📜

๔. เมฆิยวคฺโค

๑. เมฆิยสุตฺตวณฺณนา

๓๑. เมฆิยวคฺคสฺส ปเม จาลิกายนฺติ เอวํ นามเก นคเร. ตสฺส กิร นครสฺส ทฺวารฏฺานํ มุฺจิตฺวา สมนฺตโต จลปงฺกํ โหติ, ตํ จลปงฺกํ นิสฺสาย ิตตฺตา โอโลเกนฺตานํ จลมานํ วิย อุปฏฺาติ, ตสฺมา ‘‘จาลิกา’’ติ วุจฺจติ. จาลิเก ปพฺพเตติ ตสฺส นครสฺส อวิทูเร เอโก ปพฺพโต, โสปิ สพฺพเสตตฺตา กาลปกฺขอุโปสเถ โอโลเกนฺตานํ จลมาโน วิย อุปฏฺาติ, ตสฺมา ‘‘จาลิกปพฺพโต’’ติ สงฺขํ คโต. ตตฺถ ภควโต มหนฺตํ วิหารํ การยึสุ, ภควา ตทา ตํ นครํ โคจรคามํ กตฺวา ตสฺมึ จาลิกปพฺพตมหาวิหาเร วิหรติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘จาลิกายํ วิหรติ จาลิเก ปพฺพเต’’ติ. เมฆิโยติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. อุปฏฺาโก โหตีติ ปริจารโก โหติ. ภควโต หิ ปมโพธิยํ อุปฏฺากา อนิพทฺธา อเหสุํ, เอกทา นาคสมาโล, เอกทา นาคิโต, เอกทา อุปวาโน, เอกทา สุนกฺขตฺโต, ตทาปิ เมฆิยตฺเถโรว อุปฏฺาโก. เตนาห – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา เมฆิโย ภควโต อุปฏฺาโก โหตี’’ติ.

ชนฺตุคามนฺติ เอวํ นามกํ ตสฺเสว วิหารสฺส อปรํ โคจรคามํ. ‘‘ชตฺตุคาม’’นฺติปิ ปาโ. กิมิกาฬายาติ กาฬกิมีนํ พหุลตาย ‘‘กิมิกาฬา’’ติ ลทฺธนามาย นทิยา. ชงฺฆวิหารนฺติ จิรนิสชฺชาย ชงฺฆาสุ อุปฺปนฺนกิลมถวิโนทนตฺถํ วิจรณํ. ปาสาทิกนฺติ อวิรฬรุกฺขตาย สินิทฺธปตฺตตาย จ ปสฺสนฺตานํ ปสาทมาวหตีติ ปาสาทิกํ. สนฺทจฺฉายตาย มนุฺภูมิภาคตาย จ มนุฺํ. อนฺโต ปวิฏฺานํ ปีติโสมนสฺสชนนฏฺเน จิตฺตํ รเมตีติ รมณียํ. อลนฺติ ปริยตฺตํ, ยุตฺตนฺติปิ อตฺโถ. ปธานตฺถิกสฺสาติ โยเคน ภาวนาย อตฺถิกสฺส. ปธานายาติ สมณธมฺมกรณาย. อาคจฺเฉยฺยาหนฺติ อาคจฺเฉยฺยํ อหํ. เถเรน กิร ปุพฺเพ ตํ านํ อนุปฏิปาฏิยา ปฺจ ชาติสตานิ รฺา เอว สตา อนุภูตํ อุยฺยานํ อโหสิ, เตนสฺส ทิฏฺมตฺเตเยว ตตฺถ วิหริตุํ จิตฺตํ นมิ. อาคเมหิ ตาวาติ สตฺถา เถรสฺส วจนํ สุตฺวา อุปธาเรนฺโต ‘‘น ตาวสฺส าณํ ปริปากํ คต’’นฺติ ตฺวา ปฏิกฺขิปนฺโต เอวมาห . เอกกมฺหิ ตาวาติ อิทํ ปนสฺส ‘‘เอวมยํ คนฺตฺวาปิ กมฺเม อนิปฺผชฺชมาเน นิราสงฺโก หุตฺวา เปมวเสน ปุน อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ จิตฺตมทฺทวชนนตฺถํ อาห. ยาว อฺโปิ โกจิ ภิกฺขุ อาคจฺฉตีติ อฺโ โกจิ ภิกฺขุ มม สนฺติกํ ยาว อาคจฺฉติ, ตาว อาคเมหีติ อตฺโถ. ‘‘โกจิ ภิกฺขุ ทิสฺสตี’’ติปิ ปาโ. ‘‘อาคจฺฉตู’’ติปิ ปนฺติ, ตถา ‘‘ทิสฺสตู’’ติ.

นตฺถิ กิฺจิ อุตฺตริ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาทีนํ โสฬสนฺนํ กิจฺจานํ กตตฺตา, อภิสมฺโพธิยา วา อธิคตตฺตา ตโต อฺํ อุตฺตริ กรณียํ นาม นตฺถิ. นตฺถิ กตสฺส วา ปติจโยติ กตสฺส วา ปุน ปติจโยปิ นตฺถิ. น หิ ภาวิตมคฺโค ปุน ภาวียติ, ปหีนกิเลสานํ วา ปุน ปหาเนน กิจฺจํ อตฺถิ. อตฺถิ กตสฺส ปติจโยติ มยฺหํ สนฺตาเน นิปฺผาทิตสฺส สีลาทิธมฺมสฺส อริยมคฺคสฺส อนธิคตตฺตา ตทตฺถํ ปุน วฑฺฒนสงฺขาโต ปติจโย อตฺถิ, อิจฺฉิตพฺโพติ อตฺโถ. ปธานนฺติ โข เมฆิย วทมานํ กินฺติ วเทยฺยามาติ ‘‘สมณธมฺมํ กโรมี’’ติ ตํ วทมานํ มยํ อฺํ กึ นาม วเทยฺยาม?

ทิวาวิหารํนิสีทีติ ทิวาวิหารตฺถาย นิสีทิ. นิสินฺโน จ ยสฺมึ มงฺคลสิลาปฏฺเฏ ปุพฺเพ อนุปฏิปาฏิยา ปฺจ ชาติสตานิ ราชา หุตฺวา อุยฺยานกีฬํ กีฬนฺโต วิวิธนาฏกปริวาโร นิสินฺนปุพฺโพ, ตสฺมึเยว าเน นิสีทิ. อถสฺส นิสินฺนกาลโต ปฏฺาย สมณภาโว วิคโต วิย อโหสิ, ราชเวสํ คเหตฺวา นาฏกปริวารปริวุโต เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา มหารเห ปลฺลงฺเก นิสินฺโน วิย ชาโต. อถสฺส ตํ สมฺปตฺตึ อสฺสาทยโต กามวิตกฺโก อุทปาทิ. โส ตสฺมึเยว ขเณ สโหฑฺฒํ คหิเต ทฺเว โจเร อาเนตฺวา ปุรโต ปิเต วิย อทฺทส. เตสุ เอกสฺส วธํ อาณาปนวเสน พฺยาปาทวิตกฺโก อุปฺปชฺชิ, เอกสฺส พนฺธนํ อาณาปนวเสน วิหึสาวิตกฺโก, เอวํ โส ลตาชาเลน รุกฺโข วิย มธุมกฺขิกาหิ มธุฆาตโก วิย จ อกุสลวิตกฺเกหิ ปริกฺขิตฺโต สมฺปริกิณฺโณ อโหสิ. ตํ สนฺธาย ‘‘อถ โข อายสฺมโต เมฆิยสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

อจฺฉริยํวต โภติ ครหณจฺฉริยํ นาม กิเรตํ ยถา อายสฺมา อานนฺโท ภควโต วลิยคตฺตํ ทิสฺวา อโวจ ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๑). อปเร ปน ‘‘ตสฺมึ สมเย ปุปฺผผลปลฺลวาทีสุ โลภวเสน กามวิตกฺโก, ขรสฺสรานํ ปกฺขิอาทีนํ สทฺทสฺสวเนน พฺยาปาทวิตกฺโก, เลฑฺฑุอาทีหิ เตสํ ปฏิพาหนาธิปฺปาเยน วิหึสาวิตกฺโก, ‘อิเธวาหํ วเสยฺย’นฺติ ตตฺถ สาเปกฺขตาวเสน กามวิตกฺโก, วนจรเก ตตฺถ ตตฺถ ทิสฺวา เตสุ จิตฺตทุพฺภเนน พฺยาปาทวิตกฺโก, เตสํ วิเหนาธิปฺปาเยน วิหึสาวิตกฺโก ตสฺส อุปฺปชฺชี’’ติปิ วทนฺติ. ยถา วา ตถา วา ตสฺส มิจฺฉาวิตกฺกุปฺปตฺติเยว อจฺฉริยการณํ. อนฺวาสตฺตาติ อนุลคฺคา โวกิณฺณา. อตฺตนิ ครุมฺหิ จ เอกตฺเตปิ พหุวจนํ ทิสฺสติ. ‘‘อนุสนฺโต’’ติปิ ปาโ.

เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ เอวํ มิจฺฉาวิตกฺเกหิ สมฺปริกิณฺโณ กมฺมฏฺานสปฺปายํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อิทํ วต ทิสฺวา ทีฆทสฺสี ภควา ปฏิเสเธสี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อิมํ การณํ ทสพลสฺส อาโรเจสฺสามี’’ติ นิสินฺนาสนโต วุฏฺาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อุปสงฺกมิตฺวา จ ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต’’ติอาทินา อตฺตโน ปวตฺตึ อาโรเจสิ.

ตตฺถ เยภุยฺเยนาติ พหุลํ อภิกฺขณํ. ปาปกาติ ลามกา. อกุสลาติ อโกสลฺลสมฺภูตา. ทุคฺคติสมฺปาปนฏฺเน วา ปาปกา, กุสลปฏิปกฺขตาย อกุสลา. วิตกฺเกติ อูหติ อารมฺมณํ จิตฺตํ อภินิโรเปตีติ วิตกฺโก, กามสหคโต วิตกฺโก กามวิตกฺโก, กิเลสกามสมฺปยุตฺโต วตฺถุกามารมฺมโณ วิตกฺโกติ อตฺโถ. พฺยาปาทสหคโต วิตกฺโก พฺยาปาทวิตกฺโก. วิหึสาสหคโต วิตกฺโก วิหึสาวิตกฺโก. เตสุ กามานํ อภินนฺทนวเสน ปวตฺโต เนกฺขมฺมปฏิปกฺโข กามวิตกฺโก, ‘‘อิเม สตฺตา หฺนฺตุ วา วินสฺสนฺตุ วา มา วา อเหสุ’’นฺติ สตฺเตสุ สมฺปทุสฺสนวเสน ปวตฺโต เมตฺตาปฏิปกฺโข พฺยาปาทวิตกฺโก, ปาณิเลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ สตฺตานํ วิเหเตุกามตาวเสน ปวตฺโต กรุณาปฏิปกฺโข วิหึสาวิตกฺโก.

กสฺมา ปนสฺส ภควา ตตฺถ คมนํ อนุชานิ? ‘‘อนนุฺาโตปิ จายํ มํ โอหาย คจฺฉิสฺสเตว, ‘ปริจารกามตาย มฺเ ภควา คนฺตุํ น เทตี’ติ จสฺส สิยา อฺถตฺตํ. ตทสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺเตยฺยา’’ติ อนุชานิ.

เอวํ ตสฺมึ อตฺตโน ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา นิสินฺเน อถสฺส ภควา สปฺปายํ ธมฺมํ เทเสนฺโต ‘‘อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อปริปกฺกายาติ ปริปากํ อปฺปตฺตาย. เจโตวิมุตฺติยาติ กิเลเสหิ เจตโส วิมุตฺติยา. ปุพฺพภาเค หิ ตทงฺควเสน เจว วิกฺขมฺภนวเสน จ กิเลเสหิ เจตโส วิมุตฺติ โหติ, อปรภาเค สมุจฺเฉทวเสน เจว ปฏิปสฺสทฺธิวเสน จ. สายํ วิมุตฺติ เหฏฺา วิตฺถารโต กถิตาว, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. ตตฺถ วิมุตฺติปริปาจนีเยหิ ธมฺเมหิ อาสเย ปริปาจิเต ปโพธิเต วิปสฺสนาย มคฺคคพฺภํ คณฺหนฺติยา ปริปากํ คจฺฉนฺติยา เจโตวิมุตฺติ ปริปกฺกา นาม โหติ, ตทภาเว อปริปกฺกา.

กตเม ปน วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา? สทฺธินฺทฺริยาทีนํ วิสุทฺธิกรณวเสน ปนฺนรส ธมฺมา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อสฺสทฺเธ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, สทฺเธ ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ปสาทนีเย สุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขโต – อิเมหิ ตีหากาเรหิ สทฺธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘กุสีเต ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, อารทฺธวีริเย ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, สมฺมปฺปธาเน ปจฺจเวกฺขโต – อิเมหิ ตีหากาเรหิ วีริยินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘มุฏฺสฺสตี ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, อุปฏฺิตสฺสตี ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, สติปฏฺาเน ปจฺจเวกฺขโต – อิเมหิ ตีหากาเรหิ สตินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘อสมาหิเต ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, สมาหิเต ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ฌานวิโมกฺเข ปจฺจเวกฺขโต – อิเมหิ ตีหากาเรหิ สมาธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘ทุปฺปฺเ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, ปฺวนฺเต ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, คมฺภีราณจริยํ ปจฺจเวกฺขโต – อิเมหิ ตีหากาเรหิ ปฺินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘อิติ อิเม ปฺจ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, ปฺจ ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ปฺจ สุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขโต – อิเมหิ ปนฺนรสหิ อากาเรหิ, อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๘๕).

อปเรปิ ปนฺนรส ธมฺมา วิมุตฺติปริปาจนียา – สทฺธาปฺจมานิ อินฺทฺริยานิ, อนิจฺจสฺา ทุกฺขสฺา อนตฺตสฺา ปหานสฺา วิราคสฺาติ อิมา ปฺจ นิพฺเพธภาคิยา สฺา, กลฺยาณมิตฺตตา สีลสํวโร อภิสลฺเลขตา วีริยารมฺโภ นิพฺเพธิกปฺาติ. เตสุ วิเนยฺยทมนกุสโล สตฺถา วิเนยฺยสฺส เมฆิยตฺเถรสฺส อชฺฌาสยวเสน อิธ กลฺยาณมิตฺตตาทโย วิมุตฺติปริปาจนีเย ธมฺเม ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฺจ ธมฺมา ปริปากาย สํวตฺตนฺตี’’ติ วตฺวา เต วิตฺถาเรนฺโต ‘‘อิธ, เมฆิย, ภิกฺขุ กลฺยาณมิตฺโต โหตี’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ กลฺยาณมิตฺโตติ กลฺยาโณ ภทฺโท สุนฺทโร มิตฺโต เอตสฺสาติ กลฺยาณมิตฺโต. ยสฺส สีลาทิคุณสมฺปนฺโน ‘‘อฆสฺส ฆาตา, หิตสฺส วิธาตา’’ติ เอวํ สพฺพากาเรน อุปกาโร มิตฺโต โหติ, โส ปุคฺคโล กลฺยาณมิตฺโตว. ยถาวุตฺเตหิ กลฺยาณปุคฺคเลเหว สพฺพิริยาปเถสุ สห อยติ ปวตฺตติ, น วินา เตหีติ กลฺยาณสหาโย.กลฺยาณปุคฺคเลสุ เอว จิตฺเตน เจว กาเยน จ นินฺนโปณปพฺภารภาเวน ปวตฺตตีติ กลฺยาณสมฺปวงฺโก. ปทตฺตเยน กลฺยาณมิตฺตสํสคฺเค อาทรํ อุปฺปาเทติ.

ตตฺริทํ กลฺยาณมิตฺตลกฺขณํ – อิธ กลฺยาณมิตฺโต สทฺธาสมฺปนฺโน โหติ สีลสมฺปนฺโน สุตสมฺปนฺโน จาคสมฺปนฺโน วีริยสมฺปนฺโน สติสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ กมฺมผลฺจ, เตน สมฺมาสมฺโพธิเหตุภูตํ สตฺเตสุ หิเตสิตํ น ปริจฺจชติ. สีลสมฺปตฺติยา สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ มนาโป ครุ ภาวนีโย โจทโก ปาปครหี วตฺตา วจนกฺขโม, สุตสมฺปตฺติยา สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิปฏิสํยุตฺตานํ คมฺภีรานํ กถานํ กตฺตา โหติ, จาคสมฺปตฺติยา อปฺปิจฺโฉ โหติ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ, วีริยสมฺปตฺติยา อารทฺธวีริโย โหติ สตฺตานํ หิตปฺปฏิปตฺติยา, สติสมฺปตฺติยา อุปฏฺิตสฺสติ โหติ, สมาธิสมฺปตฺติยา อวิกฺขิตฺโต โหติ สมาหิตจิตฺโต, ปฺาสมฺปตฺติยา อวิปรีตํ ชานาติ. โส สติยา กุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเวสมาโน ปฺาย สตฺตานํ หิตาหิตํ ยถาภูตํ ชานิตฺวา, สมาธินา ตตฺถ เอกคฺคจิตฺโต หุตฺวา, วีริเยน สตฺเต อหิตา นิเสเธตฺวา หิเต นิโยเชติ. เตนาห –

‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;

คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชเย’’ติ. (อ. นิ. ๗.๓๗);

อยํ ปโม ธมฺโม ปริปากาย สํวตฺตตีติ, อยํ กลฺยาณมิตฺตตาสงฺขาโต พฺรหฺมจริยวาสสฺส อาทิภาวโต, สพฺเพสฺจ กุสลานํ ธมฺมานํ พหุการตาย ปธานภาวโต จ อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ อาทิโต วุตฺตตฺตา ปโม อนวชฺชธมฺโม อวิสุทฺธานํ สทฺธาทีนํ วิสุทฺธิกรณวเสน เจโตวิมุตฺติยา ปริปากาย สํวตฺตติ. เอตฺถ จ กลฺยาณมิตฺตสฺส พหุการตา ปธานตา จ ‘‘อุปฑฺฒมิทํ, ภนฺเต, พฺรหฺมจริยสฺส ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา’’ติ วทนฺตํ ธมฺมภณฺฑาคาริกํ, ‘‘มา เหวํ, อานนฺทา’’ติ ทฺวิกฺขตฺตุํ ปฏิเสเธตฺวา, ‘‘สกลเมว หิทํ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยํ, ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา’’ติอาทิสุตฺตปเทหิ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙; ๕.๒) เวทิตพฺพา.

ปุน จปรนฺติ ปุน จ อปรํ ธมฺมชาตํ. สีลวาติ เอตฺถ เกนฏฺเน สีลํ? สีลนฏฺเน สีลํ. กิมิทํ สีลนํ นาม? สมาธานํ, กายกมฺมาทีนํ สุสีลฺยวเสน อวิปฺปกิณฺณตาติ อตฺโถ. อถ วา อุปธารณํ, ฌานาทิกุสลานํ ธมฺมานํ ปติฏฺานวเสน อาธารภาโวติ อตฺโถ. ตสฺมา สีเลติ สีลตีติ วา สีลํ. อยํ ตาว สทฺทลกฺขณนเยน สีลตฺโถ. อปเร ปน ‘‘สิรฏฺโ สีตลฏฺโ สีลฏฺโ สํวรฏฺโ’’ติ นิรุตฺตินเยน อตฺถํ วณฺเณนฺติ. ตยิทํ ปาริปูริโต อติสยโต วา สีลํ อสฺส อตฺถีติ สีลวา, สีลสมฺปนฺโนติ อตฺโถ.

ยถา จ สีลวา โหติ สีลสมฺปนฺโน, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปาติโมกฺขนฺติ สิกฺขาปทสีลํ. ตฺหิ โย นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหีติ ปาติโมกฺขํ. สํวรณํ สํวโร, กายวาจาหิ อวีติกฺกโม. ปาติโมกฺขเมว สํวโร ปาติโมกฺขสํวโร, เตน สํวุโต ปิหิตกายวาโจติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต, อิทมสฺส ตสฺมึ สีเล ปติฏฺิตภาวปริทีปนํ. วิหรตีติ ตทนุรูปวิหารสมงฺคิภาวปริทีปนํ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ เหฏฺา ปาติโมกฺขสํวรสฺส, อุปริ วิเสสานํ โยคสฺส จ อุปการกธมฺมปริทีปนํ. อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ ปาติโมกฺขสีลโต อจวนธมฺมตาปริทีปนํ. สมาทายาติ สิกฺขาปทานํ อนวเสสโต อาทานปริทีปนํ. สิกฺขตีติ สิกฺขาย สมงฺคิภาวปริทีปนํ. สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขิตพฺพธมฺมปริทีปนํ.

