📜
๔. ปุปฺผวคฺโค
๑. ปถวิกถาปสุตปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ
โก ¶ ¶ ¶ อิมํ ปถวึ วิเจสฺสตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต ปถวิกถาปสุเต ปฺจสเต ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร ภควตา สทฺธึ ชนปทจาริกํ จริตฺวา เชตวนํ อาคนฺตฺวา สายนฺหสมเย อุปฏฺานสาลายํ สนฺนิสินฺนา อตฺตนา คตคตฏฺาเนสุ ‘‘อสุกคามโต อสุกคามคมนฏฺาเน สมํ วิสมํ กทฺทมพหุลํ สกฺขรพหุลํ กาฬมตฺติกํ ตมฺพมตฺติก’’นฺติ ปถวิกถํ กเถสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺเหหิ วิจริตฏฺาเน ปถวิกถายา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, เอสา พาหิรปถวี นาม, ตุมฺเหหิ อชฺฌุตฺติกปถวิยํ ปริกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘โก อิมํ ปถวึ วิเจสฺสติ,
ยมโลกฺจ อิมํ สเทวกํ;
โก ธมฺมปทํ สุเทสิตํ,
กุสโล ปุปฺผมิว ปเจสฺสติ.
‘‘เสโข ¶ ปถวึ วิเจสฺสติ,
ยมโลกฺจ อิมํ สเทวกํ;
เสโข ธมฺมปทํ สุเทสิตํ,
กุสโล ปุปฺผมิว ปเจสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ โก อิมนฺติ โก อิมํ อตฺตภาวสงฺขาตํ ปถวึ. วิเจสฺสตีติ อตฺตโน าเณน วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ, ปฏิวิชฺฌิสฺสติ, สจฺฉิกริสฺสตีติ อตฺโถ. ยมโลกฺจาติ จตุพฺพิธํ อปายโลกฺจ. อิมํ สเทวกนฺติ อิมํ มนุสฺสโลกฺจ เทวโลเกน สทฺธึ โก วิเจสฺสติ ¶ วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ สจฺฉิกริสฺสตีติ ปุจฺฉิ. โกธมฺมปทํ สุเทสิตนฺติ ยถาสภาวโต กถิตตฺตา สุเทสิตํ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาตํ ธมฺมปทํ กุสโล มาลากาโร ปุปฺผํ วิจินนฺโต วิย โก ¶ ปเจสฺสติ วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ อุปปริกฺขิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ, สจฺฉิกริสฺสตีติ อตฺโถ. เสโขติ อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปฺาสิกฺขาติ อิมา ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขนโต โสตาปตฺติมคฺคฏฺํ อาทึ กตฺวา ยาว อรหตฺตมคฺคฏฺา สตฺตวิโธ เสโข อิมํ อตฺตภาวสงฺขาตํ ปถวึ อรหตฺตมคฺเคน ตโต ฉนฺทราคํ อปกฑฺฒนฺโต วิเจสฺสติ วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ ¶ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ สจฺฉิกริสฺสติ. ยมโลกฺจาติ ตํ ยถาวุตฺตปการํ ยมโลกฺจ อิมํ มนุสฺสโลกฺจ สห เทเวหิ สเทวกํ สฺเวว วิเจสฺสติ วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ สจฺฉิกริสฺสติ. เสโขติ สฺเวว สตฺตวิโธ เสโข, ยถา นาม กุสโล มาลากาโร ปุปฺผารามํ ปวิสิตฺวา ตรุณมกุฬานิ จ ปาณกวิทฺธานิ จ มิลาตานิ จ คณฺิกชาตานิ จ ปุปฺผานิ วชฺเชตฺวา โสภนานิ สุชาตสุชาตาเนว ปุปฺผานิ วิจินาติ, เอวเมว อิมํ สุกถิตํ สุนิทฺทิฏฺํ โพธิปกฺขิยธมฺมปทมฺปิ ปฺาย ปเจสฺสติ วิจินิสฺสติ อุปปริกฺขิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ สจฺฉิกริสฺสตีติ สตฺถา สยเมว ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ ภิกฺขู สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ปถวิกถาปสุตปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ ปมํ.
๒. มรีจิกมฺมฏฺานิกตฺเถรวตฺถุ
เผณูปมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อฺตรํ มรีจิกมฺมฏฺานิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร ภิกฺขุ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา, ‘‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏตฺวา วายมิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘วิเสเสตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค มรีจึ ทิสฺวา, ‘‘ยถา อยํ คิมฺหสมเย อุฏฺิตา มรีจิ ทูเร ิตานํ รูปคตา วิย ปฺายติ, สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตานํ เนว ปฺายติ, อยํ อตฺตภาโวปิ อุปฺปาทวยฏฺเน เอวรูโป’’ติ มรีจิกมฺมฏฺานํ ภาเวนฺโต อาคนฺตฺวา ¶ มคฺคกิลนฺโต อจิรวติยํ นฺหายิตฺวา เอกสฺมึ ¶ จณฺฑโสตตีเร รุกฺขฉายาย นิสินฺโน อุทกเวคาภิฆาเตน อุฏฺหิตฺวา มหนฺเต มหนฺเต เผณปิณฺเฑ ภิชฺชมาเน ทิสฺวา, ‘‘อยํ อตฺตภาโวปิ อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชนฏฺเน เอวรูโปเยวา’’ติ อารมฺมณํ อคฺคเหสิ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ ิโตว ตํ เถรํ ทิสฺวา, ‘‘เอวเมว, ภิกฺขุ, เอวรูโปวายํ อตฺตภาโว เผณปิณฺโฑ วิย มรีจิ วิย อุปฺปชฺชนภิชฺชนสภาโวเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เผณูปมํ กายมิมํ วิทิตฺวา,
มรีจิธมฺมํ อภิสมฺพุธาโน;
เฉตฺวาน มารสฺส ปปุปฺผกานิ,
อทสฺสนํ มจฺจุราชสฺส คจฺเฉ’’ติ.
ตตฺถ เผณูปมนฺติ อิมํ เกสาทิสมูหสงฺขาตํ กายํ อพลทุพฺพลฏฺเน อนทฺธนิยตาวกาลิกฏฺเน เผณปิณฺฑสริกฺขโกติ ¶ วิทิตฺวา. มรีจิธมฺมนฺติ ยถา มรีจิ ทูเร ิตานํ รูปคตา วิย คยฺหูปคา วิย โหติ, สนฺติเก อุปคจฺฉนฺตานํ ริตฺตา ตุจฺฉา อคยฺหูปคา สมฺปชฺชติ, เอวเมว ขณิกอิตฺตรปจฺจุปฏฺานฏฺเน อยํ กาโยปิ มรีจิธมฺโมติ อภิสมฺพุธาโน พุชฺฌนฺโต, ชานนฺโตติ อตฺโถ. มารสฺส ปปุปฺผกานีติ มารสฺส ปปุปฺผกสงฺขาตานิ เตภูมกานิ วฏฺฏานิ อริยมคฺเคน ฉินฺทิตฺวา ขีณาสโว ภิกฺขุ มจฺจุราชสฺส อทสฺสนํ อวิสยํ อมตมหานิพฺพานํ คจฺเฉยฺยาติ.
คาถาปริโยสาเน เถโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถุ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ โถเมนฺโต วณฺเณนฺโต วนฺทนฺโตว อาคโตติ.
มรีจิกมฺมฏฺานิกตฺเถรวตฺถุ ทุติยํ.
๓. วิฏฏูภวตฺถุ
ปุปฺผานิเหว ปจินนฺตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต สปริสํ มโหเฆน อชฺโฌตฺถริตฺวา มาริตํ วิฏฏูภํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺรายํ ¶ อนุปุพฺพิกถา – สาวตฺถิยฺหิ มหาโกสลรฺโ ปุตฺโต ปเสนทิกุมาโร นาม. เวสาลิยํ ¶ ลิจฺฉวิรฺโ ปุตฺโต ลิจฺฉวิกุมาโร ¶ มหาลิ นาม, กุสินารายํ มลฺลราชปุตฺโต พนฺธุโล นามาติ อิเม ตโย ทิสาปาโมกฺขสฺสาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปุคฺคหณตฺถํ ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา พหินคเร สาลาย สมาคตา อฺมฺสฺส อาคตการณฺจ กุลฺจ นามฺจ ปุจฺฉิตฺวา สหายกา หุตฺวา เอกโตว อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา สิปฺปํ สิกฺขนฺตา น จิรสฺเสว อุคฺคหิตสิปฺปา อาจริยํ อาปุจฺฉิตฺวา เอกโตว นิกฺขมิตฺวา สกสกฏฺานานิ อคมํสุ. เตสุ ปเสนทิกุมาโร ปิตุ สิปฺปํ ทสฺเสตฺวา ปสนฺเนน ปิตรา รชฺเช อภิสิตฺโต. มหาลิกุมาโร ลิจฺฉวีนํ สิปฺปํ ทสฺเสนฺโต มหนฺเตน อุสฺสาเหน ทสฺเสสิ, ตสฺส อกฺขีนิ ภิชฺชิตฺวา อคมํสุ. ลิจฺฉวิราชาโน ‘‘อโห วต อมฺหากํ อาจริโย อกฺขิวินาสํ ปตฺโต, น นํ ปริจฺจชิสฺสาม, อุปฏฺหิสฺสาม น’’นฺติ ตสฺส สตสหสฺสุฏฺานกํ เอกํ ทฺวารํ อทํสุ. โส ตํ นิสฺสาย ปฺจสเต ลิจฺฉวิราชปุตฺเต สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺโต วสิ. พนฺธุลกุมาโร สฏฺึ สฏฺึ เวฬู คเหตฺวา มชฺเฌ อยสลากํ ปกฺขิปิตฺวา สฏฺิกลาเป อุสฺสาเปตฺวา ปิเต มลฺลราชกุเลหิ ‘‘อิเม กปฺเปตู’’ติ วุตฺโต อสีติหตฺถํ อากาสํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อสินา กปฺเปนฺโต อคมาสิ. โส โอสานกลาเป ¶ อยสลากาย ‘‘กิรี’’ติ สทฺทํ สุตฺวา, ‘‘กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา สพฺพกลาเปสุ อยสลากานํ ปิตภาวํ ตฺวา อสึ ฉฑฺเฑตฺวา โรทมาโน ‘‘มยฺหํ เอตฺตเกสุ าติสุหชฺเชสุ เอโกปิ สสิเนโห หุตฺวา อิมํ การณํ นาจิกฺขิ. สเจ หิ อหํ ชาเนยฺยํ, อยสลากาย สทฺทํ อนุฏฺาเปนฺโตว ฉินฺเทยฺย’’นฺติ วตฺวา, ‘‘สพฺเพปิเม มาเรตฺวา รชฺชํ กเรยฺย’’นฺติ มาตาปิตูนํ กเถสิ. เตหิ ‘‘ปเวณิรชฺชํ นาม, ตาต, อิทํ น ลพฺภา เอวํ กาตุ’’นฺติ นานปฺปกาเรน วาริโต ‘‘เตน หิ มม สหายกสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ สาวตฺถึ อคมาสิ.
ปเสนทิ โกสโล ราชา ตสฺสาคมนํ สุตฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน ตํ นครํ ปเวเสตฺวา เสนาปติฏฺาเน เปสิ. โส มาตาปิตโร ปกฺโกสาเปตฺวา ตตฺเถว วาสํ กปฺเปสิ. อเถกทิวสํ ราชา ¶ อุปริปาสาเท ิโต อนฺตรวีถึ โอโลกยมาโน ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส จูฬอนาถปิณฺฑิกสฺส วิสาขาย สุปฺปวาสายา’’ติ เอเตสํ เคเห นิจฺจํ ภตฺตกิจฺจตฺถาย คจฺฉนฺเต อเนกสหสฺเส ภิกฺขู ทิสฺวา, ‘‘กหํ, อยฺยา, คจฺฉนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เทว, อนาถปิณฺฑิกสฺส เคเห นิจฺจภตฺตสลากภตฺตคิลานภตฺตาทีนํ อตฺถาย เทวสิกํ ทฺเว ภิกฺขุสหสฺสานิ คจฺฉนฺติ, จูฬอนาถปิณฺฑิกสฺส เคเห ปฺจสตานิ, ตถา วิสาขาย ตถา สุปฺปวาสายา’’ติ วุตฺเต สยมฺปิ ภิกฺขุสงฺฆํ อุปฏฺหิตุกาโม วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขุสหสฺเสน สทฺธึ ¶ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ สหตฺถา ทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปฺจหิ เม ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิพทฺธํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาห. ‘‘มหาราช พุทฺธา ¶ นาม เอกฏฺาเน นิพทฺธํ ภิกฺขํ น คณฺหนฺติ, พหู ชนา พุทฺธานํ อาคมนํ ปจฺจาสีสนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ เอกํ ภิกฺขุํ นิพทฺธํ เปเสถา’’ติ อาห. สตฺถา อานนฺทตฺเถรสฺส ภารํ อกาสิ. ราชา ภิกฺขุสงฺเฆ อาคเต ปตฺตํ คเหตฺวา, ‘‘อิเม นาม ปริวิสนฺตู’’ติ อวิจาเรตฺวาว สตฺตาหํ สยเมว ปริวิสิตฺวา อฏฺเม ทิวเส วิกฺขิตฺตจิตฺโต ปมชฺชมกาสิ. ราชกุเล นาม อนาณตฺตา อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ภิกฺขู นิสีทาเปตฺวา ปริวิสิตุํ น ลภนฺติ ‘‘น มยํ อิธ าตุํ สกฺขิสฺสามา’’ติ พหู ภิกฺขู ปกฺกมึสุ. ราชา ทุติยทิวเสปิ ปมชฺชิ, ทุติยทิวเสปิ พหู ภิกฺขู ปกฺกมึสุ. ตติยทิวเสปิ ปมชฺชิ, ตทา อานนฺทตฺเถรํ เอกกเมว เปตฺวา อวเสสา ปกฺกมึสุ. ปฺุวนฺตา นาม การณวสิกา โหนฺติ, กุลานํ ปสาทํ รกฺขนฺติ. ตถาคตสฺส จ สาริปุตฺตตฺเถโร มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโรติ ทฺเว อคฺคสาวกา, เขมา อุปฺปลวณฺณาติ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อุปาสเกสุ จิตฺโต, คหปติ, หตฺถโก อาฬวโกติ ทฺเว อคฺคอุปาสกา, อุปาสิกาสุ เวฬุกณฺกี นนฺทมาตา, ขุชฺชุตฺตราติ ทฺเว อคฺคอุปาสิกา, อิติ อิเม อฏฺ ชเน อาทึ กตฺวา านนฺตรปตฺตา สพฺเพปิ สาวกา เอกเทเสน ทสนฺนํ ปารมีนํ ปูริตตฺตา มหาปฺุา อภินีหารสมฺปนฺนา. อานนฺทตฺเถโรปิ ¶ กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตปารมี อภินีหารสมฺปนฺโน มหาปฺุโ อตฺตโน การณวสิกตาย กุลสฺส ปสาทํ รกฺขนฺโต อฏฺาสิ. ตํ เอกกเมว นิสีทาเปตฺวา ปริวิสึสุ.
ราชา ¶ ภิกฺขูนํ คตกาเล อาคนฺตฺวา ขาทนียโภชนียานิ ตเถว ิตานิ ทิสฺวา, ‘‘กึ, อยฺยา, นาคมึสู’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อานนฺทตฺเถโร เอกโกว อาคโต เทวา’’ติ สุตฺวา, ‘‘อทฺธา เอตฺตกํ เม ภตฺตจฺเฉทนมกํสู’’ติ ภิกฺขูนํ กุทฺโธ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยา ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ภิกฺขา ปฏิยตฺตา, อานนฺทตฺเถโร กิร เอกโกวาคโต, ปฏิยตฺตา ภิกฺขา ตเถว ิตา, ปฺจสตา ภิกฺขู มม เคเห สฺํ น กรึสุ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ อาห. สตฺถา ภิกฺขูนํ โทสํ อวตฺวา, ‘‘มหาราช, มม สาวกานํ ตุมฺเหหิ สทฺธึ วิสฺสาโส นตฺถิ, เตน น คตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา กุลานํ อนุปคมนการณฺจ อุปคมนการณฺจ ปกาเสนฺโต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา อิมํ สุตฺตมาห –
‘‘นวหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตํ กุลํ อนุปคนฺตฺวา วา นาลํ อุปคนฺตุํ, อุปคนฺตฺวา วา นาลํ อุปนิสีทิตุํ. กตเมหิ นวหิ? น มนาเปน ปจฺจุฏฺเนฺติ, น มนาเปน อภิวาเทนฺติ, น มนาเปน อาสนํ เทนฺติ, สนฺตมสฺส ปริคุหนฺติ, พหุกมฺปิ โถกํ เทนฺติ, ปณีตมฺปิ ลูขํ เทนฺติ, อสกฺกจฺจํ เทนฺติ โน สกฺกจฺจํ, น อุปนิสีทนฺติ ธมฺมสฺสวนาย, ภาสิตมสฺส น สุสฺสูสนฺติ ¶ . อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, นวหงฺเคหิ ¶ สมนฺนาคตํ กุลํ อนุปคนฺตฺวา วา นาลํ อุปคนฺตุํ, อุปคนฺตฺวา วา นาลํ อุปนิสีทิตุํ.
‘‘นวหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตํ กุลํ อนุปคนฺตฺวา วา อลํ อุปคนฺตุํ, อุปคนฺตฺวา วา อลํ อุปนิสีทิตุํ. กตเมหิ นวหิ? มนาเปน ปจฺจุฏฺเนฺติ, มนาเปน อภิวาเทนฺติ, มนาเปน อาสนํ เทนฺติ, สนฺตมสฺส น ปริคุหนฺติ, พหุกมฺปิ พหุกํ เทนฺติ, ปณีตมฺปิ ปณีตํ เทนฺติ, สกฺกจฺจํ เทนฺติ โน อสกฺกจฺจํ, อุปนิสีทนฺติ ธมฺมสฺสวนาย, ภาสิตมสฺส สุสฺสูสนฺติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, นวหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ กุลํ อนุปคนฺตฺวา วา อลํ อุปคนฺตุํ, อุปคนฺตฺวา วา อลํ อุปนิสีทิตุ’’นฺติ (อ. นิ. ๙.๑๗).
อิติ โข, มหาราช, มม สาวกา ตุมฺหากํ สนฺติกา วิสฺสาสํ อลภนฺตา น คตา ภวิสฺสนฺตีติ. โปราณกปณฺฑิตาปิ หิ อวิสฺสาสิกฏฺาเน สกฺกจฺจํ อุปฏฺิยมานาปิ มารณนฺติกํ เวทนํ ปตฺวา วิสฺสาสิกฏฺานเมว อคมึสูติ. ‘‘กทา, ภนฺเต’’ติ รฺา ปุฏฺโ อตีตํ อาหริ –
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เกสโว นาม ราชา รชฺชํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตํ ปฺจ ปุริสสตานิ อนุปพฺพชึสุ. โส เกสวตาปโส นาม อโหสิ. ปสาธนกปฺปโก ปนสฺส อนุปพฺพชิตฺวา กปฺปโก นาม อนฺเตวาสิโก อโหสิ. เกสวตาปโส ปริสาย สทฺธึ อฏฺ มาเส หิมวนฺเต วสิตฺวา วสฺสารตฺตสมเย โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ¶ พาราณสึ ปตฺวา ภิกฺขาย ปาวิสิ. อถ นํ ราชา ทิสฺวา ปสีทิตฺวา จตุมาสํ อตฺตโน สนฺติเก วสนตฺถาย ปฏิฺํ คเหตฺวา อุยฺยาเนว วสาเปนฺโต สยํ สายํปาตํ อสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉติ. อวเสสา ตาปสา กติปาหํ วสิตฺวา หตฺถิสทฺทาทีหิ อุพฺพาฬฺหา หุตฺวา อุกฺกณฺิตฺวา, ‘‘อาจริย, อุกฺกณฺิตมฺหา, คจฺฉามา’’ติ อาหํสุ. ‘‘กหํ, ตาตา’’ติ? ‘‘หิมวนฺตํ, อาจริยา’’ติ. ราชา อมฺหากํ อาคตทิวเสเยว จตุมาสํ อิธ วสนตฺถาย ปฏิฺํ คณฺหิ. ‘‘กถํ คมิสฺสถ, ตาตา’’ติ? ‘‘ตุมฺเหหิ อมฺหากํ อนาจิกฺขิตฺวาว ปฏิฺา ทินฺนา, มยํ อิธ น สกฺโกม วสิตุํ, อิโต อวิทูเร ตุมฺหากํ ปวตฺติสฺสวนฏฺาเน วสิสฺสามา’’ติ วนฺทิตฺวา ปกฺกมึสุ. กปฺปนฺเตวาสิเกน สทฺธึ อาจริโย โอหียิ.
ราชา อุปฏฺานํ อาคโต, ‘‘กหํ, อยฺยา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สพฺเพ อุกฺกณฺิตมฺหาติ วตฺวา หิมวนฺตํ ¶ คตา, มหาราชา’’ติ อาห. กปฺปโกปิ น จิรสฺเสว อุกฺกณฺิตฺวา อาจริเยน ปุนปฺปุนํ วาริยมาโนปิ ‘‘น สกฺโกมี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. อิตเรสํ ปน สนฺติกํ อคนฺตฺวา อาจริยสฺส ปวตฺตึ สุณนฺโต อวิทูเร าเน วสิ. อปรภาเค อาจริยสฺส อนฺเตวาสิเก อนุสฺสรนฺตสฺส กุจฺฉิโรโค อุปฺปชฺชิ. ราชา เวชฺเชหิ ติกิจฺฉาเปสิ, โรโค น วูปสมฺมติ. ตาปโส อาห – ‘‘กึ, มหาราช, อิจฺฉสิ เม โรควูปสม’’นฺติ? ‘‘ภนฺเต, สจาหํ สกฺกุเณยฺยํ, อิทาเนว โว ผาสุกํ กเรยฺย’’นฺติ. ‘‘มหาราช, สเจ เม ผาสุกํ อิจฺฉสิ, มํ อนฺเตวาสิกานํ สนฺติกํ เปเสหี’’ติ. ราชา ‘‘สาธุ ¶ , ภนฺเต’’ติ ตํ มฺจเก นิปชฺชาเปตฺวา นารทอมจฺจปฺปมุเข จตฺตาโร อมจฺเจ ‘‘มม อยฺยสฺส ปวตฺตึ ตฺวา, มยฺหํ สาสนํ ปหิเณยฺยาถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. กปฺปนฺเตวาสิโก อาจริยสฺส อาคมนํ สุตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อิตเร ‘‘กห’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อสุกฏฺาเน กิร วสนฺตี’’ติ อาห. เตปิ อาจริยสฺสาคมนภาวํ สุตฺวา ตตฺเถว สโมสริตฺวา อาจริยสฺส อุณฺโหทกํ ทตฺวา ผลาผลํ อทํสุ. ตํ ¶ ขณฺเว โรโค วูปสมฺมติ. โส กติปาเหเนว สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ. อถ นํ นารโท ปุจฺฉิ –
‘‘มนุสฺสินฺทํ ชหิตฺวาน, สพฺพกามสมิทฺธินํ;
กถํ นุ ภควา เกสี, กปฺปสฺส รมติ อสฺสเม.
‘‘สาทูนิ รมณียานิ, สนฺติ วกฺขา มโนรมา;
สุภาสิตานิ กปฺปสฺส, นารท รมยนฺติ มํ.
‘‘สาลีนํ โอทนํ ภฺุเช, สุจึ มํสูปเสจนํ;
กถํ สามากนีวารํ, อโลณํ ฉาทยนฺติ ตํ.
‘‘สาทุํ วา ยทิ วาสาทุํ, อปฺปํ วา ยทิ วา พหุํ;
วิสฺสตฺโถ ยตฺถ ภฺุเชยฺย, วิสฺสาสปรมา รสา’’ติ. (ชา. ๑.๔.๑๘๑-๑๘๔);
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนนฺโต ‘‘ตทา ราชา โมคฺคลฺลาโน อโหสิ, นารโท สาริปุตฺโต, กปฺปนฺเตวาสิโก ¶ อานนฺโท, เกสวตาปโส อหเมวา’’ติ วตฺวา, ‘‘เอวํ, มหาราช, ปุพฺเพปิ ปณฺฑิตา มารณนฺติกํ เวทนํ ปตฺวา วิสฺสาสิกฏฺานํ คมึสุ, มม สาวกา ¶ ตุมฺหากํ สนฺติเก วิสฺสาสํ น ลภนฺติ มฺเ’’ติ อาห. ราชา ‘‘ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ มยา วิสฺสาสํ กาตุํ วฏฺฏติ, กถํ นุ โข กริสฺสามีติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส าติธีตรํ มม เคเห กาตุํ วฏฺฏติ, เอวํ สนฺเต ‘ทหรา จ สามเณรา จ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส าติราชา’ติ มม สนฺติกํ วิสฺสตฺถา นิพทฺธํ อาคมิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘เอกํ เม ธีตรํ เทนฺตู’’ติ สากิยานํ สนฺติกํ สาสนํ เปเสสิ. ‘‘กตรสฺส สกฺยสฺส ธีตา’’ติ จ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ตฺวา อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ วตฺวา ทูเต อาณาเปสิ. ทูตา คนฺตฺวา สากิเย ทาริกํ ยาจึสุ. เต สนฺนิปติตฺวา, ‘‘ปกฺขนฺตริโก ราชา, สเจ น ทสฺสาม, วินาเสสฺสติ โน, น โข ปน อมฺเหหิ กุเลน สทิโส, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ มนฺตยึสุ. มหานาโม ‘‘มม ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ ชาตา วาสภขตฺติยา นาม ธีตา รูปโสภคฺคปฺปตฺตา อตฺถิ, ตํ ทสฺสามา’’ติ วตฺวา ทูเต อาห – ‘‘สาธุ, รฺโ ทาริกํ ทสฺสามา’’ติ. ‘‘สา กสฺส, ธีตา’’ติ? ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส จูฬปิตุปุตฺตสฺส มหานามสฺส สกฺกสฺส ธีตา วาสภขตฺติยา นามา’’ติ.
เต ¶ คนฺตฺวา รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ‘‘ยทิ เอวํ, สาธุ, สีฆํ อาเนถ, ขตฺติยา จ นาม พหุมายา, ทาสิธีตรมฺปิ ปหิเณยฺยุํ, ปิตรา สทฺธึ เอกภาชเน ภฺุชนฺตึ อาเนยฺยาถา’’ติ ¶ เปเสสิ. เต คนฺตฺวา, ‘‘เทว, ตุมฺเหหิ สทฺธึ เอกโต ภฺุชนฺตึ ราชา อิจฺฉตี’’ติ อาหํสุ. มหานาโม ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตํ อลงฺการาเปตฺวา อตฺตโน โภชนกาเล ปกฺโกสาเปตฺวา ตาย สทฺธึ เอกโต ภฺุชนาการํ ทสฺเสตฺวา ทูตานํ นิยฺยาเทสิ. เต ตํ อาทาย สาวตฺถึ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ตุฏฺมานโส ตํ ปฺจนฺนํ อิตฺถิสตานํ เชฏฺิกํ กตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน อภิสิฺจิ. สา น จิรสฺเสว สุวณฺณวณฺณํ ปุตฺตํ วิชายิ.
อถสฺส นามคฺคหณทิวเส ราชา ทารกสฺส อยฺยกสฺส สนฺติกํ เปเสสิ ‘‘สกฺยราชธีตา วาสภขตฺติยา ปุตฺตํ วิชาตา, กิมสฺส นามํ กโรมา’’ติ? ตํ ปน สาสนํ คเหตฺวา คโต อมจฺโจ โถกํ พธิรธาตุโก, โส คนฺตฺวา รฺโ อยฺยกสฺส อาโรเจสิ, โส ตํ สุตฺวา ‘‘วาสภขตฺติยา ปุตฺตํ อวิชายิตฺวาปิ สพฺพชนํ อภิภวิ, อิทานิ ปน รฺโ อติวิย วลฺลภา ภวิสฺสตี’’ติ อาห. พธิโร อมจฺโจ ‘‘วลฺลภา’’ติ วจนํ ทุสฺสุตํ สุตฺวา ‘‘วิฏฏูโภ’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ราชานํ อุปคนฺตฺวา, ‘‘เทว, กุมารสฺส กิร ‘วิฏฏูโภ’ติ นามํ กโรถา’’ติ อาห. ราชา ‘‘โปราณกํ โน กุลสนฺตกํ นามํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ นามํ อกาสิ. อถสฺส ทหรกาเลเยว ราชา ‘‘สตฺถุ ปิยํ กโรมี’’ติ เสนาปติฏฺานํ อทาสิ.
โส กุมารปริหาเรน วฑฺฒนฺโต สตฺตวสฺสิกกาเล อฺเสํ กุมารานํ มาตามหกุลโต หตฺถิรูปกอสฺสรูปกาทีนิ ¶ อาหริยมานานิ ทิสฺวา มาตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, อฺเสํ มาตามหกุลโต ¶ ปณฺณากาโร อาหรียติ, มยฺหํ โกจิ กิฺจิ น เปเสสิ, กึ ตฺวํ นิมาตา นิปิตา’’ติ? อถ นํ สา, ‘‘ตาต, ตว สกฺยราชาโน มาตามหา ทูเร ปน วสนฺติ, เตน เต กิฺจิ น เปเสนฺตี’’ติ วฺเจสิ. โสฬสวสฺสิกกาเล, ‘‘อมฺม, ตว มาตามหกุลํ ปสฺสิตุกาโมมฺหี’’ติ วตฺวา, ‘‘อลํ, ตาต, กึ ตตฺถ คนฺตฺวา กริสฺสตี’’ติ วาริยมาโนปิ ปุนปฺปุนํ ยาจิ. อถสฺส มาตา ‘‘เตน หิ คจฺฉา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. โส ปิตุ อาโรเจตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน นิกฺขมิ. วาสภขตฺติยา ปุเรตรํ ปณฺณํ เปเสสิ – ‘‘อหํ ¶ อิธ สุขํ วสามิ, มาสฺส กิฺจิ สามิโน อนฺตรํ ทสฺสยึสู’’ติ. สากิยา วิฏฏูภสฺส อาคมนํ ตฺวา, ‘‘วนฺทิตุํ น สกฺโกมา’’ติ ตสฺส ทหรทหเร กุมาเร ชนปทํ ปหิณิตฺวา ตสฺมึ กปิลปุรํ สมฺปตฺเต สนฺถาคาเร สนฺนิปตึสุ. กุมาโร ตตฺถ คนฺตฺวา อฏฺาสิ.
