📜

๕. พาลวคฺโค

๑. อฺตรปุริสวตฺถุ

ทีฆาชาครโต รตฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปเสนทิโกสลฺเจว อฺตรฺจ ปุริสํ อารพฺภ กเถสิ.

ราชา กิร ปเสนทิ โกสโล เอกสฺมึ ฉณทิวเส อลงฺกตปฏิยตฺตํ สพฺพเสตํ เอกํ ปุณฺฑรีกํ นาม หตฺถึ อภิรุยฺห มหนฺเตน ราชานุภาเวน นครํ ปทกฺขิณํ กโรติ. อุสฺสารณาย วตฺตมานาย เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ โปถิยมาโน มหาชโน ปลายนฺโต คีวํ ปริวฏฺเฏตฺวาปิ โอโลเกติเยว. ราชูนํ กิร สุทินฺนทานสฺเสตํ ผลํ. อฺตรสฺสาปิ ทุคฺคตปุริสสฺส ภริยา สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริตเล ิตา เอกํ วาตปานกวาฏํ วิวริตฺวา ราชานํ โอโลเกตฺวาว อปคจฺฉิ. รฺโ ปุณฺณจนฺโท วลาหกนฺตรํ ปวิฏฺโ วิย อุปฏฺาสิ. โส ตสฺสา ปฏิพทฺธจิตฺโต หตฺถิกฺขนฺธโต ปตนาการปฺปตฺโต วิย หุตฺวา ขิปฺปํ นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อนฺเตปุรํ ปวิสิตฺวา เอกํ วิสฺสาสกํ อมจฺจํ อาห – ‘‘อสุกฏฺาเน เต มยา โอโลกิตปาสาโท ทิฏฺโ’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘ตตฺเถกํ อิตฺถึ อทฺทสา’’ติ? ‘‘อทฺทสํ, เทวา’’ติ. ‘‘คจฺฉ, ตสฺสา สสามิกอสามิกภาวํ ชานาหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺสา สสามิกภาวํ ตฺวา อาคนฺตฺวา รฺโ ‘‘สสามิกา’’ติ อาโรเจสิ. อถ รฺา ‘‘เตน หิ ตสฺสา สามิกํ ปกฺโกสาหี’’ติ วุตฺเต โส คนฺตฺวา, ‘‘เอหิ, โภ, ราชา ตํ ปกฺโกสตี’’ติ อาห. โส ‘‘ภริยํ เม นิสฺสาย ภเยน อุปฺปนฺเนน ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา รฺโ อาณํ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺโต คนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ ราชา ‘‘มํ อิโต ปฏฺาย อุปฏฺาหี’’ติ อาห. ‘‘อลํ, เทว, อหํ อตฺตโน กมฺมํ กตฺวา ตุมฺหากํ สุงฺกํ ททามิ, ฆเรเยว เม ชีวิกา โหตู’’ติ. ‘‘ตว สุงฺเกน มยฺหํ อตฺโถ นตฺถิ, อชฺชโต ปฏฺาย มํ อุปฏฺาหี’’ติ ตสฺส ผลกฺจ อาวุธฺจ ทาเปสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘กฺจิเทวสฺส โทสํ อาโรเปตฺวา ฆาเตตฺวา ภริยํ คณฺหิสฺสามี’’ติ. อถ นํ โส มรณภยภีโต อปฺปมตฺโต หุตฺวา อุปฏฺาสิ.

ราชา ตสฺส โทสํ อปสฺสนฺโต กามปริฬาเห วฑฺฒนฺเต ‘‘เอกมสฺส โทสํ อาโรเปตฺวา ราชาณํ กริสฺสามี’’ติ ปกฺโกสาเปตฺวา เอวมาห – ‘‘อมฺโภ อิโต โยชนมตฺถเก นทิยา อสุกฏฺานํ นาม คนฺตฺวา สายํ มม นฺหานเวลาย กุมุทุปฺปลานิ เจว อรุณวตีมตฺติกฺจ อาหร. สเจ ตสฺมึ ขเณ นาคจฺฉสิ, อาณํ เต กริสฺสามี’’ติ. เสวโก กิร จตูหิปิ ทาเสหิ ปติกิฏฺตโร. ธนกฺกีตาทโย หิ ทาสา ‘‘สีสํ เม รุชฺชติ, ปิฏฺิ เม รุชฺชตี’’ติ วตฺวา อจฺฉิตุํ ลภนฺติเยว. เสวกสฺเสตํ นตฺถิ, อาณตฺตกมฺมํ กาตุเมว วฏฺฏติ. ตสฺมา โส ‘‘อวสฺสํ มยา คนฺตพฺพํ, กุมุทุปฺปเลหิ สทฺธึ อรุณวตีมตฺติกา นาม นาคภวเน อุปฺปชฺชติ, อหํ กุหึ ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต มรณภยภีโต เวเคน เคหํ คนฺตฺวา, ‘‘ภทฺเท, นิฏฺิตํ เม ภตฺต’’นฺติ อาห. ‘‘อุทฺธนมตฺถเก, สามี’’ติ. โส ยาว ภตฺตํ โอตรติ, ตาว สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต อุฬุงฺเกน กฺชิกํ หราเปตฺวา ยถาลทฺเธน พฺยฺชเนน สทฺธึ อลฺลเมว ภตฺตํ ปจฺฉิยํ โอปีเฬตฺวา อาทาย โยชนิกํ มคฺคํ ปกฺขนฺโท, ตสฺส คจฺฉนฺตสฺเสว ภตฺตํ ปกฺกํ อโหสิ. โส อนุจฺฉิฏฺํ กตฺวาว โถกํ ภตฺตํ อปเนตฺวา ภุฺชนฺโต เอกํ อทฺธิกํ ทิสฺวา มยา อปเนตฺวา ปิตํ โถกํ อนุจฺฉิฏฺํ ภตฺตเมว อตฺถิ คเหตฺวา ภุฺช สามีติ. โส คณฺหิตฺวา ภุฺชิ. อิตโรปิ ภุฺชิตฺวา เอกํ ภตฺตมุฏฺึ อุทเก ขิปิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา มหนฺเตน สทฺเทน ‘‘อิมสฺมึ นทีปเทเส อธิวตฺถา นาคา สุปณฺณา เทวตา จ วจนํ เม สุณนฺตุ, ราชา มยฺหํ อาณํ กาตุกาโม ‘กุมุทุปฺปเลหิ สทฺธึ อรุณวตีมตฺติกํ อาหรา’ติ มํ อาณาเปสิ, อทฺธิกมนุสฺสสฺส จ เม ภตฺตํ ทินฺนํ, ตํ สหสฺสานิสํสํ, อุทเก มจฺฉานํ ทินฺนํ, ตํ สตานิสํสํ. เอตฺตกํ ปุฺผลํ ตุมฺหากํ ปตฺตึ กตฺวา ทมฺมิ, มยฺหํ กุมุทุปฺปเลหิ สทฺธึ อรุณวตีมตฺติกํ อาหรถา’’ติ ติกฺขตฺตุํ อนุสฺสาเวสิ. ตตฺถ อธิวตฺโถ นาคราชา ตํ สทฺทํ สุตฺวา มหลฺลกเวเสน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ วเทสี’’ติ อาห. โส ปุนปิ ตเถว วตฺวา ‘‘มยฺหํ ตํ ปตฺตึ เทหี’’ติ วุตฺเต, ‘‘เทมี’’ติ อาห. ปุนปิ ‘‘เทหี’’ติ วุตฺเต, ‘‘เทมิ, สามี’’ติ อาห. เอวํ โส ทฺเว ตโย วาเร ปตฺตึ อาหราเปตฺวา กุมุทุปฺปเลหิ สทฺธึ อรุณวตีมตฺติกํ อทาสิ.

ราชา ปน จินฺเตสิ – ‘‘มนุสฺสา นาม พหุมายา, สเจ โส เกนจิ อุปาเยน ลเภยฺย, กิจฺจํ เม น นิปฺผชฺเชยฺยา’’ติ. โส กาลสฺเสว ทฺวารํ ปิทหาเปตฺวา มุทฺทิกํ อตฺตโน สนฺติกํ อาหราเปสิ. อิตโรปิ ปุริโส รฺโ นฺหานเวลายเมวาคนฺตฺวา ทฺวารํ อลภนฺโต ทฺวารปาลํ ปกฺโกเสตฺวา ‘‘ทฺวารํ วิวรา’’ติ อาห. ‘‘น สกฺกา วิวริตุํ, ราชา กาลสฺเสว มุทฺทิกํ ทตฺวา ราชเคหํ อาหราเปสี’’ติ. โส ‘‘ราชทูโต อหํ, ทฺวารํ วิวรา’’ติ วตฺวาปิ ‘‘ทฺวารํ อลภนฺโต นตฺถิ เม อิทานิ ชีวิตํ. กึ นุ โข กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ทฺวารสฺส อุปริอุมฺมาเร มตฺติกาปิณฺฑํ ขิปิตฺวา ตสฺสูปริ ปุปฺผานิ ลคฺเคตฺวา มหาสทฺทํ กโรนฺโต, ‘‘อมฺโภ, นครวาสิโน รฺโ มยา อาณตฺติยา คตภาวํ ชานาถ, ราชา มํ อการเณน วินาเสตุกาโม’’ติ ติกฺขตฺตุํ วิรวิตฺวา ‘‘กตฺถ นุ โข คจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขู นาม มุทุหทยา, วิหารํ คนฺตฺวา นิปชฺชิสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานมกาสิ. อิเม หิ นาม สตฺตา สุขิตกาเล ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวมฺปิ อชานิตฺวา ทุกฺขาภิภูตกาเล วิหารํ คนฺตุกามา โหนฺติ, ตสฺมา โสปิ ‘‘เม อฺํ ตาณํ นตฺถี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ ผาสุกฏฺาเน นิปชฺชิ. อถ รฺโปิ ตํ รตฺตึ นิทฺทํ อลภนฺตสฺส ตํ อิตฺถึ อนุสฺสรนฺตสฺส กามปริฬาโห อุปฺปชฺชิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘วิภาตกฺขเณเยว ตํ ปุริสํ ฆาตาเปตฺวา ตํ อิตฺถึ อาเนสฺสามี’’ติ.

ตสฺมึ ขเณเยว สฏฺิโยชนิกาย โลหกุมฺภิยา นิพฺพตฺตา จตฺตาโร ปุริสา ปกฺกุถิตาย อุกฺขลิยา ตณฺฑุลา วิย สมฺปริวตฺตกํ ปจฺจมานา ตึสาย วสฺสสหสฺเสหิ เหฏฺิมตลํ ปตฺวา อปเรหิ ตึสาย วสฺสสหสฺเสหิ ปุน มุขวฏฺฏิยํ ปาปุณึสุ. เต สีสํ อุกฺขิปิตฺวา อฺมฺํ โอโลเกตฺวา เอเกกํ คาถํ วตฺตุกามา วตฺตุํ อสกฺโกนฺตา เอเกกํ อกฺขรํ วตฺวา ปริวตฺติตฺวา โลหกุมฺภิเมว ปวิฏฺา. ราชา นิทฺทํ อลภนฺโต มชฺฌิมยามสมนนฺตเร ตํ สทฺทํ สุตฺวา ภีโต อุตฺรสฺตมานโส ‘‘กึ นุ โข มยฺหํ ชีวิตนฺตราโย ภวิสฺสติ, อุทาหุ เม อคฺคมเหสิยา, อุทาหุ เม รชฺชํ วินสฺสิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต สกลรตฺตึ อกฺขีนิ นิมีเลตุํ นาสกฺขิ. โส อรุณุคฺคมนเวลาย เอว ปุโรหิตํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อาจริย, มยา มชฺฌิมยามสมนนฺตเร มหนฺตา เภรวสทฺทา สุตา, ‘รชฺชสฺส วา อคฺคมเหสิยา วา มยฺหํ วา กสฺส อนฺตราโย ภวิสฺสตี’ติ น ชานามิ, เตน เม ตฺวํ ปกฺโกสาปิโต’’ติ อาห. มหาราช, กึ เต สทฺทา สุตาติ? ‘‘อาจริย, ทุ-อิติ -อิติ -อิติ โส-อิตีติ อิเม สทฺเท อสฺโสสึ, อิเมสํ นิปฺผตฺตึ อุปธาเรหี’’ติ. พฺราหฺมณสฺส มหาอนฺธการํ ปวิฏฺสฺส วิย น กิฺจิ ปฺายติ, ‘‘น ชานามี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปน ลาภสกฺกาโร เม ปริหายิสฺสตี’’ติ ภายิตฺวา ‘‘ภาริยํ, มหาราชา’’ติ อาห. ‘‘กึ, อาจริยา’’ติ? ‘‘ชีวิตนฺตราโย เต ปฺายตี’’ติ. โส ทฺวิคุณํ ภีโต, ‘‘อาจริย, อตฺถิ กิฺจิ ปน ปฏิฆาตการณ’’นฺติ อาห. ‘‘อตฺถิ, มหาราช, มา ภายิ, อหํ ตโย เวเท ชานามี’’ติ. ‘‘กึ ปน ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘สพฺพสตยฺํ ยชิตฺวา ชีวิตํ ลภิสฺสสิ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? หตฺถิสตํ อสฺสสตํ อุสภสตํ เธนุสตํ อชสตํ อุรพฺภสตํ กุกฺกุฏสตํ สูกรสตํ ทารกสตํ ทาริกาสตนฺติ เอวํ เอเกกํ ปาณชาตึ สตํ สตํ กตฺวา คณฺหาเปนฺโต ‘‘สเจ มิคชาติเมว คณฺหาเปสฺสามิ, ‘อตฺตโน ขาทนียเมว คณฺหาเปตี’ติ วกฺขนฺตี’’ติ หตฺถิอสฺสมนุสฺเสปิ คณฺหาเปติ. ราชา ‘‘มม ชีวิตเมว มยฺหํ ลาโภ’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘สพฺพปาเณ สีฆํ คณฺหถา’’ติ อาห. อาณตฺตมนุสฺสา อธิกตรํ คณฺหึสุ. วุตฺตมฺปิ เจตํ โกสลสํยุตฺเต –

‘‘เตน โข ปน สมเยน รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส มหายฺโ ปจฺจุปฏฺิโต โหติ, ปฺจ จ อุสภสตานิ ปฺจ จ วจฺฉตรสตานิ ปฺจ จ วจฺฉตริสตานิ ปฺจ จ อชสตานิ ปฺจ จ อุรพฺภสตานิ ถูณูปนีตานิ โหนฺติ ยฺตฺถาย. เยปิสฺส เต โหนฺติ ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา กมฺมกราติ วา, เตปิ ทณฺฑตชฺชิตา ภยตชฺชิตา อสฺสุมุขา รุทมานา ปริกมฺมานิ กโรนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๒๐).

มหาชโน อตฺตโน อตฺตโน ปุตฺตธีตุาตีนํ อตฺถาย ปริเทวมาโน มหาสทฺทมกาสิ, มหาปถวีอุนฺทฺริยนสทฺโท วิย อโหสิ. อถ มลฺลิกา เทวี ตํ สทฺทํ สุตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ นุ โข เต, มหาราช, อินฺทฺริยานิ อปากติกานิ, กิลนฺตรูปานิ วิย ปฺายนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ ตุยฺหํ , มลฺลิเก, ตฺวํ มม กณฺณมูเลน อาสิวิสมฺปิ คจฺฉนฺตํ น ชานาสี’’ติ? ‘‘กึ ปเนตํ, เทวา’’ติ? ‘‘รตฺติภาเค เม เอวรูโป นาม สทฺโท สุโต , สฺวาหํ ปุโรหิตํ ปุจฺฉิตฺวา ชีวิตนฺตราโย เต ปฺายติ, สพฺพสตยฺํ ยชิตฺวา ชีวิตํ ลภิสฺสสี’’ติ สุตฺวา ‘‘มม ชีวิตเมว มยฺหํ ลาโภ’’ติ อิเม ปาเณ คณฺหาเปสินฺติ. มลฺลิกา เทวี, ‘‘อนฺธพาโลสิ, มหาราช, กิฺจาปิ มหาภกฺโขสิ, อเนกสูปพฺยฺชนวิกติกํ โทณปากํ โภชนํ ภุฺชสิ, ทฺวีสุ รฏฺเสุ รชฺชํ กาเรสิ, ปฺา ปน เต มนฺทา’’ติ อาห. ‘‘กสฺมา เอวํ วเทสิ, เทวี’’ติ? ‘‘กหํ ตยา อฺสฺส มรเณน อฺสฺส ชีวิตลาโภ ทิฏฺปุพฺโพ, อนฺธพาลสฺส พฺราหฺมณสฺส กถํ คเหตฺวา กสฺมา มหาชนสฺส อุปริ ทุกฺขํ ขิปสิ, ธุรวิหาเร สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคปุคฺคโล อตีตาทีสุ อปฺปฏิหตาโณ สตฺถา วสติ, ตํ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺโสวาทํ กโรหี’’ติ วุตฺเต ราชา สลฺลหุเกหิ ยาเนหิ มลฺลิกาย สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา มรณภยตชฺชิโต กิฺจิ วตฺตุํ อสกฺโกนฺโต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.

อถ นํ สตฺถา ‘‘หนฺท กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ ปมตรํ อาลปิ. โส ตุณฺหีเยว นิสีทิ. ตโต มลฺลิกา ภควโต อาโรเจสิ – ‘‘ภนฺเต, รฺา กิร มชฺฌิมยามสมนนฺตเร สทฺโท สุโต. อถ นํ ปุโรหิตสฺส อาโรเจสิ. ปุโรหิโต ‘ชีวิตนฺตราโย เต ภวิสฺสติ, ตสฺส ปฏิฆาตตฺถาย สพฺพสเต ปาเณ คเหตฺวา เตสํ คลโลหิเตน ยฺเ ยชิเต ชีวิตํ ลภิสฺสสี’ติ อาห. ราชา ปาเณ คณฺหาเปสิ, เตนายํ มยา อิธานีโต’’ติ. ‘‘เอวํ กิร, มหาราชา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กินฺติ เต สทฺโท สุโต’’ติ? โส อตฺตนา สุตนิยาเมเนว อาจิกฺขิ. ตถาคตสฺส ตํ สุตฺวาว เอโกภาโส อโหสิ. อถ นํ สตฺตา อาห – ‘‘มา ภายิ, มหาราช, ตว อนฺตราโย นตฺถิ, ปาปกมฺมิโน สตฺถา อตฺตโน ทุกฺขํ อาวีกโรนฺตา เอวมาหํสู’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เตหิ กต’’นฺติ? อถ โข ภควา เตสํ กมฺมํ อาจิกฺขิตุํ ‘‘เตน หิ, มหาราช, สุณาหี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –

อตีเต วีสติวสฺสสหสฺสายุเกสุ มนุสฺเสสุ กสฺสโป ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา วีสติยา ขีณาสวสหสฺเสหิ สทฺธึ จาริกํ จรมาโน พาราณสิมคมาสิ. พาราณสิวาสิโน ทฺเวปิ ตโยปิ พหุตราปิ เอกโต หุตฺวา อาคนฺตุกทานํ ปวตฺตยึสุ. ตทา พาราณสิยํ จตฺตาลีสโกฏิวิภวา จตฺตาโร เสฏฺิปุตฺตา สหายกา อเหสุํ. เต มนฺตยึสุ – ‘‘อมฺหากํ เคเห พหุธนํ, เตน กึ กโรมา’’ติ? ‘‘เอวรูเป พุทฺเธ จาริกํ จรมาเน ทานํ ทสฺสาม, สีลํ รกฺขิสฺสาม, ปูชํ กริสฺสามา’’ติ เอโกปิ อวตฺวา เตสุ เอโก ตาว เอวมาห – ‘‘ติขิณสุรํ ปิวนฺตา มธุรมํสํ ขาทนฺตา วิจริสฺสาม, อิทํ อมฺหากํ ชีวิตผล’’นฺติ. อปโรปิ เอวมาห – ‘‘เทวสิกํ ติวสฺสิกคนฺธสาลิภตฺตํ นานคฺครเสหิ ภุฺชนฺตา วิจริสฺสามา’’ติ. อปโรปิ เอวมาห – ‘‘นานปฺปการํ ปูวขชฺชกวิกตึ ปจาเปตฺวา ขาทนฺตา วิจริสฺสามา’’ติ. อปโรปิ เอวมาห – ‘‘สมฺมา มยํ อฺํ กิฺจิ น กริสฺสาม, ‘ธนํ ทสฺสามา’ติ วุตฺเต อนิจฺฉมานา อิตฺถี นาม นตฺถิ, ตสฺมา ธเนน ปโลเภตฺวา ปารทาริกกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ. ‘‘สาธุ, สาธู’’ติ สพฺเพว ตสฺส กถาย อฏฺํสุ.

เต ตโต ปฏฺาย อภิรูปานํ อิตฺถีนํ ธนํ เปเสตฺวา วีสติวสฺสสหสฺสานิ ปารทาริกกมฺมํ กตฺวา กาลํ กตฺวา อวีจินิรเย นิพฺพตฺตา. เต เอกํ พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตตฺถ กาลํ กตฺวา ปกฺกาวเสเสน สฏฺิโยชนิกาย โลหกุมฺภิยา นิพฺพตฺติตฺวา ตึสาย วสฺสสหสฺเสหิ เหฏฺิมตลํ ปตฺวา ปุนปิ ตึสาย วสฺสสหสฺเสหิ โลหกุมฺภิมุขํ ปตฺวา เอเกกํ คาถํ วตฺตุกามา หุตฺวา วตฺตุํ อสกฺโกนฺตา เอเกกํ อกฺขรํ วตฺวา ปุน ปริวตฺติตฺวา, โลหกุมฺภิเมว ปวิฏฺา. ‘‘วเทหิ, มหาราช, ปมํ เต กึ สทฺโท นาม สุโต’’ติ? ‘‘ทุ-อิติ, ภนฺเต’’ติ. สตฺถา เตน อปริปุณฺณํ กตฺวา วุตฺตํ คาถํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต เอวมาห –

‘‘ทุชฺชีวิตมชีวิมฺห , เย สนฺเต น ททมฺหเส;

วิชฺชมาเนสุ โภเคสุ, ทีปํ นากมฺห อตฺตโน’’ติ. (ชา. ๑.๔.๕๓; เป. ว. ๘๐๔);

อถ รฺโ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถํ ปกาเสตฺวา, ‘‘กึ เต, มหาราช, ทุติยสทฺโท ตติยสทฺโท จตุตฺถสทฺโท สุโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอวํ นามา’’ติ วุตฺเต อวเสสํ ปริปูเรนฺโต –

‘‘สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ สพฺพโส;

นิรเย ปจฺจมานานํ, กทา อนฺโต ภวิสฺสติ.

‘‘นตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต, น อนฺโต ปฏิทิสฺสติ;

ตทา หิ ปกตํ ปาปํ, มม ตุยฺหฺจ มาริสา.

‘‘โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา, โยนึ ลทฺธาน มานุสึ;

วทฺู สีลสมฺปนฺโน, กาหามิ กุสลํ พหุ’’นฺติ. (ชา. ๑.๔.๕๔-๕๖; เป. ว. ๘๐๒, ๘๐๓, ๘๐๕) –

ปฏิปาฏิยา อิมา คาถา วตฺวา ตาสํ อตฺถํ ปกาเสตฺวา ‘‘อิติ โข, มหาราช, เต จตฺตาโร ชนา เอเกกํ คาถํ วตฺตุกามาปิ วตฺตุํ อสกฺโกนฺตา เอกกเมว อกฺขรํ วตฺวา ปุน โลหกุมฺภิเมว ปวิฏฺา’’ติ อาห.

รฺา กิร ปเสนทิโกสเลน ตสฺส สทฺทสฺส สุตกาลโต ปฏฺาย เต เหฏฺา ภสฺสนฺติ เอว, อชฺชาปิ เอกํ วสฺสสหสฺสํ นาติกฺกมนฺติ. รฺโ ตํ เทสนํ สุตฺวา มหาสํเวโค อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘ภาริยํ วติทํ ปารทาริกกมฺมํ นาม, เอกํ กิร พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตโต จุตา สฏฺิโยชนิกาย โลหกุมฺภิยา นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ ปจฺจิตฺวา เอวมฺปิ เนสํ ทุกฺขา มุจฺจนกาโล น ปฺายติ, อหมฺปิ ปรทาเร สิเนหํ กตฺวา สพฺพรตฺตึ นิทฺทํ น ลภึ, อิทานิ อิโต ปฏฺาย ปรทาเร มานสํ น พนฺธิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตถาคตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, อชฺช เม รตฺติยา ทีฆภาโว าโต’’ติ. โสปิ ปุริโส ตตฺเถว นิสินฺโน ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘ลทฺโธ เม พลวปฺปจฺจโย’’ติ สตฺถารํ อาห – ‘‘ภนฺเต, รฺา ตาว อชฺช รตฺติยา ทีฆภาโว าโต, อหํ ปน หิยฺโย สยเมว โยชนสฺส ทีฆภาวํ อฺาสิ’’นฺติ. สตฺถา ทฺวินฺนมฺปิ กถํ สํสนฺทิตฺวา ‘‘เอกจฺจสฺส รตฺติ ทีฆา โหติ, เอกจฺจสฺส โยชนํ ทีฆํ โหติ, พาลสฺส ปน สํสาโร ทีโฆ โหตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๖๐.

‘‘ทีฆา ชาครโต รตฺติ, ทีฆํ สนฺตสฺส โยชนํ;

ทีโฆ พาลาน สํสาโร, สทฺธมฺมํ อวิชานต’’นฺติ.

ตตฺถ ทีฆาติ รตฺติ นาเมสา ติยามมตฺตาว, ชาครนฺตสฺส ปน ทีฆา โหติ, ทฺวิคุณติคุณา วิย หุตฺวา ขายติ. ตสฺสา ทีฆภาวํ อตฺตานํ มงฺกุณสงฺฆสฺส ภตฺตํ กตฺวา ยาว สูริยุคฺคมนา สมฺปริวตฺตกํ เสมาโน มหากุสีโตปิ, สุโภชนํ ภุฺชิตฺวา สิริสยเน สยมาโน กามโภคีปิ น ชานาติ, สพฺพรตฺตึ ปน ปธานํ ปทหนฺโต โยคาวจโร จ, ธมฺมกถํ กเถนฺโต ธมฺมกถิโก จ, อาสนสมีเป ตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต จ, สีสโรคาทิผุฏฺโ วา หตฺถปาทจฺเฉทนาทึ ปตฺโต วา เวทนาภิภูโต จ, รตฺตึ มคฺคปฏิปนฺโน อทฺธิโก จ ชานาติ. โยชนนฺติ โยชนมฺปิ จตุคาวุตมตฺตเมว, สนฺตสฺส ปน กิลนฺตสฺส ทีฆํ โหติ, ทฺวิคุณติคุณํ วิย ขายติ. สกลทิวสฺหิ มคฺคํ คนฺตฺวา กิลนฺโต ปฏิปถํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปุรโต คาโม กีวทูโร’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โยชน’’นฺติ วุตฺเต โถกํ คนฺตฺวา อปรมฺปิ ปุจฺฉิตฺวา เตนาปิ ‘‘โยชน’’นฺติ วุตฺเต ปุน โถกํ คนฺตฺวา อปรมฺปิ ปุจฺฉติ. โสปิ ‘‘โยชน’’นฺติ วทติ. โส ปุจฺฉิตปุจฺฉิตา โยชนนฺเตว วทนฺติ, ทีฆํ วติทํ โยชนํ, เอกโยชนํ ทฺเว ตีณิ โยชนานิ วิย มฺเติ. พาลานนฺติ อิธโลกปรโลกตฺถํ ปน อชานนฺตานํ พาลานํ สํสารวฏฺฏสฺส ปริยนฺตํ กาตุํ อสกฺโกนฺตานํ ยํ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยเภทํ สทฺธมฺมํ ตฺวา สํสารสฺส อนฺตํ กโรนฺติ, ตํ สทฺธมฺมํ อวิชานตํ สํสาโร ทีโฆ นาม โหติ. โส หิ อตฺตโน ธมฺมตาย เอว ทีโฆ นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘อนมตคฺโคยํ, ภิกฺขเว, สํสาโร, ปุพฺพา โกฏิ น ปฺายตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔). พาลานํ ปน ปริยนฺตํ กาตุํ อสกฺโกนฺตานํ อติทีโฆเยวาติ.