อปโร นโย – กิเลสานํ พลวภาวโต, ปาปกิริยาย สุกรภาวโต, ปุฺกิริยาย จ ทุกฺกรภาวโต พหุกฺขตฺตุํ อปาเยสุ ปตนสีโลติ ปาตี, ปุถุชฺชโน. อนิจฺจตาย วา ภวาทีสุ กมฺมเวคกฺขิตฺโต ฆฏียนฺตํ วิย อนวฏฺาเนน ปริพฺภมนโต คมนสีโลติ ปาตี, มรณวเสน วา ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย อตฺตภาวสฺส ปตนสีโลติ วา ปาตี, สตฺตสนฺตาโน จิตฺตเมว วา. ตํ ปาตินํ สํสารทุกฺขโต โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขํ. จิตฺตสฺส หิ วิโมกฺเขน สตฺโต ‘‘วิมุตฺโต’’ติ วุจฺจติ. วุตฺตฺหิ ‘‘จิตฺตโวทานา สตฺตา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐), ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติ (มหาว. ๒๘) จ.

อถ วา อวิชฺชาทิเหตุนา สํสาเร ปตติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ ปาติ, ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔) หิ วุตฺตํ. ตสฺส ปาติโน สตฺตสฺส ตณฺหาทิสํกิเลสตฺตยโต โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข, ‘‘กณฺเกาโล’’ติอาทีนํ วิย สมาสสิทฺธิ เวทิตพฺพา.

อถ วา ปาเตติ วินิปาเตติ ทุกฺเขหีติ ปาติ, จิตฺตํ. วุตฺตฺหิ ‘‘จิตฺเตน นิยฺยตี โลโก, จิตฺเตน ปริกสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๖๒). ตสฺส ปาติโน โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข. ปตติ วา เอเตน อปายทุกฺเข สํสารทุกฺเข จาติ ปาติ, ตณฺหาทิสํกิเลสา. วุตฺตฺหิ – ‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ (สํ. นิ. ๑.๕๕-๕๗), ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕) จาทิ. ตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข.

อถ วา ปตติ เอตฺถาติ ปาติ, ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ. วุตฺตฺหิ – ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน, ฉสุ กุพฺพติ สนฺถว’’นฺติ (สุ. นิ. ๑๗๑). ตโต ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรายตนสงฺขาตปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข. อถ วา ปาโต วินิปาโต อสฺส อตฺถีติ ปาตี, สํสาโร. ตโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข.

อถ วา สพฺพโลกาธิปติภาวโต ธมฺมิสฺสโร ภควา ปตีติ วุจฺจติ, มุจฺจติ เอเตนาติ โมกฺโข. ปติโน โมกฺโข เตน ปฺตฺตตฺตาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. สพฺพคุณานํ วา ตมฺมูลภาวโต อุตฺตมฏฺเน ปติ จ, โส ยถาวุตฺตฏฺเน โมกฺโข จาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปาติโมกฺขนฺติอาทิเมตํ มุขเมต’’นฺติ วิตฺถาโร.

อถ วา อิติ ปกาเร, อตีติ อจฺจนฺตตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา ปกาเรหิ อจฺจนฺตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขํ. อิทฺหิ สีลํ สยํ ตทงฺควเสน, สมาธิสหิตํ ปฺาสหิตฺจ วิกฺขมฺภนวเสน สมุจฺเฉทวเสน จ อจฺจนฺตํ โมกฺเขติ โมเจตีติ ปาติโมกฺขํ. ปติ โมกฺโขติ วา ปติโมกฺโข, ตมฺหา ตมฺหา วีติกฺกมโทสโต ปจฺเจกํ โมกฺโขติ อตฺโถ. ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. โมกฺโขติ วา นิพฺพานํ, ตสฺส โมกฺขสฺส ปฏิพิมฺพภูโตติ ปติโมกฺโข. สีลสํวโร หิ สูริยสฺส อรุณุคฺคมนํ วิย นิพฺพานสฺส อุทยภูโต ตปฺปฏิภาโค จ ยถารหํ สํกิเลสนิพฺพาปนโต. ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. ปติวตฺตติ โมกฺเขติ ทุกฺขนฺติ วา ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขเมว ปาติโมกฺขนฺติ เอวํ ตาเวตฺถ ปาติโมกฺขสทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

สํวรติ ปิทหติ เอเตนาติ สํวโร, ปาติโมกฺขเมว สํวโร ปาติโมกฺขสํวโร. อตฺถโต ปน ตโต ตโต วีติกฺกมิตพฺพโต วิรติโย เจตนา จ. เตน ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต สมนฺนาคโต ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ วุตฺโต. วุตฺตฺเหตํ วิภงฺเค –

‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปาคโต สมุปาคโต อุปปนฺโน สมุปปนฺโน สมนฺนาคโต, เตน วุจฺจติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑).

วิหรตีติ อิริยาปถวิหาเรน วิหรติ อิรียติ วตฺตติ.

อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ เวฬุทานาทิมิจฺฉาชีวสฺส กายปาคพฺภิยาทีนฺจ อกรเณน สพฺพโส อนาจารํ วชฺเชตฺวา ‘‘กายิโก อวีติกฺกโม วาจสิโก อวีติกฺกโม กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม’’ติ เอวํ วุตฺตภิกฺขุสารุปฺปอาจารสมฺปตฺติยา, เวสิยาทิอโคจรํ วชฺเชตฺวา ปิณฺฑปาตาทิอตฺถํ อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺานสงฺขาเตน โคจเรน จ สมฺปนฺนตฺตา อาจารโคจรสมฺปนฺโน.

อปิจ โย ภิกฺขุ สตฺถริ สคารโว สปฺปติสฺโส สพฺรหฺมจารีสุ สคารโว สปฺปติสฺโส หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺโน สุนิวตฺโถ สุปารุโต ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตน ปฏิกฺกนฺเตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิฺชิเตน ปสาริเตน อิริยาปถสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู ชาคริยมนุยุตฺโต สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ อาภิสมาจาริเกสุ สกฺกจฺจการี ครุจิตฺตีการพหุโล วิหรติ, อยํ วุจฺจติ อาจารสมฺปนฺโน.

โคจโร ปน อุปนิสฺสยโคจโร อารกฺขโคจโร อุปนิพนฺธโคจโรติ ติวิโธ. ตตฺถ โย ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต วุตฺตลกฺขโณ กลฺยาณมิตฺโต, ยํ นิสฺสาย อสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทาเปติ, กงฺขํ วิตรติ, ทิฏฺึ อุชุํ กโรติ, จิตฺตํ ปสาเทติ, ยฺจ อนุสิกฺขนฺโต สทฺธาย วฑฺฒติ , สีเลน, สุเตน, จาเคน, ปฺาย วฑฺฒติ, อยํ วุจฺจติ อุปนิสฺสยโคจโร.

โย ภิกฺขุ อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ วีถึ ปฏิปนฺโน โอกฺขิตฺตจกฺขุ ยุคมตฺตทสฺสาวี จกฺขุนฺทฺริยสํวุโตว คจฺฉติ, น หตฺถึ โอโลเกนฺโต, น อสฺสํ, น รถํ, น ปตฺตึ, น อิตฺถึ, น ปุริสํ โอโลเกนฺโต, น อุทฺธํ โอโลเกนฺโต, น อโธ โอโลเกนฺโต, น ทิสาวิทิสํ เปกฺขมาโน คจฺฉติ, อยํ อารกฺขโคจโร.

อุปนิพนฺธโคจโร ปน จตฺตาโร สติปฏฺานา, ยตฺถ ภิกฺขุ อตฺตโน จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ, วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโย, ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒).

ตตฺถ อุปนิสฺสยโคจรสฺส ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา อิตเรสํ วเสเนตฺถ โคจโร เวทิตพฺโพ. อิติ ยถาวุตฺตาย อาจารสมฺปตฺติยา, อิมาย จ โคจรสมฺปตฺติยา สมนฺนาคตตฺตา อาจารโคจรสมฺปนฺโน.

อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ อปฺปมตฺตกตฺตา อณุปฺปมาเณสุ อสฺสติยา อสฺจิจฺจ อาปนฺนเสขิยอกุสลจิตฺตุปฺปาทาทิเภเทสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสนสีโล. โย หิ ภิกฺขุ ปรมาณุมตฺตํ วชฺชํ อฏฺสฏฺิโยชนปมาณาธิกโยชนสตสหสฺสุพฺเพธสิเนรุปพฺพตราชสทิสํ กตฺวา ปสฺสติ, โยปิ สพฺพลหุกํ ทุพฺภาสิตมตฺตํ ปาราชิกสทิสํ กตฺวา ปสฺสติ, อยมฺปิ อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี นาม. สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ ยํกิฺจิ สิกฺขาปเทสุ สิกฺขิตพฺพํ, ตํ สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อนวเสสํ สมฺมา อาทิยิตฺวา สิกฺขติ, ปวตฺตติ ปริปูเรตีติ อตฺโถ.

อภิสลฺเลขิกาติ อติวิย กิเลสานํ สลฺเลขนี, เตสํ ตนุภาวาย ปหานาย ยุตฺตรูปา. เจโตวิวรณสปฺปายาติ เจตโส ปฏิจฺฉาทกานํ นีวรณานํ ทูรีภาวกรเณน เจโตวิวรณสงฺขาตานํ สมถวิปสฺสนานํ สปฺปายา, สมถวิปสฺสนาจิตฺตสฺเสว วา วิวรณาย ปากฏีกรณาย วา สปฺปายา อุปการิกาติ เจโตวิวรณสปฺปายา.

อิทานิ เยน นิพฺพิทาทิอาวหเนน อยํ กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา จ นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกนฺตนิพฺพิทายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เอกนฺตนิพฺพิทายาติ เอกํเสเนว วฏฺฏทุกฺขโต นิพฺพินฺทนตฺถาย. วิราคาย นิโรธายาติ ตสฺเสว วิรชฺชนตฺถาย จ นิรุชฺฌนตฺถาย จ. อุปสมายาติ สพฺพกิเลสูปสมาย. อภิฺายาติ สพฺพสฺสาปิ อภิฺเยฺยสฺส อภิชานนาย. สมฺโพธายาติ จตุมคฺคสมฺโพธาย. นิพฺพานายาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานาย. เอเตสุ หิ อาทิโต ตีหิ ปเทหิ วิปสฺสนา วุตฺตา, ทฺวีหิ มคฺโค, ทฺวีหิ นิพฺพานํ วุตฺตํ. สมถวิปสฺสนา อาทึ กตฺวา นิพฺพานปริโยสาโน อยํ สพฺโพ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม ทสกถาวตฺถุลาภิโน สิชฺฌตีติ ทสฺเสติ.

อิทานิ ตํ กถํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อปฺปิจฺฉกถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อปฺปิจฺโฉติ น อิจฺโฉ, ตสฺส กถา อปฺปิจฺฉกถา, อปฺปิจฺฉภาวปฺปฏิสํยุตฺตา กถา วา อปฺปิจฺฉกถา. เอตฺถ จ อตฺริจฺโฉ ปาปิจฺโฉ มหิจฺโฉ อปฺปิจฺโฉติ อิจฺฉาวเสน จตฺตาโร ปุคฺคลา. เตสุ อตฺตนา ยถาลทฺเธน ลาเภน อติตฺโต อุปรูปริ ลาภํ อิจฺฉนฺโต อตฺริจฺโฉ นาม. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา, อฏฺภิ จาปิ โสฬส;

โสฬสภิ จ ทฺวตฺตึส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;

อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ. (ชา. ๑.๕.๑๐๓);

‘‘อตฺริจฺฉา อติโลเภน, อติโลภมเทน จา’’ติ จ. (ชา. ๑.๒.๑๖๘);

ลาภสกฺการสิโลกนิกามยตาย อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาโย ปาปิจฺโฉ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘ตตฺถ กตมา กุหนา? ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิตสฺส ปาปิจฺฉสฺส อิจฺฉาปกตสฺส ปจฺจยปฺปฏิเสวนสงฺขาเตน วา สามนฺตชปฺปิเตน วา อิริยาปถสฺส วา อปนา’’ติอาทิ (วิภ. ๘๖๑).

สนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาโย ปฏิคฺคหเณ อมตฺตฺู มหิจฺโฉ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘อิเธกจฺโจ สทฺโธ สมาโน ‘สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตู’ติ อิจฺฉติ, สีลวา สมาโน ‘สีลวาติ มํ ชโน ชานาตู’ติ อิจฺฉตี’’ติอาทิ (วิภ. ๘๕๑).

ทุตฺตปฺปิยตาย หิสฺส วิชาตมาตาปิ จิตฺตํ คเหตุํ น สกฺโกติ. เตเนตํ วุจฺจติ –

‘‘อคฺคิกฺขนฺโธ สมุทฺโท จ, มหิจฺโฉ จาปิ ปุคฺคโล;

สกเฏหิ ปจฺจเย เทนฺตุ, ตโยเปเต อตปฺปิยา’’ติ.

เอเต ปน อตฺริจฺฉตาทโย โทเส อารกา ปริวชฺเชตฺวา สนฺตคุณนิคูหนาธิปฺปาโย ปฏิคฺคหเณ จ มตฺตฺู อปฺปิจฺโฉ. โส อตฺตนิ วิชฺชมานมฺปิ คุณํ ปฏิจฺฉาเทตุกามตาย สทฺโธ สมาโน ‘‘สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติ, สีลวา, พหุสฺสุโต, ปวิวิตฺโต, อารทฺธวีริโย, อุปฏฺิตสฺสติ, สมาหิโต, ปฺวา สมาโน ‘‘ปฺวาติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติ.

สฺวายํ ปจฺจยปฺปิจฺโฉ ธุตงฺคปฺปิจฺโฉ ปริยตฺติอปฺปิจฺโฉ อธิคมปฺปิจฺโฉติ จตุพฺพิโธ. ตตฺถ จตูสุ ปจฺจเยสุ อปฺปิจฺโฉ ปจฺจยทายกํ เทยฺยธมฺมํ อตฺตโน ถามฺจ โอโลเกตฺวา สเจปิ หิ เทยฺยธมฺโม พหุ โหติ, ทายโก อปฺปํ ทาตุกาโม, ทายกสฺส วเสน อปฺปเมว คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโม เจ อปฺโป, ทายโก พหุํ ทาตุกาโม, เทยฺยธมฺมสฺส วเสน อปฺปเมว คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโมปิ เจ พหุ, ทายโกปิ พหุํ ทาตุกาโม, อตฺตโน ถามํ ตฺวา ปมาณยุตฺตเมว คณฺหาติ. เอวรูโป หิ ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนํ ลาภํ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนํ ลาภํ ถาวรํ กโรติ, ทายกานํ จิตฺตํ อาราเธติ. ธุตงฺคสมาทานสฺส ปน อตฺตนิ อตฺถิภาวํ น ชานาเปตุกาโม ธุตงฺคปฺปิจฺโฉ. โย อตฺตโน พหุสฺสุตภาวํ ชานาเปตุํ น อิจฺฉติ, อยํ ปริยตฺติอปฺปิจฺโฉ. โย ปน โสตาปนฺนาทีสุ อฺตโร หุตฺวา สพฺรหฺมจารีนมฺปิ อตฺตโน โสตาปนฺนาทิภาวํ ชานาเปตุํ น อิจฺฉติ, อยํ อธิคมปฺปิจฺโฉ. เอวเมเตสํ อปฺปิจฺฉานํ ยา อปฺปิจฺฉตา, ตสฺสา สทฺธึ สนฺทสฺสนาทิวิธินา อเนกาการโวการอานิสํสวิภาวนวเสน, ตปฺปฏิปกฺขสฺส อตฺริจฺฉาทิเภทสฺส อิจฺฉาจารสฺส อาทีนววิภาวนวเสน จ ปวตฺตา กถา อปฺปิจฺฉกถา.

สนฺตุฏฺิกถาติ เอตฺถ สนฺตุฏฺีติ สเกน อตฺตนา ลทฺเธน ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ. อถ วา วิสมํ ปจฺจยิจฺฉํ ปหาย สมํ ตุฏฺิ, สนฺตุฏฺิ. สนฺเตน วา วิชฺชมาเนน ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ. วุตฺตฺเจตํ –

‘‘อตีตํ นานุโสจนฺโต, นปฺปชปฺปมนาคตํ;

ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปนฺโต, สนฺตุฏฺโติ ปวุจฺจตี’’ติ.

สมฺมา วา าเยน ภควตา อนุฺาตวิธินา ปจฺจเยหิ ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ. อตฺถโต อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส , โส ทฺวาทสวิโธ โหติ. กถํ ? จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส, ยถาพลสนฺโตโส, ยถาสารุปฺปสนฺโตโสติ ติวิโธ, เอวํ ปิณฺฑปาตาทีสุ.

ตตฺรายํ ปเภทวณฺณนา – อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ปกติทุพฺพโล วา โหติ อาพาธชราภิภูโต วา, ครุํ จีวรํ ปารุปนฺโต กิลมติ, โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธึ ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ปฏฺฏจีวราทีนํ อฺตรํ มหคฺฆจีวรํ ลภิตฺวา ‘‘อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ, อิทํ พหุสฺสุตานํ อนุรูปํ, อิทํ คิลานานํ ทุพฺพลานํ, อิทํ อปฺปลาภีนํ วา โหตู’’ติ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา สงฺการกูฏาทิโต นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา สงฺฆาฏึ กตฺวา เตสํ วา ปุราณจีวรานิ คเหตฺวา ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

อิธ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ, ลูขํ ปกติวิรุทฺธํ วา พฺยาธิวิรุทฺธํ วา ปิณฺฑปาตํ ภุฺชิตฺวา คาฬฺหํ โรคาตงฺกํ ปาปุณาติ, โส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปายโภชนํ ภุฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ลภติ, โส ‘‘อยํ ปิณฺฑปาโต จิรปพฺพชิตาทีนํ อนุรูโป’’ติ จีวรํ วิย เตสํ ทตฺวา, เตสํ วา สนฺตกํ คเหตฺวา, อตฺตนา ปิณฺฑาย จริตฺวา, มิสฺสกาหารํ วา ปริภุฺชนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

อิธ ปน ภิกฺขุโน เสนาสนํ ปาปุณาติ มนาปํ วา อมนาปํ วา อนฺตมโส ติณกุฏิกาปิ ติณสนฺถารกมฺปิ, โส เตเนว สนฺตุสฺสติ, ปุน อฺํ สุนฺทรตรํ วา ปาปุณาติ, ตํ น คณฺหาติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ ทุพฺพโล วา, โส พฺยาธิวิรุทฺธํ วา ปกติวิรุทฺธํ วา เสนาสนํ ลภติ, ยตฺถสฺส วสโต อผาสุ โหติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส สนฺตเก สปฺปายเสนาสเน วสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาพลสนฺโตโส. อปโร สุนฺทรํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฏิจฺฉติ ‘‘ปณีตเสนาสนํ ปมาทฏฺาน’’นฺติ, มหาปุฺตาย วา เลณมณฺฑปกูฏาคาราทีนิ ปณีตเสนาสนานิ ลภติ, โส ตานิ จีวราทีนิ วิย จิรปพฺพชิตาทีนํ ทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ตุสฺสติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน เตเลน อตฺถิโก ผาณิตํ ลภติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา, ตสฺส หตฺถโต เตลํ คเหตฺวา, เภสชฺชํ กตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสนฺโตโส. อปโร มหาปุฺโ พหุํ เตลมธุผาณิตาทิปณีตเภสชฺชํ ลภติ, โส ตํ จีวราทีนิ วิย จิรปพฺพชิตาทีนํ ทตฺวา เตสํ อาภเตน เยน เกนจิ เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. โย ปน เอกสฺมึ ภาชเน มุตฺตหรีตกํ, เอกสฺมึ จตุมธุรํ เปตฺวา ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต, ยทิจฺฉสี’’ติ วุจฺจมาโน สจสฺส เตสุ อฺตเรนปิ โรโค วูปสมฺมติ , ‘‘มุตฺตหรีตกํ นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิตํ, ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา, ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย’’ติ (มหาว. ๑๒๘) วจนมนุสฺสรนฺโต จตุมธุรํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มุตฺตหรีตเกน เภสชฺชํ กโรนฺโต ปรมสนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

โส เอวํปเภโท สพฺโพปิ สนฺโตโส สนฺตุฏฺีติ ปวุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺถโต อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส’’ติ. อิตรีตรสนฺตุฏฺิยา สทฺธึ สนฺทสฺสนาทิวิธินา อานิสํสวิภาวนวเสน, ตปฺปฏิปกฺขสฺส อตฺริจฺฉตาทิเภทสฺส อิจฺฉาปกตตฺตสฺส อาทีนววิภาวนวเสน จ ปวตฺตา กถา สนฺตุฏฺิกถา. อิโต ปราสุปิ กถาสุ เอเสว นโย, วิเสสมตฺตเมว วกฺขาม.

ปวิเวกกถาติ เอตฺถ กายวิเวโก จิตฺตวิเวโก อุปธิวิเวโกติ ตโย วิเวกา. เตสุ เอโก คจฺฉติ, เอโก ติฏฺติ, เอโก นิสีทติ, เอโก เสยฺยํ กปฺเปติ, เอโก คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, เอโก ปฏิกฺกมติ, เอโก อภิกฺกมติ, เอโก จงฺกมํ อธิฏฺาติ, เอโก จรติ, เอโก วิหรตีติ เอวํ สพฺพิริยาปเถสุ สพฺพกิจฺเจสุ คณสงฺคณิกํ ปหาย วิวิตฺตวาโส กายวิเวโก นาม. อฏฺ สมาปตฺติโย ปน จิตฺตวิเวโก นาม. นิพฺพานํ อุปธิวิเวโก นาม. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘กายวิเวโก จ วิเวกฏฺกายานํ เนกฺขมฺมาภิรตานํ, จิตฺตวิเวโก จ ปริสุทฺธจิตฺตานํ ปรมโวทานปฺปตฺตานํ, อุปธิวิเวโก จ นิรุปธีนํ ปุคฺคลานํ วิสงฺขารคตาน’’นฺติ (มหานิ. ๕๗).

