📜
๒. มุจลินฺทวคฺโค
๑. มุจลินฺทสุตฺตวณฺณนา
๑๑. มุจลินฺทวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม มุจลินฺทมูเลติ เอตฺถ มุจลินฺโท วุจฺจติ นีปรุกฺโข. โส ‘‘นิจุโล’’ติปิ วุจฺจติ, ตสฺส สมีเป. เกจิ ปน ‘‘มุจโลติ ตสฺส รุกฺขสฺส นามํ, ตํ วนเชฏฺกตาย ปน มุจลินฺโทติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. มหา อกาลเมโฆติ อสมฺปตฺเต วสฺสกาเล อุปฺปนฺนมหาเมโฆ. โส หิ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ปูเรนฺโต อุทปาทิ. สตฺตาหวทฺทลิกาติ ตสฺมึ อุปฺปนฺเน สตฺตาหํ อวิจฺฉินฺนวุฏฺิกา อโหสิ. สีตวาตทุทฺทินีติ สา จ สตฺตาหวทฺทลิกา อุทกผุสิตสมฺมิสฺเสน สีตวาเตน สมนฺตโต ปริพฺภมนฺเตน ทุสิตทิวสตฺตา ทุทฺทินี นาม อโหสิ. มุจลินฺโท นาม นาคราชาติ ตสฺเสว มุจลินฺทรุกฺขสฺส สมีเป โปกฺขรณิยา เหฏฺา นาคภวนํ อตฺถิ, ตตฺถ นิพฺพตฺโต มหานุภาโว นาคราชา. สกภวนาติ อตฺตโน นาคภวนโต. สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวาติ สตฺตวาเร อตฺตโน สรีรโภเคหิ ภควโต กายํ ปริวาเรตฺวา. อุปริมุทฺธนิ มหนฺตํ ผณํ วิหจฺจาติ ภควโต มุทฺธปฺปเทสสฺส อุปริ อตฺตโน มหนฺตํ ผณํ ปสาเรตฺวา. ‘‘ผณํ กริตฺวา’’ติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ.
ตสฺส กิร นาคราชสฺส เอตทโหสิ ‘‘ภควา จ มยฺหํ ภวนสมีเป รุกฺขมูเล นิสินฺโน, อยฺจ สตฺตาหวทฺทลิกา วตฺตติ, วาสาคารมสฺส ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สตฺตรตนมยํ ปาสาทํ นิมฺมินิตุํ สกฺโกนฺโตปิ ‘‘เอวํ กเต กายสาโร คหิโต น ภวิสฺสติ, ทสพลสฺส กายเวยฺยาวจฺจํ กริสฺสามี’’ติ มหนฺตํ อตฺตภาวํ กตฺวา ¶ สตฺถารํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ ผณํ กตฺวา ธาเรสิ. ‘‘ปริกฺเขปพฺภนฺตรํ โลหปาสาเท ภณฺฑาคารคพฺภปฺปมาณํ อโหสี’’ติ ขนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๕) วุตฺตํ. มชฺฌิมฏฺกถายํ ปน ‘‘เหฏฺาโลหปาสาทปฺปมาณ’’นฺติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๔). ‘‘อิจฺฉิติจฺฉิเตน อิริยาปเถน สตฺถา วิหริสฺสตี’’ติ กิร นาคราชสฺส อชฺฌาสโย. ภควา ปน ยถานิสินฺโนว สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. ตฺจ านํ สุปิหิตวาตปานํ สุผุสิตอคฺคฬทฺวารํ กูฏาคารํ วิย อโหสิ. มา ¶ ภควนฺตํ สีตนฺติอาทิ ตสฺส ตถา กริตฺวา านการณปริทีปนํ. โส หิ ¶ ‘‘มา ภควนฺตํ สีตํ พาธยิตฺถ, มา อุณฺหํ, มา ฑํสาทิสมฺผสฺโส พาธยิตฺถา’’ติ ตถา กริตฺวา อฏฺาสิ.
ตตฺถ กิฺจาปิ สตฺตาหวทฺทลิกาย อุณฺหเมว นตฺถิ, สเจ ปน อนฺตรนฺตรา เมโฆ วิคจฺเฉยฺย, อุณฺหํ ภเวยฺย, ตมฺปิ มา พาธยิตฺถาติ เอวํ ตสฺส จินฺเตตุํ ยุตฺตํ. เกจิ ปเนตฺถ วทนฺติ ‘‘อุณฺหคฺคหณํ โภคปริกฺเขปสฺส วิปุลภาวกรเณ การณกิตฺตนํ. ขุทฺทเก หิ ตสฺมึ ภควนฺตํ นาคสฺส สรีรสมฺภูตา อุสฺมา พาเธยฺย, วิปุลภาวกรเณน ปน ตาทิสํ ‘มา อุณฺหํ พาธยิตฺถา’ติ ตถา กริตฺวา อฏฺาสี’’ติ.
วิทฺธนฺติ อุพฺพิทฺธํ, เมฆวิคเมน ทูรีภูตนฺติ อตฺโถ. วิคตวลาหกนฺติ อปคตเมฆํ. เทวนฺติ อากาสํ. วิทิตฺวาติ ‘‘อิทานิ วิคตวลาหโก อากาโส, นตฺถิ ภควโต สีตาทิอุปทฺทโว’’ติ ตฺวา. วินิเวเตฺวาติ อปเนตฺวา. สกวณฺณนฺติ อตฺตโน นาครูปํ. ปฏิสํหริตฺวาติ อนฺตรธาเปตฺวา. มาณวกวณฺณนฺติ กุมารกรูปํ.
เอตมตฺถนฺติ วิเวกสุขปฺปฏิสํเวทิโน ยตฺถ กตฺถจิ สุขเมว โหตีติ เอตมตฺถํ สพฺพากาเรน ชานิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ วิเวกสุขานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สุโข วิเวโกติ นิพฺพานสงฺขาโต อุปธิวิเวโก สุโข. ตุฏฺสฺสาติ จตุมคฺคาณสนฺโตเสน ตุฏฺสฺส. สุตธมฺมสฺสาติ ปกาสิตธมฺมสฺส วิสฺสุตธมฺมสฺส. ปสฺสโตติ ตํ วิเวกํ, ยํ วา กิฺจิ ปสฺสิตพฺพํ นาม, ตํ สพฺพํ ¶ อตฺตโน วีริยพลาธิคเตน าณจกฺขุนา ปสฺสนฺตสฺส. อพฺยาปชฺชนฺติ อกุปฺปนภาโว, เอเตน เมตฺตาปุพฺพภาโค ทสฺสิโต. ปาณภูเตสุ สํยโมติ สตฺเตสุ จ สํยโม อวิหึสนภาโว สุโขติ อตฺโถ. เอเตน กรุณาปุพฺพภาโค ทสฺสิโต.
สุขา วิราคตา โลเกติ วิคตราคตาปิ โลเก สุขา. กีทิสี? กามานํ สมติกฺกโมติ, ยา กามานํ สมติกฺกโมติ วุจฺจติ, สา วิคตราคตาปิ สุขาติ อตฺโถ, เอเตน อนาคามิมคฺโค กถิโต. อสฺมิมานสฺส โย วินโยติ อิมินา ปน อรหตฺตํ กถิตํ. อรหตฺตฺหิ อสฺมิมานสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิวินโยติ วุจฺจติ, อิโต ปรฺจ สุขํ นาม นตฺถิ, เตนาห ‘‘เอตํ เว ปรมํ สุข’’นฺติ. เอวํ อรหตฺเตน เทสนาย กูฏํ คณฺหีติ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ราชสุตฺตวณฺณนา
๑๒. ทุติเย ¶ ¶ สมฺพหุลานนฺติ วินยปริยาเยน ตโย ชนา ‘‘สมฺพหุลา’’ติ วุจฺจนฺติ, ตโต ปรํ สงฺโฆ. สุตฺตนฺตปริยาเยน ปน ตโย ตโย เอว, ตโต อุทฺธํ สมฺพหุลา. ตสฺมา อิธาปิ สุตฺตนฺตปริยาเยน สมฺพหุลาติ เวทิตพฺพา. อุปฏฺานสาลายนฺติ ธมฺมสภามณฺฑเป. สา หิ ธมฺมํ เทเสตุํ อาคตสฺส ตถาคตสฺส ภิกฺขูนํ อุปฏฺานกรณฏฺานนฺติ ‘‘อุปฏฺานสาลา’’ติ วุจฺจติ. อถ วา ยตฺถ ภิกฺขู วินยํ วินิจฺฉินนฺติ, ธมฺมํ กเถนฺติ, สากจฺฉํ สมาปชฺชนฺติ, สนฺนิปตนวเสน ปกติยา อุปติฏฺนฺติ, สา สาลาปิ มณฺฑโปปิ ‘‘อุปฏฺานสาลา’’ตฺเวว วุจฺจติ. ตตฺถาปิ หิ พุทฺธาสนํ นิจฺจํ ปฺตฺตเมว โหติ. อิทฺหิ พุทฺธานํ ธรมานกาเล ¶ ภิกฺขูนํ จาริตฺตํ. สนฺนิสินฺนานนฺติ นิสชฺชนวเสน สงฺคมฺม นิสินฺนานํ. สนฺนิปติตานนฺติ ตโต ตโต อาคนฺตฺวา สนฺนิปตนวเสน สนฺนิปติตานํ. อถ วา พุทฺธาสนํ ปุรโต กตฺวา สตฺถุ สมฺมุเข วิย อาทรุปฺปตฺติยา สกฺกจฺจํ นิสีทนวเสน สนฺนิสินฺนานํ, สมานชฺฌาสยตฺตา อฺมฺสฺมึ อชฺฌาสเยน สุฏฺุ สมฺมา จ นิปตนวเสน สนฺนิปติตานํ. อยนฺติ อิทานิ วุจฺจมานํ นิทฺทิสติ. อนฺตรากถาติ กมฺมฏฺานมนสิการอุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนํ อนฺตรา อฺา เอกา กถา, อถ วา มชฺฌนฺหิเก ลทฺธสฺส สุคโตวาทสฺส, สายํ ลภิตพฺพสฺส ธมฺมสฺสวนสฺส จ อนฺตรา ปวตฺตตฺตา อนฺตรากถา, สมณสมาจารสฺเสว วา อนฺตรา ปวตฺตา อฺา เอกา กถาติ อนฺตรากถา. อุทปาทีติ อุปฺปนฺนา.
อิเมสํ ทฺวินฺนํ ราชูนนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. มหทฺธนตโร วาติอาทีสุ ปถวิยํ นิขณิตฺวา ปิตํ สตฺตรตนนิจยสงฺขาตํ มหนฺตํ ธนํ เอตสฺสาติ มหทฺธโน, ทฺวีสุ อยํ อติสเยน มหทฺธโนติ มหทฺธนตโร. วาสทฺโท วิกปฺปตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปน วิเสโส – นิจฺจปริพฺพยวเสน มหนฺโต โภโค เอตสฺสาติ มหาโภโค. เทวสิกํ ปวิสนอายภูโต มหนฺโต โกโส เอตสฺสาติ มหาโกโส. อปเร ปน ‘‘เทวสิกํ ปวิสนอายภูตํ มณิสารเผคฺคุคุมฺพาทิเภทภินฺนํ ปริคฺคหวตฺถุ ธนํ, ตเทว สารคพฺภาทีสุ นิหิตํ โกโส’’ติ วทนฺติ. วชิโร, มหานีโล, อินฺทนีโล, มรกโต, เวฬุริโย, ปทุมราโค, ผุสฺสราโค, กกฺเกตโน, ปุลาโก, วิมโล, โลหิตงฺโก ¶ , ผลิโก, ปวาโฬ, โชติรโส, โคมุตฺตโก, โคเมทโก, โสคนฺธิโก, มุตฺตา, สงฺโข, อฺชนมูโล, ราชปฏฺโฏ, อมตํสโก, ปิยโก, พฺราหฺมณี จาติ จตุพฺพีสติ มณิ นาม. สตฺต ¶ โลหานิ กหาปโณ จ สาโร นาม. สยนจฺฉาทนปาวุรณคชทนฺตสิลาทีนิ เผคฺคุ นาม. จนฺทนาครุกุงฺกุมตครกปฺปูราทิ คุมฺพา นาม. ตตฺถ ปุริเมน อาทิสทฺเทน สาลิวีหิอาทิมุคฺคมาสาทิปุพฺพณฺณาปรณฺณเภทํ ธฺวิกตึ อาทึ ¶ กตฺวา ยํ สตฺตานํ อุปโภคปริโภคภูตํ วตฺถุ, ตํ สพฺพํ สงฺคยฺหติ. มหนฺตํ วิชิตํ รฏฺํ เอตสฺสาติ มหาวิชิโต. มหนฺโต หตฺถิอสฺสาทิวาหโน เอตสฺสาติ มหาวาหโน. มหนฺตํ เสนาพลฺเจว ถามพลฺจ เอตสฺสาติ มหพฺพโล. อิจฺฉิตนิพฺพตฺติสงฺขาตา ปฺุกมฺมนิปฺผนฺนา มหตี อิทฺธิ เอตสฺสาติ มหิทฺธิโก. เตชสงฺขาโต อุสฺสาหมนฺตปภุสตฺติสงฺขาโต วา มหนฺโต อานุภาโว เอตสฺสาติ มหานุภาโว.
เอตฺถ จ ปเมน อายสมฺปทา, ทุติเยน วิตฺตูปกรณสมฺปทา, ตติเยน วิภวสมฺปทา, จตุตฺเถน ชนปทสมฺปทา, ปฺจเมน ยานสมฺปทา, ฉฏฺเน ปริวารสมฺปทาย สทฺธึ อตฺตสมฺปทา, สตฺตเมน ปฺุกมฺมสมฺปทา, อฏฺเมน ปภาวสมฺปทา เตสํ ราชูนํ ปกาสิตา โหติ. เตน ยา สา สามิสมฺปตฺติ, อมจฺจสมฺปตฺติ, เสนาสมฺปตฺติ, รฏฺสมฺปตฺติ, วิภวสมฺปตฺติ, มิตฺตสมฺปตฺติ, ทุคฺคสมฺปตฺตีติ สตฺต ปกติสมฺปทา ราชูนํ อิจฺฉิตพฺพา. ตา สพฺพา ยถารหํ ปริทีปิตาติ เวทิตพฺพา.
ทานาทีหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ปริสํ รฺเชตีติ ราชา. มคธานํ อิสฺสโรติ มาคโธ. มหติยา เสนาย สมนฺนาคตตฺตา เสนิยโคตฺตตฺตา วา เสนิโย. พิมฺพิ วุจฺจติ สุวณฺณํ, ตสฺมา สารพิมฺพิวณฺณตาย พิมฺพิสาโร. เกจิ ปน ‘‘นามเมเวตํ ตสฺส รฺโ’’ติ วทนฺติ. ปจฺจามิตฺตํ ปรเสนํ ชินาตีติ ปเสนทิ. โกสลรฏฺสฺส อธิปตีติ โกสโล. อยฺจรหีติ เอตฺถ จรหีติ นิปาตมตฺตํ. วิปฺปกตาติ อปริโยสิตา. อยํ เตสํ ภิกฺขูนํ อนฺตรากถา อนิฏฺิตาติ ¶ อตฺโถ.
สายนฺหสมยนฺติ สายนฺเห เอกํ สมยํ. ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโตติ ตโต ตโต รูปาทิอารมฺมณโต จิตฺตสฺส ปฏิสํหรณโต ปฏิสลฺลานสงฺขาตาย ¶ ผลสมาปตฺติโต ยถากาลปริจฺเฉทํ วุฏฺิโต. ภควา หิ ปุพฺพณฺหสมยํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา ภิกฺขูนํ สุลภปิณฺฑปาตํ กตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา คนฺธกุฏิปฺปมุเข ตฺวา วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ิตานํ ภิกฺขูนํ ยถาสมุฏฺิตํ สุคโตวาทํ ทตฺวา เตสุ อรฺรุกฺขมูลาทิทิวาฏฺานํ อุทฺทิสฺส คเตสุ คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ผลสมาปตฺติสุเขน ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา ยถากาลปริจฺเฉเท สมาปตฺติโต วุฏฺาย, ‘‘มยฺหํ อุปคมนํ อาคมยมานา จตสฺโส ปริสา สกลวิหารํ ปริปูเรนฺติโย นิสินฺนา, อิทานิ เม ธมฺมเทสนตฺถํ ธมฺมสภามณฺฑลํ อุปคนฺตุํ กาโล’’ติ อาสนโต วุฏฺาย, เกสรสีโห วิย กฺจนคุหาย สุรภิคนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ยูถํ อุปสงฺกมนฺโต มตฺตวรวารโณ วิย อกายจาปลฺเลน ¶ จารุวิกฺกนฺตคมโน อสีติอนุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิตพาตฺตึสมหาปุริสลกฺขณสมุชฺชลาย พฺยามปฺปภาย ปริกฺเขปวิลาสสมฺปนฺนาย ปภสฺสรเกตุมาลาลงฺกตาย นีลปีตโลหิโตทาตมฺชิฏฺปภสฺสรานํ วเสน ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสชฺเชนฺติยา อจินฺเตยฺยานุภาวาย อนุปมาย พุทฺธลีลาย สมนฺนาคตาย รูปกายสมฺปตฺติยา สกลวิหารํ เอกาโลกํ กุรุมาโน อุปฏฺานสาลํ อุปสงฺกมิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา…เป… เตนุปสงฺกมี’’ติ.
เอวํ อุปสงฺกมิตฺวา วตฺตํ ทสฺเสตฺวา นิสินฺเน เต ภิกฺขู ตุณฺหีภูเต ทิสฺวา ‘‘มยิ อกเถนฺเต อิเม ภิกฺขู พุทฺธคารเวน กปฺปมฺปิ น กเถสฺสนฺตี’’ติ กถาสมุฏฺาปนตฺถํ ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กาย นุตฺถาติ กตมาย นุ ภวถ. ‘‘กาย โนตฺถา’’ติปิ ปาฬิ, โส เอวตฺโถ, ‘‘กาย นฺเวตฺถา’’ติปิ ปนฺติ, ตสฺส กตมาย นุ เอตฺถาติ อตฺโถ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, กตมาย ¶ นาม กถาย อิธ สนฺนิสินฺนา ภวถ, กตมา จ ตุมฺหากํ กถา มมาคมนปจฺจยา อนิฏฺิตา, ตํ นิฏฺาเปสฺสามีติ เอวํ สพฺพฺุปวารณาย ปวาเรสิ.
น ขฺเวตนฺติ น โข เอตํ, อยเมว วา ปาโ. ‘‘น โขต’’นฺติปิ ปนฺติ, น โข เอตํ อิจฺเจว ปทวิภาโค. กุลปุตฺตานนฺติ ชาติอาจารกุลปุตฺตานํ. สทฺธาติ สทฺธาย, กมฺมผลสทฺธาย รตนตฺตยสทฺธาย จ. อคารสฺมาติ ฆรโต, คหฏฺภาวาติ อตฺโถ. อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํ. ปพฺพชิตานนฺติ อุปคตานํ ¶ . ยนฺติ กิริยาปรามสนํ. ตตฺถายํ ปทโยชนา – ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺเห เนว ราชาภินีตา น โจราภินีตา น อิณฏฺฏา น ชีวิตปกตา ปพฺพชิตา, อถ โข สทฺธาย อคารโต นิกฺขมิตฺวา มม สาสเน ปพฺพชิตา, ตุมฺเห เอตรหิ เอวรูปึ ราชปฺปฏิสํยุตฺตํ ติรจฺฉานกถํ กเถยฺยาถ, ยํ เอวรูปาย กถาย กถนํ, เอตํ ตุมฺหากํ น โข ปติรูปํ น ยุตฺตเมวา’’ติ.
เอวํ สนฺนิปติตานํ ปพฺพชิตานํ อปฺปติรูปํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อิทานิ เนสํ ปติรูปํ ปฏิปตฺตึ อนุชานนฺโต ‘‘สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณียํ ธมฺมี วา กถา อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติ อาห. ตตฺถ โวติ ตุมฺหากํ. กรณียนฺติ หิ ปทํ อเปกฺขิตฺวา กตฺตริ สามิวจนเมตํ, ตสฺมา ตุมฺเหหีติ อตฺโถ. ทฺวยํ กรณียนฺติ ทฺเว กาตพฺพา. ธมฺมี กถาติ จตุสจฺจธมฺมโต อนเปตา กถา, ปวตฺตินิวตฺติปริทีปินี ธมฺมเทสนาติ อตฺโถ. ทสกถาวตฺถุสงฺขาตาปิ หิ ธมฺมกถา ตเทกเทสา เอวาติ. อริโยติ เอกนฺตหิตาวหตฺตา อริโย, วิสุทฺโธ อุตฺตโมติ วา อริโย. ตุณฺหีภาโวติ สมถวิปสฺสนาภาวนาภูตํ อกถนํ. เกจิ ปน ‘‘วจีสงฺขารปฏิปกฺขภาวโต ทุติยชฺฌานํ อริโย ตุณฺหีภาโว’’ติ วทนฺติ. อปเร ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ ¶ อริโย ตุณฺหีภาโว’’ติ ¶ วทนฺติ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – ‘‘ภิกฺขเว, จิตฺตวิเวกสฺส ปริพฺรูหนตฺถํ วิเวกฏฺกายา สฺุาคาเร วิหรนฺตา สเจ กทาจิ สนฺนิปตถ, เอวํ สนฺนิปติเตหิ ตุมฺเหหิ ‘อสฺสุตํ สาเวติ สุตํ วา ปริโยทเปตี’ติ วุตฺตนเยน อฺมฺสฺสูปการาย ขนฺธาทีนํ อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตา ธมฺมกถา วา ปวตฺเตตพฺพา, อฺมฺํ อพฺยาพาธนตฺถํ ฌานสมาปตฺติยา วา วิหริตพฺพ’’นฺติ.
ตตฺถ ปุริเมน กรณียวจเนน อโนติณฺณานํ สาสเน โอตรณูปายํ ทสฺเสติ, ปจฺฉิเมน โอติณฺณานํ สํสารโต นิสฺสรณูปายํ. ปุริเมน วา อาคมเวยฺยตฺติเย นิโยเชติ, ปจฺฉิเมน อธิคมเวยฺยตฺติเย. อถ วา ปุริเมน สมฺมาทิฏฺิยา ปมํ อุปฺปตฺติเหตุํ ทีเปติ, ทุติเยน ทุติยํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, เหตู ทฺเว ปจฺจยา สมฺมาทิฏฺิยา อุปฺปาทาย ปรโต จ โฆโส, ปจฺจตฺตฺจ โยนิโส มนสิกาโร’’ติ (อ. นิ. ๒.๑๒๗).
ปุริเมน ¶ วา โลกิยสมฺมาทิฏฺิยา มูลการณํ วิภาเวติ, ปจฺฉิเมน โลกุตฺตรสมฺมาทิฏฺิยา มูลการณนฺติ เอวมาทินา เอตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เตหิ ภิกฺขูหิ กิตฺติตกามสมฺปตฺติโต ฌานาทิสมฺปตฺติ สนฺตตรา เจว ปณีตตรา จาติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อริยวิหารสุขานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยฺจ กามสุขํ โลเกติ โลกสทฺโท ‘‘ขนฺธโลโก อายตนโลโก ธาตุโลโก’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๓, ๗; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒) สงฺขาเรสุ อาคโต.
‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺติ,
ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;
ตาว สหสฺสธา โลโก,
เอตฺถ เต วตฺตตี วโส’’ติ. –
อาทีสุ (ม. นิ. ๑.๕๐๓) โอกาเส อาคโต. ‘‘อทฺทสา โข ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต’’ติอาทีสุ ¶ (มหาว. ๙; ม. นิ. ๑.๒๘๓) สตฺเตสุ. อิธ ปน ¶ สตฺตโลเก โอกาสโลเก จ เวทิตพฺโพ. ตสฺมา อวีจิโต ปฏฺาย อุปริ พฺรหฺมโลกโต เหฏฺา เอตสฺมึ โลเก ยํ วตฺถุกาเม ปฏิจฺจ กิเลสกามวเสน อุปฺปชฺชนโต กามสหคตํ สุขํ. ยฺจิทํ ทิวิยํ สุขนฺติ ยฺจ อิทํ ทิวิ ภวํ ทิพฺพวิหารวเสน จ ลทฺธพฺพํ พฺรหฺมานํ มนุสฺสานฺจ รูปสมาปตฺติสุขํ. ตณฺหกฺขยสุขสฺสาติ ยํ อาคมฺม ตณฺหา ขียติ, ตํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ตณฺหาย จ ปฏิปสฺสมฺภนวเสน ปวตฺตผลสมาปตฺติสุขํ ตณฺหกฺขยสุขํ นาม, ตสฺส ตณฺหกฺขยสุขสฺส. เอเตติ ลิงฺควิปลฺลาเสน นิทฺเทโส, เอตานิ สุขานีติ อตฺโถ. เกจิ อุภยมฺปิ สุขสามฺเน คเหตฺวา ‘‘เอต’’นฺติ ปนฺติ, เตสํ ‘‘กลํ นาคฺฆตี’’ติ ปาเน ภวิตพฺพํ.
โสฬสินฺติ โสฬสนฺนํ ปูรณึ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – จกฺกวตฺติสุขํ อาทึ กตฺวา สพฺพสฺมึ มนุสฺสโลเก มนุสฺสสุขํ, นาคสุปณฺณาทิโลเก นาคาทีหิ อนุภวิตพฺพํ สุขํ, จาตุมหาราชิกาทิเทวโลเก ฉพฺพิธํ กามสุขนฺติ ยํ เอกาทสวิเธ กามโลเก อุปฺปชฺชนฺตํ กามสุขํ, ยฺจ อิทํ รูปารูปเทเวสุ ทิพฺพวิหารภูเตสุ รูปารูปชฺฌาเนสุ จ อุปฺปนฺนตฺตา ‘‘ทิวิย’’นฺติ ¶ ลทฺธนามํ โลกิยชฺฌานสุขํ, สกลมฺปิ ตทุภยํ ตณฺหกฺขยสุขสงฺขาตํ ผลสมาปตฺติสุขํ โสฬส ภาเค กตฺวา ตโต เอกภาคํ โสฬสภาคคุเณ ลทฺธํ เอกภาคสงฺขาตํ กลํ น อคฺฆตีติ.
อยฺจ อตฺถวณฺณนา ผลสมาปตฺติสามฺเน วุตฺตา. ปาฬิยํ อวิเสเสน ตณฺหกฺขยสฺส อาคตตฺตา ปมผลสมาปตฺติสุขสฺสาปิ กลํ โลกิยํ น อคฺฆติ เอว. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘ปถพฺยา เอกรชฺเชน, สคฺคสฺส คมเนน วา;
สพฺพโลกาธิปจฺเจน, โสตาปตฺติผลํ วร’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๗๘);
โสตาปตฺติสํยุตฺเตปิ วุตฺตํ –
‘‘กิฺจาปิ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี จตุนฺนํ ทีปานํ อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ เทวานํ ตาวตึสานํ สหพฺยตํ, โส ตตฺถ นนฺทเน วเน อจฺฉราสงฺฆปริวุโต ทิพฺเพหิ จ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติ, โส จตูหิ ธมฺเมหิ อสมนฺนาคโต. อถ โข โส อปริมุตฺโตว ¶ นิรยา, อปริมุตฺโต ¶ ติรจฺฉานโยนิยา, อปริมุตฺโต เปตฺติวิสยา, อปริมุตฺโต อปายทุคฺคติวินิปาตา. กิฺจาปิ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก ปิณฺฑิยาโลเปน ยาเปติ, นนฺตกานิ จ ธาเรติ, โส จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, อถ โข โส ปริมุตฺโต นิรยา, ปริมุตฺโต ติรจฺฉานโยนิยา, ปริมุตฺโต เปตฺติวิสยา, ปริมุตฺโต อปายทุคฺคติวินิปาตา.
‘‘กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ…เป... พุทฺโธ ภควา’ติ. ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน…เป… วิฺูหี’ติ. สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน…เป… ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’ติ. อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขณฺเฑหิ…เป… สมาธิสํวตฺตนิเกหิ. อิเมหิ จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ. โย จ, ภิกฺขเว, จตุนฺนํ ทีปานํ ปฏิลาโภ, โย จตุนฺนํ ¶ ธมฺมานํ ปฏิลาโภ, จตุนฺนํ ทีปานํ ปฏิลาโภ จตุนฺนํ ธมฺมานํ ปฏิลาภสฺส กลํ นาคฺฆติ โสฬสิ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๙๙๗).
เอวํ ภควา สพฺพตฺถ โลกิยสุขํ สอุตฺตรํ สาติสยํ, โลกุตฺตรสุขเมว อนุตฺตรนฺติ อติสยนฺติ ภาเชสีติ.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ทณฺฑสุตฺตวณฺณนา
๑๓. ตติเย กุมารกาติ ทารกา. อนฺตรา จ สาวตฺถึ อนฺตรา จ เชตวนนฺติ อนฺตราสทฺโท ‘‘ตทนฺตรํ โก ชาเนยฺย, อฺตฺร ตถาคตา’’ติ (อ. นิ. ๖.๔๔; ๑๐.๗๕), ‘‘ชนา สงฺคมฺม มนฺเตนฺติ, มฺจ ตฺวฺจ กิมนฺตร’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๒๘) การเณ อาคโต. ‘‘อทฺทสา มํ, ภนฺเต, อฺตรา อิตฺถี วิชฺชนฺตริกาย ภาชนํ โธวนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) ขเณ. ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๐) จิตฺเต. ‘‘อนฺตรา โวสานมาปาที’’ติอาทีสุ ¶ เวมชฺเฌ. ‘‘อปิจายํ, ภิกฺขเว, ตโปทา ทฺวินฺนํ มหานิรยานํ อนฺตริกาย อาคจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๓๑) วิวเร ¶ . สฺวายมิธาปิ วิวเร เวทิตพฺโพ. ตสฺมา สาวตฺถิยา จ เชตวนสฺส จ วิวเรติ, เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อนฺตราสทฺทโยคโต เจตฺถ อุปโยควจนํ ‘‘อนฺตรา จ สาวตฺถึ อนฺตรา จ เชตวน’’นฺติ. อีทิเสสุ าเนสุ อกฺขรจินฺตกา ‘‘อนฺตรา คามฺจ นทิฺจ คจฺฉตี’’ติ เอกเมว อนฺตราสทฺทํ ปยุชฺชนฺติ, โส ทุติยปเทนปิ โยเชตพฺโพ โหติ. อิธ ปน โยเชตฺวา วุตฺโต.
อหึ ทณฺเฑน หนนฺตีติ พิลโต นิกฺขมิตฺวา โคจราย คจฺฉนฺตํ กณฺหสปฺปํ ฉาตชฺฌตฺตํ อนุพนฺธิตฺวา ยฏฺีหิ โปเถนฺติ. เตน จ สมเยน ภควา สาวตฺถึ ปิณฺฑาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เต ทารเก อหึ ทณฺเฑน หนนฺเต ทิสฺวา ‘‘กสฺมา กุมารกา อิมํ อหึ ทณฺเฑน หนถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ฑํสนภเยน, ภนฺเต’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อิเม อตฺตโน สุขํ กริสฺสามาติ อิมํ ปหรนฺตา นิพฺพตฺตฏฺาเน ทุกฺขํ อนุภวิสฺสนฺติ, อโห อวิชฺชาย นิกติโกสลฺล’’นฺติ ธมฺมสํเวคํ อุปฺปาเทสิ. เตเนว จ ธมฺมสํเวเคน อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ‘‘อิเม ทารกา อตฺตสุขาย ปรทุกฺขํ กโรนฺตา สยํ ปรตฺถ สุขํ น ลภิสฺสนฺตี’’ติ เอตมตฺถํ ชานิตฺวาติ เอวเมเก วณฺเณนฺติ. อฺเสํ ทุปฺปฏิปนฺนานํ สุขปริเยสนํ อายตึ ทุกฺขาย สํวตฺตติ, สุปฺปฏิปนฺนานํ เอกนฺเตน สุขาย สํวตฺตติ. ตสฺมา ‘‘ปรวิเหสาวินิมุตฺตา อจฺจนฺตเมว สุขภาคิโน วต มยฺหํ โอวาทปฺปฏิกรา’’ติ โสมนสฺสวเสเนเวตมฺปิ สตฺถา อุทานํ อุทาเนสีติ วทนฺติ. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘เอวํ เตหิ กุมารเกหิ ปวตฺติตํ ปรวิเหนํ สพฺพากาเรน อาทีนวโต วิทิตฺวา ปรวิเหสาย ¶ ปรานุกมฺปาย จ ยถากฺกมํ อาทีนวานิสํสวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ.
ตตฺถ สุขกามานีติ เอกนฺเตเนว อตฺตโน สุขสฺส อิจฺฉนโต สุขานุคิทฺธานิ. ภูตานีติ ปาณิโน. โย ทณฺเฑน วิหึสตีติ เอตฺถ ทณฺเฑนาติ เทสนามตฺตํ, ทณฺเฑน วา เลฑฺฑุสตฺถปาณิปฺปหาราทีหิ วาติ อตฺโถ. อถ วา ทณฺเฑนาติ ทณฺฑเนน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย สุขกามานิ สพฺพภูตานิ ชาติอาทินา ฆฏฺฏนวเสน วจีทณฺเฑน วา ปาณิมุคฺครสตฺถาทีหิ โปถนตาฬนจฺเฉทนาทิวเสน สรีรทณฺเฑน วา สตํ วา สหสฺสํ วา าปนวเสน ธนทณฺเฑน วาติ อิเมสุ ทณฺเฑสุ เยน เกนจิ ทณฺเฑน วิหึสติ วิเหเติ ทุกฺขํ ปาเปติ, อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส น ลภเต สุขนฺติ โส ปุคฺคโล อตฺตโน สุขํ เอสนฺโต คเวสนฺโต ปตฺเถนฺโต ¶ เปจฺจ ปรโลเก มนุสฺสสุขํ ทิพฺพสุขํ นิพฺพานสุขนฺติ ติวิธมฺปิ สุขํ น ลภติ, อฺทตฺถุ เตน ทณฺเฑน ทุกฺขเมว ลภตีติ อตฺโถ.
เปจฺจ โส ลภเต สุขนฺติ โย ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺโน ‘‘ยถาหํ สุขกาโม ทุกฺขปฺปฏิกูโล, เอวํ สพฺเพปี’’ติ จินฺเตตฺวา สมฺปตฺตวิรติอาทีสุ ิโต วุตฺตนเยน เกนจิ ทณฺเฑน สพฺพานิปิ ภูตานิ น หึสติ น พาธติ, โส ปุคฺคโล ปรโลเก มนุสฺสภูโต มนุสฺสสุขํ, เทวภูโต ทิพฺพสุขํ, อุภยํ อติกฺกมนฺโต นิพฺพานสุขํ ลภตีติ. เอตฺถ จ ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส อวสฺสํภาวิตาย ตํ สุขํ ปจฺจุปฺปนฺนํ วิย โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ลภเต’’ติ วุตฺตํ. ปุริมคาถายปิ เอเสว นโย.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สกฺการสุตฺตวณฺณนา
๑๔. จตุตฺเถ ¶ ¶ เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหตีติ กปฺปานํ สตสหสฺสาธิเกสุ จตูสุ อสงฺขฺเยยฺเยสุ ปริปูริตสฺส ปฺุสมฺภารวิเสสสฺส ผลภูเตน ‘‘อิโต ปรํ มยฺหํ โอกาโส นตฺถี’’ติ อุสฺสหชาเตน วิย อุปรูปริ วฑฺฒมาเนน สกฺการาทินา ภควา สกฺกโต โหติ. สพฺพทิสาสุ หิ ยมกมหาเมโฆ วุฏฺหิตฺวา มโหฆํ วิย สพฺพปารมิโย ‘‘เอกสฺมึ อตฺตภาเว วิปากํ ทสฺสามา’’ติ สมฺปิณฺฑิตา วิย ภควโต ลาภสกฺการมโหฆํ นิพฺพตฺตยึสุ. ตโต อนฺนปานวตฺถยานมาลาคนฺธวิเลปนาทิหตฺถา ขตฺติยพฺราหฺมณาทโย อาคนฺตฺวา ‘‘กหํ พุทฺโธ, กหํ ภควา, กหํ เทวเทโว, กหํ นราสโภ, กหํ ปุริสสีโห’’ติ ภควนฺตํ ปริเยสนฺติ. สกฏสเตหิ ปจฺจเย อาหริตฺวา โอกาสํ อลภมานา สมนฺตา คาวุตปฺปมาเณปิ สกฏธุเรน สกฏธุรํ อาหจฺจ ติฏฺนฺติ เจว อนุพนฺธนฺติ จ อนฺธกวินฺทพฺราหฺมณาทโย วิย. สพฺพํ ตํ ขนฺธเก (มหาว. ๒๘๒) เตสุ เตสุ จ สุตฺเตสุ อาคตนเยน เวทิตพฺพํ. ยถา จ ภควโต, เอวํ ภิกฺขุสงฺฆสฺสาติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยาวตา โข, จุนฺท, เอตรหิ สงฺฆา วา คณา วา โลเก อุปฺปนฺนา, นาหํ, จุนฺท, อฺํ ¶ เอกสงฺฆมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตํ, ยถริวายํ, จุนฺท, ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๗๖).
สฺวายํ ภควโต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อุปฺปนฺโน ลาภสกฺกาโร เอกโต หุตฺวา ทฺวินฺนํ มหานทีนํ อุทโกโฆ วิย อปฺปเมยฺโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ…เป… ปริกฺขารานํ, ภิกฺขุสงฺโฆปิ สกฺกโต…เป… ปริกฺขาราน’’นฺติ.
ติตฺถิยา ปน ปุพฺเพ อกตปฺุตาย จ ทุปฺปฏิปนฺนตาย จ อสกฺกตา อครุกตา, พุทฺธุปฺปาเทน ปน วิเสสโต วิปนฺนโสภา สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนกา วิย นิปฺปภา ¶ นิตฺเตชา หตลาภสกฺการา อเหสุํ. เต ตาทิสํ ภควโต สงฺฆสฺส จ ลาภสกฺการํ อสหมานา อิสฺสาปกตา ‘‘เอวํ อิเม ผรุสาหิ วาจาหิ ฆฏฺเฏตฺวาว ปลาเปสฺสามา’’ติ อุสูยา วิสุคฺคารํ อุคฺคิรนฺตา ตตฺถ ตตฺถ ภิกฺขู อกฺโกสนฺตา ปริภาสนฺตา วิจรึสุ ¶ . เตน วุตฺตํ – ‘‘อฺติตฺถิยา ปน ปริพฺพาชกา อสกฺกตา โหนฺติ…เป… ปริกฺขารานํ. อถ โข เต อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ภควโต สกฺการํ อสหมานา ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ คาเม จ อรฺเ จ ภิกฺขู ทิสฺวา อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรเสนฺติ วิเหเสนฺตี’’ติ.
ตตฺถ อสพฺภาหีติ อสภาโยคฺคาหิ สภายํ สาธุชนสมูเห วตฺตุํ อยุตฺตาหิ, ทุฏฺุลฺลาหีติ อตฺโถ. ผรุสาหีติ กกฺขฬาหิ มมฺมจฺเฉทิกาหิ. อกฺโกสนฺตีติ ชาติอาทีหิ อกฺโกสวตฺถูหิ ขุํเสนฺติ. ปริภาสนฺตีติ ภณฺฑนวเสน ภยํ อุปฺปาเทนฺตา ตชฺเชนฺติ. โรเสนฺตีติ ยถา ปรสฺส โรโส โหติ, เอวํ อนุทฺธํสนวเสน โรสํ อุปฺปาเทนฺติ. วิเหเสนฺตีติ วิเหเนฺติ, วิวิเธหิ อากาเรหิ อผาสุํ กโรนฺติ.
กถํ ปเนเต สมนฺตปาสาทิเก ภควติ ภิกฺขุสงฺเฆ จ อกฺโกสาทีนิ ปวตฺเตสุนฺติ? ภควโต อุปฺปาทโต ปหีนลาภสกฺการตาย อุปหตจิตฺตา ปถวึ ขณิตฺวา ปกฺขลนฺตา วิย อวเณ เวฬุริยมณิมฺหิ วณํ อุปฺปาเทนฺตา วิย จ สุนฺทริกํ นาม ปริพฺพาชิกํ สฺาเปตฺวา ตาย สตฺถุ ภิกฺขูนฺจ อวณฺณํ วุฏฺาเปตฺวา อกฺโกสาทีนิ ปวตฺเตสุํ. ตํ ปเนตํ สุนฺทรีวตฺถุ ปรโต สุนฺทรีสุตฺเต (อุทา. ๓๘) ปาฬิยํเยว อาคมิสฺสติ, ตสฺมา ยเมตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ตตฺเถว วณฺณยิสฺสาม.
ภิกฺขู ¶ ภควโต สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปวตฺติมาโรเจสุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ…เป… วิเหเสนฺตี’’ติ. ตํ วุตฺตตฺถเมว.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ อิสฺสาปกตานํ ติตฺถิยานํ วิปฺปฏิปตฺตึ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ เตหิ กเต วิปฺปกาเร ปสนฺนจิตฺเตหิ จ ปเรหิ กเต อุปกาเร ตาทิภาวานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ คาเม อรฺเ สุขทุกฺขผุฏฺโติ คาเม วา อรฺเ วา ยตฺถ กตฺถจิ สุเขน ทุกฺเขน จ ผุฏฺโ สุขทุกฺขานิ อนุภวนฺโต, เตสํ วา ปจฺจเยหิ สมงฺคีภูโต. เนวตฺตโต โน ปรโต ทเหถาติ ‘‘อหํ สุขิโต ¶ , อหํ ทุกฺขิโต, มม สุขํ, มม ทุกฺขํ, ปเรนิทํ มยฺหํ สุขทุกฺขํ อุปฺปาทิต’’นฺติ จ เนว อตฺตโต น ปรโต ตํ สุขทุกฺขํ เปถ. กสฺมา? น เหตฺถ ขนฺธปฺจเก อหนฺติ วา มมนฺติ วา ปโรติ วา ปรสฺสาติ วา ปสฺสิตพฺพยุตฺตกํ กิฺจิ อตฺถิ, เกวลํ สงฺขารา เอว ปน ยถาปจฺจยํ อุปฺปชฺชิตฺวา ขเณ ขเณ ภิชฺชนฺตีติ. สุขทุกฺขคฺคหณฺเจตฺถ เทสนาสีสํ, สพฺพสฺสาปิ โลกธมฺมสฺส วเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิติ ภควา ‘‘นาหํ กฺวจนิ, กสฺสจิ กิฺจนตสฺมึ, น จ มม กฺวจนิ, กตฺถจิ กิฺจนตตฺถี’’ติ จตุโกฏิกํ สฺุตํ วิภาเวสิ.
อิทานิ ตสฺส อตฺตโต ปรโต จ อทหนสฺส การณํ ทสฺเสติ ‘‘ผุสนฺติ ผสฺสา อุปธึ ปฏิจฺจา’’ติ. เอเต สุขเวทนียา ทุกฺขเวทนียา จ ผสฺสา นาม ขนฺธปฺจกสงฺขาตํ อุปธึ ปฏิจฺจ ตสฺมึ สติ ยถาสกํ วิสยํ ผุสนฺติ, ตตฺถ ปวตฺตนฺติเยว. อทุกฺขมสุขา หิ เวทนา สนฺตสภาวตาย สุเข เอว สงฺคหํ คจฺฉตีติ ทุวิธสมฺผสฺสวเสเนวายํ อตฺถวณฺณนา กตา.
ยถา ปน เต ผสฺสา น ผุสนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิรุปธึ เกน ผุเสยฺยุํ ผสฺสา’’ติ วุตฺตํ. สพฺพโส หิ ขนฺธูปธิยา อสติ เกน การเณน เต ผสฺสา ผุเสยฺยุํ, น ตํ การณํ อตฺถิ. ยทิ หิ ตุมฺเห อกฺโกสาทิวเสน อุปฺปชฺชนสุขทุกฺขํ น อิจฺฉถ, สพฺพโส นิรุปธิภาเวเยว ¶ โยคํ กเรยฺยาถาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุยา คาถํ นิฏฺเปสิ. เอวํ อิมินา อุทาเนน วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อุปาสกสุตฺตวณฺณนา
๑๕. ปฺจเม ¶ อิจฺฉานงฺคลโกติ อิจฺฉานงฺคลนามโก โกสเลสุ เอโก พฺราหฺมณคาโม, ตํนิวาสิตาย ตตฺถ วา ชาโต ภโวติ วา อิจฺฉานงฺคลโก. อุปาสโกติ ตีหิ สรณคมเนหิ ภควโต สนฺติเก อุปาสกภาวสฺส ปเวทิตตฺตา อุปาสโก ปฺจสิกฺขาปทิโก พุทฺธมามโก, ธมฺมมามโก, สงฺฆมามโก. เกนจิเทว กรณีเยนาติ อุทฺธารโสธาปนาทินา ¶ เกนจิเทว กตฺตพฺเพน. ตีเรตฺวาติ นิฏฺาเปตฺวา. อยํ กิร อุปาสโก ปุพฺเพ อภิณฺหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสติ, โส กติปยํ กาลํ พหุกรณียตาย สตฺถุ ทสฺสนํ นาภิสมฺโภสิ. เตนาห ภควา – ‘‘จิรสฺสํ โข ตฺวํ, อุปาสก, อิมํ ปริยายมกาสิ, ยทิทํ อิธาคมนายา’’ติ.
