📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
อุทาน-อฏฺกถา
คนฺถารมฺภกถา
มหาการุณิกํ ¶ ¶ ¶ นาถํ, เยฺยสาครปารคุํ;
วนฺเท นิปุณคมฺภีร-วิจิตฺรนยเทสนํ.
วิชฺชาจรณสมฺปนฺนา, เยน นียนฺติ โลกโต;
วนฺเท ตมุตฺตมํ ธมฺมํ, สมฺมาสมฺพุทฺธปูชิตํ.
สีลาทิคุณสมฺปนฺโน, ิโต มคฺคผเลสุ โย;
วนฺเท อริยสงฺฆํ ตํ, ปฺุกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ.
วนฺทนาชนิตํ ปฺุํ, อิติ ยํ รตนตฺตเย;
หตนฺตราโย สพฺพตฺถ, หุตฺวาหํ ตสฺส เตชสา.
เตน ¶ เตน นิทาเนน, เทสิตานิ หิเตสินา;
ยานิ สุทฺธาปทาเนน, อุทานานิ มเหสินา.
ตานิ สพฺพานิ เอกชฺฌํ, อาโรเปนฺเตหิ สงฺคหํ;
อุทานํ นาม สงฺคีตํ, ธมฺมสงฺคาหเกหิ ยํ.
ชินสฺส ธมฺมสํเวค-ปาโมชฺชปริทีปนํ;
โสมนสฺสสมุฏฺาน-คาถาหิ ปฏิมณฺฑิตํ.
ตสฺส คมฺภีราเณหิ, โอคาเหตพฺพภาวโต;
กิฺจาปิ ทุกฺกรา กาตุํ, อตฺถสํวณฺณนา มยา.
สหสํวณฺณนํ ¶ ¶ ยสฺมา, ธรเต สตฺถุสาสนํ;
ปุพฺพาจริยสีหานํ, ติฏฺเตว วินิจฺฉโย.
ตสฺมา ตํ อวลมฺพิตฺวา, โอคาเหตฺวาน ปฺจปิ;
นิกาเย อุปนิสฺสาย, โปราณฏฺกถานยํ.
สุวิสุทฺธํ อสํกิณฺณํ, นิปุณตฺถวินิจฺฉยํ;
มหาวิหารวาสีนํ, สมยํ อวิโลมยํ.
ปุนปฺปุนาคตํ อตฺถํ, วชฺชยิตฺวาน สาธุกํ;
ยถาพลํ กริสฺสามิ, อุทานสฺสตฺถวณฺณนํ.
อิติ อากงฺขมานสฺส, สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิตึ;
วิภชนฺตสฺส ตสฺสตฺถํ, สาธุ คณฺหนฺตุ สาธโวติ.
ตตฺถ อุทานนฺติ เกนฏฺเน อุทานํ? อุทานนฏฺเน. กิมิทํ อุทานํ นาม? ปีติเวคสมุฏฺาปิโต อุทาหาโร. ยถา หิ ยํ เตลาทิ มินิตพฺพวตฺถุ มานํ คเหตุํ น สกฺโกติ, วิสฺสนฺทิตฺวา คจฺฉติ, ตํ ‘‘อวเสโก’’ติ วุจฺจติ. ยฺจ ชลํ ตฬากํ คเหตุํ น สกฺโกติ, อชฺโฌตฺถริตฺวา ¶ คจฺฉติ, ตํ ‘‘โอโฆ’’ติ วุจฺจติ. เอวเมว ยํ ปีติเวคสมุฏฺาปิตํ วิตกฺกวิปฺผารํ อนฺโตหทยํ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ, โส อธิโก หุตฺวา อนฺโต อสณฺหิตฺวา พหิ วจีทฺวาเรน นิกฺขนฺโต ปฏิคฺคาหกนิรเปกฺโข อุทาหารวิเสโส ‘‘อุทาน’’นฺติ วุจฺจติ. ธมฺมสํเวควเสนปิ อยมากาโร ลพฺภเตว.
