📜
๔. เมฆิยวคฺโค
๑. เมฆิยสุตฺตํ
๓๑. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา จาลิกายํ วิหรติ จาลิเก ปพฺพเต. เตน ¶ โข ปน สมเยน อายสฺมา เมฆิโย ภควโต อุปฏฺาโก โหติ. อถ โข อายสฺมา เมฆิโย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข อายสฺมา เมฆิโย ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, ชนฺตุคามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตุ’’นฺติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, เมฆิย, กาลํ มฺสี’’ติ.
อถ โข อายสฺมา เมฆิโย ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ชนฺตุคามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ชนฺตุคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน กิมิกาฬาย นทิยา ตีรํ เตนุปสงฺกมิ. [อุปสงฺกมิตฺวา (สพฺพตฺถ) อ. นิ. ๙.๓ ปสฺสิตพฺพํ] อทฺทสา ¶ โข อายสฺมา เมฆิโย [อุปสงฺกมิตฺวา (สพฺพตฺถ) อ. นิ. ๙.๓ ปสฺสิตพฺพํ] กิมิกาฬาย นทิยา ตีเร ชงฺฆาวิหารํ [ชงฺฆวิหารํ (ก.)] อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน [อนุวิจรมาโน อทฺทสา โข (สี. สฺยา. ปี.), อนุวิจรมาโน อทฺทส (ก.)] อมฺพวนํ ปาสาทิกํ มนฺุํ รมณียํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ปาสาทิกํ วติทํ อมฺพวนํ มนฺุํ [อิทํ ปทํ วิเทสโปตฺถเกสุ นตฺถิ, องฺคุตฺตเรปิ] รมณียํ. อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานาย. สเจ มํ ภควา อนุชาเนยฺย, อาคจฺเฉยฺยาหํ อิมํ อมฺพวนํ ปธานายา’’ติ.
อถ โข อายสฺมา เมฆิโย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา เมฆิโย ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ชนฺตุคามํ ปิณฺฑาย ปาวิสึ. ชนฺตุคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน กิมิกาฬาย นทิยา ตีรํ เตนุปสงฺกมึ [อุปสงฺกมิตฺวา (สพฺพตฺถ)]. อทฺทสํ โข อหํ, ภนฺเต [อุปสงฺกมิตฺวา (สพฺพตฺถ)], กิมิกาฬาย นทิยา ตีเร ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน [อนุวิจรมาโน อทฺทสํ (สพฺพตฺถ)] อมฺพวนํ ปาสาทิกํ มนฺุํ รมณียํ. ทิสฺวาน เม เอตทโหสิ – ‘ปาสาทิกํ วติทํ อมฺพวนํ มนฺุํ รมณียํ. อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานาย. สเจ มํ ภควา อนุชาเนยฺย, อาคจฺเฉยฺยาหํ อิมํ อมฺพวนํ ปธานายา’ติ. สเจ มํ, ภนฺเต, ภควา อนุชานาติ [อนุชาเนยฺย (อ. นิ. ๙.๓)], คจฺเฉยฺยาหํ ตํ ¶ อมฺพวนํ ปธานายา’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, ภควา อายสฺมนฺตํ เมฆิยํ เอตทโวจ – ‘‘อาคเมหิ ตาว, เมฆิย, เอกกมฺหิ [เอกกมฺหา (สี. ปี.), เอกโกมฺหิ (สฺยา.)] ตาว, ยาว อฺโปิ โกจิ ภิกฺขุ อาคจฺฉตี’’ติ.
ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา เมฆิโย ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภควโต, ภนฺเต, นตฺถิ กิฺจิ ¶ อุตฺตริ [อุตฺตรึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] กรณียํ, นตฺถิ กตสฺส วา ปติจโย. มยฺหํ โข ปน, ภนฺเต, อตฺถิ อุตฺตริ กรณียํ, อตฺถิ กตสฺส ปติจโย. สเจ มํ ภควา อนุชานาติ, คจฺเฉยฺยาหํ ตํ อมฺพวนํ ปธานายา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ¶ ภควา อายสฺมนฺตํ เมฆิยํ เอตทโวจ – ‘‘อาคเมหิ ตาว, เมฆิย, เอกกมฺหิ ตาว, ยาว อฺโปิ โกจิ ภิกฺขุ อาคจฺฉตี’’ติ.
