📜
๙. ปาปวคฺโค
๑. จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณวตฺถุ
อภิตฺถเรถ ¶ ¶ ¶ กลฺยาเณติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
วิปสฺสิทสพลสฺส กาลสฺมิฺหิ มหาเอกสาฏกพฺราหฺมโณ นาม อโหสิ, อยํ ปน เอตรหิ สาวตฺถิยํ จูเฬกสาฏโก นาม. ตสฺส หิ เอโก นิวาสนสาฏโก อโหสิ, พฺราหฺมณิยาปิ เอโก. อุภินฺนมฺปิ เอกเมว ปารุปนํ, พหิ คมนกาเล พฺราหฺมโณ วา พฺราหฺมณี วา ตํ ปารุปติ. อเถกทิวสํ ¶ วิหาเร ธมฺมสฺสวเน โฆสิเต พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘โภติ ธมฺมสฺสวนํ โฆสิตํ, กึ ทิวา ธมฺมสฺสวนํ คมิสฺสสิ, อุทาหุ รตฺตึ. ปารุปนสฺส หิ อภาเวน น สกฺกา อมฺเหหิ เอกโต คนฺตุ’’นฺติ. พฺราหฺมณี, ‘‘สามิ, อหํ ทิวา คมิสฺสามี’’ติ สาฏกํ ปารุปิตฺวา อคมาสิ. พฺราหฺมโณ ทิวสภาคํ เคเห วีตินาเมตฺวา รตฺตึ คนฺตฺวา สตฺถุ ปุรโต นิสินฺโนว ธมฺมํ อสฺโสสิ. อถสฺส สรีรํ ผรมานา ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิ. โส สตฺถารํ ปูชิตุกาโม หุตฺวา ‘‘สเจ อิมํ สาฏกํ ¶ ทสฺสามิ, เนว พฺราหฺมณิยา, น มยฺหํ ปารุปนํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. อถสฺส มจฺเฉรจิตฺตานํ สหสฺสํ อุปฺปชฺชิ, ปุเนกํ สทฺธาจิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. ตํ ¶ อภิภวิตฺวา ปุน มจฺเฉรสหสฺสํ อุปฺปชฺชิ. อิติสฺส พลวมจฺเฉรํ พนฺธิตฺวา คณฺหนฺตํ วิย สทฺธาจิตฺตํ ปฏิพาหติเยว. ตสฺส ‘‘ทสฺสามิ, น ทสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺตสฺเสว ปมยาโม อปคโต, มชฺฌิมยาโม สมฺปตฺโต. ตสฺมิมฺปิ ทาตุํ นาสกฺขิ. ปจฺฉิมยาเม สมฺปตฺเต โส จินฺเตสิ – ‘‘มม สทฺธาจิตฺเตน มจฺเฉรจิตฺเตน จ สทฺธึ ยุชฺฌนฺตสฺเสว ทฺเว ยามา วีติวตฺตา, อิทํ มม เอตฺตกํ มจฺเฉรจิตฺตํ วฑฺฒมานํ จตูหิ อปาเยหิ สีสํ อุกฺขิปิตุํ น ทสฺสติ, ทสฺสามิ น’’นฺติ. โส มจฺเฉรสหสฺสํ อภิภวิตฺวา สทฺธาจิตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา สาฏกํ อาทาย สตฺถุ ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘ชิตํ เม, ชิตํ เม’’ติ ติกฺขตฺตุํ มหาสทฺทมกาสิ.
ราชา ปเสนทิ โกสโล ธมฺมํ สุณนฺโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘ปุจฺฉถ นํ, กึ กิร เตน ชิต’’นฺติ อาห. โส ราชปุริเสหิ ปุจฺฉิโต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘ทุกฺกรํ กตํ พฺราหฺมเณน, สงฺคหมสฺส กริสฺสามี’’ติ เอกํ สาฏกยุคํ ทาเปสิ. โส ตมฺปิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. ปุน ราชา ทฺเว จตฺตาริ อฏฺ โสฬสาติ ทฺวิคุณํ กตฺวา ทาเปสิ. โส ตานิปิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. อถสฺส ราชา ทฺวตฺตึส ยุคานิ ทาเปสิ. พฺราหฺมโณ ‘‘อตฺตโน อคฺคเหตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ วิสฺสชฺเชสิเยวา’’ติ วาทโมจนตฺถํ ตโต เอกํ ยุคํ อตฺตโน, เอกํ พฺราหฺมณิยาติ ทฺเว ยุคานิ คเหตฺวา ตึส ยุคานิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. ราชา ปน ตสฺมึ สตฺตกฺขตฺตุมฺปิ ททนฺเต ปุน ทาตุกาโมเยว อโหสิ. ปุพฺเพ มหาเอกสาฏโก จตุสฏฺิยา สาฏกยุเคสุ ทฺเว อคฺคเหสิ, อยํ ปน ทฺวตฺตึสาย ¶ ลทฺธกาเล ทฺเว อคฺคเหสิ. ราชา ปุริเส อาณาเปสิ – ‘‘ทุกฺกรํ ภเณ พฺราหฺมเณน กตํ, อนฺเตปุเร มม ทฺเว กมฺพลานิ อาหราเปยฺยาถา’’ติ. เต ตถา กรึสุ. ราชา สตสหสฺสคฺฆนเก ทฺเว กมฺพเล ทาเปสิ. พฺราหฺมโณ ‘‘น อิเม มม สรีเร อุปโยคํ อรหนฺติ, พุทฺธสาสนสฺเสว เอเต อนุจฺฉวิกา’’ติ เอกํ กมฺพลํ อนฺโตคนฺธกุฏิยํ สตฺถุ สยนสฺส อุปริ วิตานํ กตฺวา พนฺธิ, เอกํ อตฺตโน ฆเร นิพทฺธํ ภฺุชนฺตสฺส ภิกฺขุโน ภตฺตกิจฺจฏฺาเน วิตานํ กตฺวา พนฺธิ. ราชา สายนฺหสมเย ¶ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ กมฺพลํ สฺชานิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เกน ปูชา กตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกสาฏเกนา’’ติ วุตฺเต ‘‘พฺราหฺมโณ มม ¶ ปสาทฏฺาเนเยว ปสีทตี’’ติ วตฺวา ‘‘จตฺตาโร หตฺถี จตฺตาโร อสฺเส จตฺตาริ กหาปณสหสฺสานิ จตสฺโส อิตฺถิโย จตสฺโส ทาสิโย จตฺตาโร ปุริเส จตุโร คามวเร’’ติ เอวํ ยาว สพฺพสตา จตฺตาริ จตฺตาริ กตฺวา สพฺพจตุกฺกํ นาม อสฺส ทาเปสิ.
ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห อจฺฉริยํ จูเฬกสาฏกสฺส กมฺมํ, ตํมุหุตฺตเมว สพฺพจตุกฺกํ ลภิ, อิทานิ กเตน กลฺยาณกมฺเมน อชฺชเมว วิปาโก ทินฺโน’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, สจายํ เอกสาฏโก ปมยาเม มยฺหํ ทาตุํ อสกฺขิสฺส, สพฺพโสฬสกํ อลภิสฺส. สเจ มชฺฌิมยาเม อสกฺขิสฺส, สพฺพฏฺกํ อลภิสฺส ¶ . พลวปจฺฉิมยาเม ทินฺนตฺตา ปเนส สพฺพจตุกฺกํ ลภิ. กลฺยาณกมฺมํ กโรนฺเตน หิ อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ อหาเปตฺวา ตงฺขณฺเว กาตพฺพํ. ทนฺธํ กตํ กุสลฺหิ สมฺปตฺตึ ททมานํ ทนฺธเมว ททาติ, ตสฺมา จิตฺตุปฺปาทสมนนฺตรเมว กลฺยาณกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อภิตฺถเรถ กลฺยาเณ, ปาปา จิตฺตํ นิวารเย;
ทนฺธฺหิ กโรโต ปฺุํ, ปาปสฺมึ รมตี มโน’’ติ.
ตตฺถ อภิตฺถเรถาติ ตุริตตุริตํ สีฆสีฆํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. คิหินา วา หิ ‘‘สลากภตฺตทานาทีสุ กิฺจิเทว กุสลํ กริสฺสามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน ยถา อฺเ โอกาสํ น ลภนฺติ, เอวํ ‘‘อหํ ปุเร, อหํ ปุเร’’ติ ตุริตตุริตเมว กาตพฺพํ. ปพฺพชิเตน วา อุปชฺฌายวตฺตาทีนิ กโรนฺเตน อฺสฺส โอกาสํ อทตฺวา ‘‘อหํ ปุเร, อหํ ปุเร’’ติ ตุริตตุริตเมว กาตพฺพํ. ปาปา จิตฺตนฺติ กายทุจฺจริตาทิปาปกมฺมโต วา อกุสลจิตฺตุปฺปาทโต วา สพฺพถาเมน จิตฺตํ นิวารเย. ทนฺธฺหิ กโรโตติ โย ปน ‘‘ทสฺสามิ, น ทสฺสามิ สมฺปชฺชิสฺสติ นุ โข เม, โน’’ติ เอวํ จิกฺขลฺลมคฺเคน คจฺฉนฺโต วิย ทนฺธํ ปฺุํ กโรติ, ตสฺส เอกสาฏกสฺส วิย ¶ มจฺเฉรสหสฺสํ ปาปํ โอกาสํ ลภติ. อถสฺส ปาปสฺมึ รมตี มโน, กุสลกมฺมกรณกาเลเยว หิ จิตฺตํ กุสเล รมติ, ตโต มุจฺจิตฺวา ปาปนินฺนเมว โหตีติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณวตฺถุ ปมํ.
๒. เสยฺยสกตฺเถรวตฺถุ
ปาปฺจ ¶ ปุริโสติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เสยฺยสกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส หิ ลาฬุทายิตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก, อตฺตโน อนภิรตึ ตสฺส อาโรเจตฺวา เตน ปมสงฺฆาทิเสสกมฺเม สมาทปิโต อุปฺปนฺนุปฺปนฺนาย อนภิรติยา ตํ กมฺมมกาสิ (ปารา. ๒๓๔). สตฺถา ตสฺส กิริยํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอวํ กิร ตฺวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา ภาริยํ กมฺมํ อกาสิ, อนนุจฺฉวิกํ โมฆปุริสา’’ติ นานปฺปการโต ครหิตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปตฺวา ‘‘เอวรูปฺหิ กมฺมํ ทิฏฺธมฺเมปิ สมฺปราเยปิ ทุกฺขสํวตฺตนิกเมว โหตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปาปฺเจ ปุริโส กยิรา, น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ;
น ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ, ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สเจ ปุริโส สกึ ปาปกมฺมํ กเรยฺย, ตงฺขเณเยว ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อิทํ อปฺปติรูปํ โอฬาริก’’นฺติ น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ. โยปิ ตมฺหิ ฉนฺโท ¶ วา รุจิ วา อุปฺปชฺเชยฺย, ตมฺปิ วิโนเทตฺวา น กยิราเถว. กึ การณา? ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย. ปาปสฺส หิ อุจฺจโย วุฑฺฒิ อิธโลเกปิ สมฺปราเยปิ ทุกฺขเมว อาวหตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เสยฺยสกตฺเถรวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ลาชเทวธีตาวตฺถุ
ปฺฺุเจติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาชเทวธีตรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ราชคเห สมุฏฺิตํ.
