📜
๕. โสณวคฺโค
๑. ปิยตรสุตฺตวณฺณนา
๔๑. มหาวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม มลฺลิกาย เทวิยา สทฺธินฺติ มลฺลิกาย นาม อตฺตโน มเหสิยา สห. อุปริปาสาทวรคโตติ ปาสาทวรสฺส อุปริ คโต. โกจฺโ อตฺตนา ปิยตโรติ โกจิ อฺโ อตฺตนา ปิยายิตพฺพตโร. อตฺถิ นุ โข เตติ ‘‘กึ เต อตฺถี’’ติ เทวึ ปุจฺฉติ.
กสฺมา ปุจฺฉติ? อยฺหิ สาวตฺถิยํ ทุคฺคตมาลาการสฺส ธีตา. เอกทิวสํ อาปณโต ปูวํ คเหตฺวา มาลารามํ คนฺตฺวา ‘‘ขาทิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺตี ปฏิปเถ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ ภควนฺตํ ภิกฺขาจารํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา ตํ ภควโต อทาสิ. สตฺถา ตถารูเป าเน นิสีทนาการํ ทสฺเสสิ. อานนฺทตฺเถโร จีวรํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. ภควา ตตฺถ นิสีทิตฺวา ตํ ปูวํ ปริภฺุชิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. เถโร ‘‘โก อิมิสฺสา, ภนฺเต, ทานสฺส วิปาโก ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อชฺเชสา, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปมํ โภชนํ อทาสิ, อชฺเชว โกสลรฺโ อคฺคมเหสี ภวิสฺสติ ปิยา มนาปา’’ติ. ตํ ทิวสเมว จ ราชา กาสิคาเม ภาคิเนยฺเยน สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา ปราชิโต ปลายิตฺวา อาคโต นครํ ปวิสนฺโต ‘‘พลกายสฺส อาคมนํ อาคเมสฺสามี’’ติ ตํ มาลารามํ ปาวิสิ. สา ราชานํ อาคตํ ปสฺสิตฺวา ตสฺส วตฺตมกาสิ. ราชา ตสฺสา วตฺเต ปสีทิตฺวา ปิตรํ ปกฺโกสาเปตฺวา มหนฺตํ อิสฺสริยํ ทตฺวา ¶ ตํ อนฺเตปุรํ ปฏิหราเปตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. อเถกทิวสํ ราชา จินฺเตสิ – ‘‘มยา อิมิสฺสา มหนฺตํ อิสฺสริยํ ทินฺนํ, ยํนูนาหํ อิมํ ปุจฺเฉยฺยํ ‘โก เต ปิโย’ติ? สา ‘ตฺวํ เม, มหาราช, ปิโย’ติ วตฺวา, ปุน มํ ปุจฺฉิสฺสติ, อถสฺสาหํ ‘มยฺหมฺปิ ตฺวํเยว ปิยา’ติ วกฺขามี’’ติ. อิติ โส อฺมฺํ วิสฺสาสชนนตฺถํ สมฺโมทนียํ กโรนฺโต ปุจฺฉิ.
เทวี ปน ปณฺฑิตา พุทฺธุปฏฺายิกา สงฺฆุปฏฺายิกา ‘‘นายํ ปฺโห รฺโ มุขํ อุลฺโลเกตฺวา ¶ กเถตพฺโพ’’ติ จินฺเตตฺวา ยถาภูตเมว วทนฺตี ‘‘นตฺถิ โข เม, มหาราช, โกจฺโ อตฺตนา ปิยตโร’’ติ ¶ อาห. วตฺวาปิ อตฺตนา พฺยากตมตฺถํ อุปาเยน รฺโ ปจฺจกฺขํ กาตุกามา ‘‘ตุยฺหํ ปน, มหาราช, อตฺถฺโ โกจิ อตฺตนา ปิยตโร’’ติ ตเถว ราชานํ ปุจฺฉิ ยถา รฺา สยํ ปุฏฺา. ราชาปิ ตาย สรสลกฺขเณน กถิตตฺตา นิวตฺติตุํ อสกฺโกนฺโต สยมฺปิ สรสลกฺขเณเนว กเถนฺโต ตเถว พฺยากาสิ ยถา เทวิยา พฺยากตํ.
พฺยากริตฺวา จ มนฺทธาตุกตาย เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ราชา ปถวิสฺสโร มหนฺตํ ปถวิมณฺฑลํ อภิวิชิย อชฺฌาวสามิ, มยฺหํ ตาว ยุตฺตํ ‘อตฺตนา ปิยตรํ อฺํ น ปสฺสามี’ติ, อยํ ปน วสลี หีนชจฺจา สมานา มยา อุจฺเจ าเน ปิตา สามิภูตํ มํ น ตถา ปิยายติ, ‘อตฺตาว ปิยตโร’ติ มม สมฺมุขา วทติ, ยาว กกฺขฬา วตาย’’นฺติ อนตฺตมโน หุตฺวา ‘‘นนุ เต ตีณิ รตนานิ ปิยตรานี’’ติ โจเทสิ. เทวี ‘รตนตฺตยํปาหํ เทว อตฺตโน สคฺคสุขํ โมกฺขสุขฺจ ปตฺถยนฺตี สมฺปิยายามิ, ตสฺมา อตฺตาว เม ปิยตโร’’ติ อาห. สพฺโพ จายํ โลโก อตฺตทตฺถเมว ปรํ ปิยายติ, ปุตฺตํ ปตฺเถนฺโตปิ ‘‘อยํ มํ ชิณฺณกาเล โปเสสฺสตี’’ติ ปตฺเถติ, ธีตรํ ‘‘มม กุลํ วฑฺฒิสฺสตี’’ติ, ภริยํ ‘‘มยฺหํ ปาเท ปริจริสฺสตี’’ติ, อฺเปิ าติมิตฺตพนฺธเว ตํตํกิจฺจวเสน, อิติ อตฺตทตฺถเมว ¶ สมฺปสฺสนฺโต โลโก ปรํ ปิยายตีติ. อยฺหิ เทวิยา อธิปฺปาโย.
อถ ราชา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ มลฺลิกา กุสลา ปณฺฑิตา นิปุณา ‘อตฺตาว เม ปิยตโร’ติ วทติ, มยฺหมฺปิ อตฺตาว ปิยตโร หุตฺวา อุปฏฺาติ, หนฺทาหํ อิมมตฺถํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามิ, ยถา จ เม สตฺถา พฺยากริสฺสติ, ตถา นํ ธาเรสฺสามี’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล…เป… ปิยตโร’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ ‘‘โลเก สพฺพสตฺตานํ อตฺตาว อตฺตโน ปิยตโร’’ติ รฺา วุตฺตมตฺถํ สพฺพโส ชานิตฺวา ตทตฺถปริทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สพฺพา ทิสา อนุปริคมฺม เจตสาติ สพฺพา อนวเสสา ทสปิ ทิสา ปริเยสนวเสน จิตฺเตน อนุคนฺตฺวา. เนวชฺฌคา ปิยตรมตฺตนา กฺวจีติ อตฺตนา อติสเยน ปิยํ อฺํ โกจิ ปุริโส สพฺพุสฺสาเหน ปริเยสนฺโต ¶ กฺวจิ กตฺถจิ สพฺพทิสาสุ เนว อธิคจฺเฉยฺย น ปสฺเสยฺย. เอวํ ปิโย ปุถุ อตฺตา ปเรสนฺติ เอวํ กสฺสจิ อตฺตนา ปิยตรสฺส อนุปลพฺภนวเสน ¶ ปุถุ วิสุํ วิสุํ เตสํ เตสํ สตฺตานํ อตฺตาว ปิโย. ตสฺมา น หึเส ปรมตฺตกาโมติ ยสฺมา เอวํ สพฺโพปิ สตฺโต อตฺตานํ ปิยายติ อตฺตโน สุขกาโม ทุกฺขปฺปฏิกูโล, ตสฺมา อตฺตกาโม อตฺตโน หิตสุขํ อิจฺฉนฺโต ปรํ สตฺตํ อนฺตมโส กุนฺถกิปิลฺลิกํ อุปาทาย น หึเส น หเนยฺย น ปาณิเลฑฺฑุทณฺฑาทีหิปิ วิเหเยฺย. ปรสฺส หิ อตฺตนา กเต ทุกฺเข ตํ ตโต สงฺกมนฺตํ วิย กาลนฺตเร อตฺตนิ สนฺทิสฺสติ. อยฺหิ กมฺมานํ ธมฺมตาติ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อปฺปายุกสุตฺตวณฺณนา
๔๒. ทุติเย ¶ อจฺฉริยํ, ภนฺเตติ อิทมฺปิ เมฆิยสุตฺเต วิย ครหณจฺฉริยวเสน เวทิตพฺพํ. ยาว อปฺปายุกาติ ยตฺตกํ ปริตฺตายุกา, อติอิตฺตรชีวิตาติ อตฺโถ. สตฺตาหชาเตติ สตฺตาเหน ชาโต สตฺตาหชาโต. ตสฺมึ สตฺตาหชาเต, ชาตสฺส สตฺตเม อหนีติ อตฺโถ. ตุสิตํ กายํ อุปปชฺชีติ ตุสิตํ เทวนิกายํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อุปปชฺชิ.
เอกทิวสํ กิร เถโร ปจฺฉาภตฺตํ ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน ลกฺขณานุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิตํ โสภคฺคปฺปตฺตํ ทสฺสนานุตฺตริยภูตํ ภควโต รูปกายสิรึ มนสิ กริตฺวา, ‘‘อโห พุทฺธานํ รูปกายสมฺปตฺติ ทสฺสนียา สมนฺตปาสาทิกา มโนหรา’’ติ อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺโต เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘วิชาตมาตุยา นาม วิรูโปปิ ปุตฺโต สุรูโป วิย มนาโป โหติ, สเจ ปน พุทฺธานํ มาตา มหามายา เทวี ธเรยฺย, กีทิสํ นุ โข ตสฺสา ภควโต รูปทสฺสเน ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺเชยฺย, มหาชานิ โข มยฺหํ มหามาตุ เทวิยา, ยา สตฺตาหชาเต ภควติ กาลกตา’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน ปริวิตกฺกิตํ อาโรเจนฺโต ตสฺสา กาลกิริยํ ครหนฺโต ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต’’ติอาทิมาห.
เกจิ ¶ ปนาหุ – ‘‘มหาปชาปติ โคตมี ภควนฺตํ มหตา อายาเสน ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวาปิ ปฏิกฺขิตฺตา, มยา ปน อุปาเยน ยาจิโต ภควา อฏฺครุธมฺมปฺปฏิคฺคหณวเสน ตสฺสา ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทฺจ อนุชานิ, สา เต ธมฺเม ปฏิคฺคเหตฺวา ลทฺธปพฺพชฺชูปสมฺปทา ภควโต ทุติยํ ปริสํ อุปฺปาเทตฺวา จตุตฺถาย ปริสาย ปจฺจโย อโหสิ. สเจ ปน ภควโต ชเนตฺติ ¶ มหามายา เทวี ธเรยฺย, เอวเมตา จุโภปิ ขตฺติยภคินิโย เอกโต หุตฺวา อิมํ สาสนํ โสเภยฺยุํ, ภควา จ มาตริ พหุมาเนน มาตุคามสฺส สาสเน ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทฺจ สุเขเนว อนุชาเนยฺย, อปฺปายุกตาย ปนสฺสา กสิเรน นิปฺผนฺนมิทนฺติ อิมินา อธิปฺปาเยน เถโร ภควโต สนฺติเก ‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต’ติอาทิมาหา’’ติ. ตํ อการณํ. ภควา หิ มาตุยา วา อฺสฺส วา มาตุคามสฺส อตฺตโน สาสเน ¶ ปพฺพชฺชํ อนุชานนฺโต ครุกํเยว กตฺวา อนุชานาติ, น ลหุกํ จิรฏฺิติกามตายาติ.
อปเร ปนาหุ – ‘‘ทสพลจตุเวสารชฺชาทิเก อนฺสาธารเณ อนนฺตาปริมาเณ พุทฺธคุเณ เถโร มนสิ กริตฺวา ยา เอวํ มหานุภาวํ นาม โลเก อคฺคปุคฺคลํ สตฺถารํ กุจฺฉินา ทส มาเส ปริหริ, สา พุทฺธมาตา กสฺสจิ ปริจาริกา ภวิสฺสตีติ อยุตฺตมิทํ. กสฺมา? สตฺถุ คุณานุจฺฉวิกเมเวตํ, ยทิทํ สตฺตาหชาเต ภควติ ชเนตฺติ กาลํ กโรติ, กาลกตา จ ตุสิเตสุ อุปฺปชฺชตีติ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต หุตฺวา ตํ อตฺตโน วิตกฺกุปฺปาทนํ ภควโต อาโรเจนฺโต ‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต’ติอาทิวจนํ อโวจา’’ติ.
สตฺถา ปน ยสฺมา สตฺตาหชาเตสุ โพธิสตฺเตสุ โพธิสตฺตมาตุ กาลกิริยา ธมฺมตา สิทฺธา, ตสฺมา ตํ ธมฺมตํ ปริทีเปนฺโต ‘‘เอวเมตํ, อานนฺทา’’ติอาทิมาห. สา ปนายํ ธมฺมตา ยสฺมา ยถา สพฺเพ โพธิสตฺตา ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา อายุปริโยสาเน ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ สนฺนิปติตฺวา อภิสมฺโพธึ ปตฺตุํ มนุสฺสโลเก ปฏิสนฺธิคฺคหณาย อชฺเฌสิตา กาลทีปเทสกุลานิ วิย ชเนตฺติยา อายุปริมาณมฺปิ โอโลเกตฺวา ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺติ, อยมฺปิ ภควา โพธิสตฺตภูโต ตเถว ตุสิตปุเร ิโต ปฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกนฺโต สตฺตทิวสาธิกทสมาสปริมาณํ ¶ มาตุยา อายุปริมาณํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘อยํ มม ปฏิสนฺธิคฺคหณสฺส กาโล, อิทานิ อุปฺปชฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตฺวาว ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ, ตสฺมา สพฺพโพธิสตฺตานํ อาจิณฺณสมาจิณฺณวเสเนว เวทิตพฺพํ. เตนาห ภควา – ‘‘อปฺปายุกา หิ, อานนฺท, โพธิสตฺตมาตโร โหนฺตี’’ติอาทิ.
ตตฺถ กาลํ กโรนฺตีติ ยถาวุตฺตอายุปริกฺขเยเนว กาลํ กโรนฺติ, น วิชาตปจฺจยา. จริมตฺตภาเวหิ โพธิสตฺเตหิ วสิตฏฺานํ เจติยฆรสทิสํ โหติ, น อฺเสํ ปริโภคารหํ, น จ สกฺกา โพธิสตฺตมาตรํ อปเนตฺวา อฺํ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปตุนฺติ ตตฺตกํ เอว โพธิสตฺตมาตุ อายุปฺปมาณํ โหติ, ตสฺมา ตทา กาลํ กโรนฺติ. อิมเมว หิ อตฺถํ สนฺธาย มหาโพธิสตฺตา ปฺจมํ มหาวิโลกนํ กโรนฺติ.
กตรสฺมึ ¶ ปน วเย กาลํ ¶ กโรนฺตีติ? มชฺฌิมวเย. ปมวยสฺมิฺหิ สตฺตานํ อตฺตภาเว ฉนฺทราโค พลวา โหติ, เตน ตทา สฺชาตคพฺภา อิตฺถิโย เยภุยฺเยน คพฺภํ อนุรกฺขิตุํ น สกฺโกนฺติ. คณฺเหยฺยุํ เจ, คพฺโภ พหฺวาพาโธ โหติ. มชฺฌิมวยสฺส ปน ทฺเว โกฏฺาเส อติกฺกมิตฺวา ตติยโกฏฺาเส วตฺถุ วิสทํ โหติ, วิสเท วตฺถุมฺหิ นิพฺพตฺตทารกา อโรคา โหนฺติ, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตโร ปมวเย สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา มชฺฌิมวยสฺส ตติยโกฏฺาเส วิชายิตฺวา กาลํ กโรนฺตีติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ โพธิสตฺตมาตุ อฺเสฺจ สพฺพสตฺตานํ อตฺตภาเว อายุสฺส มรณปริโยสานตํ วิทิตฺวา ตทตฺถวิภาวนมุเขน อนวชฺชปฺปฏิปตฺติยํ อุสฺสาหทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ เย เกจีติ อนิยมนิทฺเทโส. ภูตาติ นิพฺพตฺตา. ภวิสฺสนฺตีติ อนาคเต นิพฺพตฺติสฺสนฺติ. วาสทฺโท วิกปฺปตฺโถ, อปิสทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน นิพฺพตฺตมาเนปิ สงฺคณฺหาติ. เอตฺตาวตา อตีตาทิวเสน ติยทฺธปริยาปนฺเน สตฺเต อนวเสสโต ปริยาทิยติ. อปิจ คพฺภเสยฺยกสตฺตา คพฺภโต นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย ภูตา นาม, ตโต ปุพฺเพ ภวิสฺสนฺติ นาม. สํเสทชูปปาติกา ปฏิสนฺธิจิตฺตโต ปรโต ภูตา ¶ นาม, ตโต ปุพฺเพ อุปฺปชฺชิตพฺพภววเสน ภวิสฺสนฺติ นาม. สพฺเพปิ วา ปจฺจุปฺปนฺนภววเสน ภูตา นาม, อายตึ ปุนพฺภววเสน ภวิสฺสนฺติ นาม. ขีณาสวา ภูตา นาม. เต หิ ภูตา เอว, น ปุน ภวิสฺสนฺตีติ, ตทฺเ ภวิสฺสนฺติ นาม.
