📜

๖. ปณฺฑิตวคฺโค

๑. ราธตฺเถรวตฺถุ

นิธีนํวปวตฺตารนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ ราธตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร คิหิกาเล สาวตฺถิยํ ทุคฺคตพฺราหฺมโณ อโหสิ. โส ‘‘ภิกฺขูนํ สนฺติเก ชีวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อปฺปหริตกํ กโรนฺโต ปริเวณํ สมฺมชฺชนฺโต มุขโธวนาทีนิ ททนฺโต อนฺโตวิหาเรเยว วสิ. ภิกฺขูปิ นํ สงฺคณฺหึสุ, ปพฺพาเชตุํ ปน น อิจฺฉนฺติ. โส ปพฺพชฺชํ อลภมาโน กิโส อโหสิ. อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อรหา ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา สายนฺหสมเย วิหารจาริกํ จรนฺโต วิย พฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, กึ กโรนฺโต วิจรสี’’ติ อาห. ‘‘ภิกฺขูนํ วตฺตปฏิวตฺตํ กโรนฺโต, ภนฺเต’’ติ . ‘‘ลภสิ เนสํ สนฺติกา สงฺคห’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อาหารมตฺตํ ลภามิ, น ปน มํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ. สตฺถา เอตสฺมึ นิทาเน ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อตฺถิ โกจิ อิมสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิการํ สรตี’’ติ ปุจฺฉิ. สาริปุตฺตตฺเถโร ‘‘อหํ, ภนฺเต, สรามิ, อยํ เม ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส อตฺตโน อภิหฏํ กฏจฺฉุภิกฺขํ ทาเปสิ, อิมมสฺสาหํ อธิการํ สรามี’’ติ อาห. โส สตฺถารา ‘‘กึ ปน เต, สาริปุตฺต, เอวํ กตูปการํ ทุกฺขโต โมเจตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ปพฺพาเชสฺสามี’’ติ ตํ พฺราหฺมณํ ปพฺพาเชสิ. ตสฺส ภตฺตคฺเค อาสนปริยนฺเต อาสนํ ปาปุณาติ, ยาคุภตฺตาทีหิปิ กิลมติ. เถโร ตํ อาทาย จาริกํ ปกฺกามิ, อภิกฺขณฺจ นํ ‘‘อิทํ เต กตฺตพฺพํ, อิทํ เต น กตฺตพฺพ’’นฺติ โอวทิ อนุสาสิ. โส สุวโจ อโหสิ ปทกฺขิณคฺคาหี. ตสฺมา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาโน กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ.

เถโร ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อาห – ‘‘สุวโจ นุ โข, สาริปุตฺต, เต อนฺเตวาสิโก’’ติ . ‘‘อาม, ภนฺเต, อติวิย สุวโจ, กิสฺมิฺจิ โทเส วุจฺจมาเน น กุทฺธปุพฺโพ’’ติ. ‘‘สาริปุตฺต , เอวรูเป สทฺธิวิหาริเก ลภนฺโต กิตฺตเก คณฺเหยฺยาสี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, พหุเกปิ คณฺเหยฺยเมวา’’ติ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภาย กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘สาริปุตฺตตฺเถโร กิร กตฺู กตเวที, กฏจฺฉุภิกฺขามตฺตํ อุปการํ สริตฺวา ทุคฺคตพฺราหฺมณํ ปพฺพาเชสิ. เถโรปิ โอวาทกฺขโม โอวาทกฺขมเมว ลภี’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ สาริปุตฺโต กตฺู กตเวทีเยวา’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ ปกาเสตุํ –

‘‘อลีนจิตฺตํ นิสฺสาย, ปหฏฺา มหตี จมู;

โกสลํ เสนาสนฺตุฏฺํ, ชีวคฺคาหํ อคาหยิ.

‘‘เอวํ นิสฺสยสมฺปนฺโน, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย;

ภาวยํ กุสลํ ธมฺมํ, โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยา;

ปาปุเณ อนุปุพฺเพน, สพฺพสํโยชนกฺขย’’นฺติ. (ชา. ๑.๒.๑๑-๑๒) –

อิมํ ทุกนิปาเต อลีนจิตฺตชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. ตทา กิร วฑฺฒกีหิ ปาทสฺส อโรคกรณภาเวน กหํ อตฺตโน อุปการํ ตฺวา สพฺพเสตสฺส หตฺถิโปตกสฺส ทายโก เอกจาริโก หตฺถี สาริปุตฺตตฺเถโร อโหสีติ เอวํ เถรํ อารพฺภ ชาตกํ กเถตฺวา ราธตฺเถรํ อารพฺภ, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม ราเธน วิย สุวเจน ภวิตพฺพํ, โทสํ ทสฺเสตฺวา โอวทิยมาเนนปิ น กุชฺฌิตพฺพํ, โอวาททายโก ปน นิธิอาจิกฺขณโก วิย ทฏฺพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๗๖.

‘‘นิธีนํว ปวตฺตารํ, ยํ ปสฺเส วชฺชทสฺสินํ;

นิคฺคยฺหวาทึ เมธาวึ, ตาทิสํ ปณฺฑิตํ ภเช;

ตาทิสํ ภชมานสฺส, เสยฺโย โหติ น ปาปิโย’’ติ.

ตตฺถ นิธีนนฺติ ตตฺถ ตตฺถ นิทหิตฺวา ปิตานํ หิรฺสุวณฺณาทิปูรานํ นิธิกุมฺภีนํ. ปวตฺตารนฺติ กิจฺฉชีวิเก ทุคฺคตมนุสฺเส อนุกมฺปํ กตฺวา ‘‘เอหิ, สุเขน ชีวนูปายํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ นิธิฏฺานํ เนตฺวา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘อิมํ คเหตฺวา สุเขน ชีวา’’ติ อาจิกฺขิตารํ วิย. วชฺชทสฺสินนฺติ ทฺเว วชฺชทสฺสิโน ‘‘อิมินา นํ อสารุปฺเปน วา ขลิเตน วา สงฺฆมชฺเฌ นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ รนฺธคเวสโก จ, อฺาตํ าปนตฺถาย าตํ อนุคฺคหณตฺถาย สีลาทีนมสฺส วุทฺธิกามตาย ตํ ตํ วชฺชํ โอโลกเนน อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิโต จ. อยํ อิธ อธิปฺเปโต. ยถา หิ ทุคฺคตมนุสฺโส ‘‘อิมํ คณฺหาหี’’ติ ตชฺเชตฺวาปิ โปเถตฺวาปิ นิธึ ทสฺเสนฺเต โกปํ น กโรติ, ปมุทิโต เอว โหติ, เอวเมว เอวรูเป ปุคฺคเล อสารุปฺปํ วา ขลิตํ วา ทิสฺวา อาจิกฺขนฺเต โกโป น กาตพฺโพ, ตุฏฺเเนว ภวิตพฺพํ, ‘‘ภนฺเต, มหนฺตํ โว กมฺมํ กตํ , มยฺหํ อาจริยุปชฺฌายฏฺาเน ตฺวา โอวทนฺเตหิ ปุนปิ มํ วเทยฺยาถา’’ติ ปวาเรตพฺพเมว. นิคฺคยฺหวาทินฺติ เอกจฺโจ หิ สทฺธิวิหาริกาทีนํ อสารุปฺปํ วา ขลิตํ วา ทิสฺวา ‘‘อยํ เม มุโขทกทานาทีหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหติ, สเจ นํ วกฺขามิ, น มํ อุปฏฺหิสฺสติ, เอวํ เม ปริหานิ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺถุํ อวิสหนฺโต น นิคฺคยฺหวาที นาม โหติ. โส อิมสฺมึ สาสเน กจวรํ อากิรติ. โย ปน ตถารูปํ วชฺชํ ทิสฺวา วชฺชานุรูปํ ตชฺเชนฺโต ปณาเมนฺโต ทณฺฑกมฺมํ กโรนฺโต วิหารา ตํ นีหรนฺโต สิกฺขาเปติ, อยํ นิคฺคยฺหวาที นาม เสยฺยถาปิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘นิคฺคยฺห นิคฺคยฺหาหํ, อานนฺท, วกฺขามิ, ปวยฺห ปวยฺห, อานนฺท, วกฺขามิ, โย สาโร โส สฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๙๖). เมธาวินฺติ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคตํ. ตาทิสนฺติ เอวรูปํ ปณฺฑิตํ ภเชยฺย ปยิรุปาเสยฺย. ตาทิสฺหิ อาจริยํ ภชมานสฺส อนฺเตวาสิกสฺส เสยฺโย โหติ, น ปาปิโย วฑฺฒิเยว โหติ, โน ปริหานีติ.

เทสนาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ราธตฺเถรวตฺถุ ปมํ.

๒. อสฺสชิปุนพฺพสุกวตฺถุ

โอวเทยฺยานุสาเสยฺยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อสฺสชิปุนพฺพสุกภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. เทสนา ปน กีฏาคิริสฺมึ สมุฏฺิตา.

เต กิร ทฺเว ภิกฺขู กิฺจาปิ อคฺคสาวกานํ สทฺธิวิหาริกา, อลชฺชิโน ปน อเหสุํ ปาปภิกฺขู. เต ปาปเกหิ อตฺตโน ปริวาเรหิ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ กีฏาคิริสฺมึ วิหรนฺตา ‘‘มาลาวจฺฉํ โรเปนฺติปิ โรปาเปนฺติปี’’ติอาทิกํ (ปารา. ๔๓๑; จูฬว. ๒๑) นานปฺปการํ อนาจารํ กโรนฺตา กุลทูสกกมฺมํ กตฺวา ตโต อุปฺปนฺเนหิ ปจฺจเยหิ ชีวิกํ กปฺเปนฺตา ตํ อาวาสํ เปสลานํ ภิกฺขูนํ อนาวาสํ อกํสุ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา เตสํ ปพฺพาชนียกมฺมกรณตฺถาย สปริวาเร ทฺเว อคฺคสาวเก อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉถ, สาริปุตฺตา, เตสุ เย ตุมฺหากํ วจนํ น กโรนฺติ, เตสํ ปพฺพาชนียกมฺมํ กโรถ, เย ปน กโรนฺติ, เต โอวทถ อนุสาสถ. โอวทนฺโต หิ อนุสาสนฺโต อปณฺฑิตานํเยว อปฺปิโย โหติ อมนาโป, ปณฺฑิตานํ ปน ปิโย โหติ มนาโป’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๗๗.

‘‘โอวเทยฺยานุสาเสยฺย, อสพฺภา จ นิวารเย;

สตฺหิ โส ปิโย โหติ, อสตํ โหติ อปฺปิโย’’ติ.

ตตฺถ โอวเทยฺยาติ อุปฺปนฺเน วตฺถุสฺมึ วทนฺโต โอวทติ นาม, อนุปฺปนฺเน วตฺถุสฺมึ ‘‘อยโสปิ เต สิยา’’ติอาทิวเสน อนาคตํ ทสฺเสนฺโต อนุสาสติ นาม. สมฺมุขา วทนฺโต โอวทติ นาม, ปรมฺมุขา ทูตํ วา สาสนํ วา เปเสนฺโต อนุสาสติ นาม. สกึ วทนฺโต โอวทติ นาม, ปุนปฺปุนํ วทนฺโต อนุสาสติ นาม. โอวทนฺโต เอว วา อนุสาสติ นามาติ เอวํ โอวเทยฺย อนุสาเสยฺย. อสพฺภา จาติ อกุสลธมฺมา จ นิวาเรยฺย, กุสลธมฺเม ปติฏฺาเปยฺยาติ อตฺโถ. สตฺหิ โส ปิโย โหตีติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล พุทฺธาทีนํ สปฺปุริสานํ ปิโย โหติ. เย ปน อทิฏฺธมฺมา อวิติณฺณปรโลกา อามิสจกฺขุกา ชีวิกตฺถาย ปพฺพชิตา, เตสํ อสตํ โส โอวาทโก อนุสาสโก, ‘‘‘น ตฺวํ อมฺหากํ อุปชฺฌาโย, น อาจริโย, กสฺมา อมฺเห โอวทสี’ติ เอวํ มุขสตฺตีหิ วิชฺฌนฺตานํ อปฺปิโย โหตี’’ติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ. สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาปิ ตตฺถ คนฺตฺวา เต ภิกฺขู โอวทึสุ อนุสาสึสุ. เตสุ เอกจฺเจ โอวาทํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สมฺมา วตฺตึสุ, เอกจฺเจ วิพฺภมึสุ, เอกจฺเจ ปพฺพาชนียกมฺมํ ปาปุณึสูติ.

อสฺสชิปุนพฺพสุกวตฺถุ ทุติยํ.

๓. ฉนฺนตฺเถรวตฺถุ

ภเช ปาปเก มิตฺเตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉนฺนตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร อายสฺมา ‘‘อหํ อมฺหากํ อยฺยปุตฺเตน สทฺธึ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต ตทา อฺํ เอกมฺปิ น ปสฺสามิ, อิทานิ ปน ‘อหํ สาริปุตฺโต นาม, อหํ โมคฺคลฺลาโน นาม, มยํ อคฺคสาวกมฺหา’ติ วตฺวา อิเม วิจรนฺตี’’ติ ทฺเว อคฺคสาวเก อกฺโกสติ. สตฺถา ภิกฺขูนํ สนฺติกา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ฉนฺนตฺเถรํ ปกฺโกสาเปตฺวา โอวทติ. โส ตงฺขเณเยว ตุณฺหี หุตฺวา ปุน คนฺตฺวา เถเร อกฺโกสติเยว. เอวํ ยาวตติยํ อกฺโกสนฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา สตฺถา โอวทิตฺวา ‘‘ฉนฺน, ทฺเว อคฺคสาวกา นาม ตุยฺหํ กลฺยาณมิตฺตา อุตฺตมปุริสา, เอวรูเป กลฺยาณมิตฺเต เสวสฺสุ ภชสฺสู’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๗๘.

‘‘น ภเช ปาปเก มิตฺเต, น ภเช ปุริสาธเม;

ภเชถ มิตฺเต กลฺยาเณ, ภเชถ ปุริสุตฺตเม’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – กายทุจฺจริตาทิอกุสลกมฺมาภิรตา ปาปมิตฺตา นาม. สนฺธิจฺเฉทนาทิเก วา เอกวีสติอเนสนาทิเภเท วา อฏฺาเน นิโยชกา ปุริสาธมา นาม. อุโภปิ วา เอเต ปาปมิตฺตา เจว ปุริสาธมา จ, เต น ภเชยฺย น ปยิรุปาเสยฺย, วิปรีตา ปน กลฺยาณมิตฺตา เจว สปฺปุริสา จ, เต ภเชถ ปยิรุปาเสถาติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ฉนฺนตฺเถโร ปน ตํ โอวาทํ สุตฺวาปิ ปุริมนเยเนว ภิกฺขู อกฺโกสติ ปริภาสติ. ปุนปิ สตฺถุ อาโรเจสุํ . สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, มยิ ธรนฺเต ฉนฺนํ สิกฺขาเปตุํ น สกฺขิสฺสถ, มยิ ปน ปรินิพฺพุเต สกฺขิสฺสถา’’ติ วตฺวา ปรินิพฺพานกาเล อายสฺมตา อานนฺเทน, ‘‘ภนฺเต, กถํ ฉนฺนตฺเถเร อมฺเหหิ ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อานนฺท, ฉนฺนสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมทณฺโฑ ทาตพฺโพ’’ติ อาณาเปสิ. โส สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อานนฺทตฺเถเรน อาโรจิตํ พฺรหฺมทณฺฑํ สุตฺวา ทุกฺขี ทุมฺมโน ติกฺขตฺตุํ มุจฺฉิโต ปติตฺวา ‘‘มา มํ, ภนฺเต, นาสยิตฺถา’’ติ ยาจิตฺวา สมฺมา วตฺตํ ปูเรนฺโต น จิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณีติ.

ฉนฺนตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.

๔. มหากปฺปินตฺเถรวตฺถุ

ธมฺมปีติสุขํ เสตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหากปฺปินตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

ตตฺรายํ อนุปุพฺพี กถา – อตีเต กิร อายสฺมา มหากปฺปิโน ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส ปาทมูเล กตาภินีหาโร สํสาเร สํสรนฺโต พาราณสิโต อวิทูเร เอกสฺมึ เปสการคาเม เชฏฺกเปสกาโร หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตทา สหสฺสมตฺตา ปจฺเจกพุทฺธา อฏฺ มาเส หิมวนฺเต วสิตฺวา วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ชนปเท วสนฺติ. เต เอกวารํ พาราณสิยา อวิทูเร โอตริตฺวา ‘‘เสนาสนกรณตฺถาย หตฺถกมฺมํ ยาจถา’’ติ รฺโ สนฺติกํ อฏฺ ปจฺเจกพุทฺเธ ปหิณึสุ. ตทา ปน รฺโ วปฺปมงฺคลกาโล โหติ. โส ‘‘ปจฺเจกพุทฺธา กิร อาคตา’’ติ สุตฺวา ตสฺมึ ขเณ นิกฺขมิตฺวา อาคตการณํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อชฺช, ภนฺเต, โอกาโส นตฺถิ, สฺเว อมฺหากํ วปฺปมงฺคลํ, ตติยทิวเส กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ อนิมนฺเตตฺวาว ปาวิสิ. ปจฺเจกพุทฺธา ‘‘อฺตฺถ คมิสฺสามา’’ติ ปกฺกมึสุ. ตสฺมึ ขเณ เชฏฺเปสการสฺส ภริยา เกนจิเทว กรณีเยน พาราณสึ คจฺฉนฺตี เต ปจฺเจกพุทฺเธ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, อเวลาย, อยฺยา, อาคตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา อาทิโต ปฏฺาย กเถสุํ. ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา สทฺธาสมฺปนฺนา าณสมฺปนฺนา อิตฺถี ‘‘สฺเว, ภนฺเต, อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตสิ. ‘‘พหุกา มยํ ภคินี’’ติ. ‘‘กิตฺตกา, ภนฺเต’’ติ? ‘‘สหสฺสมตฺตา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ คาเม สหสฺสเปสการา วสิมฺห. เอเกโก เอเกกสฺส ภิกฺขํ ทสฺสติ, ภิกฺขํ อธิวาเสถ, อหเมว โว วสนฏฺานมฺปิ กาเรสฺสามี’’ติ อาห. ปจฺเจกพุทฺธา อธิวาสยึสุ.

สา คามํ ปวิสิตฺวา อุคฺโฆเสสิ – ‘‘อหํ สหสฺสมตฺเต ปจฺเจกพุทฺเธ ทิสฺวา นิมนฺตยึ, อยฺยานํ นิสีทนฏฺานํ สํวิทหถ , ยาคุภตฺตาทีนิ สมฺปาเทถา’’ติ . คามมชฺเฌ มณฺฑปํ กาเรตฺวา อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ปุนทิวเส ปจฺเจกพุทฺเธ นิสีทาเปตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ตสฺมึ คาเม สพฺพา อิตฺถิโย อาทาย ตาหิ สทฺธึ ปจฺเจกพุทฺเธ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เตมาสํ วสนตฺถาย ปฏิฺํ เทถา’’ติ เตสํ ปฏิฺํ คเหตฺวา ปุน คาเม อุคฺโฆเสสิ – ‘‘อมฺมตาตา, เอเกกกุลโต เอเกโก ปุริโส ผรสุวาสิอาทีนิ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ทพฺพสมฺภาเร อาหริตฺวา อยฺยานํ วสนฏฺานํ กโรตู’’ติ. คามวาสิโน ตสฺสาเยว วจนํ สุตฺวา เอเกโก เอเกกํ กตฺวา สทฺธึ รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนหิ ปณฺณสาลสหสฺสํ กาเรตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปณฺณสาลายํ วสฺสูปคเต ปจฺเจกพุทฺเธ ‘‘อหํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิสฺสามิ, อหํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ อุปฏฺหึสุ. วสฺสํวุฏฺกาเล ‘‘อตฺตโน อตฺตโน ปณฺณสาลาย วสฺสํวุฏฺานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ จีวรสาฏเก สชฺเชถา’’ติ สมาทเปตฺวา เอเกกสฺส สหสฺสสหสฺสมูลํ จีวรํ ทาเปสิ. ปจฺเจกพุทฺธา วุฏฺวสฺสา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกมึสุ.

คามวาสิโนปิ อิทํ ปุฺกมฺมํ กตฺวา อิโต จุตา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติตฺวา คณเทวปุตฺตา นาม อเหสุํ. เต ตตฺถ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล พาราณสิยํ กุฏุมฺพิกเคเหสุ นิพฺพตฺตึสุ. เชฏฺกเปสกาโร เชฏฺกกุฏุมฺพิกสฺส ปุตฺโต อโหสิ. ภริยาปิสฺส เชฏฺกกุฏุมฺพิกสฺเสว ธีตา อโหสิ. ตา สพฺพาปิ วยปฺปตฺตา ปรกุลํ คจฺฉนฺติโย เตสํ เตสํเยว เคหานิ อคมึสุ. อเถกทิวสํ วิหาเร ธมฺมสฺสวนํ สงฺฆุฏฺํ. ‘‘สตฺถา ธมฺมํ เทเสสฺสตี’’ติ สุตฺวา สพฺเพปิ เต กุฏุมฺพิกา ‘‘ธมฺมํ โสสฺสามา’’ติ ภริยาหิ สทฺธึ วิหารํ อคมึสุ. เตสํ วิหารมชฺฌํ ปวิฏฺกฺขเณ วสฺสํ อุฏฺหิ. เยสํ กุลูปกา วา าติสามเณราทโย วา อตฺถิ, เต เตสํ ปริเวณานิ ปวิสึสุ. เต ปน ตถารูปานํ นตฺถิตาย กตฺถจิ, ปวิสิตุํ อวิสหนฺตา วิหารมชฺเฌเยว อฏฺํสุ. อถ เน เชฏฺกกุฏุมฺพิโก อาห – ‘‘ปสฺสถ อมฺหากํ วิปฺปการํ, กุลปุตฺเตหิ นาม เอตฺตเกน ลชฺชิตุํ ยุตฺต’’นฺติ. ‘‘อยฺย, กึ ปน กโรมา’’ติ? ‘‘มยํ วิสฺสาสิกฏฺานสฺส อภาเวน อิมํ วิปฺปการํ ปตฺตา, สพฺเพ ธนํ สํหริตฺวา ปริเวณํ กโรมา’’ติ. ‘‘สาธุ, อยฺยา’’ติ เชฏฺโก สหสฺสํ อทาสิ, เสสา ปฺจ ปฺจ สตานิ. อิตฺถิโย อฑฺฒเตยฺยานิ อฑฺฒเตยฺยานิ สตานิ. เต ตํ ธนํ สํหริตฺวา สหสฺสกูฏาคารปริวารํ สตฺถุ วสนตฺถาย มหาปริเวณํ นาม อารภึสุ. นวกมฺมสฺส มหนฺตตาย ธเน อปฺปโหนฺเต ปุพฺเพ ทินฺนธนโต ปุน อุปฑฺฒูปฑฺฒํ อทํสุ. นิฏฺิเต ปริเวเณ วิหารมหํ กโรนฺตา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ จีวรานิ สชฺชึสุ.

เชฏฺกกุฏุมฺพิกสฺส ปน ภริยา สพฺเพหิ สมานํ อกตฺวา อตฺตโน ปฺาย ิตา ‘‘อติเรกตรํ กตฺวา สตฺถารํ ปูเชสฺสามี’’ติ อโนชปุปฺผวณฺเณน สหสฺสมูเลน สาฏเกน สทฺธึ อโนชปุปฺผจงฺโกฏกํ คเหตฺวา อนุโมทนกาเล สตฺถารํ อโนชปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ตํ สาฏกํ สตฺถุ ปาทมูเล เปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อโนชปุปฺผวณฺณํเยว เม สรีรํ โหตุ, อโนชา เอว จ เม นามํ โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. สตฺถา ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนํ อกาสิ. เต สพฺเพปิ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เทวโลกา จวิตฺวา เชฏฺกกุฏุมฺพิโก กุกฺกุฏวตีนคเร ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต มหากปฺปินราชา นาม อโหสิ, เสสา อมจฺจกุเล นิพฺพตฺตึสุ. เชฏฺกกุฏุมฺพิกสฺส ภริยา มทฺทรฏฺเ สาคลนคเร ราชกุเล นิพฺพตฺติ, อโนชปุปฺผวณฺณเมวสฺสา สรีรํ อโหสิ, อโนชาตฺเววสฺสา นามํ กรึสุ. สา วยปฺปตฺตา มหากปฺปินรฺโ เคหํ คนฺตฺวา อโนชาเทวี นาม อโหสิ. เสสิตฺถิโยปิ อมจฺจกุเลสุ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา เตสํเยว อมจฺจปุตฺตานํ เคหานิ อคมํสุ. เต สพฺเพ รฺโ สมฺปตฺติสทิสํ สมฺปตฺตึ อนุภวึสุ. ยทา ราชา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต หตฺถึ อภิรุหิตฺวา วิจริ, ตทา เตปิ ตเถว วิจรนฺติ. ตสฺมึ อสฺเสน วา รเถน วา วิจรนฺเต เตปิ ตเถว วิจรนฺติ? เอวํ เต เอกโต หุตฺวา กตานํ ปุฺานํ อานุภาเวน เอกโตว สมฺปตฺตึ อนุภวึสุ. รฺโ ปน พโล, พลวาหโน, ปุปฺโผ, ปุปฺผวาหโน, สุปตฺโตติ ปฺจ อสฺสา โหนฺติ. ราชา เตสุ สุปตฺตํ อสฺสํ สยํ อาโรหติ, อิตเร จตฺตาโร อสฺสาโรหานํ สาสนาหรณตฺถาย อทาสิ. ราชา เต ปาโตว โภเชตฺวา ‘‘คจฺฉถ ทฺเว วา ตีณิ วา โยชนานิ อาหิณฺฑิตฺวา พุทฺธสฺส วา ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา มยฺหํ สุขสาสนํ อาหรถา’’ติ เปเสสิ. เต จตูหิ ทฺวาเรหิ นิกฺขมิตฺวา ตีณิ โยชนานิ อาหิณฺฑิตฺวา สาสนํ อลภิตฺวา ปจฺจาคจฺฉนฺติ.

อเถกทิวสํ ราชา สุปตฺตํ อสฺสํ อารุยฺห อมจฺจสหสฺสปริวุโต อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต กิลนฺตรูเป ปฺจสตวาณิชเก นครํ ปวิสนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิเม อทฺธานกิลนฺตา, อทฺธา อิเมสํ สนฺติกา เอกํ ภทฺทกํ สาสนํ โสสฺสามี’’ติ เต ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กุโต อาคจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, เทว, อิโต วีสติโยชนสตมตฺถเก สาวตฺถิ นาม นครํ, ตโต อาคจฺฉามา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน โว ปเทเส กิฺจิ สาสนํ อุปฺปนฺน’’นฺติ. ‘‘เทว, อฺํ กิฺจิ นตฺถิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน อุปฺปนฺโน’’ติ. ราชา ตาวเทว ปฺจวณฺณาย ปีติยา ผุฏฺสรีโร กิฺจิ สลฺลกฺเขตุํ อสกฺโกนฺโต มุหุตฺตํ วีตินาเมตฺวา, ‘‘ตาตา, กึ วเทถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พุทฺโธ, เทว, อุปฺปนฺโน’’ติ. ราชา ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ตเถว วีตินาเมตฺวา จตุตฺเถ วาเร ‘‘กึ วเทถ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘พุทฺโธ, เทว, อุปฺปนฺโน’’ติ วุตฺเต, ‘‘ตาตา, โว สตสหสฺสํ ททามี’’ติ วตฺวา ‘‘อฺมฺปิ กิฺจิ สาสนํ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, เทว, ธมฺโม อุปฺปนฺโน’’ติ. ราชา ตมฺปิ สุตฺวา ปุริมนเยเนว ตโย วาเร วีตินาเมตฺวา จตุตฺเถ วาเร ‘‘ธมฺโม อุปฺปนฺโน’’ติ วุตฺเต ‘‘อิธาปิ โว สตสหสฺสํ ทมฺมี’’ติ วตฺวา ‘‘อปรมฺปิ สาสนํ อตฺถิ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, เทว, สงฺฆรตนํ อุปฺปนฺน’’นฺติ. ราชา ตมฺปิ สุตฺวา ตโย วาเร วีตินาเมตฺวา จตุตฺเถ วาเร ‘‘สงฺโฆ’’ติ ปเท วุตฺเต ‘‘อิธาปิ โว สตสหสฺสํ ทมฺมี’’ติ วตฺวา อมจฺจสหสฺสํ โอโลเกตฺวา, ‘‘ตาตา, กึ กริสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘อหํ, ตาตา, ‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน, ธมฺโม อุปฺปนฺโน, สงฺโฆ อุปฺปนฺโน’ติ สุตฺวา น ปุน นิวตฺติสฺสามิ, สตฺถารํ อุทฺทิสฺส คนฺตฺวา ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘มยมฺปิ, เทว , ตุมฺเหหิ สทฺธึ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ. ราชา สุวณฺณปฏฺเฏ อกฺขรานิ ลิขาเปตฺวา วาณิชเก อาห – ‘‘อโนชา นาม เทวี ตุมฺหากํ ตีณิ สตสหสฺสานิ ทสฺสติ, เอวฺจ ปน นํ วเทยฺยาถ ‘รฺโ กิร เต อิสฺสริยํ วิสฺสฏฺํ, ยถาสุขํ สมฺปตฺตึ ปริภุฺชาหี’ติ, สเจ ปน โว ‘ราชา กห’นฺติ ปุจฺฉติ, ‘สตฺถารํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิสฺสามีติ วตฺวา คโต’ติ อาโรเจยฺยาถา’’ติ. อมจฺจาปิ อตฺตโน อตฺตโน ภริยานํ ตเถว สาสนํ ปหิณึสุ . ราชา วาณิชเก อุยฺโยเชตฺวา อสฺสํ อภิรุยฺห อมจฺจสหสฺสปริวุโต ตํ ขณํเยว นิกฺขมิ.

