📜

๗. อรหนฺตวคฺโค

๑. ชีวกปฺหวตฺถุ

คตทฺธิโนติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ชีวกมฺพวเน วิหรนฺโต ชีวเกน ปุฏฺปฺหํ อารพฺภ กเถสิ. ชีวกวตฺถุ ขนฺธเก (มหาว. ๓๒๖ อาทโย) วิตฺถาริตเมว.

เอกสฺมึ ปน สมเย เทวทตฺโต อชาตสตฺตุนา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา คิชฺฌกูฏํ อภิรุหิตฺวา ปทุฏฺจิตฺโต ‘‘สตฺถารํ วธิสฺสามี’’ติ สิลํ ปวิชฺฌิ. ตํ ทฺเว ปพฺพตกูฏานิ สมฺปฏิจฺฉึสุ. ตโต ภิชฺชิตฺวา คตา ปปฏิกา ภควโต ปาทํ ปหริตฺวา โลหิตํ อุปฺปาเทสิ, ภุสา เวทนา ปวตฺตึสุ. ภิกฺขู สตฺถารํ มทฺทกุจฺฉึ นยึสุ. สตฺถา ตโตปิ ชีวกมฺพวนํ คนฺตุกาโม ‘‘ตตฺถ มํ เนถา’’ติ อาห. ภิกฺขู ภควนฺตํ อาทาย ชีวกมฺพวนํ อคมํสุ. ชีวโก ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วณปฏิกมฺมตฺถาย ติขิณเภสชฺชํ ทตฺวา วณํ พนฺธิตฺวา สตฺถารํ เอตทโวจ – ‘‘ภนฺเต, มยา อนฺโตนคเร เอกสฺส มนุสฺสสฺส เภสชฺชํ กตํ, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุน อาคมิสฺสามิ, อิทํ เภสชฺชํ ยาว มมาคมนา พทฺธนิยาเมเนว ติฏฺตู’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺส ปุริสสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา ทฺวารปิทหนเวลาย อาคจฺฉนฺโต ทฺวารํ น สมฺปาปุณิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อโห มยา ภาริยํ กมฺมํ กตํ, ยฺวาหํ อฺตรสฺส ปุริสสฺส วิย ตถาคตสฺส ปาเท ติขิณเภสชฺชํ ทตฺวา วณํ พนฺธึ, อยํ ตสฺส โมจนเวลา, ตสฺมึ อมุจฺจมาเน สพฺพรตฺตึ ภควโต สรีเร ปริฬาโห อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อานนฺท, ชีวโก สายํ อาคจฺฉนฺโต ทฺวารํ น สมฺปาปุณิ, ‘อยํ วณสฺส โมจนเวลา’ติ ปน จินฺเตสิ, โมเจสิ น’’นฺติ. เถโร โมเจสิ, วโณ รุกฺขโต ฉลฺลิ วิย อปคโต. ชีวโก อนฺโตอรุเณเยว สตฺถุ สนฺติกํ เวเคน อาคนฺตฺวา ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, สรีเร โว ปริฬาโห อุปฺปนฺโน’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘ตถาคตสฺส โข, ชีวก, โพธิมณฺเฑเยว สพฺพปริฬาโห วูปสนฺโต’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๐.

‘‘คตทฺธิโน วิโสกสฺส, วิปฺปมุตฺตสฺส สพฺพธิ;

สพฺพคนฺถปฺปหีนสฺส, ปริฬาโห น วิชฺชตี’’ติ.

ตตฺถ คตทฺธิโนติ คตมคฺคสฺส กนฺตารทฺธา วฏฺฏทฺธาติ ทฺเว อทฺธา นาม. เตสุ กนฺตารปฏิปนฺโน ยาว อิจฺฉิตฏฺานํ น ปาปุณาติ, ตาว อทฺธิโกเยว, เอตสฺมึ ปน ปตฺเต คตทฺธิ นาม โหติ. วฏฺฏสนฺนิสฺสิตาปิ สตฺตา ยาว วฏฺเฏ วสนฺติ, ตาว อทฺธิกา เอว. กสฺมา? วฏฺฏสฺส อเขปิตตฺตา. โสตาปนฺนาทโยปิ อทฺธิกา เอว, วฏฺฏํ ปน เขเปตฺวา ิโต ขีณาสโว คตทฺธิ นาม โหติ. ตสฺส คตทฺธิโน. วิโสกสฺสาติ วฏฺฏมูลกสฺส โสกสฺส วิคตตฺตา วิโสกสฺส. วิปฺปมุตฺตสฺส สพฺพธีติ สพฺเพสุ ขนฺธาทิธมฺเมสุ วิปฺปมุตฺตสฺส, สพฺพคนฺถปฺปหีนสฺสาติ จตุนฺนมฺปิ คนฺถานํ ปหีนตฺตา สพฺพาคนฺถปฺปหีนสฺส. ปริฬาโห น วิชฺชตีติ ทุวิโธ ปริฬาโห กายิโก เจตสิโก จาติ. เตสุ ขีณาสวสฺส สีตุณฺหาทิวเสน อุปฺปนฺนตฺตา กายิกปริฬาโห อนิพฺพุโตว, ตํ สนฺธาย ชีวโก ปุจฺฉติ. สตฺถา ปน ธมฺมราชตาย เทสนาวิธิกุสลตาย เจตสิกปริฬาหวเสน เทสนํ วินิวตฺเตนฺโต, ‘‘ชีวก, ปรมตฺเถน เอวรูปสฺส ขีณาสวสฺส ปริฬาโห น วิชฺชตี’’ติ อาห.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ชีวกปฺหวตฺถุ ปมํ.

๒. มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุ

อุยฺยุฺชนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต มหากสฺสปตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา ราชคเห วุฏฺวสฺโส ‘‘อทฺธมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ อาโรจาเปสิ. วตฺตํ กิเรตํ พุทฺธานํ ภิกฺขูหิ สทฺธึ จาริกํ จริตุกามานํ ‘‘เอวํ ภิกฺขู อตฺตโน ปตฺตปจนจีวรรชนาทีนิ กตฺวา สุขํ คมิสฺสนฺตี’’ติ ‘‘อิทานิ อทฺธมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ อาโรจาปนํ. ภิกฺขูสุ ปน อตฺตโน ปตฺตจีวราทีนิ กโรนฺเตสุ มหากสฺสปตฺเถโรปิ จีวรานิ โธวิ. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘เถโร กสฺมา จีวรานิ โธวติ, อิมสฺมึ นคเร อนฺโต จ พหิ จ อฏฺารส มนุสฺสโกฏิโย วสนฺติ . ตตฺถ เย เถรสฺส น าตกา, เต อุปฏฺากา, เย น อุปฏฺากา, เต าตกา. เต เถรสฺส จตูหิ ปจฺจเยหิ สมฺมานสกฺการํ กโรนฺติ. เอตฺตกํ อุปการํ ปหาย เอส กหํ คมิสฺสติ? สเจปิ คจฺเฉยฺย, มาปมาทกนฺทรโต ปรํ น คมิสฺสตี’’ติ. สตฺถา กิร ยํ กนฺทรํ ปตฺวา นิวตฺเตตพฺพยุตฺตเก ภิกฺขู ‘‘ตุมฺเห อิโต นิวตฺตถ, มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ วทติ. ตํ ‘‘มาปมาทกนฺทร’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.

สตฺถาปิ จาริกํ ปกฺกมนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ นคเร อนฺโต จ พหิ จ อฏฺารส มนุสฺสโกฏิโย วสนฺติ. มนุสฺสานํ มงฺคลามงฺคลฏฺาเนสุ ภิกฺขูหิ คนฺตพฺพํ โหติ, น สกฺกา วิหารํ ตุจฺฉํ กาตุํ, กํ นุ โข นิวตฺเตสฺสามี’’ติ? อถสฺส เอตทโหสิ –‘‘กสฺสปสฺส เหเต มนุสฺสา าตกา จ อุปฏฺากา จ, กสฺสปํ นิวตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เถรํ อาห – ‘‘กสฺสป, น สกฺกา วิหารํ ตุจฺฉํ กาตุํ, มนุสฺสานํ มงฺคลามงฺคลฏฺาเนสุ ภิกฺขูหิ อตฺโถ โหติ, ตฺวํ อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ นิวตฺตสฺสู’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร ปริสํ อาทาย นิวตฺติ. ภิกฺขู อุปชฺฌายึสุ ‘‘ทิฏฺํ โว, อาวุโส, นนุ อิทาเนว อมฺเหหิ วุตฺตํ ‘มหากสฺสโป กสฺมา จีวรานิ โธวติ, น เอโส สตฺถารา สทฺธึ คมิสฺสตี’ติ, ยํ อมฺเหหิ วุตฺตํ, ตเทว ชาต’’นฺติ. สตฺถา ภิกฺขูนํ กถํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา ิโต อาห – ‘‘ภิกฺขเว, กึ นาเมตํ กเถถา’’ติ? ‘‘มหากสฺสปตฺเถรํ อารพฺภ กเถม, ภนฺเต’’ติ อตฺตนา กถิตนิยาเมเนว สพฺพํ อาโรเจสุํ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตุมฺเห กสฺสปํ ‘กุเลสุ จ ปจฺจเยสุ จ ลคฺโค’ติ วเทถ, โส ‘มม วจนํ กริสฺสามี’ติ นิวตฺโต. เอโส หิ ปุพฺเพ ปตฺถนํ กโรนฺโตเยว ‘จตูสุ ปจฺจเยสุ อลคฺโค จนฺทูปโม หุตฺวา กุลานิ อุปสงฺกมิตุํ สมตฺโถ ภเวยฺย’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. นตฺเถตสฺส กุเล วา ปจฺจเย วา ลคฺโค, อหํ จนฺโทปมปฺปฏิปทฺเจว (สํ. นิ. ๒.๑๔๖) อริยวํสปฺปฏิปทฺจ กเถนฺโต มม ปุตฺตํ กสฺสปํ อาทึ กตฺวา กเถสิ’’นฺติ อาห.