เทสนาวสาเน โส ปุริโส โสตาปตฺติผลํ ปตฺโต, อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.

ราชา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา คจฺฉนฺโตเยว เต สตฺเต พนฺธนา โมเจสิ. ตตฺถ อิตฺถิปุริสา พนฺธนา มุตฺตา สีสํ นฺหตฺวา สกานิ เคหานิ คจฺฉนฺตา ‘‘จิรํ ชีวตุ โน, อยฺยา, มลฺลิกา เทวี, ตํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภิมฺหา’’ติ มลฺลิกาย คุณกถํ กถยึสุ. สายนฺหสมเย ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห ปณฺฑิตา วตายํ, มลฺลิกา, อตฺตโน ปฺํ นิสฺสาย เอตฺตกสฺส ชนสฺส ชีวิตทานํ อทาสี’’ติ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว เตสํ ภิกฺขูนํ กถํ สุตฺวา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ธมฺมสภํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘น, ภิกฺขเว, มลฺลิกา, อิทาเนว อตฺตโน ปฺํ นิสฺสาย มหาชนสฺส ชีวิตทานํ เทติ, ปุพฺเพปิ อทาสิเยวา’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ ปกาสนฺโต อตีตํ อาหริ –

อตีเต พาราณสิยํ รฺโ ปุตฺโต เอกํ นิคฺโรธรุกฺขํ อุปสงฺกมิตฺวา ตตฺถ นิพฺพตฺตาย เทวตาย อายาจิ – ‘‘สามิ เทวราช, อิมสฺมึ ชมฺพุทีเป เอกสตราชาโน เอกสตอคฺคมเหสิโย, สจาหํ ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ลภิสฺสามี, เอเตสํ คลโลหิเตน พลึ กริสฺสามี’’ติ. โส ปิตริ กาลกเต รชฺชํ ปตฺวา ‘‘เทวตาย เม อานุภาเวน รชฺชํ ปตฺตํ, พลิมสฺสา กริสฺสามี’’ติ มหติยา เสนาย นิกฺขมิตฺวา เอกํ ราชานํ อตฺตโน วเส วตฺเตตฺวา เตน สทฺธึ อปรมฺปิ อปรมฺปีติ สพฺเพ ราชาโน อตฺตโน วเส กตฺวา สทฺธึ อคฺคมเหสีหิ อาทาย คจฺฉนฺโต อุคฺคเสนสฺส นาม สพฺพกนิฏฺสฺส รฺโ ธมฺมทินฺนา นาม อคฺคมเหสี ครุคพฺภา, ตํ โอหาย อาคนฺตฺวา ‘‘เอตฺตกชนํ วิสปานกํ ปาเยตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ รุกฺขมูลํ โสธาเปสิ. เทวตา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา เอตฺตเก ราชาโน คณฺหนฺโต ‘มํ นิสฺสาย คหิตา อิเม’ติ จินฺเตตฺวา เตสํ คลโลหิเตน มยฺหํ พลึ กาตุกาโม, สเจ ปนายํ เอเต ฆาเตสฺสติ, ชมฺพุทีเป ราชวํโส อุปจฺฉิชฺชิสฺสติ, รุกฺขมูเลปิ, เม อสุจิ ภวิสฺสติ, สกฺขิสฺสามิ นุ โข เอตํ นิวาเรตุ’’นฺติ. สา อุปธาเรนฺตี ‘‘นาหํ สกฺขิสฺสามี’’ติ ตฺวา อฺมฺปิ เทวตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ตฺวํ สกฺขิสฺสสี’’ติ อาห. ตายปิ ปฏิกฺขิตฺตา อฺมฺปิ อฺมฺปีติ เอวํ สกลจกฺกวาฬเทวตาโย อุปสงฺกมิตฺวา ตาหิปิ ปฏิกฺขิตฺตา จตุนฺนํ มหาราชูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มยํ น สกฺโกม, อมฺหากํ ปน ราชา อมฺเหหิ ปุฺเน จ ปฺาย จ วิสิฏฺโ, ตํ ปุจฺฉา’’ติ เตหิปิ ปฏิกฺขิตฺตกาเล สกฺกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา, ‘‘เทว, ตุมฺเหสุ อปฺโปสฺสุกฺกตํ อาปนฺเนสุ ขตฺติยวํโส อุปจฺฉิชฺชิสฺสติ, ตสฺส ปฏิสรณํ โหถา’’ติ อาห. สกฺโก ‘‘อหมฺปิ นํ ปฏิพาหิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อุปายํ ปน เต วกฺขามี’’ติ วตฺวา อุปายํ อาจิกฺขิ – ‘‘คจฺฉ, ตฺวํ รฺโ ปสฺสนฺตสฺเสว รตฺตวตฺถํ นิวาเสตฺวา อตฺตโน รุกฺขโต นิกฺขมิตฺวา คมนาการํ ทสฺเสหิ. อถ ตํ ราชา ‘เทวตา คจฺฉติ, นิวตฺตาเปสฺสามิ น’นฺติ นานปฺปกาเรน ยาจิสฺสติ. อถ นํ วเทยฺยาสิ ‘ตฺวํ เอกสตราชาโน สทฺธึ อคฺคมเหสีหิ อาเนตฺวา เตสํ คลโลหิเตน พลึ กริสฺสามี’ติ มยฺหํ อายาจิตฺวา อุคฺคเสนสฺส รฺโ เทวึ โอหาย อาคโต, นาหํ ตาทิสสฺส มุสาวาทสฺส พลึ สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ, ‘‘เอวํ กิร วุตฺเต ราชา ตํ อาณาเปสฺสติ, สา รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา เอตฺตกสฺส ชนสฺส ชีวิตทานํ ทสฺสตี’’ติ. อิมินา การเณน สกฺโก เทวตาย อิมํ อุปายํ อาจิกฺขิ. เทวตา ตถา อกาสิ.

ราชาปิ ตํ อาณาเปสิ. สา อาคนฺตฺวา เตสํ ราชูนํ ปริยนฺเต นิสินฺนมฺปิ อตฺตโน ราชานเมว วนฺทิ. ราชา ‘‘มยิ สพฺพราชเชฏฺเก ิเต สพฺพกนิฏฺํ อตฺตโน สามิกํ วนฺทตี’’ติ ตสฺสา กุชฺฌิ. อถ นํ สา อาห – ‘‘กึ มยฺหํ ตยิ ปฏิพทฺธํ, อยํ ปน เม สามิโก อิสฺสริยสฺส ทายโก, อิมํ อวนฺทิตฺวา กสฺมา ตํ วนฺทิสฺสามี’’ติ? รุกฺขเทวตา ปสฺสนฺตสฺเสว มหาชนสฺส ‘‘เอวํ, ภทฺเท, เอวํ, ภทฺเท’’ติ วตฺวา ตํ ปุปฺผมุฏฺินา ปูเชสิ . ปุน ราชา อาห – ‘‘สเจ มํ น วนฺทสิ, มยฺหํ รชฺชสิริทายิกํ เอวํ มหานุภาวํ เทวตํ กสฺมา น วนฺทสี’’ติ? ‘‘มหาราช, ตยา อตฺตโน ปุฺเ ตฺวา ราชาโน คหิตา, น เทวตาย คเหตฺวา ทินฺนา’’ติ. ปุนปิ ตํ เทวตา ‘‘เอวํ, ภทฺเท, เอวํ, ภทฺเท’’ติ วตฺวา ตเถว ปูเชสิ. ปุน สา ราชานํ อาห – ‘‘ตฺวํ ‘เทวตาย เม เอตฺตกา ราชาโน คเหตฺวา ทินฺนา’ติ วเทสิ, อิทานิ เต เทวตาย อุปริ วามปสฺเส รุกฺโข อคฺคินา ทฑฺโฒ, สา ตํ อคฺคึ นิพฺพาเปตุํ กสฺมา นาสกฺขิ, ยทิ เอวํ มหานุภาวา’’ติ. ปุนปิ ตํ เทวตา ‘‘เอวํ, ภทฺเท, เอวํ, ภทฺเท’’ติ วตฺวา ตเถว ปูเชสิ.

สา กถยมานา ิตา โรทิ เจว หสิ จ. อถ นํ ราชา ‘‘กึ อุมฺมตฺติกาสี’’ติ อาห. ‘‘กสฺมา เทว เอวํ วเทสิ’’? ‘‘น มาทิสิโย อุมฺมตฺติกา โหนฺตี’’ติ. อถ ‘‘นํ กึ การณา โรทสิ เจว หสสิ จา’’ติ? ‘‘สุณาหิ, มหาราช, อหฺหิ อตีเต กุลธีตา หุตฺวา ปติกุเล วสนฺตี สามิกสฺส สหายกํ ปาหุนกํ อาคตํ ทิสฺวา ตสฺส ภตฺตํ ปจิตุกามา ‘มํสํ อาหรา’ติ ทาสิยา กหาปณํ ทตฺวา ตาย มํสํ อลภิตฺวา อาคตาย ‘นตฺถิ มํส’นฺติ วุตฺเต เคหสฺส ปจฺฉิมภาเค สยิตาย เอฬิกาย สีสํ ฉินฺทิตฺวา ภตฺตํ สมฺปาเทสึ. สาหํ เอกิสฺสาย เอฬิกาย สีสํ ฉินฺทิตฺวา นิรเย ปจฺจิตฺวา ปกฺกาวเสเสน ตสฺสา โลมคณนาย สีสจฺเฉทํ ปาปุณึ, ‘ตฺวํ เอตฺตกํ ชนํ วธิตฺวา กทา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสสี’ติ เอวมหํ ตว ทุกฺขํ อนุสฺสรนฺตี โรทิ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘เอกิสฺสา กณฺํ เฉตฺวาน, โลมคณนาย ปจฺจิสํ;

พหูนํ กณฺเ เฉตฺวาน, กถํ กาหสิ ขตฺติยา’’ติ.

อถ ‘‘กสฺมา ตฺวํ หสสี’’ติ? ‘‘‘เอตสฺมา ทุกฺขา มุตฺตามฺหี’ติ ตุสฺสิตฺวา, มหาราชา’’ติ . ปุนปิ ตํ เทวตา ‘‘เอวํ, ภทฺเท, เอวํ, ภทฺเท’’ติ วตฺวา ปุปฺผมุฏฺินา ปูเชสิ. ราชา ‘‘อโห เม ภาริยํ กตํ กมฺมํ, อยํ กิร เอกํ เอฬิกํ วธิตฺวา นิรเย ปกฺกาวเสเสน ตสฺสา โลมคณนาย สีสจฺเฉทํ ปาปุณิ, อหํ เอตฺตกํ ชนํ วธิตฺวา กทา โสตฺถึ ปาปุณิสฺสามี’’ติ สพฺเพ ราชาโน โมเจตฺวา อตฺตโน มหลฺลกตเร วนฺทิตฺวา ทหรทหรานํ อฺชลึ ปคฺคยฺห สพฺเพ ขมาเปตฺวา สกสกฏฺานเมว ปหิณิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, น อิทาเนว, มลฺลิกา เทวี, อตฺตโน ปฺํ นิสฺสาย มหาชนสฺส ชีวิตทานํ เทติ, ปุพฺเพปิ อทาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา ปเสนทิ โกสโล อโหสิ, ธมฺมทินฺนา, เทวี มลฺลิกา, รุกฺขเทวตา อหเมวา’’ติ. เอวํ อตีตํ สโมธาเนตฺวา ปุน ธมฺมํ เทเสนฺโต, ‘‘ภิกฺขเว, ปาณาติปาโต นาม น กตฺตพฺพยุตฺตโก. ปาณาติปาติโน หิ ทีฆรตฺตํ โสจนฺตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อาห –

‘‘อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ,

ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ;

โส โสจติ โส วิหฺติ,

ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺมตฺตโน’’ติ. (ธ. ป. ๑๕);

‘‘เอวํ เจ สตฺตา ชาเนยฺยุํ, ทุกฺขายํ ชาติสมฺภโว;

น ปาโณ ปาณินํ หฺเ, ปาณฆาตี หิ โสจตี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๘);

อฺตรปุริสวตฺถุ ปมํ.

๒. มหากสฺสปตฺเถรสทฺธิวิหาริกวตฺถุ

จรฺเจนาธิคจฺเฉยฺยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ เชตวเน วิหรนฺโต มหากสฺสปตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อารพฺภ กเถสิ. เทสนา ราชคเห สมุฏฺิตา.

เถรํ กิร ราชคหํ นิสฺสาย ปิปฺปลิคุหายํ วสนฺตํ ทฺเว สทฺธิวิหาริกา อุปฏฺหึสุ. เตสุ เอโก สกฺกจฺจํ วตฺตํ กโรติ, เอโก เตน กตํ กตํ อตฺตนา กตํ วิย ทสฺเสนฺโต มุโขทกทนฺตกฏฺานํ ปฏิยาทิตภาวํ ตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มุโขทกทนฺตกฏฺานิ เม ปฏิยาทิตานิ, มุขํ โธวถา’’ติ วทติ, ปาทโธวนนฺหานาทิกาเลปิ เอวเมว วทติ. อิตโร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ นิจฺจกาลํ มยา กตํ กตํ อตฺตนา กตํ วิย กตฺวา ทสฺเสติ, โหตุ, กตฺตพฺพยุตฺตกมสฺส กริสฺสามี’’ติ. ตสฺส ภุฺชิตฺวา สุปนฺตสฺเสว นฺหาโนทกํ ตาเปตฺวา เอกสฺมึ ฆเฏ กตฺวา ปิฏฺิโกฏฺเก เปสิ, อุทกตาปนภาชเน ปน นาฬิมตฺตํ อุทกํ เสเสตฺวา อุสุมํ มุฺจนฺตํ เปสิ. ตํ อิตโร สายนฺหสมเย ปพุชฺฌิตฺวา อุสุมํ นิกฺขนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อุทกํ ตาเปตฺวา โกฏฺเก ปิตํ ภวิสฺสตี’’ติ เวเคน คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โกฏฺเก อุทกํ ปิตํ, นฺหายถา’’ติ วตฺวา เถเรน สทฺธึเยว โกฏฺกํ ปาวิสิ. เถโร อุทกํ อปสฺสนฺโต ‘‘กหํ อุทกํ, อาวุโส’’ติ อาห. ทหโร อคฺคิสาลํ คนฺตฺวา ภาชเน อุฬุงฺกํ โอตาเรตฺวา ตุจฺฉภาวํ ตฺวา ‘‘ปสฺสถ ทุฏฺสฺส กมฺมํ ตุจฺฉภาชนํ อุทฺธเน อาโรเปตฺวา กุหึ คโต, อหํ ‘โกฏฺเก อุทก’นฺติ สฺาย อาโรเจสิ’’นฺติ อุชฺฌายนฺโต ฆฏํ อาทาย ติตฺถํ อคมาสิ. อิตโรปิ ปิฏฺิโกฏฺกโต อุทกํ อาหริตฺวา โกฏฺเก เปสิ.

เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ทหโร ‘อุทกํ เม ตาเปตฺวา โกฏฺเก ปิตํ, เอถ, ภนฺเต, นฺหายถา’ติ วตฺวา อิทานิ อุชฺฌายนฺโต ฆฏํ อาทาย ติตฺถํ คจฺฉติ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ อุปธาเรนฺโต ‘‘เอตฺตกํ กาลํ เอส ทหโร อิมินา กตํ วตฺตํ อตฺตนาว กตํ วิย ปกาเสตี’’ติ ตฺวา สายํ อาคนฺตฺวา นิสินฺนสฺส โอวาทมทาสิ, ‘‘อาวุโส, ภิกฺขุนา นาม ‘อตฺตนา กตเมว กต’นฺติ วตฺตุํ วฏฺฏติ, โน อกตํ, ตฺวํ อิทาเนว ‘โกฏฺเก อุทกํ ปิตํ, นฺหายถ, ภนฺเต’ติ วตฺวา มยิ ปวิสิตฺวา ิเต ฆฏํ อาทาย อุชฺฌายนฺโต คจฺฉสิ, ปพฺพชิตสฺส นาม เอวํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. โส ‘‘ปสฺสถ เถรสฺส กมฺมํ, อุทกมตฺตกํ นาม นิสฺสาย มํ เอวํ วเทสี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ปุนทิวเส เถเรน สทฺธึ ปิณฺฑาย น ปาวิสิ. เถโร อิตเรน สทฺธึ เอกํ ปเทสํ อคมาสิ. โส ตสฺมึ คเต เถรสฺส อุปฏฺากกุลํ คนฺตฺวา ‘‘เถโร กหํ, ภนฺเต’’ติ ปุฏฺโ ‘‘เถรสฺส อผาสุกํ ชาตํ, วิหาเรเยว นิสินฺโน’’ติ อาห. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘เอวรูปํ กิร นาม อาหารํ เทถา’’ติ วุตฺเต เตน วุตฺตนิยาเมเนว สมฺปาเทตฺวา อทํสุ. โส อนฺตรามคฺเคว ตํ ภตฺตํ ภุฺชิตฺวา วิหารํ คโต. เถโรปิ คตฏฺาเน มหนฺตํ สุขุมวตฺถํ ลภิตฺวา อตฺตนา สทฺธึ คตทหรสฺส อทาสิ. โส ตํ รชิตฺวา อตฺตโน นิวาสนปารุปนํ อกาสิ.

เถโร ปุนทิวเส ตํ อุปฏฺากกุลํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ‘ตุมฺหากํ กิร อผาสุกํ ชาต’นฺติ อมฺเหหิ ทหเรน วุตฺตนิยาเมเนว ปฏิยาเทตฺวา อาหาโร เปสิโต, ปริภุฺชิตฺวา โว ผาสุกํ ชาต’’นฺติ วุตฺเต ตุณฺหี อโหสิ. วิหารํ ปน คนฺตฺวา ตํ ทหรํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ เอวมาห – ‘‘อาวุโส, ตยา กิร หิยฺโย, อิทํ นาม กตํ, อิทํ ปพฺพชิตานํ น อนุจฺฉวิกํ, วิฺตฺตึ กตฺวา ภุฺชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. โส กุชฺฌิตฺวา เถเร อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘ปุริมทิวเส อุทกมตฺตํ นิสฺสาย มํ มุสาวาทึ กตฺวา อชฺช อตฺตโน อุปฏฺากกุเล ภตฺตมุฏฺิยา ภุตฺตการณา มํ ‘วิฺตฺตึ กตฺวา ภุฺชิตุํ น วฏฺฏตี’ติ วทติ, วตฺถมฺปิ เตน อตฺตโน อุปฏฺากสฺเสว ทินฺนํ, อโห เถรสฺส ภาริยํ กมฺมํ, ชานิสฺสามิสฺส กตฺตพฺพยุตฺตก’’นฺติ ปุนทิวเส เถเร คามํ ปวิสนฺเต สยํ วิหาเร โอหียิตฺวา ทณฺฑํ คเหตฺวา ปริโภคภาชนานิ ภินฺทิตฺวา เถรสฺส ปณฺณสาลาย อคฺคึ ทตฺวา ยํ น ฌายติ, ตํ มุคฺคเรน ปหรนฺโต ภินฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปลาโต. โส กาลํ กตฺวา อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ.

มหาชโน กถํ สมุฏฺาเปสิ – ‘‘เถรสฺส กิร สทฺธิวิหาริโก โอวาทมตฺตํ อสหนฺโต กุชฺฌิตฺวา ปณฺณสาลํ ฌาเปตฺวา ปลาโต’’ติ. อเถโก ภิกฺขุ อปรภาเค ราชคหา นิกฺขมิตฺวา สตฺถารํ ทฏฺุกาโม เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สตฺถารา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ราชคหโต, ภนฺเต’’ติ อาห. ‘‘มม ปุตฺตสฺส มหากสฺสปสฺส ขมนีย’’นฺติ? ‘‘ขมนียํ, ภนฺเต, เอโก ปน สทฺธิวิหาริโก โอวาทมตฺเตน กุชฺฌิตฺวา ปณฺณสาลํ ฌาเปตฺวา ปลาโต’’ติ. สตฺถา ‘‘น โส อิทาเนว โอวาทํ สุตฺวา กุชฺฌติ, ปุพฺเพปิ กุชฺฌิเยว. น อิทาเนว กุฏึ ทูเสติ, ปุพฺเพปิ ทูเสสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต หิมวนฺตปเทเส เอโก สิงฺคิลสกุโณ กุลาวกํ กตฺวา วสิ. อเถกทิวสํ เทเว วสฺสนฺเต เอโก มกฺกโฏ สีเตน กมฺปมาโน ตํ ปเทสํ อคมาสิ. สิงฺคิโล ตํ ทิสฺวา คาถมาห –

‘‘มนุสฺสสฺเสว เต สีสํ, หตฺถปาทา จ วานร;

อถ เกน นุ วณฺเณน, อคารํ เต น วิชฺชตี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๘๑);

มกฺกโฏ ‘‘กิฺจาปิ เม หตฺถปาทา อตฺถิ, ยาย ปน ปฺาย วิจาเรตฺวา อคารํ กเรยฺยํ, สา เม ปฺา นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา ตมตฺถํ วิฺาเปตุกาโม อิมํ คาถมาห –

‘‘มนุสฺสสฺเสว เม สีสํ, หตฺถปาทา จ สิงฺคิล;

ยาหุ เสฏฺา มนุสฺเสสุ, สา เม ปฺา น วิชฺชตี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๘๒);

อถ นํ ‘‘เอวรูปสฺส ตว กถํ ฆราวาโส อิชฺฌิสฺสตี’’ติ ครหนฺโต สิงฺคิโล อิมํ คาถาทฺวยมาห –

‘‘อนวฏฺิตจิตฺตสฺส , ลหุจิตฺตสฺส ทุพฺภิโน;

นิจฺจํ อทฺธุวสีลสฺส, สุขภาโว น วิชฺชติ.

‘‘โส กรสฺสุ อานุภาวํ, วีติวตฺตสฺสุ สีลิยํ;

สีตวาตปริตฺตาณํ, กรสฺสุ กุฏวํ กปี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๘๓-๘๔);

มกฺกโฏ ‘‘อยํ มํ อนวฏฺิตจิตฺตํ ลหุจิตฺตํ มิตฺตทุพฺภึ อทฺธุวสีลํ กโรติ, อิทานิสฺส มิตฺตทุพฺภิภาวํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ กุลาวกํ วิทฺธํเสตฺวา วิปฺปกิริ. สกุโณ ตสฺมึ กุลาวกํ คณฺหนฺเต เอว เอเกน ปสฺเสน นิกฺขมิตฺวา ปลายิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มกฺกโฏ กุฏิทูสกภิกฺขุ อโหสิ, สิงฺคิลสกุโณ กสฺสโป อโหสี’’ติ . ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, น อิทาเนว, ปุพฺเพปิ โส โอวาทกฺขเณ กุชฺฌิตฺวา กุฏึ ทูเสสิ, มม ปุตฺตสฺส กสฺสปสฺส เอวรูเปน พาเลน สทฺธึ วสนโต เอกกสฺเสว นิวาโส เสยฺโย’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๖๑.

‘‘จรฺเจ นาธิคจฺเฉยฺย, เสยฺยํ สทิสมตฺตโน;

เอกจริยํ ทฬฺหํ กยิรา, นตฺถิ พาเล สหายตา’’ติ.

ตตฺถ จรนฺติ อิริยาปถจารํ อคฺคเหตฺวา มนสาจาโร เวทิตพฺโพ, กลฺยาณมิตฺตํ ปริเยสนฺโตติ อตฺโถ. เสยฺยํ สทิสมตฺตโนติ อตฺตโน สีลสมาธิปฺาคุเณหิ อธิกตรํ วา สทิสํ วา น ลเภยฺย เจ. เอกจริยนฺติ เอเตสุ หิ เสยฺยํ ลภมาโน สีลาทีหิ วฑฺฒติ, สทิสํ ลภมาโน น ปริหายติ, หีเนน ปน สทฺธึ เอกโต วสนฺโต เอกโต สํโภคปริโภคํ กโรนฺโต สีลาทีหิ ปริหายติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวรูโป ปุคฺคโล น เสวิตพฺโพ น ภชิตพฺโพ น ปยิรุปาสิตพฺโพ อฺตฺร อนุทฺทยา อฺตฺร อนุกมฺปา’’ติ (ปุ. ป. ๑๒๑; อ. นิ. ๓.๒๖). ตสฺมา สเจ การุฺํ ปฏิจฺจ ‘‘อยํ มํ นิสฺสาย สีลาทีหิ วฑฺฒิสฺสตี’’ติ ตมฺหา ปุคฺคลา กิฺจิ อปจฺจาสีสนฺโต ตํ สงฺคณฺหิตุํ สกฺโกติ, อิจฺเจตํ กุสลํ . โน เจ สกฺโกติ, เอกจริยํ ทฬฺหํ กยิรา เอกีภาวเมว ถิรํ กตฺวา สพฺพอิริยาปเถสุ เอกโกว วิหเรยฺย. กึ การณา? นตฺถิ พาเล สหายตาติ สหายตา นาม จูฬสีลํ มชฺฌิมสีลํ มหาสีลํ ทส กถาวตฺถูนิ เตรส ธุตงฺคคุณา วิปสฺสนาคุณา จตฺตาโร มคฺคา จตฺตาริ ผลานิ ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺา. อยํ สหายตาคุโณ พาลํ นิสฺสาย นตฺถีติ.

เทสนาวสาเน อาคนฺตุโก ภิกฺขุ โสตาปตฺติผลํ ปตฺโต, อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ, เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

มหากสฺสปตฺเถรสทฺธิวิหาริกวตฺถุ ทุติยํ.

๓. อานนฺทเสฏฺิวตฺถุ

ปุตฺตามตฺถีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อานนฺทเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิร อานนฺทเสฏฺิ นาม จตฺตาลีสโกฏิวิภโว มหามจฺฉรี อโหสิ. โส อนฺวฑฺฒมาสํ าตเก สนฺนิปาเตตฺวา ปุตฺตํ มูลสิรึ นาม ตีสุ เวลาสุ เอวํ โอวทติ – ‘‘อิทํ จตฺตาลีสโกฏิธนํ ‘พหู’’’ติ มา สฺํ กริ, วิชฺชมานํ ธนํ น ทาตพฺพํ, นวํ ธนํ อุปฺปาเทตพฺพํ. เอเกกมฺปิ หิ กหาปณํ วยํ กโรนฺตสฺส ปน ขียเตว. ตสฺมา –

‘‘อฺชนานํ ขยํ ทิสฺวา, อุปจิกานฺจ อาจยํ;

มธูนฺจ สมาหารํ, ปณฺฑิโต ฆรมาวเส’’ติ.

โส อปเรน สมเยน อตฺตโน ปฺจ มหานิธิโย ปุตฺตสฺส อนาจิกฺขิตฺวา ธนนิสฺสิโต มจฺเฉรมลมลิโน กาลํ กตฺวา ตสฺเสว นครสฺส เอกสฺมึ ทฺวารคามเก จณฺฑาลานํ กุลสหสฺสํ ปฏิวสติ. ตตฺเถกิสฺสา จณฺฑาลิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ราชา ตสฺส กาลกิริยํ สุตฺวา ปุตฺตมสฺส มูลสิรึ ปกฺโกสาเปตฺวา เสฏฺิฏฺาเน เปสิ. ตมฺปิ จณฺฑาลกุลสหสฺสํ เอกโตว ภติยา กมฺมํ กตฺวา ชีวมานํ ตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย เนว ภตึ ลภติ, น ยาปนมตฺตโต ปรํ ภตฺตปิณฺฑมฺปิ. เต ‘‘มยํ เอตรหิ กมฺมํ กโรนฺตาปิ ปิณฺฑภตฺตมฺปิ น ลภาม, อมฺหากํ อนฺตเร กาฬกณฺณิยา ภวิตพฺพ’’นฺติ ทฺเว โกฏฺาสา หุตฺวา ยาว ตสฺส มาตาปิตโร วิสุํ โหนฺติ, ตาว วิภชิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ กุเล กาฬกณฺณี อุปฺปนฺนา’’ติ ตสฺส มาตรํ นีหรึสุ.