สตฺถาปิ ตํ ทิวสํ ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต มหากปฺปินราชานํ สปริวารํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มหากปฺปิโน วาณิชกานํ สนฺติกา ติณฺณํ รตนานํ อุปฺปนฺนภาวํ สุตฺวา เตสํ วจนํ ตีหิ สตสหสฺเสหิ ปูเชตฺวา รชฺชํ ปหาย อมจฺจสหสฺเสหิ ปริวุโต มํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตุกาโม สฺเว นิกฺขมิสฺสติ. โส สปริวาโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสติ, ปจฺจุคฺคมนมสฺส กริสฺสามี’’ติ ปุนทิวเส จกฺกวตฺตี วิย ขุทฺทกคามโภชกํ ปจฺจุคฺคจฺฉนฺโต สยเมว ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วีสโยชนสตํ มคฺคํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร นิคฺโรธรุกฺขมูเล ฉพฺพณฺณรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺโต นิสีทิ. ‘‘ราชาปิ อาคจฺฉนฺโต เอกํ นทึ ปตฺวา ‘‘กา นาเมสา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อปรจฺฉา นาม, เทวา’’ติ. ‘‘กิมสฺสา ปริมาณํ, ตาตา’’ติ? ‘‘คมฺภีรโต คาวุตํ, ปุถุลโต ทฺเว คาวุตานิ, เทวา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปเนตฺถ นาวา วา อุฬุมฺโป วา’’ติ? ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘นาวาทีนิ โอโลเกนฺเต อมฺเห ชาติ ชรํ อุปเนติ, ชรา มรณํ. อหํ นิพฺเพมติโก หุตฺวา ตีณิ รตนานิ อุทฺทิสฺส นิกฺขนฺโต, เตสํ เม อานุภาเวน อิมํ อุทกํ อุทกํ วิย มา อโหสี’’ติ ติณฺณํ รตนานํ คุณํ อาวชฺเชตฺวา ‘‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ พุทฺธานุสฺสตึ อนุสฺสรนฺโต สปริวาโร อสฺสสหสฺเสน อุทกปิฏฺึ ปกฺขนฺทิ. สินฺธวา ปิฏฺิปาสาเณ วิย ปกฺขนฺทึสุ. ขุรานํ อคฺคา เนว เตมึสุ.

โส ตํ อุตฺตริตฺวา ปุรโต คจฺฉนฺโต อปรมฺปิ นทึ ทิสฺวา ‘‘อยํ กา นามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นีลวาหินี นาม, เทวา’’ติ. ‘‘กิมสฺสา ปริมาณ’’นฺติ? ‘‘คมฺภีรโตปิ ปุถุลโตปิ อฑฺฒโยชนํ, เทวา’’ติ. เสสํ ปุริมสทิสเมว. ตํ ปน นทึ ทิสฺวา ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม’’ติ ธมฺมานุสฺสตึ อนุสฺสรนฺโต ปกฺขนฺทิ. ตมฺปิ อติกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺโต อปรมฺปิ นทึ ทิสฺวา ‘‘อยํ กา นามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘จนฺทภาคา นาม, เทวา’’ติ. ‘‘กิมสฺสา ปริมาณ’’นฺติ? ‘‘คมฺภีรโตปิ ปุถุลโตปิ โยชนํ, เทวา’’ติ. เสสํ ปุริมสทิสเมว. อิมํ ปน นทึ ทิสฺวา ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติ สงฺฆานุสฺสตึ อนุสฺสรนฺโต ปกฺขนฺทิ. ตํ ปน นทึ อติกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺโต สตฺถุ สรีรโต นิกฺขนฺตา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย อทฺทส. นิคฺโรธรุกฺขสฺส สาขาวิฏปปลาสานิ โสวณฺณมยานิ วิย อเหสุํ. ราชา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปน โอภาโส เนว จนฺทสฺส, น สูริยสฺส, น เทวมารพฺรหฺมนาคสุปณฺณาทีนํ อฺตรสฺส, อทฺธา อหํ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส อาคจฺฉนฺโต มหาโคตมพุทฺเธน ทิฏฺโ ภวิสฺสามี’’ติ. โส ตาวเทว อสฺสปิฏฺิโต โอตริตฺวา โอนตสรีโร รสฺมิอนุสาเรน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา มโนสิลารเส นิมุชฺชนฺโต วิย พุทฺธรสฺมีนํ อนฺโต ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ อมจฺจสหสฺเสน, สตฺถา ตสฺส อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. เทสนาวสาเน ราชา สปริวาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อถ สพฺเพว อุฏฺหิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. สตฺถา ‘‘อาคมิสฺสติ นุ โข อิเมสํ กุลปุตฺตานํ อิทฺธิมยปตฺตจีวร’’นฺติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อิเม กุลปุตฺตา ปจฺเจกพุทฺธสหสฺสสฺส จีวรสหสฺสํ อทํสุ, กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานมฺปิ วีสติจีวรสหสฺสานิปิ อทํสุ. อนจฺฉริยํ อิเมสํ อิทฺธิมยปตฺตจีวราคมน’’นฺติ ตฺวา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว, จรถ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ อาห. เต ตาวเทว อฏฺปริกฺขารธรา วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย หุตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปจฺโจโรหิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ.

เตปิ วาณิชกา ราชกุลํ คนฺตฺวา รฺา ปหิตภาวํ อาโรจาเปตฺวา เทวิยา ‘‘อาคจฺฉนฺตู’’ติ วุตฺเต ปวิสิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. อถ เน เทวี ปุจฺฉิ – ‘‘ตาตา, กึ การณา อาคตาตฺถา’’ติ? ‘‘มยํ รฺา ตุมฺหากํ สนฺติกํ ปหิตา, ตีณิ กิร โน สตสหสฺสานิ เทถา’’ติ. ‘‘ตาตา, อติพหุํ ภณถ, กึ ตุมฺเหหิ รฺโ กตํ, กิสฺมึ โว ราชา ปสนฺโน เอตฺตกํ ธนํ ทาเปสี’’ติ? ‘‘เทวิ, น อฺํ กิฺจิ กตํ, รฺโ ปน เอกํ สาสนํ อาโรจยิมฺหา’’ติ? ‘‘สกฺกา ปน, ตาตา, มยฺหํ อาโรเจตุ’’นฺติ. ‘‘สกฺกา, เทวี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ตาตา, วเทถา’’ติ. ‘‘เทวิ พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ. สาปิ ‘‘ตํ สุตฺวา ปุริมนเยเนว ปีติยา ผุฏฺสรีรา ติกฺขตฺตุํ กิฺจิ อสลฺลกฺเขตฺวา จตุตฺเถ วาเร ‘พุทฺโธ’ติ ปทํ สุตฺวา, ตาตา, อิมสฺมึ ปเท รฺา กึ ทินฺน’’นฺติ? ‘‘สตสหสฺสํ, เทวี’’ติ. ‘‘ตาตา , อนนุจฺฉวิกํ รฺา กตํ เอวรูปํ สาสนํ สุตฺวา ตุมฺหากํ สตสหสฺสํ ททมาเนน. อหฺหิ โว มม ทุคฺคตปณฺณากาเร ตีณิ สตสหสฺสานิ ทมฺมิ, อปรมฺปิ ตุมฺเหหิ รฺโ กึ อาโรจิต’’นฺติ? เต อิทฺจิทฺจาติ อิตรานิปิ ทฺเว สาสนานิ อาโรจยึสุ. เทวี ปุริมนเยเนว ปีติยา ผุฏฺสรีรา ติกฺขตฺตุํ กิฺจิ อสลฺลกฺเขตฺวา จตุตฺเถ วาเร ตเถว สุตฺวา ตีณิ ตีณิ สตสหสฺสานิ ทาเปสิ, เอวํ เต สพฺพานิปิ ทฺวาทส สตสหสฺสานิ ลภึสุ.

อถ เน เทวี ปุจฺฉิ – ‘‘ราชา กหํ, ตาตา’’ติ? เทวิ, ‘‘สตฺถารํ อุทฺทิสฺส ‘ปพฺพชิสฺสามี’ติ คโต’’ติ. ‘‘มยฺหํ เตน กึ สาสนํ ทินฺน’’นฺติ? ‘‘สพฺพํ กิร เตน ตุมฺหากํ อิสฺสริยํ วิสฺสฏฺํ, ตุมฺเห กิร ยถารุจิยา สมฺปตฺตึ อนุภวถา’’ติ. ‘‘อมจฺจา ปน กหํ, ตาตา’’ติ? เตปิ ‘‘‘รฺา สทฺธึเยว ปพฺพชิสฺสามา’ติ คตา, เทวี’’ติ. สา เตสํ ภริยาโย ปกฺโกสาเปตฺวา, อมฺมา, ตุมฺหากํ สามิกา ‘‘รฺา สทฺธึ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ คตา, ‘‘ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘กึ ปน เตหิ อมฺหากํ สาสนํ ปหิตํ, เทวี’’ติ? ‘‘เตหิ กิร อตฺตโน สมฺปตฺติ ตุมฺหากํ วิสฺสฏฺา, ตุมฺเห กิร ตํ สมฺปตฺตึ ยถารุจิ ปริภุฺชถา’’ติ. ‘‘ตุมฺเห ปน, เทวิ, กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘อมฺมา, โส ตาว ราชา สาสนํ สุตฺวา มคฺเค ิตโกว ตีหิ สตสหสฺเสหิ ตีณิ รตนานิ ปูเชตฺวา เขฬปิณฺฑํ วิย สมฺปตฺตึ ปหาย ‘ปพฺพชิสฺสามี’ติ นิกฺขนฺโต, มยา ปน ติณฺณํ รตนานํ สาสนํ สุตฺวา ตีณิ รตนานิ นวหิ สตสหสฺเสหิ ปูชิตานิ, น โข ปเนสา สมฺปตฺติ นาม รฺโเยว ทุกฺขา, มยฺหมฺปิ ทุกฺขาเยว. โก รฺา ฉฑฺฑิตเขฬปิณฺฑํ ชาณุเกหิ ปติฏฺหิตฺวา มุเขน คณฺหิสฺสติ, น มยฺหํ สมฺปตฺติยา อตฺโถ, อหมฺปิ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส คนฺตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘เทวิ, มยมฺปิ ตุมฺเหเหว สทฺธึ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ. ‘‘สเจ สกฺโกถ, สาธุ, อมฺมา’’ติ? ‘‘สกฺโกม, เทวี’’ติ. ‘‘สาธุ, อมฺมา, เตน หิ เอถา’’ติ รถสหสฺสํ โยชาเปตฺวา รถํ อารุยฺห ตาหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา อนฺตรามคฺเค ปมํ นทึ ทิสฺวา ยถา รฺา ปุฏฺํ, ตเถว ปุจฺฉิตฺวา สพฺพปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘รฺโ คตมคฺคํ โอโลเกถา’’ติ วตฺวา ‘‘สินฺธวานํ ปทวลฺชํ น ปสฺสาม, เทวี’’ติ วุตฺเต ‘‘ราชา ตีณิ รตนานิ อุทฺทิสฺส นิกฺขนฺโต สจฺจกิริยํ กตฺวา คโต ภวิสฺสติ. อหมฺปิ ตีณิ รตนานิ อุทฺทิสฺส นิกฺขนฺตา, เตสเมว อนุภาเวน อิทํ อุทกํ วิย มา อโหสี’’ติ ติณฺณํ รตนานํ คุณํ อนุสฺสริตฺวา รถสหสฺสํ เปเสสิ. อุทกํ ปิฏฺิปาสาณสทิสํ อโหสิ. จกฺกานํ อคฺคคฺคเนมิวฏฺฏิโย เนว เตมึสุ. เอเตเนว อุปาเยน อิตรา ทฺเว นทิโย อุตฺตริ.

อถ สตฺถา ตสฺสาคมนภาวํ ตฺวา ยถา อตฺตโน สนฺติเก นิสินฺนา ภิกฺขู น ปฺายนฺติ, เอวมกาสิ. สาปิ คจฺฉนฺตี คจฺฉนฺตี สตฺถุ สรีรโต นิกฺขนฺตา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย ทิสฺวา ตเถว จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, มหากปฺปิโน ตุมฺหากํ อุทฺทิสฺส นิกฺขนฺโต อาคเตตฺถ มฺเ, กหํ โส, อมฺหากมฺปิ นํ ทสฺเสถา’’ติ? ‘‘นิสีทถ ตาว, อิเธว นํ ปสฺสิสฺสถา’’ติ . ตา สพฺพาปิ ตุฏฺจิตฺตา ‘‘อิเธว กิร นิสินฺนา สามิเก ปสฺสิสฺสามา’’ติ นิสีทึสุ. สตฺถา ตาสํ อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ, อโนชาเทวี เทสนาวสาเน สปริวารา โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. มหากปฺปินตฺเถโร ตาสํ วฑฺฒิตธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สปริวาโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา ตาสํ เต ภิกฺขู อรหตฺตปฺปตฺเต ทสฺเสสิ. ตาสํ กิร อาคตกฺขเณเยว อตฺตโน สามิเก กาสาวธเร มุณฺฑกสีเส ทิสฺวา จิตฺตํ เอกคฺคํ น ภเวยฺย, เตน มคฺคผลานิ ปตฺตุํ น สกฺกุเณยฺยุํ. ตสฺมา อจลสทฺธาย ปติฏฺิตกาเล ตาสํ เต ภิกฺขู อรหตฺตปฺปตฺเตเยว ทสฺเสสิ.

ตาปิ เต ทิสฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ตาว ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ วตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. เอวํ กิร วุตฺเต ‘‘สตฺถา อุปฺปลวณฺณาย อาคมนํ จินฺเตสี’’ติ เอกจฺเจ วทนฺติ. สตฺถา ปน ตา อุปาสิกาโย อาห – ‘‘สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีอุปสฺสเย ปพฺพเชถา’’ติ. ตา อนุปุพฺเพน ชนปทจาริกํ จรมานา อนฺตรามคฺเค มหาชเนน อภิหฏสกฺการสมฺมานา ปทสาว วีสโยชนสติกํ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีอุปสฺสเย ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สตฺถาปิ ภิกฺขุสหสฺสํ อาทาย อากาเสเนว เชตวนํ อคมาสิ. ตตฺร สุทํ อายสฺมา มหากปฺปิโน รตฺติฏฺานทิวาฏฺานาทีสุ ‘‘อโห สุขํ , อโห สุข’’นฺติ อุทานํ อุทาเนนฺโต วิจรติ. ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, มหากปฺปิโน ‘อโห สุขํ, อโห สุข’นฺติ อุทานํ อุทาเนนฺโต วิจรติ, อตฺตโน กามสุขํ รชฺชสุขํ อารพฺภ กเถสิ มฺเ’’ติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, กปฺปิน, กามสุขํ รชฺชสุขํ อารพฺภ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ. ‘‘ภควา เม, ภนฺเต, ตํ อารพฺภ อุทานภาวํ วา อนุทานภาวํ วา ชานาตี’’ติ? สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต กามสุขํ รชฺชสุขํ อารพฺภ อุทานํ อุทาเนติ, ปุตฺตสฺส ปน เม ธมฺมปีติ นาม ธมฺมรติ นาม อุปฺปชฺชติ, โส อมตมหานิพฺพานํ อารพฺภ เอว อุทานํ อุทาเนสี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๗๙.

