📜

๓. นนฺทวคฺโค

๑. กมฺมวิปากชสุตฺตวณฺณนา

๒๑. นนฺทวคฺคสฺส ปเม อฺตโร ภิกฺขูติ นามโคตฺเตน อปากโฏ เอโก ขีณาสวภิกฺขุ. โส กิร ราชคหวาสี กุลปุตฺโต โมคฺคลฺลานตฺเถเรน สํเวชิโต สํสารโทสํ ทิสฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สีลานิ โสเธตฺวา จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา น จิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺส อปรภาเค ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิ, โส ปจฺจเวกฺขณาย อธิวาเสนฺโต วิหรติ. ขีณาสวานฺหิ เจตสิกทุกฺขํ นาม นตฺถิ, กายิกทุกฺขํ ปน โหติเยว. โส เอกทิวสํ ภควโต ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส นาติทูเร าเน ทุกฺขํ อธิวาเสนฺโต ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ภควโต อวิทูเร นิสินฺโน โหตี’’ติอาทิ.

ตตฺถ ปลฺลงฺกนฺติ สมนฺตโต อูรุพทฺธาสนํ. อาภุชิตฺวาติ พนฺธิตฺวา. อุชุํ กายํ ปณิธายาติ อุปริมํ สรีรํ อุชุกํ เปตฺวา อฏฺารส ปิฏฺิกณฺฏเก โกฏิยา โกฏึ ปฏิปาเทตฺวา. เอวฺหิ นิสินฺนสฺส จมฺมมํสนฺหารูนิ น นมนฺติ, ตสฺมา โส ตถา นิสินฺโน โหติ. ปุราณกมฺมวิปากชนฺติ ปุพฺเพ กตสฺส กมฺมสฺส วิปากภาเวน ชาตํ, ปุราณกมฺมวิปาเก วา สุขทุกฺขปฺปกาเร วิปากวฏฺฏสมุทาเย ตเทกเทสภาเวน ชาตํ. กึ ตํ? ทุกฺขํ. ปุราณกมฺมวิปากชนฺติ จ อิมินา ตสฺส อาพาธสฺส กมฺมสมุฏฺานตํ ทสฺเสนฺโต โอปกฺกมิกอุตุวิปริณามชาทิภาวํ ปฏิกฺขิปติ. ทุกฺขนฺติ ปจุรชเนหิ ขมิตุํ อสกฺกุเณยฺยํ. ติพฺพนฺติ ติขิณํ, อภิภวิตฺวา ปวตฺติยา พหลํ วา. ขรนฺติ กกฺขฬํ. กฏุกนฺติ อสาตํ. อธิวาเสนฺโตติ อุปริ วาเสนฺโต สหนฺโต ขมนฺโต.

สโต สมฺปชาโนติ เวทนาปริคฺคาหกานํ สติสมฺปชฺานํ วเสน สติมา สมฺปชานนฺโต จ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อยํ เวทนา นาม หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา, อนิฏฺารมฺมณาทิปจฺจเย ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนตฺตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา, อุปฺปชฺชิตฺวา เอกนฺเตน ภิชฺชนสภาวตฺตา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา’’ติ เวทนาย อนิจฺจตาสลฺลกฺขณวเสน สโตการิตาย สโต, อวิปรีตสภาวปฏิวิชฺฌนวเสน สมฺปชาโน จ หุตฺวา. อถ วา สติเวปุลฺลปตฺติยา สพฺพตฺเถว กายเวทนาจิตฺตธมฺเมสุ สุฏฺุ อุปฏฺิตสติตาย สโต, ตถา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา ปริคฺคหิตสงฺขารตาย สมฺปชาโน. อวิหฺมาโนติ ‘‘อสฺสุตวา, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน อฺตรฺตเรน ทุกฺขธมฺเมน ผุฏฺโ สมาโน โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหํ อาปชฺชตี’’ติ วุตฺตนเยน อนฺธปุถุชฺชโน วิย น วิหฺมาโน มคฺเคเนว สมุคฺฆาติตตฺตา เจโตทุกฺขํ อนุปฺปาเทนฺโต เกวลํ กมฺมวิปากชํ สรีรทุกฺขํ อธิวาเสนฺโต สมาปตฺตึ สมาปนฺโน วิย นิสินฺโน โหติ. อทฺทสาติ ตํ อายสฺมนฺตํ อธิวาสนขนฺติยา ตถา นิสินฺนํ อทฺทกฺขิ.

เอตมตฺถนฺติ เอตํ ตาทิสสฺสปิ โรคสฺส เวชฺชาทีหิ ติกิจฺฉนตฺถํ อนุสฺสุกฺกาปชฺชนการณํ ขีณาสวานํ โลกธมฺเมหิ อนุปเลปิตสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ สงฺขตธมฺมานํ เยหิ เกหิจิ ทุกฺขธมฺเมหิ อวิฆาตปตฺติวิภาวนํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ สพฺพกมฺมชหสฺสาติ ปหีนสพฺพกมฺมสฺส. อคฺคมคฺคสฺส หิ อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย อรหโต สพฺพานิ กุสลากุสลกมฺมานิ ปหีนานิ นาม โหนฺติ ปฏิสนฺธึ ทาตุํ อสมตฺถภาวโต, ยโต อริยมคฺคาณํ กมฺมกฺขยกรนฺติ วุจฺจติ. ภิกฺขุโนติ ภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขุโน. ธุนมานสฺส ปุเร กตํ รชนฺติ อรหตฺตปฺปตฺติโต ปุพฺเพ กตํ ราครชาทิมิสฺสตาย รชนฺติ ลทฺธนามํ ทุกฺขเวทนียํ กมฺมํ วิปากปฏิสํเวทเนน ตํ ธุนนฺตสฺส วิทฺธํเสนฺตสฺส, อรหตฺตปฺปตฺติยา ปรโต ปน สาวชฺชกิริยาย สมฺภโวเยว นตฺถิ, อนวชฺชกิริยา จ ภวมูลสฺส สมุจฺฉินฺนตฺตา สมุจฺฉินฺนมูลตาย ปุปฺผํ วิย ผลทานสมตฺถตาย อภาวโต กิริยมตฺตาว โหติ.

อมมสฺสาติ รูปาทีสุ กตฺถจิ มมนฺติ คหณาภาวโต อมมสฺส มมงฺการรหิตสฺส. ยสฺส หิ มมงฺกาโร อตฺถิ, โส อตฺตสิเนเหน เวชฺชาทีหิ สรีรํ ปฏิชคฺคาเปติ. อรหา ปน อมโม, ตสฺมา โส สรีรชคฺคเนปิ อุทาสีนธาตุโกว. ิตสฺสาติ จตุพฺพิธมฺปิ โอฆํ ตริตฺวา นิพฺพานถเล ิตสฺส, ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน วา สนฺธาวนสฺส อภาเวน ิตสฺส . เสกฺขปุถุชฺชนา หิ กิเลสาภิสงฺขารานํ อปฺปหีนตฺตา จุติปฏิสนฺธิวเสน สํสาเร ธาวนฺติ นาม, อรหา ปน ตทภาวโต ิโตติ วุจฺจติ. อถ วา ทสวิเธ ขีณาสวสงฺขาเต อริยธมฺเม ิตสฺส. ตาทิโนติ ‘‘ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺี วิหรตี’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๑๗) นเยน วุตฺตาย ปฺจวิธาย อริยิทฺธิยา อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อกมฺปนิยาย ฉฬงฺคุเปกฺขาย จ สมนฺนาคเตน อิฏฺาทีสุ เอกสทิสตาสงฺขาเตน ตาทีภาเวน ตาทิโน. อตฺโถ นตฺถิ ชนํ ลเปตเวติ ‘‘มม เภสชฺชาทีนิ กโรถา’’ติ ชนํ ลปิตุํ กเถตุํ ปโยชนํ นตฺถิ สรีเร นิรเปกฺขภาวโต. ปณฺฑุปลาโส วิย หิ พนฺธนา ปวุตฺโต สยเมวายํ กาโย ภิชฺชิตฺวา ปตตูติ ขีณาสวานํ อชฺฌาสโย. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘นาภิกงฺขามิ มรณํ, นาภิกงฺขามิ ชีวิตํ;

กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา’’ติ. (เถรคา. ๖๐๖);

อถ วา ยํกิฺจิ นิมิตฺตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘กึ อยฺยสฺส อิจฺฉิตพฺพ’’นฺติ ชนํ ลเปตเว ปจฺจเยหิ นิมนฺตนวเสน ลปาเปตุํ ขีณาสวสฺส อตฺโถ นตฺถิ ตาทิสสฺส มิจฺฉาชีวสฺส มคฺเคเนว สมุคฺฆาติตตฺตาติ อตฺโถ. อิติ ภควา ‘‘กิสฺสายํ เถโร อตฺตโน โรคํ เวชฺเชหิ อติกิจฺฉาเปตฺวา ภควโต อวิทูเร นิสีทตี’’ติ จินฺเตนฺตานํ ตสฺส อติกิจฺฉาปเน การณํ ปกาเสสิ.

ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. นนฺทสุตฺตวณฺณนา

๒๒. ทุติเย นนฺโทติ ตสฺส นามํ. โส หิ จกฺกวตฺติลกฺขณูเปตตฺตา มาตาปิตโร สปริชนํ สกลฺจ าติปริวฏฺฏํ นนฺทยนฺโต ชาโตติ ‘‘นนฺโท’’ติ นามํ ลภิ. ภควโต ภาตาติ ภควโต เอกปิตุปุตฺตตาย ภาตา. น หิ ภควโต สโหทรา อุปฺปชฺชนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘มาตุจฺฉาปุตฺโต’’ติ, จูฬมาตุปุตฺโตติ อตฺโถ. มหาปชาปติโคตมิยา หิ โส ปุตฺโต. อนภิรโตติ น อภิรโต. พฺรหฺมจริยนฺติ พฺรหฺมํ เสฏฺํ อุตฺตมํ จริยํ เอกาสนํ เอกเสยฺยํ เมถุนวิรตึ. สนฺธาเรตุนฺติ ปมจิตฺตโต ยาวจริมกจิตฺตํ สมฺมา ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ ธาเรตุํ ปวตฺเตตุํ. ทุติเยน เจตฺถ พฺรหฺมจริยปเทน มคฺคพฺรหฺมจริยสฺสาปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. สิกฺขํ ปจฺจกฺขายาติ อุปสมฺปทกาเล ภิกฺขุภาเวน สทฺธึ สมาทินฺนํ นิพฺพตฺเตตพฺพภาเวน อนุฏฺิตํ ติวิธมฺปิ สิกฺขํ ปฏิกฺขิปิตฺวา, วิสฺสชฺเชตฺวาติ อตฺโถ. หีนายาติ คิหิภาวาย. อาวตฺติสฺสามีติ นิวตฺติสฺสามิ.

กสฺมา ปนายํ เอวมาโรเจสีติ? เอตฺถายํ อนุปุพฺพิกถา – ภควา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วิหรนฺโต ‘‘ปุตฺตํ เม อาเนตฺวา ทสฺเสถา’’ติ สุทฺโธทนมหาราเชน เปสิเตสุ สหสฺสสหสฺสปริวาเรสุ ทสสุ ทูเตสุ สห ปริวาเรน อรหตฺตํ ปตฺเตสุ สพฺพปจฺฉา คนฺตฺวา อรหตฺตปฺปตฺเตน กาฬุทายิตฺเถเรน คมนกาลํ ตฺวา มคฺควณฺณนํ วณฺเณตฺวา ชาติภูมิคมนาย ยาจิโต วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุตฺโต กปิลวตฺถุนครํ คนฺตฺวา าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถตฺวา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ ‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๘) คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา ‘‘ธมฺมฺจเร’’ติ (ธ. ป. ๑๖๙) คาถาย มหาปชาปตึ โสตาปตฺติผเล, ราชานํ สกทาคามิผเล ปติฏฺาเปสิ.

ภตฺตกิจฺจาวสาเน ปน ราหุลมาตุคุณกถํ นิสฺสาย จนฺทกินฺนรีชาตกํ (ชา. ๑.๑๔.๑๘ อาทโย) กเถตฺวา ตติยทิวเส นนฺทกุมารสฺส อภิเสกเคหปฺปเวสนวิวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา นนฺทกุมารสฺส หตฺเถ ปตฺตํ ทตฺวา มงฺคลํ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมนฺโต กุมารสฺส หตฺถโต ปตฺตํ น คณฺหิ. โสปิ ตถาคเต คารเวน ‘‘ปตฺตํ เต, ภนฺเต, คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ นาสกฺขิ. เอวํ ปน จินฺเตสิ, ‘‘โสปานสีเส ปตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ, สตฺถา ตสฺมึ าเน น คณฺหิ. อิตโร ‘‘โสปานมูเล คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ, สตฺถา ตตฺถปิ น คณฺหิ. อิตโร ‘‘ราชงฺคเณ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ, สตฺถา ตตฺถปิ น คณฺหิ. กุมาโร นิวตฺติตุกาโม อนิจฺฉาย คจฺฉนฺโต คารเวน ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ น สกฺโกติ, ‘‘อิธ คณฺหิสฺสติ, เอตฺถ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต คจฺฉติ.

ตสฺมึ ขเณ ชนปทกลฺยาณิยา อาจิกฺขึสุ, ‘‘อยฺเย ภควา, นนฺทราชานํ คเหตฺวา คจฺฉติ, ตุมฺเหหิ วินา กริสฺสตี’’ติ. สา อุทกพินฺทูหิ ปคฺฆรนฺเตหิ อฑฺฒุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ เวเคน ปาสาทํ อารุยฺห สีหปฺชรทฺวาเร ตฺวา ‘‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห. ตํ ตสฺสา วจนํ ตสฺส หทเย ติริยํ ปติตฺวา วิย ิตํ. สตฺถาปิสฺส หตฺถโต ปตฺตํ อคฺคเหตฺวาว ตํ วิหารํ เนตฺวา ‘‘ปพฺพชิสฺสสิ นนฺทา’’ติ อาห. โส พุทฺธคารเวน ‘‘น ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อวตฺวา, ‘‘อาม, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. สตฺถา เตน หิ นนฺทํ ปพฺพาเชถาติ กปิลวตฺถุปุรํ คนฺตฺวา ตติยทิวเส ตํ ปพฺพาเชสิ. สตฺตเม ทิวเส มาตรา อลงฺกริตฺวา เปสิตํ ‘‘ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหี’’ติ วตฺวา อตฺตนา สทฺธึ อารามาคตํ ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชสิ. ปุเนกทิวสํ มหาธมฺมปาลชาตกํ (ชา. ๑.๑๐.๙๒ อาทโย) กเถตฺวา ราชานํ อนาคามิผเล ปติฏฺาเปสิ.

อิติ ภควา มหาปชาปตึ โสตาปตฺติผเล, ปิตรํ ตีสุ ผเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปุนเทว ราชคหํ คนฺตฺวา ตโต อนาถปิณฺฑิเกน สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย คหิตปฏิฺโ นิฏฺิเต เชตวนมหาวิหาเร ตตฺถ คนฺตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. เอวํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต อายสฺมา นนฺโท อตฺตโน อนิจฺฉาย ปพฺพชิโต กาเมสุ อนาทีนวทสฺสาวี ชนปทกลฺยาณิยา วุตฺตวจนมนุสฺสรนฺโต อุกฺกณฺิโต หุตฺวา ภิกฺขูนํ อตฺตโน อนภิรตึ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นนฺโท…เป… หีนายาวตฺติสฺสามี’’ติ.

กสฺมา ปน นํ ภควา เอวํ ปพฺพาเชสีติ? ‘‘ปุเรตรเมว อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา กาเมหิ นํ วิเวเจตุํ น สกฺกา, ปพฺพาเชตฺวา ปน อุปาเยน ตโต วิเวเจตฺวา อุปริวิเสสํ นิพฺพตฺเตสฺสามี’’ติ เวเนยฺยทมนกุสโล สตฺถา เอวํ นํ ปมํ ปพฺพาเชสิ.

สากิยานีติ สกฺยราชธีตา. ชนปทกลฺยาณีติ ชนปทมฺหิ กลฺยาณี รูเปน อุตฺตมา ฉสรีรโทสรหิตา, ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตา. สา หิ ยสฺมา นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬิกา นจฺโจทาตา อติกฺกนฺตา มานุสกวณฺณํ อปฺปตฺตา ทิพฺพวณฺณํ, ตสฺมา ฉสรีรโทสรหิตา. ฉวิกลฺยาณํ มํสกลฺยาณํ นขกลฺยาณํ อฏฺิกลฺยาณํ วยกลฺยาณนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ กลฺยาเณหิ สมนฺนาคตา.

ตตฺถ อตฺตโน สรีโรภาเสน ทสทฺวาทสหตฺเถ าเน อาโลกํ กโรติ, ปิยงฺคุสมา วา สุวณฺณสมา วา โหติ, อยมสฺสา ฉวิกลฺยาณตา. จตฺตาโร ปนสฺสา หตฺถปาทา มุขปริโยสานฺจ ลาขารสปริกมฺมกตํ วิย รตฺตปวาฬรตฺตกมฺพเลน สทิสํ โหติ, อยมสฺสา มํสกลฺยาณตา. วีสติ นขปตฺตานิ มํสโต อมุตฺตฏฺาเน ลาขารสปริกิตานิ วิย มุตฺตฏฺาเน ขีรธาราสทิสานิ โหนฺติ, อยมสฺสา นขกลฺยาณตา. ทฺวตฺตึสทนฺตา สุผุสิตา ปริสุทฺธปวาฬปนฺติสทิสา วชิรปนฺตี วิย ขายนฺติ, อยมสฺสา อฏฺิกลฺยาณตา. วีสติวสฺสสติกาปิ สมานา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย โหติ นิปฺปลิตา, อยมสฺสา วยกลฺยาณตา. สุนฺทรี จ โหติ เอวรูปคุณสมนฺนาคตา, เตน วุตฺตํ ‘‘ชนปทกลฺยาณี’’ติ.

ฆรา นิกฺขมนฺตสฺสาติ อนาทเร สามิวจนํ, ฆรโต นิกฺขมโตติ อตฺโถ. ‘‘ฆรา นิกฺขมนฺต’’นฺติปิ ปนฺติ. อุปฑฺฒุลฺลิขิเตหิเกเสหีติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ, วิปฺปกตุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ อุปลกฺขิตาติ อตฺโถ. ‘‘อฑฺฒุลฺลิขิเตหี’’ติปิ ปนฺติ. อุลฺลิขนนฺติ จ ผณกาทีหิ เกสสณฺาปนํ, ‘‘อฑฺฒการวิธาน’’นฺติปิ วทนฺติ. อปโลเกตฺวาติ สิเนหรสวิปฺผารสํสูจเกน อฑฺฒกฺขินา อาพนฺธนฺตี วิย โอโลเกตฺวา. มํ, ภนฺเตติ ปุพฺเพปิ ‘‘ม’’นฺติ วตฺวา อุกฺกณฺากุลจิตฺตตาย ปุน ‘‘มํ เอตทโวจา’’ติ อาห. ตุวฏนฺติ สีฆํ. ตมนุสฺสรมาโนติ ตํ ตสฺสา วจนํ, ตํ วา ตสฺสา อาการสหิตํ วจนํ อนุสฺสรนฺโต.

ภควา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อุปาเยนสฺส ราคํ วูปสเมสฺสามี’’ติ อิทฺธิพเลน นํ ตาวตึสภวนํ เนนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกสฺมึ ฌามเขตฺเต ฌามขาณุมตฺถเก นิสินฺนํ ฉินฺนกณฺณนาสานงฺคุฏฺํ เอกํ ปลุฏฺมกฺกฏึ ทสฺเสตฺวา ตาวตึสภวนํ เนสิ. ปาฬิยํ ปน เอกกฺขเณเนว สตฺถารา ตาวตึสภวนํ คตํ วิย วุตฺตํ, ตํ คมนํ อวตฺวา ตาวตึสภวนํ สนฺธาย วุตฺตํ. คจฺฉนฺโตเยว หิ ภควา อายสฺมโต นนฺทสฺส อนฺตรามคฺเค ตํ ปลุฏฺมกฺกฏึ ทสฺเสติ. ยทิ เอวํ กถํ สมิฺชนาทินิทสฺสนํ? ตํ อนฺตรธานนิทสฺสนนฺติ คเหตพฺพํ. เอวํ สตฺถา ตํ ตาวตึสภวนํ เนตฺวา สกฺกสฺส เทวรฺโ อุปฏฺานํ อาคตานิ กกุฏปาทานิ ปฺจ อจฺฉราสตานิ อตฺตานํ วนฺทิตฺวา ิตานิ ทสฺเสตฺวา ชนปทกลฺยาณิยา ตาสํ ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ รูปสมฺปตฺตึ ปฏิจฺจ วิเสสํ ปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ พาหายํ คเหตฺวา…เป… กกุฏปาทานี’’ติ.

