํ วา, อณุํ ถูลํ สุภาสุภํ;
โลเก อทินฺนํ นาทิยติ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – สาฏกาภรณาทีสุ ทีฆํ วา รสฺสํ วา มณิมุตฺตาทีสุ อณุํ วา ถูลํ วา มหคฺฆอปฺปคฺฆวเสน สุภํ วา อสุภํ วา โย ปุคฺคโล อิมสฺมึ โลเก ปรปริคฺคหิตํ นาทิยติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อฺตรตฺเถรวตฺถุ ฉพฺพีสติมํ.
๒๗. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
อาสา ยสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เถโร กิร ปฺจภิกฺขุสตปริวาโร ชนปเท เอกํ วิหารํ คนฺตฺวา วสฺสํ อุปคฺฉิ. มนุสฺสา เถรํ ทิสฺวา พหุํ วสฺสาวาสิกํ ปฏิสฺสุณึสุ. เถโร ปวาเรตฺวา สพฺพสฺมึ วสฺสาวาสิเก อสมฺปตฺเตเยว สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉนฺโต ภิกฺขู อาห – ‘‘ทหรานฺเจว สามเณรานฺจ มนุสฺเสหิ วสฺสาวาสิเก อาหเฏ คเหตฺวา เปเสยฺยาถ, เปตฺวา วา สาสนํ ปหิเณยฺยาถา’’ติ. เอวํ วตฺวา จ ปน สตฺถุ ¶ สนฺติกํ อคมาสิ. ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อชฺชาปิ มฺเ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ตณฺหา อตฺถิเยว. ตถา ¶ หิ มนุสฺเสหิ วสฺสาวาสิเก ทินฺเน อตฺตโน สทฺธิวิหาริกานํ ‘วสฺสาวาสิกํ เปเสยฺยาถ ¶ , เปตฺวา วา สาสนํ ปหิเณยฺยาถา’ติ ภิกฺขูนํ วตฺวา อาคโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺตสฺส ตณฺหา อตฺถิ, มนุสฺสานํ ปน ปฺุโต ทหรสามเณรานฺจ ธมฺมิกลาภโต ปริหานิ มา อโหสีติ เตเนวํ กถิต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อาสา ยสฺส น วิชฺชนฺติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ;
นิราสาสํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ อาสาติ ตณฺหา. นิราสาสนฺติ นิตฺตณฺหํ. วิสํยุตฺตนฺติ สพฺพกิเลเสหิ วิสํยุตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ สตฺตวีสติมํ.
๒๘. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ
ยสฺสาลยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปุริมสทิสเมว. อิธ ปน สตฺถา โมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส ¶ นิตฺตณฺหภาวํ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺสาลยา น วิชฺชนฺติ, อฺาย อกถํกถี;
อมโตคธมนุปฺปตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ อาลยาติ ตณฺหา. อฺาย อกถํกถีติ อฏฺ วตฺถูนิ ยถาภูตํ ชานิตฺวา อฏฺวตฺถุกาย วิจิกิจฺฉาย นิพฺพิจิกิจฺโฉ. อมโตคธมนุปฺปตฺตนฺติ อมตํ นิพฺพานํ โอคาเหตฺวา อนุปฺปตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ อฏฺวีสติมํ.
๒๙. เรวตตฺเถรวตฺถุ
โยธ ¶ ¶ ปฺฺุจาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต เรวตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ’’ติ (ธ. ป. ๙๘) คาถาวณฺณนาย วิตฺถาริตเมว. วุตฺตฺหิ ตตฺถ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๙๘) –
ปุน เอกทิวสํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อโห สามเณรสฺส ลาโภ, อโห ปฺุํ, เยน เอกเกน ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ปฺจกูฏาคารสตานิ กตานี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มยฺหํ ปุตฺตสฺส ¶ เนว ปฺุํ อตฺถิ, น ปาปํ, อุภยมสฺส ปหีน’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โยธ ปฺฺุจ ปาปฺจ, อุโภ สงฺคมุปจฺจคา;
อโสกํ วิรชํ สุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ อุโภติ ทฺเวปิ ปฺุานิ จ ปาปานิ จ ฉฑฺเฑตฺวาติ อตฺโถ. สงฺคนฺติ ราคาทิเภทํ สงฺคํ. อุปจฺจคาติ อติกฺกนฺโต. วฏฺฏมูลกโสกาภาเวน อโสกํ อพฺภนฺตเร ราครชาทีนํ อภาเวน วิรชํ นิรุปกฺกิเลสตาย สุทฺธํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เรวตตฺเถรวตฺถุ เอกูนตึสติมํ.
๓๐. จนฺทาภตฺเถรวตฺถุ
จนฺทํ วาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จนฺทาภตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพี กถา – อตีเต เอโก พาราณสิวาสี วาณิโช ‘‘ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา จนฺทนํ อาหริสฺสามี’’ติ พหูนิ วตฺถาภรณาทีนิ คเหตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา คามทฺวาเร นิวาสํ คเหตฺวา อฏวิยํ โคปาลทารเก ปุจฺฉิ – ‘‘อิมสฺมึ คาเม ปพฺพตปาทกมฺมิโก ¶ ¶ โกจิ ¶ มนุสฺโส อตฺถี’’ติ? ‘‘อาม, อตฺถี’’ติ. ‘‘โก นาเมโส’’ติ? ‘‘อสุโก นามา’’ติ. ‘‘ภริยาย ปนสฺส ปุตฺตานํ วา กึนาม’’นฺติ? ‘‘อิทฺจิทฺจา’’ติ. ‘‘กหํ ปนสฺส าเน เคห’’นฺติ? ‘‘อสุกฏฺาเน นามา’’ติ. โส เตหิ ทินฺนสฺาย สุขยานเก นิสีทิตฺวา ตสฺส เคหทฺวารํ คนฺตฺวา ยานา โอรุยฺห เคหํ ปวิสิตฺวา ‘‘อสุกนาเม’’ติ ตํ อิตฺถึ ปกฺโกสิ. สา ‘‘เอโก โน าตโก ภวิสฺสตี’’ติ เวเคนาคนฺตฺวา อาสนํ ปฺาเปสิ. โส ตตฺถ นิสีทิตฺวา นามํ วตฺวา ‘‘มม สหาโย กห’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อรฺํ คโต, สามี’’ติ. ‘‘มม ปุตฺโต อสุโก นาม, มม ธีตา อสุกา นาม กห’’นฺติ สพฺเพสํ นามํ กิตฺเตนฺโตว ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมานิ เนสํ วตฺถาภรณานิ ทเทยฺยาสิ, สหายสฺสาปิ เม อฏวิโต อาคตกาเล อิทํ วตฺถาภรณํ ทเทยฺยาสี’’ติ อทาสิ. สา ตสฺส อุฬารํ สกฺการํ กตฺวา สามิกสฺส อาคตกาเล ‘‘สามิ, อิมินา อาคตกาลโต ปฏฺาย สพฺเพสํ นามํ วตฺวา อิทฺจิทฺจ ทินฺน’’นฺติ อาห. โสปิสฺส กตฺตพฺพยุตฺตกํ กริ.
อถ นํ สายํ สยเน นิสินฺโน ปุจฺฉิ – ‘‘สมฺม, ปพฺพตปาเท จรนฺเตน เต กึ พหุํ ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ? ‘‘อฺํ น ปสฺสามิ, รตฺตสาขา ¶ ปน เม พหู รุกฺขา ทิฏฺา’’ติ. ‘‘พหู รุกฺขา’’ติ? ‘‘อาม, พหู’’ติ. เตน หิ เต อมฺหากํ ทสฺเสหีติ เตน สทฺธึ คนฺตฺวา รตฺตจนฺทนรุกฺเข ฉินฺทิตฺวา ปฺจ สกฏสตานิ ปูเรตฺวา อาคจฺฉนฺโต ตํ อาห – ‘‘สมฺม, พาราณสิยํ อสุกฏฺาเน นาม มม เคหํ, กาเลน กาลํ มม สนฺติกํ อาคจฺเฉยฺยาสิ, อฺเน จ เม ปณฺณากาเรน อตฺโถ นตฺถิ, รตฺตสาขรุกฺเข เอว อาหเรยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา กาเลน กาลํ ตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต รตฺตจนฺทนเมว อาหรติ, โสปิสฺส พหุธนํ เทติ.
ตโต อปเรน สมเยน ปรินิพฺพุเต กสฺสปทสพเล ปติฏฺิเต กฺจนถูเป โส ปุริโส พหุํ จนฺทนํ อาทาย พาราณสึ อคมาสิ. อถสฺส โส สหายโก วาณิโช พหุํ จนฺทนํ ปิสาเปตฺวา ปาตึ ปูเรตฺวา ‘‘เอหิ, สมฺม, ยาว ภตฺตํ ปจติ, ตาว เจติยกรณฏฺานํ คนฺตฺวา อาคมิสฺสามา’’ติ ตํ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา จนฺทนปูชํ อกาสิ. โสปิสฺส ปจฺจนฺตวาสี สหายโก เจติยกุจฺฉิยํ จนฺทเนน จนฺทมณฺฑลํ อกาสิ. เอตฺตกเมวสฺส ปุพฺพกมฺมํ.
โส ¶ ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ตตฺถ เขเปตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส นาภิมณฺฑลโต จนฺทมณฺฑลสทิสา ปภา อุฏฺหิ, เตนสฺส จนฺทาโภตฺเวว นามํ กรึสุ. เจติเย กิรสฺส จนฺทมณฺฑลกรณนิสฺสนฺโท ¶ เอส. พฺราหฺมณา ¶ จินฺตยึสุ – ‘‘สกฺกา อมฺเหหิ อิมํ คเหตฺวา โลกํ ขาทิตุ’’นฺติ. ตํ ยาเน นิสีทาเปตฺวา ‘‘โย อิมสฺส สรีรํ หตฺเถน ปรามสติ, โส เอวรูปํ นาม อิสฺสริยสมฺปตฺตึ ลภตี’’ติ วตฺวา วิจรึสุ. สตํ วา สหสฺสํ วา ททมานา เอว ตสฺส สรีรํ หตฺเถน ผุสิตุํ ลภนฺติ. เต เอวํ อนุวิจรนฺตา สาวตฺถึ อนุปฺปตฺตา นครสฺส จ วิหารสฺส จ อนฺตรา นิวาสํ คณฺหึสุ. สาวตฺถิยมฺปิ ปฺจโกฏิมตฺตา อริยสาวกา ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ คนฺธมาลวตฺถเภสชฺชาทิหตฺถา ธมฺมสฺสวนาย คจฺฉนฺติ. พฺราหฺมณา เต ทิสฺวา ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถุ สนฺติกํ ธมฺมสฺสวนายาติ. เอถ ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสถ, อมฺหากํ จนฺทาภสฺส พฺราหฺมณสฺส อานุภาวสทิโส อานุภาโว นตฺถิ. เอตสฺส หิ สรีรํ ผุสนฺตา อิทํ นาม ลภนฺติ, เอถ ปสฺสถ นนฺติ. ตุมฺหากํ จนฺทาภสฺส พฺราหฺมณสฺส โก อานุภาโว นาม, อมฺหากํ สตฺถาเยว มหานุภาโวติ. เต อฺมฺํ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตา ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา จนฺทาภสฺส วา อมฺหากํ วา สตฺถุ อานุภาวํ ¶ ชานิสฺสามา’’ติ ตํ คเหตฺวา วิหารํ อคมํสุ.
สตฺถา ตสฺมึ อตฺตโน สนฺติกํ อุปสงฺกมนฺเตเยว จนฺทาภาย อนฺตรธานํ อกาสิ. โส สตฺถุ สนฺติเก องฺคารปจฺฉิยํ กาโก วิย อโหสิ. อถ นํ เอกมนฺตํ นยึสุ, อาภา ปฏิปากติกา อโหสิ. ปุน สตฺถุ สนฺติกํ อานยึสุ, อาภา ตเถว อนฺตรธายิ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ คนฺตฺวา อนฺตรธายมานํ อาภํ ทิสฺวา จนฺทาโภ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ อาภาย อนฺตรธานมนฺตํ ชานาติ มฺเ’’ติ. โส สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ นุ โข อาภาย อนฺตรธานมนฺตํ ชานาถา’’ติ? อาม, ชานามีติ. เตน หิ เม เทถาติ. น สกฺกา อปพฺพชิตสฺส ทาตุนฺติ. โส พฺราหฺมเณ อาห – ‘‘เอตสฺมึ มนฺเต คหิเต อหํ สกลชมฺพุทีเป เชฏฺโก ภวิสฺสามิ, ตุมฺเห เอตฺเถว โหถ, อหํ ปพฺพชิตฺวา กติปาเหเนว มนฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ. โส สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา อุปสมฺปชฺชิ. อถสฺส ทฺวตฺตึสาการํ ¶ อาจิกฺขิ. โส ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิ. อิทํ มนฺตสฺส ปริกมฺมํ สชฺฌายิตุํ วฏฺฏตีติ. พฺราหฺมณาปิ อนฺตรนฺตรา อาคนฺตฺวา ‘‘คหิโต เต มนฺโต’’ติ ปุจฺฉนฺติ. น ตาว คณฺหามีติ. โส กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปตฺวา พฺราหฺมเณหิ อาคนฺตฺวา ปุจฺฉิตกาเล ‘‘ยาถ ตุมฺเห, อิทานาหํ อนาคมนธมฺโม ชาโต’’ติ อาห. ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘ขีณาสโว อิทานิ, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต จนฺทาโภ, ภูตเมเวส กเถตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘จนฺทํว ¶ วิมลํ สุทฺธํ, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;
นนฺทีภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ วิมลนฺติ อพฺภาทิมลรหิตํ. สุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. วิปฺปสนฺนนฺติ ปสนฺนจิตฺตํ. อนาวิลนฺติ กิเลสาวิลตฺตรหิตํ. นนฺทีภวปริกฺขีณนฺติ ตีสุ ภเวสุ ปริกฺขีณตณฺหํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
จนฺทาภตฺเถรวตฺถุ ตึสติมํ.