อถ นํ ‘‘อยํ เต, ตาต, มาตามโห, อยํ มาตุโล’’ติ วตฺวา วนฺทาเปสุํ. โส สพฺเพ วนฺทมาโน วิจริตฺวา เอกมฺปิ อตฺตานํ วนฺทนฺตํ อทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข มํ วนฺทนฺตา นตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. สากิยา, ‘‘ตาต, เต กนิฏฺกุมารา ชนปทํ คตา’’ติ วตฺวา ตสฺส มหนฺตํ สกฺการํ ¶ กรึสุ. โส กติปาหํ วสิตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน นิกฺขมิ. อเถกา ทาสี สนฺถาคาเร เตน นิสินฺนผลกํ ‘‘อิทํ วาสภขตฺติยาย ทาสิยา ปุตฺตสฺส นิสินฺนผลก’’นฺติ อกฺโกสิตฺวา ปริภาสิตฺวา ขีโรทเกน โธวิ. เอโก ปุริโส อตฺตโน อาวุธํ ปมุสฺสิตฺวา นิวตฺโต ตํ คณฺหนฺโต วิฏฏูภกุมารสฺส อกฺโกสนสทฺทํ สุตฺวา ตํ การณํ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘วาสภขตฺติยา ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ มหานามสกฺกํ ปฏิจฺจ ชาตา’’ติ ตฺวา พลกายสฺส กเถสิ. ‘‘วาสภขตฺติยา กิร ทาสิธีตา’’ติ มหาโกลาหลํ อโหสิ. ตํ สุตฺวา วิฏฏูโภ ‘‘เอเต ตาว มม นิสินฺนผลกํ ขีโรทเกน โธวนฺตุ, อหํ ปน รชฺเช ปติฏฺิตกาเล เอเตสํ คลโลหิตํ คเหตฺวา มม นิสินฺนผลกํ โธวิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ ปฏฺเปสิ. ตสฺมึ สาวตฺถึ คเต อมจฺจา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ‘‘มยฺหํ ทาสิธีตรํ อทํสู’’ติ สากิยานํ กุชฺฌิตฺวา วาสภขตฺติยาย จ ปุตฺตสฺส จ ทินฺนปริหารํ อจฺฉินฺทิตฺวา ทาสทาสีหิ ลทฺธพฺพมตฺตเมว ทาเปสิ.
ตโต กติปาหจฺจเยน สตฺถา ราชนิเวสนํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. ราชา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ กิร าตเกหิ ทาสิธีตา มยฺหํ ¶ ทินฺนา, เตนสฺสา อหํ สปุตฺตาย ปริหารํ อจฺฉินฺทิตฺวา ทาสทาสีหิ ลทฺธพฺพมตฺตเมว ทาเปสิ’’นฺติ อาห. สตฺถา ‘‘อยุตฺตํ, มหาราช, สากิเยหิ กตํ, ททนฺเตหิ นาม สมานชาติกา ทาตพฺพา อสฺส, ตํ ปน ¶ , มหาราช, วทามิ, วาสภขตฺติยา ขตฺติยราชธีตา ขตฺติยรฺโ เคเห อภิเสกํ ลภิ. วิฏฏูโภปิ ขตฺติยราชานเมว ปฏิจฺจ ชาโต, มาตุโคตฺตํ ¶ นาม กึ กริสฺสติ, ปิตุโคตฺตเมว ปมาณนฺติ. โปราณกปณฺฑิตา ทลิทฺทิตฺถิยา กฏฺหาริกาย อคฺคมเหสิฏฺานํ อทํสุ, ตสฺสา จ กุจฺฉิมฺหิ ชาตกุมาโร ทฺวาทสโยชนิกาย พาราณสิยา รชฺชํ ปตฺวา กฏฺวาหนราชา นาม ชาโต’’ติ กฏฺหาริชาตกํ (ชา. ๑.๑.๗) กเถสิ. ราชา ธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘ปิตุโคตฺตเมว กิร ปมาณ’’นฺติ ตุสฺสิตฺวา วาสภขตฺติยาย จ ปุตฺตสฺส จ ปกติปริหารเมว ทาเปสิ.
พนฺธุลเสนาปติสฺสปิ โข กุสินารายํ มลฺลราชธีตา มลฺลิกา นาม ภริยา ทีฆรตฺตํ ปุตฺตํ น วิชายิ. อถ นํ พนฺธุโล ‘‘อตฺตโน กุลฆรเมว คจฺฉา’’ติ อุยฺโยเชสิ. สา ‘‘สตฺถารํ ทิสฺวาว คมิสฺสามี’’ติ เชตวนํ ปวิสิตฺวา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา ิตา, ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ วุตฺตา ‘‘สามิโก มํ ¶ ภนฺเต, กุลฆรํ เปเสตี’’ อาห. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘วฺฌา กิรสฺมิ อปุตฺติกา’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ, คมนกิจฺจํ นตฺถิ, นิวตฺตสฺสู’’ติ. สา ตุฏฺมานสา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา นิวตฺตาสี’’ติ วุตฺตา ‘‘ทสพเลน นิวตฺติตามฺหี’’ติ อาห พนฺธุโล ‘‘ทิฏฺํ ภวิสฺสติ ทีฆทสฺสินา การณ’’นฺติ สมฺปฏิจฺฉิ. สา น จิรสฺเสว คพฺภํ ปฏิลภิตฺวา อุปฺปนฺนทาหฬา ‘‘โทหโฬ เม อุปฺปนฺโน’’ติ อาโรเจสิ. ‘‘กึ โทหโฬ’’ติ? ‘‘เวสาลินคเร คณราชกุลานํ อภิเสกมงฺคลโปกฺขรณิยํ โอตริตฺวา นฺหตฺวา ปานียํ ปาตุกามามฺหิ, สามี’’ติ. พนฺธุโล ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา สหสฺสถามธนุํ คเหตฺวา ตํ รถํ อาโรเปตฺวา สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา รถํ ปาเชนฺโต มหาลิลิจฺฉวิโน ทินฺนทฺวาเรน เวสาลึ ปาวิสิ. มหาลิลิจฺฉวิโน จ ทฺวารสมีเป เอว นิเวสนํ โหติ. โส รถสฺส อุมฺมาเร ปนิฆาตสทฺทํ สุตฺวาว ‘‘พนฺธุลสฺส รถสทฺโท เอโส, อชฺช ลิจฺฉวีนํ ภยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อาห.
โปกฺขรณิยา อนฺโต จ พหิ จ อารกฺขา พลวตี, อุปริ โลหชาลํ ปตฺถฏํ, สกุณานมฺปิ โอกาโส นตฺถิ. พนฺธุลเสนาปติ ¶ ปน รถา โอตริตฺวา อารกฺขเก มนุสฺเส เวตฺเตน ปหรนฺโต ปลาเปตฺวา โลหชาลํ ฉินฺทิตฺวา อนฺโตโปกฺขรณียํ ภริยํ นฺหาเปตฺวา สยมฺปิ นฺหตฺวา ปุน ตํ รถํ อาโรเปตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา อาคตมคฺเคเนว ปายาสิ. เต อารกฺขมนุสฺสา ลิจฺฉวิราชูนํ อาโรเจสุํ. ลิจฺฉวิราชาโน กุชฺฌิตฺวา ปฺจ รถสตานิ อารุยฺห ‘‘พนฺธุลมลฺลํ คณฺหิสฺสามา’’ติ นิกฺขมึสุ. ตํ ปวตฺตึ ¶ มหาลิสฺส อาโรเจสุํ. มหาลิ, ‘‘มา คมิตฺถ, โส หิ โว สพฺเพ โฆเตสฺสตี’’ติ อาห. เตปิ ‘‘มยํ คมิสฺสาม เอวา’’ติ วทึสุ. ‘‘เตน หิ ตสฺส รถจกฺกสฺส ยาว นาภิโต ปถวึ ปวิฏฺฏฺานํ ทิสฺวา นิวตฺเตยฺยาถ, ตโต ¶ อนิวตฺตนฺตา ปุรโต อสนิสทฺทํ วิย สุณิสฺสถ, ตมฺหา านา นิวตฺเตยฺยาถ. ตโต อนิวตฺตนฺตา ตุมฺหากํ รถธุเรสุ ฉิทฺทํ ปสฺสิสฺสถ, ตมฺหา านา นิวตฺเตยฺยาถ, ปุรโต มา คมิตฺถา’’ติ. เต ตสฺส วจเนน อนิวตฺติตฺวา ตํ อนุพนฺธึสุ ¶ เอว. มลฺลิกา ทิสฺวา, ‘‘รถา, สามิ, ปฺายนฺตี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ เอกสฺเสว รถสฺส ปฺายนกาเล มํ อาโรเจยฺยาสี’’ติ. สา ยทา สพฺเพ รถา เอโก วิย หุตฺวา ปฺายึสุ, ตทา ‘‘เอกเมว, สามิ, รถสีสํ ปฺายตี’’ติ อาห. พนฺธุโล ‘‘เตน หิ อิมา รสฺมิโย คณฺหาหี’’ติ ตสฺสา รสฺมิโย ทตฺวา รเถ ิโตว ธนุํ อาโรเปสิ, รถจกฺกํ ยาว นาภิโต ปถวึ ปาวิสิ.
ลิจฺฉวิโน ตํ านํ ทิสฺวาปิ น นิวตฺตึสุ. อิตโร โถกํ คนฺตฺวา ชิยํ โปเถสิ, อสนิสทฺโท วิย อโหสิ. เต ตโตปิ น นิวตฺตึสุ, อนุพนฺธนฺตา คจฺฉนฺเตว. พนฺธุโล รเถ ิตโกว เอกสรํ ขิปิ, โส ปฺจนฺนํ รถสตานํ รถสีเส ฉิทฺทํ กตฺวา ปฺจ ราชสตานิ ปริกรพนฺธนฏฺาเน วินิวิชฺฌิตฺวา ปถวึ ปาวิสิ. เต อตฺตโน ปวิทฺธภาวํ อชานิตฺวา, ‘‘ติฏฺ, เร, ติฏฺ, เร’’ติ วทนฺตา อนุพนฺธึสุ เอว. พนฺธุโล รถํ เปตฺวา ‘‘ตุมฺเห มตกา, มตเกหิ สทฺธึ มยฺหํ ยุทฺธํ นาม นตฺถี’’ติ อาห. ‘‘มตกา นาม อมฺหาทิสา น โหนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ สพฺพปจฺฉิมสฺส ปริกรํ โมเจถา’’ติ. เต โมจยึสุ. โส มุตฺตมตฺเต เอว มริตฺวา ปติโต. อถ เต สพฺเพปิ ‘‘ตุมฺเห เอวรูปา, อตฺตโน ฆรานิ คนฺตฺวา สํวิธาตพฺพํ สํวิทหิตฺวา ปุตฺตทารํ อนุสาสิตฺวา สนฺนาหํ ¶ โมเจถา’’ติ อาห. เต ตถา กตฺวา สพฺเพปิ ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา. พนฺธุโลปิ มลฺลิกํ สาวตฺถึ อาเนสิ. สา โสฬสกฺขตฺตุํ ยมเก ยมเก ปุตฺเต วิชายิ. สพฺเพปิ สูรา ถามสมฺปนฺนา อเหสุํ, สพฺพสิปฺปานํ นิปฺผตฺตึ ปาปุณึสุ. เอเกกสฺส ปุริสสหสฺสํ ปริวาโร อโหสิ. ปิตรา สทฺธึ ราชนิเวสนํ คจฺฉนฺเตหิ เตเหว ราชงฺคณํ ปริปูริ.
อเถกทิวสํ ¶ วินิจฺฉเย กูฏฏฺฏปราชิตา มนุสฺสา พนฺธุลํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา มหาวิรวํ วิรวนฺตา วินิจฺฉยอมจฺจานํ กูฏฏฺฏกรณํ ตสฺส อาโรเจสุํ. โส วินิจฺฉยํ คนฺตฺวา ตํ อฏฺฏํ วิจาเรตฺวา สามิกเมว สามิกํ อกาสิ. มหาชโน มหาสทฺเทน สาธุการํ ปวตฺเตติ. ราชา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ตุสฺสิตฺวา สพฺเพปิ เต อมจฺเจ หาเรตฺวา พนฺธุลสฺเสว วินิจฺฉยํ นิยฺยาเทสิ. โส ตโต ปฏฺาย สมฺมา วินิจฺฉยิ. ตโต เต โปราณกวินิจฺฉยิกา อมจฺจา กิฺจิ ลฺชํ อลภนฺตา อปฺปลาภา หุตฺวา ‘‘พนฺธุโล รชฺชํ ปตฺเถตี’’ติ ราชกุเล ปริภินฺทึสุ. ราชา เตสํ กถํ สทฺทหิตฺวา จิตฺตํ นิคฺคเหตุํ นาสกฺขิ. ‘‘อิมสฺมึ อิเธว ฆาติยมาเน ครหา เม อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ปุน จินฺเตตฺวา ปยุตฺตปุริเสหิ ปจฺจนฺตํ ปหาราเปตฺวา พนฺธุลํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ปจฺจนฺโต กิร กุปิโต, ตว ปุตฺเตหิ สทฺธึ คนฺตฺวา ¶ , โจเร คณฺหาหี’’ติ ¶ ปหิณิตฺวา, ‘‘เอตฺเถวสฺส ทฺวตฺตึสาย ปุตฺเตหิ สทฺธึ สีสํ ฉินฺทิตฺวา อาหรถา’’ติ เตหิ สทฺธึ อฺเปิ สมตฺเถ มหาโยเธ เปเสสิ. ตสฺมึ ปจฺจนฺตํ คจฺฉนฺเตเยว ‘‘เสนาปติ กิร อาคจฺฉตี’’ติ ปยุตฺตโจรา ปลายึสุ. โส ตํ ปเทสํ อาวาสาเปตฺวา สณฺาเปตฺวา นิวตฺติ.
อถสฺส นครโต อวิทูเร าเน เต โยธา ปุตฺเตหิ สทฺธึ สีสํ ฉินฺทึสุ. ตํ ทิวสํ มลฺลิกาย ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ทฺเว อคฺคสาวกา นิมนฺติตา โหนฺติ. อถสฺสา ปุพฺพณฺเห เอว ‘‘สามิกสฺส เต สทฺธึ ปุตฺเตหิ สีสํ ฉินฺน’’นฺติ ปณฺณํ อาหริตฺวา อทํสุ. สา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา กสฺสจิ กิฺจิ อวตฺวา ปณฺณํ อุจฺฉงฺเค เปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆเมว ปริวิสิ. อถสฺสา ปริจาริกาโย ภิกฺขูนํ ภตฺตํ ทตฺวา สปฺปิจาฏึ อาหรนฺติโย เถรานํ ปุรโต สปฺปิจาฏึ ภินฺทึสุ. ธมฺมเสนาปติ ‘‘เภทนธมฺมํ ภินฺนํ, น จินฺติตพฺพ’’นฺติ อาห. สา อุจฺฉงฺคโต ปณฺณํ นีหริตฺวา ‘‘ทฺวตฺตึสาย ปุตฺเตหิ สทฺธึ ปิตุสีสํ ฉินฺนนฺติ เม อิมํ ปณฺณํ อาหรึสุ, อหํ อิทํ สุตฺวาปิ น จินฺเตมิ, สปฺปิจาฏิยา ภินฺนาย กึ จินฺตยิสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ อาห. ธมฺมเสนาปติ ‘‘อนิมิตฺตมนฺาตํ ¶ , มจฺจานํ อิธ ชีวิต’’นฺติอาทีนิ (สุ. นิ. ๕๗๙) วตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ อคมาสิ. สาปิ ทฺวตฺตึส สุณิสาโย ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตุมฺหากํ สามิกา นิรปราธา อตฺตโน ปุริมกมฺมผลํ ลภึสุ ¶ , ตุมฺเห มา โสจยิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถ, รฺโ อุปริ มโนปโทสํ มา กริตฺถา’’ติ โอวทิ.
รฺโ จรปุริสา ตํ กถํ สุตฺวา คนฺตฺวา เตสํ นิทฺโทสภาวํ รฺโ กถยึสุ. ราชา สํเวคปฺปตฺโต ตสฺสา นิเวสนํ คนฺตฺวา มลฺลิกฺจ สุณิสาโย จสฺสา ขมาเปตฺวา มลฺลิกาย วรํ อทาสิ. สา ‘‘วโร คหิโต เม โหตู’’ติ วตฺวา ตสฺมึ คเต มตกภตฺตํ ทตฺวา นฺหตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘เทว, ตุมฺเหหิ มยฺหํ วโร ทินฺโน, มยฺหฺจ อฺเน อตฺโถ นตฺถิ, ทฺวตฺตึสาย เม สุณิสานํ มมฺจ กุลฆรคมนํ อนุชานาถา’’ติ อาห. ราชา สมฺปฏิจฺฉิ. สา ทฺวตฺตึส สุณิสาโย ยถาสกานิ กุลานิ เปเสสิ, สยมฺปิ กุสินารานคเร อตฺตโน กุลฆรํ อคมาสิ.
ราชาปิ พนฺธุลเสนาปติโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆการายนสฺส นาม เสนาปติฏฺานํ อทาสิ. โส ปน ‘‘มาตุโล เม อิมินา มาริโต’’ติ รฺโ โอตารํ คเวสนฺโต วิจรติ. ราชาปิ นิรปราธสฺส ¶ พนฺธุลสฺส มาริตกาลโต ปฏฺาย วิปฺปฏิสารี หุตฺวา จิตฺตสฺสาทํ น ลภติ, รชฺชสุขํ นานุโภติ. ตทา สตฺถา สกฺยานํ เมทาฬุปํ นาม นิคมํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ราชา ตตฺถ คนฺตฺวา อารามโต อวิทูเร ขนฺธาวารํ นิวาเสตฺวา, ‘‘มนฺเทน ปริวาเรน สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ ¶ วิหารํ คนฺตฺวา ปฺจราชากกุธภณฺฑานิ ทีฆการายนสฺส ทตฺวา เอกโกว คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. สพฺพํ ธมฺมเจติยสุตฺตนิยาเมน (ม. นิ. ๒.๓๖๔ อาทโย) ทีเปตพฺพํ. ตสฺมึ คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเ ทีฆการายโน ตานิ ปฺจ ราชกกุธภณฺฑานิ คเหตฺวา วิฏฏูภํ ราชานํ กตฺวา รฺโ เอกํ อสฺสํ เอกฺจ อุปฏฺานการิกํ มาตุคามํ เปตฺวา นิวตฺเตตฺวา สาวตฺถึ อคมาสิ.
ราชา สตฺถารา สทฺธึ ปิยกถํ กเถตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิกฺขนฺโต เสนํ อทิสฺวา ตํ มาตุคามํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา, ‘‘อหํ ภาคิเนยฺยํ อาทาย คนฺตฺวา, วิฏฏูภํ คเหสฺสามี’’ติ ราชคหนครํ คจฺฉนฺโต วิกาเล ทฺวาเรสุ ปิทหิเตสุ นครํ ปตฺวา เอกิสฺสา สาลาย นิปชฺชิตฺวา วาตาตเปหิ กิลนฺโต รตฺติภาเค ตตฺเถว กาลมกาสิ. วิภาตาย รตฺติยา, ‘‘เทว, โกสลนรินฺท อนาโถ ชาโตสี’’ติ วิปฺปลปนฺติยา ¶ ตสฺสา อิตฺถิยา สทฺทํ สุตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. โส มาตุลสฺส มหนฺเตน สกฺกาเรน สรีรกิจฺจํ กาเรสิ.
วิฏฏูโภปิ ¶ รชฺชํ ลภิตฺวา ตํ เวรํ สริตฺวา ‘‘สพฺเพปิ สากิเย มาเรสฺสามี’’ติ มหติยา เสนาย นิกฺขมิ. ตํ ทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต าติสงฺฆสฺส วินาสํ ทิสฺวา, ‘‘าติสงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุพฺพณฺหสมเย ปิณฺฑาย จริตฺวา, ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต คนฺธกุฏิยํ สีหเสยฺยํ กปฺเปตฺวา, สายนฺหสมเย อากาเสน คนฺตฺวา, กปิลวตฺถุสามนฺเต เอกสฺมึ กพรจฺฉาเย รุกฺขมูเล นิสีทิ. ตโต วิฏฏูภสฺส รชฺชสีมาย มหนฺโต สนฺทจฺฉาโย นิคฺโรโธ อตฺถิ. วิฏฏูโภ สตฺถารํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กึ การณา เอวรูปาย อุณฺหเวลาย อิมสฺมึ กพรจฺฉาเย รุกฺขมูเล นิสีทถ, เอตสฺมึ สนฺทจฺฉาเย นิคฺโรธมูเล นิสีทถ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา, ‘‘โหตุ, มหาราช, าตกานํ ฉายา นาม สีตลา’’ติ วุตฺเต, ‘‘าตกานุรกฺขนตฺถาย สตฺถา อาคโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิวตฺติตฺวา สาวตฺถึเยว ปจฺจาคมิ. สตฺถาปิ อุปฺปติตฺวา เชตวนเมว คโต.
ราชา สากิยานํ โทสํ สริตฺวา ทุติยมฺปิ นิกฺขมิตฺวา ตเถว สตฺถารํ ปสฺสิตฺวา ปุน นิวตฺติ. ตติยวาเรปิ นิกฺขมิตฺวา ตเถว สตฺถารํ ปสฺสิตฺวา ปุน นิวตฺติ. จตุตฺถวาเร ปน ตสฺมึ นิกฺขนฺเต สตฺถา สากิยานํ ปุพฺพกมฺมํ โอโลเกตฺวา เตสํ เอกทิวสํ นทิยํ วิสปกฺขิปนปาปกมฺมสฺส อปฺปฏิพาหิยภาวํ ตฺวา จตุตฺถวาเร นาคมาสิ. วิฏฏูโภ ‘‘สากิเย ฆาเตสฺสามี’’ติ มหนฺเตน พลกาเยน ¶ นิกฺขมิ. สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปน าตกา อสตฺตฆาตกา นาม, อตฺตนา มรนฺตาปิ ปเรสํ ชีวิตํ น โวโรเปนฺติ. เต จินฺตยึสุ – ‘‘มยํ สุสิกฺขิตา ¶ กตหตฺถา กตูปาสนา มหิสฺสาสา, น โข ปน สกฺกา อมฺเหหิ ปรํ ชีวิตา โวโรเปตุํ, อตฺตโน กมฺมํ ทสฺเสตฺวา ปลาเปสฺสามา’’ติ เต กตสนฺนาหา นิกฺขมิตฺวา ยุทฺธํ อารภึสุ. เตหิ ขิตฺตา สรา วิฏฏูภสฺส ปุริสานํ อนฺตรนฺตเรน คจฺฉนฺติ, ผลกนฺตรกณฺณฉิทฺทนฺตราทีหิ นิกฺขมนฺติ. วิฏฏูโภ ทิสฺวา นนุ ภเณ ‘‘สากิยา อสตฺตฆาตกามฺหา’’ติ วทนฺติ, อถ จ ปน เม ปุริเส นาเสนฺตีติ.
อถ ¶ นํ เอโก ปุริโส อาห – ‘‘กึ สามิ, นิวตฺติตฺวา โอโลเกสี’’ติ? ‘‘สากิยา เม ปุริเส นาเสนฺตี’’ติ. ‘‘ตุมฺหากํ โกจิ ปุริโส มโต นาม นตฺถิ. อิงฺฆ เต คณาเปถา’’ติ. คณาเปนฺโต เอกสฺสปิ ขยํ น ปสฺสิ. โส ตโต นิวตฺติตฺวา ‘‘เย เย ปน ภเณ ‘สากิยมฺหา’ติ ภณนฺติ, สพฺเพ มาเรถ, มาตามหสฺส ปน มหานามสกฺกสฺส สนฺติเก ิตานํ ชีวิตํ เทถา’’ติ อาห. สากิยา คเหตพฺพคหณํ อปสฺสนฺตา เอกจฺเจ ติณํ ฑํสิตฺวา, เอกจฺเจ นฬํ คเหตฺวา อฏฺํสุ. ‘‘ตุมฺเห สากิยา, โน’’ติ ปุจฺฉิตา ยสฺมา เต มรนฺตาปิ มุสาวาทํ น ภณนฺติ, ตสฺมา ติณํ ฑํสิตฺวา ิตา ‘‘โน สาโก, ติณ’’นฺติ ¶ วทนฺติ. นฬํ คเหตฺวา ิตา ‘‘โน สาโก, นโฬ’’ติ วทนฺติ. เย จ มหานามสฺส สนฺติเก ิตา, เต จ ชีวิตํ ลภึสุ. เตสุ ติณํ ฑํสิตฺวา ิตา ติณสากิยา นาม, นฬํ คเหตฺวา ิตา นฬสากิยา นาม ชาตาติ, วิฏฏูโภ อวเสเส ขีรปเกปิ ทารเก อวิสฺสชฺเชตฺวา ฆาตาเปนฺโต โลหิตนทึ ปวตฺเตตฺวา เตสํ คลโลหิเตน ผลกํ โธวาเปสิ. เอวํ สากิยวํโส วิฏฏูเภน อุปจฺฉินฺโน.
โส มหานามสกฺกํ คาหาเปตฺวา นิวตฺโต ‘‘ปาตราสเวลาย ปาตราสํ กริสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ าเน โอตริตฺวา โภชเน อุปนีเต ‘‘เอกโตว ภฺุชิสฺสามา’’ติ อยฺยกํ ปกฺโกสาเปสิ. ขตฺติยา ปน ชีวิตํ จชนฺตาปิ ทาสิปุตฺเตหิ สทฺธึ น ภฺุชนฺติ. ตสฺมา มหานาโม เอกํ สรํ โอโลเกตฺวา ‘‘กิลิฏฺคตฺโตมฺหิ, นฺหายิสฺสามิ, ตาตา’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, อยฺยก, นฺหายถา’’ติ. โส ‘‘อยํ มํ เอกโต อภฺุชนฺตํ ฆาเตสฺสติ, สยเมว เม มตํ เสยฺโย’’ติ เกเส มฺุจิตฺวา อคฺเค คณฺึ กตฺวา เกเสสุ ปาทงฺคุฏฺเก ปเวเสตฺวา อุทเก นิมุชฺชิ. ตสฺส คุณเตเชน นาคภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. นาคราชา ‘‘กึ นุ โข’’ติ อุปธาเรนฺโต ตํ ตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ตํ อตฺตโน ผเณ นิสีทาเปตฺวา นาคภวนํ ปเวเสสิ. โส ทฺวาทสฺส วสฺสานิ ตตฺเถว วสิ. วิฏฏูโภปิ ‘‘มยฺหํ อยฺยโก อิทานิ อาคมิสฺสติ, อิทานิ อาคมิสฺสตี’’ติ อาคมยมาโนว นิสีทิ. ตสฺมึ อติจิรายนฺเต สรํ วิจินาเปตฺวา ทีปาโลเกน ปุริสพฺภนฺตรานิปิ โอโลเกตฺวา อทิสฺวา ‘‘คโต ภวิสฺสตี’’ติ ปกฺกามิ. โส ¶ รตฺติภาเค อจิรวตึ ¶ ปตฺวา ขนฺธาวารํ นิวาเสสิ. เอกจฺเจ อนฺโตนทิยํ วาลุกาปุลิเน นิปชฺชึสุ ¶ , เอกจฺเจ พหิถเล, อนฺโตนิปนฺเนสุปิ ปุพฺเพ อกตปาปกมฺมา อตฺถิ, พหินิปนฺเนสุปิ ปุพฺเพ กตปาปกมฺมา อตฺถิ, เตสํ นิปนฺนฏฺาเนสุ กิปิลฺลิกา อุฏฺหึสุ. เต ‘‘มยฺหํ นิปนฺนฏฺาเน กิปิลฺลิกา, มยฺหํ นิปนฺนฏฺาเน กิปิลฺลิกา’’ติ อุฏฺหิตฺวา อกตปาปกมฺมา อุตฺตริตฺวา ถเล นิปชฺชึสุ, กตปาปกมฺมา โอตริตฺวา วาลุกาปุลิเน นิปชฺชึสุ. ตสฺมึ ขเณ มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา ฆนวสฺสํ วสฺสิ. นทิยา โอโฆ อาคนฺตฺวา วิฏฏูภํ สทฺธึ ปริสาย สมุทฺทเมว ปาเปสิ. สพฺเพ ตตฺถ มจฺฉกจฺฉปภกฺขา อเหสุํ.
มหาชโน กถํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘สากิยานํ มรณํ อยุตฺตํ, ‘เอวํ นาม โกฏฺเฏตฺวา โกฏฺเฏตฺวา สากิยา มาเรตพฺพา’ติ อนนุจฺฉวิกเมต’’นฺติ. สตฺถา ตํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อิมสฺมึ อตฺตภาเว กิฺจาปิ สากิยานํ เอวํ มรณํ อยุตฺตํ, ปุพฺเพ กตปาปกมฺมวเสน ปน ยุตฺตเมเวเตหิ ลทฺธ’’นฺติ อาห. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เอเต ปุพฺเพ อกํสู’’ติ? สพฺเพ เอกโต หุตฺวา นทิยํ วิสํ ปกฺขิปึสูติ. ปุเนกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘วิฏฏูโภ เอตฺตเก สากิเย มาเรตฺวา อาคจฺฉนฺโต อตฺตโน มโนรเถ มตฺถกํ อปฺปตฺเตเยว เอตฺตกํ ชนํ อาทาย มหาสมุทฺเท มจฺฉกจฺฉปภกฺโข ชาโต’’ติ ¶ . สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘อิเมสํ สตฺตานํ มโนรเถ มตฺถกํ อปฺปตฺเตเยว มจฺจุราชา สุตฺตํ คามํ อชฺโฌตฺถรนฺโต มโหโฆ วิย ชีวิตินฺทฺริยํ ฉินฺทิตฺวา จตูสุ อปายสมุทฺเทสุ นิมุชฺชาเปตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปุปฺผานิ เหว ปจินนฺตํ, พฺยาสตฺตมนสํ นรํ;
สุตฺตํ คามํ มโหโฆว, มจฺจุ อาทาย คจฺฉตี’’ติ.
ตตฺถ พฺยาสตฺตมนสํ นรนฺติ สมฺปตฺเต วา อสมฺปตฺเต วา ลคฺคมานสํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา มาลากาโร ปุปฺผารามํ ปวิสิตฺวา ‘‘ปุปฺผานิ ปจินิสฺสามี’’ติ ตโต ปุปฺผานิ คเหตฺวา อฺมฺํ วา คจฺฉํ ปตฺเถนฺโต สกเล ปุปฺผาราเม มนํ เปเสติ, ‘‘อิโต จิโต จ ปุปฺผานิ ปจินิสฺสามี’’ติ ตโต ปุปฺผานิ อคฺคเหตฺวา อฺตฺถ มนํ เปเสสิ, ตเมว คจฺฉํ ปจินนฺโต ¶ ปมาทมาปชฺชติ, เอวเมว เอกจฺโจ ปุปฺผารามสทิสํ ปฺจกามคุณมชฺฌํ โอตริตฺวา มโนรมํ รูปํ ลภิตฺวา มโนรมานํ สทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพานํ อฺตรํ ปตฺเถติ. อฺโ เตสุ วา อฺตรํ ลภิตฺวา อฺตรํ ปตฺเถติ ¶ , รูปเมว วา ลภิตฺวา อฺํ อปตฺเถนฺโต ตเมว อสฺสาเทติ, สทฺทาทีสุ วา อฺตรํ. เอเสว นโย โคมหึสทาสิทาสเขตฺตวตฺถุคามนิคมชนปทาทีสุ, ปพฺพชิตานมฺปิ ปริเวณวิหารปตฺตจีวราทีสูติ เอวํ ปฺจกามคุณสงฺขาตานิ ปุปฺผานิ เอว ปจินนฺตํ ¶ สมฺปตฺเต วา อสมฺปตฺเต วา กามคุเณ พฺยาสตฺตมนสํ นรํ. สุตฺตํ คามนฺติ คามสฺส เคหภิตฺติอาทีนํ ปน สุปนวเสน สุปนํ นาม นตฺถิ, สตฺตานํ ปน สุตฺตปมตฺตตํ อุปาทาย สุตฺโต นาม โหติ. เอวํ สุตฺตํ คามํ ทฺเว ตีณิ โยชนานิ อายตคมฺภีโร มโหโฆว มจฺจุ อาทาย คจฺฉติ. ยถา โส มโหโฆ อิตฺถิปุริสโคมหึสกุกฺกุฏาทีสุ กิฺจิ อนวเสเสตฺวา สพฺพํ ตํ คามํ สมุทฺทํ ปาเปตฺวา มจฺฉกจฺฉปภกฺขํ กโรติ, เอวเมว พฺยาสตฺตมนสํ นรํ มจฺจุ อาทาย ชีวิตินฺทฺริยมสฺส ฉินฺทิตฺวา จตูสุ อปายสมุทฺเทสุ นิมุชฺชาเปตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. มหาชนสฺส สาตฺถิกา เทสนา ชาตาติ.