วิเวโกเยว ปวิเวโก, ปวิเวกปฺปฏิสํยุตฺตา กถา ปวิเวกกถา.

อสํสคฺคกถาติ เอตฺถ สวนสํสคฺโค ทสฺสนสํสคฺโค สมุลฺลปนสํสคฺโค สมฺโภคสํสคฺโค กายสํสคฺโคติ ปฺจ สํสคฺคา. เตสุ อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ สุณาติ ‘‘อสุกสฺมึ คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา’’ติ, โส ตํ สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ, เอวํ วิสภาคารมฺมณสวเนน อุปฺปนฺนกิเลสสนฺถโว สวนสํสคฺโค นาม. น เหว โข ภิกฺขุ สุณาติ, อปิจ โข สามํ ปสฺสติ อิตฺถึ อภิรูปํ ทสฺสนียํ ปาสาทิกํ ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตํ, โส ตํ ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ, เอวํ วิสภาคารมฺมณทสฺสเนน อุปฺปนฺนกิเลสสนฺถโว ทสฺสนสํสคฺโค นาม. ทิสฺวา ปน อฺมฺํ อาลาปสลฺลาปวเสน อุปฺปนฺโน กิเลสสนฺถโว สมุลฺลปนสํสคฺโค นาม. สหชคฺฆนาทีนิปิ เอเตเนว สงฺคณฺหาติ. อตฺตโน ปน สนฺตกํ ยํกิฺจิ มาตุคามสฺส ทตฺวา วา อทตฺวา วา เตน ทินฺนสฺส วนภงฺคิยาทิโน ปริโภควเสน อุปฺปนฺนกิเลสสนฺถโว สมฺโภคสํสคฺโค นาม. มาตุคามสฺส หตฺถคฺคาหาทิวเสน อุปฺปนฺนกิเลสสนฺถโว กายสํสคฺโค นาม. โยปิ เจส –

‘‘คิหีหิ สํสฏฺโ วิหรติ อนนุโลมิเกน สํสคฺเคน สหโสกี สหนนฺที สุขิเตสุ สุขิโต, ทุกฺขิเตสุ ทุกฺขิโต , อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ อตฺตนา อุยฺโยคํ อาปชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๓; มหานิ. ๑๖๔) –

เอวํ วุตฺโต อนนุโลมิโก คิหิสํสคฺโค, โย จ สพฺรหฺมจารีหิปิ กิเลสุปฺปตฺติเหตุภูโต สํสคฺโค, ตํ สพฺพํ ปหาย ยฺวายํ สํสาเร ถิรตรํ สํเวคํ, สงฺขาเรสุ ติพฺพํ ภยสฺํ, สรีเร ปฏิกูลสฺํ, สพฺพากุสเลสุ ชิคุจฺฉาปุพฺพงฺคมํ หิโรตฺตปฺปํ, สพฺพกิริยาสุ สติสมฺปชฺนฺติ สพฺพํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา กมลทเล ชลพินฺทุ วิย สพฺพตฺถ อลคฺคภาโว, อยํ สพฺพสํสคฺคปฺปฏิปกฺขตาย อสํสคฺโค. ตปฺปฏิสํยุตฺตา กถา อสํสคฺคกถา.

วีริยารมฺภกถาติ เอตฺถ วีรสฺส ภาโว, กมฺมนฺติ วา วีริยํ, วิธินา อีรยิตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ วา วีริยํ, วีริยฺจ ตํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย อารมฺภนํ วีริยารมฺโภ. สฺวายํ กายิโก เจตสิโก จาติ ทุวิโธ, อารมฺภธาตุ, นิกฺกมธาตุ, ปรกฺกมธาตุ จาติ ติวิโธ; สมฺมปฺปธานวเสน จตุพฺพิโธ. โส สพฺโพปิ โย ภิกฺขุ คมเน อุปฺปนฺนํ กิเลสํ านํ ปาปุณิตุํ น เทติ; าเน อุปฺปนฺนํ นิสชฺชํ, นิสชฺชาย อุปฺปนฺนํ สยนํ ปาปุณิตุํ น เทติ, ตตฺถ ตตฺเถว อชปเทน ทณฺเฑน กณฺหสปฺปํ อุปฺปีเฬตฺวา คณฺหนฺโต วิย, ติขิเณน อสินา อมิตฺตํ คีวาย ปหรนฺโต วิย จ สีสํ อุกฺขิปิตุํ อทตฺวา วีริยพเลน นิคฺคณฺหาติ, ตสฺเสวํ อารทฺธวีริยสฺส วเสน เวทิตพฺโพ. ตปฺปฏิสํยุตฺตา กถา วีริยารมฺภกถา.

สีลกถาทีสุ ทุวิธํ สีลํ โลกิยํ โลกุตฺตรฺจ. ตตฺถ โลกิยํ ปาติโมกฺขสํวราทิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ, โลกุตฺตรํ มคฺคสีลํ ผลสีลฺจ. ตถา วิปสฺสนาย ปาทกภูตา สห อุปจาเรน อฏฺ สมาปตฺติโย โลกิโย สมาธิ, มคฺคสมฺปยุตฺโต ปเนตฺถ โลกุตฺตโร สมาธิ นาม. ตถา ปฺาปิ โลกิยา สุตมยา จินฺตามยา ฌานสมฺปยุตฺตา วิปสฺสนาาณฺจ. วิเสสโต ปเนตฺถ วิปสฺสนาปฺา คเหตพฺพา, โลกุตฺตรา มคฺคปฺา ผลปฺา จ. วิมุตฺตีปิ อริยผลวิมุตฺติ นิพฺพานฺจ. อปเร ปน ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทวิมุตฺตีนมฺปิ วเสเนตฺถ อตฺถํ วณฺเณนฺติ. วิมุตฺติาณทสฺสนมฺปิ เอกูนวีสติวิธํ ปจฺจเวกฺขณาณํ. อิติ อิเมสํ สีลาทีนํ สทฺธึ สนฺทสฺสนาทิวิธินา อเนกาการโวการอานิสํสวิภาวนวเสน เจว ตปฺปฏิปกฺขานํ ทุสฺสีลฺยาทีนํ อาทีนววิภาวนวเสน จ ปวตฺตา กถา, ตปฺปฏิสํยุตฺตา กถา วา สีลาทิกถา นาม.

เอตฺถ จ ‘‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ โหติ, อปฺปิจฺฉกถฺจ ปเรสํ กตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๒; อ. นิ. ๑๐.๗๐) ‘‘สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, อิตรีตรจีวรสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๔; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๘) จ อาทิวจนโต สยฺจ อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคเตน ปเรสมฺปิ ตทตฺถาย หิตชฺฌาสเยน ปวตฺเตตพฺพา ตถารูปี กถา, ยา อิธ อภิสลฺเลขิกาทิภาเวน วิเสเสตฺวา วุตฺตา อปฺปิจฺฉกถาทีติ เวทิตพฺพา. การกสฺเสว หิ กถา วิเสสโต อธิปฺเปตตฺถสาธินี. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ…เป. … อกสิรลาภี’’ติ.

เอวรูปายาติ อีทิสาย, ยถาวุตฺตาย. นิกามลาภีติ ยถิจฺฉิตลาภี ยถารุจิลาภี, สพฺพกาลํ อิมา กถา โสตุํ วิจาเรตุฺจ ยถาสุขํ ลภนฺโต. อกิจฺฉลาภีติ นิทฺทุกฺขลาภี. อกสิรลาภีติ วิปุลลาภี.

อารทฺธวีริโยติ ปคฺคหิตวีริโย. อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานายาติ อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน อกุสลานํ ปาปธมฺมานํ ปชหนตฺถาย. กุสลานํ ธมฺมานนฺติ กุจฺฉิตานํ สลนาทิอตฺเถน อนวชฺชฏฺเน จ กุสลานํ สหวิปสฺสนานํ มคฺคผลธมฺมานํ. อุปสมฺปทายาติ สมฺปาทนาย, อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทนาย. ถามวาติ อุสฺโสฬฺหิสงฺขาเตน วีริยถาเมน สมนฺนาคโต. ทฬฺหปรกฺกโมติ ถิรปรกฺกโม อสิถิลวีริโย. อนิกฺขิตฺตธุโรติ อโนโรหิตธุโร อโนสกฺกิตวีริโย.

ปฺวาติ วิปสฺสนาปฺาย ปฺวา. อุทยตฺถคามินิยาติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทยฺจ วยฺจ ปฏิวิชฺฌนฺติยา. อริยายาติ วิกฺขมฺภนวเสน กิเลเสหิ อารกา ทูเร ิตาย นิทฺโทสาย. นิพฺเพธิกายาติ นิพฺเพธภาคิยาย. สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส เขปนโต ‘‘ทุกฺขกฺขโย’’ติ ลทฺธนามํ อริยมคฺคํ สมฺมา เหตุนา าเยน คจฺฉนฺติยา.

อิเมสุ จ ปน ปฺจสุ ธมฺเมสุ สีลํ วีริยํ ปฺา จ โยคิโน อชฺฌตฺติกํ องฺคํ, อิตรทฺวยํ พาหิรํ องฺคํ. ตถาปิ กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยเนว เสสํ จตุพฺพิธํ อิชฺฌติ, กลฺยาณมิตฺตสฺเสเวตฺถ พหูปการตํ ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺข’’นฺติอาทินา เทสนํ วฑฺเฒติ. ตตฺถ ปาฏิกงฺขนฺติ เอกํเสน อิจฺฉิตพฺพํ, อวสฺสํภาวีติ อตฺโถ. นฺติ กิริยาปรามสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สีลวา ภวิสฺสตี’’ติ เอตฺถ ยเทตํ กลฺยาณมิตฺตสฺส ภิกฺขุโน สีลวนฺตตาย ภวนํ สีลสมฺปนฺนตฺตํ, ตสฺส ภิกฺขุโน สีลสมฺปนฺนตฺตา เอตํ ตสฺส ปาฏิกงฺขํ, อวสฺสํภาวี เอกํเสเนว ตสฺส ตตฺถ นิโยชนโตติ อธิปฺปาโย. ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหริสฺสตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย.

เอวํ ภควา สเทวเก โลเก อุตฺตมกลฺยาณมิตฺตสงฺขาตสฺส อตฺตโน วจนํ อนาทิยิตฺวา ตํ วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา ตาทิสํ วิปฺปการํ ปตฺตสฺส อายสฺมโต เมฆิยสฺส กลฺยาณมิตฺตตาทินา สกลํ สาสนสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา, อิทานิสฺส ตตฺถ อาทรชาตสฺส ปุพฺเพ เยหิ กามวิตกฺกาทีหิ อุปทฺทุตตฺตา กมฺมฏฺานํ น สมฺปชฺชิ, ตสฺส เตสํ อุชุวิปจฺจนีกภูตตฺตา จ ภาวนานยํ ปกาเสตฺวา, ตโต ปรํ อรหตฺตสฺส กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขนฺโต, ‘‘เตน จ ปน, เมฆิย, ภิกฺขุนา อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย จตฺตาโร ธมฺมา อุตฺตริ ภาเวตพฺพา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เตนาติ เอวํ กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน ยถาวุตฺตสีลาทิคุณสมนฺนาคเตน. เตเนวาห ‘‘อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺายา’’ติ. อุตฺตรีติ อารทฺธตรุณวิปสฺสนสฺส ราคาทิปริสฺสยา เจ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตสํ วิโสธนตฺถํ ตโต อุทฺธํ จตฺตาโร ธมฺมา ภาเวตพฺพา อุปฺปาเทตพฺพา วฑฺเฒตพฺพา จ.

อสุภาติ เอกาทสสุ อสุภกมฺมฏฺาเนสุ ยถารหํ ยตฺถ กตฺถจิ อสุภภาวนา. ราคสฺส ปหานายาติ กามราคสฺส ปชหนตฺถาย. อยมตฺโถ สาลิลายโกปมาย วิภาเวตพฺโพ – เอโก หิ ปุริโส อสิตํ คเหตฺวา โกฏิโต ปฏฺาย สาลิเขตฺเต สาลิโย ลายติ, อถสฺส วตึ ภินฺทิตฺวา คาโว ปวิสึสุ. โส อสิตํ เปตฺวา, ยฏฺึ อาทาย, เตเนว มคฺเคน คาโว นีหริตฺวา, วตึ ปากติกํ กตฺวา, ปุน อสิตํ คเหตฺวา สาลิโย ลายิ. ตตฺถ สาลิเขตฺตํ วิย พุทฺธสาสนํ ทฏฺพฺพํ, สาลิลายโก วิย โยคาวจโร, อสิตํ วิย ปฺา, ลายนกาโล วิย วิปสฺสนาย กมฺมกรณกาโล, ยฏฺิ วิย อสุภกมฺมฏฺานํ, วติ วิย สํวโร , วตึ ภินฺทิตฺวา คาวีนํ ปวิสนํ วิย สหสา อปฺปฏิสงฺขาย ปมาทํ อาคมฺม ราคสฺส อุปฺปชฺชนํ, อสิตํ เปตฺวา, ยฏฺึ อาทาย, ปวิฏฺมคฺเคเนว คาโว นีหริตฺวา, วตึ ปฏิปากติกํ กตฺวา, ปุน ิตฏฺานโต ปฏฺาย สาลิลายนํ วิย อสุภกมฺมฏฺาเนน ราคํ วิกฺขมฺเภตฺวา, ปุน วิปสฺสนาย กมฺมกรณกาโลติ อิทเมตฺถ อุปมาสํสนฺทนํ. เอวํภูตํ ภาวนาวิธึ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อสุภา ภาเวตพฺพา ราคสฺส ปหานายา’’ติ.

เมตฺตาติ เมตฺตากมฺมฏฺานํ. พฺยาปาทสฺส ปหานายาติ วุตฺตนเยเนว อุปฺปนฺนโกปสฺส ปชหนตฺถาย. อานาปานสฺสตีติ โสฬสวตฺถุกา อานาปานสฺสติ. วิตกฺกุปจฺเฉทายาติ วุตฺตนเยเนว อุปฺปนฺนานํ วิตกฺกานํ อุปจฺเฉทนตฺถาย. อสฺมิมานสมุคฺฆาตายาติ อสฺมีติ อุปฺปชฺชนกสฺส นววิธสฺส มานสฺส สมุจฺเฉทนตฺถาย. อนิจฺจสฺิโนติ หุตฺวา อภาวโต อุทยพฺพยวนฺตโต ปภงฺคุโต ตาวกาลิกโต นิจฺจปฺปฏิปกฺขโต จ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๗; จูฬนิ. เหมกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๕๖) ปวตฺตอนิจฺจานุปสฺสนาวเสน อนิจฺจสฺิโน. อนตฺตสฺา สณฺาตีติ อสารกโต อวสวตฺตนโต ปรโต ริตฺตโต ตุจฺฉโต สุฺโต จ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๙; จูฬนิ. เหมกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๕๖) เอวํ ปวตฺตา อนตฺตานุปสฺสนาสงฺขาตา อนตฺตสฺา จิตฺเต สณฺหติ, อติทฬฺหํ ปติฏฺาติ. อนิจฺจลกฺขเณ หิ ทิฏฺเ อนตฺตลกฺขณํ ทิฏฺเมว โหติ. ตีสุ หิ ลกฺขเณสุ เอกสฺมึ ทิฏฺเ อิตรทฺวยํ ทิฏฺเมว โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนิจฺจสฺิโน หิ, เมฆิย, อนตฺตสฺา สณฺาตี’’ติ. อนตฺตลกฺขเณ ทิฏฺเ อสฺมีติ อุปฺปชฺชนกมาโน สุปฺปชโหว โหตีติ อาห – ‘‘อนตฺตสฺี อสฺมิมานสมุคฺฆาตํ ปาปุณาตี’’ติ ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานนฺติ ทิฏฺเเยว ธมฺเม อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อปจฺจยปรินิพฺพานํ ปาปุณาติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน อสุภาทิภาวนานโย วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๐๒) วุตฺตนเยน คเหตพฺโพ.

เอตมตฺถํวิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต เมฆิยสฺส มิจฺฉาวิตกฺกโจเรหิ กุสลภณฺฑุปจฺเฉทสงฺขาตํ อตฺถํ ชานิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ กามวิตกฺกาทีนํ อวิโนทเน วิโนทเน จ อาทีนวานิสํสทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ ขุทฺทาติ หีนา ลามกา. วิตกฺกาติ กามวิตกฺกาทโย ตโย ปาปวิตกฺกา. เต หิ สพฺพวิตกฺเกหิ ปติกิฏฺตาย อิธ ขุทฺทาติ วุตฺตา ‘‘น จ ขุทฺทมาจเร’’ติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๙.๓; สุ. นิ. ๑๔๕) วิย. สุขุมาติ าติวิตกฺกาทโย อธิปฺเปตา. าติวิตกฺโก ชนปทวิตกฺโก อมราวิตกฺโก ปรานุทฺทยตาย ปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก ลาภสกฺการสิโลกปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อนวฺตฺติปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโกติ เอเต หิ วิตกฺกา กามวิตกฺกาทโย วิย ทารุณา น โหนฺตีติ อโนฬาริกสภาวตาย สุขุมาติ วุตฺตา. อนุคตาติ จิตฺเตน อนุวตฺติตา. วิตกฺเก หิ อุปฺปชฺชมาเน จิตฺตํ ตทนุคตเมว โหติ ตสฺส อารมฺมณาภินิโรปนโต. ‘‘อนุคฺคตา’’ติปิ ปาฬิ, อนุอุฏฺิตาติ อตฺโถ. มนโส อุปฺปิลาวาติ เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตกรา.

เอเต อวิทฺวา มนโส วิตกฺเกติ เอเต กามวิตกฺกาทิเก มโนวิตกฺเก อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณโต าตตีรณปหานปริฺาหิ ยถาภูตํ อชานนฺโต. หุรา หุรํ ธาวติ ภนฺตจิตฺโตติ อปฺปหีนมิจฺฉาวิตกฺกตฺตา อนวฏฺิตจิตฺโต ‘‘กทาจิ รูเป, กทาจิ สทฺเท’’ติอาทินา ตสฺมึ ตสฺมึ อารมฺมเณ อสฺสาทาทิวเสน อปราปรํ ธาวติ ปริพฺภมติ. อถ วา หุรา หุรํ ธาวติ ภนฺตจิตฺโตติ อปริฺาตวิตกฺกตฺตา ตนฺนิมิตฺตานํ อวิชฺชาตณฺหานํ วเสน ปริพฺภมนมานโส อิธโลกโต ปรโลกํ อาทานนิกฺเขเปหิ อปราปรํ ธาวติ สํสรตีติ อตฺโถ.

เอเต จ วิทฺวา มนโส วิตกฺเกติ เอเต ยถาวุตฺตปฺปเภเท กามวิตกฺกาทิเก มโนวิตกฺเก อสฺสาทาทิโต ยถาภูตํ ชานนฺโต. อาตาปิโยติ วีริยวา. สํวรตีติ ปิทหติ. สติมาติ สติสมฺปนฺโน. อนุคฺคเตติ ทุลฺลภวเสน อนุปฺปนฺเน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอเต วุตฺตปฺปกาเร กามวิตกฺกาทิเก มโนวิตกฺเก จิตฺตสฺส อุปฺปิลาวิตเหตุตาย มนโส อุปฺปิลาเว วิทฺวา วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย สมฺมเทว ชานนฺโต, ตสฺส สหายภูตานํ สมฺมาวายามสตีนํ อตฺถิตาย อาตาปิโย สติมา เต อริยมคฺคภาวนาย อายตึ อุปฺปตฺติรเห อนุคฺคเต อนุปฺปนฺเน เอว มคฺคกฺขเณ สํวรติ, าณสํวรวเสน ปิทหติ, อาคมนปถํ ปจฺฉินฺทติ, เอวํภูโต จ จตุสจฺจปฺปโพเธน พุทฺโธ อริยสาวโก อรหตฺตาธิคเมน อเสสํ, อนวเสสํ เอเต กามวิตกฺกาทิเก ปชหาสิ สมุจฺฉินฺทีติ. เอตฺถาปิ ‘‘อนุคเต’’ติปิ ปนฺติ. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อุทฺธตสุตฺตวณฺณนา

๓๒. ทุติเย กุสินารายนฺติ กุสินารายํ นาม มลฺลราชูนํ นคเร. อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเนติ ยถา หิ อนุราธปุรสฺส ถูปาราโม, เอวํ กุสินาราย อุยฺยานํ ทกฺขิณปจฺฉิมทิสาย โหติ. ยถา ถูปารามโต ทกฺขิณทฺวาเรน นครปวิสนมคฺโค ปาจีนมุโข คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตติ, เอวํ อุยฺยานโต สาลปนฺติ ปาจีนมุขา คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตา, ตสฺมา ‘‘อุปวตฺตน’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺมึ อุปวตฺตเน มลฺลราชูนํ สาลวเน. อรฺกุฏิกายนฺติ สาลปนฺติยา อวิทูเร รุกฺขคจฺฉสฺฉนฺนฏฺาเน กตา กุฏิกา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อรฺกุฏิกายํ วิหรตี’’ติ. เต ปน ภิกฺขู ปฏิสงฺขานวิรหิตา โอสฺสฏฺวีริยา ปมตฺตวิหาริโน, เตน วุตฺตํ ‘‘อุทฺธตา’’ติอาทิ.