ตตฺถ พาหายํ คเหตฺวาติ พาหุมฺหิ คเหตฺวา วิย. ภควา หิ ตทา ตาทิสํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาเรสิ, ยถา อายสฺมา นนฺโท ภุเช คเหตฺวา ภควตา นียมาโน วิย อโหสิ. ตตฺถ จ ภควตา สเจ ตสฺส อายสฺมโต ตาวตึสเทวโลกสฺส ทสฺสนํ ปเวสนเมว วา อิจฺฉิตํ สิยา, ยถานิสินฺนสฺเสว ตสฺส ตํ เทวโลกํ ทสฺเสยฺย โลกวิวรณิทฺธิกาเล วิย, ตเมว วา อิทฺธิยา ตตฺถ เปเสยฺย. ยสฺมา ปนสฺส ทิพฺพตฺตภาวโต มนุสฺสตฺตภาวสฺส โย นิหีนชิคุจฺฉนียภาโว, ตสฺส สุขคฺคหณตฺถํ อนฺตรามคฺเค ตํ มกฺกฏึ ทสฺเสตุกาโม, เทวโลกสิริวิภวสมฺปตฺติโย จ โอคาเหตฺวา ทสฺเสตุกาโม อโหสิ, ตสฺมา ตํ คเหตฺวา ตตฺถ เนสิ. เอวฺหิสฺส ตทตฺถํ พฺรหฺมจริยวาเส วิเสสโต อภิรติ ภวิสฺสตีติ.

กกุฏปาทานีติ รตฺตวณฺณตาย ปาราวตสทิสปาทานิ. ตา กิร สพฺพาปิ กสฺสปสฺส ภควโต สาวกานํ ปาทมกฺขนเตลทาเนน ตาทิสา สุกุมารปาทา อเหสุํ. ปสฺสสิ โนติ ปสฺสสิ นุ. อภิรูปตราติ วิสิฏฺรูปตรา. ทสฺสนียตราติ ทิวสมฺปิ ปสฺสนฺตานํ อติตฺติกรณฏฺเน ปสฺสิตพฺพตรา. ปาสาทิกตราติ สพฺพาวยวโสภาย สมนฺตโต ปสาทาวหตรา.

กสฺมา ปน ภควา อวสฺสุตจิตฺตํ อายสฺมนฺตํ นนฺทํ อจฺฉราโย โอโลกาเปสิ? สุเขเนวสฺส กิเลเส นีหริตุํ. ยถา หิ กุสโล เวชฺโช อุสฺสนฺนโทสํ ปุคฺคลํ ติกิจฺฉนฺโต สิเนหปานาทินา ปมํ โทเส อุกฺกิเลเทตฺวา ปจฺฉา วมนวิเรจเนหิ สมฺมเทว นีหราเปติ, เอวํ วิเนยฺยทมนกุสโล ภควา อุสฺสนฺนราคํ อายสฺมนฺตํ นนฺทํ เทวจฺฉราโย ทสฺเสตฺวา อุกฺกิเลเทสิ อริยมคฺคเภสชฺเชน อนวเสสโต นีหริตุกาโมติ เวทิตพฺพํ.

ปลุฏฺมกฺกฏีติ ฌามงฺคปจฺจงฺคมกฺกฏี. เอวเมว โขติ ยถา สา, ภนฺเต, ตุมฺเหหิ มยฺหํ ทสฺสิตา ฉินฺนกณฺณนาสา ปลุฏฺมกฺกฏี ชนปทกลฺยาณึ อุปาทาย , เอวเมว ชนปทกลฺยาณี อิมานิ ปฺจ อจฺฉราสตานิ อุปาทายาติ อตฺโถ. ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานนฺติ อุปโยเค สามิวจนํ, ปฺจ อจฺฉราสตานีติ อตฺโถ. อวยวสมฺพนฺเธ วา เอตํ สามิวจนํ, เตน ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ รูปสมฺปตฺตึ อุปนิธายาติ อธิปฺปาโย. อุปนิธายาติ จ สมีเป เปตฺวา, อุปาทายาติ อตฺโถ. สงฺขฺยนฺติ อิตฺถีติ คณนํ. กลภาคนฺติ กลายปิ ภาคํ, เอกํ โสฬสโกฏฺาเส กตฺวา ตโต เอกโกฏฺาสํ คเหตฺวา โสฬสธา คณิเต ตตฺถ โย เอเกโก โกฏฺาโส, โส กลภาโคติ อธิปฺเปโต, ตมฺปิ กลภาคํ น อุเปตีติ วทติ. อุปนิธินฺติ ‘‘อิมาย อยํ สทิสี’’ติ อุปมาภาเวน คเหตฺวา สมีเป ปนมฺปิ.

ยตฺถายํ อนภิรโต, ตํ พฺรหฺมจริยํ ปุพฺเพ วุตฺตํ ปากฏฺจาติ ตํ อนามสิตฺวา ตตฺถ อภิรติยํ อาทรชนนตฺถํ อภิรม, นนฺท, อภิรม, นนฺทา’’ติ อาเมฑิตวเสน วุตฺตํ. อหํ เต ปาฏิโภโคติ กสฺมา ภควา ตสฺส พฺรหฺมจริยวาสํ อิจฺฉนฺโต อพฺรหฺมจริยวาสสฺส ปาฏิโภคํ อุปคฺฉิ? ยตฺถสฺส อารมฺมเณ ราโค ทฬฺหํ นิปติ, ตํ อาคนฺตุการมฺมเณ สงฺกาเมตฺวา สุเขน สกฺกา ชหาเปตุนฺติ ปาฏิโภคํ อุปคฺฉิ. อนุปุพฺพิกถายํ สคฺคกถา อิมสฺส อตฺถสฺส นิทสฺสนํ.

อสฺโสสุนฺติ กถมสฺโสสุํ? ภควา หิ ตทา อายสฺมนฺเต นนฺเท วตฺตํ ทสฺเสตฺวา อตฺตโน ทิวาฏฺานํ คเต อุปฏฺานํ อาคตานํ ภิกฺขูนํ ตํ ปวตฺตึ กเถตฺวา ยถา นาม กุสโล ปุริโส อนิกฺขนฺตํ อาณึ อฺาย อาณิยา นีหริตฺวา ปุน ตํ หตฺถาทีหิ สฺจาเลตฺวา อปเนติ, เอวเมว อาจิณฺณวิสเย ตสฺส ราคํ อาคนฺตุกวิสเยน นีหริตฺวา ปุน ตทปิ พฺรหฺมจริยมคฺคเหตุํ กตฺวา อปเนตุกาโม ‘‘เอถ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, นนฺทํ ภิกฺขุํ ภตกวาเทน จ อุปกฺกิตกวาเทน จ สมุทาจรถา’’ติ อาณาเปสิ, เอวํ ภิกฺขู อสฺโสสุํ. เกจิ ปน ‘‘ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาเรสิ, ยถา เต ภิกฺขู ตมตฺถํ ชานึสู’’ติ วทนฺติ.

ภตกวาเทนาติ ภตโกติ วาเทน. โย หิ ภติยา กมฺมํ กโรติ, โส ภตโกติ วุจฺจติ, อยมฺปิ อายสฺมา อจฺฉราสมฺโภคนิมิตฺตํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺโต ภตโก วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ภตกวาเทนา’’ติ . อุปกฺกิตกวาเทนาติ โย กหาปณาทีหิ กิฺจิ กิณาติ, โส อุปกฺกิตโกติ วุจฺจติ, อยมฺปิ อายสฺมา อจฺฉรานํ เหตุ อตฺตโน พฺรหฺมจริยํ กิณาติ, ตสฺมา ‘‘อุปกฺกิตโก’’ติ เอวํ วจเนน. อถ วา ภควโต อาณาย อจฺฉราสมฺโภคสงฺขาตาย ภติยา พฺรหฺมจริยวาสสงฺขาตํ ชีวิตํ ปวตฺเตนฺโต ตาย ภติยา ยาปเน ภควตา ภริยมาโน วิย โหตีติ ‘‘ภตโก’’ติ วุตฺโต, ตถา อจฺฉราสมฺโภคสงฺขาตํ วิกฺกยํ อาทาตพฺพํ กตฺวา ภควโต อาณตฺติยํ ติฏฺนฺโต เตน วิกฺกเยน ภควตา อุปกฺกิโต วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อุปกฺกิตโก’’ติ.

อฏฺฏียมาโนติ ปีฬิยมาโน ทุกฺขาปิยมาโน. หรายมาโนติ ลชฺชมาโน. ชิคุจฺฉมาโนติ ปาฏิกุลฺยโต ทหนฺโต. เอโกติ อสหาโย. วูปกฏฺโติ วตฺถุกาเมหิ กิเลสกาเมหิ จ กาเยน เจว จิตฺเตน จ วูปกฏฺโ. อปฺปมตฺโตติ กมฺมฏฺาเน สตึ อวิชหนฺโต. อาตาปีติ กายิกเจตสิกวีริยาตาเปน อาตาปวา, อาตาเปติ กิเลเสติ อาตาโป, วีริยํ. ปหิตตฺโตติ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย เปสิตตฺโต วิสฺสฏฺอตฺตภาโว, นิพฺพาเน วา เปสิตจิตฺโต. น จิรสฺเสวาติ กมฺมฏฺานารมฺภโต น จิเรเนว. ยสฺสตฺถายาติ ยสฺส อตฺถาย. กุลปุตฺตาติ ทุวิธา กุลปุตฺตา ชาติกุลปุตฺตา จ อาจารกุลปุตฺตา จ, อยํ ปน อุภยถาปิ กุลปุตฺโต. สมฺมเทวาติ เหตุนา จ การเณน จ. อคารสฺมาติ ฆรโต. อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํ. กสิวณิชฺชาทิกมฺมฺหิ อคารสฺส หิตนฺติ อคาริยํ นาม, ตํ เอตฺถ นตฺถีติ ปพฺพชฺชา อนคาริยาติ วุจฺจติ. ปพฺพชนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ. ตทนุตฺตรนฺติ ตํ อนุตฺตรํ. พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานภูตํ อรหตฺตผลํ. ตสฺส หิ อตฺถาย กุลปุตฺตา อิธ ปพฺพชนฺติ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาเยว ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา, อปรปฺปจฺจเยน ตฺวาติ อตฺโถ. อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วา วิหาสิ. เอวํ วิหรนฺโตว ขีณา ชาติ…เป… อพฺภฺาสีติ. อิมินา อสฺส ปจฺจเวกฺขณภูมิ ทสฺสิตา.

ตตฺถ ขีณา ชาตีติ น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา ปุพฺเพว ขีณตฺตา, น อนาคตา อนาคตตฺตา เอว, น ปจฺจุปฺปนฺนา วิชฺชมานตฺตา. มคฺคสฺส ปน อภาวิตตฺตา ยา เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ อุปฺปชฺเชยฺย, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา. ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา กิเลสาภาเวน วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตีติ ชานเนน อพฺภฺาสิ. วุสิตนฺติ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ กตํ จริตํ, นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธึ สตฺต เสกฺขา พฺรหฺมจริยวาสํ วสนฺติ นาม, ขีณาสโว วุตฺถวาโส, ตสฺมา โส อตฺตโน พฺรหฺมจริยวาสํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อพฺภฺาสิ. กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาวเสน โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฏฺาปิตํ. ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย หิ ตํ กิจฺจํ กโรนฺติ นาม, ขีณาสโว กตกรณีโย, ตสฺมา โส อตฺตโน กรณียํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ อพฺภฺาสิ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ‘‘อิทานิ ปุน อิตฺถภาวาย เอวํ โสฬสกิจฺจภาวาย กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนาย กิจฺจํ เม นตฺถี’’ติ อพฺภฺาสิ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ วา ‘‘อิตฺถภาวโต อิมสฺมา เอวํปการา วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ มยฺหํ นตฺถิ, อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา วิย รุกฺขา, เต จริมกจิตฺตนิโรเธน อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายิสฺสนฺติ, อปณฺณตฺติกภาวํ คมิสฺสนฺตี’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโรติ เอโก. อรหตนฺติ ภควโต สาวกานํ อรหนฺตานํ อพฺภนฺตโร เอโก มหาสาวโก อโหสีติ อตฺโถ.

อฺตรา เทวตาติ อธิคตมคฺคา เอกา พฺรหฺมเทวตา. สา หิ สยํ อเสกฺขตฺตา อเสกฺขวิสยํ อพฺภฺาสิ. เสกฺขา หิ ตํ ตํ เสกฺขวิสยํ, ปุถุชฺชนา จ อตฺตโน ปุถุชฺชนวิสยเมว ชานนฺติ. อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ ปริกฺขีณาย รตฺติยา, มชฺฌิมยาเมติ อตฺโถ. อภิกฺกนฺตวณฺณาติ อติอุตฺตมวณฺณา. เกวลกปฺปนฺติ อนวเสเสน สมนฺตโต. โอภาเสตฺวาติ อตฺตโน ปภาย จนฺโท วิย สูริโย วิย จ เชตวนํ เอโกภาสํ กตฺวา. เตนุปสงฺกมีติ อายสฺมโต นนฺทสฺส อรหตฺตปฺปตฺตึ วิทิตฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา ‘‘ตํ ภควโต ปฏิเวเทสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิ.

อาสวานํ ขยาติ เอตฺถ อาสวนฺตีติ อาสวา, จกฺขุทฺวาราทีหิ ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา อาโคตฺรภุํ อาภวคฺคํ วา สวนฺตีติ อาสวา, เอเต ธมฺเม เอตฺจ โอกาสํ อนฺโต กริตฺวา ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. จิรปาริวาสิยฏฺเน มทิราทิอาสวา วิยาติ อาสวา. ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชายา’’ติอาทิวจเนหิ (อ. นิ. ๑๐.๖๑) เนสํ จิรปาริวาสิยตา เวทิตพฺพา. อถ วา อายตํ สํสารทุกฺขํ สวนฺติ ปสวนฺตีติปิ, อาสวา. ปุริโม เจตฺถ อตฺโถ กิเลเสสุ ยุชฺชติ, ปจฺฉิโม กมฺเมปิ. น เกวลฺจ กมฺมกิเลสา เอว อาสวา, อถ โข นานปฺปการา อุปทฺทวาปิ. ตถา หิ ‘‘นาหํ, จุนฺท , ทิฏฺธมฺมิกานํเยว อาสวานํ สํวราย ธมฺมํ เทเสมี’’ติ เอตฺถ (ที. นิ. ๓.๑๘๒) วิวาทมูลภูตา กิเลสา อาสวาติ อาคตา.

‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;

ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺย, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;

เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินลีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖) –

เอตฺถ เตภูมิกํ กมฺมํ อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา อาสวาติ อาคตา. ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย, สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ (ปารา. ๓๙) ปรูปฆาตวิปฺปฏิสารวธพนฺธาทโย เจว อปายทุกฺขภูตา จ นานปฺปการา อุปทฺทวา.

เต ปเนเต อาสวา วินเย – ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ (ปารา. ๓๙) ทฺวิธา อาคตา. สฬายตเน ‘‘ตโยเม, อาวุโส, อาสวา – กามาสโว, ภวาสโว, อวิชฺชาสโว’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕) ติธา อาคตา, ตถา อฺเสุ จ สุตฺตนฺเตสุ. อภิธมฺเม เตเยว ทิฏฺาสเวน สทฺธึ จตุธา อาคตา. นิพฺเพธิกปริยาเย ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา นิรยคามินิยา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๖.๖๓) ปฺจธา อาคตา. ฉกฺกนิปาเต ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวราย ปหาตพฺพา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน ฉธา อาคตา. สพฺพาสวปริยาเย (ม. นิ. ๑.๒๒) เตเยว ทสฺสนปหาตพฺเพหิ สทฺธึ สตฺตธา อาคตา. อิธ ปน อภิธมฺมนเยน จตฺตาโร อาสวา เวทิตพฺพา.

ขยาติ เอตฺถ ปน ‘‘โย อาสวานํ ขโย เภโท ปริเภโท’’ติอาทีสุ อาสวานํ สรสเภโท อาสวกฺขโยติ วุตฺโต. ‘‘ชานโต อหํ, ภิกฺขเว, ปสฺสโต อาสวานํ ขยํ วทามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕) อาสวานํ อายตึ อนุปฺปาโท อาสวกฺขโยติ วุตฺโต.

‘‘เสกฺขสฺส สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;

ขยสฺมึ ปมํ าณํ, ตโต อฺา อนนฺตรา’’ติ. (อิติวุ. ๖๒) –

อาทีสุ มคฺโค อาสวกฺขโยติ วุตฺโต. ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) ผลํ.

‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส, นิจฺจํ อุชฺฌานสฺิโน;

อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ. –

อาทีสุ (ธ. ป. ๒๕๓) นิพฺพานํ. อิธ ปน อาสวานํ อจฺจนฺตขโย อนุปฺปาโท วา มคฺโค วา ‘‘อาสวานํ ขโย’’ติ วุตฺโต.

อนาสวนฺติ ปฏิปสฺสทฺธิวเสน สพฺพโส ปหีนาสวํ. เจโตวิมุตฺตินฺติ อรหตฺตผลสมาธึ. ปฺาวิมุตฺตินฺติ อรหตฺตผลปฺํ. อุภยวจนํ มคฺเค วิย ผเลปิ สมถวิปสฺสนานํ ยุคนนฺธภาวทสฺสนตฺถํ. าณนฺติ สพฺพฺุตฺาณํ. เทวตาย วจนสมนนฺตรเมว ‘‘กถํ นุ โข’’ติ อาวชฺเชนฺตสฺส ภควโต าณํ อุปฺปชฺชิ ‘‘นนฺเทน อรหตฺตํ สจฺฉิกต’’นฺติ. โส หิ อายสฺมา สหายภิกฺขูหิ ตถา อุปฺปณฺฑิยมาโน ‘‘ภาริยํ วต มยา กตํ, โยหํ เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตฺวา อจฺฉรานํ ปฏิลาภาย สตฺถารํ ปาฏิโภคํ อกาสิ’’นฺติ อุปฺปนฺนสํเวโค หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ ภควนฺตํ เอตสฺมา ปฏิสฺสวา โมเจยฺย’’นฺติ. โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน อธิปฺปายํ สตฺถุ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา นนฺโท…เป… เอตสฺมา ปฏิสฺสวา’’ติ. ตตฺถ ปฏิสฺสวาติ ปาฏิโภคปฺปฏิสฺสวา, ‘‘อจฺฉรานํ ปฏิลาภาย อหํ ปฏิภูโต’’ติ ปฏิฺาย.

อถสฺส ภควา ‘‘ยสฺมา ตยา อฺา อาราธิตาติ าตเมตํ มยา, เทวตาปิ เม อาโรเจสิ, ตสฺมา นาหํ ปฏิสฺสวา อิทานิ โมเจตพฺโพ อรหตฺตปฺปตฺติยาว โมจิตตฺตา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ ‘‘ยเทว โข เต นนฺทา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยเทวาติ ยทา เอว. เตติ ตว. มุตฺโตติ ปมุตฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมึเยว กาเล อาสเวหิ ตว จิตฺตํ วิมุตฺตํ, อถ อนนฺตรเมวาหํ ตโต ปาฏิโภคโต มุตฺโตติ.