วิฏฏูภวตฺถุ ตติยํ.
๔. ปติปูชิกกุมาริวตฺถุ
ปุปฺผานิ เหวาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต ปติปูชิกํ นาม กุมาริกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ¶ ตาวตึสเทวโลเก สมุฏฺิตํ.
ตตฺถ กิร มาลภารี นาม เทวปุตฺโต อจฺฉราสหสฺสปริวุโต อุยฺยานํ ปาวิสิ. ปฺจสตา เทวธีตโร รุกฺขํ อารุยฺห ปุปฺผานิ ปาเตนฺติ, ปฺจสตา ปติตานิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา เทวปุตฺตํ อลงฺกโรนฺติ. ตาสุ เอกา เทวธีตา รุกฺขสาขายเมว จุตา, สรีรํ ทีปสิขา วิย นิพฺพายิ. สา สาวตฺถิยํ เอกสฺมึ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ชาตกาเล ¶ ชาติสฺสรา หุตฺวา ‘‘มาลภารีเทวปุตฺตสฺส ภริยามฺหี’’ติ อนุสฺสรนฺตี วุฑฺฒิมนฺวาย คนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กตฺวา สามิกสฺส สนฺติเก อภินิพฺพตฺตึ ปตฺเถสิ. สา โสฬสวสฺสกาเล ปรกุลํ คตาปิ สลากภตฺตปกฺขิกภตฺตวสฺสาวาสิกาทีนิ ทตฺวา, ‘‘อยํ เม สามิกสฺส สนฺติเก นิพฺพตฺตนตฺถาย ปจฺจโย โหตู’’ติ วทติ. อถสฺสา ภิกฺขู ‘‘อยํ กุมาริกา อุฏฺาย สมุฏฺาย ปติเมว ปตฺเถตีติ ปติปูชิกา’’ติ นามํ กรึสุ. สาปิ นิพทฺธํ อาสนสาลํ ปฏิชคฺคติ, ปานียํ อุปฏฺเปติ, อาสนานิ ปฺเปติ. อฺเปิ มนุสฺสา สลากภตฺตาทีนิ ทาตุกามา, ‘‘อมฺม, อิมานิปิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปฏิปาเทยฺยาสี’’ติ วตฺวา อาหริตฺวา เทนฺติ. สาปิ เอเตน นิยาเมน อาคจฺฉนฺตี คจฺฉนฺตี เอกปทวาเร ฉปฺาส กุสลธมฺเม (ธ. ส. ๑; ธ. ส. อฏฺ. ๑ เยวาปนกวณฺณนา) ปฏิลภติ. ตสฺสา กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺหิ. สา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ. ตสฺส ปทสา คมนกาเล อฺมฺปิ อฺมฺปีติ จตฺตาโร ปุตฺเต ปฏิลภิ.
สา ¶ เอกทิวสํ ทานํ ทตฺวา ปูชํ กตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ¶ สิกฺขาปทานิ รกฺขิตฺวา ทิวสปริโยสาเน ตํ ขณํ นิพฺพตฺเตน เกนจิ โรเคน กาลํ กตฺวา อตฺตโน สามิกสฺเสว สนฺติเก นิพฺพตฺติ. อิตราปิ เอตฺตกํ กาลํ เทวปุตฺตํ อลงฺกโรนฺติ เอว. เทวปุตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ ปาโตว ปฏฺาย น ทิสฺสสิ, กุหึ คตาสี’’ติ อาห. ‘‘จุตามฺหิ สามี’’ติ. ‘‘กึ วเทสี’’ติ? ‘‘เอวเมตํ, สามี’’ติ. ‘‘กุหึ นิพฺพตฺตาสี’’ติ? ‘‘สาวตฺถิยํ กุลเคเห’’ติ. ‘‘กิตฺตกํ กาลํ ตตฺถ ิตาสี’’ติ? ‘‘ทสมาสจฺจเยน มาตุ กุจฺฉิโต นิกฺขมิตฺวา โสฬสวสฺสกาเล ปรกุลํ คนฺตฺวา จตฺตาโร ปุตฺเต วิชายิตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ตุมฺเห ปตฺเถตฺวา อาคนฺตฺวา ตุมฺหากเมว สนฺติเก นิพฺพตฺตามฺหิ, สามี’’ติ. ‘‘มนุสฺสานํ กิตฺตกํ อายู’’ติ? ‘‘วสฺสสตมตฺต’’นฺติ. ‘‘เอตฺตกเมวา’’ติ? ‘‘อาม, สามี’’ติ. ‘‘เอตฺตกํ อายุํ คเหตฺวา นิพฺพตฺตมนุสฺสา กึ นุ โข สุตฺตปมตฺตา กาลํ อติกฺกาเมนฺติ, อุทาหุ ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรนฺตี’’ติ. ‘‘กึ วเทถ, สามิ’’? ‘‘อสงฺขฺเยยฺยํ อายุํ คเหตฺวา นิพฺพตฺตา วิย อชรามรา วิย จ นิจฺจํ ปมตฺตา, มนุสฺสา’’ติ. มาลภารีเทวปุตฺตสฺส มหาสํเวโค อุทปาทิ ‘‘วสฺสสตมตฺตมายุํ คเหตฺวา นิพฺพตฺตมนุสฺสา กิร ปมตฺตา นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺติ, กทา นุ โข ทุกฺขา มุจฺจิสฺสนฺตี’’ติ? มนุสฺสานํ ¶ ปน วสฺสสตํ ตาวตึสานํ เทวานํ เอโก รตฺตินฺทิโว, ตาย รตฺติยา ตึสรตฺติโย มาโส, เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโก สํวจฺฉโร, เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพวสฺสสหสฺสํ อายุปฺปมาณํ ¶ , ตํ มนุสฺสคณนาย ติสฺโส วสฺสโกฏิโย, สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานิ โหนฺติ. ตสฺมา ตสฺส เทวปุตฺตสฺส เอกทิวโสปิ นาติกฺกนฺโต มุหุตฺตสทิโสว กาโล อโหสิ. เอวํ อปฺปายุกมนุสฺสานํ ปมาโท นาม อติวิย อยุตฺโตติ.
ปุนทิวเส ภิกฺขู คามํ ปวิฏฺา อาสนสาลํ อปฏิชคฺคิตํ, อาสนานิ อปฺตฺตานิ, ปานียํ อนุฏฺปิตํ ทิสฺวา, ‘‘กหํ ปติปูชิกา’’ติ อาหํสุ. ‘‘ภนฺเต, กหํ ตุมฺเห ตํ ทกฺขิสฺสถ, หิยฺโย อยฺเยสุ ภฺุชิตฺวา คเตสุ สายนฺหสมเย มตา’’ติ. ตํ สุตฺวา ปุถุชฺชนา ภิกฺขู ตสฺสา อุปการํ สรนฺตา อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขึสุ. ขีณาสวานํ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิ. เต ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘ภนฺเต, ปติปูชิกา นาม อุปาสิกา อุฏฺาย สมุฏฺาย นานปฺปการานิ ปฺุานิ กตฺวา สามิกเมว ปตฺเถสิ, สา อิทานิ มตา, กหํ นุ โข นิพฺพตฺตา’’ติ? ‘‘อตฺตโน สามิกสฺเสว สนฺติเก, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, สามิกสฺส สนฺติเก’’ติ. ‘‘น สา, ภิกฺขเว, เอตํ สามิกํ ปตฺเถติ, ตาวตึสภวเน ตสฺสา มาลภารีเทวปุตฺโต นาม สามิโก, สา ตสฺส ปุปฺผปิลนฺธนฏฺานโต จวิตฺวา ปุน คนฺตฺวา ตสฺเสว สนฺติเก นิพฺพตฺตา’’ติ. ‘‘เอวํ กิร, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อาม, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อโห ปริตฺตํ, ภนฺเต, สตฺตานํ ชีวิตํ, ปาโตว อมฺเห ปริวิสิตฺวา ¶ สายํ อุปฺปนฺนพฺยาธินา มตา’’ติ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ปริตฺตํ สตฺตานํ ชีวิตํ นาม, เตเนว อิเม สตฺเต วตฺถุกาเมหิ เจว กิเลสกาเมหิ จ อติตฺเต เอว อนฺตโก อตฺตโน วเส ¶ วตฺเตตฺวา กนฺทนฺเต ปริเทวนฺเต คเหตฺวา คจฺฉตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปุปฺผานิ เหว ปจินนฺตํ, พฺยาสตฺตมนสํ นรํ;
อติตฺตํเยว กาเมสุ, อนฺตโก กุรุเต วส’’นฺติ.
ตตฺถ ปุปฺผานิ เหว ปจินนฺตนฺติ ปุปฺผาราเม มาลากาโร นานาปุปฺผานิ วิย อตฺตภาวปฏิพทฺธานิ เจว อุปกรณปฏิพทฺธานิ จ กามคุณปุปฺผานิ โอจินนฺตเมว ¶ . พฺยาสตฺตมนสํ นรนฺติ อสมฺปตฺเตสุ ปตฺถนาวเสน, สมฺปตฺเตสุ เคธวเสน วิวิเธนากาเรน อาสตฺตจิตฺตํ. อติตฺตํเยว กาเมสูติ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ ปริเยสเนนปิ ปฏิลาเภนปิ ปริโภเคนปิ นิธาเนนปิ อติตฺตํ เอว สมานํ. อนฺตโก กุรุเต วสนฺติ มรณสงฺขาโต อนฺตโก กนฺทนฺตํ ปริเทวนฺตํ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต อตฺตโน วสํ ปาเปตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา, เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
ปติปูชิกกุมาริวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. มจฺฉริยโกสิยเสฏฺิวตฺถุ
ยถาปิ ภมโร ปุปฺผนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต มจฺฉริยโกสิยเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส วตฺถุ ราชคเห สมุฏฺิตํ.
ราชคหนครสฺส ¶ กิร อวิทูเร สกฺการํ นาม นิคโม อโหสิ. ตตฺเถโก มจฺฉริยโกสิโย นาม เสฏฺิ อสีติโกฏิวิภโว ปฏิวสติ. โส ติณคฺเคน เตลพินฺทุมฺปิ ปเรสํ น เทติ, น อตฺตนา ปริภฺุชติ. อิติสฺส ตํ วิภวชาตํ เนว ปุตฺตทาราทีนํ, น สมณพฺราหฺมณานํ อตฺถํ อนุโภติ, รกฺขสปริคฺคหิตา โปกฺขรณี วิย อปริโภคํ ติฏฺติ. สตฺถา เอกทิวสํ ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย สกลโลกธาตุยํ โพธเนยฺยพนฺธเว โอโลเกนฺโต ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก วสนฺตสฺส เสฏฺิโน สปชาปติกสฺส โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ อทฺทส. ตโต ปุริมทิวเส ปน โส ราชานํ อุปฏฺาตุํ ราชเคหํ คนฺตฺวา ราชูปฏฺานํ กตฺวา ¶ อาคจฺฉนฺโต เอกํ ฉาตชฺฌตฺตํ ชนปทมนุสฺสํ กุมฺมาสปูรํ กปลฺลกปูวํ ขาทนฺตํ ทิสฺวา ตตฺถ ปิปาสํ อุปฺปาเทตฺวา อตฺตโน ฆรํ คนฺตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ กปลฺลกปูวํ ขาทิตุกาโมมฺหีติ วกฺขามิ, พหู มนุสฺสา มยา สทฺธึ ขาทิตุกามา ภวิสฺสนฺติ, เอวํ เม พหูนิ ติลตณฺฑุลสปฺปิผาณิตาทีนิ ปริกฺขยํ คมิสฺสนฺติ, น ¶ กสฺสจิ กเถสฺสามี’’ติ ตณฺหํ อธิวาเสนฺโต จรติ. โส คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคตฺโต ชาโต. ตโต ตณฺหํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต คพฺภํ ปวิสิตฺวา มฺจเก อุปคูหิตฺวา นิปชฺชิ. เอวํ คโตปิ ¶ ธนหานิภเยน น กสฺสจิ กิฺจิ กเถสิ.
อถ นํ ภริยา อุปสงฺกมิตฺวา ปิฏฺึ ปริมชฺชิตฺวา, ‘‘กึ เต, สามิ, อผาสุกํ ชาต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น เม กิฺจิ อผาสุกํ อตฺถี’’ติ. ‘‘กึ นุ โข เต ราชา กุปิโต’’ติ? ‘‘ราชาปิ เม น กุปฺปตี’’ติ. ‘‘อถ กึ เต ปุตฺตธีตาหิ วา ทาสกมฺมกราทีหิ วา กิฺจิ อมนาปํ กตํ อตฺถี’’ติ? ‘‘เอวรูปมฺปิ นตฺถี’’ติ. ‘‘กิสฺมิฺจิ ปน เต ตณฺหา อตฺถี’’ติ? เอวํ วุตฺเตปิ ธนหานิภเยน กิฺจิ อวตฺวา นิสฺสทฺโทว นิปชฺชิ, อถ นํ ภริยา ‘‘กเถหิ, สามิ กิสฺมิฺจิ เต ตณฺหา อตฺถี’’ติ อาห. โส วจนํ ปริคิลนฺโต วิย ‘‘อตฺถิ เม ตณฺหา’’ติ อาห. ‘‘กึ ตณฺหา, สามี’’ติ? ‘‘กปลฺลกปูวํ ขาทิตุกาโมมฺหี’’ติ. ‘‘อถ กิมตฺถํ เม น กเถสิ, กึ ตฺวํ ทลิทฺโทสิ, อิทานิ สกลนิคมวาสีนํ ปโหนเก กปลฺลกปูเว ปจิสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ เต เอเตหิ, อตฺตโน กมฺมํ กตฺวา ขาทิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เตน หิ เอกรจฺฉวาสีนํ ปโหนเก ปจิสฺสามี’’ติ. ‘‘ชานามหํ ตว มหทฺธนภาว’’นฺติ. ‘‘อิมสฺมึ เคหสามนฺเต สพฺเพสํ ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติ. ‘‘ชานามหํ ตว มหชฺฌาสยภาว’’นฺติ. ‘‘เตน หิ เต ปุตฺตทารมตฺตสฺเสว ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติ. ‘‘กึ เต เอเตหี’’ติ? ‘‘กึ ปน ตุยฺหฺจ มยฺหฺจ ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติ? ‘‘ตฺวํ กึ กริสฺสสี’’ติ ¶ ? ‘‘เตน หิ เอกกสฺเสว เต ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติ. ‘‘อิมสฺมึ าเน ปจมาเน พหู ปจฺจาสีสนฺติ. สกลตณฺฑุเล เปตฺวา ภินฺนตณฺฑุเล จ อุทฺธนกปลฺลานิ จ อาทาย โถกํ ขีรสปฺปิมธุผาณิตฺจ คเหตฺวา สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริมตลํ อารุยฺห ปจ, ตตฺถาหํ เอกโกว นิสีทิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา คเหตพฺพํ คาหาเปตฺวา ปาสาทํ อภิรุยฺห ทาสิโย วิสฺสชฺเชตฺวา เสฏฺึ ปกฺโกสาเปสิ, โส อาทิโต ปฏฺาย ทฺวารานิ ปิทหนฺโต สพฺพทฺวาเรสุ สูจิฆฏิกํ ทตฺวา สตฺตมตลํ อภิรุหิตฺวา ตตฺถปิ ทฺวารํ ปิทหิตฺวา นิสีทิ. ภริยาปิสฺส อุทฺธเน อคฺคึ ชาเลตฺวา กปลฺลํ อาโรเปตฺวา ปูเว ปจิตุํ อารภิ.
อถ ¶ ¶ สตฺถา ปาโตว มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอโส, โมคฺคลฺลาน, ราชคหสฺส อวิทูเร สกฺการนิคเม มจฺฉริยเสฏฺิ ‘กปลฺลกปูเว ขาทิสฺสามี’ติ อฺเสํ ทสฺสนภเยน สตฺตภูมิเก ปาสาเท กปลฺลกปูเว ปจาเปติ, ตฺวํ ตตฺถ คนฺตฺวา เสฏฺึ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา อุโภปิ ชายมฺปติเก ปูเว จ ขีรสปฺปิมธุผาณิตานิ จ คาหาเปตฺวา อตฺตโน พเลน เชตวนํ อาเนหิ, อชฺชาหํ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ วิหาเร เอว นิสีทิสฺสามิ, ปูเวเหว ภตฺตกิจฺจํ กริสฺสามี’’ติ.
เถโร ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ¶ ตาวเทว อิทฺธิพเลน ตํ นิคมํ คนฺตฺวา ตสฺส ปาสาทสฺส สีหปฺชรทฺวาเร สุนิวตฺโถ สุปารุโต อากาเส เอว มณิรูปกํ วิย อฏฺาสิ. มหาเสฏฺิโน เถรํ ทิสฺวาว หทยมํสํ กมฺปิ. โส อหํ เอวรูปานํเยว ทสฺสนภเยน อิมํ านมาคโต, อยฺจ ภิกฺขุ อากาเสนาคนฺตฺวา วาตปานทฺวาเร ิโตติ. โส คเหตพฺพคหณํ อปสฺสนฺโต อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตโลณสกฺขรา วิย โทเสน ตฏตฏายนฺโต เอวมาห – ‘‘สมณ, อากาเส ตฺวาปิ กึ ลภิสฺสสิ, อากาเส อปเท ปทํ ทสฺเสตฺวา จงฺกมนฺโตปิ เนว ลภิสฺสสี’’ติ. เถโร ตสฺมึ เอว าเน อปราปรํ จงฺกมิ. เสฏฺิ ‘‘จงฺกมนฺโต กึ ลภิสฺสสิ, อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทนฺโตปิ น ลภิสฺสสิเยวา’’ติ อาห. เถโร ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ ‘‘อากาเส นิสินฺโน กึ ลภิสฺสสิ, อาคนฺตฺวา วาตปานสฺส อุมฺมาเร ิโตปิ น ลภิสฺสสี’’ติ อาห. เถโร อุมฺมาเร ิโต. ‘‘อุมฺมาเร ิโตปิ กึ ลภิสฺสสิ, ธูมายนฺโตปิ น ลภิสฺสสิ เอวา’’ติ อาห. เถโรปิ ธูมายิ. สกลปาสาโท เอกธูโม อโหสิ. เสฏฺิโน อกฺขีนํ สูจิยา วิชฺฌนกาโล วิย อโหสิ, เคหชฺฌายนภเยน ปน ‘‘ตฺวํ ปชฺชลนฺโตปิ น ลภิสฺสสี’’ติ อวตฺวา ‘‘อยํ สมโณ สุฏฺุ ลคฺโค, อลทฺธา น คมิสฺสติ ¶ , เอกมสฺส ปูวํ ทาเปสฺสามี’’ติ ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท เอกํ ขุทฺทกปูวํ ปจิตฺวา สมณสฺส ทตฺวา อุยฺโยเชหิ น’’นฺติ. สา โถกํ เอว ปิฏฺํ กปลฺลปาติยํ ปกฺขิปิ, มหาปูโว หุตฺวา สกลปาตึ ปูเรตฺวา อุทฺธุมาโต หุตฺวา อฏฺาสิ.
เสฏฺิ ตํ ทิสฺวา ‘‘พหุํ ตยา ปิฏฺํ คหิตํ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว ทพฺพิกณฺเณน โถกํ ปิฏฺํ คเหตฺวา ปกฺขิปิ, ปูโว ปุริมปูวโต มหนฺตตโร ชาโต ¶ . เอวํ ยํ ยํ ปจติ, โส โส มหนฺตมหนฺโตว โหติ. โส นิพฺพินฺโน ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, อิมสฺส เอกํ ปูวํ เทหี’’ติ. ตสฺสา ปจฺฉิโต เอกํ ปูวํ คณฺหนฺติยา สพฺเพ เอกาพทฺธา อลฺลียึสุ. สา เสฏฺึ อาห – ‘‘สามิ, สพฺเพ ปูวา เอกโต ลคฺคา, วิสุํ กาตุํ น สกฺโกมี’’ติ. ‘‘อหํ กริสฺสามี’’ติ โสปิ กาตุํ นาสกฺขิ. อุโภปิ ชนา โกฏิยํ คเหตฺวา กฑฺฒนฺตาปิ วิโยเชตุํ นาสกฺขึสุ เอว ¶ . อถสฺส ปูเวหิ สทฺธึ วายมนฺตสฺเสว สรีรโต เสทา มุจฺจึสุ, ปิปาสา อุปจฺฉิชฺชิ. ตโต ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, น เม ปูเวหิ อตฺโถ, ปจฺฉิยา สทฺธึเยว อิมสฺส เทหี’’ติ. สา ปจฺฉึ อาทาย เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อทาสิ. เถโร อุภินฺนมฺปิ ธมฺมํ เทเสสิ, ติณฺณํ รตนานํ คุณํ กเถสิ, ‘‘อตฺถิ ¶ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺ’’นฺติ ทินฺนทานาทีนํ ผลํ คคนตเล ปุณฺณจนฺทํ วิย ทสฺเสสิ.
ตํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา เสฏฺิ ‘‘ภนฺเต, อาคนฺตฺวา อิมสฺมึ ปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา ปริภฺุชถา’’ติ อาห. เถโร, ‘‘มหาเสฏฺิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ‘ปูเว ขาทิสฺสามี’ติ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ วิหาเร นิสินฺโน, ตุมฺหากํ รุจิยา สติ อหํ โว เนสฺสามิ, เสฏฺิภริยํ ปูเว จ ขีราทีนิ จ คณฺหาเปถ, สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘กหํ ปน, ภนฺเต, เอตรหิ สตฺถา’’ติ? ‘‘อิโต ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก เชตวนวิหาเร, มหาเสฏฺี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, กาลํ อนติกฺกมิตฺวา เอตฺตกํ อทฺธานํ กถํ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘มหาเสฏฺิ, ตุมฺหากํ รุจิยา สติ อหํ โว อตฺตโน อิทฺธิพเลน เนสฺสามิ, ตุมฺหากํ ปาสาเท โสปานสีสํ อตฺตโน าเน เอว ภวิสฺสติ, โสปานปริโยสานํ ปน โว เชตวนทฺวารโกฏฺเก ภวิสฺสติ, อุปริปาสาทา เหฏฺาปาสาทํ โอตรณกาลมตฺเตเนว เชตวนํ เนสฺสามี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
เถโร โสปานสีสํ ตตฺเถว กตฺวา ‘‘โสปานปาทมูลํ เชตวนทฺวารโกฏฺเก โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ. ตเถว อโหสิ. อิติ เถโร เสฏฺิฺจ เสฏฺิภริยฺจ อุปริปาสาทา เหฏฺาปาสาทํ โอตรณกาลโต ขิปฺปตรํ เชตวนํ สมฺปาเปสิ. เต อุโภปิ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา กาลํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ภตฺตคฺคํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. มหาเสฏฺิ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทกฺขิโณทกํ ¶ อทาสิ. ภริยาปิสฺส ตถาคตสฺส ปตฺเต ปูวํ ปติฏฺาเปสิ. สตฺถา อตฺตโน ¶ ยาปนมตฺตํ คณฺหิ, ปฺจสตา ภิกฺขูปิ ยาปนมตฺตํ คณฺหึสุ. เสฏฺิ ขีรสปฺปิมธุสกฺขราทีนิ ททมาโน น ขยํ อคมาสิ. สตฺถา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปสิ. มหาเสฏฺิปิ สทฺธึ ภริยาย ยาวทตฺถํ ขาทิ. ปูวานํ ปริโยสานเมว น ปฺายติ. สกลวิหาเร ภิกฺขูนฺจ วิฆาสาทานฺจ ทินฺเนสุปิ ปริยนฺโต น ปฺายเตว. ‘‘ภนฺเต, ปูวา ปริกฺขยํ น คจฺฉนฺตี’’ติ ภควโต อาโรเจสุํ. ‘‘เตน หิ เชตวนทฺวารโกฏฺเก ฉฑฺเฑถา’’ติ. อถ เน ทฺวารโกฏฺกสฺส อวิทูเร ปพฺภารฏฺาเน ฉฑฺฑยึสุ. ยาวชฺชตนาปิ ตํ านํ กปลฺลกปูวปพฺภารนฺเตว ปฺายติ. มหาเสฏฺิ สห ภริยาย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ภควา อนุโมทนมกาสิ. อนุโมทนาวสาเน อุโภปิ ¶ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ทฺวารโกฏฺเก โสปานํ อารุยฺห อตฺตโน ปาสาเทเยว ปติฏฺหึสุ.
ตโต ปฏฺาย เสฏฺิ อสีติโกฏิธนํ พุทฺธสาสเนเยว วิกฺกิริ. ปุนทิวเส สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ภิกฺขู ‘‘ปสฺสถาวุโส, มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส อานุภาวํ, อนุปหจฺจ นาม สทฺธํ, อนุปหจฺจ โภเค มจฺฉริยเสฏฺึ ¶ มุหุตฺเตเนว ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ปูเว คาหาเปตฺวา เชตวนํ อาเนตฺวา สตฺถุ สมฺมุขํ กตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ, อโห มหานุภาโว เถโร’’ติ เถรสฺส คุณํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา ทิพฺพาย โสตธาตุยา กถํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, กุลทมเกน นาม ภิกฺขุนา อนุปหจฺจ สทฺธํ, อนุปหจฺจ โภเค, กุลํ อกิลเมตฺวา อวิเหเตฺวา ปุปฺผโต เรณุํ คณฺหนฺเตน ภมเรน วิย อุปสงฺกมิตฺวา พุทฺธคุณํ ชานาเปตพฺพํ, ตาทิโส มม ปุตฺโต โมคฺคลฺลาโน’’ติ เถรํ ปสํสิตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผํ, วณฺณคนฺธมเหยํ;
ปเลติ รสมาทาย, เอวํ คาเม มุนี จเร’’ติ.
ตตฺถ ภมโรติ ยา กาจิ มธุกรชาติ. ปุปฺผนฺติ ปุปฺผาราเม จรนฺโต ปุปฺผฺจ วณฺณฺจ คนฺธฺจ อเหยนฺโต อวินาเสนฺโต วิจรตีติ อตฺโถ. ปเลตีติ เอวํ จริตฺวา ยาวทตฺถํ รสํ ปิวิตฺวา อปรมฺปิ มธุกรณตฺถาย ¶ อาทาย ¶ ปเลติ, โส เอวํ วนคหนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เอกสฺมึ รุกฺขสุสิเร ตํ รชมิสฺสกํ รสํ เปตฺวา อนุปุพฺเพน มธุรรสํ มธุํ กโรติ, น ตสฺส ปุปฺผาราเม วิจริตปจฺจยา ปุปฺผํ วา วณฺณคนฺธํ วาสฺส วิคจฺฉติ, อถ โข สพฺพํ ปากติกเมว โหติ. เอวํ คาเม มุนี จเรติ เอวํ เสขาเสขเภโท อนาคาริยมุนิ กุลปฏิปาฏิยา คาเม ภิกฺขํ คณฺหนฺโต วิจรตีติ อตฺโถ. น หิ ตสฺส คาเม จรณปจฺจยา กุลานํ สทฺธาหานิ วา โภคหานิ วา โหนฺติ. สทฺธาปิ โภคาปิ ปากติกาว โหนฺติ. เอวํ จริตฺวา จ ปน นิกฺขมิตฺวา เสขมุนิ ตาว พหิคาเม อุทกผาสุกฏฺาเน สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวา นิสินฺโน อกฺขภฺชนวณปฏิจฺฉาทนปุตฺตมํสูปมาทิวเสน ปจฺจเวกฺขนฺโต ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา ตถารูปํ วนสณฺฑํ อนุปวิสิตฺวา อชฺฌตฺติกกมฺมฏฺานํ สมฺมสนฺโต จตฺตาโร มคฺเค, จตฺตาริ จ สามฺผลานิ หตฺถคตาเนว กโรติ. อเสขมุนิ ปน ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยฺุชติ ¶ . อยมสฺส ภมเรน สทฺธึ มธุกรณสริกฺขตา เวทิตพฺพา. อิธ ปน ขีณาสโวว อธิปฺเปโต.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ วตฺวา อุตฺตริปิ เถรสฺส คุณํ ปกาเสตุํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว โมคฺคลฺลาเนน มจฺฉริยเสฏฺิ ทมิโต, ปุพฺเพปิ นํ ทเมตฺวา กมฺมผลสมฺพนฺธํ ชานาเปสิ เอวา’’ติ วตฺวา อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘อุโภ ขฺชา อุโภ กุณี, อุโภ วิสมจกฺขุกา;
อุภินฺนํ ปิฬกา ชาตา, นาหํ ปสฺสามิ อิลฺลิส’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๗๘) –
อิมํ อิลฺลิสชาตกํ กเถสีติ.
มจฺฉริยโกสิยเสฏฺิวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ปาเวยฺยกาชีวกวตฺถุ
น ปเรสํ วิโลมานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต ปาเวยฺยํ นาม อาชีวกํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ ¶ กิเรกา คหปตานี ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ปาเวยฺยํ นาม อาชีวกํ ปฏิชคฺคิ. ตสฺสานนฺตรฆเรสุ มนุสฺสา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา, ‘‘อโห อจฺฉริยา พุทฺธานํ ธมฺมเทสนา’’ติ นานปฺปกาเรหิ พุทฺธคุเณ วณฺเณนฺติ. สา พุทฺธานํ คุณกถํ สุตฺวา วิหารํ ¶ คนฺตฺวา ธมฺมํ โสตุกามา อาชีวกสฺส เอตมตฺถํ กเถตฺวา, ‘‘คจฺฉิสฺสามิ อหํ พุทฺธสนฺติกํ, อยฺยา’’ติ อาห. โส ‘‘มา คจฺฉาหี’’ติ นิวาเรตฺวา ตํ ปุนปฺปุนํ ยาจมานมฺปิ นิวาเรสิ เอว. สา ‘‘อยํ มม วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ โสตุํ น เทติ, สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา อิเธว ธมฺมํ สุณิสฺสามี’’ติ สายนฺหสมเย ปุตฺตํ ปกฺโกสิตฺวา, ‘‘คจฺฉ, ตาต, สฺวาตนาย สตฺถารํ นิมนฺเตหี’’ติ เปเสสิ. โส คจฺฉนฺโต ปมตรํ อาชีวกสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ โส ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ อาห. ‘‘มาตุ วจเนน สตฺถารํ นิมนฺเตตุํ คจฺฉามี’’ติ อาห. ‘‘มา ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติ. ‘‘อลํ, อยฺย, มม มาตุ ภายามิ, คจฺฉิสฺสามห’’นฺติ. ‘‘เอตสฺส กตสกฺการํ อุโภปิ ขาทิสฺสาม, มา คจฺฉาหี’’ติ. ‘‘อลํ, อยฺย, มาตา เม ตชฺเชสฺสตี’’ติ. เตน หิ คจฺฉ, คนฺตฺวา ปน นิมนฺเตตฺวา, ‘‘อมฺหากํ เคหํ อสุกฏฺาเน ¶ วา อสุกวีถิยํ วา อสุกมคฺเคน วา คนฺตพฺพ’’นฺติ มา อาจิกฺขิ. ‘‘สนฺติเก ิโต วิย อฺเน มคฺเคน คจฺฉนฺโต วิย ปลายิตฺวา เอหี’’ติ. โส อาชีวกสฺส วจนํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา นิมนฺเตตฺวา อาชีวเกน วุตฺตนิยาเมเนว สพฺพํ กตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘กึ เต กต’’นฺติ ปุฏฺโ, ‘‘สพฺพํ กตํ, อยฺยา’’ติ อาห. ‘‘ภทฺทกํ เต กตํ, ตสฺส สกฺการํ อุโภปิ ขาทิสฺสามา’’ติ วตฺวา ปุนทิวเส อาชีวโก ปาโตว ตํ เคหํ อคมาสิ. ตํ คเหตฺวา ปจฺฉาคพฺเภ นิสีทาเปสุํ.