ตตฺถ จิรสฺสนฺติ จิเรน. ปริยายนฺติ วารํ. ยทิทนฺติ นิปาโต, โย อยนฺติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิธ มม สนฺติเก อาคมนาย โย อยํ อชฺช กโต วาโร, ตํ อิมํ จิเรน ปปฺจํ กตฺวา อกาสีติ. จิรปฏิกาหนฺติ จิรปฏิโก อหํ, จิรกาลโต ปฏฺาย อหํ อุปสงฺกมิตุกาโมติ สมฺพนฺโธ. เกหิจิ เกหิจีติ เอกจฺเจหิ เอกจฺเจหิ. อถ วา เกหิจิ เกหิจีติ เยหิ วา เตหิ วา. ตตฺถ คารวํ ทสฺเสติ. สตฺถริ อภิปฺปสนฺนสฺส หิ สตฺถุทสฺสนธมฺมสฺสวเนสุ วิย น อฺตฺถ อาทโร โหติ. กิจฺจกรณีเยหีติ ¶ เอตฺถ อวสฺสํ กาตพฺพํ กิจฺจํ, อิตรํ กรณียํ. ปมํ วา กาตพฺพํ กิจฺจํ, ปจฺฉา กาตพฺพํ กรณียํ. ขุทฺทกํ วา กิจฺจํ, มหนฺตํ กรณียํ. พฺยาวโฏติ อุสฺสุกฺโก. เอวาหนฺติ เอวํ อิมินา ปกาเรน อหํ นาสกฺขึ อุปสงฺกมิตุํ, น อคารวาทินาติ อธิปฺปาโย.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ทุลฺลเภ พุทฺธุปฺปาเท มนุสฺสตฺตลาเภ จ สตฺตานํ สกิฺจนภาเวน กิจฺจปสุตตาย กุสลนฺตราโย โหติ, น อกิฺจนสฺสาติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ ตทตฺถปริทีปนเมว อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สุขํ วต ตสฺส น โหติ กิฺจีติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส กิฺจิ รูปาทีสุ เอกวตฺถุมฺปิ ‘‘มเมต’’นฺติ ตณฺหาย ปริคฺคหิตภาเวน น โหติ นตฺถิ น วิชฺชติ, สุขํ วต ตสฺส ปุคฺคลสฺส, อโห สุขเมวาติ อตฺโถ. ‘‘น โหสี’’ติปิ ปาโ, ตสฺส อตีตกาลวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน น โหติ กิฺจีติ ปทสฺส ‘‘ราคาทิกิฺจนํ ยสฺส น โหตี’’ติ อตฺถํ วณฺเณนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ปริคฺคหธมฺมวเสน เทสนาย อาคตตฺตา. ราคาทิกิฺจนนฺติ ปริคฺคเหตพฺพสฺสาปิ สงฺคเห สติ ยุตฺตเมว วุตฺตํ สิยา อถ วา ยสฺส ปุคฺคลสฺส ¶ กิฺจิ อปฺปมฺปิ กิฺจนํ ปลิโพธชาตํ ราคาทิกิฺจนาภาวโต เอว น โหติ, ตํ ตสฺส อกิฺจนตฺตํ สุขสฺส ปจฺจยภาวโต ¶ สุขํ วตํ, อโห สุขนฺติ อตฺโถ. กสฺส ปน น โหติ กิฺจนนฺติ เจ, อาห ‘‘สงฺขาตธมฺมสฺส พหุสฺสุตสฺสา’’ติ. โย จตูหิปิ มคฺคสงฺขาหิ โสฬสกิจฺจนิปฺผตฺติยา สงฺขาตธมฺโม กตกิจฺโจ, ตโต เอว ปฏิเวธพาหุสจฺเจน พหุสฺสุโต, ตสฺส.
อิติ ภควา อกิฺจนภาเว อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา สกิฺจนภาเว อาทีนวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สกิฺจนํ ปสฺสา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ราคาทิกิฺจนานํ อามิสกิฺจนานฺจ อตฺถิตาย สกิฺจนํ, สกิฺจนตฺตา เอว อลทฺธานฺจ ลทฺธานฺจ กามานํ ปริเยสนารกฺขณเหตุ กิจฺจกรณียวเสน ‘‘อหํ มมา’’ติ คหณวเสน จ วิหฺมานํ วิฆาตํ อาปชฺชมานํ ปสฺสาติ ธมฺมสํเวคปฺปตฺโต สตฺถา อตฺตโน ¶ จิตฺตํ วทติ. ชโน ชนสฺมึ ปฏิพนฺธรูโปติ สยํ อฺโ ชโน สมาโน อฺสฺมึ ชเน ‘‘อหํ อิมสฺส, มม อย’’นฺติ ตณฺหาวเสน ปฏิพนฺธสภาโว หุตฺวา วิหฺติ วิฆาตํ อาปชฺชติ. ‘‘ปฏิพทฺธจิตฺโต’’ติปิ ปาโ. อยฺจ อตฺโถ –
‘‘ปุตฺตา มตฺถิ ธนมฺมตฺถิ, อิติ พาโล วิหฺติ;
อตฺตา หิ อตฺตโน นตฺถิ, กุโต ปุตฺตา กุโต ธน’’นฺติ. (ธ. ป. ๖๒) –
อาทีหิ สุตฺตปเทหิ ทีเปตพฺโพติ.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. คพฺภินีสุตฺตวณฺณนา
๑๖. ฉฏฺเ อฺตรสฺส ปริพฺพาชกสฺสาติ เอกสฺส กุฏุมฺพิกสฺส ปริพฺพาชกสฺส. ทหราติ ตรุณี. มาณวิกาติ พฺราหฺมณธีตาย โวหาโร. ปชาปตีติ ภริยา. คพฺภินีติ อาปนฺนสตฺตา. อุปวิชฺาติ อชฺช สุเวติ ปจฺจุปฏฺิตวิชายนกาลา โหตีติ สมฺพนฺโธ. โส กิร พฺราหฺมณชาติโก สภริโย วาทปตฺถสฺสเม ิโต, เตน นํ สปชาปติกํ ปริพฺพาชกโวหาเรน ¶ สมุทาจรนฺติ. ภริยา ปนสฺส พฺราหฺมณชาติกตฺตา พฺราหฺมณาติ อาลปติ. เตลนฺติ ติลเตลํ. เตลสีเสน เจตฺถ ยํ ยํ วิชาตาย ปสวทุกฺขปฺปฏิการตฺถํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตํ สพฺพํ สปฺปิโลณาทึ อาหราติ อาณาเปติ. ยํ เม วิชาตาย ภวิสฺสตีติ ¶ ยํ เตลาทิ มยฺหํ วิชาตาย พหินิกฺขนฺตคพฺภาย อุปการาย ภวิสฺสติ. ‘‘ปริพฺพาชิกายา’’ติปิ ปาโ. กุโตติ กสฺมา านา, ยโต าติกุลา วา มิตฺตกุลา วา เตลาทึ อาหเรยฺยํ, ตํ านํ เม นตฺถีติ อธิปฺปาโย. เตลํ ¶ อาหรามีติ วตฺตมานสมีปตาย วตฺตมานํ กตฺวา วุตฺตํ, เตลํ อาหริสฺสามีติ อตฺโถ. สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา สปฺปิสฺส วา เตลสฺส วาติ จ สมุจฺจยตฺโถ วา-สทฺโท ‘‘อคฺคิโต วา อุทกโต วา มิถุเภทา วา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๒๘๖; ที. นิ. ๒.๑๕๒; อุทา. ๗๖) วิย. สปฺปิสฺส วา เตลสฺส วาติ ปจฺจตฺเต สามิวจนํ, สปฺปิ จ เตลฺจ ยาวทตฺถํ ปาตุํ ปิวิตุํ ทียตีติ อตฺโถ. อปเร ปน ‘‘สปฺปิสฺส วา เตลสฺส วาติ อวยวสมฺพนฺเธ สามิวจนํ. สปฺปิเตลสมุทายสฺส หิ อวยโว อิธ ยาวทตฺถสทฺเทน วุจฺจตี’’ติ วทนฺติ. โน นีหริตุนฺติ ภาชเนน วา หตฺเถน วา พหิ เนตุํ โน ทียติ, อุจฺฉทฺทิตฺวานาติ วมิตฺวา, ยํนูน ทเทยฺยนฺติ สมฺพนฺโธ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อหํ รฺโ โกฏฺาคารํ คนฺตฺวา เตลํ กณฺมตฺตํ ปิวิตฺวา ตาวเทว ฆรํ อาคนฺตฺวา เอกสฺมึ ภาชเน ยถาปีตํ วมิตฺวา อุทฺธนํ อาโรเปตฺวา ปจิสฺสามิ, ยํ ปิตฺตเสมฺหาทิมิสฺสิตํ, ตํ อคฺคินา ฌายิสฺสติ, เตลํ ปน คเหตฺวา อิมิสฺสา ปริพฺพาชิกาย กมฺเม อุปเนสฺสามี’’ติ.
อุทฺธํ กาตุนฺติ วมนวเสน อุทฺธํ นีหริตุํ. น ปน อโธติ วิริฺจนวเสน เหฏฺา นีหริตุํ น ปน สกฺโกติ. โส หิ ‘‘อธิกํ ปีตํ สยเมว มุขโต นิคฺคมิสฺสตี’’ติ ปิวิตฺวา อาสยสฺส อริตฺตตาย อนิคฺคเต วมนวิเรจนโยคํ อชานนฺโต อลภนฺโต วา เกวลํ ทุกฺขาหิ เวทนาหิ ผุฏฺโ อาวฏฺฏติ จ ปริวฏฺฏติ จ. ทุกฺขาหีติ ทุกฺขมาหิ. ติพฺพาหีติ พหลาหิ ติขิณาหิ วา. ขราหีติ กกฺขฬาหิ. กฏุกาหีติ อติวิย อนิฏฺภาเวน ทารุณาหิ. อาวฏฺฏตีติ เอกสฺมึเยว าเน อนิปชฺชิตฺวา อตฺตโน สรีรํ อิโต จิโต อากฑฺฒนฺโต อาวฏฺฏติ. ปริวฏฺฏตีติ เอกสฺมึ ปเทเส นิปนฺโนปิ องฺคปจฺจงฺคานิ ปริโต ขิปนฺโต วฏฺฏติ, อภิมุขํ วา วฏฺฏนฺโต อาวฏฺฏติ, สมนฺตโต วฏฺฏนฺโต ปริวฏฺฏติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ‘‘สกิฺจนสฺส อปฺปฏิสงฺขาปริโภคเหตุกา อยํ ทุกฺขุปฺปตฺติ, อกิฺจนสฺส ¶ ปน สพฺพโส อยํ นตฺถี’’ติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต ชานิตฺวา ตทตฺถปฺปกาสนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ ¶ สุขิโน วตาติ สุขิโน วต สปฺปุริสา. เก ปน เตติ? เย อกิฺจนา, เย ราคาทิกิฺจนสฺส ปริคฺคหกิฺจนสฺส จ อภาเวน อกิฺจนา, เกสํ ปนิทํ กิฺจนํ นตฺถีติ อาห – ‘‘เวทคุโน หิ ชนา อกิฺจนา’’ติ, เย อริยมคฺคาณสงฺขาตํ เวทํ คตา อธิคตา, เตน วา เวเทน นิพฺพานํ คตาติ เวทคุโน, เต อริยชนา ขีณาสวปุคฺคลา อนวเสสราคาทิกิฺจนานํ อคฺคมคฺเคน สมุจฺฉินฺนตฺตา อกิฺจนา นาม. อสติ หิ ราคาทิกิฺจเน กุโต ปริคฺคหกิฺจนสฺส สมฺภโว. เอวํ คาถาย ปุริมภาเคน อรหนฺเต ปสํสิตฺวา อปรภาเคน อนฺธปุถุชฺชเน ครหนฺโต ‘‘สกิฺจนํ ปสฺสา’’ติอาทิมาห. ตํ ปุริมสุตฺเต วุตฺตตฺถเมว. เอวํ อิมายปิ คาถาย วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. เอกปุตฺตกสุตฺตวณฺณนา
๑๗. สตฺตเม เอกปุตฺตโกติ เอโก ปุตฺโต, โส จ อนุกมฺปิตพฺพฏฺเน เอกปุตฺตโก, ปิยายิตพฺพฏฺเน ปิโย, มนสฺส วฑฺฒนฏฺเน มนาโป. สรีรโสภาสมฺปตฺติยา วา ทสฺสนียฏฺเน ปิโย, สีลาจารสมฺปตฺติยา กลฺยาณธมฺมตาย มนาโป. กเลติ สตฺเต เขเปตีติ กาโล, มรณํ. ตํ กโต ปตฺโตติ กาลงฺกโต, กาเลน วา มจฺจุนา กโต นฏฺโ อทสฺสนํ คโตติ กาลงฺกโต, มโตติ อตฺโถ.
สมฺพหุลา อุปาสกาติ สาวตฺถิวาสิโน พหู อุปาสกา มตปุตฺตอุปาสกสฺส สหโสกีภาเวน ยาว อาฬาหนา ปจฺฉโต คนฺตฺวา มตสรีรสฺส กตฺตพฺพํ กาเรตฺวา ปฏินิวตฺตา ยถานิวตฺถาว อุทกํ โอตริตฺวา สีสํนฺหาตา วตฺถานิ ปีเฬตฺวา อโนตาเปตฺวาว เอกํ นิวาเสตฺวา ¶ เอกํ อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา อุปาสกํ ปุรโต กตฺวา ‘‘โสกวิโนทนํ ธมฺมํ สตฺถุ สนฺติเก โสสฺสามา’’ติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘อลฺลเกสา’’ติอาทิ.
ตตฺถ อลฺลวตฺถาติ อุทเกน ตินฺตวตฺถา. ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺสปิ ทิวา, มชฺฌนฺหิเก กาเลติ อตฺโถ. ยสฺมา ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ ¶ , ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺติ. กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺติ, กาลํ วิทิตฺวา น ปุจฺฉนฺติ, ตสฺมา ชานนฺโตเยว ภควา กถาสมุฏฺาปนตฺถํ ปุจฺฉนฺโต ¶ ‘‘กึ นุ โข ตุมฺเห อุปาสกา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ตุมฺเห อุปาสกา อฺเสุ ทิวเสสุ มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตา โอตาปิตสุทฺธวตฺถา สายนฺเห อาคจฺฉถ, อชฺช ปน อลฺลวตฺถา อลฺลเกสา ิตมชฺฌนฺหิเก กาเล อิธาคตา, ตํ กึ การณนฺติ. เตน มยนฺติ เตน ปุตฺตวิโยคชนิตจิตฺตสนฺตาเปน พลวโสกาภิภูตตาย เอวํภูตา มยํ อิธูปสงฺกมนฺตาติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ปิยวตฺถุสมฺภวา โสกทุกฺขโทมนสฺสาทโย, อสติ ปิยวตฺถุสฺมึ สพฺพโส เอเต น สนฺตีติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต ชานิตฺวา ตทตฺถปฺปกาสนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ปิยรูปสฺสาทคธิตาเสติ ปิยสภาเวสุ รูปกฺขนฺธาทีสุ สุขเวทนสฺสาเทน คธิตา ปฏิพทฺธจิตฺตา. คธิตาเสติ หิ คธิตาอิจฺเจวตฺโถ. เสติ วา นิปาตมตฺตํ. ปิยรูปา นาม จกฺขาทโย ปุตฺตทาราทโย จ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘กิฺจ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ จกฺขุ โลเก …เป… ธมฺมตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูป’’นฺติ (จูฬนิ. เหมกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๕๕).
‘‘เขตฺตํ วตฺถุํ หิรฺํ วา, ควสฺสํ ทาสโปริสํ;
ถิโย พนฺธู ปุถุ กาเม, โย นโร อนุคิชฺฌตี’’ติ จ. (สุ. นิ. ๗๗๕);
ตสฺมา เตสุ ปิยรูเปสุ อสฺสาเทน คิทฺธา มุจฺฉิตา อชฺฌาปนฺนาติ อตฺโถ. เก ปน เต ปิยรูปสฺสาทคธิตาติ เต ทสฺเสติ ‘‘เทวกายา ¶ ปุถุมนุสฺสา จา’’ติ, จาตุมหาราชิกาทโย พหุเทวสมูหา เจว ชมฺพุทีปกาทิกา พหุมนุสฺสา จ. อฆาวิโนติ กายิกเจตสิกทุกฺเขน ทุกฺขิตา. ปริชุนฺนาติ ชราโรคาทิวิปตฺติยา โยพฺพนาโรคฺยาทิสมฺปตฺติโต ปริหีนา. ยถาลาภวเสน วายมตฺโถ เทวมนุสฺเสสุ เวทิตพฺโพ. อถ วา กามฺเจกนฺตสุขสมปฺปิตานํ เทวานํ ทุกฺขชราโรคา น สมฺภวนฺติ, ตทนติวตฺตสภาวตาย ปน เตปิ ‘‘อฆาวิโน’’ติ ‘‘ปริชุนฺนา’’ติ จ วุตฺตา. เตสมฺปิ วา ปุพฺพนิมิตฺตุปฺปตฺติยา ปฏิจฺฉนฺนชราย เจตสิกโรคสฺส จ วเสน ทุกฺขาทีนํ สมฺภโว เวทิตพฺโพ. มจฺจุราชสฺส วสํ คจฺฉนฺตีติ ปิยวตฺถุวิสยาย ตณฺหาย อปฺปหีนตฺตา ปุนปฺปุนํ คพฺภูปคมนโต ¶ ธาตุตฺตยิสฺสรตาย มจฺจุราชสงฺขาตสฺส มรณสฺส วสํ หตฺถเมว คจฺฉนฺติ.
เอตฺตาวตา วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘เย เว ทิวา’’ติอาทินา วิวฏฺฏํ ทสฺเสติ. ตตฺถ เย เว ทิวา จ รตฺโต จ อปฺปมตฺตาติ ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติอาทินา ¶ วุตฺตนเยน ทิวสภาเค รตฺติภาเค จ ทฬฺหํ อปฺปมตฺตา อปฺปมาทปฺปฏิปทํ ปูเรนฺติ. ชหนฺติ ปิยรูปนฺติ จตุสจฺจกมฺมฏฺานภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺคาธิคเมน ปิยรูปํ ปิยชาติกํ จกฺขาทิปิยวตฺถุํ ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคชหเนน ชหนฺติ. เต เว ขณนฺติ อฆมูลํ, มจฺจุโน อามิสํ ทุรติวตฺตนฺติ เต อริยปุคฺคลา อฆสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส มูลภูตํ, มจฺจุนา มรเณน อามสิตพฺพโต อามิสํ, อิโต พหิทฺธา เกหิจิปิ สมณพฺราหฺมเณหิ นิวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุรติวตฺตํ, สห อวิชฺชาย ตณฺหํ อริยมคฺคาณกุทาเลน ขณนฺติ, เลสมตฺตมฺปิ อนวเสสนฺตา อุมฺมูลยนฺตีติ. สฺวายมตฺโถ –
‘‘อปฺปมาโท ¶ อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปทํ;
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ, เย ปมตฺตา ยถา มตา’’ติ. (ธ. ป. ๒๑) –
อาทีหิ สุตฺตปเทหิ วิตฺถาเรตพฺโพติ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สุปฺปวาสาสุตฺตวณฺณนา
๑๘. อฏฺเม กุณฺฑิกายนฺติ เอวํนามเก โกลิยานํ นคเร. กุณฺฑธานวเนติ ตสฺส นครสฺส อวิทูเร กุณฺฑธานสงฺขาเต วเน.
ปุพฺเพ กิร กุณฺโฑ นาม เอโก ยกฺโข ตสฺมึ วนสณฺเฑ วาสํ กปฺเปสิ, กุณฺฑธานมิสฺสเกน จ พลิกมฺเมน ตุสฺสตีติ ตสฺส ตถา ตตฺถ พลึ อุปหรนฺติ, เตเนตํ วนสณฺฑํ กุณฺฑธานวนนฺตฺเวว ปฺายิตฺถ. ตสฺส อวิทูเร เอกา คามปติกา อโหสิ, สาปิ ตสฺส ยกฺขสฺส อาณาปวตฺติฏฺาเน นิวิฏฺตฺตา เตเนว ปริปาลิตตฺตา กุณฺฑิกาติ โวหรียิตฺถ ¶ . อปรภาเค ตตฺถ โกลิยราชาโน นครํ กาเรสุํ, ตมฺปิ ปุริมโวหาเรน กุณฺฑิกาตฺเวว วุจฺจติ. ตสฺมิฺจ วนสณฺเฑ โกลิยราชาโน ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ วสนตฺถาย วิหารํ ปติฏฺาเปสุํ, ตมฺปิ กุณฺฑธานวนนฺตฺเวว ปฺายิตฺถ. อถ ภควา ชนปทจาริกํ จรนฺโต อนุกฺกเมน ตํ วิหารํ ¶ ปตฺวา ตตฺถ วิหาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกํ สมยํ ภควา กุณฺฑิกายํ วิหรติ กุณฺฑธานวเน’’ติ.
สุปฺปวาสาติ ตสฺสา อุปาสิกาย นามํ. โกลิยธีตาติ โกลิยราชปุตฺตี. สา หิ ภควโต อคฺคุปฏฺายิกา ปณีตทายิกานํ สาวิกานํ เอตทคฺเค ปิตา โสตาปนฺนา อริยสาวิกา. ยฺหิ กิฺจิ ภควโต ยุตฺตรูปํ ขาทนียํ โภชนียํ เภสชฺชํ วา น ตตฺถ อฺาหิ สํวิธาตพฺพํ อตฺถิ, สพฺพํ ตํ สยเมว อตฺตโน ปฺาย วิจาเรตฺวา สกฺกจฺจํ สมฺปาเทตฺวา ¶ อุปเนติ. เทวสิกฺจ อฏฺสตํ สงฺฆภตฺตปาฏิปุคฺคลิกภตฺตานิ เทติ. โย โกจิ ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา ตํ กุลํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ ริตฺตหตฺโถ น คจฺฉติ. เอวํ มุตฺตจาคา ปยตปาณี โวสฺสคฺครตา ยาจโยคา ทานสํวิภาครตา. อสฺสา กุจฺฉิยํ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ปจฺฉิมภวิโก สาวกโพธิสตฺโต ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สา ตํ คพฺภํ เกนจิเทว ปาปกมฺเมน สตฺต วสฺสานิ กุจฺฉินา ปริหริ, สตฺตาหฺจ มูฬฺหคพฺภา อโหสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา’’ติ.
ตตฺถ สตฺต วสฺสานีติ สตฺต สํวจฺฉรานิ, อจฺจนฺตสํโยเค จ อิทํ อุปโยควจนํ. คพฺภํ ธาเรตีติ คพฺภํ วหติ, คพฺภินี โหตีติ อตฺโถ. สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภาติ สตฺต อหานิ พฺยากุลคพฺภา. คพฺโภ หิ ปริปกฺโก สมฺปชฺชมาโน วิชายนกาเล กมฺมชวาเตหิ สฺจาเลตฺวา ปริวตฺติโต อุทฺธํปาโท อโธสิโร หุตฺวา โยนิมุขาภิมุโข โหติ, เอวํ โส กตฺถจิ อลคฺโค พหิ นิกฺขมติ. วิปชฺชมาโน ปน วิปริวตฺตนวเสน โยนิมคฺคํ ปิทหิตฺวา ติริยํ นิปชฺชติ, สยเมว วา โยนิมคฺโค ปิทหติ, โส ตตฺถ กมฺมชวาเตหิ อปราปรํ ปริวตฺตมาโน พฺยากุโล มูฬฺหคพฺโภติ วุจฺจติ. ตสฺสาปิ สตฺต ทิวเส เอวํ อโหสิ, เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา’’ติ.