๓๑. สีวลิตฺเถรวตฺถุ
โย อิมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา กุณฺฑโกลิยํ นิสฺสาย กุณฺฑธานวเน วิหรนฺโต สีวลิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สุปฺปวาสา นาม โกลิยธีตา สตฺตวสฺสานิ คพฺภํ ธาเรตฺวา สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา ทุกฺขาหิ ติพฺพาหิ กฏุกาหิ เวทนาหิ ผุฏฺา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา, โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ¶ ปหานาย ธมฺมํ เทเสติ. สุปฺปฏิปนฺโน วต ตสฺส ภควโต สาวกสงฺโฆ, โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ปฏิปนฺโน. สุสุขํ วต ตํ นิพฺพานํ, ยถิทํ เอวรูปํ ทุกฺขํ น สํวิชฺชตี’’ติ (อุทา. ๑๘) อิเมหิ ตีหิ วิตกฺเกหิ ตํ ¶ ทุกฺขํ อธิวาเสนฺตี สามิกํ สตฺถุ สนฺติกํ เปเสตฺวา เตน ตสฺสา วจเนน สตฺถุ วนฺทนาย อาโรจิตาย ‘‘สุขินี โหตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา, อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ สตฺถารา วุตฺตกฺขเณเยว สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายิตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ อทาสิ. ปุตฺโตปิสฺสา ชาตทิวสโต ปฏฺาย ธมฺมกรณํ อาทาย สงฺฆสฺส อุทกํ ปริสฺสาเวสิ. โส อปรภาเค นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต อรหตฺตํ ปาปุณิ.
อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ปสฺสถาวุโส, เอวรูโป นาม อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน ภิกฺขุ เอตฺตกํ กาลํ มาตุกุจฺฉิสฺมึ ทุกฺขํ อนุโภสิ, กิมงฺคํ ปน อฺเ, พหุํ วต อิมินา ทุกฺขํ นิตฺถิณฺณ’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต เอตฺตกา ทุกฺขา มุจฺจิตฺวา อิทานิ นิพฺพานํ สจฺฉิกตฺวา วิหรตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โยมํ ¶ ¶ ปลิปถํ ทุคฺคํ, สํสารํ โมหมจฺจคา;
ติณฺโณ ปารงฺคโต ฌายี, อเนโช อกถํกถี;
อนุปาทาย นิพฺพุโต, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – โย ภิกฺขุ อิมํ ราคปลิปถฺเจว กิเลสทุคฺคฺจ สํสารวฏฺฏฺจ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อปฺปฏิวิชฺฌนกโมหฺจ อตีโต, จตฺตาโร โอเฆ ติณฺโณ หุตฺวา ปารํ อนุปฺปตฺโต, ทุวิเธน ฌาเนน ฌายี, ตณฺหาย อภาเวน อเนโช, กถํกถาย อภาเวน อกถํกถี, อุปาทานานํ อภาเวน อนุปาทิยิตฺวา กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุโต, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สีวลิตฺเถรวตฺถุ เอกตึสติมํ.
๓๒. สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรวตฺถุ
โยธ ¶ กาเมติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรโก กุลปุตฺโต สุนฺทรสมุทฺทกุมาโร นาม จตฺตาลีสโกฏิวิภเว มหากุเล นิพฺพตฺโต. โส เอกทิวสํ ¶ ปจฺฉาภตฺตํ คนฺธมาลาทิหตฺถํ มหาชนํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย เชตวนํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ ธมฺมสฺสวนตฺถายา’’ติ วุตฺเต ‘‘อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา เตน สทฺธึ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิ. สตฺถา ตสฺส อาสยํ วิทิตฺวา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. โส ‘‘น สกฺกา อคารํ อชฺฌาวสนฺเตน สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุ’’นฺติ สตฺถุ ธมฺมกถํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชาย ชาตุสฺสาโห ปริสาย ปกฺกนฺตาย สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ‘‘มาตาปิตูหิ อนนฺุาตํ ตถาคตา น ปพฺพาเชนฺตี’’ติ สุตฺวา เคหํ คนฺตฺวา รฏฺปาลกุลปุตฺตาทโย วิย มหนฺเตน วายาเมน มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ‘‘กึ เม อิธ วาเสนา’’ติ ตโต นิกฺขมิตฺวา ราชคหํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย จรนฺโต วีตินาเมสิ.
อเถกทิวสํ สาวตฺถิยํ ตสฺส ¶ มาตาปิตโร เอกสฺมึ ฉณทิวเส มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน ตสฺส สหายกกุมารเก กีฬมาเน ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตสฺส อิทํ ทุลฺลภํ ชาต’’นฺติ ปริเทวึสุ. ตสฺมึ ขเณ เอกา คณิกา ตํ กุลํ คนฺตฺวา ตสฺส มาตรํ โรทมานํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อมฺม, กึ การณา โรทสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปุตฺตํ อนุสฺสริตฺวา โรทามี’’ติ. ‘‘กหํ ปน โส, อมฺมา’’ติ? ‘‘ภิกฺขูสุ ปพฺพชิโต’’ติ. ‘‘กึ อุปฺปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘วฏฺฏติ, น ปน อิจฺฉติ, อิโต นิกฺขมิตฺวา ราชคหํ คโต’’ติ. ‘‘สจาหํ ตํ อุปฺปพฺพาเชยฺยํ, กึ เม กเรยฺยาถา’’ติ? ‘‘อิมสฺส เต กุลสฺส กุฏุมฺพสามินึ ¶ กเรยฺยามา’’ติ. เตน หิ เม ปริพฺพยํ เทถาติ ปริพฺพยํ คเหตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ราชคหํ คนฺตฺวา ตสฺส ปิณฺฑาย จรณวีถึ สลฺลกฺเขตฺวา ตตฺเถกํ นิวาสเคหํ คเหตฺวา ปาโตว ปณีตํ อาหารํ ปฏิยาเทตฺวา เถรสฺส ปิณฺฑาย ปวิฏฺกาเล ภิกฺขํ ทตฺวา กติปาหจฺจเยน, ‘‘ภนฺเต, อิเธว นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กโรถา’’ติ ปตฺตํ คณฺหิ. โส ปตฺตมทาสิ.
อถ ¶ นํ ปณีเตน อาหาเรน ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิเธว ปิณฺฑาย จริตุํ ผาสุก’’นฺติ วตฺวา กติปาหํ อาลินฺเท นิสีทาเปตฺวา โภเชตฺวา ทารเก ปูเวหิ สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘เอถ ตุมฺเห เถรสฺส อาคตกาเล มยิ วาเรนฺติยาปิ อิธาคนฺตฺวา รชํ อุฏฺาเปยฺยาถา’’ติ อาห. เต ปุนทิวเส เถรสฺส โภชนเวลาย ตาย วาริยมานาปิ รชํ อุฏฺาเปสุํ. สา ปุนทิวเส, ‘‘ภนฺเต, ทารกา วาริยมานาปิ มม วจนํ อสุณิตฺวา อิธ รชํ อุฏฺาเปนฺติ, อนฺโตเคเห นิสีทถา’’ติ อนฺโต นิสีทาเปตฺวา กติปาหํ โภเชสิ. ปุน ทารเก สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘ตุมฺเห มยา วาริยมานาปิ เถรสฺส โภชนกาเล มหาสทฺทํ กเรยฺยาถา’’ติ อาห. เต ตถา กรึสุ. สา ปุนทิวเส, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน อติวิย มหาสทฺโท โหติ, ทารกา มยา วาริยมานาปิ วจนํ น คณฺหนฺติ, อุปริปาสาเทเยว นิสีทถา’’ติ วตฺวา เถเรน อธิวาสิเต เถรํ ปุรโต กตฺวา ปาสาทํ อภิรุหนฺตี ทฺวารานิ ปิทหมานาว ปาสาทํ อภิรุหิ. เถโร อุกฺกฏฺสปทานจาริโก สมาโนปิ รสตณฺหาย พทฺโธ ตสฺสา วจเนน สตฺตภูมิกํ ปาสาทํ อภิรุหิ.
สา เถรํ นิสีทาเปตฺวา ‘‘จตฺตาลีสาย ขลุ, สมฺม, ปุณฺณมุข าเนหิ อิตฺถี ปุริสํ อจฺจาวทติ ¶ วิชมฺภติ วินมติ คิลสติ วิลชฺชติ นเขน นขํ ฆฏฺเฏติ, ปาเทน ปาทํ อกฺกมติ, กฏฺเน ปถวึ วิลิขติ, ทารกํ อุลฺลงฺเฆติ โอลงฺเฆติ, กีฬติ กีฬาเปติ, จุมฺพติ จุมฺพาเปติ, ภฺุชติ ภฺุชาเปติ, ททาติ อายาจติ, กตมนุกโรติ, อุจฺจํ ภาสติ, นีจํ ภาสติ, อวิจฺจํ ภาสติ, วิวิจฺจํ ภาสติ, นจฺเจน คีเตน วาทิเตน โรทิเตน วิลสิเตน วิภูสิเตน ชคฺฆติ, เปกฺขติ, กฏึ จาเลติ, คุยฺหภณฺฑกํ จาเลติ, อูรุํ วิวรติ, อูรุํ ปิทหติ, ถนํ ทสฺเสติ, กจฺฉํ ทสฺเสติ, นาภึ ทสฺเสติ, อกฺขึ นิขณติ, ภมุกํ ¶ อุกฺขิปติ, โอฏฺํ ปลิขติ, ชิวฺหํ นิลฺลาเลติ, ทุสฺสํ มฺุจติ, ทุสฺสํ พนฺธติ, สิรสํ มฺุจติ, สิรสํ พนฺธตี’’ติ (ชา. ๒.๒๑.๓๐๐) เอวํ อาคตํ อิตฺถิกุตฺตํ อิตฺถิลีลํ ทสฺเสตฺวา ตสฺส ปุรโต ิตา อิมํ คาถมาห –
‘‘อลตฺตกกตา ปาทา, ปาทุการุยฺห เวสิยา;
ตุวมฺปิ ทหโร มม, อหมฺปิ ทหรา ตว;
อุโภปิ ปพฺพชิสฺสาม, ชิณฺณา ทณฺฑปรายณา’’ติ. (เถรคา. ๔๕๙, ๔๖๒);
เถรสฺส ¶ ‘‘อโห วต เม ภาริยํ อนุปธาเรตฺวา กตกมฺม’’นฺติ มหาสํเวโค อุทปาทิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก เชตวเน นิสินฺโนว ตํ ¶ การณํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. อถ นํ อานนฺทตฺเถโร ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, โก นุ โข เหตุ, โก ปจฺจโย สิตสฺส ปาตุกมฺมายา’’ติ. อานนฺท, ราชคหนคเร สตฺตภูมิกปาสาทตเล สุนฺทรสมุทฺทสฺส จ ภิกฺขุโน คณิกาย จ สงฺคาโม วตฺตตีติ. กสฺส นุ โข, ภนฺเต, ชโย ภวิสฺสติ, กสฺส ปราชโยติ? สตฺถา, ‘‘อานนฺท, สุนฺทรสมุทฺทสฺส ชโย ภวิสฺสติ, คณิกาย ปราชโย’’ติ เถรสฺส ชยํ ปกาเสตฺวา ตตฺถ นิสินฺนโกว โอภาสํ ผริตฺวา ‘‘ภิกฺขุ อุโภปิ กาเม นิรเปกฺโข ปชหา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โยธ กาเม ปหนฺตฺวาน, อนาคาโร ปริพฺพเช;
กามภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – โย ปุคฺคโล อิธ โลเก อุโภปิ กาเม หิตฺวา อนาคาโร หุตฺวา ปริพฺพชติ, ตํ ปริกฺขีณกามฺเจว ปริกฺขีณภวฺจ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส เถโร อรหตฺตํ ปตฺวา อิทฺธิพเลน เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา กณฺณิกามณฺฑลํ วินิวิชฺฌิตฺวา สตฺถุ สรีรํ โถเมนฺโตเยว อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิ. ธมฺมสภายมฺปิ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, ชิวฺหาวิฺเยฺยํ รสํ นิสฺสาย มนํ นฏฺโ สุนฺทรสมุทฺทตฺเถโร, สตฺถา ปนสฺส อวสฺสโย ชาโต’’ติ. สตฺถา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปาหํ เอตสฺส รสตณฺหาย พทฺธมนสฺส อวสฺสโย ชาโตเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต ตสฺสตฺถสฺส ปกาสนตฺถํ อตีตํ อาหริตฺวา –
อาวาเสหิ วา สนฺถเวหิ วา;
วาตมิคํ คหนนิสฺสิตํ,
วสมาเนสิ รเสหิ สฺชโย’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๔) –
เอกกนิปาเต ¶ อิมํ วาตมิคชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘ตทา สุนฺทรสมุทฺโท วาตมิโค อโหสิ, อิมํ ปน คาถํ วตฺวา ตสฺส วิสฺสชฺชาเปตา รฺโ มหามจฺโจ อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนสีติ.
สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรวตฺถุ พตฺตึสติมํ.
