📜
๖. ชจฺจนฺธวคฺโค
๑. อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนสุตฺตวณฺณนา
๕๑. ชจฺจนฺธวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม เวสาลิยนฺติอาทิ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว. เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสีติ กทา ปาวิสิ? อุกฺกาเจลโต นิกฺขมิตฺวา เวสาลึ คตกาเล. ภควา หิ เวฬุวคามเก วสฺสํ วสิตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวเน วิหาสิ. ตสฺมึ กาเล ธมฺมเสนาปติ อตฺตโน อายุสงฺขารํ โอโลเกตฺวา ‘‘สตฺตาหเมว ปวตฺติสฺสตี’’ติ ตฺวา ภควนฺตํ อนุชานาเปตฺวา นาฬกคามํ คนฺตฺวา ตตฺถ มาตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา ปรินิพฺพายิ. สตฺถา จุนฺเทน อาภตา ตสฺส ธาตุโย คเหตฺวา ธาตุเจติยํ การาเปตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคหํ อคมาสิ. ตตฺถ คตกาเล อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปรินิพฺพายิ. ภควา ตสฺสปิ ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ การาเปตฺวา ราชคหโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน อุกฺกาเจลํ อคมาสิ. ตตฺถ คงฺคาตีเร ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต นิสีทิตฺวา อคฺคสาวกานํ ปรินิพฺพานปฺปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมํ เทเสตฺวา อุกฺกาเจลโต นิกฺขมิตฺวา เวสาลึ อคมาสิ. เอวํ คโต ภควา ‘‘ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสี’’ติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุกฺกาเจลโต นิกฺขมิตฺวา เวสาลึ คตกาเล’’ติ.
นิสีทนนฺติ อิธ จมฺมกฺขณฺฑํ อธิปฺเปตํ. จาปาลํ เจติยนฺติ ปุพฺเพ จาปาลสฺส นาม ยกฺขสฺส วสิตฏฺานํ ‘‘จาปาลเจติย’’นฺติ ¶ ปฺายิตฺถ. ตตฺถ ภควโต กตวิหาโรปิ ตาย รุฬฺหิยา ‘‘จาปาลเจติย’’นฺติ วุจฺจติ. อุเทนํ เจติยนฺติ เอวมาทีสุปิ เอเสว นโย. สตฺตมฺพนฺติ กิกิสฺส กิร กาสิรฺโ ธีตโร สตฺต กุมาริโย สํเวคชาตา ราชเคหโต นิกฺขมิตฺวา ยตฺถ ปธานํ ปทหึสุ, ตํ านํ ‘‘สตฺตมฺพํ เจติย’’นฺติ วทนฺติ. พหุปุตฺตนฺติ พหุปาโรโห เอโก นิคฺโรธรุกฺโข, ตสฺมึ อธิวตฺถํ เทวตํ พหู มนุสฺสา ปุตฺเต ปตฺเถนฺติ, ตทุปาทาย ตํ านํ ‘‘พหุปุตฺตํ เจติย’’นฺติ ปฺายิตฺถ. สารนฺททนฺติ สารนฺททสฺส นาม ยกฺขสฺส วสิตฏฺานํ. อิติ สพฺพาเนว ตานิ พุทฺธุปฺปาทโต ปุพฺเพ เทวตาปริคฺคหิตตฺตา เจติยโวหาเรน โวหริตานิ ¶ , ภควโต วิหาเร กเตปิ จ ตเถว ปฺายนฺติ. รมณียาติ เอตฺถ เวสาลิยา ตาว ¶ ภูมิภาคสมฺปตฺติยา ปุคฺคลสมฺปตฺติยา สุลภปจฺจยตาย จ รมณียภาโว เวทิตพฺโพ. วิหารานํ ปน นครโต นาติทูรตาย นาจฺจาสนฺนตาย คมนาคมนสมฺปตฺติยา อนากิณฺณวิหารฏฺานตาย ฉายูทกสมฺปตฺติยา ปวิเวกปติรูปตาย จ รมณียตา ทฏฺพฺพา. จตฺตาโร อิทฺธิปาทาติ เอตฺถ อิทฺธิปาทปทสฺส อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. ภาวิตาติ วฑฺฒิตา. พหุลีกตาติ ปุนปฺปุนํ กตา. ยานีกตาติ ยุตฺตยานํ วิย กตา. วตฺถุกตาติ ปติฏฺฏฺเน วตฺถุ วิย กตา. อนุฏฺิตาติ อธิฏฺิตา. ปริจิตาติ สมนฺตโต จิตา สุวฑฺฒิตา. สุสมารทฺธาติ สุฏฺุ สมารทฺธา, อติวิย สมฺมา นิปฺผาทิตาติ.
เอวํ อนิยเมน กเถตฺวา ปุน นิยเมตฺวา ทสฺเสตุํ, ‘‘ตถาคตสฺส โข’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ กปฺปนฺติ อายุกปฺปํ. ติฏฺเยฺยาติ ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล ยํ มนุสฺสานํ อายุปฺปมาณํ, ตํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ติฏฺเยฺย ธเรยฺย. กปฺปาวเสสํ วาติ ‘‘อปฺปํ วา ภิยฺโย วา’’ติ (ที. นิ. ๒.๗; อ. นิ. ๗.๗๔) วุตฺตํ วสฺสสตโต อติเรกํ วา. มหาสีวตฺเถโร ปนาห – ‘‘พุทฺธานํ อฏฺาเน คชฺชิตํ นาม นตฺถิ. ยเถว หิ เวฬุวคามเก อุปฺปนฺนํ มารณนฺติกํ เวทนํ ทส มาเส วิกฺขมฺเภสิ, เอวํ ปุนปฺปุนํ ตํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วิกฺขมฺเภนฺโต อิมํ ภทฺทกปฺปเมว ¶ ติฏฺเยฺยา’’ติ. กสฺมา ปน น ิโตติ? อุปาทินฺนกสรีรํ นาม ขณฺฑิจฺจาทีหิ อภิภุยฺยติ, พุทฺธา จ ปน ขณฺฑิจฺจาทิภาวํ อปฺปตฺวา ปฺจเม อายุโกฏฺาเส พหุชนสฺส ปิยมนาปกาเลเยว ปรินิพฺพายนฺติ. พุทฺธานุพุทฺเธสุ อคฺคสาวกมหาสาวเกสุ ปรินิพฺพุเตสุ อปริวาเรน เอกเกเนว าตพฺพํ โหติ, ทหรสามเณรปริวาเรน วา. ตโต ‘‘อโห พุทฺธานํ ปริสา’’ติ หีเฬตพฺพตํ อาปชฺเชยฺย, ตสฺมา น ิโตติ. เอวํ วุตฺเตปิ โส ปน น รุจฺจติ, ‘‘อายุกปฺโป’’ติ อิทเมว อฏฺกถาย นิยมิตํ.
โอฬาริเก ¶ นิมิตฺเตติ ถูเล สฺุปฺปาทเน. ถูลสฺุปฺปาทนฺเหตํ, ‘‘ติฏฺตุ ภควา กปฺป’’นฺติ สกลกปฺปํ อวฏฺานยาจนาย ยทิทํ ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา’’ติอาทินา อฺาปเทเสน อตฺตโน จตุริทฺธิปาทภาวนานุภาเวน กปฺปํ อวฏฺานสมตฺถตาวิภาวนํ. โอภาเสติ ปากฏวจเน. ปากฏฺเจตํ วจนํ ปริยายํ มฺุจิตฺวา อุชุกเมว อตฺตโน อธิปฺปายวิภาวนํ.
พหุชนหิตายาติ มหาชนสฺส หิตตฺถาย. พหุชนสุขายาติ มหาชนสฺส สุขตฺถาย. โลกานุกมฺปายาติ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ. กตรสฺส สตฺตโลกสฺส? โย ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิวิชฺฌติ, อมตปานํ ปิวติ, ตสฺส. ภควโต หิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตเทสนาย ¶ อฺาตโกณฺฑฺปฺปมุขา อฏฺารส พฺรหฺมโกฏิโย ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌึสุ. เอวํ ยาว สุภทฺทปริพฺพาชกวินยนา ธมฺมปฏิวิทฺธสตฺตานํ คณนา นตฺถิ, มหาสมยสุตฺตํ มงฺคลสุตฺตํ จูฬราหุโลวาทสุตฺตํ สมจิตฺตสุตฺตนฺติ อิเมสํ จตุนฺนํ สุตฺตานํ เทสนากาเล อภิสมยปฺปตฺตสตฺตานํ ปริจฺเฉโท นตฺถิ, เอตสฺส อปริมาณสฺส สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย ภควโต านํ ชาตํ. เอวํ อนาคเตปิ ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาเยน วทติ. เทวมนุสฺสานนฺติ น เกวลํ เทวมนุสฺสานํเยว, อวเสสานํ นาคสุปณฺณาทีนมฺปิ อตฺถาย หิตาย สุขาย ภควโต านํ โหติ. สเหตุกปฏิสนฺธิเก ปน มคฺคผลสจฺฉิกิริยาย ภพฺพปุคฺคเล ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺตํ, ตสฺมา อฺเสมฺปิ อตฺถตฺถาย หิตตฺถาย สุขตฺถาย ภควา ติฏฺตูติ อตฺโถ. ตตฺถ อตฺถายาติ อิธโลกสมฺปตฺติอตฺถาย ¶ . หิตายาติ ปรโลกสมฺปตฺติเหตุภูตหิตตฺถาย. สุขายาติ นิพฺพานธาตุสุขตฺถาย. ปุริมํ ปน หิตสุขคฺคหณํ สพฺพสาธารณวเสน เวทิตพฺพํ.
ยถา ตํ มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺโตติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, ยถา มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺโต อชฺโฌตฺถฏจิตฺโต อฺโปิ โกจิ ปุถุชฺชโน ปฏิวิชฺฌิตุํ น สกฺกุเณยฺย, เอวเมว นาสกฺขิ ปฏิวิชฺฌิตุนฺติ อตฺโถ. มาโร หิ ยสฺส เกจิ วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, ตสฺส จิตฺตํ ปริยุฏฺาติ. ยสฺส ปน สพฺเพน สพฺพํ ทฺวาทส วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, ตสฺส วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, เถรสฺส จ จตฺตาโร วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, เตนสฺส จิตฺตํ ปริยุฏฺาสิ. โส ปน จิตฺตปริยุฏฺานํ กโรนฺโต กึ กโรตีติ? เภรวํ รูปารมฺมณํ วา ทสฺเสติ, สทฺทารมฺมณํ วา สาเวติ, ตโต สตฺตา ตํ ทิสฺวา ¶ วา สุตฺวา วา สตึ วิสฺสชฺเชตฺวา วิวฏมุขา โหนฺติ. เตสํ มุเขน หตฺถํ ปเวเสตฺวา หทยํ มทฺทติ, ตโต วิสฺิโน หุตฺวา ติฏฺนฺติ. เถรสฺส ปเนส มุเขน หตฺถํ ปเวเสตุํ กึ สกฺขิสฺสติ, เภรวารมฺมณํ ปน ทสฺเสติ. ตํ ทิสฺวา เถโร นิมิตฺโตภาสํ น ปฏิวิชฺฌิ. ชานนฺโตเยว ภควา กิมตฺถํ ยาวตติยํ อามนฺเตสิ? ปรโต ‘‘ติฏฺตุ, ภนฺเต ภควา’’ติ ยาจิเต ‘‘ตุยฺเหเวตํ ทุกฺกฏํ, ตุยฺเหเวตํ อปรทฺธ’’นฺติ โทสาโรปเนน โสกตนุกรณตฺถํ. ปสฺสติ หิ ภควา ‘‘อยํ มยิ อติวิย สินิทฺธหทโย, โส ปรโต ภูมิจาลการณฺจ อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนฺจ สุตฺวา มม จิรฏฺานํ ยาจิสฺสติ, อถาหํ ‘กิสฺส ตฺวํ ปุเรตรํ น ยาจสี’ติ ตสฺเสว สีเส โทสํ ปาเตสฺสามิ, สตฺตา จ อตฺตโน อปราเธน น ตถา วิหฺนฺติ, เตนสฺส โสโก ตนุโก ภวิสฺสตี’’ติ.
คจฺฉ ตฺวํ, อานนฺทาติ ยสฺมา ทิวาวิหารตฺถาย อิธาคโต, ตสฺมา, อานนฺท, คจฺฉ ตฺวํ ยถารุจิตํ านํ ทิวาวิหาราย. เตเนวาห – ‘‘ยสฺส ทานิ กาลํ มฺสี’’ติ.
มาโร ¶ ปาปิมาติ เอตฺถ สตฺเต อนตฺเถ นิโยเชนฺโต มาเรตีติ มาโร. ปาปิมาติ ตสฺเสว เววจนํ. โส หิ ปาปธมฺเมน สมนฺนาคตตฺตา ‘ปาปิมา’ติ วุจฺจติ. ภาสิตา โข ปเนสาติ อยฺหิ ภควติ โพธิมณฺเฑ สตฺต สตฺตาเห อติกฺกมิตฺวา อชปาลนิคฺโรเธ ¶ วิหรนฺเต อตฺตโน ธีตาสุ อาคนฺตฺวา อิจฺฉาวิฆาตํ ปตฺวา คตาสุ อยํ ‘‘อตฺเถโส อุปาโย’’ติ จินฺเตนฺโต อาคนฺตฺวา ‘‘ภควา ยทตฺถํ ตุมฺเหหิ ปารมิโย ปูริตา, โส โว อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, ปฏิวิทฺธํ สพฺพฺุตฺาณํ, กึ เต โลกวิจรเณนา’’ติ วตฺวา ยถา อชฺช เอวเมว ‘‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ, ภนฺเต ภควา’’ติ ยาจิ. ภควา จสฺส ‘‘น ตาวาห’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ปฏิกฺขิปิ. ตํ สนฺธาย อิทานิ ‘‘ภาสิตา โข ปเนสา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ วิยตฺตาติ อริยมคฺคาธิคมวเสน พฺยตฺตา. วินีตาติ ตเถว กิเลสวินยเนน วินีตา. วิสารทาติ สารชฺชกรานํ ทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทีนํ ปหาเนน วิสารทภาวํ ปตฺตา. พหุสฺสุตาติ เตปิฏกวเสน พหุ สุตเมเตสนฺติ พหุสฺสุตา. ตเมว ธมฺมํ ธาเรนฺตีติ ธมฺมธรา. อถ วา พหุสฺสุตาติ ปริยตฺติพหุสฺสุตา เจว ปฏิเวธพหุสฺสุตา จ. ธมฺมธราติ ปริยตฺติธมฺมานํ เจว ปฏิเวธธมฺมานฺจ ธารณโต ธมฺมธราติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ ¶ . ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺนาติ อริยธมฺมสฺส อนุธมฺมภูตํ วิปสฺสนาธมฺมํ ปฏิปนฺนา. สามีจิปฺปฏิปนฺนาติ าณทสฺสนวิสุทฺธิยา อนุจฺฉวิกํ วิสุทฺธิปรมฺปราปฏิปทํ ปฏิปนฺนา. อนุธมฺมจาริโนติ สลฺเลขิกํ ตสฺสา ปฏิปทาย อนุรูปํ อปฺปิจฺฉตาทิธมฺมํ จรณสีลา. สกํ อาจริยกนฺติ อตฺตโน อาจริยวาทํ. อาจิกฺขิสฺสนฺตีติ อาทิโต กเถสฺสนฺติ, อตฺตนา อุคฺคหิตนิยาเมน ปเร อุคฺคณฺหาเปสฺสนฺตีติ อตฺโถ. เทเสสฺสนฺตีติ วาเจสฺสนฺติ, ปาฬึ สมฺมา วาเจสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ปฺเปสฺสนฺตีติ ปชานาเปสฺสนฺติ, ปกาเสสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ปฏฺเปสฺสนฺตีติ ปกาเรน เปสฺสนฺติ. วิวริสฺสนฺตีติ วิวฏํ กริสฺสนฺติ. วิภชิสฺสนฺตีติ วิภตฺตํ กริสฺสนฺติ. อุตฺตานีกริสฺสนฺตีติ อนุตฺตานํ คมฺภีรํ อุตฺตานํ ปากฏํ กริสฺสนฺติ. สหธมฺเมนาติ สเหตุเกน สการเณน วจเนน. สปฺปาฏิหาริยนฺติ ยาวนิยฺยานิกํ กตฺวา. ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตีติ นววิธโลกุตฺตรธมฺมํ ปโพเธสฺสนฺติ, ปกาเสสฺสนฺตีติ อตฺโถ.
