📜
๑. โพธิวคฺโค
๑. ปมโพธิสุตฺตวณฺณนา
๑. ยํ ¶ ¶ ¶ ปเนตฺถ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ นิทานํ, ตตฺถ เอวนฺติ นิปาตปทํ. เมติอาทีนิ นามปทานิ. อุรุเวลายํ วิหรตีติ เอตฺถ วีติ อุปสคฺคปทํ, หรตีติ อาขฺยาตปทนฺติ อิมินาว นเยน สพฺพตฺถ ปทวิภาโค เวทิตพฺโพ.
อตฺถโต ปน เอวํสทฺโท ตาว อุปมูปเทสสมฺปหํสนครหณวจนสมฺปฏิคฺคหาการ- นิทสฺสนาวธารณปุจฺฉาอิทมตฺถปริมาณาทิ อเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา เหส ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจน, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๕๓) อุปมายํ อาคโต. ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๒๒) อุปเทเส. ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) สมฺปหํสเน. ‘‘เอวเมวํ ปนายํ วสลี ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๘๗) ครหเณ. ‘‘เอวํ, ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓; ม. นิ. ๑.๑) วจนสมฺปฏิคฺคเห. ‘‘เอวํ พฺยา โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๙๘) อากาเร. ‘‘เอหิ ตฺวํ, มาณวก, เยน สมโณ อานนฺโท เตนุปสงฺกม, อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน สมณํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ ‘สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภวนฺตํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ, เอวฺจ วเทหิ ‘สาธุ กิร ภวํ อานนฺโท เยน สุภสฺส มาณวสฺส โตเทยฺยปุตฺตสฺส นิเวสนํ, เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ ¶ อุปาทายา’ติ’’อาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๕) นิทสฺสเน. ‘‘‘ตํ กึ มฺถ, กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วา’ติ? ‘อกุสลา, ภนฺเต’. ‘สาวชฺชา วา อนวชฺชา วา’ติ? ‘สาวชฺชา, ภนฺเต’. ‘วิฺูครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา วา’ติ? ‘วิฺูครหิตา, ภนฺเต’. ‘สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, โน’วา? ‘กถํ โว เอตฺถ โหตี’ติ? ‘สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, เอวํ โน เอตฺถ โหตีติ’’’อาทีสุ ¶ (อ. นิ. ๓.๖๖) อวธารเณ. ‘‘เอวเมเต สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู อามุตฺตมาลาภรณา’’ติอาทีสุ ¶ (ที. นิ. ๑.๒๘๖) ปุจฺฉายํ. ‘‘เอวํคตานิ ปุถุสิปฺปายตนานิ (ที. นิ. ๑.๑๘๒), เอวํวิโธ เอวมากาโร’’ติอาทีสุ อิทํสทฺทสฺส อตฺเถ. คตสทฺโท หิ ปการปริยาโย, ตถา วิธาการสทฺทา. ตถา หิ วิธยุตฺตคตสทฺเท โลกิยา ปการตฺเถ วทนฺติ. ‘‘เอวํ ลหุปริวตฺตํ เอวมายุปริยนฺโต’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๑.๔๘) ปริมาเณ.
นนุ จ ‘‘เอวํ วิตกฺกิตํ โน ตุมฺเหหิ, เอวมายุปริยนฺโต’’ติ เจตฺถ เอวํสทฺเทน ปุจฺฉนาการปริมาณาการานํ วุตฺตตฺตา อาการตฺโถ เอว เอวํสทฺโทติ. น, วิเสสสพฺภาวโต. อาการมตฺตวาจโก เหตฺถ เอวํสทฺโท อาการตฺโถติ อธิปฺเปโต. ‘‘เอวํ พฺยา โข’’ติอาทีสุ ปน อาการวิเสสวจโน. อาการวิเสสวาจิโน เจเต เอวํสทฺทา ปุจฺฉนาการปริมาณาการานํ วาจกตฺตา. เอวฺจ กตฺวา ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจนา’’ติอาทีนิ อุปมานอุทาหรณานิ ยุชฺชนฺติ. ตตฺถ หิ –
‘‘ยถาปิ ปุปฺผราสิมฺหา, กยิรา มาลาคุเณ พหู;
เอวํ ชาเตน มจฺเจน, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ. –
เอตฺถ ปุปฺผราสิฏฺานียโต มนุสฺสุปฺปตฺติ สปฺปุริสูปนิสฺสยสทฺธมฺมสฺสวนโยนิโสมนสิการโภคสมฺปตฺติอาทิโต ¶ ทานาทิปฺุกิริยาเหตุสมุทายโต โสภาสุคนฺธตาทิคุณวิเสสโยคโต มาลาคุณสทิสิโย พหุกา ปฺุกิริยา มริตพฺพสภาวตาย มจฺเจน กตฺตพฺพาติ อเภทตาย ปุปฺผราสิ มาลาคุณา จ อุปมา, เตสํ อุปมานากาโร ยถาสทฺเทน อนิยมโต วุตฺโต. ปุน เอวํสทฺเทน นิยมนวเสน วุตฺโต. โส ปน อุปมากาโร นิยมิยมาโน อตฺถโต อุปมา เอว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อุปมายํ อาคโต’’ติ.
ตถา ‘‘เอวํ อิมินา อากาเรน อภิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทินา อุปทิสิยมานาย สมณสารุปฺปาย อากปฺปสมฺปตฺติยา โย ตตฺถ อุปเทสากาโร, โส อตฺถโต อุปเทโสเยวาติ วุตฺตํ – ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพนฺติอาทีสุ อุปเทเส’’ติ.
‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติ เอตฺถ ภควตา ยถาวุตฺตมตฺถํ อวิปรีตโต ชานนฺเตหิ กตํ ยํ ตตฺถ วิชฺชมานคุณานํ ปกาเรหิ ¶ หํสนํ อุทคฺคตากรณํ สมฺปหํสนํ, โส ตตฺถ ปหํสนากาโรติ วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ.
‘‘เอวเมวํ ¶ ปนาย’’นฺติ เอตฺถ ครหณากาโรติ วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ. โส จ ครหณากาโร ‘‘วสลี’’ติอาทิขุํสนสทฺทสนฺนิธานโต อิธ เอวํสทฺเทน ปกาสิโตติ วิฺายติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปมาการาทโยปิ อุปมาทิวเสน วุตฺตานํ ปุปฺผราสิอาทิสทฺทานํ สนฺนิธานโต วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ.
‘‘เอวํ โน’’ติ เอตฺถาปิ เตสํ ยถาวุตฺตธมฺมานํ อหิตทุกฺขาวหภาเวน สนฺนิฏฺานชนนตฺถํ อนุมติคฺคหณวเสน ‘‘โน วา กถํ โว เอตฺถ โหตี’’ติ ปุจฺฉาย กตาย ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตทาการสนฺนิฏฺานํ เอวํสทฺเทน อาวิกตํ. โส ปน เตสํ ธมฺมานํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนากาโร นิยมิยมาโน อวธารณตฺโถ โหตีติ วุตฺตํ – ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตีติอาทีสุ อวธารเณ’’ติ.
‘‘เอวฺจ วเทหี’’ติ ยถาหํ วทามิ เอวํ สมณํ อานนฺทํ วเทหีติ วทนากาโร อิทานิ วตฺตพฺโพ เอวํสทฺเทน นิทสฺสียตีติ ‘‘นิทสฺสนตฺโถ’’ติ วุตฺตํ.
เอวมาการวิเสสวาจีนมฺปิ เอเตสํ เอวํสทฺทานํ ¶ อุปมาทิวิเสสตฺถวุตฺติตาย อุปมาทิอตฺถตา วุตฺตา. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ ปน ธมฺมสฺส สาธุกํ สวนมนสิกาเร นิโยชิเตหิ ภิกฺขูหิ ตตฺถ ปติฏฺิตภาวสฺส ปฏิชานนวเสน วุตฺตตฺตา ตตฺถ เอวํสทฺโท วจนสมฺปฏิคฺคหตฺโถ. เตน เอวํ, ภนฺเตติ สาธุ, ภนฺเต, สุฏฺุ, ภนฺเตติ วุตฺตํ โหติ. สฺวายมิธ อาการนิทสฺสนาวธารเณสุ ทฏฺพฺโพ.
ตตฺถ อาการตฺเถน เอวํสทฺเทน เอตมตฺถํ ทีเปติ – นานานยนิปุณมเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ วิวิธปาฏิหาริยํ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถมาคจฺฉนฺตํ ตสฺส ภควโต วจนํ สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุํ, สพฺพถาเมน ปน โสตุกามตํ ชเนตฺวาปิ เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอเกนากาเรน สุตนฺติ.
เอตฺถ ¶ จ เอกตฺตนานตฺตอพฺยาปารเอวํธมฺมตาสงฺขาตา นนฺทิยาวตฺตติปุกฺขลสีหวิกฺกีฬิตทิสาโลจนองฺกุสสงฺขาตา จ อสฺสาทาทิวิสยาทิเภเทน นานาวิธา นยา นานานยา. นยา วา ปาฬิคติโย, ตา จ ปฺตฺติอนุปฺตฺตาทิวเสน สํกิเลสภาคิยาทิโลกิยาทิตทุภยโวมิสฺสกาทิวเสน กุสลาทิวเสน ขนฺธาทิวเสน, สงฺคหาทิวเสน, สมยวิมุตฺตาทิวเสน, ปนาทิวเสน ¶ , กุสลมูลาทิวเสน, ติกปฏฺานาทิวเสน จ นานปฺปการาติ นานานยา, เตหิ นิปุณํ สณฺหํ สุขุมนฺติ นานานยนิปุณํ.
อาสโยว อชฺฌาสโย, โส จ สสฺสตาทิเภเทน อปฺปรชกฺขตาทิเภเทน จ อเนกวิโธ. อตฺตชฺฌาสยาทิโก เอว วา อเนโก อชฺฌาสโย อเนกชฺฌาสโย. โส สมุฏฺานํ อุปฺปตฺติเหตุ เอตสฺสาติ อเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ.
สีลาทิอตฺถสมฺปตฺติยา ตพฺพิภาวนพฺยฺชนสมฺปตฺติยา สงฺกาสนปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติวเสน ฉหิ อตฺถปเทหิ อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสวเสน ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ จ สมนฺนาคตตฺตา อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ.
อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีเภเทน เตสุ จ เอเกกสฺส วิสยาทิเภเทน ¶ วิวิธํ พหุวิธํ วา ปาฏิหาริยํ เอตสฺสาติ วิวิธปาฏิหาริยํ. ตตฺถ ปฏิปกฺขหรณโต ราคาทิกิเลสาปนยนโต ปาฏิหาริยนฺติ อตฺเถ สติ ภควโต น ปฏิปกฺขา ราคาทโย สนฺติ เย หริตพฺพา, ปุถุชฺชนานมฺปิ วิคตูปกฺกิเลเส อฏฺคุณสมนฺนาคเต จิตฺเต หตปฏิปกฺเข อิทฺธิวิธํ ปวตฺตติ, ตสฺมา ตตฺถ ปวตฺตโวหาเรน จ น สกฺกา อิธ ปาฏิหาริยนฺติ วตฺตุํ. สเจ ปน มหาการุณิกสฺส ภควโต เวเนยฺยคตา จ กิเลสา ปฏิปกฺขา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยนฺติ วุตฺตํ, เอวํ สติ ยุตฺตเมตํ. อถ วา ภควโต เจว สาสนสฺส จ ปฏิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยํ. เต หิ ทิฏฺิหรณวเสน ทิฏฺิปฺปกาสเน อสมตฺถภาเวน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ หริตา อปนีตา โหนฺติ. ปฏีติ วา อยํ สทฺโท ปจฺฉาติ เอตสฺส อตฺถํ โพเธติ ‘‘ตสฺมึ ปฏิปวิฏฺมฺหิ, อฺโ อาคฺฉิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ (จูฬนิ. ปารายนวคฺค, วตฺถุคาถา ๔) วิย. ตสฺมา สมาหิเต ¶ จิตฺเต วิคตูปกฺกิเลเส กตกิจฺเจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ ปฏิหาริยํ. อตฺตโน วา อุปกฺกิเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมคฺเคหิ หริเตสุ ปจฺฉา หรณํ ปฏิหาริยํ. อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิจฺเจน สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวตฺเตตพฺพา, หริเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺกิเลเสสุ ปรสตฺตานํ อุปกฺกิเลสหรณานิ โหนฺตีติ ปฏิหาริยานิ ภวนฺติ. ปฏิหาริยเมว ปาฏิหาริยํ, ปฏิหาริเย วา อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีสมุทาเย ภวํ เอเกกํ ปาฏิหาริยนฺติ วุจฺจติ. ปฏิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ มคฺโค จ ปฏิปกฺขหรณโต. ตตฺถ ชาตํ นิมิตฺตภูตโต ตโต วา อาคตนฺติ ปาฏิหาริยนฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ยสฺมา ¶ ปน ตนฺติอตฺถเทสนา ตพฺโพหาราภิสมยสงฺขาตา เหตุเหตุผลตทุภยปฺตฺติปฏิเวธสงฺขาตา วา ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธา คมฺภีรา, สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ อลพฺภเนยฺยปฺปติฏฺา ทุปฺปริโยคาหา จ, ตสฺมา เตหิ จตูหิ คมฺภีรภาเวหิ ยุตฺตนฺติ ภควโต วจนํ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ.
เอโก เอว ภควโต ธมฺมเทสนาโฆโส, เอกสฺมึ ขเณ ปวตฺตมาโน นานาภาสานํ สตฺตานํ อตฺตโน อตฺตโน ภาสาวเสน ¶ อปุพฺพํ อจริมํ คหณูปโค โหติ. อจินฺเตยฺโย หิ พุทฺธานํ พุทฺธานุภาโวติ สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถํ อาคจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ.
นิทสฺสนตฺเถน ‘‘นาหํ สยมฺภู, น มยา อิทํ สจฺฉิกต’’นฺติ อตฺตานํ ปริโมเจนฺโต ‘‘เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอวํ สุต’’นฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลํ สุตฺตํ นิทสฺเสติ.
อวธารณตฺเถน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท, คติมนฺตานํ, สติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙-๒๒๓) เอวํ ภควตา, ‘‘อายสฺมา อานนฺโท อตฺถกุสโล, ธมฺมกุสโล, พฺยฺชนกุสโล, นิรุตฺติกุสโล, ปุพฺพาปรกุสโล’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๙) เอวํ ธมฺมเสนาปตินา จ ปสตฺถภาวานุรูปํ อตฺตโน ธารณพลํ ทสฺเสนฺโต สตฺตานํ ¶ โสตุกามตํ ชเนติ. ‘‘เอวํ เม สุตํ, ตฺจ โข อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกํ, เอวเมว น อฺถา ทฏฺพฺพ’’นฺติ. อฺถาติ ภควโต สมฺมุขา สุตาการโต อฺถา น ปน ภควตา เทสิตาการโต. อจินฺเตยฺยานุภาวา หิ ภควโต เทสนา, สา เนว สพฺพากาเรน สกฺกา วิฺาตุนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. สุตาการาวิรุชฺฌนเมว หิ ธารณพลํ.
เมสทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา หิสฺส ‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๙๔; สุ. นิ. ๘๑) มยาติ อตฺโถ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๘; ๕.๓๘๒; อ. นิ. ๔.๒๕๗) มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๙) มมาติ อตฺโถ. อิธ ปน ‘‘มยา สุตํ, มม สุต’’นฺติ จ อตฺถทฺวเย ยุชฺชติ.
เอตฺถ จ โย ปโร น โหติ, โส อตฺตาติ เอวํ วตฺตพฺเพ นิยกชฺฌตฺตสงฺขาเต สสนฺตาเน วตฺตนโต ติวิโธปิ เมสทฺโท กิฺจาปิ เอกสฺมึเยว อตฺเถ ทิสฺสติ, กรณสมฺปทานาทิวิเสสสงฺขาโต ¶ ปน วิฺายเตวายํ อตฺถเภโทติ ‘‘เม-สทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสตี’’ติ วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ.
สุตนฺติ อยํ สุตสทฺโท สอุปสคฺโค อนุปสคฺโค จ คมนวิสฺสุตกิลินฺนูปจิตานุโยคโสตวิฺเยฺย โสตทฺวารานุสาร ¶ วิฺาตาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. กิฺจาปิ หิ อุปสคฺโค กิริยํ วิเสเสติ, โชตกภาวโต ปน สติปิ ตสฺมึ สุตสทฺโท เอว ตํ ตมตฺถํ วทตีติ อนุปสคฺคสฺส สุตสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร สอุปสคฺคสฺส คหณํ น วิรุชฺฌติ.
ตตฺถ ‘‘เสนาย ปสุโต’’ติอาทีสุ คจฺฉนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต’’ติอาทีสุ (อุทา. ๑๑) วิสฺสุตธมฺมสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘อวสฺสุตา อวสฺสุตสฺสา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๕๗) กิเลเสน กิลินฺนา กิลินฺนสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘ตุมฺเหหิ ปฺุํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๗.๑๒) อุปจิตนฺติ อตฺโถ. ‘‘เย ฌานปฺปสุตา ธีรา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๘๑) ฌานานุยุตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) โสตวิฺเยฺยนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุตธโร สุตสนฺนิจโย’’ติอาทีสุ ¶ (ม. นิ. ๑.๓๓๙) โสตทฺวารานุสารวิฺาตธโรติ อตฺโถ. อิธ ปนสฺส ‘‘โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริต’’นฺติ วา ‘‘อุปธารณ’’นฺติ วา อตฺโถ. เม-สทฺทสฺส หิ มยาติ อตฺเถ สติ ‘‘เอวํ มยา สุตํ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริต’’นฺติ ยุชฺชติ. มมาติ อตฺเถ สติ ‘‘เอวํ มม สุตํ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธารณ’’นฺติ ยุชฺชติ.
เอวเมเตสุ ตีสุ ปเทสุ ยสฺมา สุตสทฺทสนฺนิธาเน ปยุตฺเตน เอวํสทฺเทน สวนกิริยาโชตเกน ภวิตพฺพํ, ตสฺมา เอวนฺติ โสตวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนาทิโสตทฺวาริกวิฺาณานนฺตรํ อุปฺปนฺนมโนทฺวาริกวิฺาณกิจฺจนิทสฺสนํ. เมติ วุตฺตวิฺาณสมงฺคีปุคฺคลนิทสฺสนํ. สพฺพานิ หิ วากฺยานิ เอวการตฺถสหิตานิเยว อวธารณผลตฺตา เตสํ. สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. ยถา หิ สุตํ สุตเมวาติ วตฺตพฺพตํ อรหติ ตถา ตํ สมฺมา สุตํ อนูนคฺคหณํ อนธิกคฺคหณํ อวิปรีตคฺคหณฺจ โหตีติ. อถ วา สทฺทนฺตรตฺถาโปหนวเสน สทฺโท อตฺถํ วทตีติ เอตสฺมึ ปกฺเข ยสฺมา สุตนฺติ ¶ เอตสฺส อสุตํ น โหตีติ อยมตฺโถ วุตฺโต, ตสฺมา สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอวํ เม สุตํ, น มยา อิทํ ทิฏฺํ, น สยมฺภูาเณน สจฺฉิกตํ, น อฺถา วา อุปลทฺธํ. อปิ จ สุตํว, ตฺจ โข สมฺมเทวาติ. อวธารณตฺเถ วา เอวํสทฺเท อยมตฺถโยชนา, ตทเปกฺขสฺส สุตสทฺทสฺส นิยมตฺโถ สมฺภวตีติ ¶ ตทเปกฺขสฺส สุตสทฺทสฺส อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขโป อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนตา จ เวทิตพฺพา. อิติ สวนเหตุสวนวิเสสวเสนปิ สุตสทฺทสฺส อตฺถโยชนา กตาติ ทฏฺพฺพํ.
ตถา เอวนฺติ ตสฺสา โสตทฺวารานุสาเรน ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณโต นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติภาวปฺปกาสนํ อาการตฺโถ เอวํสทฺโทติ กริตฺวา. เมติ อตฺตปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสนํ ยถาวุตฺตาย วิฺาณวีถิยา ปริยตฺติธมฺมารมฺมณตฺตา. อยฺเหตฺถ สงฺเขโป – นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา กรณภูตาย มยา น อฺํ กตํ, อิทํ ปน กตํ, อยํ ธมฺโม สุโตติ.
ตถา ¶ เอวนฺติ นิทสฺสิตพฺพปฺปกาสนํ นิทสฺสนตฺโถ เอวํสทฺโทติ กตฺวา นิทสฺเสตพฺพสฺส นิทฺทิสิตพฺพภาวโต. ตสฺมา เอวํสทฺเทน สกลมฺปิ สุตฺตํ ปจฺจามฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ. เมติ ปุคฺคลปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสนํ. สุตสทฺเทน หิ ลพฺภมานา สวนกิริยา สวนวิฺาณปฺปพนฺธปฺปฏิพทฺธา, ตตฺถ จ ปุคฺคลโวหาโร, น จ ปุคฺคลโวหารรหิเต ธมฺมปฺปพนฺเธ สวนกิริยา ลพฺภติ. ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ – ยํ สุตฺตํ นิทฺทิสิสฺสามิ, ตํ มยา เอวํ สุตนฺติ.
ตถา เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานารมฺมณปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส อาการตฺโถ เอว เอวํสทฺโทติ กตฺวา. เอวนฺติ หิ อยมาการปฺตฺติ ธมฺมานํ ตํ ตํ ปวตฺติอาการํ อุปาทาย ปฺเปตพฺพสภาวตฺตา. เมติ กตฺตุนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโส, โสตพฺโพ หิ ธมฺโม สวนกิริยากตฺตุปุคฺคลสฺส ¶ สวนกิริยาวเสน ปวตฺติฏฺานํ โหติ. เอตฺตาวตา นานปฺปกาเรน ปวตฺเตน จิตฺตสนฺตาเนน ตํสมงฺคิโน กตฺตุ วิสเย คหณสนฺนิฏฺานํ ทสฺสิตํ โหติ.
อถ วา เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส, สุตานฺหิ ธมฺมานํ คหิตาการสฺส นิทสฺสนสฺส อวธารณสฺส วา ปกาสนสภาเวน เอวํสทฺเทน ตทาการาทิธารณสฺส ปุคฺคลโวหารุปาทานธมฺมพฺยาปารภาวโต ปุคฺคลกิจฺจํนาม นิทฺทิฏฺํ โหตีติ. สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส, ปุคฺคลวาทิโนปิ หิ สวนกิริยา วิฺาณนิรเปกฺขา น โหตีติ. เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส. เมติ หิ สทฺทปฺปวตฺติ เอกนฺเตเนว สตฺตวิเสสวิสยา วิฺาณกิจฺจฺจ ตตฺเถว สโมทหิตพฺพนฺติ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – มยา สวนกิจฺจวิฺาณสมงฺคินา ปุคฺคเลน วิฺาณวเสน ลทฺธสวนกิจฺจโวหาเรน สุตนฺติ.
ตถา ¶ เอวนฺติ จ เมติ จ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺติ. สพฺพสฺส หิ สทฺทาธิคมนียสฺส อตฺถสฺส ปฺตฺติมุเขเนว ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา สพฺพปฺตฺตีนฺจ วิชฺชมานาทีสุ ฉสุ ปฺตฺตีสุ อวโรโธ, ตสฺมา โย มายามรีจิอาทโย วิย อภูตตฺโถ อนุสฺสวาทีหิ คเหตพฺโพ วิย อนุตฺตมตฺโถปิ ¶ น โหติ. โส รูปสทฺทาทิโก รุปฺปนานุภวนาทิโก จ ปรมตฺถสภาโว สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน วิชฺชติ. โย ปน เอวนฺติ จ เมติ จ วุจฺจมาโน อาการตฺโถ, โส อปรมตฺถสภาโว สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อนุปลพฺภมาโน อวิชฺชมานปฺตฺติ นาม. ตสฺมา กิฺเหตฺถ ตํ ปรมตฺถโต อตฺถิ, ยํ เอวนฺติ วา เมติ วา นิทฺเทสํ ลเภถ? สุตนฺติ วิชฺชมานปฺตฺติ, ยฺหิ ตํ เอตฺถ โสเตน อุปลทฺธํ, ตํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานนฺติ.
ตถา เอวนฺติ โสตปถมาคเต ธมฺเม อุปาทาย เตสํ อุปธาริตาการาทีนํ ปจฺจามสนวเสน. เมติ สสนฺตติปริยาปนฺเน ขนฺเธ ¶ กรณาทิวิเสสวิสิฏฺเ อุปาทาย วตฺตพฺพโต อุปาทาปฺตฺติ. สุตนฺติ ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต อุปนิธาปฺตฺติ. ทิฏฺาทิสภาวรหิเต สทฺทายตเน ปวตฺตมาโนปิ สุตโวหาโร ทุติยํ ตติยนฺติอาทิโก วิย ปมาทีนิ, ทิฏฺมุตวิฺาเต อเปกฺขิตฺวา สุตนฺติ วิฺเยฺยตฺตา ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺโพ โหติ. อสุตํ น โหตีติ หิ สุตนฺติ ปกาสิโตยมตฺโถติ.
เอตฺถ จ เอวนฺติวจเนน อสมฺโมหํ ทีเปติ. ปฏิวิทฺธา หิ อตฺตนา สุตสฺส ปการวิเสสา เอวนฺติ อิธ อายสฺมตา อานนฺเทน ปจฺจามฏฺา, เตนสฺส อสมฺโมโห ทีปิโต โหติ. น หิ สมฺมูฬฺโห นานปฺปการปฏิเวธสมตฺโถ โหติ, ปจฺจยาการวเสน นานปฺปการา ทุปฺปฏิวิทฺธา จ สุตฺตนฺตาติ ทีปิตนฺติ. สุตนฺติวจเนน สุตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปติ, สุตาการสฺส ยาถาวโต ทสฺสิยมานตฺตา. ยสฺส หิ สุตํ สมฺมุฏฺํ โหติ, น โส กาลนฺตเร มยา สุตนฺติ ปฏิชานาติ. อิจฺจสฺส อสมฺโมเหน ปฺาสิทฺธิ, สมฺโมหาภาเวน ปฺาย เอว วา สวนกาลสมฺภูตาย ตทุตฺตริกาลปฺาสิทฺธิ, ตถา อสมฺโมเสน สติสิทฺธิ. ตตฺถ ปฺาปุพฺพงฺคมาย สติยา พฺยฺชนาวธารณสมตฺถตา. พฺยฺชนานฺหิ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ อากาโร นาติคมฺภีโร, ยถาสุตํ ธารณเมว ตตฺถ กรณียนฺติ สติยา พฺยาปาโร อธิโก, ปฺา ตตฺถ คุณีภูตา โหติ ปฺาย ปุพฺพงฺคมาติ กตฺวา. สติปุพฺพงฺคมาย ปฺาย อตฺถปฺปฏิเวธสมตฺถตา. อตฺถสฺส หิ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ อากาโร คมฺภีโรติ ปฺาย พฺยาปาโร อธิโก, สติ ตตฺถ คุณีภูตาเยวาติ สติยา ปุพฺพงฺคมายาติ ¶ กตฺวา. ตทุภยสมตฺถตาโยเคน อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส ธมฺมโกสสฺส อนุปาลนสมตฺถตาย ธมฺมภณฺฑาคาริกตฺตสิทฺธิ.
อปโร ¶ นโย – เอวนฺติวจเนน โยนิโสมนสิการํ ทีเปติ, เตน จ วุจฺจมานานํ อาการนิทสฺสนาวธารณตฺถานํ อุปริ วกฺขมานานํ นานปฺปการปฺปฏิเวธโชตกานํ อวิปรีตสิทฺธิ ธมฺมวิสยตฺตา. น หิ อโยนิโส มนสิกโรโต ¶ นานปฺปการปฺปฏิเวโธ สมฺภวติ. สุตนฺติวจเนน อวิกฺเขปํ ทีเปติ, ‘‘ปมโพธิสุตฺตํ กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทิปุจฺฉาวเสน ปกรณปตฺตสฺส วกฺขมานสฺส สุตฺตสฺส สวนํ สมาธานมนฺตเรน น สมฺภวติ วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส สวนาภาวโต. ตถา หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต ปุคฺคโล สพฺพสมฺปตฺติยา วุจฺจมาโนปิ ‘‘น มยา สุตํ, ปุน ภณถา’’ติ ภณติ. โยนิโสมนสิกาเรน เจตฺถ อตฺตสมฺมาปณิธึ ปุพฺเพ จ กตปฺุตํ สาเธติ สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตสฺส ปุพฺเพ อกตปฺุสฺส วา ตทภาวโต. อวิกฺเขเปน สทฺธมฺมสฺสวนํ สปฺปุริสูปนิสฺสยฺจ สาเธติ อสฺสุตวโต สปฺปุริสูปนิสฺสยวิรหิตสฺส จ ตทภาวโต. น หิ วิกฺขิตฺโต โสตุํ สกฺโกติ, น จ สปฺปุริเส อนุปนิสฺสยมานสฺส สวนํ อตฺถีติ.
อปโร นโย – ‘‘ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานปฺปการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา จ โส ภควโต วจนสฺส อตฺถพฺยฺชนปฺปเภทปริจฺเฉทวเสน สกลสาสนสมฺปตฺติโอคาหเนน นิรวเสสํ ปรหิตปาริปูรีกรณภูโต เอวํ ภทฺทโก อากาโร น สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตสฺส ปุพฺเพ อกตปฺุสฺส วา โหติ. ตสฺมา เอวนฺติ อิมินา ภทฺทเกน อากาเรน ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺติมตฺตโน ทีเปติ, สุตนฺติ สวนโยเคน ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ. น หิ อปฺปติรูเป เทเส วสโต สปฺปุริสูปนิสฺสยวิรหิตสฺส จ สวนํ อตฺถิ. อิจฺจสฺส ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา อาสยสุทฺธิ สิทฺธา โหติ. สมฺมา ปณิหิตจิตฺโต ปุพฺเพ จ กตปฺุโ วิสุทฺธาสโย โหติ ตทสุทฺธิเหตูนํ กิเลสานํ ทูรีภาวโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สมฺมา ปณิหิตํ จิตฺตํ, เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ (ธ. ป. ๔๓) ‘‘กตปฺุโสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยฺุช, ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗) จ. ปุริมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา ¶ ปโยคสุทฺธิ. ปติรูปเทสวาเสน หิ สปฺปุริสูปนิสฺสเยน จ สาธูนํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเนน ¶ ปริสุทฺธปฺปโยโค โหติ. ตาย จ อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธิ, ปุพฺเพเยว ตณฺหาทิฏฺิสํกิเลสานํ วิโสธิตตฺตา ปโยคสุทฺธิยา อาคมพฺยตฺติสิทฺธิ. สุปริสุทฺธกายวจีปโยโค หิ วิปฺปฏิสาราภาวโต อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ปริยตฺติยํ วิสารโท โหติ. อิติ ปโยคาสยสุทฺธสฺส อาคมาธิคมสมฺปนฺนสฺส วจนํ อรุณุคฺคมนํ วิย สูริยสฺส อุทยโต โยนิโสมนสิกาโร วิย จ กุสลกมฺมสฺส อรหติ ภควโต วจนสฺส ปุพฺพงฺคมํ ภวิตุนฺติ าเน นิทานํ เปนฺโต เอวํ เม สุตนฺติอาทิมาห.
อปโร ¶ นโย – เอวนฺติ อิมินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว นานปฺปการปฺปฏิเวธทีปเกน วจเนน อตฺตโน อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ทีเปติ. สุตนฺติ อิมินา เอวํสทฺทสนฺนิธานโต วกฺขมานาเปกฺขาย วา โสตพฺพเภทปฺปฏิเวธทีปเกน ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ทีเปติ. เอวนฺติ จ อิทํ วุตฺตนเยเนว โยนิโสมนสิการทีปกวจนํ ภาสมาโน ‘‘เอเต ธมฺมา มยา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา’’ติ ทีเปติ. ปริยตฺติธมฺโม หิ ‘‘อิธ สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา, เอตฺตกา เอตฺถ อนุสนฺธิโย’’ติอาทินา นเยน มนสา อนุเปกฺขิโต อนุสฺสวาการปริวิตกฺกสหิตาย ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติภูตาย าตปริฺาสงฺขาตาย วา ทิฏฺิยา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตรูปารูปธมฺเม ‘‘อิติ รูปํ, เอตฺตกํ รูป’’นฺติอาทินา นเยน สุฏฺุ ววตฺถเปตฺวา ปฏิวิทฺโธ อตฺตโน จ ปเรสฺจ หิตสุขาวโห โหตีติ. สุตนฺติ อิทํ สวนโยคทีปกวจนํ ภาสมาโน ‘‘พหู มยา ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตา’’ติ ทีเปติ. โสตาวธานปฺปฏิพทฺธา หิ ปริยตฺติธมฺมสฺส สวนธารณปริจยา. ตทุภเยนปิ ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตภาเวน, อตฺถพฺยฺชนปาริปูรึ ทีเปนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ. อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณฺหิ ธมฺมํ อาทเรน อสฺสุณนฺโต มหตา หิตา ปริพาหิโร โหตีติ อาทรํ ชเนตฺวา สกฺกจฺจํ ธมฺโม โสตพฺโพ.
‘‘เอวํ ¶ เม สุต’’นฺติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน อายสฺมา อานนฺโท ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมํ อตฺตโน อทหนฺโต อสปฺปุริสภูมึ อติกฺกมติ, สาวกตฺตํ ปฏิชานนฺโต สปฺปุริสภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสทฺธมฺมา จิตฺตํ ¶ วุฏฺาเปติ, สทฺธมฺเม จิตฺตํ ปติฏฺาเปติ. ‘‘เกวลํ สุตเมเวตํ มยา, ตสฺเสว ปน ภควโต วจน’’นฺติ ทีเปนฺโต อตฺตานํ ปริโมเจติ, สตฺถารํ อปทิสติ, ชินวจนํ อปฺเปติ, ธมฺมเนตฺตึ ปติฏฺาเปติ.
