📜

๒. มุจลินฺทวคฺโค

๑. มุจลินฺทสุตฺตํ

๑๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุรุเวลายํ วิหรติ นชฺชา เนรฺชราย ตีเร มุจลินฺทมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ. เตน โข ปน สมเยน ภควา สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺโน โหติ วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที.

เตน โข ปน สมเยน มหา อกาลเมโฆ อุทปาทิ สตฺตาหวทฺทลิกา สีตวาตทุทฺทินี. อถ โข มุจลินฺโท นาคราชา สกภวนา นิกฺขมิตฺวา ภควโต กายํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริมุทฺธนิ มหนฺตํ ผณํ วิหจฺจ อฏฺาสิ – ‘‘มา ภควนฺตํ สีตํ, มา ภควนฺตํ อุณฺหํ, มา ภควนฺตํ ฑํสมกสวาตาตปสรีสป [สิรึสป (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สมฺผสฺโส’’ติ.

อถ โข ภควา ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺาสิ. อถ โข มุจลินฺโท นาคราชา วิทฺธํ วิคตวลาหกํ เทวํ วิทิตฺวา ภควโต กายา โภเค วินิเวเตฺวา สกวณฺณํ ปฏิสํหริตฺวา มาณวกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา ภควโต ปุรโต อฏฺาสิ ปฺชลิโก ภควนฺตํ นมสฺสมาโน.

อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘สุโข วิเวโก ตุฏฺสฺส, สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต;

อพฺยาปชฺชํ สุขํ โลเก, ปาณภูเตสุ สํยโม.

‘‘สุขา วิราคตา โลเก, กามานํ สมติกฺกโม;

อสฺมิมานสฺส โย วินโย, เอตํ เว ปรมํ สุข’’นฺติ. ปมํ;

๒. ราชสุตฺตํ

๑๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตานํ อุปฏฺานสาลายํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘‘โก นุ โข, อาวุโส, อิเมสํ ทฺวินฺนํ ราชูนํ มหทฺธนตโร วา มหาโภคตโร วา มหาโกสตโร วา มหาวิชิตตโร วา มหาวาหนตโร วา มหพฺพลตโร วา มหิทฺธิกตโร วา มหานุภาวตโร วา ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร, ราชา วา ปเสนทิ โกสโล’’ติ? อยฺจรหิ เตสํ ภิกฺขูนํ อนฺตรากถา โหติ วิปฺปกตา.

อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยนุปฏฺานสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา สนฺนิปติตา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ?

‘‘อิธ, ภนฺเต, อมฺหากํ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตานํ อุปฏฺานสาลายํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘โก นุ โข, อาวุโส, อิเมสํ ทฺวินฺนํ ราชูนํ มหทฺธนตโร วา มหาโภคตโร วา มหาโกสตโร วา มหาวิชิตตโร วา มหาวาหนตโร วา มหพฺพลตโร วา มหิทฺธิกตโร วา มหานุภาวตโร วา ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร, ราชา วา ปเสนทิ โกสโล’ติ? อยํ โข โน, ภนฺเต, อนฺตรากถา วิปฺปกตา, อถ ภควา อนุปฺปตฺโต’’ติ.

‘‘น ขฺเวตํ, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ ปติรูปํ กุลปุตฺตานํ สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตานํ ยํ ตุมฺเห เอวรูปึ กถํ กเถยฺยาถ. สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณียํ – ธมฺมี วา กถา อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติ.

อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘ยฺจ กามสุขํ โลเก, ยฺจิทํ ทิวิยํ สุขํ;

ตณฺหกฺขยสุขสฺเสเต , กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสิ’’นฺติ. ทุติยํ;

๓. ทณฺฑสุตฺตํ

๑๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา กุมารกา อนฺตรา จ สาวตฺถึ อนฺตรา จ เชตวนํ อหึ ทณฺเฑน หนนฺติ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อทฺทสา โข ภควา สมฺพหุเล กุมารเก อนฺตรา จ สาวตฺถึ อนฺตรา จ เชตวนํ อหึ ทณฺเฑน หนนฺเต .

อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทณฺเฑน วิหึสติ;

อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส น ลภเต สุขํ.

‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทณฺเฑน น หึสติ;

อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส ลภเต สุข’’นฺติ. ตติยํ;

๔. สกฺการสุตฺตํ

๑๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต, ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต, ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อฺติตฺถิยา ปน ปริพฺพาชกา อสกฺกตา โหนฺติ อครุกตา อมานิตา [น อปจิตา (สฺยา. ปี.)] อปูชิตา อนปจิตา, น ลาภิโน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อถ โข เต อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ภควโต สกฺการํ อสหมานา ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ คาเม จ อรฺเ จ ภิกฺขู ทิสฺวา อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรเสนฺติ วิเหเสนฺติ.

อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘เอตรหิ, ภนฺเต, ภควา สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต, ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต, ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อฺติตฺถิยา ปน ปริพฺพาชกา อสกฺกตา อครุกตา อมานิตา อปูชิตา อนปจิตา, น ลาภิโน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อถ โข เต, ภนฺเต, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ภควโต สกฺการํ อสหมานา ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ คาเม จ อรฺเ จ ภิกฺขู ทิสฺวา อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรเสนฺติ วิเหสนฺตี’’ติ.

อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘คาเม อรฺเ สุขทุกฺขผุฏฺโ,

เนวตฺตโต โน ปรโต ทเหถ;

ผุสนฺติ ผสฺสา อุปธึ ปฏิจฺจ,

นิรูปธึ เกน ผุเสยฺยุ ผสฺสา’’ติ. จตุตฺถํ;

๕. อุปาสกสุตฺตํ

๑๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อฺตโร อิจฺฉานงฺคลโก อุปาสโก สาวตฺถึ อนุปฺปตฺโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยน. อถ โข โส อุปาสโก สาวตฺถิยํ ตํ กรณียํ ตีเรตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ อุปาสกํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘จิรสฺสํ โข ตฺวํ, อุปาสก, อิมํ ปริยายมกาสิ ยทิทํ อิธาคมนายา’’ติ.

‘‘จิรปฏิกาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุกาโม, อปิ จาหํ เกหิจิ เกหิจิ กิจฺจกรณีเยหิ พฺยาวโฏ. เอวาหํ นาสกฺขึ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุ’’นฺติ.

อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘สุขํ วต ตสฺส น โหติ กิฺจิ,

สงฺขาตธมฺมสฺส พหุสฺสุตสฺส;

สกิฺจนํ ปสฺส วิหฺมานํ,

ชโน ชนสฺมึ ปฏิพนฺธรูโป’’ติ. ปฺจมํ;

๖. คพฺภินีสุตฺตํ

๑๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส ปริพฺพาชกสฺส ทหรมาณวิกา ปชาปติ โหติ คพฺภินี อุปวิชฺา. อถ โข สา ปริพฺพาชิกา ตํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ – ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, เตลํ อาหร, ยํ เม วิชาตาย ภวิสฺสตี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, โส ปริพฺพาชโก ตํ ปริพฺพาชิกํ เอตทโวจ – ‘‘กุโต ปนาหํ, โภติ [โภติยา (สฺยา. ปี. ก.)], เตลํ อาหรามี’’ติ? ทุติยมฺปิ โข สา ปริพฺพาชิกา ตํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ – ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, เตลํ อาหร, ยํ เม วิชาตาย ภวิสฺสตี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข โส ปริพฺพาชิโก ตํ ปริพฺพาชิกํ เอตทโวจ – ‘‘กุโต ปนาหํ, โภติ, เตลํ อาหรามี’’ติ? ตติยมฺปิ โข สา ปริพฺพาชิกา ตํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ – ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, เตลํ อาหร, ยํ เม วิชาตาย ภวิสฺสตี’’ติ.

เตน โข ปน สมเยน รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส โกฏฺาคาเร สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา สปฺปิสฺส วา เตลสฺส วา ยาวทตฺถํ ปาตุํ ทียติ [ทิยฺยติ (สี. ก.)], โน นีหริตุํ.

อถ โข ตสฺส ปริพฺพาชกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘รฺโ โข ปน ปเสนทิสฺส โกสลสฺส โกฏฺาคาเร สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา สปฺปิสฺส วา เตลสฺส วา ยาวทตฺถํ ปาตุํ ทียติ, โน นีหริตุํ. ยํนูนาหํ รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส โกฏฺาคารํ คนฺตฺวา เตลสฺส ยาวทตฺถํ ปิวิตฺวา ฆรํ อาคนฺตฺวา อุจฺฉทฺทิตฺวาน [อุคฺคิริตฺวาน (สี. สฺยา. ปี.), อุจฺฉทิตฺวา (สี. สฺยา. อฏฺ.), อุจฺฉฑฺฑิตฺวาน (ก.)] ทเทยฺยํ, ยํ อิมิสฺสา วิชาตาย ภวิสฺสตี’’ติ.