‘‘ธมฺมปีติ สุขํ เสติ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม, สทา รมติ ปณฺฑิโต’’ติ.

ตตฺถ ธมฺมปีตีติ ธมฺมปายโก, ธมฺมํ ปิวนฺโตติ อตฺโถ. ธมฺโม จ นาเมส น สกฺกา ภาชเนน ยาคุอาทีนิ วิย ปาตุํ? นววิธํ ปน โลกุตฺตรธมฺมํ นามกาเยน ผุสนฺโต อารมฺมณโต สจฺฉิกโรนฺโต ปริฺาภิสมยาทีหิ ทุกฺขาทีนิ อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺโต ธมฺมํ ปิวติ นาม. สุขํ เสตีติ เทสนามตฺตเมเวตํ, จตูหิปิ อิริยาปเถหิ สุขํ วิหรตีติ อตฺโถ. วิปฺปสนฺเนนาติ อนาวิเลน นิรุปกฺกิเลเสน. อริยปฺปเวทิเตติ พุทฺธาทีหิ อริเยหิ ปเวทิเต สติปฏฺานาทิเภเท โพธิปกฺขิยธมฺเม. สทา รมตีติ เอวรูโป ธมฺมปีติ วิปฺปสนฺเนน เจตสา วิหรนฺโต ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต สทา รมติ อภิรมตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุนฺติ.

มหากปฺปินตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. ปณฺฑิตสามเณรวตฺถุ

อุทกฺหิ นยนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปณฺฑิตสามเณรํ อารพฺภ กเถสิ.

อตีเต กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺโธ วีสติขีณาสวสหสฺสปริวาโร พาราณสึ อคมาสิ. มนุสฺสา อตฺตโน พลํ สลฺลกฺเขตฺวา อฏฺปิ ทสปิ เอกโต หุตฺวา อคนฺตุกทานาทีนิ อทํสุ. อเถกทิวสํ สตฺถา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน เอวํ อนุโมทนมกาสิ –

‘‘อุปาสกา อิธ เอกจฺโจ ‘อตฺตโน สนฺตกเมว ทาตุํ วฏฺฏติ, กึ ปเรน สมาทปิเตนา’ติ อตฺตนาว ทานํ เทติ, ปรํ น สมาทเปติ . โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทํ ลภติ, โน ปริวารสมฺปทํ. เอกจฺโจ ปรํ สมาทเปติ, อตฺตนา น เทติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ปริวารสมฺปทํ ลภติ, โน โภคสมฺปทํ เอกจฺโจ อตฺตนาปิ น เทติ, ปรมฺปิ น สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เนว โภคสมฺปทํ ลภติ, น ปริวารสมฺปทํ, วิฆาสาโทว หุตฺวา ชีวติ. เอกจฺโจ อตฺตนา จ เทติ, ปรฺจ สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทมฺปิ ลภติ ปริวารสมฺปทมฺปี’’ติ.

ตํ สุตฺวา สมีเป ิโต เอโก ปณฺฑิตปุริโส จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ทานิ ตถา กริสฺสามิ, ยถา เม ทฺเวปิ สมฺปตฺติโย ภวิสฺสนฺตี’’ติ. โส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, สฺวาตนาย มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. ‘‘กิตฺตเกหิ เต ภิกฺขูหิ อตฺโถ’’ติ? ‘‘กิตฺตโก ปน โว, ภนฺเต, ปริวาโร’’ติ? ‘‘วีสติ ภิกฺขุสหสฺสานี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, สพฺเพหิ สทฺธึ สฺวาตนาย มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. สตฺถา อธิวาเสสิ. โส คามํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, สฺวาตนาย มยา พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสงฺโฆ นิมนฺติโต, ตุมฺเห ยตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ทาตุํ สกฺขิสฺสถ, ตตฺตกานํ ทานํ เทถา’’ติ อาโรเจตฺวา วิจรนฺโต อตฺตโน อตฺตโน พลํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘มยํ ทสนฺนํ ทสฺสาม, มยํ วีสติยา, มยํ สตสฺส, มยํ ปฺจสตาน’’นฺติ วุตฺเต สพฺเพสํ วจนํ อาทิโต ปฏฺาย ปณฺเณ อาโรเปสิ.

เตน จ สมเยน ตสฺมึ นคเร อติทุคฺคตภาเวเนว ‘‘มหาทุคฺคโต’’ติ ปฺาโต เอโก ปุริโส อตฺถิ. โส ตมฺปิ สมฺมุขาคตํ ทิสฺวา, สมฺม มหาทุคฺคต, มยา สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสงฺโฆ นิมนฺติโต, สฺเว นครวาสิโน ทานํ ทสฺสนฺติ, ‘‘ตฺวํ กติ ภิกฺขู โภเชสฺสสี’’ติ? ‘‘สามิ, มยฺหํ กึ ภิกฺขูหิ, ภิกฺขูหิ นาม สธนานํ อตฺโถ, มยฺหํ ปน สฺเว ยาคุอตฺถาย ตณฺฑุลนาฬิมตฺตมฺปิ นตฺถิ, อหํ ภตึ กตฺวา ชีวามิ, กึ เม ภิกฺขูหี’’ติ? สมาทปเกน นาม พฺยตฺเตน ภวิตพฺพํ. ตสฺมา โส เตน ‘‘นตฺถี’’ติ วุตฺเตปิ ตุณฺหีภูโต อหุตฺวา เอวมาห – ‘‘สมฺม มหาทุคฺคต, อิมสฺมึ นคเร สุโภชนํ ภุฺชิตฺวา สุขุมวตฺถํ นิวาเสตฺวา นานาภรณปฏิมณฺฑิตา สิริสยเน สยมานา พหู ชนา สมฺปตฺตึ อนุภวนฺติ, ตฺวํ ปน ทิวสํ ภตึ กตฺวา กุจฺฉิปูรณมตฺตมฺปิ น ลภสิ, เอวํ สนฺเตปิ ‘อหํ ปุพฺเพ ปุฺํ อกตตฺตา กิฺจิ น ลภามี’ติ น ชานาสี’’ติ? ‘‘ชานามิ, สามี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา อิทานิ ปุฺํ น กโรสิ, ตฺวํ ยุวา พลสมฺปนฺโน, กึ ตยา ภตึ กตฺวาปิ ยถาพลํ ทานํ ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? โส ตสฺมึ กเถนฺเตเยว สํเวคปฺปตฺโต หุตฺวา ‘‘มยฺหมฺปิ เอกํ ภิกฺขุํ ปณฺเณ อาโรเปหิ, กิฺจิเทว ภตึ กตฺวา เอกสฺส ภิกฺขํ ทสฺสามี’’ติ อาห. อิตโร ‘‘กึ เอเกน ภิกฺขุนา ปณฺเณ อาโรปิเตนา’’ติ น อาโรเปสิ? มหาทุคฺคโตปิ เคหํ คนฺตฺวา ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, นครวาสิโน สฺเว สงฺฆภตฺตํ กริสฺสนฺติ, อหมฺปิ สมาทปเกน ‘เอกสฺส ภิกฺขํ เทหี’ติ วุตฺโต, มยมฺปิ สฺเว เอกสฺส ภิกฺขํ ทสฺสามา’’ติ. อถสฺส ภริยา ‘‘มยํ ทลิทฺทา, กสฺมา ตยา สมฺปฏิจฺฉิต’’นฺติ อวตฺวาว, ‘‘สามิ, ภทฺทกํ เต กตํ, มยํ ปุพฺเพปิ กิฺจิ อทตฺวา อิทานิ ทุคฺคตา ชาตา, มยํ อุโภปิ ภตึ กตฺวา เอกสฺส ภิกฺขํ ทสฺสาม, สามี’’ติ วตฺวา อุโภปิ เคหา นิกฺขมิตฺวา ภติฏฺานํ อคมํสุ.

มหาเสฏฺิ ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, สมฺม มหาทุคฺคต, ภตึ กริสฺสสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อยฺยา’’ติ. ‘‘กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘ยํ ตุมฺเห กาเรสฺสถ, ตํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ มยํ สฺเว ทฺเว ตีณิ ภิกฺขุสตานิ โภเชสฺสาม, เอหิ, ทารูนิ ผาเลหี’’ติ วาสิผรสุํ นีหริตฺวา ทาเปสิ. มหาทุคฺคโต ทฬฺหํ กจฺฉํ พนฺธิตฺวา มหุสฺสาหปฺปตฺโต วาสึ ปหาย ผรสุํ คณฺหนฺโต, ผรสุํ ปหาย วาสึ คณฺหนฺโต ทารูนิ ผาเลติ. อถ นํ เสฏฺิ อาห – ‘‘สมฺม, ตฺวํ อชฺช อติวิย อุสฺสาหปฺปตฺโต กมฺมํ กโรสิ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ? ‘‘สามิ, อหํ สฺเว เอกํ ภิกฺขุํ โภเชสฺสามี’’ติ. ตํ สุตฺวา เสฏฺิ ปสนฺนมานโส จินฺเตสิ – ‘‘อโห อิมินา ทุกฺกรํ กตํ, ‘อหํ ทุคฺคโต’ติ ตุณฺหีภาวํ อนาปชฺชิตฺวา ‘ภตึ กตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ โภเชสฺสามี’ติ วทตี’’ติ. เสฏฺิภริยาปิ ตสฺส ภริยํ ทิสฺวา, ‘‘อมฺม, กึ กมฺมํ กริสฺสสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ยํ ตุมฺเห กาเรสฺสถ, ตํ กโรมี’’ติ วุตฺเต อุทุกฺขลสาลํ ปเวเสตฺวา สุปฺปมุสลาทีนิ ทาเปสิ. สา นจฺจนฺตี วิย ตุฏฺปหฏฺา วีหึ โกฏฺเฏติ เจว โอผุณาติ จ. อถ นํ เสฏฺิภริยา ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, ตฺวํ อติวิย ตุฏฺปหฏฺา กมฺมํ กโรสิ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ? ‘‘อยฺเย, อิมํ ภตึ กตฺวา มยมฺปิ เอกํ ภิกฺขุํ โภเชสฺสามา’’ติ. ตํ สุตฺวา เสฏฺิภริยาปิ ตสฺสํ ‘‘อโห วตายํ ทุกฺกรการิกา’’ติ ปสีทิ. เสฏฺิ มหาทุคฺคตสฺส ทารูนํ ผาลิตกาเล ‘‘อยํ เต ภตี’’ติ สาลีนํ จตสฺโส นาฬิโย ทาเปตฺวา ‘‘อยํ เต ตุฏฺิทาโย’’ติ อปราปิ จตสฺโส นาฬิโย ทาเปสิ.

โส เคหํ คนฺตฺวา ภริยํ อาห – ‘‘มยา ภตึ กตฺวา สาลิ ลทฺโธ, อยํ นิวาโป ภวิสฺสติ, ตยา ลทฺธาย ภติยา ทธิเตลกฏุกภณฺฑานิ คณฺหาหี’’ติ. เสฏฺิภริยาปิ ปุน ตสฺสา เอกํ สปฺปิกโรฏิกฺเจว ทธิภาชนฺจ กฏุกภณฺฑฺจ สุทฺธตณฺฑุฬินาฬิฺจ ทาเปสิ. อิติ จ อุภินฺนมฺปิ นว ตณฺฑุลนาฬิโย อเหสุํ. เต ‘‘เทยฺยธมฺโม โน ลทฺโธ’’ติ ตุฏฺหฏฺา ปาโตว อุฏฺหึสุ. ภริยา มหาทุคฺคตํ อาห – ‘‘คจฺฉ, สามิ, ปณฺณํ ปริเยสิตฺวา อาหรา’’ติ. โส อนฺตราปเณ ปณฺณํ อทิสฺวา นทีตีรํ คนฺตฺวา ‘‘อชฺช อยฺยานํ โภชนํ ทาตุํ ลภิสฺสามี’’ติ ปหฏฺมานโส คายนฺโต ปณฺณํ อุจฺจินติ. มหาชาลํ ขิปิตฺวา ิโต เกวฏฺโฏ ‘‘มหาทุคฺคตสฺส สทฺเทน ภวิตพฺพ’’นฺติ ตํ ปกฺโกสิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อติวิย ตุฏฺจิตฺโต คายสิ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ? ‘‘ปณฺณํ อุจฺจินามิ, สมฺมา’’ติ. ‘‘กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘เอกํ ภิกฺขุํ โภเชสฺสามี’’ติ. ‘‘อโห สุขิโต, ภิกฺขุ, โส ตว กึ ปณฺณํ ขาทิสฺสตี’’ติ? ‘‘กึ กโรมิ, สมฺม, อตฺตนา ลทฺธปณฺเณน โภเชสฺสามี’’ติ? ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ. ‘‘กึ กโรมิ, สมฺมา’’ติ? ‘‘อิเม มจฺเฉ คเหตฺวา ปาทคฺฆนกานิ อฑฺฒคฺฆนกานิ กหาปณคฺฆนกานิ จ อุทฺทานานิ กโรหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. พทฺธพทฺเธ มจฺเฉ นครวาสิโน นิมนฺติตนิมนฺติตานํ ภิกฺขูนํ อตฺถาย หรึสุ. ตสฺส มจฺฉุทฺทานานิ กโรนฺตสฺเสว ภิกฺขาจารเวลา ปาปุณิ. โส เวลํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘คมิสฺสามหํ, สมฺม, อยํ ภิกฺขูนํ อาคมนเวลา’’ติ อาห. ‘‘อตฺถิ ปน กิฺจิ มจฺฉุทฺทาน’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ, สมฺม, สพฺพานิ ขีณานี’’ติ. ‘‘เตน หิ มยา อตฺตโน อตฺถาย วาลุกาย นิขณิตฺวา จตฺตาโร โรหิตมจฺฉา ปิตา, สเจ ภิกฺขุํ โภเชตุกาโมสิ, อิเม คเหตฺวา คจฺฉา’’ติ เต มจฺเฉ ตสฺส อทาสิ.