เอตฺถ จ ‘‘ปฺเปสฺสนฺตี’’ติอาทีหิ ฉหิ ปเทหิ ฉ อตฺถปทานิ ทสฺสิตานิ, อาทิโต ปน ทฺวีหิ ปเทหิ ฉ พฺยฺชนปทานีติ. เอตฺตาวตา เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สํวณฺณนานเยน สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ เนตฺติยํ ‘‘ทฺวาทสปทานิ ¶ สุตฺตํ, ตํ สพฺพํ พฺยฺชนฺจ อตฺโถ จา’’ติ (เนตฺติ. สงฺคหวาร).
พฺรหฺมจริยนฺติ ¶ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ สกลํ สาสนพฺรหฺมจริยํ. อิทฺธนฺติ สมิทฺธํ ฌานุปฺปาทวเสน. ผีตนฺติ วุทฺธิปฺปตฺตํ สพฺพผาลิผุลฺลํ อภิฺาสมฺปตฺติวเสน. วิตฺถาริกนฺติ วิตฺถตํ ตสฺมึ ตสฺมึ ทิสาภาเค ปติฏฺหนวเสน. พาหุชฺนฺติ พหูหิ าตํ ปฏิวิทฺธํ พหุชนาภิสมยวเสน. ปุถุภูตนฺติ สพฺพาการวเสน ปุถุลภาวปฺปตฺตํ. กถํ? ยาว เทวมนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิตนฺติ ยตฺตกา วิฺุชาติกา เทวา มนุสฺสา จ อตฺถิ, เตหิ สพฺเพหิ สุฏฺุ ปกาสิตนฺติ อตฺโถ.
อปฺโปสฺสุกฺโกติ นิรุสฺสุกฺโก ลีนวีริโย. ‘‘ตฺวฺหิ, ปาปิม, สตฺตสตฺตาหาติกฺกมนโต ปฏฺาย ‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ, ภนฺเต ภควา, ปรินิพฺพาตุ สุคโต’ติ วิรวนฺโต อาหิณฺฑิตฺถ, อชฺช ทานิ ปฏฺาย วิคตุสฺสาโห โหหิ, มา มยฺหํ ปรินิพฺพานตฺถาย วายามํ กโรหี’’ติ วทติ. สโต สมฺปชาโน อายุสงฺขารํ โอสฺสชีติ สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ¶ อายุสงฺขารํ วิสฺสชิ ปชหิ. ตตฺถ น ภควา หตฺเถน เลฑฺฑุํ วิย อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ, เตมาสมตฺตเมว ปน สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต ปรํ น สมาปชฺชิสฺสามีติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘โอสฺสชี’’ติ, ‘‘โวสฺสชฺชี’’ติปิ ปาโ.
กสฺมา ปน ภควา กปฺปํ วา กปฺปาวเสสํ วา าตุํ สมตฺโถ ตตฺตกํ กาลํ อฏฺตฺวา ปรินิพฺพายิตุํ มารสฺส ยาจนาย อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ? น ภควา มารสฺส ยาจนาย อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ, นาปิ เถรสฺส อายาจนาย น โอสฺสชิสฺสติ, เตมาสโต ปน ปรํ พุทฺธเวเนยฺยานํ อภาวโต อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ ¶ . านฺหิ นาม พุทฺธานํ ภควนฺตานํ ยาวเทว เวเนยฺยวินยนตฺถํ, เต อสติ วิเนยฺยชเน เกน นาม การเณน สฺสนฺติ. ยทิ จ มารสฺส ยาจนาย ปรินิพฺพาเยยฺย, ปุเรตรํเยว ปรินิพฺพาเยยฺย. โพธิมณฺเฑปิ หิ มาเรน ยาจิตํ, นิมิตฺโตภาสกรณมฺปิ เถรสฺส โสกตนุกรณตฺถนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. อปิจ พุทฺธพลทีปนตฺถํ นิมิตฺโตภาสกรณํ. เอวํ มหานุภาวา พุทฺธา ภควนฺโตเยว ติฏฺนฺตาปิ อตฺตโน รุจิยาว ติฏฺนฺติ, ปรินิพฺพายนฺตาปิ อตฺตโน รุจิยาว ปรินิพฺพายนฺตีติ.
มหาภูมิจาโลติ มหนฺโต ปถวีกมฺโป. ตทา กิร ทสสหสฺสิโลกธาตุ อกมฺปิตฺถ. ภึสนโกติ ภยชนโก. เทวทุนฺทุภิโย จ ผลึสูติ เทวเภริโย นทึสุ, เทโว สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชิ, อกาลวิชฺชุลตา นิจฺฉรึสุ, ขณิกวสฺสํ วสฺสีติ วุตฺตํ โหติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ สงฺขารวิสงฺขารานํ วิเสสสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ ¶ อุทานนฺติ อนวเสสสงฺขาเร วิสฺสชฺเชตฺวา อตฺตโน วิสงฺขารคมนทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ. กสฺมา อุทาเนสิ? โกจิ นาม วเทยฺย ‘‘มาเรน ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุพนฺธิตฺวา ‘ปรินิพฺพาตุ, ภนฺเต’ติ อุปทฺทุโต ภเยน ภควา อายุสงฺขารํ โอสฺสชี’’ติ. ‘‘ตสฺโสกาโส มา โหตุ, ภีตสฺส อุทานํ นาม นตฺถี’’ติ เอตสฺส ทีปนตฺถํ ปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนสีติ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ. ตโต เตมาสมตฺเตเนว จ ปน พุทฺธกิจฺจสฺส นิปฺผชฺชนโต เอวํ ทีฆรตฺตํ มยา ปริหโฏยํ ทุกฺขภาโร น จิรสฺเสว นิกฺขิปิยตีติ ปสฺสโต ปรินิพฺพานคุณปจฺจเวกฺขเณ ตสฺส อุฬารํ ¶ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ, เตน ปีติเวเคน อุทาเนสีติ ยุตฺตํ วิย. เอกนฺเตน หิ วิสงฺขารนินฺโน นิพฺพานชฺฌาสโย สตฺถา มหากรุณาย พลกฺกาเรน วิย สตฺตหิตตฺถํ โลเก สุจิรํ ิโต. ตถา หิ เทวสิกํ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา สมาปตฺติโย วฬฺเชติ, โสทานิ มหากรุณาธิการสฺส นิปฺผนฺนตฺตา นิพฺพานาภิมุโข อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทสิ. เตเนว หิ ¶ ภควโต กิเลสปรินิพฺพานทิวเส วิย ขนฺธปรินิพฺพานทิวเสปิ สรีราภา วิเสสโต วิปฺปสนฺนา ปริสุทฺธา ปภสฺสรา อโหสีติ.
คาถาย โสณสิงฺคาลาทีนมฺปิ ปจฺจกฺขภาวโต ตุลิตํ ปริจฺฉินฺนนฺติ ตุลํ, กามาวจรกมฺมํ. น ตุลํ อตุลํ, ตุลํ วา สทิสมสฺส อฺํ โลกิยกมฺมํ นตฺถีติ อตุลํ, มหคฺคตกมฺมํ. กามาวจรํ รูปาวจรํ วา ตุลํ, อรูปาวจรํ อตุลํ. อปฺปวิปากํ วา ตุลํ, พหุวิปากํ อตุลํ. สมฺภวนฺติ สมฺภวสฺส เหตุภูตํ, อุปปตฺติชนกนฺติ อตฺโถ. ภวสงฺขารนฺติ ปุนพฺภวสงฺขารณกํ. อวสฺสชีติ วิสฺสชฺเชสิ. มุนีติ พุทฺธมุนิ. อชฺฌตฺตรโตติ นิยกชฺฌตฺตรโต. สมาหิโตติ อุปจารปฺปนาสมาธิวเสน สมาหิโต. อภินฺทิ กวจมิวาติ กวจํ วิย อภินฺทิ. อตฺตสมฺภวนฺติ อตฺตนิ สฺชาตํ กิเลสํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘สวิปากฏฺเน สมฺภวํ, ภวาภวาภิสงฺขรณฏฺเน ภวสงฺขารนฺติ จ ลทฺธนามํ ตุลาตุลสงฺขาตํ โลกิยกมฺมฺจ โอสฺสชิ, สงฺคามสีเส มหาโยโธ กวจํ วิย อตฺตสมฺภวํ กิเลสฺจ อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต หุตฺวา อภินฺที’’ติ.
อถ วา ตุลนฺติ ตุเลนฺโต ตีเรนฺโต. อตุลฺจ สมฺภวนฺติ นิพฺพานฺเจว ภวฺจ. ภวสงฺขารนฺติ ภวคามิกํ กมฺมํ. อวสฺสชิ มุนีติ ‘‘ปฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา, ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ นิโรโธ นิพฺพานํ นิจฺจ’’นฺติอาทินา นเยน ตุเลนฺโต พุทฺธมุนิ ภเว อาทีนวํ, นิพฺพาเน จ อานิสํสํ ทิสฺวา ตํ ขนฺธานํ มูลภูตํ ภวสงฺขารกมฺมํ ‘‘กมฺมกฺขยาย สํวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๑; อ. นิ. ๔.๒๓๓) เอวํ วุตฺเตน กมฺมกฺขยกเรน อริยมคฺเคน อวสฺสชิ ¶ . กถํ อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต, อภินฺทิ กวจมิวตฺตสมฺภวํ. โส หิ วิปสฺสนาวเสน อชฺฌตฺตรโต, สมถวเสน สมาหิโตติ เอวํ ¶ ปุพฺพภาคโต ปฏฺาย สมถวิปสฺสนาพเลน กวจํ ¶ วิย อตฺตภาวํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตํ, อตฺตนิ สมฺภวตฺตา ‘‘อตฺตสมฺภว’’นฺติ ลทฺธนามํ สพฺพํ กิเลสชาลํ อภินฺทิ, กิเลสาภาเวเนว กมฺมํ อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา อวสฺสฏฺํ นาม โหตีติ เอวํ กิเลสปฺปหาเนน กมฺมํ ปชหิ. อิติ โพธิมูเลเยว อวสฺสฏฺภวสงฺขาโร ภควา เวขมิสฺสเกน วิย ชรสกฏํ สมาปตฺติเวขมิสฺสเกน อตฺตภาวํ ยาเปนฺโตปิ ‘‘อิโต เตมาสโต อุทฺธํ สมาปตฺติเวขมสฺส น ทสฺสามี’’ติ จิตฺตุปฺปาทเนน อายุสงฺขารํ โอสฺสชีติ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สตฺตชฏิลสุตฺตวณฺณนา
๕๒. ทุติเย พหิทฺวารโกฏฺเกติ ปาสาททฺวารโกฏฺกสฺส พหิ, น วิหารทฺวารโกฏฺกสฺส. โส กิร ปาสาโท โลหปาสาโท วิย สมนฺตา จตุทฺวารโกฏฺกปริวุโต ปาการปริกฺขิตฺโต. เตสุ ปาจีนทฺวารโกฏฺกสฺส พหิ ปาสาทจฺฉายายํ ปาจีนโลกธาตุํ โอโลเกนฺโต ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน โหติ. ชฏิลาติ ชฏาวนฺโต ตาปสเวสธาริโน. นิคณฺาติ เสตปฏนิคณฺรูปธาริโน. เอกสาฏกาติ เอกสาฏกนิคณฺา วิย เอกํ ปิโลติกขณฺฑํ หตฺเถ พนฺธิตฺวา เตนาปิ สรีรสฺส ปุริมภาคํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ¶ วิจรณกา. ปรูฬฺหกจฺฉนขโลมาติ ปรูฬฺหกจฺฉโลมา ปรูฬฺหนขา ปรูฬฺหอวเสสโลมา จ, กจฺฉาทีสุ ทีฆโลมา ทีฆนขา จาติ อตฺโถ. ขาริวิวิธมาทายาติ วิวิธํ ขาราทินานปฺปการํ ปพฺพชิตปริกฺขารภณฺฑิกํ คเหตฺวา. อวิทูเร อติกฺกมนฺตีติ วิหารสฺส อวิทูรมคฺเคน นครํ ปวิสนฺติ.
ราชาหํ, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโลติ อหํ, ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล, มยฺหํ นามํ ตุมฺเห ชานาถาติ. กสฺมา ปน ราชา โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส สนฺติเก นิสินฺโน เอวรูปานํ นคฺคนิสฺสิรีกานํ อฺชลึ ปคฺคณฺหาตีติ? สงฺคณฺหนตฺถาย. เอวฺหิสฺส อโหสิ ‘‘สจาหํ เอตฺตกมฺปิ เอเตสํ น กริสฺสามิ, มยํ ปุตฺตทารํ ปหาย เอตสฺสตฺถาย ทุพฺโภชนทุกฺขเสยฺยาทีนิ อนุโภม, อยํ อมฺหากํ นิปจฺจการมตฺตมฺปิ น กโรติ ¶ . ตสฺมิฺหิ กเต อมฺเห ‘โอจรกา’ติ ชโน อคฺคเหตฺวา ‘ปพฺพชิตา’อิจฺเจว สฺชานิสฺสติ, กึ อิมสฺส ภูตตฺถกถเนนาติ ¶ อตฺตนา ทิฏฺํ สุตํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา น กเถยฺยุํ, เอวํ กเต ปน อนิคูหิตฺวา กเถสฺสนฺตี’’ติ. อปิจ สตฺถุ อชฺฌาสยชานนตฺถมฺปิ เอวมกาสีติ. ราชา กิร ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺโตปิ กติปยกาลํ สมฺมาสมฺโพธึ น สทฺทหิ. เตนสฺส เอวํ อโหสิ ‘‘ยทิ ภควา สพฺพํ ชานาติ, มยา อิเมสํ นิปจฺจการํ กตฺวา ‘อิเม อรหนฺโต’ติ วุตฺเต นานุชาเนยฺย, อถ มํ อนุวตฺตนฺโต อนุชาเนยฺย, กุโต ตสฺส สพฺพฺุตา’’ติ. เอวํ โส สตฺถุ อชฺฌาสยชานนตฺถํ ตถา อกาสิ. ภควา ปน ‘‘อุชุกเมว ‘น อิเม สมณา โอจรกา’ติ วุตฺเต ยทิปิ ราชา สทฺทหติ, มหาชโน ปน ตมตฺถํ อชานนฺโต น สทฺทเหยฺย, สมโณ โคตโม ‘ราชา อตฺตโน กถํ สุณาตี’ติ ยํ กิฺจิ มุขารุฬฺหํ กเถตี’ติ วเทยฺย, ตทสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺเตยฺย, อฺโ จ คุฬฺหกมฺมํ วิวฏํ กตํ ภเวยฺย, สยเมว ราชา เตสํ โอจรกภาวํ กเถสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘ทุชฺชานํ โข เอต’’นฺติอาทิมาห.