สพฺเพ คมิสฺสนฺติ ปหาย เทหนฺติ สพฺเพ ยถาวุตฺตเภทา สพฺพภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสาทิวเสน อเนกเภทภินฺนา สตฺตา เทหํ อตฺตโน สรีรํ ปหาย นิกฺขิปิตฺวา ปรโลกํ คมิสฺสนฺติ, อเสกฺขา ปน นิพฺพานํ. เอตฺถ โกจิ อจวนธมฺโม นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ. ตํ สพฺพชานึ กุสโล วิทิตฺวาติ ตเทตํ สพฺพสฺส สตฺตสฺส ชานึ หานึ มรณํ, สพฺพสฺส วา สตฺตสฺส ชานึ วินาสํ ปภงฺคุตํ กุสโล ปณฺฑิตชาติโก มรณานุสฺสติวเสน อนิจฺจตามนสิการวเสน วา ชานิตฺวา. อาตาปิโย พฺรหฺมจริยํ จเรยฺยาติ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อาตาปิยสงฺขาเตน ¶ วีริเยน สมนฺนาคตตฺตา อาตาปิโย จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวเสน อารทฺธวีริโย อนวเสสมรณสมติกฺกมนูปายํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ จเรยฺย, ปฏิปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สุปฺปพุทฺธกุฏฺิสุตฺตวณฺณนา
๔๓. ตติเย ¶ ราชคเห สุปฺปพุทฺโธ นาม กุฏฺี อโหสีติ สุปฺปพุทฺธนามโก เอโก ปุริโส ราชคเห อโหสิ. โส จ กุฏฺี กุฏฺโรเคน พาฬฺหวิทูสิตคตฺโต. มนุสฺสทลิทฺโทติ ยตฺตกา ราชคเห มนุสฺสา เตสุ สพฺพทุคฺคโต. โส หิ สงฺการกูฏวติอาทีสุ มนุสฺเสหิ ฉฑฺฑิตปิโลติกขณฺฑานิ สิพฺพิตฺวา ปริทหติ, กปาลํ คเหตฺวา ฆรา ฆรํ คนฺตฺวา ลทฺธอาจามอุจฺฉิฏฺภตฺตานิ นิสฺสาย ชีวติ, ตมฺปิ ปุพฺเพ กตกมฺมปจฺจยา น ยาวทตฺถํ ลภติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มนุสฺสทลิทฺโท’’ติ. มนุสฺสกปโณติ มนุสฺเสสุ ปรมกปณตํ ปตฺโต. มนุสฺสวราโกติ มนุสฺสานํ หีฬิตปริภูตตาย อติวิย ทีโน. มหติยา ปริสายาติ มหติยา ภิกฺขุปริสาย เจว อุปาสกปริสาย จ.
เอกทิวสํ ¶ กิร ภควา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ภิกฺขูนํ สุลภปิณฺฑปาตํ กตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต กติปยภิกฺขุปริวาโร นิกฺขนฺโต เยหิ ทานํ ทินฺนํ, เตสํ อุปาสกานํ อวเสสภิกฺขูนฺจ อาคมนํ อาคมยมาโน อนฺโตนคเรเยว อฺตรสฺมึ รมณีเย ปเทเส อฏฺาสิ. ตาวเทว ภิกฺขู ตโต ตโต อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรสุํ, อุปาสกาปิ ‘‘อนุโมทนํ สุตฺวา วนฺทิตฺวา นิวตฺติสฺสามา’’ติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ, มหาสนฺนิปาโต อโหสิ. ภควา นิสีทนาการํ ทสฺเสสิ. ตาวเทว พุทฺธารหํ อาสนํ ปฺาเปสุํ. อถ ภควา อสีติอนุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิเตหิ ¶ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ วิโรจมานาย พฺยามปฺปภาปริกฺเขปสมุชฺชลาย นีลปีตโลหิโตทาตมฺเชฏฺปภสฺสรานํ วเสน ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสชฺเชนฺติยา อนุปมาย รูปกายสิริยา สกลเมว ตํ ปเทสํ โอภาเสนฺโต ตาราคณปริวุโต วิย ปุณฺณจนฺโท ภิกฺขุคณปริวุโต ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา มโนสิลาตเล เกสรสีโห วิย สีหนาทํ นทนฺโต กรวีกรุตมฺชุนา พฺรหฺมสฺสเรน ธมฺมํ เทเสติ.
ภิกฺขูปิ โข อปฺปิจฺฉา สนฺตุฏฺา ปวิวิตฺตา อสํสฏฺา อารทฺธวีริยา ปหิตตฺตา โจทกา ปาปครหิโน วตฺตาโร วจนกฺขมา สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปฺาสมฺปนฺนา วิมุตฺติสมฺปนฺนา วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนา เมฆวณฺณํ ปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา สุวมฺมิตา วิย คนฺธหตฺถิโน ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ. อุปาสกาปิ สุทฺธวตฺถนิวตฺถา สุทฺธุตฺตราสงฺคา ปุพฺพณฺหสมยํ มหาทานานิ ปวตฺเตตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ภควนฺตํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิปจฺจการํ ทสฺเสตฺวา ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ ปริวาเรตฺวา สํยตหตฺถปาทา โอหิตโสตา สกฺกจฺจํ ¶ ธมฺมํ สุณนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสนฺโต นิสินฺโน โหตี’’ติ.
สุปฺปพุทฺโธ ปน ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรโต ฆาสปริเยสนํ จรมาโน อนฺตรวีถึ โอติณฺโณ ทูรโตว ตํ มหาชนสนฺนิปาตํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ โข อยํ มหาชนกาโย สนฺนิปติโต, อทฺธา เอตฺถ โภชนํ ทียติ มฺเ, อปฺเปว นาเมตฺถ คเตน กิฺจิ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ลทฺธุํ สกฺกา’’ติ สฺชาตาภิลาโส ตตฺถ คนฺตฺวา อทฺทส ภควนฺตํ ปาสาทิกํ ทสฺสนียํ ¶ ปสาทนียํ อุตฺตมทมถสมถมนุปฺปตฺตํ ทนฺตํ คุตฺตํ สนฺตินฺทฺริยํ สุสมาหิตํ ตาย ปริสาย ปริวุตํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ, ทิสฺวาน ปุริมชาติสมฺภตาย ปริปกฺกาย อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ‘‘ยํนูนาหมฺปิ ธมฺมํ สุเณยฺย’’นฺติ ปริสปริยนฺเต นิสีทิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อทฺทสา โข สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺี…เป… ตตฺเถว เอกมนฺตํ นิสีทิ ¶ ‘อหมฺปิ ธมฺมํ โสสฺสามี’’’ติ.
สพฺพาวนฺตนฺติ สพฺพาวตึ หีนาทิสพฺพปุคฺคลวตํ, ตตฺถ กิฺจิปิ อนวเสเสตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘สพฺพวนฺต’’นฺติปิ ปนฺติ. เจตสาติ พุทฺธจกฺขุสมฺปยุตฺตจิตฺเตน. จิตฺตสีเสน หิ าณํ นิทฺทิฏฺํ, ตสฺมา อาสยานุสยาเณน อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาเณน จาติ อตฺโถ. เจโต ปริจฺจ มนสากาสีติ ตสฺสา ปริสาย จิตฺตํ ปจฺเจกํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา มนสิ อกาสิ เต โวโลเกสิ. ภพฺโพ ธมฺมํ วิฺาตุนฺติ มคฺคผลธมฺมํ อธิคนฺตุํ สมตฺโถ, อุปนิสฺสยสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. เอตทโหสีติ อยํ สุปฺปพุทฺโธ กิฺจาปิ ตครสิขิมฺหิ ปจฺเจกพุทฺเธ อปรชฺฌิตฺวา อีทิโส ชาโต, มคฺคผลูปนิสฺสโย ปนสฺส ปํสุปฏิจฺฉนฺนสุวณฺณนิกฺขํ วิย อนฺโตหทเยเยว วิชฺโชตติ, ตสฺมา สุวิฺาปิโยติ อิทํ อโหสิ. เตนาห – ‘‘อยํ โข อิธ ภพฺโพ ธมฺมํ วิฺาตุ’’นฺติ.
อนุปุพฺพึ กถนฺติ ทานานนฺตรํ สีลํ, สีลานนฺตรํ สคฺคํ, สคฺคานนฺตรํ มคฺคนฺติ เอวํ อนุปฏิปาฏิกถํ. ภควา หิ ปมํ เหตุนา สทฺธึ อสฺสาทํ ทสฺเสตฺวา ตโต สตฺเต วิเวเจตุํ นานานเยหิ อาทีนวํ ปกาเสตฺวา อาทีนวสวเนน สํวิคฺคหทยานํ เนกฺขมฺมคุณวิภาวนมุเขน จ วิวฏฺฏํ ทสฺเสติ.
ทานกถนฺติ อิทํ นาม สุขานํ นิทานํ, สมฺปตฺตีนํ มูลํ, โภคานํ ปติฏฺา, วิสมคตสฺส ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ, อิธโลกปรโลเกสุ ทานสทิโส อวสฺสโย ปติฏฺา อาลมฺพนํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ. อิทฺหิ อวสฺสยฏฺเน รตนมยสีหาสนสทิสํ, ปติฏฺานฏฺเน มหาปถวิสทิสํ ¶ , อาลมฺพนฏฺเน อาลมฺพนรชฺชุสทิสํ, ทุกฺขนิตฺถรณฏฺเน นาวาสทิสํ, สมสฺสาสนฏฺเน สงฺคามสูโร, ภยปริตฺตาณฏฺเน สุปริขาปริกฺขิตฺตนครํ, มจฺเฉรมลาทีหิ อนุปลิตฺตฏฺเน ปทุมํ, เตสํ นิทหนฏฺเน ชาตเวโท, ทุราสทฏฺเน อาสีวิโส, อสนฺตาสฏฺเน สีโห, พลวนฺตฏฺเน ¶ หตฺถี, อภิมงฺคลสมฺมตฏฺเน เสตอุสโภ, เขมนฺตภูมิสมฺปาปนฏฺเน วลาหโก อสฺสราชา. ทานฺหิ โลเก รชฺชสิรึ เทติ, จกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ สกฺกสมฺปตฺตึ มารสมฺปตฺตึ พฺรหฺมสมฺปตฺตึ สาวกปารมีาณํ ¶ ปจฺเจกโพธิาณํ สมฺมาสมฺโพธิาณํ เทตีติ เอวมาทิทานคุณปฺปฏิสํยุตฺตกถํ.
ยสฺมา ปน ทานํ เทนฺโต สีลํ สมาทาตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ทานกถานนฺตรํ สีลกถํ กเถสิ. สีลกถนฺติ สีลํ นาเมตํ สตฺตานํ อวสฺสโย ปติฏฺา อาลมฺพนํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ. อิธโลกปรโลกสมฺปตฺตีนฺหิ สีลสทิโส อวสฺสโย ปติฏฺา อาลมฺพนํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ, สีลาลงฺการสทิโส อลงฺกาโร, สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ, สีลคนฺธสทิโส คนฺโธ นตฺถิ, สีลาลงฺกาเรน หิ อลงฺกตํ สีลกุสุมปิฬนฺธิตํ สีลคนฺธานุลิตฺตํ สเทวโก โลโก โอโลเกนฺโต ติตฺตึ น คจฺฉตีติ เอวมาทีหิ สีลคุณปฺปฏิสํยุตฺตกถํ.
อิทํ ปน สีลํ นิสฺสาย อยํ สคฺโค ลพฺภตีติ ทสฺเสตุํ สีลานนฺตรํ สคฺคกถํ กเถสิ. สคฺคกถนฺติ สคฺโค นาม อิฏฺโ กนฺโต มนาโป, นิจฺจเมตฺถ กีฬา นิจฺจสมฺปตฺติโย ลพฺภนฺติ, จาตุมหาราชิกา เทวา นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสุขํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปฏิลภนฺติ, ตาวตึสา ติสฺโส วสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานีติ เอวมาทิสคฺคคุณปฺปฏิสํยุตฺตกถํ. สคฺคสมฺปตฺตึ กเถนฺตานฺหิ พุทฺธานํ มุขํ นปฺปโหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อเนกปริยาเยน โข อหํ, ภิกฺขเว, สคฺคกถํ กเถยฺย’’นฺติอาทิ.
เอวํ เหตุนา สทฺธึ สคฺคกถาย ปโลเภตฺวา ปุน หตฺถึ อลงฺกริตฺวา ตสฺส โสณฺฑํ ฉินฺทนฺโต วิย ‘‘อยมฺปิ สคฺโค อนิจฺโจ อธุโว, น เอตฺถ ฉนฺทราโค กาตพฺโพ’’ติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๗๗; ๒.๔๒) นเยน กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ กเถสิ. ตตฺถ อาทีนวนฺติ โทสํ. โอการนฺติ ลามกสภาวํ, อเสฏฺเหิ เสวิตพฺพํ เสฏฺเหิ น เสวิตพฺพํ นิหีนสภาวนฺติ อตฺโถ. สํกิเลสนฺติ เตหิ สตฺตานํ สํสาเร สํกิลิสฺสนํ. เตนาห – ‘‘กิลิสฺสนฺติ วต โภ สตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๕๑).
เอวํ ¶ ¶ กามาทีนเวน ตชฺเชตฺวา เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ ปพฺพชฺชาย ฌานาทีสุ จ คุณํ ทีเปสิ วณฺเณสิ. กลฺลจิตฺตนฺติอาทีสุ กลฺลจิตฺตนฺติ กมฺมนิยจิตฺตํ, เหฏฺา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ ¶ วิคตตฺตา อุปริเทสนาย ภาชนภาวูปคมเนน กมฺมนิยจิตฺตํ, กมฺมกฺขมจิตฺตนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺิมานาทิสํกิเลสวิคเมน มุทุจิตฺตํ. กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิตฺตํ. สมฺมาปฏิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิตฺตํ. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิตฺตํ, ยทา ภควา อฺาสีติ สมฺพนฺโธ.
อถ วา กลฺลจิตฺตนฺติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิตฺตํ. มุทุจิตฺตนฺติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกถินจิตฺตํ. วินีวรณจิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน อวิกฺขิปนโต น ปิหิตจิตฺตํ. อุทคฺคจิตฺตนฺติ ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหวเสน อลีนจิตฺตํ. ปสนฺนจิตฺตนฺติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฏิปตฺติยา อธิมุตฺตจิตฺตํ.
อถาติ ปจฺฉา. สามุกฺกํสิกาติ สามํ อุกฺกํสิกา อตฺตนาว อุทฺธริตฺวา คหิตา, สยมฺภูาเณน สามํ ทิฏฺา, อฺเสํ อสาธารณาติ อตฺโถ. กา จ ปน สาติ? อริยสจฺจเทสนา. เตเนวาห – ‘‘ทุกฺขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺค’’นฺติ. อิทฺหิ สจฺจานํ สรูปทสฺสนํ, ตสฺมา อิมสฺมึ าเน อริยสจฺจานิ กเถตพฺพานิ, ตานิ สพฺพาการโต วิตฺถาเรน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๒๙) วุตฺตานีติ ตตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพานิ.
เสยฺยถาปีติอาทินา อุปมาวเสน สุปฺปพุทฺธสฺส กิเลสปฺปหานํ อริยมคฺคุปฺปาทฺจ ทสฺเสติ. อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํ. สมฺมเทวาติ สุฏฺุเยว. รชนนฺติ นีลปีตโลหิตมฺเชฏฺาทิรงฺคชาตํ. ปฏิคฺคณฺเหยฺยาติ คณฺเหยฺย, ปภสฺสรํ ภเวยฺย. ตสฺมึเยว อาสเนติ ตสฺสํเยว นิสชฺชายํ. เอเตนสฺส ลหุวิปสฺสนกตา ติกฺขปฺตา สุขาปฏิปทา ขิปฺปาภิฺตา จ ทสฺสิตา โหนฺติ. วิรชํ วีตมลนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ อภาเวน วิรชํ, อนวเสสทิฏฺิวิจิกิจฺฉามลาปคเมน วีตมลํ. ปมมคฺควชฺฌกิเลสรชาภาเวน วา วิรชํ, ปฺจวิธทุสฺสีลมลาปคเมน วีตมลํ. ธมฺมจกฺขุนฺติ โสตาปตฺติมคฺโค อธิปฺเปโต. ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถํ ‘‘ยํกิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. ตฺหิ นิโรธํ อารมฺมณํ ¶ กตฺวา กิจฺจวเสน เอว สงฺขตธมฺเม ปฏิวิชฺฌนฺตํ อุปฺปชฺชติ.
ตตฺริทํ ¶ อุปมาสํสนฺทนํ – วตฺถํ วิย จิตฺตํ ทฏฺพฺพํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฏฺภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฏฺภาโว, โธวนผลกํ วิย อนุปุพฺพิกถา, อุทกํ ¶ วิย สทฺธา, อุทเกน เตเมตฺวา เตเมตฺวา โคมยขาเรหิ กาฬเก สมฺมทฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปฺปโยโค วิย สทฺธาสลิเลน เตเมตฺวา สติสมาธิปฺาหิ โทเส สิถิเล กตฺวา สทฺธาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารมฺโภ, เตน ปโยเคน วตฺเถ กาฬกาปคโม วิย วีริยารมฺเภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ วิย อริยมคฺโค, เตน สุทฺธสฺส วตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มคฺเคน ปริโยทาปนนฺติ.
เอวํ ปน สุปฺปพุทฺโธ ปริสปริยนฺเต นิสินฺโน ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา อตฺตนา ปฏิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจตุกาโม ปริสมชฺฌํ โอคาหิตุํ อวิสหนฺโต มหาชนสฺส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อนุคนฺตฺวา นิวตฺตกาเล ภควติ วิหารํ คเต สยมฺปิ วิหารํ อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก เทวราชา ‘‘อยํ สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺี อตฺตนา สตฺถุ สาสเน ปฏิลทฺธคุณํ ปากฏํ กาตุกาโม’’ติ ตฺวา ‘‘วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติ คนฺตฺวา อากาเส ิโต เอตทโวจ – ‘‘สุปฺปพุทฺธ ตฺวํ มนุสฺสทลิทฺโท มนุสฺสกปโณ มนุสฺสวราโก, อหํ เต อปริมิตํ ธนํ ทสฺสามิ, ‘พุทฺโธ น พุทฺโธ, ธมฺโม น ธมฺโม, สงฺโฆ น สงฺโฆ, อลํ เม พุทฺเธน, อลํ เม ธมฺเมน, อลํ เม สงฺเฆนา’ติ วเทหี’’ติ. อถ นํ โส อาห ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ สกฺโก เทวราชา’’ติ. ‘‘อนฺธพาล อหิริก, ตฺวํ มยา สทฺธึ กเถตุํ น ยุตฺตรูโป, โย ตฺวํ เอวํ อวตฺตพฺพํ วเทสิ, อปิจ มํ ตฺวํ ‘ทุคฺคโต ทลิทฺโท กปโณ’ติ กสฺมา วเทสิ, นนุ อหํ โลกนาถสฺส โอรสปุตฺโต, เนวาหํ ทุคฺคโต น ทลิทฺโท น กปโณ, อถ โข สุขปฺปตฺโต ปรเมน สุเขน อปาหมสฺมิ มหทฺธโน’’ติ วตฺวา อาห –
‘‘สทฺธาธนํ ¶ สีลธนํ, หิริโอตฺตปฺปิยํ ธนํ;
สุตธนฺจ จาโค จ, ปฺา เว สตฺตมํ ธนํ.