โสปิ อายสฺมา วิปสฺสนากาเลเยว ‘‘ยเทวาหํ อินฺทฺริยาสํวรํ นิสฺสาย อิมํ วิปฺปการํ ปตฺโต, ตเมว สุฏฺุ นิคฺคเหสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต พลวหิโรตฺตปฺโป ตตฺถ จ กตาธิการตฺตา อินฺทฺริยสํวเร อุกฺกฏฺปฏิปทมฺปิ อคมาสิ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘สเจ , ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปุรตฺถิมา ทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลเกติ ‘เอวํ เม ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลกยโต น อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุ’นฺติ, อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ.

‘‘สเจ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปจฺฉิมา…เป… อุตฺตรา… ทกฺขิณา… อุทฺธํ… อโธ… อนุทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท อนุทิสํ อาโลเกติ ‘เอวํ เม…เป… สมฺปชาโน โหตี’’’ติ (อ. นิ. ๘.๙).

เตเนว ตํ อายสฺมนฺตํ สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ ยทิทํ นนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๓๐) เอตทคฺเค เปสิ.

เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต นนฺทสฺส สพฺพาสเว เขเปตฺวา สุขาทีสุ ตาทิภาวปฺปตฺติสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ ตทตฺถวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ ยสฺส นิตฺติณฺโณ ปงฺโกติ เยน อริยปุคฺคเลน อริยมคฺคเสตุนา สพฺโพ ทิฏฺิปงฺโก สํสารปงฺโก เอว วา นิพฺพานปารคมเนน ติณฺโณ. มทฺทิโต กามกณฺฑโกติ เยน สตฺตานํ วิชฺฌนโต. ‘‘กามกณฺฑโก’’ติ ลทฺธนาโม สพฺโพ กิเลสกาโม สพฺโพ กามวิสูโก อคฺคาณทณฺเฑน มทฺทิโต ภคฺโค อนวเสสโต มถิโต. โมหกฺขยํ อนุปฺปตฺโตติ เอวํภูโต จ ทุกฺขาทิวิสยสฺส สพฺพสฺส สมฺโมหสฺส เขปเนน โมหกฺขยํ ปตฺโต, อรหตฺตผลํ นิพฺพานฺจ อนุปฺปตฺโต. สุขทุกฺเขสุ น เวธตี ส ภิกฺขูติ โส ภินฺนกิเลโส ภิกฺขุ อิฏฺารมฺมณสมาโยคโต อุปฺปนฺเนสุ สุเขสุ อนิฏฺารมฺมณสมาโยคโต อุปฺปนฺเนสุ ทุกฺเขสุ จ น เวธติ น กมฺปติ, ตํ นิมิตฺตํ จิตฺตวิการํ นาปชฺชติ. ‘‘สุขทุกฺเขสู’’ติ จ เทสนามตฺตํ, สพฺเพสุปิ โลกธมฺเมสุ น เวธตีติ เวทิตพฺพํ.

ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ยโสชสุตฺตวณฺณนา

๒๓. ตติเย ยโสชปฺปมุขานีติ เอตฺถ ยโสโชติ ตสฺส เถรสฺส นามํ, ตํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา ปพฺพชิตตฺตา วิจรณโต จ ตานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ ‘‘ยโสชปฺปมุขานี’’ติ วุตฺตานิ.

เตสํ อยํ ปุพฺพโยโค – อตีเต กิร กสฺสปทสพลสฺส สาสเน อฺตโร ภิกฺขุ อารฺโก อรฺเ ปิฏฺิปาสาเณ กตปณฺณกุฏิยํ วิหรติ. ตสฺมิฺจ สมเย ปฺจสตา โจรา คามฆาตกาทีนิ กตฺวา โจริกาย ชีวนฺตา โจรกมฺมํ กตฺวา ชนปทมนุสฺเสหิ อนุพทฺธา ปลายมานา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ กิฺจิ คหณํ วา ปฏิสรณํ วา อปสฺสนฺตา อวิทูเร ตํ ภิกฺขุํ ปาสาเณ นิสินฺนํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, ปฏิสรณํ โหถา’’ติ ยาจึสุ. เถโร ‘‘ตุมฺหากํ สีลสทิสํ ปฏิสรณํ นตฺถิ, สพฺเพ ปฺจ สีลานิ สมาทิยถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สีลานิ สมาทิยึสุ. เถโร ‘‘ตุมฺเห อิทานิ สีเลสุ ปติฏฺิตา, อตฺตโน ชีวิตํ วินาสยนฺเตสุปิ มา มนํ ปโทสยิตฺถา’’ติ กกจูปมวิธึ (ม. นิ. ๑.๒๒๒ อาทโย) อาจิกฺขิ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. อถ เต ชานปทา ตํ สมฺปตฺตา อิโต จิโต จ คเวสนฺตา เต โจเร ทิสฺวา สพฺเพว ชีวิตา โวโรเปสุํ. เต เตสุ มโนปโทสมตฺตมฺปิ อกตฺวา อกฺขณฺฑสีลา กาลํ กตฺวา กามาวจรเทเวสุ นิพฺพตฺตึสุ. เตสุ เชฏฺโจโร เชฏฺเทวปุตฺโต อโหสิ, อิตเร ตสฺเสว ปริวารา.

เต อปราปรํ สํสรนฺตา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก เขเปตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล เทวโลกโต จวิตฺวา เชฏฺเทวปุตฺโต สาวตฺถินครทฺวาเร เกวฏฺฏคาเม ปฺจสตกุลคามเชฏฺกสฺส เกวฏฺฏสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ยโสโชติสฺส นามํ อกํสุ. อิตเรปิ อวเสสเกวฏฺฏานํ ปุตฺตา หุตฺวา นิพฺพตฺตึสุ. เต ปุพฺพสนฺนิวาเสน สพฺเพปิ สหายกา หุตฺวา สหปํสุกีฬิตํ กีฬนฺตา อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺตา อเหสุํ, ยโสโช เตสํ อคฺโค อโหสิ. เต สพฺเพว เอกโต หุตฺวา ชาลานิ คเหตฺวา นทิตฬากาทีสุ มจฺเฉ พนฺธนฺตา วิจรนฺติ.

อเถกทิวสํ อจิรวติยา นทิยา ชาเล ขิตฺเต สุวณฺณวณฺโณ มจฺโฉ อนฺโตชาเล ปาวิสิ. ตํ ทิสฺวา สพฺเพปิ เกวฏฺฏา ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตา มจฺเฉ พนฺธนฺตา สุวณฺณวณฺณํ มจฺฉํ พนฺธึสู’’ติ หฏฺตุฏฺา อเหสุํ. อถ เต ปฺจสตาปิ สหายกา มจฺฉํ นาวาย ปกฺขิปิตฺวา นาวํ อุกฺขิปิตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘ภควา เอตสฺส สุวณฺณวณฺณการณํ ชานิสฺสตี’’ติ มจฺฉํ คาหาเปตฺวา ภควโต ทสฺเสสิ. สตฺถา ‘‘อยํ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน โอสกฺกมาเน ปพฺพชิตฺวา มิจฺฉา ปฏิปชฺชนฺโต สาสนํ โอสกฺกาเปตฺวา นิรเย นิพฺพตฺโต เอกํ พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตโต จุโต อจิรวติยํ มจฺโฉ หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา ตสฺส มาตุภคินีนฺจ นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ, ตสฺส ภาติกตฺเถรสฺส ปรินิพฺพุตภาวฺจ เตเนว กถาเปตฺวา อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา กปิลสุตฺตํ เทเสสิ.

สตฺถุ เทสนํ สุตฺวา เต ปฺจสตา เกวฏฺฏปุตฺตา สํเวคชาตา หุตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา, อุปสมฺปนฺนา หุตฺวา วิเวกวาสํ วสนฺตา ภควนฺตํ ทสฺสนาย อาคมํสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ยโสชปฺปมุขานิ ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานี’’ติอาทิ.

ตตฺถ เตธาติ เต อิธ. เนวาสิเกหีติ นิพทฺธวาสํ วสมาเนหิ. ปฏิสมฺโมทมานาติ เนวาสิกภิกฺขูหิ ‘‘กจฺจาวุโส, ขมนีย’’นฺติอาทินา ปฏิสนฺถารวเสน สมฺโมทนาย กตาย ‘‘อามาวุโส, ขมนีย’’นฺติอาทินา , ปุน สมฺโมทมานา เตหิ สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมทา. เสนาสนานิ ปฺาปยมานาติ อาจริยุปชฺฌายานํ อตฺตโน จ ปาปุณกานิ เสนาสนานิ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ เนวาสิเกหิ เตสํ ‘‘อิทํ ตุมฺหากํ อาจริยานํ, อิทํ ตุมฺหากํ อุปชฺฌายานํ, อิทํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ เสนาสนานิ สํวิธาเปตฺวา อตฺตนา จ ตตฺถ คนฺตฺวา, ทฺวารกวาฏานิ วิวริตฺวา, มฺจปีกฏสารกาทีนิ นีหริตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา ยถาานํ ปนาทิวเสน ปฺาเปนฺตา จ.

ปตฺตจีวรานิ ปฏิสามยมานาติ, ‘‘ภนฺเต, อิมํ เม ปตฺตํ เปถ, อิทํ จีวรํ, อิทํ ถาลกํ, อิทํ อุทกตุมฺพํ, อิทํ เม กตฺตรยฏฺิ’’นฺติ เอวํ สมณปริกฺขารํ สํโคปยมานา. อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทาติ อุทฺธํ คตฏฺเน อุจฺโจ สทฺโท เยสนฺเต อุจฺจาสทฺทา อการสฺส อาการํ กตฺวา. สมนฺตโต ปตฺถฏฏฺเน มหนฺโต สทฺโท เยสนฺเต มหาสทฺทา. เกวฏฺฏา มฺเ มจฺฉวิโลเปติ เกวฏฺฏา วิย มจฺฉวิลุมฺปเน. ยถา นาม เกวฏฺฏา อุทเก วฏฺฏนโต มจฺฉคฺคหณตฺถํ ปวตฺตนโต ‘‘เกวฏฺฏา’’ติ ลทฺธนามา มจฺฉพนฺธา มจฺฉคฺคหณตฺถํ ชเล ชาลํ ปกฺขิปิตฺวา ‘‘ปวิฏฺโ น ปวิฏฺโ, คหิโต น คหิโต’’ติอาทินา อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา โหนฺติ. ยถา จ เต มจฺฉปจฺฉิอาทีนิ ปิตฏฺาเน มหาชเน คนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ เอกํ มจฺฉํ เทถ, มยฺหํ เอกํ มจฺฉผาลํ เทถ, อมุกสฺส ทินฺโน มหนฺโต, มยฺหํ ขุทฺทโก’’ติอาทีนิ วตฺวา วิลุมฺปมาเน เตสํ ปฏิเสธนาทิวเสน อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา จ โหนฺติ, เอวเมเต ภิกฺขูติ ทสฺเสติ. เตเตติ เต เอเต. กึนูติ กิสฺส นุ, กิมตฺถํ นูติ อตฺโถ. เตเมติ เต อิเม. ปณาเมมีติ นีหรามิ. โวติ ตุมฺเห. น โว มม สนฺติเก วตฺถพฺพนฺติ ตุมฺเหหิ มยฺหํ สนฺติเก น วสิตพฺพํ. เย ตุมฺเห มาทิสสฺส พุทฺธสฺส วสนฏฺานํ อาคนฺตฺวา เอวํ มหาสทฺทํ กโรถ, อตฺตโน ธมฺมตาย วสนฺตา กึ นาม สารุปฺปํ กริสฺสถ, ตุมฺหาทิสานํ มม สนฺติเก วสนกิจฺจํ นตฺถีติ ทีเปติ. เอวํ ปณามิเตสุ จ ภควตา เตสุ เอกภิกฺขุปิ ‘‘ภควา ตุมฺเห มหาสทฺทมตฺตเกน อมฺเห ปณาเมถา’’ติ วา อฺํ วา กิฺจิ ปฏิวจนํ อวตฺวา พุทฺธคารเวน สพฺเพ ภควโต วจนํ สมฺปฏิจฺฉนฺตา ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา นิกฺขมึสุ. เอวํ ปน เตสํ อโหสิ ‘‘มยํ สตฺถารํ ปสฺสิสฺสาม, ธมฺมํ โสสฺสาม, สตฺถุ สนฺติเก วสิสฺสามาติ อาคตา, เอวรูปสฺส ปน ครุโน สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา มหาสทฺทํ กริมฺหา, อมฺหากเมว โทโสยํ, ปณามิตมฺหา ตโต, น ลทฺธํ สตฺถุ สนฺติเก วตฺถุํ, สมนฺตปาสาทิกํ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ โอโลเกตุํ, มธุรสฺสเรน เทสิตํ ธมฺมํ โสตุ’’นฺติ. เต พลวโทมนสฺสชาตา หุตฺวา ปกฺกมึสุ.

สํสาเมตฺวาติ สุคุตฺตํ กตฺวา. วชฺชีติ เอวํนามโก ชนปโท, วชฺชี นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีวเสน ‘‘วชฺชี’’ตฺเวว วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วชฺชีสู’’ติ. วคฺคุมุทาติ เอวํนาม โลกสฺส ปุฺสมฺมตา เอกา นที. ‘‘วคฺคมุทา’’ติปิ ปาโ. อตฺถกาเมนาติ กิฺจิ ปโยชนํ อนเปกฺขิตฺวา อตฺถเมว อิจฺฉนฺเตน. หิเตสินาติ อตฺถํ อิจฺฉนฺเตน, ‘‘กินฺติ เม สาวกา วฏฺฏทุกฺขา ปริมุจฺเจยฺยุ’’นฺติ ตสฺส อตฺถสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส วา เหตุภูตสฺส หิตสฺส เอสนสีเลน. ตโต เอว อตฺตโน สรีรเขทํ อคเณตฺวา ทูเรปิ เวเนยฺยสนฺติกํ คนฺตฺวา อนุกมฺปนโต อนุกมฺปเกน. ตเมว อนุกมฺปํ อุปาทาย มยํ ปณามิตา, น อตฺตโน เวยฺยาวจฺจาทิปจฺจาสีสาย. ยสฺมา ธมฺมครุโน พุทฺธา ภควนฺโต สมฺมาปฏิปตฺติยาว ปูเชตพฺพา, เย อุจฺจาสทฺทกรณมตฺเตปิ ปณาเมนฺติ, ตสฺมา หนฺท มยํ, อาวุโส, ตถา วิหารํ กปฺเปม สพฺพตฺถ สติสมฺปชฺโยเคน อปณฺณกปฺปฏิปทํ ปูเรนฺตา ยถาคหิตกมฺมฏฺานํ มตฺถกํ ปาเปนฺตา จตุอิริยาปถวิหารํ กปฺเปม วิหราม. ยถา โน วิหรตนฺติ ยถา อมฺเหสุ วิหรนฺเตสุ, ภควา อตฺตมโน อสฺส, สมฺมาปฏิปตฺติยา ปูชาย อาราธิโต ภเวยฺยาติ อตฺโถ.

เตเนวนฺตรวสฺเสนาติ ตสฺมึเยว อนฺตรวสฺเส มหาปวารณํ อนติกฺกมิตฺวาว. สพฺเพว ติสฺโส วิชฺชา สจฺฉากํสูติ สพฺเพเยว เต ปฺจสตา ภิกฺขู ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ ทิพฺพจกฺขุาณํ อาสวกฺขยาณนฺติ อิมา ติสฺโส ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธปฺปฏิจฺฉาทกโมหกฺขนฺธาทีนํ วินิวิชฺฌนฏฺเน วิชฺชา อตฺตปจฺจกฺขา อกํสุ. โลกิยาภิฺาสุ อิมาเยว ทฺเว อภิฺา อาสวกฺขยาณสฺส พหูปการา, น ตถา ทิพฺพโสตเจโตปริยอิทฺธิวิธาณานีติ ทสฺสนตฺถํ วิชฺชตฺตยเมเวตฺถ เตสํ ภิกฺขูนํ อธิคมทสฺสนวเสน อุทฺธฏํ. ตถา หิ เวรฺชสุตฺเต (อ. นิ. ๘.๑๑) ภควา เวรฺชพฺราหฺมณสฺส อตฺตโน อธิคมํ ทสฺเสนฺโต วิชฺชตฺตยเมว เทเสสิ, น ทิพฺพโสตาณาทีนํ อภาวโต. เอวํ เตสมฺปิ ภิกฺขูนํ วิชฺชมานานิปิ ทิพฺพโสตาณาทีนิ น อุทฺธฏานิ. ฉฬภิฺา หิ เต ภิกฺขู. เอวฺจ กตฺวา ‘‘วคฺคุมุทาย นทิยา ตีเร อนฺตรหิตา มหาวเน กูฏาคารสาลายํ ภควโต สมฺมุเข ปาตุรเหสุ’’นฺติ เตสํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิวฬฺชนํ วกฺขติ.

ยถาภิรนฺตนฺติ ยถาภิรตึ ยถาชฺฌาสยํ. พุทฺธานฺหิ เอกสฺมึ าเน วสนฺตานํ ฉายูทกวิปตฺตึ วา อผาสุกเสนาสนํ วา มนุสฺสานํ อสฺสทฺธาทิภาวํ วา อาคมฺม อนภิรติ นาม นตฺถิ, เตสํ สมฺปตฺติยา ‘‘ผาสุํ วิหรามา’’ติ จิรวิหาโรปิ นตฺถิ. ยตฺถ ปน ภควติ วิหรนฺเต มนุสฺสา สรเณสุ วา ปติฏฺหนฺติ, สีลานิ วา สมาทิยนฺติ ปพฺพชนฺติ, โสตาปตฺติมคฺคาทีนิ วา ปาปุณนฺติ, สตฺถา ตาสุ สมฺปตฺตีสุ เตสํ ปติฏฺาปนตฺถํ วสติ, ตทภาเว ปกฺกมติ. ตทา หิ สาวตฺถิยํ กตฺตพฺพพุทฺธกิจฺจํ นาโหสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา สาวตฺถิยํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน เวสาลี เตน จาริกํ ปกฺกามี’’ติ.

จาริกํ จรมาโนติ อทฺธานคมนํ คจฺฉนฺโต. จาริกา จ นาเมสา ภควโต ทุวิธา ตุริตจาริกา อตุริตจาริกาติ. ตตฺถ ทูเรปิ โพธเนยฺยปุคฺคลํ ทิสฺวา ตสฺส โพธนตฺถํ สหสา คมนํ ตุริตจาริกา นาม, สา มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทีสุ ทฏฺพฺพา. ยา ปน คามนิคมราชธานีปฏิปาฏิยา เทวสิกํ โยชนทฺธโยชนวเสน ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ โลกํ อนุคฺคณฺหนฺโต คจฺฉติ, อยํ อตุริตจาริกา นาม, อยเมว อิธาธิปฺเปตา. ตทวสรีติ เตน อวสริ, ตํ วา อวสริ, ตตฺถ อวสริ , ปาวิสีติ อตฺโถ.

ตตฺราติ ตสฺสํ. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. เวสาลิยนฺติ ติกฺขตฺตุํ วิสาลีภูตตฺตา ‘‘เวสาลี’’ติ ลทฺธนาเม ลิจฺฉวิราชูนํ นคเร. มหาวเนติ มหาวนํ นาม สยํชาตํ อโรปิมํ สปริจฺเฉทํ มหนฺตํ วนํ. กปิลวตฺถุสามนฺตา ปน มหาวนํ หิมวนฺเตน สห เอกาพทฺธํ อปริจฺเฉทํ หุตฺวา มหาสมุทฺทํ อาหจฺจ ิตํ. อิทํ ตาทิสํ น โหติ, สปริจฺเฉทํ มหนฺตํ วนนฺติ มหาวนํ. กูฏาคารสาลายนฺติ ตสฺมึ มหาวเน ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส กเต อาราเม กูฏาคารํ อนฺโต กตฺวา หํสวฏฺฏกจฺฉนฺเนน กตา สพฺพาการสมฺปนฺนา พุทฺธสฺส ภควโต คนฺธกุฏิ กูฏาคารสาลา นาม , ตสฺสํ กูฏาคารสาลายํ. วคฺคุมุทาตีริยานนฺติ วคฺคุมุทาตีรวาสีนํ. เจตสา เจโต ปริจฺจ มนสิ กริตฺวาติ อตฺตโน จิตฺเตน เตสํ จิตฺตํ ปริจฺฉิชฺช มนสิ กริตฺวา, เจโตปริยาเณน วา สพฺพฺุตฺาเณน วา เตหิ อธิคตวิเสสํ ชานิตฺวาติ อตฺโถ.