ภิกฺขู สตฺถารํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ภนฺเต, กทา ปน เถเรน ปตฺถนา ปิตา’’ติ? ‘‘โสตุกามาตฺถ, ภิกฺขเว’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. สตฺถา เตสํ, ‘‘ภิกฺขเว, อิโต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก ปทุมุตฺตโร นาม พุทฺโธ โลเก อุทปาที’’ติ วตฺวา ปทุมุตฺตรปาทมูเล เตน ปิตปตฺถนํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ เถรสฺส ปุพฺพจริตํ กเถสิ. ตํ เถรปาฬิยํ (เถรคา. ๑๐๕๔ อาทโย) วิตฺถาริตเมว. สตฺถา ปน อิมํ เถรสฺส ปุพฺพจริตํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อหํ จนฺโทปมปฺปฏิปทฺเจว อริยวํสปฺปฏิปทฺจ มม ปุตฺตํ กสฺสปํ อาทึ กตฺวา กเถสึ, มม ปุตฺตสฺส กสฺสปสฺส ปจฺจเยสุ วา กุเลสุ วา วิหาเรสุ วา ปริเวเณสุ วา ลคฺโค นาม นตฺถิ , ปลฺลเล โอตริตฺวา ตตฺถ จริตฺวา คจฺฉนฺโต ราชหํโส วิย กตฺถจิ อลคฺโคเยว มม ปุตฺโต’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๑.

‘‘อุยฺยุฺชนฺติ สตีมนฺโต, น นิเกเต รมนฺติ เต;

หํสาว ปลฺลลํ หิตฺวา, โอกโมกํ ชหนฺติ เต’’ติ.

ตตฺถ อุยฺยุฺชนฺติ สตีมนฺโตติ สติเวปุลฺลปฺปตฺตา ขีณาสวา อตฺตนา ปฏิวิทฺธคุเณสุ ฌานวิปสฺสนาทีสุ อาวชฺชนสมาปชฺชนวุฏฺานาธิฏฺานปจฺจเวกฺขณาหิ ยุฺชนฺติ ฆเฏนฺติ. น นิเกเต รมนฺติ เตติ เตสํ อาลเย รติ นาม นตฺถิ. หํสาวาติ เทสนาสีสเมตํ, อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – ยถา โคจรสมฺปนฺเน ปลฺลเล สกุณา อตฺตโน โคจรํ คเหตฺวา คมนกาเล ‘‘มม อุทกํ, มม ปทุมํ, มม อุปฺปลํ, มม กณฺณิกา’’ติ ตสฺมึ าเน กฺจิ อาลยํ อกตฺวา อนเปกฺขาว ตํ านํ ปหาย อุปฺปติตฺวา อากาเส กีฬมานา คจฺฉนฺติ; เอวเมวํ ขีณาสวา ยตฺถ กตฺถจิ วิหรนฺตาปิ กุลาทีสุ อลคฺคา เอว วิหริตฺวา คมนสมเยปิ ตํ านํ ปหาย คจฺฉนฺตา ‘‘มม วิหาโร, มม ปริเวณํ, มมูปฏฺากา’’ติ อนาลยา อนุเปกฺขาว คจฺฉนฺติ. โอกโมกนฺติ อาลยาลยํ, สพฺพาลเย ปริจฺจชนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุ ทุติยํ.

๓. เพลฏฺสีสตฺเถรวตฺถุ

เยสํสนฺนิจโย นตฺถีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ เพลฏฺสีสํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิรายสฺมา อนฺโตคาเม เอกํ วีถึ ปิณฺฑาย จริตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปุน อปรํ วีถึ จริตฺวา สุกฺขํ กูรํ อาทาย วิหารํ หริตฺวา ปฏิสาเมตฺวา ‘‘นิพทฺธํ ปิณฺฑปาตปริเยสนํ นาม ทุกฺข’’นฺติ กติปาหํ ฌานสุเขน วีตินาเมตฺวา อาหาเรน อตฺเถ สติ ตํ ปริภุฺชติ. ภิกฺขู ตฺวา อุชฺฌายิตฺวา ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. สตฺถา เอตสฺมึ นิทาเน อายตึ สนฺนิธิการปริวชฺชนตฺถาย ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปฺเปตฺวาปิ เถเรน ปน อปฺตฺเต สิกฺขาปเท อปฺปิจฺฉตํ นิสฺสาย กตตฺตา ตสฺส โทสาภาวํ ปกาเสนฺโต อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๒.

‘‘เยสํ สนฺนิจโย นตฺถิ, เย ปริฺาตโภชนา;

สุฺโต อนิมิตฺโต จ, วิโมกฺโข เยสํ โคจโร;

อากาเสว สกุนฺตานํ, คติ เตสํ ทุรนฺนยา’’ติ.

ตตฺถ สนฺนิจโยติ ทฺเว สนฺนิจยา – กมฺมสนฺนิจโย จ, ปจฺจยสนฺนิจโย จ. เตสุ กุสลากุสลกมฺมํ กมฺมสนฺนิจโย นาม, จตฺตาโร ปจฺจยา ปจฺจยสนฺนิจโย นาม. ตตฺถ วิหาเร วสนฺตสฺส ภิกฺขุโน เอกํ คุฬปิณฺฑํ, จตุภาคมตฺตํ สปฺปึ, เอกฺจ ตณฺฑุลนาฬึ เปนฺตสฺส ปจฺจยสนฺนิจโย นตฺถิ, ตโต อุตฺตริ โหติ. เยสํ อยํ ทุวิโธปิ สนฺนิจโย นตฺถิ. ปริฺาตโภชนาติ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาตโภชนา. ยาคุอาทีนฺหิ ยาคุภาวาทิชานนํ าตปริฺา, อาหาเร ปฏิกูลสฺาวเสน ปน โภชนสฺส ปริชานนํ ตีรณปริฺา, กพฬีการาหาเร ฉนฺทราคอปกฑฺฒนาณํ ปหานปริฺา. อิมาหิ ตีหิ ปริฺาหิ เย ปริฺาตโภชนา. สุฺโต อนิมิตฺโต จาติ เอตฺถ อปฺปณิหิตวิโมกฺโขปิ คหิโตเยว. ตีณิปิ เจตานิ นิพฺพานสฺเสว นามานิ. นิพฺพานฺหิ ราคโทสโมหานํ อภาเวน สุฺโต, เตหิ จ วิมุตฺตนฺติ สุฺโต วิโมกฺโข, ตถา ราคาทินิมิตฺตานํ อภาเวน อนิมิตฺตํ, เตหิ จ วิมุตฺตนฺติ อนิมิตฺโต วิโมกฺโข, ราคาทิปณิธีนํ ปน อภาเวน อปฺปณิหิตํ , เตหิ จ วิมุตฺตนฺติ อปฺปณิหิโต วิโมกฺโขติ วุจฺจติ. ผลสมาปตฺติวเสน ตํ อารมฺมณํ กตฺวา วิหรนฺตานํ อยํ ติวิโธ วิโมกฺโข เยสํ โคจโร. คติ เตสํ ทุรนฺนยาติ ยถา นาม อากาเสน คตานํ สกุณานํ ปทนิกฺเขปสฺส อทสฺสเนน คติ ทุรนฺนยา น สกฺกา ชานิตุํ, เอวเมว เยสํ อยํ ทุวิโธ สนฺนิจโย นตฺถิ, อิมาหิ จ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาตโภชนา, เยสฺจ อยํ วุตฺตปฺปกาโร วิโมกฺโข โคจโร, เตสํ ตโย ภวา, จตสฺโส โยนิโย, ปฺจ คติโย, สตฺต วิฺาณฏฺิติโย, นว สตฺตาวาสาติ อิเมสุ ปฺจสุ โกฏฺาเสสุ อิมินา นาม คตาติ คมนสฺส อปฺายนโต คติ ทุรนฺนยา น สกฺกา ปฺาเปตุนฺติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

เพลฏฺสีสตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.