อายสฺมา ¶ หิ มหากสฺสโป ปิปฺปลิคุหายํ วิหรนฺโต ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตเม ทิวเส วุฏฺาย ทิพฺเพน จกฺขุนา ภิกฺขาจารฏฺานํ โอโลเกนฺโต เอกํ สาลิเขตฺตปาลิกํ อิตฺถึ สาลิสีสานิ คเหตฺวา ลาเช กุรุมานํ ทิสฺวา ‘‘สทฺธา นุ โข, อสฺสทฺธา’’ติ วีมํสิตฺวา ‘‘สทฺธา’’ติ ตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสติ นุ โข เม สงฺคหํ กาตุํ, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘วิสารทา กุลธีตา มม สงฺคหํ กริสฺสติ, กตฺวา จ ปน มหาสมฺปตฺตึ ลภิสฺสตี’’ติ ตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย สาลิเขตฺตสมีเปเยว อฏฺาสิ. กุลธีตา เถรํ ทิสฺวาว ปสนฺนจิตฺตา ปฺจวณฺณาย ปีติยา ผุฏฺสรีรา ‘‘ติฏฺถ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ลาเช อาทาย เวเคน คนฺตฺวา เถรสฺส ปตฺเต อากิริตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺส ภาคินี อสฺส’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. เถโร ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนมกาสิ. สาปิ เถรํ วนฺทิตฺวา อตฺตนา ทินฺนทานํ อาวชฺชมานา นิวตฺติ. ตาย จ ปน เกทารมริยาทาย ¶ คมนมคฺเค เอกสฺมึ พิเล โฆรวิโส สปฺโป นิปชฺชิ. โส เถรสฺส กาสายปฏิจฺฉนฺนํ ชงฺฆํ ฑํสิตุํ นาสกฺขิ. อิตรา ทานํ อาวชฺชมานา นิวตฺตนฺตี ตํ ปเทสํ ปาปุณิ. สปฺโป พิลา นิกฺขมิตฺวา ตํ ฑํสิตฺวา ตตฺเถว ปาเตสิ. สา ปสนฺนจิตฺเตน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน สุตฺตปฺปพุทฺธา วิย สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเตน ติคาวุเตน อตฺตภาเวน นิพฺพตฺติ. สา ทฺวาทสโยชนิกํ เอกํ ทิพฺพวตฺถํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา อจฺฉราสหสฺสปริวุตา ปุพฺพกมฺมปกาสนตฺถาย สุวณฺณลาชภริเตน โอลมฺพเกน สุวณฺณสรเกน ปฏิมณฺฑิเต วิมานทฺวาเร ิตา อตฺตโน สมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘กึ นุ โข เม กตฺวา อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ ทิพฺเพน จกฺขุนา อุปธาเรนฺตี ‘‘อยฺยสฺส เม มหากสฺสปตฺเถรสฺส ทินฺนลาชนิสฺสนฺเทน สา ลทฺธา’’ติ อฺาสิ.
สา เอวํ ปริตฺตเกน กมฺเมน เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ลภิตฺวา ‘‘น ทานิ มยา ปมชฺชิตุํ วฏฺฏติ, อยฺยสฺส วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา อิมํ สมฺปตฺตึ ถาวรํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปาโตว กนกมยํ สมฺมชฺชนิฺเจว กจวรฉฑฺฑนกฺจ ปจฺฉึ ¶ อาทาย คนฺตฺวา เถรสฺส ปริเวณํ สมฺมชฺชิตฺวา ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺาเปสิ. เถโร ตํ ทิสฺวา ‘‘เกนจิ ทหเรน วา สามเณเรน วา วตฺตํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ สลฺลกฺเขสิ. สา ทุติยทิวเสปิ ตเถว อกาสิ, เถโรปิ ตเถว สลฺลกฺเขสิ. ตติยทิวเส ปน เถโร ตสฺสา สมฺมชฺชนิสทฺทํ ¶ สุตฺวา ตาลจฺฉิทฺทาทีหิ จ ปวิฏฺํ สรีโรภาสํ ทิสฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา ‘‘โก เอส สมฺมชฺชตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ อุปฏฺายิกา ลาชเทวธีตา’’ติ. ‘‘นนุ มยฺหํ เอวํนามิกา อุปฏฺายิกา นาม นตฺถี’’ติ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, สาลิเขตฺตํ รกฺขมานา ลาเช ทตฺวา ปสนฺนจิตฺตา นิวตฺตนฺตี สปฺเปน ทฏฺา กาลํ กตฺวา ตาวตึสเทวโลเก อุปฺปนฺนา, มยา อยฺยํ นิสฺสาย อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา, อิทานิปิ ตุมฺหากํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา ‘สมฺปตฺตึ ถาวรํ กริสฺสามี’ติ อาคตามฺหิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘หิยฺโยปิ ปเรปิ ตยาเวตํ ¶ านํ สมฺมชฺชิตํ, ตยาว ปานียโภชนียํ อุปฏฺาปิต’’นฺติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อเปหิ เทวธีเต, ตยา กตํ วตฺตํ กตํว โหตุ, อิโต ปฏฺาย อิมํ านํ มา อาคมี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มา มํ นาเสถ, ตุมฺหากํ วตฺตํ กตฺวา สมฺปตฺตึ เม ถิรํ กาตุํ เทถา’’ติ. ‘‘อเปหิ เทวธีเต, มา มํ อนาคเต จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา นิสินฺเนหิ ธมฺมกถิเกหิ ‘มหากสฺสปตฺเถรสฺส กิร เอกา เทวธีตา อาคนฺตฺวา วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺาเปสี’ติ วตฺตพฺพตํ กริ, อิโต ปฏฺาย อิธ มา อาคมิ, ปฏิกฺกมา’’ติ. สา ‘‘มา มํ, ภนฺเต, นาเสถา’’ติ ปุนปฺปุนํ ยาจิเยว. เถโร ‘‘นายํ มม วจนํ สุณาตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตุวํ ปมาณํ น ชานาสี’’ติ อจฺฉรํ ปหริ. สา ตตฺถ สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี อากาเส อุปฺปติตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห, ‘‘ภนฺเต, มยา ลทฺธสมฺปตฺตึ มา นาเสถ, ถาวรํ กาตุํ เทถา’’ติ โรทนฺตี อากาเส อฏฺาสิ.
สตฺถา เชตวเน คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ¶ ตสฺสา โรทิตสทฺทํ สุตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา เทวธีตาย สมฺมุเข นิสีทิตฺวา กเถนฺโต วิย ‘‘เทวธีเต มม ปุตฺตสฺส กสฺสปสฺส สํวรกรณเมว ภาโร, ปฺุตฺถิกานํ ปน ‘อยํ โน อตฺโถ’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ปฺุกรณเมว ภาโร. ปฺุกรณฺหิ อิธ เจว สมฺปราเย จ สุขเมวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปฺฺุเจ ¶ ปุริโส กยิรา, กยิรา นํ ปุนปฺปุนํ;
ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ, สุโข ปฺุสฺส อุจฺจโย’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สเจ ปุริโส ปฺุํ กเรยฺย, ‘‘เอกวารํ เม ปฺุํ กตํ, อลํ เอตฺตาวตา’’ติ อโนรมิตฺวา ปุนปฺปุนํ กโรเถว. ตสฺส อกรณกฺขเณปิ ตมฺหิ ปฺุเ ฉนฺทํ รุจึ อุสฺสาหํ กโรเถว. กึ การณา? สุโข ปฺุสฺส อุจฺจโย. ปฺุสฺส หิ อุจฺจโย วุฑฺฒิ อิธโลกปรโลกสุขาวหนโต สุโขติ.
เทสนาวสาเน เทวธีตา ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก ิตาว โสตาปตฺติผลํ ปาปุณีติ.
ลาชเทวธีตาวตฺถุ ตติยํ.
๔. อนาถปิณฺฑิกเสฏฺิวตฺถุ
ปาโปปิ ¶ ปสฺสตี ภทฺรนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกํ อารพฺภ กเถสิ.
อนาถปิณฺฑิโก ¶ หิ วิหารเมว อุทฺทิสฺส จตุปณฺณาสโกฏิธนํ พุทฺธสาสเน วิกิริตฺวา สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต เทวสิกํ ตีณิ มหาอุปฏฺานานิ คจฺฉติ, คจฺฉนฺโต จ ‘‘กึ นุ โข อาทาย อาคโตติ สามเณรา วา ทหรา วา หตฺถมฺปิ เม โอโลเกยฺยุ’’นฺติ ตุจฺฉหตฺโถ นาม น คตปุพฺโพ. ปาโตว คจฺฉนฺโต ยาคุํ คาหาเปตฺวาว คจฺฉติ, กตปาตราโส สปฺปินวนีตาทีนิ เภสชฺชานิ. สายนฺหสมเย มาลาคนฺธวิเลปนวตฺถาทีนิ คาหาเปตฺวา คจฺฉติ. เอวํ นิจฺจกาลเมว ทิวเส ทิวเส ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขติ. อปรภาเค ธนํ ปริกฺขยํ คจฺฉติ. โวหารูปชีวิโนปิสฺส หตฺถโต อฏฺารสโกฏิธนํ อิณํ คณฺหึสุ, กุลสนฺตกาปิสฺส อฏฺารสหิรฺโกฏิโย, นทีตีเร นิทหิตฺวา ปิตา อุทเกน กูเล ภินฺเน มหาสมุทฺทํ ปวิสึสุ. เอวมสฺส อนุปุพฺเพน ธนํ ปริกฺขยํ อคมาสิ. โส เอวํภูโตปิ สงฺฆสฺส ทานํ เทติเยว, ปณีตํ ปน กตฺวา ทาตุํ น สกฺโกติ.
โส เอกทิวสํ สตฺถารา ‘‘ทียติ ปน เต, คหปติ, กุเล ทาน’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ทียติ, ภนฺเต, ตฺจ โข กณาชกํ พิลงฺคทุติย’’นฺติ อาห. อถ นํ ¶ สตฺถา, ‘‘คหปติ, ‘ลูขํ ทานํ เทมี’ติ มา จินฺตยิ. จิตฺตสฺมิฺหิ ปณีเต พุทฺธาทีนํ ทินฺนทานํ ลูขํ นาม นตฺถิ, อปิจ ตฺวํ อฏฺนฺนํ อริยปุคฺคลานํ ทานํ เทสิ, อหํ ปน เวลามกาเล สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา มหาทานํ ¶ ปวตฺตยมาโนปิ ติสรณคตมฺปิ กฺจิ นาลตฺถํ, ทกฺขิเณยฺยา นาม เอวํ ทุลฺลภา. ตสฺมา ‘ลูขํ เม ทาน’นฺติ มา จินฺตยี’’ติ วตฺวา เวลามสุตฺตมสฺส (อ. นิ. ๙.๒๐) กเถสิ. อถสฺส ทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา เทวตา สตฺถริ เจว สตฺถุสาวเกสุ จ เคหํ ปวิสนฺเตสุ เตสํ เตเชน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี, ‘‘ยถา อิเม อิมํ เคหํ น ปวิสนฺติ, ตถา คหปตึ ปริภินฺทิสฺสามี’’ติ ตํ วตฺตุกามาปิ อิสฺสรกาเล กิฺจิ วตฺตุํ นาสกฺขิ, อิทานิ ‘‘ปนายํ ทุคฺคโต คณฺหิสฺสติ เม วจน’’นฺติ รตฺติภาเค เสฏฺิสฺส สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. อถ เสฏฺิ นํ ทิสฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. อหํ เต มหาเสฏฺิ จตุตฺถทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา เทวตา, ตุยฺหํ โอวาททานตฺถาย อาคตาติ. เตน หิ โอวเทหีติ. มหาเสฏฺิ ตยา ปจฺฉิมกาลํ อโนโลเกตฺวาว สมณสฺส โคตมสฺส สาสเน พหุํ ธนํ วิปฺปกิณฺณํ, อิทานิ ทุคฺคโต หุตฺวาปิ ตํ น มฺุจสิเยว, เอวํ วตฺตมาโน กติปาเหเนว ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ น ลภิสฺสสิ ¶ , กึ เต สมเณน โคตเมน, อติปริจฺจาคโต โอรมิตฺวา กมฺมนฺเต ปโยเชนฺโต กุฏุมฺพํ สณฺาเปหีติ. อยํ เม ตยา ทินฺนโอวาโทติ. อาม, เสฏฺีติ. คจฺฉ, นาหํ ตาทิสีนํ สเตนปิ สหสฺเสนปิ สตสหสฺเสนปิ ¶ สกฺกา กมฺเปตุํ, อยุตฺตํ เต วุตฺตํ, กํ ตยา มม เคเห วสมานาย, สีฆํ สีฆํ เม ฆรา นิกฺขมาหีติ. สา โสตาปนฺนสฺส อริยสาวกสฺส วจนํ สุตฺวา าตุํ อสกฺโกนฺตี ทารเก อาทาย นิกฺขมิ, นิกฺขมิตฺวา จ ปน อฺตฺถ วสนฏฺานํ อลภมานา ‘‘เสฏฺึ ขมาเปตฺวา ตตฺเถว วสิสฺสามี’’ติ นครปริคฺคาหกํ เทวปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตนา กตาปราธํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอหิ, มํ เสฏฺิสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ขมาเปตฺวา วสนฏฺานํ ทาเปหี’’ติ อาห. โส ‘‘อยุตฺตํ ตยา วุตฺตํ, นาหํ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ อุสฺสหามี’’ติ ตํ ปฏิกฺขิปิ. สา จตุนฺนํ มหาราชานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตหิปิ ปฏิกฺขิตฺตา สกฺกํ เทวราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘อหํ, เทว, วสนฏฺานํ อลภมานา ทารเก ¶ หตฺเถน คเหตฺวา อนาถา วิจรามิ, วสนฏฺานํ เม ทาเปหี’’ติ สุฏฺุตรํ ยาจิ.