‘‘ยสฺส เอเต ธนา อตฺถิ, อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา;
‘อทลิทฺโท’ติ ตํ อาหุ, อโมฆํ ตสฺส ชีวิต’’นฺติ. (อ. นิ. ๗.๕) –
ตสฺสิมานิ ¶ เม สตฺต อริยธนานิ สนฺติ. เยสฺหิ อิมานิ ธนานิ สนฺติ, น ตฺเวว เต พุทฺเธหิ วา ปจฺเจกพุทฺเธหิ วา ‘ทลิทฺทา’ติ วุจฺจนฺตี’’ติ.
สกฺโก ตสฺส กถํ สุตฺวา ตํ อนฺตรามคฺเค โอหาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ ตํ วจนํ ปฏิวจนฺจ อาโรเจสิ. อถ นํ ภควา อาห – ‘‘น โข สกฺก สกฺกา ตาทิสานํ สเตนปิ ¶ สหสฺเสนปิ สุปฺปพุทฺธํ กุฏฺึ ‘พุทฺโธ น พุทฺโธ, ธมฺโม น ธมฺโม, สงฺโฆ น สงฺโฆ’ติ กถาเปตุ’’นฺติ. สุปฺปพุทฺโธปิ โข กุฏฺี สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารา กตปฏิสนฺถาโร อตฺตนา ปฏิลทฺธคุณํ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺี ทิฏฺธมฺโม’’ติอาทิ.
ตตฺถ ทิฏฺธมฺโมติ ทิฏฺโ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ ‘‘ทิฏฺธมฺโม’’ติ เจตฺถ สามฺวจโน ธมฺมสทฺโท. ทสฺสนํ นาม าณทสฺสนโต อฺมฺปิ อตฺถีติ ตํ นิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. ปตฺติ จ าณสมฺปตฺติโต อฺาปิ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘วิทิตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. สา ปนายํ วิทิตธมฺมตา ธมฺเมสุ เอกเทเสนาปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. เตนสฺส ยถาวุตฺตํ สจฺจาภิสมฺโพธํเยว ทีเปติ. มคฺคาณฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริฺาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสนปิ ปริฺเยฺยธมฺมํ สมนฺตโต โอคาฬฺหํ นาม โหติ, น ตทฺาณํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ทิฏฺโ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม’’ติ. เตเนวาห ‘‘ติณฺณวิจิกิจฺโฉ’’ติอาทิ.
ตตฺถ ปฏิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา จ อฏฺวตฺถุกา จ ติณฺณา วิจิกิจฺฉา เอเตนาติ ติณฺณวิจิกิจฺโฉ. ตโต เอว ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข’’ติ เอวํ ปวตฺติตา วิคตา สมุจฺฉินฺนา กถํกถา เอตสฺสาติ ¶ วิคตกถํกโถ. สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา ตปฺปฏิปกฺเขสุ จ สีลาทิคุเณสุ สุปฺปติฏฺิตตฺตา เวสารชฺชํ วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปตฺโตติ เวสารชฺชปฺปตฺโต. นาสฺส ปโร ปจฺจโย, น ปรสฺส สทฺธาย เอตฺถ วตฺตตีติ อปรปฺปจฺจโย. กตฺถาติ อาห ‘‘สตฺถุสาสเน’’ติ.
อภิกฺกนฺตนฺติอาทีสุ ¶ กิฺจาปิ อยํ อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปพฺภนุโมทนาทีสุ อเนเกสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ, อิธ ปน อพฺภนุโมทเน ทฏฺพฺโพ. เตเนว โส ปสาทวเสน ปสํสาวเสน จ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺโต, สาธุ สาธุ, ภนฺเตติ วุตฺตํ โหติ. อภิกฺกนฺตนฺติ วา อติกนฺตํ อติอิฏฺํ อติมนาปํ, อติสุนฺทรนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ เอเกน อภิกฺกนฺตสทฺเทน ภควโต เทสนํ โถเมติ, เอเกน อตฺตโน ปสาทํ.
อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, ยทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนา, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, ยทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนํ อาคมฺม มม ปสาโทติ. ภควโต เอว วา วจนํ อภิกฺกนฺตํ โทสนาสนโต, อภิกฺกนฺตํ คุณาธิคมนโต, ตถา สทฺธาวฑฺฒนโต, ปฺาชนนโต, สาตฺถโต ¶ , สพฺยฺชนโต, อุตฺตานปทโต, คมฺภีรตฺถโต, กณฺณสุขโต, หทยงฺคมโต, อนตฺตุกฺกํสนโต, อปรวมฺภนโต, กรุณาสีตลโต, ปฺาวทาตโต, อาปาถรมณียโต, วิมทฺทกฺขมโต, สุยฺยมานสุขโต, วีมํสิยมานหิตโตติ เอวมาทินเยหิ โถเมนฺโต ปททฺวยํ อาห.
ตโต ปรมฺปิ จตูหิ อุปมาหิ เทสนํเยว โถเมติ. ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขฏฺปิตํ, เหฏฺามุขชาตํ วา. อุกฺกุชฺเชยฺยาติ อุปริ มุขํ กเรยฺย. ปฏิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทินา ฉาทิตํ. วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฏยฺย. มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺส. มคฺคํ อาจิกฺเขยฺยาติ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘เอส มคฺโค’’ติ มคฺคํ อุปทิเสยฺย. อนฺธกาเรติ จตุรงฺคสมนฺนาคเต. อยํ ตาว ปทตฺโถ.
อยํ ปน อธิปฺปายโยชนา ¶ – ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุชฺเชยฺย, เอวํ สทฺธมฺมวิมุขํ อสทฺธมฺเม ปติฏฺิตํ มํ อสทฺธมฺมา วุฏฺาเปนฺเตน, ยถา ปฏิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย, เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปฏฺาย มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรนฺเตน, ยถา มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, เอวํ กุมฺมคฺคมิจฺฉามคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส เม สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาวิกโรนฺเตน, ยถา อนฺธกาเร เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, เอวํ โมหนฺธกาเร นิมุคฺคสฺส เม พุทฺธาทิรตนรูปานิ อปสฺสโต ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสนเทสนาปชฺโชตธารเณน ภควตา นานานเยหิ ปกาสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต.
เอวํ ¶ เทสนํ โถเมตฺวา ตาย เทสนาย รตนตฺตเย ปสนฺนจิตฺโต ปสนฺนาการํ กโรนฺโต ‘‘เอสาห’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอสาหนฺติ เอโส อหํ. ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามีติ ภควา เม สรณํ ปรายณํ อฆสฺส ฆาตา, หิตสฺส วิธาตาติ อิมินา อธิปฺปาเยน ภควนฺตํ คจฺฉามิ ภชามิ, เอวํ วา ชานามิ พุชฺฌามีติ. เยสฺหิ ธาตูนํ คติอตฺโถ, พุทฺธิปิ เตสํ อตฺโถติ. ธมฺมนฺติ อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จตูสุ อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตีติ ธมฺโม. โส อตฺถโต อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).
‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐) จ –
น ¶ เกวลํ อริยมคฺโค ¶ เจว นิพฺพานฺจ, อปิจ โข อริยผเลหิ สทฺธึ ปริยตฺติธมฺโมปิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ, ธมฺมมสงฺขตมปฺปฏิกูลํ;
มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ, ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๗);
เอตฺถ หิ ราควิราคนฺติ มคฺโค วุตฺโต. อเนชมโสกนฺติ ผลํ. อสงฺขตนฺติ นิพฺพานํ. อปฺปฏิกูลํ มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตนฺติ ปริยตฺติธมฺโม วุตฺโตติ.
ภิกฺขุสงฺฆนฺติ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตํ อฏฺอริยปุคฺคลสมูหํ. เอตฺตาวตา สุปฺปพุทฺโธ ตีณิ สรณคมนานิ ปฏิเวเทสิ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตนฺติ อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทึ กตฺวา. ‘‘อชฺชทคฺเค’’ติปิ ปาโ, ตตฺถ ทกาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺเค อชฺช อาทึ กตฺวาติ อตฺโถ. ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํ, ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ อนฺสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณํ คตํ รตนตฺตยสฺส อุปาสนโต อุปาสกํ กปฺปิยการกํ มํ ภควา อุปธาเรตุ ชานาตูติ อตฺโถ. อิมสฺส จ สรณคมนํ อริยมคฺคาธิคเมเนว นิปฺผนฺนํ, อชฺฌาสยํ ปน อาวิกโรนฺโต เอวมาห.
ภควโต ¶ ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวาติ ภควโต วจนํ จิตฺเตน อภินนฺทิตฺวา ตเมว อภินนฺทิตภาวํ ปกาเสนฺโต วุตฺตนเยน วาจาย อนุโมทิตฺวา. อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามีติ ตํ ภควนฺตํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา สตฺถุ คุณนินฺนจิตฺโต ยาว ทสฺสนวิสยสมติกฺกมา ภควนฺตํเยว เปกฺขมาโน ปฺชลิโก นมสฺสมาโน ปกฺกามิ.
ปกฺกนฺโต จ กุฏฺโรคาภิภเวน ฉินฺนหตฺถปาทงฺคุลิ อุกฺการคตฺโต สมนฺตโต วิสฺสนฺทมานาสโว กณฺฑูติปติปีฬิโต ¶ อสุจิ ทุคฺคนฺโธ เชคุจฺฉตโม ปรมการฺุตํ ปตฺโต ‘‘นายํ กาโย อิมสฺส อจฺจนฺตสนฺตสฺส ปณีตตมสฺส อริยธมฺมสฺส อาธาโร ภวิตุํ ยุตฺโต’’ติ อุปฺปนฺนาภิสนฺธินา วิย สคฺคสํวตฺตนิเยน ปฺุกมฺเมน โอกาเส กเต อปฺปายุกสํวตฺตนิเยน อุปจฺเฉทเกน ปาปกมฺเมน กตูปจิเตน โจทิยมาโน ตรุณวจฺฉาย เธนุยา อาปติตฺวา มาริโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อจิรปกฺกนฺตํ สุปฺปพุทฺธํ กุฏฺึ คาวี ตรุณวจฺฉา อธิปติตฺวา ชีวิตา โวโรเปสี’’ติ.
โส ¶ กิร อตีเต เอโก เสฏฺิปุตฺโต หุตฺวา อตฺตโน สหาเยหิ ตีหิ เสฏฺิปุตฺเตหิ สทฺธึ กีฬนฺโต เอกํ นครโสภินึ คณิกํ อุยฺยานํ เนตฺวา ทิวสํ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย สหาเย เอตทโวจ – ‘‘อิมิสฺสา หตฺเถ กหาปณสหสฺสํ พหุกฺจ สุวณฺณํ มหคฺฆานิ จ ปสาธนานิ สํวิชฺชนฺติ, อิมสฺมึ วเน อฺโ โกจิ นตฺถิ, รตฺติ จ ชาตา, หนฺท อิมํ มยํ มาเรตฺวา สพฺพํ ธนํ คเหตฺวา คจฺฉามา’’ติ. เต จตฺตาโรปิ ชนา เอกชฺฌาสยา หุตฺวา ตํ มาเรตุํ อุปกฺกมึสุ. สา เตหิ มาริยมานา ‘‘อิเม นิลฺลชฺชา นิกฺกรุณา มยา สทฺธึ กิเลสสนฺถวํ กตฺวา นิรปราธํ มํ เกวลํ ธนโลเภน มาเรนฺติ, เอกวารํ ตาว มํ อิเม มาเรนฺตุ, อหํ ปน ยกฺขินี หุตฺวา อเนกวารํ อิเม มาเรตุํ สมตฺถา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา กาลมกาสิ. เตสุ กิร เอโก ปกฺกุสาติ กุลปุตฺโต อโหสิ, เอโก พาหิโย ทารุจีริโย, เอโก ตมฺพทาิโก โจรฆาตโก, เอโก สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺี, อิติ อิเมสํ จตุนฺนํ ชนานํ อเนกสเต อตฺตภาเว สา ยกฺขโยนิยํ นิพฺพตฺตา คาวี หุตฺวา ชีวิตา โวโรเปสิ. เต ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ตตฺถ ¶ ตตฺถ อนฺตรามรณํ ปาปุณึสุ. เอวํ สุปฺปพุทฺธสฺส กุฏฺิสฺส สหสา มรณํ ชาตํ, เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อจิรปกฺกนฺตํ…เป… โวโรเปสี’’ติ.
อถ สมฺพหุลา ภิกฺขู ตสฺส กาลกิริยํ ภควโต อาโรเจตฺวา อภิสมฺปรายํ ปุจฺฉึสุ. ภควา พฺยากาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู’’ติอาทิ.
ตตฺถ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยาติ สกฺกายทิฏฺิ วิจิกิจฺฉา สีลพฺพตปรามาโสติ อิเมสํ ติณฺณํ ภวพนฺธนานํ สมุจฺเฉทวเสน ¶ ปหานา. โสตาปนฺโนติ โสตสงฺขาตํ อริยมคฺคํ อาทิโต ปนฺโน. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โสโต โสโตติ อิทํ, อาวุโส สาริปุตฺต, วุจฺจติ. กตโม นุ โข, อาวุโส, โสโตติ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๐๑).
อวินิปาตธมฺโมติ วินิปตนํ วินิปาโต, นาสฺส วินิปาโต ธมฺโมติ อวินิปาตธมฺโม, จตูสุ อปาเยสุ อุปปชฺชนวเสน อปตนสภาโวติ อตฺโถ. นิยโตติ ธมฺมนิยาเมน สมฺมตฺตนิยาเมน นิยโต. สมฺโพธิปรายโณติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตา สมฺโพธิ ปรํ อยนํ อสฺส คติ ปฏิสรณํ อวสฺสํ ปตฺตพฺพนฺติ สมฺโพธิปรายโณ. เอเตน ‘‘ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ ปุจฺฉาย ภทฺทิกา เอว สุปฺปพุทฺธสฺส คติ, น ปาปิกาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต. น ปน เตน สมฺปตฺตา คติ, ตํ ปน ปุจฺฉานุสนฺธิวเสน ปกาเสตุกาโม ธมฺมราชา เอตฺตกเมว ¶ อภาสิ. ปสฺสติ หิ ภควา ‘‘มยา เอตฺตเก กถิเต อิมิสฺสํเยว ปริสติ อนุสนฺธิกุสโล เอโก ภิกฺขุ สุปฺปพุทฺธสฺส กุฏฺิภาวทาลิทฺทิยกปณภาวานํ การณํ ปุจฺฉิสฺสติ, อถาหํ ตสฺส ตํ การณํ เตน ปุจฺฉานุสนฺธินา ปกาเสตฺวา เทสนํ นิฏฺาเปสฺสามี’’ติ. เตเนวาห – ‘‘เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขู’’ติอาทิ. ตตฺถ เหตูติ อสาธารณการณํ, สาธารณการณํ ปน ปจฺจโยติ, อยเมเตสํ วิเสโส. เยนาติ เยน เหตุนา เยน ปจฺจเยน จ.
ภูตปุพฺพนฺติ ชาตปุพฺพํ. อตีเต กาเล นิพฺพตฺตํ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุปฺปพุทฺโธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. กทา ปน ภูตนฺติ? อตีเต กิร อนุปฺปนฺเน ตถาคเต ¶ พาราณสิยา สามนฺตา เอกสฺมึ คาเม เอกา กุลธีตา เขตฺตํ รกฺขติ. สา เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา ตสฺส ปฺจหิ ลาชาสเตหิ สทฺธึ เอกํ ปทุมปุปฺผํ ทตฺวา ปฺจ ปุตฺตสตานิ ปตฺเถสิ. ตสฺมึเยว ขเณ ปฺจสตา มิคลุทฺทกา ปจฺเจกพุทฺธสฺส มธุรมํสํ ทตฺวา ‘‘เอติสฺสา ปุตฺตา ภเวยฺยาม, ตุมฺเหหิ ปตฺตวิเสสํ ลเภยฺยามา’’ติ จ ปตฺถยึสุ. สา ยาวตายุกํ ตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตา. ตโต จุตา เอกสฺมึ ชาตสฺสเร ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺติ. ตเมโก ตาปโส ทิสฺวา ปฏิชคฺคิ. ตสฺสา วิจรนฺติยา ปาทุทฺธาเร ปาทุทฺธาเร ¶ ภูมิโต ปทุมานิ อุฏฺหนฺติ. เอโก วนจรโก ทิสฺวา พาราณสิรฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตํ อาเนตฺวา อคฺคมเหสึ อกาสิ. ตสฺสา กุจฺฉิยํ คพฺโภ สณฺาสิ. มหาปทุมกุมาโร ตสฺสา กุจฺฉิยํ วสิ, เสสา คพฺภมลํ นิสฺสาย นิพฺพตฺตา, เต วยปฺปตฺตา อุยฺยาเน ปทุมสเร กีฬนฺตา เอเกกสฺมึ ปทุเม นิสีทิตฺวา ปริปกฺกาณา สงฺขาเรสุ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา ปจฺเจกโพธึ ปาปุณึสุ. เตสํ พฺยากรณคาถา อโหสิ –
‘‘สโรรุหํ ปทุมปลาสปตฺรชํ,
สุปุปฺผิตํ ภมรคณานุกิณฺณํ;
อนิจฺจตํ ขยวยตํ วิทิตฺวา,
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
เอวํ ปจฺเจกโพธึ อภิสมฺพุทฺเธสุ เตสุ ปฺจสุ ปจฺเจกพุทฺธสเตสุ อพฺภนฺตโร ตครสิขี นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ คนฺธมาทนปพฺพเต นนฺทมูลปพฺภาเร สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตาหสฺส อจฺจเยน นิโรธา วุฏฺิโต อากาเสน อาคนฺตฺวา อิสิคิลิปพฺพเต โอตริตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตสฺมิฺจ สมเย ราชคเห เอโก เสฏฺิปุตฺโต มหตา ปริวาเรน อุยฺยานกีฬนตฺถํ นครโต นิกฺขมนฺโต ตครสิขิปจฺเจกพุทฺธํ ¶ ทิสฺวา ‘‘โก อยํ ภณฺฑุกาสาววสโน, กุฏฺี ภวิสฺสติ, ตถา หิ กุฏฺิจีวเรน สรีรํ ปารุปิตฺวา คจฺฉตี’’ติ นิฏฺุภิตฺวา อปสพฺยํ กตฺวา ปกฺกามิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺี อิมสฺมึเยว ราชคเห…เป… ปกฺกามี’’ติ.