ตํ ทิวสํ ปน สตฺถา ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต มหาทุคฺคตํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘มหาทุคฺคโต ‘เอกํ ภิกฺขุํ โภเชสฺสามี’ติ ภริยาย สทฺธึ หิยฺโย ภตึ อกาสิ, กตรํ นุ โข ภิกฺขุํ ลภิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มนุสฺสา ปณฺเณ อาโรปิตสฺาย ภิกฺขู คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เคเหสุ นิสีทาเปสฺสนฺติ, มหาทุคฺคโต มํ เปตฺวา อฺํ ภิกฺขุํ น ลภิสฺสตี’’ติ อุปธาเรสิ. พุทฺธา กิร ทุคฺคเตสุ อนุกมฺปํ กโรนฺติ. ตสฺมา สตฺถา ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ‘‘มหาทุคฺคตํ สงฺคณฺหิสฺสามี’’ติ คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา นิสีทิ. มหาทุคฺคเตปิ มจฺเฉ คเหตฺวา เคหํ ปวิสนฺเต สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ‘‘หิยฺโย, มหาทุคฺคโต ‘เอกสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขํ ทสฺสามี’ติ อตฺตโน ภริยาย สทฺธึ ภตึ อกาสิ, กตรํ นุ โข ภิกฺขุํ ลภิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘นตฺเถตสฺส อฺโ ภิกฺขุ, สตฺถา ปน มหาทุคฺคตสฺส สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโน. มหาทุคฺคโต อตฺตโน อุปกปฺปนกํ ยาคุภตฺตํ ปณฺณสูเปยฺยมฺปิ ตถาคตสฺส ทเทยฺย, ‘‘ยํนูนาหํ มหาทุคฺคตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ภตฺตการกกมฺมํ กเรยฺย’’นฺติ อฺาตกเวเสน ตสฺส เคหสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข กสฺสจิ กิฺจิ ภติยา กาตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิ. มหาทุคฺคโต ตํ ทิสฺวา อาห – ‘‘สมฺม, กึ กมฺมํ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘อหํ, สามิ, สพฺพสิปฺปิโก, มยฺหํ อชานนสิปฺปํ นาม นตฺถิ, ยาคุภตฺตาทีนิปิ สมฺปาเทตุํ ชานามี’’ติ. ‘‘สมฺม, มยํ ตว กมฺเมน อตฺถิกา, ตุยฺหํ ปน กิฺจิ ทาตพฺพํ ภตึ น ปสฺสามา’’ติ. ‘‘กึ ปน เต กตฺตพฺพ’’นฺติ? ‘‘เอกสฺส ภิกฺขุสฺส ภิกฺขํ ทาตุกาโมมฺหิ, ตสฺส ยาคุภตฺตสํวิธานํ อิจฺฉามี’’ติ. ‘‘สเจ ภิกฺขุสฺส ภิกฺขํ ทสฺสสิ, น เม ภติยา อตฺโถ, กึ มม ปุฺํ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘เอวํ สนฺเต สาธุ, สมฺม, ปวิสา’’ติ. โส ตสฺส เคหํ ปวิสิตฺวา เตลตณฺฑุลาทีนิ อาหราเปตฺวา ‘‘คจฺฉ, อตฺตโน ปตฺตภิกฺขุํ อาเนหี’’ติ ตํ อุยฺโยเชสิ. ทานเวยฺยาวฏิโกปิ ปณฺเณ อาโรปิตนิยาเมเนว เตสํ เตสํ เคหานิ ภิกฺขู ปหิณิ.

มหาทุคฺคโต ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ ปตฺตภิกฺขุํ เทหี’’ติ อาห. โส ตสฺมึ ขเณ สตึ ลภิตฺวา ‘‘อหํ ตว ภิกฺขุํ ปมุฏฺโ’’ติ อาห. มหาทุคฺคโต ติขิณาย สตฺติยา กุจฺฉิยํ ปหโฏ วิย, ‘‘สามิ, กสฺมา มํ นาเสสิ, อหํ ตยา หิยฺโย สมาทปิโต ภริยาย สทฺธึ ทิวสํ ภตึ กตฺวา อชฺช ปาโตว ปณฺณตฺถาย นทีตีเร อาหิณฺฑิตฺวา อาคโต, เทหิ เม เอกํ ภิกฺขุ’’นฺติ พาหา ปคฺคยฺห ปริเทวิ. มนุสฺสา สนฺนิปติตฺวา ‘‘กิเมตํ, มหาทุคฺคตา’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เต เวยฺยาวฏิกํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘สจฺจํ กิร, สมฺม, ตยา เอส ‘ภตึ กตฺวา เอกสฺส ภิกฺขุสฺส ภิกฺขํ เทหี’ติ สมาทปิโต’’ติ? ‘‘อาม , อยฺยา’’ติ. ‘‘ภาริยํ เต กมฺมํ กตํ, โย ตฺวํ เอตฺตเก ภิกฺขู สํวิทหนฺโต เอตสฺส เอกํ ภิกฺขุํ นาทาสี’’ติ. โส เตสํ วจเนน มงฺกุภูโต ตํ อาห – ‘‘สมฺม มหาทุคฺคต, มา มํ นาสยิ, อหํ ตว การณา มหาวิเหสํ ปตฺโต, มนุสฺสา ปณฺเณ อาโรปิตนิยาเมน อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตภิกฺขู นยึสุ, อตฺตโน เคเห นิสินฺนภิกฺขุํ นีหริตฺวา เทนฺโต นาม นตฺถิ, สตฺถา ปน มุขํ โธวิตฺวา คนฺธกุฏิยเมว นิสินฺโน, ราชยุวราชเสนาปติอาทโย สตฺถุ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมนํ โอโลเกนฺตา นิสินฺนา สตฺถุ ปตฺตํ คเหตฺวา ‘คมิสฺสามา’ติ. พุทฺธา นาม ทุคฺคเต อนุกมฺปํ กโรนฺติ, ตฺวํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘ทุคฺคโตมฺหิ, ภนฺเต, มม สงฺคหํ กโรถา’ติ สตฺถารํ วนฺท, สเจ เต ปุฺํ อตฺถิ, อทฺธา ลจฺฉสี’’ติ.

โส วิหารํ อคมาสิ. อถ นํ อฺเสุ ทิวเสสุ วิหาเร วิฆาสาทภาเวน ทิฏฺตฺตา ราชยุวราชาทโย, ‘‘มหาทุคฺคต, น ตาว ภตฺตกาโล, กสฺมา ตฺวํ อาคจฺฉสี’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘ชานามิ, สามิ, ‘น ตาว ภตฺตกาโล’ติ. สตฺถารํ ปน วนฺทิตุํ อาคจฺฉามี’’ติ วทนฺโต คนฺตฺวา คนฺธกุฏิยา อุมฺมาเร สีสํ เปตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ นคเร มยา ทุคฺคตตโร นตฺถิ, อวสฺสโย เม โหถ, กโรถ เม สงฺคห’’นฺติ อาห. สตฺถา คนฺธกุฏิทฺวารํ วิวริตฺวา ปตฺตํ นีหริตฺวา ตสฺส หตฺเถ เปสิ. โส จกฺกวตฺติสิรึ ปตฺโต วิย อโหสิ, ราชยุวราชาทโย อฺมฺสฺส มุขานิ โอโลกยึสุ. สตฺถารา ทินฺนปตฺตฺหิ โกจิ อิสฺสริยวเสน คเหตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เอวํ ปน วทึสุ, ‘‘สมฺม มหาทุคฺคต, สตฺถุ ปตฺตํ อมฺหากํ เทหิ เอตฺตกํ นาม เต ธนํ ทสฺสาม, ตฺวํ ทุคฺคโต ธนํ คณฺหาหิ, กึ เต ปตฺเตนา’’ติ? มหาทุคฺคโต ‘‘น กสฺสจิ ทสฺสามิ, น เม ธเนน อตฺโถ, สตฺถารํเยว โภเชสฺสามี’’ติ อาห. อวเสสา ตํ ยาจิตฺวา ปตฺตํ อลภิตฺวา นิวตฺตึสุ. ราชา ปน ‘‘มหาทุคฺคโต ธเนน ปโลภิยมาโนปิ สตฺถุ ปตฺตํ น เทติ, สตฺถารา จ สยํ ทินฺนปตฺตํ โกจิ คเหตุํ น สกฺโกติ, อิมสฺส เทยฺยธมฺโม นาม กิตฺตโก ภวิสฺสติ, อิมินา เทยฺยธมฺมสฺส ทินฺนกาเล สตฺถารํ อาทาย เคหํ เนตฺวา มยฺหํ สมฺปาทิตํ อาหารํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารา สทฺธึเยว อคมาสิ. สกฺโกปิ เทวราชา ยาคุขชฺชกภตฺตสูเปยฺยปณฺณาทีนิ สมฺปาเทตฺวา สตฺถุ นิสีทนารหํ อาสนํ ปฺเปตฺวา นิสีทิ.

มหาทุคฺคโต สตฺถารํ เนตฺวา ‘‘ปวิสถ, ภนฺเต’’ติ อาห. วสนเคหฺจสฺส นีจํ โหติ, อโนนเตน ปวิสิตุํ น สกฺกา. พุทฺธา จ นาม เคหํ ปวิสนฺตา น โอนมิตฺวา ปวิสนฺติ. เคหฺหิ ปวิสนกาเล มหาปถวี วา เหฏฺา โอคจฺฉติ, เคหํ วา อุทฺธํ คจฺฉติ. อิทํ เตสํ สุทินฺนทานสฺส ผลํ. ปุน นิกฺขมิตฺวา คตกาเล สพฺพํ ปากติกเมว โหติ. ตสฺมา สตฺถา ิตโกว เคหํ ปวิสิตฺวา สกฺเกน ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. สตฺถริ นิสินฺเน ราชา อาห – ‘‘สมฺม มหาทุคฺคต, ตยา อมฺหากํ ยาจนฺตานมฺปิ สตฺถุ ปตฺโต น ทินฺโน, ปสฺสาม ตาว, กีทิโส เต สตฺถุ สกฺกาโร กโต’’ติ? อถสฺส สกฺโก ยาคุขชฺชกาทีนิ วิวริตฺวา ทสฺเสสิ. เตสํ วาสคนฺโธ สกลนครํ ฉาเทตฺวา อฏฺาสิ. ราชา ยาคุอาทีนิ โอโลเกตฺวา ภควนฺตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, ‘อหํ มหาทุคฺคตสฺส เทยฺยธมฺโม กิตฺตโก ภวิสฺสติ, อิมินา เทยฺยธมฺเม ทินฺเน สตฺถารํ เคหํ เนตฺวา อตฺตโน สมฺปาทิตํ อาหารํ ทสฺสามี’ติ จินฺเตตฺวา อาคโต, มยา เอวรูโป อาหาโร น ทิฏฺปุพฺโพ, มยิ อิธ ิเต มหาทุคฺคโต กิลเมยฺย, คจฺฉามห’’นฺติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. สกฺโกปิ สตฺถารํ ยาคุอาทีนิ ทตฺวา สกฺกจฺจํ ปริวิสิ. สตฺถาปิ กตภตฺตกิจฺโจ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.

สกฺโก มหาทุคฺคตสฺส สฺํ อทาสิ. โส ปตฺตํ คเหตฺวา สตฺถารํ อนุคจฺฉิ. สกฺโก นิวตฺติตฺวา มหาทุคฺคตสฺส เคหทฺวาเร ิโต อากาสํ โอโลเกสิ. ตาวเทว อากาสโต สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสิตฺวา ตสฺส เคเห สพฺพภาชนานิ ปูเรตฺวา สกลํ เคหํ ปูเรสิ. ตสฺส เคเห โอกาโส นาโหสิ. ตสฺส ภริยา ทารเก หตฺเถสุ คเหตฺวา นีหริตฺวา พหิ อฏฺาสิ. โส สตฺถารํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺโต ทารเก พหิ ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, สกลํ โน เคหํ สตฺตหิ รตเนหิ ปุณฺณํ, ปวิสิตุํ โอกาโส นตฺถี’’ติ. โส ‘‘อชฺเชว เม ทาเนน วิปาโก ทินฺโน’’ติ จินฺเตตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘กสฺมา อาคโตสี’’ติ วุตฺเต อาห –‘‘เทว, เคหํ เม สตฺตหิ รตเนหิ ปุณฺณํ, ตํ ธนํ คณฺหถา’’ติ. ราชา ‘‘อโห พุทฺธานํ ทินฺนทานํ, อชฺเชว มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตํ อาห – ‘‘กึ เต ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘ธนหรณตฺถาย สกฏสหสฺสํ, เทวา’’ติ. ราชา สกฏสหสฺสํ เปเสตฺวา ธนํ อาหราเปตฺวา ราชงฺคเณ โอกิราเปสิ. ตาลปฺปมาโณ ราสิ อโหสิ. ราชา นคเร สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อิมสฺมึ นคเร อตฺถิ กสฺสจิ เอตฺตกํ ธน’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘เอวํ มหาธนสฺส กึ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘เสฏฺิฏฺานํ ทาตุํ วฏฺฏติ, เทวา’’ติ. ราชา ตสฺส มหาสกฺการํ กตฺวา เสฏฺิฏฺานํ ทาเปสิ.

อถสฺส ปุพฺเพ เอกสฺส เสฏฺิโน เคหฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอตฺถ ชาเต คจฺเฉ หราเปตฺวา เคหํ อุฏฺาเปตฺวา วสาหี’’ติ อาห. ตสฺส ตํ านํ โสเธตฺวา สมํ กตฺวา ภูมิยา ขฺมานาย อฺมฺํ อาหจฺจ นิธิกุมฺภิโย อุฏฺหึสุ. เตน รฺโ อาโรจิเต ‘‘ตว ปุฺเน นิพฺพตฺตา, ตฺวเมว คณฺหาหี’’ติ อาห. โส เคหํ กาเรตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. ตโต ปรมฺปิ ยาวตายุกํ ติฏฺนฺโต ปุฺานิ กริตฺวา อายุปริโยสาเน เทวโลเก นิพฺพตฺโต.