ตตฺถ อุทฺธจฺจพหุลตฺตา อวูปสนฺตจิตฺตตาย อุทฺธตา. ตุจฺฉภาเวน มาโน นโฬ วิยาติ นโฬ, มานสงฺขาโต อุคฺคโต นโฬ เอเตสนฺติ อุนฺนฬา, อุคฺคตตุจฺฉมานาติ อตฺโถ. ปตฺตจีวรมณฺฑนาทิจาปลฺเลน สมนฺนาคตตฺตา พหุกตาย วา จปลา. ผรุสวาจตาย มุเขน ขราติ มุขรา. ติรจฺฉานกถาพหุลตาย วิกิณฺณา พฺยากุลา วาจา เอเตสนฺติ วิกิณฺณวาจา. มุฏฺา นฏฺา สติ เอเตสนฺติ มุฏฺสฺสติโน, สติวิรหิตา ปมาทวิหาริโนติ อตฺโถ. สพฺเพน สพฺพํ สมฺปชฺาภาวโต อสมฺปชานา. คทฺทูหนมตฺตมฺปิ กาลํ จิตฺตสมาธานสฺส อภาวโต น สมาหิตาติ อสมาหิตา. โลลสภาวตฺตา ภนฺตมิคสปฺปฏิภาคตาย วิพฺภนฺตจิตฺตา. มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ อสํวรณโต อสฺตินฺทฺริยตาย ปากตินฺทฺริยา.

เอตมตฺถํวิทิตฺวาติ เอตํ เตสํ ภิกฺขูนํ อุทฺธจฺจาทิวเสน ปมาทวิหารํ ชานิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ปมาทวิหาเร อปฺปมาทวิหาเร จ ยถากฺกมํ อาทีนวานิสํสวิภาวนํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ อรกฺขิเตนาติ สติอารกฺขาภาเวน อคุตฺเตน. กาเยนาติ ฉวิฺาณกาเยน จกฺขุวิฺาเณน หิ รูปํ ทิสฺวา ตตฺถ นิมิตฺตานุพฺยฺชนคฺคหณวเสน อภิชฺฌาทิปวตฺติโต วิฺาณทฺวารสฺส สติยา อรกฺขิตภาวโต. โสตวิฺาณาทีสุปิ เอเสว นโย. เอวํ ฉวิฺาณกายสฺส อรกฺขิตภาวํ สนฺธายาห ‘‘อรกฺขิเตน กาเยนา’’ติ. เกจิ ปน ‘‘กาเยนา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, เตสมฺปิ วุตฺตนเยเนว อตฺถโยชนาย สติ ยุชฺเชยฺย. อปเร ปน ‘‘อรกฺขิเตน จิตฺเตนา’’ติ ปนฺติ, เตสมฺปิ วุตฺตนโย เอว อตฺโถ. มิจฺฉาทิฏฺิหเตนาติ สสฺสตาทิมิจฺฉาภินิเวสทูสิเตน. ถินมิทฺธาภิภูเตนาติ จิตฺตสฺส อกลฺยตาลกฺขเณน ถิเนน กายสฺส อกลฺยตาลกฺขเณน มิทฺเธน จ อชฺโฌตฺถเฏน, เตน กาเยน จิตฺเตนาติ วา สมฺพนฺโธ. วสํ มารสฺส คจฺฉตีติ กิเลสมาราทิกสฺส สพฺพสฺสปิ มารสฺส วสํ ยถากามกรณียตํ อุปคจฺฉติ, เตสํ วิสยํ นาติกฺกมตีติ อตฺโถ.

อิมาย หิ คาถาย ภควา เย สติอารกฺขาภาเวน สพฺพโส อรกฺขิตจิตฺตา, โยนิโสมนสิการสฺส เหตุภูตาย ปฺาย อภาวโต อโยนิโส อุมฺมุชฺชเนน นิจฺจนฺติอาทินา วิปริเยสคาหิโน, ตโต เอว กุสลกิริยาย วีริยารมฺภาภาวโต โกสชฺชาภิภูตา สํสารวฏฺฏโต สีสํ น อุกฺขิปิสฺสนฺตีติ เตสํ ภิกฺขูนํ ปมาทวิหารครหามุเขน วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ตสฺมา รกฺขิตจิตฺตสฺสา’’ติ ทุติยคาถมาห.

ตตฺถ ตสฺมา รกฺขิตจิตฺตสฺสาติ ยสฺมา อรกฺขิตจิตฺโต มารสฺส ยถากามกรณีโย หุตฺวา สํสาเรเยว โหติ, ตสฺมา สติสํวเรน มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ รกฺขเณน ปิทหเนน รกฺขิตจิตฺโต อสฺส. จิตฺเต หิ รกฺขิเต จกฺขาทิอินฺทฺริยานิ รกฺขิตาเนว โหนฺตีติ. สมฺมาสงฺกปฺปโคจโรติ ยสฺมา มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจโร ตถา ตถา อโยนิโส วิตกฺเกตฺวา นานาวิธานิ มิจฺฉาทสฺสนานิ คณฺหนฺโต มิจฺฉาทิฏฺิหเตน จิตฺเตน มารสฺส ยถากามกรณีโย โหติ, ตสฺมา โยนิโสมนสิกาเรน กมฺมํ กโรนฺโต เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทิสมฺมาสงฺกปฺปโคจโร อสฺส, ฌานาทิสมฺปยุตฺตํ สมฺมาสงฺกปฺปเมว อตฺตโน จิตฺตสฺส ปวตฺติฏฺานํ กเรยฺย. สมฺมาทิฏฺิปุเรกฺขาโรติ สมฺมาสงฺกปฺปโคจรตาย วิธูตมิจฺฉาทสฺสโน ปุเรตรํเยว กมฺมสฺสกตาลกฺขณํ, ตโต ยถาภูตาณลกฺขณฺจ สมฺมาทิฏฺึ ปุรโต กตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว สีลสมาธีสุ ยุตฺโต ปยุตฺโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต ตฺวาน อุทยพฺพยํ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ สมปฺาสาย อากาเรหิ อุปฺปาทนิโรธํ ววตฺถเปตฺวา อุทยพฺพยาณมธิคนฺตฺวา ตโต ปรํ ภงฺคานุปสฺสนาทิวเสน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อนุกฺกเมน อริยมคฺคํ คณฺหนฺโต อคฺคมคฺเคน, ถินมิทฺธาภิภู ภิกฺขุ สพฺพา ทุคฺคติโย ชเหติ, เอวํ โส เหฏฺิมมคฺควชฺฌานํ กิเลสานํ ปมเมว ปหีนตฺตา ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตโลภสหคตจิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชนกถินมิทฺธานํ อธิคเตน อรหตฺตมคฺเคน สมุจฺฉินฺทนโต ตเทกฏฺานํ มานาทีนมฺปิ ปหีนตฺตา สพฺพโส ภินฺนกิเลโส ขีณาสโว ภิกฺขุ ติวิธทุกฺขตาโยเคน ทุคฺคติสงฺขาตา สพฺพาปิ คติโย อุจฺฉินฺนภวมูลตฺตา ชเห, ปชเหยฺย. ตาสํ ปรภาเค นิพฺพาเน ปติฏฺเยฺยาติ อตฺโถ.

ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. โคปาลกสุตฺตวณฺณนา

๓๓. ตติเย โกสเลสูติ โกสลา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท ‘‘โกสลา’’ตฺเวว วุจฺจติ, เตสุ โกสเลสุ ชนปเท. จาริกํ จรตีติ อตุริตจาริกาวเสน ชนปทจาริกํ จรติ. มหตาติ คุณมหตฺเตนปิ มหตา, อปริจฺฉินฺนสงฺขฺยตฺตา สงฺขฺยามหตฺเตนปิ มหตา. ภิกฺขุสงฺเฆนาติ ทิฏฺิสีลสามฺสํหเตน สมณคเณน. สทฺธินฺติ เอกโต. มคฺคา โอกฺกมฺมาติ มคฺคโต อปกฺกมิตฺวา. อฺตรํ รุกฺขมูลนฺติ ฆนปตฺตสาขาวิฏปสมฺปนฺนสฺส สนฺทจฺฉายสฺส มหโต รุกฺขสฺส สมีปสงฺขาตํ มูลํ.

อฺตโร โคปาลโกติ เอโก โคคณรกฺขโก, นาเมน ปน นนฺโท นาม. โส กิร อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค, ยถา เกณิโย ชฏิโล ปพฺพชฺชาวเสน, เอวํ อนาถปิณฺฑิกสฺส โคยูถํ รกฺขนฺโต โคปาลกตฺเตน ราชปีฬํ อปหรนฺโต อตฺตโน กุฏุมฺพํ รกฺขติ. โส กาเลน กาลํ ปฺจ โครเส คเหตฺวา, มหาเสฏฺิสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา นิยฺยาเตตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, สตฺถารํ ปสฺสติ, ธมฺมํ สุณาติ, อตฺตโน วสนฏฺานํ อาคมนตฺถาย สตฺถารํ ยาจติ. สตฺถา ตสฺเสว าณปริปากํ อาคมยมาโน อคนฺตฺวา, อปรภาเค มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน ปริวุโต ชนปทจาริกํ จรนฺโต, ‘‘อิทานิสฺส าณํ ปริปกฺก’’นฺติ ตฺวา ตสฺส วสนฏฺานสฺส อวิทูเร มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ ตสฺส อาคมนํ อาคมยมาโน. นนฺโทปิ โข ‘‘สตฺถา กิร ชนปทจาริกํ จรนฺโต อิโต อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา, หฏฺตุฏฺโ เวเคน คนฺตฺวา, สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร เอกมนฺตํ นิสีทิ, อถสฺส ภควา ธมฺมํ เทเสสิ. โส โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิตฺวา ภควนฺตํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ ปายาสทานมทาสิ, สตฺตเม ทิวเส ภควา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ โคปาลกํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ…เป… อุฏฺายาสนา ปกฺกามี’’ติ.

ตตฺถ สนฺทสฺเสสีติ ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อกุสลา’’ติอาทินา กุสลาทิธมฺเม กมฺมวิปาเก อิธโลกปรโลเก ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺโต อนุปุพฺพิกถาวสาเน จตฺตาริ อริยสจฺจานิ สมฺมา ทสฺเสสิ. สมาทเปสีติ ‘‘สจฺจาธิคมาย อิเม นาม ธมฺมา อตฺตนิ อุปฺปาเทตพฺพา’’ติ สีลาทิธมฺเม สมฺมา คณฺหาเปตฺวา เตสุ ตํ ปติฏฺเปสิ. สมุตฺเตเชสีติ เต ธมฺมา สมาทินฺนา อนุกฺกเมน ภาวิยมานา นิพฺเพธภาคิยา หุตฺวา ติกฺขวิสทา ยถา ขิปฺปํ อริยมคฺคํ อาวหนฺติ, ตถา สมฺมา อุตฺเตเชสิ สมฺมเทว เตเชสิ. สมฺปหํเสสีติ ภาวนาย ปุพฺเพนาปรํ วิเสสภาวทสฺสเนน จิตฺตสฺส ปโมทาปนวเสน สุฏฺุ ปหํเสสิ. อปิเจตฺถ สาวชฺชานวชฺชธมฺเมสุ ทุกฺขาทีสุ จ สมฺโมหวิโนทเนน สนฺทสฺสนํ, สมฺมาปฏิปตฺติยํ ปมาทาปโนทเนน สมาทปนํ, จิตฺตสฺสาลสิยาปตฺติวิโนทเนน สมุตฺเตชนํ, สมฺมาปฏิปตฺติสิทฺธิยา สมฺปหํสนํ เวทิตพฺพํ. เอวํ โส ภควโต สามุกฺกํสิกาย ธมฺมเทสนาย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อธิวาเสสีติ เตน ทิฏฺสจฺเจน ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภนฺเต ภควา’’ติอาทินา นิมนฺติโต กายงฺควาจงฺคํ อโจเปนฺโต จิตฺเตเนว อธิวาเสสิ สาทิยิ. เตเนวาห ‘‘ตุณฺหีภาเวนา’’ติ.

อปฺโปทกปายาสนฺติ นิรุทกปายาสํ. ปฏิยาทาเปตฺวาติ สมฺปาเทตฺวา สชฺเชตฺวา. นวฺจ สปฺปินฺติ นวนีตํ คเหตฺวา ตาวเทว วิลีนํ มณฺฑสปฺปิฺจ ปฏิยาทาเปตฺวา. สหตฺถาติ อาทรชาโต สหตฺเถเนว ปริวิสนฺโต. สนฺตปฺเปสีติ ปฏิยตฺตํ โภชนํ โภเชสิ. สมฺปวาเรสีติ ‘‘อลํ อล’’นฺติ วาจาย ปฏิกฺขิปาเปสิ. ภุตฺตาวินฺติ กตภตฺตกิจฺจํ. โอนีตปตฺตปาณินฺติ ปตฺตโต อปนีตปาณึ, ‘‘โธตปตฺตปาณิ’’นฺติปิ ปาโ, โธตปตฺตหตฺถนฺติ อตฺโถ. นีจนฺติ อนุจฺจํ อาสนํ คเหตฺวา อาสเนเยว นิสีทนํ อริยเทสวาสีนํ จาริตฺตํ, โส ปน สตฺถุ สนฺติเก อุปจารวเสน ปฺตฺตสฺส ทารุผลกาสนสฺส สมีเป นิสีทิ. ธมฺมิยา กถายาติอาทิ สตฺตเม ทิวเส กตํ อนุโมทนํ สนฺธาย วุตฺตํ . โส กิร สตฺตาหํ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ ตตฺถ วสาเปตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. สตฺตเม ปน ทิวเส อปฺโปทกปายาสทานํ อทาสิ. สตฺถา ตสฺส ตสฺมึ อตฺตภาเว อุปริมคฺคตฺถาย าณปริปากาภาวโต อนุโมทนเมว กตฺวา ปกฺกามิ.

สีมนฺตริกายาติ สีมนฺตเร, ตสฺส คามสฺส อนฺตรํ. คามวาสิโน กิร เอกํ ตฬากํ นิสฺสาย เตน สทฺธึ กลหํ อกํสุ. โส เต อภิภวิตฺวา ตํ ตฬากํ คณฺหิ. เตน พทฺธาฆาโต เอโก ปุริโส ตํ สตฺถุ ปตฺตํ คเหตฺวา ทูรํ อนุคนฺตฺวา ‘‘นิวตฺตาหิ อุปาสกา’’ติ วุตฺเต ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อฺชลึ กตฺวา ยาว ทสฺสนูปจารสมติกฺกมา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ สิรสิ ปคฺคยฺห ปฏินิวตฺติตฺวา ทฺวินฺนํ คามานํ อนฺตเร อรฺปฺปเทเส เอกกํ คจฺฉนฺตํ สเรน วิชฺฌิตฺวา มาเรสิ. เตน วุตฺตํ อจิรปกฺกนฺตสฺส…เป… โวโรเปสี’’ติ. เกนจิเทว กรณีเยน โอหียิตฺวา ปจฺฉา คจฺฉนฺตา ภิกฺขู ตํ ตถา มตํ ทิสฺวา ภควโต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู’’ติอาทิ.

เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ยสฺมา ทิฏฺิสมฺปนฺนํ อริยสาวกํ นนฺทํ มาเรนฺเตน ปุริเสน อานนฺตริยกมฺมํ พหุลํ อปุฺํ ปสุตํ, ตสฺมา ยํ โจเรหิ จ เวรีหิ จ กตฺตพฺพํ, ตโตปิ โฆรตรํ อิเมสํ สตฺตานํ มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ กโรตีติ อิมมตฺถํ ชานิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ ทิโส ทิสนฺติ ทูสโก ทูสนียํ โจโร โจรํ, ทิสฺวาติ วจนเสโส. ยํ ตํ กยิราติ ยํ ตสฺส อนยพฺยสนํ กเรยฺย, ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอโก เอกสฺส มิตฺตทุพฺภี โจโร ปุตฺตทารเขตฺตวตฺถุโคมหึสาทีสุ อปรชฺฌนฺโต ยสฺส อปรชฺฌติ, ตมฺปิ ตเถว อตฺตนิ อปรชฺฌนฺตํ โจรํ ทิสฺวา, เวรี วา ปน เกนจิเทว การเณน พทฺธเวรํ เวรึ ทิสฺวา อตฺตโน กกฺขฬตาย ทารุณตาย ยํ ตสฺส อนยพฺยสนํ กเรยฺย, ปุตฺตทารํ วา ปีเฬยฺย, เขตฺตาทีนิ วา นาเสยฺย, ชีวิตา วา โวโรเปยฺย , ทสสุ อกุสลกมฺมปเถสุ มิจฺฉาปิตตฺตา มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ ปาปิโย นํ ตโต กเร, นํ ปุริสํ ปาปตรํ ตโต กเรยฺย. วุตฺตปฺปกาโร หิ ทิโส วา เวรี วา ทิสสฺส วา เวริโน วา อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ทุกฺขํ วา อุปฺปาเทยฺย, ชีวิตกฺขยํ วา กเรยฺย. อิทํ ปน อกุสลกมฺมปเถสุ มิจฺฉาปิตํ จิตฺตํ ทิฏฺเว ธมฺเม อนยพฺยสนํ ปาเปติ, อตฺตภาวสตสหสฺเสสุปิ จตูสุ อปาเยสุ ขิปิตฺวา สีสมสฺส อุกฺขิปิตุํ น เทตีติ.

ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ยกฺขปหารสุตฺตวณฺณนา

๓๔. จตุตฺเถ กโปตกนฺทรายนฺติ เอวํนามเก วิหาเร. ตสฺมึ กิร ปพฺพตกนฺทเร ปุพฺเพ พหู กโปตา วสึสุ, เตน สา ปพฺพตกนฺทรา ‘‘กโปตกนฺทรา’’ติ วุจฺจติ. อปรภาเค ตตฺถ กตวิหาโรปิ ‘‘กโปตกนฺทรา’’ตฺเวว ปฺายิตฺถ. เตน วุตฺตํ – ‘‘กโปตกนฺทรายนฺติ เอวํนามเก วิหาเร’’ติ. ชุณฺหาย รตฺติยาติ สุกฺกปกฺขรตฺติยํ. นโวโรปิเตหิ เกเสหีติ อจิรโอหาริเตหิ เกเสหิ, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํ. อพฺโภกาเสติ ยตฺถ อุปริจฺฉทนํ ปริกฺเขโป วา นตฺถิ, ตาทิเส อากาสงฺคเณ.

ตตฺถ อายสฺมา สาริปุตฺโต สุวณฺณวณฺโณ, อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน นีลุปฺปลวณฺโณ. อุโภปิ ปน เต มหาเถรา อุทิจฺจพฺราหฺมณชจฺจา กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อภินีหารสมฺปนฺนา ฉฬภิฺาปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตา มหาขีณาสวา สมาปตฺติลาภิโน สตฺตสฏฺิยา สาวกปารมิาณานํ มตฺถกปฺปตฺตา เอตํ กโปตกนฺทรวิหารํ อุปโสภยนฺตา เอกํ กนกคุหํ ปวิฏฺา ทฺเว สีหา วิย, เอกํ วิชมฺภนภูมึ โอติณฺณา ทฺเว พฺยคฺฆา วิย, เอกํ สุปุปฺผิตสาลวนํ ปวิฏฺา ทฺเว ฉทฺทนฺตนาคราชาโน วิย, เอกํ สิมฺพลิวนํ ปวิฏฺา ทฺเว สุปณฺณราชาโน วิย, เอกํ นรวาหนยานํ อภิรุฬฺหา ทฺเว เวสฺสวณา วิย, เอกํ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อภินิสินฺนา ทฺเว สกฺกา วิย, เอกวิมานพฺภนฺตรคตา ทฺเว มหาพฺรหฺมาโน วิย, เอกสฺมึ คคนฏฺาเน ิตานิ ทฺเว จนฺทมณฺฑลานิ วิย, ทฺเว สูริยมณฺฑลานิ วิย จ วิโรจึสุ. เตสุ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตุณฺหี นิสีทิ, อายสฺมา ปน สาริปุตฺโต สมาปชฺชิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อฺตรํ สมาธึ สมาปชฺชิตฺวา’’ติ.