อยฺจ คพฺโภ สีวลิตฺเถโร. ตสฺส กถํ สตฺต วสฺสานิ คพฺภวาสทุกฺขํ, สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภภาวปฺปตฺติ, มาตุ จสฺสาปิ โสตาปนฺนาย อริยสาวิกาย ¶ ตถา ทุกฺขานุภวนํ ชาตนฺติ? วุจฺจเต – อตีเต กาสิกราเช พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรนฺเต เอโก โกสลราชา มหนฺเตน พเลนาคนฺตฺวา พาราณสึ คเหตฺวา ตํ ราชานํ มาเรตฺวา ตสฺส อคฺคมเหสึ อตฺตโน อคฺคมเหสึ อกาสิ. พาราณสิรฺโ ปน ปุตฺโต ปิตุ มรณกาเล นิทฺธมนทฺวาเรน ปลายิตฺวา อตฺตโน าติมิตฺตพนฺธเว เอกชฺฌํ กตฺวา อนุกฺกเมน พลํ สํหริตฺวา พาราณสึ อาคนฺตฺวา อวิทูเร มหนฺตํ ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ตสฺส รฺโ ปณฺณํ เปเสสิ ‘‘รชฺชํ วา เทตุ, ยุทฺธํ วา’’ติ ¶ . ราชกุมารสฺส ¶ มาตา สาสนํ สุตฺวา ‘‘ยุทฺเธน กมฺมํ นตฺถิ, สพฺพทิสาสุ สฺจารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา พาราณสินครํ ปริวาเรตุ, ตโต ทารูทกภตฺตปริกฺขเยน กิลนฺตา นคเร มนุสฺสา วินาว ยุทฺเธน ราชานํ คเหตฺวา ทสฺสนฺตี’’ติ ปณฺณํ เปเสสิ. โส มาตุ สาสนํ สุตฺวา จตฺตาริ มหาทฺวารานิ รกฺขนฺโต สตฺต วสฺสานิ นครํ อุปรุนฺธิ, นคเร มนุสฺสา จูฬทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ทารูทกานิ อาหรนฺติ, สพฺพกิจฺจานิ กโรนฺติ.
อถ ราชกุมารสฺส มาตา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘พาโล มม ปุตฺโต อุปายํ น ชานาติ, คจฺฉถ, อสฺส จูฬทฺวารานิ ปิธาย นครํ อุปรุนฺธตูติ วเทถา’’ติ ปุตฺตสฺส คูฬฺหสาสนํ ปหิณิ. โส มาตุ สาสนํ สุตฺวา สตฺต ทิวเส ตถา อกาสิ. นาครา พหิ นิกฺขมิตุํ อลภนฺตา สตฺตเม ทิวเส ตสฺส รฺโ สีสํ คเหตฺวา กุมารสฺส อทํสุ. กุมาโร นครํ ปวิสิตฺวา รชฺชํ อคฺคเหสิ. โส ตทา สตฺต วสฺสานิ นครรุนฺธนกมฺมนิสฺสนฺเทน เอตรหิ สตฺต วสฺสานิ มาตุกุจฺฉิสงฺขาตาย โลหิตกุมฺภิยา วสิ, อวเสสโต ปน สตฺตาหํ นครูปรุนฺธเนน สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภภาวํ อาปชฺชิ. ชาตกฏฺกถายํ ปน ‘‘สตฺต ทิวสานิ นครํ รุนฺธิตฺวา คหิตกมฺมนิสฺสนฺเทน สตฺตวสฺสานิ โลหิตกุมฺภิยํ วสิตฺวา สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภภาวํ อาปชฺชี’’ติ วุตฺตํ. ยํ ปน โส ปทุมุตฺตรสมฺมาสมฺพุทฺธปาทมูเล ‘‘ลาภีนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ มหาทานํ ทตฺวา ปตฺถนํ อกาสิ, ยฺจ วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล นาคเรหิ สทฺธึ สหสฺสคฺฆนิกํ คุฬทธึ ทตฺวา ปตฺถนํ อกาสิ, ตสฺสานุภาเวน ลาภีนํ อคฺโค ชาโต. สุปฺปวาสาปิ ‘‘นครํ รุนฺธิตฺวา คณฺห, ตาตา’’ติ เปสิตภาเวน สตฺต วสฺสานิ กุจฺฉินา คพฺภํ ปริหริตฺวา สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภาชาตา ¶ . เอวํ เต มาตาปุตฺตา อตฺตโน กมฺมสฺส อนุรูปํ อีทิสํ ทุกฺขํ ปฏิสํเวทึสุ.
ตีหิ ¶ วิตกฺเกหีติ รตนตฺตยคุณานุสฺสติปฏิสํยุตฺเตหิ ตีหิ สมฺมาวิตกฺเกหิ. อธิวาเสตีติ มูฬฺหคพฺภตาย อุปฺปนฺนทุกฺขํ สหติ. สา หิ ภควโต สมฺพุทฺธภาวํ, อริยสงฺฆสฺส สุปฺปฏิปตฺตึ, นิพฺพานสฺส จ ทุกฺขนิสฺสรณภาวํ อนุสฺสรนฺตี อตฺตโน อุปฺปชฺชมานทุกฺขํ อมนสิกรเณเนว อภิภวิตฺวา ขมติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตีหิ วิตกฺเกหิ อธิวาเสตี’’ติ.
สมฺมาสมฺพุทฺโธ วตาติอาทิ เตสํ วิตกฺกานํ ปวตฺติอาการทสฺสนํ. ตสฺสตฺโถ – โย ภคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควา โลกนาโถ สมฺมา อวิปรีตํ สามํ สยเมว สพฺพธมฺเม อโห วต พุทฺโธ, โส ภควา เอวรูปสฺส เอตรหิ มยา อนุภวิยมานสฺส อฺสฺส จ เอวํชาติกสฺส ¶ สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส ปหานาย อจฺจนฺตํ อนุปฺปาทนิโรธาย ธมฺมํ กเถติ, อวิปรีตธมฺมํ กเถติ. อวิปรีตธมฺมเทสนตาย หิ สตฺถุ สมฺมาสมฺโพธิสิทฺธิ. ตสฺส ยถาวุตฺตคุณสฺส ภควโต ธมฺมสฺสวนนฺเต ชาตตฺตา สีลทิฏฺิสามฺเน สํหตตฺตา จ สาวกสงฺโฆติ ลทฺธนาโม อฏฺอริยปุคฺคลสมูโห สุปฺปฏิปนฺโน วต อโห วต สมฺมา ปฏิปนฺโน, โย อริยสงฺโฆ เอวรูปสฺส อีทิสสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส ปหานาย อนุปฺปาทนิโรธาย อนิวตฺติปฏิปทํ ปฏิปนฺโน. สุสุขํ วต อโห วต สุฏฺุ สุขํ สพฺพสงฺขตนิสฺสฏํ นิพฺพานํ, ยสฺมึ นิพฺพาเน อีทิสํ วฏฺฏทุกฺขํ น อุปลพฺภตีติ. เอตฺถ จ ปฏิปชฺชมานาปิ ปฏิปนฺนา อิจฺเจว วุตฺตา ปฏิปตฺติยา อนิวตฺติภาวโต. อถ วา อุปฺปนฺนสทฺโท วิย ปฏิปนฺนสทฺโท วตฺตมานตฺโถปิ เวทิตพฺโพ. เตเนวาห ‘‘โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน’’ติ.
สามิกนฺติ อตฺตโน ปตึ โกลิยราชปุตฺตํ. อามนฺเตสีติ อภาสิ. มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหีติ มยฺหํ วจเนน จกฺกลกฺขณปฺปฏิมณฺฑิตานิ วิกสิตปทุมสสฺสิรีกานิ ภควโต จรณานิ ตว สิรสา วนฺทาหิ, อุตฺตมงฺเคน อภิวาทนํ กโรหีติ อตฺโถ. อปฺปาพาธนฺติอาทีสุ อาพาโธติ วิสภาคเวทนา วุจฺจติ, ยา เอกเทเส อุปฺปชฺชิตฺวาปิ สกลสรีรํ อยปฏฺเฏน อาพนฺธิตฺวา ¶ วิย คณฺหติ. อาตงฺโกติ กิจฺฉชีวิตกโร โรโค. อถ วา ยาเปตพฺพโรโค อาตงฺโก, อิตโร อาพาโธ. ขุทฺทโก วา โรโค อาตงฺโก, พลวา ¶ อาพาโธ. เกจิ ปน ‘‘อชฺฌตฺตสมุฏฺาโน อาพาโธ, พหิทฺธาสมุฏฺาโน อาตงฺโก’’ติ วทนฺติ. ตทุภยสฺสาปิ อภาวํ ปุจฺฉาติ วทติ. คิลานสฺเสว จ อุฏฺานํ นาม ครุกํ โหติ, กาเย พลํ น โหติ, ตสฺมา นิคฺเคลฺตาย ลหุปริวตฺติสงฺขาตํ กายสฺส ลหุฏฺานํ สรีรพลฺจ ปุจฺฉาติ วทติ. ผาสุวิหารนฺติ านนิสินฺนคมนสยนสงฺขาเตสุ จตูสุ อิริยาปเถสุ สุขวิหารฺจ ปุจฺฉาติ วทติ. อถสฺส ปุจฺฉิตพฺพาการํ ทสฺเสนฺตี ‘‘สุปฺปวาสา, ภนฺเต’’ติอาทิมาห. เอวฺจ วเทหีติ อิทานิ วตฺตพฺพาการํ นิทสฺเสติ.
ปรมนฺติ วจนสมฺปฏิจฺฉนํ. เตน สาธุ, ภทฺเท, ยถา วุตฺตํ, ตถา ปฏิปชฺชามีติ ทสฺเสติ. โกลิยปุตฺโตติ สุปฺปวาสาย สามิโก โกลิยราชปุตฺโต. สุขินี โหตูติ สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺโย สตฺถา สุปฺปวาสาย เปสิตวนฺทนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตทนนฺตรํ อตฺตโน เมตฺตาวิหารสํสูจกํ พุทฺธาจิณฺณํ สุขูปสํหารํ ตสฺสา สามฺโต ปกาเสตฺวา ปุน ตสฺสา ปุตฺตสฺส จ คพฺภวิปตฺติมูลกทุกฺขุปฺปตฺติปฏิกฺเขปมุเขน สุขูปสํหารํ นิทสฺเสนฺโต ‘‘สุขินี…เป… อโรคา, อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ อาห.
สห ¶ วจนาติ ภควโต วจเนน สเหว. ยสฺมึ กาเล ภควา ตถา อโวจ, ตสฺมึเยว กาเล ตมฺปิ กมฺมํ ปริกฺขยํ อคมาสิ. ตสฺส ปริกฺขีณภาวํ โอโลเกตฺวา สตฺถา ตถา อภาสิ. อปเร ปน วทนฺติ – สเจ ตถา สตฺถา นาจิกฺขิสฺสา, ตโต ปรมฺปิ กิฺจิ กาลํ ตสฺสา ตํ ทุกฺขํ อนุพนฺธิสฺสา. ยสฺมา ปน ภควตา ‘‘สุขินี อโรคา อโรคฺจ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตสฺส วจนสมกาลเมว โส คพฺโภ พฺยากุลภาวํ วิชหิตฺวา สุเขเนว พหิ นิกฺขมิ, เอวํ เตสํ มาตาปุตฺตานํ โสตฺถิ อโหสิ. อจินฺเตยฺโย หิ พุทฺธานํ ¶ พุทฺธานุภาโว. ยถา หิ ปฏาจาราย ปิยวิปฺปโยคสมฺภูเตน โสเกน อุมฺมาทํ ปตฺวา –
‘‘อุโภ ปุตฺตา กาลกตา, ปนฺเถ มยฺหํ ปตี มโต;
มาตา ปิตา จ ภาตา จ, เอกจิตกมฺหิ ฌายเร’’ติ. (อป. เถรี ๒.๒.๔๙๘) –
วตฺวา ¶ ชาตรูเปเนว จรนฺติยา ‘‘สตึ ปฏิลภาหิ ภคินี’’ติ ภควโต วจนสมนนฺตรเมว อุมฺมาโท วูปสมิ, ตถา สุปฺปิยาปิ อุปาสิกา อตฺตนาว อตฺตโน อูรุยํ กเตน มหาวเณน วุฏฺาตุํ อสกฺโกนฺตี สยนปิฏฺเ นิปนฺนา ‘‘อาคนฺตฺวา มํ วนฺทตู’’ติ วจนสมนนฺตรเมว วเณ ปากติเก ชาเต สยเมว คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทีติ เอวมาทีนิ วตฺถูนิ อิธ อุทาหริตพฺพานีติ.
เอวํ, ภนฺเตติ, ภนฺเต, ยถา ภควา สปุตฺตาย มาตุยา อโรคภาวํ อาสีสนฺโต อาห – ‘‘สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ, ตํ เอวเมว. น หิ กทาจิ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ วจนสฺส อฺถาภาโวติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘เอวมตฺถู’’ติ วทนฺติ, อปเร ‘‘โหตู’’ติ ปทสฺส อตฺถํ อาเนตฺวา วณฺณยนฺติ. อภินนฺทิตฺวาติ กรวีกรุตมฺชุนา พฺรหฺมสฺสเรน ภควตา วุจฺจมาเน ตสฺมึ วจเน ปีติโสมนสฺสปฏิลาภโต อภิมุขภาเวน นนฺทิตฺวา. อนุโมทิตฺวาติ ตโต ปจฺฉาปิ สมฺโมทนํ อุปฺปาเทตฺวา, จิตฺเตน วา อภินนฺทิตฺวา วาจาย อนุโมทิตฺวา, วจนสมฺปตฺติยา วา อภินนฺทิตฺวา อตฺถสมฺปตฺติยา อนุโมทิตฺวา. สกํ ฆรํ ปจฺจายาสีติ อตฺตโน ฆรํ ปฏิคจฺฉิ. เย ปน ‘‘เยน สกํ ฆร’’นฺติ ปนฺติ, เตสํ ยทิปิ ย-ต-สทฺทานํ สมฺพนฺธภาวโต ‘‘เตนา’’ติ ปทํ วุตฺตเมว โหติ, ตถาปิ ‘‘ปฏิยายิตฺวา’’ติ ปาเสโส โยเชตพฺโพ โหติ.
วิชาตนฺติ ปชาตํ, ปสุตนฺติ อตฺโถ. อจฺฉริยนฺติ อนฺธสฺส ปพฺพตาโรหนํ วิย นิจฺจํ น ¶ โหตีติ อจฺฉริยํ, อยํ ตาว สทฺทนโย. อฏฺกถาสุ ปน ‘‘อจฺฉราโยคฺคํ อจฺฉริย’’นฺติ วุตฺตํ ¶ , อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. วตาติ สมฺภาวเน, อโห อจฺฉริยนฺติ อตฺโถ. โภติ ธมฺมาลปนํ. อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติ อพฺภุตํ.
ตถาคตสฺสาติ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต – ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโต.
กถํ ¶ ภควา ตถา อาคโตติ ตถาคโต? ยถา สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺนา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา อาคตาติ. กึ วุตฺตํ โหติ? เยน อภินีหาเรน เต ภควนฺโต อาคตา, เตน อฏฺคุณสมนฺนาคเตน อยมฺปิ ภควา อาคโต. ยถา จ เต ภควนฺโต ทานปารมึ ปูเรตฺวา สีลเนกฺขมฺมปฺาวีริยขนฺติสจฺจอธิฏฺานเมตฺตาอุเปกฺขาปารมีติ อิมา ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา ปุพฺพโยคปุพฺพจริยธมฺมกฺขานาตตฺถจริยาทโย ปูเรตฺวา พุทฺธิจริยาย โกฏึ ปตฺวา อาคตา, ตถา อยมฺปิ ภควา อาคโต. ยถา จ เต ภควนฺโต จตฺตาโร สติปฏฺาเน…เป… อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวา อาคตา, ตถา อยมฺปิ ภควา อาคโต. เอวํ ตถา อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยถา สมฺปติชาตา เต ภควนฺโต สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺาย อุตฺตราภิมุขา สตฺตปทวีติหาเรน คตา, เสตจฺฉตฺเต ธาริยมาเน สพฺพาว ทิสา อนุวิโลเกสุํ, อาสภิฺจ ¶ วาจํ ภาสึสุ โลเก อตฺตโน เชฏฺเสฏฺภาวํ ปกาเสนฺตา, ตฺจ เนสํ คมนํ ตถํ อโหสิ อวิตถํ อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน, ตถา อยมฺปิ ภควา คโต, ตฺจสฺส คมนํ กถํ อโหสิ อวิตถํ เตสฺเว วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน. เอวํ ตถา คโตติ ตถาคโต.
ยถา วา เต ภควนฺโต เนกฺขมฺเมน กามจฺฉนฺทํ ปหาย คตา, อพฺยาปาเทน พฺยาปาทํ, อาโลกสฺาย ถินมิทฺธํ, อวิกฺเขเปน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ, ธมฺมววตฺถาเนน วิจิกิจฺฉํ ปหาย คตา, าเณน อวิชฺชํ ปทาเลตฺวา, ปาโมชฺเชน อรตึ วิโนเทตฺวา, อฏฺสมาปตฺตีหิ อฏฺารสหิ มหาวิปสฺสนาหิ ¶ จตูหิ จ อริยมคฺเคหิ ตํ ตํ ปฏิปกฺขํ ปหาย คตา, เอวํ อยมฺปิ ภควา คโต. เอวมฺปิ ตถา คโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต? ปถวีธาตุยา กกฺขฬลกฺขณํ, อาโปธาตุยา ปคฺฆรณลกฺขณํ, เตโชธาตุยา อุณฺหตฺตลกฺขณํ, วาโยธาตุยา วิตฺถมฺภนลกฺขณํ, อากาสธาตุยา อสมฺผุฏฺลกฺขณํ, รูปสฺส รุปฺปนลกฺขณํ, เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ, สฺาย สฺชานนลกฺขณํ, สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณํ, วิฺาณสฺส วิชานนลกฺขณนฺติ ¶ เอวํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ, ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ, อฏฺารสนฺนํ ธาตูนํ, พาวีสติยา อินฺทฺริยานํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ, ทฺวาทสปทิกสฺส ปจฺจยาการสฺส, จตุนฺนํ สติปฏฺานานํ, จตุนฺนํ สมฺมปฺปธานานํ, จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ, ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ, ปฺจนฺนํ พลานํ, สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ, อริยสฺส อฏฺงฺคิกสฺส มคฺคสฺส, สตฺตนฺนํ วิสุทฺธีนํ, อมโตคธสฺส นิพฺพานสฺสาติ เอวํ ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส ยํ สภาวสรสลกฺขณํ, ตํ ตถํ อวิตถํ อนฺถํ ลกฺขณํ าณคติยา อาคโต อวิรชฺฌิตฺวา ปตฺโต อธิคโตติ ตถาคโต. เอวํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต? ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. ยถาห ¶ – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. กตมานิ จตฺตาริ? อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโร. ตานิ จ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโต.
อปิจ ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ…เป… สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ, ตถา อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ…เป... ชาติยา ชรามรณสฺส ปจฺจยฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ, ตํ สพฺพํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมาปิ ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโต. อภิสมฺพุทฺธตฺโถ หิ เอตฺถ คตสทฺโทติ. เอวํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต.
กถํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต? ยํ สเทวเก…เป… สเทวมนุสฺสาย ปชาย อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉนฺตํ รูปารมฺมณํ นาม อตฺถิ, ตํ ภควา สพฺพาการโต ชานาติ ปสฺสติ. เอวํ ชานตา ปสฺสตา จ เตน ตํ อิฏฺานิฏฺาทิวเสน วา ทิฏฺสุตมุตวิฺาเตสุ ลพฺภมานกปทวเสน วา ‘‘กตมํ ตํ รูปํ รูปายตนํ ¶ , ยํ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๖๑๖) นเยน อเนเกหิ นาเมหิ เตรสหิ วาเรหิ ทฺวิปฺาสาย นเยหิ วิภชฺชมานํ ตถเมว โหติ, วิตถํ นตฺถิ. เอส นโย โสตทฺวาราทีสุ อาปาถมาคจฺฉนฺเตสุ สทฺทาทีสุ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ยํ ¶ , ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สเทวมนุสฺสาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ, ตมหํ อพฺภฺาสึ, ตํ ตถาคตสฺส วิทิตํ, ตํ ตถาคโต น อุปฏฺาสี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔).
เอวํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต ¶ . ตตฺถ ตถทสฺสีอตฺเถ ตถาคโตติ ปทสมฺภโว เวทิตพฺโพ.
กถํ ตถวาทิตาย ตถาคโต? ยํ รตฺตึ ภควา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, เอตฺถนฺตเร ปฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาณกาลํ ยํ ภควตา ภาสิตํ ลปิตํ สุตฺตเคยฺยาทิ, สพฺพํ ตํ ปริสุทฺธํ ปริปุณฺณํ ราคมทาทินิมฺมถนํ เอกสทิสํ ตถํ อวิตถํ. เตนาห –
‘‘ยฺจ, จุนฺท, รตฺตึ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ยํ เอตสฺมึ อนฺตเร ภาสติ ลปติ นิทฺทิสติ, สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ, โน อฺถา, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๘).
คทอตฺโถ เอตฺถ คตสทฺโท. เอวํ ตถวาทิตาย ตถาคโต.
อปิจ อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อตฺโถ. ตโถ อวิตโถ อวิปรีโต อาคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เอวเมตฺถ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
กถํ ตถาการิตาย ตถาคโต? ภควโต หิ วาจาย กาโย อนุโลเมติ, กายสฺสปิ วาจา, ตสฺมา ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที จ โหติ. เอวํภูตสฺส จสฺส ยถาวาจา, กาโยปิ ตถา คโต ปวตฺโตติ อตฺโถ. ยถา จ กาโย, วาจาปิ ตถา คตา ปวตฺตาติ ตถาคโต. เตนาห –
‘‘ยถาวาที ¶ , ภิกฺขเว, ตถาคโต ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓).
เอวํ ¶ ตถาการิตาย ตถาคโต.
กถํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต? ยสฺมา อุปริ ภวคฺคํ เหฏฺา อวีจึ ปริยนฺตํ กริตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สพฺพสตฺเต อภิภวติ สีเลนปิ สมาธินาปิ ปฺายปิ วิมุตฺติยาปิ วิมุตฺติาณทสฺสเนนปิ ¶ , น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิ, อถ โข อตุโล อปฺปเมยฺโย อนุตฺตโร เทวเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก, พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา สพฺพสตฺตุตฺตโม, ตสฺมา ตถาคโต. เตนาห –
‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุทโส วสวตฺติ, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓).