๔. อนุรุทฺธตฺเถรวตฺถุ

ยสฺสาสวาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อนุรุทฺธตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ ทิวเส เถโร ชิณฺณจีวโร สงฺการกูฏาทีสุ จีวรํ ปริเยสติ. ตสฺส อิโต ตติเย อตฺตภาเว ปุราณทุติยิกา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติตฺวา ชาลินี นาม เทวธีตา อโหสิ. สา เถรํ โจฬกานิ ปริเยสมานํ ทิสฺวา เถรสฺส อตฺถาย เตรสหตฺถายตานิ จตุหตฺถวิตฺถตานิ ตีณิ ทิพฺพทุสฺสานิ คเหตฺวา ‘‘สจาหํ อิมานิ อิมินา นีหาเรน ทสฺสามิ, เถโร น คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺส โจฬกานิ ปริเยสมานสฺส ปุรโต เอกสฺมึ สงฺการกูเฏ ยถา เนสํ ทสนฺตมตฺตเมว ปฺายติ, ตถา เปสิ. เถโร เตน มคฺเคน โจฬกปริเยสมานํ จรนฺโต เนสํ ทสนฺตํ ทิสฺวา ตตฺเถว คเหตฺวา อากฑฺฒมาโน วุตฺตปฺปมาณานิ ทิพฺพทุสฺสานิ ทิสฺวา ‘‘อุกฺกฏฺปํสุกูลํ วต อิท’’นฺติ อาทาย ปกฺกามิ. อถสฺส จีวรกรณทิวเส สตฺถา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร วิหารํ คนฺตฺวา นิสีทิ, อสีติมหาเถราปิ ตตฺเถว นิสีทึสุ, จีวรํ สิพฺเพตุํ มหากสฺสปตฺเถโร มูเล นิสีทิ, สาริปุตฺตตฺเถโร มชฺเฌ, อานนฺทตฺเถโร อคฺเค, ภิกฺขุสงฺโฆ สุตฺตํ วฏฺเฏสิ, สตฺถา สูจิปาสเก อาวุณิ, มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร เยน เยน อตฺโถ, ตํ ตํ อุปเนนฺโต วิจริ.

เทวธีตาปิ อนฺโตคามํ ปวิสิตฺวา ‘‘โภนฺตา อยฺยสฺส โน อนุรุทฺธตฺเถรสฺส จีวรํ กโรนฺโต สตฺถา อสีติมหาสาวกปริวุโต ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ วิหาเร นิสีทิ, ยาคุอาทีนิ อาทาย วิหารํ คจฺฉถา’’ติ ภิกฺขํ สมาทเปสิ. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโรปิ อนฺตราภตฺเต มหาชมฺพุเปสึ อาหริ, ปฺจสตา ภิกฺขู ปริกฺขีณํ ขาทิตุํ นาสกฺขึสุ. สกฺโก จีวรกรณฏฺาเน ภูมิปริภณฺฑมกาสิ, ภูมิ อลตฺตกรสรฺชิตา วิย อโหสิ. ภิกฺขูหิ ปริภุตฺตาวเสสานํ ยาคุขชฺชกภตฺตานํ มหาราสิ อโหสิ. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ กึ เอวํพหุเกหิ ยาคุอาทีหิ, นนุ นาม ปมาณํ สลฺลกฺเขตฺวา เอตฺตกํ นาม อาหรถา’’ติ าตกา จ อุปฏฺากา จ วตฺตพฺพา สิยุํ, อนุรุทฺธตฺเถโร อตฺตโน าติอุปฏฺากานํ พหุภาวํ าเปตุกาโม มฺเ’’ติ, อถ เน สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, กเถถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ ปน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ‘อิทํ อนุรุทฺเธน อาหราปิต’นฺติ มฺถา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต อนุรุทฺโธ เอวรูปํ วเทติ. น หิ ขีณาสวา ปจฺจยปฏิสํยุตฺตํ กถํ กเถนฺติ, อยํ ปน ปิณฺฑปาโต เทวตานุภาเวน นิพฺพตฺโต’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๓.

‘‘ยสฺสาสวา ปริกฺขีณา, อาหาเร จ อนิสฺสิโต;

สุฺโต อนิมิตฺโต จ, วิโมกฺโข ยสฺส โคจโร;

อากาเสว สกุนฺตานํ, ปทํ ตสฺส ทุรนฺนย’’นฺติ.

ตตฺถ ยสฺสาสวาติ ยสฺส จตฺตาโร อาสวา ปริกฺขีณา. อาหาเร จ อนิสฺสิโตติ อาหารสฺมิฺจ ตณฺหาทิฏฺินิสฺสเยหิ อนิสฺสิโต. ปทํ ตสฺส ทุรนฺนยนฺติ ยถา อากาเส คจฺฉนฺตานํ สกุณานํ ‘‘อิมสฺมึ าเน ปาเทหิ อกฺกมิตฺวา คตา, อิทํ านํ อุเรน ปหริตฺวา คตา, อิทํ สีเสน, อิทํ ปกฺเขหี’’ติ น สกฺกา าตุํ, เอวเมว เอวรูปสฺส ภิกฺขุโน ‘‘นิรยปเทน วา คโต, ติรจฺฉานโยนิปเทน วา’’ติอาทินา นเยน ปทํ ปฺาเปตุํ นาม น สกฺโกติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติ ผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อนุรุทฺธตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. มหากจฺจายนตฺเถรวตฺถุ

ยสฺสินฺทฺริยานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต มหากจฺจายนตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย ภควา มหาปวารณาย มิคารมาตุยา ปาสาทสฺส เหฏฺา มหาสาวกปริวุโต นิสีทิ. ตสฺมึ สมเย มหากจฺจายนตฺเถโร อวนฺตีสุ วิหรติ. โส ปนายสฺมา ทูรโตปิ อาคนฺตฺวา ธมฺมสฺสวนํ ปคฺคณฺหาติเยว. ตสฺมา มหาเถรา นิสีทนฺตา มหากจฺจายนตฺเถรสฺส อาสนํ เปตฺวา นิสีทึสุ. สกฺโก เทวราชา ทฺวีหิ เทวโลเกหิ เทวปริสาย สทฺธึ อาคนฺตฺวา ทิพฺพคนฺธมาลาทีหิ สตฺถารํ ปูเชตฺวา ิโต มหากจฺจายนตฺเถรํ อทิสฺวา กึ นุ โข มม, อยฺโย, น ทิสฺสติ, สาธุ โข ปนสฺส สเจ อาคจฺเฉยฺยาติ. เถโรปิ ตํ ขณฺเว อาคนฺตฺวา อตฺตโน อาสเน นิสินฺนเมว อตฺตานํ ทสฺเสสิ. สกฺโก เถรํ ทิสฺวา โคปฺผเกสุ ทฬฺหํ คเหตฺวา ‘‘สาธุ วต เม, อยฺโย, อาคโต, อหํ อยฺยสฺส อาคมนเมว ปจฺจาสีสามี’’ติ วตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ปาเท สมฺพาหิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ. ‘‘สกฺโก มุขํ โอโลเกตฺวา สกฺการํ กโรติ, อวเสสมหาสาวกานํ เอวรูปํ สกฺการํ อกริตฺวา มหากจฺจายนํ ทิสฺวา เวเคน โคปฺผเกสุ คเหตฺวา ‘สาธุ วต เม, อยฺโย, อาคโต, อหํ อยฺยสฺส อาคมนเมว ปจฺจาสีสามี’ติ วตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ปาเท สมฺพาหิตฺวา ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต’’ติ. สตฺถา เตสํ ตํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺเตน มหากจฺจายเนน สทิสา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา ภิกฺขู เทวานมฺปิ มนุสฺสานมฺปิ ปิยาเยวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๔.

‘‘ยสฺสินฺทฺริยานิ สมถงฺคตานิ,

อสฺสา ยถา สารถินา สุทนฺตา;

ปหีนมานสฺส อนาสวสฺส,

เทวาปิ ตสฺส ปิหยนฺติ ตาทิโน’’ติ.

ตสฺสตฺโถ ยสฺส ภิกฺขุโน เฉเกน สารถินา สุทนฺตา อสฺสา วิย ฉ อินฺทฺริยานิ สมถํ ทนฺตภาวํ นิพฺพิเสวนภาวํ คตานิ, ตสฺส นววิธํ มานํ ปหาย ิตตฺตา ปหีนมานสฺส จตุนฺนํ อาสวานํ อภาเวน อนาสวสฺส. ตาทิโนติ ตาทิภาวสณฺิตสฺส ตถารูปสฺส เทวาปิ ปิหยนฺติ, มนุสฺสาปิ ทสฺสนฺจ อาคมนฺจ ปตฺเถนฺติเยวาติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

มหากจฺจายนตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ

ปถวิสโมติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย อายสฺมา สาริปุตฺโต วุฏฺวสฺโส จาริกํ ปกฺกมิตุกาโม ภควนฺตํ อาปุจฺฉิตฺวา วนฺทิตฺวา อตฺตโน ปริวาเรน สทฺธึ นิกฺขมิ. อฺเปิ พหู ภิกฺขู เถรํ อนุคจฺฉึสุ. เถโร จ นามโคตฺตวเสน ปฺายมาเน ภิกฺขู นามโคตฺตวเสน กเถตฺวา นิวตฺตาเปสิ. อฺตโร นามโคตฺตวเสน อปากโฏ ภิกฺขุ จินฺเตสิ – ‘‘อโห วต มมฺปิ นามโคตฺตวเสน ปคฺคณฺหนฺโต กเถตฺวา นิวตฺตาเปยฺยา’’ติ เถโร มหาภิกฺขุสงฺฆสฺส อนฺตเร ตํ น สลฺลกฺเขสิ. โส ‘‘อฺเ วิย ภิกฺขู น มํ ปคฺคณฺหาตี’’ติ เถเร อาฆาตํ พนฺธิ. เถรสฺสปิ สงฺฆาฏิกณฺโณ ตสฺส ภิกฺขุโน สรีรํ ผุสิ, เตนาปิ อาฆาตํ พนฺธิเยว. โส ‘‘ทานิ เถโร วิหารูปจารํ อติกฺกนฺโต ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อายสฺมา มํ, ภนฺเต, สาริปุตฺโต ตุมฺหากํ อคฺคสาวโกมฺหีติ กณฺณสกฺขลึ ภินฺทนฺโต วิย ปหริตฺวา อขมาเปตฺวาว จาริกํ ปกฺกนฺโต’’ติ อาห. สตฺถา เถรํ ปกฺโกสาเปสิ.

