📜

๓. จิตฺตวคฺโค

๑. เมฆิยตฺเถรวตฺถุ

ผนฺทนํจปลํ จิตฺตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา จาลิกาย ปพฺพเต วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ เมฆิยํ อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺส วตฺถุํ วิภาวนตฺถํ สพฺพํ เมฆิยสุตฺตนฺตํ (อุทา. ๓๑) วิตฺถาเรตพฺพํ. สตฺถา ปน ตีหิ วิตกฺเกหิ อนฺวาสตฺตตาย ตสฺมึ อมฺพวเน ปธานํ อนุยุฺชิตุํ อสกฺกุณิตฺวา อาคตํ เมฆิยตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อติภาริยํ เต, เมฆิย, กตํ ‘อาคเมหิ ตาว, เมฆิย, เอกโกมฺหิ ยาว อฺโปิ โกจิ ภิกฺขุ อาคจฺฉตี’ติ มํ ยาจนฺตํ เอกกํ ปหาย คจฺฉนฺเตน ภิกฺขุนา นาม เอวํ จิตฺตวสิเกน ภวิตุํ น วฏฺฏติ, จิตฺตํ นาเมตํ ลหุกํ, ตํ อตฺตโน วเส วตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๓๓.

‘‘ผนฺทนํ จปลํ จิตฺตํ, ทูรกฺขํ ทุนฺนิวารยํ;

อุชุํ กโรติ เมธาวี, อุสุกาโรว เตชนํ.

๓๔.

‘‘วาริโชว ถเล ขิตฺโต, โอกโมกตอุพฺภโต;

ปริปฺผนฺทติทํ จิตฺตํ, มารเธยฺยํ ปหาตเว’’ติ.

ตตฺถ ผนฺทนนฺติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ วิปฺผนฺทมานํ. จปลนฺติ เอกอิริยาปเถน อสณฺหนฺโต คามทารโก วิย เอกสฺมึ อารมฺมเณ อสณฺหนโต จปลํ. จิตฺตนฺติ วิฺาณํ, ภูมิวตฺถุอารมฺมณกิริยาทิวิจิตฺตตาย ปเนตํ ‘‘จิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ทูรกฺขนฺติ กิฏฺสมฺพาเธ าเน กิฏฺขาทกโคณํ วิย เอเกกสฺมึ สปฺปายารมฺมเณเยว ทุฏฺปนโต ทูรกฺขํ. ทุนฺนิวารยนฺติ วิสภาคารมฺมณํ คจฺฉนฺตํ ปฏิเสเธตุํ ทุกฺขตฺตา ทุนฺนิวารยํ. อุสุกาโรว เตชนนฺติ ยถา นาม อุสุกาโร อรฺโต เอกํ วงฺกทณฺฑกํ อาหริตฺวา นิตฺตจํ กตฺวา กฺชิยเตเลน มกฺเขตฺวา องฺคารกปลฺเล ตาเปตฺวา รุกฺขาลเก อุปฺปีเฬตฺวา นิวงฺกํ อุชุํ วาลวิชฺฌนโยคฺคํ กโรติ, กตฺวา จ ปน ราชราชมหามตฺตานํ สิปฺปํ ทสฺเสตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ ลภติ, เอวเมว เมธาวี ปณฺฑิโต วิฺู ปุริโส ผนฺทนาทิสภาวเมตํ จิตฺตํ ธุตงฺคารฺาวาสวเสน, นิตฺตจํ อปคตโอฬาริกกิเลสํ กตฺวา สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา กายิกเจตสิกวีริเยน ตาเปตฺวา สมถวิปสฺสนาลเก อุปฺปีเฬตฺวา อุชุํ อกุฏิลํ นิพฺพิเสวนํ กโรติ, กตฺวา จ ปน สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา มหนฺตํ อวิชฺชกฺขนฺธํ ปทาเลตฺวา, ‘‘ติสฺโส วิชฺชา, ฉ อภิฺา, นว โลกุตฺตรธมฺเม’’ติ อิมํ วิเสสํ หตฺถคตเมว กตฺวา อคฺคทกฺขิเณยฺยภาวํ ลภติ.

วาริโชวาติ มจฺโฉ วิย, ถเล ขิตฺโตติ หตฺเถน วา ปาเทน วา ชาลาทีนํ วา อฺตเรน ถเล ฉฑฺฑิโต. โอกโมกตอุพฺภโตติ ‘‘โอกปุณฺเณหิ จีวเรหี’’ติ เอตฺถ (มหาว. ๓๐๖) อุทกํ โอกํ, ‘‘โอกํ ปหาย อนิเกตสารี’’ติ เอตฺถ (สุ. นิ. ๘๕๐) อาลโย, เอตฺถ อุภยมฺปิ ลพฺภติ. ‘‘โอกโมกตอุพฺภโต’’ติ หิ เอตฺถ โอกโมกโตติ อุทกสงฺขาตา อาลยาติ อยมตฺโถ. อุพฺภโตติ อุทฺธโฏ. ปริปฺผนฺทติทํ จิตฺตนฺติ ยถา โส อุทกาลยโต อุพฺภโต ถเล ขิตฺโต มจฺโฉ อุทกํ อลภนฺโต ปริปฺผนฺทติ, เอวมิทํ ปฺจกามคุณาลยาภิรตํ จิตฺตํ ตโต อุทฺธริตฺวา มารเธยฺยสงฺขาตํ วฏฺฏํ ปหาตุํ วิปสฺสนากมฺมฏฺาเน ขิตฺตํ กายิกเจตสิกวีริเยน สนฺตาปิยมานํ ปริปฺผนฺทติ, สณฺาตุํ น สกฺโกติ. เอวํ สนฺเตปิ ธุรํ อนิกฺขิปิตฺวา เมธาวี ปุคฺคโล ตํ วุตฺตนเยเนว อุชุํ กมฺมนิยํ กโรตีติ อตฺโถ. อปโร นโย – อิทํ มารเธยฺยํ กิเลสวฏฺฏํ อวิชหิตฺวา ิตํ จิตฺตํ โส วาริโช วิย ปริปฺผนฺทติ, ตสฺมา มารเธยฺยํ ปหาตเว, เยน กิเลสวฏฺฏสงฺขาเตน มารเธยฺเยเนว ปริปฺผนฺทติ, ตํ ปหาตพฺพนฺติ.

คาถาปริโยสาเน เมฆิยตฺเถโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต, อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย ชาตาติ.

เมฆิยตฺเถรวตฺถุ ปมํ.

๒. อฺตรภิกฺขุวตฺถุ

ทุนฺนิคฺคหสฺสลหุโนติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

โกสลรฺโ กิร วิชิเต ปพฺพตปาเท มาติกคาโม นาม เอโก ฆนวาโส คาโม อโหสิ. อเถกทิวสํ สฏฺิมตฺตา ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา ตํ คามํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. อถ เน โย ตสฺส คามสฺส สามิโก มาติโก นาม, ตสฺส มาตา ทิสฺวา เคเห นิสีทาเปตฺวา นานคฺครเสน ยาคุภตฺเตน ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กตฺถ คนฺตุกามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ยถา ผาสุกฏฺานํ มหาอุปาสิเก’’ติ. สา ‘‘วสฺสาวาสฏฺานํ, อยฺยา, ปริเยสนฺติ มฺเ’’ติ ตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา, ‘‘สเจ, อยฺยา, อิมํ เตมาสํ อิธ วสิสฺสนฺติ, อหํ ตีณิ สรณานิ, ปฺจ สีลานิ คเหตฺวา อุโปสถกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ภิกฺขู ‘‘มยํ อิมํ นิสฺสาย ภิกฺขาย อกิลมนฺตา ภวนิสฺสรณํ กาตุํ สกฺขิสฺสามา’’ติ อธิวาสยึสุ. สา เตสํ วสนฏฺานํ วิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา อทาสิ.

เต ตตฺเถว วสนฺตา เอกทิวสํ สนฺนิปติตฺวา อฺมฺํ โอวทึสุ, ‘‘อาวุโส, อมฺเหหิ ปมาทจารํ จริตุํ น วฏฺฏติ. อมฺหากฺหิ สกเคหํ วิย อฏฺ มหานิรยา วิวฏทฺวาราเยว, ธรมานกพุทฺธสฺส โข ปน สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา มยํ อาคตา, พุทฺธา จ นาม ปทานุปทิกํ วิจรนฺเตนาปิ สเน อาราเธตุํ น สกฺกา, ยถาชฺฌาสเยเนว อาราเธตุํ สกฺกา, อปฺปมตฺตา โหถ, ทฺวีหิ เอกฏฺาเน น าตพฺพํ, น นิสีทิตพฺพํ, สายํ โข ปน เถรูปฏฺานกาเล ปาโตว ภิกฺขาจารกาเล เอกโต ภวิสฺสาม, เสสกาเล ทฺเว เอกโต น ภวิสฺสาม, อปิจ โข ปน อผาสุเกน ภิกฺขุนา อาคนฺตฺวา วิหารมชฺเฌ ฆณฺฑิยา ปหตาย ฆณฺฑิสฺาย อาคนฺตฺวา ตสฺส เภสชฺชํ กริสฺสามา’’ติ.

เตสุ เอวํ กติกํ กตฺวา วิหรนฺเตสุ เอกทิวสํ สา อุปาสิกา สปฺปิเตลผาณิตาทีนิ คาหาเปตฺวา ทาสทาสิกมฺมกราทีหิ ปริวุตา สายนฺหสมเย ตํ วิหารํ คนฺตฺวา วิหารมชฺเฌ ภิกฺขู อทิสฺวา, ‘‘กหํ นุ โข, อยฺยา, คตา’’ติ ปุริเส ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อตฺตโน อตฺตโน รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ นิสินฺนา ภวิสฺสนฺติ, อยฺเย’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ นุ โข กตฺวา ทฏฺุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส กติกวตฺตํ ชานนมนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘ฆณฺฑิยา ปหตาย สนฺนิปติสฺสนฺติ, อยฺเย’’ติ. สา จ ฆณฺฑึ ปหราเปสิ. ภิกฺขู ฆณฺฑิสทฺทํ สุตฺวา, ‘‘กสฺสจิ อผาสุกํ ภวิสฺสตี’’ติ สกสกฏฺาเนหิ นิกฺขมิตฺวา วิหารมชฺเฌ สนฺนิปตึสุ. ทฺเวปิ ชนา เอกมคฺเคนาคตา นาม นตฺถิ. อุปาสิกา เอเกกฏฺานโต เอเกกเมว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘มม ปุตฺเตหิ อฺมฺํ กลโห กโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กลหํ นุ โข, ภนฺเต, กริตฺถา’’ติ? ‘‘น กโรม, มหาอุปาสิเก’’ติ. ‘‘สเจ โว, ภนฺเต, กลโห นตฺถิ, อถ กสฺมา ยถา อมฺหากํ เคหํ อาคจฺฉนฺตา สพฺเพ เอกโตว อาคจฺฉถ, เอวํ อนาคนฺตฺวา เอเกกฏฺานโต เอเกกาว อาคตา’’ติ? ‘‘มหาอุปาสิเก, เอเกกสฺมึ าเน นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ กริมฺหา’’ติ. ‘‘โก เอส , ภนฺเต, สมณธมฺโม นามา’’ติ? ‘‘ทฺวตฺตึสากาเร สชฺฌายํ กโรม, อตฺตภาเว จ ขยวยํ ปฏฺเปม, มหาอุปาสิเก’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ทฺวตฺตึสากาเร สชฺฌายํ กาตุํ, อตฺตภาเว จ ขยวยํ ปฏฺเปตุํ ตุมฺหากเมว วฏฺฏติ, อุทาหุ อมฺหากมฺปีติ, กสฺสจิปิ อวาริโต เอส ธมฺโม, มหาอุปาสิเก’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, มยฺหมฺปิ ทฺวตฺตึสาการํ เทถ, อตฺตภาเว จ ขยวยปฏฺปนํ อาจิกฺขถา’’ติ. ‘‘เตน หิ อุคฺคณฺห, มหาอุปาสิเก’’ติ สพฺพํ อุคฺคณฺหาเปสุํ.