ตตฺรายํ ปทสิทฺธิ – อคโท วิย อคโท, เทสนาวิลาโส เจว ปฺุุสฺสโย จ. เตน โส มหานุภาโว ภิสกฺโก วิย ทิพฺพาคเทน สปฺเป สพฺพปรปฺปวาทิโน สเทวกฺจ โลกํ อภิภวติ. อิติ สพฺพโลกาภิภวเน ตโถ อวิตโถ อวิปรีโต ยถาวุตฺโตว อคโท เอตสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เวทิตพฺโพ. เอวํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต.
อปิจ ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถํ คโตติ ตถาคโต. ตตฺถ สกลโลกํ ตีรณปริฺาย ตถาย คโต อวคโตติ ตถาคโต. โลกสมุทยํ ปหานปริฺาย ตถาย คโต อตีโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาย ตถาย คโต อธิคโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ตถํ คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘โลโก, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสฺมา ตถาคโต วิสํยุตฺโต. โลกสมุทโย, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสมุทโย ตถาคตสฺส ปหีโน, โลกนิโรโธ, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกนิโรโธ ตถาคตสฺส สจฺฉิกโต. โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา ¶ , ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา ¶ , โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา ตถาคตสฺส ภาวิตา. ยํ, ภิกฺขเว ¶ , สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สพฺพํ ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธํ. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓).
อปเรหิปิ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต – ตถาย อาคโตติ ตถาคโต, ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถาวิโธติ ตถาคโต, ตถา ปวตฺติโตติ ตถาคโต, ตเถหิ อคโตติ ตถาคโต, ตถา คตภาเวน ตถาคโต.
กถํ ตถาย อาคโตติ ตถาคโต? ยา สา ภควตา สุเมธภูเตน ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูเล –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ,
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;
อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –
เอวํ วุตฺตํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อภินีหารํ สมฺปาเทนฺเตน ‘‘อหํ สเทวกํ โลกํ ติณฺโณ ตาเรสฺสามิ, มุตฺโต โมเจสฺสามิ, ทนฺโต ทเมสฺสามิ, สนฺโต สเมสฺสามิ, อสฺสตฺโถ อสฺสาเสสฺสามิ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปสฺสามิ, พุทฺโธ โพเธสฺสามี’’ติ มหาปฏิฺา ปวตฺติตา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กึ เม เอเกน ติณฺเณน, ปุริเสน ถามทสฺสินา;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํ.
‘‘อิมินา เม อธิกาเรน, กเตน ปุริสุตฺตเม;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตาเรมิ ชนตํ พหุํ.
‘‘สํสารโสตํ ฉินฺทิตฺวา, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;
ธมฺมนาวํ สมารุยฺห, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํ.
‘‘กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, พุทฺโธ เหสฺสํ สเทวเก’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๕-๕๘);
ตํ ¶ ปเนตํ มหาปฏิฺํ สกลสฺสาปิ พุทฺธกรธมฺมสมุทายสฺส ปวิจย ปจฺจเวกฺขณสมาทานานํ การณภูตํ ¶ อวิสํวาเทตฺวา โลกนายโก ยสฺมา มหากปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สกฺกจฺจํ ¶ นิรนฺตรํ นิรวเสสโต ทานปารมิอาทโย สมตึสปารมิโย ปูเรตฺวา, องฺคปริจฺจาคาทโย ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา, สจฺจาธิฏฺานาทีนิ จตฺตาริ อธิฏฺานานิ ปริพฺรูเหตฺวา, ปฺุาณสมฺภาเร สมฺภริตฺวา, ปุพฺพโยคปุพฺพจริยธมฺมกฺขานาตตฺถจริยาทโย อุกฺกํสาเปตฺวา, พุทฺธิจริยํ ปรมโกฏึ ปาเปตฺวา, อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตสฺมา ตสฺเสว สา มหาปฏิฺา ตถา อวิตถา อนฺถา, น ตสฺส วาลคฺคมตฺตมฺปิ วิตถํ อตฺถิ. ตถา หิ ทีปงฺกรทสพโล โกณฺฑฺโ มงฺคโล…เป… กสฺสโป ภควาติ อิเม จตุวีสติ สมฺมาสมฺพุทฺธา ปฏิปาฏิยา อุปฺปนฺนา ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากรึสุ. เอวํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ เย เต กตาภินีหาเรหิ โพธิสตฺเตหิ ลทฺธพฺพา อานิสํสา, เต ลภิตฺวาว อาคโตติ ตาย ยถาวุตฺตาย มหาปฏิฺาย ตถาย อภิสมฺพุทฺธภาวํ อาคโต อธิคโตติ ตถาคโต. เอวํ ตถาย อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถาย คโตติ ตถาคโต? ยาย มหากรุณาย โลกนาโถ มหาทุกฺขสมฺพาธปฺปฏิปนฺนํ สตฺตนิกายํ ทิสฺวา ‘‘ตสฺส นตฺถฺโ โกจิ ปฏิสฺสรณํ, อหเมว นมิโต สํสารทุกฺขโต มุตฺโต โมเจสฺสามี’’ติ สมุสฺสาหิตมานโส มหาภินีหารมกาสิ. กตฺวา จ ยถาปณิธานํ สกลโลกหิตสมฺปาทนาย อุสฺสุกฺกมาปนฺโน อตฺตโน กายชีวิตนิรเปกฺโข ปเรสํ โสตปถาคมนมตฺเตนปิ จิตฺตุตฺราสสมุปฺปาทิกา อติทุกฺกรา ทุกฺกรจริยา สมาจรนฺโต ยถา มหาโพธิยา ปฏิปตฺติ หานภาคิยา สํกิเลสภาคิยา ิติภาคิยา วา น โหติ, อถ โข อุตฺตรุตฺตริ วิเสสภาคิยาว โหติ, ตถา ปฏิปชฺชมาโน อนุปุพฺเพน นิรวเสเส โพธิสมฺภาเร สมฺปาเทตฺวา อภิสมฺโพธึ ปาปุณิ. ตโต ปรฺจ ตาเยว มหากรุณาย สฺโจทิตมานโส ปวิเวกรตึ ปรมฺจ สนฺตํ วิโมกฺขสุขํ ปหาย พาลชนพหุเล โลเก เตหิ สมุปฺปาทิตํ สมฺมานาวมานวิปฺปการํ อคเณตฺวา วิเนยฺยชนสฺส วินยเนน นิรวเสสํ พุทฺธกิจฺจํ ¶ นิฏฺเปสิ. ตตฺถ โย ภควโต สตฺเตสุ มหากรุณาย สโมกฺกมนากาโร, โส ปรโต อาวิภวิสฺสติ. ยถา จ พุทฺธภูตสฺส ¶ โลกนาถสฺส สตฺเตสุ มหากรุณา, เอวํ โพธิสตฺตภูตสฺสปิ มหาภินีหารกาลาทีสูติ สพฺพตฺถ สพฺพทา จ เอกสทิสตาย ตถา อวิตถา อนฺถา, ตสฺมา ตีสุปิ อวตฺถาสุ สพฺพสตฺเตสุ สมานรสาย ตถาย มหากรุณาย สกลโลกหิตาย คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. เอวํ ตถาย คโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต? ตถานิ นาม จตฺตาริ อริยมคฺคาณานิ. ตานิ หิ ¶ อิทํ ทุกฺขํ, อยํ ทุกฺขสมุทโย, อยํ ทุกฺขนิโรโธ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ เอวํ สพฺพเยฺยธมฺมสงฺคาหกานํ ปวตฺตินิวตฺติตทุภยเหตุภูตานํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ, สมุทยสฺส อายูหนฏฺโ นิทานฏฺโ สํโยคฏฺโ ปลิโพธฏฺโ, นิโรธสฺส นิสฺสรณฏฺโ วิเวกฏฺโ อสงฺขตฏฺโ อมตฏฺโ, มคฺคสฺส นิยฺยานฏฺโ เหตฺวฏฺโ ทสฺสนฏฺโ อาธิปเตยฺยฏฺโติอาทีนํ ตพฺพิภาคานฺจ ยถาภูตสภาวาวโพธวิพนฺธกสฺส สํกิเลสปกฺขสฺส สมุจฺฉินฺทเนน ปฏิลทฺธาย ตตฺถ อสมฺโมหาภิสมยสงฺขาตาย อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ธมฺมานํ สภาวสรสลกฺขณสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ, ตานิ ภควา อนฺเนยฺโย สยเมว อาคโต อธิคโต, ตสฺมา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ยถา จ มคฺคาณานิ, เอวํ ภควโต ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณานิ จตุปฏิสมฺภิทาาณานิ จตุเวสารชฺชาณานิ ปฺจคติปริจฺเฉทาณานิ ฉอสาธารณาณานิ สตฺตโพชฺฌงฺควิภาวนาณานิ อฏฺมคฺคงฺควิภาวนาณานิ นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติาณานิ ทสพลาณานิ จ ตถภาเว เวทิตพฺพานิ.
ตตฺรายํ วิภาวนา – ยฺหิ กิฺจิ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ หีนาทิเภทภินฺนาสุ อตีตาสุ ขนฺธายตนธาตูสุ สภาวกิจฺจาทิ ¶ อวตฺถาวิเสสาทิ ขนฺธปฺปฏิพทฺธนามโคตฺตาทิ จ ชานิตพฺพํ. อนินฺทฺริยพทฺเธสุ จ อติสุขุมติโรหิตวิทูรเทเสสุปิ รูปธมฺเมสุ โย ตํตํปจฺจยวิเสเสหิ สทฺธึ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ วณฺณสณฺานคนฺธรสผสฺสาทิวิเสโส, ตตฺถ สพฺพตฺเถว หตฺถตเล ปิตอามลเก วิย ¶ ปจฺจกฺขโต อปฺปฏิหตํ ภควโต าณํ ปวตฺตติ, ตถา อนาคตาสุ ปจฺจุปฺปนฺนาสุ จาติ อิมานิ ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณานิ นาม. ยถาห –
‘‘อตีตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณํ, อนาคตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณํ, ปจฺจุปฺปนฺนํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๕).
ตานิ ปเนตานิ ตตฺถ ตตฺถ ธมฺมานํ สภาวสรสลกฺขณสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ, ตานิ ภควา สยมฺภูาเณน อธิคฺฉีติ. เอวมฺปิ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา ¶ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา นิรุตฺติปฺปฏิสมฺภิทา ปฏิภานปฺปฏิสมฺภิทาติ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา. ตตฺถ อตฺถปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ อตฺถปฺปเภทคตํ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา. ธมฺมปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ธมฺมปฺปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา. นิรุตฺติปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ นิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฺปฏิสมฺภิทา. ปฏิภานปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ปฏิภานปฺปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฺปฏิสมฺภิทา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อตฺเถ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา, ธมฺเม าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา, ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฺปฏิสมฺภิทา, าเณสุ าณํ ปฏิภานปฺปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘-๗๒๑).
เอตฺถ จ เหตุอนุสาเรน อรณียโต อธิคนฺตพฺพโต จ สงฺเขปโต เหตุผลํ อตฺโถ นาม. ปเภทโต ปน ยํ กิฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺนํ, นิพฺพานํ ¶ , ภาสิตตฺโถ, วิปาโก, กิริยาติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อตฺโถ. ตํ อตฺถํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ อตฺเถ ปเภทคตํ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา. ธมฺโมติ สงฺเขปโต ปจฺจโย. โส หิ ยสฺมา ตํ ตํ อตฺถํ วิทหติ ปวตฺเตติ เจว ปาเปติ จ, ตสฺมา ธมฺโมติ วุจฺจติ, ปเภทโต ปน โย โกจิ ผลนิพฺพตฺตนโก เหตุ อริยมคฺโค ภาสิตํ กุสลํ อกุสลนฺติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ธมฺโม, ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ทุกฺเข ¶ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา, ทุกฺขสมุทเย าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา, ทุกฺขนิโรเธ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๙).
อถ วา เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา, เหตุผเล าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา. เย ธมฺมา ชาตา ภูตา สฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา ปาตุภูตา, อิเมสุ ธมฺเมสุ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา. ยมฺหา ธมฺมา เต ธมฺมา ชาตา ภูตา สฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา ปาตุภูตา, เตสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา. ชรามรเณ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา, ชรามรณสมุทเย าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา. ชรามรณนิโรเธ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา, ชรามรณนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา. ชาติยา, ภเว, อุปาทาเน, ตณฺหาย, เวทนาย, ผสฺเส, สฬายตเน, นามรูเป, วิฺาเณ, สงฺขาเรสุ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา, สงฺขารสมุทเย ¶ าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา. สงฺขารนิโรเธ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา, สงฺขารนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา.
‘‘อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ชานาติ สุตฺตํ เคยฺยํ…เป… เวทลฺลํ, อยํ วุจฺจติ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา. โส ตสฺส ตสฺเสว ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาติ ‘อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ, อยํ อิมสฺส ¶ ภาสิตสฺส อตฺโถ’ติ, อยํ วุจฺจติ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา.
‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตํ รูปารมฺมณํ วา…เป… ธมฺมารมฺมณํ วา ยํ ยํ วา ปนารพฺภ, ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหติ…เป… อิเม ธมฺมา กุสลา. อิเมสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา, เตสํ วิปาเก าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา’’ติอาทิ (วิภ. ๗๒๔-๗๒๕) วิตฺถาโร.
ยา ปเนตสฺมึ อตฺเถ จ ธมฺเม จ สภาวนิรุตฺติ อพฺยภิจารโวหาโร อภิลาโป, ตสฺมึ สภาวนิรุตฺตาภิลาเป มาคธิกาย สพฺพสตฺตานํ มูลภาสาย ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺติ, อยํ อสภาวนิรุตฺตี’’ติ ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฺปฏิสมฺภิทา. ยถาวุตฺเตสุ เตสุ าเณสุ โคจรกิจฺจโต วิตฺถารโต ปวตฺตํ สพฺพมฺปิ ตํ าณํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ าเณ ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฺปฏิสมฺภิทา. อิติ อิมานิ จตฺตาริ ¶ ปฏิสมฺภิทาาณานิ สยเมว ภควตา อธิคตานิ อตฺถธมฺมาทิเก ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺตโน วิสเย อวิสํวาทนวเสน อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา ยํกิฺจิ เยฺยํ นาม, สพฺพํ ตํ ภควตา สพฺพากาเรน าตํ ทิฏฺํ อธิคตํ อภิสมฺพุทฺธํ. ตถา หิสฺส อภิฺเยฺยา ธมฺมา อภิฺเยฺยโต พุทฺธา, ปริฺเยฺยา ธมฺมา ปริฺเยฺยโต, ปหาตพฺพา ธมฺมา ปหาตพฺพโต, สจฺฉิกาตพฺพา ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพโต, ภาเวตพฺพา ธมฺมา ภาเวตพฺพโต, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา ‘‘อิเม นาม เต ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ สห ธมฺเมน อนุยฺุชิตุํ สมตฺโถ นตฺถิ.
ยํกิฺจิ ปหาตพฺพํ นาม, สพฺพํ ตํ ภควโต อนวเสสโต โพธิมูเลเยว ปหีนํ อนุปฺปตฺติธมฺมํ ¶ , น ตสฺส ปหานาย อุตฺตริ กรณียํ อตฺถิ. ตถา หิสฺส โลภโทสโมหวิปรีตมนสิการอหิริกาโนตฺตปฺปถินมิทฺธโกธูปนาห- มกฺขปลาสอิสฺสามจฺฉริยมายาสาเยฺยถมฺภสารมฺภมานาติมานมทปฺปมาทติวิธา- กุสลมูลทุจฺจริตวิสมวิปรีตสฺา- ¶ มลวิตกฺกปปฺจเอสนาตณฺหาจตุพฺพิธวิปริเยสอาสวคนฺถ- โอฆโยคาคติตณฺหุปาทานปฺจาภินนฺทนนีวรณเจโตขิลเจตโสวินิพนฺธ- ฉวิวาทมูลสตฺตานุสยอฏฺมิจฺฉตฺตนวอาฆาตวตฺถุตณฺหา- มูลกทสอกุสลกมฺมปถเอกวีสติ อเนสนทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตอฏฺสตตณฺหาวิจริตาทิปฺปเภทํ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ สห วาสนาย ปหีนํ สมุจฺฉินฺนํ สมูหตํ, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป… พฺรหฺมา วา ‘‘อิเม นาม เต กิเลสา อปฺปหีนา’’ติ สห ธมฺเมน อนุยฺุชิตุํ สมตฺโถ นตฺถิ.
เย จิเม ภควตา กมฺมวิปากกิเลสูปวาทอาณาวีติกฺกมปฺปเภทา อนฺตรายิกา วุตฺตา, อลเมว เต ปฏิเสวโต เอกนฺเตน อนฺตรายาย. ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป… พฺรหฺมา วา ‘‘นาลํ เต ปฏิเสวโต อนฺตรายายา’’ติ สห ธมฺเมน อนุยฺุชิตุํ สมตฺโถ นตฺถิ.
โย จ ภควตา นิรวเสสวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณาย สีลสมาธิปฺาย สงฺคโห สตฺตโกฏฺาสิโก สตฺตตึสปฺปเภโท อริยมคฺคปุพฺพงฺคโม อนุตฺตโร ¶ นิยฺยานิโก ธมฺโม เทสิโต, โส เอกนฺเตเนว นิยฺยาติ, ปฏิปนฺนสฺส วฏฺฏทุกฺขโต โมกฺขาย โหติ, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป… พฺรหฺมา วา ‘‘นิยฺยานิโก ธมฺโมติ ตยา เทสิโต น นิยฺยาตี’’ติ สห ธมฺเมน อนุยฺุชิตุํ สมตฺโถ นตฺถีติ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๐) วิตฺถาโร. เอวเมตานิ อตฺตโน าณปฺปหานเทสนาวิเสสานํ อวิตถภาวาวโพธนโต ¶ อวิปรีตาการปฺปวตฺติตานิ ภควโต จตุเวสารชฺชาณานิ ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา นิรยคติ, ติรจฺฉานคติ, เปตคติ, มนุสฺสคติ, เทวคตีติ ปฺจ คติโย, ตาสุ สฺชีวาทโย อฏฺ มหานิรยา, กุกฺกุฬาทโย โสฬส อุสฺสทนิรยา, โลกนฺตริกนิรโยติ สพฺเพปิเม เอกนฺตทุกฺขตาย นิรสฺสาทฏฺเน นิรยา, ยถากมฺมุนา คนฺตพฺพโต คติ จาติ นิรยคติ, ติพฺพนฺธการสีตนรกาปิ เอเตสฺเวว อนฺโตคธา. กิมิกีฏสรีสปปกฺขิโสณสิงฺคาลาทโย ติริยํ อฺฉิตภาเวน ติรจฺฉานา, เต เอว คตีติ ติรจฺฉานคติ. ขุปฺปิปาสิตตฺตา ปรทตฺตูปชีวินิชฺฌามตณฺหิกาทโย ทุกฺขพหุลตาย ปากฏสุขโต ¶ อิตา วิคตาติ เปตา, เต เอว คตีติ เปตคติ, กาลกฺจิกาทิอสุราปิ เอเตสฺเววนฺโตคธา. ปริตฺตทีปวาสีหิ สทฺธึ ชมฺพุทีปาทิจตุมหาทีปวาสิโน มนโส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา, เต เอว คตีติ มนุสฺสคติ. จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย ยาว เนวสฺานาสฺายตนูปคาติ อิเม ฉพฺพีสติ เทวนิกายา ทิพฺพนฺติ อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน กีฬนฺติ โชตนฺติ จาติ เทวา, เต เอว คตีติ เทวคติ.
ตา ปเนตา คติโย ยสฺมา ตํตํกมฺมนิพฺพตฺโต อุปปตฺติภววิเสโส, ตสฺมา อตฺถโต วิปากกฺขนฺธา กฏตฺตา จ รูปํ. ตตฺถ ‘‘อยํ นาม คติ อิมินา นาม กมฺมุนา ชายติ, ตสฺส จ กมฺมสฺส ปจฺจยวิเสเสหิ เอวํ วิภาคภินฺนตฺตา วิสุํ เอเต สตฺตนิกายา เอวํ วิภาคภินฺนา’’ติ ยถาสกํ เหตุผลวิภาคปริจฺฉินฺทนวเสน านโส เหตุโส ภควโต าณํ ปวตฺตติ. เตนาห ภควา –
‘‘ปฺจ ¶ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโย. กตมา ปฺจ? นิรโย, ติรจฺฉานโยนิ, เปตฺติวิสโย, มนุสฺสา, เทวา. นิรยฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ นิรยคามิฺจ มคฺคํ นิรยคามินิฺจ ปฏิปทํ, ยถา ปฏิปนฺโน จ กายสฺส เภทา ¶ ปรมฺมรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ, ตฺจ ปชานามี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๕๓).
ตานิ ปเนตานิ ภควโต าณานิ ตสฺมึ ตสฺมึ วิสเย อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา ยํ สตฺตานํ สทฺธาทิโยควิกลาวิกลภาวาวโพธเนน อปฺปรชกฺขมหารชกฺขตาทิวิเสสวิภาวนํ ปฺาสาย อากาเรหิ ปวตฺตํ ภควโต อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สทฺโธ ปุคฺคโล อปฺปรชกฺโข, อสฺสทฺโธ ปุคฺคโล มหารชกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๑) วิตฺถาโร.
ยฺจ ‘‘อยํ ปุคฺคโล อปฺปรชกฺโข, อยํ สสฺสตทิฏฺิโก, อยํ อุจฺเฉททิฏฺิโก, อยํ อนุโลมิกายํ ขนฺติยํ ิโต, อยํ ยถาภูตาเณ ิโต, อยํ กามาสโย, น เนกฺขมฺมาทิอาสโย, อยํ เนกฺขมฺมาสโย, น กามาทิอาสโย’’ติอาทินา ‘‘อิมสฺส กามราโค อติวิย ¶ ถามคโต, น ปฏิฆาทิโก, อิมสฺส ปฏิโฆ อติวิย ถามคโต, น กามราคาทิโก’’ติอาทินา ‘‘อิมสฺส ปฺุาภิสงฺขาโร อธิโก, น อปฺุาภิสงฺขาโร น อาเนฺชาภิสงฺขาโร, อิมสฺส อปฺุาภิสงฺขาโร อธิโก, น ปฺุาภิสงฺขาโร น อาเนฺชาภิสงฺขาโร, อิมสฺส อาเนฺชาภิสงฺขาโร อธิโก, น ปฺุาภิสงฺขาโร น อปฺุาภิสงฺขาโร. อิมสฺส กายสุจริตํ อธิกํ, อิมสฺส วจีสุจริตํ, อิมสฺส มโนสุจริตํ, อยํ หีนาธิมุตฺติโก, อยํ ปณีตาธิมุตฺติโก, อยํ กมฺมาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ กิเลสาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ วิปากาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ น กมฺมาวรเณน สมนฺนาคโต, น กิเลสาวรเณน สมนฺนาคโต, น วิปากาวรเณน สมนฺนาคโต’’ติอาทินา จ สตฺตานํ อาสยาทีนํ ยถาภูตํ วิภาวนาการปฺปวตฺตํ ภควโต อาสยานุสยาณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อิธ ¶ ตถาคโต สตฺตานํ อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาติ, จริตํ ชานาติ, อธิมุตฺตึ ชานาติ, ภพฺพาภพฺเพ สตฺเต ชานาตี’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓).
