📜
๗. จูฬวคฺโค
๑. ปมลกุณฺฑกภทฺทิยสุตฺตวณฺณนา
๖๑. จูฬวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม ลกุณฺฑกภทฺทิยนฺติ เอตฺถ ภทฺทิโยติ ตสฺส อายสฺมโต นามํ, กายสฺส ปน รสฺสตฺตา ‘‘ลกุณฺฑกภทฺทิโย’’ติ นํ สฺชานนฺติ. โส กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต มหทฺธโน มหาโภโค รูเปน อปาสาทิโก ทุพฺพณฺโณ ทุทฺทสิโก โอโกฏิมโก. โส เอกทิวสํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต อุปาสเกหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. ตทา เสกฺขา ภิกฺขู เยภุยฺเยน อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อุปริมคฺคตฺถาย กมฺมฏฺานํ ยาจนฺติ, ธมฺมเทสนํ ยาจนฺติ, ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ. โส เตสํ อธิปฺปายํ ปูเรนฺโต กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขติ, ธมฺมํ เทเสติ, ปฺหํ วิสฺสชฺเชติ. เต ฆเฏนฺตา วายมนฺตา อปฺเปกจฺเจ สกทาคามิผลํ, อปฺเปกจฺเจ อนาคามิผลํ, อปฺเปกจฺเจ อรหตฺตํ, อปฺเปกจฺเจ ติสฺโส วิชฺชา, อปฺเปกจฺเจ ฉฬภิฺา, อปฺเปกจฺเจ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา อธิคจฺฉนฺติ. เต ทิสฺวา ลกุณฺฑกภทฺทิโยปิ เสโข สมาโน กาลํ ตฺวา อตฺตโน จิตฺตกลฺลตฺจ สลฺเลขฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ธมฺมเสนาปตึ อุปสงฺกมิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร สมฺโมทมาโน ธมฺมเทสนํ ยาจิ. โสปิสฺส อชฺฌาสยสฺส อนุรูปํ กถํ กเถสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ ลกุณฺฑกภทฺทิยํ อเนกปริยาเยน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตี’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ อเนกปริยาเยนาติ ‘‘อิติปิ ปฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา, อิติปิ ทุกฺขา, อิติปิ อนตฺตา’’ติ เอวํ อเนเกหิ การเณหิ. ธมฺมิยา กถายาติ ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อุทยพฺพยาทิปกาสนิยา ธมฺมิยา กถาย. สนฺทสฺเสตีติ ตานิเยว อนิจฺจาทิลกฺขณานิ อุทยพฺพยาทิเก จ สมฺมา ทสฺเสติ, หตฺเถน คเหตฺวา วิย ปจฺจกฺขโต ทสฺเสติ. สมาทเปตีติ ตตฺถ ¶ ลกฺขณารมฺมณิกํ วิปสฺสนํ สมฺมา อาทเปติ, ยถา วีถิปฏิปนฺนา หุตฺวา ปวตฺตติ, เอวํ คณฺหาเปติ. สมุตฺเตเชตีติ วิปสฺสนาย อารทฺธาย สงฺขารานํ อุทยพฺพยาทีสุ อุปฏฺหนฺเตสุ ยถากาลํ ¶ ปคฺคหนิคฺคหสมุเปกฺขเณหิ โพชฺฌงฺคานํ อนุปวตฺตเนน ภาวนํ มชฺฌิมํ วีถึ โอตาเรตฺวา ยถา วิปสฺสนาาณํ สูรํ ปสนฺนํ หุตฺวา วหติ, เอวํ อินฺทฺริยานํ วิสทภาวกรเณน วิปสฺสนาจิตฺตํ สมฺมา อุตฺเตเชติ, วิสทาปนวเสน โวทเปติ. สมฺปหํเสตีติ ตถา ปวตฺติยมานาย วิปสฺสนาย สมปฺปวตฺตภาวนาวเสน เจว อุปริลทฺธพฺพภาวนาพเลน จ จิตฺตํ สมฺมา ปหํเสติ, ลทฺธสฺสาทวเสน วา สุฏฺุ โตเสติ. อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจีติ ยถา ยถา ธมฺมเสนาปติ ธมฺมํ เทเสติ, ตถา ตถา ตถลกฺขณํ วิปสฺสนฺตสฺส เถรสฺส จ เทสนานุภาเวน, อตฺตโน จ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา เทสนานุสาเรน าเณ อนุปวตฺตนฺเต กามาสวาทีสุ กฺจิ อาสวํ อคฺคเหตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยาว อนวเสสโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ, อรหตฺตผลํ สจฺฉากาสีติ อตฺโถ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต ลกุณฺฑกภทฺทิยสฺส อฺาราธนสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อุทฺธนฺติ รูปธาตุยา อรูปธาตุยา จ. อโธติ กามธาตุยา. สพฺพธีติ สพฺพสฺมิมฺปิ สงฺขารคเต. วิปฺปมุตฺโตติ ปุพฺพภาเค วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา อปรภาเค สมุจฺเฉทปฏิปสฺสทฺธิวิมุตฺตีหิ สพฺพปฺปกาเรน วิมุตฺโต. เอตฺถ จ อุทฺธํ วิปฺปมุตฺโตติ เอเตน ปฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนปหานํ ทสฺเสติ. อโธ วิปฺปมุตฺโตติ เอเตน ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนปหานํ. สพฺพธิ ¶ วิปฺปมุตฺโตติ เอเตน อวสิฏฺสพฺพากุสลปหานํ ทสฺเสติ. อถ วา อุทฺธนฺติ อนาคตกาลคฺคหณํ. อโธติ อตีตกาลคฺคหณํ. อุภยคฺคหเณเนว ตทุภยปฏิสํยุตฺตตฺตา ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา คหิโต โหติ, ตตฺถ อนาคตกาลคฺคหเณน อนาคตกฺขนฺธายตนธาตุโย คหิตา. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. สพฺพธีติ กามเภทาทิเก สพฺพสฺมึ ภเว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อนาคโต อตีโต ปจฺจุปฺปนฺโนติ เอวํ ติยทฺธสงฺคหิเต สพฺพสฺมึ ภเว วิปฺปมุตฺโตติ.
อยํหมสฺมีติ ¶ อนานุปสฺสีติ โย เอวํ วิปฺปมุตฺโต, โส รูปเวทนาทีสุ ‘‘อยํ นาม ธมฺโม อหมสฺมี’’ติ ทิฏฺิมานมฺนาวเสน เอวํ นานุปสฺสติ. ตสฺส ตถา ทสฺสเน การณํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. อถ วา อยํหมสฺมีติ อนานุปสฺสีติ อิทํ ยถาวุตฺตาย วิมุตฺติยา อธิคมุปายทีปนํ. ติยทฺธสงฺคหิเต เตภูมเก สงฺขาเร ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ ปวตฺตนสภาวาย มฺนาย อนธิฏฺานํ กตฺวา ‘‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เม โส อตฺตา’’ติ เอวํ อุปฺปชฺชมานา ยา ปุพฺพภาควุฏฺานคามินี วิปสฺสนา, สา วิมุตฺติยา ปทฏฺานํ. เอวํ วิมุตฺโต อุทตาริ โอฆํ, อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวายาติ เอวํ ทสหิ สํโยชเนหิ สพฺพากุสเลหิ ¶ จ สพฺพถา วิมุตฺโต อรหา อริยมคฺคาธิคมนโต ปุพฺเพ สุปินนฺเตปิ อติณฺณปุพฺพํ กาโมโฆ ภโวโฆ ทิฏฺโโฆ อวิชฺโชโฆติ อิมํ จตุพฺพิธํ โอฆํ, สํสารมโหฆเมว วา อปุนพฺภวาย อนุปาทิเสสาย นิพฺพานาย อุทตาริ อุตฺติณฺโณ, อุตฺตริตฺวา ปาเร ิโตติ อตฺโถ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยลกุณฺฑกภทฺทิยสุตฺตวณฺณนา
๖๒. ทุติเย ¶ เสขํ มฺมาโนติ ‘‘เสโข อย’’นฺติ มฺมาโน. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – สิกฺขตีติ เสโข. กึ สิกฺขติ? อธิสีลํ อธิจิตฺตํ อธิปฺฺจ. อถ วา สิกฺขนํ สิกฺขา, สา เอตสฺส สีลนฺติ เสโข. โส หิ อปริโยสิตสิกฺขตฺตา ตทธิมุตฺตตฺตา จ เอกนฺเตน สิกฺขนสีโล, น ปรินิฏฺิตสิกฺโข อเสโข วิย ตตฺถ ปฏิปฺปสฺสทฺธุสฺสุกฺโก, นาปิ วิสฺสฏฺสิกฺโข ปจุรชโน วิย ตตฺถ อนธิมุตฺโต. อถ วา อริยาย ชาติยา ตีสุ สิกฺขาสุ ชาโต, ตตฺถ วา ภโวติ เสโข. ภิยฺโยโสมตฺตายาติ ปมาณโต อุตฺตริ, ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา อธิกตรนฺติ อตฺโถ. อายสฺมา หิ ลกุณฺฑกภทฺทิโย ปมสุตฺเต วุตฺเตน วิธินา ปโมวาเทน ยถานิสินฺโนว อาสวกฺขยปฺปตฺโต. ธมฺมเสนาปติ ปน ตสฺส ตํ อรหตฺตปฺปตฺตึ อนาวชฺชเนน อชานิตฺวา ‘‘เสโขเยวา’’ติ มฺมาโน อปฺปํ ยาจิโต พหุํ ¶ ททมาโน อุฬารปุริโส วิย ภิยฺโย ภิยฺโย อเนกปริยาเยน อาสวกฺขยาย ธมฺมํ กเถติเยว. อายสฺมาปิ ลกุณฺฑกภทฺทิโย ‘‘กตกิจฺโจ ทานาหํ, กึ อิมินา โอวาเทนา’’ติ อจินฺเตตฺวา สทฺธมฺมคารเวน ปุพฺเพ วิย สกฺกจฺจํ สุณาติเยว. ตํ ทิสฺวา ภควา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนเยว พุทฺธานุภาเวน ยถา ธมฺมเสนาปติ ตสฺส กิเลสกฺขยํ ชานาติ, ตถา กตฺวา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เตน โข ปน สมเยนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อนนฺตรสุตฺเต วุตฺตเมว.