เอกํ พุทฺธนฺตรํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ตโต จุโต สาวตฺถิยํ สาริปุตฺตตฺเถรสฺสูปฏฺากกุเล เสฏฺิธีตุ กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อถสฺสา มาตาปิตโร คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา คพฺภปริหารํ อทํสุ. ตสฺสา อปเรน สมเยน เอวรูโป โทหโฬ อุปฺปชฺชิ – ‘‘อโห วตาหํ ธมฺมเทสนาปตึ อาทึ กตฺวา ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ โรหิตมจฺฉรเสน ทานํ ทตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ นิวาเสตฺวา อาสนปริยนฺเต นิสินฺนา เตสํ ภิกฺขูนํ อุจฺฉิฏฺภตฺตํ ปริภุฺเชยฺย’’นฺติ. สา มาตาปิตูนํ อาโรเจตฺวา ตถา อกาสิ, โทหโฬ ปฏิปสฺสมฺภิ. อถสฺสา ตโต อปเรสุปิ สตฺตสุ มงฺคเลสุ โรหิตมจฺฉรเสเนว ธมฺมเสนาปติตฺเถรปฺปมุขานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ โภเชสุํ. สพฺพํ ติสฺสกุมารสฺส วตฺถุมฺหิ วุตฺตนิยาเมเนว เวทิตพฺพํ. อยมสฺส ปน มหาทุคฺคตกาเล ทินฺนสฺส โรหิตมจฺฉรสทานสฺเสว นิสฺสนฺโท. นามคฺคหณทิวเส ปนสฺส, ‘‘ภนฺเต, ทาสสฺส โว สิกฺขาปทานิ เทถา’’ติ มาตรา วุตฺเต เถโร อาห – ‘‘โกนาโม อยํ ทารโก’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อิมสฺส ทารกสฺส กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย อิมสฺมึ เคเห ชฬา เอฬมูคาปิ ปณฺฑิตา ชาตา, ตสฺมา เม ปุตฺตสฺส ปณฺฑิโตตฺเวว นามํ ภวิสฺสตี’’ติ. เถโร สิกฺขาปทานิ อทาสิ. ชาตทิวสโต ปฏฺาย ปนสฺส ‘‘นาหํ มม ปุตฺตสฺส อชฺฌาสยํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ มาตุ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. โส สตฺตวสฺสิกกาเล มาตรํ อาห – ‘‘อมฺม, เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาต, ‘อหํ ตว อชฺฌาสยํ น ภินฺทิสฺสามิจฺเจว มนํ อุปฺปาเทสิ’’’นฺติ วตฺวา เถรํ นิมนฺเตตฺวา โภเชตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ทาโส โว ปพฺพชิตุกาโม, อหํ อิมํ สายนฺหสมเย วิหารํ อาเนสฺสามี’’ติ เถรํ อุยฺโยเชตฺวา าตเก สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘มม ปุตฺตสฺส คิหิกาเล กตฺตพฺพสกฺการํ อชฺเชว กริสฺสามา’’ติ มหนฺตํ สกฺการํ กาเรตฺวา ตํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิมํ, ภนฺเต, ปพฺพาเชถา’’ติ เถรสฺส อทาสิ.

เถโร ปพฺพชฺชาย ทุกฺกรภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘กริสฺสามหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ โอวาท’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ เกเส เตเมตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพาเชสิ. มาตาปิตโรปิสฺส สตฺตาหํ วิหาเรเยว วสนฺตา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส โรหิตมจฺฉรเสเนว ทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส สายํ เคหํ อคมํสุ. เถโร อฏฺเม ทิวเส อนฺโตคามํ คจฺฉนฺโต ตํ อาทาย คจฺฉติ, ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ นาคมาสิ. กึ การณา? น ตาวสฺส ปตฺตจีวรคฺคหณานิ วา อิริยาปโถ วา ปาสาทิโก โหติ, อปิจ วิหาเร เถรสฺส กตฺตพฺพวตฺตํ อตฺถิ. เถโร หิ ภิกฺขุสงฺเฆ อนฺโตคามํ ปวิฏฺเ สกลวิหารํ วิจรนฺโต อสมฺมชฺชนฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา ตุจฺฉภาชเนสุ ปานียปริโภชนียานิ อุปฏฺเปตฺวา ทุนฺนิกฺขิตฺตานิ มฺจปีาทีนิ ปฏิสาเมตฺวา ปจฺฉา คามํ ปวิสติ. อปิจ ‘‘อฺติตฺถิยา ตุจฺฉวิหารํ ปวิสิตฺวา ‘ปสฺสถ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกานํ นิสินฺนฏฺานานี’ติ วตฺตุํ มา ลภึสู’’ติ สกลวิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา ปจฺฉา คามํ ปวิสติ. ตสฺมา ตํ ทิวสมฺปิ สามเณเรน ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา ทิวาตรํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ.

สามเณโร อุปชฺฌาเยน สทฺธึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค มาติกํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ กึ นามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มาติกา นาม, สามเณรา’’ติ. ‘‘อิมาย กึ กโรนฺตี’’ติ? ‘‘อิโต จิโต จ อุทกํ อาหริตฺวา อตฺตโน สสฺสกมฺมํ สมฺปาเทนฺตี’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อุทกสฺส จิตฺตํ อตฺถี’’ติ ? ‘‘นตฺถาวุโส’’ติ. ‘‘เอวรูปํ อจิตฺตกํ อตฺตโน อิจฺฉิตฏฺานํ หรนฺติ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อามาวุโส’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ เอวรูปมฺปิ อจิตฺตกํ อตฺตโน อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ หริตฺวา กมฺมํ กโรนฺติ, กสฺมา สจิตฺตกาปิ จิตฺตํ อตฺตโน วเส วตฺเตตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. อเถโส ปุรโต คจฺฉนฺโต อุสุกาเร สรทณฺฑกํ อคฺคิมฺหิ ตาเปตฺวา อกฺขิโกฏิยา โอโลเกตฺวา อุชุกํ กโรนฺเต ทิสฺวา, ‘‘อิเม, ภนฺเต, เก นามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อุสุการา นามาวุโส’’ติ. ‘‘กึ ปเนเต กโรนฺตี’’ติ? ‘‘อคฺคิมฺหิ ตาเปตฺวา สรทณฺฑกํ อุชุํ กโรนฺตี’’ติ. ‘‘สจิตฺตโก, ภนฺเต, เอโส’’ติ? ‘‘อจิตฺตโก, อาวุโส’’ติ . โส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ อจิตฺตกํ คเหตฺวา อคฺคิมฺหิ ตาเปตฺวา อุชุํ กโรนฺติ, กสฺมา สจิตฺตกาปิ อตฺตโน จิตฺตํ วเส วตฺเตตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. อเถโส ปุรโต คจฺฉนฺโต ทารูนิ อรเนมินาภิอาทีนิ ตจฺฉนฺเต ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิเม เก นามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตจฺฉกา นามาวุโส’’ติ. ‘‘กึ ปเนเต กโรนฺตี’’ติ? ‘‘ทารูนิ คเหตฺวา ยานกาทีนํ จกฺกาทีนิ กโรนฺติ, อาวุโส’’ติ. ‘‘เอตานิ ปน สจิตฺตกานิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อจิตฺตกานิ, อาวุโส’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สเจ อจิตฺตกานิ กฏฺกลิงฺครานิ คเหตฺวา จกฺกาทีนิ กโรนฺติ, กสฺมา สจิตฺตกา อตฺตโน จิตฺตํ วเส วตฺเตตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. โส อิมานิ การณานิ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, สเจ ตุมฺหากํ ปตฺตจีวเร ตุมฺเห คณฺเหยฺยาถ, อหํ นิวตฺเตยฺย’’นฺติ. เถโร ‘‘อยํ อธุนา ปพฺพชิโต ทหรสามเณโร มํ อนุพนฺธมาโน เอวํ วเทตี’’ติ จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวาว ‘‘อาหร, สามเณรา’’ติ วตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรํ อคฺคเหสิ.

สามเณโรปิ อุปชฺฌายํ วนฺทิตฺวา นิวตฺตนฺโต, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อาหารํ อาหรนฺโต โรหิตมจฺฉรเสเนว อาหเรยฺยาถา’’ติ อาห. ‘‘กถํ ลภิสฺสามาวุโส’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อตฺตโน ปุฺเน อลภนฺตา มม ปุฺเน ลภิสฺสถา’’ติ อาห. เถโร ‘‘ทหรสามเณรสฺส พหิ นิสินฺนกสฺส ปริปนฺโถปิ ภเวยฺยา’’ติ กุฺชิกํ ทตฺวา ‘‘มยฺหํ วสนคพฺภสฺส ทฺวารํ วิวริตฺวา อนฺโต ปวิสิตฺวา นิสีเทยฺยาสี’’ติ อาห. โส ตถา กตฺวา อตฺตโน กรชกาเย าณํ โอตาเรตฺวา อตฺตภาวํ สมฺมสนฺโต นิสีทิ. อถสฺส คุณเตเชน สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อุปธาเรนฺโต ‘‘ปณฺฑิตสามเณโร อุปชฺฌายสฺส ปตฺตจีวรํ ทตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ นิวตฺโต, มยาปิ ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา จตฺตาโร มหาราเช อามนฺเตตฺวา ‘‘วิหารสฺส อุปวเน วสนฺเต สกุเณ ปลาเปตฺวา สมนฺตโต อารกฺขํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา จนฺทเทวปุตฺตํ ‘‘จนฺทมณฺฑลํ อากฑฺฒิตฺวา คณฺหาหี’’ติ, สูริยเทวปุตฺตํ ‘‘สูริยมณฺฑลํ อากฑฺฒิตฺวา คณฺหาหี’’ติ วตฺวา สยํ คนฺตฺวา อาวิฺฉนรชฺชุฏฺาเน อารกฺขํ คเหตฺวา อฏฺาสิ, วิหาเร ปุราณปณฺณสฺส ปตนฺตสฺสปิ สทฺโท นาโหสิ, สามเณรสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ. โส อนฺตราภตฺเตเยว อตฺตภาวํ สมฺมสิตฺวา ตีณิ ผลานิ ปาปุณิ.

เถโรปิ ‘‘สามเณโร วิหาเร นิสินฺโน, ตสฺส อุปกปฺปนกํ โภชนํ อสุกกุเล นาม สกฺกา ลทฺธุ’’นฺติ เอกํ เปมคารวยุตฺตํ อุปฏฺากกุลํ อคมาสิ. ตตฺถ จ มนุสฺสา ตํ ทิวสํ โรหิตมจฺเฉ ลภิตฺวา เถรสฺเสว อาคมนํ โอโลเกนฺโต นิสีทึสุ. เต เถรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา , ‘‘ภนฺเต, ภทฺทกํ โว กตํ อิธาคจฺฉนฺเตหี’’ติ อนฺโตเคเห ปเวเสตฺวา ยาคุขชฺชกาทีนิ ทตฺวา โรหิตมจฺฉรเสนสฺส ปิณฺฑปาตํ อทํสุ. เถโร หรณาการํ ทสฺเสสิ. มนุสฺสา ‘‘ปริภุฺชถ, ภนฺเต, หรณกภตฺตมฺปิ ลภิสฺสถา’’ติ วตฺวา เถรสฺส ภตฺตกิจฺจาวสาเน ปตฺตํ โรหิตมจฺฉรสโภชนสฺส ปูเรตฺวา อทํสุ. เถโร ‘‘สามเณโร เม ฉาโต’’ติ สีฆํ อคมาสิ. สตฺถาปิ ตํ ทิวสํ กาลสฺเสว ภุฺชิตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา เอวํ อาวชฺเชสิ – ‘‘ปณฺฑิตสามเณโร อุปชฺฌายสฺส ปตฺตจีวรํ ทตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ นิวตฺโต, นิปฺผชฺชิสฺสติ นุ โข อสฺส ปพฺพชิตกิจฺจ’’นฺติ อุปธาเรนฺโต ติณฺณํ ผลานํ ปตฺตภาวํ ตฺวา ‘‘อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสโย อตฺถิ, นตฺถี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘อตฺถี’’ติ ทิสฺวา ‘‘ปุเรภตฺตเมว อรหตฺตํ ปตฺตุํ สกฺขิสฺสติ, น สกฺขิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘สกฺขิสฺสตี’’ติ อฺาสิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สาริปุตฺโต สามเณรสฺส ภตฺตํ อาทาย สีฆํ อาคจฺฉติ, อนฺตรายมฺปิสฺส กเรยฺย ทฺวารโกฏฺเก อารกฺขํ คเหตฺวา นิสีทิสฺสามิ, อถ นํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามิ, ตสฺมึ ปฺเห วิสฺสชฺชิยมาเน สามเณโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ. ตโต คนฺตฺวา ทฺวารโกฏฺเก ตฺวา สมฺปตฺตํ เถรํ จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิ, ปุฏฺํ ปุฏฺํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ.

ตตฺริทํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนํ – สตฺถา กิร นํ อาห – ‘‘สาริปุตฺต, กึ เต ลทฺธ’’นฺติ? ‘‘อาหาโร, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อาหาโร นาม กึ อาหรติ, สาริปุตฺตา’’ติ? ‘‘เวทนํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เวทนํ กึ อาหรติ, สาริปุตฺตา’’ติ? ‘‘รูปํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘รูปํ ปน กึ อาหรติ, สาริปุตฺตา’’ติ ? ‘‘ผสฺสํ, ภนฺเต’’ติ. ตตฺรายํ อธิปฺปาโย – ‘‘ชิฆจฺฉิเตน หิ ปริภุตฺโต อาหาโร ตสฺส ขุทฺทํ ปริหริตฺวา สุขํ เวทนํ อาหรติ. อาหารปริโภเคน สุขิตสฺส สุขาย เวทนาย อุปฺปชฺชมานาย สรีเร วณฺณสมฺปตฺติ โหติ. เอวํ เวทนา รูปํ อาหรติ. สุขิโต ปน อาหารชรูปวเสน อุปฺปนฺนสุขโสมนสฺโส ‘อิทานิ เม อสฺสาโท ชาโต’ติ นิปฺปชฺชนฺโต วา นิสีทนฺโต วา สุขสมฺผสฺสํ ปฏิลภตี’’ติ.

เอวํ อิเมสุ จตูสุ ปฺเหสุ วิสฺสชฺชิเกสุ สามเณโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺโต. สตฺถาปิ เถรํ อาห – ‘‘คจฺฉ, สาริปุตฺต, ตว สามเณรสฺส ภตฺตํ เทหี’’ติ. เถโร คนฺตฺวา ทฺวารํ อาโกเฏสิ. สามเณโร นิกฺขมิตฺวา เถรสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ เปตฺวา ตาลวณฺเฏน เถรํ พีชิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘สามเณร, ภตฺตกิจฺจํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตุมฺเห ปน, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กตํ มยา ภตฺตกิจฺจํ, ตฺวํ กโรหี’’ติ. สตฺตวสฺสิกทารโก ปพฺพชิตฺวา อฏฺเม ทิวเส ตํ ขณํ วิกสิตปทุมุปฺปลสทิโส อรหตฺตํ ปตฺโต, ปจฺจเวกฺขิตฏฺานํ ปน ปจฺจเวกฺขนฺโต นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจมกาสิ. เตน ปตฺตํ โธวิตฺวา ปฏิสามิตกาเล จนฺทเทวปุตฺโต จนฺทมณฺฑลํ วิสฺสชฺเชสิ, สูริยเทวปุตฺโต สูริยมณฺฑลํ. จตฺตาโร มหาราชาโน จตุทฺทิสํ อารกฺขํ วิสฺสชฺเชสุํ, สกฺโก เทวราชา อาวิฺฉนเก อารกฺขํ วิสฺสชฺเชสิ. สูริโย มชฺฌฏฺานโต คลิตฺวา คโต.

ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ, ‘‘ฉายา อธิกปฺปมาณา ชาตา, สูริโย มชฺฌฏฺานโต คลิตฺวา คโต, สามเณเรน จ อิทาเนว ภุตฺตํ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา อาคนฺตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ภิกฺขเว, กึ กเถถา’’ติ? ‘‘อิทํ นาม, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ปุฺวโต สมณธมฺมํ กรณกาเล จนฺทเทวปุตฺโต จนฺทมณฺฑลํ, สูริยเทวปุตฺโต สูริยมณฺฑลํ อากฑฺฒิตฺวา คณฺหิ, จตฺตาโร มหาราชาโน วิหาโรปวเน จตุทฺทิสํ อารกฺขํ คณฺหึสุ, สกฺโก เทวราชา อาวิฺฉนเก อารกฺขํ คณฺหิ, อหมฺปิ ‘พุทฺโธมฺหี’ติ อปฺโปสฺสุกฺโก นิสีทิตุํ นาลตฺถํ, คนฺตฺวา ทฺวารโกฏฺเก มม ปุตฺตสฺส อารกฺขํ อคฺคเหสึ, เนตฺติเก จ มาติกาย อุทกํ หรนฺเต, อุสุกาเร จ อุสุํ อุชุํ กโรนฺเต, ตจฺฉเก จ ทารูนิ ตจฺฉนฺเต ทิสฺวา เอตฺตกํ อารมฺมณํ คเหตฺวา ปณฺฑิตา อตฺตานํ ทเมตฺวา อรหตฺตํ คณฺหนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๘๐.

‘‘อุทกฺหิ นยนฺติ เนตฺติกา, อุสุการา นมยนฺติ เตชนํ;

ทารุํ นมยนฺติ ตจฺฉกา, อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.

ตตฺถ อุทกนฺติ ปถวิยา ถลฏฺานํ ขณิตฺวา อาวาฏฏฺานํ ปูเรตฺวา มาติกํ วา กตฺวา รุกฺขโทณึ วา เปตฺวา อตฺตนา อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ อุทกํ. เนนฺตีติ เนตฺติกา. เตชนนฺติ กณฺฑํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เนตฺติกา อตฺตโน รุจิยา อุทกํ นยนฺติ, อุสุการาปิ ตาเปตฺวา เตชนํ นมยนฺติ อุสุํ อุชุํ กโรนฺติ. ตจฺฉกาปิ เนมิอาทีนํ อตฺถาย ตจฺฉนฺตา ทารุํ นมยนฺติ อตฺตโน รุจิยา อุชุํ วา วงฺกํ วา กโรนฺติ. เอวํ เอตฺตกํ อารมฺมณํ กตฺวา ปณฺฑิตา โสตาปตฺติมคฺคาทีนิ อุปฺปาเทนฺตา อตฺตานํ ทมยนฺติ, อรหตฺตปฺปตฺตา ปน เอกนฺตทนฺตา นาม โหนฺตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ปณฺฑิตสามเณรวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ

เสโล ยถาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

ปุถุชฺชนา กิร สามเณราทโย เถรํ ทิสฺวา สีเสปิ กณฺเณสุปิ นาสายปิ คเหตฺวา ‘‘กึ, จูฬปิต, สาสนสฺมึ น อุกฺกณฺสิ, อภิรมสี’’ติ วทนฺติ. เถโร เตสุ เนว กุชฺฌติ, น ทุสฺสติ. ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ปสฺสถาวุโส, ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรํ ทิสฺวา สามเณราทโย เอวฺเจวฺจ วิเหเนฺติ, โส เตสุ เนว กุชฺฌติ, น ทุสฺสตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กึ กเถถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมํ นาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ขีณาสวา นาม เนว กุชฺฌนฺติ, น ทุสฺสนฺติ. ฆนเสลสทิสา เหเต อจลา อกมฺปิยา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๘๑.

‘‘เสโล ยถา เอกฆโน, วาเตน น สมีรติ;

เอวํ นินฺทาปสํสาสุ, น สมิฺชนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.

ตตฺถ นินฺทาปสํสาสูติ กิฺจาปิ อิธ ทฺเว โลกธมฺมา วุตฺตา, อตฺโถ ปน อฏฺนฺนมฺปิ วเสน เวทิตพฺโพ. ยถา หิ เอกฆโน อสุสิโร เสโล ปุรตฺถิมาทิเภเทน วาเตน น สมีรติ น อิฺชติ น จลติ, เอวํ อฏฺสุปิ โลกธมฺเมสุ อชฺโฌตฺถรนฺเตสุ ปณฺฑิตา น สมิฺชนฺติ, ปฏิฆวเสน วา อนุนยวเสน วา น จลนฺติ น กมฺปนฺติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. กาณมาตุวตฺถุ

ยถาปิ รหโทติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กาณมาตรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ วินเย (ปาจิ. ๒๓๐) อาคตเมว.

ตทา ปน กาณมาตรา อตุจฺฉหตฺถํ ธีตรํ ปติกุลํ เปเสตุํ ปกฺเกสุ ปูเวสุ จตุกฺขตฺตุํ จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ ทินฺนกาเล สตฺถารา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ สิกฺขาปเท ปฺตฺเต กาณาย สามิเกน อฺาย ปชาปติยา อานีตาย กาณา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘อิเมหิ เม ฆราวาโส นาสิโต’’ติ ทิฏฺทิฏฺเ ภิกฺขู อกฺโกสติ ปริภาสติ. ภิกฺขู ตํ วีถึ ปฏิปชฺชิตุํ น วิสหึสุ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ตตฺถ อคมาสิ. กาณมาตา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ อทาสิ. สตฺถา กตปาตราโส ‘‘กหํ กาณา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอสา, ภนฺเต, ตุมฺเห ทิสฺวา มงฺกุภูตา โรทนฺตี ิตา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘เอสา, ภนฺเต, ภิกฺขู อกฺโกสติ ปริภาสติ, ตสฺมา ตุมฺเห ทิสฺวา มงฺกุภูตา โรทมานา ิตา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ปกฺโกสาเปตฺวา – ‘‘กาเณ, กสฺมา มํ ทิสฺวา มงฺกุภูตา นิลียิตฺวา โรทสี’’ติ. อถสฺสา มาตา ตาย กตกิริยํ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘กึ ปน กาณมาเต มม สาวกา ตยา ทินฺนกํ คณฺหึสุ, อทินฺนก’’นฺติ? ‘‘ทินฺนกํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจ มม สาวกา ปิณฺฑาย จรนฺตา ตว เคหทฺวารํ ปตฺตา ตยา ทินฺนกํ คณฺหึสุ, โก เตสํ โทโส’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, อยฺยานํ โทโส’’. ‘‘เอติสฺสาเยว โทโส’’ติ. สตฺถา กาณํ อาห – ‘‘กาเณ, มยฺหํ กิร สาวกา ปิณฺฑาย จรมานา เคหทฺวารํ อาคตา, อถ เนสํ ตว มาตรา ปูวา ทินฺนา, โก นาเมตฺถ มม สาวกานํ โทโส’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, อยฺยานํ โทโส, มยฺหเมว โทโส’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ขมาเปสิ.

อถสฺสา สตฺถา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ, สา โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. สตฺถา อุฏฺายาสนา วิหารํ คจฺฉนฺโต ราชงฺคเณน ปายาสิ. ราชา ทิสฺวา ‘‘สตฺถา วิย ภเณ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, เทวา’’ติ วุตฺเต ‘‘คจฺฉถ, มม อาคนฺตฺวา วนฺทนภาวํ อาโรเจถา’’ติ เปเสตฺวา ราชงฺคเณ ิตํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กหํ, ภนฺเต, คตาตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กาณมาตาย เคหํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กึ การณา, ภนฺเต’’ติ? ‘‘กาณา กิร ภิกฺขู อกฺโกสติ ปริภาสติ, ตํการณา คโตมฺหี’’ติ. ‘‘กึ ปน โว, ภนฺเต, ตสฺสา อนกฺโกสนภาโว กโต’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ภิกฺขูนฺจ อนกฺโกสิกา กตา, โลกุตฺตรกุฏุมฺพสามินี จา’’ติ . ‘‘โหตุ, ภนฺเต, ตุมฺเหหิ สา โลกุตฺตรกุฏุมฺพสามินี กตา, อหํ ปน นํ โลกิยกุฏุมฺพสามินึ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ราชา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปฏินิวตฺโต ปฏิจฺฉนฺนมหาโยคฺคํ ปหิณิตฺวา กาณํ ปกฺโกสาเปตฺวา สพฺพาภรเณหิ อลงฺกริตฺวา เชฏฺธีตุฏฺาเน เปตฺวา ‘‘มม ธีตรํ โปเสตุํ สมตฺถา คณฺหนฺตู’’ติ อาห. อเถโก สพฺพตฺถกมหามตฺโต ‘‘อหํ เทวสฺส ธีตรํ โปเสสฺสามี’’ติ ตํ อตฺตโน เคหํ เนตฺวา สพฺพํ อิสฺสริยํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ‘‘ยถารุจิ ปุฺานิ กโรหี’’ติ อาห. ตโต ปฏฺาย กาณา จตูสุ ทฺวาเรสุ ปุริเส เปตฺวา อตฺตนา อุปฏฺาตพฺเพ ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ ปริเยสมานาปิ น ลภติ. กาณาย เคหทฺวาเร ปฏิยาเทตฺวา ปิตํ ขาทนียโภชนียํ มโหโฆ วิย ปวตฺตติ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ปุพฺเพ, อาวุโส, จตฺตาโร มหลฺลกตฺเถรา กาณาย วิปฺปฏิสารํ กรึสุ, สา เอวํ วิปฺปฏิสารินี หุตฺวาปิ สตฺถารํ อาคมฺม สทฺธาสมฺปทํ ลภิ. สตฺถารา ปุน ตสฺสา เคหทฺวารํ ภิกฺขูนํ อุปสงฺกมนารหํ กตํ. อิทานิ อุปฏฺาตพฺเพ ภิกฺขู วา ภิกฺขุนิโย วา ปริเยสมานาปิ น ลภติ, อโห พุทฺธา นาม อจฺฉริยคุณา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เตหิ มหลฺลกภิกฺขูหิ กาณาย วิปฺปฏิสาโร กโต, ปุพฺเพปิ กรึสุเยว. น จ อิทาเนว มยา กาณา มม วจนการิกา กตา, ปุพฺเพปิ กตาเยวา’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ โสตุกาเมหิ ภิกฺขูหิ ยาจิโต –

‘‘ยตฺเถโก ลภเต พพฺพุ, ทุติโย ตตฺถ ชายติ;

ตติโย จ จตุตฺโถ จ, อิทํ เต พพฺพุกา พิล’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๑๓๗) –

อิทํ พพฺพุชาตกํ วิตฺถาเรน กเถตฺวา ‘‘ตทา จตฺตาโร มหลฺลกภิกฺขู จตฺตาโร พิฬารา อเหสุํ, มูสิกา กาณา, มณิกาโร อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, อตีเตปิ กาณา ทุมฺมนา อาวิลจิตฺตา วิกฺขิตฺตจิตฺตา หุตฺวา มม วจเนน ปสนฺนอุทกรหโท วิย วิปฺปสนฺนจิตฺตา อโหสี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๘๒.

‘‘ยถาปิ รหโท คมฺภีโร, วิปฺปสนฺโน อนาวิโล;

เอวํ ธมฺมานิ สุตฺวาน, วิปฺปสีทนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.

ตตฺถ รหโทติ โย จตุรงฺคินิยาปิ เสนาย โอคาหนฺติยา นขุภติ เอวรูโป อุทกณฺณโว, สพฺพากาเรน ปน จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร นีลมหาสมุทฺโท รหโท นาม. ตสฺส หิ เหฏฺา จตฺตาลีสโยชนสหสฺสมตฺเต าเน อุทกํ มจฺเฉหิ จลติ, อุปริ ตาวตฺตเกเยว าเน อุทกํ วาเตน จลติ, มชฺเฌ จตุโยชนสหสฺสมตฺเต าเน อุทกํ นิจฺจลํ ติฏฺติ. อยํ คมฺภีโร รหโท นาม. เอวํ ธมฺมานีติ เทสนาธมฺมานิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นาม รหโท อนากุลตาย วิปฺปสนฺโน, อจลตาย อนาวิโล, เอวํ มม เทสนาธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติมคฺคาทิวเสน นิรุปกฺกิเลสจิตฺตตํ อาปชฺชนฺตา วิปฺปสีทนฺติ ปณฺฑิตา, อรหตฺตปฺปตฺตา ปน เอกนฺตวิปฺปสนฺนาว โหนฺตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

กาณมาตุวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ

สพฺพตฺถ เว สปฺปุริสา จชนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. เทสนา เวรฺชายํ สมุฏฺิตา.

ปมโพธิยฺหิ ภควา เวรฺชํ คนฺตฺวา เวรฺเชน พฺราหฺมเณน นิมนฺติโต ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ วสฺสํ อุปคฺฉิ. เวรฺโช พฺราหฺมโณ มาราวฏฺฏเนน อาวฏฺโฏ เอกทิวสมฺปิ สตฺถารํ อารพฺภ สตึ น อุปฺปาเทสิ. เวรฺชาปิ ทุพฺภิกฺขา อโหสิ, ภิกฺขู สนฺตรพาหิรํ เวรฺชํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตํ อลภนฺตา กิลมึสุ. เตสํ อสฺสวาณิชกา ปตฺถปตฺถปุลกํ ภิกฺขํ ปฺาเปสุํ. เต กิลมนฺเต ทิสฺวา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ปถโวชํ โภเชตุกาโม, อุตฺตรกุรุฺจ ปิณฺฑาย ปเวเสตุกาโม อโหสิ, สตฺถา ตํ ปฏิกฺขิปิ. ภิกฺขูนํ เอกทิวสมฺปิ ปิณฺฑปาตํ อารพฺภ ปริตฺตาโส นาโหสิ , อิจฺฉาจารํ วชฺเชตฺวา เอว วิหรึสุ. สตฺถา ตตฺถ เตมาสํ วสิตฺวา เวรฺชํ พฺราหฺมณํ อปโลเกตฺวา เตน กตสกฺการสมฺมาโน ตํ สรเณสุ ปติฏฺาเปตฺวา ตโต นิกฺขนฺโต อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เอกสฺมึ สมเย สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวเน วิหาสิ, สาวตฺถิวาสิโน สตฺถุ อาคนฺตุกภตฺตานิ กรึสุ. ตทา ปน ปฺจสตมตฺตา วิฆาสาทา ภิกฺขู นิสฺสาย อนฺโตวิหาเรเยว วสนฺติ. เต ภิกฺขูนํ ภุตฺตาวเสสานิ ปณีตโภชนานิ ภุฺชิตฺวา นิทฺทายิตฺวา อุฏฺาย นทีตีรํ คนฺตฺวา นทนฺตา วคฺคนฺตา มลฺลมุฏฺิยุทฺธํ ยุชฺฌนฺตา กีฬนฺตา อนฺโตวิหาเรปิ พหิวิหาเรปิ อนาจารเมว จรนฺตา วิจรนฺติ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ปสฺสถาวุโส , อิเม วิฆาสาทา ทุพฺภิกฺขกาเล เวรฺชายํ กฺจิ วิการํ น ทสฺเสสุํ, อิทานิ ปน เอวรูปานิ ปณีตโภชนานิ ภุฺชิตฺวา อเนกปฺปการํ วิการํ ทสฺเสนฺตา วิจรนฺติ. ภิกฺขู ปน เวรฺชายมฺปิ อุปสนฺตรูปา วิหริตฺวา อิทานิปิ อุปสนฺตุปสนฺตาว วิหรนฺตี’’ติ. สตฺถา ธมฺมสภํ คนฺตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, กึ กเถถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิทํ นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ปุพฺเพเปเต คทฺรภโยนิยํ นิพฺพตฺตา ปฺจสตา คทฺรภา หุตฺวา ปฺจสตานํ อาชานียสินฺธวานํ อลฺลรสมุทฺทิกปานกปีตาวเสสํ อุจฺฉิฏฺกสฏํ อุทเกน มทฺทิตฺวา มกจิปิโลติกาหิ ปริสฺสาวิตตฺตา ‘โวโลทก’นฺติ สงฺขฺยํ คตํ อปฺปรสํ นิหีนํ ปิวิตฺวา มธุมตฺตา วิย นทนฺตา วิจรึสูติ วตฺวา –

‘‘วาโลทกํ อปฺปรสํ นิหีนํ,

ปิตฺวา มโท ชายติ คทฺรภานํ;

อิมฺจ ปิตฺวาน รสํ ปณีตํ,

มโท น สฺชายติ สินฺธวานํ.