สาปิ ยาวสฺสา โส กุจฺฉิคโต, ตาว ยาปนมตฺตมฺปิ กิจฺเฉน ลภิตฺวา ปุตฺตํ วิชายิ. ตสฺส หตฺถา จ ปาทา จ อกฺขีนิ จ กณฺณา จ นาสา จ มุขฺจ ยถาาเน น อเหสุํ. โส เอวรูเปน องฺคเวกลฺเลน สมนฺนาคโต ปํสุปิสาจโก วิย อติวิรูโป อโหสิ. เอวํ สนฺเตปิ ตํ มาตา น ปริจฺจชิ. กุจฺฉิยํ วสิตปุตฺตสฺมิฺหิ สิเนโห พลวา โหติ. สา ตํ กิจฺเฉน โปสยมานา ตํ อาทาย คตทิวเส กิฺจิ อลภิตฺวา เคเห กตฺวา สยเมว คตทิวเส ภตึ ลภติ. อถ นํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิตุํ สมตฺถกาเล สา กปาลกํ หตฺเถ เปตฺวา, ‘‘ตาต , มยํ ตํ นิสฺสาย มหาทุกฺขํ ปตฺตา, อิทานิ น สกฺโกมิ ตํ โปเสตุํ, อิมสฺมึ นคเร กปณทฺธิกาทีนํ ปฏิยตฺตภตฺตานิ อตฺถิ, ตตฺถ ภิกฺขาย จริตฺวา ชีวาหี’’ติ ตํ วิสฺสชฺเชสิ. โส ฆรปฏิปาฏิยา จรนฺโต อานนฺทเสฏฺิกาเล นิวุตฺตฏฺานํ คนฺตฺวา ชาติสฺสโร หุตฺวา อตฺตโน เคหํ ปาวิสิ. ตีสุ ปน ทฺวารโกฏฺเกสุ น โกจิ สลฺลกฺเขสิ. จตุตฺเถ ทฺวารโกฏฺเก มูลสิริเสฏฺิโน ปุตฺตกา ทิสฺวา อุพฺพิคฺคหทยา ปโรทึสุ. อถ นํ เสฏฺิปุริสา ‘‘นิกฺขม กาฬกณฺณี’’ติ โปเถตฺวา นีหริตฺวา สงฺการฏฺาเน ขิปึสุ. สตฺถา อานนฺทตฺเถเรน ปจฺฉาสมเณน ปิณฺฑาย จรนฺโต ตํ านํ ปตฺโต เถรํ โอโลเกตฺวา เตน ปุฏฺโ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. เถโร มูลสิรึ ปกฺโกสาเปสิ. อถ มหาชนกาโย สนฺนิปติ. สตฺถา มูลสิรึ อามนฺเตตฺวา ‘‘ชานาสิ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ชานามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ปิตา เต อานนฺทเสฏฺี’’ติ วตฺวา อสทฺทหนฺตํ ‘‘อานนฺทเสฏฺิ ปุตฺตสฺส เต ปฺจ มหานิธิโย อาจิกฺขาหี’’ติ อาจิกฺขาเปตฺวา สทฺทหาเปสิ. โส สตฺถารํ สรณํ อคมาสิ. ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๖๒.

‘‘ปุตฺตา มตฺถิ ธนมฺมตฺถิ, อิติ พาโล วิหฺติ;

อตฺตา หิ อตฺตโน นตฺถิ, กุโต ปุตฺตา กุโต ธน’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ ปุตฺตา เม อตฺถิ, ธนํ เม อตฺถิ, อิติ พาโล ปุตฺตตณฺหาย เจว ธนตณฺหาย จ หฺติ วิหฺติ ทุกฺขยติ, ‘‘ปุตฺตา เม นสฺสึสู’’ติ วิหฺติ, ‘‘นสฺสนฺตี’’ติ วิหฺติ, ‘‘นสฺสิสฺสนฺตี’’ติ วิหฺติ. ธเนปิ เอเสว นโย. อิติ ฉหากาเรหิ วิหฺติ. ‘‘ปุตฺเต โปเสสฺสามี’’ติ รตฺติฺจ ทิวา จ ถลชลปถาทีสุ นานปฺปการโต วายมนฺโตปิ วิหฺติ, ‘‘ธนํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ กสิวาณิชฺชาทีนิ กโรนฺโตปิ วิหฺเตว. เอวํ วิหฺสฺส จ อตฺตา หิ อตฺตโน นตฺถิ เตน วิฆาเตน ทุกฺขิตํ อตฺตานํ สุขิตํ กาตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ปวตฺติยมฺปิสฺส อตฺตา หิ อตฺตโน นตฺถิ, มรณมฺเจ นิปนฺนสฺส มารณนฺติกาหิ เวทนาหิ อคฺคิชาลาหิ วิย ปริฑยฺหมานสฺส ฉิชฺชมาเนสุ สนฺธิพนฺธเนสุ, ภิชฺชมาเนสุ อฏฺิสงฺฆาเฏสุ นิมีเลตฺวา ปรโลกํ อุมฺมีเลตฺวา อิธโลกํ ปสฺสนฺตสฺสาปิ ทิวเส ทิวเส ทฺวิกฺขตฺตุํ นฺหาเปตฺวา ติกฺขตฺตุํ โภเชตฺวา คนฺธมาลาทีหิ อลงฺกริตฺวา ยาวชีวํ โปสิโตปิ สหายภาเวน ทุกฺขปริตฺตาณํ กาตุํ อสมตฺถตาย อตฺตา หิ อตฺตโน นตฺถิ. กุโตปุตฺตา กุโต ธนํ ปุตฺตา วา ธนํ วา ตสฺมึ สมเย กิเมว กริสฺสนฺติ, อานนฺทเสฏฺิโนปิ กสฺสจิ กิฺจิ อทตฺวา ปุตฺตสฺสตฺถาย ธนํ สณฺเปตฺวา ปุพฺเพ วา มรณมฺเจ นิปนฺนสฺส, อิทานิ วา อิมํ ทุกฺขํ ปตฺตสฺส กุโต ปุตฺตา กุโต ธนํ. ปุตฺตา วา ธนํ วา ตสฺมึ สมเย กึ ทุกฺขํ หรึสุ, กึ วา สุขํ อุปฺปาทยึสูติ.

เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

อานนฺทเสฏฺิวตฺถุ ตติยํ.

๔. คณฺิเภทกโจรวตฺถุ

โย พาโลติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต คณฺิเภทกโจเร อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร ทฺเว สหายกา ธมฺมสฺสวนตฺถาย คจฺฉนฺเตน มหาชเนน สทฺธึ เชตวนํ คนฺตฺวา เอโก ธมฺมกถํ อสฺโสสิ, เอโก อตฺตโน คยฺหูปคํ โอโลเกสิ. เตสุ เอโก ธมฺมํ สุณมาโน โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, อิตโร เอกสฺส ทุสฺสนฺเต พทฺธํ ปฺจมาสกมตฺตํ ลภิ. ตสฺส ตํ เคเห ปากภตฺตํ ชาตํ, อิตรสฺส เคเห น ปจฺจติ. อถ นํ สหายกโจโร อตฺตโน ภริยาย สทฺธึ อุปฺปณฺฑยมาโน ‘‘ตฺวํ อติปณฺฑิตตาย อตฺตโน เคเห ปากภตฺตมูลมฺปิ น นิปฺผาเทสี’’ติ อาห. อิตโร ปน ‘‘พาลภาเวเนว วตายํ อตฺตโน ปณฺฑิตภาวํ มฺตี’’ติ ตํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจตุํ าตีหิ สทฺธึ เชตวนํ คนฺตฺวา อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๖๓.

‘‘โย พาโล มฺติ พาลฺยํ, ปณฺฑิโต วาปิ เตน โส;

พาโล จ ปณฺฑิตมานี, ส เว ‘พาโล’ติ วุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ โย พาโลติ โย อนฺธพาโล อปณฺฑิโต สมาโน ‘‘พาโล อห’’นฺติ อตฺตโน พาลฺยํ พาลภาวํ มฺติ ชานาติ. เตน โสติ เตน การเณน โส ปุคฺคโล ปณฺฑิโต วาปิ โหติ ปณฺฑิตสทิโส วา. โส หิ ‘‘พาโล อห’’นฺติ ชานมาโน อฺํ ปณฺฑิตํ อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสนฺโต เตน ปณฺฑิตภาวตฺถาย โอวทิยมาโน อนุสาสิยมาโน ตํ โอวาทํ คณฺหิตฺวา ปณฺฑิโต วา โหติ ปณฺฑิตตโร วา. ส เว พาโลติ โย จ พาโล สมาโน ‘‘โก อฺโ มยา สทิโส พหุสฺสุโต วา ธมฺมกถิโก วา วินยธโร วา ธุตงฺคธโร วา อตฺถี’’ติ เอวํ ปณฺฑิตมานี โหติ. โส อฺํ ปณฺฑิตํ อนุปสงฺกมนฺโต อปยิรุปาสนฺโต เนว ปริยตฺตึ อุคฺคณฺหาติ, น ปฏิปตฺตึ ปูเรติ, เอกนฺตพาลภาวเมว ปาปุณาติ. โส คณฺิเภทกโจโร วิย. เตน วุตฺตํ ‘‘ส เว ‘พาโล’ติ วุจฺจตี’’ติ.

เทสนาปริโยสาเน อิตรสฺส าตเกหิ สทฺธึ มหาชโน โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณีติ.

คณฺิเภทกโจรวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. อุทายิตฺเถรวตฺถุ

ยาวชีวมฺปิ เจ พาโลติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุทายิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร มหาเถเรสุ ปฏิกฺกนฺเตสุ ธมฺมสภํ คนฺตฺวา ธมฺมาสเน นิสีทิ. อถ นํ เอกทิวสํ อาคนฺตุกา ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘อยํ พหุสฺสุโต มหาเถโร ภวิสฺสตี’’ติ มฺมานา ขนฺธาทิปฏิสํยุตฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา กิฺจิ อชานมานํ ‘‘โก เอโส, พุทฺเธหิ สทฺธึ เอกวิหาเร วสมาโน ขนฺธธาตุอายตนมตฺตมฺปิ น ชานาตี’’ติ ครหิตฺวา ตํ ปวตฺตึ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ. สตฺถา เตสํ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๖๔.

‘‘ยาวชีวมฺปิ เจ พาโล, ปณฺฑิตํ ปยิรุปาสติ;

น โส ธมฺมํ วิชานาติ, ทพฺพี สูปรสํ ยถา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ พาโล นาเมส ยาวชีวมฺปิ ปณฺฑิตํ อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสนฺโต ‘‘อิทํ พุทฺธวจนํ, เอตฺตกํ พุทฺธวจน’’นฺติ เอวํ ปริยตฺติธมฺมํ วา ‘‘อยํ จาโร, อยํ วิหาโร, อยํ อาจาโร, อยํ โคจโร, อิทํ สาวชฺชํ, อิทํ อนวชฺชํ, อิทํ เสวิตพฺพํ, อิทํ น เสวิตพฺพํ, อิทํ ปฏิวิชฺฌิตพฺพํ, อิทํ สจฺฉิกาตพฺพ’’นฺติ เอวํ ปฏิปตฺติปฏิเวธธมฺมํ วา น ชานาติ. ยถา กึ? ทพฺพี สูปรสํ ยถาติ. ยถา หิ ทพฺพี ยาว ปริกฺขยา นานปฺปการาย สูปวิกติยา สมฺปริวตฺตมานาปิ ‘‘อิทํ โลณิกํ, อิทํ อโลณิกํ, อิทํ ติตฺตกํ, อิทํ ขาริกํ, อิทํ กฏุกํ, อิทํ อมฺพิลํ, อิทํ อนมฺพิลํ, อิทํ กสาว’’นฺติ สูปรสํ น ชานาติ, เอวเมว พาโล ยาวชีวมฺปิ ปณฺฑิตํ ปยิรุปาสมาโน วุตฺตปฺปการํ ธมฺมํ น ชานาตีติ.

เทสนาวสาเน อาคนฺตุกา ภิกฺขู อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสูติ.

อุทายิตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. ตึสมตฺตปาเวยฺยกภิกฺขุวตฺถุ

มุหุตฺตมปิ เจ วิฺูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตึสมตฺเต ปาเวยฺยเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เตสฺหิ ภควา อิตฺถึ ปริเยสนฺตานํ กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ปมํ ธมฺมํ เทเสสิ. ตทา เต สพฺเพว เอหิภิกฺขุภาวํ ปตฺวา อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา หุตฺวา เตรส ธุตงฺคานิ สมาทาย วตฺตมานา ปุนปิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อนมตคฺคธมฺมเทสนํ สุตฺวา ตสฺมึเยว อาสเน อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ภิกฺขู ‘‘อโห วติเมหิ ภิกฺขูหิ ขิปฺปเมว ธมฺโม วิฺาโต’’ติ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา ตํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ อิเม ตึสมตฺตา สหายกา ธุตฺตา หุตฺวา ตุณฺฑิลชาตเก (ชา. ๑.๖.๘๘ อาทโย) มหาตุณฺฑิลสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวาปิ ขิปฺปเมว ธมฺมํ วิฺาย ปฺจ สีลานิ สมาทิยึสุ, เต เตเนว อุปนิสฺสเยน เอตรหิ นิสินฺนาสเนเยว อรหตฺตํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๖๕.

‘‘มุหุตฺตมปิ เจ วิฺู, ปณฺฑิตํ ปยิรุปาสติ;

ขิปฺปํ ธมฺมํ วิชานาติ, ชิวฺหา สูปรสํ ยถา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ วิฺู ปณฺฑิตปุริโส มุหุตฺตมปิ เจ อฺํ ปณฺฑิตํ ปยิรุปาสติ, โส ตสฺส สนฺติเก อุคฺคณฺหนฺโต ปริปุจฺฉนฺโต ขิปฺปเมว ปริยตฺติธมฺมํ วิชานาติ. ตโต กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา ปฏิปตฺติยํ ฆเฏนฺโต วายมนฺโต ยถา นาม อนุปหตชิวฺหาปสาโท ปุริโส รสวิชานนตฺถํ ชิวฺหคฺเค เปตฺวา เอว โลณิกาทิเภทํ รสํ วิชานาติ, เอวํ ปณฺฑิโต ขิปฺปเมว โลกุตฺตรธมฺมมฺปิ วิชานาตีติ.

เทสนาวสาเน พหู ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ.

ตึสมตฺตปาเวยฺยกภิกฺขุวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. สุปฺปพุทฺธกุฏฺิวตฺถุ

จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สุปฺปพุทฺธกุฏฺึ อารพฺภ กเถสิ. สุปฺปพุทฺธกุฏฺิวตฺถุ อุทาเน (อุทา. ๔๓) อาคตเมว.

ตทา หิ สุปฺปพุทฺธกุฏฺิ ปริสปริยนฺเต นิสินฺโน ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา อตฺตนา ปฏิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจตุกาโม ปริสมชฺเฌ โอคาหิตุํ อวิสหนฺโต มหาชนสฺส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อนุคนฺตฺวา นิวตฺตนกาเล วิหารํ อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก เทวราชา ‘‘อยํ สุปฺปพุทฺธกุฏฺิ อตฺตโน สตฺถุ สาสเน ปฏิลทฺธคุณํ ปากฏํ กาตุกาโม’’ติ ตฺวา ‘‘วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติ คนฺตฺวา อากาเส ิโตว เอตทโวจ – ‘‘สุปฺปพุทฺธ, ตฺวํ มนุสฺสทลิทฺโท มนุสฺสวราโก, อหํ เต อปริยนฺตํ ธนํ ทสฺสามิ, ‘พุทฺโธ น พุทฺโธ, ธมฺโม น ธมฺโม, สงฺโฆ น สงฺโฆ, อลํ เม พุทฺเธน, อลํ เม ธมฺเมน, อลํ เม สงฺเฆนา’ติ วเทหี’’ติ. อถ นํ โส อาห – ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ สกฺโก’’ติ. อนฺธพาล, อหิริก ตฺวํ มยา สทฺธึ กเถตุํ น ยุตฺตรูโป, ตฺวํ มํ ‘‘ทุคฺคโต ทลิทฺโท กปโณ’’ติ วเทสิ, เนวาหํ ทุคฺคโต, น ทลิทฺโท, สุขปฺปตฺโต อหมสฺมิ มหทฺธโน –

‘‘สทฺธาธนํ สีลธนํ, หิรี โอตฺตปฺปิยํ ธนํ;

สุตธนฺจ จาโค จ, ปฺา เว สตฺตมํ ธนํ.

‘‘ยสฺส เอเต ธนา อตฺถิ, อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา;

‘อทลิทฺโท’ติ ตํ อาหุ, อโมฆํ ตสฺส ชีวิต’’นฺติ. (อ. นิ. ๗.๕-๖) –

อิมานิ เม สตฺตวิธอริยธนานิ สนฺติ, เยสฺหิ อิมานิ สตฺต ธนานิ สนฺติ, น เต พุทฺเธหิ วา ปจฺเจกพุทฺเธหิ วา ‘‘ทลิทฺทา’’ติ วุจฺจนฺตีติ. สกฺโก ตสฺส กถํ สุตฺวา ตํ อนฺตรามคฺเค โอหาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ ตํ วจนปฏิวจนํ อาโรเจสิ. อถ นํ ภควา อาห – ‘‘น โข, สกฺก, สกฺกา ตาทิสานํ สเตนปิ สหสฺเสนปิ สุปฺปพุทฺธกุฏฺึ ‘พุทฺโธ น พุทฺโธ’ติ วา, ‘ธมฺโม น ธมฺโม’ติ วา, ‘สงฺโฆ น สงฺโฆ’ติ วา กถาเปตุ’’นฺติ. สุปฺปพุทฺโธปิ โข กุฏฺิ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารา กตปฏิสนฺถาโร สมฺโมทมาโน อตฺตนา ปฏิลทฺธคุณํ อาโรเจตฺวา วุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อถ นํ อจิรปกฺกนฺตํ คาวี ตรุณวจฺฉา ชีวิตา โวโรเปสิ.

สา กิร เอกา ยกฺขินี ปุกฺกุสาติกุลปุตฺตํ, พาหิยํ ทารุจีริยํ, ตมฺพทาิกโจรฆาตกํ, สุปฺปพุทฺธกุฏฺินฺติ อิเมสํ จตุนฺนํ ชนานํ อเนกสเต อตฺตภาเว คาวี หุตฺวา ชีวิตา โวโรเปสิ. เต กิร อตีเต จตฺตาโร เสฏฺิปุตฺตา หุตฺวา เอกํ นครโสภินึ คณิกํ อุยฺยานํ เนตฺวา ทิวสํ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา สายนฺหสมเย เอวํ สมฺมนฺตยึสุ – ‘‘อิมสฺมึ าเน อฺโ นตฺถิ, อิมิสฺสา อมฺเหหิ ทินฺนํ กหาปณสหสฺสฺจ สพฺพฺจ ปสาธนภณฺฑํ คเหตฺวา อิมํ มาเรตฺวา คจฺฉามา’’ติ. สา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิเม นิลฺลชฺชา, มยา สทฺธึ อภิรมิตฺวา อิทานิ มํ มาเรตุกามา, ชานิสฺสามิ เนสํ กตฺตพฺพยุตฺตก’’นฺติ เตหิ มาริยมานา ‘‘อหํ ยกฺขินี หุตฺวา ยถา มํ เอเต มาเรนฺติ, เอวเมว เต มาเรตุํ สมตฺถา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. ตสฺส นิสฺสนฺเทน อิเม มาเรสิ. สมฺพหุลา ภิกฺขู ตสฺส กาลกิริยํ ภควโต อาโรเจตฺวา ‘‘ตสฺส กา คติ, เกน จ การเณน กุฏฺิภาวํ ปตฺโต’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ตสฺส ตาวตึสภวเน อุปฺปนฺนภาวฺจ ตครสิขิปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา นิฏฺุภิตฺวา อปสพฺยํ กตฺวา ทีฆรตฺตํ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อิทานิ กุฏฺิภาวปฺปตฺติฺจ พฺยากริตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อิเม สตฺตา อตฺตนาว อตฺตโน กฏุกวิปากกมฺมํ กโรนฺตา วิจรนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา อุตฺตริ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๖๖.

‘‘จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธา, อมิตฺเตเนว อตฺตนา;

กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ, ยํ โหติ กฏุกปฺผล’’นฺติ.

ตตฺถ จรนฺตีติ จตูหิ อิริยาปเถหิ อกุสลเมว กโรนฺตา วิจรนฺติ. พาลาติ อิธโลกตฺถฺจ ปรโลกตฺถฺจ อชานนฺตา อิธ พาลา นาม. ทุมฺเมธาติ ทุปฺปฺา. อมิตฺเตเนวอตฺตนาติ อตฺตนา อมิตฺตภูเตน วิย เวรินา หุตฺวา. กฏุกปฺผลนฺติ ติขิณผลํ ทุกฺขผลนฺติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สุปฺปพุทฺธกุฏฺิวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. กสฺสกวตฺถุ

น ตํ กมฺมํ กตํ สาธูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กสฺสกํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร สาวตฺถิโต อวิทูเร เอกํ เขตฺตํ กสติ. โจรา อุทกนิทฺธมเนน นครํ ปวิสิตฺวา เอกสฺมึ อฑฺฒกุเล อุมงฺคํ ภินฺทิตฺวา พหุํ หิรฺสุวณฺณํ คเหตฺวา อุทกนิทฺธมเนเนว นิกฺขมึสุ. เอโก โจโร เต วฺเจตฺวา เอกํ สหสฺสตฺถวิกํ โอวฏฺฏิกาย กตฺวา ตํ เขตฺตํ คนฺตฺวา เตหิ สทฺธึ ภณฺฑํ ภาเชตฺวา อาทาย คจฺฉนฺโต โอวฏฺฏิกโต ปตมานํ สหสฺสตฺถวิกํ น สลฺลกฺเขสิ. ตํ ทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ กสฺสกํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโตปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธารยมาโน อิทํ อทฺทส – ‘‘อยํ กสฺสโก ปาโตว กสิตุํ คมิสฺสติ, ภณฺฑสามิกา โจรานํ อนุปทํ คนฺตฺวา โอวฏฺฏิกโต ปตมานํ สหสฺสตฺถวิกํ ทิสฺวา เอตํ คณฺหิสฺสนฺติ, มํ เปตฺวา ตสฺส อฺโ สกฺขี นาม น ภวิสฺสติ, โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสโยปิสฺส อตฺถิ, ตตฺถ มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โสปิ กสฺสโก ปาโตว กสิตุํ คโต. สตฺถา อานนฺทตฺเถเรน ปจฺฉาสมเณน ตตฺถ อคมาสิ. กสฺสโก สตฺถารํ ทิสฺวา คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปุน กสิตุํ อารภิ. สตฺถา เตน สทฺธึ กิฺจิ อวตฺวาว สหสฺสตฺถวิกาย ปติตฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘ปสฺส, อานนฺท, อาสีวิโส’’ติ. ‘‘ปสฺสามิ, ภนฺเต, โฆรวิโส’’ติ.

กสฺสโก ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘มม เวลาย วา อเวลาย วา วิจรณฏฺานเมตํ, อาสีวิโส กิเรตฺถ อตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถริ เอตฺตกํ วตฺวา ปกฺกนฺเต ‘‘มาเรสฺสามิ น’’นฺติ ปโตทลฏฺึ อาทาย คโต สหสฺสภณฺฑิกํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ สนฺธาย สตฺถารา กถิตํ ภวิสฺสตี’’ติ ตํ อาทาย นิวตฺโต, อพฺยตฺตตาย เอกมนฺเต เปตฺวา ปํสุนา ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปุน กสิตุํ อารภิ. มนุสฺสา จ วิภาตาย รตฺติยา เคเห โจเรหิ กตกมฺมํ ทิสฺวา ปทานุปทํ คจฺฉนฺตา ตํ เขตฺตํ คนฺตฺวา ตตฺถ โจเรหิ ภณฺฑสฺส ภาชิตฏฺานํ ทิสฺวา กสฺสกสฺส ปทวลฺชํ อทฺทสํสุ. เต ตสฺส ปทานุสาเรน คนฺตฺวา ถวิกาย ปิตฏฺานํ ทิสฺวา ปํสุํ วิยูหิตฺวา ถวิกํ อาทาย ‘‘ตฺวํ เคหํ วิลุมฺปิตฺวา เขตฺตํ กสมาโน วิย วิจรสี’’ติ ตชฺเชตฺวา โปเถตฺวา เนตฺวา รฺโ ทสฺสยึสุ. ราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ตสฺส วธํ อาณาเปสิ. ราชปุริสา ตํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา กสาหิ ตาเฬนฺตา อาฆาตนํ นยึสุ. โส กสาหิ ตาฬิยมาโน อฺํ กิฺจิ อวตฺวา ‘‘ปสฺสานนฺท, อาสีวิโสติ, ปสฺสามิ ภควา โฆรวิโส’’ติ วทนฺโต คจฺฉติ. อถ นํ ราชปุริสา ‘‘ตฺวํ สตฺถุ เจว อานนฺทตฺเถรสฺส จ กถํ กเถสิ, กึ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา – ‘‘ราชานํ ทฏฺุํ ลภมาโน กเถสฺสามี’’ติ วุตฺเต รฺโ สนฺติกํ เนตฺวา รฺโ ตํ ปวตฺตึ กถยึสุ. อถ นํ ราชา ‘‘กสฺมา เอวํ กเถสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘นาหํ, เทว, โจโร’’ติ วตฺวา กสนตฺถาย นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาจิกฺขิ. ราชา ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘อยํ ภเณ โลเก อคฺคปุคฺคลํ สตฺถารํ สกฺขึ อปทิสติ, น ยุตฺตํ เอตสฺส โทสํ อาโรเปตุํ, อหเมตฺถ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ ตํ อาทาย สายนฺหสมเย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภควา กจฺจิ ตุมฺเห อานนฺทตฺเถเรน สทฺธึ เอตสฺส กสฺสกสฺส กสนฏฺานํ คตา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กึ โว ตตฺถ ทิฏฺ’’นฺติ? ‘‘สหสฺสตฺถวิกา, มหาราชา’’ติ. ‘‘ทิสฺวา กึ อโวจุตฺถา’’ติ? ‘‘อิทํ นาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, สจายํ ปุริโส ตุมฺหาทิสํ อปทิสํ นากริสฺส, น ชีวิตํ อลภิสฺส, ตุมฺเหหิ ปน กถิตกถํ กเถตฺวา เตน ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘อาม, มหาราช, อหมฺปิ เอตฺตกเมว วตฺวา คโต, ปณฺฑิเตน นาม ยํ กมฺมํ กตฺวา ปจฺฉานุตปฺปํ โหติ, ตํ น กตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๖๗.

‘‘น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ;

ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ, วิปากํ ปฏิเสวตี’’ติ.

ตตฺถ น ตํ กมฺมนฺติ ยํ นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตนสมตฺถํ ทุกฺขุทฺรยํ กมฺมํ กตฺวา อนุสฺสรนฺโต อนุสฺสริตานุสฺสริตกฺขเณ อนุตปฺปติ อนุโสจติ, ตํ กตํ น สาธุ น สุนฺทรํ นิรตฺถกํ. ยสฺส อสฺสุมุโขติ ยสฺส อสฺสูหิ ตินฺตมุโข โรทนฺโต วิปากํ อนุโภตีติ.