ตตฺถ ¶ กฺวายนฺติ โก อยํ. ขุํสนวเสน วทติ. ‘‘โกวาย’’นฺติปิ ปาฬิ. กุฏฺีติ อกุฏฺึเยว ตํ เสฏฺิ กุฏฺโรคํ อกฺโกสวตฺถุํ ปาเปนฺโต วทติ. กุฏฺิจีวเรนาติ กุฏฺีนํ จีวเรน. เยภุยฺเยน หิ กุฏฺิโน ฑํสมกสสรีสปปฏิพาหนตฺถํ โรคปฏิจฺฉาทนตฺถฺจ ¶ ยํ วา ตํ วา ปิโลติกขณฺฑํ คเหตฺวา ปารุปติ, เอวมยมฺปีติ ทสฺเสติ. ปํสุกูลจีวรธรตฺตา วา อคฺคฬานํ อเนกวณฺณภาเวน กุฏฺสรีรสทิโสติ หีเฬนฺโต ‘‘กุฏฺิจีวเรนา’’ติ อาห. นิฏฺุภิตฺวาติ เขฬํ ปาเตตฺวา. อปสพฺยโต กริตฺวาติ ปณฺฑิตา ตาทิสํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กโรนฺติ, อยํ ปน อวิฺุตาย ปริภเวน ตํ อปสพฺยํ กตฺวา อตฺตโน อปสพฺยํ อปทกฺขิณํ กตฺวา คโต. ‘‘อปสพฺยามโต’’ติปิ ปาโ. ตสฺส กมฺมสฺสาติ ตครสิขิมฺหิ ปจฺเจกพุทฺเธ ‘‘กฺวายํ กุฏฺี’’ติ หีเฬตฺวา นิฏฺุภนอปสพฺยกรณวเสน ปวตฺตปาปกมฺมสฺส. นิรเย ปจฺจิตฺถาติ นิรเย นิรยคฺคินา ทยฺหิตฺถ. ‘‘ปจฺจิตฺวา นิรยคฺคินา’’ติปิ ปนฺติ. ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสนาติ เยน กมฺเมน โส นิรเย ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, น ตํ กมฺมํ มนุสฺสโลเก วิปากํ เทติ. ยา ปนสฺส นานกฺขณิกา เจตนา ตทา ปจฺเจกพุทฺเธ วิปฺปฏิปชฺชนวเสน ปวตฺตา อปราปริยเวทนียภูตา, สา อปราปริยเวทนีเยเนว ปฺุกมฺเมน มนุสฺเสสุ ติเหตุกปฏิสนฺธิยา ทินฺนาย ปวตฺติยํ กุฏฺิภาวํ ทาลิทฺทิยํ ปรมการฺุตํ อาปาเทสิ. ตํ สนฺธาย กมฺมสภาคตาวเสน ‘‘ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากวเสเสนา’’ติ วุตฺตํ. สทิเสปิ หิ โลเก ตพฺโพหาโร ทิฏฺโ ยถา ตํ ‘‘สา เอว ติตฺติรี, ตานิเยว โอสธานี’’ติ.
เอตฺตาวตา ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตู’’ติ เตน ภิกฺขุนา ปุฏฺปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ โย ‘‘ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ ปุพฺเพ ภิกฺขูหิ ปุฏฺปฺโห, ตํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘โส ตถาคตปฺปเวทิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตถาคตปฺปเวทิตนฺติ ตถาคเตน ภควตา เทสิตํ อกฺขาตํ ปกาสิตนฺติ ตถาคตปฺปเวทิตํ. อาคมฺมาติ อธิคนฺตฺวา, นิสฺสาย ตฺวา วา. ‘‘ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย’’ติปิ ปาโ. สทฺธํ สมาทิยีติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ¶ ภควโต สาวกสงฺโฆติ รตนตฺตยสนฺนิสฺสยํ ปุพฺพภาคสทฺธฺเจว โลกุตฺตรสทฺธฺจาติ ทุวิธมฺปิ ¶ สทฺธํ สมฺมา อาทิยิ. ยถา น ปุน อาทาตพฺพา โหติ, เอวํ ยาว ภวกฺขยา คณฺหิ, อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน อุปฺปาเทสีติ อตฺโถ. สีลํ สมาทิยีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. สีลนฺติ ปุพฺพภาคสีเลน สทฺธึ มคฺคสีลํ ผลสีลฺจ ¶ . สุตนฺติ ปริยตฺติพาหุสจฺจํ ปฏิเวธพาหุสจฺจฺจาติ ทุวิธมฺปิ สุตํ. ปริยตฺติธมฺมาปิ หิ เตน ธมฺมสฺสวนกาเล สจฺจปฺปฏิเวธาย สาวเกหิ ยถาลทฺธปฺปการํ สุตา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา จาติ. จาคนฺติ ปมมคฺควชฺฌกิเลสาภิสงฺขารานํ โวสฺสคฺคสงฺขาตํ จาคํ, เยน อริยสาวกา เทยฺยธมฺเมสุ มุตฺตจาคา จ โหนฺติ ปยตปาณี โวสฺสคฺครตา. ปฺนฺติ สทฺธึ วิปสฺสนาปฺาย มคฺคปฺฺเจว ผลปฺฺจ.
กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคา. ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคหณา. อถ วา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทา. ปรํ มรณาติ จุติโต อุทฺธํ. สุคตึ สคฺคํ โลกนฺติ ปทตฺตเยนาปิ เทวโลกเมว วทติ. โส หิ สมฺปตฺตีนํ โสภนตฺตา สุนฺทรา คตีติ สุคติ, รูปาทีหิ วิเสเสหิ สุฏฺุ อคฺโคติ สคฺโค, สพฺพกาลํ สุขเมเวตฺถ โลกิยติ, ลุชฺชตีติ วา โลโกติ วุจฺจติ. อุปปนฺโนติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อุปคโต. สหพฺยตนฺติ สหภาวํ. วจนตฺโถ ปน สห พฺยติ ปวตฺตติ, วสตีติ วา สหพฺโย, สหายี สหวายี วา. ตสฺส ภาโว สหพฺยตา. อติโรจตีติ อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา โรจติ วิโรจติ. วณฺเณนาติ รูปสมฺปตฺติยา. ยสสาติ ปริวาเรน. โส หิ อสุจิมกฺขิตํ ชชฺชรํ มตฺติกาภาชนํ ฉฑฺเฑตฺวา อเนกรตนวิจิตฺตํ ปภสฺสรรํสิชาลวินทฺธสุทฺธชมฺพุนทภาชนํ คณฺหนฺโต วิย วุตฺตปฺปการํ กเฬวรํ อิธ นิกฺขิปิตฺวา เอกจิตฺตกฺขเณน ยถาวุตฺตํ ทิพฺพตฺตภาวํ มหตา ปริวาเรน สทฺธึ ปฏิลภีติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ ปาปานํ อปริวชฺชเน อาทีนวํ, ปริวชฺชเน จ อานิสํสํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตสฺสายํ ¶ สงฺเขปตฺโถ – ยถา จกฺขุมา ปุริโส ปรกฺกเม กายิกวีริเย วิชฺชมาเน สรีเร วหนฺเต วิสมานิ ปปาตาทิฏฺานานิ จณฺฑภาเวน วา วิสมานิ หตฺถิอสฺสอหิกุกฺกุรโครูปาทีนิ ปริวชฺชเย, เอวํ ¶ ชีวโลกสฺมึ อิมสฺมึ สตฺตโลเก ปณฺฑิโต สปฺปฺโ ปุริโส ตาย สปฺปฺตาย อตฺตโน หิตํ ชานนฺโต ปาปานิ ลามกานิ ทุจฺจริตานิ ปริวชฺเชยฺย. เอวฺหิ ยถายํ สุปฺปพุทฺโธ ตครสิขิมฺหิ ปจฺเจกพุทฺเธ ปาปํ อปริวชฺเชตฺวา มหนฺตํ อนยพฺยสนํ อาปชฺชิ, เอวํ อาปชฺเชยฺยาติ อธิปฺปาโย. ยถา วา สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺี มม ธมฺมเทสนํ อาคมฺม อิทานิ สํเวคปฺปตฺโต ปาปานิ ปริวชฺเชนฺโต อุฬารํ วิเสสํ อธิคฺฉิ, เอวํ อฺโปิ อุฬารํ วิเสสาธิคมํ อิจฺฉนฺโต ปาปานิ ปริวชฺเชยฺยาติ อธิปฺปาโย.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. กุมารกสุตฺตวณฺณนา
๔๔. จตุตฺเถ ¶ กุมารกาติ ตรุณปุคฺคลา. เย สุภาสิตทุพฺภาสิตสฺส อตฺถํ ชานนฺติ, เต อิธ กุมารกาติ อธิปฺเปตา. อิเม หิ สตฺตา ชาตทิวสโต ปฏฺาย ยาว ปฺจทสวสฺสกา, ตาว ‘‘กุมารกา, พาลา’’ติ จ วุจฺจนฺติ, ตโต ปรํ วีสติวสฺสานิ ‘‘ยุวาโน’’ติ. มจฺฉเก พาเธนฺตีติ มคฺคสมีเป เอกสฺมึ ตฬาเก นิทาฆกาเล อุทเก ปริกฺขีเณ นินฺนฏฺาเน ิตํ อุทกํ อุสฺสิฺจิตฺวา ขุทฺทกมจฺเฉ คณฺหนฺติ เจว หนนฺติ จ ‘‘ปจิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ. เตนุปสงฺกมีติ มคฺคโต โถกํ ตฬากํ อติกฺกมิตฺวา ิโต, ตสฺมา ‘‘อุปสงฺกมี’’ติ วทติ. กสฺมา ปน อุปสงฺกมิ? เต กุมารเก อตฺตนิ วิสฺสาสํ ชเนตุํ อุปสงฺกมิ. ภายถ โวติ เอตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ. ทุกฺขสฺสาติ นิสฺสกฺเก สามิวจนํ, ทุกฺขสฺมาติ อตฺโถ. อปฺปิยํ โว ทุกฺขนฺติ ‘‘กึ ตุมฺหากํ สรีเร อุปฺปชฺชนกทุกฺขํ อปฺปิยํ อนิฏฺ’’นฺติ ปุจฺฉติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ อิเม สตฺตา ¶ อตฺตโน ทุกฺขํ อนิจฺฉนฺตา เอว หุตฺวา ทุกฺขเหตุํ ปฏิปชฺชนฺตา อตฺตโน ตํ อิจฺฉนฺตา เอว นาม โหนฺตีติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ปาปกิริยาย นิเสธนํ อาทีนววิภาวนฺจ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตสฺสตฺโถ – ยทิ ตุมฺหากํ สกลมาปายิกํ, สุคติยฺจ อปฺปายุกตามนุสฺสโทภคฺคิยาทิเภทํ ทุกฺขํ อปฺปิยํ อนิฏฺํ, ยทิ ตุมฺเห ตโต ภายถ, อาวิ วา ปเรสํ ปากฏภาววเสน อปฺปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา กาเยน ¶ วา วาจาย วา ปาณาติปาตาทิปฺปเภทํ ยทิ วา รโห อปากฏภาววเสน ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา มโนทฺวาเร เอว อภิชฺฌาทิปฺปเภทํ อณุมตฺตมฺปิ ปาปกํ ลามกธมฺมํ มากตฺถ มา กริตฺถ, อถ ปน ตํ ปาปกมฺมํ เอตรหิ กโรถ, อายตึ วา กริสฺสถ, นิรยาทีสุ จตูสุ อปาเยสุ มนุสฺเสสุ จ ตสฺส ผลภูตํ ทุกฺขํ อิโต วา เอตฺโต วา ปลายนฺเต อมฺเห นานุพนฺธิสฺสตีติ อธิปฺปาเยน อุเปจฺจ อเปจฺจ ปลายตมฺปิ ตุมฺหากํ ตโต มุตฺติ โมกฺโข นตฺถิ. คติกาลาทิปจฺจยนฺตรสมวาเย วิปจฺจิสฺสติเยวาติ ทสฺเสติ. ‘‘ปลายเน’’ติปิ ปนฺติ, วุตฺตนเยน ยตฺถ กตฺถจิ คมเน ปกฺกมเน สตีติ อตฺโถ. อยฺจ อตฺโถ ‘‘น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ…เป… ปาปกมฺมา’’ติ (ธ. ป. ๑๒๗; มิ. ป. ๔.๒.๔) อิมาย คาถาย ทีเปตพฺโพ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา
๔๕. ปฺจเม ¶ ¶ ตทหูติ ตสฺมึ อหนิ ตสฺมึ ทิวเส. อุโปสเถติ เอตฺถ อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, อุปวสนฺตีติ สีเลน วา อนสเนน วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อตฺโถ. อยฺหิ อุโปสถสทฺโท ‘‘อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสามี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๑; ๑๐.๔๖) สีเล อาคโต. ‘‘อุโปสโถ วา ปวารณา วา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๕๕) ปาติโมกฺขุทฺเทสาทิวินยกมฺเม. ‘‘โคปาลกูโปสโถ นิคณฺูโปสโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๑) อุปวาเส. ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖) ปฺตฺติยํ. ‘‘อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๖๘) ทิวเส. อิธาปิ ทิวเสเยว ทฏฺพฺโพ, ตสฺมา ‘‘ตทหุโปสเถ’’ติ ตสฺมึ อุโปสถทิวสภูเต อหนีติ อตฺโถ. นิสินฺโน โหตีติ มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ นิสินฺโน โหติ. นิสชฺช ปน ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ โอโลเกนฺโต เอกํ ทุสฺสีลปุคฺคลํ ทิสฺวา, ‘‘สจาหํ อิมสฺมึ ปุคฺคเล อิธ นิสินฺเนเยว ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามิ, สตฺตธาสฺส มุทฺธา ผลิสฺสตี’’ติ ตสฺมึ อนุกมฺปาย ตุณฺหีเยว อโหสิ.
เอตฺถ ¶ จ อุทฺธสฺตํ อรุณนฺติ อรุณุคฺคมนํ วตฺวาปิ ‘‘อุทฺทิสตุ, ภนฺเต ภควา, ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ เถโร ภควนฺตํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ ยาจิ ตสฺมึ กาเล ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติสิกฺขาปทสฺส (มหาว. ๑๘๓) อปฺตฺตตฺตา. อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสาติ ติกฺขตฺตุํ เถเรน ปาติโมกฺขุทฺเทสสฺส ยาจิตตฺตา อนุทฺเทสสฺส การณํ กเถนฺโต ‘‘อสุกปุคฺคโล อปริสุทฺโธ’’ติ อวตฺวา ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ อาห. กสฺมา ปน ภควา ติยามรตฺตึ ตถา วีตินาเมสิ? ตโต ปฏฺาย โอวาทปาติโมกฺขํ อนุทฺทิสิตุกาโม ตสฺส วตฺถุํ ปากฏํ กาตุํ.
อทฺทสาติ กถํ อทฺทส. อตฺตโน เจโตปริยาเณน ตสฺสํ ปริสติ ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ ปริชานนฺโต ตสฺส โมฆปุริสสฺส ทุสฺสีลฺยจิตฺตํ ปสฺสิ. ยสฺมา ปน จิตฺเต ทิฏฺเ ตํสมงฺคีปุคฺคโล ทิฏฺโ นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปุคฺคลํ ทุสฺสีล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ ¶ . ยเถว หิ อนาคเต สตฺตสุ ทิวเสสุ ปวตฺตมานํ ปเรสํ จิตฺตํ เจโตปริยาณลาภี ชานาติ, เอวํ อตีเตปีติ. ทุสฺสีลนฺติ นิสฺสีลํ, สีลวิรหิตนฺติ อตฺโถ. ปาปธมฺมนฺติ ทุสฺสีลตฺตา เอว หีนชฺฌาสยตาย ลามกสภาวํ. อสุจินฺติ อปริสุทฺเธหิ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา น สุจึ. สงฺกสฺสรสมาจารนฺติ กิฺจิเทว อสารุปฺปํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ ¶ อิมินา กตํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปเรสํ อาสงฺกนียตาย สงฺกาย สริตพฺพสมาจารํ, อถ วา เกนจิเทว กรณีเยน มนฺตยนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กจฺจิ นุ โข อิเม มยา กตกมฺมํ ชานิตฺวา มนฺเตนฺตี’’ติ อตฺตโนเยว สงฺกาย สริตพฺพสมาจารํ.
ลชฺชิตพฺพตาย ปฏิจฺฉาเทตพฺพการณโต ปฏิจฺฉนฺนํ กมฺมนฺตํ เอตสฺสาติ ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺตํ. กุจฺฉิตสมณเวสธาริตาย น สมณนฺติ อสฺสมณํ. สลากคฺคหณาทีสุ ‘‘กิตฺตกา สมณา’’ติ จ คณนาย ‘‘อหมฺปิ สมโณมฺหี’’ติ มิจฺฉาปฏิฺาย สมณปฏิฺํ. อเสฏฺจาริตาย อพฺรหฺมจารึ. อฺเ พฺรหฺมจาริโน สุนิวตฺเถ สุปารุเต สุปตฺตธเร คามนิคมาทีสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺเต ทิสฺวา อพฺรหฺมจารี สมาโน สยมฺปิ ตาทิเสน อากาเรน ปฏิปชฺชนฺโต อุโปสถาทีสุ สนฺทิสฺสนฺโต ‘‘อหมฺปิ ¶ พฺรหฺมจารี’’ติ ปฏิฺํ เทนฺโต วิย โหตีติ พฺรหฺมจาริปฏิฺํ. ปูตินา กมฺเมน สีลวิปตฺติยา อนฺโต อนุปวิฏฺตฺตา อนฺโตปูตึ. ฉหิ ทฺวาเรหิ ราคาทิกิเลสวสฺสเนน ตินฺตตฺตา อวสฺสุตํ. สฺชาตราคาทิกจวรตฺตา สีลวนฺเตหิ ฉฑฺเฑตพฺพตฺตา จ กสมฺพุชาตํ. มชฺเฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสินฺนนฺติ สงฺฆปริยาปนฺโน วิย ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนฺโต นิสินฺนํ. ทิฏฺโสีติ อยํ ปน น ปกตตฺโตติ ภควตา ทิฏฺโ อสิ. ยสฺมา จ เอวํ ทิฏฺโ, ตสฺมา นตฺถิ เต ตว ภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกกมฺมาทิสํวาโส. ยสฺมา ปน โส สํวาโส ตว นตฺถิ, ตสฺมา อุฏฺเหิ, อาวุโสติ เอวเมตฺถ ปทโยชนา เวทิตพฺพา.