ตสฺมึ ขเณ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร จ อานนฺทตฺเถโร จ จินฺเตสุํ – ‘‘อมฺหากํ อคฺคเชฏฺภาตรา อิมสฺส ภิกฺขุโน อปหฏภาวํ สตฺถา โน น ชานาติ, สีหนาทํ ปน นทาเปตุกาโม ภวิสฺสตีติ ปริสํ สนฺนิปาตาเปสฺสามา’’ติ. เต กุฺจิกหตฺถา ปริเวณทฺวารานิ วิวริตฺวา ‘‘อภิกฺกมถายสฺมนฺโต , อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, อิทานายสฺมา สาริปุตฺโต ภควโต สมฺมุขา สีหนาทํ นทิสฺสตี’’ติ (อ. นิ. ๙.๑๑) มหาภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตสุํ. เถโรปิ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘นายํ ภิกฺขุ มยา ปหโฏ’’ติ อวตฺวาว อตฺตโน คุณกถํ กเถนฺโต ‘‘ยสฺส นูน, ภนฺเต, กาเย กายคตาสติ อนุปฏฺิตา อสฺส, โส อิธ อฺตรํ สพฺรหฺมจารึ อาสชฺช อปฺปฏินิสฺสชฺช จาริกํ ปกฺกเมยฺยา’’ติ วตฺวา ‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ปถวิยํ สุจิมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, อสุจิมฺปิ นิกฺขิปนฺตี’’ติอาทินา นเยน อตฺตโน ปถวีสมจิตฺตตฺจ อาโปเตโชวาโย รโชหรณจณฺฑาลกุมารกอุสภฉินฺนวิสาณสมจิตฺตตฺจ อหิกุณปาทีหิ วิย อตฺตโน กาเยน อฏฺฏิยนฺจ เมทกถาลิกา วิย อตฺตโน กายปริหรณฺจ ปกาเสสิ. อิมาหิ จ ปน นวหิ อุปมาหิ เถเร อตฺตโน คุเณ กเถนฺเต นวสุปิ าเนสุ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวี กมฺปิ. รโชหรณจณฺฑาลกุมารกเมทกถาลิโก ปมานํ ปน อาหรณกาเล ปุถุชฺชนา ภิกฺขู อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขึสุ, ขีณาสวานํ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิ.

เถเร อตฺตโน คุณํ กเถนฺเตเยว อพฺภาจิกฺขนกสฺส ภิกฺขุโน สกลสรีเร ฑาโห อุปฺปชฺชิ, โส ตาวเทว ภควโต ปาเทสุ ปติตฺวา อตฺตโน อพฺภาจิกฺขนโทสํ ปกาเสตฺวา อจฺจยํ เทเสสิ. สตฺถา เถรํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘สาริปุตฺต, ขม อิมสฺส โมฆปุริสสฺส, ยาวสฺส สตฺตธา มุทฺธา น ผลตี’’ติ อาห. เถโร อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘ขมามหํ, ภนฺเต, ตสฺส อายสฺมโต, ขมตุ จ เม โส อายสฺมา, สเจ มยฺหํ โทโส อตฺถี’’ติ อาห. ภิกฺขู กถยึสุ ‘‘ปสฺสถ ทานาวุโส, เถรสฺส อโนปมคุณํ, เอวรูปสฺส นาม มุสาวาเทน อพฺภาจิกฺขนกสฺส ภิกฺขุโน อุปริ อปฺปมตฺตกมฺปิ โกปํ วา โทสํ วา อกตฺวา สยเมว อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ขมาเปตี’’ติ. ‘‘สตฺถา ตํ กถํ สุตฺวา, ภิกฺขเว, กึ กเถถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิทํ นาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘น ภิกฺขเว, สกฺกา สาริปุตฺตสทิสานํ โกปํ วา โทสํ วา อุปฺปาเทตุํ , มหาปถวีสทิสํ, ภิกฺขเว, อินฺทขีลสทิสํ ปสนฺนอุทกรหทสทิสฺจ สาริปุตฺตสฺส จิตฺต’’นฺติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๕.

‘‘ปถวิสโม โน วิรุชฺฌติ,

อินฺทขิลุปโม ตาทิ สุพฺพโต;

รหโทว อเปตกทฺทโม,

สํสารา น ภวนฺติ ตาทิโน’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, ยถา นาม ปถวิยํ สุจีนิ คนฺธมาลาทีนิปิ นิกฺขิปนฺติ, อสุจีนิ มุตฺตกรีสาทีนิปิ นิกฺขิปนฺติ, ยถา นาม นครทฺวาเร นิขาตํ อินฺทขีลํ ทารกาทโย โอมุตฺเตนฺติปิ อูหทนฺติปิ, อปเร ปน ตํ คนฺธมาลาทีหิ สกฺกโรนฺติ. ตตฺถ ปถวิยา อินฺทขีลสฺส จ เนว อนุโรโธ อุปฺปชฺชติ, น วิโรโธ; เอวเมว ยฺวายํ ขีณาสโว ภิกฺขุ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อกมฺปิยภาเวน ตาทิ, วตานํ สุนฺทรตาย สุพฺพโต. โส ‘‘อิเม มํ จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกโรนฺติ, อิเม ปน น สกฺกโรนฺตี’’ติ สกฺการฺจ อสกฺการฺจ กโรนฺเตสุ เนว อนุรุชฺฌติ, โน วิรุชฺฌติ, อถ โข ปถวิสโมอินฺทขิลุปโม เอว จ โหติ. ยถา จ อปคตกทฺทโม รหโท ปสนฺโนทโก โหติ, เอวํ อปคตกิเลสตาย ราคกทฺทมาทีหิ อกทฺทโม วิปฺปสนฺโนว โหติ. ตาทิโนติ ตสฺส ปน เอวรูปสฺส สุคติทุคฺคตีสุ สํสรณวเสน สํสารา นาม น โหนฺตีติ.

เทสนาวสาเน นว ภิกฺขุสหสฺสานิ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ.

สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. โกสมฺพิวาสีติสฺสตฺเถรสามเณรวตฺถุ

สนฺตํ ตสฺส มนํ โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติสฺสตฺเถรสฺส สามเณรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอโก กิร โกสมฺพิวาสี กุลปุตฺโต สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิตฺวา ลทฺธุปสมฺปโท ‘‘โกสมฺพิวาสีติสฺสตฺเถโร’’ติ ปฺายิ. ตสฺส โกสมฺพิยํ วุฏฺวสฺสสฺส อุปฏฺาโก ติจีวรฺเจว สปฺปิผาณิตฺจ อาหริตฺวา ปาทมูเล เปสิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘กึ อิทํ อุปาสกา’’ติ. ‘‘นนุ มยา, ภนฺเต, ตุมฺเห วสฺสํ วาสิตา, อมฺหากฺจ วิหาเร วุฏฺวสฺสา อิมํ ลาภํ ลภนฺติ, คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โหตุ, อุปาสก, น มยฺหํ อิมินา อตฺโถ’’ติ. ‘‘กึ การณา, ภนฺเต’’ติ? ‘‘มม สนฺติเก กปฺปิยการโก สามเณโรปิ นตฺถิ, อาวุโส’’ติ. ‘‘สเจ, ภนฺเต, กปฺปิยการโก นตฺถิ, มม ปุตฺโต อยฺยสฺส สนฺติเก สามเณโร ภวิสฺสตี’’ติ. เถโร อธิวาเสสิ. อุปาสโก สตฺตวสฺสิกํ อตฺตโน ปุตฺตํ เถรสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อิมํ ปพฺพาเชถา’’ติ อทาสิ. อถสฺส เถโร เกเส เตเมตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ . โส ขุรคฺเคเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.