‘‘อปฺปํ ปิวิตฺวาน นิหีนชจฺโจ,

โส มชฺชตี เตน ชนินฺท ปุฏฺโ;

โธรยฺหสีลี จ กุลมฺหิ ชาโต,

น มชฺชตี อคฺครสํ ปิวิตฺวา’’ติ. (ชา. ๑.๒.๖๕);

อิทํ วาโลทกชาตกํ วิตฺถาเรน กเถตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสา โลกธมฺมํ วิวชฺเชตฺวา สุขิตกาเลปิ ทุกฺขิตกาเลปิ นิพฺพิการาว โหนฺตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๘๓.

‘‘สพฺพตฺถ เว สปฺปุริสา จชนฺติ,

น กามกามา ลปยนฺติ สนฺโต;

สุเขน ผุฏฺา อถ วา ทุเขน,

น อุจฺจาวจํ ปณฺฑิตา ทสฺสยนฺตี’’ติ.

ตตฺถ สพฺพตฺถาติ ปฺจกฺขนฺธาทิเภเทสุ สพฺพธมฺเมสุ. สปฺปุริสาติ สุปุริสา. จชนฺตีติ อรหตฺตมคฺคาเณน อปกฑฺฒนฺตา ฉนฺทราคํ วิชหนฺติ. กามกามาติ กาเม กามยนฺตา กามเหตุ กามการณา. น ลปยนฺติ สนฺโตติ พุทฺธาทโย สนฺโต กามเหตุ เนว อตฺตนา ลปยนฺติ, น ปรํ ลปาเปนฺติ. เย หิ ภิกฺขาย ปวิฏฺา อิจฺฉาจาเร ิตา ‘‘กึ, อุปาสก, สุขํ เต ปุตฺตทารสฺส, ราชโจราทีนํ วเสน ทฺวิปทจตุปฺปเทสุ นตฺถิ โกจิ อุปทฺทโว’’ติอาทีนิ วทนฺติ, ตาว เต ลปยนฺติ นาม. ตถา ปน วตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, สพฺเพสํ โน สุขํ, นตฺถิ โกจิ อุปทฺทโว, อิทานิ โน เคหํ ปหูตอนฺนปานํ, อิเธว วสถา’’ติ อตฺตานํ นิมนฺตาเปนฺตา ลปาเปนฺติ นาม. สนฺโต ปน อิทํ อุภยมฺปิ น กโรนฺติ. สุเขน ผุฏฺา อถ วา ทุเขนาติ เทสนามตฺตเมตํ, อฏฺหิ ปน โลกธมฺเมหิ ผุฏฺา ตุฏฺิภาวมงฺกุภาววเสน วา วณฺณภณนอวณฺณภณนวเสน วา อุจฺจาวจํ อาการํ ปณฺฑิตา น ทสฺสยนฺตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. ธมฺมิกตฺเถรวตฺถุ

น อตฺตเหตูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมิกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิเรโก อุปาสโก ธมฺเมน สเมน อคารํ อชฺฌาวสติ. โส ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา เอกทิวสํ ภริยาย สทฺธึ นิสีทิตฺวา สุขกถํ กเถนฺโต อาห – ‘‘ภทฺเท, อิจฺฉามหํ ปพฺพชิตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, สามิ, อาคเมหิ ตาว , ยาวาหํ กุจฺฉิคตํ ทารกํ วิชายามี’’ติ. โส อาคเมตฺวา ทารกสฺส ปทสา คมนกาเล ปุน ตํ อาปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาคเมหิ ตาว, สามิ, ยาวายํ วยปฺปตฺโต โหตี’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ เม อิมาย อปโลกิตาย วา อนปโลกิตาย วา, อตฺตโน ทุกฺขนิสฺสรณํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. โส กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อตฺตโน ปพฺพชิตกิจฺจํ นิฏฺเปตฺวา เตสํ ทสฺสนตฺถาย ปุน สาวตฺถึ คนฺตฺวา ปุตฺตสฺส ธมฺมกถํ กเถสิ. โสปิ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ, ปพฺพชิตฺวา จ ปน น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ปุราณทุติยิกาปิสฺส ‘‘เยสํ อตฺถาย อหํ ฆราวาเส วเสยฺยํ, เต อุโภปิ ปพฺพชิตา, อิทานิ เม กึ ฆราวาเสน, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ, ปพฺพชิตฺวา จ ปน น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, ธมฺมิกอุปาสโก อตฺตโน ธมฺเม ปติฏฺิตตฺตา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต ปุตฺตทารสฺสาปิ ปติฏฺา ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘อิมาย นามา’’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ปณฺฑิเตน นาม เนว อตฺตเหตุ, น ปรเหตุ สมิทฺธิ อิจฺฉิตพฺพา, ธมฺมิเกเนว ปน ธมฺมปฏิสรเณน ภวิตพฺพ’’นฺติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๘๔.

‘‘น อตฺตเหตุ น ปรสฺส เหตุ,

น ปุตฺตมิจฺเฉ น ธนํ น รฏฺํ;

น อิจฺเฉยฺย อธมฺเมน สมิทฺธิมตฺตโน,

ส สีลวา ปฺวา ธมฺมิโก สิยา’’ติ.

ตตฺถ น อตฺตเหตูติ ปณฺฑิโต นาม อตฺตเหตุ วา ปรเหตุ วา ปาปํ น กโรติ. น ปุตฺตมิจฺเฉติ ปุตฺตํ วา ธนํ วา รฏฺํ วา ปาปกมฺเมน น อิจฺเฉยฺย, เอตานิปิ อิจฺฉโต ปาปกมฺมํ น กโรติเยวาติ อตฺโถ. สมิทฺธิมตฺตโนติ ยา อตฺตโน สมิทฺธิ, ตมฺปิ อธมฺเมน น อิจฺเฉยฺย,สมิทฺธิการณาปิ ปาปํ น กโรตีติ อตฺโถ. ส สีลวาติ โย เอวรูโป ปุคฺคโล , โส เอว สีลวา จ ปฺวา จ ธมฺมิโก สิยา, น อฺโติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ธมฺมิกตฺเถรวตฺถุ นวมํ.

๑๐. ธมฺมสฺสวนวตฺถุ

อปฺปกา เต มนุสฺเสสูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมสฺสวนํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิร เอกวีถิวาสิโน มนุสฺสา สมคฺคา หุตฺวา คณพนฺเธน ทานํ ทตฺวา สพฺพรตฺตึ ธมฺมสฺสวนํ กาเรสุํ, สพฺพรตฺตึ ปน ธมฺมํ โสตุํ นาสกฺขึสุ. เอกจฺเจ กามรตินิสฺสิตา หุตฺวา, ปุน เคหเมว คตา, เอกจฺเจ โทสนิสฺสิตา หุตฺวา, เอกจฺเจ มานนิสฺสิตา หุตฺวา, เอกจฺเจ ถินมิทฺธสมงฺคิโน หุตฺวา ตตฺเถว นิสีทิตฺวา ปจลายนฺตา โสตุํ นาสกฺขึสุ. ปุนทิวเส ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, อิมา สตฺตา นาม เยภุยฺเยน ภวนิสฺสิตา, ภเวสุ เอว ลคฺคา วิหรนฺติ, ปารคามิโน นาม อปฺปกา’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อาห –

๘๕.

‘‘อปฺปกา เต มนุสฺเสสุ, เย ชนา ปารคามิโน;

อถายํ อิตรา ปชา, ตีรเมวานุธาวติ.

๘๖.

‘‘เย จ โข สมฺมทกฺขาเต, ธมฺเม ธมฺมานุวตฺติโน;

เต ชนา ปารเมสฺสนฺติ, มจฺจุเธยฺยํ สุทุตฺตร’’นฺติ.

ตตฺถ อปฺปกาติ โถกา น พหู. ปารคามิโนติ นิพฺพานปารคามิโน. อถายํ อิตรา ปชาติ ยา ปนายํ อวเสสา ปชา สกฺกายทิฏฺิตีรเมว อนุธาวติ, อยเมว พหุตราติ อตฺโถ. สมฺมทกฺขาเตติ สมฺมา อกฺขาเต สุกถิเต. ธมฺเมติ เทสนาธมฺเม. ธมฺมานุวตฺติโนติ ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตทนุจฺฉวิกํ ปฏิปทํ ปูเรตฺวา มคฺคผลสจฺฉิกรเณน ธมฺมานุวตฺติโน. ปารเมสฺสนฺตีติ เต เอวรูปา ชนา นิพฺพานปารํ คมิสฺสนฺติ. มจฺจุเธยฺยนฺติ กิเลสมารสงฺขาตสฺส มจฺจุสฺส นิวาสฏฺานภูตํ เตภูมิกวฏฺฏํ. สุทุตฺตรนฺติ เย ชนา ธมฺมานุวตฺติโน, เต เอตํ สุทุตฺตรํ ทุรติกฺกมํ มารเธยฺยํ ตริตฺวา อติกฺกมิตฺวา นิพฺพานปารํ คมิสฺสนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ธมฺมสฺสวนวตฺถุ ทสมํ.

๑๑. ปฺจสตอาคนฺตุกภิกฺขุวตฺถุ

กณฺหํ ธมฺมํ วิปฺปหายาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต อาคนฺตุเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

โกสลรฏฺเ กิร ปฺจสตา ภิกฺขู วสฺสํ วสิตฺวา วุฏฺวสฺสา ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา เตสํ จริยปฏิปกฺขํ นิสาเมตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๘๗.

‘‘กณฺหํ ธมฺมํ วิปฺปหาย, สุกฺกํ ภาเวถ ปณฺฑิโต;

โอกา อโนกมาคมฺม, วิเวเก ยตฺถ ทูรมํ.

๘๘.

‘‘ตตฺราภิรติมิจฺเฉยฺย , หิตฺวา กาเม อกิฺจโน;

ปริโยทเปยฺย อตฺตานํ, จิตฺตกฺเลเสหิ ปณฺฑิโต.

๘๙.

‘‘เยสํ สมฺโพธิยงฺเคสุ, สมฺมา จิตฺตํ สุภาวิตํ;

อาทานปฏินิสฺสคฺเค, อนุปาทาย เย รตา;

ขีณาสวา ชุติมนฺโต, เต โลเก ปรินิพฺพุตา’’ติ.

ตตฺถ กณฺหํ ธมฺมนฺติ กายทุจริตาทิเภทํ อกุสลํ ธมฺมํ วิปฺปหาย ชหิตฺวา. สุกฺกํ ภาเวถาติ ปณฺฑิโต ภิกฺขุ อภินิกฺขมนโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา กายสุจริตาทิเภทํ สุกฺกํ ธมฺมํ ภาเวยฺย. กถํ? โอกาอโนกมาคมฺมาติ โอกํ วุจฺจติ อาลโย, อโนกํ วุจฺจติ อนาลโย, อาลยโต นิกฺขมิตฺวา อนาลยสงฺขาตํ นิพฺพานํ ปฏิจฺจ อารพฺภ ตํ ปตฺถยมาโน ภาเวยฺยาติ อตฺโถ. ตตฺราภิรติมิจฺเฉยฺยาติ ยสฺมึ อนาลยสงฺขาเต วิเวเก นิพฺพาเน อิเมหิ สตฺเตหิ ทุรภิรมํ, ตตฺร อภิรตึ อิจฺเฉยฺย. หิตฺวา กาเมติ วตฺถุกามกิเลสกาเม หิตฺวา อกิฺจโน หุตฺวา วิเวเก อภิรตึ อิจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ. จิตฺตกฺเลเสหีติ ปฺจหิ นีวรเณหิ, อตฺตานํ ปริโยทเปยฺย โวทาเปยฺย, ปริโสเธยฺยาติ อตฺโถ. สมฺโพธิยงฺเคสูติ สมฺโพชฺฌงฺเคสุ. สมฺมา จิตฺตํ สุภาวิตนฺติ เหตุนา นเยน จิตฺตํ สุฏฺุ ภาวิตํ วฑฺฒิตํ. อาทานปฏินิสฺสคฺเคติ อาทานํ วุจฺจติ คหณํ, ตสฺส ปฏินิสฺสคฺคสงฺขาเต อคฺคหเณ จตูหิ อุปาทาเนหิ กิฺจิ อนุปาทิยิตฺวา เย รตาติ อตฺโถ. ชุติมนฺโตติ อานุภาววนฺโต, อรหตฺตมคฺคาณชุติยา ขนฺธาทิเภเท ธมฺเม โชเตตฺวา ิตาติ อตฺโถ. เต โลเกติ อิมสฺมึ ขนฺธาทิโลเก ปรินิพฺพุตา นาม อรหตฺตปตฺติโต ปฏฺาย กิเลสวฏฺฏสฺส เขปิตตฺตา สอุปาทิเสเสน, จริมจิตฺตนิโรเธน ขนฺธวฏฺฏสฺส เขปิตตฺตา อนุปาทิเสเสน จาติ ทฺวีหิ ปรินิพฺพาเนหิ ปรินิพฺพุตา, อนุปาทาโน วิย ปทีโป อปณฺณตฺติกภาวํ คตาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ปฺจสตอาคนฺตุกภิกฺขุวตฺถุ เอกาทสมํ.

ปณฺฑิตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ฉฏฺโ วคฺโค.