ตตฺถ กามโภคินาติ อิมินา ปน ราคาภิภวํ, อุภเยนาปิ วิกฺขิตฺตจิตฺตตํ ทสฺเสติ. ปุตฺตสมฺพาธสยนนฺติ ปุตฺเตหิ สมฺพาธสยนํ ¶ . เอตฺถ จ ปุตฺตสีเสน ทารปริคฺคหํ, ปุตฺตทาเรสุ อุปฺปิลาวิเตน เตสํ ฆราวาสาทิเหตุ โสกาภิภเวน จิตฺตสฺส สํกิลิฏฺตํ ทสฺเสติ. กาสิกจนฺทนนฺติ สณฺหจนฺทนํ, กาสิกวตฺถฺจ จนฺทนฺจาติ วา อตฺโถ. มาลาคนฺธวิเลปนนฺติ วณฺณคนฺธตฺถาย มาลา, สุคนฺธภาวตฺถาย คนฺธํ, ฉวิราคกรณตฺถาย วิเลปนํ ธาเรนฺเตน. ชาตรูปรชตนฺติ สุวณฺณฺเจว อวสิฏฺธนฺจ. สาทิยนฺเตนาติ ปฏิคฺคณฺหนฺเตน. สพฺเพนปิ กาเมสุ อภิคิทฺธภาวเมว ปกาเสติ.
สํวาเสนาติ สหวาเสน. สีลํ เวทิตพฺพนฺติ ‘‘อยํ เปสโล วา ทุสฺสีโล วา’’ติ สํวสนฺเตน เอกสฺมึ าเน สห วสนฺเตน ชานิตพฺโพ. ตฺจ โข ทีเฆน อทฺธุนา น อิตฺตรนฺติ ตฺจ สีลํ ทีเฆน กาเลน เวทิตพฺพํ, น อิตฺตเรน. กติปยทิวเส หิ สฺตากาโร สํวุตินฺทฺริยากาโร จ หุตฺวา สกฺกา ทสฺเสตุํ. มนสิ กโรตา โน อมนสิ กโรตาติ ตมฺปิ ‘‘สีลมสฺส ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ มนสิ กโรนฺเตน ¶ ปจฺจเวกฺขนฺเตน สกฺกา ชานิตุํ, น อิตเรน. ปฺวตาติ ตมฺปิ สปฺปฺเเนว ปณฺฑิเตน. พาโล หิ มนสิ กโรนฺโตปิ ชานิตุํ น สกฺโกติ. สํโวหาเรนาติ กถเนน.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, โวหารํ อุปชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, วาณิโช โส น พฺราหฺมโณ’’ติ. (สุ. นิ. ๖๑๙) –
เอตฺถ ¶ หิ วาณิชฺชํ โวหาโร นาม. ‘‘จตฺตาโร อริยโวหารา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๓) เอตฺถ เจตนา. ‘‘สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ โวหาโร’’ติ (ธ. ส. ๑๓๑๓-๑๓๑๕) เอตฺถ ปฺตฺติ. ‘‘โวหารมตฺเตน โส โวหเรยฺยา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๕) เอตฺถ กถา โวหาโร. อิธาปิ โส เอว อธิปฺเปโต. เอกจฺจสฺส หิ สมฺมุขากถา ปรมฺมุขากถาย น สเมติ, ปรมฺมุขากถา สมฺมุขากถาย, ตถา ปุริมกถา ปจฺฉิมกถาย, ปจฺฉิมกถา จ ปุริมกถาย. โส กเถนฺโตเยว สกฺกา ชานิตุํ ‘‘อสุจิ เอโส ปุคฺคโล’’ติ. สุจิสีลสฺส ปน ปุริมํ ¶ ปจฺฉิเมน, ปจฺฉิมฺจ ปุริเมน, สมฺมุขา กถิตฺจ ปรมฺมุขา กถิเตน, ปรมฺมุขา กถิตฺจ สมฺมุขา กถิเตน สเมติ, ตสฺมา กเถนฺเตน สกฺกา สุจิภาโว ชานิตุนฺติ ปกาเสนฺโต อาห – ‘‘สํโวหาเรน โสเจยฺยํ เวทิตพฺพ’’นฺติ.
ถาโมติ าณถาโม. ยสฺส หิ าณถาโม นตฺถิ, โส อุปฺปนฺเนสุ อุปทฺทเวสุ คเหตพฺพคหณํ กตฺตพฺพกรณํ อปสฺสนฺโต อทฺวาริกํ ฆรํ ปวิฏฺโ วิย จรติ. เตนาห – ‘‘อาปทาสุ โข, มหาราช,ถาโม เวทิตพฺโพ’’ติ. สากจฺฉายาติ สหกถาย. ทุปฺปฺสฺส หิ กถา อุทเก เคณฺฑุ วิย อุปฺลวติ, ปฺวโต กเถนฺตสฺส ปฏิภานํ อนนฺตํ โหติ. อุทกวิปฺผนฺทเนเนว หิ มจฺโฉ ขุทฺทโก มหนฺโต วาติ ปฺายติ.
อิติ ภควา รฺโ อุชุกเมว เต ‘‘อิเม นามา’’ติ อวตฺวา อรหนฺตานํ อนรหนฺตานฺจ ชานนูปายํ ปกาเสสิ. ราชา ตํ สุตฺวา ภควโต สพฺพฺุตาย เทสนาวิลาเสน จ อภิปฺปสนฺโน ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต’’ติอาทินา อตฺตโน ปสาทํ ปกาเสตฺวา อิทานิ เต ยาถาวโต ภควโต อาโรเจนฺโต ‘‘เอเต, ภนฺเต, มม ปุริสา จรา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จราติ อปพฺพชิตา เอว ปพฺพชิตรูเปน รฏฺปิณฺฑํ ¶ ภฺุชนฺตา ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺตตฺตา. โอจรกาติ เหฏฺา จรกา. จรา หิ ปพฺพตมตฺถเกน จรนฺตาปิ เหฏฺา จรกาว นิหีนกมฺมตฺตา. อถ วา โอจรกาติ จรปุริสา. โอจริตฺวาติ อวจริตฺวา วีมํสิตฺวา, ตสฺมึ ตสฺมึ เทเส ตํ ตํ ปวตฺตึ ตฺวาติ อตฺโถ. โอสาริสฺสามีติ ปฏิปชฺชิสฺสามิ, กริสฺสามีติ อตฺโถ. รโชชลฺลนฺติ รชฺจ มลฺจ. ปวาเหตฺวาติ สุฏฺุ วิกฺขาลนวเสน อปเนตฺวา. กปฺปิตเกสมสฺสูติ อลงฺการสตฺเถ วุตฺตวิธินา กปฺปเกหิ ฉินฺนเกสมสฺสู. กามคุเณหีติ กามโกฏฺาเสหิ, กามพนฺธเนหิ วา สมปฺปิตาติ สุฏฺุ อปฺปิตา อลฺลีนา. สมงฺคิภูตาติ สหภูตา ¶ . ปริจาเรสฺสนฺตีติ อินฺทฺริยานิ สมนฺตโต จาเรสฺสนฺติ กีฬาเปสฺสนฺติ วา.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เตสํ ราชปุริสานํ อตฺตโน อุทรสฺส การณา ปพฺพชิตเวเสน โลกวฺจนสงฺขาตํ ¶ อตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ปราธีนตาปรวฺจนตาปฏิกฺเขปวิภาวนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ น วายเมยฺย สพฺพตฺถาติ ทูเตยฺยโอจรกกมฺมาทิเก สพฺพสฺมึ ปาปธมฺเม อิเม ราชปุริสา วิย ปพฺพชิโต น วายเมยฺย, วายามํ อุสฺสาหํ น กเรยฺย, สพฺพตฺถ ยตฺถ กตฺถจิ วายามํ อกตฺวา อปฺปมตฺตเกปิ ปฺุสฺมึเยว วายเมยฺยาติ อธิปฺปาโย. นาฺสฺส ปุริโส สิยาติ ปพฺพชิตรูเปน อฺสฺส ปุคฺคลสฺส เสวกปุริโส น สิยา. กสฺมา? เอวรูปสฺสปิ โอจรกาทิปาปกมฺมสฺส กตฺตพฺพตฺตา. นาฺํ นิสฺสาย ชีเวยฺยาติ อฺํ ปรํ อิสฺสราทึ นิสฺสาย ‘‘ตปฺปฏิพทฺธํ เม สุขทุกฺข’’นฺติ เอวํจิตฺโต หุตฺวา น ชีวิกํ ปวตฺเตยฺย, อตฺตทีโป อตฺตสรโณ อนฺสรโณ เอว ภเวยฺย. อถ วา อนตฺถาวหโต ‘‘โอจรณ’’นฺติ ลทฺธนามกตฺตา อฺํ อกุสลกมฺมํ นิสฺสาย น ชีเวยฺย. ธมฺเมน น วณึ จเรติ ธนาทิอตฺถาย ธมฺมํ น กเถยฺย. โย หิ ธนาทิเหตุ ปเรสํ ธมฺมํ เทเสติ, โส ธมฺเมน วาณิชฺชํ กโรติ นาม, เอวํ ธมฺเมน ตํ น จเรยฺย. อถ วา ธนาทีนํ อตฺถาย โกสลรฺโ ปุริโส วิย โอจรกาทิกมฺมํ กโรนฺโต ปเรหิ อนาสงฺกนียตาย ปพฺพชฺชาลิงฺคสมาทานาทีนิ อนุติฏฺนฺโต ธมฺเมน วาณิชฺชํ กโรติ นาม. โยปิ อิธ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺโตปิ อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ, โสปิ ¶ ธมฺเมน วาณิชฺชํ กโรติ นาม, เอวํ ธมฺเมน วาณิชฺชํ น จเร, น กเรยฺยาติ อตฺโถ.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปจฺจเวกฺขณสุตฺตวณฺณนา
๕๓. ตติเย ¶ อตฺตโน อเนเก ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ปหีเนติ โลภโทสโมหวิปรีตมนสิการอหิริกาโนตฺตปฺปโกธูปนาหมกฺขปลาสอิสฺสามจฺฉริยมายา- สาเยฺยถมฺภสารมฺภมานาติมานมทปมาทตณฺหาอวิชฺชาติวิธากุสลมูลทุจฺจริตสํกิเลสวิสม- สฺาวิตกฺกปปฺจจตุพฺพิธวิปลฺลาสอาสวโอฆโยคคนฺถาคติคมนตณฺหุปาทานปฺจวิธ- เจโตขิลปฺจเจโตวินิพนฺธนีวรณาภินนฺทนฉวิวาท- มูลตณฺหากายสตฺตานุสยอฏฺมิจฺฉตฺตนว- ตณฺหามูลกทสากุสลกมฺมปถทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตอฏฺสตตณฺหาวิจริตาทิปฺปเภเท อตฺตโน สนฺตาเน อนาทิกาลปวตฺเต ¶ ทิยฑฺฒสหสฺสกิเลเส ตํสหคเต จาปิ อเนเก ปาปเก ลามเก อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน อกุสเล ธมฺเม อนวเสสํ สห วาสนาย โพธิมูเลเยว ปหีเน อริยมคฺเคน สมุจฺฉินฺเน ปจฺจเวกฺขมาโน ‘‘อยมฺปิ เม กิเลโส ปหีโน, อยมฺปิ เม กิเลโส ปหีโน’’ติ อนุปทปจฺจเวกฺขณาย ปจฺจเวกฺขมาโน ภควา นิสินฺโน โหติ.
อเนเก จ กุสเล ธมฺเมติ สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนํ จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, จตฺตาโร อริยมคฺคา, จตฺตาริ ผลานิ, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, จตุโยนิปริจฺเฉทกาณํ, จตฺตาโร อริยวํสา, จตฺตาริ เวสารชฺชาณานิ, ปฺจ ปธานิยงฺคานิ, ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจาณิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, ปฺจ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ปฺจ วิมุตฺตายตนาณานิ, ปฺจ วิมุตฺติปริปาจนียา สฺา, ฉ อนุสฺสติฏฺานานิ, ฉ คารวา, ฉ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ฉ สตตวิหารา, ฉ อนุตฺตริยานิ, ฉ นิพฺเพธภาคิยา ปฺา, ฉ อภิฺา, ฉ อสาธารณาณานิ, สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา, สตฺต อริยธนานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, สตฺต ¶ สปฺปุริสธมฺมา, สตฺต นิชฺชรวตฺถูนิ, สตฺต ¶ สฺา, สตฺต ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลเทสนา, สตฺต ขีณาสวพลเทสนา, อฏฺ ปฺาปฏิลาภเหตุเทสนา, อฏฺ สมฺมตฺตานิ, อฏฺ โลกธมฺมาติกฺกมา, อฏฺ อารมฺภวตฺถูนิ, อฏฺ อกฺขณเทสนา, อฏฺ มหาปุริสวิตกฺกา, อฏฺ อภิภายตนเทสนา, อฏฺ วิโมกฺขา, นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา, นว ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ, นว สตฺตาวาสเทสนา, นว อาฆาตปฺปฏิวินยา, นว สฺา, นว นานตฺตานิ, นว อนุปุพฺพวิหารา, ทส นาถกรณา ธมฺมา, ทส กสิณายตนานิ, ทส กุสลกมฺมปถา, ทส สมฺมตฺตานิ, ทส อริยวาสา, ทส อเสกฺขา ธมฺมา, ทส ตถาคตพลานิ, เอกาทส เมตฺตานิสํสา, ทฺวาทส ธมฺมจกฺกาการา, เตรส ธุตงฺคคุณา, จุทฺทส พุทฺธาณานิ, ปนฺนรส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, โสฬสวิธา อานาปานสฺสติ, โสฬส อปรนฺตปนียา ธมฺมา, อฏฺารส มหาวิปสฺสนา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณาณานิ, จตุจตฺตาลีส าณวตฺถูนิ, ปฺาส อุทยพฺพยาณานิ, ปโรปฺาส กุสลา ธมฺมา, สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนิ, จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติสฺจาริมหาวชิราณํ, อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานปวิจยปจฺจเวกฺขณเทสนาาณานิ, ตถา อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ อนนฺตานํ สตฺตานํ อาสยาทิวิภาวนาณานิ จาติ เอวมาทิเก อเนเก อตฺตโน กุสเล อนวชฺชธมฺเม อนนฺตกาลํ ปารมิปริภาวนาย มคฺคภาวนาย จ ปาริปูรึ วุทฺธึ คเต ‘‘อิเมปิ อนวชฺชธมฺมา มยิ สํวิชฺชนฺติ, อิเมปิ อนวชฺชธมฺมา มยิ สํวิชฺชนฺตี’’ติ รุจิวเสน มนสิการาภิมุเข พุทฺธคุเณ วคฺควคฺเค ปฺุชปฺุเช กตฺวา ปจฺจเวกฺขมาโน นิสินฺโน โหติ. เต จ ¶ โข สปเทสโต เอว, น นิปฺปเทสโต. สพฺเพ พุทฺธคุเณ ภควตาปิ อนุปทํ อนวเสสโต มนสิ กาตุํ น สกฺกา อนนฺตาปริเมยฺยภาวโต.