เทสนาวสาเน กสฺสโก อุปาสโก โสตาปตฺติผลํ ปตฺโต, สมฺปตฺตภิกฺขูปิ โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

กสฺสกวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. สุมนมาลาการวตฺถุ

ตฺจ กมฺมํ กตํ สาธูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สุมนํ นาม มาลาการํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร เทวสิกํ พิมฺพิสารราชานํ ปาโตว อฏฺหิ สุมนปุปฺผนาฬีหิ อุปฏฺหนฺโต อฏฺ กหาปเณ ลภติ. อเถกทิวสํ ตสฺมึ ปุปฺผานิ คเหตฺวา นครํ ปวิฏฺมตฺเต ภควา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ฉพฺพณฺณรํสิโย วิสฺสชฺเชตฺวา มหตา พุทฺธานุภาเวน มหติยา พุทฺธลีฬาย นครํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ภควา หิ เอกทา ฉพฺพณฺณรํสิโย จีวเรน ปฏิจฺฉาเทตฺวา อฺตโร ปิณฺฑปาติโก วิย จรติ ตึสโยชนมคฺคํ องฺคุลิมาลสฺส ปจฺจุคฺคมนํ คจฺฉนฺโต วิย, เอกทา ฉพฺพณฺณรํสิโย วิสฺสชฺเชตฺวา กปิลวตฺถุปฺปเวสนาทีสุ วิย. ตสฺมิมฺปิ ทิวเส สรีรโต ฉพฺพณฺณรํสิโย วิสฺสชฺเชนฺโต มหนฺเตน พุทฺธานุภาเวน มหติยา พุทฺธลีฬาย ราชคหํ ปาวิสิ. มาลากาโร ภควโต รตนคฺฆิยสทิสํ อตฺตภาวํ ทิสฺวา ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีตานุพฺยฺชนสรีรโสภคฺคํ โอโลเกตฺวา ปสนฺนจิตฺโต ‘‘กึ นุ โข สตฺถุ อธิการํ กโรมี’’ติ จินฺเตตฺวา อฺํ อปสฺสนฺโต ‘‘อิเมหิ ปุปฺเผหิ ภควนฺตํ ปูเชสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุน จินฺเตสิ – ‘‘อิมานิ รฺโ นิพทฺธํ อุปฏฺานปุปฺผานิ, ราชา อิมานิ อลภนฺโต มํ พนฺธาเปยฺย วา ฆาตาเปยฺย วา รฏฺโต วา ปพฺพาเชยฺย, กึ นุ โข กโรมี’’ติ? อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘ราชา มํ ฆาเตตุ วา พนฺธาเปตุ วา รฏฺโต ปพฺพาเชตุ วา, โส หิ มยฺหํ ททมาโนปิ อิมสฺมึ อตฺตภาเว ชีวิตมตฺตํ ธนํ ทเทยฺย, สตฺถุปูชา ปน เม อเนกาสุ กปฺปโกฏีสุ อลํ หิตาย เจว สุขาย จา’’ติ อตฺตโน ชีวิตํ ตถาคตสฺส ปริจฺจชิ.

โส ‘‘ยาว เม ปสนฺนํ จิตฺตํ น ปติกุฏติ, ตํ ตาวเทว ปูชํ กริสฺสามี’’ติ หฏฺตุฏฺโ อุทคฺคุทคฺโค สตฺถารํ ปูเชสิ. กถํ? ปมํ ตาว ทฺเวว ปุปฺผมุฏฺิโย ตถาคตสฺส อุปริ ขิปิ, ตา อุปริมตฺถเก วิตานํ หุตฺวา อฏฺํสุ. อปรา ทฺเว มุฏฺิโย ขิปิ, ตา ทกฺขิณหตฺถปสฺเสน มาลาปฏจฺฉนฺเนน โอตริตฺวา อฏฺํสุ. อปรา ทฺเว มุฏฺิโย ขิปิ, ตา ปิฏฺิปสฺเสน โอตริตฺวา ตเถว อฏฺํสุ. อปรา ทฺเว มุฏฺิโย ขิปิ, ตา วามหตฺถปสฺเสน โอตริตฺวา ตเถว อฏฺํสุ. เอวํ อฏฺ นาฬิโย อฏฺ มุฏฺิโย หุตฺวา จตูสุ าเนสุ ตถาคตํ ปริกฺขิปึสุ. ปุรโต คมนทฺวารมตฺตเมว อโหสิ. ปุปฺผานํ วณฺฏานิ อนฺโต อเหสุํ, ปตฺตานิ พหิมุขานิ. ภควา รชตปตฺตปริกฺขิตฺโต วิย หุตฺวา ปายาสิ. ปุปฺผานิ อจิตฺตกานิปิ สจิตฺตกํ นิสฺสาย สจิตฺตกานิ วิย อภิชฺชิตฺวา อปติตฺวา สตฺถารา สทฺธึเยว คจฺฉนฺติ, ิติตฏฺาเน ติฏฺนฺติ. สตฺถุ สรีรโต สตสหสฺสวิชฺชุลตา วิย รํสิโย นิกฺขมึสุ. ปุรโต จ ปจฺฉโต จ ทกฺขิณโต จ วามโต จ สีสมตฺถกโต จ นิรนฺตรํ นิกฺขนฺตรํสีสุ เอกาปิ สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนเนว อปลายิตฺวา สพฺพาปิ สตฺถารํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ตรุณตาลกฺขนฺธปฺปมาณา หุตฺวา ปุรโต เอว ธาวนฺติ. สกลนครํ สงฺขุภิ. อนฺโตนคเร นว โกฏิโย, พหินคเร นว โกฏิโยติ อฏฺารสสุ โกฏีสุ เอโกปิ ปุริโส วา อิตฺถี วา ภิกฺขํ คเหตฺวา อนิกฺขนฺโต นาม นตฺถิ. มหาชโน สีหนาทํ นทนฺโต เจลุกฺเขปสหสฺสานิ กโรนฺโต สตฺถุ ปุรโตว คจฺฉติ. สตฺถาปิ มาลาการสฺส คุณํ ปากฏํ กาตุํ ติคาวุตปฺปมาเณ นคเร เภริจรณมคฺเคเนว อจริ. มาลาการสฺส สกลสรีรํ ปฺจวณฺณาย ปีติยา ปริปูริ.

โส โถกฺเว ตถาคเตน สทฺธึ จริตฺวา มโนสิลารเส นิมุคฺโค วิย พุทฺธรสฺมีนํ อนฺโต ปวิฏฺโ สตฺถารํ โถเมตฺวา วนฺทิตฺวา ตุจฺฉปจฺฉิเมว คเหตฺวา เคหํ อคมาสิ. อถ นํ ภริยา ปุจฺฉิ ‘‘กหํ ปุปฺผานี’’ติ? ‘‘สตฺถา เม ปูชิโต’’ติ. ‘‘รฺโ ทานิ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘ราชา มํ ฆาเตตุ วา รฏฺโต วา นีหรตุ, อหํ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา สตฺถารํ ปูเชสึ, สพฺพปุปฺผานิ อฏฺ มุฏฺิโยว อเหสุํ, เอวรูปา นาม ปูชา ชาตา. มหาชโน อุกฺกุฏฺิสหสฺสานิ กโรนฺโต สตฺถารา สทฺธึ จรติ, โย เอส มหาชนสฺส อุกฺกุฏฺิสทฺโท, ตสฺมึ าเน เอโส’’ติ. อถสฺส ภริยา อนฺธพาลตาย เอวรูเป ปาฏิหาริเย ปสาทํ นาม อชเนตฺวา ตํ อกฺโกสิตฺวา ปริภาสิตฺวา ‘‘ราชาโน นาม จณฺฑา, สกึ กุทฺธา หตฺถปาทาทิจฺเฉทเนน พหุมฺปิ อนตฺถํ กโรนฺติ, ตยา กตกมฺเมน มยฺหมฺปิ อนตฺโถ สิยา’’ติ ปุตฺเต อาทาย ราชกุลํ คนฺตฺวา รฺา ปกฺโกสิตฺวา ‘‘กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิตา อาห – ‘‘มม สามิโก ตุมฺหากํ อุปฏฺานปุปฺเผหิ สตฺถารํ ปูเชตฺวา ตุจฺฉหตฺโถ ฆรํ อาคนฺตฺวา ‘กหํ ปุปฺผานี’ติ มยา ปุฏฺโ อิทํ นาม วเทสิ, อหํ ตํ ปริภาสิตฺวา ‘ราชาโน นาม จณฺฑา, สกึ กุทฺธา หตฺถปาทาทิจฺเฉทเนน พหุมฺปิ อนตฺถํ กโรนฺติ, ตยา กตกมฺเมน มยฺหมฺปิ อนตฺโถ สิยา’ติ ตํ ฉฑฺเฑตฺวา อิธาคตา, เตน กตํ กมฺมํ สุกตํ วา โหตุ, ทุกฺกฏํ วา, ตสฺเสเวตํ, มยา ตสฺส ฉฑฺฑิตภาวํ ชานาหิ, เทวา’’ติ. ราชา ปมทสฺสเนเนว โสตาปตฺติผลํ ปตฺโต สทฺโธ ปสนฺโน อริยสาวโก จินฺเตสิ – ‘‘อโห อยํ อิตฺถี อนฺธพาลา, เอวรูเป คุเณ ปสาทํ น อุปฺปาเทสี’’ติ. โส กุทฺโธ วิย หุตฺวา, ‘‘อมฺม, กึ วเทสิ, มยฺหํ อุปฏฺานปุปฺเผหิ เตน ปูชา กตา’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘ภทฺทกํ เต กตํ ตํ ฉฑฺเฑนฺติยา, มม ปุปฺเผหิ ปูชาการสฺส อหํ กตฺตพฺพยุตฺตกํ ชานิสฺสามี’’ติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา เวเคน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา สตฺถารา สทฺธึเยว วิจริ.

สตฺถา รฺโ จิตฺตปฺปสาทํ ตฺวา เภริจรณวีถิยา นครํ จริตฺวา รฺโ ฆรทฺวารํ อคมาสิ. ราชา ปตฺตํ คเหตฺวา สตฺถารํ เคหํ ปเวเสตุกาโม อโหสิ. สตฺถา ปน ราชงฺคเณเยว นิสีทนาการํ ทสฺเสสิ . ราชา ตํ ตฺวา ‘‘สีฆํ มณฺฑปํ กโรถา’’ติ ตงฺขณฺเว มณฺฑปํ การาเปสิ. นิสีทิ สตฺถา สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. กสฺมา ปน สตฺถา ราชเคหํ น ปาวิสิ?

เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สจาหํ อนฺโต ปวิสิตฺวา นิสีเทยฺยํ, มหาชโน มํ ทฏฺุํ น ลเภยฺย, มาลาการสฺส คุโณ ปากโฏ น ภเวยฺย, ราชงฺคเณ ปน มํ นิสินฺนํ มหาชโน ทฏฺุํ ลภิสฺสติ, มาลาการสฺส คุโณ ปากโฏ ภวิสฺสตี’’ติ. คุณวนฺตานฺหิ คุณํ พุทฺธา เอว ปากฏํ กาตุํ สกฺโกนฺติ, อวเสสชโน คุณวนฺตานํ คุณํ กเถนฺโต มจฺฉรายติ. จตฺตาโร ปุปฺผปฏา จตุทฺทิสํ อฏฺํสุ. มหาชโน สตฺถารํ ปริวาเรสิ. ราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตนาหาเรน ปริวิสิ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ กตฺวา ปุริมนเยเนว จตูหิ ปุปฺผปเฏหิ ปริกฺขิตฺโต สีหนาทํ นทนฺโต มหาชเนน ปริวุโต วิหารํ อคมาสิ. ราชา สตฺถารํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺโต มาลาการํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘มม อาหริตปุปฺเผหิ กินฺติ กตฺวา สตฺถารํ ปูเชสี’’ติ ปุจฺฉิ. มาลากาโร ‘‘ราชา มํ ฆาเตตุ วา รฏฺโต วา ปพฺพาเชตูติ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ปูเชสึ เทวา’’ติ อาห. ราชา ‘‘ตฺวํ มหาปุริโส นามา’’ติ วตฺวา อฏฺ หตฺถี จ อสฺเส จ ทาเส จ ทาสิโย จ มหาปสาธนานิ จ อฏฺ กหาปณสหสฺสานิ จ ราชกุลโต นีหริตฺวา สพฺพาลงฺการปฺปฏิมณฺฑิตา อฏฺ นาริโย จ อฏฺ คามวเร จาติ อิทํ สพฺพฏฺกํ นาม ทานํ อทาสิ.

อานนฺทตฺเถโร จินฺเตสิ – ‘‘อชฺช ปาโตว ปฏฺาย สีหนาทสหสฺสานิ เจว เจลุกฺเขปสหสฺสานิ จ ปวตฺตนฺติ, โก นุ โข มาลาการสฺส วิปาโก’’ติ? โส สตฺถารํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘อานนฺท, อิมินา มาลากาเรน อปฺปมตฺตกํ กมฺมํ กต’’นฺติ มา สลฺลกฺเขสิ, อยฺหิ มยฺหํ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ปูชํ อกาสิ. โส เอวํ มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา –

‘‘กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ น คมิสฺสติ;

ตฺวา เทวมนุสฺเสสุ, ผลํ เอตสฺส กมฺมุโน;

ปจฺฉา ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ, สุมโน นาม ภวิสฺสตี’’ติ. –

อาห. สตฺถุ ปน วิหารํ คนฺตฺวา คนฺธกุฏิปวิสนกาเล ตานิ ปุปฺผานิ ทฺวารโกฏฺเก ปตึสุ. สายนฺหสมเย ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห อจฺฉริยํ มาลาการสฺส กมฺมํ, ธรมานกพุทฺธสฺส ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ปุปฺผปูชํ กตฺวา ตงฺขณฺเว สพฺพฏฺกํ นาม ลภตี’’ติ. สตฺถา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ติณฺณํ คมนานํ อฺตเรน คมเนน ธมฺมสภํ คนฺตฺวา พุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ยสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา ปจฺฉานุตปฺปํ น โหติ, อนุสฺสริตานุสฺสริตกฺขเณ โสมนสฺสเมว อุปฺปชฺชติ, เอวรูปํ กมฺมํ กตฺตพฺพเมวา’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๖๘.

‘‘ตฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ;

ยสฺส ปตีโต สุมโน, วิปากํ ปฏิเสวตี’’ติ.

ตตฺถ ยํ กตฺวาติ ยํ เทวมนุสฺสสมฺปตฺตีนฺเจว นิพฺพานสมฺปตฺติยา จ นิพฺพตฺตนสมตฺถํ สุขุทฺรยํ กมฺมํ กตฺวา นานุตปฺปติ, อถ โข ทิฏฺธมฺเมเยว อนุสฺสริตานุสฺสริตกฺขเณเยว ปีติเวเคน ปตีโต โสมนสฺสเวเคน จ สุมโน หุตฺวา อายตึ ปีติโสมนสฺสชาโต หุตฺวา วิปากํ ปฏิเสวติ, ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ ภทฺทกนฺติ.

เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

สุมนมาลาการวตฺถุ นวมํ.

๑๐. อุปฺปลวณฺณตฺเถรีวตฺถุ

มธุวามฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุปฺปลวณฺณตฺเถรึ อารพฺภ กเถสิ.

สา กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส ปาทมูเล ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ ปุฺานิ กุรุมานา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เทวโลกโต จวิตฺวา สาวตฺถิยํ เสฏฺิกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. นีลุปฺปลคพฺภสมานวณฺณตาย จสฺสา อุปฺปลวณฺณาตฺเวว นามํ อกํสุ. อถสฺสา วยปฺปตฺตกาเล สกลชมฺพุทีเป ราชาโน จ เสฏฺิโน จ เสฏฺิสฺส สนฺติกํ สาสนํ ปหิณึสุ – ‘‘ธีตรํ อมฺหากํ เทตู’’ติ . อปหิณนฺโต นาม นาโหสิ. ตโต เสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สพฺเพสํ มนํ คเหตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อุปายํ ปเนกํ กริสฺสามี’’ติ ธีตรํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อมฺม, ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ อาห. ตสฺสา ปจฺฉิมภวิกตฺตา ตํ วจนํ สีเส อาสิตฺตํ สตปากเตลํ วิย อโหสิ. ตสฺมา ปิตรํ ‘‘ปพฺพชิสฺสามิ, ตาตา’’ติ อาห. โส ตสฺสา มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา ภิกฺขุนีอุปสฺสยํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ . ตสฺสา อจิรปพฺพชิตาย เอว อุโปสถาคาเร กาลวาโร ปาปุณิ. สา ทีปํ ชาเลตฺวา อุโปสถาคารํ สมฺมชฺชิตฺวา ทีปสิขาย นิมิตฺตํ คณฺหิตฺวา ิตาว ปุนปฺปุนํ โอโลกยมานา เตโชกสิณารมฺมณํ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตเมว ปาทกํ กตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ สทฺธึ ปฏิสมฺภิทาหิ เจว อภิฺาหิ จ.

สา อปเรน สมเยน ชนปทจาริกํ จริตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา อนฺธวนํ ปาวิสิ. ตทา ภิกฺขุนีนํ อรฺวาโส อปฺปฏิกฺขิตฺโต โหติ. อถสฺสา ตตฺถ กุฏิกํ กตฺวา มฺจกํ ปฺาเปตฺวา สาณิยา ปริกฺขิปึสุ. สา สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา นิกฺขมิ. มาตุลปุตฺโต ปนสฺสา นนฺทมาณโว นาม คิหิกาลโต ปฏฺาย ปฏิพทฺธจิตฺโต. โส ตสฺสา อาคตภาวํ สุตฺวา เถริยา อาคมนโต ปุเรตรเมว อนฺธวนํ คนฺตฺวา ตํ กุฏิกํ ปวิสิตฺวา เหฏฺามฺจเก นิลีโน เถริยา อาคนฺตฺวา กุฏิกํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย มฺจเก นิสินฺนมตฺตาย พหิ อาตปโต อาคตตฺตา จกฺขุปเถ อนฺธกาเร อวิคเตเยว เหฏฺามฺจกโต นิกฺขมิตฺวา มฺจกํ อภิรุยฺห ‘‘มา นสฺสิ พาล, มา นสฺสิ พาลา’’ติ เถริยา วาริยมาโนเยว อภิภวิตฺวา อตฺตนา ปตฺถิตกมฺมํ กตฺวา ปายาสิ. อถสฺส อคุณํ ธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี วิย มหาปถวี ทฺเวธา ภิชฺชิ. โส ปถวึ ปวิฏฺโ คนฺตฺวา มหาอวีจิมฺหิ เอว นิพฺพตฺติ. เถรีปิ ตมตฺถํ ภิกฺขุนีนํ อาโรเจสิ. ภิกฺขุนิโย ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ภิกฺขู ภควโต อาโรจยึสุ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุภิกฺขูนี อุปาสกอุปาสิกาสุ โย โกจิ พาโล ปาปกมฺมํ กโรนฺโต มธุสกฺขราทีสุ กิฺจิ เทว มธุรรสํ ขาทมาโน ปุริโส วิย ตุฏฺหฏฺโ อุทคฺคุทคฺโค วิย กโรตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๖๙.

‘‘มธุวา มฺติ พาโล, ยาว ปาปํ น ปจฺจติ;

ยทา จ ปจฺจติ ปาปํ, พาโล ทุกฺขํ นิคจฺฉตี’’ติ.

ตตฺถ มธุวาติ พาลสฺส หิ ปาปํ อกุสลกมฺมํ กโรนฺตสฺส ตํ กมฺมํ มธุ วิย มธุรรสํ วิย อิฏฺํ กนฺตํ มนาปํ วิย อุปฏฺาติ. อิติ นํ โส มธุํว มฺติ. ยาวาติ ยตฺตกํ กาลํ. ปาปํ น ปจฺจตีติ ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา วิปากํ น เทติ, ตาว นํ เอวํ มฺติ. ยทา จาติ ยทา ปนสฺส ทิฏฺธมฺเม วา วิวิธา กมฺมการณา กยิรมานสฺส, สมฺปราเย วา นิรยาทีสุ มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตสฺส ตํ ปาปํ ปจฺจติ, อถ โส พาโล ทุกฺขํ นิคจฺฉติ วินฺทติ ปฏิลภตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ.

อปเรน ปน สมเยน ธมฺมสภายํ มหาชโน กถํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘ขีณาสวาปิ มฺเ กามสุขํ สาทิยนฺติ, กามํ เสวนฺติ, กึ น เสวิสฺสนฺติ, น หิ เอเต โกฬาปรุกฺขา, น จ วมฺมิกา อลฺลมํสสรีราว, ตสฺมา เอเตปิ กามสุขํ สาทิยนฺติ, กามํ เสวนฺตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘น, ภิกฺขเว, ขีณาสวา กามสุขํ สาทิยนฺติ, น กามํ เสวนฺติ. ยถา หิ ปทุมปตฺเต ปติตํ อุทกพินฺทุ, น วิลิมฺปติ, น สณฺาติ, วินิวตฺเตตฺวา ปตเตว, ยถา จ อารคฺเค สาสโป น วิลิมฺปติ, น สณฺาติ, วินิวตฺเตตฺวา ปตเตว, เอวํ ขีณาสวสฺส จิตฺเต ทุวิโธปิ กาโม น วิลิมฺปติ, น สณฺาตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ พฺราหฺมณวคฺเค คาถมาห –

‘‘วาริ โปกฺขรปตฺเตว, อารคฺเคริว สาสโป;

โย น ลิมฺปติ กาเมสุ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๐๑);

อิมิสฺสา อตฺโถ พฺราหฺมณวคฺเคเยว อาวิ ภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ราชานํ ปเสนทิโกสลํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘มหาราช, อิมสฺมึ สาสเน ยเถว กุลปุตฺตา, เอวํ กุลธีตโรปิ มหนฺตํ าติคณฺจ โภคกฺขนฺธฺจ ปหาย ปพฺพชิตฺวา อรฺเ วิหรนฺติ. ตา เอวํ วิหรมานา ราครตฺตา ปาปปุคฺคลา โอมานาติมานวเสน วิเหเนฺติปิ, พฺรหฺมจริยนฺตรายมฺปิ ปาเปนฺติ, ตสฺมา ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส อนฺโตนคเร วสนฏฺานํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา นครสฺส เอกปสฺเส ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส วสนฏฺานํ การาเปสิ. ตโต ปฏฺาย ภิกฺขุนิโย อนฺโตคาเมเยว วสนฺตีติ.

อุปฺปลวณฺณตฺเถรีวตฺถุ ทสมํ.

๑๑. ชมฺพุกตฺเถรวตฺถุ

มาเส มาเสติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ชมฺพุกํ อาชีวกํ อารพฺภ กเถสิ.

อตีเต กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล คามวาสี เอโก กุฏุมฺพิโก เอกสฺส เถรสฺส วิหารํ กตฺวา ตํ ตตฺถ วิหรนฺตํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิ. เถโร ตสฺส เคเห นิพทฺธํ ภุฺชติ. อเถโก ขีณาสโว ภิกฺขุ ทิวา ปิณฺฑาย จรนฺโต ตสฺส เคหทฺวารํ ปาปุณิ. กุฏุมฺพิโก ตํ ทิสฺวา ตสฺส อิริยาปเถ ปสนฺโน เคหํ ปเวเสตฺวา สกฺกจฺจํ ปณีเตน โภชเนน ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ สาฏกํ รชิตฺวา นิวาเสยฺยาถา’’ติ มหนฺตํ สาฏกํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เกสา โว ทีฆา, ตุมฺหากํ เกโสโรปนตฺถาย นฺหาปิตํ อาเนสฺสามิ, สยนตฺถาย จ โว มฺจกํ คาหาเปตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ อาห. นิพทฺธํ เคเห ภุฺชนฺโต กุลูปโก ภิกฺขุ ตํ ตสฺส สกฺการํ ทิสฺวา จิตฺตํ ปสาเทตุํ นาสกฺขิ, ‘‘อยํ ตํ มุหุตฺตํ ทิฏฺกสฺส เอวรูปํ สกฺการํ กโรติ, นิพทฺธํ เคเห ภุฺชนฺตสฺส ปน มยฺหํ น กโรตี’’ติ จินฺเตตฺวา วิหารํ อคมาสิ. อิตโรปิ เตเนว สทฺธึ คนฺตฺวา กุฏุมฺพิเกน ทินฺนสาฏกํ รชิตฺวา นิวาเสสิ. กุฏมฺพิโกปิ นฺหาปิตํ อาทาย คนฺตฺวา เถรสฺส เกเส โอหาราเปตฺวา มฺจกํ อตฺถราเปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึเยว มฺจเก สยถา’’ติ วตฺวา ทฺเวปิ เถเร สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา ปกฺกามิ.

เนวาสิโก ตสฺส ตํ สกฺการํ กยิรมานํ อธิวาเสตุํ นาสกฺขิ. อถสฺส โส สายํ เถรสฺส นิปนฺนฏฺานํ คนฺตฺวา จตูหากาเรหิ เถรํ อกฺโกสิ, ‘‘อาวุโส, อาคนฺตุก กุฏุมฺพิกสฺส เต เคเห ภตฺตํ ภุฺชนโต วรตรํ มีฬฺหํ ขาทิตุํ, กุฏุมฺพิเกน อานีตนฺหาปิเตน เกโสหาราปนโต วรตรํ ตาลฏฺิเกน เกเส ลุฺจาเปตุํ. กุฏุมฺพิเกน ทินฺนสาฏกนิวาสนโต วรตรํ นคฺเคน วิจริตุํ, กุฏุมฺพิเกน อาภตมฺจเก นิปชฺชนโต วรตรํ ภูมิยํ นิปชฺชิตุ’’นฺติ. เถโรปิ ‘‘มา เอส พาโล มํ นิสฺสาย นสฺสี’’ติ นิมนฺตนํ อนาทิยิตฺวา ปาโตว อุฏฺาย ยถาสุขํ อคมาสิ . เนวาสิโกปิ ปาโตว วิหาเร กตฺตพฺพวตฺตํ กตฺวา ภิกฺขาจารเวลาย ‘‘อิทานิปิ อาคนฺตุโก นิทฺทายติ, ฆณฺฑิกสทฺเทน ปพุชฺเฌยฺยา’’ติ สฺาย นขปิฏฺเเนว ฆณฺฑึ ปหริตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. กุฏุมฺพิโกปิ สกฺการํ กตฺวา เถรานํ อาคมนมคฺคํ โอโลเกนฺโต เนวาสิกํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, เถโร กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิ. อถ นํ เนวาสิโก ‘‘มา, อาวุโส, กิฺจิ อวจ, ตุยฺหํ กุลูปโก หิยฺโย, ตว นิกฺขนฺตเวลาย โอวรกํ ปวิสิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกนฺโต ปาโตว อุฏฺาย มม วิหารสมฺมชฺชนสทฺทมฺปิ ปานียฆฏปริโภชนียฆเฏสุ อุทกสิฺจนสทฺทมฺปิ ฆณฺฑิกสทฺทมฺปิ กโรนฺตสฺส น ชานาตี’’ติ อาห. กุฏุมฺพิโก จินฺเตสิ – ‘‘ตาทิสาย อิริยาปถสมฺปตฺติยา สมนฺนาคตสฺส เม อยฺยสฺส ยาว อิมมฺหา กาลา นิทฺทายนํ นาม นตฺถิ, มํ ปน ตสฺส สกฺการํ กโรนฺตํ ทิสฺวา อทฺธา อิมินา ภทนฺเตน กิฺจิ วุตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส อตฺตโน ปณฺฑิตภาเวน ตํ สกฺกจฺจํ โภเชตฺวา ตสฺส ปตฺตํ สาธุกํ โธวิตฺวา นานคฺครสโภชนสฺส ปูเรตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สเจ เม อยฺยํ ปสฺเสยฺยาถ, อิมมสฺส ปิณฺฑปาตํ ทเทยฺยาถา’’ติ อาห.

อิตโร ตํ คเหตฺวาว จินฺเตสิ – ‘‘สเจ โส เอวรูปํ ปิณฺฑปาตํ ภุฺชิสฺสติ, อิมสฺมึเยว าเน ปลุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ อนฺตรามคฺเค ตํ ปิณฺฑปาตํ ฉฑฺเฑตฺวา เถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ ตตฺถ โอโลเกนฺโต น อทฺทส. อถ นํ เอตฺตกสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา วีสติวสฺสสหสฺสานิ กโตปิ สมณธมฺโม รกฺขิตุํ นาสกฺขิ. อายุปริโยสาเน ปน กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ มหาทุกฺขํ อนุภวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร เอกสฺมึ พหฺวนฺนปาเน กุลฆเร นิพฺพตฺติ. โส ปทสา คมนกาลโต ปฏฺาย เนว สยเน สยิตุํ, น ภตฺตํ ภุฺชิตุํ อิจฺฉติ, อตฺตโน สรีรวลฺชเมว ขาทติ. ‘‘พาลตาย อชานนฺโต กโรตี’’ติ ตํ โปสยึสุ. มหลฺลกกาเลปิ วตฺถํ นิวาเสตุํ น อิจฺฉติ, นคฺโคว วิจรติ, ภูมิยํ สยติ, อตฺตโน สรีรวลฺชเมว ขาทติ. อถสฺส มาตาปิตโร ‘‘นายํ กุลฆรสฺส อนุจฺฉวิโก, เกวลํ อลชฺชนโก อาชีวกานํ เอส อนุจฺฉวิโก’’ติ เตสํ สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชถา’’ติ อทํสุ. อถ นํ เต ปพฺพาเชสุํ. ปพฺพาเชนฺตา จ ปน คลปฺปมาเณ อาวาเฏ เปตฺวา ทฺวินฺนํ อํสกูฏานํ อุปรึ ปทรานิ ทตฺวา เตสํ อุปริ นิสีทิตฺวา ตาลฏฺิขณฺเฑน เกเส ลุฺจึสุ. อถ เน ตสฺส มาตาปิตโร สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา ปกฺกมึสุ.