คาถายํ ปน อจฺเฉจฺฉิ วฏฺฏนฺติ อนวเสสโต กิเลสวฏฺฏํ สมุจฺฉินฺทิ, ฉินฺเน จ กิเลสวฏฺเฏ กมฺมวฏฺฏมฺปิ ฉินฺนเมว. พฺยคา นิราสนฺติ อาสา วุจฺจติ ตณฺหา, นตฺถิ เอตฺถ อาสาติ นิราสํ, นิพฺพานํ. ตํ นิราสํ วิเสเสน อคา อธิคโตติ พฺยคา, อคฺคมคฺคสฺส อธิคตตฺตา ปุน อธิคมการเณน วินา อธิคโตติ อตฺโถ. ยสฺมา ตณฺหา ทุกฺขสมุทยภูตา, ตาย ¶ ปหีนาย อปฺปหีโน นาม กิเลโส นตฺถิ, ตสฺมาสฺส ¶ ตณฺหาปหานํ สวิเสสํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘วิสุกฺขา สริตา น สนฺทตี’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ – จตุตฺถสูริยปาตุภาเวน วิย มหานทิโย จตุตฺถมคฺคาณุปฺปาเทน อนวเสสโต วิสุกฺขา วิโสสิตา ตณฺหาสริตา นที น สนฺทติ, อิโต ปฏฺาย น ปวตฺตติ. ตณฺหา หิ ‘‘สริตา’’ติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘สริตานิ สิเนหิตานิ จ, โสมนสฺสานิ ภวนฺติ ชนฺตุโน’’ติ (ธ. ป. ๓๔๑), ‘‘สริตา วิสตฺติกา’’ติ (ธ. ส. ๑๐๖๕; มหานิ. ๓) จ. ฉินฺนํ วฏฺฏํ น วตฺตตีติ เอวํ กิเลสวฏฺฏสมุจฺเฉเทน ฉินฺนํ วฏฺฏํ อนุปฺปาทธมฺมตํ อวิปากธมฺมตฺจ อาปาทเนน อุปจฺฉินฺนํ กมฺมวฏฺฏํ น วตฺตติ น ปวตฺตติ. เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสาติ ยเทตํ สพฺพโส กิเลสวฏฺฏาภาวโต กมฺมวฏฺฏสฺส อปฺปวตฺตนํ, โส อายตึ วิปากวฏฺฏสฺส เอกํเสเนว อนุปฺปาโท เอว สกลสฺสาปิ สํสารทุกฺขสฺส อนฺโต ปริจฺเฉโท ปริวฏุมภาโวติ.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปมสตฺตสุตฺตวณฺณนา
๖๓. ตติเย กาเมสูติ วตฺถุกาเมสุ. อติเวลนฺติ เวลํ อติกฺกมิตฺวา. สตฺตาติ อโยนิโสมนสิการพหุลตาย วิชฺชมานมฺปิ อาทีนวํ ¶ อโนโลเกตฺวา อสฺสาทเมว สริตฺวา สชฺชนวเสน สตฺตา, อาสตฺตา ลคฺคาติ อตฺโถ. รตฺตาติ วตฺถํ วิย รงฺคชาเตน จิตฺตสฺส วิปริณามกรเณน ฉนฺทราเคน รตฺตา สารตฺตา. คิทฺธาติ อภิกงฺขนสภาเวน อภิชฺฌเนน คิทฺธา เคธํ อาปนฺนา. คธิตาติ ราคมุจฺฉิตา วิย ทุมฺโมจนียภาเวน ตตฺถ ปฏิพทฺธา. มุจฺฉิตาติ กิเลสวเสน ¶ วิสฺีภูตา วิย อนฺกิจฺจา มุจฺฉํ โมหํ อาปนฺนา. อชฺโฌปนฺนาติ อนฺสาธารเณ วิย กตฺวา คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา ิตา. สมฺมตฺตกชาตาติ กาเมสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชนฺตา อปฺปสุขเวทนาย สมฺมตฺตกา สุฏฺุ มตฺตกา ชาตา. ‘‘สมฺโมทกชาตา’’ติปิ ปาโ, ชาตสมฺโมทนา อุปฺปนฺนปหํสาติ อตฺโถ. สพฺเพหิปิ ปเทหิ เตสํ ตณฺหาธิปนฺนตํเยว วทติ. เอตฺถ จ ปมํ ‘‘กาเมสู’’ติ วตฺวา ปุนปิ ‘‘กาเมสู’’ติ วจนํ เตสํ สตฺตานํ ตทธิมุตฺติทีปนตฺถํ. เตน สพฺพิริยาปเถสุ กามคุณสมงฺคิโน หุตฺวา ตทา วิหรึสูติ ทสฺเสติ.
ตสฺมิฺหิ ¶ สมเย เปตฺวา อริยสาวเก สพฺเพ สาวตฺถิวาสิโน อุสฺสวํ โฆเสตฺวา ยถาวิภวํ อาปานภูมึ สชฺเชตฺวา ภฺุชนฺตา ปิวนฺตา อาวิ เจว รโห จ กาเม ปริภฺุชนฺตา อินฺทฺริยานิ ปริจาเรนฺตา กาเมสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชึสุ. ภิกฺขู สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรนฺตา ตตฺถ ตตฺถ เคเห อารามุยฺยานาทีสุ จ มนุสฺเส อุสฺสวํ โฆเสตฺวา กามนินฺเน ตถา ปฏิปชฺชนฺเต ทิสฺวา ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา สณฺหสุขุมํ ธมฺมํ ลภิสฺสามา’’ติ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู…เป… กาเมสุ วิหรนฺตี’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เตสํ มนุสฺสานํ อาปานภูมิรมณีเยสุ มหาปริฬาเหสุ อเนกานตฺถานุพนฺเธสุ โฆราสยฺหกฏุกผเลสุ กาเมสุ อนาทีนวทสฺสิตํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา กามานฺเจว กิเลสานฺจ อาทีนววิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ กาเมสุ สตฺตาติ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมน รตฺตา มตฺตา ¶ สตฺตา วิสตฺตา ลคฺคา ลคฺคิตา สํยุตฺตา. กามสงฺคสตฺตาติ ตาเยว กามสตฺติยา วตฺถุกาเมสุ ราคสงฺเคน เจว ทิฏฺิมานโทสอวิชฺชาสงฺเคหิ จ สตฺตา อาสตฺตา. สํโยชเน วชฺชมปสฺสมานาติ กมฺมวฏฺฏํ ¶ วิปากวฏฺเฏน, ภวาทิเก วา ภวนฺตราทีหิ, สตฺเต วา ทุกฺเขหิ สํโยชนโต พนฺธนโต สํโยชนนามเก กามราคาทิกิเลสชาเต สํโยชนีเยสุ ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิตาย วฏฺฏทุกฺขมูลภาวาทิกํ วชฺชํ โทสํ อาทีนวํ อปสฺสนฺตา. น หิ ชาตุ สํโยชนสงฺคสตฺตา, โอฆํ ตเรยฺยุํ วิปุลํ มหนฺตนฺติ เอวํ อาทีนวทสฺสนาภาเวน สํโยชนสภาเวสุ สงฺเคสุ, สํโยชนสงฺขาเตหิ วา สงฺเคหิ เตสํ วิสเยสุ เตภูมกธมฺเมสุ สตฺตา วิปุลวิสยตาย อนาทิกาลตาย จ วิปุลํ วิตฺถิณฺณํ มหนฺตฺจ กามาทิโอฆํ, สํสาโรฆเมว วา น กทาจิ ตเรยฺยุํ, เอกํเสเนว ตสฺส โอฆสฺส ปารํ น คจฺเฉยฺยุนฺติ อตฺโถ.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ทุติยสตฺตสุตฺตวณฺณนา
๖๔. จตุตฺเถ อนฺธีกตาติ กามา นาม อนนฺธมฺปิ อนฺธํ กโรนฺติ.
ยถาห ¶ –
‘‘ลุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, ลุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ;
อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ โลโภ สหเต นร’’นฺติ. (อิติวุ. ๘๘; มหานิ. ๕; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๘) –
ตสฺมา กาเมน อนนฺธาปิ อนฺธา กตาติ อนฺธีกตา. เสสํ อนนฺตรสุตฺเต วุตฺตนยเมว. ตตฺถ หิ มนุสฺสานํ ปวตฺติ ภิกฺขูหิ ทิสฺวา ภควโต อาโรจิตา, อิธ ภควตา สามํเยว ทิฏฺาติ อยเมว วิเสโส. สตฺถา สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา เชตวนํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อจิรวติยํ นทิยํ มจฺฉพนฺเธหิ โอฑฺฑิตํ กุมินํ ปวิสิตฺวา นิกฺขนฺตุํ อสกฺโกนฺเต พหู มจฺเฉ ปสฺสิ, ตโต อปรภาเค ¶ เอกํ ขีรปกํ วจฺฉํ โครวํ กตฺวา อนุพนฺธิตฺวา ถฺปิปาสาย คีวํ ปสาเรตฺวา มาตุ อนฺตรสตฺถิยํ มุขํ อุปเนนฺตํ ปสฺสิ. อถ ภควา วิหารํ ปวิสิตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน ปจฺฉิมํ วตฺถุทฺวยํ ปุริมสฺส อุปมานภาเวน คเหตฺวา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ กามนฺธาติ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมน อนฺธา วิจกฺขุกา กตา. ชาลสฺฉนฺนาติ สกตฺตภาวปรตฺตภาเวสุ อชฺฌตฺติกพาหิรายตเนสุ, ตนฺนิสฺสิเตสุ จ ธมฺเมสุ อตีตาทิวเสน อเนกเภทภินฺเนสุ เหฏฺุปริยวเสน อปราปรํ อุปฺปตฺติยา อนฺโตคธานํ อนตฺถาวหโต จ ชาลภูตาย ตณฺหาย สุขุมจฺฉิทฺเทน ชาเลน ปริวุโต วิย อุทกรหโท สฺฉนฺนา ปลิคุณฺิตา อชฺโฌตฺถฏา. ตณฺหาฉทนฉาทิตาติ ตณฺหาสงฺขาเตน ฉทเนน เสวาลปณเกน วิย อุทกํ ฉาทิตา, ปฏิจฺฉนฺนา ปิหิตาติ อตฺโถ. ปททฺวเยนาปิ กามจฺฉนฺทนีวรณนิวาริตกุสลจิตฺตาจารตํ ทสฺเสติ.