วุตฺตฺเหตํ –
‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,
กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;
ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,
วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ.
‘‘อสงฺขฺเยยฺยานิ นามานิ, สคุเณน มเหสิโน;
คุเณน นามมุทฺเธยฺยํ, อปิ นาม สหสฺสโต’’ติ.
ตทา หิ ภควา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต วิหารํ ปวิสิตฺวา คนฺธกุฏิปฺปมุเข ตฺวา ภิกฺขูสุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา คเตสุ มหาคนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน อตฺตโน อตีตชาติวิสยํ าณํ เปเสสิ. อถสฺส ตานิ นิรนฺตรํ โปงฺขานุโปงฺขํ อนนฺตาปริมาณปฺปเภทา อุปฏฺหึสุ. โส ‘‘เอวํ มหนฺตสฺส นาม ทุกฺขกฺขนฺธสฺส มูลภูตา อิเม กิเลสา’’ติ กิเลสวิสยํ าณาจารํ เปเสตฺวา เต ปหานมุเขน อนุปทํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อิเม วต กิเลสา อนวเสสโต มยฺหํ สุฏฺุ ปหีนา’’ติ ปุน เตสํ ปหานกรํ สาการํ สปริวารํ สอุทฺเทสํ อริยมคฺคํ ปจฺจเวกฺขนฺโต อนนฺตาปริมาณเภเท อตฺตโน สีลาทิอนวชฺชธมฺเม มนสากาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา อตฺตโน อเนเก ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ปหีเน ปจฺจเวกฺขมาโน นิสินฺโน โหติ, อเนเก จ กุสเล ธมฺเม ภาวนาปาริปูรึ คเต’’ติ.
เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺสุทฺเทสภูตํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อหุ ปุพฺเพติ อรหตฺตมคฺคาณุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ สพฺโพปิ จายํ ราคาทิโก กิเลสคโณ ¶ มยฺหํ สนฺตาเน อหุ อาสิ, น อิมสฺมึ กิเลสคเณ โกจิปิ กิเลโส นาโหสิ. ตทา นาหูติ ตทา ตสฺมึ กาเล อริยมคฺคกฺขเณ โส กิเลสคโณ น อหุ น อาสิ, ตตฺถ อณุมตฺโตปิ กิเลโส อคฺคมคฺคกฺขเณ อปฺปหีโน นาม นตฺถิ. ‘‘ตโต นาหู’’ติปิ ปนฺติ, ตโต อรหตฺตมคฺคกฺขณโต ปรํ นาสีติ อตฺโถ. นาหุ ปุพฺเพติ โย จายํ มม อปริมาโณ อนวชฺชธมฺโม เอตรหิ ภาวนาปาริปูรึ คโต อุปลพฺภติ, โสปิ อริยมคฺคกฺขณโต ปุพฺเพ น อหุ น อาสิ. ตทา อหูติ ยทา ปน เม อคฺคมคฺคาณํ อุปฺปนฺนํ, ตทา สพฺโพปิ เม อนวชฺชธมฺโม อาสิ. อคฺคมคฺคาธิคเมน หิ สทฺธึ สพฺเพปิ สพฺพฺุคุณา พุทฺธานํ หตฺถคตา เอว โหนฺติ.
น ¶ จาหุ น จ ภวิสฺสติ, น เจตรหิ วิชฺชตีติ โย ปน โส อนวชฺชธมฺโม อริยมคฺโค ¶ มยฺหํ โพธิมณฺเฑ อุปฺปนฺโน, เยน สพฺโพ กิเลสคโณ อนวเสสํ ปหีโน, โส ยถา มยฺหํ มคฺคกฺขณโต ปุพฺเพ น จาหุ น จ อโหสิ, เอวํ อตฺตนา ปหาตพฺพกิเลสาภาวโต เต กิเลสา วิย อยมฺปิ น จ ภวิสฺสติ อนาคเต น อุปฺปชฺชิสฺสติ, เอตรหิ ปจฺจุปฺปนฺนกาเลปิ น วิชฺชติ น อุปลพฺภติ อตฺตนา กตฺตพฺพกิจฺจาภาวโต. น หิ อริยมคฺโค อเนกวารํ ปวตฺตติ. เตเนวาห – ‘‘น ปารํ ทิคุณํ ยนฺตี’’ติ.
อิติ ภควา อริยมคฺเคน อตฺตโน สนฺตาเน อนวเสสํ ปหีเน อกุสเล ธมฺเม ภาวนาปาริปูรึ คเต อปริมาเณ อนวชฺชธมฺเม จ ปจฺจเวกฺขมาโน อตฺตุปนายิกปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนสิ. ปุริมาย กถาย ปุริมเวสารชฺชทฺวยเมว กถิตํ, ปจฺฉิมทฺวยํ สมฺมาสมฺโพธิยา ปกาสิตตฺตา ปกาสิตเมว โหตีติ.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปมนานาติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา
๕๔. จตุตฺเถ นานาติตฺถิยสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกาติ เอตฺถ ตรนฺติ เอเตน สํสาโรฆนฺติ ติตฺถํ, นิพฺพานมคฺโค. อิธ ปน วิปรีตวิปลฺลาสวเสน ทิฏฺิคติเกหิ ตถา คหิตทิฏฺิทสฺสนํ ‘‘ติตฺถ’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ตสฺมึ สสฺสตาทินานากาเร ติตฺเถ นิยุตฺตาติ นานาติตฺถิยา, นคฺคนิคณฺาทิสมณา ¶ เจว กกลาปาทิพฺราหฺมณา จ โปกฺขรสาตาทิปริพฺพาชกา จ สมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกา. นานาติตฺถิยา จ เต สมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกา จาติ นานาติตฺถิยสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกา.
‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทินา ปสฺสนฺติ เอตาย, สยํ วา ปสฺสติ, ตถา ทสฺสนมตฺตเมว วาติ ทิฏฺิ, มิจฺฉาภินิเวสสฺเสตํ อธิวจนํ. สสฺสตาทิวเสน นานา อเนกวิธา ทิฏฺิโย เอเตสนฺติ นานาทิฏฺิกา. สสฺสตาทิวเสเนว ขมนํ ขนฺติ, โรจนํ รุจิ, อตฺถโต ‘‘สสฺสโต ¶ อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทินา (อุทา. ๕๕) ปวตฺโต จิตฺตวิปลฺลาโส สฺาวิปลฺลาโส ¶ จ. ตถา นานา ขนฺติโย เอเตสนฺติ นานาขนฺติกา, นานา รุจิโย เอเตสนฺติ นานารุจิกา. ทิฏฺิคติกา หิ ปุพฺพภาเค ตถา ตถา จิตฺตํ โรเจตฺวา ขมาเปตฺวา จ ปจฺฉา ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ อภินิวิสนฺติ. อถ วา ‘‘อนิจฺจํ นิจฺจ’’นฺติอาทินา ตถา ตถา ทสฺสนวเสน ทิฏฺิ, ขมนวเสน ขนฺติ, รุจฺจนวเสน รุจีติ เอวํ ตีหิปิ ปเทหิ ทิฏฺิ เอว วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. นานาทิฏฺินิสฺสยนิสฺสิตาติ สสฺสตาทิปริกปฺปวเสน นานาวิธํ ทิฏฺิยา นิสฺสยํ วตฺถุํ การณํ, ทิฏฺิสงฺขาตเมว วา นิสฺสยํ นิสฺสิตา อลฺลีนา อุปคตา, ตํ อนิสฺสชฺชิตฺวา ิตาติ อตฺโถ. ทิฏฺิโยปิ หิ ทิฏฺิคติกานํ อภินิเวสาการานํ นิสฺสยา โหนฺติ.
สนฺตีติ อตฺถิ สํวิชฺชนฺติ อุปลพฺภนฺติ. เอเกติ เอกจฺเจ. สมณพฺราหฺมณาติ ปพฺพชฺชูปคเมน สมณา, ชาติยา พฺราหฺมณา, โลเกน วา สมณาติ จ พฺราหฺมณาติ จ เอวํ คหิตา. เอวํวาทิโนติ เอวํ อิทานิ วตฺตพฺพากาเรน วทนฺตีติ เอวํวาทิโน. เอวํ อิทานิ วตฺตพฺพากาเรน ปวตฺตา ทิฏฺิ เอเตสนฺติ เอวํทิฏฺิโน. ตตฺถ ทุติเยน ทิฏฺิคติกานํ มิจฺฉาภินิเวโส ทสฺสิโต, ปเมน เตสํ ยถาภินิเวสํ ปเรสํ ตตฺถ ปติฏฺาปนวเสน โวหาโร.
สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ เอตฺถ โลโกติ อตฺตา. โส หิ ทิฏฺิคติเกหิ โลกิยนฺติ เอตฺถ ปฺุํ ปาปํ ตพฺพิปากา, สยํ วา การกาทิภาเวน อภิยุตฺเตหิ โลกิยตีติ โลโกติ อธิปฺเปโต. สฺวายํ สสฺสโต อมโร นิจฺโจ ธุโวติ ยทิทํ อมฺหากํ ทสฺสนํ อิทเมว สจฺจํ อวิปรีตํ, อฺํ ปน อสสฺสโตติอาทิ ปเรสํ ทสฺสนํ โมฆํ มิจฺฉาติ อตฺโถ. เอเตน จตฺตาโรปิ สสฺสตวาทา ทสฺสิตา โหนฺติ. อสสฺสโตติ น สสฺสโต, อนิจฺโจ อธุโว จวนธมฺโมติ อตฺโถ. ‘‘อสสฺสโต’’ติ สสฺสตภาวปฺปฏิกฺเขเปเนว อุจฺเฉโท ทีปิโตติ สตฺตปิ อุจฺเฉทวาทา ทีปิตา โหนฺติ.
อนฺตวาติ ¶ สปริยนฺโต ปริวฏุโม ปริจฺฉินฺนปฺปมาโณ, น สพฺพคโตติ อตฺโถ. เอเตน สรีรปริมาโณ องฺคุฏฺปริมาโณ อวยวปริมาโณ ปรมาณุปริมาโณ ¶ อตฺตาติ เอวมาทิวาทา ทสฺสิตา โหนฺติ. อนนฺตวาติ อปริยนฺโต, สพฺพคโตติ อตฺโถ. เอเตน กปิลกณาทาทิวาทา ทีปิตา โหนฺติ.
ตํ ชีวํ ตํ ¶ สรีรนฺติ ยํ สรีรํ, ตเทว ชีวสงฺขาตํ วตฺถุ, ยฺจ ชีวสงฺขาตํ วตฺถุ, ตเทว สรีรนฺติ ชีวฺจ สรีรฺจ อทฺวยํ สมนุปสฺสติ. เอเตน อาชีวกานํ วิย ‘‘รูปี อตฺตา’’ติ อยํ วาโท ทสฺสิโต โหติ. อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรนฺติ อิมินา ปน ‘‘อรูปี อตฺตา’’ติ อยํ วาโท ทสฺสิโต.
โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ เอตฺถ ตถาคโตติ สตฺโต. ตฺหิ ทิฏฺิคติโก การกเวทกาทิสงฺขาตํ, นิจฺจธุวาทิสงฺขาตํ วา ตถาภาวํ คโตติ ตถาคโตติ โวหรติ, โส มรณโต อิธกายสฺส เภทโต ปรํ อุทฺธํ โหติ, อตฺถิ สํวิชฺชตีติ อตฺโถ. เอเตน สสฺสตคฺคาหมุเขน โสฬส สฺีวาทา อฏฺ อสฺีวาทา อฏฺ จ เนวสฺีนาสฺีวาทา ทสฺสิตา โหนฺติ. น โหตีติ นตฺถิ น อุปลพฺภติ. เอเตน อุจฺเฉทวาโท ทสฺสิโต. โหติ จ น จ โหตีติ อตฺถิ จ นตฺถิ จาติ. เอเตน เอกจฺจสสฺสตวาทา สตฺต สฺีวาทา จ ทสฺสิตา. เนว โหติ น น โหตีติ อิมินา ปน อมราวิกฺเขปวาโท ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.
อิเม กิร ทิฏฺิคติกา นานาเทสโต อาคนฺตฺวา สาวตฺถิยํ ปฏิวสนฺตา เอกทา สมยปฺปวาทเก สนฺนิปติตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วาทํ ปคฺคยฺห อฺวาเท ขุํเสนฺตา วิวาทาปนฺนา อเหสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘เต ภณฺฑนชาตา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ภณฺฑนํ นาม กลหสฺส ปุพฺพภาโค. ภณฺฑนชาตาติ ชาตภณฺฑนา. กลโหติ กลโห เอว, กลสฺส วา หนนโต กลโห ทฏฺพฺโพ. อฺมฺสฺส วิรุทฺธวาทํ อาปนฺนาติ วิวาทาปนฺนา. มมฺมฆฏฺฏนโต มุขเมว สตฺตีติ มุขสตฺติ, ผรุสวาจา. ผลูปจาเรน วิย หิ การณํ การณูปจาเรน ผลมฺปิ โวหริยติ ยถา ตํ ‘‘สุโข พุทฺธุปฺปาโท, ปาปกมฺมํ ปจฺจนุโภตี’’ติ จ. ตาหิ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิชฺฌนฺตา วิหรนฺติ. เอทิโส ธมฺโมติ ธมฺโม อวิปรีตสภาโว เอทิโส เอวรูโป, ยถา มยา วุตฺตํ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติ. เนทิโส ธมฺโมติ น เอทิโส ธมฺโม ¶ , ยถา ตยา วุตฺตํ ‘‘อสสฺสโต โลโก’’ติ, เอวํ เสสปเทหิปิ โยเชตพฺพํ. โส จ ติตฺถิยานํ วิวาโท สกลนคเร ปากโฏ ชาโต. อถ ภิกฺขู สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ¶ ปวิฏฺา ตํ สุตฺวา ‘‘อตฺถิ โน อิทํ กถาปาภตํ, ยํ นูน มยํ อิมํ ปวตฺตึ ¶ ภควโต อาโรเจยฺยาม, อปฺเปว นาม ตํ นิสฺสาย สตฺถุ สณฺหสุขุมํ ธมฺมเทสนํ ลเภยฺยามา’’ติ เต ปจฺฉาภตฺตํ ธมฺมเทสนากาเล ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู’’ติอาทิ.