๓๓. ชฏิลตฺเถรวตฺถุ
โยธ ตณฺหนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ชฏิลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพี กถา – อตีเต กิร พาราณสิยํ ทฺเว ภาตโร กุฏุมฺพิกา มหนฺตํ อุจฺฉุเขตฺตํ กาเรสุํ. อเถกทิวสํ กนิฏฺภาตา อุจฺฉุเขตฺตํ คนฺตฺวา ‘‘เอกํ เชฏฺภาติกสฺส ทสฺสามิ, เอกํ มยฺหํ ภวิสฺสตี’’ติ ทฺเว อุจฺฉุยฏฺิโย รสสฺส อนิกฺขมนตฺถาย ฉินฺนฏฺาเน พนฺธิตฺวา คณฺหิ. ตทา กิร อุจฺฉูนํ ยนฺเตน ปีฬนกิจฺจํ นตฺถิ, อคฺเค วา มูเล วา ฉินฺทิตฺวา อุกฺขิตฺตกาเล ธมฺมกรณโต อุทกํ วิย สยเมว รโส นิกฺขมติ. ตสฺส ปน เขตฺตโต อุจฺฉุยฏฺิโย คเหตฺวา อาคมนกาเล ¶ คนฺธมาทเน ปจฺเจกพุทฺโธ สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘กสฺส นุ โข อชฺช อนุคฺคหํ กริสฺสามี’’ติ อุปธาเรนฺโต ตํ อตฺตโน าณชาเล ปวิฏฺํ ทิสฺวา สงฺคหํ กาตุํ สมตฺถภาวฺจ ตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย อิทฺธิยา อาคนฺตฺวา ตสฺส ปุรโต อฏฺาสิ. โส ตํ ทิสฺวาว ปสนฺนจิตฺโต อุตฺตรสาฏกํ อุจฺจตเร ภูมิปเทเส อตฺถริตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิธ นิสีทถา’’ติ ปจฺเจกพุทฺธํ นิสีทาเปตฺวา ‘‘ปตฺตํ อุปนาเมถา’’ติ อุจฺฉุยฏฺิยา พนฺธนฏฺานํ โมเจตฺวา ปตฺตสฺส อุปริ อกาสิ, รโส โอตริตฺวา ปตฺตํ ปูเรสิ. ปจฺเจกพุทฺเธน ตสฺมึ รเส ปีเต ‘‘สาธุกํ วต เม อยฺเยน รโส ปีโต. สเจ เม เชฏฺภาติโก มูลํ อาหราเปสฺสติ, มูลํ ทสฺสามิ. สเจ ปตฺตึ อาหราเปสฺสติ, ปตฺตึ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปตฺตํ เม อุปนาเมถา’’ติ ทุติยมฺปิ อุจฺฉุยฏฺึ โมเจตฺวา รสํ อทาสิ. ‘‘ภาตา เม อุจฺฉุเขตฺตโต อฺํ อุจฺฉุํ อาหริตฺวา ขาทิสฺสตี’’ติ เอตฺตกมฺปิ กิรสฺส วฺจนจิตฺตํ นาโหสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ปน ปมํ อุจฺฉุรสสฺส ปีตตฺตา ตํ อุจฺฉุรสํ ¶ อฺเหิปิ สทฺธึ สํวิภชิตุกาโม หุตฺวา คเหตฺวาว นิสีทิ ¶ . โส ตสฺส อาการํ ตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โย อยํ มยา ทินฺโน อคฺครโส, อิมสฺส นิสฺสนฺเทน เทวมนุสฺเสสุ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ปริโยสาเน ตุมฺเหหิ ปตฺตธมฺมเมว ปาปุเณยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. ปจฺเจกพุทฺโธปิสฺส ‘‘เอวํ โหตู’’ติ วตฺวา ‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺห’’นฺติ ทฺวีหิ คาถาหิ อนุโมทนํ กตฺวา ยถา โส ปสฺสติ, เอวํ อธิฏฺหิตฺวา อากาเสน ¶ คนฺธมาทนํ คนฺตฺวา ปฺจนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธสตานํ ตํ รสํ อทาสิ.
โส ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ภาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ คโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘อุจฺฉุเขตฺตํ โอโลเกตุํ คโตมฺหี’’ติ. ‘‘กึ ตาทิเสน อุจฺฉุเขตฺตํ คเตน, นนุ นาม เอกํ วา ทฺเว วา อุจฺฉุยฏฺิโย อาทาย อาคนฺตพฺพํ ภเวยฺยา’’ติ ภาตรา วุตฺโต – ‘‘อาม, ภาติก, ทฺเว เม อุจฺฉุยฏฺิโย คหิตา, เอกํ ปน ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา มม อุจฺฉุยฏฺิโต รสํ ทตฺวา ‘มูลํ วา ปตฺตึ วา ทสฺสามี’ติ ตุมฺหากมฺปิ เม อุจฺฉุยฏฺิโต รโส ทินฺโน, กึ นุ โข ตสฺส มูลํ คณฺหิสฺสถ, อุทาหุ ปตฺติ’’นฺติ อาห. ‘‘กึ ปน ปจฺเจกพุทฺเธน กต’’นฺติ? ‘‘มม อุจฺฉุยฏฺิโต รสํ ปิวิตฺวา ตุมฺหากํ อุจฺฉุยฏฺิโต รสํ อาทาย อากาเสน คนฺธมาทนํ คนฺตฺวา ปฺจสตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ อทาสี’’ติ. โส ตสฺมึ กเถนฺเตเยว นิรนฺตรํ ปีติยา ผุฏฺสรีโร หุตฺวา ‘‘เตน เม ปจฺเจกพุทฺเธน ทิฏฺธมฺมสฺเสว อธิคโม ภเวยฺยา’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. เอวํ กนิฏฺเน ติสฺโส สมฺปตฺติโย ปตฺถิตา, เชฏฺเน ปน เอกปเทเนว อรหตฺตํ ปตฺถิตนฺติ อิทํ เตสํ ปุพฺพกมฺมํ.
เต ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เขปยึสุ. เตสํ เทวโลเก ิตกาเลเยว วิปสฺสี สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิ. เตปิ เทวโลกโต จวิตฺวา พนฺธุมติยา เอกสฺมึ กุลเคเห เชฏฺโ เชฏฺโว, กนิฏฺโ กนิฏฺโว หุตฺวา ปฏิสนฺธึ คณฺหึสุ. เตสุ เชฏฺสฺส เสโนติ นามํ อกํสุ, กนิฏฺสฺส อปราชิโตติ ¶ . เตสุ วยปฺปตฺตกาเล กุฏุมฺพํ สณฺาเปตฺวา วิหรนฺเตสุ ‘‘พุทฺธรตนํ โลเก อุปฺปนฺนํ, ธมฺมรตนํ, สงฺฆรตนํ, ทานานิ เทถ, ปฺุานิ กโรถ, อชฺช อฏฺมี, อชฺช จาตุทฺทสี, อชฺช ปนฺนรสี, อุโปสถํ กโรถ, ธมฺมํ ¶ สุณาถา’’ติ ธมฺมโฆสกสฺส พนฺธุมตีนคเร โฆสนํ สุตฺวา มหาชนํ ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ธมฺมสฺสวนาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เสนกุฏุมฺพิโก ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ ธมฺมสฺสวนายา’’ติ วุตฺเต ‘‘อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ เตหิ สทฺธึเยว คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิ.
สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. โส สตฺถุ ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชฺชาย อุสฺสาหชาโต สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อตฺถิ ปน เต อปโลเกตพฺพา ¶ าตกา’’ติ ปุจฺฉิ. อตฺถิ, ภนฺเตติ. เตน หิ อปโลเกตฺวา เอหีติ. โส กนิฏฺสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ยํ อิมสฺมึ กุเล สาปเตยฺยํ, ตํ สพฺพํ ตว โหตู’’ติ อาห. ตุมฺเห ปน, สามีติ. อหํ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามีติ. สามิ กึ วเทถ, อหํ มาตริ มตาย มาตรํ วิย, ปิตริ มเต ปิตรํ วิย ตุมฺเห อลตฺถํ, อิทํ กุลํ มหาโภคํ, เคเห ิเตเนว สกฺกา ปฺุานิ กาตุํ, มา เอวํ กริตฺถาติ. มยา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺโม สุโต, น สกฺกา ตํ อคารมชฺเฌ ิเตน ปูเรตุํ, ปพฺพชิสฺสาเมวาหํ, ตฺวํ นิวตฺตาหีติ. เอวํ โส กนิฏฺํ นิวตฺตาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. กนิฏฺโปิ ‘‘ภาตุ ปพฺพชิตสกฺการํ กริสฺสามี’’ติ สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ภาตรํ ¶ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ อตฺตโน ภวนิสฺสรณํ กตํ, อหํ ปน ปฺจหิ กามคุเณหิ พทฺโธ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตุํ น สกฺโกมิ, มยฺหํ เคเห ิตสฺเสว อนุจฺฉวิกํ มหนฺตํ ปฺุกมฺมํ อาจิกฺขถา’’ติ. อถ นํ เถโร ‘‘สาธุ สาธุ, ปณฺฑิต, สตฺถุ คนฺธกุฏึ กโรหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา นานาทารูนิ อาหราเปตฺวา ถมฺภาทีนํ อตฺถาย ตจฺฉาเปตฺวา เอกํ สุวณฺณขจิตํ, เอกํ รชตขจิตํ, เอกํ มณิขจิตนฺติ สพฺพานิ สตฺตรตนขจิตานิ กาเรตฺวา เตหิ คนฺธกุฏึ กาเรตฺวา สตฺตรตนขจิตาเหว ฉทนิฏฺกาหิ ฉาทาเปสิ. คนฺธกุฏิยา กรณกาเลเยว ปน ตํ อตฺตนา สมานนามโก อปราชิโตเยว นาม ภาคิเนยฺโย อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหมฺปิ กริสฺสามิ, มยฺหมฺปิ ปตฺตึ เทถ มาตุลา’’ติ อาห. น เทมิ, ตาต, อฺเหิ อสาธารณํ กริสฺสามีติ. โส พหุมฺปิ ยาจิตฺวา ปตฺตึ อลภมาโน ‘‘คนฺธกุฏิยา ปุรโต กฺุชรสาลํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺตรตนมยํ กฺุชรสาลํ กาเรสิ. โส อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เมณฺฑกเสฏฺิ หุตฺวา นิพฺพตฺติ.
คนฺธกุฏิยํ ¶ ปน สตฺตรตนมยานิ ตีณิ มหาวาตปานานิ อเหสุํ. เตสํ อภิมุเข เหฏฺา สุธาปริกมฺมกตา ติสฺโส โปกฺขรณิโย กาเรตฺวา จตุชฺชาติกคนฺโธทกสฺส ปูเรตฺวา อปราชิโต, คหปติ, ปฺจวณฺณานิ กุสุมานิ โรปาเปสิ ตถาคตสฺส อนฺโต นิสินฺนกาเล วาตเวเคน สมุฏฺิตาหิ เรณุวฏฺฏีหิ สรีรสฺส โอกิรณตฺถํ. คนฺธกุฏิถูปิกาย กปลฺลํ รตฺตสุวณฺณมยํ อโหสิ, ปวาฬมยา สิขรา, เหฏฺา มณิมยา ฉทนิฏฺกา. อิติ สา นจฺจนฺโต วิย โมโร โสภมานา อฏฺาสิ. สตฺตสุ ปน รตเนสุ โกฏฺเฏตพฺพยุตฺตกํ โกฏฺเฏตฺวา อิตรํ สกลเมว ¶ คเหตฺวา ชณฺณุมตฺเตน โอธินา คนฺธกุฏึ ปริกฺขิปิตฺวา ปริเวณํ ปูเรสิ.
เอวํ คนฺธกุฏึ นิฏฺาเปตฺวา อปราชิโต, คหปติ, ภาติกตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, นิฏฺิตา คนฺธกุฏิ, ปริโภคมสฺสา ปจฺจาสีสามิ, ปริโภเคน กิร มหนฺตํ ปฺุํ โหตี’’ติ ¶ . โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมินา กิร โว กุฏุมฺพิเกน คนฺธกุฏิ การิตา, อิทานิ ปน ปริโภคํ ปจฺจาสีสตี’’ติ อาห. สตฺถา อุฏฺายาสนา คนฺธกุฏิอภิมุขํ คนฺตฺวา คนฺธกุฏึ ปริกฺขิปิตฺวา ปริกฺขิตฺตรตนราสึ โอโลเกนฺโต ทฺวารโกฏฺเก อฏฺาสิ. อถ นํ กุฏุมฺพิโก ‘‘ปวิสถ, ภนฺเต’’ติ อาห. สตฺถา ตตฺเถว ตฺวา ตติยวาเร ตสฺส ภาติกตฺเถรํ โอโลเกสิ. โส โอโลกิตากาเรเนว ตฺวา กนิฏฺภาตรํ อาห – ‘‘เอหิ, ตาต, ‘มเมว รกฺขา ภวิสฺสติ, ตุมฺเห ยถาสุขํ วสถา’ติ สตฺถารํ วเทหี’’ติ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา สตฺถารํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยถา มนุสฺสา รุกฺขมูเล ปวิสิตฺวา อนเปกฺขา ปกฺกมนฺติ, ยถา วา นทึ ตริตฺวา อุฬุมฺปํ อนเปกฺขา ปริจฺจชนฺติ, เอวํ อนเปกฺขา หุตฺวา ตุมฺเห วสถา’’ติ อาห. กิมตฺถํ ปน สตฺถา อฏฺาสิ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘พุทฺธานํ สนฺติกํ ปุเรภตฺตมฺปิ ปจฺฉาภตฺตมฺปิ พหู อาคจฺฉนฺติ, เตสุ รตนานิ อาทาย ปกฺกมนฺเตสุ น สกฺกา อมฺเหหิ วาเรตุํ, ปริเวณมฺหิ เอตฺตเก รตเน โวกิณฺเณ อตฺตโน อุปฏฺาเก หรนฺเตปิ น วาเรตีติ กุฏุมฺพิโก มยิ อาฆาตํ กตฺวา อปายูปโค ภเวยฺยา’’ติ อิมินา การเณน อฏฺาสิ. เตน ปน ¶ , ‘‘ภนฺเต, มเมว รกฺขา ภวิสฺสติ, ตุมฺเห วสถา’’ติ วุตฺเต ปาวิสิ.