อถ โข โส ปริพฺพาชโก รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส โกฏฺาคารํ คนฺตฺวา เตลสฺส ยาวทตฺถํ ปิวิตฺวา ฆรํ อาคนฺตฺวา เนว สกฺโกติ อุทฺธํ กาตุํ, น ปน อโธ. โส ทุกฺขาหิ ติพฺพาหิ [ติปฺปาหิ (สฺยา.)] ขราหิ กฏุกาหิ เวทนาหิ ผุฏฺโ อาวฏฺฏติ ปริวฏฺฏติ.

อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อทฺทสา โข ภควา ตํ ปริพฺพาชกํ ทุกฺขาหิ ติพฺพาหิ ขราหิ กฏุกาหิ เวทนาหิ ผุฏฺํ อาวฏฺฏมานํ ปริวฏฺฏมานํ.

อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘สุขิโน วต เย อกิฺจนา,

เวทคุโน หิ ชนา อกิฺจนา;

สกิฺจนํ ปสฺส วิหฺมานํ,

ชโน ชนสฺมึ ปฏิพนฺธจิตฺโต’’ [ปฏิพทฺธจิตฺโต (สฺยา.), ปฏิพนฺธรุโป (?)] ติ. ฉฏฺํ;

๗. เอกปุตฺตกสุตฺตํ

๑๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส อุปาสกสฺส เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป กาลงฺกโต โหติ.

อถ โข สมฺพหุลา อุปาสกา อลฺลวตฺถา อลฺลเกสา ทิวา ทิวสฺส เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข เต อุปาสเก ภควา เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โข ตุมฺเห, อุปาสกา, อลฺลวตฺถา อลฺลเกสา อิธูปสงฺกมนฺตา ทิวา ทิวสฺสา’’ติ?

เอวํ วุตฺเต, โส อุปาสโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มยฺหํ โข, ภนฺเต, เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป กาลงฺกโต. เตน มยํ อลฺลวตฺถา อลฺลเกสา อิธูปสงฺกมนฺตา ทิวา ทิวสฺสา’’ติ.

อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘ปิยรูปสฺสาทคธิตาเส [ปิยรูปสฺสาตคธิตาเส (สี. ปี.)],

เทวกายา ปุถุ มนุสฺสา จ;

อฆาวิโน ปริชุนฺนา,

มจฺจุราชสฺส วสํ คจฺฉนฺติ.

‘‘เย เว ทิวา จ รตฺโต จ,

อปฺปมตฺตา ชหนฺติ ปิยรูปํ;

เต เว ขณนฺติ อฆมูลํ,

มจฺจุโน อามิสํ ทุรติวตฺต’’นฺติ. สตฺตมํ;

๘. สุปฺปวาสาสุตฺตํ

๑๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กุณฺฑิกายํ [กุณฺฑิยายํ (สี. สฺยา. ปี.)] วิหรติ กุณฺฑธานวเน [กุณฺฑิฏฺานวเน (สฺยา. ปี.)]. เตน โข ปน สมเยน สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติ. สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา สา ทุกฺขาหิ ติพฺพาหิ ขราหิ กฏุกาหิ เวทนาหิ ผุฏฺา ตีหิ วิตกฺเกหิ อธิวาเสติ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสติ; สุปฺปฏิปนฺโน วต ตสฺส ภควโต สาวกสงฺโฆ โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ปฏิปนฺโน; สุสุขํ วต ตํ นิพฺพานํ ยตฺถิทํ เอวรูปํ ทุกฺขํ น สํวิชฺชตี’’ติ.

อถ โข สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สามิกํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อยฺยปุตฺต, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ; อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘สุปฺปวาสา, ภนฺเต, โกลิยธีตา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ; อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘สุปฺปวาสา, ภนฺเต, โกลิยธีตา สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติ. สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา สา ทุกฺขาหิ ติพฺพาหิ ขราหิ กฏุกาหิ เวทนาหิ ผุฏฺา ตีหิ วิตกฺเกหิ อธิวาเสติ – สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสติ; สุปฺปฏิปนฺโน วต ตสฺส ภควโต สาวกสงฺโฆ โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ปฏิปนฺโน; สุสุขํ วต ตํ นิพฺพานํ ยตฺถิทํ เอวรูปํ ทุกฺขํ น สํวิชฺชตี’’’ติ.