ตตฺถ อฺตรํ สมาธินฺติ อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารสมาปตฺตึ. เกจิ ‘‘สฺาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติ’’นฺติ วทนฺติ, อปเร ปนาหุ ‘‘อารุปฺปปาทกํ ผลสมาปตฺติ’’นฺติ. อิมา เอว หิ ติสฺโส กายรกฺขณสมตฺถา สมาปตฺติโย. ตตฺถ นิโรธสมาปตฺติยา สมาธิปริยายสมฺภโว เหฏฺา วุตฺโตว, ปจฺฉิมํเยว ปน อาจริยา วณฺเณนฺติ. อุตฺตราย ทิสาย ทกฺขิณํ ทิสํ คจฺฉนฺตีติ อุตฺตราย ทิสาย ยกฺขสมาคมํ คนฺตฺวา อตฺตโน ภวนํ คนฺตุํ ทกฺขิณํ ทิสํ คจฺฉนฺติ. ปฏิภาติ มนฺติ อุปฏฺาติ มม. นฺติ หิ ปฏิสทฺทโยเคน สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ, อิมสฺส สีเส ปหารํ ทาตุํ จิตฺตํ เม อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. โส กิร ปุริมชาติยํ เถเร พทฺธาฆาโต, เตนสฺส เถรํ ทิสฺวา ปทุฏฺจิตฺตสฺส เอวํ อโหสิ. อิตโร ปน สปฺปฺชาติโก, ตสฺมา ตํ ปฏิเสเธนฺโต ‘‘อลํ สมฺมา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มา อาสาเทสีติ มา ฆฏฺเฏสิ, มา ปหารํ เทหีติ วุตฺตํ โหติ. อุฬาโรติ อุฬาเรหิ อุตฺตเมหิ สีลาทิคุเณหิ สมนฺนาคโต.

อนาทิยิตฺวาติ อาทรํ อกตฺวา, ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา. ยสฺมา ปน ตสฺส วจนํ อคฺคณฺหนฺโต ตํ อนาทิยนฺโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ตํ ยกฺขํ อนาทิยิตฺวา’’ติ. สีเส ปหารํ อทาสีติ สพฺพถาเมน อุสฺสาหํ ชเนตฺวา อากาเส ิโตว สีเส ขฏกํ อทาสิ, มุทฺธนิ มุฏฺิฆาตํ อกาสีติ อตฺโถ. ตาว มหาติ ถามมหตฺเตน ตตฺตกํ มหนฺโต ปหาโร อโหสิ. เตน ปหาเรนาติ เตน ปหาเรน กรณภูเตน. สตฺตรตนนฺติ ปมาณมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส รตเนน สตฺตรตนํ. นาคนฺติ หตฺถินาคํ. โอสาเทยฺยาติ ปถวิยํ โอสีทาเปยฺย นิมุชฺชาเปยฺย. ‘‘โอสาเรยฺยา’’ติปิ ปาโ, จุณฺณวิจุณฺณํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. อฑฺฒฏฺมรตนนฺติ อฑฺเฒน อฏฺนฺนํ ปูรณานิ อฑฺฒฏฺมานิ, อฑฺฒฏฺมานิ รตนานิ ปมาณํ เอตสฺสาติ อฑฺฒฏฺมรตโน, ตํ อฑฺฒฏฺมรตนํ. มหนฺตํ ปพฺพตกูฏนฺติ เกลาสกูฏปฺปมาณํ วิปุลํ คิริกูฏํ. ปทาเลยฺยาติ สกลิกากาเรน ภินฺเทยฺย. อปิ โอสาเทยฺย, อปิ ปทาเลยฺยาติ สมฺพนฺโธ.

ตาวเทว จสฺส สรีเร มหาปริฬาโห อุปฺปชฺชิ, โส เวทนาตุโร อากาเส าตุํ อสกฺโกนฺโต ภูมิยํ ปติ, ตงฺขณฺเว อฏฺสฏฺิสหสฺสาธิกโยชนสตสหสฺสุพฺเพธํ สิเนรุมฺปิ ปพฺพตราชานํ สนฺธาเรนฺตี จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา มหาปถวี ตํ ปาปสตฺตํ ธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี วิย วิวรมทาสิ. อวีจิโต ชาลา อุฏฺหิตฺวา กนฺทนฺตํเยว ตํ คณฺหึสุ, โส กนฺทนฺโต วิปฺปลปนฺโต ปติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ จ ปน โส ยกฺโข ‘ฑยฺหามิ ฑยฺหามี’ติ วตฺวา ตตฺเถว มหานิรยํ อปตาสีติ. ตตฺถ อปตาสีติ อปติ.

กึ ปน โส ยกฺขตฺตภาเวเนว นิรยํ อุปคจฺฉีติ? น อุปคจฺฉิ, ยฺเหตฺถ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ ปาปกมฺมํ อโหสิ, ตสฺส พเลน ยกฺขตฺตภาเว มหนฺตํ ทุกฺขํ อนุภวิ. ยํ ปน อุปปชฺชเวทนียํ อานนฺตริยกมฺมํ, เตน จุติอนนฺตรํ นิรเย อุปฺปชฺชีติ. เถรสฺส ปน สมาปตฺติพเลน อุปตฺถมฺภิตสรีรสฺส น โกจิ วิกาโร อโหสิ. สมาปตฺติโต อวุฏฺิตกาเล หิ ตํ ยกฺโข ปหริ, ตถา ปหรนฺตํ ทิพฺพจกฺขุนา ทิสฺวา อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ธมฺมเสนาปตึ อุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมนสมกาลเมว จ ธมฺมเสนาปติ สมาปตฺติโต อุฏฺาสิ. อถ นํ มหาโมคฺคลฺลาโน สรีรวุตฺตึ ปุจฺฉิ, โสปิสฺส พฺยากาสิ, เตน วุตฺตํ – ‘‘อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน…เป… อปิ จ เม สีสํ โถกํ ทุกฺข’’นฺติ.

ตตฺถ โถกํ ทุกฺขนฺติ โถกํ อปฺปมตฺตกํ มธุรกชาตํ วิย เม สีสํ ทุกฺขิตํ, ทุกฺขปฺปตฺตนฺติ อตฺโถ. ทุกฺขาธิฏฺานฺหิ สีสํ ทุกฺขนฺติ วุตฺตํ. ‘‘สีเส โถกํ ทุกฺข’’นฺติปิ ปาโ. กถํ ปน สมาปตฺติพเลน สรีเร อุปตฺถมฺภิเต เถรสฺส สีเส โถกมฺปิ ทุกฺขํ อโหสีติ? อจิเรเนว วุฏฺิตตฺตา. อนฺโตสมาปตฺติยํ อปฺายมานทุกฺขฺหิ กายนิสฺสิตตฺตา นิทฺทํ อุปคตสฺส มกสาทิชนิตํ วิย ปฏิพุทฺธสฺส โถกํ ปฺายิตฺถ.

‘‘มหาพเลน ยกฺเขน ตถา สพฺพุสฺสาเหน ปหเฏ สรีเรปิ วิกาโร นาม นตฺถี’’ติ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาเตน อายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน ‘‘อจฺฉริยํ, อาวุโส สาริปุตฺตา’’ติอาทินา ธมฺมเสนาปติโน มหานุภาวตาย วิภาวิตาย โสปิสฺส ‘อจฺฉริยํ, อาวุโส โมคฺคลฺลานา’’ติอาทินา อิทฺธานุภาวมหนฺตตาปกาสนาปเทเสน อตฺตโน อิสฺสามจฺฉริยาหงฺการาทิมลานํ สุปฺปหีนตํ ทีเปติ. ปํสุปิสาจกมฺปิ น ปสฺสามาติ สงฺการกูฏาทีสุ วิจรณกขุทฺทกเปตมฺปิ น ปสฺสาม. อิติ อธิคมปฺปิจฺฉานํ อคฺคภูโต มหาเถโร ตสฺมึ กาเล อนาวชฺชเนน เตสํ อทสฺสนํ สนฺธาย วทติ. เตเนวาห ‘‘เอตรหี’’ติ.

ภควา ปน เวฬุวเน ิโต อุภินฺนํ อคฺคสาวกานํ อิมํ กถาสลฺลาปํ ทิพฺพโสเตน อสฺโสสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อสฺโสสิ โข ภควา’’ติอาทิ, ตํ วุตฺตตฺถเมว.

เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สมาปตฺติพลูปคตํ อิทฺธานุภาวมหนฺตตํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ ตสฺเสว ตาทิภาวปฺปตฺติทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ ยสฺส เสลูปมํ จิตฺตํ, ิตํ นานุปกมฺปตีติ ยสฺส ขีณาสวสฺส จิตฺตํ เอกคฺฆนสิลามยปพฺพตูปมํ สพฺเพสํ อิฺชนานํ อภาวโต วสีภาวปฺปตฺติยาว ิตํ สพฺเพหิปิ โลกธมฺเมหิ นานุปกมฺปติ น ปเวธติ. อิทานิสฺส อกมฺปนาการํ สทฺธึ การเณน ทสฺเสตุํ ‘‘วิรตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วิรตฺตํ รชนีเยสูติ วิราคสงฺขาเตน อริยมคฺเคน รชนีเยสุ ราคุปฺปตฺติเหตุภูเตสุ สพฺเพสุ เตภูมกธมฺเมสุ วิรตฺตํ, ตตฺถ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนราคนฺติ อตฺโถ. โกปเนยฺเยติ ปฏิฆฏฺานีเย สพฺพสฺมิมฺปิ อาฆาตวตฺถุสฺมึ น กุปฺปติ น ทุสฺสติ น วิการํ อาปชฺชติ. ยสฺเสวํ ภาวิตํ จิตฺตนฺติ ยสฺส ยถาวุตฺตสฺส อริยปุคฺคลสฺส จิตฺตํ เอวํ วุตฺตนเยน ตาทิภาวาวหนภาเวน ภาวิตํ. กุโต ตํ ทุกฺขเมสฺสตีติ ตํ อุตฺตมปุคฺคลํ กุโต สตฺตโต สงฺขารโต วา ทุกฺขํ อุปคมิสฺสติ, น ตาทิสสฺส ทุกฺขํ อตฺถีติ อตฺโถ.

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. นาคสุตฺตวณฺณนา

๓๕. ปฺจเม โกสมฺพิยนฺติ กุสุมฺเพน นาม อิสินา วสิตฏฺาเน มาปิตตฺตา ‘‘โกสมฺพี’’ติ เอวํลทฺธนามเก นคเร. โฆสิตาราเมติ โฆสิตเสฏฺินา การิเต อาราเม. ภควา อากิณฺโณ วิหรตีติ ภควา สมฺพาธปฺปตฺโต วิหรติ. กึ ปน ภควโต สมฺพาโธ อตฺถิ, สํสคฺโค วาติ? นตฺถิ. น หิ โกจิ ภควนฺตํ อนิจฺฉาย อุปสงฺกมิตุํ สกฺโกติ. ทุราสทา หิ พุทฺธา ภควนฺโต สพฺพตฺถ จ อนุปลิตฺตตฺตา. หิเตสิตาย ปน สตฺเตสุ อนุกมฺปํ อุปาทาย ‘‘มุตฺโต โมเจสฺสามี’’ติ ปฏิฺานุรูปํ จตุโรฆนิตฺถรณตฺถํ อฏฺนฺนํ ปริสานํ อตฺตโน สนฺติกํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนํ อธิวาเสติ, สยฺจ มหากรุณาสมุสฺสาหิโต กาลฺู หุตฺวา ตตฺถ อุปสงฺกมติ, อิทํ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณํ, อยมิธ อากิณฺณวิหาโรติ อธิปฺเปโต.

อิธ ปน โกสมฺพิกานํ ภิกฺขูนํ กลหชาตานํ สตฺถา ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ วตฺถุํ อาหริตฺวา, ‘‘น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจน’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๕; ม. นิ. ๓.๒๓๗; มหาว. ๔๖๔) โอวาทํ อทาสิ, ตํ ทิวสํ เตสํ กลหํ กโรนฺตานํเยว รตฺติ วิภาตา. ทุติยทิวเสปิ ภควา ตเมว วตฺถุํ กเถสิ, ตํ ทิวสมฺปิ เตสํ กลหํ กโรนฺตานํเยว รตฺติ วิภาตา. ตติยทิวเสปิ ภควา ตเมว วตฺถุํ กเถสิ, อถฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอวมาห – ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก, ภนฺเต ภควา, ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยุตฺโต วิหรตุ, มยเมเตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปฺายิสฺสามา’’ติ. สตฺถา ‘‘ปริยาทินฺนจิตฺตา โข อิเม โมฆปุริสา น ทานิเม สกฺกา สฺาเปตุํ, นตฺถิ เจตฺถ สฺาเปตพฺพา, ยํนูนาหํ เอกจาริกวาสํ วเสยฺยํ, เอวํ อิเม ภิกฺขู กลหโต โอรมิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตสิ. เอวํ เตหิ กลหการเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกวิหาเร วาสํ วิเนตพฺพาภาวโต อุปาสกาทีหิ อุปสงฺกมนฺจ อากิณฺณวิหารํ กตฺวา วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา อากิณฺโณ วิหรตี’’ติอาทิ.

ตตฺถ ทุกฺขนฺติ น สุขํ, อนาราธิตจิตฺตตาย น อิฏฺนฺติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘น ผาสุ วิหรามี’’ติ. วูปกฏฺโติ ปวิเวกฏฺโ ทูรีภูโต. ตถา จินฺเตตฺวาว ภควา ปาโตว สรีรปฺปฏิชคฺคนํ กตฺวา โกสมฺพิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา กฺจิ อนามนฺเตตฺวา เอโก อทุติโย คนฺตฺวา โกสลรฏฺเ ปาลิเลยฺยเก วนสณฺเฑ ภทฺทสาลมูเล วิหาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ…เป… ภทฺทสาลมูเล’’ติ. ตตฺถ สามนฺติ สยํ. สํสาเมตฺวาติ ปฏิสาเมตฺวา. ปตฺตจีวรมาทายาติ เอตฺถาปิ สามนฺติ ปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. อุปฏฺาเกติ โกสมฺพินครวาสิโน โฆสิตเสฏฺิอาทิเก อุปฏฺาเก, วิหาเร จ อคฺคุปฏฺากํ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อนามนฺเตตฺวา.

เอวํ คเต สตฺถริ ปฺจสตา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อาหํสุ – ‘‘อาวุโส อานนฺท, สตฺถา เอกโกว คโต, มยํ อนุพนฺธิสฺสามา’’ติ. ‘‘อาวุโส, ยทา ภควา สามํ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนามนฺเตตฺวา อุปฏฺาเก จ อนปโลเกตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ อทุติโย คจฺฉติ, ตทา เอกจารํ จริตุํ ภควโต อชฺฌาสโย, สาวเกน นาม สตฺถุ อชฺฌาสยานุรูปํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, ตสฺมา น อิเมสุ ทิวเสสุ ภควา อนุคนฺตพฺโพ’’ติ นิวาเรสิ, สยมฺปิ นานุคจฺฉิ.

อนุปุพฺเพนาติ อนุกฺกเมน, คามนิคมปฏิปาฏิยา จาริกํ จรมาโน ‘‘เอกจารวาสํ ตาว วสมานํ ภิกฺขุํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ พาลกโลณการคามํ คนฺตฺวา ตตฺถ ภคุตฺเถรสฺส สกลํ ปจฺฉาภตฺตฺเจว ติยามฺจ รตฺตึ เอกจารวาเส อานิสํสํ กเถตฺวา ปุนทิวเส เตน ปจฺฉาสมเณน ปิณฺฑาย จริตฺวา ตํ ตตฺเถว นิวตฺเตตฺวา ‘‘สมคฺควาสํ วสมาเน ตโย กุลปุตฺเต ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปาจีนวํสมิคทายํ คนฺตฺวา เตสมฺปิ สกลรตฺตึ สมคฺควาเส อานิสํสํ กเถตฺวา เตปิ ตตฺเถว นิวตฺเตตฺวา เอกโกว ปาลิเลยฺยคามํ สมฺปตฺโต. ปาลิเลยฺยคามวาสิโน ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ภควโต ทานํ ทตฺวา ปาลิเลยฺยคามสฺส อวิทูเร รกฺขิตวนสณฺโฑ นาม อตฺถิ, ตตฺถ ภควโต ปณฺณสาลํ กตฺวา ‘‘เอตฺถ ภควา วสตู’’ติ ยาจิตฺวา วาสยึสุ. ภทฺทสาโลติ ปน ตตฺเถโก มนาโป ภทฺทโก สาลรุกฺโข, ภควา ตํ คามํ อุปนิสฺสาย วนสณฺเฑ ปณฺณสาลสมีเป ตสฺมึ รุกฺขมูเล วิหาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปาลิเลยฺยเก วิหรติ รกฺขิตวนสณฺเฑ ภทฺทสาลมูเล’’ติ.

หตฺถินาโคติ มหาหตฺถี ยูถปติ. หตฺถิกลเภหีติ หตฺถิโปตเกหิ. หตฺถิจฺฉาเปหีติ ขีรูปเคหิ ทหรหตฺถิโปตเกหิ, เย ‘‘ภิงฺกา’’ติปิ วุจฺจนฺติ. ฉินฺนคฺคานีติ ปุรโต ปุรโต คจฺฉนฺเตหิ เตหิ หตฺถิอาทีหิ ฉินฺนคฺคานิ ขาทิตาวเสสานิ ขาณุสทิสานิ ขาทติ. โอภคฺโคภคฺคนฺติ เตน หตฺถินาเคน อุจฺจฏฺานโต ภฺชิตฺวา ภฺชิตฺวา ปาติตํ. อสฺส สาขาภงฺคนฺติ เอตสฺส สนฺตกํ สาขาภงฺคํ เต ขาทนฺติ. อาวิลานีติ เตหิ ปมตรํ โอตริตฺวา ปิวนฺเตหิ อาลุฬิตตฺตา อาวิลานิ กทฺทมมิสฺสานิ ปานียานิ ปิวติ. โอคาหาติ ติตฺถโต. ‘‘โอคาห’’นฺติปิ ปาฬิ. อสฺสาติ หตฺถินาคสฺส. อุปนิฆํสนฺติโยติ ฆฏฺเฏนฺติโย, อุปนิฆํสิยมาโนปิ อตฺตโน อุฬารภาเวน น กุชฺฌติ, เตน ตา ตํ ฆํสนฺติเยว. ยูถาติ หตฺถิฆฏา.

เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ โส กิร หตฺถินาโค ยูถวาเส อุกฺกณฺิโต ตํ วนสณฺฑํ ปวิฏฺโ ตตฺถ ภควนฺตํ ทิสฺวา ฆฏสหสฺเสน นิพฺพาปิตสนฺตาโป วิย นิพฺพุโต หุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต ภควโต สนฺติเก อฏฺาสิ, ตโต ปฏฺาย วตฺตสีเส ตฺวา ภทฺทสาลสฺส ปณฺณสาลาย จ สมนฺตโต อปฺปหริตกํ กตฺวา สาขาภงฺเคหิ สมฺมชฺชติ, ภควโต มุขโธวนํ เทติ, นฺหาโนทกํ อาหรติ, ทนฺตกฏฺํ เทติ, อรฺโต มธุรานิ ผลานิ อาหริตฺวา สตฺถุ อุปเนติ, สตฺถา ตานิ ปริภุฺชติ . เตน วุตฺตํ – ‘‘ตตฺร สุทํ โส หตฺถินาโค ยสฺมึ ปเทเส ภควา วิหรติ, ตํ ปเทสํ อปฺปหริตฺจ กโรติ, โสณฺฑาย ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตี’’ติ. โสณฺฑาย ทารูนิ อาหริตฺวา อฺมฺํ ฆํสิตฺวา อคฺคึ อุฏฺาเปตฺวา ทารูนิ ชาลาเปตฺวา ตตฺถ ปาสาณขณฺฑานิ ตาเปตฺวา ตานิ ทณฺฑเกหิ ปวฏฺเฏตฺวา โสณฺฑิยํ ขิปิตฺวา อุทกสฺส ตตฺตภาวํ ตฺวา ภควโต สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา ติฏฺติ, ภควา ‘‘หตฺถินาโค มม นฺหานํ อิจฺฉตี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา นฺหานกิจฺจํ กโรติ, ปานีเยปิ เอเสว นโย. ตสฺมึ ปน สีตเล สฺชาเต อุปสงฺกมติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘โสณฺฑาย ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตี’’ติ.

อถ โข ภควโต รโหคตสฺสาติอาทิ อุภินฺนํ มหานาคานํ วิเวกสุขปจฺจเวกฺขณทสฺสนํ, ตํ วุตฺตตฺถเมว. อตฺตโน จ ปวิเวกํ วิทิตฺวาติ เกหิจิ อนากิณฺณภาวลทฺธํ กายวิเวกํ ชานิตฺวา, อิตเร ปน วิเวกา ภควโต สพฺพกาลํ วิชฺชนฺติเยว.

อิมํอุทานนฺติ อิมํ อตฺตโน หตฺถินาคสฺส จ ปวิเวกาภิรติยา สมานชฺฌาสยภาวทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถายํ สงฺเขปตฺโถ – เอตํ อีสาทนฺตสฺส รถอีสาสทิสทนฺตสฺส หตฺถินาคสฺส จิตฺตํ นาเคน พุทฺธนาคสฺส จิตฺเตน สเมติ สํสนฺทติ. กถํ สเมติ เจ? ยเทโก รมตี วเน ยสฺมา พุทฺธนาโค ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อากิณฺโณ วิหาสิ’’นฺติ ปุริมํ อากิณฺณวิหารํ ชิคุจฺฉิตฺวา วิเวกํ อุปพฺรูหยมาโน อิทานิ ยถา เอโก อทุติโย วเน อรฺเ รมติ อภิรมติ, เอวํ อยมฺปิ หตฺถินาโค ปุพฺเพ อตฺตโน หตฺถิอาทีหิ อากิณฺณวิหารํ ชิคุจฺฉิตฺวา วิเวกํ อุปพฺรูหยมาโน อิทานิ เอโก อสหาโย วเน อรฺเ รมติ อภิรมติ. ตสฺมาสฺส จิตฺตํ นาเคน สเมติ ตสฺส จิตฺเตน สเมตีติ กตฺวา เอกีภาวรติยา เอกสทิสํ โหตีติ อตฺโถ.

ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ปิณฺโฑลสุตฺตวณฺณนา

๓๖. ฉฏฺเ ปิณฺโฑลภารทฺวาโชติ ปิณฺฑํ อุลมาโน ปริเยสมาโน ปพฺพชิโตติ ปิณฺโฑโล. โส กิร ปริชิณฺณโภโค พฺราหฺมโณ หุตฺวา มหนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ลาภสกฺการํ ทิสฺวา ปิณฺฑตฺถาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต. โส มหนฺตํ กปลฺลํ ‘‘ปตฺต’’นฺติ คเหตฺวา จรติ, กปลฺลปูรํ ยาคุํ ปิวติ, ภตฺตํ ภุฺชติ, ปูวขชฺชกฺจ ขาทติ. อถสฺส มหคฺฆสภาวํ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตสฺส ปตฺตตฺถวิกํ นานุชานิ, เหฏฺามฺเจ ปตฺตํ นิกฺกุชฺชิตฺวา เปติ, โส เปนฺโตปิ ฆํเสนฺโตว ปณาเมตฺวา เปติ, คณฺหนฺโตปิ ฆํเสนฺโตว อากฑฺฒิตฺวา คณฺหาติ. ตํ คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ฆํสเนน ปริกฺขีณํ, นาฬิโกทนมตฺตสฺเสว คณฺหนกํ ชาตํ. ตโต สตฺถุ อาโรเจสุํ, อถสฺส สตฺถา ปตฺตตฺถวิกํ อนุชานิ. เถโร อปเรน สมเยน อินฺทฺริยภาวนํ ภาเวนฺโต อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. อิติ โส ปุพฺเพ สวิเสสํ ปิณฺฑตฺถาย อุลตีติ ปิณฺโฑโล, โคตฺเตน ปน ภารทฺวาโชติ อุภยํ เอกโต กตฺวา ‘‘ปิณฺโฑลภารทฺวาโช’’ติ วุจฺจติ.

อารฺโกติ คามนฺตเสนาสนปฏิกฺขิปเนน อรฺเ นิวาโส อสฺสาติ อารฺโก, อารฺกธุตงฺคํ สมาทาย วตฺตนฺตสฺเสตํ นามํ. ตถา ภิกฺขาสงฺขาตานํ อามิสปิณฺฑานํ ปาโต ปิณฺฑปาโต, ปเรหิ ทินฺนานํ ปิณฺฑานํ ปตฺเต นิปตนนฺติ อตฺโถ. ปิณฺฑปาตํ อุฺฉติ ตํ ตํ กุลํ อุปสงฺกมนฺโต คเวสตีติ ปิณฺฑปาติโก, ปิณฺฑาย วา ปติตุํ จริตุํ วตเมตสฺสาติ ปิณฺฑปาตี, ปิณฺฑปาตีเยว ปิณฺฑปาติโก. สงฺการกูฏาทีสุ ปํสูนํ อุปริ ิตตฺตา อพฺภุคฺคตฏฺเน ปํสุกูลํ วิยาติ ปํสุกูลํ, ปํสุ วิย วา กุจฺฉิตภาวํ อุลติ คจฺฉตีติ ปํสุกูลํ, ปํสุกูลสฺส ธารณํ ปํสุกูลํ, ตํ สีลํ เอตสฺสาติ ปํสุกูลิโก. สงฺฆาฏิอุตฺตราสงฺคอนฺตรวาสกสงฺขาตานิ ตีณิ จีวรานิ ติจีวรํ, ติจีวรสฺส ธารณํ ติจีวรํ, ตํ สีลํ เอตสฺสาติ เตจีวริโก. อปฺปิจฺโฉติอาทีนํ ปทานํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

ธุตวาโทติ ธุโต วุจฺจติ ธุตกิเลโส ปุคฺคโล, กิเลสธุนนกธมฺโม วา. ตตฺถ อตฺถิ ธุโต, น ธุตวาโท, อตฺถิ น ธุโต, ธุตวาโท, อตฺถิ เนว ธุโต, น ธุตวาโท, อตฺถิ ธุโต เจว, ธุตวาโท จาติ อิทํ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. เตสุ โย สยํ ธุตธมฺเม สมาทาย วตฺตติ, น ปรํ ตทตฺถาย สมาทเปติ, อยํ ปโม. โย ปน สยํ น ธุตธมฺเม สมาทาย วตฺตติ, ปรํ สมาทเปติ, อยํ ทุติโย. โย อุภยรหิโต, อยํ ตติโย. โย ปน อุภยสมฺปนฺโน, อยํ จตุตฺโถ. เอวรูโป จ อายสฺมา ปิณฺโฑลภารทฺวาโชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ธุตวาโท’’ติ. เอกเทสสรูเปกเสสวเสน หิ อยํ นิทฺเทโส ยถา ตํ ‘‘นามรูป’’นฺติ.

อธิจิตฺตมนุยุตฺโตติ เอตฺถ อฏฺสมาปตฺติสมฺปโยคโต อรหตฺตผลสมาปตฺติสมฺปโยคโต วา จิตฺตสฺส อธิจิตฺตภาโว เวทิตพฺโพ, อิธ ปน ‘‘อรหตฺตผลจิตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตํตํสมาปตฺตีสุ สมาธิ เอว อธิจิตฺตํ, อิธ ปน อรหตฺตผลสมาธิ เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา กาเลน กาลํ ตีณิ นิมิตฺตานิ มนสิ กาตพฺพานีติ เอตสฺมึ อธิจิตฺตสุตฺเต (อ. นิ. ๓.๑๐๓) วิย สมถวิปสฺสนาจิตฺตํ อธิจิตฺตนฺติ อิธาธิปฺเปต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. ปุริโมเยวตฺโถ คเหตพฺโพ.

เอตมตฺถํวิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต ปิณฺโฑลภารทฺวาชสฺส อธิฏฺานปริกฺขารสมฺปทาสมฺปนฺนํ อธิจิตฺตานุโยคสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. เอวํ ‘‘อธิจิตฺตานุโยโค มม สาสนานุฏฺาน’’นฺติ ทีเปนฺโต อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ อนูปวาโทติ วาจาย กสฺสจิปิ อนุปวทนํ. อนูปฆาโตติ กาเยน กสฺสจิ อุปฆาตากรณํ. ปาติโมกฺเขติ เอตฺถ ปาติโมกฺขปทสฺส อตฺโถ เหฏฺา นานปฺปกาเรหิ วุตฺโต, ตสฺมึ ปาติโมกฺเข. สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกมลกฺขโณ สํวโร. มตฺตฺุตาติ ปฏิคฺคหณปริโภควเสน ปมาณฺุตา. ปนฺตฺจ สยนาสนนฺติ วิวิตฺตํ สงฺฆฏฺฏนวิรหิตํ เสนาสนํ. อธิจิตฺเต จ อาโยโคติ อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ อธิคมาย ภาวนานุโยโค.

อปโร นโย – อนูปวาโทติ กสฺสจิปิ อุปรุชฺฌนวจนสฺส อวทนํ. เตน สพฺพมฺปิ วาจสิกํ สีลํ สงฺคณฺหาติ. อนูปฆาโตติ กาเยน กสฺสจิ อุปฆาตสฺส ปรวิเหนสฺส อกรณํ. เตน สพฺพมฺปิ กายิกํ สีลํ สงฺคณฺหาติ. ยาทิสํ ปนิทํ อุภยํ พุทฺธานํ สาสนนฺโตคธํ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘ปาติโมกฺเข จ สํวโร’’ติ วุตฺตํ. สทฺโท นิปาตมตฺตํ. ปาติโมกฺเข จ สํวโรติ ปาติโมกฺขสํวรภูโต อนูปวาโท อนูปฆาโต จาติ อตฺโถ.

อถ วา ปาติโมกฺเขติ อธิกรเณ ภุมฺมํ. ปาติโมกฺเข นิสฺสยภูเต สํวโร. โก ปน โสติ? อนูปวาโท อนูปฆาโต. อุปสมฺปทเวลายฺหิ อวิเสเสน ปาติโมกฺขสีลํ สมาทินฺนํ นาม โหติ, ตสฺมึ ปาติโมกฺเข ิตสฺส ตโต ปรํ อุปวาทูปฆาตานํ อกรณวเสน สํวโร, โส อนูปวาโท อนูปฆาโต จาติ วุตฺโต.

อถ วา ปาติโมกฺเขติ นิปฺผาเทตพฺเพ ภุมฺมํ ยถา ‘‘เจตโส อวูปสโม อโยนิโสมนสิการปทฏฺาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒). เตน ปาติโมกฺเขน สาเธตพฺโพ อนูปวาโท อนูปฆาโต, ปาติโมกฺขสํวรสงฺคหิโต อนูปวาโท อนูปฆาโตอิจฺเจว อตฺโถ. สํวโรติ อิมินา ปน สติสํวโร , าณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ อิเมสํ จตุนฺนํ สํวรานํ คหณํ, ปาติโมกฺขสาธนํ อิทํ สํวรจตุกฺกํ.

มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมินฺติ ปริเยสนปฏิคฺคหณปริโภควิสฺสชฺชนานํ วเสน โภชเน ปมาณฺุตา. ปนฺตฺจ สยนาสนนฺติ ภาวนานุกูลํ อรฺรุกฺขมูลาทิวิวิตฺตเสนาสนํ. อธิจิตฺเต จ อาโยโคติ สพฺพจิตฺตานํ อธิกตฺตา อุตฺตมตฺตา อธิจิตฺตสงฺขาเต อรหตฺตผลจิตฺเต สาเธตพฺเพ ตสฺส นิปฺผาทนตฺถํ สมถวิปสฺสนาภาวนาวเสน อาโยโค. เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ เอตํ ปรสฺส อนูปวทนํ, อนูปฆาตนํ, ปาติโมกฺขสํวโร , ปริเยสนปฏิคฺคหณาทีสุ มตฺตฺุตา, วิวิตฺตวาโส, ยถาวุตฺตอธิจิตฺตานุโยโค จ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺีติ อตฺโถ. เอวํ อิมาย คาถาย ติสฺโส สิกฺขา กถิตาติ เวทิตพฺพา.

ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา

๓๗. สตฺตเม อปุพฺพํ นตฺถิ. คาถาย อธิเจตโสติ อธิจิตฺตวโต, สพฺพจิตฺตานํ อธิเกน อรหตฺตผลจิตฺเตน สมนฺนาคตสฺสาติ อตฺโถ. อปฺปมชฺชโตติ น ปมชฺชโต, อปฺปมาเทน อนวชฺชธมฺเมสุ สาตจฺจกิริยาย สมนฺนาคตสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. มุนิโนติ ‘‘โย มุนาติ อุโภ โลเก, มุนิ เตน ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๙; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๑) เอวํ อุภยโลกมุนเนน โมนํ วุจฺจติ าณํ, เตน อรหตฺตผลาณสงฺขาเตน าเณน สมนฺนาคตตฺตา วา ขีณาสโว มุนิ นาม, ตสฺส มุนิโน. โมนปเถสุ สิกฺขโตติ อรหตฺตาณสงฺขาตสฺส โมนสฺส ปเถสุ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺเมสุ ตีสุ วา สิกฺขาสุ สิกฺขโต. อิทฺจ ปุพฺพภาคปฺปฏิปทํ คเหตฺวา วุตฺตํ. ปรินิฏฺิตสิกฺโข หิ อรหา, ตสฺมา เอวํ สิกฺขโต, อิมาย สิกฺขาย มุนิภาวํ ปตฺตสฺส มุนิโนติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา จ เอตเทว, ตสฺมา เหฏฺิมมคฺคผลจิตฺตานํ วเสน อธิเจตโส, จตุสจฺจสมฺโพธปฏิปตฺติยํ อปฺปมาทวเสน อปฺปมชฺชโต, มคฺคาณสมนฺนาคเมน มุนิโนติ เอวเมเตสํ ติณฺณํ ปทานํ อตฺโถ ยุชฺชติเยว. อถ วา ‘‘อปฺปมชฺชโต สิกฺขโต’’ติ ปทานํ เหตุอตฺถตา ทฏฺพฺพา อปฺปมชฺชนเหตุ สิกฺขนเหตุ จ อธิเจตโสติ.

โสกา น ภวนฺติ ตาทิโนติ ตาทิสสฺส ขีณาสวมุนิโน อพฺภนฺตเร อิฏฺวิโยคาทิวตฺถุกา โสกา จิตฺตสนฺตาปา น โหนฺติ. อถ วา ตาทิโนติ ตาทิลกฺขณสมนฺนาคตสฺส เอวรูปสฺส มุนิโน โสกา น ภวนฺตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อุปสนฺตสฺสาติ ราคาทีนํ อจฺจนฺตูปสเมน อุปสนฺตสฺส. สทา สตีมโตติ สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา นิจฺจกาลํ สติยา อวิรหิตสฺส.

เอตฺถ จ ‘‘อธิเจตโส’’ติ อิมินา อธิจิตฺตสิกฺขา, ‘‘อปฺปมชฺชโต’’ติ เอเตน อธิสีลสิกฺขา, ‘‘มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต’’ติ เอเตหิ อธิปฺาสิกฺขา. ‘‘มุนิโน’’ติ วา เอเตน อธิปฺาสิกฺขา, ‘‘โมนปเถสุ สิกฺขโต’’ติ เอเตน ตาสํ โลกุตฺตรสิกฺขานํ ปุพฺพภาคปฏิปทา, ‘‘โสกา น ภวนฺตี’’ติอาทีหิ สิกฺขาปาริปูริยา อานิสํโส ปกาสิโตติ เวทิตพฺพํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. สุนฺทรีสุตฺตวณฺณนา

๓๘. อฏฺเม สกฺกโตติอาทีนํ ปทานํ อตฺโถ เหฏฺา วณฺณิโตเยว. อสหมานาติ น สหมานา, อุสูยนฺตาติ อตฺโถ. ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ สกฺการํ อสหมานาติ สมฺพนฺโธ.

สุนฺทรีติ ตสฺสา นามํ. สา กิร ตสฺมึ กาเล สพฺพปริพฺพาชิกาสุ อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา, เตเนว สา ‘‘สุนฺทรี’’ติ ปฺายิตฺถ. สา จ อนตีตโยพฺพนา อสํยตสมาจาราว โหติ, ตสฺมา เต สุนฺทรึ ปริพฺพาชิกํ ปาปกมฺเม อุยฺโยเชสุํ. เต หิ อฺติตฺถิยา พุทฺธุปฺปาทโต ปฏฺาย สยํ หตลาภสกฺการา เหฏฺา อกฺโกสสุตฺตวณฺณนายํ อาคตนเยน ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อุฬารํ อปริมิตํ ลาภสกฺการํ ปวตฺตมานํ ทิสฺวา อิสฺสาปกตา เอกโต หุตฺวา สมฺมนฺตยึสุ – มยํ สมณสฺส โคตมสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย นฏฺา หตลาภสกฺการา, น โน โกจิ อตฺถิภาวมฺปิ ชานาติ, กึ นิสฺสาย นุ โข โลโก สมเณ โคตเม อภิปฺปสนฺโน อุฬารํ สกฺการสมฺมานํ อุปเนตีติ? ตตฺเถโก อาห – ‘‘อุจฺจากุลปฺปสุโต อสมฺภินฺนาย มหาสมฺมตปฺปเวณิยา ชาโต’’ติ, อปโร ‘‘อภิชาติยํ ตสฺส อเนกานิ อจฺฉริยานิ ปาตุภูตานี’’ติ, อฺโ ‘‘กาลเทวิลํ วนฺทาเปตุํ อุปนีตสฺส ปาทา ปริวตฺติตฺวา ตสฺส ชฏาสุ ปติฏฺิตา’’ติ, อปโร ‘‘วปฺปมงฺคลกาเล ชมฺพุจฺฉายาย สยาปิตสฺส วีติกฺกนฺเตปิ มชฺฌนฺหิเก ชมฺพุจฺฉายา อปริวตฺติตฺวา ิตา’’ติ, อฺโ ‘‘อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก รูปสมฺปตฺติยา’’ติ, อปโร ‘‘ชิณฺณาตุรมตปพฺพชิตสงฺขาตนิมิตฺเต ทิสฺวา สํเวคชาโต อาคามินํ จกฺกวตฺติรชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต’’ติ. เอวํ อปริมาณกาเล สมฺภตํ อนฺสาธารณํ ภควโต ปุฺาณสมฺภารํ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตํ นิรุปมํ สลฺเลขปฺปฏิปทํ อนุตฺตรฺจ าณปหานสมฺปทาทิพุทฺธานุภาวํ อชานนฺตา อตฺตนา ยถาทิฏฺํ ยถาสุตํ ธรมานํ ตํ ตํ ภควโต พหุมานการณํ กิตฺเตตฺวา อพหุมานการณํ ปริเยสิตฺวา อปสฺสนฺตา ‘‘เกน นุ โข การเณน มยํ สมณสฺส โคตมสฺส อยสํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสยฺยามา’’ติ. เตสุ เอโก ติขิณมนฺตี เอวมาห – ‘‘อมฺโภ อิมสฺมึ สตฺตโลเก มาตุคามสุเข อสตฺตสตฺตา นาม นตฺถิ, อยฺจ สมโณ โคตโม อภิรูโป เทวสโม ตรุโณ, อตฺตโน สมรูปํ มาตุคามํ ลภิตฺวา สชฺเชยฺย. อถาปิ น สชฺเชยฺย, ชนสฺส ปน สงฺกิโย ภเวยฺย, หนฺท มยํ สุนฺทรึ ปริพฺพาชิกํ ตถา อุยฺโยเชม, ยถา สมณสฺส โคตมสฺส อยโส ปถวิยํ ปตฺถเรยฺยา’’ติ.

ตํ สุตฺวา อิตเร ‘‘อิทํ สุฏฺุ ตยา จินฺติตํ, เอวฺหิ กเต สมโณ โคตโม อยสเกน อุปทฺทุโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ อสกฺโกนฺโต เยน วา เตน วา ปลายิสฺสตี’’ติ สพฺเพว เอกชฺฌาสยา หุตฺวา ตถา อุยฺโยเชตุํ สุนฺทริยา สนฺติกํ อคมํสุ. สา เต ทิสฺวา ‘‘กึ ตุมฺเห เอกโต อาคตตฺถา’’ติ อาห. ติตฺถิยา อนาลปนฺตา อารามปริยนฺเต ปฏิจฺฉนฺเน าเน นิสีทึสุ. สา ตตฺถ คนฺตฺวา ปุนปฺปุนํ อาลปนฺตี ปฏิวจนํ อลภิตฺวา กึ ตุมฺหากํ อปรชฺฌํ? กสฺมา เม ปฏิวจนํ น เทถาติ? ตถา หิ ปน ตฺวํ อมฺเห วิเหิยมาเน อชฺฌุเปกฺขสีติ . โก ตุมฺเห วิเหเตีติ? ‘‘กึ ปน ตฺวํ น ปสฺสสิ, สมณํ โคตมํ อมฺเห วิเหเตฺวา หตลาภสกฺกาเร กตฺวา วิจรนฺต’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตตฺถ มยา กึ กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ ตฺวํ อภิกฺขณํ เชตวนสมีปํ คนฺตฺวา มหาชนสฺส เอวฺเจวฺจ วเทยฺยาสี’’ติ อาหํสุ. สาปิ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ภควโตสกฺการํ อสหมานา’’ติอาทิ.

ตตฺถ อุสฺสหสีติ สกฺโกสิ. อตฺถนฺติ หิตํ กิจฺจํ วา. กฺยาหนฺติ กึ อหํ. ยสฺมา เต ติตฺถิยา ตสฺสา อฺาตกาปิ สมานา ปพฺพชฺชสมฺพนฺธมตฺเตน สงฺคณฺหิตุํ าตกา วิย หุตฺวา ‘‘อุสฺสหสิ ตฺวํ ภคินิ าตีนํ อตฺถํ กาตุ’’นฺติ อาหํสุ. ตสฺมา สาปิ มิคํ วลฺลิ วิย ปาเท ลคฺคา ชีวิตมฺปิ เม ปริจฺจตฺตํ าตีนํ อตฺถายาติ อาห.