ยฺจ อุปริมเหฏฺิมปุริมปจฺฉิมกาเยหิ ทกฺขิณวามอกฺขิกณฺณโสตนาสิกโสตอํสกูฏหตฺถปาเทหิ องฺคุลิองฺคุลนฺตเรหิ โลมกูเปหิ จ อคฺคิกฺขนฺธูทกธาราปวตฺตนํ อนฺสาธารณํ วิวิธวิกุพฺพนิทฺธินิมฺมาปนกํ ¶ ภควโต ยมกปาฏิหาริยาณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อิธ ตถาคโต ยมกปาฏิหาริยํ กโรติ อสาธารณํ สาวเกหิ, อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เหฏฺิมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ. เหฏฺิมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อุปริมกายโต อุทกธารา ปวตฺตตี’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖).
ยฺจ ราคาทีหิ ชาติอาทีหิ จ อเนเกหิ ทุกฺขธมฺเมหิ อุปทฺทุตํ สตฺตนิกายํ ตโต นีหริตุกามตาวเสน นานานเยหิ ปวตฺตสฺส ภควโต มหากรุโณกฺกมนสฺส ปจฺจยภูตํ มหากรุณาสมาปตฺติาณํ. ยถาห (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๗-๑๑๘) –
‘‘กตมํ ตถาคตสฺส มหากรุณาสมาปตฺติยา าณํ? พหุเกหิ อากาเรหิ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ, อาทิตฺโต โลกสนฺนิวาโสติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ. อุยฺยุตฺโต, ปยาโต, กุมฺมคฺคปฺปฏิปนฺโน, อุปนียติ โลโก อทฺธุโว, อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร ¶ , อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนียํ, อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโสติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ.
‘‘อตายโน โลกสนฺนิวาโส, อเลโณ, อสรโณ, อสรณีภูโต. อุทฺธโต โลโก อวูปสนฺโต, สสลฺโล โลกสนฺนิวาโส วิทฺโธ ปุถุสลฺเลหิ, อวิชฺชนฺธการาวรโณ ¶ กิเลสปฺชรปกฺขิตฺโต, อวิชฺชาคโต โลกสนฺนิวาโส อณฺฑภูโต ปริโยนทฺโธ ตนฺตากุลกชาโต กุลคุณฺฑิกชาโต มฺุชปพฺพชภูโต อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ สํสารํ นาติวตฺตติ, อวิชฺชาวิสโทสสํลิตฺโต, กิเลสกลลีภูโต, ราคโทสโมหชฏาชฏิโต.
‘‘ตณฺหาสงฺฆาฏปฏิมุกฺโก, ตณฺหาชาเลน โอตฺถโฏ, ตณฺหาโสเตน วุยฺหติ, ตณฺหาสฺโชเนน สํยุตฺโต, ตณฺหานุสเยน ¶ อนุสโฏ, ตณฺหาสนฺตาเปน สนฺตปฺปติ, ตณฺหาปริฬาเหน ปริฑยฺหติ.
‘‘ทิฏฺิสงฺฆาฏปฏิมุกฺโก, ทิฏฺิชาเลน โอตฺถโฏ, ทิฏฺิโสเตน วุยฺหติ, ทิฏฺิสฺโชเนน สํยุตฺโต, ทิฏฺานุสเยน อนุสโฏ, ทิฏฺิสนฺตาเปน สนฺตปฺปติ, ทิฏฺิปริฬาเหน ปริฑยฺหติ.
‘‘ชาติยา อนุคโต, ชราย อนุสโฏ, พฺยาธินา อภิภูโต, มรเณน อพฺภาหโต, ทุกฺเข ปติฏฺิโต.
‘‘ตณฺหาย อุฑฺฑิโต, ชราปาการปริกฺขิตฺโต, มจฺจุปาเสน ปริกฺขิตฺโต, มหาพนฺธนพทฺโธ, ราคพนฺธเนน โทสโมหมานทิฏฺิกิเลสทุจฺจริตพนฺธเนน พทฺโธ, มหาสมฺพาธปฺปฏิปนฺโน, มหาปลิโพเธน ปลิพุทฺโธ, มหาปปาเต ปติโต, มหากนฺตารปฺปฏิปนฺโน, มหาสํสารปฺปฏิปนฺโน, มหาวิทุคฺเค สมฺปริวตฺตติ, มหาปลิเป ปลิปนฺโน.
‘‘อพฺภาหโต โลกสนฺนิวาโส, อาทิตฺโต โลกสนฺนิวาโส ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, อุนฺนีตโก โลกสนฺนิวาโส หฺติ นิจฺจมตาโณ ปตฺตทณฺโฑ ตกฺกโร, วชฺชพนฺธนพทฺโธ ¶ อาฆาตนปจฺจุปฏฺิโต, อนาโถ โลกสนฺนิวาโส ปรมการฺุปฺปตฺโต, ทุกฺขาภิตุนฺโน จิรรตฺตํ ปีฬิโต, คธิโต นิจฺจํ ปิปาสิโต.
‘‘อนฺโธ ¶ อจกฺขุโก, หตเนตฺโต อปริณายโก, วิปถปกฺขนฺโท อฺชสาปรทฺโธ, มโหฆปกฺขนฺโท.
‘‘ทฺวีหิ ทิฏฺิคเตหิ ปริยุฏฺิโต, ตีหิ ทุจฺจริเตหิ วิปฺปฏิปนฺโน, จตูหิ โยเคหิ โยชิโต, จตูหิ คนฺเถหิ คนฺถิโต, จตูหิ อุปาทาเนหิ อุปาทิยติ, ปฺจคติสมารุฬฺโห, ปฺจหิ กามคุเณหิ รชฺชติ, ปฺจหิ นีวรเณหิ โอตฺถโฏ, ฉหิ ¶ วิวาทมูเลหิ วิวทติ, ฉหิ ตณฺหากาเยหิ รชฺชติ, ฉหิ ทิฏฺิคเตหิ ปริยุฏฺิโต, สตฺตหิ อนุสเยหิ อนุสโฏ, สตฺตหิ สฺโชเนหิ สํยุตฺโต, สตฺตหิ มาเนหิ อุนฺนโต, อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ สมฺปริวตฺตติ, อฏฺหิ มิจฺฉตฺเตหิ นิยฺยาโต, อฏฺหิ ปุริสโทเสหิ ทุสฺสติ, นวหิ อาฆาตวตฺถูหิ อาฆาติโต, นววิธมาเนหิ อุนฺนโต, นวหิ ตณฺหามูลเกหิ ธมฺเมหิ รชฺชติ, ทสหิ กิเลสวตฺถูหิ กิลิสฺสติ, ทสหิ อาฆาตวตฺถูหิ อาฆาติโต, ทสหิ อกุสลกมฺมปเถหิ สมนฺนาคโต, ทสหิ สํโยชเนหิ สํยุตฺโต, ทสหิ มิจฺฉตฺเตหิ นิยฺยาโต, ทสวตฺถุกาย มิจฺฉาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต, ทสวตฺถุกาย อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต, อฏฺสตตณฺหาปปฺเจหิ ปปฺจิโต, ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺิคเตหิ ปริยุฏฺิโต, โลกสนฺนิวาโสติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ.
‘‘อหฺจมฺหิ ติณฺโณ, โลโก จ อติณฺโณ. อหฺจมฺหิ มุตฺโต, โลโก จ อมุตฺโต. อหฺจมฺหิ ทนฺโต, โลโก จ อทนฺโต. อหฺจมฺหิ สนฺโต, โลโก จ อสนฺโต. อหฺจมฺหิ อสฺสตฺโถ, โลโก จ อนสฺสตฺโถ. อหฺจมฺหิ ปรินิพฺพุโต, โลโก จ อปรินิพฺพุโต. ปโหมิ ขฺวาหํ ติณฺโณ ตาเรตุํ, มุตฺโต โมเจตุํ, ทนฺโต ทเมตุํ, สนฺโต สเมตุํ, อสฺสตฺโถ อสฺสาเสตุํ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปตุนฺติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๗-๑๑๘).
เอวํ ¶ เอกูนนวุติยา อากาเรหิ วิภชนํ กตํ.
ยํ ปน ยาวตา ธมฺมธาตุยา ยตฺตกํ าตพฺพํ สงฺขตาสงฺขตาทิกสฺส สพฺพสฺส ปโรปเทสนิรเปกฺขํ ¶ สพฺพากาเรน ปฏิวิชฺฌนสมตฺถํ อากงฺขมตฺตปฺปฏิพทฺธวุตฺติอนฺสาธารณํ ภควโต าณํ สพฺพถา อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติสจฺจาวโพธโต สพฺพฺุตฺาณํ ตตฺถาวรณาภาวโต นิสฺสงฺคปฺปวตฺติมุปาทาย อนาวรณาณนฺติ วุจฺจติ. เอกเมว หิ ตํ าณํ วิสยปฺปวตฺติมุเขน อฺเหิ อสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ ¶ ทุวิเธน อุทฺทิฏฺํ. อฺถา สพฺพฺุตานาวรณาณานํ สาธารณตา สพฺพวิสยตา อาปชฺเชยฺยุํ, น จ ตํ ยุตฺตํ กิฺจาปิ อิมาย ยุตฺติยา. อยฺเหตฺถ ปาฬิ –
‘‘สพฺพํ สงฺขตมสงฺขตํ อนวเสสํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณํ. อตีตํ สพฺพํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณํ. อนาคตํ สพฺพํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณํ. ปจฺจุปฺปนฺนํ สพฺพํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๙-๑๒๐) วิตฺถาโร.
เอวเมตานิ ภควโต ฉอสาธารณาณานิ อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ยถาสกวิสยสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา –
‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, โพชฺฌงฺคา – สติสมฺโพชฺฌงฺโค, ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค, วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค, ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค, ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค, สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค, อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๑๗; สํ. นิ. ๕.๑๘๕) เอวํ สรูปโต, ‘‘ยายํ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานา ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขลฺลิกตฺตกิลมถานุโยคอุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฏิปกฺขภูตา สติอาทิเภทา ธมฺมสามคฺคี, ยาย อริยสาวโก พุชฺฌติ กิเลสนิทฺทาย อุฏฺหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ, สา ธมฺมสามคฺคี โพธีติ วุจฺจติ. ตสฺสา ‘โพธิยา องฺคาติ โพชฺฌงฺคา, อริยสาวโก วา ยถาวุตฺตาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ ¶ กตฺวา โพธีติ วุจฺจติ, ตสฺส โพธิสฺส องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา’’ติ เอวํ สามฺลกฺขณโต. ‘‘อุปฏฺานลกฺขโณ สติสมฺโพชฺฌงฺโค, ปวิจยลกฺขโณ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค, ปคฺคหลกฺขโณ วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค, ผรณลกฺขโณ ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค, อุปสมลกฺขโณ ¶ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค, อวิกฺเขปลกฺขโณ สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค, ปฏิสงฺขานลกฺขโณ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค’’ติ เอวํ วิเสสลกฺขณโต.
‘‘ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? อิธ, ภิกฺขุ ¶ , สติมา โหติ ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคโต, จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา โหติ อนุสฺสริตา’’ติอาทินา (วิภ. ๔๖๗) สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ อฺมฺโปการวเสน เอกกฺขเณ ปวตฺติทสฺสนโต, ‘‘ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? อตฺถิ อชฺฌตฺตํ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ สติ, อตฺถิ พหิทฺธา ธมฺเมสุ สตี’’ติอาทินา เตสํ วิสยวิภาเคน ปวตฺติทสฺสนโต. ‘‘ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิ’’นฺติอาทินา (วิภ. ๔๗๑) ภาวนาวิธิทสฺสนโต. ‘‘ตตฺถ กตเม สตฺต โพชฺฌงฺคา? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ…เป… ตสฺมึ สมเย สตฺต โพชฺฌงฺคา โหนฺติ สติสมฺโพชฺฌงฺโค…เป… อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค. ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? ยา สติ…เป… อนุสฺสตี’’ติอาทินา (วิภ. ๔๗๘-๔๗๙) ฉนฺนวุติยา นยสหสฺสวิภาเคหีติ เอวํ นานาการโต ปวตฺตานิ ภควโต สมฺโพชฺฌงฺควิภาวนาณานิ ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา –
‘‘ตตฺถ กตมํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค. เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธี’’ติ (วิภ. ๒๐๕) เอวํ สรูปโต. สพฺพกิเลเสหิ อารกตฺตา อริยภาวกรตฺตา อริยผลปฺปฏิลาภกรตฺตา จ อริโย, อฏฺวิธตฺตา นิพฺพานาธิคมาย เอกนฺตการณตฺตา จ อฏฺงฺคิโก. กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคตีติ มคฺโคติ เอวํ สามฺลกฺขณโต. ‘‘สมฺมา ทสฺสนลกฺขณา สมฺมาทิฏฺิ, สมฺมา อภินิโรปนลกฺขโณ สมฺมาสงฺกปฺโป, สมฺมา ปริคฺคหณลกฺขณา สมฺมาวาจา, สมฺมา สมุฏฺานลกฺขโณ ¶ สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมา โวทานลกฺขโณ สมฺมาอาชีโว, สมฺมา ปคฺคหลกฺขโณ สมฺมาวายาโม, สมฺมา อุปฏฺานลกฺขณา สมฺมาสติ, สมฺมา อวิกฺเขปลกฺขโณ สมฺมาสมาธี’’ติ เอวํ วิเสสลกฺขณโต ¶ . สมฺมาทิฏฺิ อฺเหิปิ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธึ มิจฺฉาทิฏฺึ ปชหติ, นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรติ, ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหวิธมเนน อสมฺโมหโต สมฺปยุตฺตธมฺเม จ ปสฺสติ. ตถา สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ มิจฺฉาสงฺกปฺปาทีนิ ¶ ปชหนฺติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรนฺติ, สหชาตธมฺมานํ สมฺมาอภินิโรปนปริคฺคหณสมุฏฺานโวทานปคฺคหอุปฏฺานสมาทหนานิ จ กโรนฺตีติ เอวํ กิจฺจวิภาคโต. สมฺมาทิฏฺิ ปุพฺพภาเค นานกฺขณา วิสุํ วิสุํ ทุกฺขาทิอารมฺมณา หุตฺวา มคฺคกาเล เอกกฺขณา นิพฺพานเมว อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจโต ‘‘ทุกฺเข าณ’’นฺติอาทีนิ จตฺตาริ นามานิ ลภติ, สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ปุพฺพภาเค นานกฺขณา นานารมฺมณา มคฺคกาเล เอกกฺขณา เอการมฺมณา.
เตสุ สมฺมาสงฺกปฺโป กิจฺจโต เนกฺขมฺมสงฺกปฺโปติอาทีนิ ตีณิ นามานิ ลภติ, สมฺมาวาจาทโย ตโย ปุพฺพภาเค มุสาวาทาเวรมณีติอาทิวิภาคา วิรติโยปิ เจตนาโยปิ หุตฺวา มคฺคกฺขเณ วิรติโยว, สมฺมาวายามสติโย กิจฺจโต สมฺมปฺปธานสติปฏฺานวเสน จตฺตาริ นามานิ ลภนฺติ. สมฺมาสมาธิ ปน มคฺคกฺขเณปิ ปมชฺฌานาทิวเสน นานา เอวาติ เอวํ ปุพฺพภาคปรภาเคสุ ปวตฺติวิภาคโต, ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมฺมาทิฏฺึ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๔๘๙) ภาวนาวิธิโต, ‘‘ตตฺถ กตโม อฏฺงฺคิโก มคฺโค? อิธ, ภิกฺขุ, ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ…เป… ทุกฺขาปฏิปทํ ทนฺธาภิฺํ, ตสฺมึ สมเย อฏฺงฺคิโก มคฺโค โหติ สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป’’ติอาทินา (วิภ. ๔๙๙) จตุราสีติยา นยสหสฺสวิภาเคหีติ เอวํ อเนกาการโต ปวตฺตานิ ภควโต อริยมคฺควิภาวนาณานิ อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต สพฺพานิปิ ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา ปมชฺฌานสมาปตฺติ ยา จ นิโรธสมาปตฺตีติ เอตาสุ อนุปฏิปาฏิยา วิหริตพฺพฏฺเน สมาปชฺชิตพฺพฏฺเน จ อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺตีสุ สมฺปาทนปจฺจเวกฺขณาทิวเสน ยถารหํ สมฺปโยควเสน จ ปวตฺตานิ ภควโต าณานิ ตทตฺถสิทฺธิยา ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ ¶ . ตถา ¶ ‘‘อิทํ อิมสฺส านํ, อิทํ อฏฺาน’’นฺติ อวิปรีตํ ตสฺส ตสฺส ผลสฺส การณาการณชานนํ, เตสํ เตสํ สตฺตานํ อตีตาทิเภทภินฺนสฺส กมฺมสมาทานสฺส อนวเสสโต ยถาภูตํ วิปากนฺตรชานนํ, อายูหนกฺขเณเยว ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส ‘‘อยํ นิรยคามินี ปฏิปทา…เป… อยํ นิพฺพานคามินี ปฏิปทา’’ติ ยาถาวโต สาสวานาสวกมฺมวิภาคชานนํ, ๐.ขนฺธายตนาทีนํ อุปาทินฺนานุปาทินฺนาทิอเนกสภาวํ นานาสภาวฺจ ตสฺส โลกสฺส ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺมึ ธมฺมปฺปพนฺเธ อยํ วิเสโส ชายตี’’ติอาทินา นเยน ยถาภูตํ ธาตุนานตฺตชานนํ, อนวเสสโต สตฺตานํ หีนาทิอชฺฌาสยาธิมุตฺติชานนํ, สทฺธาทิอินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุตาชานนํ, สํกิเลสาทีหิ สทฺธึ ฌานวิโมกฺขาทิวิเสสชานนํ ¶ , สตฺตานํ อปริมาณาสุ ชาตีสุ ตปฺปฏิพนฺเธน สทฺธึ อนวเสสโต ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตติชานนํ, หีนาทิวิภาเคหิ สทฺธึ จุติปฏิสนฺธิชานนํ, ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว จตุสจฺจชานนนฺติ อิมานิ ภควโต ทสพลาณานิ อวิรชฺฌิตฺวา ยถาสกํ วิสยาวคาหนโต ยถาธิปฺเปตตฺถสาธนโต จ ยถาภูตวุตฺติยา ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อิธ ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทิ (วิภ. ๘๐๙; อ. นิ. ๑๐.๒๑).
เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ยถา เจเตสํ าณานํ วเสน, เอวํ ยถาวุตฺตานํ สติปฏฺานสมฺมปฺปธานวิภาวนาณาทีนํ อนนฺตาปริเมยฺยเภทานํ อนฺสาธารณานํ ปฺาวิเสสานํ วเสน ภควา ตถานิ าณานิ อาคโต อธิคโตติ ตถาคโต. เอวมฺปิ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยา สา ภควโต อภิชาติ อภิสมฺโพธิ ธมฺมวินยปฺาปนา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ, สา ตถา. กึ วุตฺตํ โหติ? ยทตฺถํ โลกนาเถน อภิสมฺโพธิ ปตฺถิตา ปวตฺติตา จ, ตทตฺถสฺส เอกนฺตสิทฺธิยา อวิสํวาทนโต อวิปรีตตฺถวุตฺติยา ตถา อวิตถา อนฺถา. ตถา หิ อยํ ภควา โพธิสตฺตภูโต สมตึสปารมิปริปูรณาทิกํ ¶ วุตฺตปฺปเภทํ สพฺพํ พุทฺธตฺตเหตุํ สมฺปาเทตฺวา ¶ ตุสิตปุเร ิโตว พุทฺธโกลาหลํ สุตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ เอกโต สนฺนิปติตาหิ อุปสงฺกมิตฺวา –
‘‘กาโล เทว มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;
สเทวกํ ตารยนฺโต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๖๗) –
อายาจิโต อุปฺปนฺนปุพฺพนิมิตฺโต ปฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา ‘‘อิทานาหํ มนุสฺสโยนิยํ อุปฺปชฺชิตฺวา อภิสมฺพุชฺฌิสฺสามี’’ติ อาสาฬฺหิปุณฺณมาย สกฺยราชกุเล มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ทส มาเส เทวมนุสฺเสหิ มหตา ปริหาเรน ปริหริยมาโน วิสาขปุณฺณมาย ปจฺจูสสมเย อภิชาตึ ปาปุณิ.
อภิชาติกฺขเณ ¶ ปนสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณกฺขเณ วิย ทฺวตฺตึสปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ. อยฺหิ ทสสหสฺสี โลกธาตุ กมฺปิ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อปฺปมาโณ โอภาโส ผริ, ตสฺส ตํ สิรึ ทฏฺุกามา วิย ชจฺจนฺธา จกฺขูนิ ปฏิลภึสุ, พธิรา สทฺทํ สุณึสุ. มูคา สมาลปึสุ, ขุชฺชา อุชุคตฺตา อเหสุํ, ปงฺคุลา ปทสา คมนํ ปฏิลภึสุ, พนฺธนคตา สพฺพสตฺตา อนฺทุพนฺธนาทีหิ มุจฺจึสุ, สพฺพนิรเยสุ อคฺคิ นิพฺพายิ, เปตฺติวิสเย ขุปฺปิปาสา วูปสมิ, ติรจฺฉานานํ ภยํ นาโหสิ, สพฺพสตฺตานํ โรโค วูปสมิ, สพฺพสตฺตา ปิยํวทา อเหสุํ, มธุเรนากาเรน อสฺสา หสึสุ, วารณา คชฺชึสุ, สพฺพตูริยานิ สกํ สกํ นินฺนาทํ มฺุจึสุ, อฆฏฺฏิตานิ เอว มนุสฺสานํ หตฺถูปคาทีนิ อาภรณานิ มธุเรนากาเรน รวึสุ, สพฺพทิสา วิปฺปสนฺนา อเหสุํ, สตฺตานํ สุขํ อุปฺปาทยมาโน มุทุสีตลวาโต วายิ, อกาลเมโฆ วสฺสิ, ปถวิโตปิ อุทกํ อุพฺภิชฺชิตฺวา วิสฺสนฺทิ, ปกฺขิโน อากาสคมนํ วิชหึสุ, นทิโย อสนฺทมานา อฏฺํสุ, มหาสมุทฺเท มธุรํ อุทกํ อโหสิ, อุปกฺกิเลสวิมุตฺเต สูริเย ทิสฺสมาเน เอว อากาสคตา สพฺพา โชติโย ชลึสุ ¶ , เปตฺวา อรูปาวจเร เทเว อวเสสา สพฺเพ เทวา สพฺเพปิ เนรยิกา ทิสฺสมานรูปา อเหสุํ, ตรุกุฏฺฏกวาฏเสลาทโย อนาวรณภูตา อเหสุํ, สตฺตานํ จุตูปปาตา นาเหสุํ, สพฺพํ อนิฏฺคนฺธํ อภิภวิตฺวา ทิพฺพคนฺโธ วายิ, สพฺเพ ผลูปคา รุกฺขา ผลธรา สมฺปชฺชึสุ, มหาสมุทฺโท ¶ สพฺพตฺถกเมว ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนตโล อโหสิ, ถลชชลชาทีนิ สพฺพปุปฺผานิ ปุปฺผึสุ, รุกฺขานํ ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ, สาขาสุ สาขปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ ปุปฺผึสุ, มหีตเล สิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตฺต สตฺต หุตฺวา ทณฺฑปทุมานิ นาม นิกฺขมึสุ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ นิพฺพตฺตึสุ, สมนฺตโต ปุปฺผวสฺสํ วสฺสิ, อากาเส ทิพฺพตูริยานิ วชฺชึสุ, สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมาลาคุฬํ วิย อุปฺปีเฬตฺวา พทฺธมาลากลาโป วิย อลงฺกตปฺปฏิยตฺตํ มาลาสนํ วิย จ เอกมาลามาลินี วิปฺผุรนฺตวาฬพีชนี ปุปฺผธูปคนฺธปริวาสิตา ปรมโสภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ, ตานิ จ ปุพฺพนิมิตฺตานิ อุปริ อธิคตานํ อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ นิมิตฺตภูตานิ เอว อเหสุํ. เอวํ อเนกจฺฉริยปาตุภาวปฺปฏิมณฺฑิตา จายํ อภิชาติ ยทตฺถํ อเนน อภิสมฺโพธิ ปตฺถิตา, ตสฺสา อภิสมฺโพธิยา เอกนฺตสิทฺธิยา ตถาว อโหสิ อวิตถา อนฺถา.