ปุนทิวเส อาชีวกา ‘‘เอหิ, คามํ ปวิสิสฺสามา’’ติ ตํ วทึสุ. โส ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, อหํ อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ น อิจฺฉิ. อถ นํ ปุนปฺปุนํ วตฺวา อนิจฺฉมานํ โอหาย อคมํสุ. โสปิ เตสํ คตภาวํ ตฺวา วจฺจกุฏิยา ปทรํ วิวริตฺวา โอรุยฺห อุโภหิ หตฺเถหิ อาโลปํ อาโลปํ กตฺวา คูถํ ขาทิ . อาชีวกา ตสฺส อนฺโตคามโต อาหารํ ปหิณึสุ. ตมฺปิ น อิจฺฉิ. ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโนปิ ‘‘น เม อิมินา อตฺโถ. ลทฺโธ เม อาหาโร’’ติ อาห. ‘‘กหํ ลทฺโธ’’ติ? ‘‘อิเธว ลทฺโธ’’ติ. เอวํ ทุติเย ตติเย จตุตฺเถปิ ทิวเส เตหิ พหุมฺปิ วุจฺจมาโน ‘‘อหํ อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ คามํ คนฺตุํ น อิจฺฉิ. อาชีวกา ‘‘อยํ ทิวเส ทิวเส เนว คามํ ปวิสิตุํ อิจฺฉติ, น อมฺเหหิ ปหิตาหารํ อาหริตุํ อิจฺฉติ, ‘อิเธว เม ลทฺโธ’ติ วทติ, กึ นุ โข กโรติ, ปริคฺคณฺหิสฺสาม น’’นฺติ คามํ ปวิสนฺตา เอกํ ทฺเว ชเน ตสฺส ปริคฺคณฺหนตฺถํ โอหาย คมึสุ. เต ปจฺฉโต คจฺฉนฺตา วิย หุตฺวา นิลียึสุ. โสปิ เตสํ คตภาวํ ตฺวา ปุริมนเยเนว วจฺจกุฏึ โอรุยฺห คูถํ ขาทิ.

อิตเร ตสฺส กิริยํ ทิสฺวา อาชีวกานํ อาโรจยึสุ. ตํ สุตฺวา อาชีวกา ‘‘อโห ภาริยํ กมฺมํ, สเจ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ชาเนยฺยุํ, ‘อาชีวกา คูถํ ขาทมานา วิจรนฺตี’ติ อมฺหากํ อกิตฺตึ ปกาเสยฺยุํ, นายํ อมฺหากํ อนุจฺฉวิโก’’ติ ตํ อตฺตโน สนฺติกา นีหรึสุ. โส เตหิ นีหริโต มหาชนสฺส อุจฺจารกรณฏฺาเน ปตฺถริโต เอโก ปิฏฺิปาสาโณ อตฺถิ. ตสฺมึ มหนฺตํ โสณฺฑิ, ปิฏฺิปาสาณํ นิสฺสาย มหาชนสฺส อุจฺจารกรณฏฺานํ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา รตฺตึ คูถํ ขาทิตฺวา มหาชนสฺส สรีรวลฺชนตฺถาย อาคมนกาเล เอเกน หตฺเถน ปาสาณสฺส เอกํ อนฺตํ โอลุพฺภ เอกํ ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ชณฺณุเก เปตฺวา อุทฺธํวาตาภิมุโข มุขํ วิวริตฺวา ติฏฺติ. มหาชโน ตํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กสฺมา อยฺโย มุขํ วิวริตฺวา ิโต’’ติ ปุจฺฉติ. ‘‘อหํ วาตภกฺโข, อฺโ เม อาหาโร นตฺถี’’ติ. อถ ‘‘กสฺมา เอกํ ปาทํ ชณฺณุเก กตฺวา ิโตสิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อหํ อุคฺคตโป โฆรตโป, มยา ทฺวีหิ ปาเทหิ อกฺกนฺตา ปถวี กมฺปติ, ตสฺมา เอกํ ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ชณฺณุเก เปตฺวา ิโตมฺหิ. อหฺหิ รตฺตินฺทิวํ ิตโกว วีตินาเมมิ, น นิสีทามิ, น นิปชฺชามี’’ติ. มนุสฺสา นาม เยภุยฺเยน วจนมตฺตเมว สทฺทหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อโห อจฺฉริยํ, เอวรูปาปิ นาม ตปสฺสิโน โหนฺติ, น โน เอวรูปา ทิฏฺปุพฺพา’’ติ เยภุยฺเยน องฺคมคธวาสิโน สงฺขุภิตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา มาเส มาเส มหนฺตํ สกฺการํ อภิหรนฺติ. โส ‘‘อหํ วาตเมว ภกฺขามิ, น อฺํ อาหารํ. อฺฺหิ เม ขาทนฺตสฺส ตโป นสฺสตี’’ติ เตหิ อภิหฏํ น กิฺจิ อิจฺฉติ. มนุสฺสา ‘‘มา โน, ภนฺเต, นาเสถ, ตุมฺหาทิเสน โฆรตเปน ปริโภเค กเต อมฺหากํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตตี’’ติ ปุนปฺปุนํ ยาจนฺติ. ตสฺส อฺโ อาหาโร น รุจฺจติ. มหาชนสฺส ปน ยาจนาย ปีฬิโต เตหิ อาภตานิ สปฺปิผาณิตาทีนิ กุสคฺเคน ชิวฺหคฺเค เปตฺวา ‘‘คจฺฉถ, อลํ โว เอตฺตกํ หิตาย สุขาย จา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เอวํ โส ปฺจปฺาส วสฺสานิ นคฺโค คูถํ ขาทนฺโต เกเส ลุฺจนฺโต ภูมิยํ สยมาโน วีตินาเมสิ.

พุทฺธานมฺปิ โข ปจฺจูสกาเล โลกโวโลกนํ อวิชหิตเมว โหติ. ตสฺมา เอกทิวสํ ภควโต ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺตสฺส อยํ ชมฺพุกาชีวโก าณชาลสฺส อนฺโต ปฺายิ. สตฺถา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชตฺวา ตสฺส สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘อหํ เอตํ อาทึ กตฺวา เอกํ คาถํ ภาสิสฺสามิ, คาถาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ. อิมํ กุลปุตฺตํ นิสฺสาย มหาชโน โสตฺถิภาวํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปุนทิวเส ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อานนฺท, ชมฺพุกาชีวกสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, กึ ตุมฺเหเยว คมิสฺสถา’’ติ? ‘‘อาม, อหเมวา’’ติ เอวํ วตฺวา สตฺถา วฑฺฒมานกจฺฉายาย ตสฺส สนฺติกํ ปายาสิ.

เทวตา จินฺตยึสุ – ‘‘สตฺถา สายํ ชมฺพุกาชีวกสฺส สนฺติกํ คจฺฉติ, โส จ เชคุจฺเฉ อุจฺจารปสฺสาวทนฺตกฏฺกิลิฏฺเ ปิฏฺิปาสาเณ วสติ, เทวํ วสฺสาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน อานุภาเวน ตํ มุหุตฺตํเยว เทวํ วสฺสาเปสุํ. ปิฏฺิปาสาโณ สุจิ นิมฺมโล อโหสิ. อถสฺส อุปริ ปฺจวณฺณํ ปุปฺผวสฺสํ วสฺสาเปสุํ. สตฺถา สายํ ชมฺพุกาชีวกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ชมฺพุกา’’ติ สทฺทมกาสิ. ชมฺพุโก ‘‘โก นุ โข เอส, ทุชฺชโน มํ ชมฺพุกวาเทน วทตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. ‘‘อหํ สมโณ’’ติ. ‘‘กึ มหาสมณา’’ติ? ‘‘อชฺช เม เอกรตฺตึ อิธ วสนฏฺานํ เทหี’’ติ. ‘‘นตฺถิ, มหาสมณ, อิมสฺมึ าเน วสนฏฺาน’’นฺติ . ‘‘ชมฺพุก, มา เอวํ กริ, เอกรตฺตึ เม วสนฏฺานํ เทหิ, ปพฺพชิตา นาม ปพฺพชิตํ ปตฺเถนฺติ, มนุสฺสา มนุสฺสํ, ปสโว ปสว’’นฺติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ ปพฺพชิโต’’ติ? ‘‘อาม, ปพฺพชิโตมฺหี’’ติ. ‘‘สเจ ตฺวํ ปพฺพชิโต, กหํ เต ลาพุกํ, กหํ ธูมกฏจฺฉุโก, กหํ ยฺสุตฺตก’’นฺติ? ‘‘‘อตฺเถตํ มยฺหํ, วิสุํ วิสุํ ปน คเหตฺวา วิจรณํ ทุกฺข’นฺติ อพฺภนฺตเรเนว คเหตฺวา จรามี’’ติ. โส ‘‘จริสฺสสิ ตฺวํ เอตํ อคฺคณฺหิตฺวา’’ติ กุชฺฌิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘โหตุ, ชมฺพุก, มา กุชฺฌ, วสนฏฺานํ เม อาจิกฺขา’’ติ. ‘‘นตฺถิ, มหาสมณ, เอตฺถ วสนฏฺาน’’นฺติ.

สตฺถา ตสฺส วสนฏฺานโต อวิทูเร เอกํ ปพฺภารํ อตฺถิ, ตํ นิทฺทิสนฺโต ‘‘เอตสฺมึ ปพฺภาเร โก วสตี’’ติ อาห. ‘‘นตฺถิ โกจิ, มหาสมณา’’ติ. ‘‘เตน หิ เอตํ มยฺหํ เทหี’’ติ . ‘‘ตฺวฺเว ชาน, มหาสมณา’’ติ. สตฺถา ปพฺภาเร นิสีทนํ ปฺาเปตฺวา นิสีทิ. ปมยาเม จตฺตาโร มหาราชาโน จตุทฺทิสํ เอโกภาสํ กโรนฺตา สตฺถุ อุปฏฺานํ อาคมึสุ. ชมฺพุโก โอภาสํ ทิสฺวา ‘‘โก โอภาโส นาเมโส’’ติ จินฺเตสิ. มชฺฌิมยาเม สกฺโก เทวราชา อาคมิ. ชมฺพุโก ตมฺปิ ทิสฺวา ‘‘โก นาเมโส’’ติ จินฺเตสิ. ปจฺฉิมยาเม เอกาย องฺคุลิยา เอกํ, ทฺวีหิ ทฺเว, ทสหิ ทส จกฺกวาฬานิ โอภาเสตุํ สมตฺโถ มหาพฺรหฺมา สกลํ อรฺํ เอโกภาสํ กโรนฺโต อาคมิ. ชมฺพุโก ตมฺปิ ทิสฺวา ‘‘โก นุ โข เอโส’’ติ จินฺเตตฺวา ปาโตว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ ิโต สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘มหาสมณ, ตุมฺหากํ สนฺติกํ จตสฺโส ทิสา โอภาเสนฺโต เก อาคตา’’ติ? ‘‘จตฺตาโร มหาราชาโน’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘มํ อุปฏฺาตุ’’นฺติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ จตูหิ มหาราเชหิ อุตฺตริตโร’’ติ? ‘‘อาม, ชมฺพุก, มหาราชูนมฺปิ อติราชา’’ติ. ‘‘มชฺฌิมยาเม ปน โก อาคโต’’ติ? ‘‘สกฺโก เทวราชา, ชมฺพุกา’’ติ . ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘มํ อุปฏฺาตุเมวา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ สกฺกเทวราชโตปิ อุตฺตริตโร’’ติ? ‘‘อาม, ชมฺพุก, สกฺกโตปิ อุตฺตริตโรมฺหิ, เอโส ปน มยฺหํ คิลานุปฏฺาโก กปฺปิยการกสามเณรสทิโส’’ติ. ‘‘ปจฺฉิมยาเม สกลํ อรฺํ โอภาเสตฺวา โก อาคโต’’ติ? ‘‘ยํ โลเก พฺราหฺมณาทโย ขิปิตฺวา ปกฺขลิตฺวา ‘นโม มหาพฺรหฺมุโน’ติ วทนฺติ, โส เอว มหาพฺรหฺมา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ มหาพฺรหฺมโตปิ อุตฺตริตโร’’ติ? ‘‘อาม, ชมฺพุก, อหฺหิ พฺรหฺมุนาปิ อติพฺรหฺมา’’ติ. ‘‘อจฺฉริโยสิ ตฺวํ, มหาสมณ, มยฺหํ ปน ปฺจ ปฺาส วสฺสานิ อิธ วสนฺตสฺส เอเตสุ เอโกปิ มํ อุปฏฺาตุํ นาคตปุพฺโพ. อหฺหิ เอตฺตกํ อทฺธานํ วาตภกฺโข หุตฺวา ิตโกว วีตินาเมสึ, น ตาว เต มยฺหํ อุปฏฺานํ อาคตปุพฺพา’’ติ.

อถ นํ สตฺถา อาห – ชมฺพุก, ตฺวํ โลกสฺมึ อนฺธพาลํ มหาชนํ วฺจยมาโน มมฺปิ วฺเจตุกาโม ชาโต, นนุ ตฺวํ ปฺจปฺาส วสฺสานิ คูถเมว ขาทิ, ภูมิยํเยว นิปชฺชิ, นคฺโค หุตฺวา วิจริ, ตาลฏฺิขณฺเฑน เกเส ลุฺจิ. อถ จ ปน โลกํ วฺเจนฺโต ‘‘อหํ วาตภกฺโข, เอกปาเทน ติฏฺามิ, น นิสีทามิ, น นิปชฺชามี’’ติ วเทสิ, ‘‘มมมฺปิ วฺเจตุกาโมสิ ปุพฺเพปิ ตฺวํ ปาปิกํ ลามิกํ ทิฏฺึ นิสฺสาย เอตฺตกํ กาลํ คูถภกฺโข ภูมิสโย นคฺโค วิจรนฺโต ตาลฏฺิขณฺเฑน เกสลุฺจนํ ปตฺโต, อิทานิปิ ปาปิกํ ลามิกํ ทิฏฺิเมว คณฺหาสี’’ติ. ‘‘กึ ปน มยา กตํ, มหาสมณา’’ติ? อถสฺส สตฺถา ปุพฺเพ กตกมฺมํ อาจิกฺขิ. ตสฺส สตฺถริ กเถนฺเตเยว สํเวโค อุปฺปชฺชิ, หิโรตฺตปฺปํ อุปฏฺิตํ, โส อุกฺกุฏิโก นิสีทิ. อถสฺส สตฺถา อุทกสาฏิกํ ขิปิตฺวา อทาสิ. โส ตํ นิวาเสตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถาปิสฺส อนุปุพฺพึ กถํ กเถตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. โส เทสนาวสาเน สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อุฏฺายาสนา ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ยาจิ. เอตฺตาวตา ตสฺส ปุริมกมฺมํ ปริกฺขีณํ. อยฺหิ ขีณาสวมหาเถรํ จตูหิ อกฺโกเสหิ อกฺโกสิตฺวา ยาวายํ มหาปถวี ติคาวุตาธิกํ โยชนํ อุสฺสนฺนา, ตาว อวีจิมฺหิ ปจฺจิตฺวา ตตฺถ ปกฺกาวเสเสน ปฺจปฺาส วสฺสานิ อิมํ วิปฺปการํ ปตฺโต. เตนสฺส ตํ กมฺมํ ขีณํ. วีสติ ปน วสฺสสหสฺสานิ อิมินา กตสฺส สมณธมฺมสฺส ผลํ นาเสตุํ น สกฺกา. ตสฺมา สตฺถา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอหิ, ภิกฺขุ, จร พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ อาห. ตาวเทวสฺส คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายิ อฏฺปริกฺขารธโร สฏฺิวสฺสิกมหาเถโร วิย อโหสิ.

องฺคมคธวาสีนํ ตสฺส สกฺการํ คเหตฺวา อาคตทิวโส กิเรส, ตสฺมา อุภยรฏฺวาสิโน สกฺการํ คเหตฺวา อาคตา ตถาคตํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข อมฺหากํ อยฺโย ชมฺพุโก มหา, อุทาหุ สมโณ โคตโม’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘สเจ สมโณ โคตโม มหา ภเวยฺย, อยํ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คจฺเฉยฺย, ชมฺพุกาชีวกสฺส ปน มหนฺตตาย สมโณ โคตโม อิมสฺส สนฺติกํ อาคโต’’ติ จินฺตยึสุ. สตฺถา มหาชนสฺส ปริวิตกฺกํ ตฺวา, ‘‘ชมฺพุก, ตว อุปฏฺากานํ กงฺขํ ฉินฺทาหี’’ติ อาห, โส ‘‘อหมฺปิ, ภนฺเต, เอตฺตกเมว ปจฺจาสีสามี’’ติ วตฺวา จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อุฏฺาย ตาลปฺปมาณํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ วตฺวา โอรุยฺห วนฺทิตฺวา ปุน ทฺวิตาลมตฺตํ ติตาลมตฺตนฺติ เอวํ สตฺตตาลมตฺตํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา โอรุยฺห อตฺตโน สาวกภาวํ ชานาเปสิ. ตํ ทิสฺวา มหาชโน ‘‘อโห พุทฺธา นาม อจฺฉริยา อโนปมคุณา’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา มหาชเนน สทฺธึ กเถนฺโต เอวมาห – ‘‘อยํ เอตฺตกํ กาลํ ตุมฺเหหิ อาภตํ สกฺการํ กุสคฺเคน ชิวฺหคฺเค เปตฺวา ‘ตปจรณํ ปูเรมี’ติ อิธ นิวุฏฺโ, สเจปิ อิมินา อุปาเยน วสฺสสตํ ตปจรณํ ปูเรยฺย, ยา จสฺส อิทานิ กาลํ วา ภตฺตํ วา กุกฺกุจฺจายิตฺวา อภุฺชนฺตสฺส ภตฺตจฺเฉทนกุสลเจตนา, ตสฺสา ตํ ตปจรณํ โสฬสึ กลมฺปิ น อคฺฆตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๗๐.

‘‘มาเส มาเส กุสคฺเคน, พาโล ภุฺเชยฺย โภชนํ;

น โส สงฺขาตธมฺมานํ, กลํ อคฺฆติ โสฬสิ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – สเจ พาโล อปริฺาตธมฺโม สีลาทิคุณา ปริพาหิโร ติตฺถายตเน ปพฺพชิโต ‘‘ตปจรณํ ปูเรสฺสามี’’ติ มาเส มาเส ปตฺเต กุสคฺเคน โภชนํ ภุฺชนฺโต วสฺสสตํ ภุฺเชยฺย โภชนํ. น โส สงฺขาตธมฺมานํ, กลํ อคฺฆติ โสฬสินฺติ สงฺขาตธมฺมา วุจฺจนฺติ าตธมฺมา ตุลิตธมฺมา. เตสุ เหฏฺิมโกฏิยา โสตาปนฺโน สงฺขาตธมฺโม, อุปริมโกฏิยา ขีณาสโว. อิเมสํ สงฺขาตธมฺมานํ โส พาโล กลํ น อคฺฆติ โสฬสินฺติ ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – ยา จสฺส ตถา ตปจรณํ ปูเรนฺตสฺส วสฺสสตํ เจตนา ยา จ สงฺขาตธมฺมานํ กาลํ วา ภตฺตํ วา กุกฺกุจฺจายิตฺวา อภุฺชนฺตานํ เอกา ภตฺตจฺเฉทนกุสลเจตนา, ตสฺสา เจตนาย สา ตาว ทีฆรตฺตํ ปวตฺตเจตนา โสฬสึ กลํ น อคฺฆติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ตสฺสา สงฺขาตธมฺมานํ เจตนาย ผลํ, ตํ โสฬส โกฏฺาเส กตฺวา ตโต เอเกกํ ปุน โสฬส โสฬส โกฏฺาเส กตฺวา ตโต เอกสฺส โกฏฺาสสฺส ยํ ผลํ, ตเทว ตสฺส พาลสฺส ตปจรณโต มหปฺผลตรนฺติ.

เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ชมฺพุกตฺเถรวตฺถุ เอกาทสมํ.

๑๒. อหิเปตวตฺถุ

น หิ ปาปํ กตํ กมฺมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อหิเปตํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ชฏิลสหสฺสสฺส อพฺภนฺตโร อายสฺมา ลกฺขณตฺเถโร จ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร จ ‘‘ราชคเห ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติ คิชฺฌกูฏโต โอตรนฺติ. เตสุ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร เอกํ อหิเปตํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. อถ นํ ลกฺขณตฺเถโร ‘‘กสฺมา, อาวุโส, สิตํ ปาตุกโรสี’’ติ สิตการณํ ปุจฺฉิ. ‘‘อกาโล, อาวุโส ลกฺขณ, อิมสฺส ปฺหสฺส, ภควโต สนฺติเก มํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ เถโร อาห. เตสุ ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา นิสินฺเนสุ ลกฺขณตฺเถโร ปุจฺฉิ, ‘‘อาวุโส, โมคฺคลฺลานํ ตฺวํ คิชฺฌกูฏา โอตรนฺโต สิตํ ปาตุกริตฺวา มยา สิตการณํ ปุฏฺโ ‘ภควโต สนฺติเก มํ ปุจฺเฉยฺยาสี’ติ อวจ, กเถหิ อิทานิ ตํ การณ’’นฺติ. เถโร อาห – ‘‘อหํ, อาวุโส, เอกํ เปตํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสึ. ตสฺส เอวรูโป อตฺตภาโว – มนุสฺสสีสํ วิย อสฺส สีสํ, อหิสฺส วิย เสโส อตฺตภาโว, อหิเปโต นาเมส ปมาณโต ปฺจวีสติโยชนิโก, ตสฺส สีสโต อุฏฺิตา อคฺคิชาลา ยาว นงฺคุฏฺา คจฺฉนฺติ, นงฺคุฏฺโต อุฏฺิตา อคฺคิชาลา ยาว สีสา, มชฺเฌสีสโต อุฏฺิตา ทฺเว ปสฺสานิ คจฺฉนฺติ, ทฺวีหิ ปสฺเสหิ อุฏฺิตา มชฺเฌ โอตรนฺตี’’ติ . ทฺวินฺนํเยว กิร เปตานํ อตฺตภาโว ปฺจวีสติโยชนิโก, อวเสสานํ ติคาวุตปฺปมาโณ. อิมสฺส เจว อหิเปตสฺส กากเปตสฺส จ ปฺจวีสติโยชนิโก. เตสุ อยํ ตาว อหิเปโต. กากเปตมฺปิ มหาโมคฺคลฺลาโน คิชฺฌกูฏมตฺถเก ปจฺจมานํ ทิสฺวา ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –

‘‘ปฺจโยชนิกา ชิวฺหา, สีสํ เต นวโยชนํ;

กาโย อจฺจุคฺคโต ตุยฺหํ, ปฺจวีสติโยชนํ;

กึ นุ กมฺมํ กริตฺวาน, ปตฺโตสิ ทุกฺขมีทิส’’นฺติ.

อถสฺส เปโต อาจิกฺขนฺโต –

‘‘อหํ ภนฺเต โมคฺคลฺลาน, กสฺสปสฺส มเหสิโน;

สงฺฆสฺส อาภตํ ภตฺตํ, อาหาเรสึ ยทิจฺฉก’’นฺติ. –

คาถํ วตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, กสฺสปพุทฺธกาเล สมฺพหุลา ภิกฺขู คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ,. มนุสฺสา เถเร ทิสฺวา สมฺปิยายมานา อาสนสาลายํ นิสีทาเปตฺวา ปาเท โธวิตฺวา เตลํ มกฺเขตฺวา ยาคุํ ปาเยตฺวา ขชฺชกํ ทตฺวา ปิณฺฑปาตกาลํ อาคมยมานา ธมฺมํ สุณนฺตา นิสีทึสุ. ธมฺมกถาวสาเน เถรานํ ปตฺเต อาทาย อตฺตโน อตฺตโน เคหา นานคฺครสโภชนสฺส ปูเรตฺวา อาหรึสุ. ตทา อหํ กาโก หุตฺวา อาสนสาลาย ฉทนปิฏฺเ นิลีโน ตํ ทิสฺวา เอเกน คหิตปตฺตโต ติกฺขตฺตุํ มุขํ ปูเรนฺโต ตโย กพเฬ อคฺคเหสึ. ตํ ปน ภตฺตํ เนว สงฺฆสฺส สนฺตกํ, น สงฺฆสฺส นิยเมตฺวา ทินฺนํ, น ภิกฺขูหิ คหิตาวเสสกํ. อตฺตโน อตฺตโน เคหํ เนตฺวา มนุสฺเสหิ ภุฺชิตพฺพกํ, เกวลํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส อภิหฏมตฺตเมว. ตโต มยา ตโย กพฬา คหิตา, เอตฺตกํ เม ปุพฺพกมฺมํ. สฺวาหํ กาลํ กตฺวา ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน อวีจิมฺหิ ปจฺจิตฺวา ตตฺถ ปกฺกาวเสเสน อิทานิ คิชฺฌกูเฏ กากเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต อิมํ ทุกฺขํ ปจฺจานุโภมี’’ติ. อิทํ กากเปตสฺส วตฺถุ.

อิธ ปน เถโร ‘‘อหิเปตํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ’’นฺติ อาห. อถสฺส สตฺถา สกฺขี หุตฺวาปิ อุฏฺาย ‘‘สจฺจํ, ภิกฺขเว, โมคฺคลฺลาโน อาห. มยาเปส สมฺโพธิปตฺตทิวเสเยว ทิฏฺโ, อปิจาหํ ‘เย เม วจนํ น สทฺทเหยฺยุํ, เตสํ อหิตาย ภเวยฺยา’ติ ปรานุทฺทยาย น กเถสิ’’นฺติ อาห. ลกฺขณสํยุตฺเตปิ (สํ. นิ. ๒.๒๐๒ อาทโย) หิ มหาโมคฺคลฺลาเนน ทิฏฺกาเลเยว สตฺถา ตสฺส สกฺขี หุตฺวา วินีตวตฺถูนิ กเถสิ, อิทมฺปิ เตน ตเถว กถิตํ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ปุจฺฉึสุ. สตฺถาปิ เตสํ กเถสิ –

อตีเต กิร พาราณสึ นิสฺสาย นทีตีเร ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปณฺณสาลํ กรึสุ. โส ตตฺถ วิหรนฺโต นิพทฺธํ นคเร ปิณฺฑาย จรติ. นาคราปิ สายํปาตํ คนฺธปุปฺผาทิหตฺถา ปจฺเจกพุทฺธสฺสูปฏฺานํ คจฺฉนฺติ. เอโก พาราณสิวาสี ปุริโส ตํ มคฺคํ นิสฺสาย เขตฺตํ กสิ. มหาชโน สายํปาตํ ปจฺเจกพุทฺธสฺสูปฏฺานํ คจฺฉนฺโต ตํ เขตฺตํ มทฺทนฺโต คจฺฉติ. กสฺสโก จ ‘‘มา เม เขตฺตํ มทฺทถา’’ติ วาเรนฺโตปิ วาเรตุํ นาสกฺขิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สเจ อิมสฺมึ าเน ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปณฺณสาลา น ภเวยฺย, น เม เขตฺตํ มทฺเทยฺยุ’’นฺติ. โส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปิณฺฑาย ปวิฏฺกาเล ปริโภคภาชนานิ ภินฺทิตฺวา ปณฺณสาลํ ฌาเปสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ตํ ฌามํ ทิสฺวา ยถาสุขํ ปกฺกามิ. มหาชโน คนฺธมาลํ อาทาย อาคโต ฌามปณฺณสาลํ ทิสฺวา ‘‘กหํ นุ โข โน อยฺโย คโต’’ติ อาห. โสปิ มหาชเนเนว สทฺธึ คโต มหาชนมชฺเฌ ิตโกว เอวมาห – ‘‘มยา ตสฺส ปณฺณสาลา ฌาปิตา’’ติ. อถ นํ ‘‘คณฺหถ, อิมํ ปาปิมํ นิสฺสาย มยํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทฏฺุํ น ลภิมฺหา’’ติ ทณฺฑาทีหิ โปเถตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสุํ. โส อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา ยาวายํ มหาปถวี โยชนมตฺตํ อุสฺสนฺนา, ตาว นิรเย ปจฺจิตฺวา ปกฺกาวเสเสน คิชฺฌกูเฏ อหิเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สตฺถา อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ปาปกมฺมํ นาเมตํ ขีรสทิสํ, ยถา ขีรํ ทุยฺหมานเมว น ปริณมติ. ตถา กมฺมํ กยิรมานเมว น วิปจฺจติ. ยทา ปน วิปจฺจติ, ตทา เอวรูเปน ทุกฺเขน โสจตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๗๑.