อาโลกชาตาวิยาติ สฺชาตาโลกา วิย. อิตรํ ตสฺเสว เววจนํ, จนฺทสหสฺสสูริยสหสฺเสหิ โอภาสิตา วิยาติ อตฺโถ. ยสฺมา เต ยโสชปฺปมุขา ปฺจสตา ภิกฺขู สพฺพโส อวิชฺชนฺธการวิธมเนน อาโลกภูตา โอภาสภูตา หุตฺวา วิหรนฺติ, ตสฺมา ภควา เตหิ ิตทิสาย ‘‘อาโลกชาตา วิย เม, อานนฺท, เอสา ทิสา’’ติอาทินา วณฺณภณนาปเทเสน เต ภิกฺขู ปสํสติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ยสฺสํ ทิสายํ วคฺคุมุทาตีริยา ภิกฺขู วิหรนฺตี’’ติ. อปฺปฏิกูลาติ น ปฏิกูลา, มนาปา มโนหราติ อตฺโถ. ยสฺมิฺหิ ปเทเส สีลาทิคุณสมฺปนฺนา มเหสิโน วิหรนฺติ, ตํ กิฺจาปิ อุกฺกูลวิกูลวิสมทุคฺคาการํ, อถ โข มนุฺํ รมณียเมว. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;

ยตฺถ อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยก’’นฺติ. (ธ. ป. ๙๘);

ปหิเณยฺยาสีติ เปเสยฺยาสิ. สตฺถา อายสฺมนฺตานํ ทสฺสนกาโมติ เตสํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ปเหณาการทสฺสนํ. อิติ ภควา ยทตฺถํ เต ภิกฺขู ปณาเมสิ, ตมตฺถํ มตฺถกปฺปตฺตํ ทิสฺวา อารทฺธจิตฺโต เตสํ ทสฺสนกามตํ เถรสฺส อาโรเจสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อหํ อิเม อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทกรเณ ปณาเมสฺสามิ, อถ เต ภทฺโร อสฺสาชานีโย วิย กสาภิฆาเตน, เตน โจทิตา สํเวคปฺปตฺตา มมาราธนตฺถํ อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏนฺตา วายมนฺตา ขิปฺปเมว อรหตฺตํ สจฺฉิกริสฺสนฺตี’’ติ. อิทานิ เต อคฺคผลปฺปตฺเต ทิสฺวา ตาย อรหตฺตปฺปตฺติยา อาราธิตจิตฺโต เตสํ ทสฺสนกาโม หุตฺวา เอวํ ธมฺมภณฺฑาคาริกํ อาณาเปสิ.

โส ภิกฺขูติ อานนฺทตฺเถเรน ตถา อาณตฺโต ฉฬภิฺโ เอโก ภิกฺขุ. ปมุเขติ สมฺมุเข. อาเนฺชสมาธินาติ จตุตฺถชฺฌานปาทเกน อคฺคผลสมาธินา, ‘‘อรูปชฺฌานปาทเกนา’’ติปิ วทนฺติ. ‘‘อาเนฺเชน สมาธินา’’ติปิ ปาโ. กสฺมา ปน ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ อาคมนํ ชานนฺโต ปฏิสนฺถารํ อกตฺวา สมาปตฺตึเยว สมาปชฺชิ? เตสํ อตฺตนา สมาปนฺนสมาปตฺตึ ชานิตฺวา สมาปชฺชนตฺถํ, เตสํ ปุพฺเพ ปณามิตานํ อิทานิ อตฺตนา สมานสมฺโภคทสฺสนตฺถํ, อานุภาวทีปนตฺถํ, วินา วจีเภเทน อฺพฺยากรณทีปนตฺถฺจ. อปเร ปนาหุ ‘‘ปุพฺเพ ปณามิตานํ อิทานิ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตานํ อนุตฺตรสุขุปฺปาทเนน อนฺสาธารณปฏิสนฺถารกรณตฺถ’’นฺติ. เตปิ อายสฺมนฺโต ภควโต อชฺฌาสยํ ตฺวา ตํเยว สมาปตฺตึ สมาปชฺชึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘กตเมน นุ โข ภควา วิหาเรน เอตรหิ วิหรตี’’ติอาทิ.

เอตฺถ จ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ โกสชฺชาทีนํ ปาริปนฺติกธมฺมานํ สุวิทูรภาวโต อิทฺธิยา มูลภูเตหิ อโนณมนาทีหิ โสฬสหิ โวทานธมฺเมหิ สมนฺนาคมนโต อาเนฺชปฺปตฺตํ สยํ อนิฺชนฏฺเน อาเนฺชนฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อโนณตํ จิตฺตํ โกสชฺเช น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. อนุณฺณตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺเจ น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. อนภิรตํ จิตฺตํ ราเค น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. อนปนตํ จิตฺตํ พฺยาปาเท น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. อนิสฺสิตํ จิตฺตํ ทิฏฺิยา น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. อปฺปฏิพทฺธํ จิตฺตํ ฉนฺทราเค น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. วิปฺปมุตฺตํ จิตฺตํ กามราเค น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. วิสํยุตฺตํ จิตฺตํ กิเลเส น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. วิมริยาทิกตํ จิตฺตํ กิเลสมริยาทาย น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. เอกตฺตคตํ จิตฺตํ นานตฺตกิเลเส น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. สทฺธาย ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ อสฺสทฺธิเย น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. วีริเยน ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ โกสชฺเช น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. สติยา ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ ปมาเท น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. สมาธินา ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺเจ น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. ปฺาย ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ อวิชฺชาย น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. โอภาสคตํ จิตฺตํ อวิชฺชนฺธกาเร น อิฺชตีติ อาเนฺช’’นฺติ.

รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานเมว จ รูปวิราคภาวนาวเสน ปวตฺติตํ, อารมฺมณวิภาเคน จตุพฺพิธํ อรูปาวจรชฺฌานนฺติ เอเตสํ ปฺจนฺนํ ฌานานํ อาเนฺชโวหาโร. เตสํ ยํ กิฺจิ ปาทกํ กตฺวา สมาปนฺนา อรหตฺตผลสมาปตฺติ อาเนฺชสมาธีติ โปราณา.

อภิกฺกนฺตายาติ อตีตาย. นิกฺขนฺเตติ นิคฺคเต, อปคเตติ อตฺโถ. ตุณฺหี อโหสีติ ภควา อริเยน ตุณฺหีภาเวน ตุณฺหี อโหสิ. อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุคฺคเต อรุเณ, อรุโณ นาม ปุรตฺถิมทิสาย สูริโยทยโต ปุเรตรเมว อุฏฺิโตภาโส. นนฺทิมุขิยาติ รตฺติยา อรุณสฺส อุคฺคตตฺตา เอว อรุณปฺปภาย สูริยาโลกูปชีวิโน สตฺเต นนฺทาปนมุขิยา วิย รตฺติยา ชาตาย, วิภายมานายาติ อตฺโถ.

ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺหิตฺวาติ ยถาปริจฺเฉทํ ตโต อาเนฺชสมาธิโต อรหตฺตผลสมาปตฺติโต อุฏฺาย. สเจ โข ตฺวํ, อานนฺท, ชาเนยฺยาสีติ ภควา ‘‘อิเม จ ภิกฺขู เอตฺตกํ กาลํ อิมินา นาม สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺตี’’ติ, อานนฺท, ยทิ ตฺวํ ชาเนยฺยาสิ. เอตฺตกมฺปิ เต นปฺปฏิภาเสยฺยาติ โลกิยปฏิสมฺโมทนํ สนฺธาย ยทิทํ เต ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺตี’’ติอาทินา ติกฺขตฺตุํ ปฏิภานํ อุปฏฺิตํ, ตยิทํ เอตฺตกมฺปิ เต น อุปฏฺเหยฺย. ยสฺมา จ โข ตฺวํ, อานนฺท, เสกฺโข อเสกฺขํ สมาปตฺติวิหารํ น ชานาสิ, ตสฺมา มํ อิเมสํ ภิกฺขูนํ โลกิยปฏิสมฺโมทนํ กาเรตุํ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิ. อหํ ปน อิเมหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ โลกุตฺตรปฏิสมฺโมทเนเนว ติยามรตฺตึ วีตินาเมสินฺติ ทสฺเสนฺโต ภควา อาห – ‘‘อหฺจ, อานนฺท, อิมานิ จ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ สพฺเพว อาเนฺชสมาธินา นิสีทิมฺหา’’ติ.

เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เตสํ ภิกฺขูนํ อตฺตนา สมํ อาเนฺชสมาธิสมาปชฺชนสมตฺถตาสงฺขาตํ วสีภาวตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ เตสํ ภิกฺขูนํ อนวเสสราคาทิปฺปหานสํสิทฺธิตาทิสภาวทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ ยสฺส ชิโต กามกณฺฑโกติ กุสลปกฺขวิชฺฌนฏฺเน กณฺฑกภูโต กิเลสกาโม เยน อริยปุคฺคเลน อนวเสสํ ชิโต ปหีโน, เอเตนสฺส อนุนยาภาวํ ทสฺเสติ. ‘‘คามกณฺฏโก’’ติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – คาเม กณฺฏโก กณฺฏกฏฺานิโย สกโล วตฺถุกาโม ยสฺส ชิโตติ. ชโย จสฺส ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนเนว เวทิตพฺโพ, เตน เตสํ อนาคามิมคฺโค วุตฺโต โหติ . อกฺโกโส จ ชิโตติ สมฺพนฺโธ. วโธ จ พนฺธนฺจาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เตสุ อกฺโกสชเยน วจีทุจฺจริตาภาโว, อิตเรน กายทุจฺจริตาภาโว ทสฺสิโต. เตน ตํนิมิตฺตกสฺส พฺยาปาทสฺส อนวเสสปฺปหาเนน ตติยมคฺโค วุตฺโต โหติ. อถ วา อกฺโกสาทิชยวจเนน ตติยมคฺโค วุตฺโต โหติ, อกฺโกสาทีนํ อจฺจนฺตขมนํ ตตฺถ ปกาสิตํ โหติ, อุภยถาปิ เนสํ วิโรธาภาวํ ทสฺเสติ. ปพฺพโตวิย โส ิโต อเนโชติ เอชา วุจฺจติ จลนกิเลสปริปนฺโถ, เอชาเหตูนํ อวเสสกิเลสานํ อภาเวน อเนโช, อเนชตฺตาเยว สพฺพกิเลเสหิ ปรวาทวาเตหิ จ อกมฺปนียตฺตา ิโต เอกคฺฆนปพฺพตสทิโส. สุขทุกฺเขสุ น เวธติ ส ภิกฺขูติ โส ภินฺนกิเลโส ภิกฺขุ สุขทุกฺขนิมิตฺตํ น กมฺปตีติ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิติ ภควา เตสํ ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ อรหตฺตาธิคเมน ตาทิภาวปฺปตฺตึ เอกชฺฌํ กตฺวา เอกปุคฺคลาธิฏฺานํ อุทานํ อุทาเนสีติ.

ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๔. จตุตฺเถ ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวาติ อารมฺมณาภิมุขํ สตึ ปยิตฺวา มุขสมีเป กตฺวา. ตถา หิ วิภงฺเค วุตฺตํ –

‘‘อยํ สติ อุปฏฺิตา โหติ สุปฏฺิตา นาสิกคฺเค วา มุขนิมิตฺเต วา, เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ (วิภ. ๕๓๗).

อถ วา ‘‘ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ, มุขนฺติ นิยฺยานฏฺโ, สตีติ อุปฏฺานฏฺโ, เตน วุจฺจติ ‘ปริมุขํ สติ’’’นฺติ. เอวํ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๔) วุตฺตนเยนเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ปริคฺคหิตนิยฺยานสตึ กตฺวาติ. นิยฺยานนฺติ จ สติยา โอคาหิตพฺพํ อารมฺมณํ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ ปุริโม ปจฺฉิโม จ อตฺโถ สพฺพสงฺคาหกวเสน, อิตโร สมาปตฺติยา ปุพฺพภาคสมนฺนาหารวเสน ทฏฺพฺโพ. สตีติ วา สติสีเสน ฌานํ วุตฺตํ ‘‘เย กายคตาสตึ ปริภุฺชนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๑.๖๐๐) วิย. กตมํ ปน ตํ ฌานนฺติ? รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา สมาปนฺนํ อรหตฺตผลชฺฌานํ. กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพนฺติ? อาเนฺชสมาธิโยเคน เถรสฺส สวิเสสํ นิจฺจลภาวํ เกนจิ อกมฺปนียตฺจ ปพฺพโตปมาย ปกาเสนฺโต ภควา อิมํ อุทานํ อภาสีติ คาถาย เอว อยมตฺโถ วิฺายติ. น จายํ นิสชฺชา เถรสฺส สจฺจปฺปฏิเวธาย, อถ โข ทิฏฺธมฺมสุขวิหาราย. ปุพฺเพเยว หิ สูกรขตเลเณ (ม. นิ. ๒.๒๐๑) อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส ภควติ ธมฺมํ เทเสนฺเต อยํ มหาเถโร สจฺจปฺปฏิเวธกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปสีติ.

เอตมตฺถนฺติ เอตํ เถรสฺส อาเนฺชสมาธิโยเคน ตาทิภาวปฺปตฺติยา จ เกนจิ อกมฺปนียตาสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ ยถาปิ ปพฺพโต เสโลติ ยถา สิลามโย เอกคฺฆนสิลาปพฺพโต, น ปํสุปพฺพโต น มิสฺสกปพฺพโตติ อตฺโถ. อจโล สุปฺปติฏฺิโตติ สุปฺปติฏฺิตมูโล ปกติวาเตหิ อจโล อกมฺปนีโย โหติ. เอวํ โมหกฺขยา ภิกฺขุ, ปพฺพโตว น เวธตีติ โมหสฺส อนวเสสปฺปหานา โมหมูลกตฺตา จ สพฺพากุสลานํ ปหีนสพฺพากุสโล ภิกฺขุ, ยถา โส ปพฺพโต ปกติวาเตหิ, เอวํ โลกธมฺเมหิ น เวธติ น กมฺปติ. โมหกฺขโยติ วา ยสฺมา นิพฺพานํ อรหตฺตฺจ วุจฺจติ, ตสฺมา โมหกฺขยสฺส เหตุ นิพฺพานสฺส อรหตฺตสฺส วา อธิคตตฺตา จตูสุ อริยสจฺเจสุ สุปฺปติฏฺิโต อสมาปนฺนกาเลปิ ยถาวุตฺตปพฺพโต วิย น เกนจิ เวธติ, ปเคว สมาปนฺนกาเลติ อธิปฺปาโย.

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มหาโมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนา

๒๕. ปฺจเม กายคตาย สติยาติ กายานุปสฺสนาวเสน กาเย คตาย กายารมฺมณาย สติยา, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ อิทํ กรณวจนํ . อชฺฌตฺตนฺติ อิธ อชฺฌตฺตํ นาม นิยกชฺฌตฺตํ, ตสฺมา อตฺตนิ อตฺตสนฺตาเนติ อตฺโถ. อถ วา ยสฺมา กมฺมฏฺานภูโต เกสาทิโก ทฺวตฺตึสโกฏฺาสสมุทาโย อิธ กาโยติ อธิปฺเปโต, ตสฺมา อชฺฌตฺตนฺติ ปทสฺส โคจรชฺฌตฺตนฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สูปฏฺิตายาติ นิยกชฺฌตฺตภูเต โคจรชฺฌตฺตภูเต วา กาเย สุฏฺุ อุปฏฺิตาย. กา ปนายํ สติ, ยา ‘‘อชฺฌตฺตํ สูปฏฺิตา’’ติ วุตฺตา? ยฺวายํ ภควตา ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา โลมา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ม. นิ. ๑.๑๑๐; ขุ. ปา. ๓.ทฺวตฺตึสาการ) อชฺฌตฺตเกสาทิโก ทฺวตฺตึสากาโร กาโย วุตฺโต, ตตฺถ ยา ปฏิกูลมนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส อุปจารปฺปนาวเสน กาเย อุปฏฺิตา สติ, สา ‘‘กายคตา สตี’’ติ วุจฺจติ. ยถา จายํ, เอวํ อานาปานจตุอิริยาปถสติสมฺปชฺานํ วเสน อุทฺธุมาตกวินีลกาทิวเสน จ มนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส ยถารหํ อุปจารปฺปนาวเสน กาเย อุปฏฺิตา สติ ‘‘กายคตา สตี’’ติ วุจฺจติ. อิธ ปน อชฺฌตฺตํ กายคตา สติ ปถวีอาทิกา จตสฺโส ธาตุโย สสมฺภารสงฺเขปาทีสุ จตูสุ เยน เกนจิ เอเกนากาเรน ววตฺถเปตฺวา เตสํ อนิจฺจาทิลกฺขณสลฺลกฺขณวเสน อุปฏฺิตา วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตา สติ ‘‘กายคตา สตี’’ติ อธิปฺเปตา. เถโร ปน ตถา วิปสฺสิตฺวา อตฺตโน ผลสมาปตฺติเมว สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. อิธาปิ คาถาย เอวํ อิมสฺส อตฺถสฺส วิฺาตพฺพตา ‘‘น จายํ นิสชฺชา’’ติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรน โยเชตพฺพา.

เอตมตฺถนฺติ เอตํ เถรสฺส จตุธาตุววตฺถานมุเขน กายานุปสฺสนาสติปฏฺาเนน วิปสฺสนํ โอคาเหตฺวา ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ สติปฏฺานภาวนาย นิพฺพานาธิคมทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ สติ กายคตา อุปฏฺิตาติ ปุพฺเพ วุตฺตลกฺขณา สติ สทฺธาปุพฺพงฺคมานํ สมาธิวีริยปฺานํ ยถาสกํ กิจฺจนิปฺผาทเนน สหายภาวํ อาปนฺนตฺตา ปหีนปฺปฏิปกฺขา ตโต เอว ติกฺขวิสทภูตา จ ยถาวุตฺตกายสํวรณวเสน เอกตฺถสโมสรณวเสน จ อวิปรีตสภาวํ สลฺลกฺเขนฺตี อุปคนฺตฺวา ิตา โหติ, เอเตน กายสงฺขาตานํ จตุนฺนํ ธาตูนํ ตนฺนิสฺสิตานฺจ อุปาทารูปานํ สลฺลกฺขณวเสน, ปจฺจเย ววตฺถเปตฺวา ตโต ปรํ เตสํ อนิจฺจาทิลกฺขณสลฺลกฺขณวเสน จ ปวตฺตํ าณปรมฺปราคตํ สตึ ทสฺเสติ, สติสีเสน วา ตํสมฺปยุตฺตํ ปริฺาตฺตยปริยาปนฺนาณปรมฺปรเมว ทสฺเสติ. ฉสุ ผสฺสายตเนสุ สํวุโตติ ยถาวุตฺตาย กาเย อุปฏฺิตาย สติยา สมนฺนาคโต จกฺขาทีสุ ผสฺสสฺส การณภูเตสุ ฉสุ ทฺวาเรสุ กายานุปสฺสนาย อภาวิตาย อุปฺปชฺชนารหานํ อภิชฺฌาทีนํ ตสฺสา ภาวิตตฺตา าณปฺปวตฺตึ ปฏิเวเธนฺโต เต ปิทหนฺโต ‘‘ตตฺถ สํวุโต’’ติ วุจฺจติ, เอเตน าณสํวรํ ทสฺเสติ.