ตถา เย พุทฺธเวเนยฺยา โพธเนยฺยพนฺธวา, เต สพฺเพปิ อนวเสสโต สยเมว ภควตา วินีตา. เย จ สาวกเวเนยฺยา ธมฺมเวเนยฺยา จ, เตปิ สาวกาทีหิ วินีตา วินยํ คจฺฉนฺติ คมิสฺสนฺติ จาติ ยทตฺถํ ภควตา อภิสมฺโพธิ อภิปตฺถิตา, ตทตฺถสฺส เอกนฺตสิทฺธิยา อภิสมฺโพธิ ตถา อวิตถา อนฺถา.
อปิจ ¶ ยสฺส ยสฺส เยฺยธมฺมสฺส โย โย สภาโว พุชฺฌิตพฺโพ, โส โส หตฺถตเล ปิตอามลกํ วิย อาวชฺชนมตฺตปฺปฏิพทฺเธน อตฺตโน าเณน อวิปรีตํ อนวเสสโต ภควตา อภิสมฺพุทฺโธติ เอวมฺปิ อภิสมฺโพธิ ตถา อวิตถา อนฺถา.
ตถา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ตถา ตถา เทเสตพฺพปฺปการํ เตสํ เตสฺจ สตฺตานํ อาสยานุสยจริตาธิมุตฺตึ สมฺมเทว โอโลเกตฺวา ¶ ธมฺมตํ อวิชหนฺเตเนว ปฺตฺตินยโวหารมคฺคํ อนติธาวนฺเตเนว จ ธมฺมตํ วิภาวนฺเตน ยถาปราธํ ยถาชฺฌาสยํ ยถาธมฺมฺจ อนุสาสนฺเตน ภควตา เวเนยฺยา วินีตา อริยภูมึ สมฺปาปิตาติ ธมฺมวินยปฺาปนาปิสฺส ตทตฺถสิทฺธิยา ยถาภูตวุตฺติยา จ ตถา อวิตถา อนฺถา.
ตถา ¶ ยา สา ภควตา อนุปฺปตฺตา ปถวิยาทิผสฺสเวทนาทิรูปารูปสภาววินิมุตฺตา ลุชฺชนภาวาภาวโต โลกสภาวาตีตา ตมสา วิสํสฏฺตฺตา เกนจิ อโนภาสนียา โลกสภาวาภาวโต เอว คติอาทิภาวรหิตา อปฺปติฏฺา อนารมฺมณา อมตมหานิพฺพานธาตุ ขนฺธสงฺขาตานํ อุปาทีนํ เลสมตฺตสฺสปิ อภาวโต อนุปาทิเสสาติ วุจฺจติ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี น อาโป น เตโช น วาโย น อากาสานฺจายตนํ น วิฺาณฺจายตนํ น อากิฺจฺายตนํ น เนวสฺานาสฺายตนํ นายํ โลโก น ปโร โลโก น จ อุโภ จนฺทิมสูริยา, ตตฺราปาหํ, ภิกฺขเว, เนว อาคตึ วทามิ น คตึ น ิตึ น จุตึ น อุปปตฺตึ, อปฺปติฏฺํ อปฺปวตฺตํ อนารมฺมณเมเวตํ, เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา’’ติ (อุทา. ๗๑).
สา สพฺเพสมฺปิ อุปาทานกฺขนฺธานํ อตฺถงฺคโม, สพฺพสงฺขารานํ สมโถ, สพฺพูปธีนํ ปฏินิสฺสคฺโค, สพฺพทุกฺขานํ วูปสโม, สพฺพาลยานํ สมุคฺฆาโต, สพฺพวฏฺฏานํ อุปจฺเฉโท, อจฺจนฺตสนฺติลกฺขโณติ ยถาวุตฺตสภาวสฺส กทาจิปิ อวิสํวาทนโต ตถา อวิตถา อนฺถา. เอวเมตา อภิชาติอาทิกา ตถา คโต อุปคโต อธิคโต ปฏิปนฺโน ปตฺโตติ ตถาคโต. เอวํ ภควา ตถา คโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถาวิโธติ ตถาคโต? ยถาวิธา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา, อยมฺปิ ภควา ตถาวิโธ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถาวิธา เต ภควนฺโต มคฺคสีเลน ผลสีเลน สพฺเพนปิ โลกิยโลกุตฺตรสีเลน, มคฺคสมาธินา ผลสมาธินา ¶ สพฺเพนปิ โลกิยโลกุตฺตรสมาธินา, มคฺคปฺาย ¶ ผลปฺาย สพฺพายปิ โลกิยโลกุตฺตรปฺาย, เทวสิกํ วลฺชิตพฺเพหิ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติวิหาเรหิ, ตทงฺควิมุตฺติยา, วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา, สมุจฺเฉทวิมุตฺติยา, ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติยา, นิสฺสรณวิมุตฺติยาติ สงฺเขปโต. วิตฺถารโต ปน อนนฺตาปริมาณเภเทหิ อจินฺเตยฺยานุภาเวหิ สกลสพฺพฺุคุเณหิ, อยมฺปิ ¶ อมฺหากํ ภควา ตถาวิโธ. สพฺเพสฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อายุเวมตฺตํ, สรีรปฺปมาณเวมตฺตํ, กุลเวมตฺตํ, ทุกฺกรจริยาเวมตฺตํ, รสฺมิเวมตฺตนฺติ, อิเมหิ ปฺจหิ เวมตฺเตหิ สิยา เวมตฺตํ, น ปน สีลวิสุทฺธิยาทีสุ วิสุทฺธีสุ สมถวิปสฺสนาปฏิปตฺติยํ อตฺตนา ปฏิลทฺธคุเณสุ จ กิฺจิ นานากรณํ อตฺถิ. อถ โข มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย อฺมฺํ นิพฺพิเสสา เต พุทฺธา ภควนฺโต. ตสฺมา ยถาวิธา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา, อยมฺปิ ภควา ตถาวิโธ. เอวํ ตถาวิโธติ ตถาคโต. วิธตฺโถ เจตฺถ คตสทฺโท, ตถา หิ โลกิยา วิธยุตฺตคตสทฺเท ปการตฺเถ วทนฺติ.
กถํ ตถา ปวตฺติโตติ ตถาคโต? อนฺสาธารเณน อิทฺธานุภาเวน สมนฺนาคตตฺตา อตฺถปฺปฏิสมฺภิทาทีนํ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา อนาวรณาณปฺปฏิลาเภน จ ภควโต กายปฺปวตฺติยาทีนํ กตฺถจิ ปฏิฆาตาภาวโต ยถา รุจิ ตถา คตํ คติ คมนํ กายวจีจิตฺตปฺปวตฺติ เอตสฺสาติ ตถาคโต. เอวํ ตถา ปวตฺติโตติ ตถาคโต.
กถํ ตเถหิ อคโตติ ตถาคโต? โพธิสมฺภารสมฺภรเณ ตปฺปฏิปกฺขปฺปวตฺติสงฺขาตํ นตฺถิ เอตสฺส คตนฺติ อคโต. โส ปนสฺส อคตภาโว มจฺเฉรทานปารมิอาทีสุ อวิปรีตํ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณาทินยปฺปวตฺเตหิ าเณหีติ ตเถหิ าเณหิ อคโตติ ตถาคโต.
อถ วา กิเลสาภิสงฺขารปฺปวตฺติสงฺขาตํ ขนฺธปฺปวตฺติสงฺขาตเมว วา ปฺจสุปิ คตีสุ คตํ คมนํ เอตสฺส นตฺถีติ อคโต. สอุปาทิเสสอนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติยา สฺวายมสฺส อคตภาโว ตเถหิ อริยมคฺคาเณหีติ เอวมฺปิ ภควา ตเถหิ อคโตติ ตถาคโต.
กถํ ¶ ตถา คตภาเวน ตถาคโต? ตถา คตภาเวนาติ จ ตถาคตสฺส สพฺภาเวน อตฺถิตายาติ อตฺโถ. โก ปเนส ตถาคโต, ยสฺส อตฺถิตาย ภควา ตถาคโตติ วุจฺจตีติ? สทฺธมฺโม. สทฺธมฺโม หิ อริยมคฺโค ตาว ยถา ยุคนทฺธสมถวิปสฺสนาพเลน อนวเสสโต กิเลสปกฺขํ สมูหนนฺเตน สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน คนฺตพฺพํ ¶ , ตถา คโต. ผลธมฺโม ยถา อตฺตโน มคฺคานุรูปํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปหานวเสน คนฺตพฺพํ, ตถา คโต ปวตฺโต. นิพฺพานธมฺโม ปน ยถา คโต ¶ ปฺาย ปฏิวิทฺโธ สกลวฏฺฏทุกฺขวูปสมาย สมฺปชฺชติ, พุทฺธาทีหิ ตถา คโต สจฺฉิกโตติ ตถาคโต. ปริยตฺติธมฺโมปิ ยถา ปุริมพุทฺเธหิ สุตฺตเคยฺยาทิวเสน ปวตฺติอาทิปฺปกาสนวเสน จ เวเนยฺยานํ อาสยาทิอนุรูปํ ปวตฺติโต, อมฺหากมฺปิ ภควตา ตถา คโต คทิโต ปวตฺติโตติ วา ตถาคโต. ยถา ภควตา เทสิโต, ตถา ภควโต สาวเกหิ คโต อวคโตติ ตถาคโต. เอวํ สพฺโพปิ สทฺธมฺโม ตถาคโต. เตนาห สกฺโก เทวานมินฺโท – ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, ธมฺมํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๑๗; สุ. นิ. ๒๔๐). สฺวาสฺส อตฺถีติ ภควา ตถาคโต.
ยถา จ ธมฺโม, เอวํ อริยสงฺโฆปิ ยถา อตฺตหิตาย ปรหิตาย จ ปฏิปนฺเนหิ สุวิสุทฺธํ ปุพฺพภาคสมถวิปสฺสนาปฏิปทํ ปุรกฺขตฺวา เตน เตน มคฺเคน คนฺตพฺพํ, ตํ ตํ ตถา คโตติ ตถาคโต. ยถา วา ภควตา สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทโย เทสิตา, ตถาว พุทฺธตฺตา ตถา คทนโต จ ตถาคโต. เตนาห สกฺโก เทวราชา – ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, สงฺฆํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ. สฺวาสฺส สาวกภูโต อตฺถีติ ภควา ตถาคโต. เอวํ ตถาคตภาเวน ตถาคโตติ.
อิทมฺปิ จ ตถาคตสฺส ตถาคตภาวทีปเน มุขมตฺตกเมว, สพฺพากาเรน ปน ตถาคโตว ตถาคตสฺส ¶ ตถาคตภาวํ วณฺเณยฺย. อิทฺหิ ตถาคตปทํ มหตฺถํ มหาคติกํ มหาวิสยํ, ตสฺส อปฺปมาทปทสฺส วิย เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ ยุตฺติโต อตฺถภาเวน อาหรนฺโต ‘‘อติตฺเถน ธมฺมกถิโก ปกฺขนฺโท’’ติ น วตฺตพฺโพติ.
ตตฺเถตํ วุจฺจติ –
‘‘ยเถว โลเก ปุริมา มเหสิโน,
สพฺพฺุภาวํ มุนโย อิธาคตา;
ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมา.
‘‘ปหาย ¶ กามาทิมเล อเสสโต,
สมาธิาเณหิ ยถา คตา ชินา;
ปุราตนา ¶ สกฺยมุนี ชุตินฺธโร,
ตถา คโต เตน ตถาคโต มโต.
‘‘ตถฺจ ธาตายตนาทิลกฺขณํ,
สภาวสามฺวิภาคเภทโต;
สยมฺภุาเณน ชิโนยมาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ สกฺยปุงฺคโว.
‘‘ตถานิ สจฺจานิ สมนฺตจกฺขุนา,
ตถา อิทปฺปจฺจยตา จ สพฺพโส;
อนฺเนยฺยา นยโต วิภาวิตา,
ตถา คโต เตน ชิโน ตถาคโต.
‘‘อเนกเภทาสุปิ โลกธาตุสุ,
ชินสฺส รูปายตนาทิโคจเร;
วิจิตฺตเภเท ตถเมว ทสฺสนํ,
ตถาคโต เตน สมนฺตโลจโน.
‘‘ยโต ¶ จ ธมฺมํ ตถเมว ภาสติ,
กโรติ วาจาย นุรูปมตฺตโน;
คุเณหิ โลกํ อภิภุยฺยิรียติ,
ตถาคโต เตนปิ โลกนายโก.
‘‘ตถา ปริฺาย ตถาย สพฺพโส,
อเวทิ โลกํ ปภวํ อติกฺกมิ;
คโต จ ปจฺจกฺขกิริยาย นิพฺพุตึ,
อรียมคฺคฺจ คโต ตถาคโต.
‘‘ตถา ปฏิฺาย ตถาย สพฺพโส,
หิตาย โลกสฺส ยโตยมาคโต;
ตถาย ¶ นาโถ กรุณาย สพฺพทา,
คโต จ เตนาปิ ชิโน ตถาคโต.
‘‘ตถานิ ¶ าณานิ ยโตยมาคโต,
ยถาสภาวํ วิสยาวโพธโต;
ตถาภิชาติปฺปภุตี ตถาคโต,
ตทตฺถสมฺปาทนโต ตถาคโต.
‘‘ยถาวิธา เต ปุริมา มเหสิโน,
ตถาวิโธยมฺปิ ตถา ยถารุจิ;
ปวตฺตวาจา ตนุจิตฺตภาวโต,
ตถาคโต วุจฺจติ อคฺคปุคฺคโล.
‘‘สมฺโพธิสมฺภารวิปกฺขโต ปุเร,
คตํ น สํสารคตมฺปิ ตสฺส วา;
น จตฺถิ นาถสฺส ภวนฺตทสฺสิโน,
ตเถหิ ตสฺมา อคโต ตถาคโต.
‘‘ตถาคโต ธมฺมวโร มเหสินา,
ยถา ปหาตพฺพมลํ ปหียติ;
ตถาคโต อริยคโณปิ สตฺถุโน,
ตถาคโต เตน สมงฺคิภาวโต’’ติ.
มหิทฺธิกตาติ ¶ ปรเมน จิตฺตวสีภาเวน จ อิทฺธิวิธโยเคน ธมฺมานุภาวฺถตฺตนิปฺผาทนสมตฺถตาสงฺขาตาย มหติยา อิทฺธิยา สมนฺนาคโม มหิทฺธิกตา. จิรกาลสมฺภูเตน สุวิทูรปฺปฏิปกฺเขน อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺติเหตุภูเตน มหาชุติเกน ปฺุเตเชน สมนฺนาคโม มหานุภาวตา. ยตฺราติ อจฺฉริยปสํสาโกตุหลหาสปสาทิโก ปจฺจตฺตตฺเถ นิปาโต. เตน ยุตฺตตฺตา วิชายิสฺสตีติ อนาคตกาลวจนํ, อตฺโถ ปน อตีตกาโลเยว. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยา หิ นาม อยํ สุปฺปวาสา ตถา ทุกฺขนิมุคฺคา กิจฺฉาปนฺนา ภควโต วจนสมกาลเมว สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายีติ. อตฺตมโนติ สกมโน, ภควติ ปสาเทน กิเลสรหิตจิตฺโตติ ¶ อตฺโถ. กิเลสปริยุฏฺิตฺหิ จิตฺตํ วเส อวตฺตนโต อตฺตมโนติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ. อตฺตมโนติ วา ปีติโสมนสฺเสหิ คหิตมโน. ปมุทิโตติ ปาโมชฺเชน ¶ ยุตฺโต. ปีติโสมนสฺสชาโตติ ชาตพลวปีติโสมนสฺโส. อถาติ ปจฺฉา, ตโต กติปาหสฺส อจฺจเยน. สตฺตภตฺตานีติ สตฺตสุ ทิวเสสุ ทาตพฺพภตฺตานิ. สฺวาตนายาติ สฺวาตนปฺุตฺถํ, ยํ สฺเว พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทานวเสน ปยิรุปาสนวเสน จ ภวิสฺสติ ปฺุํ ตทตฺถํ.
อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อามนฺเตสีติ กสฺมา อามนฺเตสิ? สุปฺปวาสาย สามิกสฺส ปสาทรกฺขณตฺถํ. สุปฺปวาสา ปน อจลปฺปสาทาว, อุปาสกสฺส ปน ปสาทรกฺขณํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส ภาโร. เตนาห ‘‘ตุยฺเหโส อุปฏฺาโก’’ติ. ตตฺถ ตุยฺเหโสติ ตุยฺหํ เอโส. ติณฺณํ ธมฺมานํ ปาฏิโภโคติ มม โภคาทีนํ ติณฺณํ ธมฺมานํ อหานิยา อวินาสาย อยฺโย มหาโมคฺคลฺลาโน ยทิ ปาฏิโภโค ยทิ ปติภู, อิโต สตฺต ทิวเส อติกฺกมิตฺวา มม สกฺกา ทานํ ทาตุนฺติ ยทิ อยฺเยน าตนฺติ ทีเปติ. เถโรปิ ตสฺส เตสุ ทิวเสสุ โภคานํ ชีวิตสฺส จ อนุปทฺทวํ ปสฺสิตฺวา อาห – ‘‘ทฺวินฺนํ โข เนสํ, อาวุโส, ธมฺมานํ ปาฏิโภโค โภคานฺจ ชีวิตสฺส จา’’ติ. สทฺธา ปนสฺส จิตฺตปฺปฏิพทฺธาติ ตสฺเสว ภารํ กโรนฺโต ‘‘สทฺธาย ปน ตฺวฺเว ปาฏิโภโค’’ติ อาห. อปิ จ โส อุปาสโก ทิฏฺสจฺโจ, ตสฺส สทฺธาย อฺถาภาโว นตฺถีติ ตถา วุตฺตํ. เตเนว จ การเณน ภควตา ‘‘ปจฺฉาปิ ตฺวํ กริสฺสสีติ สฺาเปหี’’ติ วุตฺตํ. อุปาสโกปิ ¶ สตฺถริ เถเร จ คารเวน สุพฺพจตาย ตสฺสา จ ปฺุเน วฑฺฒึ อิจฺฉนฺโต ‘‘กโรตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต ภตฺตานิ, ปจฺฉาหํ กริสฺสามี’’ติ อนุชานิ.
ตฺจ ทารกนฺติ วิชาตทิวสโต ปฏฺาย เอกาทสมํ ทิวสํ อติกฺกมิตฺวา ตโต ปรํ สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ โภเชตฺวา สตฺตเม ทิวเส ตํ สตฺตวสฺสิกํ ทารกํ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ วนฺทาเปสิ. สตฺต เม วสฺสานีติ สตฺต เม สํวจฺฉรานิ, อจฺจนฺตสํโยควเสน เจตํ อุปโยควจนํ. โลหิตกุมฺภิยํ วุตฺถานีติ มาตุกุจฺฉิยํ อตฺตโน คพฺภวาสทุกฺขํ สนฺธาย วทติ. อฺานิปิ เอวรูปานิ สตฺต ปุตฺตานีติ ‘‘อฺเปิ เอวรูเป สตฺต ปุตฺเต’’ติ วตฺตพฺเพ ลิงฺควิปลฺลาสวเสน วุตฺตํ ‘‘เอวรูปานี’’ติ. เอวํ สตฺต วสฺสานิ คพฺภธารณวเสน สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภตาย จ มหนฺตํ ทุกฺขํ ¶ ปาเปตฺวา อุปฺปชฺชนกปุตฺเตติ อตฺโถ. เอเตน มาตุคามานํ ปุตฺตโลลตาย ปุตฺตลาเภน ติตฺติ นตฺถีติ ทสฺเสติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ สตฺตทิวสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ คพฺภธารณาทิวเสน ปวตฺตํ ¶ มหนฺตํ ทุกฺขํ เอกปเท วิสริตฺวา ปุตฺตโลลตาวเสน ตาย วุตฺตมตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ จิตฺตสุขปฺปมตฺโต วิย ปมตฺตปุคฺคเล อิฏฺากาเรน วฺเจตฺวา ตณฺหาสิเนหสฺส มหานตฺถกรภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อสาตนฺติ อมธุรํ อสุนฺทรํ อนิฏฺํ. สาตรูเปนาติ อิฏฺสภาเวน. ปิยรูเปนาติ ปิยายิตพฺพภาเวน. สุขสฺส รูเปนาติ สุขสภาเวน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา อสาตํ อปฺปิยํ ทุกฺขเมว สมานํ สกลมฺปิ วฏฺฏคตํ สงฺขารชาตํ อปฺปหีนวิปลฺลาสตฺตา อโยนิโสมนสิกาเรน อิฏฺํ วิย ปิยํ วิย สุขํ วิย จ หุตฺวา อุปฏฺหมานํ สติวิปฺปวาเสน ปมตฺตปุคฺคลํ อติวตฺตติ อภิภวติ อชฺโฌตฺถรติ, ตสฺมา อิมมฺปิ สุปฺปวาสํ ปุนปิ สตฺตกฺขตฺตุํ เอวรูปํ อสาตํ อปฺปิยํ ทุกฺขํ สาตาทิปติรูปเกน ทุกฺเขน ปุตฺตสงฺขาตเปมวตฺถุสุเขน อชฺโฌตฺถรตีติ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. วิสาขาสุตฺตวณฺณนา
๑๙. นวเม ¶ ปุพฺพาราเมติ สาวตฺถิยา ปาจีนทิสาภาเค อนุราธปุรสฺส อุตฺตมเทวีวิหารสทิเส าเน การิเต อาราเม. มิคารมาตุปาสาเทติ มิคารมาตุยา ปาสาเท.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อตีเต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก ปทุมุตฺตรทสพลํ เอกา อุปาสิกา อฺตรํ อุปาสิกํ อตฺตโน อคฺคุปฏฺายิกฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ภควนฺตํ นิมนฺเตตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสตสหสฺสสฺส ทานํ ทตฺวา ภควโต นิปจฺจการํ กตฺวา ‘‘อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส ¶ พุทฺธสฺส อคฺคุปฏฺายิกา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล ภทฺทิยนคเร เมณฺฑกเสฏฺิปุตฺตสฺส ธนฺชยเสฏฺิโน เคเห สุมนเทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ชาตกาเล จสฺสา วิสาขาติ นามํ อกํสุ. สา ยทา ภควา ภทฺทิยนครํ อคมาสิ, ตทา ปฺจหิ ทาริกาสเตหิ สทฺธึ ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปมทสฺสเนเนว โสตาปนฺนา อโหสิ.