เถโร ตํ ปพฺพาเชตฺวา อฑฺฒมาสํ ตตฺถ วสิตฺวา ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ สามเณรํ ภณฺฑกํ คาหาเปตฺวา คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ วิหารํ ปาวิสิ. สามเณโร อุปชฺฌายสฺส เสนาสนํ คเหตฺวา ปฏิชคฺคิ. ตสฺส ตํ ปฏิชคฺคนฺตสฺเสว วิกาโล ชาโต, เตน อตฺตโน เสนาสนํ ปฏิชคฺคิตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ อุปฏฺานเวลายํ อาคนฺตฺวา นิสินฺนํ เถโร ปุจฺฉิ – ‘‘สามเณร, อตฺตโน วสนฏฺานํ ปฏิชคฺคิต’’นฺติ? ‘‘ภนฺเต, ปฏิชคฺคิตุํ โอกาสํ นาลตฺถ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ มม วสนฏฺาเนเยว วส, ทุกฺขํ เต อาคนฺตุกฏฺาเน พหิ วสิตุ’’นฺติ ตํ คเหตฺวาว เสนาสนํ ปาวิสิ. เถโร ปน ปุถุชฺชโน นิปนฺนมตฺโตว นิทฺทํ โอกฺกมิ. สามเณโร จินฺเตสิ – ‘‘อชฺช เม อุปชฺฌาเยน สทฺธึ ตติโย ทิวโส เอกเสนาสเน วสนฺตสฺส, ‘สเจ นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายิสฺสามิ, เถโร สหเสยฺยํ อาปชฺเชยฺยา’ติ นิสินฺนโกว วีตินาเมสฺสามี’’ติ อุปชฺฌายสฺส มฺจกสมีเป ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺนโกว รตฺตึ วีตินาเมสิ. เถโร ปจฺจูสกาเล ปจฺจุฏฺาย ‘‘สามเณรํ นิกฺขมาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ มฺจกปสฺเส ปิตพีชนึ คเหตฺวา พีชนิปตฺตสฺส อคฺเคน สามเณรสฺส กฏสารกํ ปหริตฺวา พีชนึ อุทฺธํ อุกฺขิปนฺโต ‘‘สามเณร, พหิ นิกฺขมา’’ติ อาห, พีชนิปตฺตทณฺฑโก อกฺขิมฺหิ ปฏิหฺิ, ตาวเทว อกฺขิ ภิชฺชิ. โส ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา อุฏฺาย ‘‘พหิ นิกฺขมา’’ติ วุตฺเต ‘‘อกฺขิ เม, ภนฺเต, ภินฺน’’นฺติ อวตฺวา เอเกน หตฺเถน ปฏิจฺฉาเทตฺวา นิกฺขมิ. วตฺตกรณกาเล จ ปน ‘‘อกฺขิ เม ภินฺน’’นฺติ ตุณฺหี อนิสีทิตฺวา เอเกน หตฺเถน อกฺขึ คเหตฺวา เอเกน หตฺเถน มุฏฺิสมฺมุฺชนึ อาทาย วจฺจกุฏิฺจ มุขโธวนฏฺานฺจ สมฺมชฺชิตฺวา มุขโธวโนทกฺจ เปตฺวา ปริเวณํ สมฺมชฺชิ. โส อุปชฺฌายสฺส ทนฺตกฏฺํ ททมาโน เอเกเนว หตฺเถน อทาสิ.

อถ นํ อุปชฺฌาโย อาห – ‘‘อสิกฺขิโต วตายํ สามเณโร, อาจริยุปชฺฌายานํ เอเกน หตฺเถน ทนฺตกฏฺํ ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. ชานามหํ, ภนฺเต, ‘‘น เอวํ วฏฺฏตี’’ติ, เอโก ปน เม หตฺโถ น ตุจฺโฉติ. ‘‘กึ สามเณรา’’ติ? โส อาทิโต ปฏฺาย ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. เถโร สุตฺวาว สํวิคฺคมานโส ‘‘อโห วต มยา ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติ วตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, สปฺปุริส, นาหเมตํ ชานามิ, อวสฺสโย เม โหหี’’ติ อฺชลึ ปคฺคยฺห สตฺตวสฺสิกทารกสฺส ปาทมูเล อุกฺกุฏิกํ นิสีทิ. อถ นํ สามเณโร อาห – ‘‘นาหํ, ภนฺเต, เอตทตฺถาย กเถสึ, ตุมฺหากํ จิตฺตํ อนุรกฺขนฺเตน มยา เอวํ วุตฺตํ เนเวตฺถ ตุมฺหากํ โทโส อตฺถิ, น มยฺหํ. วฏฺฏสฺเสเวโส โทโส, มา จินฺตยิตฺถ, มยา ตุมฺหากํ วิปฺปฏิสารํ รกฺขนฺเตเนว นาโรจิต’’นฺติ. เถโร สามเณเรน อสฺสาสิยมาโนปิ อนสฺสาสิตฺวา อุปฺปนฺนสํเวโค สามเณรสฺส ภณฺฑกํ คเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ ปายาสิ. สตฺถาปิสฺส อาคมนํ โอโลเกนฺโตว นิสีทิ. โส คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ ปฏิสมฺโมทนํ กตฺวา ‘‘ขมนียํ เต ภิกฺขุ, กิฺจิ อติเรกํ อผาสุกํ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิโต อาห – ‘‘ขมนียํ, ภนฺเต, นตฺถิ เม กิฺจิ อติเรกํ อผาสุกํ, อปิจ โข ปน เม อยํ ทหรสามเณโร วิย อฺโ อติเรกคุโณ น ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ. ‘‘กึ ปน อิมินา กตํ ภิกฺขู’’ติ. โส อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจนฺโต อาห – ‘‘เอวํ, ภนฺเต, มยา ขมาปิยมาโน มํ เอวํ วเทสิ ‘เนเวตฺถ ตุมฺหากํ โทโส อตฺถิ, น มยฺหํ. วฏฺฏสฺเสเวโส โทโส, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’ติ, อิติ มํ อสฺสาเสสิเยว, มยิ เนว โกปํ, น โทสมกาสิ, น เม, ภนฺเต, เอวรูโป คุณสมฺปนฺโน ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ ขีณาสวา นาม น กสฺสจิ กุปฺปนฺติ, น ทุสฺสนฺติ, สนฺตินฺทฺริยา สนฺตมานสาว โหนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๖.

‘‘สนฺตํ ตสฺส มนํ โหติ, สนฺตา วาจา จ กมฺม จ;

สมฺมทฺา วิมุตฺตสฺส, อุปสนฺตสฺส ตาทิโน’’ติ.

ตตฺถ สนฺตํ ตสฺสาติ ตสฺส ขีณาสวสามเณรสฺส อภิชฺฌาทีนํ อภาเวน มนํ สนฺตเมว โหติ อุปสนฺตํ นิพฺพุตํ . ตถา มุสาวาทาทีนํ อภาเวน วาจา จ ปาณาติปาตาทีนํ อภาเวน กายกมฺมฺจ สนฺตเมว โหติ. สมฺมทฺา วิมุตฺตสฺสาติ นเยน เหตุนา ชานิตฺวา ปฺจหิ วิมุตฺตีหิ วิมุตฺตสฺส. อุปสนฺตสฺสาติ อพฺภนฺตเร ราคาทีนํ อุปสเมน อุปสนฺตสฺส. ตาทิโนติ ตถารูปสฺส คุณสมฺปนฺนสฺสาติ.

เทสนาวสาเน โกสมฺพิวาสีติสฺสตฺเถโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เสสมหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

โกสมฺพิวาสีติสฺสตฺเถรสามเณรวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ

อสฺสทฺโธติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย ตึสมตฺตา อารฺกา ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา เตสํ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา สาริปุตฺตตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา ‘‘สทฺทหสิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, สทฺธินฺทฺริยํ ภาวิตํ พหุลีกตํ อมโตคธํ โหติ อมตปริโยสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๔) เอวํ ปฺจินฺทฺริยานิ อารพฺภ ปฺหํ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘น ขฺวาหํ, ภนฺเต, เอตฺถ ภควโต สทฺธาย คจฺฉามิ, สทฺธินฺทฺริยํ…เป… อมตปริโยสานํ. เยสฺเหตํ, ภนฺเต, อฺาตํ อสฺส อทิฏฺํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ อผสฺสิตํ ปฺาย, เต ตตฺถ ปเรสํ สทฺธาย คจฺเฉยฺยุํ. สทฺธินฺทฺริยํ…เป… อมตปริโยสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๔) เอวํ ตํ ปฺหํ พฺยากาสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘สาริปุตฺตตฺเถโร มิจฺฉาคหณํ เนว วิสฺสชฺเชสิ, อชฺชาปิ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส น สทฺทหติเยวา’’ติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘กึ นาเมตํ, ภิกฺขเว, วเทถ. อหฺหิ ‘ปฺจินฺทฺริยานิ อภาเวตฺวา สมถวิปสฺสนํ อวฑฺเฒตฺวา มคฺคผลานิ สจฺฉิกาตุํ สมตฺโถ นาม อตฺถีติ สทฺทหสิ ตฺวํ สาริปุตฺโต’ติ ปุจฺฉึ. โส ‘เอวํ สจฺฉิกโรนฺโต อตฺถิ นามาติ น สทฺทหามิ, ภนฺเต’ติ กเถสิ. น ทินฺนสฺส วา กตสฺส วา ผลํ วิปากํ น สทฺทหติ, นาปิ พุทฺธาทีนํ คุณํ น สทฺทหติ. เอโส ปน อตฺตนา ปฏิวิทฺเธสุ ฌานวิปสฺสนามคฺคผลธมฺเมสุ ปเรสํ สทฺธาย น คจฺฉติ. ตสฺมา อนุปวชฺโช’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๗.

‘‘อสฺสทฺโธ อกตฺู จ, สนฺธิจฺเฉโท จ โย นโร,

หตาวกาโส วนฺตาโส, ส เว อุตฺตมโปริโส’’ติ.

ตสฺสโถ – อตฺตโน ปฏิวิทฺธคุณํ ปเรสํ กถาย น สทฺทหตีติ อสฺสทฺโธ. อกตํ นิพฺพานํ ชานาตีติ อกตฺู, สจฺฉิกตนิพฺพาโนติ อตฺโถ. วฏฺฏสนฺธึ, สํสารสนฺธึ ฉินฺทิตฺวา ิโตติ สนฺธิจฺเฉโท. กุสลากุสลกมฺมพีชสฺส ขีณตฺตา นิพฺพตฺตนาวกาโส หโต อสฺสาติ หตาวกาโส. จตูหิ มคฺเคหิ กตฺตพฺพกิจฺจสฺส กตตฺตา,สพฺพา อาสา อิมินา วนฺตาติ วนฺตาโส. โส เอวรูโป นโร. ปฏิวิทฺธโลกุตฺตรธมฺมตาย ปุริเสสุ อุตฺตมภาวํ ปตฺโตติ ปุริสุตฺตโมติ.