ปฏิวิสฺสกมนุสฺสา ตํ เคหํ อลฺลโคมเยน อุปลิมฺปิตฺวา ลาชปฺจมานิ ¶ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา สตฺถุ นิสีทนตฺถาย มหารหํ อาสนํ ปฺาเปสุํ. พุทฺเธหิ สทฺธึ อปริจิตมนุสฺสา หิ อาสนปฺตฺตึ น ชานนฺติ, พุทฺธานฺจ มคฺคเทสเกน กิจฺจํ นาม นตฺถิ, โพธิมูเล ทสสหสฺสิโสกธาตุํ กมฺเปตฺวา สมฺโพธึ ปตฺตทิวเสเยว หิ เนสํ ‘‘อยํ มคฺโค นิรยํ คจฺฉติ, อยํ ติรจฺฉานโยนึ, อยํ เปตฺติวิสยํ, อยํ มนุสฺสโลกํ, อยํ เทวโลกํ, อยํ อมตมหานิพฺพาน’’นฺติ สพฺเพ มคฺคา อาวิภูตา. คามนิคมาทีนํ ปน มคฺเค วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ตสฺมา สตฺถา ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย มหาอุปาสิกาย เคหทฺวารํ คโต. สา เคหา นิกฺขมิตฺวา สตฺถารํ ¶ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อนฺโตนิเวสนํ ปเวเสตฺวา อาสเน นิสีทาเปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิ. อุปาสิกา กตภตฺตกิจฺจสฺส สตฺถุโน อนุโมทนํ กาเรตุกามา ปตฺตํ คณฺหิ. สตฺถา มธุรสฺสเรน อนุโมทนธมฺมกถํ อารภิ. อุปาสิกา ‘‘สาธุ, สาธู’’ติ สาธุการํ ททมานา ธมฺมํ สุณิ. อาชีวโกปิ ปจฺฉาคพฺเภ นิสินฺโนว ตสฺสา สาธุการํ ทตฺวา ธมฺมํ สุณนฺติยา สทฺทํ สุตฺวา สนฺธาเรตุํ นาสกฺขิ. ‘‘น อิทาเนสา มยฺห’’นฺติ นิกฺขมิตฺวา ‘‘นฏฺาสิ กาฬกณฺณิ, เอตสฺส เอวํ สกฺการํ กโรตี’’ติ นานปฺปกาเรน อุปาสิกฺจ สตฺถารฺจ อกฺโกสนฺโต ปลายิ. อุปาสิกา ตสฺส กถาย ลชฺชิตา อฺถตฺตํ คตํ จิตฺตํ เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ อุปาสิเก จิตฺตํ เทสนานุคตํ กาตุํ น สกฺโกสี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, เอตสฺส เม กถาย จิตฺตํ อฺถตฺตํ อุปคต’’นฺติ ¶ . สตฺถา ‘‘เอวรูปสฺส วิสภาคชนสฺส กถิตํ กถํ นาม อาวชฺชิตุํ น วฏฺฏติ, เอวรูปํ อสมนฺนาหริตฺวา อตฺตโน กตากตเมว โอโลเกตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น ปเรสํ วิโลมานิ, น ปเรสํ กตากตํ;
อตฺตโนว อเวกฺเขยฺย, กตานิ อกตานิ จา’’ติ.
ตตฺถ ¶ น ปเรสํ วิโลมานีติ ปเรสํ วิโลมานิ ผรุสานิ มมฺมจฺเฉทกวจนานิ น มนสิกาตพฺพานิ. น ปเรสํ กตากตนฺติ ‘‘อสุโก อุปาสโก อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน, นาปิสฺส เคเห กฏจฺฉุภิกฺขาทีนิ ทิยฺยนฺติ, น สลากภตฺตาทีนิ, น จีวราทิปจฺจยทานํ เอตสฺส อตฺถิ, ตถา อสุกา อุปาสิกา อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา, นาปิสฺสา เคเห กฏจฺฉุภิกฺขาทีนิ ทิยฺยนฺติ, น สลากภตฺตาทีนิ, น จีวราทิปจฺจยทานํ เอติสฺสา อตฺถิ, ตถา อสุโก ภิกฺขุ อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน, นาปิ อุปชฺฌายวตฺตํ กโรติ, น อาจริยวตฺตํ, น อาคนฺตุกวตฺตํ, น คมิกวตฺตํ, น เจติยงฺคณวตฺตํ, น อุโปสถาคารวตฺตํ, น โภชนสาลาวตฺตํ, น ชนฺตาฆรวตฺตาทีนิ, นาปิสฺส กิฺจิ ธุตงฺคํ อตฺถิ, น ภาวนารามตาย อุสฺสาหมตฺตมฺปี’’ติ เอวํ ปเรสํ กตากตํ นาม น โอโลเกตพฺพํ. อตฺตโนว อเวกฺเขยฺยาติ ‘‘กถํ ภูตสฺส เม รตฺตินฺทิวา วีติวตฺตนฺตีติ ปพฺพชิเตน อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพ’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๔๘) อิมํ โอวาทํ อนุสฺสรนฺโต สทฺธาปพฺพชิโต กุลปุตฺโต ‘‘กึ นุ โข อหํ ‘อนิจฺจํ ¶ ทุกฺขํ อนตฺตา’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา โยเค กมฺมํ กาตุํ สกฺขึ ¶ , นาสกฺขิ’’นฺติ เอวํ อตฺตโน กตากตานิ โอโลเกยฺยาติ.
เทสนาวสาเน สา อุปาสิกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตา, เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
ปาเวยฺยกาชีวกวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. ฉตฺตปาณิอุปาสกวตฺถุ
ยถาปิ รุจิรํ ปุปฺผนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต ฉตฺตปาณิอุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยฺหิ ฉตฺตปาณิ นาม อุปาสโก ติปิฏกธโร อนาคามี. โส ปาโตว อุโปสถิโก หุตฺวา สตฺถุ อุปฏฺานํ อคมาสิ. อนาคามิอริยสาวกานฺหิ สมาทานวเสน อุโปสถกมฺมํ นาม นตฺถิ, มคฺเคเนว เตสํ พฺรหฺมจริยฺจ เอกภตฺติกฺจ อาคตํ. เตเนวาห – ‘‘ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร เอกภตฺติโก พฺรหฺมจารี สีลวา กลฺยาณธมฺโม’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๘๘). เอวํ อนาคามิโน ปกติยาว เอกภตฺติกา จ พฺรหฺมจาริโน จ โหนฺติ. โสปิ ตเถว อุโปสถิโก หุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ธมฺมกถํ สุณนฺโต นิสีทิ. ตสฺมึ สมเย ราชา ปเสนทิ โกสโล สตฺถุ อุปฏฺานํ อคมาสิ. ฉตฺตปาณิ อุปาสโก ¶ ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อุฏฺาตพฺพํ นุ โข, โน’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘อหํ อคฺคราชสฺส สนฺติเก นิสินฺโน, ตสฺส เม ปเทสราชานํ ทิสฺวา อุฏฺาตุํ น ยุตฺตํ, ราชา โข ปน เม อนุฏฺหนฺตสฺส กุชฺฌิสฺสติ, เอตสฺมึ กุชฺฌนฺเตปิ เนว อุฏฺหิสฺสามิ ¶ . ราชานํ ทิสฺวา อุฏฺหนฺเตน หิ ราชา ครุกโต โหติ, โน สตฺถา, ตสฺมา เนว อุฏฺหิสฺสามี’’ติ น อุฏฺหิ. ปณฺฑิตปุริสา นาม ครุตรานํ สนฺติเก นิสีทิตฺวา อนุฏฺหนฺตํ ทิสฺวา น กุชฺฌนฺติ. ราชา ปน ตํ อนุฏฺหนฺตํ ทิสฺวา กุปิตมานโส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา กุปิตภาวํ ตฺวา, ‘‘มหาราช, อยํ ฉตฺตปาณิ อุปาสโก ปณฺฑิโต ทิฏฺธมฺโม ติปิฏกธโร อตฺถานตฺถกุสโล’’ติ อุปาสกสฺส คุณํ กเถสิ. รฺโ ตสฺส คุณกถํ สุณนฺตสฺเสว จิตฺตํ มุทุกํ ชาตํ.
อเถกทิวสํ ¶ ราชา อุปริปาสาเท ิโต ฉตฺตปาณึ อุปาสกํ กตภตฺตกิจฺจํ ฉตฺตมาทาย อุปาหนมารุยฺห ราชงฺคเณน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปกฺโกสาเปสิ. โส ฉตฺตุปาหนํ อปเนตฺวา ราชานมุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ ราชา อาห – ‘‘โภ อุปาสก, กินฺเต ฉตฺตุปาหนํ อปนีต’’นฺติ. ‘‘‘ราชา ปกฺโกสตี’ติ สุตฺวา อปเนตฺวา อาคโตมฺหี’’ติ. ‘‘อชฺช อมฺหากํ ราชภาโว ตุมฺเหหิ าโต ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘สทาปิ มยํ, เทว, ตุมฺหากํ ราชภาวํ ชานามา’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ กสฺมา ปุริมทิวเส สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺโน มํ ทิสฺวา น อุฏฺหี’’ติ? ‘‘มหาราช, อหํ อคฺคราชสฺส สนฺติเก นิสินฺโน, ปเทสราชานํ ทิสฺวา อุฏฺหนฺโต สตฺถริ อคารวํ ปเวเทยฺยํ, ตสฺมา น อุฏฺหิ’’นฺติ. ‘‘โหตุ, โภ, ติฏฺเตตํ’’. ‘‘ตุมฺเห กิร ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ ¶ อตฺถานตฺถานํ กุสลา ติปิฏกธรา อมฺหากํ อนฺเตปุเร ธมฺมํ วาเจถา’’ติ. ‘‘น สกฺโกมิ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘ราชเคหํ นาม มหาสาวชฺชํ, ทุยุตฺตสุยุตฺตกานิ ครุกาเนตฺถ, เทวา’’ติ. ‘‘มา เอวํ วเทถ, ‘ปุริมทิวเส มํ ทิสฺวา น อุฏฺิโตมฺหี’ติ มา กุกฺกุจฺจํ กโรถา’’ติ. ‘‘เทว, คิหีนํ วิจรณฏฺานํ นาม มหาสาวชฺชํ, เอกํ ปพฺพชิตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ธมฺมํ วาจาเปถา’’ติ. ราชา ‘‘สาธุ, โภ, คจฺฉถ ตุมฺเห’’ติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ยาจิ, ‘‘ภนฺเต, มลฺลิกา จ เทวี วาสภขตฺติยา จ ธมฺมํ ปริยาปุณิสฺสามาติ วทนฺติ, ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิพทฺธํ มม เคหํ คนฺตฺวา ตาสํ ธมฺมํ อุทฺทิสถา’’ติ. ‘‘พุทฺธานํ นิพทฺธํ เอกฏฺานคมนํ นาม นตฺถิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อฺํ เอกํ ภิกฺขุํ เทถา’’ติ. สตฺถา อานนฺทตฺเถรสฺส ภารมกาสิ. เถโร นิพทฺธํ คนฺตฺวา ตาสํ อุทฺเทสํ อุทฺทิสติ. ตาสุ มลฺลิกา สกฺกจฺจํ คเหตฺวา สชฺฌายิตฺวา อุทฺเทสํ ปฏิจฺฉาเปสิ. วาสภขตฺติยา ปน เนว สกฺกจฺจํ คณฺหาติ, น สชฺฌายติ, น อุทฺเทสํ ปฏิจฺฉาเปตุํ สกฺโกติ.
อเถกทิวสํ ¶ สตฺถา เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กิมานนฺท, อุปาสิกา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กา สกฺกจฺจํ คณฺหาตี’’ติ? ‘‘มลฺลิกา, ภนฺเต, สกฺกจฺจํ คณฺหาติ, สกฺกจฺจํ สชฺฌายติ, สกฺกจฺจํ อุทฺเทสํ ปฏิจฺฉาเปตุํ สกฺโกติ. ตุมฺหากํ ปน าติธีตา เนว สกฺกจฺจํ คณฺหาติ, น สชฺฌายติ, น อุทฺเทสํ ปฏิจฺฉาเปตุํ สกฺโกตี’’ติ. สตฺถา เถรสฺส วจนํ สุตฺวา, ‘‘อานนฺท, มยา กถิตธมฺโม นาม สกฺกจฺจมสุณนฺตสฺส อคฺคณฺหนฺตสฺส อสชฺฌายนฺตสฺส ¶ อเทเสนฺตสฺส วณฺณสมฺปนฺนํ อคนฺธกปุปฺผํ วิย อผโล โหติ, สกฺกจฺจํ ปน ¶ สวนาทีนิ กโรนฺตสฺส มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส’’ติ วตฺวา อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ยถาปิ รุจิรํ ปุปฺผํ, วณฺณวนฺตํ อคนฺธกํ;
เอวํ สุภาสิตา วาจา, อผลา โหติ อกุพฺพโต.
‘‘ยถาปิ รุจิรํ ปุปฺผํ, วณฺณวนฺตํ สคนฺธกํ;
เอวํ สุภาสิตา วาจา, สผลา โหติ กุพฺพโต’’ติ.
ตตฺถ รุจิรนฺติ โสภนํ. วณฺณวนฺตนฺติ วณฺณสณฺานสมฺปนฺนํ, อคนฺธกนฺติ คนฺธวิรหิตํ ปาลิภทฺทกคิริกณฺณิกชยสุมนาทิเภทํ. เอวํ สุภาสิตา วาจาติ สุภาสิตา วาจา นาม เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ. ตํ วณฺณสณฺานสมฺปนฺนํ อคนฺธกปุปฺผสทิสํ. ยถา ปน อคนฺธกปุปฺผํ โย นํ ธาเรติ, ตสฺส สรีเร คนฺธํ น ผรติ, เอวํ เอตมฺปิ โย นํ สกฺกจฺจํ สวนาทีหิ น สมาจรติ, ตสฺส สกฺกจฺจํ อสมาจรนฺตสฺส ยํ ตตฺถ กตฺตพฺพํ, ตํ อกุพฺพโต สุตคนฺธฺจ วาจาคนฺธฺจ ปฏิปตฺติคนฺธฺจ น อาวหติ อผลา โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวํ ¶ สุภาสิตา วาจา, อผลา โหติ อกุพฺพโต’’ติ. สคนฺธกนฺติ จมฺปกนีลุปฺปลาทิเภทํ. เอวนฺติ ยถา ตํ ปุปฺผํ ธาเรนฺตสฺส สรีเร คนฺโธ ผรติ, เอวํ เตปิฏกพุทฺธวจนสงฺขาตา สุภาสิตา วาจาปิ. กุพฺพโตติ โย สกฺกจฺจํ สวนาทีหิ ตตฺถ กตฺตพฺพํ กโรติ, สา อสฺส ปุคฺคลสฺส สผลา โหติ, สุตคนฺธวาจาคนฺธปฏิปตฺติคนฺธานํ อาวหนโต มหปฺผลา โหติ, มหานิสํสาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
ฉตฺตปาณิอุปาสกวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. วิสาขาวตฺถุ
ยถาปิ ¶ ปุปฺผราสิมฺหาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ อุปนิสฺสาย ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต วิสาขํ อุปาสิกํ อารพฺภ กเถสิ.
สา ¶ กิร องฺครฏฺเ ภทฺทิยนคเร เมณฺฑกเสฏฺิปุตฺตสฺส ธนฺจยเสฏฺิโน อคฺคมเหสิยา สุมนเทวิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติ. ตสฺสา สตฺตวสฺสิกกาเล สตฺถา เสลพฺราหฺมณาทีนํ โพธเนยฺยพนฺธวานํ อุปนิสฺสยสมฺปทํ ทิสฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร จาริกํ จรมาโน ตํ นครํ ปาปุณิ.
ตสฺมิฺจ สมเย เมณฺฑโก, คหปติ, ตสฺมึ นคเร ปฺจนฺนํ มหาปฺุานํ เชฏฺโก ¶ หุตฺวา เสฏฺิฏฺานํ กโรติ. ปฺจ มหาปฺุา นาม เมณฺฑโก เสฏฺิ, จนฺทปทุมา นาม ตสฺเสว เชฏฺกภริยา, ตสฺเสว เชฏฺกปุตฺโต ธนฺจโย นาม, ตสฺส ภริยา สุมนเทวี นาม, เมณฺฑกเสฏฺิโน ทาโส ปุณฺโณ นามาติ. น เกวลฺจ เมณฺฑกเสฏฺิเยว, พิมฺพิสารรฺโ ปน วิชิเต ปฺจ อมิตโภคา นาม อเหสุํ – โชติโก, ชฏิโล, เมณฺฑโก, ปุณฺณโก, กากวลิโยติ. เตสุ อยํ เมณฺฑกเสฏฺิ ทสพลสฺส อตฺตโน นครํ สมฺปตฺตภาวํ ตฺวา ปุตฺตสฺส ธนฺจยเสฏฺิโน ธีตรํ วิสาขํ ทาริกํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘อมฺม, ตุยฺหมฺปิ มงฺคลํ, อมฺหากมฺปิ มงฺคลํ, ตว ปริวาเรหิ ปฺจหิ ทาริกาสเตหิ สทฺธึ ปฺจ รถสตานิ อารุยฺห ปฺจหิ ทาสิสเตหิ ปริวุตา ทสพลสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กโรหี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตถา อกาสิ. การณาการเณสุ ปน กุสลตฺตา ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ, ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติกาว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถสฺสา จริยาวเสน สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนาวสาเน ปฺจหิ ทาริกาสเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. เมณฺฑกเสฏฺิปิ โข สตฺถารมุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส อตฺตโน นิเวสเน ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา เอเตเนว อุปาเยน อฑฺฒมาสํ มหาทานมทาสิ. สตฺถา ภทฺทิยนคเร ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ปกฺกามิ.
เตน โข ปน สมเยน พิมฺพิสาโร จ ปเสนทิ โกสโล จ อฺมฺํ ภคินิปติกา โหนฺติ. อเถกทิวสํ โกสลราชา ¶ จินฺเตสิ – ‘‘พิมฺพิสารสฺส วิชิเต ปฺจ อมิตโภคา มหาปฺุา วสนฺติ, มยฺหํ วิชิเต เอโกปิ ตาทิโส นตฺถิ, ยํนูนาหํ พิมฺพิสารสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ¶ เอกํ มหาปฺุํ ยาเจยฺย’’นฺติ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา รฺา กตปฏิสนฺถาโร ‘‘กึ การณา อาคโตสี’’ติ ¶ ปุฏฺโ ‘‘‘ตุมฺหากํ วิชิเต ปฺจ อมิตโภคา มหาปฺุา วสนฺติ, ตโต เอกํ คเหตฺวา คมิสฺสามี’ติ อาคโตมฺหิ, เตสุ เม เอกํ เทถา’’ติ อาห. ‘‘มหากุลานิ อมฺเหหิ จาเลตุํ น สกฺกา’’ติ อาห. ‘‘อหํ อลทฺธา น คมิสฺสามี’’ติ อาห. ราชา อมจฺเจหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา ‘‘โชติกาทีนํ มหากุลานํ จาลนํ นาม มหาปถวิยา จาลนสทิสํ, เมณฺฑกมหาเสฏฺิสฺส ปุตฺโต ธนฺจยเสฏฺิ นาม อตฺถิ, เตน สทฺธึ มนฺเตตฺวา ปฏิวจนํ เต ทสฺสามี’’ติ วตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ตาต, โกสลราชา ‘‘‘เอกํ ธนเสฏฺึ คเหตฺวา คมิสฺสามี’ติ วทติ, ตฺวํ เตน สทฺธึ คจฺฉาหี’’ติ. ‘‘ตุมฺเหสุ ปหิณนฺเตสุ คมิสฺสามิ, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ ปริวจฺฉํ กตฺวา คจฺฉ, ตาตา’’ติ. โส อตฺตโน กตฺตพฺพยุตฺตกมกาสิ. ราชาปิสฺส มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา, ‘‘อิมํ อาทาย คจฺฉถา’’ติ ปเสนทิราชานํ อุยฺโยเชสิ. โส ตํ อาทาย สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน คจฺฉนฺโต เอกํ ผาสุกฏฺานํ ปตฺวา นิวาสํ คณฺหิ, อถ นํ ธนฺจยเสฏฺิ ปุจฺฉิ – ‘‘อิทํ กสฺส วิชิต’’นฺติ? ‘‘มยฺหํ, เสฏฺี’’ติ. ‘‘กีว ทูโร อิโต สาวตฺถี’’ติ ¶ ? ‘‘สตฺตโยชนมตฺถเก’’ติ. ‘‘อนฺโตนครํ สมฺพาธํ, อมฺหากํ ปริชโน มหนฺโต, สเจ โรเจถ, อิเธว วเสยฺยาม, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺมึ าเน นครํ มาเปตฺวา ตสฺส ทตฺวา อคมาสิ. ตสฺมึ ปเทเส สยํ วสนฏฺานสฺส คหิตตฺตา นครสฺส สาเกตนฺตฺเวว นามํ อโหสิ.
สาวตฺถิยมฺปิ โข มิคารเสฏฺิโน ปุตฺโต ปุณฺณวฑฺฒนกุมาโร นาม วยปฺปตฺโต อโหสิ. อถ นํ มาตาปิตโร วทึสุ – ‘‘ตาต, ตว รุจฺจนฏฺาเน เอกํ ทาริกํ อุปธาเรหี’’ติ. ‘‘‘มยฺหํ เอวรูปาย ภริยาย กิจฺจํ นตฺถี’ติ, ปุตฺต, มา เอวํ กริ, กุลํ นาม อปุตฺตกํ น ติฏฺตี’’ติ. โส ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโน ‘‘เตน หิ ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตํ ทาริกํ ลภมาโน ตุมฺหากํ วจนํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กานิ ปเนตานิ ปฺจ กลฺยาณานิ นาม, ตาตา’’ติ. เกสกลฺยาณํ, มํสกลฺยาณํ, อฏฺิกลฺยาณํ, ฉวิกลฺยาณํ, วยกลฺยาณนฺติ. มหาปฺุาย หิ อิตฺถิยา เกสา โมรกลาปสทิสา หุตฺวา มฺุจิตฺวา วิสฺสฏฺา นิวาสนนฺตํ ปหริตฺวา นิวตฺติตฺวา อุทฺธคฺคา ติฏฺนฺติ, อิทํ เกสกลฺยาณํ นาม, ทนฺตาวรณํ พิมฺพผลสทิสํ วณฺณสมฺปนฺนํ สมํ สุผุสิตํ โหติ ¶ , อิทํ มํสกลฺยาณํ นาม, ทนฺตา สุกฺกา สมา อวิรฬา อุสฺสาเปตฺวา ปิตวชิรปนฺติ วิย สมจฺฉินฺนสงฺขปนฺติ วิย จ โสภนฺติ, อิทํ อฏฺิกลฺยาณํ นาม, กาฬิยา จุณฺณกาทีหิ อวิลิตฺโต เอว ¶ ฉวิวณฺโณ สินิทฺโธ นีลุปฺปลทามสทิโส โหติ, โอทาตาย จ กณิการปุปฺผทามสทิโส โหติ, อิทํ ฉวิกลฺยาณํ นาม, ทสกฺขตฺตุํ วิชาตาปิ โข ปน สกึ วิชาตา วิย อวิคตโยพฺพนาเยว โหติ, อิทํ วยกลฺยาณํ นาม โหติ. อถสฺส ¶ มาตาปิตโร อฏฺุตฺตรสตพฺราหฺมเณ นิมนฺเตตฺวา โภเชตฺวา ‘‘ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตา อิตฺถิโย นาม โหนฺตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อาม, โหนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ เอวรูปํ ทาริกํ ปริเยสิตุํ อฏฺ ชนา คจฺฉนฺตู’’ติ พหุํ ธนํ ทตฺวา ‘‘อาคตกาเล โว กตฺตพฺพํ ชานิสฺสาม, คจฺฉถ, เอวรูปํ ทาริกํ ปริเยสถ, ทิฏฺกาเล จ อิมํ ปิลนฺธนํ ทเทยฺยาถา’’ติ สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณมาลํ ทตฺวา อุยฺโยเชสุํ.
เต มหนฺตมหนฺตานิ นครานิ คนฺตฺวา ปริเยสมานา ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตํ ทาริกํ อทิสฺวา นิวตฺติตฺวา อาคจฺฉนฺตา วิวฏนกฺขตฺตทิวเส สาเกตํ อนุปฺปตฺตา – ‘‘อชฺช อมฺหากํ กมฺมํ นิปฺผชฺชิสฺสตี’’ติ จินฺตยึสุ. ตสฺมึ ปน นคเร อนุสํวจฺฉรํ วิวฏนกฺขตฺตํ นาม โหติ. ตทา พหิ อนิกฺขมนกุลานิปิ ปริวาเรน สทฺธึ เคหา นิกฺขมิตฺวา อปฺปฏิจฺฉนฺเนน สรีเรน ปทสาว นทีตีรํ คจฺฉนฺติ. ตสฺมึ ทิวเส ขตฺติยมหาสาลาทีนํ ปุตฺตาปิ ‘‘อตฺตโน สมานชาติกํ มนาปํ กุลทาริกํ ทิสฺวา มาลาคุเฬน ปริกฺขิปิสฺสามา’’ติ ตํ ตํ มคฺคํ นิสฺสาย ติฏฺนฺติ. เตปิ โข พฺราหฺมณา นทีตีเร เอกํ สาลํ ปวิสิตฺวา อฏฺํสุ. ‘‘ตสฺมึ ขเณ วิสาขา ปนฺนรสโสฬสวสฺสุทฺเทสิกา หุตฺวา สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตา ปฺจหิ กุมาริกาสเตหิ ปริวุตา นทึ คนฺตฺวา นฺหายิสฺสามี’’ติ ตํ ปเทสํ ปตฺตา, อถ โข เมโฆ ¶ อุฏฺหิตฺวา ปาวสฺสิ. ปฺจสตา กุมาริกาโย เวเคน คนฺตฺวา สาลํ ปวิสึสุ. พฺราหฺมณา โอโลเกนฺตา ตาสุ เอกมฺปิ ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตํ น ปสฺสึสุ. อถ วิสาขา ปกติคมเนเนว สาลํ ปาวิสิ, วตฺถาภรณานิ เตมึสุ. พฺราหฺมณา ตสฺสา จตฺตาริ กลฺยาณานิ ทิสฺวา ทนฺเต ปสฺสิตุกามา ‘‘อลสชาติกา อมฺหากํ ธีตา, เอติสฺสา สามิโก กฺชิกมตฺตมฺปิ น ลภิสฺสติ มฺเ’’ติ อฺมฺํ กถยึสุ. อถ เน วิสาขา อาห – ‘‘กํ วเทถ ตุมฺเห’’ติ? ‘‘ตํ กเถม, อมฺมา’’ติ. มธุโร หิ ตสฺสา สทฺโท กํสตาฬสโร วิย นิจฺฉรติ. อถ เน ¶ ปุน มธุรสทฺเทน ‘‘กึ การณา ภณถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตว ปริวาริตฺถิโย วตฺถาลงฺกาเร อเตเมตฺวา เวเคน สาลํ ปวิฏฺา, ตุยฺหํ เอตฺตกํ านํ เวเคน อาคมนมตฺตมฺปิ นตฺถิ, วตฺถาภรณานิ เตเมตฺวา อาคตาสิ. ตสฺมา กเถม, อมฺมา’’ติ.
‘‘ตาตา, เอวํ มา วเทถ, อหํ เอตาหิ พลวตรา, การณํ ปน สลฺลกฺเขตฺวา ชเวน นาคตามฺหี’’ติ. ‘‘กึ, อมฺมา’’ติ? ‘‘ตาตา, จตฺตาโร ชนา ชวมานา น โสภนฺติ, อปรมฺปิ การณํ อตฺถี’’ติ. ‘‘กตเม จตฺตาโร ชนา ชวมานา น โสภนฺติ, อมฺมา’’ติ? ตาตา, อภิสิตฺตราชา ตาว สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโต กจฺฉํ พนฺธิตฺวา ราชงฺคเณ ชวมาโน น โสภติ, ‘‘กึ อยํ ราชา คหปติโก วิย ธาวตี’’ติ อฺทตฺถุ ครหํ ลภติ, สณิกํ คจฺฉนฺโตว ¶ โสภติ. รฺโ มงฺคลหตฺถีปิ อลงฺกโต ชวมาโน น โสภติ, วารณลีฬาย คจฺฉนฺโตว โสภติ. ปพฺพชิโต ชวมาโน น โสภติ, ‘‘กึ อยํ สมโณ คิหี วิย ธาวตี’’ติ เกวลํ ครหเมว ¶ ลภติ, สมิตคมเนน ปน โสภติ. อิตฺถี ชวมานา น โสภติ, ‘‘กึ เอสา อิตฺถี ปุริโส วิย ธาวตี’’ติ ครหิตพฺพาว โหติ, ‘‘อิเม จตฺตาโร ชนา ชวมานา น โสภนฺติ, ตาตา’’ติ. ‘‘กตมํ ปน อปรํ การณํ, อมฺมา’’ติ? ‘‘ตาตา, มาตาปิตโร นาม ธีตรํ องฺคปจฺจงฺคานิ สณฺาเปตฺวา โปเสนฺติ. มยฺหิ วิกฺกิเณยฺยภณฺฑํ นาม, อมฺเห ปรกุลเปสนตฺถาย โปเสนฺติ. สเจ ชวมานานํ นิวตฺถทุสฺสกณฺเณ วา อกฺกมิตฺวา ภูมิยํ วา ปกฺขลิตฺวา ปติตกาเล หตฺโถ วา ปาโท วา ภิชฺเชยฺย, กุลสฺเสว ภาโร ภเวยฺย, ปสาธนภณฺฑํ ปน เม เตเมตฺวา สุสฺสิสฺสติ. อิมํ การณํ สลฺลกฺเขตฺวา น ธาวิตามฺหิ, ตาตา’’ติ.