ตติยมฺปิ โข อายสฺมา เมฆิโย ภควนฺตํ ¶ เอตทโวจ – ‘‘ภควโต, ภนฺเต, นตฺถิ กิฺจิ อุตฺตริ กรณียํ, นตฺถิ กตสฺส วา ปติจโย. มยฺหํ โข ปน, ภนฺเต, อตฺถิ อุตฺตริ กรณียํ, อตฺถิ กตสฺส ปติจโย. สเจ มํ ภควา อนุชานาติ, คจฺเฉยฺยาหํ ตํ อมฺพวนํ ปธานายา’’ติ. ‘‘ปธานนฺติ โข, เมฆิย, วทมานํ กินฺติ วเทยฺยาม? ยสฺสทานิ ตฺวํ, เมฆิย, กาลํ มฺสี’’ติ.
อถ โข อายสฺมา เมฆิโย อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน ตํ อมฺพวนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อมฺพวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา [อชฺโฌคเหตฺวา (สี. สฺยา. ปี.)] อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถ โข อายสฺมโต เมฆิยสฺส ตสฺมึ อมฺพวเน วิหรนฺตสฺส เยภุยฺเยน ตโย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา สมุทาจรนฺติ, เสยฺยถิทํ – กามวิตกฺโก, พฺยาปาทวิตกฺโก, วิหึสาวิตกฺโก [วิตกฺโกติ (สี. ปี. ก.)].
อถ โข อายสฺมโต เมฆิยสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ! สทฺธาย จ วตมฺหา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา. อถ จ ปนิเมหิ ตีหิ ปาปเกหิ อกุสเลหิ วิตกฺเกหิ อนฺวาสตฺตา, เสยฺยถิทํ – กามวิตกฺเกน, พฺยาปาทวิตกฺเกน, วิหึสาวิตกฺเกน’’.
อถ โข อายสฺมา เมฆิโย สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา เมฆิโย ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, ตสฺมึ อมฺพวเน วิหรนฺตสฺส เยภุยฺเยน ตโย ¶ ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา สมุทาจรนฺติ, เสยฺยถิทํ – กามวิตกฺโก, พฺยาปาทวิตกฺโก, วิหึสาวิตกฺโก ¶ . ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! สทฺธาย จ วตมฺหา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา. อถ จ ปนิเมหิ ตีหิ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ¶ วิตกฺเกหิ อนฺวาสตฺตา, เสยฺยถิทํ – กามวิตกฺเกน, พฺยาปาทวิตกฺเกน, วิหึสาวิตกฺเกน’’’.
‘‘อปริปกฺกาย ¶ , เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา ปฺจ ธมฺมา ปริปากาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ?
‘‘อิธ, เมฆิย, ภิกฺขุ กลฺยาณมิตฺโต โหติ กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวงฺโก. อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา อยํ ปโม ธมฺโม ปริปากาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, เมฆิย, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา อยํ ทุติโย ธมฺโม ปริปากาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, เมฆิย, ภิกฺขุ ยายํ กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ, เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา, สนฺตุฏฺิกถา, ปวิเวกกถา, อสํสคฺคกถา, วีริยารมฺภกถา, สีลกถา, สมาธิกถา, ปฺากถา, วิมุตฺติกถา, วิมุตฺติาณทสฺสนกถา; เอวรูปาย กถาย นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. อปริปากาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา อยํ ตติโย ธมฺโม ปริปากาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ ¶ , เมฆิย, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ, อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย [อุปฺปาทาย (สฺยา.)], ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา อยํ จตุตฺโถ ธมฺโม ปริปากาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, เมฆิย, ภิกฺขุ ปฺวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา. อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา อยํ ปฺจโม ธมฺโม ปริปากาย สํวตฺตติ. อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา อิเม ปฺจ ธมฺมา ปริปากาย สํวตฺตนฺติ.
‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ ¶ , เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส ยํ สีลวา ภวิสฺสติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหริสฺสติ, อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขิสฺสติ สิกฺขาปเทสุ.
‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ ¶ , เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส ยํ ¶ ยายํ กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ, เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา, สนฺตุฏฺิกถา, ปวิเวกกถา, อสํสคฺคกถา, วีริยารมฺภกถา, สีลกถา, สมาธิกถา, ปฺากถา, วิมุตฺติกถา, วิมุตฺติาณทสฺสนกถา; เอวรูปาย กถาย นิกามลาภี ภวิสฺสติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี.
‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส ยํ อารทฺธวีริโย วิหริสฺสติ ¶ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส ยํ ปฺวา ภวิสฺสติ, อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา.