สา ตโต ปฏฺาย ทฺวตฺตึสากาเร สชฺฌายํ กตฺวา อตฺตนิ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ ปุเรตรเมว ตโย มคฺเค, ตีณิ จ ผลานิ ปาปุณิ. มคฺเคเนว จสฺสา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา โลกิยอภิฺา จ อาคมึสุ. สา มคฺคผลสุขโต วุฏฺาย ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกตฺวา, ‘‘กทา นุ โข มม ปุตฺเตหิ อยํ ธมฺโม อธิคโต’’ติ อุปธาเรนฺตี สพฺเพปิเม สราคา สโทสา สโมหา ฌานวิปสฺสนามตฺตมฺปิ เตสํ นตฺถิ, ‘‘กึ นุ โข มยฺหํ ปุตฺตานํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสโย อตฺถิ, นตฺถี’’ติ อาวชฺเชตฺวา, ‘‘อตฺถี’’ติ ทิสฺวา, ‘‘เสนาสนสปฺปายํ นุ โข อตฺถิ, นตฺถี’’ติ อาวชฺเชตฺวา ตมฺปิ ทิสฺวา, ‘‘ปุคฺคลสปฺปายํ นุ โข ลภนฺติ, น ลภนฺตี’’ติ อาวชฺเชสิ, ปุคฺคลสปฺปายมฺปิ ทิสฺวา, ‘‘อาหารสปฺปายํ นุ โข ลภนฺติ, น ลภนฺตี’’ติ อุปธาเรนฺตี ‘‘อาหารสปฺปายํ เนสํ นตฺถี’’ติ ทิสฺวา ตโต ปฏฺาย นานาวิธํ ยาคุํ, อเนกปฺปการํ ขชฺชกํ, นานคฺครสฺจ โภชนํ สมฺปาเทตฺวา เคเห ภิกฺขู นิสีทาเปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต , ตุมฺหากํ ยํ ยํ รุจฺจติ, ตํ ตํ คเหตฺวา ปริภุฺชถา’’ติ นิยฺยาเทสิ. เต ยถารุจิ ยาคุอาทีนิ คเหตฺวา ปริภุฺชนฺติ. เตสํ สปฺปายาหารํ ลภนฺตานํ จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ.

เต เอกคฺเคน จิตฺเตน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา น จิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา จินฺตยึสุ – ‘‘อโห มหาอุปาสิกา อมฺหากํ ปติฏฺา ชาตา, สเจ มยํ สปฺปายาหารํ น ลภิมฺห, น โน มคฺคผลปฏิเวโธ อภวิสฺส, อิทานิ วุฏฺวสฺสา ปวาเรตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ. เต ‘‘สตฺถารํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ มหาอุปาสิกํ อาปุจฺฉึสุ. ‘‘มหาอุปาสิกา สาธุ, อยฺยา’’ติ. เต อนุคนฺตฺวา ปุนปิ, ‘‘ภนฺเต, อมฺเห โอโลเกยฺยาถา’’ติ พหูนิ ปิยวจนานิ วตฺวา ปฏินิวตฺติ. เตปิ โข ภิกฺขู สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, น จ ปิณฺฑเกน กิลมิตฺถา’’ติ วุตฺเต ‘‘ขมนียํ, ภนฺเต, ยาปนียํ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน ปน เนว กิลมิมฺห. อมฺหากฺหิ มาติกมาตา นาเมกา อุปาสิกา จิตฺตาจารํ ตฺวา, ‘อโห วต โน เอวรูปํ นาม อาหารํ ปฏิยาเทยฺยา’ติ จินฺติเต ยถาจินฺติตํ อาหารํ ปฏิยาเทตฺวา อทาสี’’ติ ตสฺสา คุณกถํ กถยึสุ.

อฺตโร ภิกฺขุ ตสฺสา คุณกถํ สุตฺวา ตตฺถ คนฺตุกาโม หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตํ คามํ คมิสฺสามี’’ติ สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา เชตวนโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ตํ คามํ ปตฺวา วิหารํ ปวิสนทิวเสเยว จินฺเตสิ – ‘‘อยํ กิร อุปาสิกา จินฺติตจินฺติตํ ชานาติ, อหฺจ มคฺคกิลนฺโต วิหารํ ปฏิชคฺคิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อโห วต เม วิหารปฏิชคฺคกํ มนุสฺสํ เปเสยฺยา’’ติ. อุปาสิกา เคเห นิสินฺนาว อาวชฺเชนฺตี ตมตฺถํ ตฺวา, ‘‘คจฺฉ, วิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา เอหี’’ติ มนุสฺสํ เปเสสิ. อิตโรปิ ปานียํ ปิวิตุกาโม ‘‘อโห วต เม สกฺขรปานกํ กตฺวา เปเสยฺยา’’ติ จินฺเตสิ. อุปาสิกา ตมฺปิ เปเสสิ. โส ปุนทิวเส ‘‘ปาโตว สินิทฺธยาคุํ เม สอุตฺตริภงฺคํ เปเสตู’’ติ จินฺเตสิ. อุปาสิกา ตถา อกาสิ . โส ยาคุํ ปิวิตฺวา, ‘‘อโห วต เม เอวรูปํ ขชฺชกํ เปเสยฺยา’’ติ จินฺเตสิ. อุปาสิกา ตมฺปิ เปเสสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ อุปาสิกา มยา สพฺพํ จินฺติตจินฺติตํ เปเสสิ, อหํ เอตํ ทฏฺุกาโม, อโห วต เม นานคฺครสโภชนํ คาหาเปตฺวา สยเมว อาคจฺเฉยฺยา’’ติ. อุปาสิกา ‘‘มม ปุตฺโต มํ ทฏฺุกาโม, อาคมนํ เม ปจฺจาสีสตี’’ติ โภชนํ คาหาเปตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ตสฺส อทาสิ. โส กตภตฺตกิจฺโจ ‘‘มาติกมาตา นาม ตฺวํ, มหาอุปาสิเก’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ตาตา’’ติ. ‘‘ตฺวํ ปรจิตฺตํ ชานาสี’’ติ? ‘‘กึ มํ ปุจฺฉสิ, ตาตา’’ติ? ‘‘มยา จินฺติตจินฺติตํ สพฺพมกาสิ, เตน ตํ ปุจฺฉามี’’ติ. ‘‘ปรจิตฺตชานนกภิกฺขู พหู, ตาตา’’ติ? ‘‘นาหํ อฺเ ปุจฺฉามิ, ตุวํ ปุจฺฉามิ, อุปาสิเก’’ติ. เอวํ สนฺเตปิ อุปาสิกา ‘‘ปรจิตฺตํ ชานามี’’ติ อวตฺวา ‘‘ปรจิตฺตํ ชานนฺตา นาม เอวํ กโรนฺติ ปุตฺตา’’ติ อาห. โส ‘‘ภาริยํ วติทํ กมฺมํ, ปุถุชฺชนา นาม โสภนมฺปิ อโสภนมฺปิ จินฺเตนฺติ, สจาหํ กิฺจิ อยุตฺตํ จินฺตยิสฺสามิ, สห ภณฺฑเกน โจรํ จูฬาย คณฺหนฺตี วิย มํ วิปฺปการํ ปาเปยฺย, มยา อิโต ปลายิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อุปาสิเก, อหํ คมิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กหํ, อยฺยา’’ติ? ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ, อุปาสิเก’’ติ. ‘‘วสถ ตาว, ภนฺเต, อิธา’’ติ. ‘‘น วสิสฺสามิ, อุปาสิเก, คมิสฺสาเมวา’’ติ นิกฺขมิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ ภิกฺขุ น ตฺวํ ตตฺถ วสสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต, น สกฺกา ตตฺถ วสิตุ’’นฺติ. ‘‘กึ การณา ภิกฺขู’’ติ? ‘‘ภนฺเต, สา อุปาสิกา จินฺติตจินฺติตํ สพฺพํ ชานาติ, ปุถุชฺชนา จ นาม โสภนมฺปิ อโสภนมฺปิ จินฺเตนฺติ, สจาหํ กิฺจิ อยุตฺตํ จินฺเตสฺสามิ, สห ภณฺฑเกน โจรํ จูฬาย คณฺหนฺตี วิย มํ วิปฺปการํ ปาเปสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา อาคโตมฺหีติ. ‘‘ภิกฺขุ, ตตฺเถว ตยา วสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ , ‘‘น สกฺโกมิ, ภนฺเต, นาหํ ตตฺถ วสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, เอกเมว รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ตว จิตฺตเมว รกฺข, จิตฺตํ นาเมตํ ทุรกฺขํ, ตฺวํ อตฺตโน จิตฺตเมว นิคฺคณฺห, มา อฺํ กิฺจิ จินฺตยิ, จิตฺตํ นาเมตํ ทุนฺนิคฺคห’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๕.

‘‘ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน, ยตฺถกามนิปาติโน;

จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ, จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวห’’นฺติ.

ตตฺถ จิตฺตํ นาเมตํ ทุกฺเขน นิคฺคยฺหตีติ ทุนฺนิคฺคหํ. ลหุํ อุปฺปชฺชติ จ นิรุชฺฌติ จาติ ลหุ. ตสฺส ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน. ยตฺถกามนิปาติโนติ ยตฺถ กตฺถจิเทว นิปตนสีลสฺส. เอตฺหิ ลภิตพฺพฏฺานํ วา อลภิตพฺพฏฺานํ วา ยุตฺตฏฺานํ วา อยุตฺตฏฺานํ วา น ชานาติ, เนว ชาตึ โอโลเกติ, น โคตฺตํ, น วยํ. ยตฺถ ยตฺถ อิจฺฉติ, ตตฺถ ตตฺเถว นิปตตีติ ‘‘ยตฺถกามนิปาตี’’ติ วุจฺจติ. ตสฺส เอวรูปสฺส จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ จตูหิ อริยมคฺเคหิ ทนฺตภาโว ยถา นิพฺพิเสวนํ โหติ, ตถา กตภาโว สาธุ. กึ การณา? อิทฺหิ จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ นิพฺพิเสวนํ กตํ มคฺคผลสุขํ ปรมตฺถนิพฺพานสุขฺจ อาวหตีติ.

เทสนาปริโยสาเน สมฺปตฺตปริสาย พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ, มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.

สตฺถา ตสฺส ภิกฺขุโน อิมํ โอวาทํ ทตฺวา, ‘‘คจฺฉ, ภิกฺขุ, อฺํ กิฺจิ อจินฺตยิตฺวา ตตฺเถว วสาหี’’ติ ปหิณิ. โส ภิกฺขุ สตฺถุ สนฺติกา โอวาทํ ลภิตฺวา ตตฺถ อคมาสิ. กิฺจิ พหิทฺธา จินฺตนํ นาม น จินฺเตสิ. มหาอุปาสิกาปิ ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกนฺตี เถรํ ทิสฺวา, ‘‘อิทานิ โอวาททายกํ อาจริยํ ลภิตฺวา ปุนาคโต มม ปุตฺโต’’ติ อตฺตโน าเณเนว ปริจฺฉินฺทิตฺวา ตสฺส สปฺปายาหารํ ปฏิยาเทตฺวา อทาสิ. โส สปฺปายโภชนํ เสวิตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปตฺวา มคฺคผลสุเขน วีตินาเมนฺโต ‘‘อโห มหาอุปาสิกา มยฺหํ ปติฏฺา ชาตา, อหํ อิมํ นิสฺสาย ภวนิสฺสรณํ ปตฺโตมฺหี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อิมสฺมึ ตาว เม อตฺตภาเว ปติฏฺา ชาตา, สํสาเร ปน เม สํสรนฺตสฺส อฺเสุปิ อตฺตภาเวสุ อยํ ปติฏฺา ภูตปุพฺพา, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต เอกูนอตฺตภาวสตํ อนุสฺสริ. สาปิ เอกูนอตฺตภาวสเต ตสฺส ปาทปริจาริกา อฺเสุ ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ตํ ชีวิตา โวโรเปสิ. เถโร ตสฺสา เอตฺตกํ อคุณํ ทิสฺวา, ‘‘อโห มยํ มหาอุปาสิกา ภาริยํ กมฺมํ อกาสี’’ติ จินฺเตสิ.

มหาอุปาสิกาปิ เคเห นิสินฺนาว ‘‘กึ นุ โข มยฺหํ ปุตฺตสฺส ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺตกํ ปตฺตํ, โน’’ติ อุปธารยมานา ตสฺส อรหตฺตปตฺตึ ตฺวา อุตฺตริ อุปธาริยมานา, ‘‘มม ปุตฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา อโห วต เม อยํ อุปาสิกา มหตี ปติฏฺา ชาตา’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อตีเตปิ นุ โข เม อยํ ปติฏฺา ภูตปุพฺพา, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต เอกูนอตฺตภาวสตํ อนุสฺสริ, ‘‘อหํ โข ปน เอกูนอตฺตภาวสเต อฺเหิ สทฺธึ เอกโต หุตฺวา เอตํ ชีวิตา โวโรเปสึ, อยํ เม เอตฺตกํ อคุณํ ทิสฺวา ‘อโห ภาริยํ กมฺมํ กตํ อุปาสิกายา’’ติ จินฺเตสิ. ‘‘อตฺถิ นุ โข เอวํ สํสาเร สํสรนฺติยา มม ปุตฺตสฺส อุปกาโร กตปุพฺโพ’’ติ อุปธารยมานา ตโต อุตฺตรึ สตมํ อตฺตภาวํ อนุสฺสริตฺวา สตเม อตฺตภาเว มยา เอตสฺส ปาทปริจาริกาย หุตฺวา เอตสฺมึ ชีวิตา โวโรปนฏฺาเน ชีวิตทานํ ทินฺนํ, อโห มยา มม ปุตฺตสฺส มหาอุปกาโร กตปุพฺโพ’’ติ เคเห นิสินฺนาว อุตฺตรึ วิเสเสตฺวา ‘‘อุปธาเรถา’’ติ อาห. โส ทิพฺพาย โสตธาตุยา สทฺทํ สุตฺวา วิเสเสตฺวา สตมํ อตฺตภาวํ อนุสฺสริตฺวา ตตฺถ ตาย อตฺตโน ชีวิตสฺส ทินฺนภาวํ ทิสฺวา, ‘‘อโห มม อิมาย มหาอุปาสิกาย อุปกาโร กตปุพฺโพ’’ติ อตฺตมโน หุตฺวา ตสฺสา ตตฺเถว จตูสุ มคฺคผเลสุ ปฺหํ กเถตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายีติ.

อฺตรภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.

๓. อฺตรอุกฺกณฺิตภิกฺขุวตฺถุ

สุทุทฺทสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อฺตรํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

สตฺถริ กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต เอโก เสฏฺิปุตฺโต อตฺตโน กุลูปคตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม, เอกํ เม ทุกฺขโต มุจฺจนการณํ กเถถา’’ติ อาห. ‘‘สาธาวุโส, สเจสิ ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม, สลากภตฺตํ เทหิ, ปกฺขิกภตฺตํ เทหิ, วสฺสาวาสิกํ เทหิ, จีวราทโย ปจฺจเย เทหิ, อตฺตโน สาปเตยฺยํ ตโย โกฏฺาเส กตฺวา เอเกน กมฺมนฺตํ ปโยเชหิ, เอเกน ปุตฺตทารํ โปเสหิ, เอกํ พุทฺธสาสเน เทหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ วุตฺตปฏิปาฏิยา สพฺพํ กตฺวา ปุน เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตโต อุตฺตรึ อฺํ กึ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาวุโส, ตีณิ สรณานิ คณฺห, ปฺจ สีลานิ คณฺหาหี’’ติ. ตานิปิ ปฏิคฺคเหตฺวา ตโต อุตฺตรึ ปุจฺฉิ. ‘‘เตน หิ ทส สีลานิ คณฺหาหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ คณฺหิ. โส เอวํ อนุปุพฺเพน ปุฺกมฺมสฺส กตตฺตา อนุปุพฺพเสฏฺิปุตฺโต นาม ชาโต. ตโต ‘‘อุตฺตริมฺปิ กตฺตพฺพํ อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ ปุน ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เตน หิ ปพฺพชาหี’’ติ วุตฺโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. ตสฺเสโก อาภิธมฺมิกภิกฺขุ อาจริโย อโหสิ. เอโก วินยธโร อุปชฺฌาโย. ตสฺส ลทฺธูปสมฺปทสฺส อาจริโย อตฺตโน สนฺติกํ อาคตกาเล อภิธมฺเม ปฺหํ กเถสิ – ‘‘พุทฺธสาสเน นาม อิทํ กาตุํ วฏฺฏติ, อิทํ น วฏฺฏตี’’ติ. อุปชฺฌาโยปิสฺส อตฺตโน สนฺติกํ อาคตกาเล วินเย ปฺหํ กเถสิ – ‘‘พุทฺธสาสเน นาม อิทํ กาตุํ วฏฺฏติ, อิทํ น วฏฺฏติ, อิทํ กปฺปติ, อิทํ น กปฺปตี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อโห ภาริยํ อิทํ กมฺมํ, อหํ ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม ปพฺพชิโต, อิธ จ มม หตฺถปสารณฏฺานมฺปิ น ปฺายติ, เคเห ตฺวาว ทุกฺขา มุจฺจิตุํ สกฺกา, มยา คิหินา ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย อุกฺกณฺิโต อนภิรโต ทฺวตฺตึสากาเร สชฺฌายํ น กโรติ, อุทฺเทสํ น คณฺหาติ, กิโส ลูโข ธมนิสนฺถตคตฺโต อาลสฺสิยาภิภูโต กจฺฉุปริกิณฺโณ อโหสิ.

อถ นํ ทหรสามเณรา, ‘‘อาวุโส, กึ ตฺวํ ิตฏฺาเน ิโตว นิสินฺนฏฺาเน นิสินฺโนว อโหสิ, ปณฺฑุโรคาภิภูโต กิโส ลูโข ธมนิสนฺถตคตฺโต อาลสฺสิยาภิภูโต กจฺฉุปริกิณฺโณ, กึ เต กต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อุกฺกณฺิโตมฺหิ, อาวุโส’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? โส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. เต ตสฺส อาจริยุปชฺฌายานํ อาจิกฺขึสุ. อาจริยุปชฺฌายา ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมํสุ. สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, อาคตตฺถา’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ ตุมฺหากํ สาสเน อุกฺกณฺิโต’’ติ. ‘‘เอวํ กิร ภิกฺขู’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโมว ปพฺพชิโต, ตสฺส เม อาจริโย อภิธมฺมกถํ กเถสิ, อุปชฺฌาโย วินยกถํ กเถสิ, สฺวาหํ ‘อิธ เม หตฺถปสารณฏฺานมฺปิ นตฺถิ, คิหินา หุตฺวา สกฺกา ทุกฺขา มุจฺจิตุํ, คิหิ ภวิสฺสามี’ติ สนฺนิฏฺานมกาสึ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจ ตฺวํ, ภิกฺขุ, เอกเมว รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสิ, อวเสสานํ รกฺขนกิจฺจํ นตฺถี’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ตว จิตฺตเมว รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. ‘‘สกฺขิสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ อตฺตโน จิตฺตเมว รกฺขาหิ, สกฺกา ทุกฺขา มุจฺจิตุ’’นฺติ อิมํ โอวาทํ ทตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๖.

‘‘สุทุทฺทสํ สุนิปุณํ, ยตฺถกามนิปาตินํ;

จิตฺตํ รกฺเขถ เมธาวี, จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวห’’นฺติ.

ตตฺถ สุทุทฺทสนฺติ สุฏฺุ ทุทฺทสํ. สุนิปุณนฺติ สุฏฺุ นิปุณํ ปรมสณฺหํ. ยตฺถกามนิปาตินนฺติ ชาติอาทีนิ อโนโลเกตฺวา ลภิตพฺพาลภิตพฺพยุตฺตายุตฺตฏฺาเนสุ ยตฺถ กตฺถจิ นิปตนสีลํ. จิตฺตํ รกฺเขถ เมธาวีติ อนฺธพาโล ทุมฺเมโธ อตฺตโน จิตฺตํ รกฺขิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, จิตฺตวสิโก หุตฺวา อนยพฺยสนํ ปาปุณาติ. เมธาวี ปน ปณฺฑิโตว จิตฺตํ รกฺขิตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ตฺวมฺปิ จิตฺตเมว โคเปหิ. อิทฺหิ จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ มคฺคผลนิพฺพานสุขานิ อาวหตีติ.

เทสนาปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ, เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

อฺตรอุกฺกณฺิตภิกฺขุวตฺถุ ตติยํ.

๔. สงฺฆรกฺขิตภาคิเนยฺยตฺเถรวตฺถุ

ทูรงฺคมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต สงฺฆรกฺขิตํ นาม ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิเรโก กุลปุตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต ลทฺธูปสมฺปโท สงฺฆรกฺขิตตฺเถโร นาม หุตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺส กนิฏฺภคินี ปุตฺตํ ลภิตฺวา เถรสฺส นามํ อกาสิ. โส ภาคิเนยฺยสงฺฆรกฺขิโต นาม หุตฺวา วยปฺปตฺโต เถรสฺเสว สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท อฺตรสฺมึ คามการาเม วสฺสํ อุปคนฺตฺวา, ‘‘เอกํ สตฺตหตฺถํ, เอกํ อฏฺหตฺถ’’นฺติ ทฺเว วสฺสาวาสิกสาฏเก ลภิตฺวา อฏฺหตฺถํ ‘‘อุปชฺฌายสฺส เม ภวิสฺสตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘สตฺตหตฺถํ มยฺหํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา วุฏฺวสฺโส ‘‘อุปชฺฌายํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ปิณฺฑาย จรนฺโต อาคนฺตฺวา เถเร วิหารํ อนาคเตเยว วิหารํ ปวิสิตฺวา เถรสฺส ทิวาฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา ปาโททกํ อุปฏฺเปตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา อาคมนมคฺคํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ. อถสฺสาคมนภาวํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหตฺวา, ‘‘นิสีทถ, ภนฺเต’’ติ เถรํ นิสีทาเปตฺวา ตาลวณฺฏํ อาทาย พีชิตฺวา ปานียํ ทตฺวา ปาเท โธวิตฺวา ตํ สาฏกํ อาเนตฺวา ปาทมูเล เปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ ปริภุฺชถา’’ติ วตฺวา พีชยมาโน อฏฺาสิ.

อถ นํ เถโร อาห – ‘‘สงฺฆรกฺขิต, มยฺหํ จีวรํ ปริปุณฺณํ, ตฺวเมว ปริภุฺชา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มยา ลทฺธกาลโต ปฏฺาย อยํ ตุมฺหากเมว สลฺลกฺขิโต, ปริโภคํ กโรถา’’ติ. ‘‘โหตุ, สงฺฆรกฺขิต, ปริปุณฺณํ เม จีวรํ, ตฺวเมว ปริภุฺชา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มา เอวํ กโรถ, ตุมฺเหหิ ปริภุตฺเต มยฺหํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ. อถ นํ ตสฺส ปุนปฺปุนํ กเถนฺตสฺสปิ เถโร น อิจฺฉิเยว.

เอวํ โส พีชยมาโน ิโตว จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เถรสฺส คิหิกาเล ภาคิเนยฺโย, ปพฺพชิตกาเล สทฺธิวิหาริโก, เอวมฺปิ มยา สทฺธึ อุปชฺฌาโย ปริโภคํ น กตฺตุกาโม. อิมสฺมึ มยา สทฺธึ ปริโภคํ อกโรนฺเต กึ เม สมณภาเวน, คิหิ ภวิสฺสามี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ทุสฺสณฺาปิโต ฆราวาโส, กึ นุ โข กตฺวา คิหิภูโต ชีวิสฺสามี’’ติ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อฏฺหตฺถสาฏกํ วิกฺกิณิตฺวา เอกํ เอฬิกํ คณฺหิสฺสามิ, เอฬิกา นาม ขิปฺปํ วิชายติ, สฺวาหํ วิชาตํ วิชาตํ วิกฺกิณิตฺวา มูลํ กริสฺสามิ, มูเล พหู กตฺวา เอกํ ปชาปตึ อาเนสฺสามิ, สา เอกํ ปุตฺตํ วิชายิสฺสติ. อถสฺส มม มาตุลสฺส นามํ กตฺวา จูฬยานเก นิสีทาเปตฺวา มม ปุตฺตฺจ ภริยฺจ อาทาย มาตุลํ วนฺทิตุํ อาคมิสฺสามิ, อาคจฺฉนฺเต อนฺตรามคฺเค มม ภริยํ เอวํ วกฺขามิ – ‘อาเนหิ ตาว เม ปุตฺตํ วหิสฺสามิน’นฺติ. สา ‘กึ เต ปุตฺเตน, เอหิ, อิมํ ยานกํ ปาเชหี’ติ วตฺวา ปุตฺตํ คเหตฺวา, ‘อหํ เนสฺสามิ น’นฺติ เนตฺวา สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี จกฺกปเถ ฉฑฺเฑสฺสติ. อถสฺส สรีรํ อภิรุหิตฺวา จกฺกํ คมิสฺสติ, อถ นํ ‘ตฺวํ มม ปุตฺตํ เนว มยฺหํ อทาสิ, นํ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขิ นาสิโตสฺมิ ตยา’ติ วตฺวา ปโตทยฏฺิยา ปิฏฺิยํ ปหริสฺสามี’’ติ.

โส เอวํ จินฺเตนฺโตว ตฺวา พีชยมาโน เถรสฺส สีเส ตาลวณฺเฏน ปหริ. เถโร ‘‘กึ นุ โข อหํ สงฺฆรกฺขิเตน สีเส ปหโต’’ติ อุปธาเรนฺโต เตน จินฺติตจินฺติตํ สพฺพํ ตฺวา, ‘‘สงฺฆรกฺขิต, มาตุคามสฺส ปหารํ ทาตุํ นาสกฺขิ, โก เอตฺถ มหลฺลกตฺเถรสฺส โทโส’’ติ อาห. โส ‘‘อโห นฏฺโมฺหิ, าตํ กิร เม อุปชฺฌาเยน จินฺติตจินฺติตํ, กึ เม สมณภาเวนา’’ติ ตาลวณฺฏํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิตุํ อารทฺโธ.