อปิจ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อตฺตนา อุปฺปาทิตภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต ปุริมสฺสวนํ วิวรนฺโต ‘‘สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตมิทํ มยา ตสฺส ภควโต จตุเวสารชฺชวิสารทสฺส ทสพลธรสฺส อาสภฏฺานฏฺายิโน สีหนาทนาทิโน สพฺพสตฺตุตฺตมสฺส ธมฺมิสฺสรสฺส ธมฺมราชสฺส ธมฺมาธิปติโน ธมฺมทีปสฺส ธมฺมสรณสฺส สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, น เอตฺถ อตฺเถ วา ธมฺเม วา ปเท วา พฺยฺชเน วา กงฺขา วา วิมติ วา กตฺตพฺพา’’ติ สพฺพเทวมนุสฺสานํ อิมสฺมึ ธมฺเม อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ, สทฺธาสมฺปทํ อุปฺปาเทติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘วินาสยติ อสฺสทฺธํ, สทฺธํ วฑฺเฒติ สาสเน;
เอวํ เม สุตมิจฺเจวํ, วทํ โคตมสาวโก’’ติ.
เอกนฺติ ¶ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. อยฺหิ เอกสทฺโท อฺเสฏฺาสหายสงฺขฺยาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา หิ อยํ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ อิตฺเถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๗; อุทา. ๕๕) อฺเ ทิสฺสติ. ‘‘เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๑๑; ที. นิ. ๑.๒๒๘) เสฏฺเ. ‘‘เอโก วูปกฏฺโ’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๔๔๕; ที. นิ. ๑.๔๐๕) อสหาเย. ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) สงฺขฺยายํ, อิธาปิ สงฺขฺยายเมว ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส’’ติ.
สมยนฺติ ปริจฺฉินฺนนิทฺเทโส. เอกํ สมยนฺติ อนิยมิตปริทีปนํ. ตตฺถ สมยสทฺโท –
‘‘สมวาเย ¶ ขเณ กาเล, สมูเห เหตุทิฏฺิสุ;
ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสติ’’.
ตถา หิสฺส ‘‘อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยาม กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๗) สมวาโย อตฺโถ, ยุตฺตกาลฺจ ปจฺจยสามคฺคิฺจ ลภิตฺวาติ หิ อธิปฺปาโย, ตสฺมา ปจฺจยสมวาโยติ เวทิตพฺโพ ¶ . ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) ขโณ, โอกาโสติ อตฺโถ. ตถาคตุปฺปาทาทิโก หิ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส โอกาโส ตปฺปจฺจยปฺปฏิลาภเหตุตฺตา, ขโณ เอว จ สมโย, โย ขโณติ จ สมโยติ จ วุจฺจติ, โส เอโก เยวาติ หิ อตฺโถ. ‘‘อุณฺหสมโย ปริฬาหสมโย’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๓๕๘) กาโล. ‘‘มหาสมโย ปวนสฺมิ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๓๒) สมูโห. มหาสมโยติ หิ ภิกฺขูนํ เทวตานฺจ มหาสนฺนิปาโตติ อตฺโถ. ‘‘สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ, ภควา โข สาวตฺถิยํ วิหรติ, ภควาปิ มํ ชานิสฺสติ ‘ภทฺทาลิ นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย น ปริปูรการี’ติ, อยมฺปิ โข เต, ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๓๕) เหตุ. สิกฺขาปทสฺส การณฺหิ อิธ สมโยติ อธิปฺเปตํ. ‘‘เตน โข ปน สมเยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฏิวสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๖๐) ทิฏฺิ. ตตฺถ หิ นิสินฺนา ติตฺถิยา อตฺตโน อตฺตโน ทิฏฺิสงฺขาตํ สมยํ ปวทนฺตีติ โส ปริพฺพาชการาโม ‘‘สมยปฺปวาทโก’’ติ วุจฺจติ.
‘‘ทิฏฺเ ¶ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) –
อาทีสุ ปฏิลาโภ. อตฺถาภิสมยาติ หิ อตฺถสฺส อธิคมาติ อตฺโถ. ‘‘สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘) ปหานํ. อธิกรณํ สมยํ วูปสมนํ อปคโมติ อภิสมโย ปหานํ. ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ อภิสมยฏฺโ’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๒.๘) ปฏิเวโธ ¶ . ปฏิเวโธติ หิ อภิสเมตพฺพโต อภิสมโย, อภิสมโยว อตฺโถ อภิสมยฏฺโติ ปีฬนาทีนิ อภิสเมตพฺพภาเวน เอกีภาวํ อุปเนตฺวา วุตฺตานิ, อภิสมยสฺส วา ปฏิเวธสฺส วิสยภูโต อตฺโถ อภิสมยฏฺโติ ตาเนว ตถา เอกนฺเตน วุตฺตานิ. ตตฺถ ปีฬนํ ทุกฺขสจฺจสฺส ตํสมงฺคิโน หึสนํ อวิปฺผาริกตากรณํ. สนฺตาโป ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน สนฺตปฺปนํ ปริทหนํ.
เอตฺถ ¶ จ สหการีการณสนฺนิชฺฌํ สเมติ สมเวตีติ สมวาโย สมโย. สเมติ สมาคจฺฉติ เอตฺถ มคฺคพฺรหฺมจริยํ ตทาธารปุคฺคเลหีติ ขโณ สมโย. สเมติ เอตฺถ เอเตน วา สํคจฺฉติ สตฺโต สภาวธมฺโม วา อุปฺปาทาทีหิ สหชาตาทีหิ วาติ กาโล สมโย. ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย อตฺถโต อภูโตปิ หิ กาโล ธมฺมปฺปวตฺติยา อธิกรณํ กรณํ วิย จ กปฺปนามตฺตสิทฺเธนานุรูเปน โวหรียตีติ. สมํ, สห วา อวยวานํ อยนํ ปวตฺติ อวฏฺานนฺติ สมูโห สมโย ยถา สมุทาโยติ. อวยวสหาวฏฺานเมว หิ สมูโห. อวเสสปจฺจยานํ สมาคเม สติ เอติ ผลเมตสฺมา อุปฺปชฺชติ ปวตฺตตีติ สมโย เหตุ ยถา สมุทโยติ. สเมติ สํโยชนภาวโต สมฺพนฺโธ เอติ อตฺตโน วิสเย ปวตฺตติ, ทฬฺหคฺคหณภาวโต วา สํยุตฺตา อยนฺติ ปวตฺตนฺติ สตฺตา ยถาภินิเวสํ เอเตนาติ สมโย ทิฏฺิ. ทิฏฺิสํโยชเนน หิ สตฺตา อติวิย พชฺฌนฺตีติ. สมิติ สงฺคติ สโมธานนฺติ สมโย ปฏิลาโภ. สมยนํ อุปสมยนํ อปคโมติ สมโย ปหานํ. สมุจฺเฉทปฺปหานภาวโต ปน อธิโก สมโยติ อภิสมโย ยถา อภิธมฺโมติ. อภิมุขํ าเณน สมฺมา เอตพฺโพ อภิสเมตพฺโพติ อภิสมโย, ธมฺมานํ อวิปรีตสภาโว. อภิมุขภาเวน สมฺมา เอติ คจฺฉติ พุชฺฌตีติ อภิสมโย, ธมฺมานํ ยถาภูตสภาวาวโพโธ. เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ สมยสทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
สมยสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร อภิสมยสทฺทสฺส คหเณ การณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิธ ¶ ปนสฺส กาโล อตฺโถ สมวายาทีนํ อสมฺภวโต. เทสเทสกปริสา วิย หิ เทสนาย นิทานภาเว ¶ กาโล เอว อิจฺฉิตพฺโพติ. ยสฺมา ปเนตฺถ สมโยติ กาโล อธิปฺเปโต, ตสฺมา สํวจฺฉรอุตุมาสทฺธมาสรตฺติทิวสปุพฺพณฺหมชฺฌนฺหิกสายนฺหปมยาม- มชฺฌิมยามปจฺฉิมยามมุหุตฺตาทีสุ กาลเภทภูเตสุ สมเยสุ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ.
กสฺมา ปเนตฺถ อนิยมิตวเสเนว กาโล นิทฺทิฏฺโ, น อุตุสํวจฺฉราทิวเสน นิยเมตฺวา นิทฺทิฏฺโติ เจ? กิฺจาปิ เอเตสุ สํวจฺฉราทีสุ สมเยสุ ยํ ยํ สุตฺตํ ยสฺมึ ยสฺมึ สํวจฺฉเร อุตุมฺหิ ¶ มาเส ปกฺเข รตฺติภาเค ทิวสภาเค วา วุตฺตํ, สพฺพมฺปิ ตํ เถรสฺส สุวิทิตํ สุววตฺถาปิตํ ปฺาย. ยสฺมา ปน ‘‘เอวํ เม สุตํ อสุกสํวจฺฉเร อสุกอุตุมฺหิ อสุกมาเส อสุกปกฺเข อสุกรตฺติภาเค อสุกทิวสภาเค วา’’ติ เอวํ วุตฺเต น สกฺกา สุเขน ธาเรตุํ วา อุทฺทิสิตุํ วา อุทฺทิสาเปตุํ วา, พหุ จ วตฺตพฺพํ โหติ, ตสฺมา เอเกเนว ปเทน ตมตฺถํ สโมธาเนตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.
เย วา อิเม คพฺโภกฺกนฺติสมโย ชาติสมโย สํเวคสมโย อภินิกฺขมนสมโย ทุกฺกรการิกสมโย มารวิชยสมโย อภิสมฺโพธิสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทสนาสมโย ปรินิพฺพานสมโยติ เอวมาทโย ภควโต เทวมนุสฺเสสุ อติวิย ปกาสา อเนกกาลปฺปเภทา เอว สมยา, เตสุ สมเยสุ เทสนาสมยสงฺขาตํ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ. โย วายํ าณกรุณากิจฺจสมเยสุ กรุณากิจฺจสมโย, อตฺตหิตปรหิตปฺปฏิปตฺติสมเยสุ ปรหิตปฺปฏิปตฺติสมโย, สนฺนิปติตานํ กรณียทฺวยสมเยสุ ธมฺมกถาสมโย, เทสนาปฏิปตฺติสมเยสุ เทสนาสมโย, เตสุ สมเยสุ อฺตรสมยํ สนฺธาย ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.
กสฺมา ปเนตฺถ ยถา อภิธมฺเม ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ (ธ. ส. ๑) จ อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’’ติ ¶ (อ. นิ. ๔.๒๐๐) จ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต, วินเย จ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา’’ติ (ปารา. ๑) กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต, ตถา อกตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อจฺจนฺตสํโยคตฺเถ อุปโยควจเนน นิทฺเทโส กโตติ? ตตฺถ ตถา, อิธ จ อฺถา อตฺถสมฺภวโต. ตตฺถ หิ อภิธมฺเม อิโต อฺเสุ จ สุตฺตนฺเตสุ อาธารวิสยสงฺขาโต อธิกรณตฺโถ กิริยาย กิริยนฺตรลกฺขณสงฺขาโต ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ จ สมฺภวตีติ. อธิกรณฺหิ กาลตฺโถ สมูหตฺโถ จ สมโย ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ, ตถา กาโล สภาวธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ อาธารภาเวน ปฺาโต ตงฺขณปฺปวตฺตานํ ตโต ¶ ปุพฺเพ ปรโต จ อภาวโต ยถา ‘‘ปุพฺพณฺเห ¶ ชาโต สายนฺเห ชาโต’’ติอาทีสุ. สมูโหติปิ อวยววินิมุตฺโต ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ กปฺปนามตฺตสิทฺเธน รูเปน อวยวานํ อาธารภาเวน ปฺาปียติ, ยถา ‘‘รุกฺเข สาขา, ยโว ยวราสิมฺหิ สมุฏฺิโต’’ติอาทีสุ. ยสฺมึ กาเล ธมฺมปฺุเช จ กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึเยว กาเล ธมฺมปฺุเช จ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ อยฺหิ ตตฺถ อตฺโถ. ตถา ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺส สมยสฺส ภาเวน ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ ภาโว ลกฺขียติ. ยถา หิ ‘‘คาวีสุ ทุยฺหมานาสุ คโต, ทุทฺธาสุ อาคโต’’ติ เอตฺถ คาวีนํ โทหนกิริยาย คมนกิริยา ลกฺขียติ, เอวํ อิธาปิ ยสฺมึ สมเยติ วุตฺเต จ ปทตฺถสฺส สตฺตาวิรหาภาวโต สตีติ อยมตฺโถ วิฺายมาโน เอว โหตีติ สมยสฺส สตฺตากิริยาย จิตฺตสฺส อุปฺปาทกิริยา ผสฺสาทีนํ ภวนกิริยา จ ลกฺขียติ. ตถา ยสฺมึ สมเย ยสฺมึ นวเม ขเณ ยสฺมึ โยนิโสมนสิการาทิเหตุมฺหิ ปจฺจยสมวาเย วา สติ กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึ สมเย ขเณ เหตุมฺหิ ปจฺจยสมวาเย จ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต.
วินเย จ ‘‘อนฺเนน วสติ, อชฺเฌเนน วสตี’’ติอาทีสุ ¶ วิย เหตุอตฺโถ, ‘‘ผรสุนา ฉินฺทติ, กุทาเลน ขณตี’’ติอาทีสุ วิย กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย หิ สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย ธมฺมเสนาปติอาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน กรณภูเตน เหตุภูเตน จ วีติกฺกมํ สุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา โอติณฺณวตฺถุกํ ปุคฺคลํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา วิครหิตฺวา จ ตํ ตํ วตฺถุํ โอติณฺณสมยสงฺขาตํ กาลํ อนติกฺกมิตฺวา สิกฺขาปทานิ ปฺาเปนฺโต ตติยปาราชิกาทีนํ วิย สิกฺขาปทปฺตฺติยา เหตุํ อเปกฺขมาโน ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ วินเย กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต.
อิธ ปน อฺสฺมิฺจ เอวํชาติเก อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ. ยสฺมิฺหิ สมเย สห สมุฏฺานเหตุนา อิทํ อุทานํ อุปฺปนฺนํ, อจฺจนฺตเมว ตํ สมยํ อริยวิหารปุพฺพงฺคมาย ธมฺมปจฺจเวกฺขณาย ภควา วิหาสิ, ตสฺมา ‘‘มาสํ ¶ อชฺเฌตี’’ติอาทีสุ วิย อุปโยคตฺถโชตนตฺถํ อิธ อุปโยควจเนน นิทฺเทโส กโต. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ตํ ตํ อตฺถมเปกฺขิตฺวา, ภุมฺเมน กรเณน จ;
อฺตฺร สมโย วุตฺโต, อุปโยเคน โส อิธา’’ติ.
โปราณา ปน วณฺณยนฺติ – ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติ วา ‘‘เตน สมเยนา’’ติ วา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ ¶ วา อภิลาปมตฺตเภโท เอส นิทฺเทโส, สพฺพตฺถ ภุมฺมเมว อตฺโถติ. ตสฺมา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วุตฺเตปิ เอกสฺมึ สมเยติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ภควาติ ครุ. ครฺุหิ โลเก ‘‘ภควา’’ติ วทนฺติ. อยฺจ สพฺพคุณวิสิฏฺตาย สพฺพสตฺตานํ ครุ, ตสฺมา ภควาติ เวทิตพฺโพ. โปราเณหิปิ วุตฺตํ –
‘‘ภควาติ ¶ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;
ครุ คารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ เสฏฺวาจกวจนํ เสฏฺนฺติ วุตฺตํ เสฏฺคุณสหจรณโต. อถ วา วุจฺจตีติ วจนํ, อตฺโถ. ภควาติ วจนํ เสฏฺนฺติ ภควาติ อิมินา วจเนน วจนีโย โย อตฺโถ, โส เสฏฺโติ อตฺโถ. ภควาติ วจนมุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. คารวยุตฺโตติ ครุภาวยุตฺโต ครุคุณโยคโต วิเสสครุกรณารหตาย วา คารวยุตฺโต. เอวํ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนํ ภควาติ อิทํ วจนนฺติ เวทิตพฺพํ. อปิจ –
‘‘ภคี ภชี ภาคี วิภตฺตวา อิติ,
อกาสิ ภคฺคนฺติ ครูติ ภาคฺยวา;
พหูหิ าเยหิ สุภาวิตตฺตโน,
ภวนฺตโค โส ภควาติ วุจฺจตี’’ติ. –
นิทฺเทเส (มหานิ. ๘๔) อาคตนเยน –
‘‘ภาคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;
ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ. –
อิมาย ¶ คาถาย จ วเสน ภควาติ ปทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โส ปนายํ อตฺโถ สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๒) วุตฺโต, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว วิวริตพฺโพ.
อปิจ ภาเค วนิ, ภเค วา วมีติ ภควา. ตถาคโต หิ ทานสีลาทิปารมิธมฺเม ฌานวิโมกฺขาทิอุตฺตริมนุสฺสธมฺเม วนิ ภชิ เสวิ พหุลมกาสิ, ตสฺมา ภควา. อถ วา เตเยว ¶ ‘‘เวเนยฺยสตฺตสนฺตาเนสุ กถํ นุ โข อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ วนิ อภิปตฺถยีติ ภควา. อถ วา ภคสงฺขาตํ อิสฺสริยํ ยสฺจ วมิ อุคฺคิริ เขฬปิณฺฑํ วิย อนเปกฺโข ฉฑฺฑยีติ ภควา. ตถา หิ ตถาคโต หตฺถคตํ จกฺกวตฺติสิรึ เทวโลกาธิปจฺจสทิสํ จาตุทฺทีปิสฺสริยํ, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติสนฺนิสฺสยฺจ สตฺตรตนสมุชฺชลํ ยสํ ติณายปิ อมฺมาโน นิรเปกฺโข ปหาย อภินิกฺขมิตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา อิเม สิริอาทิเก ภเค วมีติ ภควา. อถ วา ภานิ นาม นกฺขตฺตานิ, เตหิ สมํ ¶ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ ภคา. สิเนรุยุคนฺธรอุตฺตรกุรุหิมวนฺตาทิภาชนโลกวิเสสสนฺนิสฺสยโสภา กปฺปฏฺิติภาวโต, เตปิ ภเค วมิ, ตนฺนิวาสิสตฺตาวาสสมติกฺกมนโต ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน ปชหีติ. เอวมฺปิ ภเค วมีติ ภควาติ เอวมาทินา นเยน ภควาติ ปทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอตฺตาวตา เจตฺถ เอวํ เม สุตนฺติ วจเนน ยถาสุตํ ธมฺมํ สวนวเสน ภาสนฺโต ภควโต ธมฺมสรีรํ ปจฺจกฺขํ กโรติ, เตน ‘‘นยิทํ อติกฺกนฺตสตฺถุกํ ปาวจนํ, อยํ โว สตฺถา’’ติ สตฺถุ อทสฺสเนน อุกฺกณฺิตํ ชนํ สมสฺสาเสติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘โย โข, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖; มิ. ป. ๔.๑.๑). เอกํ สมยํ ภควาติ วจเนน ตสฺมึ สมเย ภควโต อวิชฺชมานภาวํ ทสฺเสนฺโต รูปกายปรินิพฺพานํ สาเธติ, เตน ‘‘เอวํวิธสฺส นาม ธมฺมสฺส เทเสตา ทสพลธโร วชิรสงฺฆาตสมานกาโย โสปิ ภควา ปรินิพฺพุโต, เกนฺเน ชีวิเต อาสา ชเนตพฺพา’’ติ ชีวิตมทมตฺตํ ชนํ สํเวเชติ, สทฺธมฺเม จสฺส อุสฺสาหํ ชเนติ.
เอวนฺติ ¶ จ ภณนฺโต เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ, วกฺขมานสฺส สกลสุตฺตสฺส เอวนฺติ นิทสฺสนโต. เม สุตนฺติ สาวกสมฺปตฺตึ สวนสมฺปตฺติฺจ นิทฺทิสติ, ปฏิสมฺภิทาปตฺเตน ปฺจสุ าเนสุ ภควตา เอตทคฺเค ปิเตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน สุตภาวทีปนโต ‘‘ตฺจ โข มยาว สุตํ, น อนุสฺสุติกํ, น ปรมฺปราภต’’นฺติ อิมสฺส จตฺถสฺส ทีปนโต. เอกํ สมยนฺติ กาลสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ ภควโต อุรุเวลายํ วิหรณสมยภาเวน พุทฺธุปฺปาทปฺปฏิมณฺฑิตภาวทีปนโต. พุทฺธุปฺปาทปรมา หิ กาลสมฺปทา. ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุภาวทีปนโต.
อุรุเวลายนฺติ ¶ มหาเวลายํ, มหนฺเต วาลุการาสิมฺหีติ อตฺโถ. อถ วา อุรูติ วาลุกา วุจฺจติ, เวลาติ มริยาทา. เวลาติกฺกมนเหตุ อาภตา อุรุ อุรุเวลาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อตีเต ¶ กิร อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ทสสหสฺสตาปสา ตสฺมึ ปเทเส วิหรนฺตา ‘‘กายกมฺมวจีกมฺมานิ ปเรสมฺปิ ปากฏานิ โหนฺติ, มโนกมฺมํ ปน อปากฏํ. ตสฺมา โย มิจฺฉาวิตกฺกํ วิตกฺเกติ, โส อตฺตนาว อตฺตานํ โจเทตฺวา ปตฺตปุเฏน วาลุกํ อาหริตฺวา อิมสฺมึ าเน อากิรตุ, อิทมสฺส ทณฺฑกมฺม’’นฺติ กติกวตฺตํ กตฺวา ตโต ปฏฺาย โย ตาทิสํ วิตกฺกํ วิตกฺเกติ, โส ตตฺถ ปตฺตปุเฏน วาลุกํ อาหริตฺวา อากิรติ. เอวํ ตตฺถ อนุกฺกเมน มหาวาลุการาสิ ชาโต, ตโต นํ ปจฺฉิมา ชนตา ปริกฺขิปิตฺวา เจติยฏฺานมกาสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อุรุเวลายนฺติ มหาเวลายํ, มหนฺเต วาลุการาสิมฺหีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ.
วิหรตีติ อวิเสเสน อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรสุ อฺตรวิหารสมงฺคิตาปริทีปนํ. อิธ ปน านนิสชฺชาคมนสยนปฺปเภเทสุ อิริยาปเถสุ อาสนสงฺขาตอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ อริยวิหารสมงฺคิตาปริทีปนฺจาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ยสฺมา เอกํ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตติ, ตสฺมา วิหรตีติ ปทสฺส อิริยาปถวิหารวเสเนตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยสฺมา ปน ภควา ทิพฺพวิหาราทีหิ สตฺตานํ วิวิธํ หิตํ หรติ อุปหรติ อุปเนติ อุปฺปาเทติ, ตสฺมา เตสมฺปิ วเสน วิวิธํ หรตีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
นชฺชาติ ¶ นทติ สนฺทตีติ นที, ตสฺสา นชฺชา, นทิยา นินฺนคายาติ อตฺโถ. เนรฺชรายาติ เนลํ ชลมสฺสาติ ‘‘เนลฺชลายา’’ติ วตฺตพฺเพ ลการสฺส รการํ กตฺวา ‘‘เนรฺชรายา’’ติ วุตฺตํ, กทฺทมเสวาลปณกาทิโทสรหิตสลิลายาติ อตฺโถ. เกจิ ‘‘นีลชลายาติ ¶ วตฺตพฺเพ เนรฺชรายาติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. นามเมว วา เอตํ เอติสฺสา นทิยาติ เวทิตพฺพํ. ตสฺสา นทิยา ตีเร ยตฺถ ภควา วิหาสิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โพธิรุกฺขมูเล’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ เอตฺถ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) มคฺคาณํ โพธีติ วุตฺตํ. ‘‘ปปฺโปติ โพธึ วรภูริเมธโส’’ติ เอตฺถ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) สพฺพฺุตฺาณํ. ตทุภยมฺปิ โพธึ ภควา เอตฺถ ปตฺโตติ รุกฺโขปิ โพธิรุกฺโขตฺเวว นามํ ลภิ. อถ วา สตฺต โพชฺฌงฺเค พุชฺฌีติ ภควา โพธิ, เตน พุชฺฌนฺเตน สนฺนิสฺสิตตฺตา โส รุกฺโขปิ โพธิรุกฺโขติ นามํ ลภิ, ตสฺส โพธิรุกฺขสฺส. มูเลติ สมีเป. อยฺหิ มูลสทฺโท ‘‘มูลานิ อุทฺธเรยฺย อนฺตมโส อุสีรนาฬมตฺตานิปี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๙๕) มูลมูเล ทิสฺสติ. ‘‘โลโภ อกุสลมูล’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๐๕) อสาธารณเหตุมฺหิ. ‘‘ยาวตา มชฺฌนฺหิเก กาเล ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ¶ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูล’’นฺติอาทีสุ สมีเป. อิธาปิ สมีเป อธิปฺเปโต, ตสฺมา โพธิรุกฺขสฺส มูเล สมีเปติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ปมาภิสมฺพุทฺโธติ ปมํ อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา, สพฺพปมํเยวาติ อตฺโถ. เอตฺตาวตา ธมฺมภณฺฑาคาริเกน อุทานเทสนาย นิทานํ เปนฺเตน กาลเทสเทสกาปเทสา สห วิเสเสน ปกาสิตา โหนฺติ.
เอตฺถาห ‘‘กสฺมา ธมฺมวินยสงฺคเห กยิรมาเน นิทานวจนํ วุตฺตํ, นนุ ภควตา ภาสิตวจนสฺเสว สงฺคโห กาตพฺโพ’’ติ? วุจฺจเต – เทสนาย จิรฏฺิติอสมฺโมสสทฺเธยฺยภาวสมฺปาทนตฺถํ. กาลเทสเทสกวตฺถุอาทีหิ อุปนิพนฺธิตฺวา ปิตา หิ เทสนา จิรฏฺิติกา โหติ อสมฺโมสา สทฺเธยฺยา จ เทสกาลกตฺตุเหตุนิมิตฺเตหิ อุปนิพทฺโธ วิย โวหารวินิจฺฉโย. เตเนว จ อายสฺมตา มหากสฺสเปน ‘‘ปมํ, อาวุโส อานนฺท, อุทานํ กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทินา เทสาทีสุ ปุจฺฉาย กตาย ¶ วิสฺสชฺชนํ กโรนฺเตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทินา อุทานสฺส นิทานํ ภาสิตนฺติ.
อปิจ สตฺถุ สมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. ตถาคตสฺส หิ ภควโต ปุพฺพรจนานุมานาคมตกฺกาภาวโต ¶ สมฺพุทฺธตฺตสิทฺธิ. น หิ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺพรจนาทีหิ อตฺโถ อตฺถิ สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย เอกปฺปมาณตฺตา เยฺยธมฺเมสุ. ตถา อาจริยมุฏฺิธมฺมมจฺฉริยสาสนสาวกานุราคาภาวโต ขีณาสวตฺตสิทฺธิ. น หิ สพฺพโส ปริกฺขีณาสวสฺส กตฺถจิปิ อาจริยมุฏฺิอาทีนํ สมฺภโวติ สุวิสุทฺธสฺส ปรานุคฺคหปฺปวตฺติ. อิติ เทสกโทสภูตานํ ทิฏฺิสีลสมฺปตฺติทูสกานํ อจฺจนฺตํ อวิชฺชาตณฺหานํ อภาวสํสูจเกหิ าณสมฺปทาปหานสมฺปทาภิพฺยฺชเกหิ จ สมฺพุทฺธวิสุทฺธภาเวหิ ปุริมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธิ, ตโต จ อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺเมสุ สมฺโมหาภาวสิทฺธิโต ปจฺฉิมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธีติ ภควโต จตุเวสารชฺชสมนฺนาคโม อตฺตหิตปรหิตปฺปฏิปตฺติ จ นิทานวจเนน ปกาสิตา โหนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ สมฺปตฺตปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ านุปฺปตฺติกปฺปฏิภาเนน ธมฺมเทสนาทีปนโต. อิธ ปน วิมุตฺติสุขปฺปฏิสํเวทนปฏิจฺจสมุปฺปาทมนสิการปกาสเนนาติ โยเชตพฺพํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สตฺถุ สมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ.
ตถา สาสนสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. าณกรุณาปริคฺคหิตสพฺพกิริยสฺส หิ ภควโต นตฺถิ นิรตฺถกา ปฏิปตฺติ อตฺตหิตา วา. ตสฺมา ปเรสํเยว อตฺถาย ปวตฺตสพฺพกิริยสฺส ¶ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สกลมฺปิ กายวจีมโนกมฺมํ ยถาปวตฺตํ วุจฺจมานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ สตฺตานํ อนุสาสนฏฺเน สาสนํ, น กพฺพรจนา. ตยิทํ สตฺถุ จริตํ กาลเทสเทสกปริสาปเทสาทีหิ สทฺธึ ตตฺถ ตตฺถ นิทานวจเนน ยถารหํ ปกาสียติ, อิธ ปน อภิสมฺโพธิวิมุตฺติสุขปฺปฏิสํเวทนปฏิจฺจสมุปฺปาทมนสิกาเรนาติ โยเชตพฺพํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สาสนสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ.
อปิจ สตฺถุโน ปมาณภาวปฺปกาสเนน สาสนสฺส ปมาณภาวทสฺสนตฺถํ นิทานวจนํ. สา จสฺส ปมาณภาวทสฺสนตา ¶ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพา. ภควาติ หิ อิมินา ตถาคตสฺส ราคโทสโมหาทิสพฺพกิเลสมลทุจฺจริตาทิโทสปฺปหานทีปเนน ¶ , สพฺพสตฺตุตฺตมภาวทีปเนน จ อนฺสาธารณาณกรุณาทิคุณวิเสสโยคปริทีปเนน, อยมตฺโถ สพฺพถา ปกาสิโต โหตีติ อิทเมตฺถ นิทานวจนปฺปโยชนสฺส มุขมตฺตทสฺสนํ.
ตํ ปเนตํ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อารภิตฺวา ยาว ‘‘อิมํ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ ปทํ, ตาว อิมสฺส อุทานสฺส นิทานนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ ตํ ยถา ปฏิปนฺโน ภควา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ, อาทิโต ปฏฺาย ตสฺส กายิกเจตสิกปฺปฏิปตฺติยา ปกาสนตฺถํ สงฺคีติกาเรหิ สงฺคีติกาเล ภาสิตวจนํ.
นนุ จ ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตี’’ติอาทิ ภควโต เอว วจนํ ภวิตุํ อรหติ, น หิ สตฺถารํ มฺุจิตฺวา อฺโ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ เทเสตุํ สมตฺโถ โหตีติ? สจฺจเมตํ, ยถา ปน ภควา โพธิรุกฺขมูเล ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขณวเสน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสากาสิ, ตเถว นํ โพธเนยฺยพนฺธวานํ โพธนตฺถํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสีหนาทสุตฺตาทีสุ เทสิตสฺส จ วจนานํ เทสิตาการสฺส อนุกรณวเสน ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส มนสิการํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ภควตา ภาสิตสฺส อิมสฺส อุทานสฺส ธมฺมสงฺคาหกา มหาเถรา นิทานํ สงฺคายึสูติ ยถาวุตฺตวจนํ สงฺคีติการานเมว วจนนฺติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. อิโต ปเรสุปิ สุตฺตนฺเตสุ เอเสว นโย.
เอตฺถ จ อตฺตชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย ปุจฺฉาวสิโก อฏฺุปฺปตฺติโกติ จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปา เวทิตพฺพา. ยถา หิ อเนกสตอเนกสหสฺสเภทานิปิ สุตฺตานิ สํกิเลสภาคิยาทิปฏฺานนเยน โสฬสวิธตํ นาติวตฺตนฺติ, เอวํ ตานิ สพฺพานิปิ อตฺตชฺฌาสยาทิสุตฺตนิกฺเขปวเสน จตุพฺพิธภาวํ นาติวตฺตนฺติ. กามฺเจตฺถ อตฺตชฺฌาสยสฺส อฏฺุปฺปตฺติยา จ ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิเกหิ สทฺธึ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ อชฺฌาสยานุสนฺธิปุจฺฉานุสนฺธิสมฺภวโต, อตฺตชฺฌาสยอฏฺุปฺปตฺตีนํ อฺมฺํ ¶ สํสคฺโค นตฺถีติ นิรวเสโส ปฏฺานนโย น ¶ สมฺภวติ. ตทนฺโตคธตฺตา วา สมฺภวนฺตานํ เสสนิกฺเขปานํ มูลนิกฺเขปวเสน จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปาติ วุตฺตํ.
ตตฺรายํ ¶ วจนตฺโถ – นิกฺขิปนํ นิกฺเขโป, สุตฺตสฺส นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป, สุตฺตเทสนาติ อตฺโถ. นิกฺขิปียตีติ วา นิกฺเขโป, สุตฺตํ เอว นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป. อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย, โส อสฺส อตฺถิ การณภูโตติ อตฺตชฺฌาสโย, อตฺตโน อชฺฌาสโย เอตสฺสาติ วา อตฺตชฺฌาสโย. ปรชฺฌาสเยปิ เอเสว นโย. ปุจฺฉาย วโส ปุจฺฉาวโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ ปุจฺฉาวสิโก. สุตฺตเทสนาย วตฺถุภูตสฺส อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถุปฺปตฺติ, อตฺถุปฺปตฺติ เอว อฏฺุปฺปตฺติ, สา เอตสฺส อตฺถีติ อฏฺุปฺปตฺติโก. อถ วา นิกฺขิปียติ สุตฺตํ เอเตนาติ นิกฺเขโป, อตฺตชฺฌาสยาทิ เอว. เอตสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย. ปเรสํ อชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย. ปุจฺฉียตีติ ปุจฺฉา, ปุจฺฉิตพฺโพ อตฺโถ. ปุจฺฉนวเสน ปวตฺตํ ธมฺมปฺปฏิคฺคาหกานํ วจนํ ปุจฺฉาวสํ, ตเทว นิกฺเขปสทฺทาเปกฺขาย ปุจฺฉาวสิโกติ ปุลฺลิงฺควเสน วุตฺตํ. ตถา อตฺถุปฺปตฺติเยว อฏฺุปฺปตฺติโกติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอตฺถ จ ปเรสํ อินฺทฺริยปริปากาทิการณนิรเปกฺขตฺตา อตฺตชฺฌาสยสฺส วิสุํ สุตฺตนิกฺเขปภาโว ยุตฺโต เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว ธมฺมตนฺติปนตฺถํ ปวตฺติตเทสนตฺตา, ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ ปน ปเรสํ อชฺฌาสยปุจฺฉานํ เทสนาปวตฺติเหตุภูตานํ อุปฺปตฺติยํ ปวตฺติตานํ กถมฏฺุปฺปตฺติยา อนวโรโธ, ปุจฺฉาวสิกอฏฺุปฺปตฺติปุพฺพกานํ วา ปรชฺฌาสยานุโรเธน ปวตฺติตานํ กถํ ปรชฺฌาสเย อนวโรโธติ? น โจเทตพฺพเมตํ. ปเรสฺหิ อภินีหารปริปุจฺฉาทิวินิจฺฉยาทิวินิมุตฺตสฺเสว สุตฺตนฺตเทสนาการณุปฺปาทสฺส อฏฺุปฺปตฺติภาเวน คหิตตฺตา ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ วิสุํ คหณํ. ตถา หิ พฺรหฺมชาลธมฺมทายาทสุตฺตาทีนํ วณฺณาวณฺณอามิสุปฺปาทาทิเทสนานิมิตฺตํ อฏฺุปฺปตฺติ วุจฺจติ, ปเรสํ ปุจฺฉาย วินา อชฺฌาสยเมว นิมิตฺตํ กตฺวา เทสิโต ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวเสน เทสิโต ปุจฺฉาวสิโกติ ¶ ปากโฏยมตฺโถติ.