ตติยมฺปิ โข โส ปุคฺคโล ตุณฺหี อโหสีติ อเนกวารํ วตฺวาปิ เถโร ‘‘สยเมว นิพฺพินฺโน โอรมิสฺสตี’’ติ วา, ‘‘อิทานิ อิเมสํ ปฏิปตฺตึ ชานิสฺสามี’’ติ วา อธิปฺปาเยน ตุณฺหี อโหสิ. พาหายํ คเหตฺวาติ ภควตา มยา จ ยาถาวโต ทิฏฺโ, ยาวตติยํ อุฏฺเหีติ วุตฺโต น อุฏฺาติ, ‘‘อิทานิสฺส นิกฺกฑฺฒนกาโล ¶ มา สงฺฆสฺส อุโปสถนฺตราโย อโหสี’’ติ ตํ พาหายํ อคฺคเหสิ, ตถา คเหตฺวา. พหิทฺวารโกฏฺกา นิกฺขาเมตฺวาติ ทฺวารโกฏฺกสาลโต พหิ นิกฺขาเมตฺวา. พหีติ ปน นิกฺขามิตฏฺานทสฺสนํ, อถ วา พหิทฺวารโกฏฺกาติ พหิทฺวารโกฏฺกโตปิ นิกฺขาเมตฺวา, น อนฺโตทฺวารโกฏฺกโต, เอวํ อุภยถาปิ วิหารโต พหิ กตฺวาติ อตฺโถ. สูจิฆฏิกํ ทตฺวาติ อคฺคฬสูจิฺจ อุปริฆฏิกฺจ อาทหิตฺวา, สุฏฺุตรํ กวาฏํ ถเกตฺวาติ อตฺโถ. ยาว พาหาคหณาปิ นามาติ อิมินา ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ วจนํ สุตฺวา เอว หิ เตน ปกฺกมิตพฺพํ สิยา, เอวํ อปกฺกมิตฺวา ยาว พาหาคหณาปิ นาม โส โมฆปุริโส อาคเมสฺสตีติ อจฺฉริยมิทนฺติ ทสฺเสติ. อิทมฺปิ ครหณจฺฉริยเมวาติ เวทิตพฺพํ.
อถ ¶ ภควา จินฺเตสิ – ‘‘อิทานิ ภิกฺขุสงฺโฆ อพฺพุทชาโต, อปริสุทฺธา ปุคฺคลา อุโปสถํ อาคจฺฉนฺติ, น จ ตถาคตา อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ กโรนฺติ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, อนุทฺทิสนฺเต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสโถ ปจฺฉิชฺชติ, ยํนูนาหํ อิโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํเยว ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ภิกฺขูนํเยว ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา…เป… ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ.
ตตฺถ ¶ น ทานาหนฺติ อิทานิ อหํ อุโปสถํ น กริสฺสามิ, ปาติโมกฺขํ น อุทฺทิสิสฺสามีติ ปจฺเจกํ น-กาเรน สมฺพนฺโธ. ทุวิธฺหิ ปาติโมกฺขํ อาณาปาติโมกฺขํ โอวาทปาติโมกฺขนฺติ. เตสุ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต’’ติอาทิกํ (มหาว. ๑๓๔) อาณาปาติโมกฺขํ, ตํ สาวกาว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา, อยํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺทิสิยติ. ‘‘ขนฺตี ปรมํ…เป… สพฺพปาปสฺส อกรณํ…เป… อนูปวาโท อนูปฆาโต…เป… เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕) อิมา ปน ติสฺโส คาถา โอวาทปาติโมกฺขํ นาม, ตํ พุทฺธาว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา, ฉนฺนมฺปิ วสฺสานํ อจฺจเยน อุทฺทิสนฺติ. ทีฆายุกพุทฺธานฺหิ ธรมานกาเล อยเมว ปาติโมกฺขุทฺเทโส ¶ , อปฺปายุกพุทฺธานํ ปน ปมโพธิยํเยว. ตโต ปรํ อิตโร, ตฺจ โข ภิกฺขู เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา, ตสฺมา อมฺหากมฺปิ ภควา วีสติวสฺสมตฺตํ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา อิมํ อนฺตรายํ ทิสฺวา ตโต ปรํ น อุทฺทิสิ. อฏฺานนฺติ อการณํ. อนวกาโสติ ตสฺเสว เววจนํ. การณฺหิ ยถา ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านนฺติ วุจฺจติ, เอวํ อนวกาโสติปิ วุจฺจตีติ. ยนฺติ กิริยาปรามสนํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ.
อฏฺิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเทติ โก อนุสนฺธิ? ยฺวายํ อปริสุทฺธาย ปริสาย ปาติโมกฺขสฺส อนุทฺเทโส วุตฺโต, โส อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อจฺฉริโย อพฺภุโต ธมฺโมติ ตํ อปเรหิ สตฺตหิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเมหิ สทฺธึ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุกาโม ปมํ ตาว เตสํ อุปมาภาเวน มหาสมุทฺเท อฏฺ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเม ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘อฏฺิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเท’’ติอาทิมาห.
ปกติเทวา วิย น สุรนฺติ น อิสนฺติ น วิโรจนฺตีติ อสุรา, สุรา นาม เทวา, เตสํ ปฏิปกฺขาติ วา อสุรา, เวปจิตฺติปหาราทาทโย. เตสํ ภวนํ สิเนรุสฺส เหฏฺาภาเค, เต ตตฺถ ปวิสนฺตา นิกฺขมนฺตา สิเนรุปาเท มณฺฑปาทึ นิมฺมินิตฺวา กีฬนฺตาว อภิรมนฺติ. ตตฺถ เตสํ ¶ อภิรติ อิเม คุเณ ทิสฺวาติ อาห – ‘‘เย ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุทฺเท อภิรมนฺตี’’ติ. ตตฺถ อภิรมนฺตีติ รตึ วินฺทนฺติ, อนุกฺกณฺมานา วสนฺตีติ อตฺโถ.
อนุปุพฺพนินฺโนติอาทีนิ สพฺพานิ อนุปฏิปาฏิยา นินฺนภาวสฺเสว เววจนานิ. น อายตเกเนว ปปาโตติ น ฉินฺนตโฏ มหาโสพฺโภ วิย ¶ อาทิโต เอว ปปาโต. โส หิ ตีรเทสโต ปฏฺาย เอกงฺคุลทฺวงฺคุลวิทตฺถิรตนยฏฺิอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตฑฺฒโยชนาทิวเสน คมฺภีโร หุตฺวา คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต สิเนรุปาทมูเล จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร หุตฺวา ิโตติ ทสฺเสติ.
ิตธมฺโมติ ิตสภาโว อวฏฺิตสภาโว. น มเตน กุณเปน สํวสตีติ เยน เกนจิ หตฺถิอสฺสาทีนํ กเฬวเรน สทฺธึ น สํวสติ. ตีรํ วาเหตีติ ตีรํ อปเนติ. ถลํ อุสฺสาเรตีติ ¶ หตฺเถน คเหตฺวา วิย วีจิปฺปหาเรเนว ถเล ขิปติ. คงฺคา ยมุนาติ อโนตตฺตทหสฺส ทกฺขิณมุขโต นิกฺขนฺตนที ปฺจ ธารา หุตฺวา ปวตฺตฏฺาเน คงฺคาติอาทินา ปฺจธา สงฺขํ คตา.
ตตฺรายํ อิมาสํ นทีนํ อาทิโต ปฏฺาย อุปฺปตฺติกถา – อยฺหิ ชมฺพุทีโป ทสสหสฺสโยชนปริมาโณ, ตตฺถ จตุสหสฺสโยชนปฺปมาโณ ปเทโส อุทเกน อชฺโฌตฺถโฏ สมุทฺโทติ สงฺขํ คโต, ติสหสฺสโยชนปฺปมาเณ มนุสฺสา วสนฺติ, ติสหสฺสโยชนปฺปมาเณ หิมวา ปติฏฺิโต อุพฺเพเธน ปฺจโยชนสติโก จตุราสีติกูฏสหสฺสปฏิมณฺฑิโต สมนฺตโต สนฺทมานปฺจสตนทีวิจิตฺโต, ยตฺถ อายาเมน วิตฺถาเรน คมฺภีรตาย จ ปณฺณาสโยชนปฺปมาโณ ทิยฑฺฒโยชนสตปริมณฺฑโล อโนตตฺตทโห กณฺณมุณฺฑทโห รถการทโห ฉทฺทนฺตทโห กุณาลทโห มนฺทากินิทโห สีหปปาตทโหติ สตฺต มหาสรา ปติฏฺิตา.
เตสุ อโนตตฺตทโห สุทสฺสนกูฏํ จิตฺตกูฏํ กาฬกูฏํ คนฺธมาทนกูฏํ เกลาสกูฏนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ ปพฺพตกูเฏหิ ปริกฺขิตฺโต. ตตฺถ สุทสฺสนกูฏํ โสวณฺณมยํ ติโยชนสตุพฺเพธํ อนฺโตวงฺกํ กากมุขสณฺานํ ตเมว สรํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตํ, จิตฺตกูฏํ สตฺตรตนมยํ. กาฬกูฏํ อฺชนมยํ. คนฺธมาทนกูฏํ มสารคลฺลมยํ อพฺภนฺตเร มุคฺควณฺณํ; มูลคนฺโธ, สารคนฺโธ, เผคฺคุคนฺโธ, ตจคนฺโธ, ปปฏิกาคนฺโธ, ขนฺธคนฺโธ, รสคนฺโธ, ปุปฺผคนฺโธ, ผลคนฺโธ, ปตฺตคนฺโธติ อิเมหิ ทสหิ คนฺเธหิ อุสฺสนฺนํ, นานปฺปการโอสธสฺฉนฺนํ, กาฬปกฺขุโปสถทิวเส อาทิตฺตํ วิย องฺคารํ ปชฺชลนฺตํ ติฏฺติ. เกลาสกูฏํ รชตมยํ. สพฺพานิ เจตานิ สุทสฺสเนน ¶ สมานุพฺเพธสณฺานานิ ¶ ตเมว สรํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตานิ. ตตฺถ เทวานุภาเวน นาคานุภาเวน จ เทโว วสฺสติ, นทิโย จ สนฺทนฺติ, ตํ สพฺพมฺปิ อุทกํ อโนตตฺตเมว ปวิสติ, จนฺทิมสูริยา ทกฺขิเณน ¶ วา อุตฺตเรน วา คจฺฉนฺตา ปพฺพตนฺตเรน ตตฺถ โอภาสํ กโรนฺติ, อุชุกํ คจฺฉนฺตา น กโรนฺติ, เตเนวสฺส ‘‘อโนตตฺต’’นฺติ สงฺขา อุทปาทิ.
ตตฺถ รตนมยมนฺุโสปานสิลาตลานิ นิมฺมจฺฉกจฺฉปานิ ผลิกสทิสานิ นิมฺมลูทกานิ ตทุปโภคสตฺตานํ กมฺมนิพฺพตฺตาเนว นหานติตฺถานิ จ โหนฺติ, ยตฺถ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธา อิทฺธิมนฺโต สาวกา อิสโย จ นหานาทีนิ กโรนฺติ, เทวยกฺขาทโย อุทกกีฬํ กีฬนฺติ.
ตสฺส จตูสุ ปสฺเสสุ สีหมุขํ, หตฺถิมุขํ, อสฺสมุขํ, อุสภมุขนฺติ จตฺตาริ อุทกนิกฺขมนมุขานิ โหนฺติ, เยหิ จตสฺโส นทิโย สนฺทนฺติ. สีหมุเขน นิกฺขนฺตนทีตีเร เกสรสีหา พหุตรา โหนฺติ, ตถา หตฺถิมุขาทีหิ หตฺถิอสฺสอุสภา. ปุรตฺถิมทิสโต นิกฺขนฺตนที อโนตตฺตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อิตรา ติสฺโส นทิโย อนุปคมฺม ปาจีนหิมวนฺเตเนว อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสติ. ปจฺฉิมทิสโต อุตฺตรทิสโต จ นิกฺขนฺตนทิโยปิ ตเถว ปทกฺขิณํ กตฺวา ปจฺฉิมหิมวนฺเตเนว อุตฺตรหิมวนฺเตเนว จ อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสนฺติ.
ทกฺขิณทิสโต นิกฺขนฺตนที ปน ตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิเณน อุชุกํ ปาสาณปิฏฺเเนว สฏฺิโยชนานิ คนฺตฺวา ปพฺพตํ ปหริตฺวา อุฏฺาย ปริกฺเขเปน ติคาวุตปฺปมาณอุทกธารา หุตฺวา อากาเสน สฏฺิโยชนานิ คนฺตฺวา ติยคฺคเฬ นาม ปาสาเณ ปติตา, ปาสาโณ อุทกธาราเวเคน ภินฺโน. ตตฺถ ปฺาสโยชนปฺปมาณา ติยคฺคฬา นาม โปกฺขรณี ชาตา, โปกฺขรณิยา กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิตฺวา สฏฺิโยชนานิ คนฺตฺวา ตโต ฆนปถวึ ภินฺทิตฺวา อุมงฺเคน สฏฺิโยชนานิ คนฺตฺวา วิฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา หตฺถตเล ปฺจงฺคุลิสทิสา ¶ ปฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ.
สา ติกฺขตฺตุํ อโนตตฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คตฏฺาเน ‘‘อาวฏฺฏคงฺคา’’ติ วุจฺจติ, อุชุกํ ปาสาณปิฏฺเน สฏฺิโยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘กณฺหคงฺคา’’ติ, อากาเสน ¶ สฏฺิโยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘อากาสคงฺคา’’ติ, ติยคฺคฬปาสาเณ ปฺาสโยชโนกาเส ิตา ‘‘ติยคฺคฬโปกฺขรณี’’ติ, กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิตฺวา สฏฺิโยชนานิ ¶ คตฏฺาเน ‘‘พหลคงฺคา’’ติ, อุมงฺเคน สฏฺิโยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘อุมงฺคคงฺคา’’ติ วุจฺจติ, วิฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา ปฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตฏฺาเน คงฺคา, ยมุนา, อจิรวตี, สรภู, มหีติ ปฺจธา สงฺขํ คตา. เอวเมตา ปฺจ มหานทิโย หิมวนฺตโต ปวตฺตนฺตีติ เวทิตพฺพา.
ตตฺถ นที นินฺนคาติอาทิกํ โคตฺตํ, คงฺคา ยมุนาติอาทิกํ นามํ. สวนฺติโยติ ยา กาจิ สวมานา สนฺทมานา คจฺฉนฺติโย มหานทิโย วา กุนฺนทิโย วา. อปฺเปนฺตีติ อลฺลียนฺติ โอสรนฺติ. ธาราติ วุฏฺิธารา. ปูรตฺตนฺติ ปุณฺณภาโว. มหาสมุทฺทสฺส หิ อยํ ธมฺมตา – ‘‘อิมสฺมึ กาเล เทโว มนฺโท ชาโต, ชาลกฺขิปาทีนิ อาทาย มจฺฉกจฺฉเป คณฺหิสฺสามา’’ติ วา ‘‘อิมสฺมึ กาเล อติมหนฺตี วุฏฺิ, น ลภิสฺสาม นุ โข ปิฏฺิปสารณฏฺาน’’นฺติ วา ตํ น สกฺกา วตฺตุํ. ปมกปฺปิกกาลโต ปฏฺาย หิ ยํ วสฺสิตฺวา สิเนรุเมขลํ อาหจฺจ อุทกํ ิตํ, ตํ ตโต เอกงฺคุลมตฺตมฺปิ อุทกํ เนว เหฏฺา โอตรติ, น อุทฺธํ อุตฺตรติ.
เอกรโสติ อสมฺภินฺนรโส. มุตฺตาติ ขุทฺทกมหนฺตวฏฺฏทีฆาทิเภทา อเนกวิธา มุตฺตา. มณีติ รตฺตนีลาทิเภโท อเนกวิโธ มณิ. เวฬุริโยติ วํสวณฺณสิรีสปุปฺผวณฺณาทิสณฺานโต อเนกวิโธ. สงฺโขติ ทกฺขิณาวตฺตตมฺพกุจฺฉิกธมนสงฺขาทิเภโท อเนกวิโธ. สิลาติ เสตกาฬมุคฺควณฺณาทิเภทา อเนกวิธา. ปวาฬนฺติ ขุทฺทกมหนฺตมนฺทรตฺตฆนรตฺตาทิเภทํ อเนกวิธํ. โลหิตงฺโคติ ปทุมราคาทิเภโท อเนกวิโธ มสารคลฺลนฺติ กพรมณิ. ‘‘จิตฺตผลิก’’นฺติปิ วทนฺติ.
มหตํ ¶ ภูตานนฺติ มหนฺตานํ สตฺตานํ. ติมิติมิงฺคลาทิกา ติสฺโส มจฺฉชาติโย. ติมึ คิลนสมตฺถา ติมิงฺคลา, ติมิฺจ ติมิงฺคลฺจ คิลนสมตฺถา ‘‘ติมิติมิงฺคลา’’ติ วทนฺติ. นาคาติ อูมิปิฏฺิวาสิโนปิ วิมานฏฺกนาคาปิ.
เอวเมว ¶ โขติ กิฺจาปิ สตฺถา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย โสฬสปิ พาตฺตึสปิ ตโต ภิยฺโยปิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเม วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ สกฺโกติ, ตทา อุปมาภาเวน ปน คหิตานํ อฏฺนฺนํ อนุรูปวเสน อฏฺเว เต อุปเมตพฺพธมฺเม วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อฏฺ อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อนุปุพฺพสิกฺขาย ติสฺโส ภิกฺขา คหิตา, อนุปุพฺพกิริยาย เตรส ธุตงฺคธมฺมา, อนุปุพฺพปฏิปทาย ¶ สตฺต อนุปสฺสนา อฏฺารส มหาวิปสฺสนา อฏฺตึส อารมฺมณวิภตฺติโย สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา จ คหิตา. น อายตเกเนว อฺาปฏิเวโธติ มณฺฑูกสฺส อุปฺปติตฺวา คมนํ วิย อาทิโตว สีลปูรณาทีนิ อกตฺวา อรหตฺตปฏิเวโธ นาม นตฺถิ, ปฏิปาฏิยา ปน สีลสมาธิปฺาโย ปูเรตฺวาว อรหตฺตปฺปตฺตีติ อตฺโถ.
มม สาวกาติ โสตาปนฺนาทิเก อริยปุคฺคเล สนฺธาย วทติ. น สํวสตีติ อุโปสถกมฺมาทิวเสน สํวาสํ น กโรติ. อุกฺขิปตีติ อปเนติ. อารกาวาติ ทูเรเยว. น เตน นิพฺพานธาตุยา อูนตฺตํ วา ปูรตฺตํ วาติ อสงฺขฺเยยฺเยปิ มหากปฺเป พุทฺเธสุ อนุปฺปชฺชนฺเตสุ เอกสตฺโตปิ ปรินิพฺพาตุํ น สกฺโกติ, ตทาปิ ‘‘ตุจฺฉา นิพฺพานธาตู’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ, พุทฺธกาเล ปน เอเกกสฺมึ สมาคเม อสงฺขฺเยยฺยาปิ สตฺตา อมตํ อาราเธนฺติ, ตทาปิ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ปูรา นิพฺพานธาตู’’ติ. วิมุตฺติรโสติ กิเลเสหิ วิมุจฺจนรโส. สพฺพา หิ สาสนสฺส สมฺปตฺติ ยาวเทว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตสฺส วิมุตฺติยา โหติ.