‘‘เตน จ ปน, เมฆิย, ภิกฺขุนา อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย จตฺตาโร ธมฺมา อุตฺตริ ภาเวตพฺพา – อสุภา ภาเวตพฺพา ราคสฺส ปหานาย, เมตฺตา ภาเวตพฺพา พฺยาปาทสฺส ปหานาย, อานาปานสฺสติ ภาเวตพฺพา วิตกฺกุปจฺเฉทาย, อนิจฺจสฺา ภาเวตพฺพา อสฺมิมานสมุคฺฆาตาย. อนิจฺจสฺิโน หิ, เมฆิย, อนตฺตสฺา สณฺาติ, อนตฺตสฺี อสฺมิมานสมุคฺฆาตํ ปาปุณาติ ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพาน’’นฺติ.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘ขุทฺทา ¶ วิตกฺกา สุขุมา วิตกฺกา,
อนุคตา [อนุคฺคตา (สี. ก. อฏฺกถายํ ปานฺตรํ)] มนโส อุปฺปิลาวา [อุพฺพิลาปา (สี. สฺยา. ปี.)];
เอเต อวิทฺวา มนโส วิตกฺเก,
หุรา หุรํ ธาวติ ภนฺตจิตฺโต.
‘‘เอเต จ วิทฺวา มนโส วิตกฺเก,
อาตาปิโย สํวรตี สตีมา;
อเสสเมเต ปชหาสิ พุทฺโธ’’ติ. ปมํ;
๒. อุทฺธตสุตฺตํ
๓๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กุสินารายํ วิหรติ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู ภควโต อวิทูเร อรฺกุฏิกายํ วิหรนฺติ อุทฺธตา อุนฺนฬา จปลา มุขรา วิกิณฺณวาจา มุฏฺสฺสติโน อสมฺปชานา อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา ปากตินฺทฺริยา.
อทฺทสา โข ภควา เต สมฺพหุเล ¶ ภิกฺขู อวิทูเร อรฺกุฏิกายํ วิหรนฺเต อุทฺธเต อุนฺนเฬ จปเล มุขเร วิกิณฺณวาเจ มุฏฺสฺสติโน อสมฺปชาเน อสมาหิเต วิพฺภนฺตจิตฺเต ปากตินฺทฺริเย.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘อรกฺขิเตน กาเยน [จิตฺเตน (เนตฺติยํ)], มิจฺฉาทิฏฺิหเตน [มิจฺฉาทิฏฺิคเตน (พหูสุ)] จ;
ถินมิทฺธา [ถีนมิทฺธา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ภิภูเตน, วสํ มารสฺส คจฺฉติ.
‘‘ตสฺมา รกฺขิตจิตฺตสฺส, สมฺมาสงฺกปฺปโคจโร;
สมฺมาทิฏฺิปุเรกฺขาโร, ตฺวาน อุทยพฺพยํ;
ถีนมิทฺธาภิภู ภิกฺขุ, สพฺพา ทุคฺคติโย ชเห’’ติ. ทุติยํ;
๓. โคปาลกสุตฺตํ
๓๓. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ. อถ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม เยน อฺตรํ รุกฺขมูลํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ.
อถ โข อฺตโร โคปาลโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ¶ เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ โคปาลกํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ [สมาทาเปสิ (?)] สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ.
อถ โข โส โคปาลโก ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต [สมาทิปิโต (?)] สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข โส โคปาลโก ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
อถ โข โส โคปาลโก ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปหูตํ อปฺโปทกปายสํ [อปฺโปทกปายาสํ (สพฺพตฺถ)] ปฏิยาทาเปตฺวา นวฺจ สปฺปึ ภควโต กาลํ อาโรเจสิ – ‘‘กาโล, ภนฺเต, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน เยน ตสฺส โคปาลกสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข โส โคปาลโก พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ อปฺโปทกปายเสน [อปฺโปทกปายาเสน จ (สฺยา. ปี.)] นเวน จ สปฺปินา สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ. อถ โข โส โคปาลโก ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อฺตรํ นีจํ ¶ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ โคปาลกํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อถ โข อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต ตํ โคปาลกํ อฺตโร ¶ ปุริโส สีมนฺตริกาย ชีวิตา โวโรเปสิ.