กุฏุมฺพิโก ¶ สมนฺตา รกฺขํ เปตฺวา มนุสฺเส อาห – ‘‘ตาตา, อุจฺฉงฺเคน วา ปจฺฉิปสิพฺพเกหิ วา อาทาย คจฺฉนฺเต วาเรยฺยาถ, หตฺเถน คเหตฺวา คจฺฉนฺเต ปน มา วารยิตฺถา’’ติ. อนฺโตนคเรปิ อาโรจาเปสิ ‘‘มยา คนฺธกุฏิปริเวเณ สตฺต รตนานิ โอกิณฺณานิ, สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา คจฺฉนฺตา ทุคฺคตมนุสฺสา อุโภ หตฺเถ ปูเรตฺวา คณฺหนฺตุ, สุขิตาปิ เอเกน คณฺหนฺตู’’ติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘สทฺธา ตาว ธมฺมํ โสตุกามา คมิสฺสนฺติเยว, อสฺสทฺธาปิ ปน ธนโลเภน คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ทุกฺขโต มุจฺจิสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺมา ชนสงฺคหตฺถาย เอวํ อาโรจาเปสิ. มหาชโน เตน วุตฺตนิยาเมเนว รตนานิ คณฺหิ. สกึ โอกิณฺณรตเนสุ ขีเณสุ ยาวตติยํ ชณฺณุมตฺเตน โอธินา โอกิราเปสิเยว. สตฺถุ ปน ปาทมูเล ติปุสมตฺตํ อนคฺฆํ มณิรตนํ เปสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สตฺถุ สรีรโต สุวณฺณวณฺณาย ปภาย สทฺธึ มณิปภํ โอโลเกนฺตานํ ติตฺติ นาม น ภวิสฺสตี’’ติ. ตสฺมา เอวมกาสิ. มหาชโนปิ อติตฺโตว โอโลเกสิ.
อเถกทิวสํ เอโก มิจฺฉาทิฏฺิกพฺราหฺมโณ ‘‘สตฺถุ กิร ปาทมูเล มหคฺฆํ มณิรตนํ นิกฺขิตฺตํ, หริสฺสามิ น’’นฺติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตุํ อาคตสฺส มหาชนสฺส อนฺตเรน ปาวิสิ. กุฏุมฺพิโก ตสฺส ปวิสนากาเรเนว ¶ ‘‘มณึ คณฺหิตุกาโม’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อโห วต น คณฺเหยฺยา’’ติ จินฺเตสิ. โสปิ สตฺถารํ วนฺทนฺโต วิย ปาทมูเล หตฺถํ อุปนาเมตฺวา มณึ คเหตฺวา ¶ โอวฏฺฏิกาย กตฺวา ปกฺกามิ. กุฏุมฺพิโก ตสฺมึ จิตฺตํ ปสาเทตุํ นาสกฺขิ. โส ธมฺมกถาวสาเน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา ติกฺขตฺตุํ คนฺธกุฏึ ปริกฺขิปิตฺวา ชณฺณุมตฺเตน โอธินา สตฺต รตนานิ โอกิณฺณานิ, ตานิ เม คณฺหนฺเตสุ อาฆาโต นาม นาโหสิ, จิตฺตํ ภิยฺโย ภิยฺโย ปสีทิเยว. อชฺช ปน ‘อโห วตายํ พฺราหฺมโณ มณึ น คณฺเหยฺยา’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺมึ มณึ อาทาย คเต จิตฺตํ ปสาเทตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘นนุ, อุปาสก, อตฺตโน สนฺตกํ ปเรหิ อนาหรณียํ กาตุํ สกฺโกสี’’ติ นยํ อทาสิ. โส สตฺถารา ทินฺนนเย ตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา มม สนฺตกํ ทสิกสุตฺตมตฺตมฺปิ มํ อภิภวิตฺวา อเนกสตาปิ ราชาโน วา โจรา วา คณฺหิตุํ สมตฺถา นาม มา โหนฺตุ, อคฺคินาปิ มม สนฺตกํ มา ฑยฺหตุ, อุทเกนปิ มา วุยฺหตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ ¶ . สตฺถาปิสฺส ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนํ อกาสิ. โส คนฺธกุฏิมหํ กโรนฺโต อฏฺสฏฺิยา ภิกฺขุสตสหสฺสานํ อนฺโตวิหาเรเยว นว มาเส มหาทานํ ทตฺวา ทานปริโยสาเน สพฺเพสํ ติจีวรํ อทาสิ. สงฺฆนวกสฺส จีวรสาฏกา สหสฺสคฺฆนกา อเหสุํ.
โส เอวํ ยาวตายุกํ ปฺุานิ กริตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอตฺตกํ กาลํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ ¶ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห เอกสฺมึ เสฏฺิกุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อฑฺฒมาสาธิเก นว มาเส มาตุกุจฺฉิยํ วสิ. ชาตทิวเส ปนสฺส สกลนคเร สพฺพาวุธานิ ปชฺชลึสุ, สพฺเพสํ กายรูฬฺหานิ อาภรณานิปิ ปชฺชลิตานิ วิย โอภาสํ มฺุจึสุ, นครํ เอกปชฺโชตํ อโหสิ. เสฏฺิปิ ปาโตว ราชูปฏฺานํ อคมาสิ. อถ นํ ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘อชฺช สพฺพาวุธานิ ปชฺชลึสุ, นครํ เอกปชฺโชตํ ชาตํ, ชานาสิ นุ โข เอตฺถ การณ’’นฺติ? ‘‘ชานามิ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ, เสฏฺี’’ติ? ‘‘มม เคเห ตุมฺหากํ ทาโส ชาโต, ตสฺส ปฺุเตเชเนวํ อโหสี’’ติ. ‘‘กึ นุ โข โจโร ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘นตฺเถตํ, เทว, ปฺุวา สตฺโต กตาภินีหาโร’’ติ. ‘‘เตน หิ นํ สมฺมา โปเสตุํ วฏฺฏติ, อิทมสฺส ขีรมูลํ โหตู’’ติ เทวสิกํ สหสฺสํ ปฏฺเปสิ. อถสฺส นามคหณทิวเส สกลนครสฺส เอกปชฺโชตภูตตฺตา โชติโกตฺเวว นามํ กรึสุ.
อถสฺส วยปฺปตฺตกาเล เคหกรณตฺถาย ภูมิตเล โสธิยมาเน สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ‘‘กึ นุ โข อิท’’นฺติ อุปธารยมาโน ‘‘โชติกสฺส เคหฏฺานํ คณฺหนฺตี’’ติ ตฺวา ‘‘นายํ เอเตหิ กตเคเห วสิสฺสติ, มยาเปตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วฑฺฒกีเวเสน ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘กึ กโรถา’’ติ อาห. ‘‘โชติกสฺส เคหฏฺานํ คณฺหามา’’ติ. ‘‘อเปถ, นายํ ตุมฺเหหิ กตเคเห วสิสฺสตี’’ติ วตฺวา โสฬสกรีสมตฺตํ ¶ ภูมิปเทสํ โอโลเกสิ, โส ตาวเทว กสิณมณฺฑลํ ¶ วิย สโม อโหสิ. ปุน ‘‘อิมสฺมึ าเน ปถวึ ภินฺทิตฺวา สตฺตรตนมโย สตฺตภูมิกปาสาโท อุฏฺหตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ, ตาวเทว ตถารูโป ปาสาโท อุฏฺหิ. ปุน ‘‘อิมํ ปริกฺขิปิตฺวา สตฺตรตนมยา สตฺต ปาการา อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ, ตถารูปา ปาการา อุฏฺหึสุ. อถ ‘‘เนสํ ปริยนฺเต กปฺปรุกฺขา อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตตฺวา ¶ โอโลเกสิ, ตถารูปา กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. ‘‘ปาสาทสฺส จตูสุ กณฺเณสุ จตสฺโส นิธิกุมฺภิโย อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ, สพฺพํ ตเถว อโหสิ. นิธิกุมฺภีสุ ปน เอกา โยชนิกา อโหสิ, เอกา ติคาวุติกา, เอกา อฑฺฒโยชนิกา, เอกา คาวุตปฺปมาณา. โพธิสตฺตสฺส นิพฺพตฺตนิธิกุมฺภีนํ ปน เอกมุขปฺปมาณํ อโหสิ, เหฏฺา ปถวีปริยนฺตาว อเหสุํ. โชติกสฺส นิพฺพตฺตนิธิกุมฺภีนํ มุขปริมาณํ น กถิตํ, สพฺพา มุขฉินฺนตาลผลํ วิย ปริปุณฺณาว อุฏฺหึสุ. ปาสาทสฺส จตูสุ กณฺเณสุ ตรุณตาลกฺขนฺธปฺปมาณา จตสฺโส สุวณฺณมยา อุจฺฉุยฏฺิโย นิพฺพตฺตึสุ. ตาสํ มณิมยานิ ปตฺตานิ, โสวณฺณมยานิ ขนฺธานิ อเหสุํ. ปุพฺพกมฺมสฺส ทสฺสนตฺถํ กิเรตานิ, นิพฺพตฺตึสุ.
สตฺตสุ ทฺวารโกฏฺเกสุ สตฺต ยกฺขา อารกฺขํ คณฺหึสุ. ปเม ทฺวารโกฏฺเก ยมโกฬี นาม ยกฺโข อตฺตโน ปริวาเรน ยกฺขสหสฺเสน สทฺธึ อารกฺขํ คณฺหิ, ทุติเย ¶ อุปฺปโล นาม อตฺตโน ปริวารยกฺขานํ ทฺวีหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, ตติเย วชิโร นาม ตีหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, จตุตฺเถ วชิรพาหุ นาม จตูหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, ปฺจเม กสกนฺโท นาม ปฺจหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, ฉฏฺเ กฏตฺโถ นาม ฉหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, สตฺตเม ทิสามุโข นาม สตฺตหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ อารกฺขํ คณฺหิ. เอวํ ปาสาทสฺส อนฺโต จ พหิ จ คาฬฺหรกฺขา อโหสิ. ‘‘โชติกสฺส กิร สตฺตรตนมโย สตฺตภูมิกปาสาโท อุฏฺิโต, สตฺต ปาการา สตฺตทฺวารโกฏฺกา จตสฺโส นิธิกุมฺภิโย อุฏฺิตา’’ติ สุตฺวา พิมฺพิสาโร ราชา เสฏฺิจฺฉตฺตํ ปหิณิ. โส โชติกเสฏฺิ นาม อโหสิ.
เตน ปน สทฺธึ กตปฺุกมฺมา อิตฺถี อุตฺตรกุรูสุ นิพฺพตฺติ. อถ นํ เทวตา ตโต อาเนตฺวา สิริคพฺเภ นิสีทาเปสุํ. สา อาคจฺฉมานา เอกํ ตณฺฑุลนาฬึ ตโย จ โชติปาสาเณ คณฺหิ. เตสํ ยาวชีวํ ตาเยว ตณฺฑุลนาฬิยา ภตฺตํ อโหสิ. สเจ กิร เต สกฏสตมฺปิ ตณฺฑุลานํ ปูเรตุกามา โหนฺติ, สา ตณฺฑุลนาฬิ นาฬิเยว หุตฺวา ติฏฺติ. ภตฺตปจนกาเล ตณฺฑุเล อุกฺขลิยํ ปกฺขิปิตฺวา เตสํ ปาสาณานํ ¶ อุปริ เปติ, ปาสาณา ตาวเทว ปชฺชลิตฺวา ภตฺเต ปกฺกมตฺเต นิพฺพายนฺติ. เตเนว สฺาเณน ภตฺตสฺส ปกฺกภาวํ ชานนฺติ. สูเปยฺยาทิปจนกาเลปิ เอเสว นโย. เอวํ เตสํ โชติปาสาเณหิ อาหาโร ปจฺจติ. มณิอาโลเกน ¶ จ วสนฺติ, อคฺคิสฺส วา ทีปสฺส ¶ วา โอภาสํ เนว ชานึสุ. ‘‘โชติกสฺส กิร เอวรูปา สมฺปตฺตี’’ติ สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ อโหสิ. มหาชโน ยานาทีนิ โยเชตฺวา ทสฺสนตฺถาย อาคจฺฉติ. โชติกเสฏฺิ อาคตาคตานํ อุตฺตรกุรุตณฺฑุลานํ ภตฺตํ ปจาเปตฺวา ทาเปสิ. ‘‘กปฺปรุกฺเขหิ วตฺถานิ คณฺหนฺตุ, อาภรณานิ คณฺหนฺตู’’ติ อาณาเปสิ. ‘‘คาวุติกนิธิกุมฺภิยา มุขํ วิวราเปตฺวา ยาปนมตฺตํ ธนํ คณฺหนฺตู’’ติ อาณาเปสิ. สกลชมฺพุทีปวาสิเกสุ ธนํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเตสุ นิธิกุมฺภิยา องฺคุลิมตฺตมฺปิ อูนํ นาโหสิ. คนฺธกุฏิปริเวเณ วาลุกํ กตฺวา โอกิณฺณรตนานํ กิรสฺส เอโส นิสฺสนฺโท.