ปมตฺตพนฺธุนา พทฺธาติ กิเลสมาเรน เทวปุตฺตมาเรน จ พทฺธา. ยทคฺเคน หิ กิเลสมาเรน พทฺธา, ตทคฺเคน เทวปุตฺตมาเรนปิ พทฺธา นาม โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส;
เตน ตํ พาธยิสฺสามิ, น เม สมณ โมกฺขสี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๑; มหาว. ๓๓);
นมุจิ ¶ กณฺโห ปมตฺตพนฺธูติ ตีณิ มารสฺส นามานิ. เทวปุตฺตมาโรปิ หิ กิเลสมาโร วิย อนตฺเถน ปมตฺเต สตฺเต พนฺธตีติ ปมตฺตพนฺธุ. ‘‘ปมตฺตา พนฺธเน พทฺธา’’ติปิ ปนฺติ. ตตฺถ พนฺธเนติ กามคุณพนฺธเนติ อตฺโถ. พทฺธาติ นิยมิตา. ยถา กึ? มจฺฉาว กุมินามุเข ยถา นาม มจฺฉพนฺธเกน โอฑฺฑิตสฺส กุมินสฺส มุเข ปวิฏฺา มจฺฉา เตน พทฺธา หุตฺวา มรณมนฺเวนฺติ ¶ ปาปุณนฺติ, เอวเมว มาเรน โอฑฺฑิเตน กามคุณพนฺธเนน พทฺธา อิเม สตฺตา ชรามรณมนฺเวนฺติ. วจฺโฉ ขีรปโกว มาตรํ ยถา ขีรปายี ตรุณวจฺโฉ อตฺตโน มาตรํ อนฺเวติ อนุคจฺฉติ, น อฺํ เอวํ มารพนฺธนพทฺธา สตฺตา สํสาเร ปริพฺภมนฺตา มรณเมว อนฺเวนฺติ อนุคจฺฉนฺติ, น อชรํ อมรณํ นิพฺพานนฺติ อธิปฺปาโย.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อปรลกุณฺฑกภทฺทิยสุตฺตวณฺณนา
๖๕. ปฺจเม ¶ สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโตติ อายสฺมา ลกุณฺฑกภทฺทิโย เอกทิวสํ สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ คามนฺตเรน ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ปตฺตํ โวทกํ กตฺวา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา อํเส ลคฺเคตฺวา จีวรํ สงฺฆริตฺวา ตมฺปิ วามํเส เปตฺวา ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตน ปฏิกฺกนฺเตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิฺชิเตน ปสาริเตน โอกฺขิตฺตจกฺขุ อิริยาปถสมฺปนฺโน อตฺตโน สติปฺาเวปุลฺลํ ปกาเสนฺโต วิย สติสมฺปชฺํ สูปฏฺิตํ กตฺวา สมาหิเตน จิตฺเตน ปเท ปทํ นิกฺขิปนฺโต คจฺฉติ, คจฺฉนฺโต จ ภิกฺขูนํ ปจฺฉโต ปจฺฉโต คจฺฉติ เตหิ ภิกฺขูหิ อสํมิสฺโส. กสฺมา? อสํสฏฺวิหาริตาย. อปิจ ตสฺสายสฺมโต รูปํ ปริภูตํ ปริภวฏฺานียํ ปุถุชฺชนา โอหีเฬนฺติ. เถโร ตํ ชานิตฺวา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต คจฺฉติ ‘‘มา อิเม มํ นิสฺสาย อปฺุํ ปสวึสู’’ติ. เอวํ เต ภิกฺขู จ เถโร จ สาวตฺถึ ปตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ลกุณฺฑกภทฺทิโย’’ติอาทิ.
ตตฺถ ทุพฺพณฺณนฺติ วิรูปํ. เตนสฺส วณฺณสมฺปตฺติยา สณฺานสมฺปตฺติยา จ อภาวํ ทสฺเสติ. ทุทฺทสิกนฺติ ¶ อปาสาทิกทสฺสนํ. เตนสฺส อนุพฺยฺชนสมฺปตฺติยา อาการสมฺปตฺติยา จ อภาวํ ทสฺเสติ. โอโกฏิมกนฺติ รสฺสํ. อิมินา อาโรหสมฺปตฺติยา อภาวํ ทสฺเสติ. เยภุยฺเยน ¶ ภิกฺขูนํ ปริภูตรูปนฺติ ปุถุชฺชนภิกฺขูหิ โอหีฬิตรูปํ. ปุถุชฺชนา เอกจฺเจ ฉพฺพคฺคิยาทโย ตสฺสายสฺมโต คุณํ อชานนฺตา หตฺถกณฺณจูฬิกาทีสุ คณฺหนฺตา ปรามสนฺตา กีฬนฺตา ปริภวนฺติ, น อริยา, กลฺยาณปุถุชฺชนา วา.
ภิกฺขู อามนฺเตสีติ กสฺมา อามนฺเตสิ? เถรสฺส คุณํ ปกาเสตุํ. เอวํ กิร ภควโต อโหสิ ‘‘อิเม ภิกฺขู มม ปุตฺตสฺส มหานุภาวตํ น ชานนฺติ, เตน ตํ ปริภวนฺติ, ตํ เนสํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย ภวิสฺสติ, หนฺทาหํ อิมสฺส คุเณ ภิกฺขูนํ ปกาเสตฺวา ปริภวโต นํ โมเจสฺสามี’’ติ.
ปสฺสถ โนติ ปสฺสถ นุ. น จ สา สมาปตฺติ สุลภรูปา, ยา เตน ภิกฺขุนา อสมาปนฺนปุพฺพาติ รูปสมาปตฺติ อรูปสมาปตฺติ พฺรหฺมวิหารสมาปตฺติ นิโรธสมาปตฺติ ผลสมาปตฺตีติ เอวํ ปเภทา สาวกสาธารณา ยา กาจิ สมาปตฺติโย นาม, ตาสุ เอกาปิ สมาปตฺติ น ¶ สุลภรูปา, ทุลฺลภา, นตฺถิเยว สา เตน ลกุณฺฑกภทฺทิเยน ภิกฺขุนา อสมาปนฺนปุพฺพา. เอเตนสฺส ยํ วุตฺตํ. ‘‘มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติ, ตตฺถ มหิทฺธิกตํ ปกาเสตฺวา อิทานิ มหานุภาวตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส จตฺถายา’’ติอาทิมาห. ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. เอตฺถ จ ภควา ‘‘เอโส, ภิกฺขเว, ภิกฺขู’’ติอาทินา, ‘‘ภิกฺขเว, อยํ ภิกฺขุ น โย วา โส วา ทุพฺพณฺโณ ทุทฺทสิโก โอโกฏิมโกติ ภิกฺขูนํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อาคจฺฉตีติ จ เอตฺตเกน น โอฺาตพฺโพ, อถ โข มหิทฺธิโก มหานุภาโว, ยํกิฺจิ สาวเกน ปตฺตพฺพํ, สพฺพํ ตํ เตน อนุปฺปตฺตํ, ตสฺมา ตํ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุํ กตฺวา โอโลเกถ, ตํ โว ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ ทสฺเสติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต ลกุณฺฑกภทฺทิยสฺส มหิทฺธิกตามหานุภาวตาทิเภทํ คุณราสึ สพฺพาการโต ชานิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ เนลงฺโคติ เอลํ วุจฺจติ โทโส, นาสฺส เอลนฺติ เนลํ ¶ . กึ ปน ตํ? สุปริสุทฺธสีลํ. ตฺหิ นิทฺโทสฏฺเน อิธ ‘‘เนล’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ตํ เนลํ ปธานภูตํ องฺคํ เอตสฺสาติ เนลงฺโค. โส ยํ ‘‘รโถ’’ติ วกฺขติ, เตน สมฺพนฺโธ, ตสฺมา สุปริสุทฺธสีลงฺโคติ อตฺโถ. อรหตฺตผลสีลฺหิ อิธาธิปฺเปตํ. เสโต ปจฺฉาโท เอตสฺสาติ เสตปจฺฉาโท. ปจฺฉาโทติ รถสฺส อุปริ อตฺถริตพฺพกมฺพลาทิ. โส ปน สุปริสุทฺธธวลภาเวน เสโต วา โหติ รตฺตนีลาทีสุ วา อฺตโร. อิธ ปน อรหตฺตผลวิมุตฺติยา อธิปฺเปตตฺตา สุปริสุทฺธภาวํ อุปาทาย ¶ ‘‘เสตปจฺฉาโท’’ติ วุตฺตํ ยถา อฺตฺราปิ ‘‘รโถ สีลปริกฺขาโร’’ติ. เอโก สติสงฺขาโต อโร เอตสฺสาติ เอกาโร. วตฺตตีติ ปวตฺตติ. รโถติ เถรสฺส อตฺตภาวํ สนฺธาย วทติ.