ตตฺถ ปมาทีนิ ตีณิ โพธิสุตฺตานิ มุจลินฺทสุตฺตํ, อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนสุตฺตํ, ปจฺจเวกฺขณสุตฺตํ, ปปฺจสฺาสุตฺตนฺติ อิเมสํ อุทานานํ อตฺตชฺฌาสโย นิกฺเขโป. หุหุงฺกสุตฺตํ, พฺราหฺมณชาติกสุตฺตํ, พาหิยสุตฺตนฺติ อิเมสํ อุทานานํ ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป. ราชสุตฺตํ, สกฺการสุตฺตํ, อุจฺฉาทนสุตฺตํ, ปิณฺฑปาติกสุตฺตํ, สิปฺปสุตฺตํ, โคปาลสุตฺตํ, สุนฺทริกสุตฺตํ ¶ , มาตุสุตฺตํ, สงฺฆเภทกสุตฺตํ, อุทปานสุตฺตํ, ตถาคตุปฺปาทสุตฺตํ, โมเนยฺยสุตฺตํ, ปาฏลิคามิยสุตฺตํ, ทฺเวปิ ¶ ทพฺพสุตฺตานีติ เอเตสํ อุทานานํ อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป. ปาลิเลยฺยสุตฺตํ, ปิยสุตฺตํ, นาคสมาลสุตฺตํ, วิสาขาสุตฺตฺจาติ อิเมสํ อุทานานํ อตฺตชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย จ นิกฺเขโป. เสสานํ เอกปฺาสาย สุตฺตานํ ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป. เอวเมเตสํ อุทานานํ อตฺตชฺฌาสยาทิวเสน นิกฺเขปวิเสโส เวทิตพฺโพ.
เอตฺถ จ ยานิ อุทานานิ ภควตา ภิกฺขูนํ สมฺมุขา ภาสิตานิ, ตานิ เตหิ ยถาภาสิตสุตฺตานิ วจสา ปริจิตานิ มนสานุเปกฺขิตานิ ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส กถิตานิ. ยานิ ปน ภควตา ภิกฺขูนํ อสมฺมุขา ภาสิตานิ, ตานิปิ อปรภาเค ภควตา ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส ปุน ภาสิตานิ. เอวํ สพฺพานิปิ ตานิ อายสฺมา อานนฺโท เอกชฺฌํ กตฺวา ธาเรนฺโต ภิกฺขูนฺจ วาเจนฺโต อปรภาเค ปมมหาสงฺคีติกาเล อุทานนฺตฺเวว สงฺคหํ อาโรเปสีติ เวทิตพฺพํ.
เตน โข ปน สมเยนาติอาทีสุ เตน สมเยนาติ จ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ, โข ปนาติ นิปาโต, ตสฺมึ สมเยติ อตฺโถ. กสฺมึ ปน สมเย? ยํ สมยํ ภควา อุรุเวลายํ วิหรติ นชฺชา เนรฺชราย ตีเร โพธิรุกฺขมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ. ตสฺมึ สมเย. สตฺตาหนฺติ สตฺต อหานิ สตฺตาหํ, อจฺจนฺตสํโยคตฺเถ เอตํ อุปโยควจนํ. ยสฺมา ภควา ตํ สตฺตาหํ นิรนฺตรตาย อจฺจนฺตเมว ผลสมาปตฺติสุเขน วิหาสิ, ตสฺมา สตฺตาหนฺติ อจฺจนฺตสํโยควเสน อุปโยควจนํ วุตฺตํ. เอกปลฺลงฺเกนาติ วิสาขาปุณฺณมาย อนตฺถงฺคเตเยว สูริเย อปราชิตปลฺลงฺกวเร วชิราสเน นิสินฺนกาลโต ปฏฺาย สกิมฺปิ อนุฏฺหิตฺวา ยถาอาภุชิเตน เอเกเนว ปลฺลงฺเกน ¶ .
วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทีติ วิมุตฺติสุขํ ผลสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโน นิสินฺโน โหตีติ อตฺโถ. ตตฺถ วิมุตฺตีติ ตทงฺควิมุตฺติ, วิกฺขมฺภนวิมุตฺติ, สมุจฺเฉทวิมุตฺติ, ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ, นิสฺสรณวิมุตฺตีติ ปฺจ วิมุตฺติโย. ตาสุ ยํ เทยฺยธมฺมปริจฺจาคาทีหิ เตหิ เตหิ คุณงฺเคหิ นามรูปปริจฺเฉทาทีหิ วิปสฺสนงฺเคหิ จ ยาว ตสฺส ตสฺส องฺคสฺส อปริหานิวเสน ปวตฺติ, ตาว ตํตํปฏิปกฺขโต วิมุจฺจนโต วิมุจฺจนํ ปหานํ. เสยฺยถิทํ ¶ ? ทาเนน มจฺฉริยโลภาทิโต, สีเลน ปาณาติปาตาทิโต, นามรูปววตฺถาเนน สกฺกายทิฏฺิโต, ปจฺจยปริคฺคเหน อเหตุวิสมเหตุทิฏฺีหิ, ตสฺเสว อปรภาเคน กงฺขาวิตรเณน กถํกถีภาวโต, กลาปสมฺมสเนน ‘‘อหํ มมา’’ติ คาหโต, มคฺคามคฺคววตฺถาเนน อมคฺเค มคฺคสฺาย, อุทยทสฺสเนน อุจฺเฉททิฏฺิยา, วยทสฺสเนน สสฺสตทิฏฺิยา, ภยทสฺสเนน สภเย อภยสฺาย, อาทีนวทสฺสเนน ¶ อสฺสาทสฺาย, นิพฺพิทานุปสฺสเนน อภิรติสฺาย, มุจฺจิตุกมฺยตาาเณน อมุจฺจิตุกมฺยตาย, อุเปกฺขาาเณน อนุเปกฺขาย, อนุโลเมน ธมฺมฏฺิติยํ นิพฺพาเน จ ปฏิโลมภาวโต, โคตฺรภุนา สงฺขารนิมิตฺตภาวโต วิมุจฺจนํ, อยํ ตทงฺควิมุตฺติ นาม. ยํ ปน อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา ยาวสฺส อปริหานิวเสน ปวตฺติ, ตาว กามจฺฉนฺทาทีนํ นีวรณานฺเจว, วิตกฺกาทีนฺจ ปจฺจนีกธมฺมานํ, อนุปฺปตฺติสฺิตํ วิมุจฺจนํ, อยํ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติ นาม. ยํ จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา ตํตํมคฺควโต อริยสฺส สนฺตาเน ยถารหํ ‘‘ทิฏฺิคตานํ ปหานายา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๒๗๗; วิภ. ๖๒๘) นเยน วุตฺตสฺส สมุทยปกฺขิยสฺส กิเลสคณสฺส ปุน อจฺจนฺตํ อปฺปวตฺติภาเวน สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน วิมุจฺจนํ, อยํ สมุจฺเฉทวิมุตฺติ นาม. ยํ ปน ผลกฺขเณ ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตํ กิเลสานํ, อยํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ นาม. สพฺพสงฺขตนิสฺสฏตฺตา ¶ ปน สพฺพสงฺขารวิมุตฺตํ นิพฺพานํ, อยํ นิสฺสรณวิมุตฺติ นาม. อิธ ปน ภควโต นิพฺพานารมฺมณา ผลวิมุตฺติ อธิปฺเปตา. เตน วุตฺตํ – ‘‘วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทีติ วิมุตฺติสุขํ ผลสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโน นิสินฺโน โหตีติ อตฺโถ’’ติ.
วิมุตฺตีติ จ อุปกฺกิเลเสหิ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน จิตฺตสฺส วิมุตฺตภาโว, จิตฺตเมว วา ตถา วิมุตฺตํ เวทิตพฺพํ, ตาย วิมุตฺติยา ชาตํ สมฺปยุตฺตํ วา สุขํ วิมุตฺติสุขํ. ‘‘ยายํ, ภนฺเต, อุเปกฺขา สนฺเต สุเข วุตฺตา ภควตา’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๘) วจนโต อุเปกฺขาปิ เจตฺถ สุขมิจฺเจว เวทิตพฺพา. ตถา จ วุตฺตํ สมฺโมหวิโนทนิยํ ‘‘อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิจฺเจว ภาสิตา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๒๓๒). ภควา หิ จตุตฺถชฺฌานิกํ อรหตฺตสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, น อิตรํ. อถ วา ‘‘เตสํ วูปสโม สุโข’’ติอาทีสุ ยถา สงฺขารทุกฺขูปสโม สุโขติ วุจฺจติ, เอวํ สกลกิเลสทุกฺขูปสมภาวโต อคฺคผเล ลพฺภมานา ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ เอว อิธ สุขนฺติ เวทิตพฺพา. ตยิทํ วิมุตฺติสุขํ มคฺควีถิยํ ¶ กาลนฺตเรติ ผลจิตฺตสฺส ปวตฺติวิภาเคน ทุวิธํ โหติ. เอเกกสฺส หิ อริยมคฺคสฺส อนนฺตรา ตสฺส ตสฺเสว วิปากภูตานิ นิพฺพานารมฺมณานิ ตีณิ ทฺเว วา ผลจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ อนนฺตรวิปากตฺตา โลกุตฺตรกุสลานํ. ยสฺมิฺหิ ชวนวาเร อริยมคฺโค อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ยทา ทฺเว อนุโลมานิ, ตทา ตติยํ โคตฺรภุ, จตุตฺถํ มคฺคจิตฺตํ, ตโต ปรํ ตีณิ ผลจิตฺตานิ โหนฺติ. ยทา ปน ตีณิ อนุโลมานิ, ตทา จตุตฺถํ โคตฺรภุ, ปฺจมํ มคฺคจิตฺตํ, ตโต ปรํ ทฺเว ผลจิตฺตานิ โหนฺติ. เอวํ จตุตฺถํ ปฺจมํ อปฺปนาวเสน ปวตฺตติ, น ตโต ปรํ ภวงฺคสฺส อาสนฺนตฺตา. เกจิ ปน ‘‘ฉฏฺมฺปิ จิตฺตํ อปฺเปตี’’ติ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถาสุ (วิสุทฺธิ. ๒.๘๑๑) ปฏิกฺขิตฺตํ. เอวํ มคฺควีถิยํ ผลํ เวทิตพฺพํ. กาลนฺตเร ผลํ ¶ ปน ผลสมาปตฺติวเสน ปวตฺตํ, นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส ¶ อุปฺปชฺชมานฺจ เอเตเนว สงฺคหิตํ. สา ปนายํ ผลสมาปตฺติ อตฺถโต โลกุตฺตรกุสลานํ วิปากภูตา นิพฺพานารมฺมณา อปฺปนาติ ทฏฺพฺพา.
เก ตํ สมาปชฺชนฺติ, เก น สมาปชฺชนฺตีติ? สพฺเพปิ ปุถุชฺชนา น สมาปชฺชนฺติ อนธิคตตฺตา. ตถา เหฏฺิมา อริยา อุปริมํ, อุปริมาปิ อริยา เหฏฺิมํ น สมาปชฺชนฺติเยว ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมเนน ปฏิปฺปสฺสทฺธภาวโต. อตฺตโน เอว ผลํ เต เต อริยา สมาปชฺชนฺติ. เกจิ ปน ‘‘โสตาปนฺนสกทาคามิโน ผลสมาปตฺตึ น สมาปชฺชนฺติ, อุปริมา ทฺเวเยว สมาปชฺชนฺติ สมาธิสฺมึ ปริปูรการิภาวโต’’ติ วทนฺติ. ตํ อการณํ ปุถุชฺชนสฺสาปิ อตฺตนา ปฏิลทฺธโลกิยสมาธิสมาปชฺชนโต. กึ วา เอตฺถ การณจินฺตาย? วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘กตมา ทส สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๗), กตเม ทส โคตฺรภุธมฺมา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๖๐) อิเมสํ ปฺหานํ วิสฺสชฺชเน โสตาปตฺติผลสมาปตฺตตฺถาย สกทาคามิผลสมาปตฺตตฺถายาติ เตสมฺปิ อริยานํ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนํ วุตฺตํ. ตสฺมา สพฺเพปิ อริยา ยถาสกํ ผลํ สมาปชฺชนฺตีติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.
กสฺมา ปน เต สมาปชฺชนฺตีติ? ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ. ยถา หิ ราชาโน รชฺชสุขํ, เทวตา ทิพฺพสุขํ อนุภวนฺติ, เอวํ อริยา ‘‘โลกุตฺตรสุขํ ¶ อนุภวิสฺสามา’’ติ อทฺธานปริจฺเฉทํ กตฺวา อิจฺฉิตกฺขเณ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺติ.
กถฺจสฺสา สมาปชฺชนํ, กถํ านํ, กถํ วุฏฺานนฺติ? ทฺวีหิ ตาว อากาเรหิ อสฺสา สมาปชฺชนํ โหติ นิพฺพานโต อฺสฺส อารมฺมณสฺส อมนสิการา, นิพฺพานสฺส จ มนสิการา. ยถาห –
‘‘ทฺเว โข, อาวุโส, ปจฺจยา อนิมิตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา สมาปตฺติยา, สพฺพนิมิตฺตานฺจ อมนสิกาโร, อนิมิตฺตาย ¶ จ ธาตุยา มนสิกาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๘).
อยํ ปเนตฺถ สมาปชฺชนกฺกโม – ผลสมาปตฺติตฺถิเกน อริยสาวเกน รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน อุทยพฺพยาทิวเสน สงฺขารา วิปสฺสิตพฺพา. ตสฺเสวํ ปวตฺตานุปุพฺพวิปสฺสนสฺเสว สงฺขารารมฺมณโคตฺรภุาณานนฺตรํ ¶ ผลสมาปตฺติวเสน นิโรเธ จิตฺตมปฺเปติ, ผลสมาปตฺตินินฺนภาเวน จ เสกฺขสฺสาปิ ผลเมว อุปฺปชฺชติ, น มคฺโค. เย ปน วทนฺติ ‘‘โสตาปนฺโน อตฺตโน ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิสฺสามีติ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สกทาคามี โหติ, สกทาคามี จ อนาคามี’’ติ. เต วตฺตพฺพา – เอวํ สนฺเต อนาคามี อรหา ภวิสฺสติ, อรหา จ ปจฺเจกพุทฺโธ, ปจฺเจกพุทฺโธ จ สมฺพุทฺโธติ อาปชฺเชยฺย, ตสฺมา ยถาภินิเวสํ ยถาชฺฌาสยํ วิปสฺสนา อตฺถํ สาเธตีติ เสกฺขสฺสาปิ ผลเมว อุปฺปชฺชติ, น มคฺโค. ผลมฺปิ ตสฺส สเจ อเนน ปมชฺฌานิโก มคฺโค อธิคโต, ปมชฺฌานิกเมว อุปฺปชฺชติ. สเจ ทุติยาทีสุ อฺตรชฺฌานิโก, ทุติยาทีสุ อฺตรชฺฌานิกเมวาติ.
กสฺมา ปเนตฺถ โคตฺรภุาณํ มคฺคาณปุเรจาริกํ วิย นิพฺพานารมฺมณํ น โหตีติ? ผลาณานํ อนิยฺยานิกภาวโต. อริยมคฺคธมฺมาเยว หิ นิยฺยานิกา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กตเม ธมฺมา นิยฺยานิกา? จตฺตาโร อริยมคฺคา อปริยาปนฺนา’’ติ (ธ. ส. ๑๒๙๕). ตสฺมา เอกนฺเตเนว นิยฺยานิกภาวสฺส อุภโต วุฏฺานภาเวน ปวตฺตมานสฺส อนนฺตรปจฺจยภูเตน าเณน นิมิตฺตโต วุฏฺิเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ตสฺส นิพฺพานารมฺมณตา ยุตฺตา, น ปน อริยมคฺคสฺส ¶ ภาวิตตฺตา ตสฺส วิปากภาเวน ปวตฺตมานานํ กิเลสานํ อสมุจฺฉินฺทนโต อนิยฺยานิกตฺตา อวุฏฺานสภาวานํ ผลาณานํ ปุเรจาริกาณสฺส กทาจิปิ นิพฺพานารมฺมณตา อุภยตฺถ อนุโลมาณานํ อตุลฺยาการโต. อริยมคฺควีถิยฺหิ อนุโลมาณานิ อนิพฺพิทฺธปุพฺพานํ ถูลถูลานํ โลภกฺขนฺธาทีนํ สาติสยํ ปทาลเนน โลกิยาเณน อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตานิ มคฺคาณานุกูลานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ผลสมาปตฺติวีถิยํ ปน ¶ ตานิ ตานิ เตน เตน มคฺเคน เตสํ เตสํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา ตตฺถ นิรุสฺสุกฺกานิ เกวลํ อริยานํ ผลสมาปตฺติสุขสมงฺคิภาวสฺส ปริกมฺมมตฺตานิ หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ น เตสํ กุโตจิ วุฏฺานสมฺภโว, ยโต เตสํ ปริโยสาเน าณํ สงฺขารนิมิตฺตํ วุฏฺานโต นิพฺพานารมฺมณํ สิยา. เอวฺจ กตฺวา เสกฺขสฺส อตฺตโน ผลสมาปตฺติวฬฺชนตฺถาย อุทยพฺพยาทิวเสน สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส วิปสฺสนาาณานุปุพฺพาย ผลเมว อุปฺปชฺชติ, น มคฺโคติ อยฺจ อตฺโถ สมตฺถิโต โหติ. เอวํ ตาว ผลสมาปตฺติยา สมาปชฺชนํ เวทิตพฺพํ.
‘‘ตโย โข, อาวุโส, ปจฺจยา อนิมิตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ิติยา, สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิกาโร, อนิมิตฺตาย จ ธาตุยา มนสิกาโร, ปุพฺเพ จ อภิสงฺขาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๘) –
วจนโต ¶ ปนสฺสา ตีหากาเรหิ านํ โหติ. ตตฺถ ปุพฺเพ จ อภิสงฺขาโรติ สมาปตฺติโต ปุพฺเพ กาลปริจฺเฉโท. ‘‘อสุกสฺมึ นาม กาเล วุฏฺหิสฺสามี’’ติ ปริจฺฉินฺนตฺตา หิสฺสา ยาว โส กาโล นาคจฺฉติ, ตาว วุฏฺานํ น โหติ.
‘‘ทฺเว โข, อาวุโส, ปจฺจยา อนิมิตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา วุฏฺานสฺส, สพฺพนิมิตฺตานฺจ มนสิกาโร, อนิมิตฺตาย จ ธาตุยา อมนสิกาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๘) –
วจนโต ปนสฺสา ทฺวีหากาเรหิ วุฏฺานํ โหติ. ตตฺถ สพฺพนิมิตฺตานนฺติ รูปนิมิตฺตเวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณนิมิตฺตานํ. กามฺจ น สพฺพาเนเวตานิ เอกโต มนสิ กโรติ, สพฺพสงฺคาหิกวเสน ปเนวํ วุตฺตํ. ตสฺมา ยํ ภวงฺคสฺส อารมฺมณํ, ตสฺส มนสิกรเณน ผลสมาปตฺติโต ¶ วุฏฺานํ โหตีติ เอวํ อสฺสา วุฏฺานํ เวทิตพฺพํ. ตยิทํ เอวมิธ สมาปชฺชนวุฏฺานํ อรหตฺตผลภูตํ –
‘‘ปฏิปฺปสฺสทฺธทรถํ, อมตารมฺมณํ สุภํ;
วนฺตโลกามิสํ สนฺตํ, สามฺผลมุตฺตมํ’’.
อิติ วุตฺตํ สาตาติสาตํ วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทีติ วิมุตฺติสุขํ ผลสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโน นิสินฺโน โหตีติ อตฺโถ’’ติ.
อถาติ อธิการตฺเถ นิปาโต. โขติ ปทปูรเณ. เตสุ อธิการตฺเถน ¶ อถาติ อิมินา วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทนโต อฺํ อธิการํ ทสฺเสติ. โก ปเนโสติ? ปฏิจฺจสมุปฺปาทมนสิกาโร. อถาติ วา ปจฺฉาติ เอตสฺมึ อตฺเถ นิปาโต, เตน ‘‘ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยนา’’ติ วกฺขมานเมว อตฺถํ โชเตติ. ตสฺส สตฺตาหสฺสาติ ปลฺลงฺกสตฺตาหสฺส. อจฺจเยนาติ อปคเมน. ตมฺหา สมาธิมฺหาติ อรหตฺตผลสมาธิโต. อิธ ปน ตฺวา ปฏิปาฏิยา สตฺต สตฺตาหานิ ทสฺเสตพฺพานีติ เกจิ ตานิ วิตฺถารยึสุ. มยํ ปน ตานิ ขนฺธกปาเน อิมิสฺสา อุทานปาฬิยา อวิโรธทสฺสนมุเขน ปรโต วณฺณยิสฺสาม. รตฺติยาติ อวยวสมฺพนฺเธ สามิวจนํ. ปมนฺติ อจฺจนฺตสํโยคตฺเถ อุปโยควจนํ. ภควา หิ ตสฺสา รตฺติยา สกลมฺปิ ปมํ ยามํ เตเนว มนสิกาเรน ยุตฺโต อโหสีติ.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทนฺติ ¶ ปจฺจยธมฺมํ. อวิชฺชาทโย หิ ปจฺจยธมฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. กถมิทํ ชานิตพฺพนฺติ เจ? ภควโต วจเนน. ภควตา หิ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ, เอตํ นิทานํ, เอส สมุทโย, เอส ปจฺจโย ชรามรณสฺส, ยทิทํ ชาติ…เป… สงฺขารานํ, ยทิทํ อวิชฺชา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๕ อาทโย) เอวํ อวิชฺชาทโย เหตูติ วุตฺตา. ยถา ทฺวาทส ปจฺจยา ทฺวาทส ปฏิจฺจสมุปฺปาทาติ.
ตตฺรายํ วจนตฺโถ – อฺมฺํ ปฏิจฺจ ปฏิมุขํ กตฺวา การณสมวายํ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา สหิเต อุปฺปาเทตีติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. อถ วา ปฏิจฺจ ปจฺเจตพฺพํ ปจฺจยารหตํ ปจฺจยํ ปฏิคนฺตฺวา น วินา เตน สมฺพนฺธสฺส อุปฺปาโท ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ¶ . ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ เจตฺถ สมุปฺปาทปทฏฺานวจนวิฺเยฺโย ผลสฺส อุปฺปาทนสมตฺถตายุตฺโต เหตุ, น ปฏิจฺจสมุปฺปตฺติมตฺตํ เวทิตพฺพํ. อถ วา ปจฺเจตุํ อรหนฺติ นํ ปณฺฑิตาติ ปฏิจฺโจ, สมฺมา สยเมว วา อุปฺปาเทตีติ สมุปฺปาโท, ปฏิจฺโจ จ โส สมุปฺปาโท จาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อนุโลมนฺติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต อวิชฺชาทิโก ปจฺจยากาโร อตฺตนา กตฺตพฺพกิจฺจกรณโต อนุโลโมติ ¶ วุจฺจติ. อถ วา อาทิโต ปฏฺาย อนฺตํ ปาเปตฺวา วุตฺตตฺตา ปวตฺติยา วา อนุโลมโต อนุโลโม, ตํ อนุโลมํ. สาธุกํ มนสากาสีติ สกฺกจฺจํ มนสิ อกาสิ. โย โย ปจฺจยธมฺโม ยสฺส ยสฺส ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมสฺส ยถา ยถา เหตุปจฺจยาทินา ปจฺจยภาเวน ปจฺจโย โหติ, ตํ สพฺพํ อวิปรีตํ อปริหาเปตฺวา อนวเสสโต ปจฺจเวกฺขณวเสน จิตฺเต อกาสีติ อตฺโถ. ยถา ปน ภควา ปฏิจฺจสมุปฺปาทานุโลมํ มนสากาสิ, ตํ สงฺเขเปน ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘อิติ อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ.
ตตฺถ อิตีติ เอวํ, อเนน ปกาเรนาติ อตฺโถ. อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตีติ อิมสฺมึ อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย สติ อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ โหติ. อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตีติ อิมสฺส อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส อุปฺปาทา อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตีติ อวิชฺชาทีนํ อภาเว สงฺขาราทีนํ อภาวสฺส อวิชฺชาทีนํ นิโรเธ สงฺขาราทีนํ นิโรธสฺส จ ทุติยตติยสุตฺตวจเนน เอตสฺมึ ปจฺจยลกฺขเณ นิยโม ทสฺสิโต โหติ – อิมสฺมึ สติ เอว, นาสติ. อิมสฺสุปฺปาทา เอว, นานุปฺปาทา. อนิโรธา เอว, น นิโรธาติ. เตเนตํ ลกฺขณํ อนฺโตคธนิยมํ อิธ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ¶ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นิโรโธติ จ อวิชฺชาทีนํ วิราคาธิคเมน อายตึ อนุปฺปาโท อปฺปวตฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘อวิชฺชาย ตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติอาทิ. นิโรธนิโรธี จ อุปฺปาทนิโรธีภาเวน วุตฺโต ‘‘อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’’ติ.
เตเนตํ ¶ ทสฺเสติ – อนิโรโธ อุปฺปาโท นาม, โส เจตฺถ อตฺถิภาโวติปิ วุจฺจตีติ. ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตี’’ติ อิทเมว หิ ลกฺขณํ ปริยายนฺตเรน ‘‘อิมสฺส อุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วทนฺเตน ปเรน ปุริมํ วิเสสิตํ โหติ. ตสฺมา น ธรมานตํเยว สนฺธาย ‘‘อิมสฺมึ สตี’’ติ วุตฺตํ, อถ โข มคฺเคน อนิรุทฺธภาวฺจาติ วิฺายติ. ยสฺมา จ ‘‘อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’’ติ ¶ ทฺวิธาปิ อุทฺทิฏฺสฺส ลกฺขณสฺส นิทฺเทสํ วทนฺเตน ‘‘อวิชฺชาย ตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติอาทินา นิโรโธ เอว วุตฺโต, ตสฺมา นตฺถิภาโวปิ นิโรโธ เอวาติ นตฺถิภาววิรุทฺโธ อตฺถิภาโว อนิโรโธติ ทสฺสิตํ โหติ. เตน อนิโรธสงฺขาเตน อตฺถิภาเวน อุปฺปาทํ วิเสเสติ. ตโต น อิธ อตฺถิภาวมตฺตํ อุปฺปาโทติ อตฺโถ อธิปฺเปโต, อถ โข อนิโรธสงฺขาโต อตฺถิภาโว จาติ อยมตฺโถ วิภาวิโตติ. เอวเมตํ ลกฺขณทฺวยวจนํ อฺมฺวิเสสนวิเสสิตพฺพภาเวน สาตฺถกนฺติ เวทิตพฺพํ.
โก ปนายํ อนิโรโธ นาม, โย ‘‘อตฺถิภาโว, อุปฺปาโท’’ติ จ วุจฺจตีติ? อปฺปหีนภาโว จ, อนิพฺพตฺติตผลารหตาปหาเนหิ ผลานุปฺปาทนารหตา จ. เย หิ ปหาตพฺพา อกุสลา ธมฺมา, เตสํ อริยมคฺเคน อสมุคฺฆาฏิตภาโว จ. เย ปน น ปหาตพฺพา กุสลาพฺยากตา ธมฺมา, ยานิ เตสุ สํโยชนานิ อขีณาสวานํ เตสํ อปริกฺขีณตา จ. อสมุคฺฆาฏิตานุสยตาย หิ สสํโยชนา ขนฺธปฺปวตฺติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ตถา จ วุตฺตํ –
‘‘ยาย จ, ภิกฺขเว, อวิชฺชาย นิวุตสฺส พาลสฺส ยาย จ ตณฺหาย สมฺปยุตฺตสฺส อยํ กาโย สมุทาคโต, สา เจว อวิชฺชา พาลสฺส อปฺปหีนา, สา จ ตณฺหา อปริกฺขีณา. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, พาโล อจริ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตสฺมา พาโล กายสฺส เภทา กายูปโค โหติ, โส กายูปโค สมาโน น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชรามรเณนา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๑๙).
ขีณสํโยชนานํ ¶ ¶ ปน อวิชฺชาย อภาวโต สงฺขารานํ, ตณฺหุปาทานานํ อภาวโต อุปาทานภวานํ อสมฺภโวติ วฏฺฏสฺส อุปจฺเฉโท ปฺายิสฺสตีติ. เตเนวาห –
‘‘ฉนฺนํ ตฺเวว, ผคฺคุณ, ผสฺสายตนานํ อเสสวิราคนิโรธา ผสฺสนิโรโธ, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๑๒).
น หิ อคฺคมคฺคาธิคมโต อุทฺธํ ยาว ปรินิพฺพานา สฬายตนาทีนํ อปฺปวตฺติ. อถ โข นตฺถิตา นิโรธสทฺทวจนียตา ขีณสํโยชนตาติ นิโรโธ วุตฺโต. อปิจ จิรกตมฺปิ กมฺมํ อนิพฺพตฺติตผลตาย อปฺปหีนาหารตาย จ ผลารหํ สนฺตํ เอว นาม โหติ, น นิพฺพตฺติตผลํ ¶ , นาปิ ปหีนาหารนฺติ. ผลุปฺปตฺติปจฺจยานํ อวิชฺชาสงฺขาราทีนํ วุตฺตนเยเนว ผลารหภาโว อนิโรโธติ เวทิตพฺโพ. เอวํ อนิรุทฺธภาเวเนว หิ เยน วินา ผลํ น สมฺภวติ, ตํ การณํ อตีตนฺติปิ อิมสฺมึ สตีติ อิมินา วจเนน วุตฺตํ. ตโตเยว จ อวุสิตพฺรหฺมจริยสฺส อปฺปวตฺติธมฺมตํ อนาปนฺโน ปจฺจยุปฺปาโท กาลเภทํ อนามสิตฺวา อนิวตฺตนาย เอว อิมสฺส อุปฺปาทาติ วุตฺโต. อถ วา อวเสสปจฺจยสมวาเย อวิชฺชมานสฺสปิ วิชฺชมานสฺส วิย ปเคว วิชฺชมานสฺส ยา ผลุปฺปตฺติอภิมุขตา, สา อิมสฺส อุปฺปาทาติ วุตฺตา. ตถา หิ ตโต ผลํ อุปฺปชฺชตีติ ตทวตฺถํ การณํ ผลสฺส อุปฺปาทนภาเวน อุฏฺิตํ อุปฺปติตํ นาม โหติ, น วิชฺชมานมฺปิ อตทวตฺถนฺติ ตทวตฺถตา อุปฺปาโทติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ สตีติ อิมินา วิชฺชมานตามตฺเตน ปจฺจยภาวํ วทนฺโต อพฺยาปารตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทสฺเสติ. อุปฺปาทาติ อุปฺปตฺติธมฺมตํ อสพฺพกาลภาวิตํ ผลุปฺปตฺติอภิมุขตฺจ ทีเปนฺโต อนิจฺจตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทสฺเสติ. ‘‘สติ, นาสติ, อุปฺปาทา, น นิโรธา’’ติ ปน เหตุอตฺเถหิ ภุมฺมนิสฺสกฺกวจเนหิ สมตฺถิตํ นิทานสมุทยชาติปภวภาวํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทสฺเสติ. เหตุอตฺถตา เจตฺถ ภุมฺมวจเน ยสฺส ภาเว ตทวินาภาวิผลสฺส ภาโว ลกฺขียติ, ตตฺถ ปวตฺติยา เวทิตพฺพา ยถา ‘‘อธนานํ ธเน อนนุปฺปทียมาเน ทาลิทฺทิยํ เวปุลฺลํ อคมาสี’’ติ (ที. นิ. ๓.๙๑) จ ‘‘นิปฺผนฺเนสุ สสฺเสสุ สุภิกฺขํ ชายตี’’ติ จ. นิสฺสกฺกวจนสฺสาปิ เหตุอตฺถตา ผลสฺส ปภเว ปกติยฺจ ปวตฺติโต ยถา ‘‘กลลา โหติ ¶ อพฺพุทํ, อพฺพุทา ชายตี เปสี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓๕) จ ‘‘หิมวตา คงฺคา ปภวนฺติ, สิงฺคโต สโร ชายตี’’ติ จ. อวิชฺชาทิภาเว จ ตทวินาภาเวน สงฺขาราทิภาโว ลกฺขียติ, อวิชฺชาทีหิ จ สงฺขาราทโย ปภวนฺติ ปกริยนฺติ ¶ จาติ เต เตสํ ปภโว ปกติ จ, ตสฺมา ตทตฺถทีปนตฺถํ ‘‘อิมสฺมึ สติ อิมสฺส อุปฺปาทา’’ติ เหตุอตฺเถ ภุมฺมนิสฺสกฺกนิทฺเทสา กตาติ.