เอวํ มหาชเน วตฺถาภรณานิ เจว ธนฺจ ยทิจฺฉกํ อาทาย คจฺฉนฺเต พิมฺพิสาโร ตสฺส ปาสาทํ ทฏฺุกาโมปิ มหาชเน อาคจฺฉนฺเต โอกาสํ นาลตฺถ. อปรภาเค ยทิจฺฉกํ อาทาย คตตฺตา มนุสฺเสสุ มนฺทีภูเตสุ ราชา โชติกสฺส ปิตรํ อาห – ‘‘ตว ปุตฺตสฺส ปาสาทํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ปุตฺตสฺส กเถสิ – ‘‘ตาต, ราชา เต ปาสาทํ ทฏฺุกาโม’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาต, อาคจฺฉตู’’ติ. ราชา มหนฺเตน ปริวาเรน ตตฺถ อคมาสิ. ปมทฺวารโกฏฺเก สมฺมชฺชิตฺวา กจวรฉฑฺฑิกา ทาสี รฺโ หตฺถํ อทาสิ, ราชา ‘‘เสฏฺิชายา’’ติ สฺาย ลชฺชมาโน ตสฺสา พาหาย หตฺถํ น เปสิ. เอวํ เสสทฺวารโกฏฺเกสุปิ ¶ ทาสิโย ‘‘เสฏฺิภริยาโย’’ติ มฺมาโน ตาสํ พาหาย หตฺถํ น เปสิ. โชติโก อาคนฺตฺวา ราชานํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปจฺฉโต หุตฺวา ‘‘ปุรโต ยาถ, เทวา’’ติ อาห. รฺโ มณิปถวี สตโปริสปปาโต วิย หุตฺวา อุปฏฺหิ. โส ‘‘อิมินา มม คหณตฺถาย โอปาโต ขณิโต’’ติ มฺมาโน ปาทํ นิกฺขิปิตุํ น วิสหิ. โชติโก ‘‘นายํ, เทว, โอปาโต, มม ปจฺฉโต อาคจฺฉถา’’ติ ปุรโต อโหสิ. ราชา เตน อกฺกนฺตกาเล ภูมึ อกฺกมิตฺวา เหฏฺิมตลโต ¶ ปฏฺาย ปาสาทํ โอโลเกนฺโต วิจริ. ตทา อชาตสตฺตุกุมาโรปิ ปิตุ องฺคุลึ คเหตฺวา วิจรนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อโห อนฺธพาโล มม ปิตา, คหปติเก นาม สตฺตรตนมเย ปาสาเท วสนฺเต เอส ราชา หุตฺวา ทารุมเย เคเห วสติ, อหํ ทานิ ราชา หุตฺวา อิมสฺส อิมสฺมึ ปาสาเท วสิตุํ น ทสฺสามี’’ติ.
รฺโปิ อุปริมตลานิ อภิรุหนฺตสฺเสว ปาตราสเวลา ชาตา. โส เสฏฺึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘มหาเสฏฺิ, อิเธว ปาตราสํ ภฺุชิสฺสามา’’ติ. ชานามิ, เทว, สชฺชิโต เทวสฺสาหาโรติ. โส โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหตฺวา รตนมเย เสฏฺิสฺส นิสีทนมณฺฑเป ปฺตฺเต ตสฺเสว นิสีทนปลฺลงฺเก นิสีทิ. อถสฺส หตฺถโธวนูทกํ ทตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา กิลินฺนปายาสํ วฑฺเฒตฺวา ปุรโต ปยึสุ. ราชา ‘‘โภชน’’นฺติ สฺาย ภฺุชิตุํ อารภิ. เสฏฺิ ¶ ‘‘นยิทํ, เทว, โภชนํ, กิลินฺนปายาโส ¶ เอโส’’ติ อฺิสฺสา สุวณฺณปาติยา โภชนํ วฑฺเฒตฺวา ปุริมปาติยํ ปยึสุ. ตโต อุฏฺิตอุตุนา กิร ตํ ภฺุชิตุํ สุขํ โหติ. ราชา มธุรโภชนํ ภฺุชนฺโต ปมาณํ น อฺาสิ. อถ นํ เสฏฺิ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘อลํ, เทว, เอตฺตกเมว โหตุ, อิโต อุตฺตรึ ชิราเปตุํ น สกฺกา’’ติ อาห. อถ นํ ราชา อาห – ‘‘กึ, คหปติ, ครุกํ กตฺวา กเถสิ อตฺตโน ภตฺต’’นฺติ? เทว, นตฺเถตํ, ตุมฺหากํ สพฺพสฺสาปิ หิ พลกายสฺส อิทเมว ภตฺตํ อิทํ สุเปยฺยํ. อปิ จ โข อหํ อยสสฺส ภายามีติ. กึ การณาติ? สเจ เทวสฺส กายาลสิยมตฺตํ ภเวยฺย, ‘‘หิยฺโย รฺา เสฏฺิสฺส เคเห ภตฺตํ ภุตฺตํ, เสฏฺินา กิฺจิ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ วจนสฺส ภายามิ, เทวาติ. เตน หิ ภตฺตํ หร, อุทกํ อาหราติ. รฺโ ภตฺตกิจฺจาวสาเน สพฺโพ ราชปริวาโร ตเทว ภตฺตํ ปริภฺุชิ.
ราชา สุขกถาย นิสินฺโน เสฏฺึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘กึ อิมสฺมึ เคเห เสฏฺิภริยา นตฺถี’’ติ อาห? ‘‘อาม อตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘กหํ สา’’ติ? ‘‘สิริคพฺเภ นิสินฺนา, เทวสฺส อาคตภาวํ น ชานาตี’’ติ. กิฺจาปิ หิ ปาโตว ราชา สปริวาโร อาคโต, สา ปนสฺส อาคตภาวํ น ชานาเตว. ตโต เสฏฺิ ‘‘ราชา เม ภริยํ ทฏฺุกาโม’’ติ ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ราชา อาคโต, กึ ตว ราชานํ ทฏฺุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. สา ¶ นิปนฺนกาว ¶ ‘‘โก เอส, สามิ, ราชา นามา’’ติ วตฺวา ‘‘ราชา นาม อมฺหากํ อิสฺสโร’’ติ วุตฺเต อนตฺตมนตํ ปเวเทนฺตี ‘‘ทุกฺกฏานิ วต โน ปฺุกมฺมานิ, เยสํ โน อิสฺสโรปิ อตฺถิ. อสฺสทฺธาย นาม ปฺุกมฺมานิ กตฺวา มยํ สมฺปตฺตึ ปาปุณิตฺวา อฺสฺส อิสฺสริยฏฺาเน นิพฺพตฺตมฺหา. อทฺธา อมฺเหหิ อสทฺทหิตฺวา ทานํ ทินฺนํ ภวิสฺสติ, ตสฺเสตํ ผล’’นฺติ วตฺวา ‘‘กึ ทานิ กโรมิ, สามี’’ติ อาห. ตาลวณฺฏํ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ พีชาหีติ. ตสฺสา ตาลวณฺฏํ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ พีเชนฺติยา รฺโ เวนสฺส คนฺธวาโต อกฺขีนิ ปหริ, อถสฺสา อกฺขีหิ อสฺสุธารา ปวตฺตึสุ. ตํ ทิสฺวา ราชา เสฏฺึ อาห – ‘‘มหาเสฏฺิ, มาตุคาโม นาม อปฺปพุทฺธิโก, ‘ราชา เม สามิกสฺส สมฺปตฺตึ คณฺเหยฺยา’ติ ภเยน โรทติ มฺเ, อสฺสาเสหิ นํ ‘น เม ตว สมฺปตฺติยา อตฺโถ’’’ติ. น เอสา, เทว, โรทตีติ. อถ กึ เอตนฺติ? ตุมฺหากํ เวนคนฺเธนสฺสา อสฺสูนิ ปวตฺตึสุ. อยฺหิ ทีโปภาสํ วา อคฺคิโอภาสํ วา อทิสฺวา มณิอาโลเกเนว ภฺุชติ จ นิสีทติ จ นิปชฺชติ จ, เทโว ปน ทีปาโลเกน นิสินฺโน ภวิสฺสตีติ? อาม, เสฏฺีติ. เตน หิ, เทว, อชฺช ปฏฺาย มณิอาโลเกน นิสีทถาติ มหนฺตํ ติปุสมตฺตํ อนคฺฆํ มณิรตนํ อทาสิ. ราชา เคหํ โอโลเกตฺวา ‘‘มหตี วต โชติกสฺส สมฺปตฺตี’’ติ วตฺวา อคมาสิ. อยํ ตาว โชติกสฺส อุปฺปตฺติ.
อิทานิ ¶ ¶ ชฏิลสฺส อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา – พาราณสิยฺหิ เอกา เสฏฺิธีตา อภิรูปา อโหสิ, ตํ ปนฺนรสโสฬสวสฺสุทฺเทสิกกาเล รกฺขณตฺถาย เอกํ ทาสึ ทตฺวา สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริมตเล สิริคพฺเภ วาสยึสุ. ตํ เอกทิวสํ วาตปานํ วิวริตฺวา พหิ โอโลกยมานํ อากาเสน คจฺฉนฺโต เอโก วิชฺชาธโร ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนโห วาตปาเนน ปวิสิตฺวา ตาย สทฺธึ สนฺถวมกาสิ. สา เตน สทฺธึ สํวาสมนฺวาย น จิรสฺเสว คพฺภํ ปฏิลภิ. อถ นํ สา ทาสี ทิสฺวา, ‘‘อมฺม, กึ อิท’’นฺติ วตฺวา ‘‘โหตุ มา กสฺสจิ อาจิกฺขี’’ติ ตาย วุตฺตา ภเยน ตุณฺหี อโหสิ. สาปิ ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิตฺวา นวภาชนํ อาหราเปตฺวา ตตฺถ ตํ ทารกํ นิปชฺชาเปตฺวา ตํ ภาชนํ ปิทหิตฺวา อุปริ ปุปฺผทามานิ เปตฺวา ‘‘อิมํ สีเสน อุกฺขิปิตฺวา คงฺคาย ¶ วิสฺสชฺเชหิ, ‘กึ อิท’นฺติ จ ปุฏฺา ‘อยฺยาย เม พลิกมฺม’นฺติ วเทยฺยาสี’’ติ ทาสึ อาณาเปสิ. สา ตถา อกาสิ.
เหฏฺาคงฺคายมฺปิ ทฺเว อิตฺถิโย นฺหายมานา ตํ ภาชนํ อุทเกนาหริยมานํ ทิสฺวา เอกา ‘‘มยฺเหตํ ภาชน’’นฺติ อาห. เอกา ‘‘ยํ เอตสฺส อนฺโต, ตํ มยฺห’’นฺติ วตฺวา ภาชเน สมฺปตฺเต ตํ อาทาย ถเล เปตฺวา วิวริตฺวา ทารกํ ทิสฺวา เอกา ‘‘มม ภาชนนฺติ วุตฺตตาย ทารโก มเมว โหตี’’ติ อาห. เอกา ‘‘ยํ ภาชนสฺส อนฺโต, ตํ มเมว โหตูติ วุตฺตตาย มม ทารโก’’ติ อาห. ตา ¶ วิวทมานา วินิจฺฉยฏฺานํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา อมจฺเจสุ วินิจฺฉิตุํ อสกฺโกนฺเตสุ รฺโ สนฺติกํ อคมํสุ. ราชา ตาสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘ตฺวํ ทารกํ คณฺห, ตฺวํ ภาชนํ คณฺหา’’ติ อาห. ยาย ปน ทารโก ลทฺโธ, สา มหากจฺจานตฺเถรสฺส อุปฏฺายิกา อโหสิ. ตสฺมา สา ทารกํ ‘‘อิมํ เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชสฺสามี’’ติ โปเสสิ. ตสฺส ชาตทิวเส คพฺภมลสฺส โธวิตฺวา อนปนีตตาย เกสา ชฏิตา หุตฺวา อฏฺํสุ, เตนสฺส ชฏิโลตฺเวว นามํ กรึสุ. ตสฺส ปทสา วิจรณกาเล เถโร ตํ เคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อุปาสิกา เถรํ นิสีทาเปตฺวา อาหารมทาสิ. เถโร ทารกํ ทิสฺวา ‘‘กึ อุปาสิเก ทารโก ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต, อิมาหํ ทารกํ ตุมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพาเชสฺสามีติ โปเสสึ, ปพฺพาเชถ น’’นฺติ อทาสิ. เถโร ‘‘สาธู’’ติ อาทาย ตํ คจฺฉนฺโต ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมสฺส คิหิสมฺปตฺตึ อนุภวิตุํ ปฺุกมฺม’’นฺติ โอโลเกนฺโต ‘‘มหาปฺุโ สตฺโต มหาสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสติ, ทหโร เอส ตาว, าณมฺปิสฺส ปริปากํ น คจฺฉตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ อาทาย ตกฺกสิลายํ เอกสฺส อุปฏฺากสฺส เคหํ อคมาสิ.
โส เถรํ วนฺทิตฺวา ิโต ตํ ทารกํ ทิสฺวา ‘‘ทารโก โว, ภนฺเต, ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิ. อาม, อุปาสก, ปพฺพชิสฺสติ, ทหโร ตาว, ตเวว สนฺติเก โหตูติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ตํ ¶ ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ปฏิชคฺคิ. ตสฺส ปน เคเห ทฺวาทส วสฺสานิ ภณฺฑกํ อุสฺสนฺนํ โหติ. โส คามนฺตรํ คจฺฉนฺโต สพฺพมฺปิ ตํ ภณฺฑํ ¶ อาปณํ หริตฺวา ทารกํ อาปเณ นิสีทาเปตฺวา ตสฺส ตสฺส ภณฺฑกสฺส มูลํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิทฺจ อิทฺจ เอตฺตกํ นาม ¶ ธนํ คเหตฺวา ทเทยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตํทิวสํ นครปริคฺคาหิกา เทวตา อนฺตมโส มริจชีรกมตฺเตนาปิ อตฺถิเก ตสฺเสว อาปณาภิมุเข กรึสุ. โส ทฺวาทส วสฺสานิ อุสฺสนฺนํ ภณฺฑกํ เอกทิวเสเนว วิกฺกิณิ. กุฏุมฺพิโก อาคนฺตฺวา อาปเณ กิฺจิ อทิสฺวา ‘‘สพฺพํ เต, ตาต, ภณฺฑกํ นาสิต’’นฺติ อาห. น นาเสมิ, สพฺพํ ตุมฺเหหิ วุตฺตนเยเนว วิกฺกิณึ, อิทํ อสุกสฺส มูลํ, อิทํ อสุกสฺสาติ. กุฏุมฺพิโก ปสีทิตฺวา ‘‘อนคฺโฆ ปุริโส, ยตฺถ กตฺถจิ ชีวิตุํ สมตฺโถ’’ติ อตฺตโน เคเห วยปฺปตฺตํ ธีตรํ ตสฺส ทตฺวา ‘‘เคหมสฺส กโรถา’’ติ ปุริเส อาณาเปตฺวา นิฏฺิเต เคเห ‘‘คจฺฉถ, ตุมฺเห อตฺตโน เคเห วสถา’’ติ อาห.