อนีฆนฺติ นิทฺทุกฺขํ, โขภวิรหิตํ ยานํ วิย กิเลสปริโขภวิรหิตนฺติ อตฺโถ. อายนฺตนฺติ สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อาคจฺฉนฺตํ. ฉินฺนโสตนฺติ ปจฺฉินฺนโสตํ. ปกติรถสฺส หิ สุขปวตฺตนตฺถํ อกฺขสีเสสุ ¶ นาภิยฺจ อุปลิตฺตานํ สปฺปิเตลาทีนํ โสโต สวนํ สนฺทนํ โหติ, เตน โส อจฺฉินฺนโสโต นาม โหติ. อยํ ปน ฉตฺตึสติยา โสตานํ อนวเสสโต ปหีนตฺตา ฉินฺนโสโต นาม โหติ, ตํ ฉินฺนโสตํ. นตฺถิ เอตสฺส พนฺธนนฺติ อพนฺธโน. รถูปตฺถรสฺส หิ อกฺเขน สทฺธึ นิจฺจลภาวกรณตฺถํ พหูนิ พนฺธนานิ โหนฺติ, เตน โส สพนฺธโน. อยํ ปน สพฺพสํโยชนพนฺธนานํ อนวเสสโต ปริกฺขีณตฺตา อพนฺธโน, ตํ อพนฺธนํ. ปสฺสาติ ภควา เถรสฺส คุเณหิ โสมนสฺสปฺปตฺโต หุตฺวา อตฺตานํ วทติ.
อิติ สตฺถา อายสฺมนฺตํ ลกุณฺฑกภทฺทิยํ อรหตฺตผลสีเสน สุจกฺกํ, อรหตฺตผลวิมุตฺติยา สุอุตฺตรจฺฉทํ, สูปฏฺิตาย สติยา สฺวารํ, กิเลสปริโขภาภาเวน ¶ อปริโขภํ, ตณฺหูปเลปาภาเวน อนุปเลปํ, สํโยชนาทีนํ อภาเวน อพนฺธนํ สุปริกฺขิตฺตํ สุยุตฺตํ อาชฺรถํ กตฺวา ทสฺเสติ.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา
๖๖. ฉฏฺเ อฺาสิโกณฺฑฺโติ เอตฺถ โกณฺฑฺโติ ตสฺสายสฺมโต โคตฺตโต อาคตนามํ. สาวเกสุ ปน สพฺพปมํ อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌีติ ภควตา ‘‘อฺาสิ วต, โภ, โกณฺฑฺโ’’ติ (มหาว. ๑๗; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) วุตฺตอุทานวเสน เถโร สาสเน ‘‘อฺาสิโกณฺฑฺโ’’ตฺเวว ปฺายิตฺถ. ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตินฺติ ตณฺหา สงฺขียติ ปหียติ เอตฺถาติ ตณฺหาสงฺขโย, นิพฺพานํ. ตสฺมึ ตณฺหาสงฺขเย วิมุตฺติ. ตณฺหา วา สงฺขียติ ปหียติ เอเตนาติ ตณฺหาสงฺขโย, อริยมคฺโค. ตสฺส ผลภูตา, ปริโยสานภูตา วา วิมุตฺตีติ ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติ ¶ , นิปฺปริยาเยน อรหตฺตผลสมาปตฺติ. ตํ ปจฺจเวกฺขมาโน นิสินฺโน โหติ. อยฺหิ อายสฺมา พหุลํ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, ตสฺมา อิธาปิ เอวมกาสิ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรสฺส อคฺคผลปจฺจเวกฺขณํ วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยสฺส มูลํ ฉมา นตฺถีติ ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส อตฺตภาวรุกฺขมูลภูตา อวิชฺชา, ตสฺสาว ปติฏฺา เหตุภูตา อาสวนีวรณอโยนิโสมนสิการสงฺขาตา ฉมา ปถวี จ นตฺถิ อคฺคมคฺเคน สมุคฺฆาติตตฺตา. ปณฺณา นตฺถิ กุโต ลตาติ นตฺถิ ลตา กุโต ปณฺณาติ ปทสมฺพนฺโธ. มานาติมานาทิปเภทา สาขาปสาขาทิสงฺขาตา ลตาปิ นตฺถิ, กุโต เอว มทปฺปมาทมายาสาเยฺยาทิปณฺณานีติ อตฺโถ. อถ วา ปณฺณา นตฺถิ กุโต ลตาติ รุกฺขงฺกุรสฺส วฑฺฒมานสฺส ปมํ ปณฺณานิ นิพฺพตฺตนฺติ. ปจฺฉา สาขาปสาขาสงฺขาตา ลตาติ กตฺวา วุตฺตํ. ตตฺถ ¶ ยสฺส อริยมคฺคภาวนาย อสติ อุปฺปชฺชนารหสฺส อตฺตภาวรุกฺขสฺส อริยมคฺคสฺส ภาวิตตฺตา ยํ อวิชฺชาสงฺขาตํ มูลํ, ตสฺส ปติฏฺานภูตํ อาสวาทิ จ นตฺถิ. มูลคฺคหเณเนว เจตฺถ มูลการณตฺตา พีชฏฺานิยํ กมฺมํ ตทภาโวปิ คหิโตเยวาติ เวทิตพฺโพ. อสติ จ กมฺมพีเช ตํนิมิตฺโต วิฺาณงฺกุโร, วิฺาณงฺกุรนิมิตฺตา จ นามรูปสฬายตนปตฺตสาขาทโย น นิพฺพตฺติสฺสนฺติเยว. เตน วุตฺตํ – ‘‘ยสฺส มูลํ ฉมา นตฺถิ, ปณฺณา นตฺถิ กุโต ลตา’’ติ.
ตํ ธีรํ พนฺธนา มุตฺตนฺติ ตํ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยโยเคน วิชิตมารตฺตา ธีรํ, ตโต เอว สพฺพกิเลสาภิสงฺขารพนฺธนโต มุตฺตํ. โก ตํ นินฺทิตุมรหตีติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ. เอวํ สพฺพกิเลสวิปฺปมุตฺตํ สีลาทิอนุตฺตรคุณสมนฺนาคตํ โก นาม วิฺุชาติโก นินฺทิตุํ ครหิตุํ อรหติ นินฺทานิมิตฺตสฺเสว อภาวโต. เทวาปิ นํ ปสํสนฺตีติ อฺทตฺถุ เทวา สกฺกาทโย คุณวิเสสวิทู, อปิสทฺเทน มนุสฺสาปิ ขตฺติยปณฺฑิตาทโย ปสํสนฺติ. กิฺจ ภิยฺโย พฺรหฺมุนาปิ ปสํสิโต มหาพฺรหฺมุนาปิ อฺเหิปิ พฺรหฺมนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีหิปิ ปสํสิโต โถมิโตเยวาติ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ปปฺจขยสุตฺตวณฺณนา
๖๗. สตฺตเม ¶ ¶ ปปฺจสฺาสงฺขาปหานนฺติ ปปฺเจนฺติ ยตฺถ สยํ อุปฺปนฺนา, ตํ สนฺตานํ วิตฺถาเรนฺติ จิรํ เปนฺตีติ ปปฺจา, กิเลสา. วิเสสโต ราคโทสโมหตณฺหาทิฏฺิมานา. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘ราโค ปปฺโจ, โทโส ปปฺโจ, โมโห ปปฺโจ, ตณฺหา ปปฺโจ, ทิฏฺิ ปปฺโจ, มาโน ปปฺโจ’’ติ. –
อปิจ สํกิเลสฏฺโ ปปฺจฏฺโ, กจวรฏฺโ ปปฺจฏฺโ. ตตฺถ ราคปปฺจสฺส สุภสฺา นิมิตฺตํ, โทสปปฺจสฺส อาฆาตวตฺถุ, โมหปปฺจสฺส อาสวา, ตณฺหาปปฺจสฺส ¶ เวทนา, ทิฏฺิปปฺจสฺส สฺา, มานปปฺจสฺส วิตกฺโก นิมิตฺตํ. เตหิ ปปฺเจหิ สหคตา สฺา ปปฺจสฺา. ปปฺจสฺานํ สงฺขา ภาคา โกฏฺาสา ปปฺจสฺาสงฺขา. อตฺถโต สทฺธึ นิมิตฺเตหิ ตํตํปปฺจสฺส ปกฺขิโย กิเลสคโณ. สฺาคหณฺเจตฺถ ตสฺส เนสํ สาธารณเหตุภาเวน. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขา’’ติ (สุ. นิ. ๘๘๐). เตสํ ปหานํ, เตน เตน มคฺเคน ราคาทิกิเลสานํ สมุจฺเฉทนนฺติ อตฺโถ.
ตทา หิ ภควา อตีตาสุ อเนกโกฏิสตสหสฺสสงฺขาสุ อตฺตโน ชาตีสุ อนตฺถสฺส นิมิตฺตภูเต กิเลเส อิมสฺมึ จริมภเว อริยมคฺเคน โพธิมณฺเฑ สวาสเน ปหีเน ปจฺจเวกฺขิตฺวา สตฺตสนฺตานฺจ กิเลสจริตํ ราคาทิกิเลสสํกิลิฏฺํ กฺชิยปุณฺณลาพุํ วิย ตกฺกภริตจาฏึ วิย วสาปีตปิโลติกํ วิย จ ทุพฺพินิโมจิยํ ทิสฺวา ‘‘เอวํ คหนํ นามิทํ กิเลสวฏฺฏํ อนาทิกาลภาวิตํ มยฺหํ อนวเสสํ ปหีนํ, อโห สุปฺปหีน’’นฺติ อุปฺปนฺนปีติปาโมชฺโช อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา อตฺตโน ปปฺจสฺาสงฺขาปหานํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ.
ตตฺถ ยสฺส ปปฺจา ิติ จ นตฺถีติ ยสฺมา ภควา อตฺตานเมว ปรํ วิย กตฺวา นิทฺทิสติ ตสฺมา ยสฺส อคฺคปุคฺคลสฺส วุตฺตลกฺขณา ปปฺจา, เตหิ กตา สํสาเร ิติ จ นตฺถิ. เนตฺติยํ ปน ‘‘ิติ นาม อนุสโย’’ติ (เนตฺติ. ๒๗) วุตฺตํ. อนุสโย หิ ภวปวตฺติยา มูลนฺติ. สตฺเต สํสาเร ปปฺเจนฺตีติ ¶ ปปฺจา. ‘‘ปปฺจฏฺิตี’’ติ จ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – ปปฺจานํ ิติ วิชฺชมานตา มคฺเคน อสมุจฺเฉโท ปปฺจฏฺิติ, ปปฺจา เอว วา อวสิฏฺกุสลากุสลวิปากานํ ¶ ปวตฺติยา เหตุภาวโต วฏฺฏสฺส ิติ ปปฺจฏฺิติ, สา ยสฺส อคฺคปุคฺคลสฺส นตฺถิ. สนฺทานํ ปลิฆฺจ วีติวตฺโตติ โย พนฺธนฏฺเน สนฺตานสทิสตฺตา ¶ ‘‘สนฺทาน’’นฺติ ลทฺธนามา ตณฺหาทิฏฺิโย, นิพฺพานนครปเวสนิเสธนโต ปลิฆสทิสตฺตา ปลิฆสงฺขาตํ อวิชฺชฺจ วีติวตฺโต สวาสนปหาเนน วิเสสโต อติกฺกนฺโต. อปเร ปน โกธํ ‘‘สนฺทาน’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. โส หิ ‘‘ปราภิสชฺชนี’’ติ วุตฺโตติ.