อปรภาเค สาวตฺถิยํ มิคารเสฏฺิปุตฺตสฺส ปุณฺณวฑฺฒนกุมารสฺส เคหํ คตา, ตตฺถ นํ สสุโร มิคารเสฏฺิ ¶ อุปการวเสน มาตุฏฺาเน เปสิ. ตสฺมา มิคารมาตาติ วุจฺจติ. สา อตฺตโน มหลฺลตาปสาธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา นวโกฏีหิ ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ วสนตฺถาย กรีสมตฺเต ภูมิภาเค อุปริภูมิยํ ปฺจคพฺภสตานิ เหฏฺาภูมิยํ ปฺจคพฺภสตานีติ คพฺภสหสฺเสหิ ปฏิมณฺฑิตํ ปาสาทํ กาเรสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘มิคารมาตุปาสาเท’’ติ.
โกจิเทว อตฺโถติ กิฺจิเทว ปโยชนํ. รฺเติ ราชินิ. ปฏิพทฺโธติ อายตฺโต. วิสาขาย าติกุลโต มณิมุตฺตาทิรจิตํ ตาทิสํ ภณฺฑชาตํ ตสฺสา ปณฺณาการตฺถาย เปสิตํ, ตํ ¶ นครทฺวารปฺปตฺตํ สุงฺกิกา ตตฺถ สุงฺกํ คณฺหนฺตา ตทนุรูปํ อคฺคเหตฺวา อติเรกํ คณฺหึสุ. ตํ สุตฺวา วิสาขา รฺโ ตมตฺถํ นิเวเทตุกามา ปติรูปปริวาเรน ราชนิเวสนํ อคมาสิ, ตสฺมึ ขเณ ราชา มลฺลิกาย เทวิยา สทฺธึ อนฺเตปุรํ คโต โหติ. วิสาขา โอกาสํ อลภมานา ‘‘อิทานิ ลภิสฺสามิ, อิทานิ ลภิสฺสามี’’ติ โภชนเวลํ อติกฺกมิตฺวา ฉินฺนภตฺตา หุตฺวา ปกฺกามิ. เอวํ ทฺวีหตีหํ คนฺตฺวาปิ โอกาสํ น ลภิเยว. อิติ ราชา อนิเวทิโตปิ ตสฺส อตฺถวินิจฺฉยสฺส โอกาสากรเณน ‘‘ยถาธิปฺปายํ น ตีเรตี’’ติ วุตฺโต. ตตฺถ ยถาธิปฺปายนฺติ อธิปฺปายานุรูปํ. น ตีเรตีติ น นิฏฺาเปติ. มหาอุปาสิกาย หิ ราชายตฺตสุงฺกเมว รฺโ ทตฺวา อิตรํ วิสฺสชฺชาเปตุํ อธิปฺปาโย, โส รฺา น ทิฏฺตฺตา เอว น ตีริโต. หนฺทาติ โวสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺส ทิวา, มชฺฌนฺหิเก กาเลติ อตฺโถ. เกนจิเทว กรณีเยน ทฺวีหตีหํ ราชนิเวสนทฺวารํ คจฺฉนฺตี ตสฺส อตฺถสฺส อนิฏฺิตตฺตา นิรตฺถกเมว อุปสงฺกมึ ¶ , ภควติ อุปสงฺกมนเมว ปน ทสฺสนานุตฺตริยาทิปฺปฏิลาภการณตฺตา สาตฺถกนฺติ เอวาหํ, ภนฺเต, อิมาย เวลาย อิธาคตาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺตี มหาอุปาสิกา ‘‘อิธ เม, ภนฺเต’’ติอาทิมาห.
เอตมตฺถนฺติ เอตํ ปรายตฺตตาย อธิปฺปายาสมิชฺฌนสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ปราธีนาปราธีนวุตฺตีสุ อาทีนวานิสํสปริทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สพฺพํ ปรวสํ ทุกฺขนฺติ ยํ กิฺจิ อตฺถชาตํ ปโยชนํ ปรวสํ ปรายตฺตํ อตฺตโน อิจฺฉาย นิปฺผาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุกฺขํ ทุกฺขาวหํ โหตีติ อตฺโถ. สพฺพํ อิสฺสริยํ สุขนฺติ ทุวิธํ อิสฺสริยํ โลกิยํ โลกุตฺตรฺจ. ตตฺถ โลกิยํ ราชิสฺสริยาทิ เจว โลกิยชฺฌานาภิฺานิพฺพตฺตํ จิตฺติสฺสริยฺจ, โลกุตฺตรํ มคฺคผลาธิคมนิมิตฺตํ นิโรธิสฺสริยํ. เตสุ ยํ จกฺกวตฺติภาวปริโยสานํ มนุสฺเสสุ อิสฺสริยํ, ยฺจ สกฺกาทีนํ ตสฺมึ ตสฺมึ เทวนิกาเย อาธิปจฺจภูตํ อิสฺสริยํ, ตทุภยํ ยทิปิ กมฺมานุภาเวน ยถิจฺฉิตนิปฺผตฺติยา สุขนิมิตฺตตาย ¶ สุขํ, วิปริณามทุกฺขตาย ปน สพฺพถา ทุกฺขเมว. ตถา อนิจฺจนฺติกตาย ¶ โลกิยชฺฌานนิพฺพตฺตํ จิตฺติสฺสริยํ, นิโรธิสฺสริยเมว ปน โลกธมฺเมหิ อกมฺปนียโต อนิวตฺติสภาวตฺตา จ เอกนฺตสุขํ นาม. ยํ ปเนตฺถ สพฺพตฺเถว อปราธีนตาย ลภติ จิตฺตสุขํ, ตํ สนฺธาย สตฺถา ‘‘สพฺพํ อิสฺสริยํ สุข’’นฺติ อาห.
สาธารเณ วิหฺนฺตีติ อิทํ ‘‘สพฺพํ ปรวสํ ทุกฺข’’นฺติ อิมสฺส ปทสฺส อตฺถวิวรณํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – สาธารเณ ปโยชเน สาเธตพฺเพ สติ ตสฺส ปราธีนตาย ยถาธิปฺปายํ อนิปฺผาทนโต อิเม สตฺตา วิหฺนฺติ วิฆาตํ อาปชฺชนฺติ กิลมนฺติ. กสฺมา? โยคา หิ ทุรติกฺกมาติ ยสฺมา กามโยคภวโยคทิฏฺิโยคอวิชฺชาโยคา อนาทิกาลภาวิตา อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ปชหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุรติกฺกมา. เอเตสุ ทิฏฺิโยโค ปมมคฺเคน อติกฺกมิตพฺโพ, กามโยโค ตติยมคฺเคน. อิตเร อคฺคมคฺเคน. อิติ อริยมคฺคานํ ทุรธิคมนียตฺตา อิเม โยคา ทุรติกฺกมา. ตสฺมา กามโยคาทิวเสน อิจฺฉิตาลาภเหตุ สตฺตา วิหฺนฺติ, อสาธารเณ ปน จิตฺติสฺสริเย ¶ นิโรธิสฺสริเย จ สติ น กทาจิปิ วิฆาตสฺส สมฺภโวติ อธิปฺปาโย.
อถ วา สพฺพํ ปรวสนฺติ ยํ อตฺตโน อฺปฺปฏิพทฺธวุตฺติสงฺขาตํ, ตํ สพฺพํ อนิจฺจสภาวตาย ทุกฺขํ. ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺข’’นฺติ หิ วุตฺตํ. สพฺพํ อิสฺสริยนฺติ ยํ สพฺพสงฺขตนิสฺสฏํ อิสฺสริยฏฺานตาย อิสฺสริยนฺติ ลทฺธนามํ นิพฺพานํ, ตํ อุปาทิเสสาทิวิภาคํ สพฺพํ สุขํ. ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ธ. ป. ๒๐๓-๒๐๔) หิ วุตฺตํ. สาธารเณติ เอวํ ทุกฺขสุเข ววตฺถิเต อิเม สตฺตา พหุสาธารเณ ทุกฺขการเณ นิมุคฺคา หุตฺวา วิหฺนฺติ. กสฺมา? โยคา หิ ทุรติกฺกมาติ ยสฺมา เต สพฺพตฺถ นิมุชฺชนสฺส เหตุภูตา กามโยคาทโย ทุรติกฺกมา, ตสฺมา ตฺวมฺปิ วิสาเข ปรายตฺตมตฺถํ ปตฺเถตฺวา อลภมานา วิหฺสีติ อธิปฺปาโย.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ภทฺทิยสุตฺตวณฺณนา
๒๐. ทสเม ¶ ¶ อนุปิยายนฺติ เอวํ นามเก นคเร. อมฺพวเนติ ตสฺส นครสฺส อวิทูเร มลฺลราชูนํ เอกํ อมฺพวนํ อโหสิ, ตตฺถ มลฺลราชูหิ ภควโต วิหาโร การิโต, โส ‘‘อมฺพวน’’นฺตฺเวว วุจฺจติ. อนุปิยํ โคจรคามํ กตฺวา ตตฺถ ภควา วิหรติ, เตน วุตฺตํ ‘‘อนุปิยายํ วิหรติ อมฺพวเน’’ติ. ภทฺทิโยติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. กาฬีโคธาย ปุตฺโตติ กาฬีโคธา นาม สากิยานี สกฺยราชเทวี อริยสาวิกา อาคตผลา วิฺาตสาสนา, ตสฺสา อยํ ปุตฺโต. ตสฺส ปพฺพชฺชาวิธิ ขนฺธเก (จูฬว. ๓๓๐-๓๓๑) อาคโตว. โส ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา น จิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ, เตรสปิ ธุตงฺคานิ สมาทาย วตฺตติ. ภควตา จ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อุจฺจกุลิกานํ, ยทิทํ ภทฺทิโย กาฬีโคธาย ปุตฺโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๓) อุจฺจกุลิกภาเว เอตทคฺเค ปิโต อสีติยา สาวกานํ อพฺภนฺตโร.
สฺุาคารคโตติ ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ อวเสสํ อรฺ’’นฺติ วุตฺตํ อรฺํ รุกฺขมูลฺจ เปตฺวา อฺํ ปพฺพตกนฺทราทิ ปพฺพชิตสารุปฺปํ นิวาสฏฺานํ ¶ ชนสมฺพาธาภาวโต อิธ สฺุาคารนฺติ อธิปฺเปตํ. อถ วา ฌานกณฺฏกานํ สทฺทานํ อภาวโต วิวิตฺตํ ยํ กิฺจิ อคารมฺปิ สฺุาคารนฺติ เวทิตพฺพํ. ตํ สฺุาคารํ อุปคโต. อภิกฺขณนฺติ พหุลํ. อุทานํ อุทาเนสีติ โส หิ อายสฺมา อรฺเ ทิวาวิหารํ อุปคโตปิ รตฺติวาสูปคโตปิ เยภุยฺเยน ผลสมาปตฺติสุเขน นิโรธสุเขน จ วีตินาเมติ, ตสฺมา ตํ สุขํ สนฺธาย ปุพฺเพ อตฺตนา อนุภูตํ สภยํ สปริฬาหํ รชฺชสุขํ ชิคุจฺฉิตฺวา ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติ โสมนสฺสสหิตํ าณสมุฏฺานํ ปีติสมุฏฺานํ สมุคฺคิรติ.
สุตฺวาน เนสํ เอตทโหสีติ เนสํ สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ ตสฺส อายสฺมโต ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อุทาเนนฺตสฺส อุทานํ สุตฺวา ‘‘นิสฺสํสยํ เอส อนภิรโต พฺรหฺมจริยํ จรตี’’ติ เอวํ ปริวิตกฺกิตํ อโหสิ. เต ภิกฺขู ปุถุชฺชนา ตสฺส อายสฺมโต วิเวกสุขํ สนฺธาย อุทานํ อชานนฺตา ¶ เอวํ อมฺึสุ, เตน วุตฺตํ ‘‘นิสฺสํสย’’นฺติอาทิ. ตตฺถ นิสฺสํสยนฺติ อสนฺเทเหน เอกนฺเตนาติ อตฺโถ. ‘‘ยํ โส ปุพฺเพ อคาริยภูโต สมาโน’’ติ ปาฬึ วตฺวา ‘‘อนุภวี’’ติ วจนเสเสน เกจิ อตฺถํ วณฺเณนฺติ, อปเร ‘‘ยํ สา’’ติ ปนฺติ, ‘‘ยํส ปุพฺเพ อคาริยภูตสฺสา’’ติ ปน ปาฬิ. ตตฺถ ยํสาติ ยํ อสฺส, สนฺธิวเสน หิ อการสการโลโป ‘‘เอวํส เต (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘), ปุปฺผํสา อุปฺปชฺชี’’ติอาทีสุ ¶ (ปารา. ๓๖) วิย. ตสฺสตฺโถ – อสฺส อายสฺมโต ภทฺทิยสฺส ปพฺพชิตโต ปุพฺเพ อคาริยภูตสฺส คหฏฺสฺส สโต ยํ รชฺชสุขํ อนุภูตํ. สา ตมนุสฺสรมาโนติ โส ตํ สุขํ เอตรหิ อุกฺกณฺนวเสน อนุสฺสรนฺโต.
เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุนฺติ เต สมฺพหุลา ภิกฺขู อุลฺลปนสภาวสณฺิตา ตสฺส อนุคฺคหณาธิปฺปาเยน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ, น อุชฺฌานวเสน. อฺตรนฺติ นามโคตฺเตน อปากฏํ เอกํ ภิกฺขุํ. อามนฺเตสีติ อาณาเปสิ เต ภิกฺขู สฺาเปตุกาโม. เอวนฺติ วจนสมฺปฏิคฺคเห, สาธูติ อตฺโถ. ปุน เอวนฺติ ปฏิฺาย. อภิกฺขณํ ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ ยถา เต ภิกฺขู วทนฺติ, ตํ เอวํ ตเถวาติ อตฺตโน อุทานํ ปฏิชานาติ. กึ ปน ตฺวํ ภทฺทิยาติ กสฺมา ภควา ปุจฺฉติ, กึ ตสฺส จิตฺตํ น ชานาตีติ ¶ ? โน น ชานาติ, เตเนว ปน ตมตฺถํ วทาเปตฺวา เต ภิกฺขู สฺาเปตุํ ปุจฺฉติ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺตี’’ติอาทิ. อตฺถวสนฺติ การณํ.
อนฺเตปุเรติ อิตฺถาคารสฺส สฺจรณฏฺานภูเต ราชเคหสฺส อพฺภนฺตเร, ยตฺถ ราชา นฺหานโภชนสยนาทึ กปฺเปติ. รกฺขา สุสํวิหิตาติ อารกฺขาทิกตปุริเสหิ คุตฺติ สุฏฺุ สมนฺตโต วิหิตา. พหิปิ อนฺเตปุเรติ อฑฺฑกรณฏฺานาทิเก อนฺเตปุรโต พหิภูเต ราชเคเห. เอวํ รกฺขิโต โคปิโต สนฺโตติ เอวํ ราชเคหราชธานิรชฺชเทเสสุ อนฺโต จ พหิ จ อเนเกสุ าเนสุ อเนกสเตหิ สุสํวิหิตรกฺขาวรณคุตฺติยา มเมว นิพฺภยตฺถํ ผาสุวิหารตฺถํ รกฺขิโต โคปิโต สมาโน. ภีโตติอาทีนิ ปทานิ อฺมฺเววจนานิ. อถ ¶ วา ภีโตติ ปรราชูหิ ภายมาโน. อุพฺพิคฺโคติ สกรชฺเชปิ ปกติโต อุปฺปชฺชนกภยุพฺเพเคน อุพฺพิคฺโค จลิโต. อุสฺสงฺกีติ ‘‘รฺา นาม สพฺพกาลํ อวิสฺสตฺเถน ภวิตพฺพ’’นฺติ วจเนน สพฺพตฺถ อวิสฺสาสวเสน เตสํ เตสํ กิจฺจกรณียานํ ปจฺจยปริสงฺกาย จ อุทฺธมุขํ สงฺกมาโน. อุตฺราสีติ ‘‘สนฺติกาวจเรหิปิ อชานนฺตสฺเสว เม กทาจิ อนตฺโถ ภเวยฺยา’’ติ อุปฺปนฺเนน สรีรกมฺปํ อุปฺปาทนสมตฺเถน ตาเสน อุตฺราสี. ‘‘อุตฺรสฺโต’’ติปิ ปนฺติ. วิหาสินฺติ เอวํภูโต หุตฺวา วิหรึ.
เอตรหีติ อิทานิ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย. เอโกติ อสหาโย, เตน วูปกฏฺกายตํ ทสฺเสติ. อภีโตติอาทีนํ ปทานํ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ภยาทินิมิตฺตสฺส ปริคฺคหสฺส ตํ นิมิตฺตสฺส จ กิเลสสฺส อภาเวเนวสฺส อภีตาทิตาติ. เอเตน จิตฺตวิเวกํ ทสฺเสติ ¶ . อปฺโปสฺสุกฺโกติ สรีรคุตฺติยํ นิรุสฺสุกฺโก. ปนฺนโลโมติ โลมหํสุปฺปาทกสฺส ฉมฺภิตตฺตสฺส อภาเวน อนุคฺคตโลโม. ปททฺวเยนปิ เสริวิหารํ ทสฺเสติ. ปรทตฺตวุตฺโตติ ปเรหิ ทินฺเนน จีวราทินา วตฺตมาโน, เอเตน สพฺพโส สงฺคาภาวทีปนมุเขน อนวเสสภยเหตุวิรหํ ทสฺเสติ. มิคภูเตน เจตสาติ วิสฺสตฺถวิหาริตาย มิคสฺส วิย ชาเตน จิตฺเตน. มิโค หิ อมนุสฺสปเถ อรฺเ วสมาโน ¶ วิสฺสตฺโถ ติฏฺติ, นิสีทติ, นิปชฺชติ, เยนกามฺจ ปกฺกมติ อปฺปฏิหตจาโร, เอวํ อหมฺปิ วิหรามีติ ทสฺเสติ. วุตฺตฺเหตํ ปจฺเจกพุทฺเธน –
‘‘มิโค อรฺมฺหิ ยถา อพทฺโธ,
เยนิจฺฉกํ คจฺฉติ โคจราย;
วิฺู นโร เสริตํ เปกฺขมาโน,
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ. (สุ. นิ. ๓๙; อป. เถร ๑.๑.๙๕);
อิมํ โข อหํ, ภนฺเต, อตฺถวสนฺติ, ภนฺเต, ภควา ยทิทํ มม เอตรหิ ปรมํ วิเวกสุขํ ผลสมาปตฺติสุขํ, อิทเมว การณํ สมฺปสฺสมาโน ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อุทานํ อุทาเนสินฺติ.
เอตมตฺถนฺติ เอตํ ภทฺทิยตฺเถรสฺส ¶ ปุถุชฺชนวิสยาตีตํ วิเวกสุขสงฺขาตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิทํ สเหตุกภยโสกวิคมานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปาติ ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส อนฺตรโต อพฺภนฺตเร อตฺตโน จิตฺเต จิตฺตกาลุสฺสิยกรณโต จิตฺตปฺปโกปา ราคาทโย อาฆาตวตฺถุอาทิการณเภทโต อเนกเภทา โทสโกปา เอว โกปา น สนฺติ มคฺเคน ปหีนตฺตา น วิชฺชนฺติ. อยฺหิ อนฺตรสทฺโท กิฺจาปิ ‘‘มฺจ ตฺวฺจ กิมนฺตร’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๒๘) การเณ ทิสฺสติ, ‘‘อนฺตรฏฺเก หิมปาตสมเย’’ติอาทีสุ (มหาว. ๓๔๖) เวมชฺเฌ, ‘‘อนฺตรา จ เชตวนํ อนฺตรา จ สาวตฺถิ’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๑๓, ๔๔) วิวเร, ‘‘ภยมนฺตรโต ชาต’’นฺติอาทีสุ (อิติวุ. ๘๘; มหานิ. ๕) จิตฺเต, อิธาปิ จิตฺเต เอว ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนฺตรโต อตฺตโน จิตฺเต’’ติ.
อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโตติ ยสฺมา ภโวติ สมฺปตฺติ, อภโวติ วิปตฺติ. ตถา ภโวติ ¶ วุทฺธิ, อภโวติ หานิ. ภโวติ วา สสฺสตํ, อภโวติ อุจฺเฉโท. ภโวติ วา ปฺุํ, อภโวติ ปาปํ. ภโวติ วา สุคติ, อภโวติ ทุคฺคติ. ภโวติ วา ขุทฺทโก, อภโวติ มหนฺโต. ตสฺมา ยา สา สมฺปตฺติวิปตฺติวุฑฺฒิหานิสสฺสตุจฺเฉทปฺุปาปสุคติทุคฺคติ- ขุทฺทกมหนฺตอุปปตฺติภวานํ วเสน อิติ อเนกปฺปการา ภวาภวตา วุจฺจติ. จตูหิปิ ¶ อริยมคฺเคหิ ยถาสมฺภวํ เตน เตน นเยน ตํ อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโต อติกฺกนฺโต โหติ. อตฺถวเสน วิภตฺติ วิปริณาเมตพฺพา. ตํ วิคตภยนฺติ ตํ เอวรูปํ ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคตํ ขีณาสวํ จิตฺตโกปาภาวโต อิติภวาภวสมติกฺกมโต จ ภยเหตุวิคเมน วิคตภยํ, วิเวกสุเขน อคฺคผลสุเขน จ สุขึ, วิคตภยตฺตา เอว อโสกํ. เทวา นานุภวนฺติ ทสฺสนายาติ อธิคตมคฺเค เปตฺวา สพฺเพปิ อุปปตฺติเทวา วายมนฺตาปิ จิตฺตจารทสฺสนวเสน ทสฺสนาย ทฏฺุํ นานุภวนฺติ น อภิสมฺภุณนฺติ น สกฺโกนฺติ, ปเคว มนุสฺสา. เสกฺขาปิ หิ ปุถุชฺชนา วิย อรหโต จิตฺตปฺปวตฺตึ น ชานนฺติ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ มุจลินฺทวคฺควณฺณนา.