อถ นํ โส ‘‘อหมฺปิ ตว การณา เสฏฺึ วตฺตุํ น สกฺขิสฺสามิ, เอกํ ปน เต อุปายํ กเถสฺสามี’’ติ อาห. สาธุ, เทว, กเถหีติ. คจฺฉ, เสฏฺิโน อายุตฺตกเวสํ คเหตฺวา เสฏฺิสฺส หตฺถโต ปณฺณํ อาโรเปตฺวา โวหารูปชีวีหิ คหิตํ อฏฺารสโกฏิธนํ อตฺตโน อานุภาเวน โสเธตฺวา ตุจฺฉคพฺเภ ปูเรตฺวา มหาสมุทฺทํ ¶ ปวิฏฺํ อฏฺารสโกฏิธนํ อตฺถิ, อฺมฺปิ อสุกฏฺาเน นาม อสฺสามิกํ อฏฺารสโกฏิธนํ อตฺถิ, ตํ สพฺพํ สํหริตฺวา ตสฺส ตุจฺฉคพฺเภ ปูเรตฺวา ทณฺฑกมฺมํ กตฺวา ขมาเปหีติ. สา ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วุตฺตนเยเนว ตํ สพฺพํ กตฺวา ปุน ตสฺส สิริคพฺภํ โอภาสยมานา อากาเส ตฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ วุตฺเต อหํ เต จตุตฺถทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา อนฺธพาลเทวตา, มยา อนฺธพาลตาย ยํ ตุมฺหากํ สนฺติเก กถิตํ, ตํ เม ขมถ. สกฺกสฺส หิ เม วจเนน จตุปณฺณาสโกฏิธนํ สํหริตฺวา ตุจฺฉคพฺภปูรณํ ทณฺฑกมฺมํ กตํ, วสนฏฺานํ อลภมานา กิลมามีติ. อนาถปิณฺฑิโก จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เทวตา ‘ทณฺฑกมฺมฺจ เม กต’นฺติ วทติ, อตฺตโน จ โทสํ ปฏิชานาติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส นํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ. โส ตํ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ตาย กตกมฺมํ สพฺพํ อาโรเจสิ. เทวตา สตฺถุ ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยํ มยา อนฺธพาลตาย ตุมฺหากํ คุเณ อชานิตฺวา ปาปกํ วจนํ วุตฺตํ, ตํ เม ขมถา’’ติ สตฺถารํ ขมาเปตฺวา มหาเสฏฺึ ขมาเปสิ. สตฺถา กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากวเสน เสฏฺิฺเจว เทวตฺจ โอวทนฺโต ‘‘อิธ, คหปติ, ปาปปุคฺคโลปิ ยาว ปาปํ น ปจฺจติ, ตาว ภทฺรมฺปิ ปสฺสติ. ยทา ปนสฺส ปาปํ ปจฺจติ, ตทา ปาปเมว ปสฺสติ. ภทฺรปุคฺคโลปิ ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ, ตาว ปาปานิ ปสฺสติ. ยทา ปนสฺส ¶ ภทฺรํ ปจฺจติ, ตทา ภทฺรเมว ¶ ปสฺสตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ปาโปปิ ปสฺสตี ภทฺรํ, ยาว ปาปํ น ปจฺจติ;
ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ, อถ ปาโป ปาปานิ ปสฺสติ.
‘‘ภทฺโรปิ ปสฺสตี ปาปํ, ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ;
ยทา จ ปจฺจตี ภทฺรํ, อถ ภทฺโร ภทฺรานิ ปสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปาโปติ กายทุจฺจริตาทินา ปาปกมฺเมน ยุตฺตปุคฺคโล. โสปิ หิ ปุริมสุจริตานุภาเวน นิพฺพตฺตํ สุขํ อนุภวมาโน ภทฺรมฺปิ ปสฺสติ. ยาว ปาปํ น ปจฺจตีติ ยาวสฺส ตํ ปาปกมฺมํ ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา วิปากํ น เทติ. ยทา ปนสฺส ตํ ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา วิปากํ เทติ, อถ ทิฏฺธมฺเม วิวิธา กมฺมการณา, สมฺปราเย จ อปายทุกฺขํ อนุโภนฺโต โส ปาโป ปาปานิเยว ปสฺสติ. ทุติยคาถายปิ กายสุจริตาทินา ภทฺรกมฺเมน ยุตฺโต ภทฺโร. โสปิ หิ ปุริมทุจฺจริตานุภาเวน นิพฺพตฺตํ ทุกฺขํ อนุภวมาโน ปาปํ ปสฺสติ. ยาว ภทฺรํ น ปจฺจตีติ ยาวสฺส ตํ ภทฺรํ กมฺมํ ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา วิปากํ น เทติ. ยทา ปน ตํ วิปากํ เทติ, อถ ทิฏฺธมฺเม ลาภสกฺการาทิสุขํ, สมฺปราเย จ ทิพฺพสมฺปตฺติสุขํ อนุภวมาโน โส ภทฺโร ภทฺรานิเยว ปสฺสตีติ.
เทสนาวสาเน ¶ สา เทวตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อนาถปิณฺฑิกเสฏฺิวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. อสฺตปริกฺขารภิกฺขุวตฺถุ
มาวมฺเถ ปาปสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อสฺตปริกฺขารํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ยํ กิฺจิ มฺจปีาทิเภทํ ปริกฺขารํ พหิ ปริภฺุชิตฺวา ตตฺเถว ฉฑฺเฑติ. ปริกฺขาโร ¶ วสฺเสนปิ อาตเปนปิ อุปจิกาทีหิปิ วินสฺสติ. โส ภิกฺขูหิ ‘‘นนุ, อาวุโส, ปริกฺขาโร นาม ปฏิสามิตพฺโพ’’ติ วุตฺเต ‘‘อปฺปกํ มยา กตํ, อาวุโส, เอตํ, น เอตสฺส จิตฺตํ อตฺถิ, น ปิตฺต’’นฺติ วตฺวา ตเถว กโรติ. ภิกฺขู ตสฺส กิริยํ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ เอวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส สตฺถารา ปุจฺฉิโตปิ ‘‘กึ เอตํ ภควา อปฺปกํ มยา กตํ, น ตสฺส จิตฺตํ อตฺถิ, นาสฺส ปิตฺต’’นฺติ ตเถว อวมฺนฺโต อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขูหิ เอวํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ปาปกมฺมํ นาม ‘อปฺปก’นฺติ น อวมฺิตพฺพํ. อชฺโฌกาเส ปิตฺหิ วิวฏมุขํ ภาชนํ เทเว วสฺสนฺเต ¶ กิฺจาปิ เอกพินฺทุนา น ปูรติ, ปุนปฺปุนํ ¶ วสฺสนฺเต ปน ปูรเตว, เอวเมวํ ปาปํ กโรนฺโต ปุคฺคโล อนุปุพฺเพน มหนฺตํ ปาปราสึ กโรตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มาวมฺเถ ปาปสฺส, น มนฺทํ อาคมิสฺสติ;
อุทพินฺทุนิปาเตน, อุทกุมฺโภปิ ปูรติ;
พาโล ปูรติ ปาปสฺส, โถกํ โถกมฺปิ อาจิน’’นฺติ.
ตตฺถ มาวมฺเถาติ น อวชาเนยฺย. ปาปสฺสาติ ปาปํ. น มนฺทํ อาคมิสฺสตีติ ‘‘อปฺปมตฺตกํ เม ปาปกํ กตํ, กทา เอตํ วิปจฺจิสฺสตี’’ติ เอวํ ปาปํ นาวชาเนยฺยาติ อตฺโถ. อุทกุมฺโภปีติ เทเว วสฺสนฺเต มุขํ วิวริตฺวา ปิตํ ยํ กิฺจิ กุลาลภาชนํ ยถา ตํ เอเกกสฺสาปิ อุทกพินฺทุโน นิปาเตน อนุปุพฺเพน ปูรติ, เอวํ พาลปุคฺคโล โถกํ โถกมฺปิ ปาปํ อาจินนฺโต กโรนฺโต วฑฺเฒนฺโต ปาปสฺส ปูรติเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. สตฺถาปิ ‘‘อชฺโฌกาเส เสยฺยํ สนฺถริตฺวา ปฏิปากติกํ อกโรนฺโต อิมํ นาม อาปตฺติมาปชฺชตี’’ติ (ปาจิ. ๑๐๘-๑๑๐) สิกฺขาปทํ ปฺาเปสีติ.
อสฺตปริกฺขารภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. พิฬาลปาทกเสฏฺิวตฺถุ
มาวมฺเถ ¶ ¶ ปฺุสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พิฬาลปาทกเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สาวตฺถิวาสิโน วคฺคพนฺธเนน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ เทนฺติ. อเถกทิวสํ สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต เอวมาห –
‘‘อุปาสกา อิเธกจฺโจ อตฺตนาว ทานํ เทติ, ปรํ น สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทํ ลภติ, โน ปริวารสมฺปทํ. เอกจฺโจ อตฺตนา ทานํ น เทติ, ปรํ สมาทเปติ. โส ¶ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ปริวารสมฺปทํ ลภติ, โน โภคสมฺปทํ. เอกจฺโจ อตฺตนา จ น เทติ, ปรฺจ น สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เนว โภคสมฺปทํ ลภติ, น ปริวารสมฺปทํ, วิฆาสาโท หุตฺวา วิจรติ. เอกจฺโจ อตฺตนา จ เทติ, ปรฺจ สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทฺเจว ลภติ, ปริวารสมฺปทฺจา’’ติ.
อเถโก ปณฺฑิตปุริโส ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘‘อโห อจฺฉริยมิทํ การณํ, อหํ ทานิ อุภยสมฺปตฺติสํวตฺตนิกํ กมฺมํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุฏฺาย คมนกาเล อาห – ‘‘ภนฺเต, สฺเว อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. กิตฺตเกหิ ปน เต ภิกฺขูหิ อตฺโถติ? สพฺพภิกฺขูหิ, ภนฺเตติ. สตฺถา อธิวาเสสิ ¶ . โสปิ คามํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, มยา สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสงฺโฆ นิมนฺติโต, โย ยตฺตกานํ ภิกฺขูนํ สกฺโกติ, โส ตตฺตกานํ ยาคุอาทีนํ อตฺถาย ตณฺฑุลาทีนิ เทตุ, เอกสฺมึ าเน ปจาเปตฺวา ทานํ ทสฺสามา’’ติ อุคฺโฆเสนฺโต วิจริ.