พฺราหฺมณา ตสฺสา กถนกาเล ทนฺตสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปา โน ทนฺตสมฺปตฺติ ทิฏฺปุพฺพา’’ติ ตสฺสา สาธุการํ ทตฺวา, ‘‘อมฺม, ตุยฺหเมเวสา อนุจฺฉวิกา’’ติ วตฺวา ตํ สุวณฺณมาลํ ปิลนฺธยึสุ. อถ เน ปุจฺฉิ – ‘‘กตรนครโต อาคตาตฺถ, ตาตา’’ติ? ‘‘สาวตฺถิโต, อมฺมา’’ติ. ‘‘เสฏฺิกุลํ กตรํ นามา’’ติ? ‘‘มิคารเสฏฺิ นาม, อมฺมา’’ติ. ‘‘อยฺยปุตฺโต โก ¶ นามา’’ติ? ‘‘ปุณฺณวฑฺฒนกุมาโร นาม, อมฺมา’’ติ. สา ‘‘สมานชาติกํ โน กุล’’นฺติ อธิวาเสตฺวา ปิตุ สาสนํ ปหิณิ ‘‘อมฺหากํ รถํ เปเสตู’’ติ ¶ . กิฺจาปิ หิ สา อาคมนกาเล ปทสา อาคตา, สุวณฺณมาลาย ปน ปิลนฺธนกาลโต ปฏฺาย ตถา คนฺตุํ น ลภติ, อิสฺสรทาริกา รถาทีหิ คจฺฉนฺติ, อิตรา ปกติยานกํ วา อภิรุหนฺติ, ฉตฺตํ วา ตาลปณฺณํ วา อุปริ กโรนฺติ, ตสฺมิมฺปิ อสติ นิวตฺถสาฏกสฺส ทสนฺตํ อุกฺขิปิตฺวา อํเส ขิปนฺตา คจฺฉนฺติ เอว. ตสฺสา ปน ปิตา ปฺจ รถสตานิ เปเสสิ. สา สปริวารา รถํ อารุยฺห คตา. พฺราหฺมณาปิ เอกโตว อคมํสุ. อถ เน เสฏฺิ ปุจฺฉิ – ‘‘กุโต อาคตาตฺถา’’ติ? ‘‘สาวตฺถิโต มหาเสฏฺี’’ติ. ‘‘เสฏฺิ กตโร นามา’’ติ? ‘‘มิคารเสฏฺิ นามา’’ติ. ‘‘ปุตฺโต โก นามา’’ติ? ‘‘ปุณฺณวฑฺฒนกุมาโร นาม มหาเสฏฺี’’ติ. ‘‘ธนํ กิตฺตก’’นฺติ? ‘‘จตฺตาลีสโกฏิโย มหาเสฏฺี’’ติ. ‘‘ธนํ ตาว อมฺหากํ ธนํ อุปาทาย กากณิกมตฺตํ, ทาริกาย ปน อารกฺขมตฺตาย ลทฺธกาลโต ปฏฺาย กึ อฺเน การเณนา’’ติ อธิวาเสสิ. โส เตสํ สกฺการํ กตฺวา เอกาหทฺวีหํ วสาเปตฺวา อุยฺโยเชสิ.
เต สาวตฺถึ คนฺตฺวา มิคารเสฏฺิสฺส ‘‘ลทฺธา โน ทาริกา’’ติ อาโรจยึสุ. ‘‘กสฺส ธีตา’’ติ? ‘‘ธนฺจยเสฏฺิโน’’ติ. โส ‘‘มหากุลสฺส เม ทาริกา ลทฺธา, ขิปฺปเมว นํ อาเนตุํ ¶ วฏฺฏตี’’ติ ตตฺถ คมนตฺถํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘‘มหากุลํ เอตํ มยา พิมฺพิสารสฺส สนฺติกา อาเนตฺวา สาเกเต นิเวสิตํ, ตสฺส ¶ สมฺมานํ กาตุํ วฏฺฏตี’ติ อหมฺปิ อาคมิสฺสามี’’ติ อาห, โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วตฺวา ธนฺจยเสฏฺิโน สาสนํ เปเสสิ – ‘‘มยิ อาคจฺฉนฺเต ราชาปิ อาคมิสฺสติ, มหนฺตํ ราชพลํ เอตฺตกสฺส ชนสฺส กตฺตพฺพยุตฺตกํ กาตุํ สกฺขิสฺสสิ, น สกฺขิสฺสสี’’ติ? อิตโรปิ ‘‘สเจปิ ทส ราชาโน อาคจฺฉนฺติ, อาคจฺฉนฺตู’’ติ ปฏิสาสนํ เปเสสิ. มิคารเสฏฺิ ตาว มหนฺเต นคเร เคหโคปกมตฺตํ เปตฺวา เสสชนํ อาทาย คนฺตฺวา อฑฺฒโยชนมตฺเต าเน ตฺวา ‘‘อาคตามฺหา’’ติ สาสนํ ปหิณิ. ธนฺจยเสฏฺิ พหุปณฺณาการํ เปเสตฺวา ธีตรา สทฺธึ มนฺเตสิ, ‘‘อมฺม, สสุโร กิร เต โกสลรฺา สทฺธึ อาคโต, ตสฺส กตรํ เคหํ ปฏิชคฺคิตพฺพํ, รฺโ กตรํ ¶ , อุปราชาทีนํ กตรานี’’ติ? ปณฺฑิตา เสฏฺิธีตา วชิรคฺคติขิณาณา กปฺปสตสหสฺสํ ปตฺถิตปตฺถนา อภินีหารสมฺปนฺนา ‘‘สสุรสฺส เม อสุกเคหํ ปฏิชคฺคถ, รฺโ อสุกเคหํ, อุปราชาทีนํ อสุกานี’’ติ สํวิทหิตฺวา ทาสกมฺมกเร ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอตฺตกา รฺโ กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรถ, เอตฺตกา อุปราชาทีนํ, หตฺถิอสฺสาทโยปิ ตุมฺเหเยว ปฏิชคฺคถ, อสฺสพนฺธาทโยปิ อาคนฺตฺวา มงฺคลฉณํ อนุภวิสฺสนฺตี’’ติ สํวิทหิ. ‘‘กึ การณา’’? ‘‘‘มยํ วิสาขาย มงฺคลฏฺานํ คนฺตฺวา น กิฺจิ ลภิมฺห, อสฺสรกฺขณาทีนิ กโรนฺตา สุขํ น วิจริมฺหา’ติ เกจิ วตฺตุํ มา ลภึสู’’ติ.
ตํ ทิวสเมว วิสาขาย ปิตา ปฺจสเต สุวณฺณกาเร ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ธีตุ เม มหาลตาปสาธนํ นาม ¶ กโรถา’’ติ รตฺตสุวณฺณสฺส นิกฺขสหสฺสํ, ตทนุรูปานิ จ รชตมณิมุตฺตาปวาฬวชิราทีนิ ทาเปสิ. ราชา กติปาหํ วสิตฺวาว ธนฺจยเสฏฺิสฺส สาสนํ ปหิณิ ‘‘น สกฺกา เสฏฺินา อมฺหากํ จิรํ โปสนํ นาม กาตุํ, ทานิ ทาริกาย คมนกาลํ ชานาตู’’ติ. โสปิ รฺโ สาสนํ เปเสสิ – ‘‘อิทานิ วสฺสกาโล อาคโต, น สกฺกา จตุมาสํ วิจริตุํ, ตุมฺหากํ พลกายสฺส ยํ ยํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, สพฺพํ ตํ มม ภาโร, มยา เปสิตกาเล เทโว คมิสฺสตี’’ติ. ตโต ปฏฺาย สาเกตนครํ นิจฺจนกฺขตฺตํ วิย อโหสิ. ราชานํ อาทึ กตฺวา สพฺเพสํ มาลาคนฺธวตฺถาทีนิ ปฏิยตฺตาเนว โหนฺติ. ตโต เต ชนา จินฺตยึสุ – ‘‘เสฏฺิ อมฺหากเมว สกฺการํ กโรตี’’ติ, เอวํ ตโย มาสา อติกฺกนฺตา, ปสาธนํ ปน ตาว น นิฏฺาติ. กมฺมนฺตาธิฏฺายกา อาคนฺตฺวา เสฏฺิโน อาโรเจสุํ – ‘‘อฺํ อสนฺตํ นาม นตฺถิ, พลกายสฺส ปน ภตฺตปจนทารูนิ นปฺปโหนฺตี’’ติ. ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, อิมสฺมึ นคเร ปริชิณฺณา หตฺถิสาลาทโย เจว ปริชิณฺณกานิ จ เคหานิ คเหตฺวา ปจถา’’ติ. เอวํ ปจนฺตานมฺปิ อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต. ตโต ปุนปิ ‘‘ทารูนิ นตฺถี’’ติ อาโรจยึสุ ¶ . ‘‘อิมสฺมึ กาเล น สกฺกา ทารูนิ ลทฺธุํ, ทุสฺสโกฏฺาคารานิ วิวริตฺวา ถูลสาฏเกหิ วฏฺฏิโย กตฺวา เตลจาฏีสุ ¶ เตเมตฺวา ภตฺตํ ปจถา’’ติ. เต อฑฺฒมาสํ ตถา อกํสุ. เอวํ จตฺตาโร มาสา อติกฺกนฺตา, ปสาธนมฺปิ นิฏฺิตํ.
ตสฺมึ ปสาธเน จตสฺโส วชิรนาฬิโย อุปโยคํ อคมํสุ, มุตฺตานํ เอกาทส นาฬิโย, ปวาฬสฺส พาวีสติ นาฬิโย, มณีนํ เตตฺตึส ¶ นาฬิโย. อิติ เอเตหิ จ อฺเหิ จ รตเนหิ นิฏฺานํ อคมาสิ. อสุตฺตมยํ ปสาธนํ รชเตน สุตฺตกิจฺจํ กรึสุ. ตํ สีเส ปฏิมุกฺกํ ปาทปิฏฺึ คจฺฉติ. ตสฺมึ ตสฺมึ าเน มุทฺทิกา โยเชตฺวา กตา สุวณฺณมยา คณฺิกา โหนฺติ, รชตมยา ปาสกา, มตฺถกมชฺเฌ เอกา มุทฺทิกา, ทฺวีสุ กณฺณปิฏฺีสุ ทฺเว, คลวาฏเก เอกา, ทฺวีสุ ชตฺตูสุ ทฺเว, ทฺวีสุ กปฺปเรสุ ทฺเว, ทฺวีสุ กฏิปสฺเสสุ ทฺเวติ. ตสฺมึ โข ปน ปสาธเน เอกํ โมรํ กรึสุ, ตสฺส ทกฺขิณปกฺเข รตฺตสุวณฺณมยานิ ปฺจ ปตฺตสตานิ อเหสุํ, วามปกฺเข ปฺจ ปตฺตสตานิ, ตุณฺฑํ ปวาฬมยํ, อกฺขีนิ มณิมยานิ, ตถา คีวา จ ปิฺฉานิ จ, ปตฺตนาฬิโย รชตมยา, ตถา ชงฺฆาโย. โส วิสาขาย มตฺถกมชฺเฌ ปพฺพตกูเฏ ตฺวา นจฺจนมยูโร วิย ขายติ. ปตฺตนาฬิสหสฺสสฺส สทฺโท ทิพฺพสงฺคีตํ วิย ปฺจงฺคิกตูริยโฆโส วิย จ ปวตฺตติ. สนฺติกํ อุปคตาเยว ตสฺสา อโมรภาวํ ชานนฺติ. ปสาธนํ ¶ นวโกฏิอคฺฆนกํ อโหสิ, สตสหสฺสํ หตฺถกมฺมมูลํ ทียิตฺถ.
‘‘กิสฺส ปน นิสฺสนฺเทน ตาเยตํ ปสาธนํ ลทฺธ’’นฺติ? สา กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ จีวรสาฏกํ ทตฺวา สุตฺตมฺปิ สูจิโยปิ รชนมฺปิ อตฺตโน สนฺตกเมว อทาสิ. ตสฺส จีวรทานสฺส นิสฺสนฺเทน อิมํ มหาลตาปสาธนํ ลภิ. อิตฺถีนฺหิ จีวรทานํ มหาลตาปสาธนภณฺเฑน มตฺถกํ ปปฺโปติ, ปุริสานํ อิทฺธิมยปตฺตจีวเรนาติ. เอวํ มหาเสฏฺิ จตูหิ มาเสหิ ธีตุ ปริวจฺฉํ กตฺวา ตสฺสา เทยฺยธมฺมํ ททมาโน กหาปณปูรานิ ปฺจ สกฏสตานิ อทาสิ, สุวณฺณภาชนปูรานิ ปฺจ, รชตภาชนปูรานิ ปฺจ, ตมฺพภาชนปูรานิ ปฺจ, ปตฺตุณฺณวตฺถโกเสยฺยวตฺถปูรานิ ปฺจ, สปฺปิปูรานิ ปฺจ, เตลปูรานิ ปฺจ, สาลิตณฺฑุลปูรานิ ปฺจ, นงฺคลผาลาทิอุปกรณปูรานิ ปฺจสกฏสตานิ อทาสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘มม ธีตุ คตฏฺาเน ‘อสุเกน นาม เม อตฺโถ’ติ มา ปรสฺส เคหทฺวารํ ปหิณี’’ติ. ตสฺมา สพฺพูปกรณานิ ทาเปสิ. เอเกกสฺมึ รเถ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา ติสฺโส ติสฺโส วณฺณทาสิโย เปตฺวา ปฺจ รถสตานิ อทาสิ. ‘‘เอตํ นฺหาเปนฺติโย โภเชนฺติโย อลงฺกโรนฺติโย วิจรถา’’ติ ทิยฑฺฒสหสฺสปริจาริกาโย ¶ อทาสิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มม ธีตุ คาโว ทสฺสามี’’ติ. โส ปุริเส ¶ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉถ ¶ ภเณ จูฬวชสฺส ทฺวารํ วิวริตฺวา ตีสุ คาวุเตสุ ติสฺโส เภริโย คเหตฺวา ติฏฺถ, ปุถุลโต อุสภมตฺเต าเน อุโภสุ ปสฺเสสุ ติฏฺถ. คาวีนํ ตโต ปรํ คนฺตุํ มา อทตฺถ. เอวํ ิตกาเล เภริสฺํ กเรยฺยาถา’’ติ. เต ตถา อกํสุ. เต คาวีนํ วชโต นิกฺขมิตฺวา คาวุตํ คตกาเล เภริสฺํ อกํสุ, ปุน อฑฺฒโยชนํ คตกาเล อกํสุ. ปุนปิ ติคาวุตํ คตกาเล เภริสฺํ อกํสุ, ปุถุลโต คมนฺจ นิวาเรสุํ. เอวํ ทีฆโต ติคาวุเต, ปุถุลโต อุสภมตฺเต าเน คาวิโย อฺมฺํ นิฆํสนฺติโย อฏฺํสุ.
มหาเสฏฺิ ‘‘มม ธีตุ เอตฺตกา คาโว อลํ, ทฺวารํ ปิทหถา’’ติ วชทฺวารํ ปิทหาเปสิ. ทฺวารสฺมึ ปิทหิเต วิสาขาย ปฺุพเลน พลวคาโว จ เธนุโย จ อุปฺปติตฺวา อุปฺปติตฺวา นิกฺขมึสุ. มนุสฺสานํ วาเรนฺตานํ วาเรนฺตานเมว สฏฺิสหสฺสา พลวคาโว จ สฏฺิสหสฺสา เธนุโย จ นิกฺขนฺตา, ตตฺตกา พลววจฺฉา ตาสํ เธนูนํ อุสภา อุปฺปติตฺวา อนุพนฺธา อเหสุํ. ‘‘กิสฺส ปน นิสฺสนฺเทน เอวํ คาโว คตา’’ติ? นิวาเรนฺตานํ นิวาเรนฺตานํ ทินฺนทานสฺส. สา กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล กิกิสฺส รฺโ สตฺตนฺนํ ธีตานํ กนิฏฺา สงฺฆทาสี นาม หุตฺวา วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ ปฺจโครสทานํ ¶ ททมานา เถรานฺจ ทหรานฺจ สามเณรานฺจ ปตฺตํ ปิทหิตฺวา, ‘‘อลํ, อล’’นฺติ นิวาเรนฺตานมฺปิ ‘‘อิทํ มธุรํ, อิทํ มนาป’’นฺติ อทาสิ. เอวํ ตสฺส นิสฺสนฺเทน วาริยมานาปิ คาโว นิกฺขมึสุ. เสฏฺินา เอตฺตกสฺส ธนสฺส ทินฺนกาเล เสฏฺิภริยา อาห – ‘‘ตุมฺเหหิ มยฺหํ ธีตุ สพฺพํ สํวิทหิตํ, เวยฺยาวจฺจกรา ปน ทาสทาสิโย น สํวิทหิตา, กึ การณา’’ติ? ‘‘มม ธีตริ สสิเนหนิสฺสิเนหานํ ชานนตฺถํ. อหฺหิ ตาย สทฺธึ อาคจฺฉมานเก คีวาย คเหตฺวา น ปหิณามิ, ยานํ อารุยฺห คมนกาเลเยว เอตาย สทฺธึ คนฺตุกามา คจฺฉนฺตุ, มา อคนฺตุกามาติ วกฺขามี’’ติ อาห.
อถ ‘‘สฺเว มม ธีตา คมิสฺสตี’’ติ คพฺเภ นิสินฺโน ธีตรํ สมีเป นิสีทาเปตฺวา, ‘‘อมฺม, ปติกุเล วสนฺติยา นาม อิมฺจ อิมฺจ อาจารํ รกฺขิตุํ ¶ วฏฺฏตี’’ติ โอวาทมทาสิ. อยมฺปิ มิคารเสฏฺิ อนนฺตรคพฺเภ นิสินฺโน ธนฺจยเสฏฺิโน โอวาทํ อสฺโสสิ. โสปิ เสฏฺิ ธีตรํ เอวํ โอวทิ –
‘‘อมฺม, สสุรกุเล วสนฺติยา นาม อนฺโตอคฺคิ พหิ น นีหริตพฺโพ, พหิอคฺคิ อนฺโต น ปเวเสตพฺโพ, ททนฺตสฺเสว ทาตพฺพํ, อททนฺตสฺส น ทาตพฺพํ, ททนฺตสฺสาปิ ¶ อททนฺตสฺสาปิ ทาตพฺพํ, สุขํ นิสีทิตพฺพํ, สุขํ ภฺุชิตพฺพํ, สุขํ นิปชฺชิตพฺพํ, อคฺคิ ปริจริตพฺโพ, อนฺโตเทวตา นมสฺสิตพฺพา’’ติ.
อิมํ ¶ ทสวิธํ โอวาทํ ทตฺวา ปุนทิวเส สพฺพา เสนิโย สนฺนิปาเตตฺวา ราชเสนาย มชฺเฌ อฏฺ กุฏุมฺพิเก ปาฏิโภเค คเหตฺวา, ‘‘สเจ เม คตฏฺาเน ธีตุ โทโส อุปฺปชฺชติ, ตุมฺเหหิ โสเธตพฺโพ’’ติ วตฺวา นวโกฏิอคฺฆนเกน มหาลตาปสาธเนน ธีตรํ ปสาเธตฺวา นฺหานจุณฺณมูลกํ จตุปณฺณาสโกฏิธนํ ทตฺวา ยานํ อาโรเปตฺวา สาเกตสฺส สามนฺตา อตฺตโน สนฺตเกสุ อนุราธปุรมตฺเตสุ จุทฺทสสุ ภตฺตคาเมสุ เภรึ จราเปสิ – ‘‘มม ธีตรา สทฺธึ คนฺตุกามา คจฺฉนฺตู’’ติ. เต สทฺทํ สุตฺวาว – ‘‘อมฺหากํ อยฺยาย คมนกาเล กึ อมฺหากํ อิธา’’ติ จุทฺทส คามกา กิฺจิ อเสเสตฺวา นิกฺขมึสุ? ธนฺจยเสฏฺิปิ รฺโ จ มิคารเสฏฺิโน จ สกฺการํ กตฺวา โถกํ อนุคนฺตฺวา เตหิ สทฺธึ ธีตรํ อุยฺโยเชสิ.
มิคารเสฏฺิปิ สพฺพปจฺฉโต ยานเก นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺโต พลกายํ ทิสฺวา, ‘‘เก นาเมเต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สุณิสาย โว เวยฺยาวจฺจกรา ทาสิทาสา’’ติ. ‘‘เอตฺตเก โก โปเสสฺส’’ติ? ‘‘โปเถตฺวา เต ปลาเปถ, อปลายนฺเต อิโต ทณฺฑํ กโรถา’’ติ. วิสาขา ปน ‘‘อเปถ, มา วาเรถ, พลเมว พลสฺส ภตฺตํ ทสฺสตี’’ติ อาห. เสฏฺิ เอวํ ¶ วุตฺเตปิ, ‘‘อมฺม, นตฺถิ อมฺหากํ เอเตหิ อตฺโถ, โก เอเต โปเสสฺสตี’’ติ เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ โปเถตฺวา ปลาเปตฺวา เสสเก ‘‘อลํ อมฺหากํ เอตฺตเกหี’’ติ คเหตฺวา ปายาสิ. อถ วิสาขา สาวตฺถินครทฺวารํ สมฺปตฺตกาเล จินฺเตสิ – ‘‘ปฏิจฺฉนฺนยานสฺมึ นุ โข นิสีทิตฺวา ปวิสิสฺสามิ, อุทาหุ รเถ ตฺวา’’ติ. อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘ปฏิจฺฉนฺนยาเนน เม ปวิสนฺติยา มหาลตาปสาธนสฺส วิเสโส น ปฺายิสฺสตี’’ติ. สา ¶ สกลนครสฺส อตฺตานํ ทสฺเสนฺตี รเถ ตฺวา นครํ ปาวิสิ. สาวตฺถิวาสิโน วิสาขาย สมฺปตฺตึ ทิสฺวา, ‘‘เอสา กิร วิสาขา นาม, เอวรูปา อยํ สมฺปตฺติ เอติสฺสาว อนุจฺฉวิกา’’ติ อาหํสุ. อิติ สา มหาสมฺปตฺติยา เสฏฺิโน เคหํ ปาวิสิ. คตทิวเส จสฺสา สกลนครวาสิโน ‘‘อมฺหากํ ธนฺจยเสฏฺิ อตฺตโน นครํ สมฺปตฺตานํ มหาสกฺการํ อกาสี’’ติ ยถาสตฺติ ยถาพลํ ปณฺณาการํ ปหิณึสุ. วิสาขา ปหิตปหิตํ ปณฺณาการํ ตสฺมึเยว นคเร อฺมฺเสุ กุเลสุ สพฺพตฺถกเมว ทาเปสิ. อิติ สา ‘‘อิทํ มยฺหํ มาตุ เทถ, อิทํ มยฺหํ ปิตุ เทถ, อิทํ มยฺหํ ภาตุ เทถ, อิทํ มยฺหํ ภคินิยา เทถา’’ติ เตสํ เตสํ วยานุรูปํ ปิยวจนํ วตฺวา ปณฺณาการํ เปเสนฺตี สกลนครวาสิโน าตเก วิย อกาสิ. อถสฺสา รตฺติภาคสมนนฺตเร อาชฺวฬวาย คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. สา ทาสีหิ ทณฺฑทีปิกา คาหาเปตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา วฬวํ อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา เตเลน ¶ มกฺขาเปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อคมาสิ.
มิคารเสฏฺิปิ ปุตฺตสฺส อาวาหมงฺคลํ กโรนฺโต ธุรวิหาเร วสนฺตมฺปิ ตถาคตํ อมนสิกริตฺวา ¶ ทีฆรตฺตํ นคฺคสมณเกสุ ปติฏฺิเตน เปเมน โจทิยมาโน ‘‘มยฺหํ อยฺยานมฺปิ สกฺการํ กริสฺสามี’’ติ เอกทิวสํ อเนกสเตสุ นวภาชเนสุ นิรุทกปายาสํ ปจาเปตฺวา ปฺจสเต อเจลเก นิมนฺตาเปตฺวา อนฺโตเคหํ ปเวเสตฺวา, ‘‘อาคจฺฉตุ เม สุณิสา, อรหนฺเต วนฺทตู’’ติ วิสาขาย สาสนํ ปหิณิ. สา ‘‘อรหนฺโต’’ติ วจนํ สุตฺวา โสตาปนฺนา อริยสาวิกา หฏฺตุฏฺา หุตฺวา เตสํ โภชนฏฺานํ อาคนฺตฺวา เต โอโลเกตฺวา, ‘‘เอวรูปา หิโรตฺตปฺปวิรหิตา อรหนฺตา นาม น โหนฺติ, กสฺมา มํ สสุโร ปกฺโกสาเปสี’’ติ, ‘‘ธี, ธี’’ติ เสฏฺึ ครหิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คตา. อเจลกา ตํ ทิสฺวา สพฺเพ เอกปฺปหาเรเนว เสฏฺึ ครหึสุ – ‘‘กึ ตฺวํ, คหปติ, อฺํ นาลตฺถ, สมณสฺส โคตมสฺส สาวิกํ มหากาฬกณฺณึ อิธ ปเวเสสิ, เวเคน นํ อิมสฺมา เคหา นิกฺกฑฺฒาเปหี’’ติ. โส ‘‘น สกฺกา มยา อิเมสํ วจนมตฺเตเนว นิกฺกฑฺฒาเปตุํ, มหากุลสฺส สา ธีตา’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อยฺยา, ทหรา นาม ชานิตฺวา วา อชานิตฺวา วา กเรยฺยุํ, ตุมฺเห ตุณฺหี โหถา’’ติ เต อุยฺโยเชตฺวา ¶ สยํ มหารเห อาสเน นิสีทิตฺวา สุวณฺณปาติยํ นิรุทกํ มธุปายาสํ ปริภฺุชิ.
ตสฺมึ สมเย เอโก ปิณฺฑปาติกตฺเถโร ปิณฺฑาย ¶ จรนฺโต ตํ นิเวสนํ ปาวิสิ. วิสาขา สสุรํ พีชยมานา ิตา ตํ ทิสฺวา ‘‘สสุรสฺส อาจิกฺขิตุํ อยุตฺต’’นฺติ ยถา โส เถรํ ปสฺสติ, เอวํ อปคนฺตฺวา อฏฺาสิ. โส ปน พาโล เถรํ ทิสฺวาปิ อปสฺสนฺโต วิย หุตฺวา อโธมุโข ภฺุชเตว. วิสาขา ‘‘เถรํ ทิสฺวาปิ เม สสุโร สฺํ น กโรตี’’ติ ตฺวา, ‘‘อติจฺฉถ, ภนฺเต, มยฺหํ สสุโร ปุราณํ ขาทตี’’ติ อาห. โส นิคณฺเหิ กถิตกาเล อธิวาเสตฺวาปิ ‘‘ปุราณํ ขาทตี’’ติ วุตฺตกฺขเณเยว หตฺถํ อปเนตฺวา, ‘‘อิมํ ปายาสํ อิโต นีหรถ, เอตํ อิมสฺมา เคหา นิกฺกฑฺฒถ, อยํ มํ เอวรูเป มงฺคลกาเล อสุจิขาทกํ นาม กโรตี’’ติ อาห. ตสฺมึ โข ปน นิเวสเน สพฺเพปิ ทาสกมฺมกรา วิสาขาย สนฺตกาว, โก นํ หตฺเถ วา ปาเท วา คณฺหิสฺสติ, มุเขน กเถตุํ สมตฺโถปิ นตฺถิ. วิสาขา สสุรสฺส กถํ สุตฺวา อาห – ‘‘ตาต, น เอตฺตเกเนว มยํ นิกฺขมาม, นาหํ ตุมฺเหหิ อุทกติตฺถโต กุมฺภทาสี วิย อานีตา, ธรมานกมาตาปิตูนํ ธีตโร นาม น เอตฺตเกเนว นิกฺขมนฺติ, เอเตเนว เม การเณน ปิตา อิธาคมนกาเล อฏฺ กุฏุมฺพิเก ปกฺโกสาเปตฺวา ‘สเจ เม ธีตุ โทโส อุปฺปชฺชติ, โสเธยฺยาถา’ติ วตฺวา มํ เตสํ หตฺเถ เปสิ, เต ปกฺโกสาเปตฺวา มยฺหํ โทสาโทสํ โสธาเปถา’’ติ.
เสฏฺิ ‘‘กลฺยาณํ เอสา กเถตี’’ติ อฏฺ กุฏุมฺพิเก ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อยํ ทาริกา มงฺคลกาเล นิสีทิตฺวา สุวณฺณปาติยํ นิรุทกปายาสํ ปริภฺุชนฺตํ มํ ‘อสุจิขาทโก’ติ วทตี’’ติ ¶ ¶ อาห, ‘‘อิมิสฺสา โทสํ อาโรเปตฺวา อิมํ เคหโต นิกฺกฑฺฒถา’’ติ. ‘‘เอวํ กิร, อมฺมา’’ติ. นาหํ เอวํ วทามิ, เอกสฺมึ ปน ปิณฺฑปาติกตฺเถเร ฆรทฺวาเร ิเต สสุโร เม อปฺโปทกํ มธุปายาสํ ปริภฺุชนฺโต ตํ น มนสิกโรติ, อหํ ‘‘มยฺหํ สสุโร อิมสฺมึ อตฺตภาเว ปฺุํ น กโรติ, ปุราณปฺุเมว ขาทตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อติจฺฉถ, ภนฺเต, มยฺหํ สสุโร ปุราณํ ขาทตี’’ติ อวจํ, ‘‘เอตฺถ เม โก โทโส’’ติ? ‘‘อยฺย, อิธ โทโส นตฺถิ, อมฺหากํ ธีตา ยุตฺตํ กเถติ, ตฺวํ กสฺมา กุชฺฌสี’’ติ? ‘‘อยฺยา, เอส ตาว โทโส ¶ มา โหตุ, อยํ ปน เอกทิวสํ มชฺฌิมยาเม ทาสีปริวุตา ปจฺฉาเคหํ อคมาสี’’ติ. ‘‘เอวํ กิร, อมฺมา’’ติ. ‘‘ตาตา, นาหํ อฺเน การเณน คตา, อิมสฺมึ ปน เคเห อาชาเนยฺยวฬวาย วิชาตาย สฺมฺปิ อกตฺวา นิสีทิตุํ นาม อยุตฺต’’นฺติ ทณฺฑทีปิกา คาหาเปตฺวา อุณฺโหทกาทีนิปิ คาหาเปตฺวา ทาสีหิ สทฺธึ คนฺตฺวา วฬวาย วิชาตปริหารํ การาเปสึ, ‘‘เอตฺถ เม โก โทโส’’ติ? ‘‘อยฺย, อิธ โทโส นตฺถิ, อมฺหากํ ธีตา ตว เคเห ทาสีหิปิ อกตฺตพฺพยุตฺตกํ กมฺมํ กโรติ, ตฺวํ กึ เอตฺถ โทสํ ปสฺสสี’’ติ?