อถ ¶ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘เยน, ภนฺเต, โคปาลเกน อชฺช พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสงฺโฆ อปฺโปทกปายเสน นเวน จ สปฺปินา สหตฺถา สนฺตปฺปิโต สมฺปวาริโต โส กิร, ภนฺเต, โคปาลโก อฺตเรน ปุริเสน สีมนฺตริกาย ชีวิตา โวโรปิโต’’ติ.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘ทิโส ทิสํ ยํ ตํ กยิรา, เวรี วา ปน เวรินํ;
มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ, ปาปิโย นํ ตโต กเร’’ติ. ตติยํ;
๔. ยกฺขปหารสุตฺตํ
๓๔. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา จ สาริปุตฺโต อายสฺมา จ มหาโมคฺคลฺลาโน กโปตกนฺทรายํ วิหรนฺติ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต ชุณฺหาย รตฺติยา นโวโรปิเตหิ เกเสหิ อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหติ อฺตรํ สมาธึ สมาปชฺชิตฺวา.
เตน โข ปน สมเยน ทฺเว ยกฺขา สหายกา อุตฺตราย ทิสาย ทกฺขิณํ ทิสํ คจฺฉนฺติ เกนจิเทว กรณีเยน. อทฺทสํสุ โข เต ยกฺขา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ชุณฺหาย รตฺติยา นโวโรปิเตหิ เกเสหิ อพฺโภกาเส นิสินฺนํ. ทิสฺวาน เอโก ยกฺโข ทุติยํ ยกฺขํ เอตทโวจ ¶ – ‘‘ปฏิภาติ มํ, สมฺม, อิมสฺส สมณสฺส สีเส ปหารํ ทาตุ’’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, โส ยกฺโข ตํ ยกฺขํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, สมฺม, มา สมณํ อาสาเทสิ. อุฬาโร โส, สมฺม, สมโณ มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติ.
ทุติยมฺปิ โข โส ยกฺโข ตํ ยกฺขํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ, สมฺม, อิมสฺส สมณสฺส ¶ สีเส ปหารํ ทาตุ’’นฺติ. ทุติยมฺปิ โข โส ยกฺโข ตํ ยกฺขํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, สมฺม, มา สมณํ อาสาเทสิ. อุฬาโร โส, สมฺม, สมโณ มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติ. ตติยมฺปิ โข โส ยกฺโข ตํ ยกฺขํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ, สมฺม, อิมสฺส สมณสฺส สีเส ปหารํ ¶ ทาตุ’’นฺติ. ตติยมฺปิ โข โส ยกฺโข ตํ ยกฺขํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, สมฺม, มา สมณํ อาสาเทสิ. อุฬาโร โส, สมฺม, สมโณ มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติ.
อถ โข โส ยกฺโข ตํ ยกฺขํ อนาทิยิตฺวา อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สีเส ปหารํ อทาสิ. ตาว มหา ปหาโร อโหสิ, อปิ เตน ปหาเรน สตฺตรตนํ วา อฑฺฒฏฺมรตนํ วา นาคํ โอสาเทยฺย, มหนฺตํ วา ปพฺพตกูฏํ ปทาเลยฺย. อถ จ ปน โส ยกฺโข ‘ฑยฺหามิ ฑยฺหามี’ติ วตฺวา ตตฺเถว มหานิรยํ อปตาสิ [อวตฺถาสิ (ก. สี.)].
อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน เตน ยกฺเขน อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สีเส ปหารํ ทียมานํ. ทิสฺวา เยน อายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ ¶ เต, อาวุโส, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ น กิฺจิ ทุกฺข’’นฺติ ¶ ? ‘‘ขมนียํ เม, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ยาปนียํ เม, อาวุโส โมคฺคลฺลาน; อปิ จ เม สีสํ โถกํ ทุกฺข’’นฺติ.
‘‘อจฺฉริยํ, อาวุโส สาริปุตฺต, อพฺภุตํ, อาวุโส สาริปุตฺต! ยาว [ยํ ตฺวํ (สี. ก.), ยํ (สฺยา.)] มหิทฺธิโก อายสฺมา สาริปุตฺโต มหานุภาโว! อิธ เต, อาวุโส สาริปุตฺต, อฺตโร ยกฺโข สีเส ปหารํ อทาสิ. ตาว มหา ปหาโร อโหสิ, อปิ เตน ปหาเรน สตฺตรตนํ วา อฑฺฒฏฺมรตนํ วา นาคํ โอสาเทยฺย, มหนฺตํ วา ปพฺพตกูฏํ ปทาเลยฺย, อถ จ ปนายสฺมา สาริปุตฺโต เอวมาห – ‘ขมนียํ เม, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ยาปนียํ เม, อาวุโส โมคฺคลฺลาน; อปิ จ เม สีสํ โถกํ ทุกฺข’’’นฺติ.