ตํ นิตฺตณฺหํ มุนึ จรนฺตนฺติ ตํ สพฺพถาปิ ตณฺหาภาเวน นิตฺตณฺหํ, อุภยโลกมุนนโต อตฺตหิตปรหิตมุนนโต จ มุนึ, เอกนฺเตเนว สพฺพสตฺตหิตตฺถํ จตูหิ อิริยาปเถหิ นานาสมาปตฺติจาเรหิ อนฺสาธารเณน าณจาเรน จ จรนฺตํ. นาวชานาติ สเทวโกปิ โลโกติ สพฺโพ สปฺชาติโก สตฺตโลโก สเทวโกปิ สพฺรหฺมโกปิ น กทาจิปิ อวชานาติ น ปริโภติ, อถ โข อยเมว โลเก อคฺโค เสฏฺโ อุตฺตโม ปวโรติ ครุํ กโรนฺโต สกฺกจฺจํ ปูชาสกฺการนิรโต โหตีติ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. กจฺจานสุตฺตวณฺณนา
๖๘. อฏฺเม อชฺฌตฺตนฺติ เอตฺถ อยํ อชฺฌตฺตสทฺโท ‘‘ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๐๔) อชฺฌตฺตชฺฌตฺเต อาคโต. ‘‘อชฺฌตฺตา ธมฺมา (ธ. ส. ติกมาติกา ๒๐), อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๓-๓๗๔) นิยกชฺฌตฺเต. ‘‘สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อชฺฌตฺตํ สฺุตํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๘๗) วิสยชฺฌตฺเต, อิสฺสริยฏฺาเนติ อตฺโถ. ผลสมาปตฺติ หิ พุทฺธานํ อิสฺสริยฏฺานํ นาม. ‘‘เตนานนฺท, ภิกฺขุนา ตสฺมึเยว ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเต อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๘๘) โคจรชฺฌตฺเต. อิธาปิ โคจรชฺฌตฺเตเยว ¶ ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อชฺฌตฺตนฺติ โคจรชฺฌตฺตภูเต กมฺมฏฺานารมฺมเณติ วุตฺตํ โหติ. ปริมุขนฺติ ¶ อภิมุขํ. สูปฏฺิตายาติ สุฏฺุ อุปฏฺิตาย กายคตาย สติยา. สติสีเสน เจตฺถ ฌานํ วุตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘อชฺฌตฺตํ กายานุปสฺสนาสติปฏฺานวเสน ปฏิลทฺธํ อุฬารํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา’’ติ.
อยฺหิ ¶ เถโร ภควติ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต เอกทิวสํ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต วิหารํ ปวิสิตฺวา ภควโต วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ทิวาฏฺาเน ทิวาวิหารํ นิสินฺโน นานาสมาปตฺตีหิ ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมยํ วิหารมชฺฌํ โอตริตฺวา ภควติ คนฺธกุฏิยํ นิสินฺเน ‘‘อกาโล ตาว ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตุ’’นฺติ คนฺธกุฏิยา อวิทูเร, อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา ยถาวุตฺตํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. สตฺถา ตํ ตถานิสินฺนํ คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนเยว ปสฺสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา มหากจฺจาโน…เป… สูปฏฺิตายา’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต มหากจฺจานตฺเถรสฺส สติปฏฺานภาวนาวเสน อธิคตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา สมาปชฺชนํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยสฺส สิยา สพฺพทา สติ, สตตํ กายคตา อุปฏฺิตาติ ยสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส เอกทิวสํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา สพฺพสฺมิมฺปิ กาเล นามรูปเภเทน ทุวิเธปิ กาเย คตา กายารมฺมณา ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อนิจฺจาทิสมฺมสนวเสน สตตํ นิรนฺตรํ สาตจฺจาภิโยควเสน สติ อุปฏฺิตา สิยา.
อยํ กิรายสฺมา ปมํ กายคตาสติกมฺมฏฺานวเสน ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา กายานุปสฺสนาสติปฏฺานมุเขน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต. โส อปรภาเคปิ เยภุยฺเยน ตเมว ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตเถว จ วิปสฺสิตฺวา ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ. สฺวายํ เยน วิธินา อรหตฺตํ ปตฺโต, ตํ วิธึ ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘ยสฺส สิยา สพฺพทา สติ, สตตํ กายคตา อุปฏฺิตา’’ติ วตฺวา ตสฺสา อุปฏฺานาการํ วิภาเวตุํ ‘‘โน ¶ จสฺส โน จ เม สิยา, น ภวิสฺสติ น จ เม ภวิสฺสตี’’ติ อาห.
ตสฺสตฺโถ ¶ ทฺวิธา เวทิตพฺโพ สมฺมสนโต ปุพฺพภาควเสน สมฺมสนกาลวเสน จาติ. เตสุ ปุพฺพภาควเสน ตาว โน จสฺส โน จ เม สิยาติ อตีตกาเล มม กิเลสกมฺมํ โน จสฺส น ภเวยฺย เจ, อิมสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺนกาเล อยํ อตฺตภาโว โน จ เม สิยา น เม อุปฺปชฺเชยฺย. ยสฺมา ปน เม อตีเต กมฺมกิเลสา อเหสุํ, ตสฺมา ตํนิมิตฺโต เอตรหิ อยํ เม อตฺตภาโว ปวตฺตติ. น ภวิสฺสติ น จ เม ภวิสฺสตีติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว ปฏิปกฺขาธิคเมน กิเลสกมฺมํ น ภวิสฺสติ น อุปฺปชฺชิสฺสติ เม, อายตึ วิปากวฏฺฏํ น จ เม ภวิสฺสติ น เม ปวตฺติสฺสตีติ. เอวํ กาลตฺตเย กมฺมกิเลสเหตุกํ อิทํ มยฺหํ อตฺตภาวสงฺขาตํ ขนฺธปฺจกํ ¶ , น อิสฺสราทิเหตุกํ, ยถา จ มยฺหํ, เอวํ สพฺพสตฺตานนฺติ สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนํ ปกาสิตํ โหติ.
สมฺมสนกาลวเสน ปน โน จสฺส โน จ เม สิยาติ ยสฺมา อิทํ ขนฺธปฺจกํ หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจํ, อภิณฺหปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขํ, อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา, เอวํ ยทิ อยํ อตฺตา นาม นาปิ ขนฺธปฺจกวินิมุตฺโต โกจิ โน จสฺส โน จ สิยา น ภเวยฺย, เอวํ, ภนฺเต, โน จ เม สิยา มม สนฺตกํ นาม กิฺจิ น ภเวยฺย. น ภวิสฺสตีติ อตฺตนิ อตฺตนิเย ภวิตพฺพํ ยถา จิทํ นามรูปํ เอตรหิ จ อตีเต จ อตฺตตฺตนิยํ สฺุํ, เอวํ น ภวิสฺสติ น เม ภวิสฺสติ, อนาคเตปิ ขนฺธวินิมุตฺโต อตฺตา นาม น โกจิ น เม ภวิสฺสติ น ปวตฺติสฺสติ, ตโต เอว กิฺจิ ปลิโพธฏฺานิยํ น เม ภวิสฺสติ อายติมฺปิ อตฺตนิยํ นาม น เม กิฺจิ ภวิสฺสตีติ. อิมินา ตีสุ กาเลสุ ‘‘อห’’นฺติ คเหตพฺพสฺส อภาวโต ‘‘มม’’นฺติ คเหตพฺพสฺส จ อภาวํ ทสฺเสติ. เตน จตุกฺโกฏิกา สฺุตา ปกาสิตา โหติ.
อนุปุพฺพวิหาริ ตตฺถ โสติ เอวํ ตีสุปิ กาเลสุ อตฺตตฺตนิยํ สฺุตํ ตตฺถ สงฺขารคเต อนุปสฺสนฺโต อนุกฺกเมน อุทยพฺพยาณาทิวิปสฺสนาาเณสุ อุปฺปชฺชมาเนสุ อนุปุพฺพวิปสฺสนาวิหารวเสน อนุปุพฺพวิหารี สมาโน. กาเลเนว ¶ ตเร วิสตฺติกนฺติ โส เอวํ วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ิโต โยคาวจโร อินฺทฺริยานํ ปริปากคตกาเลน วุฏฺานคามินิยา วิปสฺสนาย มคฺเคน ฆฏิตกาเลน อริยมคฺคสฺส อุปฺปตฺติกาเลน ¶ สกลสฺส ภวตฺตยสฺส สํตนนโต วิสตฺติกาสงฺขาตํ ตณฺหํ ตเรยฺย, วิตริตฺวา ตสฺสา ปรตีเร ติฏฺเยฺยาติ อธิปฺปาโย.