อถ นํ เอโก เสฏฺิ อตฺตโน อาปณทฺวารํ สมฺปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อตฺตโน ปโหนเก ภิกฺขู อนิมนฺเตตฺวา ปน สกลคามํ สมาทเปนฺโต วิจรตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ‘‘ตยา คหิตภาชนํ อาหรา’’ติ ตีหิ องฺคุลีหิ คเหตฺวา โถเก ตณฺฑุเล อทาสิ, ตถา มุคฺเค, ตถา มาเสติ. โส ตโต ปฏฺาย พิฬาลปาทกเสฏฺิ นาม ชาโต, สปฺปิผาณิตาทีนิ เทนฺโตปิ กรณฺฑํ กุเฏ ปกฺขิปิตฺวา เอกโต โกณํ กตฺวา พินฺทุํ พินฺทุํ ปคฺฆรายนฺโต โถกโถกเมว อทาสิ. อุปาสโก อวเสเสหิ ทินฺนํ เอกโต กตฺวา อิมินา ทินฺนํ วิสุํเยว อคฺคเหสิ. โส เสฏฺิ ตสฺส กิริยํ ¶ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอส มยา ทินฺนํ วิสุํ คณฺหาตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต เอกํ จูฬุปฏฺากํ ปหิณิ ‘‘คจฺฉ, ยํ เอส กโรติ, ตํ ชานาหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ‘‘เสฏฺิสฺส มหปฺผลํ โหตู’’ติ ยาคุภตฺตปูวานํ อตฺถาย เอกํ ทฺเว ตณฺฑุเล ปกฺขิปิตฺวา มุคฺคมาเสปิ เตลผาณิตาทิพินฺทูนิปิ สพฺพภาชเนสุ ปกฺขิปิ. จูฬุปฏฺาโก คนฺตฺวา เสฏฺิสฺส อาโรเจสิ ¶ . ตํ สุตฺวา เสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘สเจ เม โส ปริสมชฺเฌ อวณฺณํ ภาสิสฺสติ, มม นาเม คหิตมตฺเตเยว นํ ปหริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ นิวาสนนฺตเร ฉุริกํ พนฺธิตฺวา ปุนทิวเส คนฺตฺวา ภตฺตคฺเค อฏฺาสิ. โส ปุริโส พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา ¶ ภควนฺตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา มหาชนํ สมาทเปตฺวา อิมํ ทานํ ทินฺนํ, ตตฺถ สมาทปิตมนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน พเลน พหูนิปิ โถกานิปิ ตณฺฑุลาทีนิ อทํสุ, เตสํ สพฺเพสํ มหปฺผลํ โหตู’’ติ. ตํ สุตฺวา โส เสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ‘อสุเกน นาม อจฺฉราย คณฺหิตฺวา ตณฺฑุลาทีนิ ทินฺนานีติ มม นาเม คหิตมตฺเต อิมํ มาเรสฺสามี’ติ อาคโต, อยํ ปน สพฺพสงฺคาหิกํ กตฺวา ‘เยหิปิ นาฬิอาทีหิ มินิตฺวา ทินฺนํ, เยหิปิ อจฺฉราย คเหตฺวา ทินฺนํ, สพฺเพสํ มหปฺผลํ โหตู’ติ วทติ. สจาหํ เอวรูปํ น ขมาเปสฺสามิ, เทวทณฺโฑ มม มตฺถเก ปติสฺสตี’’ติ. โส ตสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, สามี’’ติ อาห. ‘‘กึ อิท’’นฺติ จ เตน วุตฺเต สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ตํ กิริยํ ทิสฺวา สตฺถา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ทานเวยฺยาวฏิกํ ปุจฺฉิ. โส อตีตทิวสโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘เอวํ กิร เสฏฺี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘อุปาสก, ปฺุํ นาม ‘อปฺปก’นฺติ น อวมฺิตพฺพํ, มาทิสสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ¶ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ‘อปฺปก’นฺติ น อวมฺิตพฺพํ. ปณฺฑิตมนุสฺสา หิ ปฺุํ กโรนฺตา วิวฏภาชนํ วิย อุทเกน อนุกฺกเมน ปฺุเน ปูรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มาวมฺเถ ปฺุสฺส, น มนฺทํ อาคมิสฺสติ;
อุทพินฺทุนิปาเตน, อุทกุมฺโภปิ ปูรติ;
ธีโร ปูรติ ปฺุสฺส, โถกํ โถกมฺปิ อาจิน’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ปณฺฑิตมนุสฺโส ปฺุํ กตฺวา ‘‘อปฺปกมตฺตํ มยา กตํ, น มนฺทํ วิปากวเสน อาคมิสฺสติ, เอวํ ปริตฺตกํ กมฺมํ กหํ มํ ทกฺขิสฺสติ, อหํ วา ตํ กหํ ทกฺขิสฺสามิ, กทา เอตํ วิปจฺจิสฺสตี’’ติ เอวํ ปฺุํ มาวมฺเถ น อวชาเนยฺย. ยถา หิ นิรนฺตรํ อุทพินฺทุนิปาเตน วิวริตฺวา ปิตํ กุลาลภาชนํ ปูรติ, เอวํ ธีโร ปณฺฑิตปุริโส โถกํ โถกมฺปิ ปฺุํ อาจินนฺโต ปฺุสฺส ปูรตีติ.
เทสนาวสาเน ¶ โส เสฏฺิ โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
พิฬาลปาทกเสฏฺิวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. มหาธนวาณิชวตฺถุ
วาณิโชวาติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาธนวาณิชํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส กิร วาณิชสฺส เคเห ปฺจสตา โจรา โอตารํ คเวสมานา โอตารํ น ลภึสุ. อปเรน สมเยน วาณิโช ปฺจ สกฏสตานิ ภณฺฑสฺส ปูเรตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรจาเปสิ – ‘‘อหํ อสุกฏฺานํ นาม วาณิชฺชตฺถาย คจฺฉามิ, เย, อยฺยา, ตํ านํ คนฺตุกามา, เต นิกฺขมนฺตุ, มคฺเค ภิกฺขาย น กิลมิสฺสนฺตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ปฺจสตา ภิกฺขู เตน สทฺธึ มคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ. เตปิ โจรา ‘‘โส กิร วาณิโช นิกฺขนฺโต’’ติ คนฺตฺวา อฏวิยํ อฏฺํสุ. วาณิโชปิ คนฺตฺวา อฏวิมุเข เอกสฺมึ คาเม วาสํ กตฺวา ทฺเว ตโยปิ ทิวเส โคณสกฏาทีนิ สํวิทหิ, เตสํ ปน ภิกฺขูนํ นิพทฺธํ ภิกฺขํ เทติเยว. โจรา ตสฺมึ อติจิรายนฺเต ‘‘คจฺฉ, ตสฺส นิกฺขมนทิวสํ ตฺวา เอหี’’ติ เอกํ ปุริสํ ปหิณึสุ. โส ตํ คามํ คนฺตฺวา เอกํ สหายกํ ปุจฺฉิ – ‘‘กทา วาณิโช นิกฺขมิสฺสตี’’ติ. โส ‘‘ทฺวีหตีหจฺจเยนา’’ติ วตฺวา ‘‘กิมตฺถํ ปน ปุจฺฉสี’’ติ อาห. อถสฺส โส ‘‘มยํ ปฺจสตา โจรา เอตสฺสตฺถาย อฏวิยํ ิตา’’ติ อาจิกฺขิ. อิตโร ‘‘เตน หิ คจฺฉ, สีฆํ นิกฺขมิสฺสตี’’ติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา, ‘‘กึ ¶ นุ โข โจเร วาเรมิ, อุทาหุ วาณิช’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ‘‘กึ เม โจเรหิ, วาณิชํ นิสฺสาย ปฺจสตา ภิกฺขู ชีวนฺติ, วาณิชสฺส สฺํ ทสฺสามี’’ติ โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กทา คมิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตติยทิวเส’’ติ วุตฺเต มยฺหํ วจนํ กโรถ, อฏวิยํ กิร ตุมฺหากํ อตฺถาย ปฺจสตา โจรา ิตา, มา ตาว คมิตฺถาติ. ตฺวํ กถํ ชานาสีติ? เตสํ อนฺตเร มม สหาโย อตฺถิ, ตสฺส เม กถาย าตนฺติ. ‘‘เตน หิ ‘กึ เม เอตฺโต คเตนา’ติ นิวตฺติตฺวา เคหเมว คมิสฺสามี’’ติ อาห. ตสฺมึ จิรายนฺเต ปุน เตหิ โจเรหิ เปสิโต ปุริโส อาคนฺตฺวา ตํ สหายกํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘นิวตฺติตฺวา เคหเมว กิร คมิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา โจรานํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา โจรา ตโต นิกฺขมิตฺวา อิตรสฺมึ มคฺเค อฏฺํสุ, ตสฺมึ จิรยนฺเต ปุนปิ เต โจรา ตสฺส สนฺติกํ ปุริสํ เปเสสุํ. โส เตสํ ตตฺถ ิตภาวํ ตฺวา ปุน วาณิชสฺส อาโรเจสิ. วาณิโช ¶ ‘‘อิธาปิ เม เวกลฺลํ นตฺถิ, เอวํ สนฺเต ¶ เนว เอตฺโต คมิสฺสามิ, น อิโต, อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ ¶ สนฺติกํ คนฺตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, โจรา กิร มํ วิลุมฺปิตุกามา มคฺเค ิตา, ‘ปุน นิวตฺติสฺสตี’ติ สุตฺวา อิตรสฺมึ มคฺเค ิตา, อหํ เอตฺโต วา อิโต วา อคนฺตฺวา โถกํ อิเธว ภวิสฺสามิ, ภทนฺตา อิเธว วสิตุกามา วสนฺตุ, คนฺตุกามา อตฺตโน รุจึ กโรนฺตู’’ติ. ภิกฺขู ‘‘เอวํ สนฺเต มยํ นิวตฺติสฺสามา’’ติ วาณิชํ อาปุจฺฉิตฺวา ปุนเทว สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, มหาธนวาณิเชน สทฺธึ น คมิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, มหาธนวาณิชสฺส วิลุมฺปนตฺถาย ทฺวีสุปิ มคฺเคสุ โจรา ปริยุฏฺึสุ, เตน โส ตตฺเถว ิโต, มยํ ปน ตํ อาปุจฺฉิตฺวา อาคตา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มหาธนวาณิโช โจรานํ อตฺถิตาย มคฺคํ ปริวชฺชติ, ชีวิตุกาโม วิย ปุริโส หลาหลํ วิสํ ปริวชฺเชติ, ภิกฺขุนาปิ ‘ตโย ภวา โจเรหิ ปริยุฏฺิตมคฺคสทิสา’ติ ตฺวา ปาปํ ปริวชฺเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘วาณิโชว ภยํ มคฺคํ, อปฺปสตฺโถ มหทฺธโน;
วิสํ ชีวิตุกาโมว, ปาปานิ ปริวชฺชเย’’ติ.
ตตฺถ ภยนฺติ ภายิตพฺพํ, โจเรหิ ปริยุฏฺิตตฺตา สปฺปฏิภยนฺติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา มหาธนวาณิโช ¶ อปฺปสตฺโถ สปฺปฏิภยํ มคฺคํ, ยถา จ ชีวิตุกาโม หลาหลํ วิสํ ปริวชฺเชติ, เอวํ ปณฺฑิโต ภิกฺขุ อปฺปมตฺตกานิปิ ปาปานิ ปริวชฺเชยฺยาติ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, สมฺปตฺตมหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
มหาธนวาณิชวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. กุกฺกุฏมิตฺตเนสาทวตฺถุ
ปาณิมฺหิ เจติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต กุกฺกุฏมิตฺตํ นาม เนสาทํ อารพฺภ กเถสิ.