สตตํ ภิกฺขุ สมาหิโตติ โส ภิกฺขุ เอวํ อุปฏฺิตสฺสติ สพฺพตฺถ จ สํวุโต ปุถุตฺตารมฺมเณ จิตฺตํ อวิสฺสชฺเชตฺวา อนิจฺจาทิวเสน สมฺมสนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา าเณ ติกฺเข สูเร วหนฺเต วิปสฺสนาสมาธินา ตาว สตตํ นิรนฺตรํ สมาหิโต อนุโลมาณานนฺตรํ โคตฺรภุาโณทยโต ปฏฺาย. ชฺา นิพฺพานมตฺตโนติ อฺเสํ ปุถุชฺชนานํ สุปินนฺเตปิ อโคจรภาวโต, อริยานํ ปน ตสฺส ตสฺเสว อาเวณิกตฺตา อตฺตสทิสตฺตา จ ‘‘อตฺตา’’ติ ลทฺธโวหารสฺส มคฺคผลาณสฺส สาติสยวิสยภาวโต เอกนฺตสุขาวหํ นิพฺพานํ อสงฺขตธาตุ ‘‘อตฺตโน’’ติ วุตฺตํ, ตํ นิพฺพานํ ชฺา ชาเนยฺย, มคฺคผลาเณหิ ปฏิวิชฺเฌยฺย, สจฺฉิกเรยฺยาติ อตฺโถ. เอเตน อริยานํ นิพฺพาเน อธิมุตฺตตํ ทสฺเสติ. อริยา หิ อธิจิตฺตปฺปวตฺติกาเลปิ เอกนฺเตเนว นิพฺพาเน นินฺนโปณปพฺภารภาเวน วิหรนฺติ. เอตฺถ จ ยสฺส สติ กายคตา อุปฏฺิตา, โส ภิกฺขุ ฉสุ ผสฺสายตเนสุ สํวุโต, ตโต เอว สตตํ สมาหิโต อตฺตปจฺจกฺขกรเณน นิพฺพานํ อตฺตโน ชาเนยฺยาติ เอวํ คาถาปทานํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. เอวํ กายานุปสฺสนาสติปฏฺานมุเขน ยาว อรหตฺตา เอกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมคฺคํ ทสฺเสติ ธมฺมราชา.

อปโร นโย – สติ กายคตา อุปฏฺิตาติ เอเตน กายานุปสฺสนาสติปฏฺานํ ทสฺเสติ. ฉสุ ผสฺสายตเนสุ สํวุโตติ ผสฺโส อายตนํ การณํ เอเตสนฺติ ผสฺสายตนานิ, เตสุ ผสฺสายตเนสุ. ผสฺสเหตุเกสุ ผสฺสปจฺจยา นิพฺพตฺเตสุ ฉสุ จกฺขุสมฺผสฺสชาทิเวทยิเตสุ ตณฺหาทีนํ อปฺปวตฺติยา สํวุโต, เอเตน เวทนานุปสฺสนาสติปฏฺานํ ทสฺเสติ. สตตํ ภิกฺขุ สมาหิโตติ สตตํ นิจฺจกาลํ นิรนฺตรํ วิกฺเขปาภาวโต สมาหิโต ภิกฺขุ. โส จายํ อวิกฺเขโป สพฺพโส สติปฏฺานภาวนาย มตฺถกปฺปตฺตาย โหติ. สมฺมสนฺโต หิ อตีตาทิเภทภินฺเนสุ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธสุ อนวเสสโตว ปริคฺคเหตฺวา สมฺมสตีติ. เอเตน เสสสติปฏฺาเน ทสฺเสติ. ชฺา นิพฺพานมตฺตโนติ เอวํ จตุสติปฏฺานภาวนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ิโต ภินฺนกิเลโส ภิกฺขุ อตฺตโน กิเลสนิพฺพานํ ปจฺจเวกฺขณาเณน สยเมว ชาเนยฺยาติ อตฺโถ.

อถ วา สติ กายคตา อุปฏฺิตาติ อตฺตโน ปเรสฺจ กายสฺส ยถาสภาวปริฺาทีปเนน เถรสฺส สติเวปุลฺลปฺปตฺติ ทีปิตา. ฉสุ ผสฺสายตเนสุ สํวุโตติ จกฺขาทีสุ ฉสุ ทฺวาเรสุ อจฺจนฺตสํวรทีปเนน สตตวิหาริวเสน เถรสฺส สมฺปชฺปฺปกาสินี ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติ ทีปิตา. สตตํ ภิกฺขุ สมาหิโตติ สมาปตฺติพหุลตาทสฺสเนน นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติโย ทสฺสิตา. เอวํภูโต ปน ภิกฺขุ ชฺา นิพฺพานมตฺตโนติ กตกิจฺจตฺตา อุตฺตริ กรณียาภาวโต เกวลํ อตฺตโน อนุปาทิเสสนิพฺพานเมว ชาเนยฺย จินฺเตยฺย, อฺมฺปิ ตสฺส จินฺเตตพฺพํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย.

ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ปิลินฺทวจฺฉสุตฺตวณฺณนา

๒๖. ฉฏฺเ ปิลินฺทวจฺโฉติ ปิลินฺทาติสฺส นามํ, วจฺโฉติ โคตฺตวเสน เถรํ สฺชานนฺติ. วสลวาเทน สมุทาจรตีติ ‘‘เอหิ, วสล, อเปหิ, วสลา’’ติอาทินา ภิกฺขู วสลวาเทน โวหรติ อาลปติ. สมฺพหุลา ภิกฺขูติ พหู ภิกฺขู. เต เถรํ ตถา สมุทาจรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อรหาว สมาโน อปฺปหีนวาสนตฺตา เอวํ ภณตี’’ติ อชานนฺตา ‘‘โทสนฺตโร มฺเ อยํ เถโร เอวํ สมุทาจรตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุลฺลปนาธิปฺปายา ตํ ตโต วุฏฺาเปตุํ ภควโต อาโรเจสุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, ปิลินฺทวจฺโฉ ภิกฺขู วสลวาเทน สมุทาจรตี’’ติ. เกจิ ปนาหุ – ‘‘อิมํ เถรํ ภิกฺขู ‘อรหา’ติ สฺชานนฺติ, อยฺจ ภิกฺขู ผรุสวจเนน เอวํ สมุทาจรติ, ‘อภูโต เอว นุ โข อิมสฺมึ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม’ติ วาสนาวเสน ตสฺส ตถา สมุทาจารํ อชานนฺตา อริยภาวฺจสฺส อสทฺทหนฺตา อุชฺฌานสฺิโน ภควโต ตมตฺถํ อาโรเจสุ’’นฺติ. ภควา เถรสฺส โทสนฺตราภาวํ ปกาเสตุกาโม เอเกน ภิกฺขุนา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา สมฺมุขา ตสฺส ‘‘ปุพฺพาจิณฺณวเสนายํ ตถา สมุทาจรติ, น ผรุสวจนาธิปฺปาโย’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสี’’ติอาทิ.

ตตฺถ ปุพฺเพนิวาสํ มนสิ กริตฺวาติ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, วจฺฉ, ภิกฺขู วสลวาเทน สมุทาจรสี’’ติ เถรํ ปุจฺฉิตฺวา เตน ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ วจฺโฉ กิเลสวาสนาย วสลวาทํ น ปริจฺจชติ, กึ นุ โข อตีเตสุปิ อตฺตภาเวสุ พฺราหฺมณชาติโก อโหสี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ปุพฺเพนิวาสาเณน สพฺพฺุตฺาเณน วา ตสฺส ปุพฺเพนิวาสํ อตีตาสุ ชาตีสุ นิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตานํ มนสิ กริตฺวา หตฺถตเล ปิตํ อามลกํ วิย ปจฺจกฺขกรณวเสน อตฺตโน มนสิ กตฺวา. ภิกฺขู อามนฺเตสีติ เต ภิกฺขู สฺาเปตุํ อาลปิ, อภาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘มา โข ตุมฺเห, ภิกฺขเว’’ติอาทิ.

ตตฺถ มาติ ปฏิเสเธ นิปาโต, ตสฺส ‘‘อุชฺฌายิตฺถา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. มา อุชฺฌายิตฺถาติ มา เหฏฺา กตฺวา จินฺตยิตฺถ, โอโลกยิตฺถาติ อตฺโถ. วจฺฉสฺส ภิกฺขุโนติ จ อุชฺฌายนสฺส อุสูยนตฺถตฺตา สมฺปทานวจนํ. อิทานิสฺส อนุชฺฌายิตพฺเพ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘น, ภิกฺขเว, วจฺโฉ โทสนฺตโร ภิกฺขู วสลวาเทน สมุทาจรตี’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, อยํ วจฺโฉ โทสนฺตโร โทสจิตฺโต โทเสน พฺยาปาเทน ทูสิตจิตฺโต หุตฺวา ภิกฺขู วสลวาเทน น สมุทาจรติ , มคฺเคเนว จสฺส พฺยาปาโท สมุคฺฆาติโต. เอวํ อโทสนฺตรตฺเตปิ ตสฺส ตถา สมุทาจารสฺส ปุริมชาติสิทฺธํ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วจฺฉสฺส, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ อพฺโพกิณฺณานีติ ขตฺติยาทิชาติอนฺตเรหิ อโวมิสฺสานิ อนนฺตริตานิ. ปฺจ ชาติสตานิ พฺราหฺมณกุเล ปจฺจาชาตานีติ สพฺพานิ ตานิ วจฺฉสฺส ปฺจ ชาติสตานิ ปฏิปาฏิยา พฺราหฺมณกุเล เอว ชาตานิ, อเหสุนฺติ อตฺโถ. โส ตสฺส วสลวาโท ทีฆรตฺตํ สมุทาจิณฺโณติ โย เอตรหิ ขีณาสเวนปิ สตา ปวตฺติยติ, โส ตสฺส วจฺฉสฺส ภิกฺขุโน วสลวาโท ทีฆรตฺตํ อิโต ชาติโต ปฏฺาย อุทฺธํ อาโรหนวเสน ปฺจชาติสตมตฺตํ กาลํ พฺราหฺมณชาติกตฺตา สมุทาจิณฺโณ สมุทาจริโต อโหสิ. พฺราหฺมณา หิ ชาติสิทฺเธน มาเนน ถทฺธา อฺํ วสลวาเทน สมุทาจรนฺติ. ‘‘อชฺฌาจิณฺโณ’’ติปิ ปนฺติ, โส เอว อตฺโถ. เตนาติ เตน ทีฆรตฺตํ ตถา สมุทาจิณฺณภาเวน, เอเตนสฺส ตถา สมุทาจารสฺส การณํ วาสนาติ ทสฺเสติ. กา ปนายํ วาสนา นาม? ยํ กิเลสรหิตสฺสาปิ สนฺตาเน อปฺปหีนกิเลสานํ สมาจารสทิสสมาจารเหตุภูตํ, อนาทิกาลภาวิเตหิ กิเลเสหิ อาหิตํ สามตฺถิยมตฺตํ, ตถารูปา อธิมุตฺตีติ วทนฺติ. ตํ ปเนตํ อภินีหารสมฺปตฺติยา เยฺยาวรณปฺปหานวเสน ยตฺถ กิเลสา ปหีนา, ตตฺถ ภควโต สนฺตาเน นตฺถิ. ยตฺถ ปน ตถา กิเลสา น ปหีนา, ตตฺถ สาวกานํ ปจฺเจกพุทฺธานฺจ สนฺตาเน อตฺถิ, ตโต ตถาคโตว อนาวรณาณทสฺสโน.

เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต ปิลินฺทวจฺฉสฺส สติปิ วสลสมุทาจาเร โทสนฺตราภาวสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ ตสฺส อคฺคผลาธิคมวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ ยมฺหิ น มายา วสติ น มาโนติ ยสฺมึ อริยปุคฺคเล สนฺตโทสปฺปฏิจฺฉาทนลกฺขณา มายา, ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา สมฺปคฺคหวเสน ปวตฺโต อุณฺณติลกฺขโณ มาโน จ น วสติ, มคฺเคน สมุคฺฆาติตตฺตา น ปวตฺตติ น อุปฺปชฺชติ. โย วีตโลโภ อมโม นิราโสติ โย จ ราคาทิปริยายวเสน ปวตฺตสฺส อารมฺมณคฺคหณลกฺขณสฺส โลภสฺส สพฺพถา วิคตตฺตา วีตโลโภ, ตโต เอว รูปาทีสุ กตฺถจิ มมายนาภาวโต อมโม อปริคฺคโห, อนาคตานมฺปิ ภวาทีนํ อนาสีสนโต นิราโส. ปนุณฺณโกโธติ กุชฺฌนลกฺขณสฺส โกธสฺส อนาคามิมคฺเคน สพฺพโส ปหีนตฺตา ปนุณฺณโกโธ สมุจฺฉินฺนาฆาโต. อภินิพฺพุตตฺโตติ โย เอวํ มายามานโลภโกธานํ สมุคฺฆาเตน ตเทกฏฺตาย สพฺพสฺส สํกิเลสปกฺขสฺส สุปฺปหีนตฺตา สพฺพโส กิเลสปรินิพฺพาเนน อภินิพฺพุตจิตฺโต สีติภูโต. โส พฺราหฺมโณโส สมโณ ส ภิกฺขูติ โส เอวรูโป ขีณาสโว สพฺพโส พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ, โส เอว สมิตปาปตฺตา สมจริยาย จ สมโณ, โส เอว จ สพฺพโส ภินฺนกิเลสตฺตา ภิกฺขุ นาม. เอวํภูโต จ, ภิกฺขเว, วจฺโฉ โส กถํ โทสนฺตโร กิฺจิ กายกมฺมาทึ ปวตฺเตยฺย, เกวลํ ปน วาสนาย อปฺปหีนตฺตา วสลวาเทน สมุทาจรตีติ.

ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สกฺกุทานสุตฺตวณฺณนา

๒๗. สตฺตเม สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺโน โหติ อฺตรํ สมาธึ สมาปชฺชิตฺวาติ เอตฺถ เกจิ ตาว อาหุ ‘‘อรหตฺตผลสมาธิ อิธ ‘อฺตโร สมาธี’ติ อธิปฺเปโต’’ติ. ตฺหิ โส อายสฺมา พหุลํ สมาปชฺชติ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ, ปโหติ จ สตฺตาหมฺปิ ผลสมาปตฺติยา วีตินาเมตุํ. ตถา หิ ภควตา –

‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ วิวิจฺเจว กาเมหิ, วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ…เป… วิหรามิ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… วิหรตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๒) –

อาทินา นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาทิเภเท อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมฏฺาเน ปิโต, น เจตฺถ ‘‘ยทิ เอวํ เถโร ยมกปาฏิหาริยมฺปิ กเรยฺยา’’ติ วตฺตพฺพํ สาวกสาธารณานํเยว ฌานาทีนํ อธิปฺเปตตฺตาติ.

โปราณา ปนาหุ – อฺตรํ สมาธึ สมาปชฺชิตฺวาติ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา. กถํ ปน นิโรธสมาปตฺติ สมาธีติ วุตฺตา? สมาธานฏฺเน. โก ปนายํ สมาธานฏฺโ? สมฺมเทว อาธาตพฺพตา. ยา หิ เอสา ปจฺจนีกธมฺเมหิ อกมฺปนียา พลปฺปตฺติยา สมถพลํ วิปสฺสนาพลนฺติ อิเมหิ ทฺวีหิ พเลหิ, อนิจฺจทุกฺขานตฺตนิพฺพิทาวิราคนิโรธปฏินิสฺสคฺควิวฏฺฏานุปสฺสนา จตฺตาริ มคฺคาณานิ จตฺตาริ จ ผลาณานีติ อิเมสํ โสฬสนฺนํ าณานํ วเสน โสฬสหิ าณจริยาหิ, ปมชฺฌานสมาธิอาทโย อฏฺ สมาธี เอกชฺฌํ กตฺวา คหิโต เตสํ อุปจารสมาธิ จาติ อิเมสํ นวนฺนํ สมาธีนํ วเสน นวหิ สมาธิจริยาหิ กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร จิตฺตสงฺขาโรติ อิเมสํ ติณฺณํ สงฺขารานํ ตตฺถ ตตฺถ ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา ตถา วิหริตุกาเมน ยถาวุตฺเตสุ าเนสุ วสีภาวปฺปตฺเตน อรหตา อนาคามินา วา ยถาธิปฺเปตํ กาลํ จิตฺตเจตสิกสนฺตานสฺส สมฺมเทว อปฺปวตฺติ อาธาตพฺพา, ตสฺสา ตถา สมาธาตพฺพตา อิธ สมาธานฏฺโ, เตนายํ วิหาโร สมาธีติ วุตฺโต, น อวิกฺเขปฏฺเน. เอเตนสฺส สมาปตฺติอตฺโถปิ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. อิมฺหิ นิโรธสมาปตฺตึ สนฺธาย ปฏิสมฺภิทามคฺเค –

‘‘กถํ ทฺวีหิ พเลหิ สมนฺนาคตตฺตา ติณฺณํ สงฺขารานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา โสฬสหิ าณจริยาหิ นวหิ สมาธิจริยาหิ วสีภาวตาย สฺานิโรธสมาปตฺติยา าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๘๓) –

ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทฺวีหิ พเลหี’’ติ ทฺเว พลานิ สมถพลํ วิปสฺสนาพลนฺติ วิตฺถาโร. สายํ นิโรธสมาปตฺติกถา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๘๖๗ อาทโย) สํวณฺณิตาว. กสฺมา ปนายํ เถโร ผลสมาปตฺตึ อสมาปชฺชิตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชิ? สตฺเตสุ อนุกมฺปาย. อยฺหิ มหาเถโร สพฺพาปิ สมาปตฺติโย วฬฺเชติ, สตฺตานุคฺคเหน ปน เยภุยฺเยน นิโรธํ สมาปชฺชติ. ตฺหิ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺิตสฺส กโต อปฺปโกปิ สกฺกาโร วิเสสโต มหปฺผโล มหานิสํโส โหตีติ.

วุฏฺาสีติ อรหตฺตผลจิตฺตุปฺปตฺติยา วุฏฺาสิ. นิโรธํ สมาปนฺโน หิ อรหา เจ อรหตฺตผลสฺส, อนาคามี เจ อนาคามิผลสฺส อุปฺปาเทน วุฏฺิโต นาม โหติ.

เตน โข ปน สมเยน สกฺโก เทวานมินฺโท อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ปิณฺฑปาตํ ทาตุกาโม โหตีติ กถํ ตสฺส ทาตุกามตา ชาตา? ยานิ ‘‘ตานิ ปฺจมตฺตานิ เทวตาสตานี’’ติ วุตฺตานิ, ตา สกฺกสฺส เทวรฺโ ปริจาริกา กกุฏปาทินิโย ปุพฺเพ ‘‘อยฺโย มหากสฺสโป ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, คจฺฉถ เถรสฺส ทานํ เทถา’’ติ สกฺเกน เปสิตา อุปคนฺตฺวา ทิพฺพาหารํ ทาตุกามา ิตา เถเรน ปฏิกฺขิตฺตา เทวโลกเมว คตา. อิทานิ ปุริมปฺปฏิกฺเขปํ จินฺเตตฺวา ‘‘กทาจิ คณฺเหยฺยา’’ติ สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส เถรสฺส ทานํ ทาตุกามา สกฺกสฺส อนาโรเจตฺวา สยเมว อาคนฺตฺวา ทิพฺพโภชนานิ อุปเนนฺติโย ปุริมนเยเนว เถเรน ปฏิกฺขิตฺตา เทวโลกํ คนฺตฺวา สกฺเกน ‘‘กหํ คตตฺถา’’ติ ปุฏฺา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ทินฺโน โว เถรสฺส ปิณฺฑปาโต’’ติ สกฺเกน วุตฺเต ‘‘คณฺหิตุํ น อิจฺฉตี’’ติ. ‘‘กึ กเถสี’’ติ? ‘‘‘ทุคฺคตานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’ติ อาห, เทวา’’ติ. ‘‘ตุมฺเห เกนากาเรน คตา’’ติ? ‘‘อิมินาว, เทวา’’ติ. สกฺโก ‘‘ตุมฺหาทิสิโย เถรสฺส ปิณฺฑปาตํ กึ ทสฺสนฺตี’’ติ? สยํ ทาตุกาโม, ชราชิณฺโณ ขณฺฑทนฺโต ปลิตเกโส โอภคฺคสรีโร มหลฺลโก ตนฺตวาโย หุตฺวา, สุชมฺปิ อสุรธีตรํ ตถารูปิเมว มหลฺลิกํ กตฺวา, เอกํ เปสการวีถึ มาเปตฺวา ตนฺตํ ปสาเรนฺโต อจฺฉิ, สุชา ตสรํ ปูเรติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน สกฺโก เทวานมินฺโท…เป… ตสรํ ปูเรตี’’ติ.