ตํ สุตฺวา ภควา อฺติตฺถิยานํ ธมฺมสฺส อยถาภูตปชานนํ ปกาเสนฺโต ‘‘อฺติตฺถิยา, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนฺธาติ ปฺาจกฺขุวิรเหน อนฺธา. เตนาห ‘‘อจกฺขุกา’’ติ. ปฺา หิ อิธ ‘‘จกฺขู’’ติ อธิปฺเปตา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อตฺถํ น ชานนฺตี’’ติอาทิ. ตตฺถ อตฺถํ น ชานนฺตีติ อิธโลกตฺถํ ปรโลกตฺถํ น ชานนฺติ, อิธโลกปรโลเกสุ วุทฺธึ อพฺภุทยํ นาวพุชฺฌนฺติ, ปรมตฺเถ ปน นิพฺพาเน กถาวกา. เย หิ นาม ปวตฺติมตฺเตปิ สมฺมูฬฺหา, เต กถํ นิวตฺตึ ชานิสฺสนฺตีติ. อนตฺถํ น ชานนฺตีติ ยทคฺเคน เต อตฺถํ น ชานนฺติ, ตทคฺเคน อนตฺถมฺปิ น ชานนฺติ. ยสฺมา ธมฺมํ น ชานนฺติ, ตสฺมา อธมฺมมฺปิ น ชานนฺติ. เต หิ วิปริเยสคฺคาหิตาย ธมฺมํ กุสลมฺปิ อกุสลํ กโรนฺติ, อธมฺมมฺปิ อกุสลํ กุสลํ กโรนฺติ. น เกวลฺจ ธมฺมาธมฺเมสุ เอว, อถ โข ตสฺส วิปาเกสุปิ สมฺมูฬฺหา. ตถา หิ เต กมฺมมฺปิ วิปากํ กตฺวา โวหรนฺติ, วิปากมฺปิ กมฺมํ กตฺวา. ตถา ธมฺมํ สภาวธมฺมมฺปิ น ชานนฺติ, อธมฺมํ อสภาวธมฺมมฺปิ น ชานนฺติ. เอวํภูตา จ สภาวธมฺมํ อสภาวธมฺมฺจ, อสภาวธมฺมํ สภาวธมฺมฺจ กตฺวา ปเวเทนฺติ.
อิติ ภควา ติตฺถิยานํ โมหทิฏฺิปฏิลาภภาเวน ปฺาจกฺขุเวกลฺลโต อนฺธภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตมตฺถํ ชจฺจนฺธูปมาย ปกาเสตุํ ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภูตปุพฺพนฺติ ปุพฺเพ ภูตํ, อตีตกาเล นิพฺพตฺตํ. อฺตโร ราชา อโหสีติ ปุราตโน นามโคตฺเตหิ โลเก อปากโฏ เอโก ราชา อโหสิ. โส ราชา อฺตรํ ปุริสํ อามนฺเตสีติ ตสฺส กิร รฺโ โสภคฺคปฺปตฺตํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ อตฺตโน โอปวยฺหํ หตฺถึ อุปฏฺานํ อาคตํ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘ภทฺทกํ วต, โภ, หตฺถิยานํ ทสฺสนีย’’นฺติ. เตน จ สมเยน เอโก ชจฺจนฺโธ ราชงฺคเณน คจฺฉติ. ตํ ทิสฺวา ราชา ¶ จินฺเตสิ – ‘‘มหาชานิยา ¶ โข อิเม อนฺธา เย เอวรูปํ ทสฺสนียํ น ลภนฺติ ทฏฺุํ. ยํนูนาหํ อิมิสฺสา สาวตฺถิยา ยตฺตกา ชจฺจนฺธา สพฺเพ เต สนฺนิปาตาเปตฺวา เอกเทสํ เอกเทสํ หตฺเถน ผุสาเปตฺวา เตสํ วจนํ สุเณยฺย’’นฺติ. เกฬิสีโล ราชา เอเกน ปุริเสน สาวตฺถิยา สพฺเพ ชจฺจนฺเธ สนฺนิปาตาเปตฺวา ตสฺส ปุริสสฺส สฺํ อทาสิ ‘‘ยถา เอเกโก ชจฺจนฺโธ สีสาทิกํ เอเกกํเยว หตฺถิสฺส องฺคํ ผุสิตฺวา ‘หตฺถี มยา ทิฏฺโ’ติ สฺํ อุปฺปาเทสิ, ตถา กโรหี’’ติ. โส ปุริโส ตถา อกาสิ. อถ ราชา เต ชจฺจนฺเธ ¶ ปจฺเจกํ ปุจฺฉิ ‘‘กีทิโส, ภเณ, หตฺถี’’ติ. เต อตฺตนา ทิฏฺทิฏฺาวยวเมว หตฺถึ กตฺวา วทนฺตา ‘‘เอทิโส หตฺถี, เนทิโส หตฺถี’’ติ อฺมฺํ กลหํ กโรนฺตา หตฺถาทีหิ อุปกฺกมิตฺวา ราชงฺคเณ มหนฺตํ โกลาหลํ อกํสุ. ราชา สปริชโน เตสํ ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ผาสุเกหิ ภิชฺชมาเนหิ หทเยน อุคฺคเตน มหาหสิตํ หสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, โส ราชา…เป… อตฺตมโน อโหสี’’ติ.
ตตฺถ อมฺโภติ อาลปนํ. ยาวตกาติ ยตฺตกา. ชจฺจนฺธาติ ชาติยา อนฺธา, ชาติโต ปฏฺาย อจกฺขุกา. เอกชฺฌนฺติ เอกโต. ภเณติ อพหุมานาลาโป. หตฺถึ ทสฺเสหีติ ยถาวุตฺตํ หตฺถึ สยาเปตฺวา ทสฺเสหิ. โส จ สุสิกฺขิตตฺตา อปริปฺผนฺทนฺโต นิปชฺชิ. ทิฏฺโ โน หตฺถีติ หตฺเถน ปรามสนํ ทสฺสนํ กตฺวา อาหํสุ. เตน ปุริเสน สีสํ ปรามสาเปตฺวา ‘‘เอทิโส หตฺถี’’ติ สฺาปิตตฺตา ตาทิสํเยว นํ หตฺถึ สฺชานนฺตา ชจฺจนฺธา ‘‘เอทิโส เทว หตฺถี เสยฺยถาปิ กุมฺโภ’’ติ วทึสุ. กุมฺโภติ จ ฆโฏติ อตฺโถ. ขีโลติ นาคทนฺตขีโล. โสณฺโฑติ หตฺโถ. นงฺคลีสาติ นงฺคลสฺส สิรสฺส อีสา. กาโยติ สรีรํ. โกฏฺโติ กุสูโล. ปาโทติ ชงฺโฆ. ถูโณติ ถมฺโภ. นงฺคุฏฺนฺติ วาฬสฺส อุริมปฺปเทโส. วาลธีติ วาลสฺส อคฺคปฺปเทโส. มุฏฺีหิ สํสุมฺภึสูติ มุฏฺิโย พนฺธิตฺวา ปหรึสุ, มุฏฺิฆาตํ อกํสุ. อตฺตมโน อโหสีติ เกฬิสีลตฺตา โส ราชา เตน ชจฺจนฺธานํ กลเหน อตฺตมโน ปหาเสน คหิตมโน อโหสิ.
เอวเมว โขติ อุปมาสํสนฺทนํ. ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, ยถา เต ชจฺจนฺธา อจกฺขุกา เอกงฺคทสฺสิโน อนวเสสโต หตฺถึ อปสฺสิตฺวา อตฺตนา ¶ ทิฏฺาวยวมตฺตํ หตฺถิสฺาย ¶ อิตเรหิ ทิฏฺํ อนนุชานนฺตา อฺมฺํ วิวาทํ อาปนฺนา กลหํ อกํสุ, เอวเมว อิเม อฺติตฺถิยา สกฺกายสฺส เอกเทสํ รูปเวทนาทึ อตฺตโน ทิฏฺิทสฺสเนน ยถาทิฏฺํ ‘‘อตฺตา’’ติ มฺมานา ตสฺส สสฺสตาทิภาวํ อาโรเปตฺวา ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ อภินิวิสิตฺวา อฺมฺํ วิวทนฺติ, ยถาภูตํ ปน อตฺถานตฺถํ ธมฺมาธมฺมฺจ น ชานนฺติ. ตสฺมา อนฺธา อจกฺขุกา ชจฺจนฺธปฏิภาคาติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ ติตฺถิยานํ ธมฺมสภาวํ ยถาภูตํ อชานนฺตานํ อปสฺสนฺตานํ ชจฺจนฺธานํ วิย หตฺถิมฺหิ ยถาทสฺสนํ มิจฺฉาภินิเวสํ, ตตฺถ จ วิวาทาปตฺตึ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ อิเมสุ กิร สชฺชนฺติ, เอเก สมณพฺราหฺมณาติ อิเธกจฺเจ ปพฺพชฺชูปคมเนน สมณา, ชาติมตฺเตน พฺราหฺมณา ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติอาทินยปฺปวตฺเตสุ อิเมสุ เอว อสาเรสุ ทิฏฺิคเตสุ ทิฏฺาภินนฺทนวเสน, อิเมสุ วา รูปาทีสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ เอวํ อนิจฺเจสุ ทุกฺเขสุ วิปริณามธมฺเมสุ ตณฺหาภินนฺทนทิฏฺาภินนฺทนานํ วเสน ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา สชฺชนฺติ กิร. อโห เนสํ สมฺโมโหติ ทสฺเสติ. กิรสทฺโท เจตฺถ อรุจิสูจนตฺโถ. เตน ตตฺถ สงฺคการณาภาวเมว ทีเปติ. น เกวลํ สชฺชนฺติ เอว, อถ โข วิคฺคยฺห นํ วิวทนฺติ ‘‘น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสิ, อหํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานามี’’ติอาทินา วิคฺคาหิกกถานุโยควเสน วิคฺคยฺห วิวทนฺติ วิวาทํ อาปชฺชนฺติ. นนฺติ เจตฺถ นิปาตมตฺตํ. อถ วา วิคฺคยฺห นนฺติ นํ ทิฏฺินิสฺสยํ สกฺกายทิฏฺิเมว วา วิปรีตทสฺสนตฺตา สสฺสตาทิวเสน อฺมฺํ วิรุทฺธํ คเหตฺวา วิวทนฺติ วิเสสโต วทนฺติ, อตฺตโน เอว วาทํ วิสิฏฺํ อวิปรีตํ กตฺวา อภินิวิสฺส โวหรนฺติ. ยถา กึ? ชนา เอกงฺคทสฺสิโน ยเถว ชจฺจนฺธชนา หตฺถิสฺส เอเกกงฺคทสฺสิโน ‘‘ยํ ยํ อตฺตนา ผุสิตฺวา าตํ, ตํ ตเทว หตฺถี’’ติ คเหตฺวา อฺมฺํ วิคฺคยฺห วิวทึสุ, เอวํสมฺปทมิทนฺติ อตฺโถ. อิวสทฺโท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺโพ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ทุติยนานาติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา
๕๕. ปฺจเม ¶ ¶ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จาติ รูปาทีสุ อฺตรํ อตฺตาติ จ โลโกติ จ คเหตฺวา ตํ สสฺสตํ นิจฺจนฺติ อฺเปิ จ ตถา คาเหนฺตา โวหรนฺติ. ยถาห –
‘‘รูปํ อตฺตา เจว โลโก จ สสฺสโต จาติ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺติ. เวทนํ… สฺํ… สงฺขาเร… วิฺาณํ อตฺตา จ โลโก จ สสฺสโต จาติ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺตี’’ติ.
อถ วา อตฺตาติ อหงฺการวตฺถุ, โลโกติ มมงฺการวตฺถุ, ยํ ‘‘อตฺตนิย’’นฺติ วุจฺจติ. อตฺตาติ วา สยํ, โลโกติ ปโร. อตฺตาติ วา ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ เอโก ขนฺโธ, อิตโร โลโก ¶ . อตฺตาติ วา สวิฺาณโก ขนฺธสนฺตาโน, อวิฺาณโก โลโก. เอวํ ตํ ตํ อตฺตาติ จ โลโกติ จ ยถาทสฺสนํ ทฺวิธา คเหตฺวา ตทุภยํ ‘‘นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต’’ติ อภินิวิสฺส โวหรนฺติ. เอเตน จตฺตาโร สสฺสตวาทา ทสฺสิตา. อสสฺสโตติ สตฺตปิ อุจฺเฉทวาทา ทสฺสิตา. สสฺสโต จ อสสฺสโต จาติ เอกจฺโจ อตฺตา จ โลโก จ สสฺสโต, เอกจฺโจ อสสฺสโตติ เอวํ สสฺสโต จ อสสฺสโต จาติ อตฺโถ. อถ วา สฺเวว อตฺตา จ โลโก จ อตฺตคติทิฏฺิกานํ วิย สสฺสโต จ อสสฺสโต จ, สิยา สสฺสโตติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สพฺพถาปิ อิมินา เอกจฺจสสฺสตวาโท ทสฺสิโต. เนว สสฺสโต นาสสฺสโตติ อิมินา อมราวิกฺเขปวาโท ทสฺสิโต. เต หิ สสฺสตวาเท อสสฺสตวาเท จ โทสํ ทิสฺวา ‘‘เนว สสฺสโต นาสสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วิกฺเขปํ กโรนฺตา วิวทนฺติ.
สยํกโตติ อตฺตนา กโต. ยถา หิ เตสํ เตสํ สตฺตานํ อตฺตา จ อตฺตโน ธมฺมานุธมฺมํ กตฺวา สุขทุกฺขานิ ปฏิสํเวเทติ, เอวํ อตฺตาว อตฺตานํ ตสฺส จ อุปโภคภูตํ กิฺจนํ ปลิโพธสงฺขาตํ โลกฺจ กโรติ, อภินิมฺมินาตีติ อตฺตลทฺธิ วิย อยมฺปิ เตสํ ลทฺธิ. ปรํกโตติ ปเรน กโต, อตฺตโต ปเรน อิสฺสเรน วา ปุริเสน วา ปชาปตินา วา กาเลน วา ปกติยา วา อตฺตา จ โลโก จ กโต ¶ , นิมฺมิโตติ อตฺโถ. สยํกโต จ ปรํกโต จาติ ยสฺมา อตฺตานฺจ โลกฺจ นิมฺมินนฺตา อิสฺสราทโย น เกวลํ สยเมว นิมฺมินนฺติ, อถ โข เตสํ เตสํ สตฺตานํ ธมฺมาธมฺมานํ สหการีการณํ ลภิตฺวาว, ตสฺมา สยํกโต จ ปรํกโต ¶ จ อตฺตา จ โลโก จาติ เอกจฺจานํ ลทฺธิ. อสยํกาโร อปรํกาโรติ นตฺถิ เอตสฺส สยํกาโรติ อสยํกาโร, นตฺถิ เอตสฺส ปรกาโรติ อปรกาโร. อนุนาสิกาคมํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อปรํกาโร’’ติ. อยํ อุภยตฺถ โทสํ ทิสฺวา อุภยํ ปฏิกฺขิปติ. อถ กถํ อุปฺปนฺโนติ อาห – อธิจฺจสมุปฺปนฺโนติ ยทิจฺฉาย สมุปฺปนฺโน เกนจิ การเณน วินา อุปฺปนฺโนติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนวาโท ทสฺสิโต. เตน จ อเหตุกวาโทปิ สงฺคหิโต โหติ.