ราชคเห ¶ กิร เอกา เสฏฺิธีตา วยปฺปตฺตา สตฺตภูมิกปาสาทสฺส อุปริ สิริคพฺเภ อารกฺขณตฺถาย ¶ เอกํ ปริจาริกํ ทตฺวา มาตาปิตูหิ วาสิยมานา เอกทิวสํ สายนฺหสมเย วาตปาเนน อนฺตรวีถึ โอโลเกนฺตี ปฺจ ปาสสตานิ ปฺจ สูลสตานิ อาทาย มิเค วธิตฺวา ชีวมานํ เอกํ กุกฺกุฏมิตฺตํ นาม เนสาทํ ปฺจ มิคสตานิ วธิตฺวา เตสํ มํเสน มหาสกฏํ ปูเรตฺวา สกฏธุเร นิสีทิตฺวา มํสวิกฺกิณนตฺถาย นครํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ตสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตา ปริจาริกาย หตฺเถ ปณฺณาการํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉ, เอตสฺส ปณฺณาการํ ทตฺวา คมนกาลํ ตฺวา เอหี’’ติ เปเสสิ. สา คนฺตฺวา ตสฺส ปณฺณาการํ ทตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กทา คมิสฺสสี’’ติ? โส ‘‘อชฺช มํสํ วิกฺกิณิตฺวา ปาโตว อสุกทฺวาเรน นาม ¶ นิกฺขมิตฺวา คมิสฺสามี’’ติ อาห. สา เตน กถิตกถํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา ตสฺสา อาโรเจสิ. เสฏฺิธีตา อตฺตนา คเหตพฺพยุตฺตกํ วตฺถาภรณชาตํ สํวิทหิตฺวา ปาโตว มลินวตฺถํ นิวาเสตฺวา กุฏํ อาทาย ทาสีหิ สทฺธึ อุทกติตฺถํ คจฺฉนฺตี วิย นิกฺขมิตฺวา ตํ านํ คนฺตฺวา ตสฺสาคมนํ โอโลเกนฺตี อฏฺาสิ. โสปิ ปาโตว สกฏํ ปาเชนฺโต นิกฺขมิ. สา ตสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต ปายาสิ. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘อหํ ตํ ‘อสุกสฺส นาม ธีตา’ติ น ชานามิ, มา มํ อนุพนฺธิ, อมฺมา’’ติ อาห. น มํ ตฺวํ ปกฺโกสสิ, อหํ อตฺตโน ธมฺมตาย อาคจฺฉามิ, ตฺวํ ตุณฺหี หุตฺวา อตฺตโน สกฏํ ปาเชหีติ. โส ปุนปฺปุนํ ตํ นิวาเรติเยว. อถ นํ สา อาห – ‘‘สามิ, สิรี นาม อตฺตโน สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตี นิวาเรตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. โส ตสฺสา นิสฺสํสเยน อาคมนการณํ ตฺวา ตํ สกฏํ อาโรเปตฺวา อคมาสิ. ตสฺสา มาตาปิตโร อิโต จิโต จ ปริเยสาเปตฺวา อปสฺสนฺตา ‘‘มตา ภวิสฺสตี’’ติ มตกภตฺตํ กรึสุ. สาปิ เตน สทฺธึ สํวาสมนฺวาย ปฏิปาฏิยา สตฺต ปุตฺเต วิชายิตฺวา เต วยปฺปตฺเต ฆรพนฺธเนน พนฺธิ.
อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต กุกฺกุฏมิตฺตํ สปุตฺตํ สสุณิสํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ อุปธาเรนฺโต เตสํ ปนฺนรสนฺนมฺปิ โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปาโตว ปตฺตจีวรํ อาทาย ตสฺส ปาสฏฺานํ อคมาสิ ¶ . ตํ ทิวสํ ปาเส พทฺโธ เอกมิโคปิ นาโหสิ. สตฺถา ¶ ตสฺส ปาสมูเล ปทวลฺชํ ทสฺเสตฺวา ปุรโต เอกสฺส คุมฺพสฺส เหฏฺา ฉายายํ นิสีทิ. กุกฺกุฏมิตฺโต ปาโตว ธนุํ อาทาย ปาสฏฺานํ คนฺตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ปาเส โอโลกยมาโน ปาเส พทฺธํ เอกมฺปิ มิคํ อทิสฺวา สตฺถุ ปทวลฺชํ อทฺทส. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โก มยฺหํ พทฺธมิเค โมเจนฺโต วิจรตี’’ติ. โส สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา คจฺฉนฺโต คุมฺพมูเล นิสินฺนํ สตฺถารํ ทิสฺวา, ‘‘อิมินา มม มิคา โมจิตา ภวิสฺสนฺติ, มาเรสฺสามิ น’’นฺติ ธนุํ อากฑฺฒิ. สตฺถา ธนุํ อากฑฺฒิตุํ ทตฺวา วิสฺสชฺเชตุํ นาทาสิ. โส สรํ วิสฺสชฺเชตุมฺปิ โอโรเปตุมฺปิ อสกฺโกนฺโต ผาสุกาหิ ภิชฺชนฺตีหิ ¶ วิย มุขโต เขเฬน ปคฺฆรนฺเตน กิลนฺตรูโป อฏฺาสิ. อถสฺส ปุตฺตา เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ปิตา โน จิรายติ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ วตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, ปิตุ สนฺติก’’นฺติ มาตรา เปสิตา ธนูนิ อาทาย คนฺตฺวา ปิตรํ ตถาิตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ โน ปิตุ ปจฺจามิตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ สตฺตปิ ชนา ธนูนิ อากฑฺฒิตฺวา พุทฺธานุภาเวน ยถา เนสํ ปิตา ิโต, ตเถว อฏฺํสุ. อถ เนสํ มาตา ‘‘กึ นุ โข เม ปุตฺตาปิ จิรายนฺตี’’ติ วตฺวา สตฺตหิ สุณิสาหิ สทฺธึ คนฺตฺวา เต ตถาิเต ทิสฺวา ‘‘กสฺส นุ โข อิเม ธนูนิ อากฑฺฒิตฺวา ิตา’’ติ โอโลเกนฺตี สตฺถารํ ทิสฺวา พาหา ปคฺคยฺห – ‘‘มา เม ปิตรํ นาเสถ, มา เม ปิตรํ นาเสถา’’ติ มหาสทฺทมกาสิ. กุกฺกุฏมิตฺโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘นฏฺโ วตมฺหิ, สสุโร กิร เม เอส, อโห มยา ภาริยํ ¶ กมฺมํ กต’’นฺติ. ปุตฺตาวิสฺส ‘‘อยฺยโก กิร โน เอส, อโห ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติ จินฺตยึสุ. กุกฺกุฏมิตฺโต ‘‘อยํ สสุโร เม’’ติ เมตฺตจิตฺตํ อุปฏฺเปสิ, ปุตฺตาปิสฺส ‘‘อยฺยโก โน’’ติ เมตฺตจิตฺตํ อุปฏฺเปสุํ. อถ เต เนสํ มาตา เสฏฺิธีตา ‘‘ขิปฺปํ ธนูนิ ฉฑฺเฑตฺวา ปิตรํ เม ขมาเปถา’’ติ อาห.
สตฺถา เตสํ มุทุจิตฺตตํ ตฺวา ธนุํ โอตาเรตุํ อทาสิ. เต สพฺเพ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ขมถ โน, ภนฺเต’’ติ ขมาเปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อถ เนสํ สตฺถา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. เทสนาวสาเน กุกฺกุฏมิตฺโต สทฺธึ ปุตฺเตหิ เจว สุณิสาหิ จ อตฺตปฺจทสโม โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถา ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ วิหารํ อคมาสิ. อถ นํ อานนฺทตฺเถโร ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, กหํ คมิตฺถา’’ติ. กุกฺกุฏมิตฺตสฺส สนฺติกํ ¶ , อานนฺทาติ. ปาณาติปาตกมฺมสฺส โว, ภนฺเต, อการโก กโตติ. อามานนฺท, โส อตฺตปฺจทสโม อจลสทฺธาย ปติฏฺาย ตีสุ รตเนสุ นิกฺกงฺโข หุตฺวา ปาณาติปาตกมฺมสฺส อการโก ชาโตติ. ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘นนุ, ภนฺเต, ภริยาปิสฺส อตฺถี’’ติ. อาม, ภิกฺขเว, สา กุลเคเห กุมาริกา หุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺตาติ. ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘กุกฺกุฏมิตฺตสฺส กิร ภริยา กุมาริกกาเล เอว โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา สตฺต ปุตฺเต ลภิ, สา เอตฺตกํ กาลํ สามิเกน ‘ธนุํ อาหร, สเร อาหร, สตฺตึ อาหร, สูลํ อาหร, ชาลํ อาหรา’ติ วุจฺจมานา ตานิ อทาสิ. โสปิ ตาย ทินฺนานิ อาทาย คนฺตฺวา ปาณาติปาตํ กโรติ, กึ นุ โข โสตาปนฺนาปิ ปาณาติปาตํ กโรนฺตี’’ติ. สตฺถา ¶ อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘น, ภิกฺขเว, โสตาปนฺนา ปาณาติปาตํ กโรนฺติ, สา ปน ‘สามิกสฺส วจนํ กโรมี’ติ ตถา อกาสิ. ‘อิทํ คเหตฺวา เอส คนฺตฺวา ปาณาติปาตํ กโรตู’ติ ตสฺสา จิตฺตํ นตฺถิ. ปาณิตลสฺมิฺหิ วเณ อสติ วิสํ คณฺหนฺตสฺส ตํ วิสํ อนุฑหิตุํ น สกฺโกติ, เอวเมวํ อกุสลเจตนาย อภาเวน ¶ ปาปํ อกโรนฺตสฺส ธนุอาทีนิ นีหริตฺวา ททโตปิ ปาปํ นาม น โหตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปาณิมฺหิ เจ วโณ นาสฺส, หเรยฺย ปาณินา วิสํ;
นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ, นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต’’ติ.
ตตฺถ นาสฺสาติ น ภเวยฺย. หเรยฺยาติ หริตุํ สกฺกุเณยฺย. กึ การณา? ยสฺมา นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ อวณฺหิ ปาณึ วิสํ อนฺเวตุํ น สกฺโกติ, เอวเมว ธนุอาทีนิ นีหริตฺวา เทนฺตสฺสาปิ อกุสลเจตนาย อภาเวน ปาปํ อกุพฺพโต ปาปํ นาม นตฺถิ, อวณํ ปาณึ วิสํ วิย นาสฺส จิตฺตํ ปาปํ อนุคจฺฉตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อปเรน สมเยน ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘โก นุ โข กุกฺกุฏมิตฺตสฺส สปุตฺตสฺส สสุณิสสฺส โสตาปตฺติมคฺคสฺสูปนิสฺสโย, เกน การเณน เนสาทกุเล นิพฺพตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว ¶ , เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ ¶ วุตฺเต, ภิกฺขเว, อตีเต กสฺสปทสพลสฺส ธาตุเจติยํ สํวิทหนฺตา เอวมาหํสุ – ‘‘กึ นุ โข อิมสฺส เจติยสฺส มตฺติกา ภวิสฺสติ, กึ อุทก’’นฺติ. อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘หริตาลมโนสิลา มตฺติกา ภวิสฺสติ, ติลเตลํ อุทก’’นฺติ. เต หริตาลมโนสิลา โกฏฺเฏตฺวา ติลเตเลน สํสนฺทิตฺวา อิฏฺกาย ฆเฏตฺวา สุวณฺเณน ขจิตฺวา อนฺโต จินึสุ, พหิมุเข ปน เอกคฺฆนสุวณฺณอิฏฺกาว อเหสุํ. เอเกกา สตสหสฺสคฺฆนิกา อโหสิ. เต ยาว ธาตุนิธานา เจติเย นิฏฺิเต จินฺตยึสุ – ‘‘ธาตุนิธานกาเล พหุนา ธเนน อตฺโถ, กํ นุ โข เชฏฺกํ กโรมา’’ติ.