ตตฺถ ตนฺตํ วินาตีติ ปสาริตตนฺตํ วินนฺโต วิย โหติ. ตสรํ ปูเรตีติ ตสรวฏฺฏึ วฑฺเฒนฺตี วิย. เยน สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมีติ เถโร นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ‘‘ทุคฺคตชนสงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ นคราภิมุโข คจฺฉนฺโต พหินคเร สกฺเกน มาปิตํ เปสการวีถึ ปฏิปชฺชิตฺวา โอโลเกนฺโต อทฺทส โอลุคฺควิลุคฺคชิณฺณสาลํ ตตฺถ จ เต ชายมฺปติเก ยถาวุตฺตรูเป ตนฺตวายกมฺมํ กโรนฺเต ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มหลฺลกกาเลปิ กมฺมํ กโรนฺติ. อิมสฺมึ นคเร อิเมหิ ทุคฺคตตรา นตฺถิ มฺเ. อิเมหิ ทินฺนํ สากมตฺตมฺปิ คเหตฺวา อิเมสํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ. โส เตสํ เคหาภิมุโข อคมาสิ. สกฺโก ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สุชํ อาห – ‘‘ภทฺเท, มยฺหํ อยฺโย อิโต อาคจฺฉติ, ตํ ตฺวํ อปสฺสนฺตี วิย ตุณฺหี หุตฺวา นิสีท. ขเณเนว วฺเจตฺวา ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามา’’ติ เถโร คนฺตฺวา เคหทฺวาเร อฏฺาสิ. เตปิ อปสฺสนฺตา วิย อตฺตโน กมฺมเมว กโรนฺตา โถกํ อาคมยึสุ. อถ สกฺโก ‘‘เคหทฺวาเร ิโต เอโก เถโร วิย ขายติ, อุปธาเรหิ ตาวา’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเห คนฺตฺวา อุปธาเรถ, สามี’’ติ. โส เคหา นิกฺขมิตฺวา เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ชณฺณุกานิ โอลุมฺพิตฺวา นิตฺถุนนฺโต อุฏฺาย ‘‘กตรตฺเถโร นุ โข อยฺโย’’ติ โถกํ โอสกฺกิตฺวา ‘‘อกฺขีนิ เม ธูมายนฺตี’’ติ วตฺวา นลาเฏ หตฺถํ เปตฺวา อุทฺธํ อุลฺโลเกตฺวา ‘‘อโห ทุกฺขํ อยฺโย โน มหากสฺสปตฺเถโรว จิรสฺสํ เม กุฏิทฺวารํ อาคโต. อตฺถิ นุ โข กิฺจิ เคเห’’ติ อาห. สุชา โถกํ อากุลา วิย หุตฺวา ‘‘อตฺถิ, สามี’’ติ ปฏิวจนํ อทาสิ. สกฺโก, ‘‘ภนฺเต, ลูขํ วา ปณีตํ วาติ อจินฺเตตฺวา สงฺคหํ โน กโรถา’’ติ ปตฺตํ คณฺหิ. เถโร ปตฺตํ เทนฺโต ‘‘อิเมสํ เอว ทุคฺคตานํ ชราชิณฺณานํ มยา สงฺคโห กาตพฺโพ’’ติ จินฺเตสิ. โส อนฺโต ปวิสิตฺวา ฆฏิโอทนํ นาม ฆฏิโต อุทฺธริตฺวา, ปตฺตํ ปูเรตฺวา, เถรสฺส หตฺเถ เปสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อทฺทสา โข สกฺโก เทวานมินฺโท…เป… อทาสี’’ติ.

ตตฺถ ฆฏิยาติ ภตฺตฆฏิโต. ‘‘ฆฏิโอทน’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺส ฆฏิโอทนํ นาม เทวานํ โกจิ อาหารวิเสโสติ อตฺถํ วทนฺติ. อุทฺธริตฺวาติ กุโตจิ ภาชนโต อุทฺธริตฺวา. อเนกสูโป โส เอว อาหาโร ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา เถรสฺส หตฺเถ ปนกาเล กปณานํ อุปกปฺปนกลูขาหาโร วิย ปฺายิตฺถ, หตฺเถ ปิตมตฺเต ปน อตฺตโน ทิพฺพสภาเวเนว อฏฺาสิ. อเนกสูโปติ มุคฺคมาสาทิสูเปหิ เจว ขชฺชวิกตีหิ จ อเนกวิธสูโป. อเนกพฺยฺชโนติ นานาวิธอุตฺตริภงฺโค. อเนกรสพฺยฺชโนติ อเนเกหิ สูเปหิ เจว พฺยฺชเนหิ จ มธุราทิมูลรสานฺเจว สมฺภินฺนรสานฺจ อภิพฺยฺชโก, นานคฺครสสูปพฺยฺชโนติ อตฺโถ.

โส กิร ปิณฺฑปาโต เถรสฺส หตฺเถ ปิตกาเล ราชคหนครํ อตฺตโน ทิพฺพคนฺเธน อชฺโฌตฺถริ, ตโต เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปุริโส อปฺเปสกฺโข, ปิณฺฑปาโต อติวิย ปณีโต สกฺกสฺส โภชนสทิโส. โก นุ โข เอโส’’ติ? อถ นํ ‘‘สกฺโก’’ติ ตฺวา อาห – ‘‘ภาริยํ เต, โกสิย, กมฺมํ กตํ ทุคฺคตานํ สมฺปตฺตึ วิลุมฺปนฺเตน, อชฺช มยฺหํ ทานํ ทตฺวา โกจิเทว ทุคฺคโต เสนาปติฏฺานํ วา เสฏฺิฏฺานํ วา ลเภยฺยา’’ติ. ‘‘โก มยา ทุคฺคตตโร อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘กถํ ตฺวํ ทุคฺคโต เทวรชฺชสิรึ อนุภวนฺโต’’ติ? ‘‘ภนฺเต, เอวํ นาเมตํ, มยา ปน อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ กลฺยาณกมฺมํ กตํ, พุทฺธุปฺปาเท ปน วตฺตมาเน ปุฺกมฺมํ กตฺวา จูฬรถเทวปุตฺโต มหารถเทวปุตฺโต อเนกวณฺณเทวปุตฺโตติ อิเม ตโย เทวปุตฺตา มมาสนฺนฏฺาเน นิพฺพตฺตา มหาเตชวนฺตตรา. อหํ เตสุ เทวปุตฺเตสุ ‘นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’ติ ปริจาริกาโย คเหตฺวา อนฺตรวีถึ โอติณฺเณสุ ปลายิตฺวา เคหํ ปวิสามิ. เตสฺหิ สรีรโต เตโช มม สรีรํ โอตฺถรติ, มม สรีรโต เตโช เตสํ สรีรํ น โอตฺถรติ. โก มยา ทุคฺคตตโร, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เอวํ สนฺเตปิ อิโต ปฏฺาย มยฺหํ มา เอวํ วฺเจตฺวา ทานมทาสี’’ติ. ‘‘วฺเจตฺวา ตุมฺหากํ ทาเน ทินฺเน มยฺหํ กุสลํ อตฺถิ นตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, อาวุโส’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต กุสลกรณํ นาม มยฺหํ ภาโร, ภนฺเต’’ติ วตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา สุชํ อาทาย เถรํ ปทกฺขิณํ กตฺวา, เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ, กสฺสเป สุปฺปติฏฺิต’’นฺติ ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส เอตทโหสี’’ติอาทิ.

ตตฺถ โกสิยาติ สกฺกํ เทวานมินฺทํ โคตฺเตน อาลปติ. ปุฺเน อตฺโถติ ปุฺเน ปโยชนํ. อตฺถีติ วจนเสโส. เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวาติ ปถวิโต เวหาสํ อภิอุคฺคนฺตฺวา. อากาเส อนฺตลิกฺเขติ อากาสเมว ปริยายสทฺเทน อนฺตลิกฺเขติ วทนฺติ. อถ วา อนฺตลิกฺขสงฺขาเต อากาเส น กสิณุคฺฆาฏิมาทิอากาเสติ วิเสเสนฺโต วทติ. อโห ทานนฺติ เอตฺถ อโหติ อจฺฉริยตฺเถ นิปาโต. สกฺโก หิ เทวานมินฺโท, ‘‘ยสฺมา นิโรธา วุฏฺิตสฺส อยฺยสฺส มหากสฺสปตฺเถรสฺส สกฺกจฺจํ สหตฺเถน จิตฺตีกตฺวา อนปวิทฺธํ กาเลน ปเรสํ อนุปหจฺจ, สมฺมาทิฏฺึ ปุรกฺขตฺวา อิทมีทิสํ มยา ทิพฺพโภชนทานํ ทินฺนํ, ตสฺมา เขตฺตสมฺปตฺติ เทยฺยธมฺมสมฺปตฺติ จิตฺตสมฺปตฺตีติ, ติวิธายปิ สมฺปตฺติยา สมนฺนาคตตฺตา สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ วต มยา ทานํ ปวตฺติต’’นฺติ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต ตทา อตฺตโน หทยพฺภนฺตรคตํ ปีติโสมนสฺสํ สมุคฺคิรนฺโต ‘‘อโห ทาน’’นฺติ วตฺวา ตสฺส ทานสฺส วุตฺตนเยน อุตฺตมทานภาวํ เขตฺตงฺคตภาวฺจ ปกาเสนฺโต ‘‘ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิต’’นฺติ อุทานํ อุทาเนสิ.

เอวํ ปน สกฺกสฺส อุทาเนนฺตสฺส ภควา วิหาเร ิโตเยว ทิพฺพโสเตน สทฺทํ สุตฺวา ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, สกฺกํ เทวานมินฺทํ อุทานํ อุทาเนตฺวา อากาเสน คจฺฉนฺต’’นฺติ ภิกฺขูนํ วตฺวา เตหิ ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เตน กต’’นฺติ ปุฏฺโ ‘‘มม ปุตฺตสฺส กสฺสปสฺส วฺเจตฺวา ทานํ อทาสิ, เตน จ อตฺตมโน อุทาเนสี’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ ‘‘อสฺโสสิ โข ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา’’ติอาทิ.

ตตฺถ ทิพฺพาย โสตธาตุยาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพา. เทวตานฺหิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตา ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธา อุปกฺกิเลสวินิมุตฺตตาย ทูเรปิ อารมฺมณํ คเหตุํ สมตฺถา ทิพฺพปสาทโสตธาตุ โหติ. อยฺจาปิ ภควโต วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺตา าณมยา โสตธาตุ ตาทิสา เอวาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพา. อปิ จ ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลทฺธตฺตา อตฺตนา จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาปิ ทิพฺพา. สวนฏฺเน จ สภาวธารณฏฺเน จ โสตธาตุ, โสตธาตุยาปิ กิจฺจกรเณน โสตธาตุ วิยาติ โสตธาตุ, ตาย ทิพฺพาย โสตธาตุยา. วิสุทฺธายาติ ปริสุทฺธาย นิรุปกฺกิเลสาย. อติกฺกนฺตมานุสิกายาติ มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา สทฺทสฺสวเนน มานุสิกมํสโสตธาตุํ อติกฺกมิตฺวา ิตาย.

เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ‘‘สมฺมาปฏิปตฺติยา คุณวิเสเส ปติฏฺิตํ ปุริสาติสยํ เทวาปิ มนุสฺสาปิ อาทรชาตา อติวิย ปิหยนฺตี’’ติ อิมมตฺถํ วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺร ปิณฺฑปาติกงฺคสงฺขาตํ ธุตงฺคํ สมาทาย ตสฺส ปริปูรเณน ปิณฺฑปาติกสฺส. นนุ จายํ คาถา อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ นิมิตฺตํ กตฺวา ภาสิตา, เถโร จ สพฺเพสํ ธุตวาทานํ อคฺโค เตรสธุตงฺคธโร, โส กสฺมา เอเกเนว ธุตงฺเคน กิตฺติโตติ? อฏฺุปฺปตฺติวเสนายํ นิทฺเทโส. อถ วา เทสนามตฺตเมตํ, อิมินา เทสนาสีเสน สพฺเพปิสฺส ธุตงฺคา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อถ วา ‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผ’’นฺติ (ธ. ป. ๔๙) คาถาย วุตฺตนเยน ปรมปฺปิจฺฉตาย กุลานุทฺทยตาย จสฺส สพฺพํ ปิณฺฑปาติกวตฺตํ อกฺขณฺเฑตฺวา ตตฺถ สาติสยํ ปฏิปตฺติยา ปกาสนตฺถํ ‘‘ปิณฺฑปาติกสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ปิณฺฑปาติกสฺสาติ จ ปิหยนฺตีติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา สมฺปทานวจนํ, ตํ อุปโยคตฺเถ ทฏฺพฺพํ. อตฺตภรสฺสาติ ‘‘อปฺปานิ จ ตานิ สุลภานิ อนวชฺชานี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๗; อิติวุ. ๑๐๑) เอวํ วุตฺเตหิ อปฺปานวชฺชสุลภรูเปหิ จตูหิ ปจฺจเยหิ อตฺตานเมว ภรนฺตสฺส. อนฺโปสิโนติ อามิสสงฺคณฺหเนน อฺเ สิสฺสาทิเก โปเสตุํ อนุสฺสุกฺกตาย อนฺโปสิโน. ปททฺวเยนสฺส กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน วิจรณโต สลฺลหุกวุตฺติตํ สุภรตํ ปรมฺจ สนฺตุฏฺึ ทสฺเสติ. อถ วา อตฺตภรสฺสาติ เอกวจนิจฺฉาย อตฺตภาวสงฺขาตํ เอกํเยว อิมํ อตฺตานํ ภรติ, น อิโต ปรํ อฺนฺติ อตฺตภโร, ตโต เอว อตฺตนา อฺสฺส โปเสตพฺพสฺส อภาวโต อนฺโปสี, ตสฺส อตฺตภรสฺส อนฺโปสิโน. ปททฺวเยนปิ ขีณาสวภาเวน อายตึ อนาทานตํ ทสฺเสติ.

เทวาปิหยนฺติ…เป… สตีมโตติ ตํ อคฺคผลาธิคเมน สพฺพกิเลสทรถปริฬาหานํ วูปสเมน ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อุปสนฺตํ, สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา นิจฺจกาลํ สโตการิตาย สติมนฺตํ, ตโต เอว อิฏฺานิฏฺาทีสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺตํ ขีณาสวํ สกฺกาทโย เทวา ปิหยนฺติ ปตฺเถนฺติ, ตสฺส สีลาทิคุณวิเสเสสุ พหุมานํ อุปฺปาเทนฺตา อาทรํ ชเนนฺติ, ปเคว มนุสฺสาติ.

สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ปิณฺฑปาติกสุตฺตวณฺณนา

๒๘. อฏฺเม ปจฺฉาภตฺตนฺติ เอกาสนิกขลุปจฺฉาภตฺติกานํ ปาโตว ภุตฺตานํ อนฺโตมชฺฌนฺหิโกปิ ปจฺฉาภตฺตเมว, อิธ ปน ปกติภตฺตสฺเสว ปจฺฉโต ปจฺฉาภตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตานนฺติ ปิณฺฑปาตโต ปฏิกฺกนฺตานํ, ปิณฺฑปาตํ ปริเยสิตฺวา ภตฺตกิจฺจสฺส นิฏฺาปนวเสน ตโต นิวตฺตานํ. กเรริมณฺฑลมาเฬติ เอตฺถ กเรรีติ วรุณรุกฺขสฺส นามํ. โส กิร คนฺธกุฏิยา มณฺฑปสฺส สาลาย จ อนฺตเร โหติ, เตน คนฺธกุฏีปิ ‘‘กเรริกุฏิกา’’ติ วุจฺจติ, มณฺฑโปปิ สาลาปิ ‘‘กเรริมณฺฑลมาโฬ’’ติ. ตสฺมา กเรริรุกฺขสฺส อวิทูเร กเต นิสีทนสาลสงฺขาเต มณฺฑลมาเฬ. ติณปณฺณจฺฉทนํ อโนวสฺสกํ ‘‘มณฺฑลมาโฬ’’ติ วทนฺติ, อติมุตฺตกาทิลตามณฺฑโป ‘‘มณฺฑลมาโฬ’’ติ อปเร.

กาเลน กาลนฺติ กาเล กาเล อนฺตรนฺตรา, ตสฺมึ ตสฺมึ สมเยติ อตฺโถ. มนาปิเกติ มนวฑฺฒเก, ปิยรูเป อิฏฺเติ อตฺโถ. อิฏฺานิฏฺภาโว จ ปุคฺคลวเสน จ ทฺวารวเสน จ คเหตพฺโพ. เอกจฺจสฺส หิ อิฏฺาภิมโต เอกจฺจสฺส อนิฏฺโ โหติ, เอกจฺจสฺส อนิฏฺาภิมโต เอกจฺจสฺส อิฏฺโ . ตถา เอกสฺส ทฺวารสฺส อิฏฺโ อฺสฺส อนิฏฺโ. วิปากวเสน ปเนตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. กุสลวิปาโก หิ เอกนฺเตน อิฏฺโ, อกุสลวิปาโก อนิฏฺโ เอวาติ. จกฺขุนา รูเป ปสฺสิตุนฺติ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ อุปาสเกหิ เคหํ ปเวเสตฺวา ปูชาสกฺการกรณตฺถํ อุปนีเตสุ อาสนวิตานาทีสุ นานาวิราคสมุชฺชลวณฺณสงฺขาเต รชนีเย อฺเ จ สวิฺาณกรูเป จกฺขุทฺวาริกวิฺาเณหิ ปสฺสิตุํ. สทฺเทติ ตเถว อิสฺสรชนานํ เคหํ ปวิฏฺโ เตสํ ปยุตฺเต คีตวาทิตสทฺเท โสตุํ. คนฺเธติ ตถา เตหิ ปูชาสกฺการวเสน อุปนีเต ปุปฺผธูมาทิคนฺเธ ฆายิตุํ. รเสติ เตหิ ทินฺนาหารปริโภเค นานคฺครเส สายิตุํ. โผฏฺพฺเพติ มหคฺฆปจฺจตฺถรเณสุ อาสเนสุ นิสินฺนกาเล สุขสมฺผสฺเส โผฏฺพฺเพ ผุสิตุํ. เอวฺจ ปฺจทฺวาริกอิฏฺารมฺมณปฺปฏิลาภํ กิตฺเตตฺวา อิทานิ มโนทฺวาริกอิฏฺารมฺมณปฺปฏิลาภํ ทสฺเสตุํ ‘‘สกฺกโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว.

กึ ปน อปิณฺฑปาติกานํ อยํ นโย น ลพฺภตีติ? ลพฺภติ. เตสมฺปิ หิ นิมนฺตนสลากภตฺตาทิอตฺถํ คามํ คตกาเล อุฬารวิภวา อุปาสกา ตถา สกฺการสมฺมานํ กโรนฺติเยว, ตํ ปน อนิยตํ. ปิณฺฑปาติกานํ ปน ตทา นิจฺจเมว ตตฺถ ปูชาสกฺการํ กริยมานํ ทิสฺวา, สกฺการครุตาย อนิสฺสรณมคฺเค ตฺวา, อโยนิโสมนสิการวเสน เต ภิกฺขู เอวมาหํสุ. เตเนวาห – ‘‘หนฺทาวุโส, มยมฺปิ ปิณฺฑปาติกา โหมา’’ติอาทิ.