‘‘น หิ ปาปํ กตํ กมฺมํ, สชฺชุขีรํว มุจฺจติ;

ฑหนฺตํ พาลมนฺเวติ, ภสฺมจฺฉนฺโนว ปาวโก’’ติ.

ตตฺถ สชฺชุขีรํ วาติ ตํ ขณํเยว เธนุยา ถเนหิ นิกฺขนฺตํ อพฺภุณฺหํ ขีรํ น มุจฺจติ น ปริณมติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อิทํ สชฺชุขีรํ ตํ ขณฺเว น มุจฺจติ น ปริณมติ น ปกตึ วิชหติ. ยสฺมึ ปน ภาชเน ทุหิตฺวา คหิตํ ยาว ตตฺถ ตกฺกาทิอมฺพิลํ น ปกฺขิปติ, ยาว ทธิภาชนาทิกํ อมฺพิลภาชนํ น ปาปุณาติ, ตาว ปกตึ อวิชหิตฺวา ปจฺฉา ชหติ, เอวเมว ปาปกมฺมมฺปิ กริยมานเมว น วิปจฺจติ. ยทิ วิปจฺเจยฺย, น โกจิ ปาปกมฺมํ กาตุํ วิสเหยฺย. ยาว ปน กุสลาภินิพฺพตฺตา ขนฺธา ธรนฺติ, ตาว นํ เต รกฺขนฺติ. เตสํ เภทา อปาเย นิพฺพตฺตกฺขนฺเธสุ วิปจฺจติ, วิปจฺจมานฺจ ฑหนฺตํ พาลมนฺเวติ.‘‘กึ วิยา’’ติ? ‘‘ภสฺมจฺฉนฺโนว ปาวโก’’ติ. ยถา หิ ฉาริกาย ปฏิจฺฉนฺโน วีตจฺจิตงฺคาโร อกฺกนฺโตปิ ฉาริกาย ปฏิจฺฉนฺนตฺตา น ตาว ฑหติ, ฉาริกํ ปน ตาเปตฺวา จมฺมาทีนํ ฑหนวเสน ยาว มตฺถลุงฺคา ฑหนฺโต คจฺฉติ, เอวเมว ปาปกมฺมมฺปิ เยน กตํ โหติ, ตํ พาลํ ทุติเย วา ตติเย วา อตฺตภาเว นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตํ ฑหนฺตํ อนุคจฺฉตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุนฺติ.

อหิเปตวตฺถุ ทฺวาทสมํ.

๑๓. สฏฺิกูฏเปตวตฺถุ

ยาวเทว อนตฺถายาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สฏฺิกูฏเปตํ อารพฺภ กเถสิ.

ปุริมนเยเนว หิ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ลกฺขณตฺเถเรน สทฺธึ คิชฺฌกูฏา โอโรหนฺโต อฺตรสฺมึ ปเทเส สิตํ ปาตฺวากาสิ. เถเรน สิตการณํ ปุฏฺโ ‘‘ภควโต สนฺติเก มํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนกาเล ปุน ปุฏฺโ อาห – ‘‘อหํ, อาวุโส, เอกํ เปตํ อทฺทสํ ติคาวุตปฺปมาเณน อตฺตภาเวน, ตสฺส สฏฺิ อยกูฏสหสฺสานิ อาทิตฺตานิ สมฺปชฺชลิตานิ อุปริมตฺถเก ปติตฺวา ปติตฺวา อุฏฺหนฺติ สีสํ ภินฺทนฺติ, ภินฺนํ ภินฺนํ ปุน สมุฏฺหติ , อิมินา อตฺตภาเวน มยา เอวรูโป อตฺตภาโว น ทิฏฺปุพฺโพ, อหํ ตํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ’’นฺติ. เปตวตฺถุสฺมิฺหิ –

‘‘สฏฺิ กูฏสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ สพฺพโส;

สีเส ตุยฺหํ นิปตนฺติ, โวภินฺทนฺเตว มตฺถก’’นฺติ. (เป. ว. ๘๐๘, ๘๑๐, ๘๑๓) อาทิ –

อิมเมว เปตํ สนฺธาย วุตฺตํ. สตฺถา เถรสฺส กถํ สุตฺวาว, ‘‘ภิกฺขเว, มยาเปส สตฺโต โพธิมณฺเฑ นิสินฺเนเนว ทิฏฺโ ‘เย จ ปน เม วจนํ น สทฺทเหยฺยุํ, เตสํ อหิตาย ภเวยฺยา’ติ ปเรสํ อนุกมฺปาย น กเถสึ, อิทานิ ปน โมคฺคลฺลานสฺส สกฺขี หุตฺวา กเถมี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ปุจฺฉึสุ. สตฺถาปิ เนสํ กเถสิ –

อตีเต กิร พาราณสิยํ สาฬิตฺตกสิปฺเป นิปฺผตฺตึ ปตฺโต เอโก ปีสปฺปิ อโหสิ. โส นครทฺวาเร เอกสฺส วฏรุกฺขสฺส เหฏฺา นิสินฺโน สกฺขรานิ ขิปิตฺวา ตสฺส ปณฺณานิ ฉินฺทนฺโต ‘‘หตฺถิรูปกํ โน ทสฺเสหิ, อสฺสรูปกํ โน ทสฺเสหี’’ติ คามทารเกหิ วุจฺจมาโน อิจฺฉิติจฺฉิตานิ รูปานิ ทสฺเสตฺวา เตสํ สนฺติกา ขาทนียาทีนิ ลภติ. อเถกทิวสํ ราชา อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต ตํ ปเทสํ ปาปุณิ. ทารกา ปีสปฺปึ ปาโรหนฺตเร กตฺวา ปลายึสุ. รฺโ ิตมชฺฌนฺหิเก รุกฺขมูลํ ปวิฏฺสฺส ฉิทฺทาวฉิทฺทจฺฉายา สรีรํ ผริ. โส ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ อุทฺธํ โอโลเกนฺโต รุกฺขปณฺเณสุ หตฺถิรูปกาทีนิ ทิสฺวา ‘‘กสฺเสตํ กมฺม’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปีสปฺปิโน’’ติ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘มยฺหํ ปุโรหิโต อติมุขโร อปฺปมตฺตเกปิ วุตฺเต พหุํ ภณนฺโต มํ อุปทฺทเวติ, สกฺขิสฺสสิ ตสฺส มุเข นาฬิมตฺตา อชลณฺฑิกา ขิปิตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺขิสฺสามิ, เทว. อชลณฺฑิกา อาหราเปตฺวา ปุโรหิเตน สทฺธึ ตุมฺเห อนฺโตสาณิยํ นิสีทถ, อหเมตฺถ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ. อถ ราชา ตถา กาเรสิ. อิตโร กตฺตริยคฺเคน สาณิยา ฉิทฺทํ กตฺวา ปุโรหิตสฺส รฺา สทฺธึ กเถนฺตสฺส มุเข วิวฏมตฺเต เอเกกํ อชลณฺฑิกํ ขิปิ. ปุโรหิโต มุขํ ปวิฏฺํ ปวิฏฺํ คิลิ. ปีสปฺปี ขีณาสุ อชลณฺฑิกาสุ สาณึ จาเลสิ. ราชา ตาย สฺาย อชลณฺฑิกานํ ขีณภาวํ ตฺวา อาห – ‘‘อาจริย, อหํ ตุมฺเหหิ สทฺธึ กเถนฺโต กถํ นิตฺถริตุํ น สกฺขิสฺสามิ, ตุมฺเห อติมุขรตาย นาฬิมตฺตา อชลณฺฑิกา คิลนฺตาปิ ตุณฺหีภาวํ นาปชฺชถา’’ติ. พฺราหฺมโณ มงฺคุอุภาวํ อาปชฺชิตฺวา ตโต ปฏฺาย มุขํ วิวริตฺวา รฺา สทฺธึ สลฺลปิตุํ นสกฺขิ. ราชา ปีสปฺปิคุณํ อนุสฺสริตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตํ นิสฺสาย เม สุขํ ลทฺธ’’นฺติ ตุฏฺโ ตสฺส สพฺพฏฺกํ นาม ธนํ ทตฺวา นครสฺส จตูสุ ทิสาสุ จตฺตาโร วรคาเม อทาสิ. ตมตฺถํ วิทิตฺวา รฺโ อตฺถธมฺมานุสาสโก อมจฺโจ อิมํ คาถมาห –

‘‘สาธุ โข สิปฺปกํ นาม, อปิ ยาทิส กีทิสํ;

ปสฺส ขฺชปฺปหาเรน, ลทฺธา คามา จตุทฺทิสา’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๐๗);

โส ปน อมจฺโจ เตน สมเยน อยเมว ภควา อโหสิ. อเถโก ปุริโส ปีสปฺปินา ลทฺธสมฺปตฺตึ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ นาม ปีสปฺปี หุตฺวา อิมํ สิปฺปํ นิสฺสาย มหาสมฺปตฺตึ ปตฺโต, มยาเปตํ สิกฺขิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อิทํ เม , อาจริย, สิปฺปํ เทถา’’ติ อาห. ‘‘น สกฺกา, ตาต, ทาตุ’’นฺติ. โส เตน ปฏิกฺขิตฺโต ‘‘โหตุ, อาราเธสฺสามิ น’’นฺติ ตสฺส หตฺถปาทปริกมฺมาทีนิ กโรนฺโต จิรสฺสํ ตํ อาราเธตฺวา ปุนปฺปุนํ ยาจิ, ปีสปฺปี ‘‘อยํ เม อติวิย อุปกาโร’’ติ ตํ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺโต สิปฺปํ สิกฺขาเปตฺวา ‘‘นิปฺผนฺนํ เต, ตาต, สิปฺปํ, อิทานิ กึ กริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘พหิ คนฺตฺวา สิปฺปํ วีมํสิสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘คาวึ วา มนุสฺสํ วา ปหริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ. ‘‘ตาตา, คาวึ มาเรนฺตสฺส สตํ ทณฺโฑ โหติ มนุสฺสํ มาเรนฺตสฺส สหสฺสํ, ตฺวํ สปุตฺตทาโรปิ ตํ นิตฺถริตุํ น สกฺขิสฺสสิ, มา วินสฺส, ยมฺหิ ปหเฏ ทณฺโฑ นตฺถิ, ตาทิสํ นิมาตาปิติกํ กฺจิ อุปธาเรหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สกฺขรา อุจฺฉงฺเค กตฺวา ตาทิสํ อุปธารยมาโน วิจรนฺโต คาวึ ทิสฺวา ‘‘อยํ สสามิกา’’ติ ปหริตุํ น วิสหิ, มนุสฺสํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สมาตาปิติโก’’ติ ปหริตุํ น วิสติ.

เตน สมเยน สุเนตฺโต นาม ปจฺเจกพุทฺโธ ตํ นครํ นิสฺสาย ปณฺณสาลาย วิหรติ. โส ตํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ นครทฺวารนฺตเร ทิสฺวา ‘‘อยํ นิมาตาปิติโก, อิมสฺมึ ปหเฏ ทณฺโฑ นตฺถิ, อิมํ ปหริตฺวา สิปฺปํ วีมํสิสฺสามี’’ติ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทกฺขิณกณฺณโสตํ สนฺธาย สกฺขรํ ขิปิ. สา ทกฺขิณกณฺณโสเตน ปวิสิตฺวา วาเมน นิกฺขมิ, ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ภิกฺขาย จริตุํ นาสกฺขิ, อากาเสน ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายิ. มนุสฺสา ปจฺเจกพุทฺเธ อนาคจฺฉนฺเต ‘‘กิฺจิ อผาสุกํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ปรินิพฺพุตํ ทิสฺวา โรทึสุ ปริเทวึสุ. โสปิ มหาชนํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ สฺชานิตฺวา ‘‘อยํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต ทฺวารนฺตเร มม สมฺมุขีภูโต, อหํ อตฺตโน สิปฺปํ วีมํสนฺโต อิมํ ปหริ’’นฺติ อาห. มนุสฺสา ‘‘อิมินา กิร ปาปเกน ปจฺเจกพุทฺโธ ปหโฏ, คณฺหถ คณฺหถา’’ติ โปเถตฺวา ตตฺเถว นํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสุํ. โส อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา ยาวายํ มหาปถวี โยชนมตฺตํ อุสฺสนฺนา, ตาว ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน คิชฺฌกูฏมตฺถเก สฏฺิกูฏเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สตฺถา ตสฺส อิมํ ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, พาลสฺส นาม สิปฺปํ วา อิสฺสริยํ วา อุปฺปชฺชมานํ อนตฺถาย อุปฺปชฺชติ. พาโล หิ สิปฺปํ วา อิสฺสริยํ วา ลภิตฺวา อตฺตโน อนตฺถเมว กโรตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห.

๗๒.

‘‘ยาวเทว อนตฺถาย, ตฺตํ พาลสฺส ชายติ;

หนฺติ พาลสฺส สุกฺกํสํ, มุทฺธมสฺส วิปาตย’’นฺติ.

ตตฺถ ยาวเทวาติ อวธิปริจฺเฉทนตฺเถ นิปาโต. ตฺตนฺติ ชานนสภาโว. ยํ สิปฺปํ ชานาติ , ยมฺหิ วา อิสฺสริเย ยเส สมฺปตฺติยฺจ ิโต ชเนน ายติ, ปากโฏ ปฺาโต โหติ, ตสฺเสตํ นามํ. สิปฺปํ วา หิ อิสฺสริยาทิภาโว วา พาลสฺส อนตฺถาเยว ชายติ. ตํ นิสฺสาย โส อตฺตโน อนตฺถเมว กโรติ. หนฺตีติ วินาเสติ. สุกฺกํสนฺติ กุสลโกฏฺาสํ, พาลสฺส หิ สิปฺปํ วา อิสฺสริยํ วา อุปฺปชฺชมานํ กุสลโกฏฺาสํ ฆาเตนฺตเมว อุปฺปชฺชติ. มุทฺธนฺติ ปฺาเยตํ นามํ. วิปาตยนฺติ วิทฺธํสยมานํ. ตสฺส หิ ตํ สุกฺกํสํ หนนฺตํ ปฺาสงฺขาตํ มุทฺธํ วิปาเตนฺตํ วิทฺธํเสนฺตเมว หนฺตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ.

สฏฺิกูฏเปตวตฺถุ เตรสมํ.

๑๔. จิตฺตคหปติวตฺถุ

อสนฺตํภาวนมิจฺเฉยฺยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุธมฺมตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เทสนา มจฺฉิกาสณฺเฑ สมุฏฺาย สาวตฺถิยํ นิฏฺิตา.

มจฺฉิกาสณฺฑนครสฺมิฺหิ จิตฺโต นาม คหปติ ปฺจวคฺคิยานํ อพฺภนฺตรํ มหานามตฺเถรํ นาม ปิณฺฑาย จรมานํ ทิสฺวา ตสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา ปตฺตํ อาทาย เคหํ ปเวเสตฺวา โภเชตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ธมฺมกถํ สุณนฺโต โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา อจลสทฺโธ หุตฺวา อมฺพาฏกวนํ นาม อตฺตโน อุยฺยานํ สงฺฆารามํ กตฺตุกาโม เถรสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา นิยฺยาเทสิ. ตสฺมึ ขเณ ‘‘ปติฏฺิตํ พุทฺธสาสน’’นฺติ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวี กมฺปิ. มหาเสฏฺิ อุยฺยาเน มหาวิหารํ กาเรตฺวา สพฺพทิสาหิ อาคตานํ ภิกฺขูนํ วิวฏทฺวาโร อโหสิ. มจฺฉิกาสณฺเฑ สุธมฺมตฺเถโร นาม เนวาสิโก อโหสิ.

อปเรน สมเยน จิตฺตสฺส คุณกถํ สุตฺวา ทฺเว อคฺคสาวกา ตสฺส สงฺคหํ กตฺตุกามา มจฺฉิกาสณฺฑํ อคมํสุ. จิตฺโต คหปติ เตสํ อาคมนํ สุตฺวา อฑฺฒโยชนมคฺคํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เต อาทาย อตฺตโน วิหารํ ปเวเสตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ กตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โถกํ ธมฺมกถํ โสตุกาโมมฺหี’’ติ ธมฺมเสนาปตึ ยาจิ. อถ นํ เถโร, ‘‘อุปาสก, อทฺธาเนน อาคตามฺหา กิลนฺตรูปา. อปิจ โถกํ สุณาหี’’ติ ตสฺส ธมฺมํ กเถสิ. โส เถรสฺส ธมฺมํ สุณนฺโตว อนาคามิผลํ ปาปุณิ. โส ทฺเว อคฺคสาวเก วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สฺเว ภิกฺขุสหสฺเสน สทฺธึ มม เคเห ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตตฺวา ปจฺฉา เนวาสิกํ สุธมฺมตฺเถรํ ‘‘ตุมฺเหปิ, ภนฺเต, สฺเว เถเรหิ สทฺธึ อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ นิมนฺเตสิ. โส ‘‘อยํ มํ ปจฺฉา นิมนฺเตตี’’ติ กุทฺโธ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุนปฺปุนํ ยาจิยมาโนปิ ปฏิกฺขิปิ เอว. อุปาสโก ‘‘ปฺายิสฺสถ, ภนฺเต’’ติ ปกฺกมิตฺวา ปุนทิวเส อตฺตโน นิเวสเน มหาทานํ สชฺเชสิ. สุธมฺมตฺเถโรปิ ปจฺจูสกาเลเยว ‘‘กีทิโส นุ โข คหปตินา อคฺคสาวกานํ สกฺกาโร สชฺชิโต, สฺเว คนฺตฺวา ปสฺสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปาโตว ปตฺตจีวรํ อาทาย ตสฺส เคหํ อคมาสิ.

โส คหปตินา ‘‘นิสีทถ, ภนฺเต’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘นาหํ นิสีทามิ, ปิณฺฑาย จริสฺสามี’’ติ วตฺวา อคฺคสาวกานํ ปฏิยาทิตํ สกฺการํ โอโลเกตฺวา คหปตึ ชาติยา ฆฏฺเฏตุกาโม ‘‘อุฬาโร เต, คหปติ, สกฺกาโร, อปิเจตฺถ เอกฺเว นตฺถี’’ติ อาห. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ติลสํคุฬิกา, คหปตี’’ติ วตฺวา คหปตินา กาโกปมาย อปสาทิโต กุชฺฌิตฺวา ‘‘เอโส เต, คหปติ, อาวาโส, ปกฺกมิสฺสามห’’นฺติ วตฺวา ยาวตติยํ วาริยมาโนปิ ปกฺกมิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา จิตฺเตน จ อตฺตนา จ วุตฺตวจนํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘ตยา อุปาสโก สทฺโธ ปสนฺโน หีเนน ขุํสิโต’’ติ ตสฺเสว โทสํ อาโรเปตฺวา ปฏิสารณียกมฺมํ การาเปตฺวา ‘‘คจฺฉ, จิตฺตคหปตึ ขมาเปหี’’ติ เปเสสิ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา, ‘‘คหปติ, มยฺหเมว โส โทโส, ขมาหิ เม’’ติ วตฺวาปิ ‘‘นาหํ ขมามี’’ติ เตน ปฏิกฺขิตฺโต มงฺกุภูโต ตํ ขมาเปตุํ นาสกฺขิ. ปุนเทว สตฺถุ สนฺติกํ ปจฺจาคมาสิ. สตฺถา ‘‘นาสฺส อุปาสโก ขมิสฺสตี’’ติ ชานนฺโตปิ ‘‘มานถทฺโธ เอส, ตึสโยชนํ ตาว มคฺคํ คนฺตฺวา ปจฺจาคจฺฉตู’’ติ ขมนูปายํ อนาจิกฺขิตฺวาว อุยฺโยเชสิ. อถสฺส ปุนาคตกาเล นิหตมานสฺส อนุทูตํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉ, อิมินา สทฺธึ คนฺตฺวา อุปาสกํ ขมาเปหี’’ติ วตฺวา ‘‘สมเณน นาม ‘มยฺหํ วิหาโร, มยฺหํ นิวาสฏฺานํ, มยฺหํ อุปาสโก, มยฺหํ อุปาสิกา’ติ มานํ วา อิสฺสํ วา กาตุํ น วฏฺฏติ. เอวํ กโรนฺตสฺส หิ อิจฺฉามานาทโย กิเลสา วฑฺฒนฺตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆฏฺเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๗๓.

‘‘อสนฺตํ ภาวนมิจฺเฉยฺย, ปุเรกฺขารฺจ ภิกฺขุสุ;

อาวาเสสุ อิสฺสริยํ, ปูชา ปรกุเลสุ จ.

๗๔.

‘‘มเมว กต มฺนฺตุ, คิหี ปพฺพชิตา อุโภ.

มเมวาติวสา อสฺสุ, กิจฺจากิจฺเจสุ กิสฺมิจิ;

อิติ พาลสฺส สงฺกปฺโป, อิจฺฉา มาโน จ วฑฺฒตี’’ติ.

ตตฺถ อสนฺตนฺติ โย พาโล ภิกฺขุ อวิชฺชมานํ สมฺภาวนํ อิจฺเฉยฺย, ‘‘อสฺสทฺโธว สมาโน ‘สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตู’ติ อิจฺฉตี’’ติ. ปาปิจฺฉตานิทฺเทเส (วิภ. ๘๕๑) วุตฺตนเยเนว พาโล ‘‘อสทฺโธ ทุสฺสีโล อปฺปสฺสุโต อปฺปวิวิตฺโต กุสีโต อนุปฏฺิตสฺสติ อสมาหิโต ทุปฺปฺโ อขีณาสโวว สมาโน ‘อโห วต มํ ชโน อยํ สทฺโธ, สีลวา, พหุสฺสุโต, ปวิวิตฺโต, อารทฺธวีริโย, อุปฏฺิตสฺสติ, สมาหิโต, ปฺวา , ขีณาสโว’ติ ชาเนยฺยา’’ติ อิทํ อสนฺตสมฺภาวนํ อิจฺฉติ. ปุเรกฺขารนฺติ ปริวารํ. ‘‘อโห วต มํ สกลวิหาเร ภิกฺขู ปริวาเรตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺตา วิหเรยฺยุ’’นฺติ เอวํ อิจฺฉาจาเร ตฺวา ปุเรกฺขารฺจ ภิกฺขูสุ อิจฺฉติ. อาวาเสสูติ สงฺฆิเกสุ จ อาวาเสสุ ยานิ วิหารมชฺเฌ ปณีตเสนาสนานิ, ตานิ อตฺตโน สนฺทิฏฺสมฺภตฺตาทีนํ ภิกฺขูนํ ‘‘ตุมฺเห อิธ วสถา’’ติ วิจาเรนฺโต สยมฺปิ วรตรํ เสนาสนํ ปลิโพเธนฺโต, เสสานํ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ ปจฺจนฺติมานิ ลามกเสนาสนานิ เจว อมนุสฺสปริคฺคหิตานิ จ ‘‘ตุมฺเห อิธ วสถา’’ติ วิจาเรนฺโต อาวาเสสุ อิสฺสริยํ อิจฺฉติ. ปูชา ปรกุเลสุ จาติ เนว มาตาปิตูนํ น าตกานํ ปเรสุเยว กุเลสุ ‘‘อโห วติเม มยฺหเมว ทเทยฺยุํ, น อฺเส’’นฺติ เอวํ จตุปฺปจฺจเยหิ ปูชํ อิจฺฉติ.

มเมว กต มฺนฺตูติ ยสฺส จ พาลสฺส ‘‘ยํกิฺจิ วิหาเร อุโปสถาคาราทิกรณวเสน กตํ นวกมฺมํ, ตํ สพฺพํ อมฺหากํ เถเรน กตนฺติ เอวํ คิหี จ ปพฺพชิตา จ อุโภปิ มเมว นิสฺสาย กตํ ปริกมฺมํ นิฏฺิตํ มฺนฺตู’’ติ สงฺกปฺโป อุปฺปชฺชติ. มเมวาติวสา อสฺสูติ ‘‘คิหี จ ปพฺพชิตา จ สพฺเพปิ มเมว วเส วตฺตนฺตุ, สกฏโคณวาสิผรสุอาทีนิ วา ลทฺธพฺพานิ โหนฺตุ, อนฺตมโส ยาคุมตฺตมฺปิ ตาเปตฺวา ปิวนาทีนิ วา, เอวรูเปสุ กิจฺจากิจฺเจสุ ขุทฺทกมหนฺเตสุ กรณีเยสุ กิสฺมิฺจิ เอกกิจฺเจปิ มเมว วเส วตฺตนฺตุ, มเมว อาปุจฺฉิตฺวา กโรนฺตู’’ติ สงฺกปฺโป อุปฺปชฺชติ. อิติ พาลสฺสาติ ยสฺส พาลสฺส สา จ อิจฺฉา อยฺจ เอวรูโป สงฺกปฺโป อุปฺปชฺชติ, ตสฺส เนว วิปสฺสนา, น มคฺคผลานิ วฑฺฒนฺติ. เกวลํ ปนสฺส จนฺโททเย สมุทฺทสฺส อุทกํ วิย ฉสุ ทฺวาเรสุ อุปฺปชฺชมานา ตณฺหา เจว นววิธมาโน จ วฑฺฒตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สุธมฺมตฺเถโรปิ อิมํ โอวาทํ สุตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อุฏฺายาสนา ปทกฺขิณํ กตฺวา เตน อนุทูเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ คนฺตฺวา อุปาสกสฺส จกฺขุปเถ อาปตฺตึ ปฏิกริตฺวา อุปาสกํ ขมาเปสิ. โส อุปาสเกน ‘‘ขมามหํ, ภนฺเต, สเจ มยฺหํ โทโส อตฺถิ, ขมถ เม’’ติ ปฏิขมาปิโต สตฺถารา ทินฺเน โอวาเท ตฺวา กติปาเหเนว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อุปาสโกปิ จินฺเตสิ – ‘‘มยา สตฺถารํ อทิสฺวาว โสตาปตฺติผลํ ปตฺตํ, อทิสฺวา เอว อนาคามิผเล ปติฏฺิโต, สตฺถารํ เม ทฏฺุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ติลตณฺฑุลสปฺปิผาณิตวตฺถจฺฉาทนาทีหิ ปริปูรานิ ปฺจ สกฏสตานิ โยชาเปตฺวา ‘‘สตฺถารํ ทฏฺุกามา อาคจฺฉนฺตุ, ปิณฺฑปาตาทีหิ น กิลมิสฺสนฺตี’’ติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรจาเปตฺวา ภิกฺขุนีสงฺฆสฺสาปิ อุปาสกานมฺปิ อุปาสิกานมฺปิ อาโรจาเปสิ. เตน สทฺธึ ปฺจสตา ปฺจสตา ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ อุปาสกา จ อุปาสิกาโย จ นิกฺขมึสุ. โส เตสฺเจว อตฺตโน ปริสาย จาติ ติณฺณํ ชนสหสฺสานํ ยถา ตึสโยชเน มคฺเค ยาคุภตฺตาทีหิ กิฺจิ เวกลฺลํ น โหติ, ตถา สํวิทหิ. ตสฺส ปน นิกฺขนฺตภาวํ ตฺวา โยชเน โยชเน เทวตา ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ทิพฺเพหิ ยาคุขชฺชกภตฺตปานกาทีหิ ตํ มหาชนํ อุปฏฺหึสุ, กสฺสจิ เกนจิ เวกลฺลํ น โหติ. เอวํ เทวตาหิ อุปฏฺิยมาโน เทวสิกํ โยชนํ คจฺฉนฺโต มาเสน สาวตฺถึ ปาปุณิ, ปฺจ สกฏสตานิ ยถาปูริตาเนว อเหสุํ. เทวตาหิ เจว มนุสฺเสหิ จ อภิหฏํ ปณฺณาการํ วิสฺสชฺเชนฺโตว อคมาสิ.

สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘อานนฺท, อชฺช วฑฺฒมานกจฺฉายาย จิตฺโต คหปติ ปฺจหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต อาคนฺตฺวา มํ วนฺทิสฺสตี’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ตสฺส ตุมฺหากํ วนฺทนกาเล กิฺจิ ปาฏิหาริยํ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘ภวิสฺสติ, อานนฺทา’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ตสฺส อาคนฺตฺวา ‘‘มํ วนฺทนกาเล ราชมาเนน อฏฺกรีสมตฺเต ปเทเส ชณฺณุกมตฺเตน โอธินา ปฺจวณฺณานํ ทิพฺพปุปฺผานํ ฆนวสฺสํ วสฺสิสฺสตี’’ติ. ตํ กถํ สุตฺวา นครวาสิโน ‘‘เอวํ มหาปุฺโ กิร จิตฺโต นาม คหปติ อาคนฺตฺวา อชฺช สตฺถารํ วนฺทิสฺสติ, เอวรูปํ กิร ปาฏิหาริยํ ภวิสฺสติ, มยมฺปิ ตํ มหาปุฺํ ทฏฺุํ ลภิสฺสามา’’ติ ปณฺณาการํ อาทาย มคฺคสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ อฏฺํสุ. วิหารสมีเป อาคตกาเล ปฺจ ภิกฺขุสตานิ ปมํ อาคมึสุ. จิตฺโต คหปติ, ‘‘อมฺมา, ตุมฺเห ปจฺฉโต อาคจฺฉถา’’ติ มหาอุปาสิกาโย เปตฺวา ปฺจหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. พุทฺธานํ สมฺมุขฏฺาเน ปน ิตา วา นิสินฺนา วา อิโต วา เอตฺโต วา น โหนฺติ, พุทฺธวีถิยา ทฺวีสุ ปสฺเสสุ นิจฺจลาว ติฏฺนฺติ. จิตฺโต คหปติ มหนฺตํ พุทฺธวีถึ โอกฺกมิ. ตีณิ ผลานิ ปตฺเตน อริยสาวเกน โอโลกิโตโลกิตฏฺานํ กมฺปิ. ‘‘เอโส กิร จิตฺโต คหปตี’’ติ มหาชโน โอโลเกสิ . โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ฉพฺพณฺณานํ พุทฺธรสฺมีนํ อนฺโต ปวิสิตฺวา ทฺวีสุ โคปฺผเกสุ สตฺถุ ปาเท คเหตฺวา วนฺทิ. ตํ ขณฺเว วุตฺตปฺปการํ ปุปฺผวสฺสํ วสฺสิ, สาธุการสหสฺสานิ ปวตฺตยึสุ. โส เอกมาสํ สตฺถุ สนฺติเก วสิ, วสมาโน จ สกลํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ วิหาเรเยว นิสีทาเปตฺวา มหาทานํ อทาสิ, อตฺตนา สทฺธึ อาคเตปิ อนฺโตวิหาเรเยว กตฺวา ปฏิชคฺคิ. เอกทิวสมฺปิ อตฺตโน สกเฏสุ กิฺจิ คเหตพฺพํ นาโหสิ, เทวมนุสฺเสหิ อาภตปณฺณากาเรเนว ทานํ อทาสิ, สพฺพกิจฺจานิ อกาสิ. โส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อหํ ‘ตุมฺหากํ ทานํ ทสฺสามี’ติ อาคจฺฉนฺโต มาสํ อนฺตรามคฺเค อโหสึ. อิเธว เม มาโส วีติวตฺโต, มยา อาภตํ ปณฺณาการํ กิฺจิ คเหตุํ น ลภามิ, เอตฺตกํ กาลํ เทวมนุสฺเสหิ อาภตปณฺณากาเรเนว ทานํ อทาสึ, โสหํ สเจปิ อิธ สํวจฺฉรํ วสิสฺสามิ, เนว มม เทยฺยธมฺมํ ทาตุํ ลภิสฺสามิ. อหํ สกฏานิ โอตาเรตฺวา คนฺตุํ อิจฺฉามิ, ปฏิสามนฏฺานํ เม อาโรจาเปถา’’ติ.

สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘อานนฺท, อุปาสกสฺส เอกํ ปเทสํ ตุจฺฉํ กาเรตฺวา เทหี’’ติ. เถโร ตถา อกาสิ. กปฺปิยภูมิ (มหาว. ๒๙๕) กิร จิตฺตสฺส คหปติโน อนุฺาตา. อุปาสโกปิ อตฺตนา สทฺธึ อาคเตหิ ตีหิ ชนสหสฺเสหิ สทฺธึ ตุจฺฉสกเฏหิ ปุน มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เทวมนุสฺสา อุฏฺาย, ‘‘อยฺย, ตยา ตุจฺฉสกเฏหิ คมนกมฺมํ กต’’นฺติ สตฺตหิ รตเนหิ สกฏานิ ปูรยึสุ. โส อตฺตโน อาภตปณฺณากาเรเนว มหาชนํ ปฏิชคฺคนฺโต อคมาสิ. อานนฺทตฺเถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโตปิ มาเสน อาคโต, อิธาปิ มาสเมว วุฏฺโ, เอตฺตกํ กาลํ เทวมนุสฺเสหิ อภิหฏปณฺณากาเรเนว มหาวทานํ อทาสิ, อิทานิ ปฺจ สกฏสตานิ ตุจฺฉานิ กตฺวา มาเสเนว กิร คมิสฺสติ, เทวมนุสฺสา ปนสฺส อุฏฺาย, ‘อยฺย , ตยา ตุจฺฉสกเฏหิ คมนกมฺมํ กต’นฺติ ปฺจ สกฏสตานิ สตฺตรตเนหิ ปูรยึสุ. โส ปุน อตฺตโน อาภตปณฺณากาเรเนว กิร มหาชนํ ปฏิชคฺคนฺโต คมิสฺสตี’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เอตสฺส ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตสฺเสวายํ สกฺกาโร อุปฺปชฺชติ, อุทาหุ อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อานนฺท, มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตสฺสาปิ อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺสาปิ เอตสฺส อุปฺปชฺชเตว. อยฺหิ อุปาสโก สทฺโธ ปสนฺโน สมฺปนฺนสีโล, เอวรูโป ปุคฺคโล ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถวสฺส ลาภสกฺกาโร นิพฺพตฺตตี’’ติ วตฺวา สตฺถา อิมํ ปกิณฺณกวคฺเค คาถมาห –

‘‘สทฺโธ สีเลน สมฺปนฺโน, ยโส โภคสมปฺปิโต;

ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถว ปูชิโต’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๓);

อตฺโถ ปนสฺสา ตตฺเถว อาวิภวิสฺสติ.

เอวํ วุตฺเต อานนฺทตฺเถโร จิตฺตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถา อาจิกฺขนฺโต อาห –

อานนฺท, อยํ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปาทมูเล กตาภินีหาโร กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเล มิคลุทฺทกกุเล นิพฺพตฺโต วุทฺธิมนฺวาย เอกทิวสํ เทเว วสฺสนฺเต มิคานํ มารณตฺตาย สตฺตึ อาทาย อรฺํ คนฺตฺวา มิเค โอโลเกนฺโต เอกสฺมึ อกฏปพฺภาเร สสีสํ ปารุปิตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘เอโก, อยฺโย, สมณธมฺมํ กโรนฺโต นิสินฺโน ภวิสฺสติ, ภตฺตมสฺส อาหริสฺสามี’’ติ เวเคน เคหํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ อุทฺธเน หิยฺโย, อาภตมํสํ, เอกสฺมึ ภตฺตํ ปจาเปตฺวา อฺเ ปิณฺฑปาตจาริเก ภิกฺขู ทิสฺวา เตสมฺปิ ปตฺเต อาทาย ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ สมฺปาเทตฺวา, ‘‘อยฺเย, ปริวิสถา’’ติ อฺํ อาณาเปตฺวา ตํ ภตฺตํ ปุฏเก ปกฺขิปิตฺวา อาทาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค นานาปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ปตฺตปุเฏ กตฺวา เถรสฺส นิสินฺนฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, สงฺคหํ กโรถา’’ติ วตฺวา ปตฺตํ อาทาย ปูเรตฺวา เถรสฺส หตฺเถ เปตฺวา เตหิ ปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา ‘‘ยถา เม อยํ รสปิณฺฑปาโต ปุปฺผปูชาย สทฺธึ จิตฺตํ โตเสสิ, เอวํ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ปณฺณาการสหสฺสานิ อาทาย อาคนฺตฺวา มยฺหํ จิตฺตํ โตเสนฺตุ, ปฺจวณฺณกุสุมวสฺสฺจ วสฺสตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ, นิพฺพตฺตฏฺาเน ชณฺณุกมตฺเตน โอธินา ทิพฺพปุปฺผวสฺสํ วสฺสิ. อิทานิปิสฺส ชาตทิวเส เจว อิธ จ อาคตสฺส ปุปฺผวสฺสวสฺสนฺจ ปณฺณาการาภิหาโร จ สตฺตหิ รตเนหิ สกฏปูรณฺจ ตสฺเสว กมฺมสฺส นิสฺสนฺโทติ.

จิตฺตคหปติวตฺถุ จุทฺทสมํ.

๑๕. วนวาสีติสฺสสามเณรวตฺถุ

อฺาหิ ลาภูปนิสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วนวาสิกติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เทสนา ราชคเห สมุฏฺิตา.

สาริปุตฺตตฺเถรส กิร ปิตุ วงฺคนฺตพฺราหฺมณสฺส สหายโก มหาเสนพฺราหฺมโณ นาม ราชคเห วสติ. สาริปุตฺตตฺเถโร เอกทิวสํ ปิณฺฑาย จรนฺโต ตสฺมึ อนุกมฺปาย ตสฺส เคหทฺวารํ อคมาสิ. โส ปน ปริกฺขีณวิภโว ทลิทฺโท. โส ‘‘มม ปุตฺโต มยฺหํ เคหทฺวารํ ปิณฺฑาย จริตุํ อาคโต ภวิสฺสติ, อหฺจมฺหิ ทุคฺคโต, มยฺหํ ทุคฺคตภาวํ น ชานาติ มฺเ, นตฺถิ เม โกจิ เทยฺยธมฺโม’’ติ เถรสฺส สมฺมุขา ภวิตุํ อสกฺโกนฺโต นิลียิ. เถโร อปรมฺปิ ทิวสํ อคมาสิ, พฺราหฺมโณ ตเถว นิลียิ. ‘‘กิฺจิเทว ลภิตฺวา ทสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโตปิ นาลภิ. อเถกทิวสํ เอกสฺมึ พฺราหฺมณวาจเก ถูลสาฏเกน สทฺธึ ปายสปาตึ ลภิตฺวา อาทาย เคหํ คนฺตฺวาว เถรํ อนุสฺสริ, ‘‘อิมํ ปิณฺฑปาตํ มยา เถรสฺส ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เถโรปิ ตํ ขณํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฏฺาย ตํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา ‘‘พฺราหฺมโณ เทยฺยธมฺมํ ลภิตฺวา มม อาคมนํ ปจฺจาสีสติ, มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ สงฺฆาฏึ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ อาทาย ตสฺส เคหทฺวาเร ิตเมว อตฺตานํ ทสฺเสสิ.

พฺราหฺมโณ เถรํ ทิสฺวาว จิตฺตํ ปสีทิ. อถ นํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อนฺโตเคเห นิสีทาเปตฺวา ปายสปาตึ คเหตฺวา เถรสฺส ปตฺเต อากิริ . เถโร อุปฑฺฒํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. อถ นํ พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘ภนฺเต, เอกปฏิวีสมตฺโตว อยํ ปายโส, ปรโลกสงฺคหํ เม กโรถ, มา อิธโลกสงฺคหํ, นิรวเสสเมว ทาตุกาโมมฺหี’’ติ สพฺพํ อากิริ. เถโร ตตฺเถว ปริภุฺชิ. อถสฺส ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ตมฺปิ สาฏกํ ทตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, อหมฺปิ ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมเมว ปาปุเณยฺย’’นฺติ. เถโร ‘‘เอวํ โหตุ พฺราหฺมณา’’ติ ตสฺส อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมนฺโต อนุปุพฺเพน จาริกํ จรนฺโต เชตวนํ อคมาสิ. ‘‘ทุคฺคตกาเล ทินฺนทานํ ปน อติวิย โตเสตี’’ติ พฺราหฺมโณปิ ตํ ทานํ ทตฺวา ปสนฺนจิตฺโต โสมนสฺสชาโต เถเร อธิมตฺตํ สิเนหมกาสิ. โส เถเร สิเนเหเนว กาลํ กตฺวา สาวตฺถิยํ เถรสฺสูปฏฺากกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ . ตํขเณเยว ปนสฺส มาตา ‘‘กุจฺฉิยํ เม คพฺโภ ปติฏฺิโต’’ติ ตฺวา สามิกสฺส อาโรเจสิ. โส ตสฺสา คพฺภปริหารํ อทาสิ.

ตสฺสา อจฺจุณฺหอติสีตอติอมฺพิลาทิปริโภคํ วชฺเชตฺวา สุเขน คพฺภํ ปริหริยมานาย เอวรูโป โทหโฬ อุปฺปชฺชิ ‘‘อโห วตาหํ สาริปุตฺตตฺเถรปฺปมุขานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ นิมนฺเตตฺวา เคเห นิสีทาเปตฺวา อสมฺภินฺนขีรปายสํ ทตฺวา สยมฺปิ กาสายวตฺถานิ ปริทหิตฺวา สุวณฺณสรกํ อาทาย อาสนปริยนฺเต นิสีทิตฺวา เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ อุจฺฉิฏฺปายสํ ปริภุฺเชยฺย’’นฺติ. ตสฺสา กิร โส กาสายวตฺถปริทหเน โทหโฬ กุจฺฉิยํ ปุตฺตสฺส พุทฺธสาสเน ปพฺพชฺชาย ปุพฺพนิมิตฺตํ อโหสิ. อถสฺสา าตกา ‘‘ธมฺมิโก โน ธีตาย โทหโฬ’’ติ สาริปุตฺตตฺเถรํ สงฺฆตฺเถรํ กตฺวา ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อสมฺภินฺนขีรปายสํ อทํสุ. สาปิ เอกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา สุวณฺณสรกํ คเหตฺวา อาสนปริยนฺเต นิสินฺนา อุจฺฉิฏฺปายสํ ปริภุฺชิ, โทหโฬ ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. ตสฺสา ยาว คพฺภวุฏฺานา อนฺตรนฺตรา กตมงฺคเลสุปิ, ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชาตาย กตมงฺคเลสุปิ สาริปุตฺตตฺเถรปฺปมุขานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อปฺโปทกมธุปายสเมว อทํสุ. ปุพฺเพ กิเรส ทารเกน พฺราหฺมณกาเล ทินฺนปายสสฺส นิสฺสนฺโท.

ชาตมงฺคลทิวเส ปน ตํ ทารกํ ปาโตว นฺหาเปตฺวา มณฺเฑตฺวา สิริสยเน สตสหสฺสคฺฆนิกสฺส กมฺพลสฺส อุปริ นิปชฺชาเปสุํ. โส ตตฺถ นิปนฺนโกว เถรํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ เม ปุพฺพาจริโย, มยา เถรํ นิสฺสาย อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา, มยา อิมสฺส เอกํ ปริจฺจาคํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ สิกฺขาปทคหณตฺถาย อานียมาโน ตํ กมฺพลํ จูฬงฺคุลิยา เวเตฺวา อคฺคเหสิ. อถสฺส ‘‘องฺคุลิยํ กมฺพโล ลคฺโค’’ติ เต ตํ หริตุํ อารภึสุ. โส ปโรทิ. าตกา ‘‘อเปถ, มา ทารกํ โรทาเปถา’’ติ กมฺพเลเนว สทฺธึ อานยึสุ. โส เถรํ วนฺทนกาเล กมฺพลโต องฺคุลึ อปกฑฺฒิตฺวา กมฺพลํ เถรสฺส ปาทมูเล ปาเตสิ. าตกา ‘‘ทหรกุมาเรน อชานิตฺวา กต’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ปุตฺเตน โน ทินฺนํ, ปริจฺจตฺตเมว โหตุ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สตสหสฺสคฺฆนิเกน กมฺพเลน ปูชาการกสฺส ตุมฺหากํ ทาสสฺส สิกฺขาปทานิ เทถา’’ติ อาหํสุ. ‘‘โก นาโม อยํ ทารโก’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อยฺเยน สมานนามโก , ติสฺโส นาเมส ภวิสฺสตี’’ติ. เถโร กิร คิหิกาเล อุปติสฺสมาณโว นาม อโหสิ. มาตาปิสฺส จินฺเตสิ – ‘‘น มยา ปุตฺตสฺส อชฺฌาสโย ภินฺทิตพฺโพ’’ติ. เอวํ ทารกสฺส นามกรณมงฺคลํ กตฺวา ปุน ตสฺส อาหารปริโภคมงฺคเลปิ ปุน ตสฺส กณฺณวิชฺฌนมงฺคเลปิ ทุสฺสคหณมงฺคเลปิ จูฬากปฺปนมงฺคเลปิ สาริปุตฺตตฺเถรปฺปมุขานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อปฺโปทกมธุปายสเมว อทํสุ.

ทารโก วุทฺธิมนฺวาย สตฺตวสฺสิกกาเล มาตรํ อาห – ‘‘อมฺม, เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาต, ปุพฺเพวาหํ ‘น มยา ปุตฺตสฺส อชฺฌาสโย ภินฺทิตพฺโพ’ติ มนํ อกาสึ, ปพฺพช, ปุตฺตา’’ติ เถรํ นิมนฺตาเปตฺวา ตสฺส อาคตสฺส ภิกฺขฺจ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทาโส ‘ปพฺพชิสฺสามี’ติ วทติ, อิมํ อาทาย สายํ วิหารํ อาคมิสฺสามา’’ติ เถรํ อุยฺโยเชตฺวา สายนฺหสมเย มหนฺเตน สกฺการสมฺมาเนน ปุตฺตํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา เถรสฺส นิยฺยาเทสิ. เถโร เตน สทฺธึ กเถสิ – ‘‘ติสฺส, ปพฺพชฺชา นาม ทุกฺกรา, อุณฺเหน อตฺเถ สติ สีตํ ลภติ, สีเตน อตฺเถ สติ อุณฺหํ ลภติ, ปพฺพชิตา กิจฺเฉน ชีวนฺติ, ตฺวฺจ สุเขธิโต’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อหํ ตุมฺเหหิ วุตฺตนิยาเมเนว สพฺพํ กาตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ. เถโร ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ตสฺส ปฏิกูลมนสิการวเสน ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ตํ ปพฺพาเชสิ. สกลมฺปิ หิ ทฺวตฺตึสาการํ กเถตุํ วฏฺฏติเยว. สพฺพํ กเถตุํ อสกฺโกนฺเตน ปน ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ กเถตพฺพเมว. อิทฺหิ กมฺมฏฺานํ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตเมว. เกสาทีสุ เอเกกโกฏฺาเสสุ อรหตฺตํ ปตฺตานํ ภิกฺขูนมฺปิ ภิกฺขุนีนมฺปิ อุปาสกานมฺปิ อุปาสิกานมฺปิ ปริจฺเฉโท นตฺถิ. อพฺยตฺตา ภิกฺขู ปน ปพฺพเชนฺตา อรหตฺตสฺสูปนิสฺสยํ นาเสนฺติ. ตสฺมา เถโร กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพาเชตฺวา ทสสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ.

มาตาปิตโร ปุตฺตสฺส ปพฺพชิตสกฺการํ กโรนฺตา สตฺตาหํ วิหาเรเยว พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อปฺโปทกมธุปายสเมว อทํสุ. ภิกฺขูปิ ‘‘นิพทฺธํ อปฺโปทกมธุปายสํ ปริภุฺชิตุํ น สกฺโกมา’’ติ อุชฺฌายึสุ. ตสฺสปิ มาตาปิตโร สตฺตเม ทิวเส สายํ เคหํ อคมํสุ. สามเณโร อฏฺเม ทิวเส ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สาวตฺถิวาสิโน ‘‘สามเณโร กิร อชฺช ปิณฺฑาย ปวิสิสฺสติ, สกฺการมสฺส กริสฺสามา’’ติ ปฺจหิ สาฏกสเตหิ จุมฺพฏกานิ กตฺวา ปฺจ ปิณฺฑปาตสตานิ สชฺเชตฺวา อาทาย ปฏิปเถ ตฺวา อทํสุ, ปุนทิวเส วิหารสฺส อุปวนํ อาคนฺตฺวา อทํสุ. เอวํ สามเณโร ทฺวีเหว ทิวเสหิ สาฏกสหสฺเสหิ สทฺธึ ปิณฺฑปาตสหสฺสํ ลภิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทาเปสิ. พฺราหฺมณกาเล ทินฺนถูลสาฏกสฺส กิเรส นิสฺสนฺโท. อถสฺส ภิกฺขู ‘‘ปิณฺฑปาตทายกติสฺโส’’ติ นามํ กรึสุ.

ปุเนกทิวสํ สามเณโร สีตกาเล วิหารจาริกํ จรนฺโต ภิกฺขู ตตฺถ ตตฺถ อคฺคิสาลาทีสุ วิสิพฺเพนฺเต ทิสฺวา อาห – ‘‘กึ, ภนฺเต, วิสิพฺเพนฺตา นิสินฺนาตฺถา’’ติ? ‘‘สีตํ โน ปีเฬติ สามเณโร’’ติ. ‘‘ภนฺเต, สีตกาเล นาม กมฺพลํ ปารุปิตุํ วฏฺฏติ. โส หิ สีตํ ปฏิพาหิตุํ สมตฺโถ’’ติ. สามเณร ‘‘ตฺวํ มหาปุฺโ กมฺพลํ ลเภยฺยาสิ, อมฺหากํ กุโต กมฺพโล’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, กมฺพลตฺถิกา มยา สทฺธึ อาคจฺฉนฺตู’’ติ สกลวิหาเร อาโรจาเปสิ. อถ ภิกฺขู ‘‘สามเณเรน สทฺธึ คนฺตฺวา กมฺพลํ อาหริสฺสามา’’ติ สตฺตวสฺสิกสามเณรํ นิสฺสาย สหสฺสมตฺตา ภิกฺขู นิกฺขมึสุ. โส ‘‘เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ กุโต กมฺพลํ ลภิสฺสามี’’ติ จิตฺตมฺปิ อนุปฺปาเทตฺวา เต อาทาย นคราภิมุโข ปายาสิ. สุทินฺนสฺส หิ ทานสฺส เอวรูโป อานุภาโว โหติ. โส พหินคเรเยว ฆรปฏิปาฏิยา จรนฺโต ปฺจ กมฺพลสตานิ ลภิตฺวา อนฺโตนครํ ปาวิสิ. มนุสฺสา อิโต จิโต จ กมฺพเล อาหรนฺติ.

เอโก ปน ปุริโส อาปณทฺวาเรน อาคจฺฉนฺโต ปฺจ กมฺพลสตานิ ปสาเรตฺวา นิสินฺนํ เอกํ อาปณิกํ ทิสฺวา อาห – ‘‘อมฺโภ, เอโก สามเณโร กมฺพเล สํหรนฺโต อาคจฺฉติ, ตว กมฺพเล ปฏิจฺฉาเทหี’’ติ? ‘‘กึ ปน โส ทินฺนเก คณฺหาติ, อุทาหุ อทินฺนเก’’ติ? ‘‘ทินฺนเก คณฺหาตี’’ติ . ‘‘เอวํ สนฺเต สเจ อิจฺฉามิ, ทสฺสามิ, โน เจ, น ทสฺสามิ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ อุยฺโยเชสิ. มจฺฉริโน หิ อนฺธพาลา เอวรูเปสุ ทานํ ททมาเนสุ มจฺฉรายิตฺวา อสทิสทานํ ทิสฺวา มจฺฉรายนฺโต กาโฬ (ธ. ป. ๑๗๗) วิย นิรเย นิพฺพตฺตนฺติ. อาปณิโก จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปุริโส อตฺตโน ธมฺมตาย อาคจฺฉมาโน ‘ตว กมฺพเล ปฏิจฺฉาเทหี’ติ มํ อาห. ‘สเจปิ โส ทินฺนกํ คณฺหา’ติ, อหํ ปน ‘มม สนฺตกํ สเจ อิจฺฉามิ, ทสฺสามิ, โน เจ, น ทสฺสามี’ติ อวจํ, ทิฏฺกํ ปน อเทนฺตสฺส ลชฺชา อุปฺปชฺชติ, อตฺตโน สนฺตกํ ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส โทโส นตฺถิ, อิเมสุ ปฺจกมฺพลสเตสุ ทฺเว กมฺพลานิ สตสหสฺสคฺฆนิกานิ, อิมาเนว ปฏิจฺฉาเทตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ทฺเวปิ กมฺพเล ทสาย ทสํ สมฺพนฺธิตฺวา เตสํ อนฺตเร ปกฺขิปิตฺวา ปฏิจฺฉาเทสิ. สามเณโรปิ ภิกฺขุสหสฺเสน สทฺธึ ตํ ปเทสํ ปาปุณิ. อาปณิกสฺส สามเณรํ ทิสฺวาว ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิ, สกลสรีรํ สิเนเหน ปริปุณฺณํ อโหสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘ติฏฺตุ กมฺพลานิ, อิมํ ทิสฺวา หทยมํสมฺปิ ทาตุํ ยุตฺต’’นฺติ. เต ทฺเวปิ กมฺพเล นีหริตฺวา สามเณรสฺส ปาทมูเล เปตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตยา ทิฏฺธมฺมสฺส ภาคี อสฺส’’นฺติ อวจ. โสปิสฺส ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนํ อกาสิ.