อเถโก คามวาสิโก เสฏฺิ ‘‘อหํ เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ ธาตุนิธาเน เอกํ หิรฺโกฏึ ปกฺขิปิ. ตํ ทิสฺวา รฏฺวาสิโน ‘‘อยํ นครเสฏฺิ ธนเมว สํหรติ, เอวรูเป เจติเย เชฏฺโก ภวิตุํ น สกฺโกติ, คามวาสี ปน โกฏิธนํ ปกฺขิปิตฺวา เชฏฺโก ชาโต’’ติ อุชฺฌายึสุ. โส เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘อหํ ทฺเว โกฏิโย ทตฺวา เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ ทฺเว โกฏิโย อทาสิ. อิตโร ‘‘อหเมว เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ ติสฺโส โกฏิโย อทาสิ. เอวํ วฑฺเฒตฺวา วฑฺเฒตฺวา นครวาสี อฏฺ โกฏิโย อทาสิ. คามวาสิโน ปน ¶ เคเห นวโกฏิธนเมว อตฺถิ, นครวาสิโน จตฺตาลีสโกฏิธนํ. ตสฺมา คามวาสี จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ นว โกฏิโย ทสฺสามิ, อยํ ‘ทส ¶ โกฏิโย ทสฺสามี’ติ วกฺขติ, อถ เม นิทฺธนภาโว ปฺายิสฺสตี’’ติ. โส เอวมาห – ‘‘อหํ เอตฺตกฺจ ธนํ ทสฺสามิ, สปุตฺตทาโร จ เจติยสฺส ทาโส ภวิสฺสามี’’ติ สตฺต ปุตฺเต สตฺต สุณิสาโย ภริยฺจ คเหตฺวา อตฺตนา สทฺธึ เจติยสฺส นิยฺยาเทสิ. รฏฺวาสิโน ‘‘ธนํ นาม สกฺกา อุปฺปาเทตุํ, อยํ ปน สปุตฺตทาโร อตฺตานํ นิยฺยาเทสิ, อยเมว เชฏฺโก โหตู’’ติ ตํ เชฏฺกํ กรึสุ. อิติ เต โสฬสปิ ชนา เจติยสฺส ทาสา อเหสุํ. รฏฺวาสิโน ปน เต ภุชิสฺเส อกํสุ. เอวํ สนฺเตปิ เจติยเมว ปฏิชคฺคิตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ. เตสุ เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก วสนฺเตสุ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ภริยา ตโต จวิตฺวา ราชคเห ¶ เสฏฺิโน ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สา กุมาริกาว หุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. อทิฏฺสจฺจสฺส ปน ปฏิสนฺธิ นาม ภาริยาติ ตสฺสา สามิโก สมฺปริวตฺตมาโน คนฺตฺวา เนสาทกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส สห ทสฺสเนเนว เสฏฺิธีตรํ ปุพฺพสิเนโห อชฺโฌตฺถริ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;
เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๔);
สา ปุพฺพสิเนเหเนว เนสาทกุลํ อคมาสิ. ปุตฺตาปิสฺสา เทวโลกา จวิตฺวา ตสฺสา เอว กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหึสุ, สุณิสาโยปิสฺสา ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา ¶ เตสํเยว เคหํ อคมํสุ. เอวํ เต สพฺเพปิ ตทา เจติยํ ปฏิชคฺคิตฺวา ตสฺส กมฺมสฺสานุภาเวน โสตาปตฺติผลํ ปตฺตาติ.
กุกฺกุฏมิตฺตเนสาทวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. โกกสุนขลุทฺทกวตฺถุ
โย อปฺปทุฏฺสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกํ นาม สุนขลุทฺทกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เอกทิวสํ ปุพฺพณฺหสมเย ธนุํ อาทาย สุนขปริวุโต อรฺํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา กุชฺฌิตฺวา ‘‘กาฬกณฺณิ เม ทิฏฺโ, อชฺช ¶ กิฺจิ น ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกามิ. เถโรปิ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ปุน วิหารํ ปายาสิ. อิตโรปิ อรฺเ วิจริตฺวา กิฺจิ อลภิตฺวา ปจฺจาคจฺฉนฺโต ปุน เถรํ ทิสฺวา ‘‘อชฺชาหํ อิมํ กาฬกณฺณึ ทิสฺวา อรฺํ คโต กิฺจิ น ลภึ, อิทานิ เม ปุนปิ อภิมุโข ชาโต, สุนเขหิ นํ ขาทาเปสฺสามี’’ติ สฺํ ทตฺวา สุนเข วิสฺสชฺเชสิ. เถโรปิ ‘‘มา เอวํ กริ อุปาสกา’’ติ ยาจิ. โส ‘‘อชฺชาหํ ตว สมฺมุขีภูตตฺตา กิฺจิ นาลตฺถํ, ปุนปิ เม สมฺมุขีภาวมาคโตสิ, ขาทาเปสฺสาเมว ต’’นฺติ วตฺวา สุนเข อุยฺโยเชสิ. เถโร เวเคน เอกํ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา ปุริสปฺปมาเณ าเน นิสีทิ. สุนขา ¶ รุกฺขํ ¶ ปริวาเรสุํ. ลุทฺทโก คนฺตฺวา ‘‘รุกฺขํ อภิรุหโตปิ เต โมกฺโข นตฺถี’’ติ ตํ สรตุณฺเฑน ปาทตเล วิชฺฌิ. เถโร ‘‘มา เอวํ กโรหี’’ติ ตํ ยาจิเยว. อิตโร ตสฺส ยาจนํ อนาทิยิตฺวา ปุนปฺปุนํ วิชฺฌิเยว. เถโร เอกสฺมึ ปาทตเล วิชฺฌิยมาเน ตํ อุกฺขิปิตฺวา ทุติยํ ปาทํ โอลมฺพิตฺวา ตสฺมึ วิชฺฌิยมาเน ตมฺปิ อุกฺขิปติ, เอวมสฺส โส ยาจนํ อนาทิยิตฺวาว ทฺเวปิ ปาทตลานิ วิชฺฌิเยว. เถรสฺส สรีรํ อุกฺกาหิ อาทิตฺตํ วิย อโหสิ. โส เวทนานุวตฺติโก หุตฺวา สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ นาสกฺขิ, ปารุตจีวรํ ภสฺสนฺตมฺปิ น สลฺลกฺเขสิ. ตํ ปตมานํ โกกํ สีสโต ปฏฺาย ปริกฺขิปนฺตเมว ปติ. สุนขา ‘‘เถโร ปติโต’’ติ สฺาย จีวรนฺตรํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน สามิกํ ลฺุชิตฺวา ขาทนฺตา อฏฺิมตฺตาวเสสํ กรึสุ. สุนขา จีวรนฺตรโต นิกฺขมิตฺวา พหิ อฏฺํสุ.
อถ เนสํ เถโร เอกํ สุกฺขทณฺฑกํ ภฺชิตฺวา ขิปิ. สุนขา เถรํ ทิสฺวา ‘‘สามิโกว อมฺเหหิ ขาทิโต’’ติ ตฺวา อรฺํ ปวิสึสุ. เถโร กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทสิ ‘‘มม จีวรนฺตรํ ปวิสิตฺวา เอส นฏฺโ, อโรคํ นุ โข เม สีล’’นฺติ. โส รุกฺขา โอตริตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา – ‘‘ภนฺเต, มม จีวรํ นิสฺสาย ¶ โส อุปาสโก นฏฺโ, กจฺจิ เม อโรคํ สีลํ, อตฺถิ เม สมณภาโว’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ภิกฺขุ อโรคํ เต สีลํ, อตฺถิ เต สมณภาโว, โส อปฺปทุฏฺสฺส ปทุสฺสิตฺวา วินาสํ ปตฺโต, น เกวลฺจ อิทาเนว, อตีเตปิ อปฺปทุฏฺานํ ปทุสฺสิตฺวา วินาสํ ปตฺโตเยวา’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต อตีตํ อาหริ –
อตีเต กิเรโก เวชฺโช เวชฺชกมฺมตฺถาย คามํ วิจริตฺวา กิฺจิ กมฺมํ อลภิตฺวา ฉาตชฺฌตฺโต นิกฺขมิตฺวา คามทฺวาเร สมฺพหุเล กุมารเก กีฬนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิเม สปฺเปน ฑํสาเปตฺวา ติกิจฺฉิตฺวา อาหารํ ลภิสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ รุกฺขพิเล สีสํ นิหริตฺวา นิปนฺนํ สปฺปํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘อมฺโภ, กุมารกา เอโส สาฬิกโปตโก, คณฺหถ น’’นฺติ อาห. อเถโก กุมารโก ¶ สปฺปํ คีวายํ ทฬฺหํ คเหตฺวา นีหริตฺวา ตสฺส สปฺปภาวํ ตฺวา วิรวนฺโต อวิทูเร ิตสฺส เวชฺชสฺส มตฺถเก ขิปิ. สปฺโป เวชฺชสฺส ขนฺธฏฺิกํ ปริกฺขิปิตฺวา ทฬฺหํ ฑํสิตฺวา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ, เอวเมส โกโก สุนขลุทฺทโก ปุพฺเพปิ อปฺปทุฏฺสฺส ปทุสฺสิตฺวา วินาสํ ปตฺโตเยวาติ.
สตฺถา ¶ อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ, สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส;
ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ, สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ อปฺปทุฏฺสฺสาติ อตฺตโน วา สพฺพสตฺตานํ วา อทุฏฺสฺส. นรสฺสาติ สตฺตสฺส. ทุสฺสตีติ อปรชฺฌติ. สุทฺธสฺสาติ นิรปราธสฺเสว. โปสสฺสาติ อิทมฺปิ อปเรนากาเรน สตฺตาธิวจนเมว. อนงฺคณสฺสาติ นิกฺกิเลสสฺส. ปจฺเจตีติ ปติเอติ. ปฏิวาตนฺติ ยถา เอเกน ปุริเสน ปฏิวาเต ิตํ ปหริตุกามตาย ขิตฺโต สุขุโม รโชติ ตเมว ปุริสํ ปจฺเจติ, ตสฺเสว อุปริ ปตติ, เอวเมว โย ปุคฺคโล อปทุฏฺสฺส ปุริสสฺส ปาณิปฺปหราทีนิ ททนฺโต ปทุสฺสติ, ตเมว พาลํ ทิฏฺเว ธมฺเม, สมฺปราเย วา นิรยาทีสุ วิปจฺจมานํ ตํ ปาปํ วิปากทุกฺขวเสน ปจฺเจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
โกกสุนขลุทฺทกวตฺถุ นวมํ.
๑๐. มณิการกุลูปกติสฺสตฺเถรวตฺถุ
คพฺภเมเกติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มณิการกุลูปกํ ติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เถโร เอกสฺส มณิการสฺส กุเล ทฺวาทส วสฺสานิ ภฺุชิ. ตสฺมึ กุเล ชยมฺปติกา มาตาปิตุฏฺาเน ตฺวา เถรํ ปฏิชคฺคึสุ. อเถกทิวสํ โส มณิกาโร เถรสฺส ปุรโต มํสํ ฉินฺทนฺโต นิสินฺโน โหติ. ตสฺมึ ขเณ ราชา ปเสนทิ โกสโล เอกํ มณิรตนํ ‘‘อิมํ ¶ โธวิตฺวา วิชฺฌิตฺวา ปหิณตู’’ติ เปเสสิ. มณิกาโร สโลหิเตเนว ¶ หตฺเถน ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา เปฬาย อุปริ เปตฺวา ¶ หตฺถโธวนตฺถํ อนฺโต ปาวิสิ. ตสฺมึ ปน เคเห โปสาวนิยโกฺจสกุโณ อตฺถิ. โส โลหิตคนฺเธน มํสสฺาย ตํ มณึ เถรสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว คิลิ. มณิกาโร อาคนฺตฺวา มณึ อปสฺสนฺโต ‘‘มณิ เกน คหิโต’’ติ ภริยฺจ ปุตฺตเก จ ปฏิปาฏิยา ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘น คณฺหามา’’ติ วุตฺเต ‘‘เถเรน คหิโต ภวิสฺสตี’’ติ. จินฺเตตฺวา ภริยาย สทฺธึ มนฺเตสิ – ‘‘เถเรน มณิ คหิโต ภวิสฺสตี’’ติ. สา, สามิ, มา เอวํ อวจ, เอตฺตกํ กาลํ มยา เถรสฺส น กิฺจิ วชฺชํ ทิฏฺปุพฺพํ, น โส มณึ คณฺหาตีติ. มณิกาโร เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน มณิรตนํ ตุมฺเหหิ คหิต’’นฺติ. น คณฺหามิ, อุปาสกาติ. ภนฺเต, น อิธ อฺโ อตฺถิ, ตุมฺเหหิเยว คหิโต ภวิสฺสติ, เทถ เม มณิรตนนฺติ. โส ตสฺมึ อสมฺปฏิจฺฉนฺเต ปุน ภริยํ อาห – ‘‘เถเรเนว มณิ คหิโต, ปีเฬตฺวา นํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. สา, สามิ, มา โน นาสยิ, วรํ อมฺเหหิ ทาสพฺยํ อุปคนฺตุํ, น จ เถรํ เอวรูปํ วตฺตุนฺติ. โส ‘‘สพฺเพว มยํ ทาสตฺตํ อุปคจฺฉนฺตา มณิมูลํ น อคฺฆามา’’ติ รชฺชุํ คเหตฺวา เถรสฺส สีสํ เวเตฺวา ทณฺเฑน ¶ ฆฏฺเฏสิ. เถรสฺส สีสโต จ กณฺณนาสาหิ จ โลหิตํ ปคฺฆริ, อกฺขีนิ นิกฺขมนาการปฺปตฺตานิ อเหสุํ, โส เวทนาปมตฺโต ภูมิยํ ปติ. โกฺโจ โลหิตคนฺเธนา คนฺตฺวา โลหิตํ ปิวิ. อถ นํ มณิกาโร เถเร อุปฺปนฺนโกธเวเคน ‘‘ตฺวํ กึ กโรสี’’ติ ปาเทน ปหริตฺวา ขิปิ. โส เอกปฺปหาเรเนว มริตฺวา อุตฺตาโน อโหสิ.