ตยิทํ กตฺถจิ คาถาพนฺธวเสน กตฺถจิ วากฺยวเสน ปวตฺตํ. ยํ ปน อฏฺกถาสุ ‘‘โสมนสฺสาณมยิกคาถาปฏิสํยุตฺตา’’ติ อุทานลกฺขณํ วุตฺตํ, ตํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. เยภุยฺเยน หิ อุทานํ คาถาพนฺธวเสน ภาสิตํ ปีติโสมนสฺสสมุฏฺาปิตฺจ. อิตรมฺปิ ปน ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี น อาโป’’ติอาทีสุ (อุทา. ๗๑) ‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทณฺเฑน วิหึสตี’’ติ (ธ. ป. ๑๓๑), ‘‘สเจ ภายถ ทุกฺขสฺส, สเจ โว ทุกฺขมปฺปิย’’นฺติ เอวมาทีสุ (อุทา. ๔๔; เนตฺติ. ๙๑) จ ลพฺภติ.
เอวํ ตยิทํ สพฺพฺุพุทฺธภาสิตํ, ปจฺเจกพุทฺธภาสิตํ, สาวกภาสิตนฺติ ติวิธํ โหติ. ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺธภาสิตํ – ‘‘สพฺเพสุ ¶ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ, อวิเหยํ ¶ อฺตรมฺปิ เตส’’นฺติอาทินา (สุ. นิ. ๓๕; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) ขคฺควิสาณสุตฺเต อาคตเมว. สาวกภาสิตานิปิ –
‘‘สพฺโพ ราโค ปหีโน เม, สพฺโพ โทโส สมูหโต;
สพฺโพ เม วิหโต โมโห, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต’’ติ. (เถรคา. ๗๙) –
อาทินา เถรคาถาสุ –
‘‘กาเยน สํวุตา อาสึ, วาจาย อุท เจตสา;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, สีติภูตาสฺมิ นิพฺพุตา’’ติ. (เถรีคา. ๑๕) –
อาทินา เถรีคาถาสุ จ อาคตานิ. ตานิ ปน เตสํ เถรานํ เถรีนฺจ น เกวลํ อุทานานิ เอว, อถ โข สีหนาทาปิ โหนฺติ. สกฺกาทีหิ เทเวหิ ภาสิตานิ ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ, กสฺสเป สุปฺปติฏฺิต’’นฺติอาทีนิ (อุทา. ๒๗), อารามทณฺฑพฺราหฺมณาทีหิ มนุสฺเสหิ จ ภาสิตานิ ‘‘นโม ตสฺส ภควโต’’ติอาทีนิ (อ. นิ. ๒.๓๘) ติสฺโส สงฺคีติโย อารูฬฺหานิ อุทานานิ สนฺติ เอว, น ตานิ อิธ อธิปฺเปตานิ. ยานิ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธน สามํ ¶ อาหจฺจ ภาสิตานิ ชินวจนภูตานิ, ยานิ สนฺธาย ภควตา ปริยตฺติธมฺมํ นวธา วิภชิตฺวา อุทฺทิสนฺเตน อุทานนฺติ วุตฺตานิ, ตาเนว ธมฺมสงฺคาหเกหิ ‘‘อุทาน’’นฺติ สงฺคีตนฺติ ตเทเวตฺถ สํวณฺเณตพฺพภาเวน คหิตํ.
ยา ปน ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทิคาถาย ทีปิตา ภควตา โพธิมูเล อุทานวเสน ปวตฺติตา อเนกสตสหสฺสานํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อวิชหิตอุทานคาถา จ, เอตา อปรภาเค ปน ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส ภควตา เทสิตตฺตา ธมฺมสงฺคาหเกหิ อุทานปาฬิยํ สงฺคหํ อนาโรเปตฺวา ธมฺมปเท สงฺคีตา. ยฺจ ‘‘อฺาสิ วต, โภ โกณฺฑฺโ, อฺาสิ วต, โภ โกณฺฑฺโ’’ติ (มหาว. ๑๗; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) อุทานวจนํ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา เทวมนุสฺสานํ ปเวทนสมตฺถนิคฺโฆสวิปฺผารํ ภควตา ภาสิตํ, ตทปิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตเทสนาปริโยสาเน อตฺตนา ¶ อธิคตธมฺเมกเทสสฺส ยถาเทสิตสฺส อริยมคฺคสฺส ¶ สาวเกสุ สพฺพปมํ เถเรน อธิคตตฺตา อตฺตโน ปริสฺสมสฺส สผลภาวปจฺจเวกฺขณเหตุกํ ปมโพธิยํ สพฺเพสํ เอว ภิกฺขูนํ สมฺมาปฏิปตฺติปจฺจเวกฺขณเหตุกํ ‘‘อาราธยึสุ วต มํ ภิกฺขู เอกํ สมย’’นฺติอาทิวจนํ (ม. นิ. ๑.๒๒๕) วิย ปีติโสมนสฺสชนิตํ อุทาหารมตฺตํ, ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา’’ติอาทิวจนํ (มหาว. ๑-๓; อุทา. ๑-๓) วิย ปวตฺติยา นิวตฺติยา วา น ปกาสนนฺติ, น ธมฺมสงฺคาหเกหิ อุทานปาฬิยํ สงฺคีตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ตํ ปเนตํ อุทานํ วินยปิฏกํ, สุตฺตนฺตปิฏกํ, อภิธมฺมปิฏกนฺติ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนํ, ทีฆนิกาโย, มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนํ, สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถา, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลนฺติ นวสุ สาสนงฺเคสุ อุทานสงฺคหํ.
‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต;
จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ. (เถรคา. ๑๐๒๗) –
เอวํ ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปฏิฺาเตสุ จตุราสีติยา ธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ กติปยธมฺมกฺขนฺธสงฺคหํ. โพธิวคฺโค, มุจลินฺทวคฺโค, นนฺทวคฺโค, เมฆิยวคฺโค, โสณวคฺโค, ชจฺจนฺธวคฺโค, จูฬวคฺโค, ปาฏลิคามิยวคฺโคติ วคฺคโต อฏฺวคฺคํ; สุตฺตโต อสีติสุตฺตสงฺคหํ, คาถาโต ปฺจนวุติอุทานคาถาสงฺคหํ. ภาณวารโต อฑฺฒูนนวมตฺตา ภาณวารา. อนุสนฺธิโต โพธิสุตฺเต ¶ ปุจฺฉานุสนฺธิวเสน เอกานุสนฺธิ, สุปฺปวาสาสุตฺเต ปุจฺฉานุสนฺธิยถานุสนฺธิวเสน ทฺเว อนุสนฺธี, เสเสสุ ยถานุสนฺธิวเสน เอเกโกว อนุสนฺธิ, อชฺฌาสยานุสนฺธิ ปเนตฺถ นตฺถิ. เอวํ สพฺพถาปิ เอกาสีติอนุสนฺธิสงฺคหํ. ปทโต สตาธิกานิ เอกวีส ปทสหสฺสานิ, คาถาปาทโต เตวีสติ จตุสฺสตาธิกานิ อฏฺ สหสฺสานิ ¶ , อกฺขรโต สตฺตสหสฺสาธิกานิ สฏฺิ สหสฺสานิ ตีณิ จ สตานิ ทฺวาสีติ จ อกฺขรานิ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘อสีติ เอว สุตฺตนฺตา, วคฺคา อฏฺ สมาสโต;
คาถา จ ปฺจนวุติ, อุทานสฺส ปกาสิตา.
‘‘อฑฺฒูนนวมตฺตา ¶ จ, ภาณวารา ปมาณโต;
เอกาธิกา ตถาสีติ, อุทานสฺสานุสนฺธิโย.
‘‘เอกวีสสหสฺสานิ, สตฺเจว วิจกฺขโณ;
ปทาเนตานุทานสฺส, คณิตานิ วินิทฺทิเส’’.
คาถาปาทโต ปน –
‘‘อฏฺสหสฺสมตฺตานิ, จตฺตาเรว สตานิ จ;
ปาทาเนตานุทานสฺส, เตวีสติ จ นิทฺทิเส.
‘‘อกฺขรานํ สหสฺสานิ, สฏฺิ สตฺต สตานิ จ;
ตีณิ ทฺวาสีติ จ ตถา, อุทานสฺส ปเวทิตา’’ติ.
ตสฺส อฏฺสุ วคฺเคสุ โพธิวคฺโค อาทิ, สุตฺเตสุ ปมํ โพธิสุตฺตํ, ตสฺสาปิ เอวํ เม สุตนฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตนิทานมาทิ. สา ปนายํ ปมมหาสงฺคีติ วินยปิฏเก (จูฬว. ๔๓๗) ตนฺติมารูฬฺหา เอว. โย ปเนตฺถ นิทานโกสลฺลตฺถํ วตฺตพฺโพ กถามคฺโค โสปิ สุมงฺคลวิลาสินิยํ ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.นิทานกถา) วุตฺโต เอวาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.