ยสฺมา ¶ เจตฺถ ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ สงฺเขเปน อุทฺทิฏฺสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิโก นิทฺเทโส, ตสฺมา ยถาวุตฺโต อตฺถิภาโว อุปฺปาโท จ เตสํ เตสํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ ปจฺจยภาโวติ วิฺายติ. น หิ อนิรุทฺธตาสงฺขาตํ อตฺถิภาวํ อุปฺปาทฺจ อนิวตฺตสภาวตาสงฺขาตํ อุทยาวตฺถตาสงฺขาตํ วา ‘‘สติ เอว, นาสติ, อุปฺปาทา เอว, น นิโรธา’’ติ อนฺโตคธนิยเมหิ วจเนหิ อภิหิตํ มฺุจิตฺวา อฺโ ปจฺจยภาโว นาม อตฺถิ, ตสฺมา ยถาวุตฺโต อตฺถิภาโว อุปฺปาโท จ ปจฺจยภาโวติ เวทิตพฺพํ. เยปิ ปฏฺาเน อาคตา เหตุอาทโย จตุวีสติ ปจฺจยา, เตปิ เอตสฺเสว ปจฺจยภาวสฺส วิเสสาติ เวทิตพฺพา. อิติ ยถา วิตฺถาเรน อนุโลมํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสิ อกาสิ, ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ยทิทํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ ยทิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส โย อยนฺติ อตฺโถ. อวิชฺชาปจฺจยาติอาทีสุ อวินฺทิยํ กายทุจฺจริตาทึ วินฺทตีติ อวิชฺชา, วินฺทิยํ กายสุจริตาทึ น วินฺทตีติ อวิชฺชา, ธมฺมานํ อวิปรีตสภาวํ อวิทิตํ กโรตีติ อวิชฺชา, อนฺตวิรหิเต สํสาเร ภวาทีสุ สตฺเต ชวาเปตีติ อวิชฺชา, อวิชฺชมาเนสุ ชวติ วิชฺชมาเนสุ น ชวตีติ อวิชฺชา, วิชฺชาย ปฏิปกฺขาติ อวิชฺชา, สา ‘‘ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทินา จตุพฺพิธา เวทิตพฺพา. ปฏิจฺจ น วินา ผลํ เอติ อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จาติ ปจฺจโย, อุปการกตฺโถ วา ปจฺจโย. อวิชฺชา จ สา ปจฺจโย จาติ อวิชฺชาปจฺจโย, ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา. สงฺขโรนฺตีติ สงฺขารา, โลกิยกุสลากุสลเจตนา, สา ปฺุาปฺุาเนฺชาภิสงฺขารวเสน ติวิธา เวทิตพฺพา. วิชานาตีติ วิฺาณํ, ตํ โลกิยวิปากวิฺาณวเสน ทฺวตฺตึสวิธํ. นมตีติ นามํ, เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยํ. รุปฺปตีติ รูปํ, ภูตรูปํ จกฺขาทิอุปาทารูปฺจ. อายตติ อายตฺจ ¶ สํสารทุกฺขํ นยตีติ อายตนํ ¶ . ผุสตีติ ผสฺโส. เวทยตีติ เวทนา. อิทมฺปิ ทฺวยํ ทฺวารวเสน ฉพฺพิธํ, วิปากวเสน คหเณ ฉตฺตึสวิธํ. ปริตสฺสตีติ ตณฺหา, สา กามตณฺหาทิวเสน สงฺเขปโต ติวิธา, วิตฺถารโต อฏฺุตฺตรสตวิธา จ. อุปาทียตีติ อุปาทานํ, ตํ กามุปาทานาทิวเสน จตุพฺพิธํ. ภวติ ภาวยติ จาติ ภโว, โส กมฺมูปปตฺติเภทโต ทุวิโธ. ชนนํ ชาติ. ชีรณํ ชรา. มรนฺติ เตนาติ มรณํ. โสจนํ โสโก. ปริเทวนํ ปริเทโว. ทุกฺขยตีติ ทุกฺขํ, อุปฺปาทฏฺิติวเสน ทฺเวธา ขณตีติ ทุกฺขํ. ทุมนสฺส ภาโว โทมนสฺสํ. ภุโส อายาโส อุปายาโส ¶ . สมฺภวนฺตีติ นิพฺพตฺตนฺติ. น เกวลฺจ โสกาทีหิเยว, อถ โข สพฺพปเทหิ ‘‘สมฺภวนฺตี’’ติ ปทสฺส โยชนา กาตพฺพา. เอวฺหิ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตี’’ติ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนววตฺถานํ ทสฺสิตํ โหติ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
ตตฺถ อฺาณลกฺขณา อวิชฺชา, สมฺโมหนรสา, ฉาทนปจฺจุปฏฺานา, อาสวปทฏฺานา. อภิสงฺขรณลกฺขณา สงฺขารา, อายูหนรสา, สํวิทหนปจฺจุปฏฺานา, อวิชฺชาปทฏฺานา. วิชานนลกฺขณํ วิฺาณํ, ปุพฺพงฺคมรสํ, ปฏิสนฺธิปจฺจุปฏฺานํ, สงฺขารปทฏฺานํ, วตฺถารมฺมณปทฏฺานํ วา. นมนลกฺขณํ นามํ, สมฺปโยครสํ, อวินิพฺโภคปจฺจุปฏฺานํ, วิฺาณปทฏฺานํ. รุปฺปนลกฺขณํ รูปํ, วิกิรณรสํ, อปฺปเหยฺยภาวปจฺจุปฏฺานํ, วิฺาณปทฏฺานํ. อายตนลกฺขณํ สฬายตนํ, ทสฺสนาทิรสํ, วตฺถุทฺวารภาวปจฺจุปฏฺานํ, นามรูปปทฏฺานํ. ผุสนลกฺขโณ ผสฺโส, สงฺฆฏฺฏนรโส, สงฺคติปจฺจุปฏฺาโน, สฬายตนปทฏฺาโน. อนุภวนลกฺขณา ¶ เวทนา, วิสยรสสมฺโภครสา, สุขทุกฺขปจฺจุปฏฺานา, ผสฺสปทฏฺานา. เหตุภาวลกฺขณา ตณฺหา, อภินนฺทนรสา, อติตฺติภาวปจฺจุปฏฺานา, เวทนาปทฏฺานา. คหณลกฺขณํ อุปาทานํ, อมฺุจนรสํ, ตณฺหาทฬฺหตฺตทิฏฺิปจฺจุปฏฺานํ, ตณฺหาปทฏฺานํ. กมฺมกมฺมผลลกฺขโณ ภโว, ภวนภาวนรโส, กุสลากุสลาพฺยากตปจฺจุปฏฺาโน, อุปาทานปทฏฺาโน. ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปมาภินิพฺพตฺติลกฺขณา ชาติ, นิยฺยาตนรสา, อตีตภวโต อิธุปฺปนฺนปจฺจุปฏฺานา, ทุกฺขวิจิตฺตตาปจฺจุปฏฺานา วา. ขนฺธปริปากลกฺขณา ชรา, มรณูปนยนรสา, โยพฺพนวินาสปจฺจุปฏฺานา. จุติลกฺขณํ มรณํ ¶ , วิสํโยครสํ, คติวิปฺปวาสปจฺจุปฏฺานํ. อนฺโตนิชฺฌานลกฺขโณ โสโก, เจตโส นิชฺฌานรโส, อนุโสจนปจฺจุปฏฺาโน. ลาลปฺปนลกฺขโณ ปริเทโว, คุณโทสปริกิตฺตนรโส, สมฺภมปจฺจุปฏฺาโน. กายปีฬนลกฺขณํ ทุกฺขํ, ทุปฺปฺานํ โทมนสฺสกรณรสํ, กายิกาพาธปจฺจุปฏฺานํ. จิตฺตปีฬนลกฺขณํ โทมนสฺสํ, มโนวิฆาตนรสํ, มานสพฺยาธิปจฺจุปฏฺานํ. จิตฺตปริทหนลกฺขโณ อุปายาโส, นิตฺถุนนรโส, วิสาทปจฺจุปฏฺาโน. เอวเมเต อวิชฺชาทโย ลกฺขณาทิโตปิ เวทิตพฺพาติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน สพฺพาการสมฺปนฺนํ วินิจฺฉยํ อิจฺฉนฺเตน สมฺโมหวิโนทนิยา (วิภ. อฏฺ. ๒๒๕) วิภงฺคฏฺกถาย คเหตพฺโพ.
เอวนฺติ นิทฺทิฏฺสฺส นิทสฺสนํ, เตน อวิชฺชาทีเหว การเณหิ, น อิสฺสรนิมฺมานาทีหีติ ทสฺเสติ. เอตสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส. เกวลสฺสาติ อสมฺมิสฺสสฺส สกลสฺส วา. ทุกฺขกฺขนฺธสฺสาติ ¶ ทุกฺขสมูหสฺส, น สตฺตสฺส, นาปิ ชีวสฺส, นาปิ สุภสุขาทีนํ. สมุทโย โหตีติ นิพฺพตฺติ สมฺภวติ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ ยฺวายํ อวิชฺชาทิวเสน สงฺขาราทิกสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตีติ วุตฺโต, สพฺพากาเรน เอตมตฺถํ วิทิตฺวา. ตายํ เวลายนฺติ ตายํ ตสฺส อตฺถสฺส วิทิตเวลายํ. อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ อิมํ ตสฺมึ อตฺเถ วิทิเต เหตุโน จ เหตุสมุปฺปนฺนธมฺมสฺส จ ปชานนาย อานุภาวทีปกํ ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺตี’’ติอาทิกํ โสมนสฺสสมฺปยุตฺตาณสมุฏฺานํ อุทานํ อุทาเนสิ, อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสีติ วุตฺตํ โหติ.
ตสฺสตฺโถ – ยทาติ ยสฺมึ กาเล. หเวติ พฺยตฺตนฺติ อิมสฺมึ อตฺเถ นิปาโต. เกจิ ปน ‘‘หเวติ อาหเว ยุทฺเธ’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ‘‘โยเธถ มารํ ปฺาวุเธนา’’ติ (ธ. ป. ๔๐) วจนโต กิเลสมาเรน ยุชฺฌนสมเยติ เตสํ อธิปฺปาโย. ปาตุภวนฺตีติ อุปฺปชฺชนฺติ. ธมฺมาติ อนุโลมปจฺจยาการปฏิเวธสาธกา โพธิปกฺขิยธมฺมา. อถ วา ปาตุภวนฺตีติ ปกาเสนฺติ, อภิสมยวเสน พฺยตฺตา ปากฏา โหนฺติ. ธมฺมาติ จตุอริยสจฺจธมฺมา, อาตาโป วุจฺจติ กิเลสสนฺตาปนฏฺเน วีริยํ. อาตาปิโนติ สมฺมปฺปธานวีริยวโต. ฌายโตติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ¶ ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน ฌายนฺตสฺส. พฺราหฺมณสฺสาติ พาหิตปาปสฺส ขีณาสวสฺส. อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ สพฺพาติ อถสฺส เอวํ ปาตุภูตธมฺมสฺส ยา เอตา ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, ผุสตีติ. โน กลฺโล ปฺโหติ ภควา อโวจา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๑๒) นเยน, ‘‘กตมํ นุ โข, ภนฺเต, ชรามรณํ, กสฺส จ ปนิทํ ชรามรณนฺติ. โน กลฺโล ปฺโหติ ภควา อโวจา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๓๕) นเยน ปจฺจยากาเร กงฺขา วุตฺตา, ยา จ ปจฺจยาการสฺเสว อปฺปฏิวิทฺธตฺตา ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) โสฬส กงฺขา อาคตา. ตา สพฺพา วปยนฺติ อปคจฺฉนฺติ นิรุชฺฌนฺติ. กสฺมา? ยโต ปชานาติ สเหตุธมฺมํ, ยสฺมา อวิชฺชาทิเกน เหตุนา สเหตุกํ อิมํ สงฺขาราทิกํ เกวลํ ทุกฺขกฺขนฺธธมฺมํ ปชานาติ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌีติ.
กทา ปนสฺส โพธิปกฺขิยธมฺมา จตุสจฺจธมฺมา วา ปาตุภวนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ ปกาเสนฺติ วา? วิปสฺสนามคฺคาเณสุ ¶ . ตตฺถ วิปสฺสนาาณสมฺปยุตฺตา สติอาทโย วิปสฺสนาาณฺจ ยถารหํ อตฺตโน วิสเยสุ ตทงฺคปฺปหานวเสน สุภสฺาทิเก ปชหนฺตา กายานุปสฺสนาทิวเสน วิสุํ วิสุํ อุปฺปชฺชนฺติ, มคฺคกฺขเณ ปน เต นิพฺพานมาลมฺพิตฺวา สมุจฺเฉทวเสน ปฏิปกฺเข ปชหนฺตา ¶ จตูสุปิ อริยสจฺเจสุ อสมฺโมหปฺปฏิเวธสาธนวเสน สกิเทว อุปฺปชฺชนฺติ. เอวํ ตาเวตฺถ โพธิปกฺขิยธมฺมานํ อุปฺปชฺชนฏฺเน ปาตุภาโว เวทิตพฺโพ.
อริยสจฺจธมฺมานํ ปน โลกิยานํ วิปสฺสนากฺขเณ วิปสฺสนาย อารมฺมณกรณวเสน, โลกุตฺตรานํ ตทธิมุตฺตตาวเสน, มคฺคกฺขเณ นิโรธสจฺจสฺส อารมฺมณาภิสมยวเสน, สพฺเพสมฺปิ กิจฺจาภิสมยวเสน ปากฏภาวโต ปกาสนฏฺเน ปาตุภาโว เวทิตพฺโพ.
อิติ ภควา สติปิ สพฺพากาเรน สพฺพธมฺมานํ อตฺตโน าณสฺส ปากฏภาเว ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสสฺส กตตฺตา นิปุณคมฺภีรสุทุทฺทสตาย ปจฺจยาการสฺส ตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุปฺปนฺนพลวโสมนสฺโส ปฏิปกฺขสมุจฺเฉทวิภาวเนน สทฺธึ อตฺตโน ตทภิสมยานุภาวทีปกเมเวตฺถ อุทานํ อุทาเนสีติ.
อยมฺปิ ¶ อุทาโน วุตฺโต ภควตา อิติ เม สุตนฺติ อยํ ปาฬิ เกสุจิเยว โปตฺถเกสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ อยมฺปีติ ปิสทฺโท ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตํ, อยมฺปิ ปาราชิโก โหตี’’ติอาทีสุ วิย สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน อุปริมํ สมฺปิณฺเฑติ. วุตฺโตติ อยํ วุตฺตสทฺโท เกโสหารณวปฺปนวาปสมีกรณชีวิตวุตฺติปมุตฺตภาวปาวจนภาเวน ปวตฺตน อชฺเฌนกถนาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘กาปฏิโก มาณโว ทหโร วุตฺตสิโร’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๔๒๖) เกโสหารเณ อาคโต.
‘‘คาโว ตสฺส ปชายนฺติ, เขตฺเต วุตฺตํ วิรูหติ;
วุตฺตานํ ผลมสฺนาติ, โย มิตฺตานํ น ทุพฺภตี’’ติ. –
อาทีสุ ¶ (ชา. ๒.๒๒.๑๙) วปฺปเน. ‘‘โน จ โข ปฏิวุตฺต’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๒๘๙) อฏฺทณฺฑกาทีหิ วาปสมีกรเณ. ‘‘ปนฺนโลโม ปรทตฺตวุตฺโต มิคภูเตน เจตสา วิหรามี’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๓๓๒) ชีวิตวุตฺติยํ. ‘‘ปณฺฑุปลาโส พนฺธนา ปวุตฺโต อภพฺโพ หริตตฺตายา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๙๒) พนฺธนโต ปมุตฺตภาเว. ‘‘คีตํ วุตฺตํ สมีหิต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘๕) ปาวจนภาเวน ปวตฺติเต. ‘‘วุตฺโต ปารายโณ’’ติอาทีสุ อชฺเฌเน. ‘‘วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตา ‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐) กถเน. อิธาปิ กถเน เอว ทฏฺพฺโพ, เตน อยมฺปิ อุทาโน ภาสิโตติ อตฺโถ. อิตีติ เอวํ. เม สุตนฺติ ปททฺวยสฺส อตฺโถ นิทานวณฺณนายํ ¶ สพฺพาการโต วุตฺโตเยว. ปุพฺเพ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ นิทานวเสน วุตฺโตเยว หิ อตฺโถ อิธ นิคมนวเสน ‘‘อิติ เม สุต’’นฺติ ปุน วุตฺโต. วุตฺตสฺเสว หิ อตฺถสฺส ปุน วจนํ นิคมนนฺติ. อิติสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาโร เอวํ-สทฺเทน สมานตฺถตาย ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ เอตฺถ วิย, อตฺถโยชนา จ อิติวุตฺตกวณฺณนาย อมฺเหหิ ปกาสิตาเยวาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ.
ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทกนิกายฏฺกถาย
อุทานสํวณฺณนาปมโพธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยโพธิสุตฺตวณฺณนา
๒. ทุติเย ¶ ปฏิโลมนฺติ ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต อวิชฺชาทิโกเยว ปจฺจยากาโร อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุชฺฌมาโน อตฺตโน กตฺตพฺพกิจฺจสฺส อกรณโต ปฏิโลโมติ วุจฺจติ. ปวตฺติยา วา วิโลมนโต ปฏิโลโม, อนฺตโต ¶ ปน มชฺฌโต วา ปฏฺาย อาทึ ปาเปตฺวา อวุตฺตตฺตา อิโต อฺเนตฺเถเนตฺถ ปฏิโลมตา น ยุชฺชติ. ปฏิโลมนฺติ จ ‘‘วิสมํ จนฺทสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ วิย ภาวนปุํสกนิทฺเทโส. อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหตีติ อิมสฺมึ อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย อสติ มคฺเคน ปหีเน อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ น โหติ นปฺปวตฺตติ. อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตีติ อิมสฺส อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธา มคฺเคน อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิตตฺตา อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ นิรุชฺฌติ, นปฺปวตฺตตีติ อตฺโถ. อิธาปิ ยถา ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอตฺถ ‘‘อิมสฺมึ สติเยว, นาสติ, อิมสฺส อุปฺปาทา เอว, น นิโรธา’’ติ อนฺโตคธนิยมตา ทสฺสิตา. เอวํ อิมสฺมึ อสติเยว, น สติ, อิมสฺส นิโรธา เอว, น อุปฺปาทาติ อนฺโตคธนิยมตาลกฺขณา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปมโพธิสุตฺตวณฺณนาย วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.
เอวํ ยถา ภควา ปฏิโลมปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสิ อกาสิ, ตํ สงฺเขเปน ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิตฺถาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อวิชฺชานิโรธาติ อริยมคฺเคน อวิชฺชาย อนวเสสนิโรธา, อนุสยปฺปหานวเสน อคฺคมคฺเคน อวิชฺชาย ¶ อจฺจนฺตสมุคฺฆาฏโตติ อตฺโถ. ยทิปิ เหฏฺิมมคฺเคหิ ปหียมานา อวิชฺชา อจฺจนฺตสมุคฺฆาฏวเสเนว ปหียติ, ตถาปิ น อนวเสสโต ปหียติ. อปายคามินิยา หิ อวิชฺชา ปมมคฺเคน ปหียติ. ตถา สกิเทว อิมสฺมึ โลเก สพฺพตฺถ จ อนริยภูมิยํ อุปปตฺติปจฺจยภูตา อวิชฺชา ยถากฺกมํ ทุติยตติยมคฺเคหิ ปหียติ, น อิตราติ. อรหตฺตมคฺเคเนว หิ สา อนวเสสํ ปหียตีติ. สงฺขารนิโรโธติ สงฺขารานํ อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ. เอวํ นิรุทฺธานํ ปน สงฺขารานํ นิโรธา วิฺาณํ, วิฺาณาทีนฺจ นิโรธา นามรูปาทีนิ นิรุทฺธานิ เอว โหนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ’’ติอาทึ วตฺวา ‘‘เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
อปิเจตฺถ ¶ กิฺจาปิ ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ’’ติ ¶ เอตฺตาวตาปิ สกลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนวเสสโต นิโรโธ วุตฺโต โหติ, ตถาปิ ยถา อนุโลเม ยสฺส ยสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส อตฺถิตาย โย โย ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺโม น นิรุชฺฌติ ปวตฺตติ เอวาติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป… สมุทโย โหตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ ตปฺปฏิปกฺขโต ตสฺส ตสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส อภาเว โส โส ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺโม นิรุชฺฌติ นปฺปวตฺตตีติ ทสฺสนตฺถํ อิธ ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ…เป… ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน อนุโลเม วิย กาลตฺตยปริยาปนฺนสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรธทสฺสนตฺถํ. อนาคตสฺเสว หิ อริยมคฺคภาวนาย อสติ อุปฺปชฺชนารหสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อริยมคฺคภาวนาย นิโรโธ อิจฺฉิโตติ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ยฺวายํ ‘‘อวิชฺชานิโรธาทิวเสน สงฺขาราทิกสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ วุตฺโต, สพฺพากาเรน เอตมตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ อิมสฺมึ อตฺเถ วิทิเต ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติ เอวํ ปกาสิตสฺส อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยานํ ขยสฺส อวโพธานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสีติ อตฺโถ.
ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยสฺมา อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยานํ อนุปฺปาทนิโรธสงฺขาตํ ขยํ อเวทิ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ, ตสฺมา เอตสฺส วุตฺตนเยน อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส วุตฺตปฺปการา โพธิปกฺขิยธมฺมา จตุสจฺจธมฺมา วา ปาตุภวนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ ปกาเสนฺติ วา. อถ ยา ปจฺจยนิโรธสฺส ¶ สมฺมา อวิทิตตฺตา อุปฺปชฺเชยฺยุํ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปเภทา กงฺขา, ตา สพฺพาปิ วปยนฺติ นิรุชฺฌนฺตีติ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
ทุติยโพธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยโพธิสุตฺตวณฺณนา
๓. ตติเย ¶ อนุโลมปฏิโลมนฺติ อนุโลมฺจ ปฏิโลมฺจ, ยถาวุตฺตอนุโลมวเสน เจว ปฏิโลมวเสน จาติ อตฺโถ. นนุ จ ปุพฺเพปิ ¶ อนุโลมวเสน ปฏิโลมวเสน จ ปฏิจฺจสมุปฺปาเท มนสิการปฺปวตฺติ สุตฺตทฺวเย วุตฺตา, อิธ กสฺมา ปุนปิ ตทุภยวเสน มนสิการปฺปวตฺติ วุจฺจตีติ? ตทุภยวเสน ตติยวารํ ตตฺถ มนสิการสฺส ปวตฺติตตฺตา. กถํ ปน ตทุภยวเสน มนสิกาโร ปวตฺติโต? น หิ สกฺกา อปุพฺพํ อจริมํ อนุโลมปฏิโลมํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส มนสิการํ ปวตฺเตตุนฺติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ ‘‘ตทุภยํ เอกชฺฌํ มนสากาสี’’ติ, อถ โข วาเรน. ภควา หิ ปมํ อนุโลมวเสน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสิ กริตฺวา ตทนุรูปํ ปมํ อุทานํ อุทาเนสิ. ทุติยมฺปิ ปฏิโลมวเสน ตํ มนสิ กริตฺวา ตทนุรูปเมว อุทานํ อุทาเนสิ. ตติยวาเร ปน กาเลน อนุโลมํ กาเลน ปฏิโลมํ มนสิกรณวเสน อนุโลมปฏิโลมํ มนสิ อกาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนุโลมปฏิโลมนฺติ อนุโลมฺจ ปฏิโลมฺจ, ยถาวุตฺตอนุโลมวเสน เจว ปฏิโลมวเสน จา’’ติ. อิมินา มนสิการสฺส ปคุณพลวภาโว จ วสีภาโว จ ปกาสิโต โหติ. เอตฺถ จ ‘‘อนุโลมํ มนสิ กริสฺสามิ, ปฏิโลมํ มนสิ กริสฺสามิ, อนุโลมปฏิโลมํ มนสิ กริสฺสามี’’ติ เอวํ ปวตฺตานํ ปุพฺพาโภคานํ วเสน เนสํ วิภาโค เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ อวิชฺชาย ตฺเววาติ อวิชฺชาย ตุ เอว. อเสสวิราคนิโรธาติ วิราคสงฺขาเตน มคฺเคน อเสสนิโรธา, อคฺคมคฺเคน อนวเสสอนุปฺปาทปฺปหานาติ อตฺโถ. สงฺขารนิโรโธติ สพฺเพสํ สงฺขารานํ อนวเสสํ อนุปฺปาทนิโรโธ. เหฏฺิเมน หิ มคฺคตฺตเยน เกจิ สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติ, เกจิ น นิรุชฺฌนฺติ อวิชฺชาย สาวเสสนิโรธา. อคฺคมคฺเคน ปนสฺสา อนวเสสนิโรธา น เกจิ สงฺขารา น นิรุชฺฌนฺตีติ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ ยฺวายํ อวิชฺชาทิวเสน สงฺขาราทิกสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย นิโรโธ จ อวิชฺชาทีนํ สมุทยา นิโรธา จ โหตีติ วุตฺโต, สพฺพากาเรน เอตมตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ อิทํ เยน มคฺเคน โย ¶ ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทยนิโรธสงฺขาโต อตฺโถ กิจฺจวเสน อารมฺมณกิริยาย จ วิทิโต, ตสฺส อริยมคฺคสฺส อานุภาวทีปกํ วุตฺตปฺปการํ อุทานํ อุทาเนสีติ อตฺโถ.
ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส, ตทา โส พฺราหฺมโณ เตหิ อุปฺปนฺเนหิ โพธิปกฺขิยธมฺเมหิ ยสฺส วา อริยมคฺคสฺส จตุสจฺจธมฺมา ปาตุภูตา ¶ , เตน อริยมคฺเคน วิธูปยํ ติฏฺติ มารเสนํ, ‘‘กามา เต ปมา เสนา’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๔๓๘; มหานิ. ๒๘; จูฬนิ. นนฺทมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๔๗) นเยน วุตฺตปฺปการํ มารเสนํ วิธูปยนฺโต วิธเมนฺโต วิทฺธํเสนฺโต ติฏฺติ. กถํ? สูริโยว โอภาสยมนฺตลิกฺขํ, ยถา สูริโย อพฺภุคฺคโต อตฺตโน ปภาย อนฺตลิกฺขํ โอภาเสนฺโตว อนฺธการํ วิธเมนฺโต ติฏฺติ, เอวํ โสปิ ขีณาสวพฺราหฺมโณ เตหิ ธมฺเมหิ เตน วา อริยมคฺเคน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺโตว มารเสนํ วิธูปยนฺโต ติฏฺตีติ.
เอวํ ภควตา ปมํ ปจฺจยาการปชานนสฺส, ทุติยํ ปจฺจยกฺขยาธิคมสฺส, ตติยํ อริยมคฺคสฺส อานุภาวปฺปกาสนานิ อิมานิ ตีณิ อุทานานิ ตีสุ ยาเมสุ ภาสิตานิ. กตราย รตฺติยา? อภิสมฺโพธิโต สตฺตมาย รตฺติยา. ภควา หิ วิสาขปุณฺณมาย รตฺติยา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรตฺวา นานานเยหิ เตภูมกสงฺขาเร สมฺมสิตฺวา ‘‘อิทานิ อรุโณ อุคฺคมิสฺสตี’’ติ สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณิ, สพฺพฺุตปฺปตฺติสมนนฺตรเมว จ อรุโณ อุคฺคจฺฉีติ. ตโต เตเนว ปลฺลงฺเกน โพธิรุกฺขมูเล สตฺตาหํ วีตินาเมนฺโต สมฺปตฺตาย ปาฏิปทรตฺติยา ตีสุ ยาเมสุ วุตฺตนเยน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสิ กริตฺวา ยถากฺกมํ อิมานิ อุทานานิ อุทาเนสิ.
ขนฺธเก ปน ตีสุปิ วาเรสุ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ อนุโลมปฏิโลมํ มนสากาสี’’ติ (มหาว. ๑) อาคตตฺตา ขนฺธกฏฺกถายํ ‘‘ตีสุปิ ยาเมสุ เอวํ มนสิ กตฺวา ปมํ อุทานํ ปจฺจยาการปจฺจเวกฺขณวเสน, ทุติยํ นิพฺพานปจฺจเวกฺขณวเสน, ตติยํ มคฺคปจฺจเวกฺขณวเสนาติ เอวํ อิมานิ ภควา อุทานานิ อุทาเนสี’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ น วิรุชฺฌติ. ภควา ¶ หิ เปตฺวา รตนฆรสตฺตาหํ เสเสสุ ฉสุ สตฺตาเหสุ อนฺตรนฺตรา ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ¶ เยภุยฺเยน วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที วิหาสิ, รตนฆรสตฺตาเห ปน อภิธมฺมปริจยวเสเนว วิหาสีติ.
ตติยโพธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. หุํหุงฺกสุตฺตวณฺณนา
๔. จตุตฺเถ ¶ อชปาลนิคฺโรเธติ ตสฺส กิร ฉายายํ อชปาลา คนฺตฺวา นิสีทนฺติ, เตนสฺส ‘‘อชปาลนิคฺโรโธ’’ตฺเวว นามํ อุทปาทิ. เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา ตตฺถ เวเท สชฺฌายิตุํ อสมตฺถา มหลฺลกพฺราหฺมณา ปาการปริกฺเขปยุตฺตานิ นิเวสนานิ กตฺวา สพฺเพ วสึสุ, ตสฺมา อชปาลนิคฺโรโธติ นามํ ชาต’’นฺติ วทนฺติ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – น ชปนฺตีติ อชปา, มนฺตานํ อนชฺฌายกาติ อตฺโถ, อชปา ลนฺติ อาทิยนฺติ นิวาสํ เอตฺถาติ อชปาโลติ. ยสฺมา วา มชฺฌนฺหิเก สมเย อนฺโต ปวิฏฺเ อเช อตฺตโน ฉายาย ปาเลติ รกฺขติ, ตสฺมา ‘อชปาโล’ติสฺส นามํ รูฬฺหนฺติ อปเร. สพฺพถาปิ นามเมตํ ตสฺส รุกฺขสฺส, ตสฺส สมีเป. สมีปตฺเถ หิ เอตํ ภุมฺมํ ‘‘อชปาลนิคฺโรเธ’’ติ.
วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทีติ ตตฺรปิ ธมฺมํ วิจินนฺโต วิมุตฺติสุขฺจ ปฏิสํเวเทนฺโต นิสีทิ. โพธิรุกฺขโต ปุรตฺถิมทิสาภาเค เอส รุกฺโข โหติ. สตฺตาหนฺติ จ อิทํ น ปลฺลงฺกสตฺตาหโต อนนฺตรสตฺตาหํ. ภควา หิ ปลฺลงฺกสตฺตาหโต อปรานิปิ ตีณิ สตฺตาหานิ โพธิสมีเปเยว วีตินาเมสิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – ภควติ กิร สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺเน ‘‘น ภควา วุฏฺาติ, กินฺนุ โข อฺเปิ ¶ พุทฺธตฺตกรา ธมฺมา อตฺถี’’ติ เอกจฺจานํ เทวตานํ กงฺขา อุทปาทิ. อถ ภควา อฏฺเม ทิวเส สมาปตฺติโต วุฏฺาย เทวตานํ กงฺขํ ตฺวา กงฺขาวิธมนตฺถํ อากาเส อุปฺปติตฺวา ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา ตาสํ กงฺขํ วิธเมตฺวา ปลฺลงฺกโต อีสกํ ปาจีนนิสฺสิเต อุตฺตรทิสาภาเค ตฺวา จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ อุปจิตานํ ปารมีนํ พลาธิคมฏฺานํ ปลฺลงฺกํ โพธิรุกฺขฺจ อนิมิเสหิ จกฺขูหิ โอโลกยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ อนิมิสเจติยํ นาม ชาตํ. อถ ปลฺลงฺกสฺส ¶ จ ิตฏฺานสฺส จ อนฺตรา ปุรตฺถิมโต จ ปจฺฉิมโต จ อายเต รตนจงฺกเม จงฺกมนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ รตนจงฺกมเจติยํ นาม ชาตํ. ตโต ปจฺฉิมทิสาภาเค เทวตา รตนฆรํ มาปยึสุ ¶ , ตตฺถ ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา อภิธมฺมปิฏกํ วิเสสโต อนนฺตนยํ สมนฺตปฏฺานํ วิจินนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ รตนฆรเจติยํ นาม ชาตํ. เอวํ โพธิสมีเปเยว จตฺตาริ สตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา ปฺจเม สตฺตาเห โพธิรุกฺขโต อชปาลนิคฺโรธํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส มูเล ปลฺลงฺเกน นิสีทิ.
ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺาสีติ ตโต ผลสมาปตฺติสมาธิโต ยถากาลปริจฺเฉทํ วุฏฺหิ, วุฏฺหิตฺวา จ ปน ตตฺถ เอวํ นิสินฺเน ภควติ เอโก พฺราหฺมโณ ตํ คนฺตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข อฺตโร’’ติอาทิ. ตตฺถ อฺตโรติ นามโคตฺตวเสน อนภิฺาโต อปากโฏ เอโก. หุํหุงฺกชาติโกติ โส กิร ทิฏฺมงฺคลิโก มานถทฺโธ มานวเสน โกธวเสน จ สพฺพํ อโวกฺขชาติกํ ปสฺสิตฺวา ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘หุํหุ’’นฺติ กโรนฺโต วิจรติ, ตสฺมา ‘‘หุํหุงฺกชาติโก’’ติ วุจฺจติ, ‘‘หุหุกฺกชาติโก’’ติปิ ปาโ. พฺราหฺมโณติ ชาติยา พฺราหฺมโณ.
เยน ภควาติ ยสฺสํ ทิสายํ ภควา นิสินฺโน. ภุมฺมตฺเถ หิ เอตํ กรณวจนํ ¶ . เยน วา ทิสาภาเคน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตน ทิสาภาเคน อุปสงฺกมิ. อถ วา เยนาติ เหตุอตฺเถ กรณวจนํ, เยน การเณน ภควา เทวมนุสฺเสหิ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตน การเณน อุปสงฺกมีติ อตฺโถ. เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ? นานปฺปการโรคทุกฺขาภิปีฬิตตฺตา อาตุรกาเยหิ มหาชเนหิ มหานุภาโว ภิสกฺโก วิย โรคติกิจฺฉนตฺถํ, นานาวิธกิเลสพฺยาธิปีฬิตตฺตา อาตุรจิตฺเตหิ เทวมนุสฺเสหิ กิเลสพฺยาธิติกิจฺฉนตฺถํ ธมฺมสฺสวนปฺหปุจฺฉนาทิการเณหิ ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ. เตน อยมฺปิ พฺราหฺมโณ อตฺตโน กงฺขํ ฉินฺทิตุกาโม อุปสงฺกมิ.
อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ. อถ วา ยํ านํ อุปสงฺกมิ, ตโตปิ ภควโต สมีปภูตํ อาสนฺนตรํ านํ อุปคนฺตฺวาติ อตฺโถ. สมฺโมทีติ สมํ สมฺมา วา โมทิ, ภควา จาเนน, โสปิ ภควตา ‘‘กจฺจิ โภโต ขมนียํ กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทินา ปฏิสนฺถารกรณวเสน สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิ. สมฺโมทนียนฺติ สมฺโมทนารหํ สมฺโมทชนนโยคฺคํ. กถนฺติ กถาสลฺลาปํ. สารณียนฺติ สริตพฺพยุตฺตํ ¶ สาธุชเนหิ ปวตฺเตตพฺพํ, กาลนฺตเร วา จินฺเตตพฺพํ. วีติสาเรตฺวาติ นิฏฺาเปตฺวา. เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส. เอกสฺมึ ¶ าเน, อติสมฺมุขาทิเก ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา เอกสฺมึ ปเทเสติ อตฺโถ. เอตทโวจาติ เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข’’ติอาทิวจนํ อโวจ.
ตตฺถ กิตฺตาวตาติ กิตฺตเกน ปมาเณน. นูติ สํสยตฺเถ นิปาโต. โขติ ปทปูรเณ. โภติ พฺราหฺมณานํ ชาติสมุทาคตํ อาลปนํ. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘โภวาทิ นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๕๗; ธ. ป. ๓๙๖). โคตมาติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ. กถํ ปนายํ พฺราหฺมโณ สมฺปติสมาคโต ภควโต โคตฺตํ ¶ ชานาตีติ? นายํ สมฺปติสมาคโต, ฉพฺพสฺสานิ ปธานกรณกาเล อุปฏฺหนฺเตหิ ปฺจวคฺคิเยหิ สทฺธึ จรมาโนปิ, อปรภาเค ตํ วตํ ฉฑฺเฑตฺวา อุรุเวลายํ เสนนิคเม เอโก อทุติโย หุตฺวา ปิณฺฑาย จรมาโนปิ เตน พฺราหฺมเณน ทิฏฺปุพฺโพ เจว สลฺลปิตปุพฺโพ จ. เตน โส ปุพฺเพ ปฺจวคฺคิเยหิ คยฺหมานํ ภควโต โคตฺตํ อนุสฺสรนฺโต, ‘‘โภ โคตมา’’ติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ. ยโต ปฏฺาย วา ภควา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมนฺโต อโนมนทีตีเร ปพฺพชิโต, ตโต ปภุติ ‘‘สมโณ โคตโม’’ติ จนฺโท วิย สูริโย วิย จ ปากโฏ ปฺาโต, น ตสฺส โคตฺตชานเน การณํ คเวสิตพฺพํ.
พฺราหฺมณกรณาติ พฺราหฺมณํ กโรนฺตีติ พฺราหฺมณกรณา, พฺราหฺมณภาวกราติ อตฺโถ. เอตฺถ จ กิตฺตาวตาติ เอเตน เยหิ ธมฺเมหิ พฺราหฺมโณ โหติ, เตสํ ธมฺมานํ ปริมาณํ ปุจฺฉติ. กตเม จ ปนาติ อิมินา เตสํ สรูปํ ปุจฺฉติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เตน ปุฏฺสฺส ปฺหสฺส สิขาปตฺตํ อตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ, น ปน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. กสฺมา? ธมฺมเทสนาย อภาชนภาวโต. ตถา หิ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อิมํ คาถํ สุตฺวา น สจฺจาภิสมโย อโหสิ. ยถา จ อิมสฺส, เอวํ อุปกสฺส อาชีวกสฺส พุทฺธคุณปฺปกาสนํ. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต หิ ¶ ปุพฺพภาเค ภควตา ภาสิตํ ปเรสํ สุณนฺตานมฺปิ ตปุสฺสภลฺลิกานํ สรณทานํ วิย วาสนาภาคิยเมว ชาตํ, น เสกฺขภาคิยํ, น นิพฺเพธภาคิยํ. เอสา หิ ธมฺมตาติ.
ตตฺถ โย พฺราหฺมโณติ โย พาหิตปาปธมฺมตาย พฺราหฺมโณ, น ทิฏฺมงฺคลิกตาย หุํหุงฺการกสาวาทิปาปธมฺมยุตฺโต หุตฺวา เกวลํ ชาติมตฺตเกน พฺรหฺมฺํ ปฏิชานาติ. โส พฺราหฺมโณ พาหิตปาปธมฺมตฺตา หุํหุงฺการปฺปหาเนน นิหุํหุงฺโก, ราคาทิกสาวาภาเวน นิกฺกสาโว, ภาวนานุโยคยุตฺตจิตฺตตาย ¶ ยตตฺโต, สีลสํยเมน วา สํยตจิตฺตตาย ยตตฺโต, จตุมคฺคาณสงฺขาเตหิ ¶ เวเทหิ อนฺตํ สงฺขารปริโยสานํ นิพฺพานํ, เวทานํ วา อนฺตํ คตตฺตา เวทนฺตคู. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส วุสิตตฺตา วุสิตพฺรหฺมจริโย, ธมฺเมน โส พฺรหฺมวาทํ วเทยฺย ‘‘พฺราหฺมโณ อห’’นฺติ เอตํ วาทํ ธมฺเมน าเยน วเทยฺย. ยสฺส สกลโลกสนฺนิวาเสปิ กุหิฺจิ เอการมฺมเณปิ ราคุสฺสโท, โทสุสฺสโท, โมหุสฺสโท, มานุสฺสโท, ทิฏฺุสฺสโทติ อิเม อุสฺสทา นตฺถิ, อนวเสสํ ปหีนาติ อตฺโถ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. พฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๕. ปฺจเม สาวตฺถิยนฺติ เอวํนามเก นคเร. ตฺหิ สวตฺถสฺส นาม อิสิโน นิวาสฏฺาเน มาปิตตฺตา สาวตฺถีติ วุจฺจติ, ยถา กากนฺที, มากนฺทีติ. เอวํ ตาว อกฺขรจินฺตกา. อฏฺกถาจริยา ปน ภณนฺติ – ยํกิฺจิ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ สพฺพเมตฺถ อตฺถีติ สาวตฺถิ. สตฺถสมาโยเค จ กิเมตฺถ ภณฺฑมตฺถีติ ปุจฺฉิเต สพฺพมตฺถีติปิ วจนํ อุปาทาย สาวตฺถีติ.
‘‘สพฺพทา สพฺพูปกรณํ, สาวตฺถิยํ สโมหิตํ;
ตสฺมา สพฺพมุปาทาย, สาวตฺถีติ ปวุจฺจตี’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔);
ตสฺสํ ¶ สาวตฺถิยํ, สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. เชตวเนติ อตฺตโน ปจฺจตฺถิเก ชินาตีติ เชโต, รฺา วา ปจฺจตฺถิกชเน ชิเต ชาโตติ เชโต, มงฺคลกมฺยตาย วา ตสฺส เอวํ นามเมว กตนฺติ เชโต. วนยตีติ ¶ วนํ, อตฺตโน สมฺปตฺติยา สตฺตานํ อตฺตนิ ภตฺตึ กโรติ อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. วนุเก อิติ วา วนํ, นานาวิธกุสุมคนฺธสมฺโมทมตฺตโกกิลาทิวิหงฺควิรุตาลาเปหิ มนฺทมารุตจลิตรุกฺขสาขาปลฺลวหตฺเถหิ จ ‘‘เอถ มํ ปริภฺุชถา’’ติ ปาณิโน ยาจติ วิยาติ อตฺโถ. เชตสฺส วนํ เชตวนํ. ตฺหิ เชเตน กุมาเรน โรปิตํ สํวทฺธิตํ ปริปาลิตํ. โสว ตสฺส สามี อโหสิ, ตสฺมา เชตวนนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ เชตวเน.
อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมติ มาตาปิตูหิ คหิตนามวเสน สุทตฺโต นาม โส มหาเสฏฺิ, สพฺพกามสมิทฺธิตาย ¶ ปน วิคตมลมจฺเฉรตาย กรุณาทิคุณสมงฺคิตาย จ นิจฺจกาลํ อนาถานํ ปิณฺฑํ เทติ, ตสฺมา อนาถปิณฺฑิโกติ วุจฺจติ. อารมนฺติ เอตฺถ ปาณิโน วิเสเสน ปพฺพชิตาติ อาราโม, ปุปฺผผลาทิโสภาย นาติทูรนาจฺจาสนฺนตาทิปฺจวิธเสนาสนงฺคสมฺปตฺติยา จ ตโต ตโต อาคมฺม รมนฺติ อภิรมนฺติ อนุกฺกณฺิตา หุตฺวา วสนฺตีติ อตฺโถ. วุตฺตปฺปการาย วา สมฺปตฺติยา ตตฺถ ตตฺถ คเตปิ อตฺตโน อพฺภนฺตรํเยว อาเนตฺวา รเมตีติ อาราโม. โส หิ อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา เชตสฺส ราชกุมารสฺส หตฺถโต อฏฺารสหิ หิรฺโกฏีหิ โกฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา อฏฺารสหิ หิรฺโกฏีหิ เสนาสนานิ การาเปตฺวา อฏฺารสหิ หิรฺโกฏีหิ วิหารมหํ นิฏฺาเปตฺวา เอวํ จตุปฺาสหิรฺโกฏิปริจฺจาเคน พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส นิยฺยาติโต, ตสฺมา ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมึ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม.
เอตฺถ จ ‘‘เชตวเน’’ติ วจนํ ปุริมสามิปริกิตฺตนํ, ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ ปจฺฉิมสามิปริกิตฺตนํ. อุภยมฺปิ ทฺวินฺนํ ปริจฺจาควิเสสปริทีปเนน ปฺุกามานํ ¶ อายตึ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนตฺถํ. ตตฺถ หิ ทฺวารโกฏฺกปาสาทกรณวเสน ภูมิวิกฺกยลทฺธา อฏฺารส หิรฺโกฏิโย อเนกโกฏิอคฺฆนกา รุกฺขา จ เชตสฺส ปริจฺจาโค, จตุปฺาส โกฏิโย ¶ อนาถปิณฺฑิกสฺส. อิติ เตสํ ปริจฺจาคปริกิตฺตเนน ‘‘เอวํ ปฺุกามา ปฺุานิ กโรนฺตี’’ติ ทสฺเสนฺโต ธมฺมภณฺฑาคาริโก อฺเปิ ปฺุกาเม เตสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเน นิโยเชตีติ.
ตตฺถ สิยา – ยทิ ตาว ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ, ‘‘เชตวเน’’ติ น วตฺตพฺพํ. อถ เชตวเน วิหรติ, ‘‘สาวตฺถิย’’นฺติ น วตฺตพฺพํ. น หิ สกฺกา อุภยตฺถ เอกํ สมยํ วิหริตุนฺติ. น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ, นนุ อโวจุมฺหา ‘‘สมีปตฺเถ เอตํ ภุมฺมวจน’’นฺติ. ตสฺมา ยทิทํ สาวตฺถิยา สมีเป เชตวนํ, ตตฺถ วิหรนฺโต ‘‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน’’ติ วุตฺโต. โคจรคามนิทสฺสนตฺถํ หิสฺส สาวตฺถิวจนํ, ปพฺพชิตานุรูปนิวาสฏฺานทสฺสนตฺถํ เสสวจนนฺติ.
อายสฺมา จ สาริปุตฺโตติอาทีสุ อายสฺมาติ ปิยวจนํ. จสทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. รูปสาริยา นาม พฺราหฺมณิยา ปุตฺโตติ สาริปุตฺโต. มหาโมคฺคลฺลาโนติ ปูชาวจนํ. คุณวิเสเสหิ มหนฺโต โมคฺคลฺลาโนติ หิ มหาโมคฺคลฺลาโน. เรวโตติ ขทิรวนิกเรวโต, น กงฺขาเรวโต. เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ภควา รตฺตสาณิปริกฺขิตฺโต วิย สุวณฺณยูโป, ปวาฬธชปริวาริโต วิย สุวณฺณปพฺพโต, นวุติหํสสหสฺสปริวาริโต วิย ธตรฏฺโ หํสราชา, สตฺตรตนสมุชฺชลาย จตุรงฺคินิยา ¶ เสนาย ปริวาริโต วิย จกฺกวตฺติ ราชา, มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต คคนมชฺเฌ จนฺทํ อุฏฺาเปนฺโต วิย จตุนฺนํ ปริสานํ มชฺเฌ ธมฺมํ เทเสนฺโต นิสินฺโน โหติ. ตสฺมึ สมเย อิเม อคฺคสาวกา มหาสาวกา จ ภควโต ปาเท วนฺทนตฺถาย อุปสงฺกมึสุ.
ภิกฺขู อามนฺเตสีติ อตฺตานํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนภิกฺขู เต อาคจฺฉนฺเต ทสฺเสตฺวา อภาสิ. ภควา หิ เต อายสฺมนฺเต สีลสมาธิปฺาทิคุณสมฺปนฺเน ปรเมน อุปสเมน สมนฺนาคเต ปรมาย อากปฺปสมฺปตฺติยา ยุตฺเต อุปสงฺกมนฺเต ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส เตสํ คุณวิเสสปริกิตฺตนตฺถํ ภิกฺขู อามนฺเตสิ ¶ ‘‘เอเต, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณา อาคจฺฉนฺติ, เอเต, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณา อาคจฺฉนฺตี’’ติ. ปสาทวเสน เอตํ อาเมฑิตํ, ปสํสาวเสนาติปิ วตฺตุํ ยุตฺตํ. เอวํ วุตฺเตติ เอวํ ภควตา เต ¶ อายสฺมนฺเต ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ วุตฺเต. อฺตโรติ นามโคตฺเตน อปากโฏ, ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน เอโก ภิกฺขุ. พฺราหฺมณชาติโกติ พฺราหฺมณกุเล ชาโต. โส หิ อุฬารโภคา พฺราหฺมณมหาสาลกุลา ปพฺพชิโต. ตสฺส กิร เอวํ อโหสิ ‘‘อิเม โลกิยา อุภโตสุชาติยา พฺราหฺมณสิกฺขานิปฺผตฺติยา จ พฺราหฺมโณ โหติ, น อฺถาติ วทนฺติ, ภควา จ เอเต อายสฺมนฺเต พฺราหฺมณาติ วทติ, หนฺทาหํ ภควนฺตํ พฺราหฺมณลกฺขณํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ เอตทตฺถเมว หิ ภควา ตทา เต เถเร ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ อภาสิ. พฺรหฺมํ อณตีติ พฺราหฺมโณติ หิ ชาติพฺราหฺมณานํ นิพฺพจนํ. อริยา ปน พาหิตปาปตาย พฺราหฺมณา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘พาหิตปาโปติ พฺราหฺมโณ, สมจริยา สมโณติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๓๘๘). วกฺขติ จ ‘‘พาหิตฺวา ปาปเก ธมฺเม’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ พฺราหฺมณสทฺทสฺส ปรมตฺถโต สิขาปตฺตมตฺถํ ชานิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ปรมตฺถพฺราหฺมณภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ พาหิตฺวาติ พหิ กตฺวา, อตฺตโน สนฺตานโต นีหริตฺวา สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน ปชหิตฺวาติ อตฺโถ. ปาปเก ธมฺเมติ ลามเก ธมฺเม, ทุจฺจริตวเสน ติวิธทุจฺจริตธมฺเม, จิตฺตุปฺปาทวเสน ทฺวาทสากุสลจิตฺตุปฺปาเท, กมฺมปถวเสน ทสากุสลกมฺมปเถ, ปวตฺติเภทวเสน อเนกเภทภินฺเน สพฺเพปิ อกุสลธมฺเมติ อตฺโถ. เย จรนฺติ สทา สตาติ เย สติเวปุลฺลปฺปตฺตตาย สพฺพกาลํ รูปาทีสุ ฉสุปิ อารมฺมเณสุ สตตวิหารวเสน สตา สติมนฺโต หุตฺวา จตูหิ อิริยาปเถหิ จรนฺติ. สติคฺคหเณเนว เจตฺถ สมฺปชฺมฺปิ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ขีณสํโยชนาติ จตูหิปิ อริยมคฺเคหิ ทสวิธสฺส สํโยชนสฺส สมุจฺฉินฺนตฺตา ปริกฺขีณสํโยชนา. พุทฺธาติ จตุสจฺจสมฺโพเธน พุทฺธา. เต จ ปน สาวกพุทฺธา, ปจฺเจกพุทฺธา ¶ , สมฺมาสมฺพุทฺธาติ ติวิธา, เตสุ อิธ สาวกพุทฺธา อธิปฺเปตา. เต ¶ เว โลกสฺมิ พฺราหฺมณาติ เต เสฏฺตฺเถน พฺราหฺมณสงฺขาเต ธมฺเม อริยาย ชาติยา ชาตา, พฺราหฺมณภูตสฺส วา ภควโต โอรสปุตฺตาติ อิมสฺมึ สตฺตโลเก ปรมตฺถโต พฺราหฺมณา นาม, น ชาติโคตฺตมตฺเตหิ, น ชฏาธารณาทิมตฺเตน วาติ อตฺโถ. เอวํ อิเมสุ ทฺวีสุ สุตฺเตสุ พฺราหฺมณกรา ¶ ธมฺมา อรหตฺตํ ปาเปตฺวา กถิตา, นานชฺฌาสยตาย ปน สตฺตานํ เทสนาวิลาเสน อภิลาปนานตฺเตน เทสนานานตฺตํ เวทิตพฺพํ.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. มหากสฺสปสุตฺตวณฺณนา
๖. ฉฏฺเ ราชคเหติ เอวํนามเก นคเร. ตฺหิ มหามนฺธาตุมหาโควินฺทาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘ราชคห’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘ทุรภิภวนียตฺตา ปฏิราชูนํ คหภูตนฺติ ราชคห’’นฺติอาทินา อฺเเนตฺถ ปกาเรน วณฺณยนฺติ. กินฺเตหิ? นามเมตํ ตสฺส นครสฺส. ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหติ, เสสกาเล สฺุํ ยกฺขปริคฺคหิตํ เตสํ วสนฏฺานํ หุตฺวา ติฏฺติ. เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปติ เวฬุวนนฺติ ตสฺส วิหารสฺส นามํ. ตํ กิร อฏฺารสหตฺถุพฺเพเธน ปากาเรน ปริกฺขิตฺตํ พุทฺธสฺส ภควโต วสนานุจฺฉวิกาย มหติยา คนฺธกุฏิยา อฺเหิ จ ปาสาทกุฏิเลณมณฺฑปจงฺกมทฺวารโกฏฺกาทีหิ ปฏิมณฺฑิตํ พหิ เวฬูหิ ปริกฺขิตฺตํ อโหสิ นีโลภาสํ มโนรมํ, เตน ‘‘เวฬุวน’’นฺติ ¶ วุจฺจติ. กลนฺทกานฺเจตฺถ นิวาปํ อทํสุ, ตสฺมา ‘‘กลนฺทกนิวาโป’’ติ วุจฺจติ. ปุพฺเพ กิร อฺตโร ราชา ตํ อุยฺยานํ กีฬนตฺถํ ปวิฏฺโ สุรามทมตฺโต ทิวาเสยฺยํ อุปคโต สุปิ, ปริชโนปิสฺส ‘‘สุตฺโต ราชา’’ติ ปุปฺผผลาทีหิ ปโลภิยมาโน อิโต จิโต จ ปกฺกามิ. อถ สุราคนฺเธน อฺตรสฺมา รุกฺขสุสิรา กณฺหสปฺโป นิกฺขมิตฺวา รฺโ อภิมุโข อาคจฺฉติ. ตํ ทิสฺวา รุกฺขเทวตา ‘‘รฺโ ชีวิตํ ทสฺสามี’’ติ กลนฺทกเวเสน คนฺตฺวา กณฺณมูเล สทฺทมกาสิ. ราชา ปฏิพุชฺฌิ, กณฺหสปฺโป นิวตฺโต. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘อิมาย กาฬกาย มม ชีวิตํ ทินฺน’’นฺติ กาฬกานํ นิวาปํ ตตฺถ ปฏฺเปสิ, อภยโฆสฺจ โฆสาเปสิ. ตสฺมา ตโต ปฏฺาย ตํ ‘‘กลนฺทกนิวาป’’นฺติ สงฺขํ คตํ. กลนฺทกาติ หิ กาฬกานํ นามํ, ตสฺมึ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป.
มหากสฺสโปติ ¶ มหนฺเตหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา มหนฺโต กสฺสโปติ มหากสฺสโป, อปิจ กุมารกสฺสปตฺเถรํ อุปาทาย อยํ มหาเถโร ¶ ‘‘มหากสฺสโป’’ติ วุจฺจติ. ปิปฺปลิคุหายนฺติ ตสฺสา กิร คุหาย ทฺวารสมีเป เอโก ปิปฺปลิรุกฺโข อโหสิ, เตน สา ‘‘ปิปฺปลิคุหา’’ติ ปฺายิตฺถ. ตสฺสํ ปิปฺปลิคุหายํ. อาพาธิโกติ อาพาโธ อสฺส อตฺถีติ อาพาธิโก, พฺยาธิโกติ อตฺโถ. ทุกฺขิโตติ กายสนฺนิสฺสิตํ ทุกฺขํ สฺชาตํ อสฺสาติ ทุกฺขิโต, ทุกฺขปฺปตฺโตติ อตฺโถ. พาฬฺหคิลาโนติ อธิมตฺตเคลฺโ, ตํ ปน เคลฺํ สโต สมฺปชาโน หุตฺวา อธิวาเสสิ. อถสฺส ภควา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา โพชฺฌงฺคปริตฺตํ อภาสิ, เตเนว เถรสฺส โส อาพาโธ วูปสมิ. วุตฺตฺเหตํ โพชฺฌงฺคสํยุตฺเต –
‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา มหากสฺสโป ปิปฺปลิคุหายํ วิหรติ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยนายสฺมา มหากสฺสโป เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา…เป… เอตทโวจ – ‘กจฺจิ เต, กสฺสป, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ ทุกฺขา เวทนา ¶ ปฏิกฺกมนฺติ, โน อภิกฺกมนฺติ, ปฏิกฺกโมสานํ ปฺายติ โน อภิกฺกโม’ติ? ‘น เม, ภนฺเต, ขมนียํ, น ยาปนียํ, พาฬฺหา เม ภนฺเต, ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ โน ปฏิกฺกมนฺติ, อภิกฺกโมสานํ ปฺายติ โน ปฏิกฺกโม’ติ.
‘‘‘สตฺติเม, กสฺสป, โพชฺฌงฺคา มยา สมฺมทกฺขาตา ภาวิตา พหุลีกตา อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม สตฺต? สติสมฺโพชฺฌงฺโค โข, กสฺสป, มยา สมฺมทกฺขาโต ภาวิโต พหุลีกโต อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ…เป… อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค โข, กสฺสป, มยา สมฺมทกฺขาโต ภาวิโต พหุลีกโต อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. อิเม โข, กสฺสป, สตฺต โพชฺฌงฺคา มยา สมฺมทกฺขาตา ภาวิตา พหูลีกตา อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺตี’ติ. ‘ตคฺฆ ภควา โพชฺฌงฺคา, ตคฺฆ, สุคต, โพชฺฌงฺคา’’’ติ.
‘‘อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา มหากสฺสโป ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิ. วุฏฺหิ จายสฺมา มหากสฺสโป ตมฺหา ¶ อาพาธา, ตถา ปหีโน จายสฺมโต มหากสฺสปสฺส โส อาพาโธ อโหสี’’ติ.
เตน ¶ วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อปเรน สมเยน ตมฺหา อาพาธา วุฏฺาสี’’ติ.
เอตทโหสีติ ปุพฺเพ เคลฺทิวเสสุ สทฺธิวิหาริเกหิ อุปนีตํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา วิหาเร เอว อโหสิ. อถสฺส ตมฺหา อาพาธา วุฏฺิตสฺส เอตํ ‘‘ยํนูนาหํ ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิเสยฺย’’นฺติ ปริวิตกฺโก อโหสิ. ปฺจมตฺตานิ เทวตาสตานีติ สกฺกสฺส เทวรฺโ ปริจาริกา ปฺจสตา กกุฏปาทินิโย อจฺฉราโย. อุสฺสุกฺกํ อาปนฺนานิ โหนฺตีติ เถรสฺส ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามาติ ปฺจปิณฺฑปาตสตานิ สชฺเชตฺวา สุวณฺณภาชเนหิ อาทาย อนฺตรามคฺเค ตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ ปิณฺฑปาตํ คณฺหถ, สงฺคหํ โน กโรถา’’ติ วทมานา ปิณฺฑปาตทาเน ยุตฺตปฺปยุตฺตานิ โหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ปิณฺฑปาตปฺปฏิลาภายา’’ติ.
สกฺโก กิร เทวราชา เถรสฺส จิตฺตปฺปวตฺตึ ตฺวา ตา อจฺฉราโย อุยฺโยเชสิ ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห อยฺยสฺส มหากสฺสปตฺเถรสฺส ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา อตฺตโน ปติฏฺํ กโรถา’’ติ. เอวํ หิสฺส อโหสิ ‘‘อิมาสุ สพฺพาสุ คตาสุ กทาจิ เอกิสฺสาปิ หตฺถโต ปิณฺฑปาตํ เถโร ปฏิคฺคณฺเหยฺย, ตํ ตสฺสา ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ. ปฏิกฺขิปิ เถโร, ‘‘ภนฺเต ¶ , มยฺหํ ปิณฺฑปาตํ คณฺหถ, มยฺหํ ปิณฺฑปาตํ คณฺหถา’’ติ วทนฺติโย ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห กตปฺุา มหาโภคา, อหํ ทุคฺคตานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มา โน นาเสถ, สงฺคหํ โน กโรถา’’ติ วทนฺติโย ปุนปิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุนปิ อปคนฺตุํ อนิจฺฉมานา ยาจนฺติโย ‘‘น อตฺตโน ปมาณํ ชานาถ, อปคจฺฉถา’’ติ วตฺวา อจฺฉรํ ปหริ. ตา เถรสฺส อจฺฉราสทฺทํ สุตฺวา สนฺตชฺชิตา าตุํ อสกฺโกนฺติโย ปลายิตฺวา เทวโลกเมว คตา. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปฺจมตฺตานิ เทวตาสตานิ ปฏิกฺขิปิตฺวา’’ติ.
ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ¶ ปุพฺพณฺเห เอกํ สมยํ, เอกสฺมึ กาเล. นิวาเสตฺวาติ วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสน นิวาสนํ ทฬฺหํ นิวาเสตฺวา. ปตฺตจีวรมาทายาติ จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ หตฺเถน คเหตฺวา. ปิณฺฑาย ปาวิสีติ ปิณฺฑปาตตฺถาย ปาวิสิ. ทลิทฺทวิสิขาติ ทุคฺคตมนุสฺสานํ วสโนกาโส. กปณวิสิขาติ โภคปาริชฺุปฺปตฺติยา ทีนมนุสฺสานํ วาโส. เปสการวิสิขาติ ตนฺตวายวาโส. อทฺทสา โข ภควาติ กถํ อทฺทส? ‘‘อาพาธา วุฏฺิโต มม ปุตฺโต กสฺสโป กินฺนุ โข กโรตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต เวฬุวเน นิสินฺโน เอว ภควา ทิพฺพจกฺขุนา อทฺทส.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ ยายํ อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ปฺจหิ อจฺฉราสเตหิ อุปนีตํ อเนกสูปํ อเนกพฺยฺชนํ ทิพฺพปิณฺฑปาตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา กปณชนานุคฺคหปฺปฏิปตฺติ วุตฺตา, เอตมตฺถํ ชานิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ปรมปฺปิจฺฉตาทสฺสนมุเขน ขีณาสวสฺส ตาทีภาวานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อนฺโปสินฺติ อฺํ โปเสตีติ อฺโปสี, น อฺโปสี อนฺโปสี, อตฺตนา โปเสตพฺพสฺส อฺสฺส อภาเวน อทุติโย, เอกโกติ อตฺโถ. เตน เถรสฺส สุภรตํ ทสฺเสติ. เถโร หิ กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน จ ปิณฺฑปาเตน อตฺตานเมว โปเสนฺโต ปรมปฺปิจฺโฉ หุตฺวา วิหรติ, อฺํ าติมิตฺตาทีสุ กฺจิ น โปเสติ กตฺถจิ อลคฺคภาวโต. อถ วา อฺเน อฺตเรน โปเสตพฺพตาย อภาวโต อนฺโปสี. โย หิ เอกสฺมึเยว ปจฺจยทายเก ปฏิพทฺธจตุปจฺจโย โส อนฺโปสี นาม น โหติ เอกายตฺตวุตฺติโต ¶ . เถโร ปน ‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผ’’นฺติ (ธ. ป. ๔๙) คาถาย วุตฺตนเยน ชงฺฆาพลํ นิสฺสาย ปิณฺฑาย จรนฺโต กุเลสุ นิจฺจนโว หุตฺวา มิสฺสกภตฺเตน ยาเปติ. ตถา หิ นํ ภควา จนฺทูปมปฺปฏิปทาย โถเมสิ. อฺาตนฺติ อภิฺาตํ, ยถาภุจฺจคุเณหิ ปตฺถฏยสํ, เตเนว วา อนฺโปสิภาเวน อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาหิ าตํ. อถ วา อฺาตนฺติ สพฺพโส ปหีนตณฺหตาย ลาภสกฺการสิโลกนิกามนเหตุ อตฺตานํ ชานาปนวเสน น าตํ. อวีตตณฺโห ¶ หิ ปาปิจฺโฉ กุหกตาย สมฺภาวนาธิปฺปาเยน อตฺตานํ ชานาเปติ. ทนฺตนฺติ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน อินฺทฺริเยสุ อุตฺตมทมเนน ทนฺตํ. สาเร ปติฏฺิตนฺติ วิมุตฺติสาเร อวฏฺิตํ, อเสกฺขสีลกฺขนฺธาทิเก วา สีลาทิสาเร ปติฏฺิตํ. ขีณาสวํ วนฺตโทสนฺติ กามาสวาทีนํ จตุนฺนํ อาสวานํ อนวเสสํ ปหีนตฺตา ขีณาสวํ. ตโต เอว ราคาทิโทสานํ สพฺพโส วนฺตตฺตา วนฺตโทสํ. ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณนฺติ ตํ ยถาวุตฺตคุณํ ปรมตฺถพฺราหฺมณํ อหํ พฺราหฺมณนฺติ วทามีติ. อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เทสนานานตฺตํ เวทิตพฺพํ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อชกลาปกสุตฺตวณฺณนา
๗. สตฺตเม ปาวายนฺติ เอวํนามเก มลฺลราชูนํ นคเร. อชกลาปเก เจติเยติ อชกลาปเกน ¶ นาม ยกฺเขน ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘อชกลาปก’’นฺติ ลทฺธนาเม มนุสฺสานํ จิตฺตีกตฏฺาเน ¶ . โส กิร ยกฺโข อเช กลาเป กตฺวา พนฺธเนน อชโกฏฺาเสน สทฺธึ พลึ ปฏิจฺฉติ, น อฺถา, ตสฺมา ‘‘อชกลาปโก’’ติ ปฺายิตฺถ. เกจิ ปนาหุ – อชเก วิย สตฺเต ลาเปตีติ อชกลาปโกติ. ตสฺส กิร สตฺตา พลึ อุปเนตฺวา ยทา อชสทฺทํ กตฺวา พลึ อุปหรนฺติ, ตทา โส ตุสฺสติ, ตสฺมา ‘‘อชกลาปโก’’ติ วุจฺจตีติ. โส ปน ยกฺโข อานุภาวสมฺปนฺโน กกฺขโฬ ผรุโส ตตฺถ จ สนฺนิหิโต, ตสฺมา ตํ านํ มนุสฺสา จิตฺตึ กโรนฺติ, กาเลน กาลํ พลึ อุปหรนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อชกลาปเก เจติเย’’ติ. อชกลาปกสฺส ยกฺขสฺส ภวเนติ ตสฺส ยกฺขสฺส วิมาเน.
ตทา กิร สตฺถา ตํ ยกฺขํ ทเมตุกาโม สายนฺหสมเย เอโก อทุติโย ปตฺตจีวรํ อาทาย อชกลาปกสฺส ยกฺขสฺส ภวนทฺวารํ คนฺตฺวา ตสฺส โทวาริกํ ภวนปวิสนตฺถาย ยาจิ. โส ‘‘กกฺขโฬ, ภนฺเต, อชกลาปโก ยกฺโข, สมโณติ วา พฺราหฺมโณติ วา คารวํ น กโรติ, ตสฺมา ตุมฺเห เอว ชานาถ, มยฺหํ ปน ตสฺส อนาโรจนํ น ยุตฺต’’นฺติ ตาวเทว ยกฺขสมาคมํ คตสฺส อชกลาปกสฺส สนฺติกํ ¶ วาตเวเคน อคมาสิ. สตฺถา อนฺโตภวนํ ปวิสิตฺวา อชกลาปกสฺส นิสีทนมณฺฑเป ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. ยกฺขสฺส โอโรธา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. สตฺถา ตาสํ กาลยุตฺตํ ธมฺมึ กถํ กเถสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปาวายํ วิหรติ อชกลาปเก เจติเย อชกลาปกสฺส ยกฺขสฺส ภวเน’’ติ.