อิทานิ เย ทิฏฺิคติกา อตฺตานํ วิย สุขทุกฺขมฺปิ ตสฺส คุณภูตํ กิฺจนภูตํ วา สสฺสตาทิวเสน อภินิวิสฺส โวหรนฺติ, เตสํ ตํ วาทํ ทสฺเสตุํ ‘‘สนฺเตเก สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ วุตฺตนยเมว.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตฺถ ปน อิธ ชจฺจนฺธูปมาย อนาคตตฺตา ตํ หิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ โยเชตพฺโพ, ตถา คาถาย.
ตตฺถ ¶ อนฺตราว วิสีทนฺติ, อปตฺวาว ตโมคธนฺติ อยํ วิเสโส. ตสฺสตฺโถ – เอวํ ทิฏฺิคเตสุ ทิฏฺินิสฺสเยสุ อาสชฺชมานา ทิฏฺิคติกา กาโมฆาทีนํ จตุนฺนํ โอฆานํ, สํสารมโหฆสฺเสว วา อนฺตราว เวมชฺเฌ เอว ยํ เตสํ ปารภาเวน ปติฏฺฏฺเน วา โอคธสงฺขาตํ นิพฺพานํ ตทธิคมูปาโย วา อริยมคฺโค ตํ อปฺปตฺวาว อนธิคนฺตฺวาว วิสีทนฺติ สํสีทนฺติ. โอคาธนฺติ ปติฏฺหนฺติ เอเตน, เอตฺถ วาติ โอคาโธ, อริยมคฺโค นิพฺพานฺจ. โอคาธเมเวตฺถ รสฺสตฺตํ กตฺวา โอคธนฺติ วุตฺตํ. ตํ โอคธํ ตโมคธนฺติ ปทวิภาโค.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ตติยนานาติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา
๕๖. ฉฏฺเ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. อิมํ อุทานนฺติ เอตฺถ ปน ทิฏฺิตณฺหามาเนสุ โทสํ ทิสฺวา เต ทูรโต วชฺเชตฺวา สงฺขาเร ยถาภูตํ ปสฺสโต จ ตตฺถ อนาทีนวทสฺสิตาย ¶ มิจฺฉาภินิวิฏฺสฺส ยถาภูตํ อปสฺสโต ¶ จ ยถากฺกมํ สํสารโต อติวตฺตนานติวตฺตนทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ อตฺโถ โยเชตพฺโพ.
ตตฺถ อหงฺการปสุตายํ ปชาติ ‘‘สยํกโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ เอวํ วุตฺตสยํการสงฺขาตํ อหงฺการํ ตถาปวตฺตํ ทิฏฺึ ปสุตา อนุยุตฺตา อยํ ปชา มิจฺฉาภินิวิฏฺโ สตฺตกาโย. ปรํการูปสํหิตาติ ปโร อฺโ อิสฺสราทิโก สพฺพํ กโรตีติ เอวํ ปวตฺตปรํการทิฏฺิสนฺนิสฺสิตา ตาย อุปสํหิตาติ ปรํการูปสํหิตา. เอตเทเก นาพฺภฺํสูติ เอตํ ทิฏฺิทฺวยํ เอเก สมณพฺราหฺมณา ตตฺถ โทสทสฺสิโน หุตฺวา นานุชานึสุ. กถํ? สติ หิ สยํกาเร กามการโต สตฺตานํ อิฏฺเเนว ภวิตพฺพํ, น อนิฏฺเน. น หิ โกจิ อตฺตโน ทุกฺขํ อิจฺฉติ, ภวติ จ อนิฏฺํ, ตสฺมา น สยํกาโร. ปรํกาโรปิ ยทิ อิสฺสรเหตุโก, สฺวายํ อิสฺสโร อตฺตตฺถํ วา กเรยฺย ปรตฺถํ วา. ตตฺถ ยทิ อตฺตตฺถํ, อตฺตนา อกตกิจฺโจ สิยา อสิทฺธสฺส สาธนโต. อถ วา ปรตฺถํ สพฺเพสํ หิตสุขเมว นิปฺผชฺเชยฺย, น อหิตํ ทุกฺขํ นิปฺผชฺชติ, ตสฺมา อิสฺสรวเสน น ปรํกาโร สิชฺฌติ. ยทิ จ อิสฺสรสงฺขาตํ อฺนิรเปกฺขํ นิจฺจเมกการณํ ปวตฺติยา สิยา, กมฺเมน อุปฺปตฺติ น สิยา, สพฺเพเหว เอกชฺฌํ อุปฺปชฺชิตพฺพํ การณสฺส สนฺนิหิตตฺตา. อถสฺส อฺมฺปิ สหการีการณํ อิจฺฉิตํ, ตฺเว ¶ เหตุ, กึ อิสฺสเรน อปรินิฏฺิตสามตฺถิเยน ปริกปฺปิเตน. ยถา จ อิสฺสรเหตุโก ปรํกาโร น สิชฺฌติ, เอวํ ปชาปติปุริสปกติพฺรหฺมกาลาทิเหตุโตปิ น สิชฺฌเตว เตสมฺปิ อสิทฺธตฺตา วุตฺตโทสานติวตฺตนโต จ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอตเทเก นาพฺภฺํสู’’ติ. เย ปน ยถาวุตฺเต สยํการปรํกาเร นานุชานนฺตาปิ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺติ, เตปิ น นํ สลฺลนฺติ อทฺทสุํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติวาทิโนปิ มิจฺฉาภินิเวสํ อนติกฺกมนโต ยถาภูตํ อชานนฺตานํ ทิฏฺิคตํ ตตฺถ ตตฺถ ทุกฺขุปฺปาทนโต วิชฺฌนฏฺเน ‘‘สลฺล’’นฺติ น ปสฺสึสุ.
เอตฺจ สลฺลํ ปฏิกจฺจ ปสฺสโตติ ¶ โย ปน อารทฺธวิปสฺสโก ปฺจปิ อุปาทานกฺขนฺเธ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต สมนุปสฺสติ, โส เอตฺจ ติวิธํ วิปรีตทสฺสนํ อฺฺจ สกลํ มิจฺฉาภินิเวสํ เตสฺจ นิสฺสยภูเต ปฺจุปาทานกฺขนฺเธปิ ตุชฺชนโต ทุรุทฺธารโต จ ‘‘สลฺล’’นฺติ ปฏิกจฺจ ปุพฺเพเยว ¶ วิปสฺสนาปฺาย ปสฺสติ. เอวํ ปสฺสโต อริยมคฺคกฺขเณ เอกนฺเตเนว อหํ กโรมีติ น ตสฺส โหติ. ยถา จ อตฺตโน การกภาโว ตสฺส น อุปฏฺาติ, เอวํ ปโร กโรตีติ น ตสฺส โหติ, เกวลํ ปน อนิจฺจสงฺขาตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมมตฺตเมว โหติ. เอตฺตาวตา สมฺมาปฏิปนฺนสฺส สพฺพถาปิ ทิฏฺิมานาภาโวว ทสฺสิโต. เตน จ อรหตฺตปฺปตฺติยา สํสารสมติกฺกโม ปกาสิโต โหติ.
อิทานิ โย ทิฏฺิคเต อลฺลีโน, น โส สํสารโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ สกฺโกติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มานุเปตา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ มานุเปตา อยํ ปชาติ อยํ สพฺพาปิ ทิฏฺิคติกสงฺขาตา ปชา สตฺตกาโย ‘‘มยฺหํ ทิฏฺิ สุนฺทรา, มยฺหํ อาทาโน สุนฺทโร’’ติ อตฺตโน คาหสฺส สํปคฺคหลกฺขเณน มาเนน อุเปตา สมนฺนาคตา. มานคนฺถา มานวินิพทฺธาติ ตโต เอว เตน อปราปรํ อุปฺปชฺชมาเนน ยถา ตํ ทิฏฺึ น ปฏินิสฺสชฺชติ, เอวํ อตฺตโน สนฺตานสฺส คนฺถิตตฺตา วินิพทฺธตฺตา จ มานคนฺถา มานวินิพทฺธา. ทิฏฺีสุ สารมฺภกถา, สํสารํ นาติวตฺตตีติ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนวเสน อตฺตโน ทิฏฺาภินิเวเสน ปเรสํ ทิฏฺีสุ สารมฺภกถา วิโรธกถา สํสารนายิกานํ อวิชฺชาตณฺหานํ อปฺปหานโต สํสารํ นาติวตฺตติ, น อติกฺกมตีติ อตฺโถ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สุภูติสุตฺตวณฺณนา
๕๗. สตฺตเม ¶ ¶ สุภูตีติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. โส หิ อายสฺมา ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปาทมูเล กตาภินีหาโร กปฺปสตสหสฺสํ อุปจิตปฺุสมฺภาโร อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อุฬารวิภเว คหปติกุเล อุปฺปนฺโน ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สํเวคชาโต ฆรา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา กตาธิการตฺตา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต น จิรสฺเสว ฉฬภิฺโ ชาโต, พฺรหฺมวิหารภาวนาย ปน อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อรณวิหารีนํ ยทิทํ สุภูตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๑) อรณวิหาเร ภควตา เอตทคฺเค ปิโต. โส เอกทิวสํ สายนฺหสมยํ ทิวาฏฺานโต วิหารงฺคณํ โอติณฺโณ จตุปริสมชฺเฌ ภควนฺตํ ธมฺมํ ¶ เทเสนฺตํ ทิสฺวา ‘‘เทสนาปริโยสาเน วุฏฺหิตฺวา วนฺทิสฺสามี’’ติ กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา ภควโต อวิทูเร อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺโน ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สุภูติ…เป… สมาปชฺชิตฺวา’’ติ.
ตตฺถ ทุติยชฺฌานโต ปฏฺาย รูปาวจรสมาธิ สพฺโพปิ อรูปาวจรสมาธิ อวิตกฺกสมาธิ เอว. อิธ ปน จตุตฺถชฺฌานปาทโก อรหตฺตผลสมาธิ ‘‘อวิตกฺกสมาธี’’ติ อธิปฺเปโต. ทุติยชฺฌานาทีหิ ปหีนา มิจฺฉาวิตกฺกา น ตาว สุปฺปหีนา อจฺจนฺตปหานาภาวโต, อริยมคฺเคน ปน ปหีนา เอว ปุน ปหานกิจฺจาภาวโต. ตสฺมา อคฺคมคฺคปริโยสานภูโต อรหตฺตผลสมาธิ สพฺเพสํ มิจฺฉาวิตกฺกานํ ปหานนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา วิเสสโต ‘‘อวิตกฺกสมาธี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ปเคว จตุตฺถชฺฌานปาทโก. เตน วุตฺตํ – ‘‘อิธ ปน จตุตฺถชฺฌานปาทโก อรหตฺตผลสมาธิ ‘อวิตกฺกสมาธี’ติ อธิปฺเปโต’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต สุภูติสฺส สพฺพมิจฺฉาวิตกฺกสพฺพสํกิเลสปหานสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต ชานิตฺวา ตทตฺถทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยสฺส วิตกฺกา วิธูปิตาติ เยน อริยปุคฺคเลน, ยสฺส วา ¶ อริยปุคฺคลสฺส กามวิตกฺกาทโย สพฺเพปิ มิจฺฉาวิตกฺกา วิธูปิตา อริยมคฺคาเณน สนฺตาปิตา สมุจฺฉินฺนา. อชฺฌตฺตํ สุวิกปฺปิตา อเสสาติ นิยกชฺฌตฺตสงฺขาเต อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชนารหา สุวิกปฺปิตา สุฏฺุ วิกปฺปิตา อเสสโต, กิฺจิปิ อเสเสตฺวา สุสมุจฺฉินฺนาติ อตฺโถ. ตํ สงฺคมติจฺจ อรูปสฺีติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ. อถ วา เหตุอตฺโถ ตํสทฺโท. ยสฺมา อนวเสเสน มิจฺฉาวิตกฺกา สมุจฺฉินฺนา, ตสฺมา ราคสงฺคาทิกํ ปฺจวิธํ สงฺคํ, สพฺพมฺปิ วา กิเลสสงฺคํ ¶ อติจฺจ อติกฺกมิตฺวา อติกฺกมนเหตุ รูปสภาวาภาวโต รุปฺปนสงฺขาตสฺส จ วิการสฺส ตตฺถ อภาวโต นิพฺพิการเหตุภาวโต วา ‘‘อรูป’’นฺติ ลทฺธนามํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตาหิ มคฺคผลสฺาหิ อรูปสฺี. จตุโยคาติคโตติ กามโยโค ภวโยโค ทิฏฺิโยโค อวิชฺชาโยโคติ จตฺตาโร โยเค ยถารหํ จตูหิปิ มคฺเคหิ อติกฺกมิตฺวา คโต. น ชาตุ เมตีติ มกาโร ปทสนฺธิกโร, ชาตุ เอกํเสเนว ปุนพฺภวาย น เอติ, อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ ตสฺส นตฺถีติ อตฺโถ. ‘‘น ¶ ชาติ เมตี’’ติปิ ปนฺติ, โส เอวตฺโถ. อิติ ภควา อายสฺมโต สุภูติสฺส อรหตฺตผลสมาปตฺติวิหารํ อนุปาทิเสสนิพฺพานฺจ อารพฺภ ปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนสิ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. คณิกาสุตฺตวณฺณนา
๕๘. อฏฺเม ทฺเว ปูคาติ ทฺเว คณา. อฺตริสฺสา คณิกายาติ อฺตราย นครโสภินิยา. สารตฺตาติ สุฏฺุ รตฺตา. ปฏิพทฺธจิตฺตาติ กิเลสวเสน พทฺธจิตฺตา. ราชคเห กิร เอกสฺมึ ฉณทิวเส พหู ธุตฺตปุริสา คณพนฺธเนน วิจรนฺตา เอกเมกสฺส เอกเมกํ เวสึ อาเนตฺวา อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา ฉณกีฬํ กีฬึสุ. ตโต ปรมฺปิ ทฺเว ตโย ฉณทิวเส ตํ ตํเยว เวสึ อาเนตฺวา ฉณกีฬํ กีฬึสุ. อถาปรสฺมึ ¶ ฉณทิวเส อฺเปิ ธุตฺตา ตเถว ฉณกีฬํ กีฬิตุกามา เวสิโย อาเนนฺตา ปุริมธุตฺเตหิ ปุพฺเพ อานีตํ เอกํ เวสึ อาเนนฺติ. อิตเร ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อมฺหากํ ปริคฺคโห’’ติ อาหํสุ. เตปิ ตเถว อาหํสุ. ‘‘เอวํ อมฺหากํ ปริคฺคโห, อมฺหากํ ปริคฺคโห’’ติ กลหํ วฑฺเฒตฺวา ปาณิปฺปหาราทีนิ อกํสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ราชคเห ทฺเว ปูคา’’ติอาทิ. ตตฺถ อุปกฺกมนฺตีติ ปหรนฺติ. มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺตีติ พลวูปกฺกเมหิ มรณํ อุปคจฺฉนฺติ, อิตเรปิ มรณมตฺตํ มรณปฺปมาณทุกฺขํ ปาปุณนฺติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ กาเมสุ เคธํ วิวาทมูลํ สพฺพานตฺถมูลนฺติ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อนฺตทฺวเย จ มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา อาทีนวานิสํสวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ ยฺจ ปตฺตนฺติ ยํ รูปาทิปฺจกามคุณชาตํ ปตฺตํ ‘‘นตฺถิ กาเมสุ โทโส’’ติ ทิฏฺึ ปุรกฺขตฺวา วา อปุรกฺขตฺวา วา เอตรหิ ลทฺธํ อนุภุยฺยมานํ. ยฺจ ปตฺตพฺพนฺติ ยฺจ กามคุณชาตเมว ‘‘ภฺุชิตพฺพา กามา, ปริภฺุชิตพฺพา กามา, อาเสวิตพฺพา กามา, ปฏิเสวิตพฺพา กามา, โย กาเม ปริภฺุชติ, โส โลกํ วฑฺเฒติ, โย โลกํ วฑฺเฒติ, โส พหุํ ปฺุํ ปสวตี’’ติ ทิฏฺึ อุปนิสฺสาย ตํ อนิสฺสชฺชิตฺวา กเตน กมฺมุนา อนาคเต ปตฺตพฺพํ อนุภวิตพฺพฺจ. อุภยเมตํ รชานุกิณฺณนฺติ เอตํ อุภยํ ¶ ปตฺตํ ปตฺตพฺพฺจ ราครชาทีหิ อนุกิณฺณํ. สมฺปตฺเต หิ วตฺถุกาเม อนุภวนฺโต ราครเชน โวกิณฺโณ โหติ, ตตฺถ ปน สํกิลิฏฺจิตฺตสฺส ผเล อายตึ อาปนฺเน โทมนสฺสุปฺปตฺติยา โทสรเชน โวกิณฺโณ โหติ, อุภยตฺถาปิ โมหรเชน โวกิณฺโณ โหติ. กสฺส ปเนตํ รชานุกิณฺณนฺติ อาห – ‘‘อาตุรสฺสานุสิกฺขโต’’ติ กามปตฺถนาวเสน กิเลสาตุรสฺส, ตสฺส จ ผเลน ทุกฺขาตุรสฺส จ อุภยตฺถาปิ ปฏิการาภิลาสาย กิเลสผเล อนุสิกฺขโต.
