📜
๑. เอกกนิปาโต
๑. ปมวคฺโค
๑. โลภสุตฺตวณฺณนา
๑. อิทานิ ¶ ¶ ¶ เอกธมฺมํ, ภิกฺขเว, ปชหถาติอาทินา นเยน ภควตา นิกฺขิตฺตสฺส สุตฺตสฺส วณฺณนาย โอกาโส อนุปฺปตฺโต. สา ปเนสา อตฺถวณฺณนา ยสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหติ, ตสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ ตาว วิจาเรสฺสาม. จตฺตาโร หิ สุตฺตนิกฺเขปา – อตฺตชฺฌาสโย, ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวสิโก, อฏฺุปฺปตฺติโกติ. ยถา หิ อเนกสตอเนกสหสฺสเภทานิปิ สุตฺตนฺตานิ สํกิเลสภาคิยาทิปฏฺานนเยน โสฬสวิธตํ นาติวตฺตนฺติ, เอวํ อตฺตชฺฌาสยาทิสุตฺตนิกฺเขปวเสน จตุพฺพิธตํ นาติวตฺตนฺตีติ. ตตฺถ ยถา อตฺตชฺฌาสยสฺส อฏฺุปฺปตฺติยา จ ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิเกหิ สทฺธึ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ อตฺตชฺฌาสโย จ ปรชฺฌาสโย จ, อตฺตชฺฌาสโย จ ปุจฺฉาวสิโก จ, อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปรชฺฌาสโย จ, อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปุจฺฉาวสิโก จาติ อชฺฌาสยปุจฺฉานุสนฺธิสมฺภวโต; เอวํ ยทิปิ อฏฺุปฺปตฺติยา อตฺตชฺฌาสเยนปิ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ, อตฺตชฺฌาสยาทีหิ ปน ปุรโต ิเตหิ อฏฺุปฺปตฺติยา สํสคฺโค นตฺถีติ นิรวเสโส ปฏฺานนโย น สมฺภวติ. ตทนฺโตคธตฺตา วา สมฺภวนฺตานํ เสสนิกฺเขปานํ มูลนิกฺเขปวเสน จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปา วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ.
ตตฺรายํ วจนตฺโถ – นิกฺขิปียตีติ นิกฺเขโป, สุตฺตํ เอว นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป. อถ วา นิกฺขิปนํ นิกฺเขโป, สุตฺตสฺส นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป, สุตฺตเทสนาติ อตฺโถ. อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย, โส อสฺส อตฺถิ การณภูโตติ อตฺตชฺฌาสโย, อตฺตโน อชฺฌาสโย เอตสฺสาติ วา อตฺตชฺฌาสโย. ปรชฺฌาสเยปิ เอเสว นโย. ปุจฺฉาย วโสติ ปุจฺฉาวโส. โส เอตสฺส อตฺถีติ ปุจฺฉาวสิโก. สุตฺตเทสนาย วตฺถุภูตสฺส อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถุปฺปตฺติ ¶ , อตฺถุปฺปตฺติ เอว อฏฺุปฺปตฺติ ถ-การสฺส -การํ กตฺวา, สา เอตสฺส อตฺถีติ อฏฺุปฺปตฺติโก ¶ ¶ . อถ วา นิกฺขิปียติ สุตฺตํ เอเตนาติ นิกฺเขโป, อตฺตชฺฌาสยาทิ เอว. เอตสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย. ปเรสํ อชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย. ปุจฺฉียตีติ ปุจฺฉา, ปุจฺฉิตพฺโพ อตฺโถ, ปุจฺฉาวเสน ปวตฺตํ ธมฺมปฺปฏิคฺคาหกานํ วจนํ ปุจฺฉาวสํ, ตเทว นิกฺเขปสทฺทาเปกฺขาย ปุจฺฉาวสิโกติ ปุลฺลิงฺควเสน วุตฺตํ. ตถา อฏฺุปฺปตฺติ เอว อฏฺุปฺปตฺติโกติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อปิจ ปเรสํ อินฺทฺริยปริปากาทิการณนิรเปกฺขตฺตา อตฺตชฺฌาสยสฺส วิสุํ สุตฺตนิกฺเขปภาโว ยุตฺโต, เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว ธมฺมตนฺติปนตฺถํ ปวตฺติตเทสนตฺตา. ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ ปน ปเรสํ อชฺฌาสยปุจฺฉานํ เทสนาปวตฺติเหตุภูตานํ อุปฺปตฺติยํ ปวตฺติตานํ กถํ อฏฺุปฺปตฺติยํ อนวโรโธ, ปุจฺฉาวสิกฏฺุปฺปตฺติกานํ วา ปรชฺฌาสยานุโรเธน ปวตฺติตานํ กถํ ปรชฺฌาสเย อนวโรโธติ? น โจเทตพฺพเมตํ. ปเรสฺหิ อภินีหารปริปุจฺฉาทิวินิมุตฺตสฺเสว สุตฺตเทสนาการณุปฺปาทสฺส อฏฺุปฺปตฺติภาเวน คหิตตฺตา ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ วิสุํ คหณํ. ตถา หิ พฺรหฺมชาลธมฺมทายาทสุตฺตาทีนํ (ที. น. ๑.๑ อาทโย) วณฺณาวณฺณอามิสุปฺปาทาทิเทสนานิมิตฺตํ อฏฺุปฺปตฺติ วุจฺจติ. ปเรสํ ปุจฺฉํ วินา อชฺฌาสยเมว นิมิตฺตํ กตฺวา เทสิโต ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวเสน เทสิโต ปุจฺฉาวสิโกติ ปากโฏยมตฺโถติ.
ยานิ ภควา ปเรหิ อนชฺฌิฏฺโ เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถติ, เสยฺยถิทํ – อากงฺเขยฺยสุตฺตํ, ตุวฏฺฏกสุตฺตนฺติเอวมาทีนิ (สุ. นิ. ๙๒๑ อาทโย; ม. นิ. ๑.๖๔ อาทโย), เตสํ อตฺตชฺฌาสโย นิกฺเขโป.
ยานิ ปน ‘‘ปริปกฺกา โข ราหุลสฺส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, ยํนูนาหํ ราหุลํ อุตฺตรึ อาสวานํ ขเย วิเนยฺย’’นฺติ เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ ขนฺตึ อภินีหารํ พุชฺฌนภาวฺจ โอโลเกตฺวา ปรชฺฌาสยวเสน กถิตานิ, เสยฺยถิทํ – ราหุโลวาทสุตฺตํ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺติเอวมาทีนิ (ม. นิ. ๒.๑๐๗ อาทโย; ๓.๔๑๖ อาทโย; สํ. นิ. ๓.๕๙; มหาว. ๑๙-๒๐), เตสํ ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป.
ภควนฺตํ ปน ¶ อุปสงฺกมิตฺวา เทวา มนุสฺสา จตสฺโส ปริสา จตฺตาโร วณฺณา จ ตถา ตถา ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ ‘‘โพชฺฌงฺคา โพชฺฌงฺคาติ, ภนฺเต, วุจฺจนฺติ, นีวรณา ¶ นีวรณาติ วุจฺจนฺตี’’ติอาทินา ¶ , เอวํ ปุฏฺเน ภควตา ยานิ กถิตานิ โพชฺฌงฺคสํยุตฺตาทีนิ (สํ. นิ. ๕.๑๘๖) เตสํ ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป.
ยานิ ปน ตานิ อุปฺปนฺนํ การณํ ปฏิจฺจ กถิตานิ, เสยฺยถิทํ – ธมฺมทายาทํ, ปุตฺตมํสูปมํ, ทารุกฺขนฺธูปมนฺติเอวมาทีนิ (ม. นิ. ๑.๒๙; สํ. นิ. ๒.๖๓), เตสํ อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป.
เอวมิเมสุ จตูสุ สุตฺตนิกฺเขเปสุ อิมสฺส สุตฺตสฺส ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป. ปรชฺฌาสยวเสน เหตํ นิกฺขิตฺตํ. เกสํ อชฺฌาสเยน? โลเภ อาทีนวทสฺสีนํ ปุคฺคลานํ. เกจิ ปน ‘‘อตฺตชฺฌาสโย’’ติ วทนฺติ.