‘‘อจฺฉริยํ, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, อพฺภุตํ, อาวุโส โมคฺคลฺลาน! ยาว [ยํ (สฺยา.)] มหิทฺธิโก อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน มหานุภาโว ยตฺร หิ นาม ยกฺขมฺปิ ปสฺสิสฺสติ! มยํ ปเนตรหิ ปํสุปิสาจกมฺปิ น ปสฺสามา’’ติ.
อสฺโสสิ โข ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย เตสํ อุภินฺนํ มหานาคานํ อิมํ เอวรูปํ กถาสลฺลาปํ.
อถ ¶ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘ยสฺส ¶ เสลูปมํ จิตฺตํ, ิตํ นานุปกมฺปติ;
วิรตฺตํ รชนีเยสุ, โกปเนยฺเย น กุปฺปติ;
ยสฺเสวํ ภาวิตํ จิตฺตํ, กุโต ตํ ทุกฺขเมสฺสตี’’ติ. จตุตฺถํ;
๕. นาคสุตฺตํ
๓๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม ¶ . เตน โข ปน สมเยน ภควา อากิณฺโณ วิหรติ ภิกฺขูหิ ภิกฺขูนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ. อากิณฺโณ ทุกฺขํ น ผาสุ วิหรติ. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อหํ โข เอตรหิ อากิณฺโณ วิหรามิ ภิกฺขูหิ ¶ ภิกฺขูนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ. อากิณฺโณ ทุกฺขํ น ผาสุ วิหรามิ. ยํนูนาหํ เอโก คณสฺมา วูปกฏฺโ วิหเรยฺย’’นฺติ.
อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย โกสมฺพึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. โกสมฺพิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต สามํ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนามนฺเตตฺวา อุปฏฺากํ อนปโลเกตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ เอโก อทุติโย เยน ปาลิเลยฺยกํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ปาลิเลยฺยกํ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ปาลิเลยฺยเก วิหรติ รกฺขิตวนสณฺเฑ ภทฺทสาลมูเล.
อฺตโรปิ โข หตฺถินาโค อากิณฺโณ วิหรติ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกลเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ. ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทติ, โอภคฺโคภคฺคฺจสฺส สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวติ, โอคาหา จสฺส อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ. อากิณฺโณ ทุกฺขํ น ผาสุ วิหรติ. อถ โข ตสฺส หตฺถินาคสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ โข เอตรหิ อากิณฺโณ วิหรามิ ¶ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกลเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทามิ, โอภคฺโคภคฺคฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวามิ, โอคาหา จ เม อุตฺติณฺณสฺส ¶ หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ, อากิณฺโณ ทุกฺขํ น ผาสุ วิหรามิ. ยํนูนาหํ เอโก คณสฺมา วูปกฏฺโ วิหเรยฺย’’นฺติ.
อถ โข โส หตฺถินาโค ยูถา อปกฺกมฺม เยน ปาลิเลยฺยกํ รกฺขิตวนสณฺโฑ ¶ ภทฺทสาลมูลํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. ตตฺร สุทํ [อุปสงฺกมิตฺวา ตตฺร สุทํ (สฺยา. ปี. ก.)] โส หตฺถินาโค ยสฺมึ ปเทเส ภควา วิหรติ ตํ ปเทสํ [อปฺปหริตฺจ กโรติ, โสณฺฑาย (พหูสุ)] อปฺปหริตํ กโรติ, โสณฺฑาย จ [อปฺปหริตฺจ กโรติ, โสณฺฑาย (พหูสุ)] ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปติ [อุปฏฺเปติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].
อถ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อากิณฺโณ วิหาสึ ภิกฺขูหิ ภิกฺขูนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ, อากิณฺโณ ทุกฺขํ น ผาสุ วิหาสึ. โสมฺหิ เอตรหิ อนากิณฺโณ วิหรามิ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ, อนากิณฺโณ สุขํ ผาสุ วิหรามี’’ติ.