ตถา ยฺจ ปตฺตนฺติ ยํ อเจลกวตาทิวเสน ปตฺตํ อตฺตปริตาปนํ ¶ . ยฺจ ปตฺตพฺพนฺติ ยํ มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานเหตุ อปาเยสุ ปตฺตพฺพํ ผลํ. อุภยเมตํ รชานุกิณฺณนฺติ ตทุภยํ ทุกฺขรชานุกิณฺณํ. อาตุรสฺสาติ กายกิลมเถน ทุกฺขาตุรสฺส. อนุสิกฺขโตติ มิจฺฉาทิฏฺึ, ตสฺสา สมาทายเก ปุคฺคเล จ อนุสิกฺขโต.
เย จ สิกฺขาสาราติ เยหิ ยถาสมาทินฺนํ สีลพฺพตาทิสงฺขาตํ สิกฺขํ สารโต คเหตฺวา ‘‘อิมินา สํสารสุทฺธี’’ติ กถิตา. เตนาห – สีลพฺพตํ ชีวิตํ พฺรหฺมจริยํ อุปฏฺานสาราติ. ตตฺถ ยํ ‘‘น กโรมี’’ติ โอรมติ, ตํ สีลํ, วิสโภชนกิจฺฉาจรณาทิกํ วตํ, สากภกฺขตาทิชีวิกา ชีวิตํ, เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยํ, เอเตสํ อนุติฏฺนํ อุปฏฺานํ, ภูตปิณฺฑกปริภณฺฑาทิวเสน ขนฺธเทวสิวาทิปริจรณํ วา อุปฏฺานํ, เอวเมเตหิ ยถาวุตฺเตหิ สีลาทีหิ สํสารสุทฺธิ โหตีติ ตานิ สารโต คเหตฺวา ิตา สมณพฺราหฺมณา สิกฺขาสารา สีลพฺพตํ ชีวิตํ พฺรหฺมจริยํ ‘‘อุปฏฺานสารา’’ติ เวทิตพฺพา. อยเมโก อนฺโตติ อยํ สีลพฺพตปรามาสวเสน อตฺตกิลมถานุโยคสงฺขาโต มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา อุปฺปถภูโต ลามกฏฺเน จ เอโก อนฺโต. อยํ ทุติโย อนฺโตติ อยํ กามสุขลฺลิกานุโยโค กาเมสุ ปาตพฺยตาปตฺติสงฺขาโต ทุติโย วุตฺตนเยน อนฺโต.
อิจฺเจเต อุโภ อนฺตาติ กามสุขลฺลิกานุโยโค อตฺตกิลมถานุโยโค จ อิติ เอเต อุโภ อนฺตา. เต จ โข เอตรหิ ปตฺเต, อายตึ ปตฺตพฺเพ จ กิเลสทุกฺขรชานุกิณฺเณ กามคุเณ อตฺตปริตาปเน ¶ จ อลฺลีเนหิ กิเลสทุกฺขาตุรานํ อนุสิกฺขนฺเตหิ, สยฺจ ¶ กิเลสทุกฺขาตุเรหิ ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา ลามกา อุปฺปถภูตา จาติ อนฺตา. กฏสิวฑฺฒนาติ อนฺธปุถุชฺชเนหิ อภิกงฺขิตพฺพฏฺเน กฏสิสงฺขาตานํ ตณฺหาอวิชฺชานํ อภิวฑฺฒนา. กฏสิโย ทิฏฺึ วฑฺเฒนฺตีติ ตา ปน ¶ กฏสิโย นานปฺปการทิฏฺึ วฑฺเฒนฺติ. วตฺถุกาเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน หิ เต ปชหิตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ตณฺหาอวิชฺชาสหการีการณํ ลภิตฺวา ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๒๒๑; วิภ. ๙๓๘) นตฺถิกทิฏฺึ อกิริยทิฏฺึ อเหตุกทิฏฺิฺจ คณฺหาเปนฺติ, อตฺตปริตาปนํ อนุยุตฺตสฺส ปน อวิชฺชาตณฺหาสหการีการณํ ลภิตฺวา ‘‘สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธี’’ติอาทินา อตฺตสุทฺธิอภิลาเสน สีลพฺพตปรามาสทิฏฺึ คณฺหาเปนฺติ. สกฺกายทิฏฺิยา ปน เตสํ ปจฺจยภาโว ปากโฏเยว. เอวํ อนฺตทฺวยูปนิสฺสเยน ตณฺหาอวิชฺชานํ ทิฏฺิวฑฺฒกตา เวทิตพฺพา. เกจิ ปน ‘‘กฏสีติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ วทนฺติ. เตสํ ยทคฺเคน ตโต อนฺตทฺวยโต สํสารสุทฺธิ น โหติ, ตทคฺเคน เต อุปาทานกฺขนฺเธ อภิวฑฺเฒตีติ อธิปฺปาโย. อปเร ปน ‘‘กฏสิวฑฺฒนา’’ติ ปทสฺส ‘‘อปราปรํ ชรามรเณหิ สิวถิกวฑฺฒนา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. เตหิปิ อนฺตทฺวยสฺส สํสารสุทฺธิเหตุภาวาภาโวเยว วุตฺโต, กฏสิยา ปน ทิฏฺิวฑฺฒนการณภาโว วตฺตพฺโพ.
เอเต เต อุโภ อนฺเต อนภิฺายาติ เต เอเต ยถาวุตฺเต อุโภปิ อนฺเต อชานิตฺวา ‘‘อิเม อนฺตา เต จ เอวํคหิตา เอวํอนุฏฺิตา เอวํคติกา เอวํอภิสมฺปรายา’’ติ เอวํ อชานนเหตุ อชานนการณา. ‘‘ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา’’ติอาทีสุ (ปุ. ป. ๒๐๘; อ. นิ. ๙.๔๓) วิยสฺส เหตุอตฺถตา ทฏฺพฺพา. โอลียนฺติ เอเกติ เอเก กามสุขานุโยควเสน สงฺโกจํ อาปชฺชนฺติ. อติธาวนฺติ เอเกติ เอเก อตฺตกิลมถานุโยควเสน อติกฺกมนฺติ. กามสุขมนุยุตฺตา หิ วีริยสฺส อกรณโต โกสชฺชวเสน สมฺมาปฏิปตฺติโต สงฺโกจมาปนฺนตา โอลียนฺติ นาม, อตฺตปริตาปนมนุยุตฺตา ปน โกสชฺชํ ปหาย อนุปาเยน วีริยารมฺภํ กโรนฺตา สมฺมาปฏิปตฺติยา อติกฺกมนโต อติธาวนฺติ นาม, ตทุภยํ ปน ตตฺถ อาทีนวาทสฺสนโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุโภ อนฺเต อนภิฺาย โอลียนฺติ เอเก อติธาวนฺติ เอเก’’ติ. ตตฺถ ตณฺหาภินนฺทนวเสน โอลียนฺติ, ทิฏฺาภินนฺทนวเสน อติธาวนฺตีติ เวทิตพฺพํ.
อถ ¶ วา สสฺสตาภินิเวสวเสน โอลียนฺติ เอเก, อุจฺเฉทาภินิเวสวเสน อติธาวนฺติ เอเก. โคสีลาทิวเสน หิ อตฺตปริตาปนมนุยุตฺตา เอกจฺเจ ‘‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา ¶ เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา, ตตฺถ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต ¶ อวิปริณามธมฺโม สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามี’’ติ สสฺสตทสฺสนํ อภินิวิสนฺตา สํสาเร โอลียนฺติ นาม, กามสุขมนุยุตฺตา ปน เอกจฺเจ ยํกิฺจิ กตฺวา อินฺทฺริยานิ สนฺตปฺเปตุกามา โลกายติกา วิย ตทนุคุณํ อุจฺเฉททสฺสนํ อภินิวิสนฺตา อนุปาเยน วฏฺฏุปจฺเฉทสฺส ปริเยสนโต อติธาวนฺติ นาม. เอวํ สสฺสตุจฺเฉทวเสนปิ โอลียนาติธาวนานิ เวทิตพฺพานิ.
เย จ โข เต อภิฺายาติ เย จ โข ปน อริยปุคฺคลา เต ยถาวุตฺเต อุโภ อนฺเต ‘‘อิเม อนฺตา เอวํคหิตา เอวํอนุฏฺิตา เอวํคติกา เอวํอภิสมฺปรายา’’ติ อภิวิสิฏฺเน าเณน วิปสฺสนาสหิตาย มคฺคปฺาย ชานิตฺวา มชฺฌิมปฏิปทํ สมฺมาปฏิปนฺนา, ตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา. ตตฺร จ นาเหสุนฺติ ตตฺร ตสฺมึ อนฺตทฺวเย ปติตา น อเหสุํ, ตํ อนฺตทฺวยํ ปชหึสูติ อตฺโถ. เตน จ นามฺึสูติ เตน อนฺตทฺวยปหาเนน ‘‘มม อิทํ อนฺตทฺวยปหานํ, อหํ อนฺตทฺวยํ ปหาสึ, อิมินา อนฺตทฺวยปหาเนน เสยฺโย’’ติอาทินา ตณฺหาทิฏฺิมานมฺนาวเสน น อมฺึสุ สพฺพมฺนานํ สมฺมเทว ปหีนตฺตา. เอตฺถ จ อคฺคผเล ิเต อริยปุคฺคเล สนฺธาย ‘‘ตตฺร จ นาเหสุํ, เตน จ นามฺึสู’’ติ อตีตกาลวเสน อยํ เทสนา ปวตฺตา, มคฺคกฺขเณ ปน อธิปฺเปเต วตฺตมานกาลวเสเนว วตฺตพฺพํ สิยา. วฏฺฏํ เตสํ นตฺถิ ปฺาปนายาติ เย เอวํ ปหีนสพฺพมฺนา อุตฺตมปุริสา, เตสํ อนุปาทาปรินิพฺพุตานํ กมฺมวิปากกิเลสวเสน ติวิธมฺปิ วฏฺฏํ นตฺถิ ปฺาปนาย, วตฺตมานกฺขนฺธเภทโต อุทฺธํ อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท อปฺตฺติกภาวเมว คจฺฉตีติ อตฺโถ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อุปาติธาวนฺติสุตฺตวณฺณนา
๕๙. นวเม ¶ ¶ รตฺตนฺธการติมิสายนฺติ รตฺติยํ อนฺธกาเร มหาติมิสายํ. รตฺตีปิ หิ อนฺธการวิรหิตา โหติ, ยา ปุณฺณมาย รตฺติ ชุณฺโหภาสิตา. อนฺธกาโรปิ ‘‘ติมิสา’’ติ น วตฺตพฺโพ โหติ อพฺภมหิกาทิอุปกฺกิเลสวิรหิเต เทเว. มหนฺธกาโร หิ ‘‘ติมิสา’’ติ วุจฺจติ. อยํ ปน อมาวสี รตฺติ เทโว จ เมฆปฏลสฺฉนฺโน. เตน วุตฺตํ – ‘‘รตฺตนฺธการติมิสายนฺติ ¶ รตฺติยา อนฺธกาเร มหาติมิสาย’’นฺติ. อพฺโภกาเสติ อปฺปฏิจฺฉนฺเน โอกาเส วิหารงฺคเณ. เตลปฺปทีเปสุ ฌายมาเนสูติ เตลปชฺโชเตสุ ชลมาเนสุ.