ตตฺถ เอกธมฺมํ, ภิกฺขเวติอาทีสุ เอกสทฺโท อตฺเถว อฺตฺเถ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ อิตฺเถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๗). อตฺถิ เสฏฺเ ‘‘เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๒๘; ปารา. ๑๑). อตฺถิ อสหาเย ‘‘เอโก วูปกฏฺโ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๐๕). อตฺถิ สงฺขายํ ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙). อิธาปิ สงฺขายเมว ทฏฺพฺโพ.
ธมฺม-สทฺโท ปริยตฺติสจฺจสมาธิปฺาปกติปฺุาปตฺติสฺุตาเยฺยสภาวาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา หิสฺส ‘‘อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๗๓) ปริยตฺติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺธมฺโม’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๙๙) สจฺจานิ. ‘‘เอวํธมฺมา เต ภควนฺโต อเหสุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๓; ๓.๑๔๒) สมาธิ. ‘‘สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, สเว เปจฺจ น โสจตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑.๕๗) ปฺา. ‘‘ชาติธมฺมานํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๙๘) ปกติ. ‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริ’’นฺติอาทีสุ ¶ (ชา. ๑.๑๐.๑๐๒) ปฺุํ. ‘‘ติณฺณํ ธมฺมานํ อฺตเรน วเทยฺย ปาราชิเกน วา สงฺฆาทิเสเสน วา ปาจิตฺติเยน วา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๔๔๔) อาปตฺติ. ‘‘ตสฺมึ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๑) สฺุตา. ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉนฺตี’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕) เยฺโย. ‘‘กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑) สภาโว อตฺโถ ¶ . อิธาปิ สภาโว. ตสฺมา ¶ เอกธมฺมนฺติ เอกํ สํกิเลสสภาวนฺติ อธิปฺปาโย. เอโก จ โส ธมฺโม จาติ เอกธมฺโม, ตํ เอกธมฺมํ.
ภิกฺขเวติ ภิกฺขู อาลปติ. กิมตฺถํ ปน ภควา ธมฺมํ เทเสนฺโต ภิกฺขู อาลปติ, น ธมฺมเมว เทเสตีติ? สติชนนตฺถํ. ภิกฺขู หิ อฺํ จินฺเตนฺตาปิ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตาปิ กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺตาปิ นิสินฺนา โหนฺติ. เต ปมํ อนาลปิตฺวา ธมฺเม เทสิยมาเน ‘‘อยํ เทสนา กึนิทานา, กึปจฺจยา’’ติ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺโกนฺติ. อาลปิเต ปน สตึ อุปฏฺเปตฺวา สลฺลกฺเขตุํ สกฺโกนฺติ, ตสฺมา สติชนนตฺถํ ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อาลปติ. เตน จ เตสํ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺเธน วจเนน หีนาธิกชนเสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต อุทฺธตทีนภาวนิคฺคหํ กโรติ. ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อิมินา กรุณาวิปฺผารโสมฺมหทยนยนนิปาตปุพฺพงฺคเมน วจเนน เต อตฺตโน มุขาภิมุเข กโรนฺโต เตน จ กเถตุกมฺยตาทีปเกน วจเนน เนสํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ. เตเนว จ สมฺโพธนตฺเถน สาธุกํ สวนมนสิกาเรปิ นิโยเชติ. สาธุกํ สวนมนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺติ.
อฺเสุปิ เทวมนุสฺเสสุ ปริสปริยาปนฺเนสุ วิชฺชมาเนสุ กสฺมา ภิกฺขู เอว อามนฺเตสีติ? เชฏฺเสฏฺาสนฺนสทาสนฺนิหิตภาวโต. สพฺพปริสสาธารณา หิ ภควโต ธมฺมเทสนา, ปริสาย จ เชฏฺา ภิกฺขู ปมุปฺปนฺนตฺตา, เสฏฺา อนคาริยภาวํ อาทึ กตฺวา สตฺถุ จริยานุวิธายกตฺตา สกลสาสนปฏิคฺคาหกตฺตา จ, อาสนฺนา ตตฺถ นิสินฺเนสุ สมีปวุตฺติยา, สทาสนฺนิหิตา สตฺถุสนฺติกาวจรตฺตา. อปิจ เต ธมฺมเทสนาย ภาชนํ ¶ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติสพฺภาวโต, วิเสสโต จ เอกจฺเจ ภิกฺขู สนฺธาย อยํ เทสนาติ เต เอว อาลปิ.