ตสฺมึ สมเย สาตาคิรเหมวตา อชกลาปกสฺส ภวนมตฺถเกน ยกฺขสมาคมํ คจฺฉนฺตา อตฺตโน คมเน อสมฺปชฺชมาเน ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อาวชฺเชนฺตา สตฺถารํ อชกลาปกสฺส ภวเน นิสินฺนํ ทิสฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘มยํ, ภนฺเต, ยกฺขสมาคมํ คมิสฺสามา’’ติ อาปุจฺฉิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา คตา ยกฺขสนฺนิปาเต อชกลาปกํ ทิสฺวา ตุฏฺึ ปเวทยึสุ ‘‘ลาภา เต, อาวุโส, อชกลาปก, ยสฺส เต ภวเน สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคโล ภควา นิสินฺโน, อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ภควนฺตํ ปยิรุปาสสฺสุ, ธมฺมฺจ สุณาหี’’ติ. โส เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิเม ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส มม ภวเน นิสินฺนภาวํ กเถนฺตี’’ติ โกธาภิภูโต หุตฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ เตน สมเณน สทฺธึ สงฺคาโม ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ยกฺขสนฺนิปาตโต อุฏฺหิตฺวา ทกฺขิณํ ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา สฏฺิโยชนมตฺตํ ปพฺพตกูฏํ อกฺกมิ, ตํ ภิชฺชิตฺวา ทฺวิธา อโหสิ. เสสํ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อาฬวกสุตฺตวณฺณนายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๔๖) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อชกลาปกสฺส ¶ สมาคโม หิ อาฬวกสมาคมสทิโสว เปตฺวา ปฺหกรณํ วิสฺสชฺชนํ ภวนโต ติกฺขตฺตุํ นิกฺขมนํ ปเวสนฺจ. อชกลาปโก หิ อาคจฺฉนฺโตเยว ‘‘เอเตหิเยว ตํ สมณํ ปลาเปสฺสามี’’ติ วาตมณฺฑลาทิเก นววสฺเส สมุฏฺาเปตฺวา เตหิ ภควโต จลนมตฺตมฺปิ กาตุํ อสกฺโกนฺโต นานาวิธปฺปหรณหตฺเถ อติวิย ภยานกรูเป ภูตคเณ นิมฺมินิตฺวา เตหิ สทฺธึ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อนฺตนฺเตเนว จรนฺโต สพฺพรตฺตึ นานปฺปการํ วิปฺปการํ กตฺวาปิ ภควโต กิฺจิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ นิสินฺนฏฺานโต จลนํ กาตุํ นาสกฺขิ. เกวลํ ปน ‘‘อยํ สมโณ มํ อนาปุจฺฉา มยฺหํ ภวนํ ปวิสิตฺวา นิสีทตี’’ติ โกธวเสน ปชฺชลิ. อถสฺส ภควา จิตฺตปฺปวตฺตึ ตฺวา ‘‘เสยฺยถาปิ นาม จณฺฑสฺส กุกฺกุรสฺส นาสาย ปิตฺตํ ภินฺเทยฺย, เอวํ โส ภิยฺโยโสมตฺตาย ¶ จณฺฑตโร อสฺส, เอวเมวายํ ยกฺโข มยิ อิธ นิสินฺเน จิตฺตํ ปทูเสติ, ยํนูนาหํ พหิ นิกฺขเมยฺย’’นฺติ สยเมว ภวนโต นิกฺขมิตฺวา อพฺโภกาเส นิสีทิ. เตน ¶ วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา รตฺตนฺธการติมิสายํ อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหตี’’ติ.
ตตฺถ รตฺตนฺธการติมิสายนฺติ รตฺติยํ อนฺธกรณตมสิ, จกฺขุวิฺาณุปฺปตฺติวิรหิเต พหลนฺธกาเรติ อตฺโถ. จตุรงฺคสมนฺนาคโต กิร ตทา อนฺธกาโร ปวตฺตีติ. เทโวติ เมโฆ เอกเมกํ ผุสิตกํ อุทกพินฺทุํ ปาเตติ. อถ ยกฺโข ‘‘อิมินา สทฺเทน ตาเสตฺวา อิมํ สมณํ ปลาเปสฺสามี’’ติ ภควโต สมีปํ คนฺตฺวา ‘‘อกฺกุโล’’ติอาทินา ตํ ภึสนํ อกาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข อชกลาปโก’’ติอาทิ. ตตฺถ ภยนฺติ จิตฺตุตฺราสํ, ฉมฺภิตตฺตนฺติ อูรุตฺถมฺภกสรีรสฺส ฉมฺภิตภาวํ. โลมหํสนฺติ โลมานํ ปหฏฺภาวํ, ตีหิปิ ปเทหิ ภยุปฺปตฺติเมว ทสฺเสติ. อุปสงฺกมีติ กสฺมา ปนายํ เอวมธิปฺปาโย อุปสงฺกมิ, นนุ ปุพฺเพ อตฺตนา กาตพฺพํ วิปฺปการํ อกาสีติ? สจฺจมกาสิ, ตํ ปเนส ‘‘อนฺโตภวเน เขมฏฺาเน ถิรภูมิยํ ิตสฺส น กิฺจิ กาตุํ อสกฺขิ, อิทานิ พหิ ิตํ เอวํ ภึสาเปตฺวา ปลาเปตุํ สกฺกา’’ติ มฺมาโน อุปสงฺกมิ. อยฺหิ ยกฺโข อตฺตโน ภวนํ ‘‘ถิรภูมี’’ติ มฺติ, ‘‘ตตฺถ ิตตฺตา อยํ สมโณ น ภายตี’’ติ จ.
ติกฺขตฺตุํ ‘‘อกฺกุโล ปกฺกุโล’’ติ อกฺกุลปกฺกุลิกํ อกาสีติ ตโย วาเร ‘‘อกฺกุโล ปกฺกุโล’’ติ ภึสาเปตุกามตาย เอวรูปํ สทฺทํ อกาสิ. อนุกรณสทฺโท หิ อยํ. ตทา หิ โส ยกฺโข สิเนรุํ อุกฺขิปนฺโต วิย มหาปถวึ ปริวตฺเตนฺโต วิย จ มหตา อุสฺสาเหน อสนิสตสทฺทสงฺฆาฏํ วิย เอกสฺมึ าเน ปฺุชีกตํ หุตฺวา วินิจฺฉรนฺตํ ทิสาคชานํ หตฺถิคชฺชิตํ, เกสรสีหานํ สีหนินฺนาทํ ¶ , ยกฺขานํ หึการสทฺทํ, ภูตานํ อฏฺฏหาสํ, อสุรานํ อปฺโผฏนโฆสํ ¶ , อินฺทสฺส เทวรฺโ วชิรนิคฺฆาตนิคฺโฆสํ, อตฺตโน คมฺภีรตาย วิปฺผาริกตาย ภยานกตาย จ อวเสสสทฺทํ อวหสนฺตมิว อภิภวนฺตมิว จ กปฺปวุฏฺานมหาวาตมณฺฑลิกาย วินิคฺโฆสํ ปุถุชฺชนานํ หทยํ ผาเลนฺตํ วิย มหนฺตํ ปฏิภยนิคฺโฆสํ อพฺยตฺตกฺขรํ ติกฺขตฺตุํ อตฺตโน ยกฺขคชฺชิตํ คชฺชิ ¶ ‘‘เอเตน อิมํ สมณํ ภึสาเปตฺวา ปลาเปสฺสามี’’ติ. ยํ ยํ นิจฺฉรติ, เตน เตน ปพฺพตา ปปฏิกํ มฺุจึสุ, วนปฺปติเชฏฺเก อุปาทาย สพฺเพสุ รุกฺขลตาคุมฺเพสุ ปตฺตผลปุปฺผานิ สีทยึสุ, ติโยชนสหสฺสวิตฺถโตปิ หิมวนฺตปพฺพตราชา สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, ภุมฺมเทวตา อาทึ กตฺวา เยภุยฺเยน เทวตานมฺปิ อหุเทว ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส, ปเคว มนุสฺสานํ. อฺเสฺจ อปททฺวิปทจตุปฺปทานํ มหาปถวิยา อุนฺทฺริยนกาโล วิย มหตี วิภึสนกา อโหสิ, สกลสฺมึ ชมฺพุทีปตเล มหนฺตํ โกลาหลํ อุทปาทิ. ภควา ปน ตํ สทฺทํ ‘‘กิมี’’ติ อมฺมาโน นิจฺจโล นิสีทิ, ‘‘มา กสฺสจิ อิมินา อนฺตราโย โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ.
ยสฺมา ปน โส สทฺโท ‘‘อกฺกุล ปกฺกุล’’ อิติ อิมินา อากาเรน สตฺตานํ โสตปถํ อคมาสิ, ตสฺมา ตสฺส อนุกรณวเสน ‘‘อกฺกุโล ปกฺกุโล’’ติ, ยกฺขสฺส จ ตสฺสํ นิคฺโฆสนิจฺฉารณายํ อกฺกุลปกฺกุลกรณํ อตฺถีติ กตฺวา ‘‘อกฺกุลปกฺกุลิกํ อกาสี’’ติ สงฺคหํ อาโรปยึสุ. เกจิ ปน ‘‘อากุลพฺยากุล อิติ ปททฺวยสฺส ปริยายาภิธานวเสน อกฺกุโล พกฺกุโลติ อยํ สทฺโท วุตฺโต’’ติ วทนฺติ ยถา ‘‘เอกํ เอกก’’นฺติ. ยสฺมา เอกวารํ ชาโต ปมุปฺปตฺติวเสเนว นิพฺพตฺตตฺตา อากุโลติ อาทิอตฺโถ อากาโร, ตสฺส จ ¶ กการาคมํ กตฺวา รสฺสตฺตํ กตนฺติ. ทฺเว วาเร ปน ชาโต พกฺกุโล, กุลสทฺโท เจตฺถ ชาติปริยาโย โกลํโกโลติอาทีสุ วิย. วุตฺตอธิปฺปายานุวิธายี จ สทฺทปฺปโยโคติ ปเมน ปเทน ชลาพุชสีหพฺยคฺฆาทโย, ทุติเยน อณฺฑชอาสีวิสกณฺหสปฺปาทโย วุจฺจนฺติ, ตสฺมา สีหาทิโก วิย อาสีวิสาทิโก วิย จ ‘‘อหํ เต ชีวิตหารโก’’ติ อิมํ อตฺถํ ยกฺโข ปททฺวเยน ทสฺเสตีติ อฺเ. อปเร ปน ‘‘อกฺขุโล ภกฺขุโล’’ติ ปาฬึ วตฺวา ‘‘อกฺเขตุํ เขเปตุํ วินาเสตุํ อุลติ ปวตฺเตตีติ อกฺขุโล, ภกฺขิตุํ ขาทิตุํ อุลตีติ ภกฺขุโล. โก ปเนโส? ยกฺขรกฺขสปิสาจสีหพฺยคฺฆาทีสุ อฺตโร โย โกจิ มนุสฺสานํ อนตฺถาวโห’’ติ ตสฺส อตฺถํ วทนฺติ. อิธาปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว อธิปฺปายโยชนา เวทิตพฺพา.
เอโส ¶ เต, สมณ, ปิสาโจติ ‘‘อมฺโภ, สมณ, ตว ปิสิตาสโน ปิสาโจ อุปฏฺิโต’’ติ มหนฺตํ เภรวรูปํ อภินิมฺมินิตฺวา ภควโต ปุรโต ตฺวา อตฺตานํ สนฺธาย ยกฺโข วทติ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ เตน ยกฺเขน กายวาจาหิ ปวตฺติยมานํ วิปฺปการํ. เตน จ อตฺตโน อนภิภวนียสฺส เหตุภูตํ โลกธมฺเมสุ นิรุปกฺกิเลสตํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. ตายํ เวลายนฺติ ตสฺสํ วิปฺปการกรณเวลายํ. อิมํ อุทานนฺติ ตํ วิปฺปการํ อคเณตฺวา อสฺส อคณนเหตุภูตํ ธมฺมานุภาวทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยทา สเกสุ ธมฺเมสูติ ยสฺมึ กาเล สกอตฺตภาวสงฺขาเตสุ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺธธมฺเมสุ. ปารคูติ ปริฺาภิสมยปาริปูริวเสน ปารงฺคโต, ตโตเยว เตสํ เหตุภูเต สมุทเย, ตทปฺปวตฺติลกฺขเณ นิโรเธ, นิโรธคามินิยา ปฏิปทาย จ ปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยปาริปูริวเสน ปารคโต. โหติ พฺราหฺมโณติ เอวํ สพฺพโส พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ นาม โหติ, สพฺพโส สกอตฺตภาวาวโพธเนปิ จตุสจฺจาภิสมโย ¶ โหติ. วุตฺตฺเจตํ – ‘‘อิมสฺมึเยว พฺยามมตฺเต กเฬวเร สสฺิมฺหิ สมนเก โลกฺจ โลกสมุทยฺจ ปฺเปมี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๑๐๗; อ. นิ. ๔.๔๕). อถ วา สเกสุ ธมฺเมสูติ อตฺตโน ธมฺเมสุ, อตฺตโน ธมฺมา นาม อตฺถกามสฺส ปุคฺคลสฺส สีลาทิธมฺมา. สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติอาทโย หิ โวทานธมฺมา เอกนฺตหิตสุขสมฺปาทเนน ปุริสสฺส อตฺตโน ธมฺมา นาม, น อนตฺถาวหา สํกิเลสธมฺมา วิย อสกธมฺมา. ปารคูติ เตสํ สีลาทีนํ ปาริปูริยา ปารํ ปริยนฺตํ คโต.
ตตฺถ สีลํ ตาว โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิธํ. เตสุ โลกิยํ ปุพฺพภาคสีลํ. ตํ สงฺเขปโต ปาติโมกฺขสํวราทิวเสน จตุพฺพิธํ, วิตฺถารโต ปน อเนกปฺปเภทํ. โลกุตฺตรํ มคฺคผลวเสน ทุวิธํ, อตฺถโต สมฺมาวาจาสมฺมากมฺมนฺตสมฺมาอาชีวา. ยถา จ สีลํ, ตถา สมาธิปฺา จ โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิธา. ตตฺถ โลกิยสมาธิ สห อุปจาเรน อฏฺ สมาปตฺติโย, โลกุตฺตรสมาธิ มคฺคปริยาปนฺโน ¶ . ปฺาปิ โลกิยา สุตมยา, จินฺตามยา, ภาวนามยา จ สาสวา, โลกุตฺตรา ปน มคฺคสมฺปยุตฺตา ผลสมฺปยุตฺตา จ. วิมุตฺติ นาม ผลวิมุตฺติ นิพฺพานฺจ, ตสฺมา สา โลกุตฺตราว. วิมุตฺติาณทสฺสนํ โลกิยเมว, ตํ เอกูนวีสติวิธํ ปจฺจเวกฺขณาณภาวโต. เอวํ เอเตสํ สีลาทิธมฺมานํ อตฺตโน สนฺตาเน อรหตฺตผลาธิคเมน อนวเสสโต นิพฺพตฺตปาริปูริยา ปารํ ปริยนฺตํ คโตติ สเกสุ ธมฺเมสุ ปารคู.
อถ วา โสตาปตฺติผลาธิคเมน สีลสฺมึ ปารคู. โส หิ ‘‘สีเลสุ ปริปูรการี’’ติ วุตฺโต, โสตาปนฺนคฺคหเณเนว เจตฺถ สกทาคามีปิ คหิโต โหติ. อนาคามิผลาธิคเมน สมาธิสฺมึ ¶ ปารคู. โส หิ ‘‘สมาธิสฺมึ ปริปูรการี’’ติ วุตฺโต. อรหตฺตผลาธิคเมน อิตเรสุ ตีสุ ปารคู. อรหา หิ ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา อคฺคภูตาย อกุปฺปาย เจโตวิมุตฺติยา อธิคตตฺตา ปจฺจเวกฺขณาณสฺส จ ปริโยสานคมนโต ปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสเนสุ ปารคู นาม โหติ. เอวํ สพฺพถาปิ จตูสุ อริยสจฺเจสุ จตุมคฺควเสน ปริฺาทิโสฬสวิธาย ¶ กิจฺจนิปฺผตฺติยา ยถาวุตฺเตสุ ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล สเกสุ ธมฺเมสุ ปารคโต.
โหติ พฺราหฺมโณติ ตทา โส พาหิตปาปธมฺมตาย ปรมตฺถพฺราหฺมโณ โหติ. อถ เอตํ ปิสาจฺจ, ปกฺกุลฺจาติวตฺตตีติ ตโต ยถาวุตฺตปารคมนโต อถ ปจฺฉา, อชกลาปก, เอตํ ตยา ทสฺสิตํ ปิสิตาสนตฺถมาคตํ ปิสาจํ ภยชนนตฺถํ สมุฏฺาปิตํ อกฺกุลปกฺกุลิกฺจ อติวตฺตติ, อติกฺกมติ, อภิภวติ, ตํ น ภายตีติ อตฺโถ.
อยมฺปิ คาถา อรหตฺตเมว อุลฺลปิตฺวา กถิตา. อถ อชกลาปโก อตฺตนา กเตน ตถารูเปนปิ ปฏิภยรูเปน วิภึสเนน อกมฺปนียสฺส ภควโต ตํ ตาทิภาวํ ทิสฺวา ‘‘อโห อจฺฉริยมนุสฺโสวตาย’’นฺติ ปสนฺนมานโส โปถุชฺชนิกาย สทฺธาย อตฺตนิ นิวิฏฺภาวํ วิภาเวนฺโต สตฺถุ สมฺมุขา อุปาสกตฺตํ ปเวเทสิ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สงฺคามชิสุตฺตวณฺณนา
๘. อฏฺเม ¶ สงฺคามชีติ เอวํนาโม. อยฺหิ อายสฺมา สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส มหาวิภวสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต, วยปฺปตฺตกาเล มาตาปิตูหิ ปติรูเปน ทาเรน นิโยเชตฺวา สาปเตยฺยํ นิยฺยาเตตฺวา ฆรพนฺธเนน พทฺโธ โหติ. โส เอกทิวสํ สาวตฺถิวาสิโน อุปาสเก ปุพฺพณฺหสมยํ ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา สายนฺหสมเย สุทฺธวตฺเถ สุทฺธุตฺตราสงฺเค คนฺธมาลาทิหตฺเถ ธมฺมสฺสวนตฺถํ เชตวนาภิมุเข คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘กตฺถ ตุมฺเห คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ธมฺมสฺสวนตฺถํ เชตวเน สตฺถุ สนฺติก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ เตหิ สทฺธึ เชตวนํ อคมาสิ. เตน จ สมเยน ภควา ¶ กฺจนคุหายํ สีหนาทํ นทนฺโต เกสรสีโห วิย สทฺธมฺมมณฺฑเป ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสติ.
อถ ¶ โข เต อุปาสกา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, สงฺคามชิปิ กุลปุตฺโต ตสฺสา ปริสาย ปริยนฺเต ธมฺมํ สุณนฺโต นิสีทิ. ภควา อนุปุพฺพิกถํ กเถตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อเนเกสํ ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. สงฺคามชิปิ กุลปุตฺโต โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ปริสาย วุฏฺิตาย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ ‘‘ปพฺพาเชถ มํ ภควา’’ติ. ‘‘อนฺุาโตสิ ปน ตฺวํ มาตาปิตูหิ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ‘‘นาหํ, ภนฺเต, อนฺุาโต’’ติ. ‘‘น โข, สงฺคามชิ, ตถาคตา มาตาปิตูหิ อนนฺุาตํ ปุตฺตํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ. ‘‘โสหํ, ภนฺเต, ตถา กริสฺสามิ, ยถา มํ มาตาปิตโร ปพฺพชิตุํ อนุชานนฺตี’’ติ. โส ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา มาตาปิตโร อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, อนุชานาถ มํ ปพฺพชิตุ’’นฺติ อาห. ตโต ปรํ รฏฺปาลสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๒๙๓ อาทโย) อาคตนเยน เวทิตพฺพํ.
อถ โส ‘‘ปพฺพชิตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ ปฏิฺํ ทตฺวา อนฺุาโต มาตาปิตูหิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อลตฺถ โข จ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทฺจ, อจิรูปสมฺปนฺโน จ ปน โส อุปริมคฺคตฺถาย ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อฺตรสฺมึ อรฺาวาเส วสฺสํ วสิตฺวา ฉฬภิฺโ หุตฺวา วุตฺถวสฺโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย มาตาปิตูนฺจ ¶ ปฏิสฺสวโมจนตฺถํ สาวตฺถึ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สงฺคามชิ สาวตฺถึ อนุปฺปตฺโต โหตี’’ติ.
โส หายสฺมา ธุรคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เชตวนํ ปวิสิตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ กตปฏิสนฺถาโร อฺํ พฺยากริตฺวา ปุน ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา นิกฺขมิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถสฺส มาตาปิตโร าติมิตฺตา จสฺส อาคมนํ สุตฺวา, ‘‘สงฺคามชิ, กิร อิธาคโต’’ติ หฏฺตุฏฺา ตุริตตุริตา วิหารํ คนฺตฺวา ปริเยสนฺตา นํ ตตฺถ นิสินฺนํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘มา อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชาโน หเรยฺยุํ, อปฺปิยา ทายาทา วา คณฺเหยฺยุํ, นาลํ ปพฺพชฺชาย, เอหิ, ตาต, วิพฺภมา’’ติ ยาจึสุ. ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘อิเม มยฺหํ กาเมหิ อนตฺถิกภาวํ น ชานนฺติ, คูถธารี วิย คูถปิณฺเฑ กาเมสุเยว อลฺลียนํ อิจฺฉนฺติ, นยิเม สกฺกา ธมฺมกถาย สฺาเปตุ’’นฺติ อสฺสุณนฺโต วิย นิสีทิ. เต นานปฺปการํ ยาจิตฺวา อตฺตโน วจนํ อคฺคณฺหนฺตํ ทิสฺวา ฆรํ ปวิสิตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ ตสฺส ภริยํ สปริวารํ อุยฺโยเชสุํ ‘‘มยํ นานปฺปการํ ตํ ยาจนฺตาปิ ตสฺส มนํ อลภิตฺวา อาคตา, คจฺฉ ตฺวํ, ภทฺเท, ตว ภตฺตารํ ปุตฺตสนฺทสฺสเนน ยาจิตฺวา สฺาเปหี’’ติ. ตาย กิร อาปนฺนสตฺตาย ¶ อยมายสฺมา ปพฺพชิโต. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ทารกมาทาย มหตา ปริวาเรน เชตวนํ อคมาสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อสฺโสสิ โข อายสฺมโต สงฺคามชิสฺสา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ปุราณทุติยิกาติ ปุพฺเพ คิหิกาเล ปาทปริจรณวเสน ทุติยิกา, ภริยาติ อตฺโถ. อยฺโยติ ‘‘อยฺยปุตฺโต’’ติ วตฺตพฺเพ ปพฺพชิตานํ อนุจฺฉวิกโวหาเรน วทติ. กิราติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต, ตสฺส อนุปฺปตฺโต กิราติ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ขุทฺทปุตฺตฺหิ สมณ, โปส มนฺติ อาปนฺนสตฺตเมว มํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิโต, สาหํ เอตรหิ ขุทฺทปุตฺตา, ตาทิสํ มํ ฉฑฺเฑตฺวาว ตว สมณธมฺมกรณํ อยุตฺตํ, ตสฺมา, สมณ, ปุตฺตทุติยํ มํ ฆาสจฺฉาทนาทีหิ ภรสฺสูติ. อายสฺมา ปน, สงฺคามชิ, อินฺทฺริยานิ อุกฺขิปิตฺวา ตํ เนว โอโลเกติ, นาปิ อาลปติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวํ วุตฺเต อายสฺมา สงฺคามชิ ตุณฺหี อโหสี’’ติ.
สา ¶ ติกฺขตฺตุํ ตเถว วตฺวา ตุณฺหีภูตเมว ตํ ทิสฺวา ‘‘ปุริสา นาม ภริยาสุ นิรเปกฺขาปิ ปุตฺเตสุ สาเปกฺขา โหนฺติ, ปุตฺตสิเนโห ปิตุ อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ติฏฺติ, ตสฺมา ปุตฺตเปเมนาปิ มยฺหํ วเส วตฺเตยฺยา’’ติ มฺมานา ปุตฺตํ ¶ เถรสฺส องฺเก นิกฺขิปิตฺวา เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม ‘‘เอโส เต, สมณ, ปุตฺโต, โปส น’’นฺติ วตฺวา โถกํ อคมาสิ. สา กิร สมณเตเชนสฺส สมฺมุเข าตุํ นาสกฺขิ. เถโร ทารกมฺปิ เนว โอโลเกติ นาปิ อาลปติ. อถ สา อิตฺถี อวิทูเร ตฺวา มุขํ ปริวตฺเตตฺวา โอโลเกนฺตี เถรสฺส อาการํ ตฺวา ปฏินิวตฺติตฺวา ‘‘ปุตฺเตนปิ อยํ สมโณ อนตฺถิโก’’ติ ทารกํ คเหตฺวา ปกฺกามิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมโต สงฺคามชิสฺส ปุราณทุติยิกา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ปุตฺเตนปีติ อยํ สมโณ อตฺตโน โอรสปุตฺเตนปิ อนตฺถิโก, ปเคว อฺเหีติ อธิปฺปาโย. ทิพฺเพนาติ เอตฺถ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ. เทวตานฺหิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธํ ทูเรปิ อารมฺมณสมฺปฏิจฺฉนสมตฺถํ ทิพฺพํ ปสาทจกฺขุ โหติ. อิทมฺปิ จตุตฺถชฺฌานสมาธินิพฺพตฺตํ อภิฺาจกฺขุํ ตาทิสนฺติ ทิพฺพํ วิยาติ ทิพฺพํ, ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสเยน ลทฺธตฺตา วา ทิพฺพํ, มหาชุติกตฺตา มหาคติกตฺตา วา ทิพฺพํ, เตน ทิพฺเพน. วิสุทฺเธนาติ นีวรณาทิสํกิเลสวิคเมน สุปริสุทฺเธน. อติกฺกนฺตมานุสเกนาติ มนุสฺสานํ วิสยาตีเตน. อิมํ เอวรูปํ วิปฺปการนฺติ อิมํ เอวํ วิปฺปการํ ยถาวุตฺตํ ปพฺพชิเตสุ อสารุปฺปํ องฺเก ปุตฺตฏฺปนสงฺขาตํ วิรูปกิริยํ.
เอตมตฺถนฺติ ¶ เอตํ อายสฺมโต สงฺคามชิสฺส ปุตฺตทาราทีสุ สพฺพตฺถ นิรเปกฺขภาวสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ตสฺส อิฏฺานิฏฺาทีสุ ตาทิภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อายนฺตินฺติ อาคจฺฉนฺตึ, ปุราณทุติยิกนฺติ อธิปฺปาโย. นาภินนฺทตีติ ทฏฺุํ มํ อาคตาติ น นนฺทติ น ตุสฺสติ. ปกฺกมนฺตินฺติ สา อยํ มยา อสมฺโมทิตาว คจฺฉตีติ คจฺฉนฺตึ. น โสจตีติ น จิตฺตสนฺตาปมาปชฺชติ. เยน ปน การเณน เถโร เอวํ นาภินนฺทติ น โสจติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺคา สงฺคามชึ มุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ สงฺคาติ ราคสงฺโค โทสโมหมานทิฏฺิสงฺโคติ ปฺจวิธาปิ สงฺคา สมุจฺเฉทปฺปฏิปสฺสทฺธิวิมุตฺตีหิ ¶ วิมุตฺตํ สงฺคามชึ ภิกฺขุํ. ตมหํ ¶ พฺรูมิ พฺราหฺมณนฺติ ตํ ตาทิภาวปฺปตฺตํ ขีณาสวํ อหํ สพฺพโส พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมณนฺติ วทามีติ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ชฏิลสุตฺตวณฺณนา
๙. นวเม คยายนฺติ เอตฺถ คยาติ คาโมปิ ติตฺถมฺปิ วุจฺจติ. คยาคามสฺส หิ อวิทูเร วิหรนฺโต ภควา ‘‘คยายํ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ, ตถา คยาติตฺถสฺส. คยาติตฺถนฺติ หิ คยาคามสฺส อวิทูเร เอกา โปกฺขรณี อตฺถิ นทีปิ, ตทุภยํ ‘‘ปาปปวาหนติตฺถ’’นฺติ โลกิยมหาชโน สมุทาจรติ. คยาสีเสติ คชสีสสทิสสิขโร ตตฺถ เอโก ปพฺพโต คยาสีสนามโก, ยตฺถ หตฺถิกุมฺภสทิโส ปิฏฺิปาสาโณ ภิกฺขุสหสฺสสฺส โอกาโส ปโหติ, ตตฺร ภควา วิหรติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘คยายํ วิหรติ คยาสีเส’’ติ.
ชฏิลาติ ตาปสา. เต หิ ชฏาธาริตาย อิธ ‘‘ชฏิลา’’ติ วุตฺตา. อนฺตรฏฺเก หิมปาตสมเยติ เหมนฺตสฺส อุตุโน อพฺภนฺตรภูเต มาฆมาสสฺส อวสาเน จตฺตาโร ผคฺคุณมาสสฺส อาทิมฺหิ จตฺตาโรติ อฏฺทิวสปริมาเณ หิมสฺส ปตนกาเล. คยายํ อุมฺมุชฺชนฺตีติ เกจิ ตสฺมึ ติตฺถสมฺมเต อุทเก ปมํ นิมุคฺคสกลสรีรา ตโต อุมฺมุชฺชนฺติ วุฏฺหนฺติ อุปฺปิลวนฺติ. นิมุชฺชนฺตีติ ¶ สสีสํ อุทเก โอสีทนฺติ. อุมฺมุชฺชนิมุชฺชมฺปิ กโรนฺตีติ ปุนปฺปุนํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิปิ กโรนฺติ.
ตตฺถ หิ เกจิ ‘‘เอกุมฺมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฏฺิกา, เต อุมฺมุชฺชนเมว กตฺวา คจฺฉนฺติ. อุมฺมุชฺชนํ ปน นิมุชฺชนมนฺตเรน นตฺถีติ อวินาภาวโต นิมุชฺชนมฺปิ เต กโรนฺติเยว. เยปิ ‘‘เอกนิมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฏฺิกา, เตปิ เอกวารเมว นิมุชฺชิตฺวา วุตฺตนเยน อวินาภาวโต อุมฺมุชฺชนมฺปิ กตฺวา ปกฺกมนฺติ. เย ปน ‘‘ตสฺมึ ติตฺเถ นิมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ ¶ เอวํทิฏฺิกา, เต ตตฺถ นิมุชฺชิตฺวา อสฺสาเส สนฺนิรุมฺภิตฺวา มรุปฺปปาตปติตา วิย ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺติ ¶ . อปเร ‘‘ปุนปฺปุนํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิ กตฺวา นฺหาเต ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฏฺิกา, เต กาเลน กาลํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิ กโรนฺติ. เต สพฺเพปิ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อุมฺมุชฺชนฺติปิ นิมุชฺชนฺติปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชมฺปิ กโรนฺตี’’ติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ นิมุชฺชนปุพฺพกํ อุมฺมุชฺชนํ, นิมุชฺชนเมว ปน กโรนฺตา กติปยา, อุมฺมุชฺชนํ ตทุภยฺจ กโรนฺตา พหูติ เตสํ เยภุยฺยภาวทสฺสนตฺถํ อุมฺมุชฺชนํ ปมํ วุตฺตํ. ตถา สมฺพหุลา ชฏิลาติ ชฏิลานํ เยภุยฺยตาย วุตฺตํ, มุณฺฑสิขณฺฑิโนปิ จ พฺราหฺมณา อุทกสุทฺธิกา ตสฺมึ กาเล ตตฺถ ตถา กโรนฺติ.
โอสิฺจนฺตีติ เกจิ คยาย อุทกํ หตฺเถน คเหตฺวา อตฺตโน สีเส จ สรีเร จ โอสิฺจนฺติ, อปเร ฆเฏหิ อุทกํ คเหตฺวา ตีเร ตฺวา ตถา กโรนฺติ. อคฺคึ ชุหนฺตีติ เกจิ คยาตีเร เวทึ สชฺเชตฺวา ธูมทพฺภิปูชาทิเก อุปกรเณ อุปเนตฺวา อคฺคิหุตํ ชุหนฺติ อคฺคิหุตํ ปริจรนฺติ. อิมินา สุทฺธีติ อิมินา คยายํ อุมฺมุชฺชนาทินา อคฺคิปริจรเณน จ ปาปมลโต สุทฺธิ ปาปปวาหนา สํสารสุทฺธิ เอว วา โหตีติ เอวํทิฏฺิกา หุตฺวาติ อตฺโถ.
อุมฺมุชฺชนาทิ เจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตสุ หิ เกจิ อุทกวาสํ วสนฺติ, เกจิ อุทกสฺสฺชลึ เทนฺติ, เกจิ ตสฺมึ อุทเก ตฺวา จนฺทิมสูริเย อนุปริวตฺตนฺติ, เกจิ อเนกสหสฺสวารํ สาวิตฺติอาทิเก ชปนฺติ, เกจิ ‘‘อินฺท อาคจฺฉา’’ติอาทินา วิชฺชาชปํ อวฺหายนฺติ, เกจิ มหตุปฏฺานํ กโรนฺติ, เอวฺจ กโรนฺตา เกจิ โอตรนฺติ, เกจิ อุตฺตรนฺติ เกจิ อุตฺตริตฺวา สุทฺธิกอาจมนํ กโรนฺติ, เกจิ อนฺโตอุทเก ิตา ตนฺตี วาเทนฺติ, วีณํ วาเทนฺตีติ เอวมาทิกา นานปฺปการกิริยา ¶ ทสฺเสนฺติ. ยสฺมา วา เต เอวรูปา วิการกิริยา กโรนฺตาปิ ตสฺมึ อุทเก นิมุชฺชนอุมฺมุชฺชนปุพฺพกเมว กโรนฺติ, ตสฺมา ตํ สพฺพํ นิมุชฺชนุมฺมุชฺชนนฺโตคธเมว กตฺวา ‘‘อุมฺมุชฺชนฺตี’’ติปิอาทิ วุตฺตํ. เอวํ ตตฺถ อากุลพฺยากุเล วตฺตมาเน ¶ อุปริปพฺพเต ิโต ภควา เตสํ ตํ โกลาหลํ สุตฺวา ‘‘กินฺนุ โข เอต’’นฺติ โอโลเกนฺโต ตํ กิริยวิการํ อทฺทส, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อทฺทสา โข ภควา…เป… อิมินา สุทฺธี’’ติ, ตํ วุตฺตตฺถเมว.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ อตฺถํ อุทโกโรหนาทิอสุทฺธิมคฺเค เตสํ สุทฺธิมคฺคปรามสนํ สจฺจาทิเก จ สุทฺธิมคฺเค อตฺตโน อวิปรีตาวโพธํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อุทกสุทฺธิยา อสุทฺธิมคฺคภาวทีปกํ สจฺจาทิธมฺมานฺจ ยาถาวโต สุทฺธิมคฺคภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ น อุทเกน สุจี โหตีติ เอตฺถ อุทเกนาติ อุทกุมฺมุชฺชนาทินา. อุทกุมฺมุชฺชนาทิ หิ อิธ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘อุทก’’นฺติ วุตฺตํ ยถา รูปภโว รูปนฺติ. อถ วา อุทเกนาติ อุมฺมุชฺชนาทิกิริยาย สาธนภูเตน อุทเกน สุจิ สตฺตสฺส สุทฺธิ นาม น โหติ, นตฺถีติ อตฺโถ. อถ วา สุจีติ เตน ยถาวุตฺเตน อุทเกน สุจิ ปาปมลโต สุทฺโธ นาม สตฺโต น โหติ. กสฺมา? พหฺเวตฺถ นฺหายตี ชโน. ยทิ หิ อุทโกโรหนาทินา ยถาวุตฺเตน ปาปสุทฺธิ นาม สิยา, พหุ เอตฺถ อุทเก ชโน นฺหายติ, มาตุฆาตาทิปาปกมฺมการี อฺโ จ โคมหึสาทิโก อนฺตมโส มจฺฉกจฺฉเป อุปาทาย, ตสฺส สพฺพสฺสาปิ ปาปสุทฺธิ สิยา, น ปเนวํ โหติ. กสฺมา? นฺหานสฺส ปาปเหตูนํ อปฺปฏิปกฺขภาวโต. ยฺหิ ยํ วินาเสติ, โส ตสฺส ปฏิปกฺโข ยถา อาโลโก อนฺธการสฺส, วิชฺชา จ อวิชฺชาย, น เอวํ นฺหานํ ปาปสฺส. ตสฺมา นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ ‘‘น อุทเกน สุจิ โหตี’’ติ.