เถโร ตํ ทิสฺวา, อุปาสก, สีเส เวนํ ตาว เม สิถิลํ กตฺวา อิมํ โกฺจํ โอโลเกหิ ‘‘มโต วา, โน วา’’ติ. อถ นํ โส อาห – ‘‘เอโส วิย ตฺวมฺปิ มริสฺสสี’’ติ. อุปาสก, อิมินา โส มณิ คิลิโต, สเจ อยํ น อมริสฺสา, น เต อหํ มรนฺโตปิ มณึ อาจิกฺขิสฺสนฺติ. โส ตสฺส อุทรํ ผาเลตฺวา มณึ ทิสฺวา ปเวเธนฺโต สํวิคฺคมานโส เถรสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมถ, เม, ภนฺเต, อชานนฺเตน มยา กต’’นฺติ อาห. อุปาสก, เนว ตุยฺหํ โทโส อตฺถิ, น มยฺหํ, วฏฺฏสฺเสเวส โทโส, ขมามิ เตติ. ภนฺเต, สเจ เม ขมถ, ปกตินิยาเมเนว เม เคเห นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ คณฺหถาติ. ‘‘อุปาสก, น ทานาหํ อิโต ปฏฺาย ปเรสํ ¶ เคหสฺส อนฺโตฉทนํ ปวิสิสฺสามิ, อนฺโตเคหปเวสนสฺเสว หิ ¶ อยํ โทโส, อิโต ปฏฺาย ปาเทสุ อาวหนฺเตสุ เคหทฺวาเร ิโตว ภิกฺขํ คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ธุตงฺคํ สมาทาย อิมํ คาถมาห –
‘‘ปจฺจติ ¶ มุนิโน ภตฺตํ, โถกํ โถกํ กุเล กุเล;
ปิณฺฑิกาย จริสฺสามิ, อตฺถิ ชงฺฆพลํ มมา’’ติ. (เถรคา. ๒๔๘) –
อิทฺจ ปน วตฺวา เถโร เตเนว พฺยาธินา น จิรสฺเสว ปรินิพฺพายิ. โกฺโจ มณิการสฺส ภริยาย กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. มณิกาโร กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ. มณิการสฺส ภริยา เถเร มุทุจิตฺตตาย กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ภิกฺขู สตฺถารํ เตสํ อภิสมฺปรายํ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ คพฺเภ นิพฺพตฺตนฺติ, เอกจฺเจ ปาปการิโน นิรเย นิพฺพตฺตนฺติ, เอกจฺเจ กตกลฺยาณา เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, อนาสวา ปน ปรินิพฺพายนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘คพฺภเมเก อุปฺปชฺชนฺติ, นิรยํ ปาปกมฺมิโน;
สคฺคํ สุคติโน ยนฺติ, ปรินิพฺพนฺติ อนาสวา’’ติ.
ตตฺถ คพฺภนฺติ อิธ มนุสฺสคพฺโภว อธิปฺเปโต. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มณิการกุลูปกติสฺสตฺเถรวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. ตโยชนวตฺถุ
น ¶ อนฺตลิกฺเขติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตโย ชเน อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถริ กิร เชตวเน วิหรนฺเต สมฺพหุลา ภิกฺขู สตฺถุ ทสฺสนตฺถาย อาคจฺฉนฺตา เอกํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. คามวาสิโน เต สมฺปตฺเต อาทาย อาสนสาลาย นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา ปิณฺฑปาตเวลํ อาคมยมานา ธมฺมํ สุณนฺตา นิสีทึสุ. ตสฺมึ ขเณ ภตฺตํ ¶ ปจิตฺวา สูปพฺยฺชนํ ธูปยมานาย เอกิสฺสา อิตฺถิยา ภาชนโต อคฺคิชาลา อุฏฺหิตฺวา ฉทนํ คณฺหิ. ตโต เอกํ ติณกรฬํ อุฏฺหิตฺวา ชลมานํ อากาสํ ปกฺขนฺทิ. ตสฺมึ ขเณ เอโก กาโก อากาเสน คจฺฉนฺโต ตตฺถ คีวํ ปเวเสตฺวา ติณวลฺลิเวิโต ฌายิตฺวา คามมชฺเฌ ปติ ¶ . ภิกฺขู ตํ ทิสฺวา ‘‘อโห ภาริยํ กมฺมํ, ปสฺสถาวุโส, กาเกน ปตฺตํ วิปฺปการํ, อิมินา กตกมฺมํ อฺตฺร สตฺถารา โก ชานิสฺสติ, สตฺถารมสฺส กมฺมํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมึสุ.
อปเรสมฺปิ ภิกฺขูนํ สตฺถุ ทสฺสนตฺถาย นาวํ อภิรุยฺห คจฺฉนฺตานํ นาวา สมุทฺเท นิจฺจลา อฏฺาสิ. มนุสฺสา ‘‘กาฬกณฺณินา เอตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ สลากํ วิจาเรสุํ. นาวิกสฺส จ ภริยา ปมวเย ิตา ทสฺสนียา ปาสาทิกา, สลากา ตสฺสา ปาปุณิ. ‘‘สลากํ ปุน วิจาเรถา’’ติ วตฺวา ยาวตติยํ วิจาเรสุํ, ติกฺขตฺตุมฺปิ ตสฺสา ¶ เอว ปาปุณิ. มนุสฺสา ‘‘กึ, สามี’’ติ นาวิกสฺส มุขํ โอโลเกสุํ. นาวิโก ‘‘น สกฺกา เอกิสฺสา อตฺถาย มหาชนํ นาเสตุํ, อุทเก นํ ขิปถา’’ติ อาห. สา คเหตฺวา อุทเก ขิปิยมานา มรณภยตชฺชิตา วิรวํ อกาสิ. ตํ สุตฺวา นาวิโก โก อตฺโถ อิมิสฺสา อาภรเณหิ นฏฺเหิ, สพฺพาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา เอกํ ปิโลติกํ นิวาสาเปตฺวา ฉฑฺเฑถ นํ, อหํ ปเนตํ อุทกปิฏฺเ ปฺลวมานํ ทฏฺุํ น สกฺขิสฺสามี ตสฺมา ยถา นํ อหํ น ปสฺสามิ, ตถา เอกํ วาลุกกุฏํ คีวาย พนฺธิตฺวา สมุทฺเท ขิปถาติ. เต ตถา กรึสุ. ตมฺปิ ปติตฏฺาเนเยว มจฺฉกจฺฉปา วิลุมฺปึสุ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘เปตฺวา สตฺถารํ โก อฺโ เอติสฺสา อิตฺถิยา กตกมฺมํ ชานิสฺสติ, สตฺถารํ ตสฺสา กมฺมํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ อิจฺฉิตฏฺานํ ปตฺวา นาวาโต โอรุยฺห ปกฺกมึสุ.
อปเรปิ สตฺต ภิกฺขู สตฺถุ ทสฺสนตฺถาย คจฺฉนฺตา สายํ เอกํ วิหารํ ปวิสิตฺวา วสนฏฺานํ ปุจฺฉึสุ. เอกสฺมิฺจ เลเณ สตฺต มฺจา โหนฺติ. เตสํ ตเทว ลภิตฺวา ตตฺถ นิปนฺนานํ รตฺติภาเค กูฏาคารมตฺโต ปาสาโณ ปวฏฺฏมาโน อาคนฺตฺวา เลณทฺวารํ ปิทหิ. เนวาสิกา ภิกฺขู ‘‘มยํ อิมํ เลณํ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ ปาปยิมฺหา, อยฺจ มหาปาสาโณ เลณทฺวารํ ปิทหนฺโต อฏฺาสิ, อปเนสฺสาม ¶ น’’นฺติ สมนฺตา สตฺตหิ คาเมหิ ¶ มนุสฺเส สนฺนิปาเตตฺวา วายมนฺตาปิ านา จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. อนฺโต ปวิฏฺภิกฺขูปิ วายมึสุเยว. เอวํ สนฺเตปิ สตฺตาหํ ปาสาณํ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. อาคนฺตุกา สตฺตาหํ ฉาตชฺฌตฺตา มหาทุกฺขํ อนุภวึสุ. สตฺตเม ทิวเส ปาสาโณ สยเมว ปวฏฺฏิตฺวา อปคโต. ภิกฺขู นิกฺขมิตฺวา ‘‘อมฺหากํ อิมํ ปาปํ อฺตฺร สตฺถารา โก ชานิสฺสติ, สตฺถารํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมึสุ. เต ปุริเมหิ สทฺธึ อนฺตรามคฺเค สมาคนฺตฺวา สพฺเพ เอกโตว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา สตฺถารา กตปฏิสนฺถารา อตฺตนา อตฺตนา ทิฏฺานุภูตานิ การณานิ ปฏิปาฏิยา ปุจฺฉึสุ.
สตฺถาปิ ¶ เตสํ ปฏิปาฏิยา เอวํ พฺยากาสิ – ‘‘ภิกฺขเว, โส ตาว กาโก อตฺตนา กตกมฺมเมว อนุโภสิ. อตีตกาเล หิ พาราณสิยํ เอโก กสฺสโก อตฺตโน โคณํ ทเมนฺโต ทเมตุํ นาสกฺขิ. โส หิสฺส โคโณ โถกํ คนฺตฺวา นิปชฺชิ, โปเถตฺวา อุฏฺาปิโตปิ โถกํ คนฺตฺวา ปุนปิ ตเถว นิปชฺชิ. โส วายมิตฺวา ตํ ทเมตุํ อสกฺโกนฺโต โกธาภิภูโต หุตฺวา ‘อิโต ¶ ทานิ ปฏฺาย สุขํ นิปชฺชิสฺสสี’ติ ปลาลปิณฺฑํ วิย กโรนฺโต ปลาเลน ตสฺส คีวํ ปลิเวเตฺวา อคฺคิมทาสิ, โคโณ ตตฺเถว ฌายิตฺวา มโต. ตทา, ภิกฺขเว, เตน กาเกน ตํ ปาปกมฺมํ กตํ. โส ตสฺส วิปาเกน ทีฆรตฺตํ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน สตฺตกฺขตฺตุํ กากโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา เอวเมว อากาเส ฌายิตฺวาว มโต’’ติ.