รตนานีติ รติชนนฏฺเน รตนานิ. สติปฏฺานาทโย หิ ภาวิยมานา ปุพฺพภาเคปิ อนปฺปกํ ปีติปาโมชฺชํ นิพฺพตฺเตนฺติ, ปเคว อปรภาเค. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยโต ¶ ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔) –
โลกิยรตนนิมิตฺตํ ปน ปีติปาโมชฺชํ น ตสฺส กลภาคมฺปิ อคฺฆตีติ อยมตฺโถ เหฏฺา ทสฺสิโต เอว. อปิจ –
‘‘จิตฺตีกตํ ¶ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, ‘รตน’นฺติ ปวุจฺจตี’’ติ.
ยทิ จ จิตฺตีกตาทิภาเวน รตนํ นาม โหติ, สติปฏฺานาทีนํเยว ภูตโต รตนภาโว. โพธิปกฺขิยธมฺมานฺหิ โส อานุภาโว, ยํ สาวกา สาวกปารมีาณํ, ปจฺเจกพุทฺธา ปจฺเจกโพธิาณํ, สมฺมาสมฺพุทฺธา สมฺมาสมฺโพธึ อธิคจฺฉนฺตีติ อาสนฺนการณตฺตา. ปรมฺปรการณฺหิ ทานาทิอุปนิสฺสโยติ เอวํ รติชนนฏฺเน จิตฺตีกตาทิอตฺเถน จ รตนภาโว โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ¶ สาติสโย. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตตฺริมานิ รตนานิ, เสยฺยถิทํ, จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทิ.
ตตฺถ อารมฺมเณ ปกฺขนฺทิตฺวา อุปฏฺานฏฺเน ปฏฺานํ, สติเยว ปฏฺานํ สติปฏฺานํ. อารมฺมณสฺส ปน กายาทิวเสน จตุพฺพิธตฺตา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ. ตถา หิ กายเวทนาจิตฺตธมฺเมสุ สุภสุขนิจฺจอตฺตสฺานํ ปหานโต อสุภทุกฺขานิจฺจานตฺตตาคหณโต จ เนสํ กายานุปสฺสนาทิภาโว วิภตฺโต.
สมฺมา ปทหนฺติ เอเตน, สยํ วา สมฺมา ปทหติ, ปสตฺถํ, สุนฺทรํ วา ปทหนฺติ สมฺมปฺปธานํ. ปุคฺคลสฺส วา สมฺมเทว ปธานภาวกรณโต สมฺมปฺปธานํ. วีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. ตมฺปิ อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ อนุปฺปาทนปหานวเสน อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทนภาวนวเสน จ จตุกิจฺจํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา’’ติ.
อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, สมิชฺฌติ นิปฺผชฺชตีติ อตฺโถ. อิชฺฌนฺติ วา เอตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิ. อิติ ปเมน อตฺเถน อิทฺธิ เอว ปาโท อิทฺธิปาโท, อิทฺธิโกฏฺาโสติ อตฺโถ ¶ . ทุติเยน อตฺเถน อิทฺธิยา ปาโท ปติฏฺา อธิคมูปาโยติ อิทฺธิปาโท. เตน หิ อุปรูปริวิเสสสงฺขาตํ อิทฺธึ ปชฺชนฺติ ปาปุณนฺติ, สฺวายํ อิทฺธิปาโท ยสฺมา ฉนฺทาทิเก จตฺตาโร อธิปติธมฺเม ธุเร เชฏฺเก กตฺวา นิพฺพตฺติยติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา’’ติ.
ปฺจินฺทฺริยานีติ สทฺธาทีนิ ปฺจ อินฺทฺริยานิ. ตตฺถ อสฺสทฺธิยํ อภิภวิตฺวา อธิโมกฺขลกฺขเณ อินฺทฏฺํ กาเรตีติ สทฺธินฺทฺริยํ, โกสชฺชํ อภิภวิตฺวา ปคฺคหลกฺขเณ ¶ , ปมาทํ อภิภวิตฺวา อุปฏฺานลกฺขเณ, วิกฺเขปํ อภิภวิตฺวา อวิกฺเขปลกฺขเณ, อฺาณํ อภิภวิตฺวา ทสฺสนลกฺขเณ อินฺทฏฺํ กาเรตีติ ปฺินฺทฺริยํ.
ตานิเยว อสฺสทฺธิยาทีหิ อนภิภวนียโต อกมฺปิยฏฺเน สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาเวน ‘‘พลานี’’ติ เวทิตพฺพานิ.
สตฺต โพชฺฌงฺคาติ โพธิยา, โพธิสฺส วา องฺคาติ โพชฺฌงฺคา. ยา หิ เอสา ธมฺมสามคฺคี ยาย โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยค- อุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฏิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตาย ¶ ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌติ, กิเลสนิทฺทาย วุฏฺหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา ฌานงฺคมคฺคงฺคาทโย วิย. โยเปส วุตฺตปฺปการาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโก ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺส โพธิสฺส องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา เสนงฺครถงฺคาทโย วิย. เตนาหุ โปราณา – ‘‘พุชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคา’’ติ. ‘‘โพธิยา สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติอาทินา นเยนปิ โพชฺฌงฺคานํ โพชฺฌงฺคตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ ตํตํมคฺควชฺฌกิเลเสหิ อารกตฺตา อริยภาวกรตฺตา อริยผลปฏิลาภกรตฺตา จ อริโย. สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ อฏฺงฺคานิ อสฺส อตฺถิ, อฏฺ องฺคานิเยว วา อฏฺงฺคิโก. กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ ¶ มคฺคิยติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคตีติ มคฺโคติ. เอวเมเตสํ สติปฏฺานาทีนํ อตฺถวิภาโค เวทิตพฺโพ.
โสตาปนฺโนติ มคฺคสงฺขาตํ โสตํ อาปชฺชิตฺวา ปาปุณิตฺวา ิโต, โสตาปตฺติผลฏฺโติ อตฺโถ. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโนติ โสตาปตฺติผลสฺส อตฺตปจฺจกฺขกรณาย ปฏิปชฺชมาโน ปมมคฺคฏฺโ, โย อฏฺมโกติปิ วุจฺจติ. สกทาคามีติ สกิเทว อิมํ โลกํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อาคมนสีโล ทุติยผลฏฺโ. อนาคามีติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน กามโลกํ อนาคมนสีโล ตติยผลฏฺโ ¶ . โย ปน สทฺธานุสารี ธมฺมานุสารี เอกพีชีติ เอวมาทิโก อริยปุคฺคลวิภาโค, โส เอเตสํเยว ปเภโทติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อตฺตโน ธมฺมวินเย มตกุณปสทิเสน ทุสฺสีลปุคฺคเลน สทฺธึ สํวาสาภาวสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อสํวาสารหสํวาสารหวิภาคการณปริทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ฉนฺนมติวสฺสตีติ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฏิจฺฉาเทนฺโต อฺํ นวํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, ตโต ปรํ ตโต ปรนฺติ เอวํ อาปตฺติวสฺสํ กิเลสวสฺสํ อติวิย วสฺสติ. วิวฏํ นาติวสฺสตีติ อาปตฺตึ อาปนฺโน ตํ อปฺปฏิจฺฉาเทตฺวา วิวรนฺโต สพฺรหฺมจารีนํ ปกาเสนฺโต ยถาธมฺมํ ยถาวินยํ ปฏิกโรนฺโต เทเสนฺโต วุฏฺหนฺโต อฺํ นวํ อาปตฺตึ น อาปชฺชติ, เตนสฺส วิวฏํ ปุน อาปตฺติวสฺสํ กิเลสวสฺสํ น วสฺสติ. ยสฺมา จ เอตเทวํ, ตสฺมา ฉนฺนํ ฉาทิตํ อาปตฺตึ วิวเรถ ปกาเสถ. เอวํ ตํ นาติวสฺสตีติ เอวํ สนฺเต ตํ อาปตฺติอาปชฺชนกํ อาปนฺนปุคฺคลํ ¶ อตฺตภาวํ อติวิชฺฌิตฺวา กิเลสวสฺสํ น วสฺสติ น เตเมติ. เอวํ โส กิเลเสหิ อนวสฺสุโต ปริสุทฺธสีโล สมาหิโต หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สมฺมสนฺโต อนุกฺกเมน นิพฺพานํ ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโย.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. โสณสุตฺตวณฺณนา
๔๖. ฉฏฺเ ¶ อวนฺตีสูติ อวนฺติรฏฺเ. กุรรฆเรติ เอวํนามเก นคเร. ปวตฺเต ปพฺพเตติ ปวตฺตนามเก ปพฺพเต. ‘‘ปปาเต ปพฺพเต’’ติปิ ปนฺติ. โสโณ อุปาสโก กุฏิกณฺโณติ นาเมน โสโณ นาม, ตีหิ สรณคมเนหิ อุปาสกภาวปฺปฏิเวทเนน อุปาสโก, โกฏิอคฺฆนกสฺส กณฺณปิฬนฺธนสฺส ธารเณน ‘‘โกฏิกณฺโณ’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘กุฏิกณฺโณ’’ติ เอวํ อภิฺาโต, น สุขุมาลโสโณติ อธิปฺปาโย ¶ . อยฺหิ อายสฺมโต มหากจฺจายนสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน อภิปฺปสนฺโน, สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺิโต ปวตฺเต ปพฺพเต ฉายูทกสมฺปนฺเน าเน วิหารํ กาเรตฺวา เถรํ ตตฺถ วสาเปตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺาติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส อุปฏฺาโก โหตี’’ติ.
โส กาเลน กาลํ เถรสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉติ. เถโร จสฺส ธมฺมํ เทเสติ. เตน สํเวคพหุโล ธมฺมจริยาย อุสฺสาหชาโต วิหรติ. โส เอกทา สตฺเถน สทฺธึ วาณิชฺชตฺถาย อุชฺเชนึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อฏวิยํ สตฺเถ นิวิฏฺเ รตฺติยํ ชนสมฺพาธภเยน เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม นิทฺทํ อุปคฺฉิ. สตฺโถ ปจฺจูสเวลายํ อุฏฺาย คโต, น เอโกปิ โสณํ ปโพเธสิ, สพฺเพปิ วิสริตฺวา อคมํสุ. โส ปภาตาย รตฺติยา ปพุชฺฌิตฺวา อุฏฺาย กฺจิ อปสฺสนฺโต สตฺเถเนว คตมคฺคํ คเหตฺวา สีฆํ สีฆํ คจฺฉนฺโต เอกํ วฏรุกฺขํ อุปคฺฉิ. ตตฺถ อทฺทส เอกํ มหากายํ วิรูปทสฺสนํ คจฺฉนฺตํ ปุริสํ อฏฺิโต มุตฺตานิ อตฺตโน มํสานิ สยเมว ขาทนฺตํ, ทิสฺวาน ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘เปโตมฺหิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ. ‘‘อตฺตโน ปุพฺพกมฺเมนา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตํ กมฺม’’นฺติ. ‘‘อหํ ปุพฺเพ ภารุกจฺฉนครวาสี กูฏวาณิโช หุตฺวา ปเรสํ สนฺตกํ วฺเจตฺวา ขาทึ, สมเณ จ ภิกฺขาย อุปคเต ‘ตุมฺหากํ มํสํ ¶ ขาทถา’ติ อกฺโกสึ, เตน กมฺเมน เอตรหิ อิมํ ทุกฺขํ อนุภวามี’’ติ. ตํ ¶ สุตฺวา โสโณ อติวิย สํเวคํ ปฏิลภิ.
ตโต ปรํ คจฺฉนฺโต มุขโต ปคฺฆริตกาฬโลหิเต ทฺเว เปตทารเก ปสฺสิตฺวา ตเถว ปุจฺฉิ. เตปิสฺส อตฺตโน กมฺมํ กเถสุํ. เต กิร ภารุกจฺฉนคเร ทารกกาเล คนฺธวาณิชฺชาย ชีวิกํ กปฺเปนฺตา อตฺตโน มาตริ ขีณาสเว นิมนฺเตตฺวา โภเชนฺติยา เคหํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺหากํ สนฺตกํ กสฺมา สมณานํ เทสิ, ตยา ทินฺนํ โภชนํ ภฺุชนกสมณานํ มุขโต กาฬโลหิตํ ปคฺฆรตู’’ติ อกฺโกสึสุ. เต เตน กมฺเมน นิรเย ปจฺจิตฺวา ตสฺส วิปากาวเสเสน เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตทา อิมํ ทุกฺขํ อนุภวนฺติ. ตมฺปิ สุตฺวา โสโณ อติวิย สํเวคชาโต อโหสิ.
โส ¶ อุชฺเชนึ คนฺตฺวา ตํ กรณียํ ตีเรตฺวา กุลฆรํ ปจฺจาคโต เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร เถรสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เถโรปิสฺส ปวตฺตินิวตฺตีสุ อาทีนวานิสํเส วิภาเวนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. โส เถรํ วนฺทิตฺวา เคหํ คโต สายมาสํ ภฺุชิตฺวา สยนํ อุปคโต โถกํเยว นิทฺทายิตฺวา ปพุชฺฌิตฺวา สยนตเล นิสชฺช ยถาสุตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตุํ อารทฺโธ. ตสฺส ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขโต, เต จ เปตตฺตภาเว อนุสฺสรโต สํสารทุกฺขํ อติวิย ภยานกํ หุตฺวา อุปฏฺาสิ, ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ. โส วิภาตาย รตฺติยา สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน อชฺฌาสยํ อาโรเจตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข โสณสฺส อุปาสกสฺส กุฏิกณฺณสฺส รโหคตสฺส…เป… ปพฺพาเชตุ มํ, ภนฺเต, อยฺโย มหากจฺจาโน’’ติ.
ตตฺถ ยถา ยถาติอาทีนํ ปทานํ อยํ สงฺเขปตฺโถ – เยน เยน อากาเรน อยฺโย มหากจฺจาโน ธมฺมํ เทเสติ อาจิกฺขติ ปฺเปติ ปฏฺเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรติ ปกาเสติ, เตน เตน เม อุปปริกฺขโต เอวํ โหติ, ยเทตํ สิกฺขตฺตยพฺรหฺมจริยํ เอกมฺปิ ทิวสํ อกฺขณฺฑํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริปุณฺณํ. เอกทิวสมฺปิ กิเลสมเลน อมลินํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริสุทฺธํ. สงฺขลิขิตนฺติ ลิขิตสงฺขสทิสํ โธตสงฺขสปฺปฏิภาคํ จริตพฺพํ. อิทํ น ¶ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา อคารมชฺเฌ วสนฺเตน เอกนฺต ปริปุณฺณํ…เป… จริตุํ ยํนูนาหํ เกเส เจว มสฺสูนิ จ โอหาเรตฺวา โวโรเปตฺวา กาสายรสปีตตาย กาสายานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา นิวาเสตฺวา เจว ปารุปิตฺวา จ อคารสฺมา นิกฺขมิตฺวา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยํ ¶ . ยสฺมา อคารสฺส หิตํ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ อคาริยนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ปพฺพชฺชาย นตฺถิ, ตสฺมา ปพฺพชฺชา อนคาริยา นาม. ตํ อนคาริยํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพเชยฺยํ อุปคจฺเฉยฺยํ, ปฏิปชฺเชยฺยนฺติ อตฺโถ.
เอวํ อตฺตนา รโหวิตกฺกิตํ โสโณ อุปาสโก เถรสฺส อาโรเจตฺวา ตํ ปฏิปชฺชิตุกาโม ‘‘ปพฺพาเชตุ มํ, ภนฺเต, อยฺโย มหากจฺจาโน’’ติ อาห. เถโร ปน ‘‘ตาวสฺส าณปริปากํ กถ’’นฺติ อุปธาเรตฺวา ¶ าณปริปากํ อาคมยมาโน ‘‘ทุกฺกรํ โข’’ติอาทินา ปพฺพชฺชาฉนฺทํ นิวาเรสิ.
ตตฺถ เอกภตฺตนฺติ ‘‘เอกภตฺติโก โหติ รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๙๔; อ. นิ. ๓.๗๑) เอวํ วุตฺตํ วิกาลโภชนวิรตึ สนฺธาย วทติ. เอกเสยฺยนฺติ อทุติยเสยฺยํ. เอตฺถ จ เสยฺยาสีเสน ‘‘เอโก ติฏฺติ, เอโก คจฺฉติ, เอโก นิสีทตี’’ติอาทินา (มหานิ. ๗; ๔๙) นเยน วุตฺเตสุ จตูสุ อิริยาปเถสุ กายวิเวกํ ทีเปติ, น เอกากินา หุตฺวา สยนมตฺตํ. พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติพฺรหฺมจริยํ, สิกฺขตฺตยานุโยคสงฺขาตํ สาสนพฺรหฺมจริยํ วา. อิงฺฆาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. ตตฺเถวาติ เคเหเยว. พุทฺธานํ สาสนํ อนุยฺุชาติ นิจฺจสีลอุโปสถสีลาทิเภทํ ปฺจงฺคอฏฺงฺคทสงฺคสีลํ, ตทนุรูปฺจ สมาธิปฺาภาวนํ อนุยฺุช. เอตฺหิ อุปาสเกน ปุพฺพภาเค อนุยฺุชิตพฺพํ พุทฺธสาสนํ นาม. เตนาห – ‘‘กาลยุตฺตํ เอกภตฺตํ เอกเสยฺยํ พฺรหฺมริย’’นฺติ.