ตสฺสปิ ¶ โข หตฺถินาคสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อากิณฺโณ วิหาสึ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกลเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทึ, โอภคฺโคภคฺคฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทึสุ, อาวิลานิ จ ปานียานิ อปายึ, โอคาหา ¶ จ เม อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย อคมํสุ, อากิณฺโณ ทุกฺขํ น ผาสุ วิหาสึ. โสมฺหิ เอตรหิ อนากิณฺโณ วิหรามิ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกลเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, อจฺฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทามิ, โอภคฺโคภคฺคฺจ เม สาขาภงฺคํ น ขาทนฺติ, อนาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวามิ, โอคาหา จ เม อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย น กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ, อนากิณฺโณ สุขํ ผาสุ วิหรามี’’ติ.
อถ โข ภควา อตฺตโน จ ปวิเวกํ วิทิตฺวา ตสฺส จ หตฺถินาคสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘เอตํ ¶ [เอวํ (ก.)] นาคสฺส นาเคน, อีสาทนฺตสฺส หตฺถิโน;
สเมติ จิตฺตํ จิตฺเตน, ยเทโก รมตี มโน’’ติ. ปฺจมํ;
๖. ปิณฺโฑลสุตฺตํ
๓๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ปิณฺโฑลภารทฺวาโช ภควโต อวิทูเร นิสินฺโน โหติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย อารฺิโก ปิณฺฑปาติโก ปํสุกูลิโก เตจีวริโก อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ อารทฺธวีริโย [อารทฺธวิริโย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ธุตวาโท อธิจิตฺตมนุยุตฺโต.
อทฺทสา โข ภควา อายสฺมนฺตํ ปิณฺโฑลภารทฺวาชํ ¶ อวิทูเร นิสินฺนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย อารฺิกํ ปิณฺฑปาติกํ ปํสุกูลิกํ เตจีวริกํ อปฺปิจฺฉํ สนฺตุฏฺํ ปวิวิตฺตํ อสํสฏฺํ อารทฺธวีริยํ ธุตวาทํ อธิจิตฺตมนุยุตฺตํ ¶ .
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘อนูปวาโท ¶ อนูปฆาโต [อนุปวาโท อนุปฆาโต (สฺยา. ปี. ก.)], ปาติโมกฺเข จ สํวโร;
มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ, ปนฺตฺจ สยนาสนํ;
อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. ฉฏฺํ;
๗. สาริปุตฺตสุตฺตํ
๓๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควโต อวิทูเร นิสินฺโน โหติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ อารทฺธวีริโย อธิจิตฺตมนุยุตฺโต.
อทฺทสา ¶ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อวิทูเร นิสินฺนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย อปฺปิจฺฉํ สนฺตุฏฺํ ปวิวิตฺตํ อสํสฏฺํ อารทฺธวีริยํ อธิจิตฺตมนุยุตฺตํ.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘อธิเจตโส อปฺปมชฺชโต,
มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต;
โสกา น ภวนฺติ ตาทิโน,
อุปสนฺตสฺส สทา สตีมโต’’ติ. สตฺตมํ;
๘. สุนฺทรีสุตฺตํ
๓๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ ¶ . ภิกฺขุสงฺโฆปิ สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อฺติตฺถิยา ปน ปริพฺพาชกา อสกฺกตา โหนฺติ อครุกตา อมานิตา อปูชิตา อนปจิตา น ลาภิโน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ.
อถ โข เต อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ภควโต สกฺการํ อสหมานา ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ¶ เยน สุนฺทรี ปริพฺพาชิกา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ สุนฺทรึ ปริพฺพาชิกํ เอตทโวจุํ – ‘‘อุสฺสหสิ ตฺวํ, ภคินิ, าตีนํ อตฺถํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘กฺยาหํ, อยฺยา, กโรมิ? กึ มยา น สกฺกา [กึ มยา สกฺกา (สฺยา. ปี.)] กาตุํ? ชีวิตมฺปิ เม ปริจฺจตฺตํ าตีนํ อตฺถายา’’ติ.
‘‘เตน หิ, ภคินิ, อภิกฺขณํ เชตวนํ คจฺฉาหี’’ติ. ‘‘เอวํ, อยฺยา’’ติ โข สุนฺทรี ปริพฺพาชิกา เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ ปฏิสฺสุตฺวา อภิกฺขณํ เชตวนํ อคมาสิ.