เยน ปน สุจิ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยมฺหิ สจฺจฺจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยมฺหีติ ยสฺมึ ปุคฺคเล ¶ . สจฺจนฺติ วจีสจฺจฺเจว วิรติสจฺจฺจ. อถ วา สจฺจนฺติ าณสจฺจฺเจว ปรมตฺถสจฺจฺจ. ธมฺโมติ อริยมคฺคธมฺโม, ผลธมฺโม จ, โส สพฺโพปิ ยสฺมึ ปุคฺคเล อุปลพฺภติ, โส สุจี โส จ พฺราหฺมโณติ โส อริยปุคฺคโล วิเสสโต ขีณาสโว อจฺจนฺตสุทฺธิยา สุจิ จ พฺราหฺมโณ จาติ. กสฺมา ปเนตฺถ สจฺจํ ธมฺมโต วิสุํ กตฺวา คหิตํ? สจฺจสฺส พหูปการตฺตา. ตถา หิ ‘‘สจฺจํ เว อมตา วาจา (สุ. นิ. ๔๕๕), สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสานํ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔), สจฺเจ อตฺเถ จ ธมฺเม จ, อาหุ สนฺโต ปติฏฺิตา (สุ. นิ. ๔๕๕), สจฺเจ ิตา สมณพฺราหฺมณา จา’’ติอาทินา (ชา. ๒.๒๑.๔๓๓) อเนเกสุ สุตฺตปเทสุ สจฺจคุณา ปกาสิตา. สจฺจวิปริยสฺส ¶ จ ‘‘เอกํ ธมฺมํ อตีตสฺส, มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน (ธ. ป. ๑๗๖), อภูตวาที นิรยํ อุเปตี’’ติ (ธ. ป. ๓๐๖) จ อาทินา ปกาสิตาติ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. พาหิยสุตฺตวณฺณนา
๑๐. ทสเม ¶ พาหิโยติ ตสฺส นามํ. ทารุจีริโยติ ทารุมยจีโร. สุปฺปารเกติ เอวํนามเก ปฏฺฏเน วสติ. โก ปนายํ พาหิโย, กถฺจ ทารุจีริโย อโหสิ, กถํ สุปฺปารเก ปฏฺฏเน ปฏิวสตีติ?
ตตฺรายํ อนุปุพฺพีกถา – อิโต กิร กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก ปทุมุตฺตรสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล เอโก กุลปุตฺโต หํสวตีนคเร ทสพลสฺส ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ขิปฺปาภิฺานํ เอตทคฺเค เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มหา วตายํ ¶ ภิกฺขุ, โย สตฺถารา เอวํ เอตทคฺเค ปียติ, อโห วตาหมฺปิ อนาคเต เอวรูปสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา สตฺถารา เอทิเส าเน เอตทคฺเค เปตพฺโพ ภเวยฺยํ ยถายํ ภิกฺขู’’ติ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา ตทนุรูปํ อธิการกมฺมํ กตฺวา ยาวชีวํ ปฺุํ กตฺวา สคฺคปรายโณ หุตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปทสพลสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปริปุณฺณสีโล สมณธมฺมํ กโรนฺโตว ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ. โส เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก วสิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พาหิยรฏฺเ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ตํ พาหิยรฏฺเ ชาตตฺตา พาหิโยติ สฺชานึสุ. โส วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ วสนฺโต วณิชฺชตฺถาย พหูนํ ภณฺฑานํ นาวํ ปูเรตฺวา สมุทฺทํ ปวิสิตฺวา อปราปรํ สฺจรนฺโต สตฺต วาเร สทฺธึเยว ปริสาย อตฺตโน นครํ อุปคฺฉิ.
อฏฺเม วาเร ปน ‘‘สุวณฺณภูมึ คมิสฺสามี’’ติ อาโรปิตภณฺโฑ นาวํ อภิรุหิ. นาวา มหาสมุทฺทํ อชฺโฌคาเหตฺวา อิจฺฉิตเทสํ อปตฺวาว สมุทฺทมชฺเฌ วิปนฺนา. มหาชโน มจฺฉกจฺฉปภกฺโข อโหสิ. พาหิโย ปน เอกํ นาวาผลกํ คเหตฺวา ตรนฺโต อูมิเวเคน มนฺทมนฺทํ ขิปมาโน ภสฺสิตฺวา สมุทฺเท ปติตตฺตา ชาตรูเปเนว สมุทฺทตีเร นิปนฺโน. ปริสฺสมํ วิโนเทตฺวา อสฺสาสมตฺตํ ลภิตฺวา อุฏฺาย ลชฺชาย คุมฺพนฺตรํ ปวิสิตฺวา อจฺฉาทนํ อฺํ กิฺจิ ¶ อปสฺสนฺโต อกฺกนาฬานิ ฉินฺทิตฺวา วาเกหิ ปลิเวเตฺวา ¶ นิวาสนปาวุรณานิ กตฺวา อจฺฉาเทสิ. เกจิ ปน ‘‘ทารุผลกานิ วิชฺฌิตฺวา วาเกน อาวุณิตฺวา นิวาสนปาวุรณํ กตฺวา อจฺฉาเทสี’’ติ วทนฺติ. เอวํ ¶ สพฺพถาปิ ทารุมยจีรธาริตาย ‘‘ทารุจีริโย’’ติ ปุริมโวหาเรน ‘‘พาหิโย’’ติ จ ปฺายิตฺถ.
ตํ เอกํ กปาลํ คเหตฺวา วุตฺตนิยาเมน สุปฺปารกปฏฺฏเน ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสา จินฺเตสุํ ‘‘สเจ โลเก อรหนฺโต นาม โหนฺติ, เอวํวิเธหิ ภวิตพฺพํ, กินฺนุ โข อยํ อยฺโย วตฺถํ ทิยฺยมานํ คณฺเหยฺย, อุทาหุ อปฺปิจฺฉตาย น คณฺเหยฺยา’’ติ วีมํสนฺตา นานาทิสาหิ วตฺถานิ อุปเนสุํ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ อิมินา นิยาเมน นาคมิสฺสํ, นยิเม เอวํ มยิ ปสีเทยฺยุํ, ยํนูนาหํ อิมานิ ปฏิกฺขิปิตฺวา อิมินาว นีหาเรน วิหเรยฺยํ, เอวํ เม ลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ. โส เอวํ จินฺเตตฺวา โกหฺเ ตฺวา วตฺถานิ น ปฏิคฺคณฺหิ. มนุสฺสา ‘‘อโห อปฺปิจฺโฉ วตายํ อยฺโย’’ติ ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนมานสา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ กรึสุ.
โสปิ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อวิทูรฏฺาเน เอกํ เทวายตนํ อคมาสิ. มหาชโน เตน สทฺธึ เอว คนฺตฺวา ตํ เทวายตนํ ปฏิชคฺคิตฺวา อทาสิ. โส ‘‘อิเม มยฺหํ จีรธารณมตฺเต ปสีทิตฺวา เอวํวิธํ สกฺการสมฺมานํ กโรนฺติ, เอเตสํ มยา อุกฺกฏฺวุตฺตินา ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สลฺลหุกปริกฺขาโร อปฺปิจฺโฉว หุตฺวา วิหาสิ. ‘‘อรหา’’ติ ปน เตหิ สมฺภาวียมาโน ‘‘อรหา’’ติ อตฺตานํ อมฺิ, อุปรูปริ จสฺส สกฺการครุกาโร อภิวฑฺฒิ, ลาภี จ อโหสิ อุฬารานํ ปจฺจยานํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน พาหิโย ทารุจีริโย สุปฺปารเก ปฏิวสติ สมุทฺทตีเร สกฺกโต ครุกโต’’ติอาทิ.
ตตฺถ สกฺกโตติ สกฺกจฺจํ อาทเรน อุปฏฺานวเสน สกฺกโต. ครุกโตติ คุณวิเสเสน ยุตฺโตติ อธิปฺปาเยน ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกรณวเสน ครุกโต. มานิโตติ มนสา สมฺภาวนวเสน มานิโต. ปูชิโตติ ปุปฺผคนฺธาทีหิ ปูชาวเสน ปูชิโต. อปจิโตติ อภิปฺปสนฺนจิตฺเตหิ มคฺคทานอาสนาภิหรณาทิวเสน อปจิโต. ลาภี จีวร…เป… ปริกฺขารานนฺติ ปณีตปณีตานํ อุปรูปริ ¶ อุปนียมานานํ จีวราทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ลภนวเสน ลาภี.
อปโร ¶ นโย – สกฺกโตติ สกฺการปฺปตฺโต. ครุกโตติ ครุการปฺปตฺโต. มานิโตติ พหุมานิโต ¶ มนสา ปิยายิโต จ. ปูชิโตติ จตุปจฺจยาภิปูชาย ปูชิโต. อปจิโตติ อปจายนปฺปตฺโต. ยสฺส หิ จตฺตาโร ปจฺจเย สกฺกตฺวา สุอภิสงฺขเต ปณีตปณีเต เทนฺติ, โส สกฺกโต. ยสฺมึ ครุภาวํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา เทนฺติ, โส ครุกโต. ยํ มนสา ปิยายนฺติ พหุมฺนฺติ จ, โส มานิโต. ยสฺส สพฺพมฺเปตํ ปูชนวเสน กโรนฺติ, โส ปูชิโต. ยสฺส อภิวาทนปจฺจุฏฺานฺชลิกมฺมาทิวเสน ปรมนิปจฺจการํ กโรนฺติ, โส อปจิโต. พาหิยสฺส ปน เต สพฺพเมตํ อกํสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘พาหิโย ทารุจีริโย สุปฺปารเก ปฏิวสติ สกฺกโต’’ติอาทิ. เอตฺถ จ จีวรํ โส อคฺคณฺหนฺโตปิ ‘‘เอหิ, ภนฺเต, อิมํ วตฺถํ ปฏิคฺคณฺหาหี’’ติ อุปนามนวเสน จีวรสฺสาปิ ‘‘ลาภี’’ตฺเวว วุตฺโต.
รโหคตสฺสาติ รหสิ คตสฺส. ปฏิสลฺลีนสฺสาติ เอกีภูตสฺส พหูหิ มนุสฺเสหิ ‘‘อรหา’’ติ วุจฺจมานสฺส ตสฺส อิทานิ วุจฺจมานากาเรน เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ จิตฺตสฺส มิจฺฉาสงฺกปฺโป อุปฺปชฺชิ. กถํ? เย โข เกจิ โลเก อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา, อหํ เตสํ อฺตโรติ. ตสฺสตฺโถ – เย อิมสฺมึ สตฺตโลเก กิเลสารีนํ หตตฺตา ปูชาสกฺการาทีนฺจ อรหภาเวน อรหนฺโต, เย กิเลสารีนํ หนเนน อรหตฺตมคฺคํ สมาปนฺนา, เตสุ อหํ เอโกติ.
ปุราณสาโลหิตาติ ปุริมสฺมึ ภเวสาโลหิตา พนฺธุสทิสา เอกโต กตสมณธมฺมา เทวตา. เกจิ ปน ‘‘ปุราณสาโลหิตาติ ปุราณกาเล ภวนฺตเร สาโลหิตา มาตุภูตา เอกา เทวตา’’ติ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถายํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุริโมเยวตฺโถ คหิโต.
ปุพฺเพ กิร กสฺสปทสพลสฺส สาสเน โอสกฺกมาเน สามเณราทีนํ วิปฺปการํ ทิสฺวา สตฺต ภิกฺขู สํเวคปฺปตฺตา ‘‘ยาว สาสนํ น อนฺตรธายติ, ตาว อตฺตโน ปติฏฺํ กริสฺสามา’’ติ สุวณฺณเจติยํ วนฺทิตฺวา อรฺํ ปวิฏฺา เอกํ ปพฺพตํ ทิสฺวา ‘‘ชีวิเต สาลยา นิวตฺตนฺตุ, นิราลยา อิมํ ปพฺพตํ ¶ อภิรุหนฺตู’’ติ วตฺวา นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา สพฺเพ ตํ ปพฺพตํ อภิรุยฺห นิสฺเสณึ ปาเตตฺวา สมณธมฺมํ ¶ กรึสุ. เตสุ สงฺฆตฺเถโร เอกรตฺตาติกฺกเมเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อาเนตฺวา เต ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส, อิโต ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชถา’’ติ อาห. เต ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, อตฺตโน อานุภาเวน เอวํ อกตฺถ, มยมฺปิ สเจ ตุมฺเห วิย วิเสสํ นิพฺพตฺเตสฺสาม, สยเมว อาหริตฺวา ภฺุชิสฺสามา’’ติ ภฺุชิตุํ น อิจฺฉึสุ. ตโต ทุติยทิวเส ทุติยตฺเถโร อนาคามิผลํ ปาปุณิ, โสปิ ตเถว ปิณฺฑปาตํ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา อิตเร นิมนฺเตสิ, เตปิ ตเถว ปฏิกฺขิปึสุ. เตสุ อรหตฺตปฺปตฺโต ¶ ปรินิพฺพายิ, อนาคามี สุทฺธาวาสภูมิยํ นิพฺพตฺติ. อิตเร ปน ปฺจ ชนา ฆเฏนฺตา วายมนฺตาปิ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขึสุ. เต อสกฺโกนฺตา ตตฺเถว ปริสุสฺสิตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตา. เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทเวสุเยว สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เทวโลกโต จวิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ กุลฆเร นิพฺพตฺตึสุ. เตสุ หิ เอโก ปกฺกุสาติ ราชา อโหสิ, เอโก กุมารกสฺสโป, เอโก ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต, เอโก สภิโย ปริพฺพาชโก, เอโก พาหิโย ทารุจีริโย. ตตฺถ โย โส อนาคามี พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ปุราณสาโลหิตา เทวตา’’ติ. เทวปุตฺโตปิ หิ เทวธีตา วิย เทโว เอว เทวตาติ กตฺวา เทวตาติ วุจฺจติ ‘‘อถ โข อฺตรา เทวตา’’ติอาทีสุ วิย. อิธ ปน พฺรหฺมา เทวตาติ อธิปฺเปโต.
ตสฺส หิ พฺรหฺมุโน ตตฺถ นิพฺพตฺตสมนนฺตรเมว อตฺตโน พฺรหฺมสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา อาคตฏฺานํ อาวชฺเชนฺตสฺส สตฺตนฺนํ ชนานํ ปพฺพตํ อารุยฺห สมณธมฺมกรณํ, ตตฺเถกสฺส ปรินิพฺพุตภาโว, อนาคามิผลํ ปตฺวา อตฺตโน จ เอตฺถ นิพฺพตฺตภาโว อุปฏฺาสิ. โส ‘‘กตฺถ นุ โข อิตเร ปฺจ ชนา’’ติ อาวชฺเชนฺโต กามาวจรเทวโลเก เตสํ นิพฺพตฺตภาวํ ตฺวา อปรภาเค กาลานุกาลํ ‘‘กินฺนุ โข กโรนฺตี’’ติ เตสํ ปวตฺตึ โอโลเกติเยว. อิมสฺมึ ปน กาเล ‘‘กหํ นุ โข’’ติ อาวชฺเชนฺโต พาหิยํ สุปฺปารกปฏฺฏนํ อุปนิสฺสาย ทารุจีรธารึ โกหฺเน ชีวิกํ กปฺเปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มยา สทฺธึ ปุพฺเพ นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา ปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต อติสลฺเลขวุตฺติยา ชีวิเต อนเปกฺโข ¶ อรหตาปิ อาภตํ ¶ ปิณฺฑปาตํ อปริภฺุชิตฺวา อิทานิ สมฺภาวนาธิปฺปาโย อนรหาว อรหตฺตํ ปฏิชานิตฺวา วิจรติ ลาภสกฺการสิโลกํ นิกามยมาโน, ทสพลสฺส จ นิพฺพตฺตภาวํ น ชานาติ, หนฺท นํ สํเวเชตฺวา พุทฺธุปฺปาทํ ชานาเปสฺสามี’’ติ ตาวเทว พฺรหฺมโลกโต โอตริตฺวา รตฺติภาเค สุปฺปารกปฏฺฏเน ทารุจีริยสฺส สมฺมุเข ปาตุรโหสิ. พาหิโย อตฺตโน วสนฏฺาเน อุฬารํ โอภาสํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ พหิ นิกฺขมิตฺวา โอโลเกนฺโต อากาเส ิตํ มหาพฺรหฺมานํ ทิสฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘เก ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส โส พฺรหฺมา ‘‘อหํ เต โปราณกสหาโย ตทา อนาคามิผลํ ปตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต, ตฺวํ ปน กิฺจิ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต ตทา ปุถุชฺชนกาลกิริยํ กตฺวา สํสรนฺโต อิทานิ ติตฺถิยเวสธารี อนรหาว สมาโน ‘อรหา อห’นฺติ อิมํ ลทฺธึ คเหตฺวา วิจรสีติ ตฺวา อาคโต, เนว โข ตฺวํ, พาหิย, อรหา, ปฏินิสฺสชฺเชตํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ, มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย, สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน. โส หิ ภควา อรหา, คจฺฉ นํ ปยิรุปาสสฺสู’’ติ ¶ อาห. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข พาหิยสฺส ทารุจีริยสฺส ปุราณสาโลหิตา เทวตา’’ติอาทิ.
ตตฺถ อนุกมฺปิกาติ อนุคฺคหสีลา กรุณาธิกา. อตฺถกามาติ หิตกามา เมตฺตาธิกา. ปุริมปเทน เจตฺถ พาหิยสฺส ทุกฺขาปนยนกามตํ ตสฺสา เทวตาย ทสฺเสติ, ปจฺฉิเมน หิตูปสํหารํ. เจตสาติ อตฺตโน จิตฺเตน, เจโตสีเสน เจตฺถ เจโตปริยาณํ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. เจโตปริวิตกฺกนฺติ ตสฺส จิตฺตปฺปวตฺตึ. อฺายาติ ชานิตฺวา. เตนุปสงฺกมีติ เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมว พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต พาหิยสฺส ปุรโต ปาตุภวนวเสน อุปสงฺกมิ. เอตทโวจาติ ‘‘เย โข เกจิ โลเก อรหนฺโต วา’’ติอาทิปวตฺตมิจฺฉาปริวิตกฺกํ พาหิยํ สโหฒํ โจรํ คณฺหนฺโต วิย ‘‘เนว โข ตฺวํ, พาหิย, อรหา’’ติอาทิกํ เอตํ ¶ อิทานิ วุจฺจมานวจนํ พฺรหฺมา อโวจ. เนว โข ตฺวํ, พาหิย, อรหาติ เอเตน ตทา พาหิยสฺส อเสกฺขภาวํ ปฏิกฺขิปติ, นาปิ อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺโนติ เอเตน ¶ เสกฺขภาวํ, อุภเยนปิสฺส อนริยภาวเมว ทีเปติ. สาปิ เต ปฏิปทา นตฺถิ, ยาย ตฺวํ อรหา วา อสฺส อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺโนติ อิมินา ปนสฺส กลฺยาณปุถุชฺชนภาวมฺปิ ปฏิกฺขิปติ. ตตฺถ ปฏิปทาติ สีลวิสุทฺธิอาทโย ฉ วิสุทฺธิโย. ปฏิปชฺชติ เอตาย อริยมคฺเคติ ปฏิปทา. อสฺสาติ ภเวยฺยาสิ.
อยฺจสฺส อรหตฺตาธิมาโน กึ นิสฺสาย อุปฺปนฺโนติ? ‘‘อปฺปิจฺฉตาย สนฺตุฏฺิตาย สลฺเลขตาย ทีฆรตฺตํ กตาธิการตฺตา ตทงฺคปฺปหานวเสน กิเลสานํ วิหตตฺตา อรหตฺตาธิมาโน อุปฺปนฺโน’’ติ เกจิ วทนฺติ. อปเร ปนาหุ ‘‘พาหิโย ปมาทิฌานจตุกฺกลาภี, ตสฺมาสฺส วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน กิเลสานํ อสมุทาจารโต อรหตฺตาธิมาโน อุปฺปชฺชตี’’ติ. ตทุภยมฺปิ เตสํ มติมตฺตเมว ‘‘สมฺภาวนาธิปฺปาโย ลาภสกฺการสิโลกํ นิกามยมาโน’’ติ จ อฏฺกถายํ อาคตตฺตา. ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อถ พาหิโย อากาเส ตฺวา กเถนฺตํ มหาพฺรหฺมานํ โอโลเกตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อโห ภาริยํ วต กมฺมํ, ยมหํ อรหาติ จินฺเตสึ, อยฺจ ‘อรหตฺตคามินี ปฏิปทาปิ เต นตฺถี’ติ วทติ, อตฺถิ นุ โข โลเก โกจิ อรหา’’ติ? อถ นํ ปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ เก จรหิ เทวเต โลเก อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อถาติ ปุจฺฉารมฺเภ นิปาโต. เก จรหีติ เก เอตรหิ. โลเกติ ¶ โอกาสโลเก. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ภาชนโลกภูเต สกลสฺมึ ชมฺพุทีปตเล กสฺมึ าเน อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา เอตรหิ วิหรนฺติ, ยตฺถ มยํ เต อุปสงฺกมิตฺวา เตสํ โอวาเท ตฺวา วฏฺฏทุกฺขโต มุจฺจิสฺสามาติ. อุตฺตเรสูติ สุปฺปารกปฏฺฏนโต ปุพฺพุตฺตรทิสาภาคํ สนฺธาย วุตฺตํ.
อรหนฺติ อารกตฺตา อรหํ. อารกา หิ โส สพฺพกิเลเสหิ สุวิทูรวิทูเร ิโต มคฺเคน สวาสนานํ กิเลสานํ วิทฺธํสิตตฺตา. อรีนํ วา หตตฺตา อรหํ. ภควตา หิ กิเลสารโย อนวเสสโต อริยมคฺเคน หตา สมุจฺฉินฺนาติ. อรานํ วา หตตฺตา อรหํ. ยฺจ อวิชฺชาภวตณฺหามยนาภิ ¶ ปฺุาทิอภิสงฺขารารํ ชรามรณเนมิ อาสวสมุทยมเยน อกฺเขน วิชฺฌิตฺวา ติภวรเถ สมาโยชิตํ อนาทิกาลปฺปวตฺตํ สํสารจกฺกํ. ตสฺสาเนน โพธิมณฺเฑ วีริยปาเทหิ สีลปถวิยํ ปติฏฺาย สทฺธาหตฺเถน กมฺมกฺขยกราณผรสุํ คเหตฺวา สพฺเพปิ อรา หตา วิหตา วิทฺธํสิตาติ. อรหตีติ วา อรหํ. ภควา หิ สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺยตฺตา อุฬาเร จีวราทิปจฺจเย ปูชาวิเสสฺจ อรหติ. รหาภาวโต วา อรหํ. ตถาคโต หิ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนราคาทิกิเลสตฺตา ปาปกิเลสสฺสาปิ อสมฺภวโต ปาปกรเณ รหาภาวโตปิ อรหนฺติ วุจฺจติ.
สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ภควา หิ อภิฺเยฺเย ธมฺเม อภิฺเยฺยโต, ปริฺเยฺเย ธมฺเม ปริฺเยฺยโต, ปหาตพฺเพ ธมฺเม ปหาตพฺพโต, สจฺฉิกาตพฺเพ ธมฺเม สจฺฉิกาตพฺพโต, ภาเวตพฺเพ ธมฺเม ภาเวตพฺพโต อภิสมฺพุชฺฌิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อภิฺเยฺยํ อภิฺาตํ, ภาเวตพฺพฺจ ภาวิตํ;
ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณา’’ติ. (สุ. นิ. ๕๖๓; ม. นิ. ๒.๓๙๙; วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๑);
อปิจ ¶ กุสเล ธมฺเม อนวชฺชสุขวิปากโต, อกุสเล ธมฺเม สาวชฺชทุกฺขวิปากโตติอาทินา สพฺพตฺติกทุกาทิวเสน อยมตฺโถ เนตพฺโพ. อิติ อวิปรีตํ สยมฺภุาเณน สพฺพาการโต สพฺพธมฺมานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๙-๑๓๑) อาคตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อรหตฺตายาติ อคฺคผลปฺปฏิลาภาย. ธมฺมํ เทเสตีติ อาทิกลฺยาณาทิคุณวิเสสยุตฺตํ สีลาทิปฏิปทาธมฺมํ สมถวิปสฺสนาธมฺมเมว วา เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ อุปทิสติ กเถติ.
สํเวชิโตติ ¶ ‘‘ธิรตฺถุ วต, โภ, ปุถุชฺชนภาวสฺส, เยนาหํ อนรหาว สมาโน อรหาติ อมฺึ, สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺตํ น ชานึ, ทุชฺชานํ โข ปนิทํ ชีวิตํ, ทุชฺชานํ มรณ’’นฺติ สํเวคมาปาทิโต, เทวตาวจเนน ยถาวุตฺเตนากาเรน สํวิคฺคมานโสติ อตฺโถ. ตาวเทวาติ ตสฺมึเยว ขเณ. สุปฺปารกา ปกฺกามีติ พุทฺโธติ นามมปิ สวเนน อุปฺปนฺนาย พุทฺธารมฺมณาย ปีติยา สํเวเคน ¶ จ โจทิยมานหทโย สุปฺปารกปฏฺฏนโต สาวตฺถึ อุทฺทิสฺส ปกฺกนฺโต. สพฺพตฺถ เอกรตฺติปริวาเสนาติ สพฺพสฺมึ มคฺเค เอกรตฺติวาเสเนว อคมาสิ. สุปฺปารกปฏฺฏนโต หิ สาวตฺถิ วีสโยชนสเต โหติ, ตฺจายํ เอตฺตกํ อทฺธานํ เอกรตฺติวาเสน อคมาสิ. ยทา สุปฺปารกโต นิกฺขนฺโต, ตทเหว สาวตฺถึ สมฺปตฺโตติ.
กถํ ปนายํ เอวํ อคมาสีติ? เทวตานุภาเวน, ‘‘พุทฺธานุภาเวนา’’ติปิ วทนฺติ. ‘‘สพฺพตฺถ เอกรตฺติปริวาเสนา’’ติ ปน วุตฺตตฺตา มคฺคสฺส จ วีสโยชนสติกตฺตา อนฺตรามคฺเค คามนิคมราชธานีสุ ยตฺถ ยตฺถ รตฺติยํ วสติ, ตตฺถ ตตฺถ ทุติยํ อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสเนว สาวตฺถึ อุปสงฺกมีติ อยมตฺโถ ทีปิโต โหตีติ. นยิทํ เอวํ ทฏฺพฺพํ. สพฺพสฺมึ วีสโยชนสติเก มคฺเค เอกรตฺติวาเสนาติ อิมสฺส อตฺถสฺส อธิปฺเปตตฺตา. เอกรตฺติมตฺตํ โส สกลสฺมึ ตสฺมึ มคฺเค ¶ วสิตฺวา ปจฺฉิมทิวเส ปุพฺพณฺหสมเย สาวตฺถึ อนุปฺปตฺโตติ.
ภควาปิ พาหิยสฺส อาคมนํ ตฺวา ‘‘น ตาวสฺส อินฺทฺริยานิ ปริปากํ คตานิ, ขณนฺตเร ปน ปริปากํ คมิสฺสนฺตี’’ติ ตสฺส อินฺทฺริยานํ ปริปากํ อาคมยมาโน มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตสฺมึ ขเณ สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. โส จ เชตวนํ ปวิสิตฺวา ภุตฺตปาตราเส กายาลสิยวิโมจนตฺถํ อพฺโภกาเส จงฺกมนฺเต สมฺพหุเล ภิกฺขู ปสฺสิตฺวา ‘‘กหํ นุ โข เอตรหิ ภควา’’ติ ปุจฺฉิ. ภิกฺขู ‘‘ภควา สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ’’ติ วตฺวา ปุจฺฉึสุ ‘‘ตฺวํ ปน กุโต อาคโต’’ติ? ‘‘สุปฺปารกปฏฺฏนโต อาคโตมฺหี’’ติ. ‘‘ทูรโต อาคโตสิ, นิสีท, ตาว ปาเท โธวิตฺวา มกฺเขตฺวา โถกํ วิสฺสมาหิ, อาคตกาเล สตฺถารํ ทกฺขสี’’ติ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, อตฺตโน ชีวิตนฺตรายํ น ชานามิ, เอกรตฺเตเนวมฺหิ กตฺถจิปิ จิรํ อฏฺตฺวา อนิสีทิตฺวา วีสโยชนสติกํ มคฺคํ อาคโต, สตฺถารํ ปสฺสิตฺวาว วิสฺสมิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตรมานรูโป สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา อโนปมาย พุทฺธสิริยา วิโรจมานํ ภควนฺตํ ปสฺสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู อพฺโภกาเส จงฺกมนฺติ. อถ โข พาหิโย ทารุจีริโย เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมี’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ กหนฺติ กตฺถ. นูติ สํสเย, โขติ ปทปูรเณ, กสฺมึ นุ โข ปเทเสติ อตฺโถ. ทสฺสนกามมฺหาติ ทฏฺุกามา อมฺห. มยฺหิ ตํ ภควนฺตํ ¶ อนฺโธ วิย จกฺขุํ, พธิโร วิย โสตํ, มูโค วิย กลฺยาณวากฺกรณํ, หตฺถปาทวิกโล วิย หตฺถปาเท, ทลิทฺโท วิย ธนสมฺปทํ, กนฺตารทฺธานปฺปฏิปนฺโน วิย เขมนฺตภูมึ, โรคาภิภูโต วิย อาโรคฺยํ, มหาสมุทฺเท ภินฺนนาโว วิย มหากุลฺลํ ปสฺสิตุํ ¶ อุปสงฺกมิตฺุจ อิจฺฉามาติ ทสฺเสติ. ตรมานรูโปติ ตรมานากาโร.
ปาสาทิกนฺติ พาตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาเกตุมาลาลงฺกตาย สมนฺตปาสาทิกาย อตฺตโน สรีรโสภาสมฺปตฺติยา รูปกายทสฺสนพฺยาวฏสฺส ชนสฺส สพฺพภาคโต ปสาทาวหํ. ปสาทนียนฺติ ทสพลจตุเวสารชฺชฉอสาธารณาณอฏฺารสาเวณิก- พุทฺธธมฺมปฺปภุติอปริมาณคุณคณสมนฺนาคตาย ธมฺมกายสมฺปตฺติยา สริกฺขกชนสฺส ปสาทนียํ ปสีทิตพฺพยุตฺตํ ปสาทารหํ วา. สนฺตินฺทฺริยนฺติ จกฺขาทิปฺจินฺทฺริยโลลภาวาปคมเนน วูปสนฺตปฺจินฺทฺริยํ. สนฺตมานสนฺติ ฉฏฺสฺส มนินฺทฺริยสฺส นิพฺพิเสวนภาวูปคมเนน วูปสนฺตมานสํ. อุตฺตมทมถสมถมนุปฺปตฺตนฺติ โลกุตฺตรปฺาวิมุตฺติเจโตวิมุตฺติสงฺขาตํ อุตฺตมํ ทมถํ สมถฺจ อนุปฺปตฺวา อธิคนฺตฺวา ิตํ. ทนฺตนฺติ สุปริสุทฺธกายสมาจารตาย เจว หตฺถปาทกุกฺกุจฺจาภาวโต ทวาทิอภาวโต จ กาเยน ทนฺตํ. คุตฺตนฺติ สุปริสุทฺธวจีสมาจารตาย เจว นิรตฺถกวาจาภาวโต ทวาทิอภาวโต จ วาจาย คุตฺตํ. ยตินฺทฺริยนฺติ สุปริสุทฺธมโนสมาจารตาย อริยิทฺธิโยเคน อพฺยาวฏอปฺปฏิสงฺขานุเปกฺขาภาวโต จ มนินฺทฺริยวเสน ยตินฺทฺริยํ. นาคนฺติ ฉนฺทาทิวเสน อคมนโต, ปหีนานํ ราคาทิกิเลสานํ ปุนานาคมนโต, กสฺสจิปิ อาคุสฺส สพฺพถาปิ อกรณโต, ปุนพฺภวสฺส จ อคมนโตติ อิเมหิ การเณหิ นาคํ. เอตฺถ จ ปาสาทิกนฺติ อิมินา รูปกาเยน ภควโต ปมาณภูตตํ ¶ ทีเปติ, ปสาทนียนฺติ อิมินา ธมฺมกาเยน, สนฺตินฺทฺริยนฺติอาทินา เสเสหิ ปมาณภูตตํ ทีเปติ. เตน จตุปฺปมาณิเก โลกสนฺนิวาเส อนวเสสโต สตฺตานํ ภควโต ปมาณภาโว ปกาสิโตติ เวทิตพฺโพ.
เอวํภูตฺจ ภควนฺตํ อนฺตรวีถิยํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘จิรสฺสํ วต เม สมฺมาสมฺพุทฺโธ ทิฏฺโ’’ติ หฏฺตุฏฺโ ปฺจวณฺณาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏสรีโร ¶ ปีติวิปฺผาริตวิวฏนิจฺจลโลจโน ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอณตสรีโร ภควโต สรีรปฺปภาเวมชฺฌํ อชฺโฌคาเหตฺวา ตตฺถ นิมุชฺชนฺโต ภควโต สมีปํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ภควโต ปาเท สมฺพาหนฺโต ปริจุมฺพนฺโต ‘‘เทเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา ธมฺม’’นฺติ อาห. เตน วุตฺตํ – ‘‘ภควโต ปาเท ¶ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘เทเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ สุคโต ธมฺมํ, ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’’ติ.