อถ นํ ทหรา จ สามเณรา จ อนุพนฺธิตฺวา อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมํสุ. สตฺถา เต ภิกฺขู ทิสฺวาว ‘‘กึ, ภิกฺขเว, อาคตตฺถ, เอโก โว ภิกฺขุ ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต, อิมํ ทหรํ อุกฺกณฺิตฺวา ปลายนฺตํ คเหตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคตมฺหา’’ติ. ‘‘เอวํ กิร ภิกฺขู’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กิมตฺถํ เต ภิกฺขุ เอวํ ภาริยํ กมฺมํ กตํ, นนุ ตฺวํ อารทฺธวีริยสฺส เอกสฺส พุทฺธสฺส ปุตฺโต, มาทิสสฺส นาม พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา อตฺตานํ ทเมตฺวา โสตาปนฺโนติ วา สกทาคามีติ วา อนาคามีติ วา อรหาติ วา วทาเปตุํ นาสกฺขิ, กิมตฺถํ เอวํ ภาริยํ กมฺมมกาสี’’ติ? ‘‘อุกฺกณฺิโตสฺมิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา อุกฺกณฺิโตสี’’ติ? โส เอวํ วสฺสาวาสิกสาฏกานํ ลทฺธทิวสโต ปฏฺาย ยาว เถรสฺส ตาลวณฺเฏน ปหารา สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา, ‘‘อิมินา การเณน ปลาโตสฺมิ, ภนฺเต’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘เอหิ ภิกฺขุ, มา จินฺตยิ จิตฺตํ นาเมตํ ทูเร โหนฺตมฺปิ อารมฺมณํ สมฺปฏิจฺฉนกชาติกํ, ราคโทสโมหพนฺธนา มุจฺจนตฺถาย วายมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๗.

‘‘ทูรงฺคมํ เอกจรํ, อสรีรํ คุหาสยํ;

เย จิตฺตํ สํยเมสฺสนฺติ, โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา’’ติ.

ตตฺถ ทูรงฺคมนฺติ จิตฺตสฺส หิ มกฺกฏสุตฺตมตฺตกมฺปิ ปุรตฺถิมาทิทิสาภาเคน คมนาคมนํ นาม นตฺถิ, ทูเร สนฺตมฺปิ ปน อารมฺมณํ สมฺปฏิจฺฉตีติ ทูรงฺคมํ นาม ชาตํ. สตฺตฏฺจิตฺตานิ ปน เอกโต กณฺณิกพทฺธานิ เอกกฺขเณ อุปฺปชฺชิตุํ สมตฺถานิ นาม นตฺถิ. อุปฺปตฺติกาเล เอเกกเมว จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึ นิรุทฺเธ ปุน เอเกกเมว อุปฺปชฺชตีติ เอกจรํ นาม ชาตํ. จิตฺตสฺส สรีรสณฺานํ วา นีลาทิปฺปกาโร วณฺณเภโท วา นตฺถีติ อสรีรํ นาม ชาตํ. คุหา นาม จตุมหาภูตคุหา, อิทฺจ หทยรูปํ นิสฺสาย ปวตฺตตีติ คุหาสยํ นาม ชาตํ. เย จิตฺตนฺติ เย เกจิ ปุริสา วา อิตฺถิโย วา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา อนุปฺปชฺชนกกิเลสสฺส อุปฺปชฺชิตุํ อเทนฺตา สติสมฺโมเสน อุปฺปนฺนกิเลสํ ปชหนฺตา จิตฺตํ สํยเมสฺสนฺติ สํยตํ อวิกฺขิตฺตํ กริสฺสนฺติ. โมกฺขนฺติ มารพนฺธนาติ สพฺเพเต กิเลสพนฺธนาภาเวน มารพนฺธนสงฺขาตา เตภูมกวฏฺฏา มุจฺจิสฺสนฺตีติ.

เทสนาปริโยสาเน ภาคิเนยฺยสงฺฆรกฺขิตตฺเถโร โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย ชาตา, มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

สงฺฆรกฺขิตภาคิเนยฺยตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. จิตฺตหตฺถตฺเถรวตฺถุ

อนวฏฺิตจิตฺตสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต จิตฺตหตฺถตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอโก กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต นฏฺโคณํ ปริเยสนฺโต อรฺํ ปวิสิตฺวา มชฺฌนฺหิเก กาเล โคณํ ทิสฺวา โคยูเถ วิสฺสชฺเชตฺวา, ‘‘อวสฺสํ อยฺยานํ สนฺติเก อาหารมตฺตํ ลภิสฺสามี’’ติ ขุปฺปิปาสาปีฬิโต วิหารํ ปวิสิตฺวา ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตสฺมึ โข ปน สมเย ภิกฺขูนํ อวกฺการปาติยํ ภุตฺตาวเสสกํ ภตฺตํ โหติ, เต ตํ ฉาตกปีฬิตํ ทิสฺวา, ‘‘อิโต ภตฺตํ คเหตฺวา ภุฺชาหี’’ติ วทึสุ. พุทฺธกาเล จ ปน อเนกสูปพฺยฺชนํ ภตฺตํ อุปฺปชฺชติ, โส ตโต ยาปนมตฺตํ คเหตฺวา ภุฺชิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา ภิกฺขู วนฺทิตฺวา, ‘‘กึ, ภนฺเต, อชฺช, อยฺยา, นิมนฺตนฏฺานํ อคมํสู’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นตฺถิ, อุปาสก, ภิกฺขู อิมินาว นีหาเรน นิพทฺธํ ลภนฺตี’’ติ. โส ‘‘มยํ อุฏฺาย สมุฏฺาย รตฺตินฺทิวํ นิพทฺธํ กมฺมํ กโรนฺตาปิ เอวํ มธุรพฺยฺชนํ ภตฺตํ น ลภาม, อิเม กิร นิพทฺธํ ภุฺชนฺติ, กึ เม คิหิภาเวน, ภิกฺขุ ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ ภิกฺขู ‘‘สาธุ อุปาสกา’’ติ ปพฺพาเชสุํ.

โส ลทฺธูปสมฺปโท สพฺพปฺปการํ วตฺตปฏิวตฺตํ อกาสิ. โส พุทฺธานํ อุปฺปนฺเนน ลาภสกฺกาเรน กติปาหจฺจเยน ถูลสรีโร อโหสิ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘กึ เม ภิกฺขาย จริตฺวา ชีวิเตน, คิหี ภวิสฺสามี’’ติ. โส วิพฺภมิตฺวา เคหํ ปาวิสิ. ตสฺส เคเห กมฺมํ กโรนฺตสฺส กติปาเหเนว สรีรํ มิลายิ. ตโต ‘‘กึ เม อิมินา ทุกฺเขน, สมโณ ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุน คนฺตฺวา ปพฺพชิ. โส กติปาหํ วีตินาเมตฺวา ปุน อุกฺกณฺิตฺวา วิพฺภมิ, ปพฺพชิตกาเล ปน ภิกฺขูนํ อุปการโก โหติ. โส กติปาเหเนว ปุนปิ อุกฺกณฺิตฺวา, ‘‘กึ เม คิหิภาเวน, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ ภิกฺขู อุปการวเสน ปุน ปพฺพาชยึสุ. เอวํ โส อิมินา นิยาเมเนว ฉกฺขตฺตุํ ปพฺพชิตฺวา อุปฺปพฺพชิโต. ตสฺส ภิกฺขู ‘‘เอส จิตฺตวสิโก หุตฺวา วิจรตี’’ติ จิตฺตหตฺถตฺเถโรติ นามํ กรึสุ.

ตสฺเสวํ อปราปรํ วิจรนฺตสฺเสว ภริยา คพฺภินี อโหสิ. โส สตฺตเม วาเร อรฺโต กสิภณฺฑมาทาย เคหํ คนฺตฺวา ภณฺฑกํ เปตฺวา ‘‘อตฺตโน กาสาวํ คณฺหิสฺสามี’’ติ คพฺภํ ปาวิสิ . ตสฺมึ ขเณ ตสฺส ภริยา นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายติ. ตสฺสา นิวตฺถสาฏโก อปคโต โหติ, มุขโต จ ลาลา ปคฺฆรติ, นาสา ฆุรฆุรายติ, มุขํ วิวฏฺฏํ, ทนฺตํ ฆํสติ, สา ตสฺส อุทฺธุมาตกสรีรํ วิย อุปฏฺาสิ. โส ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อิท’’นฺติ สฺํ ลภิตฺวา, ‘‘อหํ เอตฺตกํ กาลํ ปพฺพชิตฺวา อิมํ นิสฺสาย ภิกฺขุภาเว สณฺาตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ กาสายโกฏิยํ คเหตฺวา อุทเร พนฺธิตฺวา เคหา นิกฺขมิ.

อถสฺส อนนฺตรเคเห ิตา สสฺสุ ตํ ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ ปฏิอุกฺกณฺิโต ภวิสฺสติ, อิทาเนว อรฺโต อาคนฺตฺวา กาสาวํ อุทเร พนฺธิตฺวาว เคหา นิกฺขนฺโต วิหาราภิมุโข คจฺฉติ, กึ นุ โข’’ติ เคหํ ปวิสิตฺวา นิทฺทายมานํ ธีตรํ ปสฺสิตฺวา ‘‘อิมํ ทิสฺวา โส วิปฺปฏิสารี หุตฺวา คโต’’ติ ตฺวา ธีตรํ ปหริตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ กาฬกณฺณิ, สามิโก เต ตํ นิทฺทายมานํ ทิสฺวา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา คโต, นตฺถิ โส อิโต ปฏฺาย ตุยฺห’’นฺติ อาห. ‘‘อเปหิ อเปหิ, อมฺม, กุโต ตสฺส คมนํ อตฺถิ, กติปาเหเนว ปุนาคมิสฺสตี’’ติ อาห. โสปิ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺข’’นฺติ วตฺวา คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโตว โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. โส คนฺตฺวา ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ‘‘น สกฺขิสฺสาม มํยํ ตํ ปพฺพาเชตุํ, กุโต ตุยฺหํ สมณภาโว, สตฺถกนิสานปาสาณสทิสํ ตว สีส’’นฺติ. ‘‘ภนฺเต, อิทานิ มํ อนุกมฺปาย เอกวารํ ปพฺพาเชถา’’ติ. เต ตํ อุปการวเสน ปพฺพาชยึสุ. โส กติปาเหเนว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.

เตปิ นํ อาหํสุ – ‘‘อาวุโส จิตฺตหตฺถ, ตว คมนสมยํ ตฺวเมว ชาเนยฺยาสิ, อิมสฺมึ วาเร เต จิรายิต’’นฺติ. ‘‘ภนฺเต, สํสคฺคสฺส อตฺถิภาวกาเล คตมฺหา, โส โน สํสคฺโค ฉินฺโน, อิทานิ อคมนธมฺมา ชาตมฺหา’’ติ. ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ อมฺเหหิ เอวํ วุตฺโต เอวํ นาม กเถสิ, อฺํ พฺยากโรติ, อภูตํ วทตี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต อตฺตโน อนวฏฺิตจิตฺตกาเล สทฺธมฺมํ อชานนกาเล คมนาคมนํ อกาสิ, อิทานิสฺส ปุฺฺจ ปาปฺจ ปหีน’’นฺติ วตฺวา อิมา ทฺเว คาถา อาห –

๓๘.

‘‘อนวฏฺิตจิตฺตสฺส, สทฺธมฺมํ อวิชานโต;

ปริปฺลวปสาทสฺส, ปฺา น ปริปูรติ.

๓๙.

‘‘อนวสฺสุตจิตฺตสฺส, อนนฺวาหตเจตโส;

ปุฺปาปปหีนสฺส, นตฺถิ ชาครโต ภย’’นฺติ.