ยทา ¶ เต อฺึสุ อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา – ‘‘โวทิฏฺา โข สุนฺทรี ปริพฺพาชิกา พหุชเนน อภิกฺขณํ เชตวนํ คจฺฉตี’’ติ [คจฺฉตีติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. อถ นํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา ตตฺเถว เชตวนสฺส ปริขากูเป นิกฺขิปิตฺวา [นิขนิตฺวา (สี. สฺยา. ปี.)] เยน ราชา ปเสนทิ โกสโล เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ เอตทโวจุํ – ‘‘ยา สา, มหาราช, สุนฺทรี ปริพฺพาชิกา; สา โน น ทิสฺสตี’’ติ. ‘‘กตฺถ ปน ตุมฺเห อาสงฺกถา’’ติ ¶ ? ‘‘เชตวเน, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ เชตวนํ วิจินถา’’ติ.
อถ โข เต อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เชตวนํ วิจินิตฺวา ยถานิกฺขิตฺตํ ปริขากูปา อุทฺธริตฺวา มฺจกํ อาโรเปตฺวา สาวตฺถึ ปเวเสตฺวา รถิยาย รถิยํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา มนุสฺเส อุชฺฌาเปสุํ –
‘‘ปสฺสถายฺยา สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺมํ! อลชฺชิโน อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา มุสาวาทิโน อพฺรหฺมจาริโน. อิเม หิ นาม ธมฺมจาริโน สมจาริโน พฺรหฺมจาริโน สจฺจวาทิโน สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา ปฏิชานิสฺสนฺติ! นตฺถิ อิเมสํ สามฺํ, นตฺถิ อิเมสํ พฺรหฺมฺํ. นฏฺํ อิเมสํ สามฺํ, นฏฺํ อิเมสํ พฺรหฺมฺํ. กุโต อิเมสํ สามฺํ, กุโต อิเมสํ พฺรหฺมฺํ? อปคตา อิเม สามฺา, อปคตา อิเม พฺรหฺมฺา. กถฺหิ นาม ปุริโส ปุริสกิจฺจํ กริตฺวา อิตฺถึ ชีวิตา โวโรเปสฺสตี’’ติ!
เตน โข ปน สมเยน สาวตฺถิยํ มนุสฺสา ภิกฺขู ทิสฺวา อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรสนฺติ วิเหสนฺติ –
‘‘อลชฺชิโน อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา มุสาวาทิโน อพฺรหฺมจาริโน ¶ . อิเม หิ นาม ธมฺมจาริโน สมจาริโน พฺรหฺมจาริโน สจฺจวาทิโน สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา ปฏิชานิสฺสนฺติ! นตฺถิ อิเมสํ สามฺํ, นตฺถิ อิเมสํ พฺรหฺมฺํ. นฏฺํ อิเมสํ สามฺํ, นฏฺํ อิเมสํ พฺรหฺมฺํ. กุโต อิเมสํ สามฺํ, กุโต อิเมสํ พฺรหฺมฺํ? อปคตา อิเม สามฺา, อปคตา อิเม ¶ พฺรหฺมฺา. กถฺหิ นาม ปุริโส ปุริสกิจฺจํ กริตฺวา อิตฺถึ ชีวิตา โวโรเปสฺสตี’’ติ!
อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสึสุ. สาวตฺถิยํ ¶ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา ¶ เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –
‘‘เอตรหิ, ภนฺเต, สาวตฺถิยํ มนุสฺสา ภิกฺขู ทิสฺวา อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรสนฺติ วิเหสนฺติ – ‘อลชฺชิโน อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา มุสาวาทิโน อพฺรหฺมจาริโน. อิเม หิ นาม ธมฺมจาริโน สมจาริโน พฺรหฺมจาริโน สจฺจวาทิโน สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา ปฏิชานิสฺสนฺติ. นตฺถิ อิเมสํ สามฺํ, นตฺถิ อิเมสํ พฺรหฺมฺํ. นฏฺํ อิเมสํ สามฺํ, นฏฺํ อิเมสํ พฺรหฺมฺํ. กุโต อิเมสํ สามฺํ, กุโต อิเมสํ พฺรหฺมฺํ? อปคตา อิเม สามฺา, อปคตา อิเม พฺรหฺมฺา. กถฺหิ นาม ปุริโส ปุริสกิจฺจํ กริตฺวา อิตฺถึ ชีวิตา โวโรเปสฺสตี’’’ติ!