เตน หีติ ‘‘ยสฺมา ตฺวํ ‘ชีวิตมฺปิ เม ตุมฺหากํ อตฺถาย ปริจฺจตฺต’นฺติ วทสิ, ตฺวฺจ ปมวเย ิตา อภิรูปา โสภคฺคปฺปตฺตา จ, ตสฺมา ยถา ตํ นิสฺสาย สมณสฺส โคตมสฺส อยโส อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตถา กเรยฺยาสี’’ติ วตฺวา ‘‘อภิกฺขณํ เชตวนํ คจฺฉาหี’’ติ อุยฺโยเชสุํ. สาปิ โข พาลา กกจทนฺตปนฺติยา ปุปฺผาวลิกีฬํ กีฬิตุกามา วิย, ปภินฺนมทํ จณฺฑหตฺถึ โสณฺฑาย ปรามสนฺตี วิย, นลาเฏน มจฺจุํ คณฺหนฺตี วิย ติตฺถิยานํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มาลาคนฺธวิเลปนตมฺพูลมุขวาสาทีนิ คเหตฺวา มหาชนสฺส สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นครํ ปวิสนกาเล เชตวนาภิมุขี คจฺฉนฺตี ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ จ ปุฏฺา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ, อหฺหิ เตน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสามี’’ติ วตฺวา อฺตรสฺมึ ติตฺถิยาราเม วสิตฺวา ปาโตว เชตวนมคฺคํ โอตริตฺวา นคราภิมุขี อาคจฺฉนฺตี ‘‘กึ สุนฺทริ กหํ คตาสี’’ติ จ ปุฏฺา ‘‘สมเณน โคตเมน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา ตํ กิเลสรติยา รมาเปตฺวา อาคตามฺหี’’ติ วทติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวํ อยฺยาติ โข สุนฺทรี ปริพฺพาชิกา เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ ปฏิสฺสุตฺวา อภิกฺขณํ เชตวนํ อคมาสี’’ติ.

ติตฺถิยา กติปาหสฺส อจฺจเยน ธุตฺตานํ กหาปเณ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, สุนฺทรึ มาเรตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส คนฺธกุฏิยา อวิทูเร มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปิตฺวา เอถา’’ติ วทึสุ. เต ตถา อกํสุ. ตโต ติตฺถิยา ‘‘สุนฺทรึ น ปสฺสามา’’ติ โกลาหลํ กตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา ‘‘กตฺถ ปน ตุมฺเห ปริสงฺกถา’’ติ รฺา วุตฺตา อิเมสุ ทิวเสสุ เชตวเน วสติ, ตตฺถสฺสา ปวตฺตึ น ชานามาติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, นํ ตตฺถ วิจินถา’’ติ รฺา อนุฺาตา อตฺตโน อุปฏฺาเก คเหตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา วิจินนฺตา วิย หุตฺวา มาลากจวรํ พฺยูหิตฺวา ตสฺสา สรีรํ มฺจกํ อาโรเปตฺวา นครํ ปเวเสตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ‘สตฺถุนา กตํ ปาปกมฺมํ ปฏิจฺฉาเทสฺสามา’ติ สุนฺทรึ มาเรตฺวา มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปึสู’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชาปิ อนุปปริกฺขิตฺวา ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, นครํ อาหิณฺฑถา’’ติ อาห. เต นครวีถีสุ ‘‘ปสฺสถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วทนฺตา วิจริตฺวา ปุน รฺโ นิเวสนทฺวารํ อคมํสุ. ราชา สุนฺทริยา สรีรํ อามกสุสาเน อฏฺฏกํ อาโรเปตฺวา รกฺขาเปสิ. สาวตฺถิวาสิโน เปตฺวา อริยสาวเก เยภุยฺเยน ‘‘ปสฺสถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วตฺวา อนฺโตนคเร พหินคเร จ ภิกฺขู อกฺโกสนฺตา วิจรึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ยทา เต อฺึสุ ติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ‘โวทิฏฺา โข สุนฺทรี’’’ติอาทิ.

ตตฺถ อฺึสูติ ชานึสุ. โวทิฏฺาติ พฺยปทิฏฺา, เชตวนํ อาคจฺฉนฺตี จ คจฺฉนฺตี จ วิเสสโต ทิฏฺา, พหุลํ ทิฏฺาติ อตฺโถ. ปริขากูเปติ ทีฆิกาวาเฏ . ยา สา, มหาราช, สุนฺทรีติ, มหาราช, ยา สา อิมสฺมึ นคเร รูปสุนฺทรตาย ‘‘สุนฺทรี’’ติ ปากฏา อภิฺาตา ปริพฺพาชิกา. สา โน น ทิสฺสตีติ สา อมฺหากํ จกฺขุ วิย ชีวิตํ วิย จ ปิยายิตพฺพา, อิทานิ น ทิสฺสติ. ยถานิกฺขิตฺตนฺติ ปุริเส อาณาเปตฺวา มาลากจวรนฺตเร อตฺตนา ยถาปิตํ. ‘‘ยถานิขาต’’นฺติปิ ปาโ, ปถวิยํ นิขาตปฺปการนฺติ อตฺโถ.

รถิยาย รถิยนฺติ วีถิโต วีถึ. วีถีติ หิ วินิวิชฺฌนกรจฺฉา. สิงฺฆาฏกนฺติ ติโกณรจฺฉา. อลชฺชิโนติ น ลชฺชิโน, ปาปชิคุจฺฉาวิรหิตาติ อตฺโถ. ทุสฺสีลาติ นิสฺสีลา. ปาปธมฺมาติ ลามกสภาวา นิหีนาจารา. มุสาวาทิโนติ ทุสฺสีลา สมานา ‘‘สีลวนฺโต มย’’นฺติ อลิกวาทิตาย มุสาวาทิโน. อพฺรหฺมจาริโนติ ‘‘เมถุนปฺปฏิเสวิตาย อเสฏฺจาริโน อิเม หิ นามา’’ติ หีเฬนฺตา วทนฺติ. ธมฺมจาริโนติ กุสลธมฺมจาริโน. สมจาริโนติ กายกมฺมาทิสมจาริโน. กลฺยาณธมฺมาติ สุนฺทรสภาวา, ปฏิชานิสฺสนฺติ นามาติ สมฺพนฺโธ. นามสทฺทโยเคน หิ เอตฺถ ปฏิชานิสฺสนฺตีติ อนาคตกาลวจนํ. สามฺนฺติ สมณภาโว สมิตปาปตา. พฺรหฺมฺนฺติ เสฏฺภาโว พาหิตปาปตา. กุโตติ เกน การเณน. อปคตาติ อเปตา ปริภฏฺา. ปุริสกิจฺจนฺติ เมถุนปฺปฏิเสวนํ สนฺธาย วทนฺติ.

อถ ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ตุมฺเหปิ เต มนุสฺเส อิมาย คาถาย ปฏิโจเทถา’’ติ วตฺวา ‘‘อภูตวาที’’ติ คาถมาห. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา…เป… นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติ. ตตฺถ เนโส, ภิกฺขเว, สทฺโท จิรํภวิสฺสตีติ อิทํ สตฺถา ตสฺส อยสสฺส นิปฺผตฺตึ สพฺพฺุตฺาเณน ชานิตฺวา ภิกฺขู สมสฺสาเสนฺโต อาห.

คาถายํ อภูตวาทีติ ปรสฺส โทสํ อทิสฺวาว มุสาวาทํ กตฺวา อภูเตน อตจฺเฉน ปรํ อพฺภาจิกฺขนฺโต. โย วาปิ กตฺวาติ โย วา ปน ปาปกมฺมํ กตฺวา ‘‘นาหํ เอตํ กโรมี’’ติ อาห. เปจฺจ สมา ภวนฺตีติ เต อุโภปิ ชนา อิโต ปรโลกํ คนฺตฺวา นิรยูปคมเนน คติยา สมา ภวนฺติ. คติเยว หิ เนสํ ปริจฺฉินฺนา, อายู ปน อปริจฺฉินฺนา. พหุกฺหิ ปาปํ กตฺวา จิรํ นิรเย ปจฺจติ, ปริตฺตกํ กตฺวา อปฺปมตฺตกเมว กาลํ ปจฺจติ. ยสฺมา ปน เนสํ อุภินฺนมฺปิ ลามกเมว กมฺมํ, เตน วุตฺตํ – นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถาติ. ‘‘ปรตฺถา’’ติ อิมสฺส ปน ปทสฺส ปุรโต ‘‘เปจฺจา’’ติปเทน สมฺพนฺโธ, เปจฺจ ปรตฺถ อิโต คนฺตฺวา เต นิหีนกมฺมา ปรโลเก สมา ภวนฺตีติ อตฺโถ.

ปริยาปุณิตฺวาติ อุคฺคเหตฺวา. อการกาติ อปราธสฺส น การกา. นยิเมหิ กตนฺติ เอวํ กิร เนสมโหสิ – อิเมหิ สมเณหิ สกฺยปุตฺติเยหิ อทฺธา ตํ ปาปกมฺมํ น กตํ, ยํ อฺติตฺถิยา อุคฺโฆสิตฺวา สกลนครํ อาหิณฺฑึสุ, ยสฺมา อิเม อมฺเหสุ เอวํ อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อพฺภาจิกฺขนฺเตสุปิ น กิฺจิ วิการํ ทสฺเสนฺติ, ขนฺติโสรจฺจฺจ น วิชหนฺติ, เกวลํ ปน ‘‘อภูตวาที นิรยํ อุเปตี’’ติ ธมฺมํเยว วทนฺตา สปนฺติเยว, อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา อมฺเห อนุปธาเรตฺวา อพฺภาจิกฺขนฺเต สปนฺติ, สปถํ กโรนฺตา วิย วทนฺติ . อถ วา ‘‘โย วาปิ กตฺวา ‘น กโรมิ’ จาหา’’ติ วทนฺตา สปนฺติ, อตฺตโน อการกภาวํ โพเธตุํ อมฺหากํ สปถํ กโรนฺติ อิเมติ อตฺโถ.

เตสฺหิ มนุสฺสานํ ภควตา ภาสิตคาถาย สวนสมนนฺตรเมว พุทฺธานุภาเวน สารชฺชํ โอกฺกมิ, สํเวโค อุปฺปชฺชิ ‘‘นยิทํ อมฺเหหิ ปจฺจกฺขโต ทิฏฺํ, สุตํ นาม ตถาปิ โหติ, อฺถาปิ โหติ, เอเต จ อฺติตฺถิยา อิเมสํ อนตฺถกามา อหิตกามา, ตสฺมา เต สทฺธาย นยิทํ อมฺเหหิ วตฺตพฺพํ, ทุชฺชานา หิ สมณา’’ติ. เต ตโต ปฏฺาย ตโต โอรมึสุ.

ราชาปิ เยหิ สุนฺทรี มาริตา, เตสํ ชานนตฺถํ ปุริเส อาณาเปสิ. อถ เต ธุตฺตา เตหิ กหาปเณหิ สุรํ ปิวนฺตา อฺมฺํ กลหํ กรึสุ. เตสุ หิ เอโก เอกํ อาห – ‘‘ตฺวํ สุนฺทรึ เอกปฺปหาเรน มาเรตฺวา มาลากจวรนฺตเร ขิปิตฺวา ตโต ลทฺธกหาปเณหิ สุรํ ปิวสิ, โหตุ โหตู’’ติ. ราชปุริสา ตํ สุตฺวา เต ธุตฺเต คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา ‘‘ตุมฺเหหิ สา มาริตา’’ติ เต ธุตฺเต ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เกหิ มาราปิตา’’ติ? ‘‘อฺติตฺถิเยหิ, เทวา’’ติ. ราชา ติตฺถิเย ปกฺโกสาเปตฺวา ตมตฺถํ ปฏิชานาเปตฺวา, ‘‘อยํ สุนฺทรี ตสฺส สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อาโรเปตุกาเมหิ อมฺเหหิ มาราปิตา, เนว โคตมสฺส, น โคตมสาวกานํ โทโส อตฺถิ, อมฺหากเมว โทโสติ เอวํ วทนฺตา นครํ อาหิณฺฑถา’’ติ อาณาเปสิ. เต ตถา อกํสุ. มหาชโน สมฺมเทว สทฺทหิ. ติตฺถิยานํ ธิกฺการํ อกาสิ, ติตฺถิยา มนุสฺสวธทณฺฑํ ปาปุณึสุ. ตโต ปฏฺาย พุทฺธสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิยฺโยโสมตฺตาย สกฺการสมฺมาโน มหา อโหสิ. ภิกฺขู อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา อตฺตมนา ปฏิเวเทสุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู…เป… อนฺตรหิโต โส, ภนฺเต, สทฺโท’’ติ.

กสฺมา ปน ภควา ‘‘ติตฺถิยานํ อิทํ กมฺม’’นฺติ ภิกฺขูนํ นาโรเจสิ? อริยานํ ตาว อาโรจเนน ปโยชนํ นตฺถิ, ปุถุชฺชเนสุ ปน ‘‘เย น สทฺทเหยฺยุํ, เตสํ ตํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺเตยฺยา’’ติ นาโรเจสิ. อปิเจตํ พุทฺธานํ อนาจิณฺณํ, ยํ อนาคตสฺส อีทิสสฺส วตฺถุสฺส อาจิกฺขนํ. ปรานุทฺเทสิกเมว หิ ภควา สํกิเลสปกฺขํ วิภาเวติ , กมฺมฺจ กโตกาสํ น สกฺกา นิวตฺเตตุนฺติ อพฺภกฺขานํ ตนฺนิมิตฺตฺจ ภควา อชฺฌุเปกฺขนฺโต นิสีทิ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ,

น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;

น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส,

ยตฺถฏฺิโต มุจฺเจยฺย ปาปกมฺมา’’ติ. (ธ. ป. ๑๒๗; มิ. ป. ๔.๒.๔);

เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ มมฺมจฺเฉทนวเสนาปิ พาลชเนหิ ปวตฺติตํ ทุรุตฺตวจนํ ขนฺติพลสมนฺนาคตสฺส ธีรสฺส ทุตฺติติกฺขา นาม นตฺถีติ อิมมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อธิวาสนขนฺติพลวิภาวนํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ ตุทนฺติ วาจาย ชนา อสฺตา, สเรหิ สงฺคามคตํวกุฺชรนฺติ กายิกสํวราทีสุ กสฺสจิปิ สํวรสฺส อภาเวน อสํยตา อวินีตา พาลชนา สเรหิ สายเกหิ สงฺคามคตํ ยุทฺธคตํ กุฺชรํว หตฺถินาคํ ปฏิโยธา วิย วาจาสตฺตีหิ ตุทนฺติ วิชฺฌนฺติ, อยํ เตสํ สภาโว . สุตฺวาน วากฺยํ ผรุสํ อุทีริตํ, อธิวาสเย ภิกฺขุ อทุฏฺจิตฺโตติ ตํ ปน เตหิ พาลชเนหิ อุทีริตํ ภาสิตํ มมฺมฆฏฺฏนวเสน ปวตฺติตํ ผรุสํ วากฺยํ วจนํ อภูตํ ภูตโต นิพฺเพเนฺโต มม กกจูปมโอวาทํ (ม. นิ. ๑.๒๒๒ อาทโย) อนุสฺสรนฺโต อีสกมฺปิ อทุฏฺจิตฺโต หุตฺวา ‘‘สํสารสภาโว เอโส’’ติ สํสาเร ภยํ อิกฺขณสีโล ภิกฺขุ อธิวาสเย, อธิวาสนขนฺติยํ ตฺวา ขเมยฺยาติ อตฺโถ.

เอตฺถาห – กึ ปน ตํ กมฺมํ, ยํ อปริมาณกาลํ สกฺกจฺจํ อุปจิตวิปุลปุฺสมฺภาโร สตฺถา เอวํ ทารุณํ อภูตพฺภกฺขานํ ปาปุณีติ? วุจฺจเต – อยํ โส ภควา โพธิสตฺตภูโต อตีตชาติยํ มุนาฬิ นาม ธุตฺโต หุตฺวา ปาปชนเสวี อโยนิโสมนสิการพหุโล วิจรติ. โส เอกทิวสํ สุรภึ นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ นครํ ปิณฺฑาย ปวิสิตุํ จีวรํ ปารุปนฺตํ ปสฺสิ. ตสฺมิฺจ สมเย อฺตรา อิตฺถี ตสฺส อวิทูเรน คจฺฉติ. ธุตฺโต ‘‘อพฺรหฺมจารี อยํ สมโณ’’ติ อพฺภาจิกฺขิ. โส เตน กมฺเมน พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อิทานิ พุทฺโธ หุตฺวาปิ สุนฺทริยา การณา อภูตพฺภกฺขานํ ปาปุณิ. ยถา เจตํ, เอวํ จิฺจมาณวิกาทีนํ วิการกิตฺถีนํ ภควโต อพฺภกฺขานาทีนิ ทุกฺขานิ ปตฺตานิ, สพฺพานิ ปุพฺเพ กตสฺส กมฺมสฺส วิปากาวเสสานิ, ยานิ ‘‘กมฺมปิโลติกานี’’ติ วุจฺจนฺติ. วุตฺตฺเหตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๙.๖๔-๙๖) –

‘‘อโนตตฺตสราสนฺเน, รมณีเย สิลาตเล;

นานารตนปชฺโชเต, นานาคนฺธวนนฺตเร.

‘‘มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน, ปเรโต โลกนายโก;

อาสีโน พฺยากรี ตตฺถ, ปุพฺพกมฺมานิ อตฺตโน.

‘‘สุณาถ ภิกฺขโว มยฺหํ, ยํ กมฺมํ ปกตํ มยา;

ปิโลติกสฺส กมฺมสฺส, พุทฺธตฺเตปิ วิปจฺจติ.

.

‘‘มุนาฬิ นามหํ ธุตฺโต, ปุพฺเพ อฺาสุ ชาติสุ;

ปจฺเจกพุทฺธํ สุรภึ, อพฺภาจิกฺขึ อทูสกํ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, นิรเย สํสรึ จิรํ;

พหู วสฺสสหสฺสานิ, ทุกฺขํ เวเทมิ เวทนํ.

‘‘เตน กมฺมาวเสเสน, อิธ ปจฺฉิมเก ภเว;

อพฺภกฺขานํ มยา ลทฺธํ, สุนฺทริกาย การณา.

.

‘‘สพฺพาภิภุสฺส พุทฺธสฺส, นนฺโท นามาสิ สาวโก;

ตํ อพฺภกฺขาย นิรเย, จิรํ สํสริตํ มยา.

‘‘ทส วสฺสสหสฺสานิ, นิรเย สํสรึ จิรํ;

มนุสฺสภาวํ ลทฺธาหํ, อพฺภกฺขานํ พหุํ ลภึ.

‘‘เตน กมฺมาวเสเสน, จิฺจมาณวิกา มมํ;

อพฺภาจิกฺขิ อภูเตน, ชนกายสฺส อคฺคโต.

.

‘‘พฺราหฺมโณ สุตวา อาสึ, อหํ สกฺกตปูชิโต;

มหาวเน ปฺจสเต, มนฺเต วาเจมิ มาณเว.

‘‘ตตฺถาคโต อิสี ภีโม, ปฺจาภิฺโ มหิทฺธิโก;

ตฺจาหํ อาคตํ ทิสฺวา, อพฺภาจิกฺขึ อทูสกํ.

‘‘ตโตหํ อวจํ สิสฺเส, กามโภคี อยํ อิสิ;

มยฺหมฺปิ ภาสมานสฺส, อนุโมทึสุ มาณวา.

‘‘ตโต มาณวกา สพฺเพ, ภิกฺขมานํ กุเล กุเล;

มหาชนสฺส อาหํสุ, กามโภคี อยํ อิสิ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, ปฺจ ภิกฺขุสตา อิเม;

อพฺภกฺขานํ ลภุํ สพฺเพ, สุนฺทริกาย การณา.

.

‘‘เวมาตุภาติกํ ปุพฺเพ, ธนเหตุ หนึ อหํ;

ปกฺขิปึคิริทุคฺคสฺมึ, สิลาย จ อปึสยึ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, เทวทตฺโต สิลํ ขิปิ;

องฺคุฏฺํ ปึสยี ปาเท, มม ปาสาณสกฺขรา.

.

‘‘ปุเรหํ ทารโก หุตฺวา, กีฬมาโน มหาปเถ;

ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวาน, มคฺเค สกลิกํ ขิปึ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, อิธ ปจฺฉิมเก ภเว;

วธตฺถํ มํ เทวทตฺโต, อภิมาเร ปโยชยิ.

.

‘‘หตฺถาโรโห ปุเร อาสึ, ปจฺเจกมุนิมุตฺตมํ;

ปิณฺฑาย วิจรนฺตํ ตํ, อาสาเทสึ คเชนหํ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, ภนฺโต นาฬาคิรี คโช;

คิริพฺพเช ปุรวเร, ทารุโณ สมุปาคมิ.

.

‘‘ราชาหํ ปตฺถิโว อาสึ, สตฺติยา ปุริเส หนึ;

เตน กมฺมวิปาเกน, นิรเย ปจฺจิสํ ภุสํ.

‘‘กมฺมุโน ตสฺส เสเสน, โสทานิ สกลํ มม;

ปาเท ฉวึ ปกปฺเปสิ, น หิ กมฺมํ วินสฺสติ.

.

‘‘อหํ เกวฏฺฏคามสฺมึ, อหุํ เกวฏฺฏทารโก;

มจฺฉเก ฆาติเต ทิสฺวา, ชนยึ โสมนสฺสกํ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, สีสทุกฺขํ อหู มม;

สกฺกา จ สพฺเพ หฺึสุ, ยทา หนิ วิฏฏูโภ.

.