สามเณโร อนฺโตนคเรปิ ปฺจ กมฺพลสตานิ ลภิ. เอวํ เอกทิวสํเยว กมฺพลสหสฺสํ ลภิตฺวา ภิกฺขุสหสฺสสฺส อทาสิ. อถสฺส กมฺพลทายกติสฺสตฺเถโรติ นามํ กรึสุ. เอวํ นามกรณทิวเส ทินฺนกมฺพโล สตฺตวสฺสิกกาเล กมฺพลสหสฺสภาวํ ปาปุณิ. พุทฺธสาสนฺหิ เปตฺวา นตฺถฺํ ตํ านํ, ยตฺถ อปฺปํ ทินฺนํ พหุํ โหติ, พหุํ ทินฺนํ พหุตรํ. เตนาห ภควา –

‘‘ตถารูโปยํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสงฺโฆ, ยถารูเป ภิกฺขุสงฺเฆ อปฺปํ ทินฺนํ พหุํ โหติ, พหุํ ทินฺนํ พหุตร’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๔๖) –

เอวํ สามเณโร เอกกมฺพลสฺส นิสฺสนฺเทน สตฺตวสฺสิโกว กมฺพลสหสฺสํ ลภิ. ตสฺส เชตวเน วิหรนฺตสฺส อภิกฺขณํ าติทายกา สนฺติกํ อาคนฺตฺวา กถาสลฺลาปํ กโรนฺติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘มยา อิธ วสนฺเตน าติทายเกสุ อาคนฺตฺวา กเถนฺเตสุ อกเถตุมฺปิ น สกฺกา, เอเตหิ สทฺธึ กถาปปฺเจน อตฺตโน ปติฏฺํ กาตุํ น สกฺกา, ยํนูนาหํ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ อุคฺคณฺหิตฺวา อรฺํ ปวิเสยฺย’’นฺติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา อุปชฺฌายํ วนฺทิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย วิหารา นิกฺขมิตฺวา ‘‘สเจ อาสนฺนฏฺาเน วสิสฺสามิ, าตกา มํ ปกฺโกสิสฺสนฺตี’’ติ วีสติ โยชนสตํ มคฺคํ อคมาสิ. อเถเกน คามทฺวาเรน คจฺฉนฺโต เอกํ มหลฺลกปุริสํ ทิสฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึ นุ โข, มหาอุปาสก , อิมสฺมึ ปเทเส วสนฺตานํ อารฺกวิหาโร อตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ เม มคฺคํ อาจิกฺขาหี’’ติ. มหลฺลกอุปาสกสฺส ปน ตํ ทิสฺวาว ปุตฺตสิเนโห อุทปาทิ. อถสฺส ตตฺเถว ิโต อนาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอหิ, ภนฺเต, อาจิกฺขิสฺสามิ เต’’ติ คเหตฺวา อคมาสิ. สามเณโร เตน สทฺธึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค นานาปุปฺผผลปฏิมณฺฑิเต รุกฺขปพฺพตปเทเส ทิสฺวา ‘‘อยํ, อุปาสก, กึ ปเทโส นาม, อยํ อุปาสก กึ ปเทโส นามา’’ติ ปุจฺฉิ. โสปิสฺส เตสํ นามานิ อาจิกฺขนฺโต อารฺกวิหารํ ปตฺวา ‘‘อิทํ, ภนฺเต, ผาสุกฏฺานํ, อิเธว วสาหี’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โก นาโม ตฺว’’นฺติ นามํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหํ วนวาสีติสฺโส นาม อุปาสกา’’ติ วุตฺเต, ‘‘สฺเว อมฺหากํ คาเม ภิกฺขาย จริตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา นิวตฺติตฺวา อนฺโตคามเมว คโต. ‘‘วนวาสีติสฺโส นาม วิหารํ อาคโต, ตสฺส ยาคุภตฺตาทีนิ ปฏิยาเทถา’’ติ มนุสฺสานํ อาโรเจสิ.

สามเณโร ปมเมว ติสฺโส นาม หุตฺวา ตโต ปิณฺฑปาตทายกติสฺโส กมฺพลทายกติสฺโส วนวาสีติสฺโสติ ตีณิ นามานิ ลภิตฺวา สตฺตวสฺสพฺภนฺตเร จตฺตาริ นามานิ ลภิ. โส ปุนทิวเส ปาโตว ตํ คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. มนุสฺสา ภิกฺขํ ทตฺวา วนฺทึสุ. สามเณโร ‘‘สุขิตา โหถ, ทุกฺขา มุจฺจถา’’ติ อาห. เอกมนุสฺโสปิ ตสฺส ภิกฺขํ ทตฺวา ปุน เคหํ คนฺตุํ นาสกฺขิ, สพฺเพว โอโลเกนฺตา อฏฺํสุ. โสปิ อตฺตโน ยาปนมตฺตเมว คณฺหิ. สกลคามวาสิโน ตสฺส ปาทมูเล อุเรน นิปชฺชิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหสุ อิมํ เตมาสํ อิธ วสนฺเตสุ มยํ ตีณิ สรณานิ คเหตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาย มาสสฺส อฏฺ อุโปสถกมฺมานิ อุปวสิสฺสาม, อิธ วสนตฺถาย โน ปฏิฺํ เทถา’’ติ. โส อุปการํ สลฺลกฺเขตฺวา เตสํ ปฏิฺํ ทตฺวา นิพทฺธํ ตตฺเถว ปิณฺฑปาตจารํ จริ. วนฺทิตวนฺทิตกฺขเณ จ ‘‘สุขิตา โหถ, ทุกฺขา มุจฺจถา’’ติ ปททฺวยเมว กเถตฺวา ปกฺกามิ. โส ตตฺเถวปมมาสฺจ ทุติยมาสฺจ วีตินาเมตฺวา ตติยมาเส คจฺฉนฺเต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.

อถสฺส ปวาเรตฺวา วุฏฺวสฺสกาเล อุปชฺฌาโย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ติสฺสสามเณรสฺส สนฺติกํ คจฺฉามี’’ติ. ‘‘คจฺฉ, สาริปุตฺตา’’ติ. โส อตฺตโน ปริวาเร ปฺจสเต ภิกฺขู อาทาย ปกฺกนฺโต, ‘‘อาวุโส โมคฺคลฺลาน, อหํ ติสฺสสามเณรสฺส สนฺติกํ คจฺฉามี’’ติ อาห. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ‘‘อหมฺปิ, อาวุโส, คจฺฉามี’’ติ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิกฺขมิ. เอเตนุปาเยน มหากสฺสปตฺเถโร อนุรุทฺธตฺเถโร อุปาลิตฺเถโร ปุณฺณตฺเถโรติ สพฺเพ มหาสาวกา ปฺจหิ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิกฺขมึสุ. สพฺเพปิ มหาสาวกานํ ปริวารา จตฺตาลีส ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. เต วีสติโยชนสตํ มคฺคํ คนฺตฺวา โคจรคามํ สมฺปตฺตา. สามเณรสฺส นิพทฺธูปฏฺาโก อุปาสโก ทฺวาเรเยว ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา วนฺทิ.

อถ นํ สาริปุตฺตตฺเถโร ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข, อุปาสก, อิมสฺมึ ปเทเส อารฺกวิหาโร’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สภิกฺขุโก, อภิกฺขุโก’’ติ? ‘‘สภิกฺขุโก, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก นาโม ตตฺถ วสตี’’ติ? ‘‘วนวาสีติสฺโส, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ มคฺคํ โน อาจิกฺขา’’ติ. ‘‘เก ตุมฺเห, ภนฺเต’’ติ? ‘‘มยํ สามเณรสฺส สนฺติกํ อาคตา’’ติ. อุปาสโก โอโลเกตฺวา ธมฺมเสนาปตึ อาทึ กตฺวา สพฺเพปิ มหาสาวเก สฺชานิตฺวา นิรนฺตรํ ปีติยา ผุฏฺสรีโร หุตฺวา ‘‘ติฏฺถ ตาว, ภนฺเต’’ติ เวเคน คามํ ปวิสิตฺวา ‘‘เอเต, อยฺยา, สาริปุตฺตตฺเถรํ อาทึ กตฺวา อสีติ มหาสาวกา อตฺตโน อตฺตโน ปริวาเรหิ สทฺธึ สามเณรสฺส สนฺติกํ อาคตา, มฺจปีปจฺจตฺถรณทีปเตลาทีนิ คเหตฺวา เวเคน นิกฺขมถา’’ติ อุคฺโฆเสสิ. มนุสฺสา ‘‘ตาวเทว มฺจาทีนิ คเหตฺวา เถรานํ ปทานุปทิกา หุตฺวา เถเรหิ สทฺธึเยว วิหารํ ปวิสึสุ. สามเณโร ภิกฺขุสงฺฆํ สฺชานิตฺวา กติปยานํ มหาเถรานํ ปตฺตจีวรานิ ปฏิคฺคเหตฺวา วตฺตมกาสิ. ตสฺส เถรานํ วสนฏฺานํ สํวิทหนฺตสฺส ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมนฺตสฺเสว อนฺธกาโร ชาตา’’ติ. สาริปุตฺตตฺเถโร อุปาสเก อาห – ‘‘คจฺฉถ, อุปาสกา, ตุมฺหากํ อนฺธกาโร ชาโต’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อชฺช ธมฺมสฺสวนทิวโส, น มยํ คมิสฺสาม, ธมฺมํ สุณิสฺสาม, อิโต ปุพฺเพ ธมฺมสฺสวนมฺปิ นตฺถี’’ติ. ‘‘เตน หิ, สามเณร, ทีปํ ชาเลตฺวา ธมฺมสฺสวนสฺส กาลํ โฆเสหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘ติสฺส ตว อุปฏฺากา ‘ธมฺมํ โสตุกามามฺหา’ติ วทนฺติ , กเถหิ เตสํ ธมฺม’’นฺติ. อุปาสกา เอกปฺปหาเรเนว อุฏฺาย, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ อยฺโย ‘สุขิตา โหถ, ทุกฺขา มุจฺจถา’ติ อิมานิ ทฺเว ปทานิ เปตฺวา อฺํ ธมฺมกถํ น ชานาติ , อมฺหากํ อฺํ ธมฺมกถิกํ เทถา’’ติ วทึสุ. ‘‘สามเณโร ปน อรหตฺตํ ปตฺวาปิ เนว เตสํ ธมฺมกถํ กเถสี’’ติ.

ตทา ปน นํ อุปชฺฌาโย, ‘‘สามเณร, กถํ ปน สุขิตา โหนฺติ, ‘กถํ ปน ทุกฺขา มุจฺจนฺตี’ติ อิเมสํ โน ทฺวินฺนํ ปทานํ อตฺถํ กเถหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา ธมฺมาสนํ อารุยฺห ปฺจหิ นิกาเยหิ อตฺถฺจ การณฺจ อากฑฺฒิตฺวา ฆนวสฺสํ วสฺสนฺโต จาตุทฺทีปกมหาเมโฆ วิย ขนฺธธาตุอายตนโพธิปกฺขิยธมฺเม วิภชนฺโต อรหตฺตกูเฏน ธมฺมกถํ กเถตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอวํ อรหตฺตปฺปตฺตสฺส สุขํ โหติ, อรหตฺตํ ปตฺโตเยว ทุกฺขา มุจฺจติ, เสสชนา ชาติทุกฺขาทีหิ เจว นิรยทุกฺขาทีหิ จ น ปริมุจฺจนฺตี’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, สามเณร, สุกถิโต เต ปฏิภาโณ, อิทานิ สรภฺํ ภณาหี’’ติ. โส สรภฺมฺปิ ภณิ. อรุเณ อุคฺคจฺฉนฺเต สามเณรสฺส อุปฏฺากมนุสฺสา ทฺเว ภาคา อเหสุํ. เอกจฺเจ ‘‘น วต โน อิโต ปุพฺเพ เอวรูโป กกฺขโฬ ทิฏฺปุพฺโพ. กถฺหิ นาม เอวรูปํ ธมฺมกถํ ชานนฺโต เอตฺตกํ กาลํ มาตาปิตุฏฺาเน ตฺวา อุปฏฺหนฺตานํ มนุสฺสานํ เอกมฺปิ ธมฺมปทํ น กเถสี’’ติ กุชฺฌึสุ. เอกจฺเจ ‘‘ลาภา วต โน, เย มยํ เอวรูปํ ภทนฺตํ คุณํ วา อคุณํ วา อชานนฺตาปิ อุปฏฺหิมฺห , อิทานิ จ ปนสฺส สนฺติเก ธมฺมํ โสตุํ ลภิมฺหา’’ติ ตุสฺสึสุ.

สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ ตํ ทิวสํ ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต วนวาสีติสฺสสฺส อุปฏฺาเก อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺเ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต อิมมตฺถํ อุปธาเรสิ ‘‘วนวาสีติสฺสสามเณรสฺส อุปฏฺากา เอกจฺเจ ตุฏฺา, เอกจฺเจ กุทฺธา, มยฺหํ ปุตฺตสฺส ปน สามเณรสฺส กุทฺธา นิรยภาคิโน ภวิสฺสนฺติ, คนฺตพฺพเมว ตตฺถ มยา, มยิ คเต สพฺเพปิ เต สามเณเร เมตฺตจิตฺตํ กตฺวา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสนฺตี’’ติ. เตปิ มนุสฺสา ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา คามํ คนฺตฺวา มณฺฑปํ กาเรตฺวา ยาคุภตฺตาทีนิ สมฺปาเทตฺวา อาสนานิ ปฺาเปตฺวา สงฺฆสฺส อาคมนมคฺคํ โอโลเกนฺตา นิสีทึสุ. ภิกฺขูปิ สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขาจารเวลาย คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตา สามเณรํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ, ติสฺส, ตฺวํ อมฺเหหิ สทฺธึ คมิสฺสสิ, อุทาหุ ปจฺฉา’’ติ? ‘‘มม คมนเวลายเมว คมิสฺสามิ, คจฺฉถ ตุมฺเห, ภนฺเต’’ติ. ภิกฺขู ปตฺตจีวรมาทาย ปวิสึสุ.

สตฺถา เชตวนสฺมึเยว จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย เอกจิตฺตกฺขเณเนว คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ ปุรโต ิตเมว อตฺตานํ ทสฺเสสิ. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ อาคโต’’ติ สกลคาโม สงฺขุภิตฺวา เอกโกลาหโล อโหสิ. มนุสฺสา อุทคฺคจิตฺตา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา ยาคุํ ทตฺวา ขชฺชกํ อทํสุ. สามเณโร ภตฺเต อนิฏฺิเตเยว อนฺโตคามํ ปาวิสิ. คามวาสิโน นีหริตฺวา ตสฺส สกฺกจฺจํ ภิกฺขํ อทํสุ. โส ยาปนมตฺตํ คเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปตฺตํ อุปนาเมสิ. สตฺถา ‘‘อาหร, ติสฺสา’’ติ หตฺถํ ปสาเรตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ‘‘ปสฺส, สาริปุตฺต, ตว สามเณรสฺส ปตฺต’’นฺติ เถรสฺส ทสฺเสสิ. เถโร สตฺถุ หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา สามเณรสฺส ทตฺวา ‘‘คจฺฉ, อตฺตโน ปตฺตฏฺาเน นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กโรหี’’ติ อาห.

คามวาสิโน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อนุโมทนํ ยาจึสุ. สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต เอวมาห – ‘‘ลาภา วต โว อุปาสกา, เย ตุมฺเห อตฺตโน กุลูปกํ สามเณรํ นิสฺสาย สาริปุตฺตํ โมคฺคลฺลานํ กสฺสปํ อนุรุทฺธนฺติ อสีติมหาสาวเก ทสฺสนาย ลภถ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ กุลูปกเมว นิสฺสาย อาคโต, พุทฺธทสฺสนมฺปิ โว อิมํ นิสฺสาเยว ลทฺธํ, ลาภา โว, สุลทฺธํ โว’’ติ. มนุสฺสา จินฺตยึสุ – ‘‘อโห อมฺหากํ ลาภา, พุทฺธานฺเจว ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อาราธนสมตฺถํ อมฺหากํ อยฺยํ ทสฺสนาย ลภาม, เทยฺยธมฺมฺจสฺส ทาตุํ ลภามา’’ติ สามเณรสฺส กุทฺธา มนุสฺสา ตุสฺสึสุ. ตุฏฺา มนุสฺสา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสีทึสุ. อนุโมทนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. สตฺถา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. มนุสฺสา สตฺถารํ อนุคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิวตฺตึสุ. สตฺถา สามเณเรน สทฺธึ สมธุเรน คจฺฉนฺโต , ‘‘สามเณร, อยํ ปเทโส โกนาโม, อยํ ปเทโส โกนาโม’’ติ ปุพฺเพ ตสฺส อุปาสเกน ทสฺสิตปเทเส ปุจฺฉนฺโต อคมาสิ. สามเณโรปิ, ‘‘ภนฺเต, อยํ อิตฺถนฺนาโม, อยํ อิตฺถนฺนาโม’’ติ อาจิกฺขมาโนว อคมาสิ. สตฺถา ตสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหิ. ตตฺถ ิตานํ ปน มหาสมุทฺโท ปฺายติ. สตฺถา สามเณรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ติสฺส, ปพฺพตมตฺถเก ิโต อิโต จิโต จ โอโลเกตฺวา กึ ปสฺสสี’’ติ? ‘‘มหาสมุทฺทํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มหาสมุทฺทํ ทิสฺวา กึ จินฺเตสี’’ติ? ‘‘มม ทุกฺขิตกาเล โรทนฺตสฺส จตูหิ มหาสมุทฺเทหิ อติเรกตเรน อสฺสุนา ภวิตพฺพนฺติ อิทํ, ภนฺเต, จินฺเตสิ’’นฺติ. ‘‘สาธุ สาธุ, ติสฺส, เอวเมตํ. เอเกกสฺส หิ สตฺตสฺส ทุกฺขิตกาเล ปคฺฆริตอสฺสูนิ จตูหิ มหาสมุทฺเทหิ อติเรกตราเนวา’’ติ. อิทฺจ ปน วตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘จตูสุ สมุทฺเทสุ ชลํ ปริตฺตกํ,

ตโต พหุํ อสฺสุชลํ อนปฺปกํ;

ทุกฺเขน ผุฏฺสฺส นรสฺส โสจนา,

กึการณา สมฺม ตุวํ ปมชฺชสี’’ติ.

อถ นํ ปุน ปุจฺฉิ – ‘‘ติสฺส, กหํ วสสี’’ติ? ‘‘อิมสฺมึ ปพฺภาเร, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตตฺถ ปน วสนฺโต กึ จินฺเตสี’’ติ? ‘‘มยา มรนฺเตน อิมสฺมึ าเน กตสฺส สรีรนิกฺเขปสฺส ปริจฺเฉโท ‘นตฺถี’ติ จินฺเตสึ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, ติสฺส, เอวเมตํ. อิเมสฺหิ สตฺตานํ ปถวิยํ นิปชฺชิตฺวา อมตฏฺานํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา –

‘‘อุปสาฬกนามานิ, สหสฺสานิ จตุทฺทส;

อสฺมึ ปเทเส ทฑฺฒานิ, นตฺถิ โลเก อนามตํ.

‘‘ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จ, อหึสา สํยโม ทโม;

เอตํ อริยา เสวนฺติ, เอตํ โลเก อนามต’’นฺติ. (ชา.๑.๒.๓๑-๓๒) –

อิมํ ทุกนิปาเต อุปสาฬกชาตกํ กเถสิ. อิติ ปถวิยํ สรีรนิกฺเขปํ กตฺวา มรนฺเตสุ สตฺเตสุ อมตปุพฺพปเทเส มรนฺตา นาม นตฺถิ, อานนฺทตฺเถรสทิสา ปน อมตปุพฺพปเทเส ปรินิพฺพายนฺติ.

อานนฺทตฺเถโร กิร วีสวสฺสสติกกาเล อายุสงฺขารํ โอโลเกนฺโต ปริกฺขีณภาวํ ตฺวา ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อาโรเจสิ. ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา โรหิณีนทิยา อุภยตีรวาสิเกสุ มนุสฺเสสุ โอริมตีรวาสิกา ‘‘มยํ เถรสฺส พหูปการา, อมฺหากํ สนฺติเก ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ วทึสุ. ปรตีรวาสิกาปิ ‘‘มยํ เถรสฺส พหูปการา, อมฺหากํ สนฺติเก ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ วทึสุ. เถโร เตสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อุภยตีรวาสิโน มยฺหํ อุปการา, อิเม นาม อนุปการาติ น สกฺกา วตฺตุํ, สจาหํ โอริมตีเร ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ปรตีรวาสิโน ธาตุคหณตฺถํ เตหิ สทฺธึ กลหํ กริสฺสนฺติ. สเจ ปรตีเร ปรินิพฺพายิสฺสามิ, โอริมตีรวาสิโนปิ ตถา กริสฺสนฺติ, กลโห อุปฺปชฺชมาโนปิ มํ นิสฺสาเยว อุปฺปชฺชิสฺสติ, วูปสมมาโนปิ มํ นิสฺสาเยว วูปสมิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘โอริมตีรวาสิโนปิ มยฺหํ อุปการา, ปรตีรวาสิโนปิ มยฺหํ อุปการา, อนุปการาปิ นาม นตฺถิ, โอริมตีรวาสิโน โอริมตีเรเยว สนฺนิปตนฺตุ, ปรตีรวาสิโนปิ ปรตีเรเยวา’’ติ อาห. ตโต สตฺตเม ทิวเส มชฺเฌนทิยา สตฺตตาลปฺปมาเณ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมํ กเถตฺวา ‘‘มม สรีรํ มชฺเฌ ภิชฺชิตฺวา เอโก ภาโค โอริมตีเร ปตตุ, เอโก ภาโค ปรตีเร’’ติ อธิฏฺาย ยถานิสินฺโนว เตโชธาตุํ สมาปชฺชิ, ชาลา อุฏฺหึสุ. สรีรํ มชฺเฌ ภิชฺชิตฺวา เอโก ภาโค โอริมตีเร ปติ, เอโก ภาโค ปรตีเร. ตโต มหาชโน ปริเทวิ, ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺโท วิย อาโรทนสทฺโท อโหสิ. สตฺถุ ปรินิพฺพาเน อาโรทนสทฺทโตปิ การุฺตโร อโหสิ. มนุสฺสา จตฺตาโร มาเส โรทนฺตา ปริเทวนฺตา ‘‘สตฺถุ ปตฺตจีวรคฺคาหเก ติฏฺนฺเต สตฺถุ ิตกาโล วิย โน อโหสิ, อิทานิ โน สตฺถา ปรินิพฺพุโต’’ติ วิปฺปลปนฺตา วิรวนฺตา วิจรึสูติ.

ปุน สตฺถา สามเณรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ติสฺส, อิมสฺมึ วนสณฺเฑ ทีปิอาทีนํ สทฺเทน ภายสิ, น ภายสี’’ติ? ‘‘น ภายามิ ภควา, อปิจ โข ปน เม เอเตสํ สทฺทํ สุตฺวา วนรติ นาม อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ วนวณฺณนํ นาม กเถสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ติสฺสา’’ติ อามนฺเตสิ. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘มยํ คจฺฉาม, ตฺวํ คมิสฺสสิ, นิวตฺติสฺสสี’’ติ. ‘‘มยฺหํ อุปชฺฌาเย มํ อาทาย คจฺฉนฺเต คมิสฺสามิ, นิวตฺเตนฺเต นิวตฺติสฺสามิ , ภนฺเต’’ติ . สตฺถา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปกฺกามิ. สามเณรสฺส ปน นิวตฺติตุเมว อชฺฌาสโย, เถโร ตํ ตฺวา ‘‘ติสฺส, สเจ นิวตฺติตุกาโม, นิวตฺตา’’ติ อาห. โส สตฺถารฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ วนฺทิตฺวา นิวตฺติ. สตฺถา เชตวนเมว อคมาสิ.

ภิกฺขูนํ ธมฺมสภายํ กถา อุทปาทิ – ‘‘อโห วต วนวาสีติสฺสสามเณโร ทุกฺกรํ กโรติ, ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺายสฺส าตกา สตฺตสุ มงฺคเลสุ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อปฺโปทกมธุปายสเมว อทํสุ, ปพฺพชิตกาเล อนฺโตวิหาเร พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตฺต ทิวสานิ อปฺโปทกมธุปายสเมว อทํสุ. ปพฺพชิตฺวา อฏฺเม ทิวเส อนฺโตคามํ ปวิสนฺโต ทฺวีเหว ทิวเสหิ สาฏกสหสฺเสน สทฺธึ ปิณฺฑปาตสหสฺสํ ลภิ, ปุเนกทิวสํ กมฺพลสหสฺสํ ลภิ. อิติสฺส อิธ วสนกาเล มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ, อิทานิ เอวรูปํ ลาภสกฺการํ ฉฑฺเฑตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา มิสฺสกาหาเรน ยาเปติ, ทุกฺกรการโก วต ติสฺสสามเณโร’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ลาภูปนิสา นาเมสา อฺา, นิพฺพานคามินี ปฏิปทา อฺา. ‘เอวํ ลาภํ ลภิสฺสามี’ติ หิ อารฺิกาทิธุตงฺคสมาทานวเสน ลาภูปนิสํ รกฺขนฺตสฺส ภิกฺขุโน จตฺตาโร อปายา วิวฏทฺวารา เอว ติฏฺนฺติ, นิพฺพานคามินิยา ปน ปฏิปทาย อุปฺปนฺนํ ลาภสกฺการํ ปหาย อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อรหตฺตํ คณฺหาตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๗๕.

‘‘อฺา หิ ลาภูปนิสา, อฺา นิพฺพานคามินี;

เอวเมตํ อภิฺาย, ภิกฺขุ พุทฺธสฺส สาวโก;

สกฺการํ นาภินนฺเทยฺย, วิเวกมนุพฺรูหเย’’ติ.

ตตฺถ อฺา หิ ลาภูปนิสา, อฺา นิพฺพานคามินีติ ลาภูปนิสา นาเมสา อฺา เอว, อฺา นิพฺพานคามินี ปฏิปทา. ลาภุปฺปาทเกน หิ ภิกฺขุนา โถกํ อกุสลกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, กายวงฺกาทีนิ กาตพฺพานิ โหนฺติ. ยสฺมิฺหิ กาเล กายวงฺกาทีสุ กิฺจิ กโรติ, ตทา ลาโภ อุปฺปชฺชติ. ปายสปาติยฺหิ วงฺกํ อกตฺวา อุชุกเมว หตฺถํ โอตาเรตฺวา อุกฺขิปนฺตสฺส หตฺโถ มกฺขิตมตฺตโกว โหติ, วงฺกํ กตฺวา โอตาเรตฺวา อุกฺขิปนฺตสฺส ปน ปายสปิณฺฑํ อุทฺธรนฺโตว นิกฺขมติ, เอวํ กายวงฺกาทีนิ กรณกาเลเยว ลาโภ อุปฺปชฺชติ. อยํ อธมฺมิกา ลาภูปนิสฺสา นาม. อุปธิสมฺปทา จีวรธารณํ พาหุสจฺจํ ปริวาโร อรฺวาโสติ เอวรูเปหิ ปน การเณหิ อุปฺปนฺโน ลาโภ ธมฺมิโก นาม โหติ. นิพฺพานคามินึ ปฏิปทํ ปูเรนฺเตน ปน ภิกฺขุนา กายวงฺกาทีนิ ปหาตพฺพานิ. อนนฺเธเนว อนฺเธน วิย, อมูเคเนว มูเคน วิย, อพธิเรเนว พธิเรน วิย ภวิตุํ วฏฺฏติ. อสเน อมาเยน ภวิตุํ วฏฺฏติ. เอวเมตนฺติ เอตํ ลาภุปฺปาทนํ ปฏิปทฺจ นิพฺพานคามินึ ปฏิปทฺจ เอวํ ตฺวา สพฺเพสํ สงฺขตาสงฺขตธมฺมานํ พุชฺฌนฏฺเน พุทฺธสฺส สวนนฺเต ชาตฏฺเน โอวาทานุสาสนึ วา สวนฏฺเน สาวโก ภิกฺขุ อธมฺมิกํ จตุปจฺจยสกฺการํ นาภินนฺเทยฺย, น เจว ธมฺมิกํ ปฏิกฺโกเสยฺย, กายวิเวกาทิกํ วิเวกํ อนุพฺรูหเย. ตตฺถ กายวิเวโกติ กายสฺส เอกีภาโว. จิตฺตวิเวโกติ อฏฺ สมาปตฺติโย. อุปธิวิเวโกติ นิพฺพานํ. เตสุ กายวิเวโก คณสงฺคณิกํ วิโนเทติ, จิตฺตวิเวโก กิเลสสงฺคณิกํ วิโนเทติ, อุปธิวิเวโก สงฺขารสงฺคณิกํ วิโนเทติ. กายวิเวโก จิตฺตวิเวกสฺส ปจฺจโย โหติ, จิตฺตวิเวโก อุปธิวิเวกสฺส ปจฺจโย โหติ. วุตฺตมฺปิเหตํ –

‘‘กายวิเวโก จ วิเวกฏฺกายานํ เนกฺขมฺมาภิรตานํ, จิตฺตวิเวโก จ ปริสุทฺธจิตฺตานํ ปรมโวทานปฺปตฺตานํ, อุปธิวิเวโก จ นิรุปธีนํ ปุคฺคลานํ วิสงฺขารคตาน’’นฺติ (มหานิ. ๑๕๐). –

อิมํ ติวิธมฺปิ วิเวกํ พฺรูเหยฺย วฑฺเฒยฺย, อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

วนวาสีติสฺสสามเณรวตฺถุ ปนฺนรสมํ.

พาลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจโม วคฺโค.