‘‘เนโส, ภิกฺขเว, สทฺโท จิรํ ภวิสฺสติ สตฺตาหเมว ภวิสฺสติ. สตฺตาหสฺส อจฺจเยน อนฺตรธายิสฺสติ. เตน หิ, ภิกฺขเว, เย มนุสฺสา ภิกฺขู ทิสฺวา อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรสนฺติ วิเหสนฺติ, เต ตุมฺเห อิมาย คาถาย ปฏิโจเทถ –
‘‘‘อภูตวาที ¶ นิรยํ อุเปติ,
โย วาปิ [โย จาปิ (สี. ปี. ก.)] กตฺวา น กโรมิ จาห;
อุโภปิ เต เปจฺจ สมา ภวนฺติ,
นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’’ติ.
อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ ปริยาปุณิตฺวา เย มนุสฺสา ภิกฺขู ทิสฺวา ¶ อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรสนฺติ วิเหสนฺติ เต อิมาย คาถาย ปฏิโจเทนฺติ –
‘‘อภูตวาที นิรยํ อุเปติ,
โย วาปิ กตฺวา น กโรมิจาห;
อุโภปิ เต เปจฺจ สมา ภวนฺติ,
นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติ.
มนุสฺสานํ ¶ เอตทโหสิ – ‘‘อการกา อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา. นยิเมหิ กตํ. สปนฺติเม สมณา สกฺยปุตฺติยา’’ติ. เนว โส สทฺโท จิรํ อโหสิ. สตฺตาหเมว อโหสิ. สตฺตาหสฺส อจฺจเยน อนฺตรธายิ.
อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตทโวจุํ –
‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาว สุภาสิตํ จิทํ ภนฺเต ภควตา – ‘เนโส, ภิกฺขเว, สทฺโท จิรํ ภวิสฺสติ. สตฺตาหเมว ภวิสฺสติ. สตฺตาหสฺส อจฺจเยน ¶ อนฺตรธายิสฺสตี’ติ. อนฺตรหิโต โส, ภนฺเต, สทฺโท’’ติ.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘ตุทนฺติ วาจาย ชนา อสฺตา,
สเรหิ สงฺคามคตํว กฺุชรํ;
สุตฺวาน วากฺยํ ผรุสํ อุทีริตํ,
อธิวาสเย ภิกฺขุ อทุฏฺจิตฺโต’’ติ. อฏฺมํ;
๙. อุปเสนสุตฺตํ
๓๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข อายสฺมโต อุปเสนสฺส ¶ วงฺคนฺตปุตฺตสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก ¶ อุทปาทิ – ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, สตฺถา จ เม ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ; สฺวากฺขาเต จมฺหิ ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต; สพฺรหฺมจาริโน จ เม สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา; สีเลสุ จมฺหิ ปริปูรการี; สุสมาหิโต จมฺหิ เอกคฺคจิตฺโต; อรหา จมฺหิ ขีณาสโว; มหิทฺธิโก จมฺหิ มหานุภาโว. ภทฺทกํ เม ชีวิตํ, ภทฺทกํ มรณ’’นฺติ.
อถ โข ภควา อายสฺมโต อุปเสนสฺส วงฺคนฺตปุตฺตสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘ยํ ¶ ชีวิตํ น ตปติ, มรณนฺเต น โสจติ;
ส เว ทิฏฺปโท ธีโร, โสกมชฺเฌ น โสจติ.
‘‘อุจฺฉินฺนภวตณฺหสฺส ¶ , สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;
วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ตสฺส ปุนพฺภโว’’ติ. นวมํ;
๑๐. สาริปุตฺตอุปสมสุตฺตํ
๔๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควโต อวิทูเร นิสินฺโน โหติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย อตฺตโน อุปสมํ ปจฺจเวกฺขมาโน.
อทฺทสา โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อวิทูเร นิสินฺนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย อตฺตโน อุปสมํ ปจฺจเวกฺขมานํ.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘อุปสนฺตสนฺตจิตฺตสฺส, เนตฺติจฺฉินฺนสฺส ภิกฺขุโน;
วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, มุตฺโต โส มารพนฺธนา’’ติ. ทสมํ;
เมฆิยวคฺโค จตุตฺโถ นิฏฺิโต.
ตสฺสุทฺทานํ ¶ –
เมฆิโย อุทฺธตา โคปาโล, ยกฺโข [ชุณฺหา (สี. สฺยา. ปี.), ชุณฺหํ (ก.)] นาเคน ปฺจมํ;
ปิณฺโฑโล สาริปุตฺโต จ, สุนฺทรี ภวติ อฏฺมํ;
อุปเสโน วงฺคนฺตปุตฺโต, สาริปุตฺโต จ เต ทสาติ.