อยฺยา, อิธาปิ ตาว โทโส มา โหตุ, อิมิสฺสา ปน ปิตา อิธาคมนกาเล อิมํ โอวทนฺโต คุยฺเห ปฏิจฺฉนฺเน ทส โอวาเท อทาสิ, เตสํ อตฺถํ น ชานามิ, เตสํ เม อตฺถํ กเถตุ. อิมิสฺสา ปน ¶ ปิตา ‘‘อนฺโตอคฺคิ พหิ น นีหริตพฺโพ’’ติ อาห, ‘‘สกฺกา นุ โข อมฺเหหิ อุภโต ปฏิวิสฺสกเคหานํ อคฺคึ อทตฺวา วสิตุ’’นฺติ? ‘‘เอวํ กิร, อมฺมา’’ติ. ‘‘ตาตา, มยฺหํ ปิตา น เอตํ สนฺธาย กเถสิ. อิทํ ปน สนฺธาย กเถสิ – ‘อมฺม, ตว สสฺสุสสุรสามิกานํ อคุณํ ทิสฺวา พหิ ตสฺมึ ตสฺมึ เคเห ตฺวา มา กเถสิ. เอวรูโป หิ อคฺคิสทิโส อคฺคิ นาม นตฺถี’’’ติ.
อยฺยา, เอตํ ตาว เอวํ โหตุ, อิมิสฺสา ปน ปิตา ‘‘พาหิรโต อคฺคิ น อนฺโต ปเวเสตพฺโพ’’ติ อาห, ‘‘กึ สกฺกา อมฺเหหิ อนฺโต อคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต พาหิรโต อคฺคึ อนาหริตุ’’นฺติ? ‘‘เอวํ กิร, อมฺมา’’ติ. ตาตา, มยฺหํ ปิตา น เอตํ สนฺธาย กเถสิ, อิทํ ปน สนฺธาย กเถสิ – สเจ ปฏิวิสฺสกเคเหสุ อิตฺถิโย วา ปุริสา วา สสฺสุสสุรสามิกานํ อคุณํ กเถนฺติ, เตหิ กถิตํ อาหริตฺวา ‘‘อสุโก นาม ตุมฺหากํ เอวฺจ เอวฺจ อคุณํ กเถตี’’ติ ปุน มา กเถยฺยาสิ. ‘‘เอเตน หิ อคฺคินา สทิโส อคฺคิ นาม นตฺถี’’ติ. เอวํ อิมสฺมิมฺปิ การเณ สา นิทฺโทสาว อโหสิ. ยถา จ เอตฺถ, เอวํ เสเสสุปิ.
เตสุ ปน อยมธิปฺปาโย – ยมฺปิ หิ ตสฺสา ปิตรา ‘‘เย ททนฺติ, เตสํเยว ทาตพฺพ’’นฺติ ¶ วุตฺตํ. ตํ ‘‘ยาจิตกํ อุปกรณํ คเหตฺวา เย ปฏิเทนฺติ, เตสฺเว ทาตพฺพ’’นฺติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘เย น เทนฺติ, เตสํ น ทาตพฺพ’’นฺติ อิทมฺปิ เย ยาจิตกํ คเหตฺวา น ปฏิเทนฺติ, เตสํ น ทาตพฺพนฺติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘ททนฺตสฺสาปิ ¶ อททนฺตสฺสาปิ ทาตพฺพ’’นฺติ อิทํ ปน ทลิทฺเทสุ าติมิตฺเตสุ ¶ สมฺปตฺเตสุ เต ปฏิทาตุํ สกฺโกนฺตุ วา มา วา, เตสํ ทาตุเมว วฏฺฏตีติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘สุขํ นิสีทิตพฺพ’’นฺติ อิทมฺปิ สสฺสุสสุรสามิเก ทิสฺวา วุฏฺาตพฺพฏฺาเน นิสีทิตุํ น วฏฺฏตีติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘สุขํ ภฺุชิตพฺพ’’นฺติ อิทํ ปน สสฺสุสสุรสามิเกหิ ปุเรตรํ อภฺุชิตฺวา เต ปริวิสิตฺวา สพฺเพหิ ลทฺธาลทฺธํ ตฺวา ปจฺฉา สยํ ภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘สุขํ นิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ อิทมฺปิ สสฺสุสสุรสามิเกหิ ปุเรตรํ สยนํ อารุยฺห น นิปชฺชิตพฺพํ, เตสํ กตฺตพฺพยุตฺตกํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา ปจฺฉา สยํ นิปชฺชิตุํ ยุตฺตนฺติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘อคฺคิ ปริจริตพฺโพ’’ติ อิทํ ปน สสฺสุมฺปิ สสุรมฺปิ สามิกมฺปิ อคฺคิกฺขนฺธํ วิย อุรคราชานํ วิย จ กตฺวา ปสฺสิตุํ วฏฺฏตีติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘อนฺโตเทวตา นมสฺสิตพฺพา’’ติ อิทมฺปิ สสฺสฺุจ สสุรฺจ สามิกฺจ เทวตา วิย กตฺวา ทฏฺุํ วฏฺฏตีติ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวํ เสฏฺิ อิเมสํ ทสโอวาทานํ อตฺถํ สุตฺวา ปฏิวจนํ อปสฺสนฺโต อโธมุโข นิสีทิ.
อถ นํ กุฏุมฺพิกา ‘‘กึ เสฏฺิ อฺโปิ อมฺหากํ ธีตุ โทโส อตฺถี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘นตฺถิ, อยฺยา’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา นํ นิทฺโทสํ อการเณน เคหา นิกฺกฑฺฒาเปสี’’ติ เอวํ วุตฺเต วิสาขา อาห – ‘‘ตาตา, กิฺจาปิ มยฺหํ สสุรสฺส วจเนน ปมเมว คมนํ น ยุตฺตํ, ปิตา ปน เม อาคมนกาเล มม โทสโสธนตฺถาย มํ ตุมฺหากํ หตฺเถ เปสิ, ตุมฺเหหิ จ เม นิทฺโทสภาโว ¶ าโต, อิทานิ จ มยฺหํ คนฺตุํ ยุตฺต’’นฺติ ทาสิทาเส ‘‘ยานาทีหิ สชฺชาเปถา’’ติ อาณาเปสิ. อถ นํ เสฏฺิ กุฏุมฺพิเก คเหตฺวา ‘‘อมฺม, มยา ¶ อชานิตฺวาว กถิตํ, ขมาหิ เม’’ติ อาห. ‘‘ตาต, ตุมฺหากํ ขมิตพฺพํ ตาว ขมามิ, อหํ ปน พุทฺธสาสเน อเวจฺจปฺปสนฺนสฺส กุลสฺส ธีตา, น มยํ วินา ภิกฺขุสงฺเฆน วตฺตาม, สเจ มม รุจิยา ภิกฺขุสงฺฆํ ปฏิชคฺคิตุํ ลภามิ, วสิสฺสามี’’ติ. ‘‘อมฺม, ตฺวํ ยถารุจิยา ตว สมเณ ปฏิชคฺคา’’ติ อาห.
วิสาขา ¶ ทสพลํ นิมนฺตาเปตฺวา ปุนทิวเส นิเวสนํ ปเวเสสิ. นคฺคสมณาปิ สตฺถุ มิคารเสฏฺิโน เคหํ คมนภาวํ สุตฺวา คนฺตฺวา เคหํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. วิสาขา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ‘‘สพฺโพ สกฺกาโร ปฏิยาทิโต, สสุโร เม อาคนฺตฺวา ทสพลํ ปริวิสตู’’ติ สาสนํ เปเสสิ. อถ นํ คนฺตุกามํ อาชีวกา ‘‘มา โข ตฺวํ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คจฺฉา’’ติ นิวาเรสุํ. โส ‘‘สุณฺหา เม สยเมว ปริวิสตู’’ติ สาสนํ ปหิณิ. สา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา นิฏฺิเต ภตฺตกิจฺเจ ปุน สาสนํ เปเสสิ – ‘‘สสุโร เม อาคนฺตฺวา ธมฺมกถํ สุณาตู’’ติ. อถ นํ ‘‘อิทานิ อคมนํ นาม อติวิย อยุตฺต’’นฺติ ธมฺมํ โสตุกามตาย คจฺฉนฺตํ ปุน เต อาหํสุ – ‘‘เตน หิ สมณสฺส โคตมสฺส ธมฺมํ สุณนฺโต พหิสาณิยา นิสีทิตฺวา สุณาหี’’ติ. ปุเรตรเมวสฺส คนฺตฺวา สาณึ ปริกฺขิปึสุ. โส คนฺตฺวา พหิสาณิยํ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘ตฺวํ พหิสาณิยํ วา นิสีท, ปรกุฏฺเฏ วา ปรเสเล วา ปรจกฺกวาเฬ วา ปน นิสีท, อหํ พุทฺโธ นาม สกฺโกมิ ตํ มม สทฺทํ สาเวตุ’’นฺติ ¶ มหาชมฺพุํ ขนฺเธ คเหตฺวา จาเลนฺโต วิย อมตวสฺสํ วสฺเสนฺโต วิย จ ธมฺมํ เทเสตุํ อนุปุพฺพึ กถํ อารภิ.
สมฺมาสมฺพุทฺเธ จ ปน ธมฺมํ เทเสนฺเต ปุรโต ิตาปิ ปจฺฉโต ิตาปิ จกฺกวาฬสตํ จกฺกวาฬสหสฺสํ อติกฺกมิตฺวา ิตาปิ อกนิฏฺภวเน ิตาปิ ‘‘สตฺถา มมฺเว โอโลเกติ, มยฺหเมว ธมฺมํ เทเสตี’’ติ วทนฺติ. สตฺถา หิ ตํ ตํ โอโลเกนฺโต วิย เตน เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต วิย จ อโหสิ. จนฺทสมา กิร พุทฺธา. ยถา จนฺโท คคนมชฺเฌ ิโต ‘‘มยฺหํ อุปริ จนฺโท, มยฺหํ อุปริ จนฺโท’’ติ สพฺพสตฺตานํ ขายติ, เอวเมว ยตฺถ กตฺถจิ ิตานํ อภิมุเข ิตา วิย ขายนฺติ. อิทํ กิร เตสํ อลงฺกตสีสํ ฉินฺทิตฺวา อฺชิตอกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา หทยมํสํ อุปฺปาเฏตฺวา ปรสฺส ทาสตฺถาย ชาลิสทิเส ปุตฺเต กณฺหาชินาสทิสา ธีตโร มทฺทิสทิสา ปชาปติโย ปริจฺจชิตฺวา ทินฺนทานสฺส ผลํ. มิคารเสฏฺิปิ โข ตถาคเต ธมฺมเทสนํ วินิวตฺเตนฺเต พหิสาณิยํ นิสินฺโนว สหสฺส นยปฏิมณฺฑิเต ¶ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อจลาย สทฺธาย สมนฺนาคโต ตีสุ รตเนสุ นิกฺกงฺโข หุตฺวา สาณิกณฺณํ อุกฺขิปิตฺวา อาคนฺตฺวา สุณฺหาย ถนํ มุเขน คเหตฺวา, ‘‘ตฺวํ เม อชฺชโต ปฏฺาย มาตา’’ติ ¶ ตํ มาตุฏฺาเน เปสิ. ตโต ปฏฺาย มิคารมาตา นาม ชาตา. ปจฺฉาภาเค ¶ ปุตฺตํ ลภิตฺวาปิ มิคาโรติสฺส นามมกาสิ.
มหาเสฏฺิ สุณฺหาย ถนํ วิสฺสชฺเชตฺวา คนฺตฺวา ภควโต ทฺวีสุ ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ปาเท ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหนฺโต มุเขน จ ปริจุมฺพนฺโต ‘‘มิคาโร อหํ, ภนฺเต, มิคาโร อหํ, ภนฺเต’’ติ ติกฺขตฺตุํ นามํ สาเวตฺวา, ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอตฺตกํ กาลํ ยตฺถ นาม ทฺวินฺนํ มหปฺผลนฺติ น ชานามิ, อิทานิ จ เม สุณิสํ นิสฺสาย าตํ, สพฺพา อปายทุกฺขา มุตฺโตมฺหิ, สุณิสา เม อิมํ เคหํ อาคจฺฉนฺตี มม อตฺถาย หิตาย สุขาย อาคตา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โสหํ อชฺช ปชานามิ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;
อตฺถาย วต เม ภทฺทา, สุณิสา ฆรมาคตา’’ติ.
วิสาขา ปุนทิวสตฺถายปิ สตฺถารํ นิมนฺเตสิ. อถสฺสา ปุนทิวเสปิ สสฺสุ โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา. ตโต ปฏฺาย ตํ เคหํ สาสนสฺส วิวฏทฺวารํ อโหสิ. ตโต เสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘พหูปการา เม สุณิสา ปสนฺนาการมสฺสา กริสฺสามิ, เอติสฺสา ภาริยํ ปสาธนํ นิจฺจกาลํ ปสาเธตุํ น สกฺกา, สลฺลหุกมสฺสา ทิวา จ รตฺโต จ สพฺพอิริยาปเถสุ ปสาธนโยคฺคํ ปสาธนํ กาเรสฺสามี’’ติ สตสหสฺสคฺฆนกํ ฆนมฏฺกํ นาม ปสาธนํ กาเรตฺวา ตสฺมึ นิฏฺิเต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา สกฺกจฺจํ โภเชตฺวา วิสาขํ โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหาเปตฺวา สตฺถุ สมฺมุเข เปตฺวา ปสาเธตฺวา สตฺถารํ วนฺทาเปสิ. สตฺถา อนุโมทนํ ¶ กตฺวา วิหารเมว คโต. วิสาขาปิ ตโต ปฏฺาย ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรนฺตี สตฺถุ สนฺติกา อฏฺ วเร (มหาว. ๓๕๐) ลภิตฺวา คคนตเล จนฺทเลขา วิย ปฺายมานา ปุตฺตธีตาหิ วุฑฺฒึ ปาปุณิ. ตสฺสา กิร ทส ปุตฺตา ทส ธีตโร จ อเหสุํ. เตสุ เอเกกสฺส ทส ทส ปุตฺตา ทส ทส ธีตโร อเหสุํ. เตสุ เตสุปิ เอเกกสฺส ทส ทส ปุตฺตา ทส ทส ธีตโร จาติ เอวมสฺสา ปุตฺตนตฺตปนตฺตสนฺตานวเสน ปวตฺตานิ วีสาธิกานิ จตฺตาริ สตานิ อฏฺ จ ปาณสหสฺสานิ อเหสุํ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘วิสาขา ¶ ¶ วีสติ ปุตฺตา, นตฺตา จ จตุโร สตา;
ปนตฺตา อฏฺสหสฺสา, ชมฺพุทีเป สุปากฏา’’ติ.
อายุ วีสวสฺสสตํ อโหสิ, สีเส เอกมฺปิ ปลิตํ นาม นาโหสิ, นิจฺจํ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย อโหสิ. ตํ ปุตฺตนตฺตปนตฺตปริวารํ วิหารํ คจฺฉนฺตึ ทิสฺวา, ‘‘กตมา เอตฺถ วิสาขา’’ติ ปริปุจฺฉิตาโร โหนฺติ? เย นํ คจฺฉนฺตึ ปสฺสนฺติ, ‘‘อิทานิ โถกํ คจฺฉตุ, คจฺฉมานาว โน, อยฺยา โสภตี’’ติ, จินฺเตนฺติ. เย นํ ิตํ นิสินฺนํ นิปนฺนํ ปสฺสนฺติ, ‘‘อิทานิ โถกํ นิปชฺชตุ, นิปนฺนาว โน, อยฺยา, โสภตี’’ติ จินฺเตนฺติ. อิติ สา ‘‘จตูสุ อิริยาปเถสุ อสุกอิริยาปเถน นาม น โสภตี’’ติ วตฺตพฺพา น โหติ. ปฺจนฺนํ โข ปน หตฺถีนํ ¶ พลํ ธาเรติ. ราชา ‘‘วิสาขา กิร ปฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธาเรตี’’ติ สุตฺวา ตสฺสา วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา อาคมนเวลาย ถามํ วีมํสิตุกาโม หตฺถึ วิสฺสชฺชาเปสิ, โส โสณฺฑํ อุกฺขิปิตฺวา วิสาขาภิมุโข อคมาสิ. ตสฺสา ปริวาริตฺถิโย ปฺจสตา เอกจฺจา ปลายึสุ, เอกจฺจา น ปริสฺสชฺชิตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ วุตฺเต – ‘‘ราชา กิร เต, อยฺเย, พลํ วีมํสิตุกาโม หตฺถึ วิสฺสชฺชาเปสี’’ติ วทึสุ. วิสาขา อิมํ ทิสฺวา, ‘‘กึ ปลายิเตน, กถํ นุ โข ตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘สเจ ตํ ทฬฺหํ คณฺหิสฺสามิ, วินสฺเสยฺยา’’ติ ทฺวีหิ องฺคุลีหิ โสณฺฑาย คเหตฺวา ปฏิปณาเมสิ. หตฺถี อตฺตานํ สนฺธาเรตฺวา าตุํ นาสกฺขิ, ราชงฺคเณ อุกฺกุฏิโก หุตฺวา ปติโต. มหาชโน สาธุการํ อทาสิ. สาปิ สปริวารา โสตฺถินา เคหํ อคมาสิ.
เตน โข ปน สมเยน สาวตฺถิยํ วิสาขา มิคารมาตา พหุปุตฺตา โหติ พหุนตฺตา อโรคปุตฺตา อโรคนตฺตา อภิมงฺคลสมฺมตา, ตาวตเกสุ ปุตฺตนตฺเตสุ เอโกปิ อนฺตรา มรณํ ปตฺโต นาม นาโหสิ. สาวตฺถิวาสิโน มงฺคเลสุ ฉเณสุ วิสาขํ ปมํ นิมนฺเตตฺวา โภเชนฺติ. อเถกสฺมึ อุสฺสวทิวเส มหาชเน มณฺฑิตปสาธิเต ธมฺมสฺสวนาย วิหารํ คจฺฉนฺเต วิสาขาปิ ¶ นิมนฺติตฏฺาเน ภฺุชิตฺวา มหาลตาปสาธนํ ปสาเธตฺวา มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา อุตฺตราสงฺเคน ภณฺฑิกํ พนฺธิตฺวา ทาสิยา อทาสิ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘เตน ¶ โข ปน สมเยน สาวตฺถิยํ อุสฺสโว โหติ, มนุสฺสา อลงฺกตปฏิยตฺตา อารามํ คจฺฉนฺติ, วิสาขาปิ มิคารมาตา อลงฺกตปฏิยตฺตา วิหารํ คจฺฉติ. อถ โข ¶ วิสาขา มิคารมาตา อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา อุตฺตราสงฺเคน ภณฺฑิกํ พนฺธิตฺวา ทาสิยา อทาสิ ‘หนฺท เช อิมํ ภณฺฑิกํ คณฺหาหี’’’ติ (ปาจิ. ๕๐๓).
สา กิร วิหารํ คจฺฉนฺตี จินฺเตสิ – ‘‘เอวรูปํ มหคฺฆํ ปสาธนํ สีเส ปฏิมุกฺกํ ยาว ปาทปิฏฺึ อลงฺการํ อลงฺกริตฺวา วิหารํ ปวิสิตุํ อยุตฺต’’นฺติ นํ โอมฺุจิตฺวา ภณฺฑิกํ กตฺวา อตฺตโน ปฺุเเนว นิพฺพตฺตาย ปฺจหตฺถิถามธราย ทาสิยา หตฺเถ อทาสิ. สา เอว กิร ตํ คณฺหิตุํ สกฺโกติ. เตน นํ อาห – ‘‘อมฺม, อิมํ ปสาธนํ คณฺห, สตฺถุสนฺติกา นิวตฺตนกาเล ปสาเธสฺสามิ น’’นฺติ. ตํ ปน ทตฺวา ฆนมฏฺกํ ปสาธนํ ปสาเธตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ อสฺโสสิ, ธมฺมสฺสวนาวสาเน ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อุฏฺาย ปกฺกามิ. สาปิสฺสา ทาสี ตํ ปสาธนํ ปมุฏฺา. ธมฺมํ สุตฺวา ปน ปกฺกนฺตาย ปริสาย สเจ กิฺจิ ปมุฏฺํ โหติ, ตํ อานนฺทตฺเถโร ปฏิสาเมติ. อิติ โส ตํ ทิวสํ มหาลตาปสาธนํ ทิสฺวา สตฺถุ อาโรเจสิ – ‘‘ภนฺเต, วิสาขา ปสาธนํ ปมุสฺสิตฺวา คตา’’ติ. ‘‘เอกมนฺตํ เปหิ, อานนฺทา’’ติ. เถโร ตํ อุกฺขิปิตฺวา โสปานปสฺเส ลคฺเคตฺวา ¶ เปสิ.
วิสาขาปิ สุปฺปิยาย สทฺธึ ‘‘อาคนฺตุกคมิกคิลานาทีนํ กตฺตพฺพยุตฺตกํ ชานิสฺสามี’’ติ อนฺโตวิหาเร วิจริ. ตา ปน อุปาสิกาโย อนฺโตวิหาเร ทิสฺวา สปฺปิมธุเตลาทีหิ อตฺถิกา ปกติยาว ทหรา จ สามเณรา จ ถาลกาทีนิ คเหตฺวา อุปสงฺกมนฺติ. ตสฺมิมฺปิ ทิวเส ตเถว กรึสุ. อเถกํ คิลานํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา สุปฺปิยา (มหาว. ๒๘๐) ‘‘เกนตฺโถ อยฺยสฺสา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปฏิจฺฉาทนีเยนา’’ติ วุตฺเต โหตุ, อยฺย, เปเสสฺสามีติ ทุติยทิวเส กปฺปิยมํสํ อลภนฺตี อตฺตโน อูรุมํเสน กตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา ปุน สตฺถริ ปสาเทน ปากติกสรีราว อโหสิ. วิสาขาปิ คิลาเน จ ทหเร จ สามเณเร จ โอโลเกตฺวา อฺเน ทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา วิหารูปจาเร ิตา, ‘‘อมฺม, ปสาธนํ อาหร ปสาเธสฺสามี’’ติ อาห. ตสฺมึ ขเณ สา ทาสี ปมุสฺสิตฺวา นิกฺขนฺตภาวํ ตฺวา, ‘‘อยฺเย, ปมุฏฺามฺหี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ คนฺตฺวา คณฺหิตฺวา เอหิ, สเจ ปน ¶ มยฺหํ อยฺเยน อานนฺทตฺเถเรน อุกฺขิปิตฺวา อฺสฺมึ าเน ปิตํ โหติ, มา อาหเรยฺยาสิ, อยฺยสฺเสว ตํ มยา ปริจฺจตฺต’’นฺติ. ชานาติ กิร สา ‘‘กุลมนุสฺสานํ ปมุฏฺภณฺฑกํ เถโร ปฏิสาเมตี’’ติ; ตสฺมา เอวมาห. เถโรปิ ตํ ทาสึ ทิสฺวาว ‘‘กิมตฺถํ อาคตาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อยฺยาย เม ปสาธนํ ปมุสฺสิตฺวา อาคตามฺหี’’ติ วุตฺเต, ‘‘เอตสฺมึ เม โสปานปสฺเส ปิตํ, คจฺฉ นํ คณฺหาหี’’ติ อาห. สา, ‘‘อยฺย, ตุมฺหากํ หตฺเถน อามฏฺภณฺฑกํ มยฺหํ อยฺยาย ¶ อนาหาริยํ กต’’นฺติ วตฺวา ตุจฺฉหตฺถาว คนฺตฺวา, ‘‘กึ, อมฺมา’’ติ วิสาขาย ปุฏฺา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ‘‘อมฺม ¶ , นาหํ มม อยฺเยน อามฏฺภณฺฑํ ปิลนฺธิสฺสามิ, ปริจฺจตฺตํ มยา. อยฺยานํ ปน ปฏิชคฺคิตุํ ทุกฺขํ, ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา กปฺปิยภณฺฑํ อุปเนสฺสามิ, คจฺฉ, ตํ อาหราหี’’ติ. สา คนฺตฺวา อาหริ. วิสาขา ตํ อปิลนฺธิตฺวาว กมฺมาเร ปกฺโกสาเปตฺวา อคฺฆาเปสิ. เตหิ ‘‘นว โกฏิโย อคฺฆติ, หตฺถการาปณิยํ ปนสฺส สตสหสฺส’’นฺติ วุตฺเต ปสาธนํ ยาเน ปาเปตฺวา ‘‘เตน หิ ตํ วิกฺกิณถา’’ติ อาห. ภตฺตกํ ธนํ ทตฺวา คณฺหึตุ น โกจิ สกฺขิสฺสติ. ตฺหิ ปสาธนํ ปสาเธตุํ อนุจฺฉวิกา อิตฺถิโย นาม ทุลฺลภา. ปถวิมณฺฑลสฺมิฺหิ ติสฺโสว อิตฺถิโย มหาลตาปสาธนํ ลภึสุ วิสาขา มหาอุปาสิกา, พนฺธุลมลฺลเสนาปติสฺส ภริยา, มลฺลิกา, พาราณสีเสฏฺิโน ธีตาติ.
ตสฺมา วิสาขา สยเมว ตสฺส มูลํ ทตฺวา สตสหสฺสาธิกา นว โกฏิโย สกเฏ อาโรเปตฺวา วิหารํ เนตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อยฺเยน อานนฺทตฺเถเรน มม ปสาธนํ หตฺเถน อามฏฺํ, เตน อามฏฺกาลโต ปฏฺาย น สกฺกา ตํ มยา ปิลนฺธิตุํ. ตํ ปน วิสฺสชฺเชตฺวา กปฺปิยํ อุปเนสฺสามีติ วิกฺกิณาเปนฺตี อฺํ ตํ คณฺหิตุํ สมตฺถํ อทิสฺวา อหเมว ตสฺส มูลํ คาหาเปตฺวา อาคตา, จตูสุ ปจฺจเยสุ กตรปจฺจเยน อุปเนสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ. ปาจีนทฺวาเร สงฺฆสฺส วสนฏฺานํ ¶ กาตุํ เต ยุตฺตํ วิสาเขติ ‘‘ยุตฺตํ, ภนฺเต’’ติ วิสาขา ตุฏฺมานสา นวโกฏีหิ ภูมิเมว คณฺหิ. อปราหิ นวโกฏีหิ วิหารํ กาตุํ อารภิ.
อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต เทวโลกา จวิตฺวา ภทฺทิยนคเร เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺตสฺส ภทฺทิยสฺส นาม เสฏฺิปุตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา อนาถปิณฺฑิกสฺส เคเห ภตฺตกิจฺจํ ¶ กตฺวา อุตฺตรทฺวาราภิมุโข อโหสิ. ปกติยา หิ สตฺถา วิสาขาย เคเห ภิกฺขํ คณฺหิตฺวา ทกฺขิณทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา เชตวเน วสติ. อนาถปิณฺฑิกสฺส เคเห ภิกฺขํ คเหตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ปุพฺพาราเม วสติ. อุตฺตรทฺวารํ สนฺธาย คจฺฉนฺตํเยว ภควนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’ติ ชานนฺติ. วิสาขาปิ ตํ ทิวสํ ‘‘สตฺถา อุตฺตรทฺวาราภิมุโข คโต’’ติ สุตฺวา เวเคน คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘จาริกํ คนฺตุกามตฺถ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาม, วิสาเข’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอตฺตกํ ธนํ ปริจฺจชิตฺวา ตุมฺหากํ วิหารํ กาเรมิ, นิวตฺตถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อนิวตฺตคมนํ อิทํ วิสาเข’’ติ. สา ‘‘อทฺธา เหตุสมฺปนฺนํ กฺจิ ปสฺสิสฺสติ ภควา’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, มยฺหํ กตากตวิชานนกํ เอกํ ภิกฺขุํ นิวตฺเตตฺวา คจฺฉถา’’ติ อาห. ‘‘ยํ รุจฺจสิ, ตสฺส ปตฺตํ ¶ คณฺห วิสาเข’’ติ อาห. สา กิฺจาปิ อานนฺทตฺเถรํ ปิยายติ, ‘‘มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร อิทฺธิมา, เอตํ เม นิสฺสาย กมฺมํ ลหุํ ¶ นิปฺผชฺชิสฺสตี’’ติ ปน จินฺเตตฺวา เถรสฺส ปตฺตํ คณฺหิ. เถโร สตฺถารํ โอโลเกสิ. สตฺถา ‘‘ตว ปริวาเร ปฺจสเต ภิกฺขู คเหตฺวา นิวตฺต โมคฺคลฺลานา’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ. ตสฺสานุภาเวน ปฺาสสฏฺิโยชนานิปิ รุกฺขตฺถาย จ ปาสาณตฺถาย จ คตา มนุสฺสา มหนฺเต มหนฺเต รุกฺเข จ ปาสาเณ จ คเหตฺวา ตํ ทิวสเมว อาคจฺฉนฺติ, เนว สกเฏ รุกฺขปาสาเณ อาโรเปนฺตา กิลมนฺติ, น อกฺโข ภิชฺชติ. น จิรสฺเสว ทฺเวภูมิกํ ปาสาทํ กรึสุ. เหฏฺาภูมิยํ ปฺจ คพฺภสตานิ, อุปริภูมิยํ ปฺจ คพฺภสตานีติ คพฺภสหสฺสปฏิมณฺฑิโต ปาสาโท อโหสิ. อฏฺกรีเส ปริสุทฺเธ ภูมิภาเค ปาสาทํ การาเปสิ, ‘‘สุทฺธปาสาโท ปน น โสภตี’’ติ ตํ ปริวาเรตฺวา ปฺจ ปธานเวตฺตเคหสตานิ, ปฺจ จูฬปาสาทสตานิ, ปฺจ ทีฆมาฬกสตานิ การาเปสิ.
อถ สตฺถา นวหิ มาเสหิ จาริกํ จริตฺวา ปุน สาวตฺถึ อคมาสิ. วิสาขายปิ ปาสาเท กมฺมํ นวหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ. ปาสาทกูฏํ ฆนโกฏฺฏิตรตฺตสุวณฺเณเนว สฏฺิอุทกฆฏคณฺหนกํ ¶ การาเปสิ. ‘‘สตฺถา เชตวนวิหารํ คจฺฉตี’’ติ จ สุตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา สตฺถารํ อตฺตโน วิหารํ เนตฺวา ปฏิฺํ คณฺหิ, ‘‘ภนฺเต, อิมํ จตุมาสํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา อิเธว วสถ, ปาสาทมหํ กริสฺสามี’’ติ. สตฺถา อธิวาเสสิ. สา ¶ ตโต ปฏฺาย พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส วิหาเร เอว ทานํ เทติ. อถสฺสา เอกา สหายิกา สตสหสฺสคฺฆนกํ เอกํ วตฺถํ อาทาย อาคนฺตฺวา, ‘‘สหายิเก อหํ อิมํ วตฺถํ ตว ปาสาเท ภูมตฺถรณสงฺเขเปน อตฺถริตุกามา, อตฺถรณฏฺานํ เม อาจิกฺขถา’’ติ อาห. ‘‘สาธุ สหายิเก, สเจ ตฺยาหํ ‘โอกาโส นตฺถี’ติ วกฺขามิ, ตฺวํ ‘เม โอกาสํ อทาตุกามา’ติ มฺิสฺสสิ, สยเมว ปาสาทสฺส ทฺเว ภูมิโย คพฺภสหสฺสฺจ โอโลเกตฺวา อตฺถรณฏฺานํ ชานาหี’’ติ อาห. สา สตสหสฺสคฺฆนกํ วตฺถํ คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิจรนฺตี ตโต อปฺปตรมูลํ วตฺถํ อทิสฺวา ‘‘นาหํ อิมสฺมึ ปาสาเท ปฺุภาคํ ลภามี’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺตา เอกสฺมึ าเน โรทนฺตี อฏฺาสิ. อถ นํ อานนฺทตฺเถโร ทิสฺวา, ‘‘กสฺมา โรทสี’’ติ ปุจฺฉิ. สา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เถโร ‘‘มา จินฺตยิ, อหํ เต อตฺถรณฏฺานํ อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ วตฺวา, ‘‘โสปานปาทมูเล ปาทโธวนฏฺาเน อิมํ ปาทปฺุฉนกํ กตฺวา อตฺถราหิ, ภิกฺขู ปาเท โธวิตฺวา ปมํ เอตฺถ ปาทํ ปฺุฉิตฺวา ¶ อนฺโต ปวิสิสฺสนฺติ, เอวํ เต มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ อาห. วิสาขาย กิเรตํ อสลฺลกฺขิตฏฺานํ.