สาปิ, ภิกฺขเว, อิตฺถี อตฺตนา กตกมฺมเมว อนุโภสิ. สา หิ อตีเต พาราณสิยํ เอกสฺส คหปติกสฺส ภริยา อุทกหรณโกฏฺฏนปจนาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ สหตฺเถเนว อกาสิ. ตสฺสา เอโก สุนโข ตํ เคเห สพฺพกิจฺจานิ กุรุมานํ โอโลเกนฺโตว นิสีทติ. เขตฺเต ภตฺตํ หรนฺติยา ทารุปณฺณาทีนํ วา อตฺถาย อรฺํ คจฺฉนฺติยา ตาย สทฺธึเยว คจฺฉติ. ตํ ทิสฺวา ทหรมนุสฺสา ‘‘อมฺโภ นิกฺขนฺโต สุนขลุทฺทโก, อชฺช มยํ มํเสน ภฺุชิสฺสามา’’ติ อุปฺปณฺเฑนฺติ. สา เตสํ กถาย มงฺกุ หุตฺวา สุนขํ เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหริตฺวา ปลาเปติ, สุนโข นิวตฺติตฺวา ปุน อนุพนฺธติ. โส กิรสฺสา ตติเย อตฺตภาเว ภตฺตา อโหสิ, ตสฺมา สิเนหํ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกติ. กิฺจาปิ หิ อนมตคฺเค สํสาเร ชายา วา ปติ วา อภูตปุพฺพา นาม นตฺถิ, อวิทูเร ปน อตฺตภาเว าตเกสุ อธิมตฺโต สิเนโห ¶ โหติ, ตสฺมา ¶ โส สุนโข ตํ วิชหิตุํ น สกฺโกติ. สา ตสฺส กุชฺฌิตฺวา เขตฺตํ สามิกสฺส ยาคุํ หรมานา รชฺชุํ อุจฺฉงฺเค เปตฺวา อคมาสิ, สุนโข ตาเยว สทฺธึ คโต. สา สามิกสฺส ยาคุํ ทตฺวา ตุจฺฉกุฏํ อาทาย เอกํ อุทกฏฺานํ คนฺตฺวา กุฏํ วาลุกาย ปูเรตฺวา สมีเป โอโลเกตฺวา ิตสฺส สุนขสฺส สทฺทมกาสิ. สุนโข ‘‘จิรสฺสํ วต เม อชฺช มธุรกถา ลทฺธา’’ติ นงฺคุฏฺํ จาเลนฺโต ตํ อุปสงฺกมิ. สา ตํ คีวายํ ทฬฺหํ คเหตฺวา เอกาย รชฺชุโกฏิยา กุฏํ พนฺธิตฺวา เอกํ รชฺชุโกฏึ สุนขสฺส คีวายํ พนฺธิตฺวา กุฏํ อุทกาภิมุขํ ปวฏฺเฏสิ. สุนโข กุฏํ อนุพนฺธนฺโต อุทเก ปติตฺวา ตตฺเถว กาลมกาสิ. สา ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน ทีฆรตฺตํ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต วาลุกกุฏํ คีวายํ พนฺธิตฺวา อุทเก ปกฺขิตฺตา กาลมกาสีติ.
ตุมฺเหหิปิ, ภิกฺขเว, อตฺตนา กตกมฺมเมว อนุภูตํ. อตีตสฺมิฺหิ พาราณสิวาสิโน สตฺต โคปาลกทารกา เอกสฺมึ อฏวิปเทเส สตฺตาหวาเรน คาวิโย วิจรนฺตา เอกทิวสํ คาวิโย ¶ วิจาเรตฺวา อาคจฺฉนฺตา เอกํ มหาโคธํ ทิสฺวา อนุพนฺธึสุ. โคธา ปลายิตฺวา เอกํ วมฺมิกํ ปาวิสิ. ตสฺส ปน วมฺมิกสฺส สตฺต ฉิทฺทานิ, ทารกา ‘‘มยํ ทานิ คเหตุํ น สกฺขิสฺสาม, สฺเว อาคนฺตฺวา คณฺหิสฺสามา’’ติ เอเกโก เอเกกํ สาขภงฺคมุฏฺึ อาทาย สตฺตปิ ชนา สตฺต ฉิทฺทานิ ปิทหิตฺวา ปกฺกมึสุ ¶ . เต ปุนทิวเส ตํ โคธํ อมนสิกตฺวา อฺสฺมึ ปเทเส คาวิโย วิจาเรตฺวา สตฺตเม ทิวเส คาวิโย อาทาย คจฺฉนฺตา ตํ วมฺมิกํ ทิสฺวา สตึ ปฏิลภิตฺวา ‘‘กา นุ โข ตสฺสา โคธาย ปวตฺตี’’ติ อตฺตนา อตฺตนา ปิทหิตานิ ฉิทฺทานิ วิวรึสุ. โคธา ชีวิเต นิราลยา หุตฺวา อฏฺิจมฺมาวเสสา ปเวธมานา นิกฺขมิ. เต ตํ ทิสฺวา อนุกมฺปํ กตฺวา ‘‘มา นํ มาเรถ, สตฺตาหํ ฉินฺนภตฺตา ชาตา’’ติ ตสฺสา ปิฏฺึ ปริมชฺชิตฺวา ‘‘สุเขน คจฺฉาหี’’ติ วิสฺสชฺเชสุํ. เต โคธาย อมาริตตฺตา นิรเย ตาว น ปจฺจึสุ. เต ปน สตฺต ชนา เอกโต หุตฺวา จุทฺทสสุ อตฺตภาเวสุ สตฺต สตฺต ทิวสานิ ฉินฺนภตฺตา อเหสุํ. ตทา, ภิกฺขเว, ตุมฺเหหิ สตฺตหิ โคปาลเกหิ หุตฺวา ตํ กมฺมํ กตนฺติ. เอวํ สตฺถา เตหิ ปุฏฺปุฏฺํ ปฺหํ พฺยากาสิ.
อเถโก ¶ ภิกฺขุ สตฺถารํ อาห – ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ปาปกมฺมํ กตฺวา อากาเส อุปฺปติตสฺสปิ สมุทฺทํ ปกฺขนฺทสฺสาปิ ปพฺพตนฺตรํ ปวิฏฺสฺสาปิ โมกฺโข นตฺถี’’ติ. สตฺถา ‘‘เอวเมตํ, ภิกฺขเว, อากาสาทีสุปิ เอกปเทโสปิ นตฺถิ, ยตฺถ ิโต ปาปกมฺมโต มุจฺเจยฺยา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น ¶ อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ, น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;
น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส, ยตฺถฏฺิโต มุจฺเจยฺย ปาปกมฺมา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สเจ หิ โกจิ ‘‘อิมินา อุปาเยน ปาปกมฺมโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ อนฺตลิกฺเข วา นิสีเทยฺย, จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีรํ มหาสมุทฺทํ วา ปวิเสยฺย, ปพฺพตนฺตเร วา นิสีเทยฺย, เนว ปาปกมฺมโต มุจฺเจยฺย. ปุรตฺถิมาทีสุ ชคติปเทเสสุ ปถวีภาเคสุ น โส วาลคฺคมตฺโตปิ โอกาโส อตฺถิ, ยตฺถ ิโต ปาปกมฺมโต มุจฺจิตุํ สกฺกุเณยฺยาติ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ, สมฺปตฺตมหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ตโยชนวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. สุปฺปพุทฺธสกฺยวตฺถุ
น ¶ อนฺตลิกฺเขติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต สุปฺปพุทฺธํ สกฺกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ‘‘อยํ มม ธีตรํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขนฺโต จ, มม ปุตฺตํ ปพฺพาเชตฺวา ตสฺส เวริฏฺาเน ิโต จา’’ติ ¶ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา เอกทิวสํ ‘‘น ทานิสฺส นิมนฺตนฏฺานํ คนฺตฺวา ภฺุชิตุํ ทสฺสามี’’ติ คมนมคฺคํ ปิทหิตฺวา อนฺตรวีถิยํ สุรํ ปิวนฺโต นิสีทิ. อถสฺส สตฺถริ ภิกฺขุสงฺฆปริวุเต ตํ านํ อาคเต ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ อาโรเจสุํ ¶ . โส อาห – ‘‘ปุรโต คจฺฉาติ ตสฺส วเทถ, นายํ มยา มหลฺลกตโร, นาสฺส มคฺคํ ทสฺสามี’’ติ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโนปิ ตเถว วตฺวา นิสีทิ. สตฺถา มาตุลสฺส สนฺติกา มคฺคํ อลภิตฺวา ตโต นิวตฺติ. โสปิ เอกํ จรปุริสํ เปเสสิ ‘‘คจฺฉ, ตสฺส กถํ สุตฺวา เอหี’’ติ. สตฺถาปิ นิวตฺตนฺโต สิตํ กตฺวา อานนฺทตฺเถเรน ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, สิตสฺส ปาตุกมฺมสฺส ปจฺจโย’’ติ ปุฏฺโ อาห – ‘‘ปสฺสสิ, อานนฺท, สุปฺปพุทฺธ’’นฺติ. ปสฺสามิ, ภนฺเตติ. ภาริยํ เตน กมฺมํ กตํ มาทิสสฺส พุทฺธสฺส มคฺคํ อเทนฺเตน, อิโต สตฺตเม ทิวเส เหฏฺาปาสาเท โสปานปาทมูเล ปถวึ ปวิสิสฺสตีติ. จรปุริโส ตํ กถํ สุตฺวา สุปฺปพุทฺธสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ มม ภาคิเนยฺเยน นิวตฺตนฺเตน วุตฺต’’นฺติ ปุฏฺโ ยถาสุตํ อาโรเจสิ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘น ทานิ มม ภาคิเนยฺยสฺส กถาย โทโส อตฺถิ, อทฺธา ยํ โส วทติ, ตํ ตเถว โหติ. เอวํ สนฺเตปิ นํ อิทานิ ¶ มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิสฺสามิ. โส หิ มํ ‘สตฺตเม ทิวเส ปถวึ ปวิสิสฺสตี’ติ อนิยเมน อวตฺวา ‘เหฏฺาปาสาเท โสปานปาทมูเล ปถวึ ปวิสิสฺสตี’’’ติ อาห. ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺายาหํ ตํ านํ น คมิสฺสามิ, อถ นํ ตสฺมึ าเน ปถวึ อปวิสิตฺวา มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อตฺตโน อุปโภคชาตํ สพฺพํ สตฺตภูมิกปาสาทสฺส อุปริ อาโรเปตฺวา โสปานํ หราเปตฺวา ทฺวารํ ปิทหาเปตฺวา เอเกกสฺมึ ทฺวาเร ทฺเว ทฺเว มลฺเล เปตฺวา ‘‘สจาหํ ปมาเทน เหฏฺา โอโรหิตุกาโม โหมิ, นิวาเรยฺยาถ ม’’นฺติ วตฺวา สตฺตเม ปาสาทตเล สิริคพฺเภ นิสีทิ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สุปฺปพุทฺโธ น เกวลํ ปาสาทตเล เวหาสํ อุปฺปติตฺวา อากาเส วา นิสีทตุ, นาวาย วา สมุทฺทํ ปกฺขนฺทตุ, ปพฺพตนฺตรํ วา ปวิสตุ, พุทฺธานํ กถาย ทฺวิธาภาโว นาม นตฺถิ, มยา วุตฺตฏฺาเนเยว โส ปถวึ ปวิสิสฺสตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น ¶ อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ, น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;
น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส, ยตฺถฏฺิตํ นปฺปสเหยฺย มจฺจู’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยตฺถ ิตํ นปฺปสเหยฺย, มจฺจูติ ยสฺมึ ปเทเส ิตํ มรณํ นปฺปสเหยฺย นาภิภเวยฺย, เกสคฺคมตฺโตปิ ¶ ปถวิปฺปเทโส นตฺถิ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สตฺตเม ทิวเส สตฺถุ ภิกฺขาจารมคฺคสฺส นิรุทฺธเวลาย เหฏฺาปาสาเท สุปฺปพุทฺธสฺส มงฺคลสฺโส อุทฺทาโม หุตฺวา ตํ ตํ ภิตฺตึ ปหริ. โส อุปริ นิสินฺโนวสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กิเมต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘มงฺคลสฺโส อุทฺทาโม’’ติ. โส ปนสฺโส สุปฺปพุทฺธํ ทิสฺวาว สนฺนิสีทติ. อถ นํ โส คณฺหิตุกาโม หุตฺวา นิสินฺนฏฺานา อุฏฺาย ทฺวาราภิมุโข อโหสิ, ทฺวารานิ สยเมว วิวฏานิ, โสปานํ สกฏฺาเนเยว ิตํ. ทฺวาเร ิตา มลฺลา ตํ คีวายํ คเหตฺวา เหฏฺาภิมุขํ ขิปึสุ. เอเตนุปาเยน สตฺตสุปิ ตเลสุ ทฺวารานิ สยเมว วิวฏานิ, โสปานานิ ยถาาเน ิตานิ. ตตฺถ ตตฺถ มลฺลา ตํ คีวายเมว คเหตฺวา เหฏฺาภิมุขํ ขิปึสุ. อถ นํ เหฏฺาปาสาเท โสปานปาทมูลํ สมฺปตฺตเมว มหาปถวี วิวรมานา ภิชฺชิตฺวา สมฺปฏิจฺฉิ, โส คนฺตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺตีติ.
สุปฺปพุทฺธสกฺยวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
ปาปวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
นวโม วคฺโค.