‘‘ปรม’’นฺติ โข โส โกลิยปุตฺโต สุปฺปวาสาย โกลิยธีตาย ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โกลิยปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุปฺปวาสา, ภนฺเต, โกลิยธีตา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ; เอวฺจ วเทติ – ‘สุปฺปวาสา, ภนฺเต, โกลิยธีตา สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติ. สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา สา ทุกฺขาหิ ติพฺพาหิ ขราหิ กฏุกาหิ เวทนาหิ ผุฏฺา ตีหิ วิตกฺเกหิ อธิวาเสติ – สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสติ; สุปฺปฏิปนฺโน วต ตสฺส ภควโต สาวกสงฺโฆ โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ปฏิปนฺโน; สุสุขํ วต นิพฺพานํ ยตฺถิทํ เอวรูปํ ทุกฺขํ น สํวิชฺชตี’’’ติ.

‘‘สุขินี โหตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา; อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ. สห วจนา จ ปน ภควโต สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายิ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โส โกลิยปุตฺโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน สกํ ฆรํ เตน ปจฺจายาสิ. อทฺทสา โข โส โกลิยปุตฺโต สุปฺปวาสํ โกลิยธีตรํ สุขินึ อโรคํ อโรคํ ปุตฺตํ วิชาตํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ, ตถาคตสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตา, ยตฺร หิ นามายํ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สห วจนา จ ปน [สห วจนา ปน (ปี.), สห วจนา (?)] ภควโต สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายิสฺสตี’’ติ! อตฺตมโน ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต อโหสิ.

อถ โข สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สามิกํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อยฺยปุตฺต, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ – ‘สุปฺปวาสา, ภนฺเต, โกลิยธีตา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติ; เอวฺจ วเทหิ – ‘สุปฺปวาสา, ภนฺเต, โกลิยธีตา สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติ. สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา สา เอตรหิ สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชาตา. สา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ภตฺเตน นิมนฺเตติ. อธิวาเสตุ กิร, ภนฺเต, ภควา สุปฺปวาสาย โกลิยธีตาย สตฺต ภตฺตานิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’’ติ.

‘‘ปรม’’นฺติ โข โส โกลิยปุตฺโต สุปฺปวาสาย โกลิยธีตาย ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส โกลิยปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘สุปฺปวาสา , ภนฺเต, โกลิยธีตา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ; เอวฺจ วเทติ – ‘สุปฺปวาสา, ภนฺเต, โกลิยธีตา สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติ. สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา สา เอตรหิ สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชาตา. สา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ภตฺเตน นิมนฺเตติ. อธิวาเสตุ กิร, ภนฺเต, ภควา สุปฺปวาสาย โกลิยธีตาย สตฺต ภตฺตานิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’’ติ.

เตน โข ปน สมเยน อฺตเรน อุปาสเกน พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสงฺโฆ สฺวาตนาย ภตฺเตน นิมนฺติโต โหติ. โส จ อุปาสโก อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส [มหาโมคฺคลานสฺส (ก.)] อุปฏฺาโก โหติ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, เยน โส อุปาสโก เตนุปสงฺกม ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อุปาสกํ เอวํ วเทหิ – ‘สุปฺปวาสา, อาวุโส, โกลิยธีตา สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรสิ. สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา สา เอตรหิ สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชาตา. สา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ภตฺเตน นิมนฺเตติ. กโรตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต ภตฺตานิ, ปจฺฉา ตฺวํ กริสฺสสี’ติ [กริสฺสสีติ สฺาเปหิ (ก.)]. ตุยฺเหโส อุปฏฺาโก’’ติ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยน โส อุปาสโก เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อุปาสกํ เอตทโวจ – ‘‘สุปฺปวาสา, อาวุโส, โกลิยธีตา สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติ. สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา สา เอตรหิ สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชาตา. สา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ภตฺเตน นิมนฺเตติ. กโรตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต ภตฺตานิ, ปจฺฉา ตฺวํ กริสฺสสี’’ติ.