ตตฺถ หนฺทาติ โวสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. ลจฺฉามาติ ลภิสฺสาม. เตนุปสงฺกมีติ ตตฺถ สุรภิคนฺธกุฏิยํ นิสินฺโน เตสํ ตํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา ‘‘อิเม ภิกฺขู มาทิสสฺส นาม พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา มยา สทฺธึ เอกวิหาเร วสนฺตาปิ เอวํ อโยนิโสมนสิการวเสน กถํ ปวตฺเตนฺติ, สลฺเลเข น วตฺตนฺติ, หนฺท เต ตโต นิวาเรตฺวา สลฺเลขวิหาเร นิโยเชสฺสามี’’ติ มณฺฑลมาฬํ อุปสงฺกมิ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ‘‘อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาสลฺเลขานํ วเสน กิเลเส ธุนิตุํ ตณฺหํ วิโสเสตุํ ปฏิปนฺโนติ ปิณฺฑปาติกสฺส สโต เทวา ปิหยนฺติ, ตสฺส ปฏิปตฺติยา อาทรชาตา ปิยายนฺติ, น อิโต อฺถา’’ติ อิมมตฺถํ วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ โน เจ สทฺทสิโลกนิสฺสิโตติ ‘‘อโห อยฺโย อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปรมสลฺเลขวุตฺตี’’ติอาทินา ปเรหิ กิตฺติตพฺพสทฺทสงฺขาตํ สิโลกํ. ตณฺหาย นิสฺสิโต น โหติ เจติ อตฺโถ. สทฺโท วา สมฺมุขา วณฺณภณนถุติโฆโส, สิโลโก ปรมฺมุขภูตา ปสํสา ปตฺถฏยสตา วา. เสสํ อนนฺตรสุตฺเต วุตฺตนยเมว.

อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. สิปฺปสุตฺตวณฺณนา

๒๙. นวเม โก นุ โข, อาวุโส, สิปฺปํ ชานาตีติ, อาวุโส, อมฺเหสุ อิธ สนฺนิปติเตสุ โก นุ ชีวิตนิมิตฺตํ สิกฺขิตพฺพฏฺเน ‘‘สิปฺป’’นฺติ ลทฺธนามํ ยํกิฺจิ อาชีวํ วิชานาติ? โก กึ สิปฺปํ สิกฺขีติ โก ทีฆรตฺตํ สิปฺปาจริยกุลํ ปยิรุปาสิตฺวา อาคมโต ปโยคโต จ หตฺถิสิปฺปาทีสุ กึ สิปฺปํ สิกฺขิ? กตรํ สิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺคนฺติ สพฺพสิปฺปานํ อคารยฺหตาย มหปฺผลตาย อกิจฺฉสิทฺธิยา จ กตรํ สิปฺปํ อคฺคํ อุตฺตมํ? ยํ นิสฺสาย สุเขน สกฺกา ชีวิตุนฺติ อธิปฺปาโย. ตตฺเถกจฺเจติ เตสุ ภิกฺขูสุ เอกจฺเจ ภิกฺขู. เย หตฺถาจริยกุลา ปพฺพชิตา เต. เอวมาหํสูติ เต เอวํ ภณึสุ. อิโต ปรมฺปิ ‘‘เอกจฺเจ’’ติ วุตฺตฏฺาเน เอเสว นโย. หตฺถิสิปฺปนฺติ ยํ หตฺถีนํ ปริคฺคณฺหนทมนสารณโรคติกิจฺฉาทิเภทํ กตฺตพฺพํ, ตํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตํ สพฺพมฺปิ สิปฺปํ อิธ ‘‘หตฺถิสิปฺป’’นฺติ อธิปฺเปตํ. อสฺสสิปฺปนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. รถสิปฺปํ ปน รถโยคฺคานํ ทมนสารณาทิวิธานวเสน เจว รถสฺส กรณวเสน จ เวทิตพฺพํ. ธนุสิปฺปนฺติ อิสฺสาสสิปฺปํ, โย ธนุพฺเพโธติ วุจฺจติ. ถรุสิปฺปนฺติ เสสอาวุธสิปฺปํ. มุทฺทาสิปฺปนฺติ หตฺถมุทฺทาย คณนสิปฺปํ. คณนสิปฺปนฺติ อจฺฉิทฺทกคณนสิปฺปํ. สงฺขานสิปฺปนฺติ สงฺกลนปฏุปฺปาทนาทิวเสน ปิณฺฑคณนสิปฺปํ. ตํ ยสฺส ปคุณํ โหติ, โส รุกฺขมฺปิ ทิสฺวา ‘‘เอตฺตกานิ เอตฺถ ปณฺณานี’’ติ คณิตุํ ชานาติ. เลขาสิปฺปนฺติ นานากาเรหิ อกฺขรลิขนสิปฺปํ, ลิปิาณํ วา. กาเวยฺยสิปฺปนฺติ อตฺตโน จินฺตาวเสน วา ปรโต ปฏิลทฺธสุตวเสน วา, ‘‘อิมสฺส อยมตฺโถ, เอวํ นํ โยเชสฺสามี’’ติ เอวํ อตฺถวเสน วา, กิฺจิเทว กพฺพํ ทิสฺวา, ‘‘ตปฺปฏิภาคํ กพฺพํ กริสฺสามี’’ติ านุปฺปตฺติกปฏิภานวเสน วา จินฺตากวิอาทีนํ จตุนฺนํ กวีนํ กพฺพกรณสิปฺปํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, กวี – จินฺตากวิ, สุตกวิ, อตฺถกวิ, ปฏิภานกวี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓๑).

โลกายตสิปฺปนฺติ ‘‘กาโก เสโต อฏฺีนํ เสตตฺตา, พลากา รตฺตา โลหิตสฺส รตฺตตฺตา’’ติ เอวมาทินยปฺปวตฺตํ ปรโลกนิพฺพานานํ ปฏิเสธกํ วิตณฺฑสตฺถสิปฺปํ. ขตฺตวิชฺชาสิปฺปนฺติ อพฺเภยฺยมาสุรกฺขาทินีติสตฺถสิปฺปํ. อิมานิ กิร ทฺวาทส มหาสิปฺปานิ นาม. เตเนวาห ตตฺถ ตตฺถ ‘‘สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติ.

เอตมตฺถํวิทิตฺวาติ เอตํ สพฺพสิปฺปายตนานํ ชีวิกตฺถตาย วฏฺฏทุกฺขโต อนิสฺสรณภาวํ , สีลาทีนํเยว ปน สุปริสุทฺธานํ นิสฺสรณภาวํ, ตํ สมงฺคิโนเยว จ ภิกฺขุภาวํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ อสิปฺปชีวีติ จตุนฺนํ ตณฺหุปฺปาทานํ สมุจฺเฉทวิกฺขมฺภเนน ปจฺจยาสาย วิโสสิตตฺตา ยํกิฺจิ สิปฺปํ อุปนิสฺสาย ชีวิกํ น กปฺเปตีติ อสิปฺปชีวี, เอเตน อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ ทสฺเสติ. ลหูติ อปฺปกิจฺจตาย สลฺลหุกวุตฺติตาย จ ลหุ อพหุลสมฺภาโร, เอเตน จตุปจฺจยสนฺโตสสิทฺธํ สุภรตํ ทสฺเสติ. อตฺถกาโมติ สเทวกสฺส โลกสฺส อตฺถเมว กาเมตีติ อตฺถกาโม, เอเตน สตฺตานํ อนตฺถปริวชฺชนสฺส ปกาสิตตฺตา ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ทสฺเสติ ปาณาติปาตาทิอนตฺถวิรมณปริทีปนโต. ยตินฺทฺริโยติ จกฺขาทีนํ ฉนฺนํ อินฺทฺริยานํ อภิชฺฌาทฺยปฺปวตฺติโต สํยเมน ยตินฺทฺริโย, เอเตน อินฺทฺริยสํวรสีลํ วุตฺตํ. สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโตติ เอวํ สุปริสุทฺธสีโล จตุปจฺจยสนฺโตเส อวฏฺิโต สปฺปจฺจยํ นามรูปํ ปริคฺคเหตฺวา อนิจฺจาทิวเสน สงฺขาเร สมฺมสนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ตโต ปรํ ปฏิปาฏิยา ปวตฺติเตหิ จตูหิ อริยมคฺเคหิ สํโยชนานํ ปหีนตฺตา สพฺพธิ สพฺพตฺถ ภวาทีสุ วิปฺปมุตฺโต.

อโนกสารีอมโม นิราโสติ ตถา สพฺพธิ วิปฺปมุตฺตตฺตา เอว โอกสงฺขาเตสุ ฉสุปิ อายตเนสุ ตณฺหาภิสรณสฺส อภาเวน อโนกสารี, รูปาทีสุ กตฺถจิ มมงฺการาภาวโต อมโม, สพฺเพน สพฺพํ อนาสีสนโต นิราโส. หิตฺวา มานํ เอกจโร ส ภิกฺขูติ เอวํภูโต จ โส อรหตฺตมคฺคปฺปตฺติสมกาลเมว อนวเสสํ มานํ หิตฺวา ปชหิตฺวา อิเม ภิกฺขู วิย คณสงฺคณิกํ อกตฺวา ปวิเวกกามตาย ตณฺหาสหายวิรเหน จ สพฺพิริยาปเถสุ เอกจโร, โส สพฺพโส ภินฺนกิเลสตฺตา ปรมตฺถโต ภิกฺขุ นาม. เอตฺถ จ ‘‘อสิปฺปชีวี’’ติอาทินา โลกิยคุณา กถิตา, ‘‘สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโต’’ติอาทินา โลกุตฺตรคุณา กถิตา. ตตฺถ อสิปฺปชีวีติอาทิ ‘‘วิภเว ิตสฺเสว อยํ ธมฺโม, น สิปฺปํ นิสฺสาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺตสฺส, ตสฺมา สิปฺเปสุ สารคฺคหณํ วิสฺสชฺเชตฺวา อธิสีลาทีสุเยว ตุมฺเหหิ สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ ทสฺเสติ.

นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. โลกสุตฺตวณฺณนา

๓๐. ทสเม พุทฺธจกฺขุนาติ เอตฺถ อาสยานุสยาณํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณฺจ พุทฺธจกฺขุ นาม. ยถาห –

‘‘อทฺทสา โข ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สตฺเต อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๘๓; ๒.๓๓๙).

โลกนฺติ ตโย โลกา – โอกาสโลโก, สงฺขารโลโก, สตฺตโลโกติ. ตตฺถ –

‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺติ,

ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;

ตาว สหสฺสธา โลโก,

เอตฺถ เต วตฺตตี วโส’’ติ. –

อาทีสุ (ม. นิ. ๑.๕๐๓) โอกาสโลโก. ‘‘เอโก โลโก – สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา, ทฺเว โลกา – นามฺจ รูปฺจ, ตโย โลกา – ติสฺโส เวทนา , จตฺตาโร โลกา – จตฺตาโร อาหารา, ปฺจ โลกา – ปฺจุปาทานกฺขนฺธา, ฉ โลกา – ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, สตฺต โลกา – สตฺต วิฺาณฏฺิติโย, อฏฺ โลกา – อฏฺ โลกธมฺมา, นว โลกา – นว สตฺตาวาสา, ทส โลกา – ทสายตนานิ, ทฺวาทส โลกา – ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส โลกา – อฏฺารส ธาตุโย’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒) สงฺขารโลโก. ‘‘สสฺสโต โลโก, อสสฺสโต โลโก’’ติอาทีสุ สตฺตโลโก วุตฺโต. อิธาปิ สตฺตโลโก เวทิตพฺโพ.

ตตฺถ โลกียติ วิจิตฺตาการโต ทิสฺสตีติ จกฺกวาฬสงฺขาโต โลโก โอกาสโลโก, สงฺขาโร ลุชฺชติ ปลุชฺชตีติ โลโก, โลกียติ เอตฺถ ปุฺปาปํ ตพฺพิปาโก จาติ สตฺตโลโก. เตสุ ภควา มหากรุณาย อนุกมฺปมาโน สํสารทุกฺขโต โมเจตุกาโม สตฺตโลกํ โอโลเกสิ. กตมสฺส ปน สตฺตาหสฺส อจฺจเยน โอโลเกสิ? ปมสฺส สตฺตาหสฺส. ภควา หิ ปลฺลงฺกสตฺตาหสฺส ปริโยสาเน ปจฺฉิมยามาวสาเน ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา…เป… สูริโยว โอภาสยมนฺตลิกฺข’’นฺติ (อุทา. ๑-๓; กถา. ๓๒๑; มหาว. ๑-๓) อิมํ อริยมคฺคานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนตฺวา, ‘‘อหํ ตาว เอวํ สุทุตฺตรํ สํสารมโหฆํ อิมาย ธมฺมนาวาย สมุตฺตริตฺวา นิพฺพานปาเร ิโต, หนฺท ทานิ โลกมฺปิ ตาเรสฺสามิ, กีทิโส นุ โข โลโก’’ติ โลกํ โวโลเกสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควาตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺหิตฺวา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกสี’’ติ.

ตตฺถ โวโลเกสีติ วิวิเธหิ อากาเรหิ ปสฺสิ, หตฺถตเล ปิตอามลกํ วิย อตฺตโน าเณน ปจฺจกฺขํ อกาสิ. อเนเกหิ สนฺตาเปหีติอาทิ โวโลกิตาการทสฺสนํ. อเนเกหิ สนฺตาเปหีติ อเนเกหิ ทุกฺเขหิ. ทุกฺขฺหิ สนฺตาปนปีฬนฏฺเน สนฺตาโปติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๗). ตฺจ ทุกฺขทุกฺขาทิวเสน เจว ชาติอาทิวเสน จ อเนกปฺปการํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อเนเกหิ สนฺตาเปหี’’ติ. อเนเกหิ ทุกฺเขหิ สนฺตปฺปมาเน ปีฬิยมาเน พาธิยมาเน. ปริฬาเหหีติ ปริทาเหหิ. ปริฑยฺหมาเนติ อินฺธนํ วิย อคฺคินา สมนฺตโต ฑยฺหมาเน. ราคเชหีติ ราคสมฺภูเตหิ . เอส นโย เสเสสุปิ. ราคาทโย หิ ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ นิทฺทหนฺตา วิย วิพาเธนฺติ, เตน วุตฺตํ – ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, อคฺคี – ราคคฺคิ, โทสคฺคิ, โมหคฺคี’’ติ (อิติวุ. ๙๓). ยโต เต จิตฺตํ กายฺจ กิเลเสนฺตีติ กิเลสาติ วุจฺจนฺติ. เอตฺถ จ ปริฑยฺหมาเนติ เอเตน ภควา ราคาทิกิเลสานํ ปวตฺติทุกฺขตํ, เตน จ สตฺตานํ อภิภูตตํ ทสฺเสติ. สนฺตปฺปมาเนติ อิมินา ปน เตสํ กาลนฺตรทุกฺขตํ, เตน นิรนฺตโรปทฺทวตฺจ ทสฺเสติ.

ภควา หิ โพธิรุกฺขมูเล อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรตฺวา กิเลสมูลกํ วฏฺฏทุกฺขํ อภิฺาย สงฺขาเร ปริคฺคเหตฺวา สมฺมสนฺโต อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อริยมคฺคาธิคเมน สยํ วิคตวิทฺธสฺตกิเลโส อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปจฺจเวกฺขณานนฺตรํ อนวเสสานํ กิเลสานํ ปหีนตฺตา อตฺตโน วฏฺฏทุกฺขสฺส ปริกฺขีณภาวทีปกํ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตํ ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ (ธ. ป. ๑๕๓) อุทานํ อุทาเนตฺวา เตเนว ปลฺลงฺเกน สตฺตาหํ วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที นิสินฺโน สตฺตมาย รตฺติยา ตีสุ ยาเมสุ วุตฺตนเยน ตีณิ อุทานานิ อุทาเนตฺวา ตติยอุทานานนฺตรํ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ‘‘สกลมิทํ สตฺตานํ วฏฺฏทุกฺขํ กิเลสมูลกํ, กิเลสา นาเมเต ปวตฺติทุกฺขา อายติมฺปิ ทุกฺขเหตุภูตา, เตหิ อิเม สตฺตา สนฺตปฺปนฺติ ปริฑยฺหนฺติ จา’’ติ ปสฺสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อทฺทสา โข ภควา…เป… โมหเชหิปี’’ติ.

เอตมตฺถํวิทิตฺวาติ เอตํ โลกสฺส ยถาวุตฺตสนฺตาปปริฬาเหหิ อภิภุยฺยมานตํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ สพฺพสนฺตาปปริฬาหโต ปรินิพฺพานวิภาวนํ มหาอุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ อยํ โลโก สนฺตาปชาโตติ อยํ สพฺโพปิ โลโก ชราโรคมรเณหิ เจว นานาวิธพฺยสเนหิ จ กิเลสปริยุฏฺาเนหิ จ ชาตสนฺตาโป, อุปฺปนฺนกายิกเจตสิกทุกฺขาภิภโวติ อตฺโถ. ผสฺสปเรโตติ ตโต เอว อเนเกหิ ทุกฺขสมฺผสฺเสหิ ปริหโต อุปทฺทุโต. อถ วา ผสฺสปเรโตติ สุขาทิสงฺขาตานํ ติสฺสนฺนํ ทุกฺขตานํ ปจฺจยภูเตหิ ฉหิ ผสฺเสหิ อภิภูโต, ตโต ตโต ทฺวารโต ตสฺมึ ตสฺมึ อารมฺมเณ ปวตฺติวเสน อุปสฺสฏฺโ. โรคํ วทติ อตฺตโตติ ผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชมานํ เวทนาสงฺขาตํ โรคํ ทุกฺขํ, ขนฺธปฺจกเมว วา ยถาภูตํ อชานนฺโต ‘‘อห’’นฺติ สฺาย ทิฏฺิคาหวเสน ‘‘อหํ สุขิโต ทุกฺขิโต’’ติ อตฺตโต วทติ. ‘‘อตฺตโน’’ติปิ ปนฺติ. ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ โลโก เกนจิ ทุกฺขธมฺเมน ผุฏฺโ อภาวิตตฺตตาย อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อโห ทุกฺขํ, อีทิสํ ทุกฺขํ มยฺหํ อตฺตโนปิ มา โหตู’’ติอาทินา วิปฺปลปนฺโต เกวลํ อตฺตโน โรคํ วทติ, ตสฺส ปน ปหานาย น ปฏิปชฺชตีติ อธิปฺปาโย. อถ วา ตํ ยถาวุตฺตํ ทุกฺขํ ยถาภูตํ อชานนฺโต ตณฺหาคาหวเสน ‘‘มม’’นฺติ สฺาย อตฺตโต วทติ, ‘‘มม อิท’’นฺติ วาจํ นิจฺฉาเรติ.

เยน เยน หิ มฺตีติ เอวมิมํ โรคภูตํ ขนฺธปฺจกํ อตฺตโต อตฺตโน วา วทนฺโต โลโก เยน เยน รูปเวทนาทินา การณภูเตน, เยน วา สสฺสตาทินา ปกาเรน ทิฏฺิมานตณฺหามฺนาหิ มฺติ. ตโต ตํ โหติ อฺถาติ ตโต อตฺตนา ปริกปฺปิตาการโต ตํ มฺนาย วตฺถุภูตํ ขนฺธปฺจกํ อฺถา อนตฺตานตฺตนิยเมว โหติ. วเส วตฺเตตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อหงฺการมมงฺการตฺตํ น นิปฺผาเทตีติ อตฺโถ. อถ วา ตโตติ ตสฺมา มฺนามตฺตภาวโต ตํ ขนฺธปฺจกํ นิจฺจาทิวเสน มฺิตํ อฺถา อนิจฺจาทิสภาวเมว โหติ. น หิ มฺนา ภาวฺถตฺตํ วา ลกฺขณฺถตฺตํ วา กาตุํ สกฺโกติ.