อถสฺส เคหปวิสนกาเล เอเกน ปาเทน อุมฺมาเร อกฺกนฺตมตฺเต เคหสฺส ปจฺฉิมภาเค ภูมึ ภินฺทิตฺวา อสีติหตฺโถ สุวณฺณปพฺพโต อุฏฺหิ. ราชา ‘‘ชฏิลกุมารสฺส กิร เคเห ภูมึ ภินฺทิตฺวา สุวณฺณปพฺพโต อุฏฺิโต’’ติ สุตฺวาว ตสฺส เสฏฺิจฺฉตฺตํ เปเสสิ. โส ชฏิลเสฏฺิ นาม อโหสิ. ตสฺส ตโย ปุตฺตา อเหสุํ. โส เตสํ วยปฺปตฺตกาเล ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สเจ อมฺเหหิ สมานโภคํ เสฏฺิกุลํ ภวิสฺสติ, ปพฺพชิตุํ ทสฺสนฺติ. โน เจ, น ทสฺสนฺติ. อตฺถิ นุ โข ชมฺพุทีเป อมฺเหหิ สมานโภคํ กุล’’นฺติ วีมํสนตฺถาย สุวณฺณมยํ อิฏฺกํ สุวณฺณมยํ ปโตทลฏฺึ สุวณฺณมยํ ปาทุกฺจ การาเปตฺวา ปุริสานํ หตฺเถ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, อิมานิ อาทาย กิฺจิเทว โอโลกยมานา วิย ชมฺพุทีปตเล วิจริตฺวา ¶ อมฺเหหิ สมานโภคสฺส เสฏฺิกุลสฺส อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา ตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ ปหิณิ.
เต จาริกํ จรนฺตา ภทฺทิยนครํ ปาปุณึสุ. อถ เน เมณฺฑกเสฏฺิ ทิสฺวา, ‘‘ตาตา, กึ กโรนฺตา วิจรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกํ โอโลเกนฺตา วิจรามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิเมสํ อิมานิ คเหตฺวา กิฺจิเทว โอโลเกตุํ วิจรณกิจฺจํ นตฺถิ, รฏฺํ ปริคฺคณฺหมานา วิจรนฺตี’’ติ ตฺวา, ‘‘ตาตา, อมฺหากํ ปจฺฉิมเคหํ ปวิสิตฺวา โอโลเกถา’’ติ อาห. เต ตตฺถ อฏฺกรีสมตฺเต าเน หตฺถิอสฺสอุสภปฺปมาเณ ปิฏฺิยา ปิฏฺึ อาหจฺจ ปถวึ ภินฺทิตฺวา อุฏฺิเต เหฏฺา วุตฺตปฺปกาเร สุวณฺณเมณฺฑเก ทิสฺวา เตสํ อนฺตรนฺตรา ¶ วิจริตฺวา นิกฺขมึสุ. อถ เน เสฏฺิ, ‘‘ตาตา, ยํ โอโลเกนฺตา วิจรถ, ทิฏฺโ โว โส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปสฺสาม, สามี’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ คจฺฉถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต ตโตว คนฺตฺวา อตฺตโน เสฏฺินา ‘‘กึ, ตาตา, ทิฏฺํ โว อมฺหากํ สมานโภคํ เสฏฺิกุล’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สามิ, ตุมฺหากํ กึ อตฺถิ, ภทฺทิยนคเร เมณฺฑกเสฏฺิโน เอวรูโป ¶ นาม วิภโว’’ติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. ตํ สุตฺวา เสฏฺิ อตฺตมโน หุตฺวา ‘‘เอกํ ตาว เสฏฺิกุลํ ลทฺธํ, อปรมฺปิ นุ โข อตฺถี’’ติ สตสหสฺสคฺฆนิกํ กมฺพลํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, อฺมฺปิ. เสฏฺิกุลํ วิจินถา’’ติ ปหิณิ.
เต ราชคหํ คนฺตฺวา โชติกเสฏฺิสฺส เคหโต อวิทูเร ทารุราสึ กตฺวา อคฺคึ ทตฺวา อฏฺํสุ. ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุฏฺกาเล จ ‘‘เอกํ โน มหคฺฆกมฺพลํ วิกฺกิณนฺตานํ กยิโก นตฺถิ, คเหตฺวา วิจรนฺตาปิ โจรานํ ภายาม, เตน ตํ ฌาเปตฺวา คมิสฺสามา’’ติ วทึสุ. อถ เน โชติกเสฏฺิ ทิสฺวา ‘‘อิเม กึ กโรนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กึ อคฺฆนโก กมฺพโล’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สตสหสฺสคฺฆนโก’’ติ วุตฺเต สตสหสฺสํ ทาเปตฺวา ¶ ‘‘ทฺวารโกฏฺกํ สมฺมชฺชิตฺวา กจวรฉฑฺฑิกาย ทาสิยา เทถา’’ติ เตสํเยว หตฺเถ ปหิณิ. สา กมฺพลํ คเหตฺวา โรทมานา สามิกสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘กึ มํ, สามิ, อปราเธ สติ ปหริตุํ น วฏฺฏติ, กสฺมา เม เอวรูปํ ถูลกมฺพลํ ปหิณิตฺถ, กถาหํ อิมํ นิวาเสสฺสามิ วา ปารุปิสฺสามิ วา’’ติ. นาหํ ตว เอตทตฺถาย ปหิณึ, เอตํ ปน ปลิเวเตฺวา ตว สยนปาทมูเล เปตฺวา นิปชฺชนกาเล คนฺโธทเกน โธตานํ ปาทานํ ปฺุฉนตฺถาย เต ปหิณึ, กึ เอตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกสีติ. สา ‘‘เอตํ ปน กาตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ คเหตฺวา อคมาสิ. เต จ ปุริสา ตํ การณํ ทิสฺวา อตฺตโน เสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, ตาตา, ทิฏฺํ โว เสฏฺิกุล’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สามิ, กึ ตุมฺหากํ อตฺถิ, ราชคหนคเร โชติกเสฏฺิสฺส เอวรูปา นาม สมฺปตฺตี’’ติ สพฺพํ เคหสมฺปตฺตึ อาโรเจตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. เสฏฺิ เตสํ วจนํ สุตฺวา ตุฏฺมานโส ‘‘อิทานิ ปพฺพชิตุํ ลภิสฺสามี’’ติ รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปพฺพชิตุกาโมมฺหิ, เทวา’’ติ อาห. สาธุ, มหาเสฏฺิ, ปพฺพชาหีติ ¶ . โส เคหํ คนฺตฺวา ปุตฺเต ปกฺโกสาเปตฺวา สุวณฺณทณฺฑํ วชิรกุทฺทาลํ เชฏฺปุตฺตสฺส หตฺเถ เปตฺวา, ‘‘ตาต, ปจฺฉิมเคเห สุวณฺณปพฺพตโต สุวณฺณปิณฺฑํ อุทฺธราหี’’ติ อาห. โส กุทฺทาลํ อาทาย คนฺตฺวา สุวณฺณปพฺพตํ ปหริ, ปิฏฺิปาสาเณ ปหฏกาโล วิย อโหสิ. ตสฺส หตฺถโต กุทฺทาลํ คเหตฺวา มชฺฌิมปุตฺตสฺส หตฺเถ ทตฺวา ปหิณิ, ตสฺสปิ สุวณฺณปพฺพตํ ปหรนฺตสฺส ปิฏฺิปาสาเณ ปหฏกาโล วิย อโหสิ. อถ ¶ นํ กนิฏฺปุตฺตสฺส หตฺเถ ทตฺวา ปหิณิ, ตสฺส ตํ คเหตฺวา ปหรนฺตสฺส โกฏฺเฏตฺวา ราสิกตาย มตฺติกาย ปหฏกาโล วิย อโหสิ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘เอหิ, ตาต, อลํ เอตฺตเกนา’’ติ วตฺวา อิตเร ทฺเว เชฏฺภาติเก ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อยํ สุวณฺณปพฺพโต น ตุมฺหากํ นิพฺพตฺโต, มยฺหฺจ กนิฏฺสฺส จ นิพฺพตฺโต, อิมินา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา ปริภฺุชถา’’ติ อาห. กสฺมา ปน โส เตสเมว นิพฺพตฺตติ, กสฺมา จ ชฏิโล ชาตกาเล อุทเก ปาติโตติ? อตฺตโน กตกมฺเมเนว.
กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ¶ หิ เจติเย กริยมาเน เอโก ขีณาสโว เจติยฏฺานํ คนฺตฺวา โอโลเกตฺวา, ‘‘ตาตา, กสฺมา เจติยสฺส อุตฺตเรน มุขํ น อุฏฺหตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สุวณฺณํ นปฺปโหตี’’ติ อาหํสุ. อหํ อนฺโตคามํ ปวิสิตฺวา สมาทเปสฺสามิ, ตุมฺเห อาทเรน กมฺมํ กโรถาติ. โส เอวํ วตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อมฺมา, ตาตา, ตุมฺหากํ เจติยสฺส เอกสฺมึ มุเข สุวณฺณํ นปฺปโหติ, สุวณฺณํ ชานาถา’’ติ มหาชนํ สมาทเปนฺโต สุวณฺณการกุลํ อคมาสิ. สุวณฺณกาโรปิ ตงฺขเณเยว ภริยาย สทฺธึ กลหํ กโรนฺโต นิสินฺโน โหติ. อถ นํ เถโร ‘‘เจติเย ตุมฺเหหิ คหิตมุขสฺส สุวณฺณํ นปฺปโหติ, ตํ ชานิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. โส ภริยาย โกเปน ‘‘ตว สตฺถารํ อุทเก ขิปิตฺวา คจฺฉา’’ติ อาห. อถ นํ สา ‘‘อติสาหสิกกมฺมํ เต กตํ, มม กุทฺเธน เต อหเมว อกฺโกสิตพฺพา วา ปหริตพฺพา วา, กสฺมา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ พุทฺเธสุ เวรมกาสี’’ติ อาห. สุวณฺณกาโร ตาวเทว ¶ สํเวคปฺปตฺโต หุตฺวา ‘‘ขมถ เม, ภนฺเต’’ติ วตฺวา เถรสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิ. ตาต, อหํ ตยา น กิฺจิ วุตฺโต, สตฺถารํ ขมาเปหีติ. กินฺติ กตฺวา ขมาเปมิ, ภนฺเตติ. สุวณฺณปุปฺผานํ ตโย ¶ กุมฺเภ กตฺวา อนฺโตธาตุนิธาเน ปกฺขิปิตฺวา อลฺลวตฺโถ อลฺลเกโส หุตฺวา ขมาเปหิ, ตาตาติ.
โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา สุวณฺณปุปฺผานิ กโรนฺโต ตีสุ ปุตฺเตสุ เชฏฺปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอหิ, ตาต, อหํ สตฺถารํ เวรวจเนน อวจํ, ตสฺมา อิมานิ ปุปฺผานิ กตฺวา ธาตุนิธาเน ปกฺขิปิตฺวา ขมาเปสฺสามิ, ตฺวมฺปิ โข เม สหาโย โหหี’’ติ อาห. โส ‘‘น ตฺวํ มยา เวรวจนํ วทาปิโต, ตฺวํเยว กโรหี’’ติ กาตุํ น อิจฺฉิ. มชฺฌิมปุตฺตํ ปกฺโกสิตฺวา ตเถวาห, โสปิ ตเถว วตฺวา กาตุํ น อิจฺฉิ. กนิฏฺํ ปกฺโกสิตฺวา ตเถวาห, โส ‘‘ปิตุ อุปฺปนฺนกิจฺจํ นาม ปุตฺตสฺส ภาโร’’ติ วตฺวา ปิตุสหาโย หุตฺวา ปุปฺผานิ อกาสิ. สุวณฺณกาโร วิทตฺถิปฺปมาณานํ ปุปฺผานํ ตโย กุมฺเภ นิฏฺาเปตฺวา ธาตุนิธาเน ปกฺขิปิตฺวา อลฺลวตฺโถ อลฺลเกโส สตฺถารํ ขมาเปสิ. อิติ โส สตฺตกฺขตฺตุํ ชาตกาเล อุทเก ปาตนํ ลภิ. อยํ ปนสฺส โกฏิยํ ิโต อตฺตภาโว. อิธาปิ ตสฺเสว นิสฺสนฺเทน อุทเก ปาติโต. เย ปนสฺส ทฺเว เชฏฺภาติกา ปุตฺตา สุวณฺณปุปฺผานํ กรณกาเล สหายา ภวิตุํ น อิจฺฉึสุ, เตสํ เตน การเณน สุวณฺณปพฺพโต น นิพฺพตฺติ, ชฏิลสฺส เจว กนิฏฺปุตฺตสฺส จ เอกโต กตภาเวน นิพฺพตฺติ. อิติ ¶ โส ปุตฺเต อนุสาสิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถา อปเรน สมเยน ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย จรนฺโต ตสฺส ปุตฺตานํ เคหทฺวารํ อคมาสิ, เต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อฑฺฒมาสํ ภิกฺขาทานํ อทํสุ.