‘‘สเจ เม, ภนฺเต, อยฺโย มหาโมคฺคลฺลาโน ติณฺณํ ธมฺมานํ ปาฏิโภโค – โภคานฺจ ชีวิตสฺส จ สทฺธาย จ, กโรตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต ภตฺตานิ, ปจฺฉาหํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘ทฺวินฺนํ โข เต อหํ [ทฺวินฺนํ โข เตสํ (ปี.), ทฺวินฺนํ โข เนสํ (ก.)], อาวุโส, ธมฺมานํ ปาฏิโภโค – โภคานฺจ ชีวิตสฺส จ. สทฺธาย ปน ตฺวํเยว ปาฏิโภโค’’ติ.

‘‘สเจ เม, ภนฺเต, อยฺโย มหาโมคฺคลฺลาโน ทฺวินฺนํ ธมฺมานํ ปาฏิโภโค – โภคานฺจ ชีวิตสฺส จ, กโรตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต ภตฺตานิ, ปจฺฉาหํ กริสฺสามี’’ติ.

อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ อุปาสกํ สฺาเปตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สฺตฺโต [สฺาโต (สฺยา.)], ภนฺเต, โส อุปาสโก มยา; กโรตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต ภตฺตานิ, ปจฺฉา โส กริสฺสตี’’ติ.

อถ โข สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ, ตฺจ ทารกํ ภควนฺตํ วนฺทาเปสิ สพฺพฺจ ภิกฺขุสงฺฆํ.

อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ตํ ทารกํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ เต, ทารก, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ น กิฺจิ ทุกฺข’’นฺติ? ‘‘กุโต เม, ภนฺเต สาริปุตฺต, ขมนียํ, กุโต ยาปนียํ! สตฺต เม วสฺสานิ โลหิตกุมฺภิยํ วุตฺตานี’’ติ.

อถ โข สุปฺปวาสา โกลิยธีตา – ‘‘ปุตฺโต เม ธมฺมเสนาปตินา สทฺธึ มนฺเตตี’’ติ อตฺตมนา ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา อโหสิ. อถ โข ภควา (สุปฺปวาสํ โกลียธีตรํ อตฺตมนํ ปมุทิตํ ปีติโสมนสฺสชาตํ วิทิตฺวา [ทิสฺวา (สี.)]) [( ) นตฺถิ อิงฺคลิสโปตฺถเก] สุปฺปวาสํ โกลิยธีตรํ เอตทโวจ – ‘‘อิจฺเฉยฺยาสิ ตฺวํ, สุปฺปวาเส, อฺมฺปิ เอวรูปํ ปุตฺต’’นฺติ? ‘‘อิจฺเฉยฺยามหํ, ภควา, อฺานิปิ เอวรูปานิ สตฺต ปุตฺตานี’’ติ .

อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘อสาตํ สาตรูเปน, ปิยรูเปน อปฺปิยํ;

ทุกฺขํ สุขสฺส รูเปน, ปมตฺตมติวตฺตตี’’ติ. อฏฺมํ;

๙. วิสาขาสุตฺตํ

๑๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท. เตน โข ปน สมเยน วิสาขาย มิคารมาตุยา โกจิเทว อตฺโถ รฺเ ปเสนทิมฺหิ โกสเล ปฏิพทฺโธ [ปฏิพนฺโธ (ปี. ก.)] โหติ. ตํ ราชา ปเสนทิ โกสโล น ยถาธิปฺปายํ ตีเรติ .

อถ โข วิสาขา มิคารมาตา ทิวา ทิวสฺส [ทิวาทิวสฺเสว (สฺยา.), ทิวาทิวสฺเสเยว (ปี.), ทิวา ทิวสฺสเยว (ก.)] เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข วิสาขํ มิคารมาตรํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘หนฺท กุโต นุ ตฺวํ, วิสาเข, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ? ‘‘อิธ เม, ภนฺเต, โกจิเทว อตฺโถ รฺเ ปเสนทิมฺหิ โกสเล ปฏิพทฺโธ; ตํ ราชา ปเสนทิ โกสโล น ยถาธิปฺปายํ ตีเรตี’’ติ.

อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘สพฺพํ ปรวสํ ทุกฺขํ, สพฺพํ อิสฺสริยํ สุขํ;

สาธารเณ วิหฺนฺติ, โยคา หิ ทุรติกฺกมา’’ติ. นวมํ;

๑๐. ภทฺทิยสุตฺตํ

๒๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อนุปิยายํ วิหรติ อมฺพวเน. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ภทฺทิโย กาฬีโคธาย ปุตฺโต อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ!