คาถาวสาเน เต อารฺกา ตึสมตฺตา ภิกฺขู สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เสสชนสฺสาปิ สตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. ขทิรวนิยเรวตตฺเถรวตฺถุ

คาเม วาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ขทิรวนิยเรวตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

อายสฺมา หิ สาริปุตฺโต สตฺตาสีติโกฏิธนํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลาติ ติสฺโส ภคินิโย, จุนฺโท อุปเสโนติ อิเม ทฺเว จ ภาตโร ปพฺพาเชสิ. เรวตกุมาโร เอโกว เคเห อวสิฏฺโ. อถสฺส มาตา จินฺเตสิ – ‘‘มม ปุตฺโต อุปติสฺโส เอตฺตกํ ธนํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา ติสฺโส จ ภคินิโย ทฺเว จ ภาตโร ปพฺพาเชสิ, เรวโต เอโกว อวเสโส. สเจ อิมมฺปิ ปพฺพาเชสฺสติ, เอตฺตกํ โน ธนํ นสฺสิสฺสติ, กุลวํโส ปจฺฉิชฺชิสฺสติ, ทหรกาเลเยว นํ ฆราวาเสน พนฺธิสฺสามี’’ติ. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ปฏิกจฺเจว ภิกฺขู อาณาเปสิ ‘‘สเจ, อาวุโส, เรวโต ปพฺพชิตุกาโม อาคจฺฉติ, อาคตมตฺตเมว นํ ปพฺพาเชยฺยาถ, มม มาตาปิตโร มิจฺฉาทิฏฺิกา, กึ เตหิ อาปุจฺฉิเตหิ, อหเมว ตสฺส มาตา จ ปิตา จา’’ติ. มาตาปิสฺส เรวตกุมารํ สตฺตวสฺสิกเมว ฆรพนฺธเนน พนฺธิตุกามา สมานชาติเก กุเล ทาริกํ วาเรตฺวา ทิวสํ ววตฺถเปตฺวา กุมารํ มณฺเฑตฺวา ปสาเธตฺวา มหตา ปริวาเรน สทฺธึ อาทาย กุมาริกาย าติฆรํ อคมาสิ. อถ เนสํ กตมงฺคลานํ ทฺวินฺนมฺปิ าตเกสุ สนฺนิปติเตสุ อุทกปาติยํ หตฺเถ โอตาเรตฺวา มงฺคลานิ วตฺวา กุมาริกาย วุฑฺฒึ อากงฺขมานา าตกา ‘‘ตว อยฺยิกาย ทิฏฺธมฺมํ ปสฺส, อยฺยิกา วิย จิรํ ชีว, อมฺมา’’ติ อาหํสุ. เรวตกุมาโร ‘‘โก นุ โข อิมิสฺสา อยฺยิกาย ทิฏฺธมฺโม’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กตรา อิมิสฺสา อยฺยิกา’’ติ ปุจฺฉิ. อถ นํ อาหํสุ, ‘‘ตาต, กึ น ปสฺสสิ อิมํ วีสวสฺสสติกํ ขณฺฑทนฺตํ ปลิตเกสํ วลิตฺตจํ ติลกาหตคตฺตํ โคปานสิวงฺกํ, เอสา เอติสฺสา อยฺยิกา’’ติ. ‘‘กึ ปน อยมฺปิ เอวรูปา ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘สเจ ชีวิสฺสติ, ภวิสฺสติ, ตาตา’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม สรีรํ ชราย อิมํ วิปฺปการํ ปาปุณิสฺสติ, อิมํ เม ภาตรา อุปติสฺเสน ทิฏฺํ ภวิสฺสติ, อชฺเชว มยา ปลายิตฺวา ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อถ นํ าตกา กุมาริกาย สทฺธึ เอกยานํ อาโรเปตฺวา อาทาย ปกฺกมึสุ.

โส โถกํ คนฺตฺวา สรีรกิจฺจํ อปทิสิตฺวา ‘‘เปถ ตาว ยานํ, โอตริตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ ยานา โอตริตฺวา เอกสฺมึ คุมฺเพ โถกํ ปปฺจํ กตฺวา อคมาสิ. ปุนปิ โถกํ คนฺตฺวา เตเนว อปเทเสน โอตริตฺวา อภิรุหิ, ปุนปิ ตเถว อกาสิ. อถสฺส าตกา ‘‘อทฺธา อิมสฺส อุฏฺานานิ วตฺตนฺตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา นาติทฬฺหํ อารกฺขํ กรึสุ. โส ปุนปิ โถกํ คนฺตฺวา เตเนว อปเทเสน โอตริตฺวา ‘‘ตุมฺเห ปาเชนฺโต ปุรโต คจฺฉถ, มยํ ปจฺฉโต สณิกํ อาคมิสฺสามา’’ติ วตฺวา โอตริตฺวา คุมฺพาภิมุโข อโหสิ. าตกาปิสฺส ‘‘ปจฺฉโต อาคมิสฺสตี’’ติ สฺาย ยานํ ปาเชนฺตา คมึสุ. โสปิ ตโต ปลายิตฺวา เอกสฺมึ ปเทเส ตึสมตฺตา ภิกฺขู วสนฺติ, เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ปพฺพาเชถ มํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อาวุโส, ตฺวํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต, มยํ เต ราชปุตฺตภาวํ วา อมจฺจปุตฺตภาวํ วา น ชานาม, กถํ ปพฺพาเชสฺสามา’’ติ? ‘‘ตุมฺเห มํ, ภนฺเต, น ชานาถา’’ติ? ‘‘น ชานามาวุโส’’ติ. ‘‘อหํ อุปติสฺสสฺส กนิฏฺภาติโก’’ติ. ‘‘โก เอส อุปติสฺโส นามา’’ติ? ‘‘ภนฺเต, ภทฺทนฺตา มม ภาตรํ ‘สาริปุตฺโต’ติ วทนฺติ, ตสฺมา มยา ‘อุปติสฺโส’ติ วุตฺเต น ชานนฺตี’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส กนิฏฺภาติโก’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ เอหิ, ภาตรา เต อนุฺาตเมวา’’ติ วตฺวา ภิกฺขู ตสฺส อาภรณานิ โอมุฺจาเปตฺวา เอกมนฺตํ เปตฺวา ตํ ปพฺพาเชตฺวา เถรสฺส สาสนํ ปหิณึสุ. เถโร ตํ สุตฺวา ภควโต อาโรเจสิ – ‘‘ภนฺเต, ‘อารฺิกภิกฺขูหิ กิร เรวโต ปพฺพาชิโต’ติ สาสนํ ปหิณึสุ, คนฺตฺวา ตํ ปสฺสิตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘อธิวาเสหิ ตาว, สาริปุตฺตา’’ติ คนฺตุํ น อทาสิ. เถโร ปุน กติปาหจฺจเยน สตฺถารํ อาปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘อธิวาเสหิ ตาว, สาริปุตฺต, มยมฺปิ อาคมิสฺสามา’’ติ เนว คนฺตุํ อทาสิ.

สามเณโรปิ ‘‘สจาหํ อิธ วสิสฺสามิ , าตกา มํ อนุพนฺธิตฺวา ปกฺโกสิสฺสนฺตี’’ติ เตสํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย จาริกํ จรมาโน ตโต ตึสโยชนิเก าเน ขทิรวนํ คนฺตฺวา อนฺโตวสฺเสเยว เตมาสพฺภนฺตเร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เถโรปิ ปวาเรตฺวา สตฺถารํ ปุน ตตฺถ คมนตฺถาย อาปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘มยมฺปิ คมิสฺสาม, สาริปุตฺตา’’ติ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิกฺขมิ. โถกํ คตกาเล อานนฺทตฺเถโร ทฺเวธาปเถ ตฺวา สตฺถารํ อาห – ‘‘ภนฺเต, เรวตสฺส สนฺติกํ คมนมคฺเคสุ อยํ ปริหารปโถ สฏฺิโยชนิโก มนุสฺสาวาโส, อยํ อุชุมคฺโค ตึสโยชนิโก อมนุสฺสปริคฺคหิโต, กตเรน คจฺฉามา’’ติ. ‘‘สีวลิ, ปน, อานนฺท, อมฺเหหิ สทฺธึ อาคโต’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจ, สีวลิ, อาคโต, อุชุมคฺคเมว คณฺหาหี’’ติ. สตฺถา กิร ‘‘อหํ ตุมฺหากํ ยาคุภตฺตํ อุปฺปาเทสฺสามิ, อุชุมคฺคํ คณฺหาหี’’ติ อวตฺวา ‘‘เตสํ เตสํ ชนานํ ปุฺสฺส วิปากทานฏฺานํ เอต’’นฺติ ตฺวา ‘‘สเจ, สีวลิ, อาคโต, อุชุมคฺคํ คณฺหาหี’’ติ อาห. สตฺถริ ปน ตํ มคฺคํ ปฏิปนฺเน เทวตา ‘‘อมฺหากํ อยฺยสฺส สีวลิตฺเถรสฺส สกฺการํ กริสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา เอเกกโยชเน วิหาเร กาเรตฺวา เอกโยชนโต อุทฺธํ คนฺตุํ อทตฺวา ปาโต วุฏฺาย ทิพฺพยาคุอาทีนิ คเหตฺวา, ‘‘อยฺโย, โน สีวลิตฺเถโร กหํ นิสินฺโน’’ติ วิจรนฺติ. เถโร อตฺตโน อภิหฏํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทาเปสิ. เอวํ สตฺถา สปริวาโร ตึสโยชนิกํ กนฺตารํ สีวลิตฺเถรสฺส ปุฺํ อนุภวมาโนว อาคมาสิ. เรวตตฺเถโรปิ สตฺถุ อาคมนํ ตฺวา ภควโต คนฺธกุฏึ มาเปตฺวา ปฺจ กูฏาคารสตานิ, ปฺจ จงฺกมนสตานิ, ปฺจรตฺติฏฺานทิวาฏฺานสตานิ จ มาเปสิ. สตฺถา ตสฺส สนฺติเก มาสมตฺตเมว วสิ. ตสฺมึ วสมาโนปิ สีวลิตฺเถรสฺเสว ปุฺํ อนุภวิ.