ภิกฺขู ¶ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อชฺชาปิ เต, อาวุโส ชฏิล, อสีติหตฺเถ สุวณฺณปพฺพเต จ ปุตฺเตสุ จ ตณฺหา อตฺถี’’ติ. ‘‘น เม, อาวุโส, เอเตสุ ตณฺหา วา มาโน วา อตฺถี’’ติ. เต ‘‘อยํ ชฏิลตฺเถโร อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ วทึสุ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺตสฺส เตสุ ตณฺหา วา มาโน วา อตฺถี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โยธ ตณฺหํ ปหนฺตฺวาน, อนาคาโร ปริพฺพเช;
ตณฺหาภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – โย อิธ โลเก ฉทฺวาริกํ ตณฺหํ วา มานํ วา ชหิตฺวา ฆราวาเสน อนตฺถิโก อนาคาโร หุตฺวา ปริพฺพชติ, ตณฺหาย เจว ภวสฺส จ ปริกฺขีณตฺตา ตณฺหาภวปริกฺขีณํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ชฏิลตฺเถรวตฺถุ เตตฺตึสติมํ.
๓๔. โชติกตฺเถรวตฺถุ
โยธ ตณฺหนฺติ ปุน อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต โชติกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
อชาตสตฺตุกุมาโร หิ เทวทตฺเตน สทฺธึ เอกโต หุตฺวา ปิตรํ ฆาเตตฺวา รชฺเช ปติฏฺิโต ‘‘โชติกเสฏฺิสฺส มหาปาสาทํ คณฺหิสฺสามี’’ติ ¶ ยุทฺธสชฺโช นิกฺขมิตฺวา มณิปากาเร สปริวารสฺส อตฺตโน ฉายํ ทิสฺวา ‘‘คหปติโก ยุทฺธสชฺโช หุตฺวา พลํ อาทาย นิกฺขนฺโต’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา อุปคนฺตุํ น วิสหิ. เสฏฺิปิ ตํ ทิวสํ อุโปสถิโก หุตฺวา ปาโตว ภุตฺตปาตราโส วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต นิสินฺโน โหติ. ปเม ทฺวารโกฏฺเก อารกฺขํ คเหตฺวา ิโต ปน ยมโกฬิ นาม ยกฺโข ตํ ทิสฺวา ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ สปริวารํ วิทฺธํเสตฺวา ทิสาวิทิสาสุ อนุพนฺธิ. ราชา วิหารเมว อคมาสิ.
อถ นํ เสฏฺิ ทิสฺวาว ‘‘กึ, เทวา’’ติ วตฺวา อุฏฺายาสนา อฏฺาสิ. คหปติ, กึ ตฺวํ ¶ ตว ปุริเส ‘‘มยา สทฺธึ ยุชฺฌถา’’ติ อาณาเปตฺวา อิธาคมฺม ธมฺมํ สุณนฺโต วิย นิสินฺโนติ. กึ ปน เทโว มม เคหํ คณฺหิตุํ คโตติ? อาม, คโตมฺหีติ. มม อนิจฺฉาย มม เคหํ คณฺหิตุํ ราชสหสฺสมฺปิ น สกฺโกติ, เทวาติ. โส ‘‘กึ ปน ตฺวํ ราชา ภวิสฺสสี’’ติ กุชฺฌิ. นาหํ ราชา, มม สนฺตกํ ปน ทสิกสุตฺตมฺปิ มม อนิจฺฉาย ราชูหิ วา โจเรหิ วา คเหตุํ น สกฺกาติ. กึ ปนาหํ ตว รุจิยา คณฺหิสฺสามีติ? เตน หิ, เทว, อิมา เม ทสสุ องฺคุลีสุ วีสติ มุทฺทิกา, อิมาหํ ตุมฺหากํ น เทมิ. สเจ สกฺโกถ, คณฺหถาติ ¶ . โส ปน ราชา ภูมิยํ อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อุลฺลงฺฆนฺโต อฏฺารสหตฺถํ านํ อภิรุหติ, ตฺวา อุลฺลงฺฆนฺโต อสีติหตฺถํ ¶ านํ อภิรุหติ. เอวํมหาพโล สมาโนปิ อิโต จิโต จ ปริวตฺเตนฺโต เอกํ มุทฺทิกมฺปิ กฑฺฒิตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘สาฏกํ ปตฺถร, เทวา’’ติ วตฺวา องฺคุลิโย อุชุกา อกาสิ, วีสติปิ มุทฺทิกา นิกฺขมึสุ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘เอวํ, เทว, มม สนฺตกํ มม อนิจฺฉาย น สกฺกา คณฺหิตุ’’นฺติ วตฺวา รฺโ กิริยาย อุปฺปนฺนสํเวโค ‘‘ปพฺพชิตุํ เม อนุชาน, เทวา’’ติ อาห. โส ‘‘อิมสฺมึ ปพฺพชิเต สุขํ ปาสาทํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกวจเนเนว ‘‘ตฺวํ ปพฺพชาหี’’ติ อาห. โส สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺวา โชติกตฺเถโร นาม อโหสิ. ตสฺส อรหตฺตํ ปตฺตกฺขเณเยว สพฺพาปิ สา สมฺปตฺติ อนฺตรธายิ, ตมฺปิสฺส สตุลกายึ นาม ภริยํ เทวตา อุตฺตรกุรุเมว นยึสุ.
อเถกทิวสํ ภิกฺขู ตํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อาวุโส โชติก, ตสฺมึ ปน เต ปาสาเท วา อิตฺถิยา วา ตณฺหา อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นตฺถาวุโส’’ติ วุตฺเต สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘นตฺเถว, ภิกฺขเว, มม ปุตฺตสฺส ตสฺมึ ตณฺหา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โยธ ¶ ตณฺหํ ปหนฺตฺวาน, อนาคาโร ปริพฺพเช;
ตณฺหาภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
อิมิสฺสา คาถายตฺโถ เหฏฺา ชฏิลตฺเถรวตฺถุมฺหิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
โชติกตฺเถรวตฺถุ จตุตึสติมํ.
๓๕. นฏปุตฺตกตฺเถรวตฺถุ
หิตฺวาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ นฏปุตฺตกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เอกํ นฏกีฬํ กีฬยมาโน วิจรนฺโต สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺมึ พุทฺธปฺปมุเขน ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ¶ ปิณฺฑาย ปวิสนฺเต ภิกฺขู เอกํ นฏปุตฺตํ กีฬนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘อาวุโส, เอส ตยา กีฬิตกีฬิตํ กีฬติ, อตฺถิ นุ โข เต เอตฺถ สิเนโห’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นตฺถี’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ, ภนฺเต, อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต สพฺพโยเค อติกฺกนฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘หิตฺวา มานุสกํ โยคํ, ทิพฺพํ โยคํ อุปจฺจคา;
สพฺพโยควิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ มานุสกํ โยคนฺติ มานุสกํ อายฺุเจว ปฺจ กามคุเณ จ. ทิพฺพโยเคปิ เอเสว นโย. อุปจฺจคาติ โย มานุสกํ โยคํ หิตฺวา ทิพฺพํ โยคํ อติกฺกนฺโต, ตํ สพฺเพหิ จตูหิปิ โยเคหิ วิสํยุตฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
นฏปุตฺตกตฺเถรวตฺถุ ปฺจตึสติมํ.
๓๖. นฏปุตฺตกตฺเถรวตฺถุ
หิตฺวา รติฺจาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ นฏปุตฺตกํเยว อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปุริมสทิสเมว. อิธ ปน สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต รติฺจ อรติฺจ ปหาย ิโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘หิตฺวา รติฺจ อรติฺจ, สีติภูตํ นิรูปธึ;
สพฺพโลกาภิภุํ วีรํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ รตินฺติ ปฺจกามคุณรตึ. อรตินฺติ อรฺวาเส อุกฺกณฺิตตฺตํ. สีติภูตนฺติ นิพฺพุตํ. นิรูปธินฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. วีรนฺติ ตํ เอวรูปํ สพฺพํ ขนฺธโลกํ อภิภวิตฺวา ิตํ วีริยวนฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
นฏปุตฺตกตฺเถรวตฺถุ ฉตฺตึสติมํ.
๓๗. วงฺคีสตฺเถรวตฺถุ
จุตึ ¶ ¶ โย เวทีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วงฺคีสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ราชคเห กิเรโก พฺราหฺมโณ วงฺคีโส นาม มตมนุสฺสานํ สีสํ อาโกเฏตฺวา ‘‘อิทํ นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ, อิทํ ติรจฺฉานโยนิยํ, อิทํ เปตฺติวิสเย, อิทํ มนุสฺสโลเก, อิทํ เทวโลเก นิพฺพตฺตสฺส สีส’’นฺติ ชานาติ. พฺราหฺมณา ‘‘สกฺกา อิมํ นิสฺสาย โลกํ ขาทิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตํ ทฺเว รตฺตวตฺถานิ ปริทหาเปตฺวา อาทาย ชนปทํ จรนฺตา มนุสฺเส วทนฺติ ‘‘เอโส วงฺคีโส นาม พฺราหฺมโณ มตมนุสฺสานํ สีสํ อาโกเฏตฺวา นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานาติ, อตฺตโน าตกานํ นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉถา’’ติ. มนุสฺสา ยถาพลํ ทสปิ กหาปเณ วีสติปิ สตมฺปิ ทตฺวา าตกานํ นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉนฺติ. เต อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนสฺส อวิทูเร นิวาสํ คณฺหึสุ. เต ภุตฺตปาตราสา มหาชนํ คนฺธมาลาทิหตฺถํ ธมฺมสฺสวนาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วิหารํ ธมฺมสฺสวนายา’’ติ วุตฺเต ‘‘ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสถ, อมฺหากํ วงฺคีสพฺราหฺมเณน สทิโส นาม นตฺถิ, มตมนุสฺสานํ สีสํ อาโกเฏตฺวา นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานาติ, าตกานํ นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉถา’’ติ อาหํสุ. เต ‘‘วงฺคีโส กึ ชานาติ ¶ , อมฺหากํ สตฺถารา สทิโส นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิตเรหิปิ ‘‘วงฺคีสสทิโส นตฺถี’’ติ วุตฺเต กถํ วฑฺเฒตฺวา ‘‘เอถ, ทานิ โว วงฺคีสสฺส วา อมฺหากํ วา สตฺถุ ชานนภาวํ ชานิสฺสามา’’ติ เต อาทาย วิหารํ อคมํสุ. สตฺถา เตสํ อาคมนภาวํ ตฺวา นิรเย ติรจฺฉานโยนิยํ มนุสฺสโลเก เทวโลเกติ จตูสุ าเนสุ นิพฺพตฺตานํ จตฺตาริ สีสานิ, ขีณาสวสีสฺจาติ ปฺจ สีสานิ อาหราเปตฺวา ปฏิปาฏิยา เปตฺวา อาคตกาเล วงฺคีสํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตฺวํ กิร สีสํ อาโกเฏตฺวา มตกานํ นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, ชานามี’’ติ. ‘‘อิทํ กสฺส สีส’’นฺติ? โส ตํ อาโกเฏตฺวา ‘‘นิรเย นิพฺพตฺตสฺสา’’ติ อาห. อถสฺส สตฺถา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ สาธุการํ ทตฺวา ¶ อิตรานิปิ ตีณิ สีสานิ ปุจฺฉิตฺวา เตน อวิรชฺฌิตฺวา วุตฺตวุตฺตกฺขเณ ตเถว ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ปฺจมํ สีสํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิทํ กสฺส สีส’’นฺติ ปุจฺฉิ, โส ตมฺปิ อาโกเฏตฺวา นิพฺพตฺตฏฺานํ น ชานาติ.
อถ ¶ นํ สตฺถา ‘‘กึ, วงฺคีส, น ชานาสี’’ติ วตฺวา, ‘‘อาม, น ชานามี’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ ชานามี’’ติ อาห. อถ นํ วงฺคีโส ยาจิ ‘‘เทถ เม อิมํ มนฺต’’นฺติ. น สกฺกา อปพฺพชิตสฺส ทาตุนฺติ. โส ‘‘อิมสฺมึ มนฺเต คหิเต สกลชมฺพุทีเป อหํ เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เต พฺราหฺมเณ ‘‘ตุมฺเห ตตฺเถว กติปาหํ วสถ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อุยฺโยเชตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท วงฺคีสตฺเถโร นาม อโหสิ. อถสฺส สตฺถา ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ‘‘มนฺตสฺส ปริกมฺมํ สชฺฌายาหี’’ติ ¶ อาห. โส ตํ สชฺฌายนฺโต อนฺตรนฺตรา พฺราหฺมเณหิ ‘‘คหิโต เต มนฺโต’’ติ ปุจฺฉิยมาโน ‘‘อาคเมถ ตาว, คณฺหามี’’ติ วตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปตฺวา ปุน พฺราหฺมเณหิ ปุฏฺโ ‘‘อภพฺโพ ทานาหํ, อาวุโส, คนฺตุ’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ‘‘อยํ, ภนฺเต, อภูเตน อฺํ พฺยากโรตี’’ติ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘มา, ภิกฺขเว, เอวํ อวจุตฺถ, อิทานิ, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต จุติปฏิสนฺธิกุสโล ชาโต’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘จุตึ โย เวทิ สตฺตานํ, อุปปตฺติฺจ สพฺพโส;
อสตฺตํ สุคตํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ยสฺส คตึ น ชานนฺติ, เทวา คนฺธพฺพมานุสา;
ขีณาสวํ อรหนฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ โย เวทีติ โย สตฺตานํ สพฺพากาเรน จุติฺจ ปฏิสนฺธิฺจ ปากฏํ กตฺวา ชานาติ, ตมหํ อลคฺคตาย อสตฺตํ, ปฏิปตฺติยา สุฏฺุ คตตฺตา สุคตํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ พุทฺธตาย พุทฺธํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. ยสฺสาติ ยสฺเสเต เทวาทโย คตึ น ชานนฺติ, ตมหํ อาสวานํ ขีณตาย ขีณาสวํ, กิเลเสหิ อารกตฺตา อรหนฺตํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
วงฺคีสตฺเถรวตฺถุ สตฺตตึสติมํ.