อสฺโสสุํ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู อายสฺมโต ภทฺทิยสฺส กาฬีโคธาย ปุตฺตสฺส อรฺคตสฺสปิ รุกฺขมูลคตสฺสปิ สุฺาคารคตสฺสปิ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนนฺตสฺส – ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ! สุตฺวาน เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘นิสฺสํสยํ โข, อาวุโส, อายสฺมา ภทฺทิโย กาฬีโคธาย ปุตฺโต อนภิรโต พฺรหฺมจริยํ จรติ, ยํส ปุพฺเพ อคาริยภูตสฺส [อคาริกภูตสฺส (สฺยา.)] รชฺชสุขํ, โส ตมนุสฺสรมาโน อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘อโห สุขํ, อโห สุข’’’นฺติ!

อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, ภทฺทิโย กาฬีโคธาย ปุตฺโต อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘อโห สุขํ, อโห สุข’นฺติ! นิสฺสํสยํ โข, ภนฺเต, อายสฺมา ภทฺทิโย กาฬีโคธาย ปุตฺโต อนภิรโต พฺรหฺมจริยํ จรติ. ยํส ปุพฺเพ อคาริยภูตสฺส รชฺชสุขํ, โส ตมนุสฺสรมาโน อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘อโห สุขํ, อโห สุข’’’นฺติ!

อถ โข ภควา อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน ภทฺทิยํ ภิกฺขุํ อามนฺเตหิ – ‘สตฺถา ตํ, อาวุโส ภทฺทิย, อามนฺเตตี’’’ติ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา ภทฺทิโย กาฬีโคธาย ปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภทฺทิยํ กาฬีโคธาย ปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา ตํ, อาวุโส ภทฺทิย, อามนฺเตตี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา ภทฺทิโย กาฬีโคธาย ปุตฺโต ตสฺส ภิกฺขุโน ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ ภทฺทิยํ กาฬีโคธาย ปุตฺตํ ภควา เอตทโวจ –

‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภทฺทิย, อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘อโห สุขํ, อโห สุข’’’นฺติ! ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ.

‘‘กึ ปน [กํ ปน (สฺยา ปี.)] ตฺวํ, ภทฺทิย, อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘อโห สุขํ, อโห สุข’’’นฺติ! ‘‘ปุพฺเพ เม, ภนฺเต, อคาริยภูตสฺส รชฺชํ กาเรนฺตสฺส อนฺโตปิ อนฺเตปุเร รกฺขา สุสํวิหิตา อโหสิ, พหิปิ อนฺเตปุเร รกฺขา สุสํวิหิตา อโหสิ, อนฺโตปิ นคเร รกฺขา สุสํวิหิตา อโหสิ, พหิปิ นคเร รกฺขา สุสํวิหิตา อโหสิ, อนฺโตปิ ชนปเท รกฺขา สุสํวิหิตา อโหสิ, พหิปิ ชนปเท รกฺขา สุสํวิหิตา อโหสิ. โส โข อหํ, ภนฺเต, เอวํ รกฺขิโต โคปิโต สนฺโต ภีโต อุพฺพิคฺโค อุสฺสงฺกี อุตฺราสี วิหาสึ. เอตรหิ โข ปนาหํ, ภนฺเต, อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ เอโก [เอกโก (สฺยา. ปี.)] อภีโต อนุพฺพิคฺโค อนุสฺสงฺกี อนุตฺราสี อปฺโปสฺสุกฺโก ปนฺนโลโม ปรทตฺตวุตฺโต [ปรทวุตฺโต (ก. สี. สฺยา. ปี.)], มิคภูเตน เจตสา วิหรามิ. อิมํ [อิทํ (สี. ก.)] โข อหํ, ภนฺเต, อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนสิ [อุทาเนมิ (ก.)] – ‘อโห สุขํ, อโห สุข’’’นฺติ!

อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา,

อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโต;

ตํ วิคตภยํ สุขึ อโสกํ,

เทวา นานุภวนฺติ ทสฺสนายา’’ติ. ทสมํ;

มุจลินฺทวคฺโค ทุติโย นิฏฺิโต.

ตสฺสุทฺทานํ –

มุจลินฺโท ราชา ทณฺเฑน, สกฺกาโร อุปาสเกน จ;

คพฺภินี เอกปุตฺโต จ, สุปฺปวาสา วิสาขา จ;

กาฬีโคธาย ภทฺทิโยติ.