ตตฺถ ปน ทฺเว มหลฺลกภิกฺขู สตฺถุ ขทิรวนํ ปวิสนกาเล เอวํ จินฺตยึสุ – ‘‘อยํ ภิกฺขุ เอตฺตกํ นวกมฺมํ กโรนฺโต กึ สกฺขิสฺสติ สมณธมฺมํ กาตุํ, สตฺถา ‘สาริปุตฺตสฺส กนิฏฺโ’ติ มุโขโลกนกิจฺจํ กโรนฺโต เอวรูปสฺส นวกมฺมิกสฺส ภิกฺขุสฺส สนฺติกํ อาคโต’’ติ. สตฺถาปิ ตํ ทิวสํ ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกตฺวา เต ภิกฺขู ทิสฺวา เตสํ จิตฺตาจารํ อฺาสิ. ตสฺมา ตตฺถ มาสมตฺตํ วสิตฺวา นิกฺขมนทิวเส ยถา เต ภิกฺขู อตฺตโน เตลนาฬิฺจ อุทกตุมฺพฺจ อุปาหนานิ จ ปมุสฺสนฺติ, ตถา อธิฏฺหิตฺวา นิกฺขมนฺโต วิหารูปจารโต พหิ นิกฺขนฺตกาเล อิทฺธึ วิสฺสชฺเชสิ. อถ เต ภิกฺขู ‘‘มยา อิทฺจิทฺจ ปมุฏฺํ , มยาปิ ปมุฏฺ’’นฺติ อุโภปิ นิวตฺติตฺวา ตํ านํ อสลฺลกฺเขตฺวา ขทิรรุกฺขกณฺฏเกหิ วิชฺฌมานา วิจริตฺวา เอกสฺมึ ขทิรรุกฺเข โอลมฺพนฺตํ อตฺตโน ภณฺฑกํ ทิสฺวา อาทาย ปกฺกมึสุ. สตฺถาปิ ภิกฺขุสงฺฆํ อาทาย ปุน มาสมตฺเตเนว สีวลิตฺเถรสฺส ปุฺํ อนุภวมาโน ปฏิคนฺตฺวา ปุพฺพารามํ ปาวิสิ.

อถ เต มหลฺลกภิกฺขู ปาโตว มุขํ โธวิตฺวา ‘‘อาคนฺตุกภตฺตทายิกาย วิสาขาย ฆรํ ยาคุํ ปิวิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา ยาคุํ ปิวิตฺวา ขชฺชกํ ขาทิตฺวา นิสีทึสุ. อถ เน วิสาขา ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเหปิ, ภนฺเต, สตฺถารา สทฺธึ เรวตตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ อคมิตฺถา’’ติ. ‘‘อาม, อุปาสิเกติ, รมณียํ, ภนฺเต, เถรสฺส วสนฏฺาน’’นฺติ. ‘‘กุโต ตสฺส รมณียตา เสตกณฺฏกขทิรรุกฺขคหนํ เปตานํ นิวาสนฏฺานสทิสํ อุปาสิเก’’ติ. อถฺเ ทฺเว ทหรภิกฺขู อาคมึสุ. อุปาสิกา เตสมฺปิ ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา ตเถว ปฏิปุจฺฉิ . เต อาหํสุ – ‘‘น สกฺกา อุปาสิเก วณฺเณตุํ, สุธมฺมเทวสภาสทิสํ อิทฺธิยา อภิสงฺขตํ วิย เถรสฺส วสนฏฺาน’’นฺติ. อุปาสิกา จินฺเตสิ – ‘‘ปมํ อาคตา ภิกฺขู อฺถา วทึสุ, อิเม อฺถา วทนฺติ, ปมํ อาคตา ภิกฺขู กิฺจิเทว ปมุสฺสิตฺวา อิทฺธิยา วิสฺสฏฺกาเล ปฏินิวตฺติตฺวา คตา ภวิสฺสนฺติ, อิเม ปน อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา นิมฺมิตกาเล คตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตโน ปณฺฑิตภาเวน เอตมตฺถํ ตฺวา ‘‘สตฺถารํ อาคตกาเล ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ อฏฺาสิ. ตโต มุหุตฺตํเยว สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต วิสาขาย เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. สา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ สกฺกจฺจํ ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปฏิปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ สทฺธึ คตภิกฺขูสุ เอกจฺเจ เรวตตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ ‘ขทิรคหนํ อรฺ’นฺติ วทนฺติ, เอกจฺเจ ‘รมณีย’นฺติ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ? ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘อุปาสิเก คาโม วา โหตุ อรฺํ วา, ยสฺมึ าเน อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ รมณียเมวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๘.

‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;

ยตฺถ อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยก’’นฺติ.

ตตฺถ กิฺจาปิ อรหนฺโต คามนฺเต กายวิเวกํ น ลภนฺติ, จิตฺตวิเวกํ ปน ลภนฺเตว. เตสฺหิ ทิพฺพปฏิภาคานิปิ อารมฺมณานิ จิตฺตํ จาเลตุํ น สกฺโกนฺติ. ตสฺมา คาโม วา โหตุ อรฺาทีนํ วา อฺตรํ, ยตฺถ อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยกนฺติ โส ภูมิปเทโส รมณีโย เอวาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อปเรน สมเยน ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เกน นุ โข การเณน อายสฺมา สีวลิตฺเถโร สตฺตทิวสสตฺตมาสาธิกานิ สตฺต วสฺสานิ มาตุ กุจฺฉิยํ วสิ, เกน นิรเย ปจฺจิ, เกน นิสฺสนฺเทน ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ชาโต’’ติ? สตฺถา ตํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, กึ กเถถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ นามา’’ติ วุตฺเต ตสฺสายสฺมโต ปุพฺพกมฺมํ กเถนฺโต อาห –

ภิกฺขเว , อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสี ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา เอกสฺมึ สมเย ชนปทจาริกํ จริตฺวา ปิตุ นครํ ปจฺจาคมาสิ. ราชา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาคนฺตุกทานํ สชฺเชตฺวา นาครานํ สาสนํ เปเสสิ ‘‘อาคนฺตฺวา มยฺหํ ทาเน สหายกา โหนฺตู’’ติ. เต ตถา กตฺวา ‘‘รฺา ทินฺนทานโต อติเรกตรํ ทสฺสามา’’ติ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส ทานํ ปฏิยาเทตฺวา รฺโ สาสนํ ปหิณึสุ. ราชา อาคนฺตฺวา เตสํ ทานํ ทิสฺวา ‘‘อิโต อธิกตรํ ทสฺสามี’’ติ ปุนทิวสตฺถาย สตฺถารํ นิมนฺเตสิ, เนว ราชา นาคเร ปราเชตุํ สกฺขิ, น นาครา ราชานํ. นาครา ฉฏฺเ วาเร ‘‘สฺเว ทานิ ยถา ‘อิมสฺมึ ทาเน อิทํ นาม นตฺถี’ติ น สกฺกา โหติ วตฺตุํ, เอวํ ทานํ ทสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ปุนทิวเส ทานํ ปฏิยาเทตฺวา ‘‘กึ นุ โข เอตฺถ นตฺถี’’ติ โอโลเกนฺตา อลฺลมธุเมว น อทฺทสํสุ. ปกฺกมธุ ปน พหุํ อตฺถิ. เต อลฺลมธุสฺสตฺถาย จตูสุ นครทฺวาเรสุ จตฺตาริ กหาปณสหสฺสานิ คาหาเปตฺวา ปหิณึสุ. อเถโก ชนปทมนุสฺโส คามโภชกํ ปสฺสิตุํ อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค มธุปฏลํ ทิสฺวา มกฺขิกา ปลาเปตฺวา สาขํ ฉินฺทิตฺวา สาขาทณฺฑเกเนว สทฺธึ มธุปฏลํ อาทาย ‘‘คามโภชกสฺส ทสฺสามี’’ติ นครํ ปาวิสิ. มธุอตฺถาย คโต ตํ ทิสฺวา, ‘‘อมฺโภ, วิกฺกิณิยํ มธุ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น วิกฺกิณิยํ, สามี’’ติ. ‘‘หนฺท, อิมํ กหาปณํ คเหตฺวา เทหี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ มธุปฏลํ ปาทมตฺตมฺปิ น อคฺฆติ, อยํ ปน กหาปณํ เทติ. พหุกหาปณโก มฺเ, มยา วฑฺเฒตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อถ นํ ‘‘น เทมี’’ติ อาห, ‘‘เตน หิ ทฺเว กหาปเณ คณฺหาหี’’ติ. ‘‘ทฺวีหิปิ น เทมี’’ติ. เอวํ ตาว วฑฺเฒสิ, ยาว โส ‘‘เตน หิ อิทํ สหสฺสํ คณฺหาหี’’ติ ภณฺฑิกํ อุปเนสิ.