๓๘. ธมฺมทินฺนตฺเถรีวตฺถุ
ยสฺสาติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ธมฺมทินฺนํ นาม ภิกฺขุนึ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ตสฺสา คิหิกาเล สามิโก วิสาโข อุปาสโก สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อนาคามิผลํ ปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา สพฺพํ สาปเตยฺยํ ธมฺมทินฺนํ ปฏิจฺฉาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตโต ปุพฺเพ อาคจฺฉนฺโต ธมฺมทินฺนํ วาตปาเนน โอโลเกนฺตึ ทิสฺวา สิตํ กโรติ. ตํ ทิวสํ ปน วาตปาเนน ิตํ อโนโลเกนฺโตว อคมาสิ. สา ‘‘กึ นุ โข อิท’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘โหตุ, โภชนกาเล ชานิสฺสามี’’ติ โภชนเวลาย ภตฺตํ อุปนาเมสิ. โส อฺเสุ ทิวเสสุ ‘‘เอหิ, เอกโต ภฺุชามา’’ติ วทติ, ตํ ทิวสํ ปน ตุณฺหีภูโตว ภฺุชิ. สา ‘‘เกนจิเทว การเณน กุปิโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. อถ นํ วิสาโข สุขนิสินฺนเวลาย ตํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘ธมฺมทินฺเน อิมสฺมึ เคเห สพฺพํ สาปเตยฺยํ ปฏิจฺฉาหี’’ติ อาห. สา ‘‘กุทฺธา นาม สาปเตยฺยํ น ปฏิจฺฉาเปนฺติ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตุมฺเห ปน, สามี’’ติ อาห. อหํ อิโต ปฏฺาย น กิฺจิ วิจาเรมีติ. ตุมฺเหหิ ฉฑฺฑิตํ เขฬํ โก ปฏิจฺฉิสฺสติ, เอวํ สนฺเต มม ปพฺพชฺชํ อนุชานาถาติ. โส ‘‘สาธุ, ภทฺเท’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน ตํ ภิกฺขุนีอุปสฺสยํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ. สา ลทฺธูปสมฺปทา ธมฺมทินฺนตฺเถรี นาม อโหสิ.
สา ปวิเวกกามตาย ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ ชนปทํ คนฺตฺวา ตตฺถ วิหรนฺตี น จิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘อิทานิ มํ นิสฺสาย าติชนา ¶ ปฺุานิ กริสฺสนฺตี’’ติ ปุนเทว ราชคหํ ปจฺจาคฺฉิ. อุปาสโก ตสฺสา อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘เกน นุ โข การเณน อาคตา’’ติ ภิกฺขุนีอุปสฺสยํ คนฺตฺวา เถรึ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘อุกฺกณฺิตา นุ โขสิ, อยฺเยติ วตฺตุํ อปฺปติรูปํ, ปฺหเมกํ นํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา โสตาปตฺติมคฺเค ปฺหํ ปุจฺฉิ, สา ตํ วิสฺสชฺเชสิ. อุปาสโก เตเนว อุปาเยน เสสมคฺเคสุปิ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา อติกฺกมฺม ปฺหสฺส ปุฏฺกาเล ตาย ‘‘อจฺจยาสิ, อาวุโส, วิสาขา’’ติ วตฺวา ‘‘อากงฺขมาโน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อิมํ ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ วุตฺเต เถรึ วนฺทิตฺวา อุฏฺายาสนา สตฺถุ สนฺติกํ ¶ คนฺตฺวา ตํ กถาสลฺลาปํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘สุกถิตํ มม ธีตาย ธมฺมทินฺนาย, อหมฺเปตํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต เอวเมว วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺส ¶ ปุเร จ ปจฺฉา จ, มชฺเฌ จ นตฺถิ กิฺจนํ;
อกิฺจนํ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ปุเรติ อตีเตสุ ขนฺเธสุ. ปจฺฉาติ อนาคเตสุ ขนฺเธสุ. มชฺเฌติ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ ขนฺเธสุ. นตฺถิ กิฺจนนฺติ ยสฺเสเตสุ าเนสุ ตณฺหาคาหสงฺขาตํ ¶ กิฺจนํ นตฺถิ, ตมหํ ราคกิฺจนาทีหิ อกิฺจนํ กสฺสจิ คหณสฺส อภาเวน อนาทานํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ธมฺมทินฺนตฺเถรีวตฺถุ อฏฺตึสติมํ.
๓๙. องฺคุลิมาลตฺเถรวตฺถุ
อุสภนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต องฺคุลิมาลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘น เว กทริยา เทวโลกํ วชนฺตี’’ติ (ธ. ป. ๑๗๗) คาถาวณฺณนาย วุตฺตเมว. วุตฺตฺหิ ตตฺถ –
ภิกฺขู องฺคุลิมาลํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส องฺคุลิมาล, ทุฏฺหตฺถึ ฉตฺตํ ธาเรตฺวา ิตํ ทิสฺวา ภายี’’ติ? ‘‘น ภายึ, อาวุโส’’ติ. เต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘องฺคุลิมาโล, ภนฺเต, อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต องฺคุลิมาโล ภายติ. ขีณาสวอุสภานฺหิ อนฺตเร เชฏฺกอุสภา มม ปุตฺตสทิสา ภิกฺขู น ภายนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อุสภํ ปวรํ วีรํ, มเหสึ วิชิตาวินํ;
อเนชํ นฺหาตกํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – อจฺฉมฺภิตฏฺเน อุสภสทิสตาย อุสภํ อุตฺตมฏฺเน ปวรํ วีริยสมฺปตฺติยา วีรํ ¶ มหนฺตานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสิตตฺตา มเหสึ ติณฺณํ มารานํ วิชิตตฺตา วิชิตาวินํ นฺหาตกิเลสตาย นฺหาตกํ จตุสจฺจพุทฺธตาย พุทฺธํ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
องฺคุลิมาลตฺเถรวตฺถุ เอกูนจตฺตาลีสํ.
๔๐. เทวหิตพฺราหฺมณวตฺถุ
ปุพฺเพนิวาสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวหิตพฺราหฺมณสฺส ปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ภควา วาตโรเคน อาพาธิโก หุตฺวา อุปวาณตฺเถรํ อุณฺโหทกตฺถาย เทวหิตพฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ ปหิณิ. โส คนฺตฺวา สตฺถุ อาพาธิกภาวํ อาจิกฺขิตฺวา อุณฺโหทกํ ยาจิ, ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ตุฏฺมานโส หุตฺวา ‘‘ลาภา วต เม, ยํ มม สนฺติกํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุณฺโหทกสฺสตฺถาย สาวกํ ปหิณี’’ติ อุณฺโหทกสฺส กาชํ ปุริเสน คาหาเปตฺวา ผาณิตสฺส จ ปุฏํ อุปวาณตฺเถรสฺส ปาทาสิ. เถโร ตํ คาหาเปตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา อุณฺโหทเกน ผาณิตํ อาโลเฬตฺวา ภควโต ปาทาสิ, ตสฺส ตงฺขเณเยว โส อาพาโธ ปฏิปสฺสมฺภิ. พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ ¶ – ‘‘กสฺส นุ โข เทยฺยธมฺโม ทินฺโน มหปฺผโล โหติ, สตฺถารํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กตฺถ ทชฺชา เทยฺยธมฺมํ, กตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;
กถฺหิ ยชมานสฺส, กถํ อิชฺฌติ ทกฺขิณา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๙๙);
อถสฺส สตฺถา ‘‘เอวรูปสฺส พฺราหฺมณสฺส ทินฺนํ มหปฺผลํ โหตี’’ติ วตฺวา พฺราหฺมณํ ปกาเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ¶ โย เวทิ, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ;
อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, อภิฺาโวสิโต มุนิ; (สํ. นิ. ๑.๑๙๙);
สพฺพโวสิตโวสานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – โย ปุพฺเพนิวาสํ ปากฏํ กตฺวา ชานาติ, ฉพฺพีสติเทวโลกเภทํ สคฺคฺจ จตุพฺพิธํ อปายฺจ ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสติ, อโถ ชาติกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปตฺโต, อภิฺเยฺยํ ¶ ธมฺมํ อภิชานิตฺวา ปริฺเยฺยํ ปริชานิตฺวา ปหาตพฺพํ ปหาย สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉิกตฺวา โวสิโก นิฏฺานํ ปตฺโต, วุสิตโวสานํ วา ปตฺโต, อาสวกฺขยปฺาย โมนภาวํ ปตฺตตฺตา มุนิ, ตมหํ สพฺเพสํ กิเลสานํ โวสานํ อรหตฺตมคฺคาณํ พฺรหฺมจริยวาสํ วุตฺถภาเวน สพฺพโวสิตโวสานํ พฺราหฺมณํ วทามีติ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. พฺราหฺมโณปิ ปสนฺนมานโส สรเณสุ ปติฏฺาย อุปาสกตฺตํ ปเวเทสีติ.
เทวหิตพฺราหฺมณวตฺถุ จตฺตาลีสํ.
พฺราหฺมณวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉพฺพีสติโม วคฺโค.
นิคมนกถา
เอตฺตาวตา ¶ ¶ สพฺพปเม ยมกวคฺเค จุทฺทส วตฺถูนิ, อปฺปมาทวคฺเค นว, จิตฺตวคฺเค นว, ปุปฺผวคฺเค ทฺวาทส, พาลวคฺเค ปนฺนรส, ปณฺฑิตวคฺเค เอกาทส, อรหนฺตวคฺเค ทส, สหสฺสวคฺเค จุทฺทส, ปาปวคฺเค ทฺวาทส, ทณฺฑวคฺเค เอกาทส, ชราวคฺเค นว, อตฺตวคฺเค ทส, โลกวคฺเค เอกาทส, พุทฺธวคฺเค นว, สุขวคฺเค อฏฺ, ปิยวคฺเค นว, โกธวคฺเค อฏฺ, มลวคฺเค ทฺวาทส, ธมฺมฏฺวคฺเค ทส, มคฺควคฺเค ทฺวาทส, ปกิณฺณกวคฺเค นว, นิรยวคฺเค นว, นาควคฺเค อฏฺ, ตณฺหาวคฺเค ทฺวาทส, ภิกฺขุวคฺเค ทฺวาทส, พฺราหฺมณวคฺเค จตฺตาลีสาติ ปฺจาธิกานิ ตีณิ วตฺถุสตานิ ปกาเสตฺวา นาติสงฺเขปนาติวิตฺถารวเสน อุปรจิตา ทฺวาสตฺตติภาณวารปมาณา ธมฺมปทสฺส อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตาติ.
ปตฺตํ ¶ ธมฺมปทํ เยน, ธมฺมราเชนนุตฺตรํ;
คาถา ธมฺมปเท เตน, ภาสิตา ยา มเหสินา.
สเตวีสา จตุสฺสตา, จตุสจฺจวิภาวินา;
สตตฺตยฺหิ วตฺถูนํ, ปฺจาธิกา สมุฏฺิตา.
วิหาเร อธิราเชน, การิตมฺหิ กตฺุนา;
ปาสาเท สิริกูฏสฺส, รฺโ วิหรตา มยา.
อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ, อตฺถาย จ หิตาย จ;
โลกสฺส โลกนาถสฺส, สทฺธมฺมฏฺิติกมฺยตา.
ตาสํ อฏฺกถํ เอตํ, กโรนฺเตน สุนิมฺมลํ;
ทฺวาสตฺตติปมาณาย, ภาณวาเรหิ ปาฬิยา.
ยํ ¶ ปตฺตํ กุสลํ เตน, กุสลา สพฺพปาณินํ;
สพฺเพ อิชฺฌนฺตุ สงฺกปฺปา, ลภนฺตุ มธุรํ ผลนฺติ.
ปรมวิสุทฺธสทฺธาพุทฺธิวีริยปฏิมณฺฑิเตน สีลาจารชฺชวมทฺทวาทิคุณสมุทยสมุทิเตน สกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหณสมตฺเถน ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคเตน ติปิฏกปริยตฺติปฺปเภเท สาฏฺกเถ สตฺถุสาสเน อปฺปฏิหตาณปฺปภาเวน มหาเวยฺยากรเณน กรณสมฺปตฺติชนิตสุขวินิคฺคตมธุโรทารวจนลาวณฺณยุตฺเตน ยุตฺตมุตฺตวาทินา วาทีวเรน ¶ มหากวินา ¶ ปภินฺนปฏิสมฺภิทาปริวาเร ฉฬภิฺาปฏิสมฺภิทาทิปฺปเภทคุณปฏิมณฺฑิเต อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม สุปฺปติฏฺิตพุทฺธีนํ เถรวํสปฺปทีปานํ เถรานํ มหาวิหารวาสีนํ วํสาลงฺการภูเตน วิปุลวิสุทฺธพุทฺธินา พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน กตายํ ธมฺมปทฏฺกถา –
ตาว ติฏฺตุ โลกสฺมึ, โลกนิตฺถรเณสินํ;
ทสฺเสนฺตี กุลปุตฺตานํ, นยํ สทฺธาทิพุทฺธิยา.
ยาว พุทฺโธติ นามมฺปิ, สุทฺธจิตฺตสฺส ตาทิโน;
โลกมฺหิ โลกเชฏฺสฺส, ปวตฺตติ มเหสิโนติ.
อิติ เตวีสาธิกจตุสตคาถาปฺจาธิกติสตวตฺถุปฏิมณฺฑิตา
ฉพฺพีสติวคฺคสมนฺนาคตา ธมฺมปทวณฺณนา สมตฺตา.
ธมฺมปท-อฏฺกถา สพฺพากาเรน นิฏฺิตา.