นนุ จ ภควโต พฺยามปฺปภา ปกติยา พฺยามมตฺตปฺปเทสํ อภิพฺยาเปตฺวา จนฺทิมสูริยาโลกํ อภิภวิตฺวา ฆนพหลํ พุทฺธาโลกํ วิสฺสชฺเชนฺตี อนฺธการํ วิธมิตฺวา ติฏฺติ, กายปฺปภาปิ นีลปีตาทิวเสน ฉพฺพณฺณฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชตฺวา ปกติยาว สมนฺตโต อสีติหตฺถปฺปเทสํ โอภาเสนฺตี ติฏฺติ, เอวํ พุทฺธาโลเกเนว เอโกภาสภูเต ภควโต นิสินฺโนกาเส ปทีปกรเณ กิจฺจํ นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, ตถาปิ ปฺุตฺถิกา อุปาสกา ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปูชากรณตฺถํ เทวสิกํ เตลปฺปทีปํ อุปฏฺเปนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ – สามฺผเลปิ ‘‘เอเต มณฺฑลมาเล ทีปา ฌายนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๕๙). ‘‘รตฺตนฺธการติมิสาย’’นฺติ อิทมฺปิ ตสฺสา รตฺติยา สภาวกิตฺตนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน ภควโต นิสินฺโนกาสสฺส อนฺธการภาวโต. ปูชากรณตฺถเมว หิ ตทาปิ อุปาสเกหิ ปทีปา การิตา.
ตสฺมิฺหิ ทิวเส สาวตฺถิวาสิโน พหู อุปาสกา ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อุโปสถงฺคานิ สมาทิยิตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา มหาทานานิ ปวตฺเตตฺวา ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เคหานิ คนฺตฺวา สยมฺปิ ปริภฺุชิตฺวา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา สุทฺธุตฺตราสงฺคา คนฺธมาลาทิหตฺถา วิหารํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ ปูเชตฺวา เกจิ มโนภาวนีเย ภิกฺขู ปยิรุปาสนฺตา เกจิ โยนิโสมนสิกโรนฺตา ทิวสภาคํ วีตินาเมสุํ. เต สายนฺหสมเย ภควโต สนฺติเก ¶ ธมฺมํ สุตฺวา สตฺถริ ธมฺมสภามณฺฑปโต ปฏฺาย ¶ คนฺธกุฏิสมีเป อชฺโฌกาเส ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺเน, ภิกฺขุสงฺเฆ จ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสนฺเต อุโปสถวิโสธนตฺถฺเจว โยนิโสมนสิการปริพฺรูหนตฺถฺจ นครํ อคนฺตฺวา วิหาเรเยว วสิตุกามา โอหียึสุ. อถ เต ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปูชากรณตฺถํ พหู เตลปฺปทีเป อาโรเปตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อฺชลึ กตฺวา ภิกฺขูนํ ปริยนฺเต นิสินฺนา กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘ภนฺเต, อิเม ติตฺถิยา นานาวิธานิ ทิฏฺิคตานิ อภินิวิสฺส โวหรนฺติ, ตถา โวหรนฺตา จ กทาจิ สสฺสตํ, กทาจิ อสสฺสตํ, อุจฺเฉทาทีสุ อฺตรนฺติ เอกสฺมึเยว อฏฺตฺวา นวนวานิ ทิฏฺิคตานิ ‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ ปคฺคยฺห ติฏฺนฺติ อุมฺมตฺตกสทิสา, เตสํ ตถา อภินิวิฏฺานํ กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ. เตน จ สมเยน พหู ปฏงฺคปาณกา ปตนฺตา ปตนฺตา เตสุ เตลปฺปทีเปสุ นิปตนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อธิปาตกา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ อธิปาตกาติ ปฏงฺคปาณกา, เย ‘‘สลภา’’ติปิ วุจฺจนฺติ. เต หิ ทีปสิขํ อธิปตนโต ‘‘อธิปาตกา’’ติ อธิปฺเปตา. อาปาตปริปาตนฺติ อาปาตํ ปริปาตํ, อาปติตฺวา อาปติตฺวา ปริปติตฺวา ปริปติตฺวา, อภิมุขปาตฺเจว ปริพฺภมิตฺวา ปาตฺจ กตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘อาปาเถ ปริปาต’’นฺติ เกจิ ปนฺติ, อาปาเถ ปทีปสฺส อตฺตโน อาปาถคมเน สติ ปริปติตฺวา ปริปติตฺวาติ อตฺโถ. อนยนฺติ อวฑฺฒึ ทุกฺขํ. พฺยสนนฺติ วินาสํ. ปุริมปเทน หิ มรณมตฺตํ ทุกฺขํ, ปจฺฉิมปเทน มรณํ เตสํ ทีเปติ. ตตฺถ เกจิ ปาณกา สห ปตเนน มรึสุ, เกจิ มรณมตฺตํ ทุกฺขํ อาปชฺชึสุ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อธิปาตกปาณกานํ อตฺตหิตํ อชานนฺตานํ อตฺตุปกฺกมวเสน นิรตฺถกพฺยสนาปตฺตึ วิทิตฺวา เตสํ วิย ทิฏฺิคติกานํ ทิฏฺาภินิเวเสน อนยพฺยสนาปตฺติทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อุปาติธาวนฺติ น สารเมนฺตีติ สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติอาทิเภทํ ¶ สารํ น เอนฺติ, จตุสจฺจาภิสมยวเสน น อธิคจฺฉนฺติ. ตสฺมึ ปน สอุปาเย สาเร ติฏฺนฺเตเยว วิมุตฺตาภิลาสาย ตํ อุเปนฺตา วิย หุตฺวาปิ ทิฏฺิวิปลฺลาเสน อติธาวนฺติ อติกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺติ, ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ‘‘นิจฺจํ ¶ สุภํ สุขํ อตฺตา’’ติ อภินิวิสิตฺวา คณฺหนฺตาติ อตฺโถ. นวํ นวํ พนฺธนํ พฺรูหยนฺตีติ ตถา คณฺหนฺตา จ ตณฺหาทิฏฺิสงฺขาตํ นวํ นวํ พนฺธนํ พฺรูหยนฺติ วฑฺฒยนฺติ. ปตนฺติ ปชฺโชตมิวาธิปาตกา, ทิฏฺเ สุเต อิติเหเก นิวิฏฺาติ เอวํ ตณฺหาทิฏฺิพนฺธเนหิ พทฺธตฺตา เอเก สมณพฺราหฺมณา ทิฏฺเ อตฺตนา จกฺขุวิฺาเณน ทิฏฺิทสฺสเนเนว วา ทิฏฺเ อนุสฺสวูปลพฺภมตฺเตเนว จ สุเต ‘‘อิติห เอกนฺตโต เอวเมต’’นฺติ นิวิฏฺา ทิฏฺาภินิเวเสน ‘‘สสฺสต’’นฺติอาทินา อภินิวิฏฺา, เอกนฺตหิตํ วา นิสฺสรณํ อชานนฺตา ราคาทีหิ เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตํ ภวตฺตยสงฺขาตํ องฺคารกาสุํเยว อิเม วิย อธิปาตกา อิมํ ปชฺโชตํ ปตนฺติ, น ตโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ สกฺโกนฺตีติ อตฺโถ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อุปฺปชฺชนฺติสุตฺตวณฺณนา
๖๐. ทสเม ยาวกีวนฺติ ยตฺตกํ กาลํ. ยโตติ ยทา, ยโต ปฏฺาย, ยสฺมึ กาเลติ วา ¶ อตฺโถ. เอวเมตํ, อานนฺทาติ, อานนฺท, ตถาคเต อุปฺปนฺเน ตถาคตสฺส ตถาคตสาวกานํเยว จ ลาภสกฺกาโร อภิวฑฺฒติ, ติตฺถิยา ปน นิตฺเตชา วิหตปฺปภา ปหีนลาภสกฺการา โหนฺตีติ ยํ ตยา วุตฺตํ, เอตํ เอวํ, น เอตสฺส อฺถาภาโว. จกฺกวตฺติโน หิ จกฺกรตนสฺส ปาตุภาเวน โลโก จกฺกรตนํ มฺุจิตฺวา อฺตฺถ ปูชาสกฺการสมฺมานํ น ปวตฺเตติ, จกฺกรตนเมว ปน สพฺโพ โลโก สพฺพภาเวหิ สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ. อิติ วฏฺฏานุสาริปฺุมตฺตนิสฺสนฺทสฺสปิ ตาว มหนฺโต อานุภาโว, กิมงฺคํ ¶ ปน วิวฏฺฏานุสาริปฺุผลูปตฺถมฺภสฺส อนนฺตาปริเมยฺยคุณคณาธารสฺส พุทฺธรตนสฺส ธมฺมรตนสฺส สงฺฆรตนสฺส จาติ ทสฺเสติ.
ภควา หิ สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก อนุกฺกเมน โลเก เอกสฏฺิยา อรหนฺเตสุ ชาเตสุ สฏฺิ อรหนฺเต ชนปทจาริกาย วิสฺสชฺเชตฺวา อุรุเวลํ ปตฺวา อุรุเวลกสฺสปปฺปมุเข สหสฺสชฏิเล อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา เตหิ ปริวุโต ลฏฺิวนุยฺยาเน นิสีทิตฺวา พิมฺพิสารปฺปมุขานํ องฺคมคธวาสีนํ ทฺวาทส นหุตานิ สาสเน โอตาเรตฺวา ยทา ราชคเห วิหาสิ, ตโต ปฏฺาย ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส ¶ จ ยถา ยถา อุปรูปริ อุฬารลาภสกฺกาโร อภิวฑฺฒติ, ตถา ตถา สพฺพติตฺถิยานํ ลาภสกฺกาโร ปริหายิ เอว.
อเถกทิวสํ อายสฺมา อานนฺโท ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน ภควโต จ อริยสงฺฆสฺส จ สมฺมาปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ‘‘กถํ นุ โข ติตฺถิยาน’’นฺติ เตสํ ปฏิปตฺตึ อาวชฺเชสิ. อถสฺส เนสํ สพฺพถาปิ ทุปฺปฏิปตฺติเยว อุปฏฺาสิ. โส ‘‘เอวํมหานุภาเว นาม ปฺุูปนิสฺสยสฺส ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺติยา จ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺเต ภควติ, อริยสงฺเฆ จ ธรนฺเต กถํ อิเม อฺติตฺถิยา เอวํ ทุปฺปฏิปนฺนา อกตปฺุา วรากา ลาภิโน สกฺกตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ ติตฺถิยานํ ลาภสกฺการหานึ นิสฺสาย การฺุํ อุปฺปาเทตฺวา อถ อตฺตโน ปริวิตกฺกํ ‘‘ยาวกีวฺจ, ภนฺเต’’ติอาทินา ภควโต อาโรเจสิ. ภควา จ ตํ, ‘‘อานนฺท, ตยา มิจฺฉา ปริวิตกฺกิต’’นฺติ อวตฺวา สุวณฺณาลิงฺคสทิสํ คีวํ อุนฺนาเมตฺวา สุปุปฺผิตสตปตฺตสสฺสิริกํ มหามุขํ อภิปฺปสนฺนตรํ กตฺวา ‘‘เอวเมตํ, อานนฺทา’’ติ สมฺปหํสิตฺวา ‘‘ยาวกีวฺจา’’ติอาทินา ตสฺส วจนํ ปจฺจนุโมทิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา อานนฺโท…เป… ภิกฺขุสงฺโฆ จา’’ติ. อถ ภควา ตสฺสํ อฏฺุปฺปตฺติยํ อตีเตปิ มยิ อนุปฺปนฺเน เอกจฺเจ นีจชนา สมฺมานํ ลภิตฺวา มม อุปฺปาทโต ปฏฺาย หตลาภสกฺการา อเหสุนฺติ พาเวรุชาตกํ (ชา. ๑.๔.๑๕๓ อาทโย) กเถสิ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ ทิฏฺิคติกานํ ตาว สกฺการสมฺมาโน ยาว น ¶ สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ, เตสํ ปน อุปฺปาทโต ปฏฺาย เต หตลาภสกฺการา นิปฺปภา นิตฺเตชาว โหนฺติ, ทุปฺปฏิปตฺติยา ทุกฺขโต จ น มุจฺจนฺตีติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ โอภาสติ ตาว โส กิมีติ โส ขชฺชูปนกกิมิ ตาวเทว โอภาสติ โชตติ ทิพฺพติ. ยาว น อุนฺนมเต ปภงฺกโรติ ตีสุปิ มหาทีเปสุ เอกกฺขเณ อาโลกกรเณน ‘‘ปภงฺกโร’’ติ ลทฺธนาโม สูริโย ยาว น อุคฺคมติ น อุเทติ. อนุคฺคเต หิ สูริเย ลทฺโธกาสา ขชฺชูปนกา วิปริวตฺตมานาปิ กณฺฏกผลสทิสา ตมสิ วิชฺโชตนฺติ. ส เวโรจนมฺหิ อุคฺคเต, หตปฺปโภ โหติ น จาปิ ภาสตีติ สมนฺตโต ¶ อนฺธการํ วิธมิตฺวา กิรณสหสฺเสน วิโรจนสภาวตาย เวโรจนนามเก อาทิจฺเจ อุฏฺิเต โส ขชฺชูปนโก หตปฺปโภ นิตฺเตโช กาฬโก โหติ, รตฺตนฺธกาเร วิย น ภาสติ น ทิพฺพติ.
เอวํ โอภาสิตเมว ตกฺกิกานนฺติ ยถา เตน ขชฺชูปนเกน สูริยุคฺคมนโต ปุเรเยว โอภาสิตํ โหติ, เอวํ ตกฺเกตฺวา วิตกฺเกตฺวา ปริกปฺปนมตฺเตน ทิฏฺีนํ คหณโต ‘‘ตกฺกิกา’’ติ ลทฺธนาเมหิ ติตฺถิเยหิ โอภาสิตํ อตฺตโน สมยเตเชน ทีเปตฺวา อธิฏฺิตํ ตาว, ยาว สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก นุปฺปชฺชนฺติ. น ตกฺกิกา สุชฺฌนฺติ น จาปิ สาวกาติ ยทา ปน สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ, ตทา ทิฏฺิคติกา น สุชฺฌนฺติ น โสภนฺติ, น จาปิ เตสํ สาวกา โสภนฺติ, อฺทตฺถุ วิหตโสภา รตฺติขิตฺตา วิย สรา น ปฺายนฺเตว. อถ วา ยาว สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก นุปฺปชฺชนฺติ, ตาวเทว ตกฺกิกานํ โอภาสิตํ อตฺตโน สมเยน โชตนํ พาลลาปนํ, น ตโต ปรํ. กสฺมา? ยสฺมา น ตกฺกิกา สุชฺฌนฺติ, น จาปิ สาวกา. เต หิ ทุรกฺขาตธมฺมวินยา สมฺมาปฏิปตฺติรหิตา น สํสารโต สุชฺฌนฺติ อนิยฺยานิกสาสนตฺตา. เตนาห ‘‘ทุทฺทิฏฺี น ทุกฺขา ปมุจฺจเร’’ติ. ตกฺกิกา หิ อยาถาวลทฺธิกตาย ¶ ทุทฺทิฏฺิโน มิจฺฉาภินิวิฏฺทิฏฺิกา วิปรีตทสฺสนา ตํ ทิฏฺึ อนิสฺสชฺชิตฺวา สํสารทุกฺขโต น กทาจิปิ มุจฺจนฺตีติ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ ชจฺจนฺธวคฺควณฺณนา.