ตตฺถ สุคโตติ โสภนคมนตฺตา, สุนฺทรํ านํ คตตฺตา, สมฺมา คตตฺตา, สมฺมา คทตฺตา สุคโต. คมนมฺปิ หิ คตนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ภควโต โสภนํ ปริสุทฺธํ อนวชฺชํ. กึ ปน ตนฺติ? อริยมคฺโค. เตน เหส คมเนน เขมํ ทิสํ อสชฺชมาโน คโต, อฺเปิ คเมตีติ โสภนคมนตฺตา สุคโต. สุนฺทรฺเจส านํ อมตํ นิพฺพานํ คโตติ สุนฺทรํ านํ คตตฺตา สุคโต. สมฺมา จ คตตฺตา สุคโต เตน เตน มคฺเคน ปหีเน กิเลเส ปุน อปจฺจาคมนโต. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต. สกทาคามิ…เป… อรหตฺตมคฺเคน…เป… น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต’’ติ (จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๗).
อถ วา สมฺมา คตตฺตาติ ตีสุปิ อวตฺถาสุ สมฺมาปฏิปตฺติยา คตตฺตา, สุปฺปฏิปนฺนตฺตาติ อตฺโถ. ทีปงฺกรปาทมูลโต หิ ปฏฺาย ยาว มหาโพธิมณฺฑา ¶ ตาว สมตึสปารมิปูริตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา าตตฺถจริยาย โลกตฺถจริยาย พุทฺธตฺถจริยาย โกฏึ ปาปุณิตฺวา สพฺพโลกสฺส หิตสุขเมว ปริพฺรูหนฺโต สสฺสตํ อุจฺเฉทํ กามสุขํ อตฺตกิลมถนฺติ อิเม อนฺเต อนุปคจฺฉนฺติยา อนุตฺตราย โพชฺฌงฺคภาวนาสงฺขาตาย มชฺฌิมาย ปฏิปทาย อริยสจฺเจสุ ตโต ปรํ สมธิคตธมฺมาธิปเตยฺโย สพฺพสตฺเตสุ อวิสยาย สมฺมาปฏิปตฺติยา จ คโต ปฏิปนฺโนติ เอวมฺปิ สมฺมา คตตฺตา สุคโต. สมฺมา เจส คทติ ยุตฺตฏฺาเน ยุตฺตเมว วาจํ ภาสตีติ สุคโต. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘กาลวาที ¶ , ภูตวาที, อตฺถวาที, ธมฺมวาที, วินยวาที, นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวตึ อตฺถสํหิต’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๙; ม. นิ. ๓.๑๔).
อปรมฺปิ วุตฺตํ –
‘‘ยา ¶ สา วาจา อภูตา อตจฺฉา อนตฺถสํหิตา, ยา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, น ตํ ตถาคโต วาจํ ภาสตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๘๖).
เอวํ สมฺมา คทตฺตาปิ สุคโต.
ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ ยํ ธมฺมสฺส อุปทิสนํ จิรกาลํ มม ฌานวิโมกฺขาทิหิตาย ตทธิคนฺตพฺพสุขาย จ สิยา. อกาโล โข ตาว พาหิยาติ ตว ธมฺมเทสนาย น ตาว กาโลติ อตฺโถ. กึ ปน ภควโต สตฺตหิตปฏิปตฺติยา อกาโลปิ นาม อตฺถิ, ยโต ภควา กาลวาทีติ? วุจฺจเต – กาโลติ เจตฺถ เวเนยฺยานํ อินฺทฺริยปริปากกาโล อธิปฺเปโต. ยสฺมา ปน ตทา พาหิยสฺส อตฺตโน อินฺทฺริยานํ ปริปกฺกาปริปกฺกภาโว ทุพฺพิฺเยฺโย, ตสฺมา ภควา ตํ อวตฺวา อตฺตโน อนฺตรวีถิยํ ิตภาวมสฺส การณํ อปทิสนฺโต อาห ‘‘อนฺตรฆรํ ปวิฏฺมฺหา’’ติ. ทุชฺชานนฺติ ทุพฺพิฺเยฺยํ. ชีวิตนฺตรายานนฺติ ชีวิตสฺส อนฺตรายกรธมฺมานํ วตฺตนํ อวตฺตนํ วาติ วตฺตุกาโม สมฺภมวเสน ‘‘ชีวิตนฺตรายาน’’นฺติ อาห. ตถา หิ อเนกปจฺจยปฺปฏิพทฺธวุตฺติชีวิตํ อเนกรูปา จ ตทนฺตรายา. วุตฺตฺหิ –
‘‘อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ, โก ชฺา มรณํ สุเว;
น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๗๒; เนตฺติ. ๑๐๓);
กสฺมา ¶ ปนายํ ชีวิตนฺตรายเมว ตาว ปุรกฺขโรติ? ‘‘นิมิตฺตฺุตาย อทิฏฺโกสลฺเลน วา’’ติ เกจิ. อปเร ‘‘เทวตาย สนฺติเก ชีวิตนฺตรายสฺส สุตตฺตา’’ติ วทนฺติ. อนฺติมภวิกตฺตา ปน อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน เอวมาห. น หิ เตสํ อปฺปตฺตอรหตฺตานํ ชีวิตกฺขโย โหติ. กึ ปน การณา ภควา ตสฺส ธมฺมํ เทเสตุกาโมว ทฺวิกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อิมสฺส มํ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย ¶ สกลสรีรํ ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏํ, อติพลวา ปีติเวโค, ธมฺมํ สุตฺวาปิ น ตาว สกฺขิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิตุํ. ยาว ปน มชฺฌตฺตุเปกฺขา สณฺาติ, ตาว ติฏฺตุ, วีสโยชนสตํ มคฺคํ อาคตตฺตา ทรโถปิสฺส กาเย พลวา, โสปิ ตาว ปฏิปฺปสฺสมฺภตู’’ติ. ตสฺมา ทฺวิกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิ. เกจิ ปน ‘‘ธมฺมสฺสวเน อาทรชนนตฺถํ ภควา เอวมกาสี’’ติ วทนฺติ. ตติยวารํ ยาจิโต ปน มชฺฌตฺตุเปกฺขํ ทรถปฺปฏิปสฺสทฺธึ ปจฺจุปฏฺิตฺจสฺส ชีวิตนฺตรายํ ทิสฺวา ¶ ‘‘อิทานิ ธมฺมเทสนาย กาโล’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตสฺมา ติหา’’ติอาทินา ธมฺมเทสนํ อารภิ.
ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา ตฺวํ อุสฺสุกฺกชาโต หุตฺวา อติวิย มํ ยาจสิ, ยสฺมา วา ชีวิตนฺตรายานํ ทุชฺชานตํ วทสิ, อินฺทฺริยานิ จ เต ปริปากํ คตานิ, ตสฺมา. ติหาติ นิปาตมตฺตํ. เตติ ตยา เอวนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพาการํ วทติ.
สิกฺขิตพฺพนฺติ อธิสีลสิกฺขาทีนํ ติสฺสนฺนมฺปิ สิกฺขานํ วเสน สิกฺขนํ กาตพฺพํ. ยถา ปน สิกฺขิตพฺพํ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตนฺติ รูปายตเน จกฺขุวิฺาเณน ทิฏฺมตฺตํ. ยถา หิ จกฺขุวิฺาณํ รูเป รูปมตฺตเมว ปสฺสติ, น อนิจฺจาทิสภาวํ, เอวเมว เสสํ. จกฺขุทฺวาริกวิฺาเณน หิ เม ทิฏฺมตฺตเมว ภวิสฺสตีติ สิกฺขิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อถ วา ทิฏฺเ ทิฏฺํ นาม ¶ จกฺขุวิฺาเณน รูปวิชานนนฺติ อตฺโถ. มตฺตนฺติ ปมาณํ. ทิฏฺา มตฺตา เอตสฺสาติ ทิฏฺมตฺตํ, จกฺขุวิฺาณมตฺตเมว จิตฺตํ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อาปาถคเต รูเป จกฺขุวิฺาณํ น รชฺชติ, น ทุสฺสติ, น มุยฺหติ, เอวํ ราคาทิวิรเหน จกฺขุวิฺาณมตฺตเมว เม ชวนํ ภวิสฺสติ, จกฺขุวิฺาณปฺปมาเณเนว ชวนํ เปสฺสามีติ.
อถ วา ทิฏฺํ นาม จกฺขุวิฺาเณน ทิฏฺํ รูปํ, ทิฏฺมตฺตํ นาม ตตฺเถว อุปฺปนฺนํ สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณโวฏฺพฺพนสงฺขาตํ จิตฺตตฺตยํ. ยถา ตํ น รชฺชติ, น ทุสฺสติ, น มุยฺหติ, เอวํ อาปาถคเต รูเป เตเนว สมฺปฏิจฺฉนาทิปฺปมาเณน ชวนํ อุปฺปาเทสฺสามิ, นาหํ ตํ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา รชฺชนาทิวเสน อุปฺปชฺชิตุํ ทสฺสามีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอเสว นโย สุตมุเต ¶ . มุตนฺติ ตทารมฺมณวิฺาเณหิ สทฺธึ คนฺธรสโผฏฺพฺพายตนํ เวทิตพฺพํ. วิฺาเต วิฺาตมตฺตนฺติ เอตฺถ ปน วิฺาตํ นาม มโนทฺวาราวชฺชเนน วิฺาตารมฺมณํ. ตสฺมึ วิฺาเต วิฺาตมตฺตนฺติ อาวชฺชนปฺปมาณํ. ยถา อาวชฺชนํ น รชฺชติ, น ทุสฺสติ, น มุยฺหติ, เอวํ รชฺชนาทิวเสน จ อุปฺปชฺชิตุํ อทตฺวา อาวชฺชนปฺปมาเณเนว จิตฺตํ เปสฺสามีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. เอวฺหิ เต, พาหิย, สิกฺขิตพฺพนฺติ เอวํ อิมาย ปฏิปทาย ตยา, พาหิย, ติสฺสนฺนํ สิกฺขานํ อนุวตฺตนวเสน สิกฺขิตพฺพํ.
อิติ ภควา พาหิยสฺส สํขิตฺตรุจิตาย ฉหิ วิฺาณกาเยหิ สทฺธึ ฉฬารมฺมณเภทภินฺนํ ¶ วิปสฺสนาย วิสยํ ทิฏฺาทีหิ จตูหิ โกฏฺาเสหิ วิภชิตฺวา ตตฺถสฺส าตตีรณปริฺํ ทสฺเสติ. กถํ? เอตฺถ หิ รูปายตนํ ปสฺสิตพฺพฏฺเน ทิฏฺํ นาม, จกฺขุวิฺาณํ ปน สทฺธึ ตํทฺวาริกวิฺาเณหิ ทสฺสนฏฺเน, ตทุภยมฺปิ ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมานํ ธมฺมมตฺตเมว, น เอตฺถ โกจิ กตฺตา วา กาเรตา วา, ยโต ตํ หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจํ, อุทยพฺพยปฺปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขํ, อวสวตฺตนฏฺเน ¶ อนตฺตาติ กุโต ตตฺถ ปณฺฑิตสฺส รชฺชนาทีนํ โอกาโสติ? อยเมตฺถ อธิปฺปาโย สุตาทีสุปิ.
อิทานิ าตตีรณปริฺาสุ ปติฏฺิตสฺส อุปริ สห มคฺคผเลน ปหานปริฺํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ยโต โข เต, พาหิยา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ยโตติ ยทา, ยสฺมา วา. เตติ ตว. ตโตติ ตทา, ตสฺมา วา. เตนาติ เตน ทิฏฺาทินา, ทิฏฺาทิปฏิพทฺเธน ราคาทินา วา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – พาหิย, ตว ยสฺมึ กาเล เยน วา การเณน ทิฏฺาทีสุ มยา วุตฺตวิธึ ปฏิปชฺชนฺตสฺส อวิปรีตสภาวาวโพเธน ทิฏฺาทิมตฺตํ ภวิสฺสติ, ตสฺมึ กาเล เตน วา การเณน ทิฏฺาทิปฏิพทฺเธน ราคาทินา สห น ภวิสฺสสิ, รตฺโต วา ทุฏฺโ วา มูฬฺโห วา น ภวิสฺสสิ, ปหีนราคาทิกตฺตา เตน วา ทิฏฺาทินา สห ปฏิพทฺโธ น ภวิสฺสสีติ. ตโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถาติ ยทา ยสฺมา วา ตฺวํ เตน ราเคน วา รตฺโต โทเสน วา ทุฏฺโ โมเหน วา มูฬฺโห น ภวิสฺสสิ, ตทา ตสฺมา วา ตฺวํ ตตฺถ ทิฏฺาทิเก น ภวิสฺสสิ, ตสฺมึ ทิฏฺเ วา สุตมุตวิฺาเต วา ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ ตณฺหามานทิฏฺีหิ อลฺลีโน ปติฏฺิโต น ภวิสฺสสิ. เอตฺตาวตา ปหานปริฺํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ขีณาสวภูมิ ทสฺสิตา.
ตโต ¶ ตฺวํ, พาหิย, เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรนาติ ยทา ตฺวํ, พาหิย, เตน ราคาทินา ตตฺถ ทิฏฺาทีสุ ปฏิพทฺโธ น ภวิสฺสสิ, ตทา ตฺวํ เนว อิธโลเก น ปรโลเก น อุภยตฺถาปิ. เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสาติ กิเลสทุกฺขสฺส จ วฏฺฏทุกฺขสฺส จ อยเมว หิ อนฺโต อยํ ปริวฏุมภาโวติ อยเมว หิ เอตฺถ อตฺโถ. เย ปน ‘‘อุภยมนฺตเรนา’’ติ ปทํ คเหตฺวา อนฺตราภวํ นาม อิจฺฉนฺติ, เตสํ ตํ มิจฺฉา. อนฺตราภวสฺส หิ ภาโว อภิธมฺเม ปฏิกฺขิตฺโตเยว. อนฺตเรนาติ วจนํ ปน วิกปฺปนฺตรทีปนํ, ตสฺมา อยเมตฺถ อตฺโถ – ‘‘เนว อิธ น หุรํ, อปโร วิกปฺโป น อุภย’’นฺติ.
อถ วา อนฺตเรนาติ วจนํ ปน วิกปฺปนฺตราภาวทีปนํ. ตสฺสตฺโถ – ‘‘เนว อิธ น หุรํ, อุภยมนฺตเร ปน น ¶ อฺฏฺานํ อตฺถี’’ติ. เยปิ จ ‘‘อนฺตราปรินิพฺพายี สมฺภเวสี’’ติ ¶ จ อิเมสํ สุตฺตปทานํ อตฺถํ อโยนิโส คเหตฺวา ‘‘อตฺถิเยว อนฺตราภโว’’ติ วทนฺติ, เตปิ ยสฺมา อวิหาทีสุ ตตฺถ ตตฺถ อายุเวมชฺฌํ อนติกฺกมิตฺวา อนฺตรา อคฺคมคฺคาธิคเมน อนวเสสกิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายตีติ อนฺตราปรินิพฺพายี, น อนฺตราภวภูโตติ ปุริมสฺส สุตฺตปทสฺส อตฺโถ. ปจฺฉิมสฺส จ เย ภูตา เอว, น ภวิสฺสนฺติ, เต ขีณาสวา ปุริมปเท ภูตาติ วุตฺตา. ตพฺพิรุทฺธตาย สมฺภวเมสนฺตีติ สมฺภเวสิโน, อปฺปหีนภวสํโยชนตฺตา เสขา ปุถุชฺชนา จ. จตูสุ วา โยนีสุ อณฺฑชชลาพุชสตฺตา ยาว อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ น ภินฺทนฺติ, ตาว สมฺภเวสี นาม, อณฺฑโกสโต วตฺถิโกสโต จ พหิ นิกฺขนฺตา ภูตา นาม. สํเสทชา โอปปาติกา จ ปมจิตฺตกฺขเณ สมฺภเวสี นาม, ทุติยจิตฺตกฺขณโต ปฏฺาย ภูตา นาม. เยน วา อิริยาปเถน ชายนฺติ, ยาว ตโต อฺํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สมฺภเวสิโน, ตโต ปรํ ภูตาติ อตฺโถ. ตสฺมา นตฺถีติ ปฏิกฺขิปิตพฺพา. สติ หิ อุชุเก ปาฬิอนุคเต อตฺเถ กึ อนิทฺธาริตสามตฺถิเยน อนฺตราภเวน ปริกปฺปิเตน ปโยชนนฺติ.
เย ปน ‘‘สนฺตานวเสน ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ อวิจฺเฉเทน เทสนฺตเรสุ ปาตุภาโว ทิฏฺโ, ยถา ตํ วีหิอาทิอวิฺาณกสนฺตาเน, เอวํ สวิฺาณกสนฺตาเนปิ อวิจฺเฉเทน เทสนฺตเรสุ ปาตุภาเวน ภวิตพฺพํ. อยฺจ นโย สติ อนฺตราภเว ยุชฺชติ, น อฺถา’’ติ ยุตฺตึ วทนฺติ. เตน หิ อิทฺธิมโต เจโตวสิปฺปตฺตสฺส จิตฺตานุคติกํ กายํ ¶ อธิฏฺหนฺตสฺส ขเณน พฺรหฺมโลกโต อิธูปสงฺกมเน อิโต วา พฺรหฺมโลกคมเน ยุตฺติ วตฺตพฺพา. ยทิ สพฺพตฺเถว อวิจฺฉินฺนเทเส ธมฺมานํ ปวตฺติ อิจฺฉิตา, ยทิปิ สิยา อิทฺธิมนฺตานํ อิทฺธิวิสโย อจินฺเตยฺโยติ. ตํ อิธาปิ สมานํ ‘‘กมฺมวิปาโก ¶ อจินฺเตยฺโย’’ติ วจนโต. ตสฺมา ตํ เตสํ มติมตฺตเมว. อจินฺเตยฺยสภาวา หิ สภาวธมฺมา, เต กตฺถจิ ปจฺจยวเสน วิจฺฉินฺนเทเส ปาตุภวนฺติ, กตฺถจิ อวิจฺฉินฺนเทเส. ตถา หิ มุขโฆสาทีหิ ปจฺจเยหิ อฺสฺมึ เทเส อาทาสปพฺพตปฺปเทสาทิเก ปฏิพิมฺพปฏิโฆสาทิกํ ปจฺจยุปฺปนฺนํ นิพฺพตฺตมานํ ทิสฺสติ, ตสฺมา น สพฺพํ สพฺพตฺถ อุปเนตพฺพนฺติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน ปฏิพิมฺพสฺส อุทาหรณภาวสาธนาทิโก อนฺตราภวกถาวิจาโร กถาวตฺถุปกรณสฺส (กถา. ๕๐๕; กถา. อฏฺ. ๕๐๕) ฏีกายํ คเหตพฺโพ.
อปเร ปน ‘‘อิธาติ กามภโว, หุรนฺติ อรูปภโว, อุภยมนฺตเรนาติ รูปภโว วุตฺโต’’ติ. อฺเ ‘‘อิธาติ อชฺฌตฺติกายตนานิ, หุรนฺติ พาหิรายตนานิ, อุภยมนฺตเรนาติ จิตฺตเจตสิกา’’ติ. ‘‘อิธาติ วา ปจฺจยธมฺมา, หุรนฺติ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมา, อุภยมนฺตเรนาติ ปณฺณตฺติธมฺมา ¶ วุตฺตา’’ติ วทนฺติ. ตํ สพฺพํ อฏฺกถาสุ นตฺถิ. เอวํ ตาว ‘‘ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติอาทินา ทิฏฺาทิวเสน จตุธา เตภูมกธมฺมา สงฺคเหตพฺพา. ตตฺถ สุภสุขนิจฺจอตฺตคฺคาหปริวชฺชนมุเขน อสุภทุกฺขานิจฺจานตฺตานุปสฺสนา ทสฺสิตาติ เหฏฺิมาหิ วิสุทฺธีหิ สทฺธึ สงฺเขเปเนว วิปสฺสนา กถิตา. ‘‘ตโต ตฺวํ, พาหิย, น เตนา’’ติ อิมินา ราคาทีนํ สมุจฺเฉทสฺส อธิปฺเปตตฺตา มคฺโค. ‘‘ตโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถา’’ติ อิมินา ผลํ. ‘‘เนวิธา’’ติอาทินา อนุปาทิเสสา ปรินิพฺพานธาตุ กถิตาติ ทฏฺพฺพํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข พาหิยสฺส…เป… อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจี’’ติ.
อิมาย สํขิตฺตปทาย เทสนาย ตาวเทวาติ ตสฺมึเยว ขเณ, น กาลนฺตเร. อนุปาทายาติ อคฺคเหตฺวา. อาสเวหีติ อาภวคฺคํ อาโคตฺรภุํ สวนโต ปวตฺตนโต จิรปาริวาสิยฏฺเน มทิราทิอาสวสทิสตาย จ ‘‘อาสวา’’ติ ¶ ลทฺธนาเมหิ กามราคาทีหิ. วิมุจฺจีติ สมุจฺเฉทวิมุตฺติยา ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติยา จ วิมุจฺจิ นิสฺสชฺชิ. โส หิ สตฺถุ ธมฺมํ สุณนฺโต เอว สีลานิ โสเธตฺวา ยถาลทฺธํ จิตฺตสมาธึ นิสฺสาย วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ขิปฺปาภิฺตาย ตาวเทว สพฺพาสเว เขเปตฺวา ¶ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส สํสารโสตํ ฉินฺทิตฺวา กตวฏฺฏปริยนฺโต อนฺติมเทหธโร หุตฺวา เอกูนวีสติยา ปจฺจเวกฺขณาสุ ปวตฺตาสุ ธมฺมตาย โจทิยมาโน ภควนฺตํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ‘‘ปริปุณฺณํ เต ปตฺตจีวร’’นฺติ ปุฏฺโ ‘‘น ปริปุณฺณ’’นฺติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘เตน หิ ปตฺตจีวรํ ปริเยสา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา…เป… ปกฺกามี’’ติ.
โส กิร กสฺสปทสพลสฺส สาสเน วีสวสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กโรนฺโต ‘‘ภิกฺขุนา นาม อตฺตนา ปจฺจเย ลภิตฺวา ยถาทานํ กโรนฺเตน อตฺตนาว ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอกสฺส ภิกฺขุสฺสปิ ปตฺเตน วา จีวเรน วา สงฺคหํ นากาสิ, เตนสฺส เอหิภิกฺขุอุปสมฺปทาย อุปนิสฺสโย นาโหสิ. เกจิ ปนาหุ – ‘‘โส กิร พุทฺธสฺุเ โลเก โจโร หุตฺวา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา อรฺเ โจริกํ กโรนฺโต เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ปตฺตจีวรโลเภน ตํ อุสุนา วิชฺฌิตฺวา ปตฺตจีวรํ คณฺหิ, เตนสฺส อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ น อุปฺปชฺชิสฺสตีติ, สตฺถา ตํ ตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพชฺชํ น อทาสี’’ติ. ตมฺปิ ปตฺตจีวรปริเยสนํ จรมานํ เอกา เธนุ เวเคน อาปตนฺตี ปหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อถ โข อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต พาหิยํ ทารุจีริยํ คาวี ตรุณวจฺฉา อธิปติตฺวา ชีวิตา โวโรเปสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ อจิรปกฺกนฺตสฺสาติ น จิรํ ปกฺกนฺตสฺส ภควโต. คาวี ตรุณวจฺฉาติ เอกา ยกฺขินี ตรุณวจฺฉเธนุรูปา. อธิปติตฺวาติ อภิภวิตฺวา มทฺทิตฺวา. ชีวิตา โวโรเปสีติ ปุริมสฺมึ อตฺตภาเว ลทฺธาฆาตตาย ทิฏฺมตฺเตเนว ¶ เวริจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สิงฺเคน ปหริตฺวา ชีวิตา โวโรเปสิ.
สตฺถา ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ นครโต นิกฺขมนฺโต พาหิยสฺส สรีรํ สงฺการฏฺาเน ปติตํ ทิสฺวา ภิกฺขู อาณาเปสิ – ‘‘ภิกฺขเว, เอกสฺมึ ฆรทฺวาเร ตฺวา มฺจกํ อาหราเปตฺวา อิทํ สรีรํ นครโต นีหริตฺวา ฌาเปตฺวา ถูปํ กโรถา’’ติ, ภิกฺขู ตถา อกํสุ. กตฺวา จ ปน วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตนา กตกิจฺจํ อาโรเจตฺวา ตสฺส อภิสมฺปรายํ ปุจฺฉึสุ. อถ เนสํ ภควา ตสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ อาจิกฺขิ. ภิกฺขู ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, ‘พาหิโย ทารุจีริโย อรหตฺตํ ปตฺโต’ติ วทถ, กทา โส อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ ¶ ปุจฺฉึสุ. ‘‘มม ธมฺมํ สุตกาเล’’ติ จ วุตฺเต ‘‘กทา ปนสฺส ตุมฺเหหิ ธมฺโม กถิโต’’ติ? ‘‘ปิณฺฑาย จรนฺเตน อชฺเชว อนฺตรวีถิยํ ตฺวา’’ติ. ‘‘อปฺปมตฺตโก โส, ภนฺเต, ตุมฺเหหิ อนฺตรวีถิยํ ตฺวา กถิตธมฺโม, กถํ โส ตาวตเกน วิเสสํ นิพฺพตฺเตสี’’ติ? ‘‘กึ, ภิกฺขเว, มม ธมฺมํ ‘อปฺปํ วา พหุํ วา’ติ ปมิณถ, อเนกานิ คาถาสหสฺสานิปิ อนตฺถสํหิตานิ น เสยฺโย, อตฺถนิสฺสิตํ ปน เอกมฺปิ คาถาปทํ เสยฺโย’’ติ ทสฺเสนฺโต –
‘‘สหสฺสมปิ เจ คาถา, อนตฺถปทสฺหิตา;
เอกํ คาถาปทํ เสยฺโย, ยํ สุตฺวา อุปสมฺมตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๐๑) –
ธมฺมปเท อิมํ คาถํ วตฺวา ‘‘น เกวลํ โส ปรินิพฺพานมตฺเตน, อถ โข มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ขิปฺปาภิฺานํ อคฺคภาเวนปิ ปูชารโห’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ขิปฺปาภิฺานํ, ยทิทํ พาหิโย ทารุจีริโย’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๖) ตํ อายสฺมนฺตํ เอตทคฺเค เปสิ. ตํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา…เป… ปรินิพฺพุโต, ภิกฺขเว, พาหิโย ทารุจีริโย’’ติ.
ตตฺถ ปจฺฉาภตฺตนฺติ ภตฺตกิจฺจโต ปจฺฉา. ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโตติ ปิณฺฑปาตปริเยสนโต ปฏินิวตฺโต. ปททฺวเยนาปิ กตภตฺตกิจฺโจติ วุตฺตํ โหติ. นีหริตฺวาติ นครโต พหิ เนตฺวา. ฌาเปถาติ ทหถ. ถูปฺจสฺส กโรถาติ อสฺส พาหิยสฺส สรีรธาตุโย คเหตฺวา เจติยฺจ กโรถ ¶ . ตตฺถ การณมาห – ‘‘สพฺรหฺมจารี โว, ภิกฺขเว, กาลกโต’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยํ ตุมฺเห เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมํ อธิสีลาทิปฏิปตฺติธมฺมํ สนฺทิฏฺํ จรถ, ตํ โส ตุมฺเหหิ สมานํ พฺรหฺมํ อจรีติ สพฺรหฺมจารี มรณกาลสฺส ปตฺติยาว กาลกโต, ตสฺมา ตํ มฺจเกน นีหริตฺวา ฌาเปถ, ถูปฺจสฺส กโรถาติ.
ตสฺส กา คตีติ ปฺจสุ คตีสุ ตสฺส กตมา คติ อุปปตฺติ ภวภูตา, คตีติ นิปฺผตฺติ, อริโย ปุถุชฺชโน วาติ กา นิฏฺาติ อตฺโถ. อภิสมฺปราโยติ เปจฺจ ภวุปฺปตฺติ ภวนิโรโธ วา. กิฺจาปิ ตสฺส ถูปกรณาณตฺติยาว ปรินิพฺพุตภาโว อตฺถโต ปกาสิโต โหติ, เย ปน ภิกฺขู ตตฺตเกน น ชานึสุ, เต ‘‘ตสฺส กา คตี’’ติ ¶ ปุจฺฉึสุ. ปากฏตรํ วา การาเปตุกามา ตถา ภควนฺตํ ปุจฺฉึสุ.
ปณฺฑิโตติ อคฺคมคฺคปฺาย อธิคตตฺตา ปณฺเฑน อิโต คโต ปวตฺโตติ ปณฺฑิโต. ปจฺจปาทีติ ปฏิปชฺชิ. ธมฺมสฺสาติ โลกุตฺตรธมฺมสฺส. อนุธมฺมนฺติ สีลวิสุทฺธิอาทิปฏิปทาธมฺมํ. อถ วา ธมฺมสฺสาติ นิพฺพานธมฺมสฺส. อนุธมฺมนฺติ อริยมคฺคผลธมฺมํ. น จ มํ ธมฺมาธิกรณนฺติ ธมฺมเทสนาเหตุ น จ มํ วิเหเสสิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปนฺนตฺตา. โย หิ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา กมฺมฏฺานํ วา คเหตฺวา ยถานุสิฏฺํ น ปฏิปชฺชติ, โส สตฺถารํ วิเหเสติ นาม. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘วิหึสสฺี ปคุณํ น ภาสึ, ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม’’ติ (มหาว. ๙; ม. นิ. ๑.๒๘๓; ๒.๓๓๙). อถ วา น จ มํ ธมฺมาธิกรณนฺติ น จ อิมํ ธมฺมาธิกรณํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – วฏฺฏทุกฺขโต นิยฺยานเหตุภูตํ อิมํ มม สาสนธมฺมํ สุปฺปฏิปนฺนตฺตา น วิเหเสติ. ทุปฺปฏิปนฺโน หิ สาสนํ ภินฺทนฺโต สตฺถุ ¶ ธมฺมสรีเร ปหารํ เทติ นาม. อยํ ปน สมฺมาปฏิปตฺตึ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปรินิพฺพุโต, ภิกฺขเว, พาหิโย ทารุจีริโย’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เถรสฺส พาหิยสฺส อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุตภาวํ, ตถา ปรินิพฺพุตานฺจ ขีณาสวานํ คติยา ปจุรชเนหิ ทุพฺพิฺเยฺยภาวํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อปฺปติฏฺิตปรินิพฺพานานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยตฺถาติ ยสฺมึ นิพฺพาเน อาโป จ น คาธติ, ปถวี จ เตโช จ วาโย จ น คาธติ, น ปติฏฺาติ. กสฺมา? นิพฺพานสฺส อสงฺขตสภาวตฺตา. น หิ ตตฺถ สงฺขตธมฺมานํ เลโสปิ ¶ สมฺภวติ. สุกฺกาติ สุกฺกวณฺณตาย สุกฺกาติ ลทฺธนามา คหนกฺขตฺตตารกา. น โชตนฺตีติ น ภาสนฺติ. อาทิจฺโจ นปฺปกาสตีติ ตีสุ ทีเปสุ เอกสฺมึ ขเณ อาโลกผรณสมตฺโถ อาทิจฺโจปิ อาภาวเสน น ทิพฺพติ. น ตตฺถ จนฺทิมา ภาตีติ สติปิ ภาสุรภาเว กนฺตสีตลกิรโณ จนฺโทปิ ตสฺมึ นิพฺพาเน อภาวโต เอว อตฺตโน ชุณฺหาวิภาสเนน น วิโรจติ. ยทิ ตตฺถ จนฺทิมสูริยาทโย นตฺถิ, โลกนฺตโร วิย นิจฺจนฺธการเมว ¶ ตํ ภเวยฺยาติ อาสงฺกํ สนฺธายาห ‘‘ตโม ตตฺถ น วิชฺชตี’’ติ. สติ หิ รูปาภาเว ตโม นาม น สิยา.
ยทา จ อตฺตนา เวทิ, มุนิ โมเนน พฺราหฺมโณติ จตุสจฺจมุนนโต โมนนฺติ ลทฺธนาเมน มคฺคาเณน กายโมเนยฺยาทีหิ จ สมนฺนาคตตฺตา ‘‘มุนี’’ติ ลทฺธนาโม อริยสาวกพฺราหฺมโณ เตเนว โมนสงฺขาเตน ปฏิเวธาเณน ยทา ยสฺมึ กาเล อคฺคมคฺคกฺขเณ อตฺตนา สยเมว อนุสฺสวาทิเก ปหาย อตฺตปจฺจกฺขํ กตฺวา นิพฺพานํ เวทิ ปฏิวิชฺฌิ. ‘‘อเวที’’ติปิ ปาโ, อฺาสีติ อตฺโถ. อถ รูปา อรูปา จ, สุขทุกฺขา ปมุจฺจตีติ อถาติ ตสฺส นิพฺพานสฺส ชานนโต ปจฺฉา. รูปาติ รูปธมฺมา, เตน ปฺจโวการภโว เอกโวการภโว จ คหิโต โหติ. อรูปาติ อรูปธมฺมา, เตน รูเปนามิสฺสีกโต ¶ อรูปภโว คหิโต โหติ. โส ‘‘จตุโวการภโว’’ติปิ วุจฺจติ. สุขทุกฺขาติ สพฺพตฺถ อุปฺปชฺชนกสุขทุกฺขโตปิ วฏฺฏโต. อถ วา รูปาติ รูปโลกปฏิสนฺธิโต. อรูปาติ อรูปโลกปฏิสนฺธิโต. สุขทุกฺขาติ กามาวจรปฏิสนฺธิโต. กามภโว หิ พฺยามิสฺสสุขทุกฺโข. เอวเมตสฺมา สกลโตปิ วฏฺฏโต อจฺจนฺตเมว มุจฺจตีติ คาถาทฺวเยนปิ ภควา ‘‘มยฺหํ ปุตฺตสฺส พาหิยสฺส เอวรูปา นิพฺพานคตี’’ติ ทสฺเสติ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ โพธิวคฺควณฺณนา.