อิติ ภควา อฺาปเทเสน อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส อรหตฺตุปฺปตฺติทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อุทปานสุตฺตวณฺณนา
๖๙. นวเม มลฺเลสูติ มลฺลา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท ¶ รุฬฺหีวเสน ‘‘มลฺลา’’ติ วุจฺจติ, เตสุ มลฺเลสุ, ยํ โลเก ‘‘มลฺโล’’ติ วุจฺจติ. เกจิ ปน ‘‘มาเลสู’’ติ ปนฺติ. จาริยํ จรมาโนติ อตุริตจาริกาวเสน มหามณฺฑลชนปทจาริกํ จรมาโน. มหตา ภิกฺขุสงฺเฆนาติ อปริจฺเฉทคุเณน มหนฺเตน สมณคเณน. ตทา หิ ภควโต มหาภิกฺขุปริวาโร อโหสิ. ถูณํ นาม มลฺลานํ พฺราหฺมณคาโมติ ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย มชฺฌิมเทสสฺส อวธิฏฺาเน มลฺลเทเส ถูณนามโก พฺราหฺมณพหุลตาย พฺราหฺมณคาโม. ตทวสรีติ ตํ อวสริ, ถูณคามมคฺคํ ปาปุณีติ อตฺโถ. อสฺโสสุนฺติ สุณึสุ, โสตทฺวารสมฺปตฺตวจนนิคฺโฆสานุสาเรน ชานึสูติ อตฺโถ. โขติ ปทปูรเณ, อวธารณตฺเถ วา นิปาโต. ตตฺถ อวธารณตฺเถน อสฺโสสุํเยว, น เตสํ สวนนฺตราโย อโหสีติ วุตฺตํ โหติ. ปทปูรเณน ปทพฺยฺชนสิลิฏฺตฺตมตฺตเมว. ถูเณยฺยกาติ ถูณคามวาสิโน. พฺราหฺมณคหปติกาติ เอตฺถ พฺรหฺมํ อณนฺตีติ พฺราหฺมณา, มนฺเต สชฺฌายนฺตีติ อตฺโถ. อิทเมว หิ ชาติพฺราหฺมณานํ นิพฺพจนํ, อริยา ¶ ปน พาหิตปาปตฺตา ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ วุจฺจนฺติ. คหปติกาติ ขตฺติยพฺราหฺมเณ วชฺเชตฺวา เย เกจิ อคารํ อชฺฌาวสนฺตา วุจฺจนฺติ, วิเสสโต เวสฺสา. พฺราหฺมณา จ คหปติกา จ พฺราหฺมณคหปติกา.
อิทานิ ยมตฺถํ เต อสฺโสสุํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สมิตปาปตฺตา ‘‘สมโณ’’ติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ¶ – ‘‘สมิตาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๓๔). ภควา จ อนุตฺตเรน อริยมคฺเคน สพฺพโส สมิตปาโป. เตนสฺส ยถาภุจฺจคุณาธิคตเมตํ นามํ, ยทิทํ สมโณติ. ขลูติ อนุสฺสวตฺเถ นิปาโต. โภติ พฺราหฺมณชาติกานํ ชาติสมุทาคตํ อาลปนมตฺตํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘โภวาทิ นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน’’ติ (ธ. ป. ๓๙๖). โคตโมติ โคตฺตวเสน ภควโต ปริกิตฺตนํ. ตสฺมา ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม’’ติ สมโณ กิร, โภ, โคตมโคตฺโตติ อยเมตฺถ อตฺโถ. สกฺยปุตฺโตติ อิทํ ปน ภควโต อุจฺจากุลปริทีปนํ. สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ สทฺธาปพฺพชิตภาวปริทีปนํ. เกนจิ ปาริชฺุเน อนภิภูโต อปริกฺขีณํเยว ตํ กุลํ ปหาย เนกฺขมฺมาธิคมสทฺธาย ปพฺพชิโตติ วุตฺตํ โหติ. อุทปานํ ติณสฺส จ ภุสสฺส จ ยาว มุขโต ปูเรสุนฺติ ปานียกูปํ ติเณน จ ภุเสน จ มุขปฺปมาเณน วฑฺเฒสุํ, ติณาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา กูปํ ปิทหึสูติ อตฺโถ.
ตสฺส กิร คามสฺส พหิ ภควโต อาคมนมคฺเค พฺราหฺมณานํ ปริโภคภูโต เอโก อุทปาโน อโหสิ. ตํ เปตฺวา ตตฺถ สพฺพานิ กูปตฬากาทีนิ อุทกฏฺานานิ ตทา วิสุกฺขานิ นิรุทกานิ อเหสุํ. อถ ถูเณยฺยกา รตนตฺตเย อปฺปสนฺนา มจฺเฉรปกตา ภควโต อาคมนํ ¶ สุตฺวา ‘‘สเจ สมโณ โคตโม สสาวโก อิมํ คามํ ปวิสิตฺวา ทฺวีหตีหํ วเสยฺย, สพฺพํ อิมํ ชนํ อตฺตโน วจเน เปยฺย, ตโต พฺราหฺมณธมฺโม ปติฏฺํ น ลเภยฺยา’’ติ ตตฺถ ภควโต อวาสาย ปริสกฺกนฺตา ‘‘อิมสฺมึ คาเม อฺตฺถ อุทกํ นตฺถิ, อมุํ อุทปานํ อปริโภคํ กริสฺสาม, เอวํ สมโณ โคตโม สสาวโก อิมํ คามํ น ปวิสิสฺสตี’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา สพฺเพ คามวาสิโน สตฺตาหสฺส ¶ อุทกํ คเหตฺวา จาฏิอาทีนิ ปูเรตฺวา อุทปานํ ติเณน จ ภุเสน จ ปิทหึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุทปานํ ติณสฺส จ ภุสสฺส จ ยาว มุขโต ปูเรสุํ, ‘มา เต มุณฺฑกา สมณกา ปานียํ อปํสู’’’ติ.
ตตฺถ มุณฺฑกา สมณกาติ มุณฺเฑ ‘‘มุณฺฑา’’ติ สมเณ ‘‘สมณา’’ติ วตฺตุํ วฏฺเฏยฺย, เต ปน ขุํสนาธิปฺปาเยน หีเฬนฺตา เอวมาหํสุ. มาติ ปฏิเสเธ, มา อปํสุ มา ปิวึสูติ อตฺโถ. มคฺคา โอกฺกมฺมาติ ¶ มคฺคโต อปสกฺกิตฺวา. เอตมฺหาติ โย อุทปาโน เตหิ ตถา กโต, ตเมว นิทฺทิสนฺโต อาห. กึ ปน ภควา เตสํ พฺราหฺมณานํ วิปฺปการํ อนาวชฺชิตฺวา เอวมาห – ‘‘เอตมฺหา อุทปานา ปานียํ อาหรา’’ติ, อุทาหุ อาวชฺชิตฺวา ชานนฺโตติ? ชานนฺโต เอว ภควา อตฺตโน พุทฺธานุภาวํ ปกาเสตฺวา เต ทเมตฺวา นิพฺพิเสวเน กาตุํ เอวมาห, น ปานียํ ปาตุกาโม. เตเนเวตฺถ มหาปรินิพฺพานสุตฺเต วิย ‘‘ปิปาสิโตสฺมี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๙๑) น วุตฺตํ. ธมฺมภณฺฑาคาริโก ปน สตฺถุ อชฺฌาสยํ อชานนฺโต ถูเณยฺยเกหิ กตํ วิปฺปการํ อาจิกฺขนฺโต ‘‘อิทานิ โส, ภนฺเต’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อิทานีติ อธุนา, อมฺหากํ อาคมนเวลายเมวาติ อตฺโถ. เอโส, ภนฺเต, อุทปาโนติ ปนฺติ. เถโร ทฺวิกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตติยวาเร ‘‘น โข ตถาคตา ติกฺขตฺตุํ ปจฺจนีกา กาตพฺพา, การณํ ทิฏฺํ ภวิสฺสติ ทีฆทสฺสินา’’ติ มหาราชทตฺติยํ ภควโต ปตฺตํ คเหตฺวา อุทปานํ อคมาสิ. คจฺฉนฺเต เถเร อุทปาเน อุทกํ ปริปุณฺณํ หุตฺวา อุตฺตริตฺวา สมนฺตโต สนฺทติ, สพฺพํ ติณํ ภุสฺจ อุปฺลวิตฺวา สยเมว อปคจฺฉิ. เตน จ สนฺทมาเนน สลิเลน อุปรูปริ วฑฺฒนฺเตน ตสฺมึ คาเม สพฺเพว โปกฺขรณีอาทโย ชลาสยา วิสุกฺขา ปริปูรึสุ, ตถา ปริขากุสุพฺภนินฺนาทีนิ จ. สพฺโพ คามปฺปเทโส มโหเฆน อชฺโฌตฺถโฏ มหาวสฺสกาเล วิย อโหสิ. กุมุทุปฺปลปทุมปุณฺฑรีกาทีนิ ชลชปุปฺผานิ ตตฺถ ตตฺถ อุพฺภิชฺชิตฺวา วิกสมานานิ อุทกํ สฺฉาทึสุ. สเรสุ หํสโกฺจจกฺกวากการณฺฑวพกาทยา ¶ เอ อุทกสกุณิกา วสฺสมานา ตตฺถ ตตฺถ วิจรึสุ. ถูเณยฺยกา ตํ มโหฆํ ตถา อุตฺตรนฺตํ สมนฺตโต วีจิตรงฺคสมากุลํ ปริยนฺตโต สมุฏฺหมานํ รุจิรํ เผณพุพฺพุฬกํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา เอวํ สมฺมนฺเตสุํ ‘‘มยํ สมณสฺส โคตมสฺส อุทกุปจฺเฉทํ กาตุํ วายมิมฺหา, อยํ ปน ¶ มโหโฆ ตสฺส อาคมนกาลโต ปฏฺาย เอวํ อภิวฑฺฒติ, นิสฺสํสยํ โข อยํ ตสฺส อิทฺธานุภาโว. มหิทฺธิโก หิ โส มหานุภาโว. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยถา ยํ มโหโฆ อุฏฺหิตฺวา อมฺหากํ คามมฺปิ โอตฺถเรยฺย. หนฺท มยํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสิตฺวา อจฺจยํ เทเสนฺตา ขมาเปยฺยามา’’ติ.