ปชหถาติ เอตฺถ ปหานํ นาม ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติ ปฺจวิธํ. ตตฺถ ยํ ทีปาโลเกเนว ตมสฺส ปฏิปกฺขภาวโต อโลภาทีหิ โลภาทิกสฺส, นามรูปปริจฺเฉทาทิวิปสฺสนาาเณหิ ตสฺส ตสฺส อนตฺถสฺส ปหานํ. เสยฺยถิทํ – ปริจฺจาเคน โลภาทิมลสฺส, สีเลน ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยสฺส, สทฺธาทีหิ อสฺสทฺธิยาทิกสฺส, นามรูปววตฺถาเนน สกฺกายทิฏฺิยา, ปจฺจยปริคฺคเหน อเหตุวิสมเหตุทิฏฺีนํ, ตสฺเสว อปรภาเคน กงฺขาวิตรเณน กถํกถีภาวสฺส, กลาปสมฺมสเนน ‘‘อหํ ¶ มมา’’ติ คาหสฺส, มคฺคามคฺคววตฺถาเนน อมคฺเค มคฺคสฺาย, อุทยทสฺสเนน อุจฺเฉททิฏฺิยา, วยทสฺสเนน สสฺสตทิฏฺิยา, ภยทสฺสเนน สภเยสุ อภยสฺาย, อาทีนวทสฺสเนน อสฺสาทสฺาย, นิพฺพิทานุปสฺสเนน อภิรติสฺาย, มุจฺจิตุกมฺยตาาเณน ¶ อมุจฺจิตุกมฺยตาย อุเปกฺขาาเณน อนุเปกฺขาย, อนุโลเมน ธมฺมฏฺิติยา, นิพฺพาเนน ปฏิโลมภาวสฺส, โคตฺรภุนา สงฺขารนิมิตฺตคฺคาหสฺส ปหานํ, เอตํ ตทงฺคปฺปหานํ นาม.
ยํ ปน อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา ปวตฺติภาวนิวารณโต ฆฏปฺปหาเรเนว อุทกปิฏฺเ เสวาลสฺส เตสํ เตสํ นีวรณาทิธมฺมานํ ปหานํ, เอตํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ นาม. ยํ จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา ตํตํมคฺควโต อตฺตโน สนฺตาเน ‘‘ทิฏฺิคตานํ ปหานายา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๒๗๗; วิภ. ๖๒๘) นเยน วุตฺตสฺส สมุทยปกฺขิยสฺส กิเลสคณสฺส อจฺจนฺตํ อปฺปวตฺติภาเวน สมุจฺฉินฺทนํ, อิทํ สมุจฺเฉทปฺปหานํ นาม. ยํ ปน ผลกฺขเณ ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตํ กิเลสานํ, เอตํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ นาม. ยํ ปน สพฺพสงฺขตนิสฺสฏตฺตา ปหีนสพฺพสงฺขตํ นิพฺพานํ, เอตํ นิสฺสรณปฺปหานํ นาม. เอวํ ปฺจวิเธ ปหาเน อนาคามิกภาวกรสฺส ปหานสฺส อธิปฺเปตตฺตา อิธ สมุจฺเฉทปฺปหานนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา ปชหถาติ ปริจฺจชถ, สมุจฺฉินฺทถาติ อตฺโถ.