วิสาขา จตฺตาโร มาเส อนฺโตวิหาเร พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ อทาสิ, อวสานทิวเส ภิกฺขุสงฺฆสฺส จีวรสาฏเก อทาสิ. สงฺฆนวเกน ลทฺธจีวรสาฏกา สหสฺสคฺฆนกา ¶ โหนฺติ. สพฺเพสํ ปตฺตานิ ปูเรตฺวา เภสชฺชํ อทาสิ. ทานปริจฺจาเค นว โกฏิโย อคมํสุ. อิติ วิหารสฺส ภูมิคฺคหเณ นว โกฏิโย, วิหารสฺส การาปเน นว, วิหารมเห นวาติ สพฺพาปิ สตฺตวีสติ โกฏิโย สา พุทฺธสาสเน ปริจฺจชิ. อิตฺถิภาเว ตฺวา มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส เคเห วสมานาย เอวรูโป มหาปริจฺจาโค นาม อฺิสฺสา นตฺถิ. สา วิหารมหสฺส นิฏฺิตทิวเส วฑฺฒมานกจฺฉายาย ปุตฺตนตฺตปนตฺตปริวุตา ‘‘ยํ ยํ มยา ปุพฺเพ ปตฺถิตํ, สพฺพเมว มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ ปาสาทํ อนุปริยายนฺตี ปฺจหิ คาถาหิ มธุรสทฺเทน อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘กทาหํ ปาสาทํ รมฺมํ, สุธามตฺติกเลปนํ;
วิหารทานํ ทสฺสามิ, สงฺกปฺโป มยฺห ปูริโต.
‘‘กทาหํ ¶ มฺจปีฺจ, ภิสิพิมฺโพหนานิ จ;
เสนาสนภณฺฑํ ทสฺสามิ, สงฺกปฺโป มยฺห ปูริโต.
‘‘กทาหํ ¶ สลากภตฺตํ, สุจึ มํสูปเสจนํ;
โภชนทานํ ทสฺสามิ, สงฺกปฺโป มยฺห ปูริโต.
‘‘กทาหํ กาสิกํ วตฺถํ, โขมกปฺปาสิกานิ จ;
จีวรทานํ ทสฺสามิ, สงฺกปฺโป มยฺห ปูริโต.
‘‘กทาหํ สปฺปินวนีตํ, มธุเตลฺจ ผาณิตํ;
เภสชฺชทานํ ทสฺสามิ, สงฺกปฺโป มยฺห ปูริโต’’ติ.
ภิกฺขู ตสฺสา สทฺทํ สุตฺวา สตฺถุ อาโรจยึสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺเหหิ เอตฺตเก อทฺธาเน วิสาขาย คายนํ นาม น ทิฏฺปุพฺพํ, สา อชฺช ปุตฺตนตฺตปนตฺตปริวุตา คายมานา ปาสาทํ อนุปริยายติ, กึ นุ ขฺวสฺสา ปิตฺตํ วา กุปิตํ, อุทาหุ อุมฺมตฺติกา ชาตา’’ติ? สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, มยฺหํ ธีตา คายติ, อตฺตโน ปนสฺสา อชฺฌาสโย ปริปุณฺโณ, สา ‘ปตฺถิตปตฺถนา เม มตฺถกํ ปตฺตา’ติ ตุฏฺมานสา อุทานํ อุทาเนนฺตี วิจรตี’’ติ วตฺวา ‘‘กทา ปน, ภนฺเต, ตาย ปตฺถนา ปตฺถิตา’’ติ? ‘‘สุณิสฺสถ, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘สุณิสฺสาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต อตีตํ อาหริ –
‘‘อตีเต ¶ , ภิกฺขเว, อิโต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก ปทุมุตฺตโร นาม พุทฺโธ โลเก นิพฺพตฺติ. ตสฺส วสฺสสตสหสฺสํ อายุ อโหสิ, ขีณาสวานํ สตสหสฺสปริวาโร, นครํ หํสวตี นาม, ปิตา สุนนฺโท นาม ราชา, มาตา สุชาตา นาม เทวี, ตสฺส อคฺคอุปฏฺายิกา เอกา อุปาสิกา อฏฺ วเร ยาจิตฺวา มาตุฏฺาเน ตฺวา สตฺถารํ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปฏิชคฺคนฺตี สายํปาตํ อุปฏฺานํ คจฺฉติ. ตสฺสา เอกา สหายิกา ตาย สทฺธึ วิหารํ นิพทฺธํ คจฺฉติ. สา ตสฺสา สตฺถารา สทฺธึ วิสฺสาเสน กถนฺจ วลฺลภภาวฺจ ทิสฺวา, ‘กึ นุ โข กตฺวา เอวํ พุทฺธานํ วลฺลตา โหตี’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘ภนฺเต, เอสา อิตฺถี ตุมฺหากํ กึ โหตี’’’ติ? ‘‘อุปฏฺายิกานํ ¶ อคฺคา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, กึ กตฺวา อุปฏฺายิกานํ อคฺคา โหตี’’ติ? ‘‘กปฺปสตสหสฺสํ ปตฺถนํ ปตฺเถตฺวา’’ติ. ‘‘อิทานิ ปตฺเถตฺวา ลทฺธุํ สกฺกา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อาม, สกฺกา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ภิกฺขุสตสหสฺเสน สทฺธึ สตฺตาหํ มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาห. สตฺถา อธิวาเสสิ. สา สตฺตาหํ ทานํ ทตฺวา โอสานทิวเส จีวรสาฏเก ทตฺวา สตฺถารํ ¶ วนฺทิตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นาหํ อิมสฺส ทานสฺส ผเลน เทวิสฺสริยาทีนํ อฺตรํ ปตฺเถมิ, ตุมฺหาทิสสฺส ปเนกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก อฏฺ วเร ลภิตฺวา มาตุฏฺาเน ตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ ปฏิชคฺคิตุํ สมตฺถานํ อคฺคา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. สตฺถา ‘‘สมิชฺฌิสฺสติ นุ โข อิมิสฺสา ปตฺถนา’’ติ อนาคตํ อาวชฺเชนฺโต กปฺปสตสหสฺสํ โอโลเกตฺวา ‘‘กปฺปสตสหสฺสปริโยสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตทา ตฺวํ วิสาขา นาม อุปาสิกา หุตฺวา ตสฺส สนฺติเก อฏฺ วเร ลภิตฺวา มาตุฏฺาเน ตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ ปฏิชคฺคนฺตีนํ อุปฏฺายิกานํ อคฺคา ภวิสฺสสี’’ติ อาห. ตสฺสา สา สมฺปตฺติ สฺเวว ลทฺธพฺพา วิย อโหสิ.
สา ยาวตายุกํ ปฺุํ กตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล กิกิสฺส กาสิรฺโ สตฺตนฺนํ ธีตานํ กนิฏฺา สงฺฆทาสี นาม หุตฺวา ปรกุลํ อคนฺตฺวา ตาหิ เชฏฺภคินีหิ สทฺธึ ทีฆรตฺตํ ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาทมูเลปิ ‘‘อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส มาตุฏฺาเน ตฺวา จตุปจฺจยทายิกานํ อคฺคา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สา ตโต ปฏฺาย ปน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมึ อตฺตภาเว เมณฺฑกเสฏฺิปุตฺตสฺส ¶ ธนฺจยเสฏฺิโน ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺตา. มยฺหํ สาสเน พหูนิ ปฺุานิ อกาสิ. อิติ โข, ภิกฺขเว, ‘‘น มยฺหํ ธีตา คายติ, ปตฺถิตปตฺถนาย ปน นิปฺผตฺตึ ทิสฺวา อุทานํ อุทาเนตี’’ติ วตฺวา สตฺถา ธมฺมํ เทเสนฺโต, ‘‘ภิกฺขเว, ยถา นาม เฉโก มาลากาโร นานาปุปฺผานํ มหนฺตํ ราสึ กตฺวา นานปฺปกาเร มาลาคุเณ กโรติ, เอวเมว วิสาขาย นานปฺปการานิ ปฺุานิ กาตุํ จิตฺตํ นมตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยถาปิ ¶ ปุปฺผราสิมฺหา, กยิรา มาลาคุเณ พหู;
เอวํ ชาเตน มจฺเจน, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ.
ตตฺถ ปุปฺผราสิมฺหาติ นานปฺปการานํ ปุปฺผานํ ราสิมฺหา. กยิราติ กเรยฺย. มาลาคุเณ พหูติ เอกโต วณฺฏิกมาลาทิเภทา นานปฺปการา มาลาวิกติโย. มจฺเจนาติ มริตพฺพสภาวตาย ‘‘มจฺโจ’’ติ ลทฺธนาเมน สตฺเตน จีวรทานาทิเภทํ พหุํ กุสลํ กตฺตพฺพํ. ตตฺถ ปุปฺผราสิคฺคหณํ พหุปุปฺผทสฺสนตฺถํ. สเจ หิ อปฺปานิ ปุปฺผานิ โหนฺติ, มาลากาโร จ เฉโก ¶ เนว พหู มาลาคุเณ กาตุํ สกฺโกติ, อเฉโก ปน อปฺเปสุ พหูสุปิ ปุปฺเผสุ น สกฺโกติเยว. พหูสุ ปน ปุปฺเผสุ สติ เฉโก มาลากาโร ทกฺโข กุสโล พหู มาลาคุเณ กโรติ, เอวเมว สเจ เอกจฺจสฺส สทฺธา มนฺทา โหติ, โภคา จ พหู สํวิชฺชนฺติ, เนว สกฺโกติ พหูนิ กุสลานิ กาตุํ, มนฺทาย จ ¶ ปน สทฺธาย มนฺเทสุ จ ปน โภเคสุ น สกฺโกติ. อุฬาราย จ ปน สทฺธาย มนฺเทสุ จ โภเคสุ น สกฺโกติเยว. อุฬาราย จ ปน สทฺธาย อุฬาเรสุ จ โภเคสุ สติ สกฺโกติ. ตถารูปา จ วิสาขา อุปาสิกา. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘ยถาปิ…เป… กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
วิสาขาวตฺถุ อฏฺมํ
๙. อานนฺทตฺเถรปฺหาวตฺถุ
น ปุปฺผคนฺโธ ปฏิวาตเมตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรสฺส ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต กเถสิ.
เถโร กิร สายนฺหสมเย ปฏิสลฺลีโน จินฺเตสิ – ‘‘ภควตา มูลคนฺโธ, สารคนฺโธ, ปุปฺผคนฺโธติ ตโย อุตฺตมคนฺธา วุตฺตา, เตสํ อนุวาตเมว คนฺโธ คจฺฉติ, โน ปฏิวาตํ. อตฺถิ นุ โข ตํ คนฺธชาตํ, ยสฺส ปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉตี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กึ มยฺหํ อตฺตนา วินิจฺฉิเตน, สตฺถารํเยว ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อถ โข อายสฺมา อานนฺโท สายนฺหสมเย ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ¶ , อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ ¶ เอตทโวจ –
‘‘ตีณิมานิ, ภนฺเต, คนฺธชาตานิ, เยสํ อนุวาตเมว คนฺโธ คจฺฉติ, โน ปฏิวาตํ. กตมานิ ตีณิ? มูลคนฺโธ, สารคนฺโธ, ปุปฺผคนฺโธ ¶ , อิมานิ โข, ภนฺเต, ตีณิ คนฺธชาตานิ. เยสํ อนุวาตเมว คนฺโธ คจฺฉติ, โน ปฏิวาตํ. อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, กิฺจิ คนฺธชาตํ ยสฺส อนุวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, ปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, อนุวาตปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉตี’’ติ? (อ. นิ. ๓.๘๐)
อถสฺส ภควา ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต –
‘‘อตฺถานนฺท, กิฺจิ คนฺธชาตํ, ยสฺส อนุวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, ปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, อนุวาตปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉตี’’ติ. ‘‘กตมํ ปน ตํ, ภนฺเต, คนฺธชาตํ’’? ‘‘ยสฺส อนุวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, ปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, อนุวาตปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉตี’’ติ?
‘‘อิธานนฺท, ยสฺมึ คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ, สีลวา โหติ กลฺยาณธมฺโม, วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต.
‘‘ตสฺส ทิสาสุ สมณพฺราหฺมณา วณฺณํ ภาสนฺติ, ‘อมุกสฺมึ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ…เป… ทานสํวิภาครโต’’’ติ.
‘‘เทวตาปิสฺส วณฺณํ ภาสนฺติ, ‘อมุกสฺมึ นาม ¶ คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ…เป… ทานสํวิภาครโต’’’ติ. ‘‘อิทํ โข ตํ, อานนฺท, คนฺธชาตํ, ยสฺส อนุวาตมฺปิ ¶ คนฺโธ คจฺฉติ, ปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ ¶ , อนุวาตปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๐) วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น ปุปฺผคนฺโธ ปฏิวาตเมติ,
น จนฺทนํ ตครมลฺลิกา วา;
สตฺจ คนฺโธ ปฏิวาตเมติ,
สพฺพา ทิสา สปฺปุริโส ปวายติ. (อ. นิ. ๓.๘๐);
‘‘จนฺทนํ ตครํ วาปิ, อุปฺปลํ อถ วสฺสิกี;
เอเตสํ คนฺธชาตานํ, สีลคนฺโธ อนุตฺตโร’’ติ.
ตตฺถ น ปุปฺผคนฺโธติ ตาวตึสภวเน ปริจฺฉตฺตกรุกฺโข อายามโต จ วิตฺถารโต จ โยชนสติโก, ตสฺส ปุปฺผานํ อาภา ปฺาส โยชนานิ คจฺฉติ, คนฺโธ โยชนสตํ, โสปิ อนุวาตเมว คจฺฉติ, ปฏิวาตํ ปน อฏฺงฺคุลมตฺตมฺปิ คนฺตุํ น สกฺโกติ, เอวรูโปปิ น ปุปฺผคนฺโธ ปฏิวาตเมติ. จนฺทนนฺติ จนฺทนคนฺโธ. ตครมลฺลิกา วาติ อิเมสมฺปิ คนฺโธ เอว อธิปฺเปโต. สารคนฺธานํ อคฺคสฺส หิ โลหิตจนฺทนสฺสาปิ ตครสฺสปิ มลฺลิกายปิ อนุวาตเมว วายติ, โน ปฏิวาตํ. สตฺจ คนฺโธติ สปฺปุริสานํ ปน พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ สีลคนฺโธ ปฏิวาตเมติ. กึ การณา? สพฺพา ทิสา สปฺปุริโส ปวายติ ยสฺมา ปน สปฺปุริโส สีลคนฺเธน สพฺพาปิ ทิสา อชฺโฌตฺถริตฺวาว คจฺฉติ, ตสฺมา ‘‘ตสฺส คนฺโธ น ปฏิวาตเมตี’’ติ น วตฺตพฺโพ ¶ . เตน วุตฺตํ ‘‘ปฏิวาตเมตี’’ติ. วสฺสิกีติ ชาติสุมนา. เอเตสนฺติ อิเมสํ จนฺทนาทีนํ คนฺธชาตานํ คนฺธโต สีลวนฺตานํ สปฺปุริสานํ สีลคนฺโธว อนุตฺตโร อสทิโส อปฏิภาโคติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
อานนฺทตฺเถรปฺหาวตฺถุ นวมํ.
๑๐. มหากสฺสปตฺเถรปิณฺฑปาตทินฺนวตฺถุ
อปฺปมตฺโต ¶ ¶ อยํ คนฺโธติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต มหากสฺสปตฺเถรสฺส ปิณฺฑปาตทานํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ทิวเส เถโร สตฺตาหจฺจเยน นิโรธา วุฏฺาย ‘‘ราชคเห สปทานํ ปิณฺฑาย จริสฺสามี’’ติ นิกฺขมิ. ตสฺมึ ปน สมเย สกฺกสฺส เทวรฺโ ปริจาริกา กกุฏปาทินิโย ปฺจสตา อจฺฉราโย ‘‘เถรสฺส ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามา’’ติ อุสฺสาหชาตา ปฺจ ปิณฺฑปาตสตานิ สชฺเชตฺวา อาทาย อนฺตรามคฺเค ตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ ปิณฺฑปาตํ คณฺหถ, สงฺคหํ โน กโรถา’’ติ วทึสุ. ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, อหํ ทุคฺคตานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มา โน นาเสถ, สงฺคหํ โน กโรถา’’ติ. เถโร ตฺวา ปุน ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุนปิ อปคนฺตุํ อนิจฺฉมานา ¶ ยาจนฺติโย ‘‘อตฺตโน ปมาณํ น ชานาถ, อปคจฺฉถา’’ติ อจฺฉรํ ปหริ. ตา เถรสฺส อจฺฉรสทฺทํ สุตฺวา สนฺถมฺภิตฺวา สมฺมุขา าตุํ อสกฺโกนฺติโย ปลายิตฺวา เทวโลกเมว คนฺตฺวา, สกฺเกน ‘‘กหํ คตาตฺถา’’ติ ปุฏฺา, ‘‘‘สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส เถรสฺส ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามา’ติ คตามฺหา, เทวา’’ติ. ‘‘ทินฺโน ปน วา’’ติ? ‘‘คณฺหิตุํ น อิจฺฉตี’’ติ. ‘‘กึ กเถสี’’ติ? ‘‘‘ทุคฺคตานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’ติ อาห, เทวา’’ติ. ‘‘ตุมฺเห เกนากาเรน คตา’’ติ. ‘‘อิมินาว, เทวา’’ติ. สกฺโก ‘‘ตุมฺหาทิสิโย เถรสฺส ปิณฺฑปาตํ กึ ทสฺสนฺตี’’ติ สยํ ทาตุกาโม หุตฺวา, ชราชิณฺโณ มหลฺลโก ขณฺฑทนฺโต ปลิตเกโส โอตคฺคสรีโร มหลฺลกตนฺต วาโย หุตฺวา สุชมฺปิ เทวธีตรํ ตถารูปเมว มหลฺลิกํ กตฺวา เอกํ เปสการวีถึ มาเปตฺวา ตนฺตํ ปสาเรนฺโต อจฺฉิ.
เถโรปิ ‘‘ทุคฺคตานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ นคราภิมุโข คจฺฉนฺโต พหินคเร เอว ตํ วีถึ ทิสฺวา โอโลเกนฺโต ทฺเว ชเน อทฺทส. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก ตนฺตํ ปสาเรติ, สุชา ตสรํ วฏฺเฏติ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มหลฺลกกาเลปิ กมฺมํ กโรนฺติเยว อิมสฺมึ นคเร อิเมหิ ทุคฺคตตรา นตฺถิ มฺเ, อิเมหิ ¶ ทินฺนํ อุฬุงฺกมตฺตมฺปิ สากมตฺตมฺปิ คเหตฺวา อิเมสํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ. โส เตสํ เคหาภิมุโข อโหสิ. สกฺโก ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สุชํ อาห – ‘‘ภทฺเท, มยฺหํ อยฺโย อิโต อาคจฺฉติ, ตฺวํ อปสฺสนฺตี วิย ตุณฺหี หุตฺวา นิสีท, ขเณน เถรํ วฺเจตฺวา ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามา’’ติ. เถโร อาคนฺตฺวา เคหทฺวาเร ¶ อฏฺาสิ. เตปิ อปสฺสนฺตา วิย อตฺตโน กมฺมเมว กโรนฺตา โถกํ อาคมึสุ.
อถ ¶ สกฺโก ‘‘เคหทฺวาเร เอโก เถโร วิย ิโต, อุปธาเรหิ ตาวา’’ติ อาห. ‘‘คนฺตฺวา อุปธาเรถ, สามี’’ติ. โส เคหา นิกฺขมิตฺวา เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ชณฺณุกานิ โอลมฺพิตฺวา นิตฺถุนนฺโต อุฏฺาย ‘‘กตโร เถโร นุ โข อยฺโย’’ติ โถกํ โอสกฺกิตฺวา ‘‘อกฺขีนิ เม ธูมายนฺตี’’ติ วตฺวา นลาเฏ หตฺถํ เปตฺวา อุทฺธํ โอโลเกตฺวา ‘‘อโห ทุกฺขํ, อยฺโย โน มหากสฺสปตฺเถโร จิรสฺสํ เม กุฏิทฺวารํ อาคโต, อตฺถิ นุ โข กิฺจิ เคเห’’ติ อาห. สุชา โถกํ อากุลํ วิย หุตฺวา ‘‘อตฺถิ, สามี’’ติ ปฏิวจนํ อทาสิ. สกฺโก, ‘‘ภนฺเต, ลูขํ วา ปณีตํ วาติ อจินฺเตตฺวา สงฺคหํ โน กโรถา’’ติ ปตฺตํ คณฺหิ. เถโร ‘‘เอเตหิ ทินฺนํ สากํ วา โหตุ กุณฺฑกมุฏฺิ วา, สงฺคหํ ¶ เนสํ กริสฺสามี’’ติ ปตฺตํ อทาสิ. โส อนฺโตฆรํ ปวิสิตฺวา ฆฏิโอทนํ นาม ฆฏิยา อุทฺธริตฺวา ปตฺตํ ปูเรตฺวา เถรสฺส หตฺเถ เปสิ. โส อโหสิ ปิณฺฑปาโต อเนกสูปพฺยฺชโน, สกลํ ราชคหนครํ คนฺเธน อชฺโฌตฺถริ.
ตทา เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปุริโส อปฺเปสกฺโข, ปิณฺฑปาโต มเหสกฺโข, สกฺกสฺส โภชนสทิโส, โก นุ โข เอโส’’ติ. อถ นํ ‘‘สกฺโก’’ติ ตฺวา อาห – ‘‘ภาริยํ เต กมฺมํ กตํ ทุคฺคตานํ สมฺปตฺตึ วิลุมฺปนฺเตน, อชฺช มยฺหํ ทานํ ทตฺวา โกจิเทว ทุคฺคโต เสนาปติฏฺานํ วา เสฏฺิฏฺานํ วา ลเภยฺยา’’ติ. ‘‘มยา ทุคฺคตตโร นตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา ตฺวํ ทุคฺคโต เทวโลเก รชฺชสิรึ อนุภวนฺโต’’ติ? ‘‘ภนฺเต, เอวํ นาเมตํ, มยา ปน อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ กลฺยาณกมฺมํ กตํ, พุทฺธุปฺปาเท วตฺตมาเน กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา จูฬรถเทวปุตฺโต มหารถเทวปุตฺโต อเนกวณฺณเทวปุตฺโตติ อิเม ตโย สมานเทวปุตฺตา มม อาสนฺนฏฺาเน นิพฺพตฺตา, มยา เตชวนฺตตรา. อหฺหิ เตสุ เทวปุตฺเตสุ ‘นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’ติ ปริจาริกาโย คเหตฺวา ¶ อนฺตรวีถึ โอติณฺเณสุ ปลายิตฺวา เคหํ ปวิสามิ. เตสฺหิ สรีรโต เตโช มม สรีรํ โอตฺถรติ, มม สรีรโต เตโช เตสํ สรีรํ น โอตฺถรติ, ‘โก มยา ทุคฺคตตโร, ภนฺเต’ติ. ‘เอวํ สนฺเตปิ อิโต ปฏฺาย ¶ มยฺหํ มา เอวํ วฺเจตฺวา ทานมทาสี’’’ติ. ‘‘วฺเจตฺวา ตุมฺหากํ ทาเน ทินฺเน มยฺหํ กุสลํ อตฺถิ, น อตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถาวุโส’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต กุสลกมฺมกรณํ นาม มยฺหํ ภาโร, ภนฺเต’’ติ. โส เอวํ วตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา สุชํ คเหตฺวา เถรํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิต’’นฺติ อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา มหากสฺสโป ปิปฺปลิคุหายํ วิหรติ, สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺโน ¶ โหติ อฺตรํ สมาธึ สมาปชฺชิตฺวา. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺาสิ. อถ โข อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺิตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ยํนูนาหํ ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิเสยฺย’’นฺติ.
‘‘เตน โข ปน สมเยน ปฺจมตฺตานิ เทวตาสตานิ อุสฺสุกฺกํ อาปนฺนานิ โหนฺติ อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ปิณฺฑปาตปฏิลาภาย. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ตานิ ปฺจมตฺตานิ เทวตาสตานิ ¶ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ.
‘‘เตน โข ปน สมเยน สกฺโก เทวานมินฺโท อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ปิณฺฑปาตํ ทาตุกาโม โหติ. เปสการวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา ตนฺตํ วินาติ, สุชา อสุรกฺา ตสรํ ปูเรติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ราชคเห สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน เยน สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ, อทฺทสา โข สกฺโก เทวานมินฺโท อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ, ทิสฺวา ฆรา นิกฺขมิตฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ฆรํ ปวิสิตฺวา ฆฏิยา โอทนํ อุทฺธริตฺวา ปตฺตํ ปูเรตฺวา อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส อทาสิ. โส อโหสิ ปิณฺฑปาโต อเนกสูโป อเนกพฺยฺชโน อเนกรสพฺยฺชโน. อถ โข อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส เอตทโหสิ – ‘โก นุ โข อยํ สตฺโต, ยสฺสายํ เอวรูโป อิทฺธานุภาโว’ติ. อถ โข อายสฺมโต ¶ มหากสฺสปสฺส เอตทโหสิ – ‘สกฺโก โข อยํ เทวานมินฺโท’ติ วิทิตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ – ‘กตํ โข ¶ เต อิทํ, โกสิย, มา ปุนปิ เอวรูปมกาสี’’’ติ. ‘‘อมฺหากมฺปิ, ภนฺเต กสฺสป, ปฺุเน อตฺโถ, อมฺหากมฺปิ ปฺุเน กรณีย’’นฺติ.
‘‘อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเส อนฺตลิกฺเข ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิตํ, อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิตํ, อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิต’’’นฺติ (อุทา. ๒๗).
อถ โข ภควา วิหาเร ิโต เอว ตสฺส ตํ สทฺทํ สุตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา – ‘‘ปสฺสถ ¶ , ภิกฺขเว, สกฺกํ เทวานมินฺทํ อุทานํ อุทาเนตฺวา อากาเสน คจฺฉนฺต’’นฺติ อาห. ‘‘กึ ปน เตน กตํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘วฺเจตฺวา เตน มยฺหํ ปุตฺตสฺส กสฺสปสฺส ปิณฺฑปาโต ทินฺโน, ตํ ทตฺวา ตุฏฺมานโส อุทานํ อุทาเนนฺโต คจฺฉตี’’ติ. ‘‘เถรสฺส ปิณฺฑปาตํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ กถํ, ภนฺเต, เตน าตนฺติ. ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺเตน สทิสํ นาม ปิณฺฑปาติกํ เทวาปิ มนุสฺสาปิ ปิหยนฺตีติ วตฺวา สยมฺปิ อุทานํ อุทาเน’’สิ. สุตฺเต ปน เอตฺถกเมว อาคตํ –
‘‘อสฺโสสิ โข ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเส อนฺตลิกฺเข ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนนฺตสฺส ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิตํ, อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิตํ, อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิต’’นฺติ (อุทา. ๒๗).
อถ ¶ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘ปิณฺฑปาติกสฺส ¶ ภิกฺขุโน,
อตฺตภรสฺส อนฺโปสิโน;
เทวา ปิหยนฺติ ตาทิโน,
อุปสนฺตสฺส สทา สตีมโต’’ติ. (อุทา. ๒๗);
อิมฺจ ปน อุทานํ อุทาเนตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท มม ปุตฺตสฺส สีลคนฺเธน อาคนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ อทาสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อปฺปมตฺโต อยํ คนฺโธ, ยฺวายํ ตครจนฺทนํ;
โย จ สีลวตํ คนฺโธ, วาติ เทเวสุ อุตฺตโม’’ติ.
ตตฺถ อปฺปมตฺโตติ ปริตฺตปฺปมาโณ. โย จ สีลวตนฺติ โย ปน สีลวนฺตานํ สีลคนฺโธ, โส ตครํ วิย โลหิตจนฺทนํ วิย จ ปริตฺตโก น โหติ, อติวิย อุฬาโร วิปฺผาริโต. เตเนว การเณน วาติ เทเวสุ อุตฺตโมติ ปวโร เสฏฺโ หุตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สพฺพตฺถเมว วายติ, โอตฺถรนฺโต คจฺฉตีติ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
มหากสฺสปตฺเถรปิณฺฑปาตทินฺนวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. โคธิกตฺเถรปรินิพฺพานวตฺถุ
เตสํ ¶ สมฺปนฺนสีลานนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรนฺโต โคธิกตฺเถรสฺส ปรินิพฺพานํ อารพฺภ กเถสิ.
โส หิ อายสฺมา อิสิคิลิปสฺเส กาฬสิลายํ วิหรนฺโต อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต สามายิกํ เจโตวิมุตฺตึ ผุสิตฺวา เอกสฺส อนุสฺสายิกสฺส โรคสฺส วเสน ตโต ปริหายิ. โส ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ฉกฺขตฺตุํ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ปริหีโน, สตฺตเม วาเร อุปฺปาเทตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ฉกฺขตฺตุํ ฌานา ปริหีโน, ปริหีนชฺฌานสฺส โข ¶ ปน อนิยตา คติ, อิทาเนว สตฺถํ อาหริสฺสามี’’ติ เกโสโรปนสตฺถกํ คเหตฺวา คลนาฬึ ฉินฺทิตุํ ปฺจเก นิปชฺชิ. มาโร ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ สตฺถํ อาหริตุกาโม, สตฺถํ อาหรนฺตา โข ปน ชีวิเต นิรเปกฺขา โหนฺติ, เต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตมฺปิ ปาปุณนฺติ, สจาหํ เอตํ วาเรสฺสามิ, น เม วจนํ กริสฺสติ, สตฺถารํ วาราเปสฺสามี’’ติ อฺาตกเวเสน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห –
‘‘มหาวีร ¶ มหาปฺ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
สพฺพเวรภยาตีต, ปาเท วนฺทามิ จกฺขุม.
‘‘สาวโก เต มหาวีร, มรณํ มรณาภิภู;
อากงฺขติ เจตยติ, ตํ นิเสธ ชุตินฺธร.