ตตฺถ อนวฏฺิตจิตฺตสฺสาติ จิตฺตํ นาเมตํ กสฺสจิ นิพทฺธํ วา ถาวรํ วา นตฺถิ. โย ปน ปุคฺคโล อสฺสปิฏฺเ ปิตกุมฺภณฺฑํ วิย จ ถุสราสิมฺหิ โกฏฺฏิตขาณุโก วิย จ ขลฺลาฏสีเส ปิตกทมฺพปุปฺผํ วิย จ น กตฺถจิ สณฺาติ, กทาจิ พุทฺธสาวโก โหติ, กทาจิ อาชีวโก, กทาจิ นิคณฺโ, กทาจิ ตาปโส. เอวรูโป ปุคฺคโล อนวฏฺิตจิตฺโต นาม. ตสฺส อนวฏฺิตจิตฺตสฺส. สทฺธมฺมํ อวิชานโตติ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมเภทํ อิมํ สทฺธมฺมํ อวิชานนฺตสฺส ปริตฺตสทฺธตาย วา อุปฺลวสทฺธตาย วา ปริปฺลวปสาทสฺส กามาวจรรูปาวจราทิเภทา ปฺา น ปริปูรติ. กามาวจรายปิ อปริปูรยมานาย กุโตว รูปาวจรารูปาวจรโลกุตฺตรปฺา ปริปูริสฺสตีติ ทีเปติ. อนวสฺสุตจิตฺตสฺสาติ ราเคน อตินฺตจิตฺตสฺส. อนนฺวาหตเจตโสติ ‘‘อาหตจิตฺโต ขิลชาโต’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๙; วิภ. ๙๔๑; ม. นิ. ๑.๑๘๕) อาคตฏฺาเน โทเสน จิตฺตสฺส ปหตภาโว วุตฺโต, อิธ ปน โทเสน อปฺปฏิหตจิตฺตสฺสาติ อตฺโถ. ปุฺปาปปหีนสฺสาติ จตุตฺถมคฺเคน ปหีนปุฺสฺส เจว ปหีนปาปสฺส จ ขีณาสวสฺส. นตฺถิ ชาครโต ภยนฺติ ขีณาสวสฺส ชาครนฺตสฺเสว อภยภาโว กถิโต วิย. โส ปน สทฺธาทีหิ ปฺจหิ ชาครธมฺเมหิ สมนฺนาคตตฺตา ชาคโร นาม. ตสฺมา ตสฺส ชาครนฺตสฺสาปิ อชาครนฺตสฺสาปิ กิเลสภยํ นตฺถิ กิเลสานํ อปจฺฉาวตฺตนโต. น หิ ตํ กิเลสา อนุพนฺธนฺติ เตน เตน มคฺเคน ปหีนานํ กิเลสานํ ปุน อนุปคมนโต. เตเนวาห – ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉติ, สกทาคามิอนาคามิอรหตฺตมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตี’’ติ (จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๗).

เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา สผลา อโหสิ.

อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ภาริยา วติเม, อาวุโส, กิเลสา นาม, เอวรูปสฺส อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสายสมฺปนฺโน กุลปุตฺโต กิเลเสหิ อาโลฬิโต สตฺตวาเร คิหี หุตฺวา สตฺตวาเร ปพฺพชิโต’’ติ. สตฺถา เตสํ ตํ กถาปวตฺตึ สุตฺวา ตงฺขณานุรูเปน คมเนน ธมฺมสภํ คนฺตฺวา พุทฺธาสเน นิสินฺโน ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต เอวเมว, ภิกฺขเว, กิเลสา นาม ภาริยา, สเจ เอเต รูปิโน หุตฺวา กตฺถจิ ปกฺขิปิตุํ สกฺกา ภเวยฺยุํ, จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ, พฺรหฺมโลโก อตินีจโกติ โอกาโส เนสํ น ภเวยฺย, มาทิสมฺปิ นาเมเต ปฺาสมฺปนฺนํ ปุริสาชาเนยฺยํ อาโลเฬนฺติ, อวเสเสสุ กา กถา? ‘‘อหฺหิ อฑฺฒนาฬิมตฺตํ วรกโจรกํ กุณฺกุทาลฺจ นิสฺสาย ฉ วาเร ปพฺพชิตฺวา อุปฺปพฺพชิตปุพฺโพ’’ติ. ‘‘กทา, ภนฺเต, กทา สุคตา’’ติ? ‘‘สุณิสฺสถ, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ สุณาถา’’ติ อตีตํ อาหริ –

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต กุทาลปณฺฑิโต นาม พาหิรกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อฏฺ มาเส หิมวนฺเต วสิตฺวา วสฺสารตฺตสมเย ภูมิยา ตินฺตาย ‘‘เคเห เม อฑฺฒนาฬิมตฺโต วรกโจรโก จ กุณฺกุทาลโก จ อตฺถิ, วรกโจรกพีชํ มา นสฺสี’’ติ อุปฺปพฺพชิตฺวา เอกํ านํ กุทาเลน กสิตฺวา ตํ พีชํ วปิตฺวา วตึ กตฺวา ปกฺกกาเล อุทฺธริตฺวา นาฬิมตฺตพีชํ เปตฺวา เสสํ ขาทิ. โส ‘‘กึ เม ทานิ เคเหน, ปุน อฏฺ มาเส ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. อิมินาว นีหาเรน นาฬิมตฺตํ วรกโจรกฺจ กุณฺกุทาลฺจ นิสฺสาย สตฺตวาเร คิหี หุตฺวา สตฺตวาเร ปพฺพชิตฺวา สตฺตเม ปน วาเร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ฉ วาเร อิมํ กุณฺกุทาลํ นิสฺสาย คิหี หุตฺวา ปพฺพชิโต, กตฺถจิเทว นํ ฉฑฺเฑสฺสามี’’ติ. โส คงฺคาย ตีรํ คนฺตฺวา, ‘‘ปติตฏฺานํ ปสฺสนฺโต โอตริตฺวา คณฺเหยฺยํ, ยถาสฺส ปติตฏฺานํ น ปสฺสามิ, ตถา นํ ฉฑฺเฑสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นาฬิมตฺตํ พีชํ ปิโลติกาย พนฺธิตฺวา ปิโลติกํ กุทาลผลเก พนฺธิตฺวา กุทาลํ อคฺคทณฺฑเก คเหตฺวา คงฺคาย ตีเร ิโต อกฺขีนิ นิมีเลตฺวา อุปริสีเส ติกฺขตฺตุํ อาวิชฺฌิตฺวา คงฺคายํ ขิปิตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต ปติตฏฺานํ อทิสฺวา ‘‘ชิตํ เม, ชิตํ เม’’ติ ติกฺขตฺตุํ สทฺทมกาสิ.

ตสฺมึ ขเณ พาราณสิราชา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา อาคนฺตฺวา นทีตีเร ขนฺธาวารํ นิวาเสตฺวา นฺหานตฺถาย นทึ โอติณฺโณ ตํ สทฺทํ อสฺโสสิ. ราชูนฺจ นาม ‘‘ชิตํ เม’’ติ สทฺโท อมนาโป โหติ, โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘อหํ อิทานิ อมิตฺตมทฺทนํ กตฺวา ‘ชิตํ เม’ติ อาคโต, ตฺวํ ปน ‘ชิตํ เม, ชิตํ เม’ติ วิรวสิ, กึ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิ. กุทาลปณฺฑิโต ‘‘ตฺวํ พาหิรกโจเร ชินิ, ตยา ชิตํ ปุน อวชิตเมว โหติ, มยา ปน อชฺฌตฺติโก โลภโจโร ชิโต, โส ปุน มํ น ชินิสฺสติ, ตสฺเสว ชโย สาธู’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘น ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ, ยํ ชิตํ อวชียติ;

ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ, ยํ ชิตํ นาวชียตี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๗๐);

ตํ ขณํเยว จ คงฺคํ โอโลเกนฺโต อาโปกสิณํ นิพฺพตฺเตตฺวา อธิคตวิเสโส อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. ราชา มหาปุริสสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา สทฺธึ พลกาเยน ปพฺพชิ. โยชนมตฺตา ปริสา อโหสิ. อปโรปิ สามนฺตราชา ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา, ‘‘ตสฺส รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา ตถา สมิทฺธํ นครํ สุฺํ ทิสฺวา, ‘‘เอวรูปํ นครํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิโต ราชา โอรเก าเน น ปพฺพชิสฺสติ, มยาปิ ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา มหาปุริสํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา สปริวาโร ปพฺพชิ. เอเตเนว นีหาเรน สตฺต ราชาโน ปพฺพชึสุ. สตฺตโยชนิโก อสฺสโม อโหสิ. สตฺต ราชาโน โภเค ฉฑฺเฑตฺวา เอตฺตกํ ชนํ คเหตฺวา ปพฺพชึสุ. มหาปุริโส พฺรหฺมจริยวาสํ วสิตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ตทา กุทาลปณฺฑิโต อโหสึ, กิเลสา นาเมเต เอวํ ภาริยา’’ติ อาห.

จิตฺตหตฺถตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ

กุมฺภูปมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อารทฺธวิปสฺสเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิร ปฺจสตา ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา, ‘‘สมณธมฺมํ กริสฺสามา’’ติ โยชนสตมคฺคํ คนฺตฺวา เอกํ มหาวาสคามํ อคมํสุ. อถ เต มนุสฺสา ทิสฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา ปณีเตหิ ยาคุภตฺตาทีหิ ปริวิสิตฺวา, ‘‘กหํ, ภนฺเต, คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ยถาผาสุกฏฺาน’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘ภนฺเต, อิมํ เตมาสํ อิเธว วสถ, มยมฺปิ ตุมฺหากํ สนฺติเก สรเณสุ ปติฏฺาย ปฺจ สีลานิ รกฺขิสฺสามา’’ติ ยาจิตฺวา เตสํ อธิวาสนํ วิทิตฺวา, ‘‘อวิทูเร าเน มหนฺโต วนสณฺโฑ อตฺถิ, เอตฺถ วสถ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสุํ. ภิกฺขู ตํ วนสณฺฑํ ปวิสึสุ. ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา ‘‘สีลวนฺโต, อยฺยา, อิมํ วนสณฺฑํ อนุปฺปตฺตา, อยุตฺตํ โข ปน อสฺมากํ อยฺเยสุ อิธ วสนฺเตสุ ปุตฺตทาเร คเหตฺวา รุกฺเข อภิรุยฺห วสิตุ’’นฺติ รุกฺขโต โอตริตฺวา ภูมิยํ นิสีทิตฺวา จินฺตยึสุ, ‘‘อยฺยา, อิมสฺมึ าเน อชฺเชกรตฺตึ วสิตฺวา อทฺธา สฺเว คมิสฺสนฺตี’’ติ. ภิกฺขูปิ ปุนทิวเส อนฺโตคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปุน ตเมว วนสณฺฑํ อาคมึสุ. เทวตา ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ สฺวาตนาย เกนจิ นิมนฺติโต ภวิสฺสติ, ตสฺมา ปุนาคจฺฉติ , อชฺช คมนํ น ภวิสฺสติ, สฺเว คมิสฺสติ มฺเ’’ติ อิมินา อุปาเยน อฑฺฒมาสมตฺตํ ภูมิยเมว อจฺฉึสุ.

ตโต จินฺตยึสุ – ‘‘ภทนฺตา อิมํ เตมาสํ อิเธว มฺเ วสิสฺสนฺติ, อิเธว โข ปน อิเมสุ วสนฺเตสุ อมฺหากํ รุกฺเข อภิรุหิตฺวา นิสีทิตุมฺปิ น ยุตฺตํ, เตมาสํ ปุตฺตทาเร คเหตฺวา ภูมิยํ นิสีทนฏฺานานิปิ ทุกฺขานิ, กิฺจิ กตฺวา อิเม ภิกฺขู ปลาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตา เตสุ เตสุ รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ เจว จงฺกมนโกฏีสุ จ ฉินฺนสีสานิ กพนฺธานิ ทสฺเสตุํ อมนุสฺสสทฺทฺจ ภาเวตุํ อารภึสุ. ภิกฺขูนํ ขิปิตกาสาทโย โรคา ปวตฺตึสุ. เต อฺมฺํ ‘‘ตุยฺหํ, อาวุโส, กึ รุชฺชตี’’ติ ปุจฺฉนฺตา, ‘‘มยฺหํ ขิปิตโรโค, มยฺหํ กาโส’’ติ วตฺวา, ‘‘อาวุโส, อหํ อชฺช จงฺกมนโกฏิยํ ฉินฺนสีสํ อทฺทสํ, อหํ รตฺติฏฺาเน กพนฺธํ อทฺทสํ , อหํ ทิวาฏฺาเน อมนุสฺสสทฺทํ อสฺโสสึ, ปริวชฺเชตพฺพยุตฺตกมิทํ านํ, อมฺหากํ อิธ อผาสุกํ อโหสิ, สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.