เต ¶ สพฺเพว เอกชฺฌาสยา หุตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูตา คามโต นิกฺขมิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ. อุปสงฺกมิตฺวา อปฺเปกจฺเจ ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทึสุ, อปฺเปกจฺเจ อฺชลึ ปณาเมสุํ, อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ, อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ นามโคตฺตํ สาเวสุํ. เอวํ ปน กตฺวา สพฺเพว เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘อิธ มยํ, โภ โคตม, โภโต เจว โคตมสฺส โคตมสาวกานฺจ อุทกปฺปฏิเสธํ การยิมฺห, อมุกสฺมึ อุทปาเน ติณฺจ ภุสฺจ ปกฺขิปิมฺห. โส ปน อุทปาโน อเจตโนปิ สมาโน สเจตโน วิย โภโต คุณํ ชานนฺโต วิย สยเมว สพฺพํ ติณํ ภุสํ อปเนตฺวา สุวิสุทฺโธ ชาโต, สพฺโพปิ เจตฺถ นินฺนปฺปเทโส มหตา อุทโกเฆน ปริปุณฺโณ รมณีโยว ชาโต, อุทกูปชีวิโน สตฺตา ปริตุฏฺา. มยํ ปน มนุสฺสาปิ สมานา โภโต คุเณ น ชานิมฺห, เย มยํ เอวํ อกริมฺห, สาธุ โน ภวํ โคตโม ตถา กโรตุ, ยถายํ มโหโฆ อิมํ คามํ น โอตฺถเรยฺย, อจฺจโย โน อจฺจคมา ยถาพาลํ, ตํ โน ภวํ โคตโม อจฺจยํ ปฏิคฺคณฺหาตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ อจฺจยํ เทเสสุํ. ภควาปิ ‘‘ตคฺฆ ตุมฺเห อจฺจโย อจฺจคมา ยถาพาลํ, ตํ โว มยํ ปฏิคฺคณฺหาม อายตึ สํวรายา’’ติ เตสํ อจฺจยํ ¶ ปฏิคฺคเหตฺวา ปสนฺนจิตฺตตํ ตฺวา อุตฺตริ อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ เทเสสิ. เต ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺตา สรณาทีสุ ปติฏฺิตา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุ. เตสํ ปน อาคมนโต ปุเรตรํเยว อายสฺมา อานนฺโท ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต ปตฺเตน ปานียํ อาทาย ภควโต อุปนาเมตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวํ, ภนฺเตติ โข อายสฺมา อานนฺโท’’ติอาทิ.
ตตฺถ มุขโต โอวมิตฺวาติ สพฺพํ ตํ ติณาทึ มุเขน ฉฑฺเฑตฺวา. วิสฺสนฺทนฺโต มฺเติ ปุพฺเพ ทีฆรชฺชุเกน อุทปาเนน อุสฺสิฺจิตฺวา คเหตพฺพอุทโกโฆ ภควโต ปตฺตํ คเหตฺวา เถรสฺส คตกาเล มุเขน วิสฺสนฺทนฺโต วิย สมติตฺติโก กากเปยฺโย หุตฺวา อฏฺาสิ. อิทฺจ เถรสฺส คตกาเล อุทกปฺปวตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ. ตโต ปรํ ปน ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ตสฺมึ คาเม สกลํ นินฺนฏฺานํ อุทเกน ปริปุณฺณํ อโหสีติ. อยํ ปนิทฺธิ น พุทฺธานํ อธิฏฺาเนน, นาปิ เทวานุภาเวน, อถ โข ภควโต ¶ ปฺุานุภาเวน ปริตฺตเทสนตฺถํ ราชคหโต เวสาลิคมเน วิย. เกจิ ¶ ปน ‘‘ถูเณยฺยกานํ ภควติ ปสาทชนนตฺถํ เตสํ อตฺถกามาหิ เทวตาหิ กต’’นฺติ. อปเร ‘‘อุทปานสฺส เหฏฺา วสนกนาคราชา เอวมกาสี’’ติ. สพฺพํ ตํ อการณํ, ยถา ภควโต ปฺุานุภาเวนเยว ตถา อุทกุปฺปตฺติยา ปริทีปิตตฺตา.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อธิฏฺาเนน วินา อตฺตนา อิจฺฉิตนิปฺผตฺติสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ กึ กยิรา อุทปาเนน, อาปา เจ สพฺพทา สิยุนฺติ ยสฺส สพฺพกาลํ สพฺพตฺถ จ อาปา เจ ยทิ สิยุํ ยทิ อุปลพฺเภยฺยุํ ยทิ อากงฺขามตฺตปฏิพทฺโธ, เตสํ ลาโภ, เตน อุทปาเนน กึ กยิรา กึ กเรยฺย, กึ ปโยชนนฺติ อตฺโถ. ตณฺหาย มูลโต เฉตฺวา, กิสฺส ปริเยสนํ จเรติ ยาย ตณฺหาย ¶ วินิพทฺธา สตฺตา อกตปฺุา หุตฺวา อิจฺฉิตาลาภทุกฺเขน วิหฺนฺติ, ตสฺสา ตณฺหาย มูลํ, มูเล วา ฉินฺทิตฺวา ิโต มาทิโส สพฺพฺุพุทฺโธ กิสฺส เกน การเณน ปานียปริเยสนํ, อฺํ วา ปจฺจยปริเยสนํ จเรยฺย. ‘‘มูลโต เฉตฺตา’’ติปิ ปนฺติ, ตณฺหาย มูลํ มูเลเยว วา เฉทโกติ อตฺโถ. อถ วา มูลโต เฉตฺตาติ มูลโต ปฏฺาย ตณฺหาย เฉทโก. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย โพธิยา มูลภูตมหาปณิธานโต ปฏฺาย อปริมิตํ สกลํ ปฺุสมฺภารํ อตฺตโน อจินฺเตตฺวา โลกหิตตฺถเมว ปริณามนวเสน ปริปูเรนฺโต มูลโต ปภุติ ตณฺหาย เฉตฺตา, โส ตณฺหาเหตุกสฺส อิจฺฉิตาลาภสฺส อภาวโต กิสฺส เกน การเณน อุทกปริเยสนํ จเรยฺย, อิเม ปน ถูเณยฺยกา อนฺธพาลา อิมํ การณํ อชานนฺตา เอวมกํสูติ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อุเตนสุตฺตวณฺณนา
๗๐. ทสเม รฺโ อุเตนสฺสาติ อุเตนสฺส นาม รฺโ, โย ‘‘วชฺชิราชา’’ติปิ วุจฺจติ. อุยฺยานคตสฺสาติ อุยฺยานกีฬนตฺถํ อุยฺยานํ คตสฺส ¶ . อนาทเร หิ อิทํ สามิวจนํ, ‘‘อนฺเตปุร’’นฺติ ปน ปทํ อเปกฺขิตฺวา สมฺพนฺเธเปตํ สามิวจนํ โหติ. กาลงฺกตานีติ อคฺคิทฑฺฒานิ หุตฺวา มตานิ โหนฺติ. สามาวตีปมุขานีติ เอตฺถ กา ปนายํ สามาวตี, กถฺจ ทฑฺฒาติ? วุจฺจเต, ภทฺทวติยํ เสฏฺิโน ธีตา โฆสกเสฏฺินา ธีตุฏฺาเน ปิตา ปฺจสตอิตฺถิปริวารา ¶ รฺโ อุเตนสฺส อคฺคมเหสี เมตฺตาวิหารพหุลา อริยสาวิกา สามาวตี นาม. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน อาทิโต ปฏฺาย สามาวติยา อุปฺปตฺติกถา ธมฺมปทวตฺถุมฺหิ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๒๐ สามาวตีวตฺถุ) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. มาคณฺฑิยสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ธีตา อตฺตโน มาตาปิตูนํ –
‘‘ทิสฺวาน ¶ ตณฺหํ อรตึ รคฺจ,
นาโหสิ ฉนฺโท อปิ เมถุนสฺมึ;
กิเมวิทํ มุตฺตกรีสปุณฺณํ,
ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิจฺเฉ’’ติ. (สุ. นิ. ๘๔๑) –
ภควตา เทสิตํ อิมํ คาถํ สุตฺวา สตฺถริ พทฺธาฆาตา มาคณฺฑิยา อปรภาเค รฺา อุเตเนน มเหสิฏฺาเน ปิตา ภควโต โกสมฺพึ อุปคตภาวํ, สามาวตีปมุขานฺจ ปฺจนฺนํ อิตฺถิสตานํ อุปาสิกาภาวํ ตฺวา ‘‘อาคโต นาม สมโณ โคตโม อิมํ นครํ, ทานิสฺส กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามิ, อิมาปิ ตสฺส อุปฏฺายิกา, อิมาสมฺปิ สามาวตีปมุขานฺจ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ อเนกปริยาเยหิ ตถาคตสฺส ตาสฺจ อนตฺถํ กาตุํ วายมิตฺวาปิ อสกฺโกนฺตี ปุเนกทิวสํ รฺา สทฺธึ อุยฺยานกีฬํ คจฺฉนฺตี จูฬปิตุ สาสนํ ปหิณิ ‘‘สามาวติยา ปาสาทํ คนฺตฺวา ทุสฺสโกฏฺาคารเตลโกฏฺาคารานิ วิวราเปตฺวา ทุสฺสานิ เตลจาฏีสุ เตเมตฺวา ถมฺเภ เวเตฺวา ตา สพฺพา เอกโต กตฺวา ทฺวารํ ปิทหิตฺวา พหิ ยนฺตํ ทตฺวา ทณฺฑทีปิกาหิ เคเห อคฺคึ ททมาโน โอตริตฺวา คจฺฉตู’’ติ.