ตตฺถ กาลยุตฺตนฺติ จาตุทฺทสีปฺจทสีอฏฺมีปาฏิหาริยปกฺขสงฺขาเตน กาเลน ยุตฺตํ, ยถาวุตฺตกาเล วา ตุยฺหํ อนุยฺุชนฺตสฺส ยุตฺตํ ปติรูปํ สกฺกุเณยฺยํ, น สพฺพกาลํ ปพฺพชฺชาติ อธิปฺปาโย. สพฺพเมตํ าณสฺส อปริปกฺกตฺตา ตสฺส กามานํ ¶ ทุปฺปหานตาย สมฺมาปฏิปตฺติยํ โยคฺยํ การาเปตุํ วทติ, น ปพฺพชฺชาฉนฺทํ นิวาเรตุํ. ปพฺพชฺชาภิสงฺขาโรติ ปพฺพชิตุํ อารมฺโภ อุสฺสาโห. ปฏิปสฺสมฺภีติ อินฺทฺริยานํ อปริปกฺกตฺตา, สํเวคสฺส จ นาติติกฺขภาวโต วูปสมิ. กิฺจาปิ ปฏิปสฺสมฺภิ, เถเรน วุตฺตวิธึ ปน อนุติฏฺนฺโต กาเลน กาลํ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสนฺโต ธมฺมํ สุณาติ. ตสฺส วุตฺตนเยเนว ทุติยํ ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ อุปฺปชฺชิ, เถรสฺส จ อาโรเจสิ. ทุติยมฺปิ เถโร ปฏิกฺขิปิ. ตติยวาเร ปน าณสฺส ปริปกฺกภาวํ ตฺวา ‘‘อิทานิ นํ ปพฺพาเชตุํ กาโล’’ติ เถโร ปพฺพาเชสิ, ปพฺพชิตฺจ ตํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ อติกฺกมิตฺวา คณํ ปริเยสิตฺวา อุปสมฺปาเทสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ทุติยมฺปิ โข โสโณ…เป… อุปสมฺปาเทสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ อปฺปภิกฺขุโกติ กติปยภิกฺขุโก. ตทา กิร ภิกฺขู เยภุยฺเยน มชฺฌิมเทเส เอว วสึสุ. ตสฺมา ตตฺถ กติปยา เอว อเหสุํ ¶ , เต จ เอกสฺมึ นิคเม เอโก, เอกสฺมึ ทฺเวติ เอวํ วิสุํ วิสุํ วสึสุ. กิจฺเฉนาติ ทุกฺเขน. กสิเรนาติ อายาเสน. ตโต ตโตติ ตสฺมา ตสฺมา คามนิคมาทิโต. เถเรน หิ กติปเย ภิกฺขู อาเนตฺวา อฺเสุ อานียมาเนสุ ปุพฺเพ อานีตา เกนจิเทว กรณีเยน ปกฺกมึสุ, กิฺจิ กาลํ อาคเมตฺวา ปุน เตสุ อานียมาเนสุ อิตเร ปกฺกมึสุ. เอวํ ปุนปฺปุนํ อานยเนน สนฺนิปาโต จิเรเนว อโหสิ, เถโร จ ตทา เอกวิหารี อโหสิ. ทสวคฺคํ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวาติ ตทา ภควตา ปจฺจนฺตเทเสปิ ทสวคฺเคเนว สงฺเฆน อุปสมฺปทา อนฺุาตา. อิโตนิทานฺหิ เถเรน ยาจิโต ปฺจวคฺเคน สงฺเฆน ปจฺจนฺตเทเส อุปสมฺปทํ อนุชานิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ติณฺณํ วสฺสานํ…เป… สนฺนิปาเตตฺวา’’ติ.
วสฺสํวุฏฺสฺสาติ อุปสมฺปชฺชิตฺวา ปมวสฺสํ อุปคนฺตฺวา วุสิตวโต. อีทิโส จ อีทิโส จาติ เอวรูโป จ เอวรูโป จ, เอวรูปาย นามกายรูปกายสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโต, เอวรูปาย ธมฺมกายสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโตติ สุโตเยว เม โส ภควา. น โข เม โส ภควา สมฺมุขา ทิฏฺโติ เอเตน ปุถุชฺชนสทฺธาย เอวํ อายสฺมา โสโณ ภควนฺตํ ทฏฺุกาโม อโหสิ. อปรภาเค ปน สตฺถารา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา ปจฺจูสสมยํ อชฺฌิฏฺโ โสฬส อฏฺกวคฺคิกานิ สตฺถุ ¶ สมฺมุขา อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา อตฺถธมฺมปฺปฏิสํเวที หุตฺวา ภณนฺโต ธมฺมูปสฺหิตปาโมชฺชาทิมุเขน สมาหิโต สรภฺปริโยสาเน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต อนุปุพฺเพน อรหตฺตํ ปาปุณิ. เอตทตฺถเมว หิสฺส ภควตา อตฺตนา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วาโส อาณตฺโตติ วทนฺติ.
เกจิ ปนาหุ – ‘‘น โข เม โส ภควา สมฺมุขา ทิฏฺโ’’ติ อิทํ รูปกายทสฺสนเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ. อายสฺมา หิ โสโณ ปพฺพชิตฺวาว เถรสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อนุปสมฺปนฺโนว โสตาปนฺโน หุตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา ‘‘อุปาสกาปิ โสตาปนฺนา โหนฺติ, อหมฺปิ โสตาปนฺโน, กิเมตฺถ จิตฺต’’นฺติ อุปริมคฺคตฺถาย วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนฺโตวสฺเสเยว ฉฬภิฺโ หุตฺวา วิสุทฺธิปวารณาย ปวาเรสิ ¶ . อริยสจฺจทสฺสเนน หิ ภควโต ธมฺมกาโย ทิฏฺโ นาม โหติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสติ. โย มํ ปสฺสติ, โส ธมฺมํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗).
ตสฺมาสฺส ¶ ธมฺมกายทสฺสนํ ปเคว สิทฺธํ, ปวาเรตฺวา ปน รูปกายํ ทฏฺุกาโม อโหสีติ.
‘‘สเจ มํ อุปชฺฌาโย อนุชานาตี’’ติปิ ปาโ. ‘‘ภนฺเต’’ติ ปน ลิขนฺติ. ตถา ‘‘สาธุ สาธุ, อาวุโส โสณ, คจฺฉ ตฺวํ, อาวุโส โสณา’’ติปิ ปาโ. ‘‘อาวุโส’’ติ ปน เกสุจิ โปตฺถเกสุ นตฺถิ. ตถา ‘‘เอวมาวุโสติ โข อายสฺมา โสโณ’’ติปิ ปาโ. อาวุโสวาโทเยว หิ อฺมฺํ ภิกฺขูนํ ภควโต ธรมานกาเล อาจิณฺโณ. ภควนฺตํ ปาสาทิกนฺติอาทีนํ ปทานํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.
กจฺจิ ภิกฺขุ ขมนียนฺติ ภิกฺขุ อิทํ ตุยฺหํ จตุจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ กจฺจิ ขมนียํ, กึ สกฺกา ขมิตุํ สหิตุํ ปริหริตุํ, กึ ทุกฺขภาโร นาภิภวติ. กจฺจิ ยาปนียนฺติ กึ ตํตํกิจฺเจสุ ยาเปตุํ คเมตุํ สกฺกา, น กฺจิ อนฺตรายนฺติ ทสฺเสติ. กจฺจิสิ อปฺปกิลมเถนาติ อนายาเสน อิมํ เอตฺตกํ อทฺธานํ กจฺจิ อาคโตสิ.
เอตทโหสีติ พุทฺธาจิณฺณํ อนุสฺสรนฺตสฺส อายสฺมโต อานนฺทสฺส ¶ เอตํ ‘‘ยสฺส โข มํ ภควา’’ติอาทินา อิทานิ วุจฺจมานํ จิตฺเต อาจิณฺณํ อโหสิ. เอกวิหาเรติ เอกคนฺธกุฏิยํ. คนฺธกุฏิ หิ อิธ วิหาโรติ อธิปฺเปตา. วตฺถุนฺติ วสิตุํ.
นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวาติ เอตฺถ ยสฺมา ภควา อายสฺมโต โสณสฺส สมาปตฺติสมาปชฺชเน ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต สาวกสาธารณา สพฺพา สมาปตฺติโย อนุโลมปฏิโลมํ สมาปชฺชนฺโต พหุเทว รตฺตึ…เป… วิหารํ ปาวิสิ, ตสฺมา อายสฺมาปิ โสโณ ภควโต อธิปฺปายํ ตฺวา ตทนุรูปํ สพฺพา ตา สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺโต ‘‘พหุเทว รตฺตึ…เป… วิหารํ ปาวิสี’’ติ เกจิ วทนฺติ. ปวิสิตฺวา จ ภควตา ¶ อนฺุาโต จีวรํ ติโรกรณียํ กตฺวาปิ ภควโต ปาทปสฺเส นิสชฺชาย วีตินาเมสิ. อชฺเฌสีติ อาณาเปสิ. ปฏิภาตุ ตํ ภิกฺขุ ธมฺโม ภาสิตุนฺติ ภิกฺขุ ตุยฺหํ ธมฺโม ภาสิตุํ อุปฏฺาตุ าณมุเข อาคจฺฉตุ, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ ภณาหีติ อตฺโถ.
โสฬส อฏฺกวคฺคิกานีติ อฏฺกวคฺคภูตานิ กามสุตฺตาทีนิ โสฬส สุตฺตานิ. สเรน อภณีติ สุตฺตุสฺสารณสเรน อภาสิ, สรภฺวเสน กเถสีติ อตฺโถ. สรภฺปริโยสาเนติ อุสฺสารณาวสาเน. สุคฺคหิตานีติ สมฺมา อุคฺคหิตานิ. สุมนสิกตานีติ สุฏฺุ มนสิ กตานิ. เอกจฺโจ อุคฺคหณกาเล สมฺมา อุคฺคเหตฺวาปิ ปจฺฉา สชฺฌายาทิวเสน มนสิ กรณกาเล ¶ พฺยฺชนานิ วา มิจฺฉา โรเปติ, ปทปจฺฉาภฏฺํ วา กโรติ, น เอวมยํ. อิมินา ปน สมฺมเทว ยถุคฺคหิตํ มนสิ กตานิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สุมนสิกตานีติ สุฏฺุ มนสิ กตานี’’ติ. สูปธาริตานีติ อตฺถโตปิ สุฏฺุ อุปธาริตานิ. อตฺเถ หิ สุฏฺฏุ อุปธาริเต สกฺกา ปาฬึ สมฺมา อุสฺสาเรตุํ. กลฺยาณิยาสิ วาจาย สมนฺนาคโตติ สิถิลธนิตาทีนํ ยถาวิธานวจเนน ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนปริปุณฺณาย โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต อาสิ. วิสฺสฏฺายาติ วิมุตฺตาย. เอเตนสฺส วิมุตฺตวาทิตํ ¶ ทสฺเสติ. อเนลคฬายาติ เอลา วุจฺจติ โทโส, ตํ น ปคฺฆรตีติ อเนลคฬา, ตาย นิทฺโทสายาติ อตฺโถ. อถ วา อเนลคฬายาติ อเนลาย จ อคฬาย จ นิทฺโทสาย อคฬิตปทพฺยฺชนาย, อปริหีนปทพฺยฺชนายาติ อตฺโถ. ตถา หิ นํ ภควา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ กลฺยาณวากฺกรณานํ ยทิทํ โสโณ กุฏิกณฺโณ’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๖) เอตทคฺเค เปสิ. อตฺถสฺส วิฺาปนิยาติ ยถาธิปฺเปตํ อตฺถํ วิฺาเปตุํ สมตฺถาย.
กติวสฺโสติ โส กิร มชฺฌิมวยสฺส ตติยโกฏฺาเส ิโต อากปฺปสมฺปนฺโน จ ปเรสํ จิรตรปพฺพชิโต วิย ขายติ. ตํ สนฺธาย ภควา ปุจฺฉตีติ เกจิ, ตํ อการณํ. เอวํ สนฺเต สมาธิสุขํ อนุภวิตุํ ยุตฺโต, เอตฺตกํ กาลํ กสฺมา ปมาทมาปนฺโนติ ปุน อนุยฺุชิตุํ สตฺถา ‘‘กติวสฺโสสี’’ติ ตํ ปุจฺฉติ. เตเนวาห – ‘‘กิสฺส ปน ตฺวํ ภิกฺขุ เอวํ จิรํ อกาสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ กิสฺสาติ กึ การณา. เอวํ จิรํ อกาสีติ เอวํ จิรายิ, เกน การเณน เอวํ จิรกาลํ ปพฺพชฺชํ อนุปคนฺตฺวา อคารมชฺเฌ วสีติ อตฺโถ. จิรํ ทิฏฺโ เมติ จิเรน จิรกาเลน มยา ทิฏฺโ. กาเมสูติ กิเลสกาเมสุ จ วตฺถุกาเมสุ จ. อาทีนโวติ โทโส. อปิ จาติ กาเมสุ อาทีนเว เกนจิ ปกาเรน ทิฏฺเปิ น ตาวาหํ ฆราวาสโต นิกฺขมิตุํ อสกฺขึ. กสฺมา? สมฺพาโธ ฆราวาโส อุจฺจาวเจหิ กิจฺจกรณีเยหิ สมุปพฺยูฬฺโห อคาริยภาโว. เตเนวาห – ‘‘พหุกิจฺโจ พหุกรณีโย’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ กาเมสุ ยถาภูตํ อาทีนวทสฺสิโน จิตฺตํ จิรายิตฺวาปิ น ปติฏฺาติ, อฺทตฺถุ ปทุมปลาเส อุทกพินฺทุ วิย วินิวตฺตติเยวาติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ ปวตฺตึ นิวตฺติฺจ สมฺมเทว ชานนฺโต ปวตฺติยํ ตนฺนิมิตฺเต จ น กทาจิปิ รมตีติ อิทมตฺถทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ ทิสฺวา อาทีนวํ โลเกติ สพฺพสฺมึ สงฺขารโลเก ‘‘อนิจฺโจ ทุกฺโข วิปริณามธมฺโม’’ติอาทินา อาทีนวํ โทสํ ปฺาย ปสฺสิตฺวา. เอเตน วิปสฺสนาวาโร กถิโต ¶ . ตฺวา ธมฺมํ นิรุปธินฺติ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคตฺตา นิรุปธึ นิพฺพานธมฺมํ ยถาภูตํ ตฺวา นิสฺสรณวิเวกาสงฺขตามตสภาวโต มคฺคาเณน ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ‘‘ทิสฺวา ตฺวา’’ติ อิเมสํ ปทานํ ‘‘สปฺปึ ปิวิตฺวา พลํ โหติ, สีหํ ทิสฺวา ภยํ โหติ, ปฺาย ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติอาทีสุ (ปุ. ป. ๒๐๘; อ. นิ. ๙.๔๒-๔๓) วิย เหตุอตฺถตา ทฏฺพฺพา. อริโย น รมตี ปาเปติ กิเลเสหิ อารกตฺตา อริโย สปฺปุริโส อณุมตฺเตปิ ปาเป น รมติ. กสฺมา? ปาเป น รมตี สุจีติ สุวิสุทฺธกายสมาจาราทิตาย วิสุทฺธปุคฺคโล ราชหํโส วิย อุกฺการฏฺาเน ปาเป สํกิลิฏฺธมฺเม น รมติ นาภินนฺทติ. ‘‘ปาโป น รมตี สุจิ’’นฺติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – ปาโป ปาปปุคฺคโล สุจึ อนวชฺชํ โวทานธมฺมํ น รมติ, อฺทตฺถุ คามสูกราทโย วิย อุกฺการฏฺานํ อสุจึ สํกิเลสธมฺมํเยว รมตีติ ปฏิปกฺขโต เทสนํ ปริวตฺเตติ.
เอวํ ภควตา อุทาเน อุทานิเต อายสฺมา โสโณ อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส วจเนน ปจฺจนฺตเทเส ปฺจวคฺเคน ¶ อุปสมฺปทาทิปฺจวตฺถูนิ ยาจิ. ภควาปิ ตานิ อนุชานีติ ตํ สพฺพํ ขนฺธเก (มหาว. ๒๔๒ อาทโย) อาคตนเยน เวทิตพฺพํ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. กงฺขาเรวตสุตฺตวณฺณนา
๔๗. สตฺตเม กงฺขาเรวโตติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. โส หิ สาสเน ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สีลวา กลฺยาณธมฺโม วิหรติ, ‘‘อกปฺปิยา มุคฺคา, น กปฺปนฺติ มุคฺคา ปริภฺุชิตุํ, อกปฺปิโย คุโฬ’’ติ (มหาว. ๒๗๒) จ อาทินา วินยกุกฺกุจฺจสงฺขาตกงฺขาพหุโล ปน โหติ. เตน กงฺขาเรวโตติ ปฺายิตฺถ. โส อปรภาเค สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต ฉฬภิฺา สจฺฉิกตฺวา ฌานสุเขน ¶ ผลสุเขน วีตินาเมติ, เยภุยฺเยน ปน อตฺตนา อธิคตํ อริยมคฺคํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อตฺตโน กงฺขาวิตรณวิสุทฺธึ ปจฺจเวกฺขมาโน’’ติ. มคฺคปฺา หิ ‘‘อโหสึ ¶ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินยปวตฺตาย (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) โสฬสวตฺถุกาย, ‘‘พุทฺเธ กงฺขติ…เป… ปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ กงฺขตี’’ติ (ธ. ส. ๑๐๐๘) เอวํ วุตฺตาย อฏฺวตฺถุกาย, ปเคว อิตราสนฺติ อนวเสสโต สพฺพกงฺขานํ วิตรณโต สมติกฺกมนโต, อฺเหิ จ อตฺตนา ปหาตพฺพกิเลเสหิ อจฺจนฺตวิสุชฺฌนโต ‘‘กงฺขาวิตรณวิสุทฺธี’’ติ อิธาธิปฺเปตา. ตฺหิ อยมายสฺมา ทีฆรตฺตํ กงฺขาปกตตฺตา ‘‘อิมํ มคฺคธมฺมํ อธิคมฺม อิมา เม กงฺขา อนวเสสา ปหีนา’’ติ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขมาโน นิสีทิ, น สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนํ อนิจฺจนฺติกตฺตา ตสฺส กงฺขาวิตรณสฺส.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อริยมคฺคสฺส อนวเสสกงฺขาวิตรณสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวา ตทตฺถทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยา กาจิ กงฺขา อิธ วา หุรํ วาติ อิธ อิมสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺเน อตฺตภาเว ‘‘อหํ นุ โขสฺมิ โน นุ โขสฺมี’’ติอาทินา หุรํ วา, อตีตานาคเตสุ อตฺตภาเวสุ ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินา อุปฺปชฺชนกา กงฺขา. สกเวทิยา วา ปรเวทิยา วาติ ตา เอวํ วุตฺตนเยเนว ¶ สกอตฺตภาเว อารมฺมณวเสน ปฏิลภิตพฺพาย ปวตฺติยา สกเวทิยา วา ปรสฺส อตฺตภาเว ปฏิลภิตพฺพาย ‘‘พุทฺโธ นุ โข, โน นุ โข’’ติอาทินา วา ปรสฺมึ ปธาเน อุตฺตเม ปฏิลภิตพฺพาย ปวตฺติยา ปรเวทิยา วา ยา กาจิ กงฺขา วิจิกิจฺฉา. เย ฌายิโน ตา ปชหนฺติ สพฺพา, อาตาปิโน พฺรหฺมจริยํ จรนฺตาติ เย อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน ฌายิโน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานปาริปูริยา อาตาปิโน มคฺคพฺรหฺมจริยํ จรนฺตา อธิคจฺฉนฺตา สทฺธานุสารีอาทิปฺปเภทา ปมมคฺคฏฺา ปุคฺคลา, ตา สพฺพา กงฺขา ปชหนฺติ สมุจฺฉินฺทนฺติ มคฺคกฺขเณ. ตโต ปรํ ปน ตา ปหีนา นาม โหนฺติ, ตสฺมา อิโต อฺํ ตาสํ อจฺจนฺตปฺปหานํ นาม นตฺถีติ อธิปฺปาโย.