อถ เน สตฺถา อาห – ‘‘กึ, ภิกฺขเว, ตสฺมึ าเน วสิตุํ น สกฺขิสฺสถา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อมฺหากํ ตสฺมึ าเน วสนฺตานํ เอวรูปานิ เภรวารมฺมณานิ อุปฏฺหนฺติ, เอวรูปํ อผาสุกํ โหติ, เตน มยํ ‘วชฺเชตพฺพยุตฺตกมิทํ าน’นฺติ ตํ ฉฑฺเฑตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคตา’’ติ. ‘‘ภิกฺขเว, ตตฺเถว ตุมฺหากํ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘น สกฺกา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺเห อาวุธํ อคฺคเหตฺวา คตา, อิทานิ อาวุธํ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ. ‘‘กตราวุธํ, ภนฺเต’’ติ? สตฺถา ‘‘อหํ อาวุธํ โว ทสฺสามิ, มยา ทินฺนํ อาวุธํ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ วตฺวา –

‘‘กรณียมตฺถกุสเลน, ยนฺต สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ;

สกฺโก อุชู จ สุหุชู จ, สุวโจ จสฺส มุทุ อนติมานี’’ติ. (ขุ. ปา. ๙.๑; สุ. นิ. ๑๔๓) –

สกลํ เมตฺตสุตฺตํ กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อิมํ ตุมฺเห พหิ วิหารสฺส วนสณฺฑโต ปฏฺาย สชฺฌายนฺตา อนฺโตวิหารํ ปวิเสยฺยาถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ตํ านํ ปตฺวา พหิวิหาเร คณสชฺฌายํ กตฺวา สชฺฌายมานา วนสณฺฑํ ปวิสึสุ. สกลวนสณฺเฑ เทวตา เมตฺตจิตฺตํ ปฏิลภิตฺวา เตสํ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณํ อาปุจฺฉึสุ, หตฺถปาทสมฺพาหนํ อาปุจฺฉึสุ, เตสํ ตตฺถ ตตฺถ อารกฺขํ สํวิทหึสุ, ปกฺกธูปนเตลํ วิย สนฺนิสินฺนา อเหสุํ. กตฺถจิ อมนุสฺสสทฺโท นาม นาโหสิ. เตสํ ภิกฺขูนํ จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ. เต รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ นิสินฺนา วิปสฺสนาย จิตฺตํ โอตาเรตฺวา อตฺตนิ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา, ‘‘อยํ อตฺตภาโว นาม ภิชฺชนกฏฺเน อถาวรฏฺเน กุลาลภาชนสทิโส’’ติ วิปสฺสนํ วฑฺฒยึสุ. สมฺมาสมฺพุทฺโธ คนฺธกุฏิยา นิสินฺโนว เตสํ วิปสฺสนาย อารทฺธภาวํ ตฺวา เต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา, ‘‘เอวเมว, ภิกฺขเว, อยํ อตฺตภาโว นาม ภิชฺชนกฏฺเน อถาวรฏฺเน กุลาลภาชนสทิโส เอวา’’ติ วตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา โยชนสเต ิโตปิ อภิมุเข นิสินฺโน วิย ฉพฺพณฺณรํสิโย วิสฺสชฺเชตฺวา ทิสฺสมาเนน รูเปน อิมํ คาถมาห –

๔๐.

‘‘กุมฺภูปมํ กายมึม วิทิตฺวา, นครูปมํ จิตฺตมิทํ เปตฺวา;

โยเธถ มารํ ปฺาวุเธน, ชิตฺจ รกฺเข อนิเวสโน สิยา’’ติ.

ตตฺถ กุมฺภูปมนฺติ อพลทุพฺพลฏฺเน อนทฺธนิยตาวกาลิกฏฺเน อิมํ เกสาทิสมูหสงฺขาตํ กายํ กุมฺภูปมํ กุลาลภาชนสทิสํ วิทิตฺวา. นครูปมํ จิตฺตมิทํ เปตฺวาติ นครํ นาม พหิทฺธา ถิรํ โหติ, คมฺภีรปริขํ ปาการปริกฺขิตฺตํ ทฺวารฏฺฏาลกยุตฺตํ, อนฺโตสุวิภตฺตวีถิจตุกฺกสิงฺฆาฏกสมฺปนฺนํ อนฺตราปณํ, ตํ ‘‘วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ พหิทฺธา โจรา อาคนฺตฺวา ปวิสิตุํ อสกฺโกนฺตา ปพฺพตํ อาสชฺช ปฏิหตา วิย คจฺฉนฺติ, เอวเมว ปณฺฑิโต กุลปุตฺโต อตฺตโน วิปสฺสนาจิตฺตํ ถิรํ นครสทิสํ กตฺวา เปตฺวา นคเร ิโต เอกโตธาราทินานปฺปการาวุเธน โจรคณํ วิย วิปสฺสนามเยน จ อริยมคฺคมเยน จ ปฺาวุเธน ตํตํมคฺควชฺฌํ กิเลสมารํ ปฏิพาหนฺโต ตํ ตํ กิเลสมารํ โยเธถ, ปหเรยฺยาถาติ อตฺโถ. ชิตฺจ รกฺเขติ ชิตฺจ อุปฺปาทิตํ ตรุณวิปสฺสนํ อาวาสสปฺปายอุตุสปฺปายโภชนสปฺปายปุคฺคลสปฺปายธมฺมสฺสวนสปฺปายาทีนิ อาเสวนฺโต อนฺตรนฺตรา สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย สุทฺธจิตฺเตน สงฺขาเร สมฺมสนฺโต รกฺเขยฺย.

อนิเวสโนสิยาติ อนาลโย ภเวยฺย. ยถา นาม โยโธ สงฺคามสีเส พลโกฏฺกํ กตฺวา อมิตฺเตหิ สทฺธึ ยุชฺฌนฺโต ฉาโต วา ปิปาสิโต วา หุตฺวา สนฺนาเห วา สิถิเล อาวุเธ วา ปติเต พลโกฏฺกํ ปวิสิตฺวา วิสฺสมิตฺวา ภุฺชิตฺวา ปิวิตฺวา สนฺนหิตฺวา อาวุธํ คเหตฺวา ปุน นิกฺขมิตฺวา ยุชฺฌนฺโต ปรเสนํ มทฺทติ, อชิตํ ชินาติ, ชิตํ รกฺขติ. โส หิ สเจ พลโกฏฺเก ิโต เอวํ วิสฺสมนฺโต ตํ อสฺสาเทนฺโต อจฺเฉยฺย, รชฺชํ ปรหตฺถคตํ กเรยฺย, เอวเมว, ภิกฺขุ, ปฏิลทฺธํ ตรุณวิปสฺสนํ ปุนปฺปุนํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย สุทฺธจิตฺเตน สงฺขาเร สมฺมสนฺโต รกฺขิตุํ สกฺโกติ, อุตฺตริมคฺคผลปฏิลาเภน กิเลสมารํ ชินาติ. สเจ ปน โส สมาปตฺติเมว อสฺสาเทติ, สุทฺธจิตฺเตน ปุนปฺปุนํ สงฺขาเร น สมฺมสติ, มคฺคผลปฏิเวธํ กาตุํ น สกฺโกติ. ตสฺมา รกฺขิตพฺพยุตฺตกํ รกฺขนฺโต อนิเวสโน สิยา, สมาปตฺตึ นิเวสนํ กตฺวา ตตฺถ น นิเวเสยฺย, อาลยํ น กเรยฺยาติ อตฺโถ. ‘‘อทฺธา ตุมฺเหปิ เอวํ กโรถา’’ติ เอวํ สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสสิ.

เทสนาวสาเน ปฺจสตา ภิกฺขู นิสินฺนฏฺาเน นิสินฺนาเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ตถาคตสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ วณฺณยนฺตา โถเมนฺตา วนฺทนฺตาว อาคจฺฉึสูติ.

ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. ปูติคตฺตติสฺสตฺเถรวตฺถุ

อจิรํวตยํ กาโยติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต ปูติคตฺตติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอโก กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิโต, โส ลทฺธูปสมฺปโท ติสฺสตฺเถโร นาม อโหสิ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ตสฺส สรีเร โรโค อุทปาทิ. สาสปมตฺติโย ปิฬกา อุฏฺหึสุ. ตา อนุปุพฺเพน มุคฺคมตฺตา กลายมตฺตา โกลฏฺิมตฺตา อามลกมตฺตา เพฬุวสลาฏุมตฺตา เพฬุวมตฺตา หุตฺวา ปภิชฺชึสุ, สกลสรีรํ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ อโหสิ. ปูติคตฺตติสฺสตฺเถโรตฺเววสฺส นามํ อุทปาทิ. อถสฺส อปรภาเค อฏฺีนิ ภิชฺชึสุ. โส อปฺปฏิชคฺคิโย อโหสิ. นิวาสนปารุปนํ ปุพฺพโลหิตมกฺขิตํ ชาลปูวสทิสํ อโหสิ. สทฺธิวิหาริกาทโย ปฏิชคฺคิตุํ อสกฺโกนฺตา ฉฑฺฑยึสุ. โส อนาโถ หุตฺวา นิปชฺชิ.

พุทฺธานฺจ นาม ทฺเว วาเร โลกโวโลกนํ อวิชหิตํ โหติ. ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺตา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิโต ปฏฺาย คนฺธกุฏิอภิมุขํ าณํ กตฺวา โอโลเกนฺติ, สายํ โอโลเกนฺตา คนฺธกุฏิโต ปฏฺาย พาหิราภิมุขํ าณํ กตฺวา โอโลเกนฺติ. ตสฺมึ ปน สมเย ภควโต าณชาลสฺส อนฺโต ปูติคตฺตติสฺสตฺเถโร ปฺายิ. สตฺถา ตสฺส ภิกฺขุโน อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ สทฺธิวิหาริกาทีหิ ฉฑฺฑิโต, อิทานิสฺส มํ เปตฺวา อฺํ ปฏิสรณํ นตฺถี’’ติ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา วิหารจาริกํ จรมาโน วิย อคฺคิสาลํ คนฺตฺวา อุกฺขลึ โธวิตฺวา อุทกํ ทตฺวา อุทฺธนํ อาโรเปตฺวา อุทกสฺส ตตฺตภาวํ อาคมยมาโน อคฺคิสาลายเมว อฏฺาสิ. ตตฺตภาวํ ชานิตฺวา คนฺตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน นิปนฺนมฺจโกฏิยํ คณฺหิ, ตทา ภิกฺขู ‘‘อเปถ, ภนฺเต, มยํ คณฺหิสฺสามา’’ติ มฺจกํ คเหตฺวา อคฺคิสาลํ อานยึสุ. สตฺถา อมฺพณํ อาหราเปตฺวา อุณฺโหทกํ อาสิฺจิตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ ตสฺส ปารุปนํ คาหาเปตฺวา อุณฺโหทเก มทฺทาเปตฺวา มนฺทาตเป วิสฺสชฺชาเปสิ. อถสฺส สนฺติเก ตฺวา สรีรํ อุณฺโหทเกน เตเมตฺวา ฆํสิตฺวา นฺหาเปสิ, ตสฺส นหานปริโยสาเน ปารุปนํ สุกฺขิ. อถ นํ ตํ นิวาสาเปตฺวา นิวตฺถกาสาวํ อุทเก มทฺทาเปตฺวา อาตเป วิสฺสชฺชาเปสิ. อถสฺส คตฺเต อุทเก ฉินฺนมตฺเต ตมฺปิ สุกฺขิ. โส เอกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา สลฺลหุกสรีโร เอกคฺคจิตฺโต มฺจเก นิปชฺชิ. สตฺถา ตสฺส อุสฺสีสเก ตฺวา, ‘‘ภิกฺขุ อยํ ตว กาโย อเปตวิฺาโณ นิรุปกาโร หุตฺวา กลิงฺครํ วิย ปถวิยํ เสสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๑.

‘‘อจิรํ วตยํ กาโย, ปถวึ อธิเสสฺสติ;

ฉุทฺโธ อเปตวิฺาโณ, นิรตฺถํว กลิงฺคร’’นฺติ.

ตตฺถ อจิรํ วตาติ ภิกฺขุ น จิรสฺเสว อยํ กาโย ปถวึ อธิเสสฺสติ, อิมิสฺสา ปกติสยเนน สยิตาย ปถวิยา อุปริ สยิสฺสติ . ฉุทฺโธติ อปวิทฺโธ, อปคตวิฺาณตาย ตุจฺโฉ หุตฺวา เสสฺสตีติ ทสฺเสติ. ยถา กึ? นิรตฺถํว กลิงฺครํ นิรุปการํ นิรตฺถกํ กฏฺขณฺฑํ วิย. ทพฺพสมฺภารตฺถิกา หิ มนุสฺสา อรฺํ ปวิสิตฺวา อุชุกํ อุชุกสณฺาเนน วงฺกํ วงฺกสณฺาเนน ฉินฺทิตฺวา ทพฺพสมฺภารํ คณฺหนฺติ, อวเสสํ ปน สุสิรฺจ ปูติกฺจ อสารกฺจ คณฺิชาตฺจ ฉินฺทิตฺวา ตตฺเถว ฉฑฺเฑนฺติ. อฺเ ทพฺพสมฺภารตฺถิกา อาคนฺตฺวา ตํ คเหตาโร นาม นตฺถิ, โอโลเกตฺวา อตฺตโน อุปการกเมว คณฺหนฺติ, อิตรํ ปถวีคตเมว โหติ. ตํ ปน เตน เตน อุปาเยน มฺจปฏิปาทกํ วา ปาทกถลิกํ วา ผลกปีํ วา กาตุํ สกฺกาปิ ภเวยฺย. อิมสฺมึ ปน อตฺตภาเว ทฺวตฺตึสาย โกฏฺาเสสุ เอกโกฏฺาโสปิ มฺจปฏิปาทกาทิวเสน อฺเน วา อุปการมุเขน คยฺหูปโค นาม นตฺถิ, เกวลํ นิรตฺถํว กลิงฺครํ อยํ กาโย อปคตวิฺาโณ กติปาเหเนว ปถวิยํ เสสฺสตีติ.