ตํ สุตฺวา โส ปาสาทํ อภิรุยฺห โกฏฺาคารานิ วิวริตฺวา วตฺถานิ เตลจาฏีสุ เตเมตฺวา ถมฺเภ เวเตุํ อารภิ. อถ นํ สามาวตีปมุขา อิตฺถิโย ‘‘กึ เอตํ จูฬปิตา’’ติ วทนฺติโย อุปสงฺกมึสุ. ‘‘อมฺมา, ราชา ทฬฺหิกมฺมตฺถาย อิเม ถมฺเภ เตลปิโลติกาหิ พนฺธาเปติ ¶ , ราชเคเห นาม สุยุตฺตทุยุตฺตํ ทุชฺชานํ, มา เม สนฺติเก โหถา’’ติ วตฺวา ตา อาคตา คพฺเภสุ ปเวเสตฺวา ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา พหิ ยนฺตกํ ทตฺวา อาทิโต ปฏฺาย อคฺคึ เทนฺโต โอตริ. สามาวตี ตาสํ โอวาทํ อทาสิ, ‘‘อมฺมา, อนมตคฺเค สํสาเร วิจรนฺตีนํ เอวเมว อคฺคินา ฌามตฺตภาวานํ พุทฺธาเณนปิ ปริจฺเฉโท น สุกโร, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ. ตา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อธิคตผลาย วิฺาตสาสนาย ¶ ขุชฺชุตฺตราย อริยสาวิกาย เสกฺขปฏิสมฺภิทาปตฺตาย สตฺถารา เทสิตนิยาเมเนว ธมฺมํ เทเสนฺติยา สนฺติเก โสตาปตฺติผลสฺส อธิคตา อนฺตรนฺตรา กมฺมฏฺานมนสิกาเรน ยุตฺตปฺปยุตฺตา เคเห ฌายนฺเต เวทนาปริคฺคหกมฺมฏฺานํ มนสิ ¶ กโรนฺติโย กาจิ ทุติยผลํ, กาจิ ตติยผลํ ปาปุณิตฺวา กาลมกํสุ. อถ ภิกฺขู โกสมฺพิยํ ปิณฺฑาย จรนฺตา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ภควโต อาโรเจตฺวา ตาสํ อภิสมฺปรายํ ปุจฺฉึสุ. ภควา จ ตาสํ อริยผลาธิคมํ ภิกฺขูนํ อภาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน รฺโ อุเตนสฺส…เป… อนิปฺผลา กาลงฺกตา’’ติ.
ตตฺถ อนิปฺผลาติ น นิปฺผลา, สมฺปตฺตสามฺผลา เอว กาลงฺกตา. ตา ปน ผลานิ ปฏิลภนฺติโย สามาวติยา –
‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถ, ยฺุชถ พุทฺธสาสเน;
ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กฺุชโร.
‘‘โย อิมสฺมึ ธมฺมวินเย, อปฺปมตฺโต วิหสฺสติ;
ปหาย ชาติสํสารํ, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๕; เนตฺติ. ๒๙) –
คาถาหิ โอวทิยมานา เวทนาปริคฺคหกมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺติโย วิปสฺสิตฺวา ทุติยตติยผลานิ ปฏิลภึสุ. ขุชฺชุตฺตรา ปน อายุเสสสฺส อตฺถิตาย, ปุพฺเพ ตาทิสสฺส กมฺมสฺส อกตตฺตา จ ตโต ปาสาทโต พหิ อโหสิ. ‘‘ทสโยชนนฺตเร ปกฺกามี’’ติ จ วทนฺติ. อถ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, อนนุจฺฉวิกํ วต อริยสาวิกานํ เอวรูปํ มรณ’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ¶ , ‘‘ภิกฺขเว, ยทิปิ ตาสํ อิมสฺมึ อตฺตภาเว อยุตฺตํ, ปุพฺเพ กตกมฺมสฺส ปน ยุตฺตเมว ตาหิ ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต อฏฺ ปจฺเจกพุทฺธา รฺโ นิเวสเน นิพทฺธํ ภฺุชนฺติ. ปฺจสตา ¶ อิตฺถิโย เต อุปฏฺหนฺติ. เตสุ สตฺต ชนา หิมวนฺตํ คจฺฉนฺติ, เอโก นทีตีรสมีเป เอกสฺมึ ติณคหเน สมาปตฺติยา นิสีทติ. อเถกทิวสํ ราชา ปจฺเจกพุทฺเธสุ คเตสุ ตาหิ อิตฺถีหิ สทฺธึ อุทกกีฬํ กีฬิตุกาโม ตตฺถ คโต. ตา อิตฺถิโย ทิวสภาคํ อุทเก กีฬิตฺวา สีตปีฬิตา วิสิพฺพิตุกามา ตํ ติณคหนํ อุปริ วิสุกฺขติณสฺฉนฺนํ ‘‘ติณราสี’’ติ สฺาย ปริวาเรตฺวา อคฺคึ ทตฺวา ติเณสุ ฌายิตฺวา ปตนฺเตสุ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ¶ ‘‘รฺโ ปจฺเจกพุทฺโธ ฌายติ, ตํ ราชา ตฺวา อมฺเห นาเสสฺสติ, สุทฑฺฒํ นํ กริสฺสามา’’ติ สพฺพา อิโต จิโต จ ทารุอาทีนิ อาหริตฺวา ตสฺส อุปริ ราสึ กตฺวา อาลิมฺเปตฺวา ‘‘อิทานิ ฌายิสฺสตี’’ติ ปกฺกมึสุ. ตา ปมํ อสฺเจตนิกา หุตฺวา อิทานิ กมฺมุนา พชฺฌึสุ. ปจฺเจกพุทฺธํ ปน อนฺโตสมาปตฺติยํ สเจ ทารูนํ สกฏสหสฺสมฺปิ อาหริตฺวา อาลิมฺเปนฺตา อุสุมาการมตฺตมฺปิ คาเหตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา โส สตฺตเม ทิวเส อุฏฺาย ยถาสุขํ อคมาสิ. ตา ตสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต อิมินาว นิยาเมน เคเห ฌายมาเน ฌายึสุ. อิทํ ตาสํ ปุพฺพกมฺมํ.
ยสฺมา ปน เต อิมสฺมึ อตฺตภาเว อริยผลานิ สจฺฉากํสุ, รตนตฺตยํ ปยิรุปาสึสุ, ตสฺมา ตตฺถ อนาคามินิโย สุทฺธาวาเสสุ อุปปนฺนา, อิตรา กาจิ ตาวตึเสสุ, กาจิ ยาเมสุ, กาจิ ตุสิเตสุ, กาจิ นิมฺมานรตีสุ, กาจิ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสุ อุปปนฺนา.
ราชาปิ โข อุเตโน ‘‘สามาวติยา เคหํ กิร ฌายตี’’ติ สุตฺวา เวเคน อาคจฺฉนฺโตปิ ตํ ปเทสํ ตาสุ ทฑฺฒาสุเยว สมฺปาปุณิ. อาคนฺตฺวา ปน เคหํ นิพฺพาเปตฺวา อุปฺปนฺนพลวโทมนสฺโส มาคณฺฑิยาย ตถา การิตภาวํ อุปาเยน ตฺวา อริยสาวิกาสุ กตาปราธกมฺมุนา โจทิยมาโน ตสฺสา ราชาณํ กาเรสิ สทฺธึ าตเกหิ. เอวํ สา สปริชนา สมิตฺตพนฺธวา อนยพฺยสนํ ปาปุณิ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ สามาวตีปมุขานํ ตาสํ อิตฺถีนํ อคฺคิมฺหิ อนยพฺยสนาปตฺติเหตุํ, มาคณฺฑิยาย จ ¶ สมิตฺตพนฺธวาย ราชาณาย อนยพฺยสนาปตฺตินิมิตฺตํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ โมหสมฺพนฺธโน โลโก, ภพฺพรูโปว ทิสฺสตีติ โย อิธ สตฺตโลโก ภพฺพรูโปว เหตุสมฺปนฺโน วิย หุตฺวา ทิสฺสติ, โสปิ โมหสมฺพนฺธโน โมเหน ปลิคุณฺิโต อตฺตหิตาหิตํ อชานนฺโต หิเต น ปฏิปชฺชติ, อหิตํ ทุกฺขาวหํ พหฺุจ อปฺุํ อาจินาติ. ‘‘ภวรูโปว ทิสฺสตี’’ติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – อยํ โลโก โมหสมฺพนฺธโน โมเหน ปลิคุณฺิโต, ตโต เอว ภวรูโปว สสฺสตสภาโว วิยสฺส อตฺตา ทิสฺสติ, อชรามโร วิย อุปฏฺาติ, เยน ปาณาติปาตาทีนิ อกตฺตพฺพานิ กโรติ.
อุปธิพนฺธโน ¶ พาโล, ตมสา ปริวาริโต. สสฺสโตริว ขายตีติ น เกวลฺจ โมหสมฺพนฺธโน เอว, อปิจ โข อุปธิพนฺธโนปิ อยํ อนฺธพาลโลโก อวิชฺชาตมสา ปริวาริโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน าเณน อวิปรีตํ กาเม จ ขนฺเธ จ ‘‘อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’’ติ ปสฺเสยฺย, ตสฺส อภาวโต ยสฺมา พาโล อนฺธปุถุชฺชโน อฺาณตมสา สมนฺตโต ปริวาริโต นิวุโต, ตสฺมา โส กามูปธิ กิเลสูปธิ ขนฺธูปธีติ อิเมสํ อุปธีนํ วเสน จ อุปธิพนฺธโน, ตโต เอว จสฺส โสปธิสฺส ปสฺสโต สสฺสโต วิย นิจฺโจ สพฺพกาลภาวี วิย ขายติ. ‘‘อสสฺสติริว ขายตี’’ติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – อตฺตา สพฺพกาลํ วิชฺชติ อุปลพฺภตีติ อฺโ อสสฺสติ อนิจฺโจติ โลกสฺส โส อุปธิ มิจฺฉาภินิเวสวเสน เอกเทโส วิย ขายติ, อุปฏฺหตีติ อตฺโถ. รกาโร หิ ปทสนฺธิกโร. ปสฺสโต นตฺถิ กิฺจนนฺติ โย ปน สงฺขาเร ปริคฺคเหตฺวา อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสติ, ตสฺเสว วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ยถาภูตํ ปสฺสโต ชานโต ปฏิวิชฺฌโต ราคาทิกิฺจนํ ¶ นตฺถิ, เยน สํสาเร พชฺเฌยฺย. ตถา อปสฺสนฺโต เอว หิ อวิชฺชาตณฺหาทิฏฺิอาทิพนฺธเนหิ สํสาเร พทฺโธ สิยาติ อธิปฺปาโย.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ จูฬวคฺควณฺณนา.