อฺถาภาวี ภวสตฺโตติ อสมฺภเว วฑฺฒิยํ หิตสุเข สตฺโต ลคฺโค สตฺตโลโก มฺนาย ยถารุจิ จินฺติยมาโนปิ วิปรีตปฺปฏิปตฺติยา ตโต อฺถาภาวี อหิตทุกฺขภาวี วิฆาตํเยว ปาปุณาติ. ภวเมวาภินนฺทตีติ เอวํ สนฺเตปิ ตํ มฺนาปริกปฺปิตํ อวิชฺชมานํ ภวํ วฑฺฒึ อภินนฺทติ เอว อภิกงฺขติ เอว. อถ วา อฺถาภาวีติ ‘‘นิจฺโจ เม อตฺตา’’ติอาทินา มฺนาย ปริกปฺปิตาการโต สยํ อฺถาภาวี สมาโน อนิจฺโจ อธุโวติ อตฺโถ. ภวสตฺโตติ กามาทิภเวสุ ภวตณฺหาย สตฺโต ลคฺโค คธิโต. ภวเมวาภินนฺทตีติ อนิจฺจาทิสภาวํ ภวเมว นิจฺจาทิวเสน ปรามสิตฺวา, ตตฺถ วา อธิมุตฺติสฺํ ตณฺหาทิฏฺาภินนฺทนาหิ อภินนฺทติ, น ตตฺถ นิพฺพินฺทติ . ยทภินนฺทติ ตํ ภยนฺติ ยํ วฑฺฒิสงฺขาตํ ภวํ กามาทิภวํ วา อภินนฺทติ, ตํ อนิจฺจาทิวิปริณามสภาวตฺตา อเนกพฺยสนานุพนฺธตฺตา จ ภวเหตุภาวโต อติวิย ภยานกฏฺเน ภยํ. ยสฺส ภายตีติ ยโต ชรามรณาทิโต ภายติ, ตํ ชรามรณาทิ ทุกฺขาธิฏฺานภาวโต ทุกฺขทุกฺขภาวโต จ ทุกฺขํ. อถ วา ยสฺส ภายตีติ ภวาภินนฺทเนน ยสฺส วิภวสฺส ภายติ , โส อุจฺเฉทสงฺขาโต วิภโว, ตโต ภายนฺจ ทุกฺขวตฺถุภาวโต ชาติอาทิทุกฺขสฺส อนติวตฺตนโต จ ทุกฺขํ ทุกฺขสภาวเมวาติ อตฺโถ. อถ วา ยสฺส ภายติ ตํ ทุกฺขนฺติ ยสฺส อนิจฺจาทิกสฺส ภายติ ตํ นิสฺสรณํ อชานนฺโต, ตํ ภยํ ตสฺส ทุกฺขํ โหติ, ทุกฺขํ อาวหตีติ อตฺโถ.

เอตฺตเกน วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ภววิปฺปหานาย โข ปนิทํ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ อาห. ตตฺถ ภววิปฺปหานายาติ กามาทิภวสฺส ปชหนตฺถาย. โขติ อวธารเณ, ปนาติ ปทปูรเณ นิปาโต. อิทนฺติ อาสนฺนปจฺจกฺขวจนํ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. วุสฺสตีติ ปูเรสฺสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกนฺเตเนว กามาทิภวสฺส สมุทยปฺปหาเนน อนวเสสปชหนตฺถาย อิทํ มยา สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อติทุกฺกรานิ อาจริตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา โพธิมณฺเฑ ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา อธิคตํ สีลาทิกฺขนฺธตฺตยสงฺคหํ อฏฺงฺคิกมคฺคพฺรหฺมจริยํ จริยติ ภาวิยตีติ.

เอวํ อริยมคฺคสฺส เอกํเสเนว นิยฺยานิกภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อฺมคฺคสฺส ตทภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย หิ เกจี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เยติ อนิยมนิทฺเทโส. หีติ นิปาตมตฺตํ. เกจีติ เอกจฺเจ. ปททฺวเยนาปิ ตถาวาทิโน ทิฏฺิคติเก อนิยมโต ปริยาทิยติ. สมณาติ ปพฺพชฺชูปคมนมตฺเตน สมณา, น สมิตปาปา. พฺราหฺมณาติ ชาติมตฺเตน พฺราหฺมณา, น พาหิตปาปา. วาสทฺโท วิกปฺปตฺโถ. ภเวน ภวสฺส วิปฺปโมกฺขมาหํสูติ เอกจฺเจ กามภเวน รูปภเวน วา สพฺพภวโต วิมุตฺตึ สํสารสุทฺธึ กถยึสุ.

เก ปเนวํ วทนฺตีติ? ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทิโน เตสุ หิ เกจิ ‘‘อุฬาเรหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต อตฺตา ทิฏฺเว ธมฺเม ปรมํ นิพฺพุตึ ปตฺโต โหตี’’ติ วทนฺติ. เกจิ ‘‘รูปาวจรชฺฌาเนสุ ปมชฺฌานสมงฺคี…เป… เกจิ ‘‘ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานสมงฺคี อตฺตา ทิฏฺเว ธมฺเม ปรมํ นิพฺพุตึ ปตฺโต โหตี’’ติ วทนฺติ. ยถาห –

‘‘อิธ , ภิกฺขเว, เอกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที โหติ เอวํทิฏฺิ ‘ยโต โข โภ อยํ อตฺตา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต’’’ติ (ที. นิ. ๑.๙๔) วิตฺถาโร.

เต ปน ยสฺมา ยาวทตฺถํ ปีตตฺตา สุหิตาย ชลูกาย วิย รุหิรปิปาสา กามาทิสุเขหิ สมปฺปิตสฺส ตสฺส อตฺตโน กาเมสนาทโย น ภวิสฺสนฺติ, ตทภาเว จ ภวสฺส อภาโวเยว, ยสฺมึ ยสฺมิฺจ ภเว ิตสฺส อยํ นโย ลพฺภติ, เตน เตน ภเวน สพฺพภวโต วิมุตฺติ โหตีติ วทนฺติ, ตสฺมา ‘‘ภเวน ภวสฺส วิปฺปโมกฺขมาหํสู’’ติ วุตฺตา. เยสฺจ ‘‘เอตฺตกํ นาม กาลํ สํสริตฺวา พาลา จ ปณฺฑิตา จ ปริโยสานภเว ตฺวา สํสารโต วิมุจฺจนฺตี’’ติ ลทฺธิ, เตปิ ภเวน ภวสฺส วิปฺปโมกฺขํ วทนฺติ นาม. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘จุลฺลาสีติ มหากปฺปิโน สตสหสฺสานิ ยานิ พาเล จ ปณฺฑิเต จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘).

อถ วา ภเวนาติ ภวทิฏฺิยา. ภวติ สสฺสตํ ติฏฺตีติ ปวตฺตนโต สสฺสตทิฏฺิ ภวทิฏฺีติ วุจฺจติ, ภวทิฏฺิ เอเวตฺถ อุตฺตรปทโลเปน ภวตณฺหาติอาทีสุ วิย ภโวติ วุตฺโต. ภวทิฏฺิวเสน จ เอกจฺเจ ภววิเสสํเยว กิเลสานํ วูปสนฺตวุตฺติยา อายุโน จ ทีฆาวาสตาย นิจฺจาทิสภาวํ ภววิโมกฺขํ มฺนฺติ, เสยฺยถาปิ พโก พฺรหฺมา ‘‘อิทํ นิจฺจํ, อิทํ ธุวํ, อิทํ สสฺสตํ, อิทํ อวิปริณามธมฺม’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๕๐๑) อโวจ. เตสเมวํ วิปรีตคาหีนํ อนิสฺสรเณ นิสฺสรณทิฏฺีนํ กุโต ภววิโมกฺโข. เตนาห ภควา – ‘‘สพฺเพ เต ‘อวิปฺปมุตฺตา ภวสฺมา’ติ วทามี’’ติ.

วิภเวนาติ อุจฺเฉเทน. ภวสฺส นิสฺสรณมาหํสูติ สพฺพภวโต นิคฺคมนํ นิกฺขนฺตึ สํสารสุทฺธึ วทึสุ. เต หิ ‘‘ภเวน ภวสฺส วิปฺปโมกฺโข’’ติ วทนฺตานํ วาทํ อนนุชานนฺตา ภวูปจฺเฉเทน นิสฺสรณํ ปฏิชานึสุ. วิภเวนาติ วา อุจฺเฉททิฏฺิยา. วิภวติ วินสฺสติ อุจฺฉิชฺชติ อตฺตา จ โลโก จาติ ปวตฺตนโต อุจฺเฉททิฏฺิ วุตฺตนเยน ‘‘วิภโว’’ติ วุจฺจติ. อุจฺเฉททิฏฺิวเสน หิ สตฺตา อธิมุจฺจิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปนฺนา อุจฺฉิชฺชนฺติ, สา เอว สํสารสุทฺธีติ อุจฺเฉทวาทิโน. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยโต โข โภ อยํ อตฺตา รูปี จาตุมหาภูติโก…เป… เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตฺตาวตา โข โภ อยํ อตฺตา สมฺมา สมุจฺฉินฺโน โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๘๕).

ตถา –

‘‘นตฺถิ, มหาราช, ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ นตฺถิ หุตํ…เป… พาเล จ ปณฺฑิเต จ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชนฺติ วินสฺสนฺติ น โหนฺติ ปรํ มรณา’’ติ จ (ที. นิ. ๑.๑๗๑).

เตสมฺปิ เอวํ วิปรีตคาหีนํ กุโต ภวนิสฺสรณํ. เตนาห ภควา – ‘‘สพฺเพ เต ‘อนิสฺสฏา ภวสฺมา’ติ วทามี’’ติ. น หิ อริยมคฺคภาวนาย อนวเสสกิเลสํ อสมุคฺฆาเตตฺวา กทาจิปิ ภวโต นิสฺสรณวิมุตฺติ สมฺภวติ. ตถา หิ เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ ยถาภูตาวโพธาภาวโต ‘‘อตฺถิ นตฺถี’’ติ อนฺตทฺวยนิปติตานํ ตณฺหาทิฏฺิวเสน สมฺปริตสิตวิปฺผนฺทิตมตฺตํ, ยโต เต ทิฏฺิคติกา ปวตฺติเหตูสุปิ สมฺมูฬฺหา สกฺกายภูมิยํ สุนิขาเต วิปรีตทสฺสนถมฺเภ ตณฺหาพนฺธเนน พทฺธา คทฺทูลพนฺธนา วิย สา น วิชหนฺติ พนฺธนฏฺานํ, กุโต เนสํ วิโมกฺโข?

เย ปน จตุสจฺจวิภาวเนน ปวตฺติอาทีสุ อสมฺโมหโต ตํ อนฺตทฺวยํ อนุปคมฺม มชฺฌิมํ ปฏิปทํ สมารุฬฺหา, เตสํเยว ภววิปฺปโมกฺโข นิสฺสรณฺจาติ ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘อุปธึ หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุปธินฺติ ขนฺธาทิอุปธึ. หีติ นิปาตมตฺตํ. ปฏิจฺจาติ นิสฺสาย, ปจฺจยํ กตฺวา. ทุกฺขนฺติ ชาติอาทิ ทุกฺขํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยตฺถิเม ทิฏฺิคติกา วิโมกฺขสฺิโน, ตตฺถ ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารูปธโย อธิคตา, กุโต ตตฺถ ทุกฺขนิสฺสรณํ? ยตฺร หิ กิเลสา, ตตฺราภิสงฺขารสมฺภวโต ภวปพนฺธสฺส อวิจฺเฉโทเยวาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนิวตฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุปธิฺหิ ปฏิจฺจ ทุกฺขมิทํ สมฺโภตี’’ติ.

อิทานิ ยํ ปรมตฺถโต ทุกฺขสฺส นิสฺสรณํ, ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘สพฺพุปาทานกฺขยา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโว’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ สพฺพุปาทานกฺขยาติ กามุปาทานํ ทิฏฺุปาทานํ สีลพฺพตุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานนฺติ สพฺเพสํ อิเมสํ จตุนฺนมฺปิ อุปาทานานํ อริยมคฺคาธิคเมน อนวเสสปฺปหานโต. ตตฺถ ทิฏฺุปาทานํ สีลพฺพตุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานนฺติ อิมานิ ตีณิ อุปาทานานิ โสตาปตฺติมคฺเคน ขียนฺติ, อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปชฺชนฺติ. กามุปาทานํ อปายคมนียํ ปเมน, กามราคภูตํ พหลํ ทุติเยน, สุขุมํ ตติเยน, รูปราคารูปราคปฺปหานํ จตุตฺเถนาติ จตูหิปิ มคฺเคหิ ขียติ, อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ เอวํ สพฺพโส อุปาทานกฺขยา ตเทกฏฺตาย สพฺพสฺสปิ กิเลสคณสฺส อนุปฺปาทนโต อปฺปมตฺตกสฺสปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส สมฺภโว ปาตุภาโว นตฺถิ.

เอวํ ภควา เหตุนา สทฺธึ ปวตฺตึ นิวตฺติฺจ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิมํ นยํ อชานนฺโต อยํ สตฺตโลโก วฏฺฏโตปิ สีสํ น อุกฺขิปตี’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โลกมิมํ ปสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โลกมิมํ ปสฺสาติ อตฺตโน พุทฺธจกฺขุนา ปจฺจกฺขโต วิสยภาวสฺส อุปคตตฺตา ‘‘โลกมิมํ ปสฺสา’’ติ ภควาทสฺสนกิริยาย นิโยเชนฺโต อตฺตานเมวาลปติ. ปุถูติ พหู, วิสุํ วิสุํ วา. อวิชฺชาย ปเรตาติ ‘‘ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๐๖; วิภ. ๒๒๖) นเยน วุตฺตาย จตุสจฺจปฏิจฺฉาทิกาย อวิชฺชาย อภิภูตา. ภูตาติ กมฺมกิเลเสหิ ชาตา นิพฺพตฺตา. ภูตรตาติ ภูเตสุ มาตาปิตุปุตฺตทาราทิสฺาย อฺสตฺเตสุ ตณฺหาย รตา, ภูเต วา ขนฺธปฺจเก อนิจฺจาสุภทุกฺขานตฺตสภาเว ตํสภาวานวโพธโต อิตฺถิปุริสาทิปริกปฺปวเสน นิจฺจาทิวเสน อตฺตตฺตนิยคาหวเสน จ อภิรตา. ภวา อปริมุตฺตาติ ยถาวุตฺเตน ตณฺหาทิฏฺิคาเหน ภวโต สํสารโต น ปริมุตฺตา.

เอตฺถ จ ‘‘โลกมิม’’นฺติ ปมํ ตาว สกลมฺปิ สตฺตนิกายํ สามฺโต เอกตฺตํ อุปเนนฺโต เอกวจเนน อโนธิโส คหณํ ทีเปตฺวา ‘‘สฺวายํ โลโก ภวโยนิคติิติสตฺตาวาสาทิวเสน เจว ตตฺถาปิ ตํตํสตฺตนิกายาทิวเสน จ อเนกเภทภินฺโน ปจฺเจกํ มยา โวโลกิโต’’ติ อตฺตโน พุทฺธจกฺขุาณานุภาวํ ปกาเสนฺโต สตฺถา ปุน วจนเภทํ กตฺวา พหุวจเนน โอธิโส คหณํ ทีเปติ ‘‘ปุถู อวิชฺชาย ปเรตา ภูตา’’ติอาทินา. เอวฺจ กตฺวา ‘‘โลกมิม’’นฺติ อุปโยควจนํ กตฺวา ‘‘อวิชฺชาย ปเรตา’’ติอาทินา ปจฺจตฺตพหุวจนนิทฺเทโสปิ อวิรุทฺโธ โหติ ภินฺนวากฺยตฺตา. เกจิ ปน เอกวากฺยตาธิปฺปาเยน ‘‘อวิชฺชาย ปเรตํ ภูตํ ภูตรตํ ภวา อปริมุตฺต’’นฺติ ปนฺติ, วิภตฺติเภทวเสเนว ปน ปุราณปาโ.

อิทานิ เยน อุปาเยน ภววิปฺปโมกฺโข โหติ, ตํ สพฺพํ ติตฺถิยานํ อวิสยภูตํ พุทฺธโคจรํ วิปสฺสนาวีถึ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย หิ เกจี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เย หิ เกจิ ภวาติ กามภวาทิ สฺีภวาทิ เอกโวการภวาทิวิภาเคน นานาเภทภินฺนา สาตวนฺโต วา อสาตวนฺโต วา ทีฆายุกา วา อิตฺตรกฺขณา วา เย หิ เกจิ ภวา. สพฺพธีติ อุทฺธํ อโธ ติริยนฺติ อาทิวิภาเคน สพฺพตฺถ. สพฺพตฺถตายาติ สคฺคาปายมนุสฺสาทิวิภาเคน. สพฺเพ เตติอาทีสุ สพฺเพปิ เต ภวา รูปเวทนาทิธมฺมา หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา, อุทยพฺพยปฏิปีฬิตตฺตา ทุกฺขา, ชราย มรเณน จาติ ทฺวิธา วิปริณาเมตพฺพตาย วิปริณามธมฺมา. อิติสทฺโท อาทิอตฺโถ ปการตฺโถ วา, เตน อนตฺตลกฺขณมฺปิ สงฺคเหตฺวา อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา, วิปริณามธมฺมตาย วา อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตาติ วุตฺตา.

เอวํ ลกฺขณตฺตยปฏิวิชฺฌนากาเรน เอตํ ภวสงฺขาตํ ขนฺธปฺจกํ ยถาภูตํ อวิปรีตํ สมฺมปฺปฺาย สมฺมา าเยน วิปสฺสนาสหิตาย มคฺคปฺาย ปสฺสโต ปริฺาภิสมยาทิวเสน ปฏิวิชฺฌโต ‘‘ภโว นิจฺโจ’’ติ อาทินยปฺปวตฺตา ภเวสุ ตณฺหา ปหียติ, อคฺคมคฺคปฺปตฺติสมกาลเมว อนวเสสํ นิรุชฺฌติ, อุจฺเฉททิฏฺิยา สพฺพโส ปหีนตฺตา วิภวํ วิจฺเฉทํ นาภินนฺทติ น ปตฺเถติ. เอวํภูตสฺส ตสฺส ยา กามตณฺหาทิวเสน อฏฺสตเภทา อวตฺถาทิวิภาเคน อนนฺตเภทา จ, ตาสํ สพฺพโส สพฺพปฺปกาเรน ตณฺหานํ ขยา ปหานา, ตเทกฏฺตาย สพฺพสฺสปิ สํกิเลสปกฺขสฺส อเสสํ นิสฺเสสํ วิราเคน อริยมคฺเคน โย อนุปฺปาทนิโรโธ, ตํ นิพฺพานนฺติ.

เอวํ ตณฺหาย ปหานมุเขน สอุปาทิเสสนิพฺพานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนุปาทิเสสนิพฺพานํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตสฺส นิพฺพุตสฺสา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – โย โส สพฺพโส ตณฺหานํ ขยา กิเลสปรินิพฺพาเนน นิพฺพุโต วุตฺตนเยน ภินฺนกิเลโส ขีณาสวภิกฺขุ, ตสฺส นิพฺพุตสฺส ภิกฺขุโน อนุปาทา อุปาทานาภาวโต กิเลสาภิสงฺขารมารานํ วา อคฺคหณโต ปุนพฺภโว น โหติ, อายตึ ปฏิสนฺธิวเสน อุปปตฺติภโว นตฺถิ. เอวํภูเตน จ เตน อภิภูโต มาโร, อริยมคฺคกฺขเณ กิเลสมาโร อภิสงฺขารมาโร เทวปุตฺตมาโร จ จริมกจิตฺตกฺขเณ ขนฺธมาโร มจฺจุมาโร จาติ ปฺจวิโธ มาโร อภิภูโต ปราชิโต, ปุน สีสํ อุกฺขิปิตุํ อปฺปทาเนน นิพฺพิเสวโน กโต, ยโต เตน วิชิโต สงฺคาโม มาเรหิ ตตฺถ ตตฺถ ปวตฺติโต. เอวํ วิชิตสงฺคาโม ปน อิฏฺาทีสุ สพฺเพสุ วิการาภาเวน ตาทิลกฺขณปฺปตฺติยา ตาที อรหา สพฺพภวานิ ยถาวุตฺตเภเท สพฺเพปิ ภเว อุปจฺจคา สมติกฺกนฺโต, น ยตฺถ กตฺถจิ สงฺขํ อุเปติ, อฺทตฺถุ อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท ปรินิพฺพานโต อุทฺธํ อปฺตฺติโกว โหตีติ. อิติ ภควา อิมํ มหาอุทานํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา กูฏํ คเหตฺวา นิฏฺเปสิ.

ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิตา จ นนฺทวคฺควณฺณนา.