เทสนาวสาเน ปูติคตฺตติสฺสตฺเถโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ, อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. เถโรปิ อรหตฺตํ ปตฺวาว ปรินิพฺพายิ. สตฺถา ตสฺส สรีรกิจฺจํ การาเปตฺวา ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ การาเปสิ. ภิกฺขู สตฺถารํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ภนฺเต, ปูติคตฺตติสฺสตฺเถโร กุหึ นิพฺพตฺโต’’ติ. ‘‘ปรินิพฺพุโต, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอวรูปสฺส ปน อรหตฺตูปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส ภิกฺขุโน กึ การณา คตฺตํ ปุติกํ ชาตํ, กึ การณา อฏฺีนิ ภินฺนานิ, กิมสฺส การณํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยภาวํ ปตฺต’’นฺติ? ‘‘ภิกฺขเว, สพฺพเมตํ เอตสฺส อตฺตนา กตกมฺเมเนว นิพฺพตฺต’’นฺติ. ‘‘กึ ปน เตน, ภนฺเต, กต’’นฺติ? ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถา’’ติ อตีตํ อาหริ –

อยํ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล สากุณิโก หุตฺวา พหู สกุเณ วธิตฺวา อิสฺสรชนํ อุปฏฺหิ. เตสํ ทินฺนาวเสเส วิกฺกิณาติ, ‘‘วิกฺกิตาวเสสา มาเรตฺวา ปิตา ปูติกา ภวิสฺสนฺตี’’ติ ยถา อุปฺปติตุํ น สกฺโกนฺติ, ตถา เตสํ ชงฺฆฏฺีนิ จ ปกฺขฏฺีนิ จ ภินฺทิตฺวา ราสึ กตฺวา เปติ, เต ปุนทิวเส วิกฺกิณาติ. อติพหูนํ ปน ลทฺธกาเล อตฺตโนปิ อตฺถาย ปจาเปติ. ตสฺเสกทิวสํ รสโภชเน ปกฺเก เอโก ขีณาสโว ปิณฺฑาย จรนฺโต เคหทฺวาเร อฏฺาสิ. โส เถรํ ทิสฺวา จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ‘‘มยา พหู ปาณา มาเรตฺวา ขาทิตา, อยฺโย จ เม เคหทฺวาเร ิโต, อนฺโตเคเห จ รสโภชนํ สํวิชฺชติ, ปิณฺฑปาตมสฺส ทสฺสามี’’ติ ตสฺส ปตฺตํ อาทาย ปูเรตฺวา รสปิณฺฑปาตํ ทตฺวา เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺส มตฺถกํ ปาปุเณยฺย’’นฺติ อาห. เถโร ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนํ อกาสิ. ‘‘ภิกฺขเว, ตทา กตกมฺมวเสเนตํ ติสฺสสฺส นิปฺผนฺนํ, สกุณานํ อฏฺิเภทนนิสฺสนฺเทน ติสฺสสฺส คตฺตฺจ ปูติกํ ชาตํ, อฏฺีนิ จ ภินฺนานิ, ขีณาสวสฺส รสปิณฺฑปาตทานนิสฺสนฺเทน อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ.

ปูติคตฺตติสฺสตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. นนฺทโคปาลกวตฺถุ

ทิโส ทิสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โกสลชนปเท นนฺทโคปาลกํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิร อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน นนฺโท นาม โคปาลโก โคยูถํ รกฺขติ อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค. โส กิร ยถา เกณิโย ชฏิโล ปพฺพชฺชาเวเสน, เอวํ โคปาลกตฺเตน ราชพลึ ปริหรนฺโต อตฺตโน กุฏุมฺพํ รกฺขติ. โส กาเลน กาลํ ปฺจ โครเส อาทาย อนาถปิณฺฑิกสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ ปสฺสติ, ธมฺมํ สุณาติ, อตฺตโน วสนฏฺานํ อาคมนตฺถาย สตฺถารํ ยาจติ. สตฺถา ตสฺส าณปริปากํ อาคมยมาโน อาคนฺตฺวา ปริปกฺกภาวํ ตฺวา เอกทิวสํ มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ จรนฺโต มคฺคา โอกฺกมฺม ตสฺส วสนฏฺานาสนฺเน อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ. นนฺโท สตฺถุ สนฺติกํ อคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺถาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปณีตํ ปฺจโครสทานํ อทาสิ. สตฺตเม ทิวเส สตฺถา อนุโมทนํ กตฺวา ทานกถาทิเภทํ อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน นนฺทโคปาลโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สตฺถุ ปตฺตํ คเหตฺวา สตฺถารํ อนุคจฺฉนฺโต ทูรํ คนฺตฺวา, ‘‘ติฏฺ, อุปาสกา’’ติ นิวตฺติยมาโน วนฺทิตฺวา นิวตฺติ. อถ นํ เอโก ลุทฺทโก วิชฺฌิตฺวา มาเรสิ. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตา ภิกฺขู นํ ทิสฺวา คนฺตฺวา สตฺถารํ อาหํสุ – ‘‘นนฺโท, ภนฺเต, โคปาลโก ตุมฺหากํ อิธาคตตฺตา มหาทานํ ทตฺวา อนุคนฺตฺวา นิวตฺเตนฺโต มาริโต, สเจ ตุมฺเห นาคจฺฉิสฺสถ, นาสฺส มรณํ อภวิสฺสา’’ติ. สตฺถา , ‘‘ภิกฺขเว, มยิ อาคเตปิ อนาคเตปิ ตสฺส จตสฺโส ทิสา จตสฺโส อนุทิสา จ คจฺฉนฺตสฺสาปิ มรณโต มุจฺจนูปาโย นาม นตฺถิ. ยฺหิ เนว โจรา, น เวริโน กโรนฺติ, ตํ อิเมสํ สตฺตานํ อนฺโตปทุฏฺํ มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตเมว กโรตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๒.

‘‘ทิโส ทิสํ ยํ ตํ กยิรา, เวรี วา ปน เวรินํ;

มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ, ปาปิโย นํ ตโต กเร’’ติ.

ตตฺถ ทิโส ทิสนฺติ โจโร โจรํ. ‘‘ทิสฺวา’’ติ ปาเสโส. ยํ ตํ กยิราติ ยํ ตํ ตสฺส อนยพฺยสนํ กเรยฺย. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอโก เอกสฺส มิตฺตทุพฺภี โจโร ปุตฺตทารเขตฺตวตฺถุ โคมหึสาทีสุ อปรชฺฌนฺโต ยสฺส อปรชฺฌติ, ตมฺปิ ตเถว อตฺตนิ อปรชฺฌนฺตํ โจรํ ทิสฺวา, เวริ วา ปน เกนจิเทว การเณน พทฺธเวรํ เวรึ ทิสฺวา อตฺตโน กกฺขฬตาย ทารุณตาย ยํ ตํ ตสฺส อนยพฺยสนํ กเรยฺย, ปุตฺตทารํ วา ปีเฬยฺย, เขตฺตาทีนิ วา นาเสยฺย, ชีวิตา วา ปน นํ โวโรเปยฺย, ทสสุ อกุสลกมฺมปเถสุ มิจฺฉาปิตตฺตา มิจฺฉาปหิณิตํ จิตฺตํ ปาปิโย นํ ตโต กเร ตํ ปุริสํ ตโต ปาปตรํ กเรยฺย. วุตฺตปฺปกาเรหิ, ทิโส ทิสสฺส วา เวรี เวริโน วา อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ทุกฺขํ วา อุปฺปาเทยฺย, ชีวิตกฺขยํ วา กเรยฺย. อิทํ ปน อกุสลกมฺมปเถสุ มิจฺฉาปิตํ จิตฺตํ ทิฏฺเว ธมฺเม อนยพฺยสนํ ปาเปติ, อตฺตภาวสตสหสฺเสสุปิ จตูสุ อปาเยสุ ขิปิตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตุํ น เทตีติ.

เทสนาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. มหาชนสฺส สาตฺถิกา เทสนา ชาตา. อุปาสเกน ปน ภวนฺตเร กตกมฺมํ ภิกฺขูหิ น ปุจฺฉิตํ, ตสฺมา สตฺถารา น กถิตนฺติ.

นนฺทโคปาลกวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. โสเรยฺยตฺเถรวตฺถุ

ตํ มาตา ปิตา กยิราติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ เชตวเน วิหรนฺโต โสเรยฺยตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

วตฺถุ โสเรยฺยนคเร สมุฏฺิตํ, สาวตฺถิยํ นิฏฺาเปสิ. สมฺมาสมฺพุทฺเธ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต โสเรยฺยนคเร โสเรยฺยเสฏฺิปุตฺโต เอเกน สหายเกน สทฺธึ สุขยานเก นิสีทิตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน นฺหานตฺถาย นครา นิกฺขมิ. ตสฺมึ ขเณ มหากจฺจายนตฺเถโร โสเรยฺยนครํ ปิณฺฑาย ปวิสิตุกาโม หุตฺวา พหินคเร สงฺฆาฏึ ปารุปติ. เถรสฺส จ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ. โสเรยฺยเสฏฺิปุตฺโต ตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อโห วต อยํ วา เถโร มม ภริยา ภเวยฺย, มม วา ภริยาย สรีรวณฺโณ เอตสฺส สรีรวณฺโณ วิย ภเวยฺยา’’ติ. ตสฺส จินฺติตมตฺเตเยว ปุริสลิงฺคํ อนฺตรธายิ, อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุรโหสิ. โส ลชฺชมาโน ยานกา โอรุยฺห ปลายิ. ปริชโน ตํ อสฺชานนฺโต ‘‘กิเมต’’นฺติ อาห. สาปิ ตกฺกสิลมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สหายโกปิสฺสา อิโต จิโต จ วิจริตฺวาปิ นาทฺทส. สพฺเพ นฺหายิตฺวา เคหํ อคมึสุ. ‘‘กหํ เสฏฺิปุตฺโต’’ติ จ วุตฺเต, ‘‘นฺหตฺวา อาคโต ภวิสฺสตีติ มฺิมฺหา’’ติ วทึสุ. อถสฺส มาตาปิตโร ตตฺถ ตตฺถ ปริเยสิตฺวา อปสฺสนฺตา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา, ‘‘มโต ภวิสฺสตี’’ติ มตกภตฺตํ อทํสุ. สา เอกํ ตกฺกสิลคามึ สตฺถวาหํ ทิสฺวา ยานกสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุพนฺธิ.

อถ นํ มนุสฺสา ทิสฺวา, ‘‘อมฺหากํ ยานกสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุคจฺฉติ, มยํ ‘กสฺเสสา ทาริกา’ติ ตํ น ชานามา’’ติ วทึสุ. สาปิ ‘‘ตุมฺเห อตฺตโน ยานกํ ปาเชถ, อหํ ปทสา คมิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺตี องฺคุลิมุทฺทิกํ ทตฺวา เอกสฺมึ ยานเก โอกาสํ กาเรสิ. มนุสฺสา จินฺตยึสุ – ‘‘ตกฺกสิลนคเร อมฺหากํ เสฏฺิปุตฺตสฺส ภริยา นตฺถิ, ตสฺส อาจิกฺขิสฺสาม, มหาปณฺณากาโร โน ภวิสฺสตี’’ติ. เต เคหํ คนฺตฺวา, ‘‘สามิ, อมฺเหหิ ตุมฺหากํ เอกํ อิตฺถิรตนํ อานีต’’นฺติ อาหํสุ. โส ตํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อตฺตโน วยานุรูปํ อภิรูปํ ปาสาทิกํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนโห เคเห อกาสิ. ปุริสา หิ อิตฺถิโย, อิตฺถิโย วา ปุริสา อภูตปุพฺพา นาม นตฺถิ. ปุริสา หิ ปรสฺส ทาเรสุ อติจริตฺวา กาลํ กตฺวา พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา มนุสฺสชาตึ อาคจฺฉนฺตา อตฺตภาวสเต อิตฺถิภาวํ อาปชฺชนฺติ.