อถ นํ โส อาห – ‘‘กึ นุ โข ตฺวํ อุมฺมตฺตโก , อุทาหุ กหาปณานํ ปโนกาสํ น ลภสิ, ปาทมฺปิ น อคฺฆนกํ มธุํ ‘สหสฺสํ คเหตฺวา เทหี’ติ วทสิ, ‘กึ นาเมต’’’นฺติ? ‘ชานามหํ, โภ, อิมินา ปน เม กมฺมํ อตฺถิ, เตเนวํ วทามี’ติ. ‘‘กึ กมฺมํ, สามี’’ติ? ‘‘อมฺเหหิ วิปสฺสีพุทฺธสฺส อฏฺสฏฺิสมณสหสฺสปริวารสฺส มหาทานํ สชฺชิตํ, ตตฺเรกํ อลฺลมธุเมว นตฺถิ, ตสฺมา เอวํ คณฺหามี’’ติ. เอวํ, สนฺเต, นาหํ มูเลน ทสฺสามิ, สเจ ‘‘อหมฺปิ ทาเน ปตฺตึ ลภิสฺสามิ, ทสฺสามี’’ติ. โส คนฺตฺวา นาครานํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. นาครา ตสฺส สทฺธาย พลวภาวํ ตฺวา, ‘‘สาธุ, ปตฺติโก โหตู’’ติ ปฏิชานึสุ, เต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา มหตึ สุวณฺณปาตึ อาหราเปตฺวา มธุปฏลํ ปีฬาเปสุํ. เตเนว มนุสฺเสน ปณฺณาการตฺถาย ทธิวารโกปิ อาหโฏ อตฺถิ, โส ตมฺปิ ทธึ ปาติยํ อากิริตฺวา เตน มธุนา สํสนฺทิตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาทิโต ปฏฺาย อทาสิ. ตํ ยาวทตฺถํ คณฺหนฺตานํ สพฺเพสํ ปาปุณิ อุตฺตริมฺปิ อวสิฏฺํ อโหสิเยว. ‘‘เอวํ โถกํ มธุ กถํ ตาว พหูนํ ปาปุณี’’ติ น จินฺเตตพฺพํ. ตฺหิ พุทฺธานุภาเวน ปาปุณิ. พุทฺธวิสโย น จินฺเตตพฺโพ. จตฺตาริ หิ ‘‘อจินฺเตยฺยานี’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗) วุตฺตานิ. ตานิ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺเสว ภาคี โหตีติ. โส ปุริโส เอตฺตกํ กมฺมํ กตฺวา อายุปริโยสาเน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอตฺตกํ กาลํ สํสรนฺโต เอกสฺมึ สมเย เทวโลกา จวิตฺวา พาราณสิยํ ราชกุเล นิพฺพตฺโต ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปาปุณิ. โส ‘‘เอกํ นครํ คณฺหิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปริวาเรสิ, นาครานฺจ สาสนํ ปหิณิ ‘‘รชฺชํ วา เม เทนฺตุ ยุทฺธํ วา’’ติ. เต ‘‘เนว รชฺชํ ทสฺสาม, น ยุทฺธ’’นฺติ วตฺวา จูฬทฺวาเรหิ นิกฺขมิตฺวา ทารูทกาทีนิ อาหรนฺติ, สพฺพกิจฺจานิ กโรนฺติ.

อิตโรปิ จตฺตาริ มหาทฺวารานิ รกฺขนฺโต สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต วสฺสานิ นครํ อุปรุนฺธิ. อถสฺส มาตา ‘‘กึ เม ปุตฺโต กโรตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิทํ นาม เทวี’’ติ ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘พาโล มม ปุตฺโต, คจฺฉถ, ตสฺส ‘จูฬทฺวารานิปิ ปิธาย นครํ อุปรุนฺธตู’ติ วเทถา’’ติ. โส มาตุ สาสนํ สุตฺวา ตถา อกาสิ. นาคราปิ พหิ นิกฺขมิตุํ อลภนฺตา สตฺตเม ทิวเส อตฺตโน ราชานํ มาเรตฺวา ตสฺส รชฺชํ อทํสุ. โส อิมํ กมฺมํ กตฺวา อายุปริโยสาเน อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา ยาวายํ ปถวี โยชนมตฺตํ อุสฺสนฺนา, ตาว นิรเย ปจฺจิตฺวา จตุนฺนํ จูฬทฺวารานํ ปิทหิตตฺตา ตโต จุโต ตสฺสา เอว มาตุ กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต วสฺสานิ อนฺโตกุจฺฉิสฺมึ วสิตฺวา สตฺต ทิวสานิ โยนิมุเข ติริยํ นิปชฺชิ. เอวํ, ภิกฺขเว, สีวลิ, ตทา นครํ อุปรุนฺธิตฺวา คหิตกมฺเมน เอตฺตกํ กาลํ นิรเย ปจฺจิตฺวา จตุนฺนํ จูฬทฺวารานํ ปิทหิตตฺตา ตโต จุโต ตสฺสา เอว มาตุ กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา เอตฺตกํ กาลํ กุจฺฉิยํ วสิ. นวมธุโน ทินฺนตฺตา ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ชาโตติ.

ปุเนกทิวสํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห สามเณรสฺส ลาโภ, อโห ปุฺํ, เยน เอกเกน ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ปฺจกูฏาคารสตาทีนิ กตานี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มยฺหํ ปุตฺตสฺส เนว ปุฺํ อตฺถิ, น ปาปํ, อุภยมสฺส ปหีน’’นฺติ วตฺวา พฺราหฺมณวคฺเค อิมํ คาถมาห –

‘‘โยธ ปุฺฺจ ปาปฺจ, อุโภ สงฺคมุปจฺจคา;

อโสกํ วิรชํ สุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๑๒);

ขทิรวนิยเรวตตฺเถรวตฺถุ นวมํ.

๑๐. อฺตรอิตฺถิวตฺถุ

รมณียานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อิตฺถึ อารพฺภ กเถสิ.

เอโก กิร ปิณฺฑปาติโก ภิกฺขุ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เอกํ ชิณฺณอุยฺยานํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. เอกา นครโสภินี อิตฺถี ปุริเสน สทฺธึ ‘‘อหํ อสุกฏฺานํ นาม คมิสฺสามิ, ตฺวํ ตตฺถ อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ สงฺเกตํ กตฺวา อคมาสิ. โส ปุริโส นาคจฺฉิ. สา ตสฺส อาคมนมคฺคํ โอโลเกนฺตี ตํ อทิสฺวา อุกฺกณฺิตฺวา อิโต จิโต จ วิจรมานา ตํ อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา เถรํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา อิโต จิโต จ โอโลกยมานา อฺํ กฺจิ อทิสฺวา ‘‘อยฺจ ปุริโส เอว, อิมสฺส จิตฺตํ ปโมเหสฺสามี’’ติ ตสฺส ปุรโต ตฺวา ปุนปฺปุนํ นิวตฺถสาฏกํ โมเจตฺวา นิวาเสติ, เกเส มุฺจิตฺวา พนฺธติ, ปาณึ ปหริตฺวา หสติ. เถรสฺส สํเวโค อุปฺปชฺชิตฺวา สกลสรีรํ ผริ. โส ‘‘กึ นุ โข อิท’’นฺติ จินฺเตสิ. สตฺถาปิ ‘‘มม สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ คตสฺส ภิกฺขุโน กา นุ โข ปวตฺตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ตํ อิตฺถึ ทิสฺวา ตสฺสา อนาจารกิริยํ, เถรสฺส จ สํเวคุปฺปตฺตึ ตฺวา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว เตน สทฺธึ กเถสิ – ‘‘ภิกฺขุ, กามคเวสกานํ อรมณฏฺานเมว วีตราคานํ รมณฏฺานํ โหตี’’ติ . เอวฺจ ปน วตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๙.

‘‘รมณียานิ อรฺานิ, ยตฺถ น รมตี ชโน;

วีตราคา รมิสฺสนฺติ, น เต กามคเวสิโน’’ติ.

ตตฺถ อรฺานีติ สุปุปฺผิตตรุวนสณฺฑปฏิมณฺฑิตานิ วิมลสลิลสมฺปนฺนานิ อรฺานิ นาม รมณียานิ. ยตฺถาติ เยสุ อรฺเสุ วิกสิเตสุ ปทุมวเนสุ คามมกฺขิกา วิย กามคเวสโก ชโน น รมติ. วีตราคาติ วิคตราคา ปน ขีณาสวา นาม ภมรมธุกรา วิย ปทุมวเนสุ ตถารูเปสุ อรฺเสุ รมิสฺสนฺติ. กึ การณา? น เต กามปเวสิโน, ยสฺมา เต กามคเวสิโน น โหนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน โส เถโร ยถานิสินฺโนว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา ถุตึ กโรนฺโต ตถาคตสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา อคมาสีติ.

อฺตรอิตฺถิวตฺถุ ทสมํ.

อรหนฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

สตฺตโม วคฺโค.