‘‘กถฺหิ ภควา ตุยฺหํ, สาวโก สาสเน รโต;
อปฺปตฺตมานโส เสกฺโข, กาลํ กยิรา ชเน สุตา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๙);
ตสฺมึ ¶ ขเณ เถเรน สตฺถํ อาหริตํ โหติ. สตฺถา ‘‘มาโร อย’’นฺติ วิทิตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เอวฺหิ ธีรา กุพฺพนฺติ, นาวกงฺขนฺติ ชีวิตํ;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, โคธิโก ปรินิพฺพุโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๙);
อถ โข ภควา สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ เถรสฺส สตฺถํ อาหริตฺวา นิปนฺนฏฺานํ อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ มาโร ปาปิมา ‘‘กตฺถ นุ โข อิมสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณํ ปติฏฺิต’’นฺติ ธูมราสิ วิย ติมิรปฺุโช วิย จ หุตฺวา สพฺพทิสาสุ เถรสฺส วิฺาณํ สมนฺเวสติ. ภควา ตํ ธูมติมิรภาวํ ภิกฺขูนํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอโส โข, ภิกฺขเว, มาโร ปาปิมา โคธิกสฺส กุลปุตฺตสฺส วิฺาณํ สมนฺเวสติ ‘กตฺถ โคธิกสฺส กุลปุตฺตสฺส วิฺาณํ ปติฏฺิต’นฺติ. อปติฏฺิเตน จ, ภิกฺขเว, วิฺาเณน โคธิโก กุลปุตฺโต ปรินิพฺพุโต’’ติ อาห. มาโรปิ ตสฺส วิฺาณฏฺานํ ทฏฺุํ อสกฺโกนฺโต กุมารกวณฺโณ หุตฺวา ¶ เพลุวปณฺฑุวีณํ อาทาย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ –
‘‘อุทฺธํ ¶ อโธ จ ติริยํ, ทิสา อนุทิสา สฺวหํ;
อนฺเวสํ นาธิคจฺฉามิ, โคธิโก โส กุหึ คโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๙);
อถ นํ สตฺถา อาห –
‘‘โย ธีโร ธิติสมฺปนฺโน, ฌายี ฌานรโต สทา;
อโหรตฺตํ อนุยฺุชํ, ชีวิตํ อนิกามยํ.
‘‘เชตฺวาน มจฺจุโน เสนํ, อนาคนฺตฺวา ปุนพฺภวํ;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, โคธิโก ปรินิพฺพุโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๙);
เอวํ วุตฺเต มาโร ปาปิมา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ตสฺส ¶ โสกปเรตสฺส, วีณา กจฺฉา อภสฺสถ;
ตโต โส ทุมฺมโน ยกฺโข, ตตฺเถวนฺตรธายถา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๙);
สตฺถาปิ ‘‘กึ เต, ปาปิม, โคธิกสฺส กุลปุตฺตสฺส นิพฺพตฺตฏฺาเนน? ตสฺส หิ นิพฺพตฺตฏฺานํ ตุมฺหาทิสานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ ทฏฺุํ น สกฺโกตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เตสํ สมฺปนฺนสีลานํ, อปฺปมาทวิหารินํ;
สมฺมทฺา วิมุตฺตานํ, มาโร มคฺคํ น วินฺทตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ เตสนฺติ ยถา อปฺปติฏฺิเตน วิฺาเณน โคธิโก กุลปุตฺโต ปรินิพฺพุโต, เย จ เอวํ ปรินิพฺพายนฺติ, เตสํ สมฺปนฺนสีลานนฺติ ปริปุณฺณสีลานํ. อปฺปมาทวิหารินนฺติ สติอวิปฺปวาสสงฺขาเตน อปฺปมาเทน วิหรนฺตานํ. สมฺมทฺา วิมุตฺตานนฺติ เหตุนา าเยน การเณน ชานิตฺวา ‘‘ตทงฺควิมุตฺติยา, วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา, สมุจฺเฉทวิมุตฺติยา, ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติยา, นิสฺสรณวิมุตฺติยา’’ติ อิมาหิ ปฺจหิ วิมุตฺตีหิ วิมุตฺตานํ. มาโร มคฺคํ น วินฺทตีติ เอวรูปานํ มหาขีณาสวานํ สพฺพถาเมน มคฺคนฺโตปิ มาโร คตมคฺคํ น วินฺทติ น ลภติ น ปสฺสตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
โคธิกตฺเถรปรินิพฺพานวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. ครหทินฺนวตฺถุ
ยถา ¶ สงฺการฏฺานสฺมินฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ครหทินฺนํ นาม นิคณฺสาวกํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยฺหิ สิริคุตฺโต จ ครหทินฺโน จาติ ทฺเว สหายกา อเหสุํ. เตสุ สิริคุตฺโต อุปาสโก พุทฺธสาวโก, ครหทินฺโน นิคณฺสาวโก ¶ . ตํ นิคณฺา อภิกฺขณํ เอวํ วทนฺติ – ‘‘ตว สหายกํ สิริคุตฺตํ ‘กึ ตฺวํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมสิ, ตสฺส สนฺติเก กึ ลภิสฺสสี’ติ ¶ วตฺวา ยถา อมฺเห อุปสงฺกมิตฺวา อมฺหากฺจ เทยฺยธมฺมํ ทสฺสติ, กึ เอวํ โอวทิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. ครหทินฺโน เตสํ วจนํ สุตฺวา อภิกฺขณํ คนฺตฺวา ิตนิสินฺนฏฺานาทีสุ สิริคุตฺตํ เอวํ โอวทติ – ‘‘สมฺม, กึ เต สมเณน โคตเมน, ตํ อุปสงฺกมิตฺวา กึ ลภิสฺสสิ, กึ เต มม, อยฺเย, อุปสงฺกมิตฺวา เตสํ ทานํ ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? สิริคุตฺโต ตสฺส กถํ สุตฺวาปิ พหู ทิวเส ตุณฺหี หุตฺวา นิพฺพิชฺชิตฺวา เอกทิวสํ, ‘‘สมฺม, ตฺวํ อภิกฺขณํ อาคนฺตฺวา มํ ิตฏฺานาทีสุ เอวํ วเทสิ, ‘สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา กึ ลภิสฺสสิ, มม, อยฺเย, อุปสงฺกมิตฺวา เตสํ ทานํ เทหี’ติ, กเถหิ ตาว เม, ตว, อยฺยา, กึ ชานนฺตี’’ติ? ‘‘‘อโห, สามิ, มา เอวํ วท, มม อยฺยานํ อฺาตํ นาม นตฺถิ, สพฺพํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ สพฺพํ กายวจีมโนกมฺมํ อิทํ ภวิสฺสติ, อิทํ น ภวิสฺสตี’ติ สพฺพํ ภพฺพาภพฺพํ ชานนฺตี’’ติ? ‘‘เอวํ วเทสี’’ติ. ‘‘อาม, วเทมี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ, อติภาริยํ เต กตํ, เอตฺตกํ กาลํ มยฺหํ เอตมตฺถํ อนาจิกฺขนฺเตน, อชฺช มยา ¶ อยฺยานํ าณานุภาโว าโต, คจฺฉ, สมฺม, อยฺเย, มม วจเนน นิมนฺเตหี’’ติ. โส นิคณฺานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เต วนฺทิตฺวา ‘‘มยฺหํ สหายโก สิริคุตฺโต สฺวาตนาย ตุมฺเห นิมนฺเตตี’’ติ อาห. ‘‘สิริคุตฺเตน สามํ ตฺวํ วุตฺโต’’ติ? ‘‘อาม, อยฺยา’’ติ. เต หฏฺตุฏฺา หุตฺวา ‘‘นิปฺผนฺนํ โน กิจฺจํ, สิริคุตฺตสฺส อมฺเหสุ ปสนฺนกาลโต ปฏฺาย กา นาม สมฺปตฺติ อมฺหากํ น ภวิสฺสตี’’ติ วทึสุ.
สิริคุตฺตสฺสาปิ มหนฺตํ นิเวสนํ. โส ตสฺมึ ทฺวินฺนํ เคหานํ อนฺตเร อุภโต ทีฆํ อาวาฏํ ขณาเปตฺวา คูถกลลสฺส ปูราเปสิ. พหิอาวาเฏ ทฺวีสุ ปริยนฺเตสุ ขาณุเก โกฏฺฏาเปตฺวา เตสุ รชฺชุโย พนฺธาเปตฺวา อาสนานํ ปุริมปาเท อาวาฏสฺส ปุริมปสฺเส ปาเปตฺวา ปจฺฉิมปาเท รชฺชุเกสุ ปาเปสิ. ‘‘เอวํ นิสินฺนกาเล เอวํ อวํสิรา ปติสฺสนฺตี’’ติ ¶ มฺมาโน ยถา อาวาโฏ น ปฺายติ, เอวํ อาสนานํ อุปริ ปจฺจตฺถรณานิ ทาเปสิ. มหนฺตา มหนฺตา จาฏิโย ปาเปตฺวา กทลิปณฺเณหิ จ เสตปิโลติกาหิ จ มุขานิ พนฺธาเปตฺวา ตา ตุจฺฉา เอว เคหสฺส ปจฺฉิมภาเค พหิ ยาคุภตฺตสิตฺถสปฺปิเตลมธุผาณิตปูวจุณฺณมกฺขิตา กตฺวา ปาเปสิ. ครหทินฺโน ปาโตว ตสฺส ฆรํ เวเคน คนฺตฺวา, ‘‘อยฺยานํ สกฺกาโร สชฺชิโต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สมฺม, สชฺชิโต’’ติ. ‘‘กหํ ปน เอโส’’ติ. ‘‘เอตาสุ เอตฺติกาสุ จาฏีสุ ยาคุ, เอตฺติกาสุ ภตฺตํ, เอตฺติกาสุ สปฺปิผาณิตปูวาทีนิ ¶ ปูริตานิ, อาสนานิ ปฺตฺตานี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา คโต ตสฺส คตกาเล ปฺจสตา นิคณฺา อาคมึสุ. สิริคุตฺโต เคหา นิกฺขมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน นิคณฺเ วนฺทิตฺวา เตสํ ปุรโต อฺชลึ ปคฺคยฺห ิโต เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ตุมฺเห กิร อตีตาทิเภทํ สพฺพํ ชานาถ, เอวํ ตุมฺหากํ อุปฏฺาเกน มยฺหํ ¶ กถิตํ. สเจ สพฺพํ ตุมฺเห ชานาถ, มยฺหํ เคหํ มา ปวิสิตฺถ. มม เคหํ ปวิฏฺานฺหิ โว เนว ยาคุ อตฺถิ, น ภตฺตาทีนิ. สเจ อชานิตฺวา ปวิสิสฺสถ, คูถอาวาเฏ โว ปาเตตฺวา โปเถสฺสามี’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา ปุริสานํ สฺํ อทาสิ. เอวํ เตสํ นิสีทนภาวํ ตฺวา ปจฺฉิมปสฺเส ตฺวา อาสนานํ อุปริ ปจฺจตฺถรณานิ อปเนยฺยาถ, มา ตานิ อสุจินา มกฺขยึสูติ.
อถ นิคณฺเ ‘‘อิโต เอถ, ภนฺเต’’ติ อาห. นิคณฺา ปวิสิตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสีทิตุํ อารภึสุ. อถ เน มนุสฺสา วทึสุ – ‘‘อาคเมถ, ภนฺเต, มา ตาว นิสีทถา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘อมฺหากํ เคหํ ปวิฏฺานํ อยฺยานํ วตฺตํ ตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘กึ กาตุํ วฏฺฏติ, อาวุโส’’ติ? ‘‘อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสนมูเลสุ ตฺวา สพฺเพปิ เอกปฺปหาเรเนว นิสีทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อิทํ กิรสฺส อธิปฺปาโย – ‘‘เอกสฺมึ อาวาเฏ ปติเต ‘มา, อาวุโส, อวเสสา อาสเน นิสีทนฺตู’ติ ¶ วตฺตุํ มา ลภตู’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ‘‘อิเมหิ กถิตกถํ อมฺเหหิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺตยึสุ. อถ สพฺเพ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสนมูเล ปฏิปาฏิยา อฏฺํสุ. อถ เน, ‘‘ภนฺเต, ขิปฺปํ เอกปฺปหาเรเนว นิสีทถา’’ติ วตฺวา เตสํ นิสินฺนภาวํ ตฺวา อาสนานํ อุปริ ปจฺจตฺถรณานิ นีหรึสุ. นิคณฺา เอกปฺปหาเรเนว นิสินฺนา, รชฺชูนํ อุปริ ปิตา อาสนปาทา ภฏฺา, นิคณฺา อวํสิรา อาวาเฏ ปตึสุ. สิริคุตฺโต เตสุ ปติเตสุ ทฺวารํ ปิทหิตฺวา ¶ เต อุตฺติณฺณุตฺติณฺเณ ‘‘อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ กสฺมา น ชานาถา’’ติ ทณฺเฑหิ ปาเถตฺวา ‘‘เอตฺตกํ เอเตสํ วฏฺฏิสฺสตี’’ติ ทฺวารํ วิวราเปสิ. เต นิกฺขมิตฺวา ปลายิตุํ อารภึสุ. คมนมคฺเค ปน เตสํ สุธาปริกมฺมกตํ ภูมึ ปิจฺฉิลํ การาเปสิ. เต ตตฺถ อสณฺหิตฺวา ปติเต ปติเต ปุน โปถาเปตฺวา ‘‘อลํ เอตฺตกํ ตุมฺหาก’’นฺติ อุยฺโยเชสิ. เต ‘‘นาสิตมฺหา ตยา, นาสิตมฺหา ตยา’’ติ กนฺทนฺตา อุปฏฺากสฺส เคหทฺวารํ อคมํสุ.
ครหทินฺโน ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา กุทฺโธ ‘‘นาสิตมฺหิ สิริคุตฺเตน, หตฺถํ ปสาเรตฺวา วนฺทนฺตานํ สเทวเก โลเก ยถารุจิยา ทาตุํ สมตฺเถ นาม ปฺุกฺเขตฺตภูเต มม, อยฺเย ¶ , โปถาเปตฺวา พฺยสนํ ปาเปสี’’ติ ราชกุลํ คนฺตฺวา ตสฺส กหาปณสหสฺสํ ทณฺฑํ กาเรสิ. อถสฺส ราชา สาสนํ เปเสสิ. โส คนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา, ‘‘เทว, อุปปริกฺขิตฺวา ทณฺฑํ คณฺหถ, มา อนุปปริกฺขิตฺวา’’ติ อาห. ‘‘อุปปริกฺขิตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ คณฺหาหี’’ติ. เทว, มยฺหํ สหายโก นิคณฺสาวโก มํ อุปสงฺกมิตฺวา ิตนิสินฺนฏฺานาทีสุ อภิณฺหํ เอวํ วเทสิ – ‘‘สมฺม, กึ เต สมเณน โคตเมน, ตํ อุปสงฺกมิตฺวา กึ ลภิสฺสสี’’ติ อิทํ ¶ อาทึ กตฺวา สิริคุตฺโต สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘เทว, สเจ อิมสฺมึ การเณ ทณฺฑํ คเหตุํ ยุตฺตํ, คณฺหถา’’ติ. ราชา ครหทินฺนํ โอโลเกตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร เต เอวํ วุตฺต’’นฺติ อาห. ‘‘สจฺจํ, เทวา’’ติ. ตฺวํ เอตฺตกมฺปิ อชานนฺเต สตฺถาโรติ คเหตฺวา วิจรนฺโต ‘‘สพฺพํ ชานนฺตี’’ติ กึ การณา ตถาคตสาวกสฺส กเถสิ. ‘‘ตยา อาโรปิตทณฺโฑ ตุยฺหเมว โหตู’’ติ เอวํ สฺเวว ทณฺฑํ ปาปิโต, ตสฺเสว กุลูปกา โปเถตฺวา นีหฏา.
โส ตํ กุชฺฌิตฺวา ตโต ปฏฺาย อฑฺฒมาสมตฺตมฺปิ สิริคุตฺเตน สทฺธึ อกเถตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘เอวํ วิจริตุํ มยฺหํ อยุตฺตํ, เอตสฺส กุลูปกานมฺปิ มยา พฺยสนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ สิริคุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘สหาย สิริคุตฺตา’’ติ. ‘‘กึ, สมฺมา’’ติ? ‘‘าติสุหชฺชานํ ¶ นาม กลโหปิ โหติ วิวาโทปิ, กึ ตฺวํ กิฺจิ น กเถสิ, กสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ? ‘‘สมฺม, ตว มยา สทฺธึ อกถนโต น กเถมี’’ติ. ‘‘ยํ, สมฺม, กตํ, กตเมว ตํ น มยํ เมตฺตึ ภินฺทิสฺสามา’’ติ. ตโต ปฏฺาย อุโภปิ เอกฏฺาเน ติฏฺนฺติ นิสีทนฺติ ¶ . อเถกทิวสํ สิริคุตฺโต ครหทินฺนํ อาห – ‘‘กึ เต นิคณฺเหิ, เต อุปสงฺกมิตฺวา กึ ลภิสฺสสิ, มม สตฺถารํ อุปสงฺกมิตุํ วา อยฺยานํ ทานํ ทาตุํ วา กึ เต น วฏฺฏตี’’ติ? โสปิ เอตเมว ปจฺจาสีสติ, เตนสฺส กณฺฑุวนฏฺาเน นเขน วิเลขิตํ วิย อโหสิ. โส, ‘‘สิริคุตฺต, ตว สตฺถา กึ ชานาตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อมฺโภ, มา เอวํ วท, สตฺถุ เม อชานิตพฺพํ นาม นตฺถิ, อตีตาทิเภทํ สพฺพํ ชานาติ, โสฬสหากาเรหิ สตฺตานํ จิตฺตํ ปริจฺฉินฺทตี’’ติ. ‘‘อหํ เอวํ น ชานามิ, กสฺมา มยฺหํ เอตฺตกํ กาลํ น กเถสิ, เตน หิ ตฺวํ คจฺฉ, ตว สตฺถารํ สฺวาตนาย นิมนฺเตหิ, โภเชสฺสามิ, ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ มม ภิกฺขํ คณฺหิตุํ วเทหี’’ติ.
สิริคุตฺโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, มม สหายโก ครหทินฺโน ตุมฺเห นิมนฺตาเปติ, ปฺจหิ กิร ภิกฺขุสเตหิ ¶ สทฺธึ สฺเว ตสฺส ภิกฺขํ คณฺหถ, ปุริมทิวเส โข ปน ตสฺส กุลูปกานํ มยา อิทํ นาม กตํ, มยา กตสฺส ปฏิกรณมฺปิ น ชานามิ, ตุมฺหากํ สุทฺธจิตฺเตน ภิกฺขํ ทาตุกามตมฺปิ น ชานามิ, อาวชฺเชตฺวา ยุตฺตํ เจ, อธิวาเสถ. โน เจ, มา อธิวาสยิตฺถา’’ติ. สตฺถา ‘‘กึ นุ โข โส อมฺหากํ กาตุ กาโม’’ติ อาวชฺเชตฺวา อทฺทส ‘‘ทฺวินฺนํ เคหานํ อนฺตเร มหนฺตํ อาวาฏํ ขณาเปตฺวา อสีติสกฏมตฺตานิ ขทิรทารูนิ อาหราเปตฺวา ปูราเปตฺวา อคฺคึ ทตฺวา อมฺเห องฺคารอาวาเฏ ปาเตตฺวา นิคฺคณฺหิตุกาโม’’ติ. ปุน อาวชฺเชสิ – ‘‘กึ นุ โข ตตฺถ คตปจฺจยา อตฺโถ อตฺถิ, นตฺถี’’ติ. ตโต อิทํ อทฺทส – ‘‘อหํ องฺคารอาวาเฏ ปาทํ ปสาเรสฺสามิ, ตํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ¶ ปิตกิลฺชํ อนฺตรธายิสฺสติ, องฺคารกาสุํ ภินฺทิตฺวา จกฺกมตฺตํ มหาปทุมํ อุฏฺหิสฺสติ, อถาหํ ปทุมกณฺณิกา อกฺกมนฺโต อาสเน นิสีทิสฺสามิ, ปฺจสตา ภิกฺขูปิ ตเถว คนฺตฺวา นิสีทิสฺสนฺติ, มหาชโน สนฺนิปติสฺสติ, อหํ ตสฺมึ สมาคเม ทฺวีหิ คาถาหิ อนุโมทนํ กริสฺสามิ, อนุโมทนปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ, สิริคุตฺโต จ ครหทินฺโน จ โสตาปนฺนา ภวิสฺสนฺติ, อตฺตโน จ ธนราสึ สาสเน วิกิริสฺสนฺติ, อิมํ กุลปุตฺตํ นิสฺสาย มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ ¶ ภิกฺขํ อธิวาเสสิ.
สิริคุตฺโต คนฺตฺวา สตฺถุ อธิวาสนํ ครหทินฺนสฺส อาโรเจตฺวา ‘‘โลกเชฏฺสฺส สกฺการํ กโรหี’’ติ อาห. ครหทินฺโน ‘‘อิทานิสฺส ¶ กตฺตพฺพยุตฺตกํ ชานิสฺสามี’’ติ ทฺวินฺนํ เคหานํ อนฺตเร มหนฺตํ อาวาฏํ ขณาเปตฺวา อสีติสกฏมตฺตานิ ขทิรทารูนิ อาหราเปตฺวา ปูราเปตฺวา อคฺคึ ทตฺวา ขทิรงฺคารราสีนํ โยชาเปตฺวา สพฺพรตฺตึ ธมาเปตฺวา ขทิรงฺคารราสึ การาเปตฺวา อาวาฏมตฺถเก รุกฺขปทรานิ ปาเปตฺวา กิลฺเชน ปฏิจฺฉาเทตฺวา โคมเยน ลิมฺปาเปตฺวา เอเกน ปสฺเสน ทุพฺพลทณฺฑเก อตฺถริตฺวา คมนมคฺคํ กาเรสิ, ‘‘เอวํ อกฺกนฺตอกฺกนฺตกาเล ทณฺฑเกสุ ภคฺเคสุ ปริวฏฺเฏตฺวา องฺคารกาสุยํ ปติสฺสนฺตี’’ติ มฺมาโน เคหปจฺฉาภาเค สิริคุตฺเตน ปิตนิยาเมเนว จาฏิโย ปาเปสิ, อาสนานิปิ ตเถว ปฺาเปสิ. สิริคุตฺโต ปาโตว ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ‘‘กโต เต, สมฺม, สกฺกาโร’’ติ อาห. ‘‘อาม, สมฺมา’’ติ. ‘‘กหํ ปน โส’’ติ? ‘‘เอหิ, ปสฺสามา’’ติ สพฺพํ สิริคุตฺเตน ทสฺสิตนเยเนว ทสฺเสสิ. สิริคุตฺโต ‘‘สาธุ, สมฺมา’’ติ อาห. มหาชโน สนฺนิปติ. มิจฺฉาทิฏฺิเกน หิ นิมนฺติเต มหนฺโต สนฺนิปาโต อโหสิ. มิจฺฉาทิฏฺิกาปิ ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส วิปฺปการํ ¶ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปตนฺติ, สมฺมาทิฏฺิกาปิ ‘‘อชฺช สตฺถา มหาธมฺมเทสนํ เทเสสฺสติ, พุทฺธวิสยํ พุทฺธลีลํ อุปธาเรสฺสามา’’ติ สนฺนิปตนฺติ.
ปุนทิวเส สตฺถา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ครหทินฺนสฺส เคหทฺวารํ อคมาสิ. โส เคหา นิกฺขมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปุรโต อฺชลึ ปคฺคยฺห ิโต จินฺเตสิ – ‘‘ภนฺเต, ‘ตุมฺเห กิร อตีตาทิเภทํ สพฺพํ ชานาถ, สตฺตานํ โสฬสหากาเรหิ จิตฺตํ ปริจฺฉินฺทถา’ติ เอวํ ตุมฺหากํ อุปฏฺาเกน มยฺหํ กถิตํ. สเจ ชานาถ, มยฺหํ เคหํ มา ปวิสิตฺถ. ปวิฏฺานฺหิ โว เนว ยาคุ อตฺถิ, น ภตฺตาทีนิ, สพฺเพ โข ปน ตุมฺเห องฺคารกาสุยํ ปาเตตฺวา นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ. เอวํ จินฺเตตฺวา สตฺถุ ปตฺตํ คเหตฺวา ‘‘อิโต เอถ ภควา’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ เคหํ อาคตานํ วตฺตํ ตฺวา อาคนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘กึ กาตุํ วฏฺฏติ, อาวุโส’’ติ? ‘‘เอเกกสฺส ปวิสิตฺวา ปุรโต คนฺตฺวา นิสินฺนกาเล ปจฺฉา อฺเน ¶ อาคนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘ปุรโต คจฺฉนฺตํ องฺคารกาสุยํ ปติตํ ทิสฺวา อวเสสา น อาคจฺฉิสฺสนฺติ, เอเกกเมว ปาเตตฺวา นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เอกโกว ปายาสิ. ครหทินฺโน องฺคารกาสุํ ปตฺวา อปสกฺกิตฺวา ิโต ¶ ‘‘ปุรโต ยาถ, ภนฺเต’’ติ อาห. อถ สตฺถา องฺคารกาสุมตฺถเก ปาทํ ปสาเรสิ, กิลฺชํ อนฺตรธายิ, องฺคารกาสุํ ภินฺทิตฺวา จกฺกมตฺตานิ ปทุมานิ อุฏฺหึสุ ¶ . สตฺถา ปทุมกณฺณิกา อกฺกมนฺโต คนฺตฺวา ปฺตฺเต พุทฺธาสเน นิสีทิ, ภิกฺขูปิ ตเถว คนฺตฺวา นิสีทึสุ. ครหทินฺนสฺส กายโต ฑาโห อุฏฺหิ.
โส เวเคน คนฺตฺวา สิริคุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘สามิ, เม ตาณํ โหหี’’ติ อาห. ‘‘กึ เอต’’นฺติ? ‘‘ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ เคเห ยาคุ วา ภตฺตาทีนิ วา นตฺถิ, กึ นุ โข กโรมี’’ติ? ‘‘กึ ปน ตยา กต’’นฺติ อาห. อหํ ทฺวินฺนํ เคหานํ อนฺตเร มหนฺตํ อาวาฏํ องฺคารสฺส ปูรํ กาเรสึ – ‘‘ตตฺถ ปาเตตฺวา นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ. ‘‘อถ นํ ภินฺทิตฺวา มหาปทุมานิ อุฏฺหึสุ. สพฺเพ ปทุมกณฺณิกา อกฺกมิตฺวา คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสินฺนา, อิทานิ กึ กโรมิ, สามี’’ติ? นนุ ตฺวํ อิทาเนว มยฺหํ ‘‘‘เอตฺติกา จาฏิโย, เอตฺติกา ยาคุ, เอตฺตกานิ สตฺตาทีนี’ติ ทสฺเสสี’’ติ. ‘‘มุสา ตํ, สามิ, ตุจฺฉาว จาฏิโย’’ติ. โหตุ, ‘‘คจฺฉ, ตาสุ จาฏีสุ ยาคุอาทีนิ โอโลเกหี’’ติ. ตํ ขณฺเว เตน ยาสุ จาฏีสุ ‘‘ยาคู’’ติ วุตฺตํ, ตา ยาคุยา ปูรยึสุ, ยาสุ ‘‘ภตฺตาทีนี’’ติ วุตฺตํ, ตา ภตฺตาทีนํ ปริปุณฺณาว ¶ อเหสุํ. ตํ สมฺปตฺตึ ทิสฺวาว ครหทินฺนสฺส สรีรํ ปีติปาโมชฺเชน ปริปูริตํ, จิตฺตํ ปสนฺนํ. โส สกฺกจฺจํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา กตภตฺตกิจฺจสฺส สตฺถุโน อนุโมทนํ กาเรตุกาโม ปตฺตํ คณฺหิ. สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘อิเม สตฺตา ปฺาจกฺขุโน อภาเวเนว มม สาวกานํ พุทฺธสาสนสฺส คุณํ น ชานนฺติ. ปฺาจกฺขุวิรหิตา หิ อนฺธา นาม, ปฺวนฺโต สจกฺขุกา นามา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ยถา สงฺการธานสฺมึ, อุชฺฌิตสฺมึ มหาปเถ;
ปทุมํ ตตฺถ ชาเยถ, สุจิคนฺธํ มโนรมํ.
‘‘เอวํ สงฺการภูเตสุ, อนฺธภูเต ปุถุชฺชเน;
อติโรจติ ปฺาย, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก’’ติ.
ตตฺถ สงฺการธานสฺมินฺติ สงฺการานสฺมึ, กจวรราสิมฺหีติ อตฺโถ. อุชฺฌิตสฺมึ มหาปเถติ มหามคฺเค ¶ ฉฑฺฑิตสฺมึ. สุจิคนฺธนฺติ สุรภิคนฺธํ. มโน เอตฺถ รมตีติ มโนรมํ. สงฺการภูเตสูติ สงฺการมิว ภูเตสุ. ปุถุชฺชเนติ ¶ ปุถูนํ กิเลสานํ ชนนโต เอวํลทฺธนาเม ¶ โลกิยมหาชเน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นาม มหาปเถ ฉฑฺฑิเต สงฺการราสิมฺหิ อสุจิเชคุจฺฉิยปฏิกูเลปิ สุจิคนฺธํ ปทุมํ ชาเยถ, ตํ ราชราชมหามตฺตาทีนํ มโนรมํ ปิยํ มนาปํ อุปริมตฺถเก ปติฏฺานารหเมว ภเวยฺย, เอวเมว สงฺการภูเตสุปิ ปุถุชฺชเนสุ ชาโต นิปฺปฺสฺส มหาชนสฺส อจกฺขุกสฺส อนฺตเร นิพฺพตฺโตปิ อตฺตโน ปฺาพเลน กาเมสุ อาทีนวํ, เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต ปพฺพชฺชามตฺเตนปิ, กโต อุตฺตรึ สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนานิ อาราเธตฺวาปิ อติโรจติ. สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก หิ ขีณาสโว ภิกฺขุ อนฺธภูเต ปุถุชฺชเน อติกฺกมิตฺวา โรจติ วิโรจติ โสภตีติ.
เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ครหทินฺโน จ สิริคุตฺโต จ โสตาปตฺติผลํ ปาปุณึสุ. เต สพฺพํ อตฺตโน ธนํ พุทฺธสาสเน วิปฺปกิรึสุ. สตฺถา อุฏฺายาสนา วิหารมคมาสิ. ภิกฺขู สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห อจฺฉริยา พุทฺธคุณา นาม, ตถารูปํ นาม ขทิรงฺคารราสึ ภินฺทิตฺวา ปทุมานิ อุฏฺหึสู’’ติ. สตฺถา ¶ อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต – ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, ยํ มม เอตรหิ พุทฺธภูตสฺส องฺคารราสิมฺหา ปทุมานิ อุฏฺิตานิ, อปริปกฺเก าเณ วตฺตมานสฺส โพธิสตฺตภูตสฺสปิ เม อุฏฺหึสู’’ติ วตฺวา, ‘‘กทา, ภนฺเต, อาจิกฺขถ โน’’ติ ยาจิโต อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘กามํ ปตามิ นิรยํ, อุทฺธํปาโท อวํสิโร;
นานริยํ กริสฺสามิ, หนฺท ปิณฺฑํ ปฏิคฺคหา’’ติ. (ชา. ๑.๑.๔๐) –
อิทํ ขทิรงฺคารชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสีติ.
ครหทินฺนวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
ปุปฺผวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุตฺโถ วคฺโค.