อานนฺทตฺเถโรปิ กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตปารมี อริยสาวโก สํสาเร สํสรนฺโต เอกสฺมึ อตฺตภาเว กมฺมารกุเล นิพฺพตฺโต. ปรทารกมฺมํ กตฺวา นิรเย ปจฺจิตฺวา ปกฺกาวเสเสน จุทฺทสสุ อตฺตภาเวสุ ปุริสสฺส ปาทปริจาริกา อิตฺถี อโหสิ, สตฺตสุ อตฺตภาเวสุ พีชุทฺธรณํ ปาปุณิ. อิตฺถิโย ปน ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา อิตฺถิภาเว ฉนฺทํ วิราเชตฺวา, ‘‘อิทํ โน ปุฺํ ปุริสตฺตภาวปฏิลาภาย สํวตฺตตู’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺหิตฺวา กาลํ กตฺวา ปุริสตฺตภาวํ ปฏิลภนฺติ, ปติเทวตา หุตฺวา สามิเก สมฺมาปฏิปตฺติวเสนาปิ ปุริสตฺตภาวํ ปฏิลภนฺเตว.

อยํ ปน เสฏฺิปุตฺโต เถเร อโยนิโส จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อิตฺถิภาวํ ปฏิลภิ. ตกฺกสิลายํ เสฏฺิปุตฺเตน สทฺธึ สํวาสมนฺวาย ปน ตสฺสา กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ ลภิตฺวา ตสฺส ปทสา คมนกาเล อปรมฺปิ ปุตฺตํ ปฏิลภิ. เอวมสฺสา กุจฺฉิยํ วุตฺถา ทฺเว, โสเรยฺยนคเร ตํ ปฏิจฺจ นิพฺพตฺตา ทฺเวติ จตฺตาโร ปุตฺตา อเหสุํ. ตสฺมึ กาเล โสเรยฺยนครโต ตสฺสา สหายโก เสฏฺิปุตฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สุขยานเก นิสินฺโน นครํ ปาวิสิ. อถ นํ สา อุปริปาสาทตเล วาตปานํ วิวริตฺวา อนฺตรวีถึ โอโลกยมานา ิตา ทิสฺวา สฺชานิตฺวา ทาสึ เปเสตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา มหาตเล นิสีทาเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ อกาสิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ อิโต ปุพฺเพ อมฺเหหิ น ทิฏฺปุพฺพา, อถ จ ปน โน มหนฺตํ สกฺการํ กโรสิ, ชานาสิ ตฺวํ อมฺเห’’ติ. ‘‘อาม, สามิ, ชานามิ, นนุ ตุมฺเห โสเรยฺยนครวาสิโน’’ติ? ‘‘อาม, ภทฺเท’’ติ. สา มาตาปิตูนฺจ ภริยาย จ ปุตฺตานฺจ อโรคภาวํ ปุจฺฉิ. อิตโร ‘‘อาม, ภทฺเท, อโรคา’’ติ วตฺวา ‘‘ชานาสิ ตฺวํ เอเต’’ติ อาห. ‘‘อาม สามิ, ชานามิ. เตสํ เอโก ปุตฺโต อตฺถิ, โส กหํ, สามี’’ติ? ‘‘ภทฺเท, มา เอตํ กเถหิ, มยํ เตน สทฺธึ เอกทิวสํ สุขยานเก นิสีทิตฺวา นฺหายิตุํ นิกฺขนฺตา เนวสฺส คตึ ชานาม, อิโต จิโต จ วิจริตฺวา ตํ อทิสฺวา มาตาปิตูนํ อาโรจยิมฺหา, เตปิสฺส โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา เปตกิจฺจํ กิรึสู’’ติ. ‘‘อหํ โส, สามี’’ติ. ‘‘อเปหิ, ภทฺเท, กึ กเถสิ มยฺหํ สหาโย เทวกุมาโร วิย เอโก ปุริโส’’ติ? ‘‘โหตุ, สามิ, อหํ โส’’ติ. ‘‘อถ อิทํ กึ นามา’’ติ? ‘‘ตํ ทิวสํ เต อยฺโย มหากจฺจายนตฺเถโร ทิฏฺโ’’ติ? ‘‘อาม, ทิฏฺโ’’ติ. อหํ อยฺยํ มหากจฺจายนตฺเถรํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อโห วต อยํ วา เถโร มม ภริยา ภเวยฺย , เอตสฺส วา สรีรวณฺโณ วิย มม ภริยาย สรีรวณฺโณ ภเวยฺยา’’ติ จินฺเตสึ. จินฺติตกฺขเณเยว เม ปุริสลิงฺคํ อนฺตรธายิ, อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภวิ. อถาหํ ลชฺชมานา กสฺสจิ กิฺจิ วตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา ตโต ปลายิตฺวา อิธาคตา, สามีติ.

‘‘อโห วต เต ภาริยํ กมฺมํ กตํ, กสฺมา มยฺหํ นาจิกฺขิ, อปิจ ปน เต เถโร ขมาปิโต’’ติ? ‘‘น ขมาปิโต, สามิ. ชานาสิ ปน ตฺวํ กหํ เถโร’’ติ? ‘‘อิมเมว นครํ อุปนิสฺสาย วิหรตี’’ติ. ‘‘สเจ ปิณฺฑาย จรนฺโต อิธาคจฺเฉยฺย, อหํ มม อยฺยสฺส ภิกฺขาหารํ ทเทยฺยํ, สามี’’ติ. ‘‘เตน หิ สีฆํ สกฺการํ กโรหิ, อมฺหากํ อยฺยํ ขมาเปสฺสามา’’ติ โส เถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน, ‘‘ภนฺเต, สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาห. ‘‘นนุ ตฺวํ, เสฏฺิปุตฺต, อาคนฺตุโกสี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มา อมฺหากํ อาคนฺตุกภาวํ ปุจฺฉถ, สฺเว เม ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. เถโร อธิวาเสสิ, เคเหปิ เถรสฺส มหาสกฺกาโร ปฏิยตฺโต. เถโร ปุนทิวเส ตํ เคหทฺวารํ อคมาสิ. อถ นํ นิสีทาเปตฺวา ปณีเตนาหาเรน ปริวิสิตฺวา เสฏฺิปุตฺโต ตํ อิตฺถึ คเหตฺวา เถรสฺส ปาทมูเล นิปชฺชาเปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ สหายิกาย ขมถา’’ติ อาห. ‘‘กิเมต’’นฺติ? ‘‘อยํ, ภนฺเต, ปุพฺเพ มยฺหํ ปิยสหายโก หุตฺวา ตุมฺเห โอโลเกตฺวา เอวํ นาม จินฺเตสิ, อถสฺส ปุริสลิงฺคํ อนฺตรธายิ, อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภวิ, ขมถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ อุฏฺหถ, ขมามิ โว อห’’นฺติ. เถเรน ‘‘ขมามี’’ติ วุตฺตมตฺเตเยว อิตฺถิลิงฺคํ อนฺตรธายิ, ปุริสลิงฺคํ ปาตุภวิ.

ปุริสลิงฺเค ปาตุภูตมตฺเตเยว ตํ ตกฺกสิลาย เสฏฺิปุตฺโต อาห – ‘‘สมฺม สหายก, อิเม ทฺเว ทารกา ตว กุจฺฉิยํ วุตฺถตฺตา มํ ปฏิจฺจ นิพฺพตฺตตฺตา อุภินฺนมฺปิโน ปุตฺตา เอว, อิเธว วสิสฺสาม, มา อุกฺกณฺี’’ติ. ‘‘สมฺม, อหํ เอเกนตฺตภาเวน ปมํ ปุริโส หุตฺวา อิตฺถิภาวํ ปตฺวา ปุน ปุริโส ชาโตติ วิปฺปการปฺปตฺโต, ปมํ มํ ปฏิจฺจ ทฺเว ปุตฺตา นิพฺพตฺตา, อิทานิ เม กุจฺฉิโต ทฺเว ปุตฺตา นิกฺขนฺตา, สฺวาหํ เอเกนตฺตภาเวน วิปฺปการปฺปตฺโต, ปุน ‘เคเห วสิสฺสตี’ติ สฺํ มา กริ, อหํ มม อยฺยสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามิ. อิเม ทฺเว ทารกา ตว ภาราติ, อิเมสุ มา ปมชฺชี’’ติ วตฺวา ปุตฺเต สีเส ปริจุมฺพิตฺวา ปริมชฺชิตฺวา อุเร นิปชฺชาเปตฺวา ปิตุ นิยฺยาเทตฺวา นิกฺขมิตฺวา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เถโรปิ นํ ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปาเทตฺวา คณฺหิตฺวาว จาริกํ จรมาโน อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ อคมาสิ. ตสฺส โสเรยฺยตฺเถโรติ นามํ อโหสิ. ชนปทวาสิโน ตํ ปวตฺตึ ตฺวา สงฺขุภิตฺวา โกตูหลชาตา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘เอวํ กิร, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาม, อาวุโส’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอวรูปมฺปิ การณํ นาม โหติ’’? ‘‘ตุมฺหากํ กุจฺฉิยํ กิร ทฺเว ปุตฺตา นิพฺพตฺตา, ตุมฺเห ปฏิจฺจ ทฺเว ชาตา, เตสํ โว กตเรสุ พลวสิเนโห โหตี’’ติ? ‘‘กุจฺฉิยํ วุตฺถเกสุ, อาวุโส’’ติ. อาคตาคตา นิพทฺธํ ตเถว ปุจฺฉึสุ.

เถโร ‘‘กุจฺฉิยํ วุตฺตเกสุ เอว สิเนโห พลวา’’ติ ปุนปฺปุนํ กเถนฺโต หรายมาโน เอโกว นิสีทติ, เอโกว ติฏฺติ. โส เอวํ เอกตฺตูปคโต อตฺตภาเว ขยวยํ สมุฏฺาเปตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ นํ อาคตาคตา ปุจฺฉนฺติ – ‘‘ภนฺเต, เอวํ กิร นาม อโหสี’’ติ? ‘‘อามาวุโส’’ติ. ‘‘กตเรสุ สิเนโห พลวา’’ติ? ‘‘มยฺหํ กตฺถจิ สิเนโห นาม นตฺถี’’ติ. ภิกฺขู ‘‘อยํ อภูตํ กเถสิ, ปุริมทิวเสสุ ‘กุจฺฉิยํ วุตฺถปุตฺเตสุ สิเนโห พลวา’ติ วตฺวา อิทานิ ‘มยฺหํ กตฺถจิ สิเนโห นตฺถี’ติ วทติ, อฺํ พฺยากโรติ, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต อฺํ พฺยากโรติ, มม ปุตฺตสฺส สมฺมาปณิหิเตน จิตฺเตน มคฺคสฺส ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย น กตฺถจิ สิเนโห ชาโต, ยํ สมฺปตฺตึ เนว มาตา, น ปิตา กาตุํ สกฺโกติ, ตํ อิเมสํ สตฺตานํ อพฺภนฺตเร ปวตฺตํ สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตเมว เทตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๓.

‘‘น ตํ มาตา ปิตา กยิรา, อฺเ วาปิ จ าตกา;

สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ, เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ.

ตตฺถน ตนฺติ ตํ การณํ เนว มาตา กเรยฺย, น ปิตา, น อฺเ าตกา. สมฺมาปณิหิตนฺติ ทสสุ กุสลกมฺมปเถสุ สมฺมา ปิตํ. เสยฺยโสนํ ตโต กเรติ ตโต การณโต เสยฺยโส นํ วรตรํ อุตฺตริตรํ กเรยฺย, กโรตีติ อตฺโถ. มาตาปิตโร หิ ปุตฺตานํ ธนํ ททมานา เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว กมฺมํ อกตฺวา สุเขน ชีวิกกปฺปนํ ธนํ ทาตุํ สกฺโกนฺติ. วิสาขาย มาตาปิตโรปิ ตาว มหทฺธนา มหาโภคา, ตสฺสา เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว สุเขน ชีวิกกปฺปนํ ธนํ อทํสุ. จตูสุ ปน ทีเปสุ จกฺกวตฺติสิรึ ทาตุํ สมตฺถา มาตาปิตโรปิ นาม ปุตฺตานํ นตฺถิ, ปเคว ทิพฺพสมฺปตฺตึ วา ปมชฺฌานาทิสมฺปตฺตึ วา, โลกุตฺตรสมฺปตฺติทาเน กถาว นตฺถิ, สมฺมาปณิหิตํ ปน จิตฺตํ สพฺพมฺเปตํ สมฺปตฺตึ ทาตุํ สกฺโกติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.

โสเรยฺยตฺเถรวตฺถุ นวมํ.

จิตฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ตติโย วคฺโค.