อิติ ¶ ภควา ฌานมุเขน อายสฺมโต กงฺขาเรวตสฺส ฌานสีเสน อริยมคฺคาธิคมํ โถเมนฺโต โถมนาวเสน อุทานํ อุทาเนสิ. เตเนว จ นํ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ฌายีนํ ยทิทํ กงฺขาเรวโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๔) ฌายีภาเวน เอตทคฺเค เปสีติ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สงฺฆเภทสุตฺตวณฺณนา
๔๘. อฏฺเม ¶ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจาติ อภิมาเร ปโยเชตฺวา นาฬาคิรึ วิสฺสชฺชาเปตฺวา สิลํ ปวฏฺเฏตฺวา ภควโต อนตฺถํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา จกฺกเภทํ กริสฺสามี’’ติ อธิปฺปาเยน เอตํ ‘‘อชฺชตคฺเค’’ติอาทิวจนํ อโวจ. อฺตฺเรว ภควตาติ วินา เอว ภควนฺตํ, สตฺถารํ อกตฺวาติ อตฺโถ. อฺตฺร ภิกฺขุสงฺฆาติ วินา เอว ภิกฺขุสงฺฆํ. อุโปสถํ กริสฺสามิ สงฺฆกมฺมานิ จาติ ภควโต โอวาทการกํ ภิกฺขุสงฺฆํ วิสุํ กตฺวา มํ อนุวตฺตนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อาเวณิกํ อุโปสถํ สงฺฆกมฺมานิ จ กริสฺสามีติ อตฺโถ. เทวทตฺโต สงฺฆํ ภินฺทิสฺสตีติ เภทกรานํ สพฺเพสํ เทวทตฺเตน สชฺชิตตฺตา เอกํเสเนว เทวทตฺโต อชฺช ¶ สงฺฆํ ภินฺทิสฺสติ ทฺวิธา กริสฺสติ. ‘‘อธมฺมํ ธมฺโม’’ติอาทีสุ หิ อฏฺารสสุ เภทกรวตฺถูสุ ยํกิฺจิ เอกมฺปิ วตฺถุํ ทีเปตฺวา เตน เตน การเณน ‘‘อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’’ติ สฺาเปตฺวา สลากํ คาเหตฺวา วิสุํ สงฺฆกมฺเม กเต สงฺโฆ ภินฺโน โหติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปฺจหิ, อุปาลิ, อากาเรหิ สงฺโฆ ภิชฺชติ กมฺเมน อุทฺเทเสน โวหรนฺโต อนุสฺสาวเนน สลากคฺคาเหนา’’ติ (ปริ. ๔๕๘).
ตตฺถ กมฺเมนาติ อปโลกนกมฺมาทีสุ จตูสุ กมฺเมสุ อฺตเรน กมฺเมน. อุทฺเทเสนาติ ¶ ปฺจสุ ปาติโมกฺขุทฺเทเสสุ อฺตเรน อุทฺเทเสน. โวหรนฺโตติ ตาหิ ตาหิ อุปฺปตฺตีหิ ‘‘อธมฺมํ ธมฺโม’’ติอาทีนิ (อ. นิ. ๑๐.๓๗; จูฬว. ๓๕๒) อฏฺารสเภทกรวตฺถูนิ ทีเปนฺโต. อนุสฺสาวเนนาติ ‘‘นนุ ตุมฺเห ชานาถ มยฺหํ อุจฺจากุลา ปพฺพชิตภาวํ พหุสฺสุตภาวฺจ, มาทิโส นาม อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ คาเหยฺยาติ กึ ตุมฺหากํ จิตฺตมฺปิ อุปฺปาเทตุํ ยุตฺตํ, กิมหํ อปายโต น ภายามี’’ติอาทินา นเยน กณฺณมูเล วจีเภทํ กตฺวา อนุสฺสาวเนน. สลากคฺคาเหนาติ เอวํ อนุสฺสาเวตฺวา เตสํ จิตฺตํ อุปตฺถมฺเภตฺวา อนาวตฺติธมฺเม กตฺวา ‘‘คณฺหถ อิมํ สลาก’’นฺติ สลากคฺคาเหน.
เอตฺถ จ กมฺมเมว อุทฺเทโส วา ปมาณํ, โวหารานุสฺสาวนสลากคฺคาหา ปน ปุพฺพภาคา. อฏฺารสวตฺถุทีปนวเสน หิ โวหรนฺเตน ตตฺถ รุจิชนนตฺถํ อนุสฺสาเวตฺวา สลากาย คาหิตายปิ อภินฺโนว โหติ สงฺโฆ. ยทา ปเนวํ จตฺตาโร วา อติเรกา วา สลากํ คาเหตฺวา อาเวณิกํ อุทฺเทสํ วา กมฺมํ วา กโรนฺติ, ตทา สงฺโฆ ภินฺโน นาม โหติ. เทวทตฺโต จ สพฺพํ สงฺฆเภทสฺส ปุพฺพภาคํ ¶ นิปฺผาเทตฺวา ‘‘เอกํเสเนว อชฺช อาเวณิกํ อุโปสถํ สงฺฆกมฺมฺจ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อชฺชตคฺเค’’ติอาทิวจนํ อโวจ. เตนาห – ‘‘อชฺช, ภนฺเต, เทวทตฺโต สงฺฆํ ภินฺทิสฺสตี’’ติ. ยโต อโวจุมฺหา ‘‘เภทกรานํ สพฺเพสํ เทวทตฺเตน สชฺชิตตฺตา’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อวีจิมหานิรยุปฺปตฺติสํวตฺตนิยํ กปฺปฏฺิยํ อเตกิจฺฉํ เทวทตฺเตน นิพฺพตฺติยมานํ สงฺฆเภทกมฺมํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ¶ . อิมํ อุทานนฺติ กุสลากุสเลสุ ยถากฺกมํ สปฺปุริสาสปฺปุริสสภาควิสภาคปฏิปตฺติวเสน ปน สุกุสลาติ อิทมตฺถวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สุกรํ สาธุนา สาธูติ อตฺตโน ปเรสฺจ หิตํ สาเธตีติ ¶ สาธุ, สมฺมาปฏิปนฺโน. เตน สาธุนา สาริปุตฺตาทินา สาวเกน ปจฺเจกพุทฺเธน สมฺมาสมฺพุทฺเธน อฺเน วา โลกิยสาธุนา สาธุ สุนฺทรํ ภทฺทกํ อตฺตโน ปเรสฺจ หิตสุขาวหํ สุกรํ สุเขน กาตุํ สกฺกา. สาธุ ปาเปน ทุกฺกรนฺติ ตเทว ปน วุตฺตลกฺขณํ สาธุ ปาเปน เทวทตฺตาทินา ปาปปุคฺคเลน ทุกฺกรํ กาตุํ น สกฺกา, น โส ตํ กาตุํ สกฺโกตีติ อตฺโถ. ปาปํ ปาเปน สุกรนฺติ ปาปํ อสุนฺทรํ อตฺตโน ปเรสฺจ อนตฺถาวหํ ปาเปน ยถาวุตฺตปาปปุคฺคเลน สุกรํ สุเขน กาตุํ สกฺกุเณยฺย. ปาปมริเยหิ ทุกฺกรนฺติ อริเยหิ ปน พุทฺธาทีหิ ตํ ตํ ปาปํ ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวํ. เสตุฆาโตเยว หิ เตสนฺติ สตฺถา ทีเปติ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. สธายมานสุตฺตวณฺณนา
๔๙. นวเม มาณวกาติ ตรุณา. ปเม โยพฺพเน ิตา พฺราหฺมณกุมารกา อิธาธิปฺเปตา.
สธายมานรูปาติ อุปฺปณฺฑนชาติกํ วจนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อฺเสํ อุปฺปณฺเฑนฺตา สธนฺติ, ตทตฺถวจนสีลาติ อตฺโถ. ตสฺสายํ วจนตฺโถ – สธนํ สโธ, ตํ อาจิกฺขนฺตีติ สธยมานาติ วตฺตพฺเพ ทีฆํ กตฺวา ‘‘สธายมานา’’ติ วุตฺตํ. อถ วา วิเสสโต สเสเธ วิย อตฺตานํ อาวทนฺตีติ สธายมานา. เต เอวํ สภาวตาย ‘‘สธายมานรูปา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สทฺทายมานรูปา’’ติปิ ¶ ปาโ, อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทํ กโรนฺตาติ อตฺโถ. ภควโต อวิทูเร อติกฺกมนฺตีติ ภควโต สวนวิสเย ตํ ตํ มุขารุฬฺหํ วทนฺตา อติยนฺติ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ เตสํ วาจาย อสฺตภาวํ ¶ ชานิตฺวา ตทตฺถทีปกํ ธมฺมสํเวควเสน อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ปริมุฏฺาติ ทนฺธา มุฏฺสฺสติโน. ปณฺฑิตาภาสาติ ปณฺฑิตปติรูปกา ‘‘เก อฺเ ชานนฺติ, มยเมเวตฺถ ชานามา’’ติ ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ อตฺตานเมว ชานนฺตํ กตฺวา สมุทาจรณโต. วาจาโคจรภาณิโนติ เยสํ วาจา เอว โคจโร วิสโย, เต วาจาโคจรภาณิโน, วาจาวตฺถุมตฺตสฺเสว ภาณิโน อตฺถสฺส อปริฺาตตฺตา. อถ วา วาจาย อโคจรํ อริยานํ กถาย อวิสยํ มุสาวาทํ ภณนฺตีติ วาจาโคจรภาณิโน. อถ วา ‘‘โคจรภาณิโน’’ติ เอตฺถ อาการสฺส รสฺสภาโว กโต. วาจาโคจรา, น สติปฏฺานาทิโคจรา ภาณิโนว. กถํ ภาณิโน? ยาวิจฺฉนฺติ มุขายามํ อตฺตโน ยาว มุขายามํ ยาว มุขปฺปสารณํ อิจฺฉนฺติ, ตาว ปสาเรตฺวา ภาณิโน, ปเรสุ คารเวน, อตฺตโน อวิสยตาย จ มุขสงฺโกจํ น กโรนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา วาจาโคจรา เอว หุตฺวา ภาณิโน, สยํ อชานิตฺวา ปรปตฺติกา เอว หุตฺวา วตฺตาโรติ อตฺโถ. ตโต เอว ยาวิจฺฉนฺติ มุขายามํ เยน วจเนน สาเวตพฺพา, ตํ อจินฺเตตฺวา ยาวเทว อตฺตโน มุขปฺปสารณมตฺตํ อิจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. เยน นีตา น ตํ วิทูติ เยน มุฏฺสฺสจฺจาทินา นิลฺลชฺชภาวํ ปณฺฑิตมานีภาวฺจ นีตา ‘‘มยเมวํ ภณามา’’ติ, ตํ ตถา อตฺตโน ภณนฺตสฺส การณํ น วิทู, อวิทฺทสุโน อสูรา น ชานนฺตีติ อตฺโถ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. จูฬปนฺถกสุตฺตวณฺณนา
๕๐. ทสเม จูฬปนฺถโกติ มหาปนฺถกตฺเถรสฺส กนิฏฺภาติกตฺตา ปนฺเถ ชาตตฺตา จ ทหรกาเล ลทฺธโวหาเรน อปรภาเคปิ อยมายสฺมา ‘‘จูฬปนฺถโก’’ตฺเวว ปฺายิตฺถ. คุณวิเสเสหิ ปน ฉฬภิฺโ ปภินฺนปฏิสมฺภิโท ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ¶ ¶ มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ ยทิทํ จูฬปนฺถโก, เจโตวิวฏฺฏกุสลานํ ¶ ยทิทํ จูฬปนฺถโก’’ติ ทฺวีสุ (อ. นิ. ๑.๑๙๙) าเนสุ ภควตา เอตทคฺเค ปิโต อสีติยา มหาสาวเกสุ อพฺภนฺตโร.
โส เอกทิวสํ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต อตฺตโน ทิวาฏฺาเน ทิวาวิหารํ นิสินฺโน สมาปตฺตีหิ ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมยํ อุปาสเกสุ ธมฺมสฺสวนตฺถํ อนาคเตสุ เอว วิหารมชฺฌํ ปวิสิตฺวา ภควติ คนฺธกุฏิยํ นิสินฺเน ‘‘อกาโล ตาว ภควโต อุปฏฺานํ อุปสงฺกมิตุ’’นฺติ คนฺธกุฏิปมุเข เอกมนฺตํ นิสีทิ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา จูฬปนฺถโก ภควโต อวิทูเร นิสินฺโน โหติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ. โส หิ ตทา กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต จูฬปนฺถกสฺส กายจิตฺตานํ สมฺมาปณิหิตภาวสงฺขาตํ อตฺถํ ชานิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อฺโปิ โย ปสฺสทฺธกาโย สพฺพิริยาปเถสุ อุปฏฺิตสฺสติ สมาหิโต, ตสฺส ภิกฺขุโน อนุปาทา ปรินิพฺพานปริโยสานสฺส วิเสสาธิคมสฺส ตตฺถ ปาตุภาววิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ิเตน กาเยนาติ กายทฺวาริกสฺส อสํวรสฺส ปหาเนน อกรเณน สมฺมา ปิเตน โจปนกาเยน, ตถา จกฺขาทีนํ อินฺทฺริยานํ นิพฺพิเสวนภาวกรเณน สุฏฺุ ปิเตน ปฺจทฺวาริกกาเยน, สํยตหตฺถปาทตาย หตฺถกุกฺกุจฺจาทีนํ อภาวโต อปริผนฺทเนน ิเตน กรชกาเยน จาติ สงฺเขปโต สพฺเพนปิ กาเยน นิพฺพิการตาสงฺขาเตน นิจฺจลภาเวน ิเตน. เอเตนสฺส สีลปาริสุทฺธิ ทสฺสิตา. อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ จ อิทํ กรณวจนํ. ิเตน เจตสาติ จิตฺตสฺส ิติปริทีปเนน สมาธิสมฺปทํ ทสฺเสติ. สมาธิ หิ จิตฺตสฺส ‘ิตี’ติ วุจฺจติ. ตสฺมา สมถวเสน วิปสฺสนาวเสเนว วา เอกคฺคตาย สติ จิตฺตํ อารมฺมเณ เอโกทิภาวูปคมเนน ิตํ นาม โหติ, น อฺถา. อิทฺจ ยถาวุตฺตกายจิตฺตานํ ปนํ สมาทหนํ สพฺพสฺมึ กาเล สพฺเพสุ จ อิริยาปเถสุ อิจฺฉิตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ติฏฺํ นิสินฺโน อุท วา สยาโน’’ติ ¶ . ตตฺถ ¶ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ. เตน ติฏฺนฺโต วา นิสินฺโน วา สยาโน วา ตทฺิริยาปโถ วาติ อยมตฺโถ ทีปิโต โหตีติ จงฺกมนสฺสาปิ อิธ สงฺคโห เวทิตพฺโพ.
เอตํ ¶ สตึ ภิกฺขุ อธิฏฺหาโนติ ยาย ปเคว ปริสุทฺธสมาจาโร กายจิตฺตทุฏฺุลฺลภาวูปสมเนน กายํ จิตฺตฺจ อสารทฺธํ กตฺวา ปฏิลทฺธาย อนวชฺชสุขาธิฏฺาย กายจิตฺตปสฺสทฺธิวเสน จิตฺตํ ลหุํ มุทุํ กมฺมฺฺจ กตฺวา สมฺมา เปนฺโต สมาทหนฺโต กมฺมฏฺานํ ปริพฺรูเหติ มตฺถกฺจ ปาเปติ, ตํ เอว กมฺมฏฺานานุโยคสฺส อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ พหูปการํ สตึ ภิกฺขุ อธิฏฺหาโน สีลวิโสธนํ อาทึ กตฺวา ยาว วิเสสาธิคมา ตตฺถ ตตฺถ อธิฏฺหนฺโตติ อตฺโถ. ลเภถ ปุพฺพาปริยํ วิเสสนฺติ โส เอวํ สติอารกฺเขน เจตสา กมฺมฏฺานํ อุปรูปริ วฑฺเฒนฺโต พฺรูเหนฺโต ผาตึ กโรนฺโต ปุพฺพาปริยํ ปุพฺพาปริยวนฺตํ ปุพฺพาปรภาเคน ปวตฺตํ อุฬารุฬารตราทิเภทวิเสสํ ลเภยฺย.
ตตฺถ ทุวิโธ ปุพฺพาปริยวิเสโส สมถวเสน วิปสฺสนาวเสน จาติ. เตสุ สมถวเสน ตาว นิมิตฺตุปฺปตฺติโต ปฏฺาย ยาว เนวสฺานาสฺายตนวสีภาโว, ตาว ปวตฺโต ภาวนาวิเสโส ปุพฺพาปริยวิเสโส. วิปสฺสนาวเสน ปน รูปมุเขน อภินิวิสนฺตสฺส รูปธมฺมปริคฺคหโต, อิตรสฺส นามธมฺมปริคฺคหโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตาธิคโม, ตาว ปวตฺโต ภาวนาวิเสโส ปุพฺพาปริยวิเสโส. อยเมว จ อิธาธิปฺเปโต.
ลทฺธาน ปุพฺพาปริยํ วิเสสนฺติ ปุพฺพาปริยวิเสสํ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตํ อรหตฺตํ ลภิตฺวา. อทสฺสนํ มจฺจุราชสฺส คจฺเฉติ ชีวิตุปจฺเฉทวเสน สพฺเพสํ สตฺตานํ อภิภวนโต มจฺจุราชสงฺขาตสฺส มรณสฺส วิสยภูตํ ภวตฺตยํ สมติกฺกนฺตตฺตา อทสฺสนํ อโคจรํ คจฺเฉยฺย. อิมสฺมึ วคฺเค ยํ อวุตฺตํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมวาติ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ มหาวคฺควณฺณนา.