‘‘ผุสฺสสฺสาหํ ปาวจเน, สาวเก ปริภาสยึ;

ยวํ ขาทถ ภุฺชถ, มา จ ภุฺชถ สาลโย.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, เตมาสํ ขาทิตํ ยวํ;

นิมนฺติโต พฺราหฺมเณน, เวรฺชายํ วสึ ตทา.

๑๐.

‘‘นิพฺพุทฺเธ วตฺตมานมฺหิ, มลฺลปุตฺตํ นิเหยึ;

เตน กมฺมวิปาเกน, ปิฏฺิทุกฺขํ อหู มม.

๑๑.

‘‘ติกิจฺฉโก อหํ อาสึ, เสฏฺิปุตฺตํ วิเรจยึ;

เตน กมฺมวิปาเกน, โหติ ปกฺขนฺทิกา มม.

๑๒.

‘‘อวจาหํ โชติปาโล, กสฺสปํ สุคตํ ตทา;

กุโต นุ โพธิ มุณฺฑสฺส, โพธิ ปรมทุลฺลภา.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, อจรึ ทุกฺกรํ พหุํ;

ฉพฺพสฺสานุรุเวลายํ, ตโต โพธึ อปาปุณึ.

‘‘นาหํ เอเตน มคฺเคน, ปาปุณึ โพธิมุตฺตมํ;

กุมฺมคฺเคน คเวสิสฺสํ, ปุพฺพกมฺเมน วาริโต.

‘‘ปุฺปาปปริกฺขีโณ, สพฺพสนฺตาปวชฺชิโต;

อโสโก อนุปายาโส, นิพฺพายิสฺสมนาสโว.

‘‘เอวํ ชิโน วิยากาสิ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อคฺคโต;

สพฺพาภิฺาพลปฺปตฺโต, อโนตตฺตมหาสเร’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๖๔-๙๖);

อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อุปเสนสุตฺตวณฺณนา

๓๙. นวเม อุปเสนสฺสาติ เอตฺถ อุปเสโนติ ตสฺส เถรสฺส นามํ, วงฺคนฺตพฺราหฺมณสฺส ปน ปุตฺตตฺตา ‘‘วงฺคนฺตปุตฺโต’’ติ จ นํ โวหรนฺติ.

อยฺหิ เถโร อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส กนิฏฺภาตา, สาสเน ปพฺพชิตฺวา อปฺตฺเต สิกฺขาปเท อุปสมฺปทาย ทฺวิวสฺโส อุปชฺฌาโย หุตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ อุปสมฺปาเทตฺวา เตน สทฺธึ ภควโต อุปฏฺานํ คโต, ตสฺส ภิกฺขุโน ภควตา ตสฺส สทฺธิวิหาริกภาวํ ปุจฺฉิตฺวา ขนฺธเก อาคตนเยน ‘‘อติลหุํ โข ตฺวํ, โมฆปุริส, อาวตฺโต พาหุลฺลาย, ยทิทํ คณพนฺธิย’’นฺติ (มหาว. ๗๕) วิครหิโต ปโตทาภิตุนฺโน วิย อาชานีโย สํวิคฺคมานโส ‘‘ยทิปาหํ อิทานิ ปริสํ นิสฺสาย ภควตา วิครหิโต, ปริสํเยว ปน นิสฺสาย ปาสํสิโย ภเวยฺย’’นฺติ อุสฺสาหชาโต สพฺเพ ธุตธมฺเม สมาทาย วตฺตมาโน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา น จิรสฺเสว ฉฬภิฺโ ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต มหาขีณาสโว หุตฺวา อตฺตโน นิสฺสิตเก ธุตงฺคธเร เอว กตฺวา เตหิ สทฺธึ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สนฺถตสิกฺขาปเท (ปารา. ๕๖๕ อาทโย) อาคตนเยน ‘‘ปาสาทิกา โข ตฺยายํ, อุปเสน, ปริสา’’ติ ปริสวเสน ภควโต สนฺติกา ลทฺธปสํโส ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ สมนฺตปาสาทิกานํ ยทิทํ อุปเสโน วงฺคนฺตปุตฺโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๓) เอตทคฺเค ปิโต อสีติยา มหาสาวเกสุ อพฺภนฺตโร.

โส เอกทิวสํ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต อนฺเตวาสิเกสุ อตฺตโน อตฺตโน ทิวาฏฺานํ คเตสุ อุทกกุมฺภโต อุทกํ คเหตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา คตฺตานิ สีตึ กตฺวา จมฺมกฺขณฺฑํ อตฺถริตฺวา ทิวาฏฺาเน ทิวาวิหารํ นิสินฺโน อตฺตโน คุเณ อาวชฺเชสิ. ตสฺส เต อเนกสตา อเนกสหสฺสา โปงฺขานุโปงฺขํ อุปฏฺหึสุ. โส ‘‘มยฺหํ ตาว สาวกสฺส สโต อิเม เอวรูปา คุณา, กีทิสา นุ โข มยฺหํ สตฺถุ คุณา’’ติ ภควโต คุณาภิมุขํ มนสิการํ เปเสสิ. เต ตสฺส าณพลานุรูปํ อเนกโกฏิสหสฺสา อุปฏฺหึสุ. โส ‘‘เอวํสีโล เม สตฺถา เอวํธมฺโม เอวํปฺโ เอวํวิมุตฺตี’’ติอาทินา จ ‘‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทินา จ อาวิภาวานุรูปํ สตฺถุ คุเณ อนุสฺสริตฺวา , ตโต ‘‘สฺวากฺขาโต’’ติอาทินา ธมฺมสฺส, ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน’’ติอาทินา อริยสงฺฆสฺส จ คุเณ อนุสฺสริ. เอวํ มหาเถโร อเนกาการโวการํ รตนตฺตยคุเณสุ อาวิภูเตสุ อตฺตมโน ปมุทิโต อุฬารปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺโต นิสีทิ. ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อายสฺมโต อุปเสนสฺส วงฺคนฺตปุตฺตสฺส รโหคตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ตตฺถ รโหคตสฺสาติ รหสิ คตสฺส. ปฏิสลฺลีนสฺสาติ เอกีภูตสฺส. เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทีติ เอวํ อิทานิ วุจฺจมานากาโร จิตฺตสฺส วิตกฺโก อุปฺปชฺชิ. ลาภา วต เมติ เย อิเม มนุสฺสตฺตพุทฺธุปฺปาทสทฺธาสมธิคมาทโย, อโห วต เม เอเต ลาภา. สุลทฺธํ วต เมติ ยฺจิทํ มยา ภควโต สาสเน ปพฺพชฺชูปสมฺปทารตนตฺตยปยิรุปาสนาทิ ปฏิลทฺธํ, ตํ เม อโห วต สุฏฺุ ลทฺธํ. ตตฺถ การณมาห ‘‘สตฺถา จ เม’’ติอาทินา.

ตตฺถ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ สตฺเต อนุสาสตีติ สตฺถา. ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควา. อารกตฺตา กิเลเสหิ, กิเลสารีนํ หตตฺตา, สํสารจกฺกสฺส วา อรานํ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวา อรหํ. สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๓ อาทโย) พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทสโต คเหตพฺโพ.

สฺวากฺขาเตติ สุฏฺุ อกฺขาเต, เอกนฺตนิยฺยานิกํ กตฺวา ภาสิเต. ธมฺมวินเยติ ปาวจเน. ตฺหิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมานานํ สํสารทุกฺขปาตโต ธารเณน, ราคาทิกิเลเส วินยเนน จ ธมฺมวินโยติ วุจฺจติ. สพฺรหฺมจาริโนติ เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมสงฺขาตํ ภควโต สาสนํ อริยมคฺคํ สห จรนฺติ ปฏิปชฺชนฺตีติ สพฺรหฺมจาริโน. สีลวนฺโตติ มคฺคผลสีลวเสน สีลวนฺโต. กลฺยาณธมฺมาติ สมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนาทโย กลฺยาณา สุนฺทรา ธมฺมา เอเตสํ อตฺถีติ กลฺยาณธมฺมา. เอเตน สงฺฆสฺส สุปฺปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ. สีเลสุ จมฺหิ ปริปูรการีติ ‘‘อหมฺปิ ปพฺพชิตฺวา น ติรจฺฉานกถากถิโก กายทฬฺหิพหุโล หุตฺวา วิหาสึ, อถ โข ปาติโมกฺขสํวราทึ จตุพฺพิธมฺปิ สีลํ อขณฺฑํ อฉิทฺทํ อสพลํ อกมฺมาสํ ภุชิสฺสํ วิฺุปฺปสตฺถํ อปรามฏฺํ กตฺวา ปริปูเรนฺโต อริยมคฺคํเยว ปาเปสิ’’นฺติ วทติ. เอเตน เหฏฺิมผลทฺวยสมฺปตฺติมตฺตโน ทีเปติ. โสตาปนฺนสกทาคามิโน หิ สีเลสุ ปริปูรการิโน. สุสมาหิโต จมฺหิ เอกคฺคจิตฺโตติ อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา สพฺพถาปิ สมาหิโต จ อมฺหิ อวิกฺขิตฺตจิตฺโต. อิมินา สมาธิสฺมึ ปริปูรการิตาวจเนน ตติยผลสมฺปตฺติมตฺตโน ทีเปติ. อนาคามิโน หิ สมาธิสฺมึ ปริปูรการิโน. อรหา จมฺหิ ขีณาสโวติ กามาสวาทีนํ สพฺพโส ขีณตฺตา ขีณาสโว, ตโต เอว ปริกฺขีณภวสํโยชโน สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺยตาย อรหา จมฺหิ. เอเตน อตฺตโน กตกรณียตํ ทสฺเสติ. มหิทฺธิโกจมฺหิ มหานุภาโวติ อธิฏฺานวิกุพฺพนาทิอิทฺธีสุ มหตา วสีภาเวน สมนฺนาคตตฺตา มหิทฺธิโก อุฬารสฺส ปุฺานุภาวสฺส คุณานุภาวสฺส จ สมฺปตฺติยา มหานุภาโว จ อสฺมิ. เอเตน โลกิยาภิฺานวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติโยคมตฺตโน ทีเปติ. อภิฺาสุ วสีภาเวน หิ อริยา ยถิจฺฉิตนิปฺผาทเนน มหิทฺธิกา, ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติยา นานาวิหารสมาปตฺตีหิ จ วิโสธิตสนฺตานตฺตา มหานุภาวา จ โหนฺตีติ.

ภทฺทกํ เม ชีวิตนฺติ เอวํวิธสีลาทิคุณสมนฺนาคตสฺส เม ยาวายํ กาโย ธรติ, ตาว สตฺตานํ หิตสุขเมว วฑฺฒติ, ปุฺกฺเขตฺตภาวโต ชีวิตมฺปิ เม ภทฺทกํ สุนฺทรํ. ภทฺทกํ มรณนฺติ สเจ ปนิทํ ขนฺธปฺจกํ อชฺช วา อิมสฺมึเยว วา ขเณ อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายติ, ตํ อปฺปฏิสนฺธิกํ ปรินิพฺพานสงฺขาตํ มรณมฺปิ เม ภทฺทกนฺติ อุภยตฺถ ตาทิภาวํ ทีเปติ. เอวํ มหาเถโร อปฺปหีนโสมนสฺสุปฺปิลาวิตวาสนุสฺสนฺนตฺตา อุฬารโสมนสฺสิโต ธมฺมพหุมาเนน ธมฺมปีติปฏิสํเวทเนน ปริวิตกฺเกสิ.

ตํ สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว สพฺพฺุตฺาเณน ชานิตฺวา ชีวิเต มรเณ จ ตสฺส ตาทิภาววิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา…เป… อุทาเนสี’’ติ.

ตตฺถ ยํ ชีวิตํ น ตปตีติ ยํ ขีณาสวปุคฺคลํ ชีวิตํ อายตึ ขนฺธปฺปวตฺติยา สพฺเพน สพฺพํ อภาวโต น ตปติ น พาธติ, วตฺตมานเมว วา ชีวิตํ สพฺพโส สงฺขตธมฺมตฺตา สติปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา สพฺพตฺถ สติสมฺปชฺสมาโยคโต น พาธติ. โย หิ อนฺธปุถุชฺชโน ปาปชนเสวี อโยนิโสมนสิการพหุโล อกตกุสโล อกตปุฺโ, โส ‘‘อกตํ วต เม กลฺยาณ’’นฺติอาทินา วิปฺปฏิสาเรน ตปตีติ ตสฺส ชีวิตํ ตํ ตปติ นาม. อิตเร ปน อกตปาปา กตปุฺา กลฺยาณปุถุชฺชเนน สทฺธึ สตฺต เสขา ตปนียธมฺมปริวชฺชเนน อตปนียธมฺมสมนฺนาคเมน จ ปจฺฉานุตาเปน น ตปนฺตีติ น เตสํ ชีวิตํ ตปติ. ขีณาสเว ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ปวตฺติทุกฺขวเสน อตฺถวณฺณนา กตา.

มรณนฺเต น โสจตีติ มรณสงฺขาเต อนฺเต ปริโยสาเน, มรณสมีเป วา น โสจติ อนาคามิมคฺเคเนว โสกสฺส สมุคฺฆาติตตฺตา. ส เว ทิฏฺปโท ธีโร, โสกมชฺเฌ น โสจตีติ โส อนภิชฺฌาทีนํ จตุนฺนํ ธมฺมปทานํ นิพฺพานสฺเสว วา ทิฏฺตฺตา ทิฏฺปโท, ธิติสมฺปนฺนตฺตา ธีโร ขีณาสโว โสจนธมฺมตฺตา ‘‘โสกา’’ติ ลทฺธนามานํ อวีตราคานํ สตฺตานํ, โสกเหตูนํ วา โลกธมฺมานํ มชฺเฌ ตฺวาปิ น โสจติ.

อิทานิสฺส สพฺพโส โสกเหตูนํ อภาวํ ทีเปตุํ ‘‘อุจฺฉินฺนภวตณฺหสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺส อคฺคมคฺเคน สพฺพโส อุจฺฉินฺนา ภวตณฺหา, โส อุจฺฉินฺนภวตณฺโห. ตสฺส อวเสสกิเลสานํ อนวเสสวูปสเมน สนฺตจิตฺตสฺส ขีณาสวภิกฺขุโน. วิกฺขีโณ ชาติสํสาโรติ ชาติอาทิโก –

‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;

อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, ‘สํสาโร’ติ ปวุจฺจตี’’ติ. –

วุตฺตลกฺขโณ สํสาโร วิเสสโต ขีโณ. ตสฺมา นตฺถิ ตสฺส ปุนพฺภโวติ ยสฺมา ตสฺส เอวรูปสฺส อริยปุคฺคลสฺส อายตึ ปุนพฺภโว นตฺถิ, ตสฺมา ตสฺส ชาติสํสาโร ขีโณ. กสฺมา ปนสฺส ปุนพฺภโว นตฺถิ? ยสฺมา อุจฺฉินฺนภวตณฺโห สนฺตจิตฺโต จ โหติ, ตสฺมาติ อาวตฺเตตฺวา วตฺตพฺพํ. อถ วา วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, ตโต เอว นตฺถิ ตสฺส ปุนพฺภโวติ อตฺโถ โยเชตพฺโพ.

นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. สาริปุตฺตอุปสมสุตฺตวณฺณนา

๔๐. ทสเม อตฺตโน อุปสมนฺติ สาวกปารมีมตฺถกปฺปตฺติยา เหตุภูตํ อคฺคมคฺเคน อตฺตโน อนวเสสกิเลสวูปสมํ.

อายสฺมา หิ สาริปุตฺโต อนุปสนฺตกิเลสานํ สตฺตานํ ราคาทิกิเลสชนิตสนฺตาปทรถปริฬาหทุกฺขฺเจว กิเลสาภิสงฺขารนิมิตฺตํ ชาติชราพฺยาธิมรณโสกปริเทวาทิทุกฺขฺจ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา อตีตานาคเตปิ เนสํ วฏฺฏมูลกทุกฺขํ ปริตุเลตฺวา กรุณายมาโน อตฺตนาปิ ปุถุชฺชนกาเล อนุภูตํ กิเลสนิมิตฺตํ วา อนปฺปกํ ทุกฺขํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘อีทิสสฺส นาม มหาทุกฺขสฺส เหตุภูตา กิเลสา อิทานิ เม สุปฺปหีนา’’ติ อตฺตโน กิเลสวูปสมํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขติ. ปจฺจเวกฺขนฺโต จ ‘‘อิเม เอตฺตกา กิเลสา โสตาปตฺติมคฺเคน อุปสมิตา, เอตฺตกา สกทาคามิมคฺเคน, เอตฺตกา อนาคามิมคฺเคน, เอตฺตกา อรหตฺตมคฺเคน อุปสมิตา’’ติ ตํตํมคฺคาเณหิ โอธิโส กิเลสานํ อุปสมิตภาวํ ปจฺจเวกฺขติ, เตน วุตฺตํ – ‘‘อตฺตโน อุปสมํ ปจฺจเวกฺขมาโน’’ติ.

อปเร ‘‘เถโร อรหตฺตผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘อิมสฺส วตายํ สนฺตปณีตภาโว อจฺจนฺตสนฺตาย อสงฺขตาย ธาตุยา อารมฺมณโต, สยฺจ สมฺมเทว กิเลสวูปสมโต’ติ เอวํ อภิณฺหํ อุปสมํ ปจฺจเวกฺขตี’’ติ วทนฺติ. อฺเ ปน ‘‘อนวเสสกิเลสานํ อุปสมปริโยสาเน ชาตํ อคฺคผลเมเวตฺถ อุปสโม นาม, ตํ ปจฺจเวกฺขมาโน นิสินฺโน’’ติ.

เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ยทิทํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส มหาปฺตาทิเหตุภูตํ สาวเกสุ อนฺสาธารณํ กิเลสปฺปหานํ อคฺคผลํ วา อุปสมปริยาเยน วุตฺตํ, ตสฺส ปจฺจเวกฺขณสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทนุภาวทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ อุปสนฺตสนฺตจิตฺตสฺสาติ อุปสนฺตเมว หุตฺวา สนฺตํ จิตฺตํ เอตสฺสาติ อุปสนฺตสนฺตจิตฺโต. สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภเนน หิ อุปสนฺตกิเลสตฺตา อุปสนฺตจิตฺตํ น สพฺพถา ‘‘อุปสนฺตสนฺต’’นฺติ วุจฺจติ ตสฺส อุปสมสฺส อนจฺจนฺติกภาวโต, น ตถา อคฺคมคฺเคน. เตน ปน อจฺจนฺตเมว กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา อรหโต จิตฺตํ ปุน กิเลสานํ อนุปสเมตพฺพตาย สมถวิปสฺสนาเหฏฺิมมคฺเคหิ อุปสนฺตกิเลสํ หุตฺวา อจฺจนฺตสนฺตภาวโตว ‘‘อุปสนฺตสนฺต’’นฺติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุปสนฺตเมว หุตฺวา สนฺตํ จิตฺตํ เอตสฺสาติ อุปสนฺตสนฺตจิตฺโต’’ติ. อุปสนฺตนฺติ วา อุปสโม วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘อุปสนฺตสนฺตจิตฺตสฺสา’’ติ อจฺจนฺตูปสเมน สนฺตจิตฺตสฺสาติ อตฺโถ.

อถ วา สติปิ สพฺเพสํ ขีณาสวานํ อนวเสสกิเลสวูปสเม สาวกปารมีาณสฺส ปน มตฺถกปฺปตฺติเหตุภูโต สาวเกสุ อนฺสาธารโณ สวิเสโส ธมฺมเสนาปติโน กิเลสวูปสโมติ ทสฺเสตุํ สตฺถา อุปสนฺตสทฺเทน วิเสเสตฺวา อาห ‘‘อุปสนฺตสนฺตจิตฺตสฺสา’’ติ.

ตตฺรายมตฺโถ – ภุสํ ทฬฺหํ วา สนฺตํ อุปสนฺตํ, เตน อุปสนฺเตน อุปสนฺตเมว หุตฺวา สนฺตํ อุปสนฺตสนฺตํ , ตาทิสํ จิตฺตํ เอตสฺสาติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. ตถา เหส ภควตา – ‘‘สาริปุตฺโต, ภิกฺขเว, มหาปฺโ ปุถุปฺโ หาสปฺโ ชวนปฺโ ติกฺขปฺโ นิพฺเพธิกปฺโ’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๙๓) อเนกปริยาเยน วณฺณิโต โถมิโต. เนตฺติจฺฉินฺนสฺสาติ เนตฺติ วุจฺจติ ภวตณฺหา สํสารสฺส นยนโต, สา เนตฺติ ฉินฺนา เอตสฺสาติ เนตฺติจฺฉินฺโน. ตสฺส เนตฺติจฺฉินฺนสฺส, ปหีนตณฺหสฺสาติ อตฺโถ. มุตฺโต โส มารพนฺธนาติ โส เอวํวิโธ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สพฺพสฺมา มารพนฺธนโต มุตฺโต, น ตสฺส มารพนฺธนโมจนาย กรณียํ อตฺถิ, ตสฺมา ธมฺมเสนาปติ อตฺตโน อุปสมํ ปจฺจเวกฺขตีติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิตา จ เมฆิยวคฺควณฺณนา.