อหนฺติ ภควา อตฺตานํ นิทฺทิสติ. โวติ อยํ โวสทฺโท ปจฺจตฺตอุปโยคกรณสามิวจนปทปูรณสมฺปทาเนสุ ¶ ทิสฺสติ. ตถา หิ ‘‘กจฺจิ, ปน โว อนุรุทฺธา, สมคฺคา สมฺโมทมานา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๒๖) ปจฺจตฺเต อาคโต. ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ปณาเมมิ โว’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๕๗) อุปโยเค. ‘‘น โว มม สนฺติเก วตฺถพฺพ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๕๗) กรเณ. ‘‘สพฺเพสํ โว, สาริปุตฺต, สุภาสิต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๕) สามิวจเน. ‘‘เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๕) ปทปูรเณ. ‘‘วนปตฺถปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙๐) สมฺปทาเน. อิธาปิ สมฺปทาเน เอว ทฏฺพฺโพ.
ปาฏิโภโคติ ปฏิภู. โส หิ ธารณกํ ปฏิจฺจ ธนิกสฺส, ธนิกํ ปฏิจฺจ ธารณกสฺส ปฏินิธิภูโต ธนิกสนฺตกสฺส ตโต หรณาทิสงฺขาเตน ภฺุชเนน ¶ โภโคติ ปฏิโภโค, ปฏิโภโค เอว ปาฏิโภโค. อนาคามิตายาติ อนาคามิภาวตฺถาย. ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน หิ กามภวสฺส อนาคมนโต อนาคามี. โย ยสฺส ธมฺมสฺส อธิคเมน อนาคามีติ วุจฺจติ, สผโล โส ตติยมคฺโค อนาคามิตา นาม. อิติ ภควา เวเนยฺยทมนกุสโล เวเนยฺยชฺฌาสยานุกูลํ ตติยมคฺคาธิคมํ ลหุนา อุปาเยน เอกธมฺมปูรณตามตฺเตน ถิรํ กตฺวา ทสฺเสสิ ¶ ยถา ตํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ภินฺนภูมิกาปิ หิ ปฏิฆสํโยชนาทโย ตติยมคฺควชฺฌา กิเลสา กามราคปฺปหานํ นาติวตฺตนฺตีติ.
กสฺมา ปเนตฺถ ภควา อตฺตานํ ปาฏิโภคภาเว เปสิ? เตสํ ภิกฺขูนํ อนาคามิมคฺคาธิคมาย อุสฺสาหชนนตฺถํ. ปสฺสติ หิ ภควา ‘‘มยา ‘เอกธมฺมํ, ภิกฺขเว, ปชหถ, อหํ โว ปาฏิโภโค อนาคามิตายา’ติ วุตฺเต อิเม ภิกฺขู อทฺธา ตํ เอกธมฺมํ ปหาย สกฺกา ตติยภูมึ สมธิคนฺตุํ, ยโต ธมฺมสฺสามิ ปมมาห ‘อหํ ปาฏิโภโค’ติ อุสฺสาหชาตา ตทตฺถาย ปฏิปชฺชิตพฺพํ มฺิสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺมา อุสฺสาหชนนตฺถํ อนาคามิตาย เตสํ ภิกฺขูนํ อตฺตานํ ปาฏิโภคภาเว เปสิ.
กตมํ เอกธมฺมนฺติ เอตฺถ กตมนฺติ ปุจฺฉาวจนํ. ปุจฺฉา จ นาเมสา ปฺจวิธา – อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา, ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา, วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา, อนุมติปุจฺฉา ¶ , กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ. ตตฺถ ปกติยา ลกฺขณํ อฺาตํ โหติ อทิฏฺํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อวิภาวิตํ, ตสฺส าณาย ทสฺสนาย ตุลนาย ตีรณาย วิภูตตฺถาย วิภาวนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา. ปกติยา ลกฺขณํ าตํ โหติ ทิฏฺํ ตุลิตํ ตีริตํ วิภูตํ วิภาวิตํ. โส อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ สํสนฺทนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา. ปกติยา สํสยปกฺขนฺโท โหติ วิมติปกฺขนฺโท ทฺเวฬฺหกชาโต – ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข, กึ นุ โข, กถํ นุ โข’’ติ, โส วิมติจฺเฉทนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา. ภควา หิ อนุมติคฺคหณตฺถํ ปฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๕๙; มหาว. ๒๑), อยํ อนุมติปุจฺฉา. ภควา ภิกฺขูนํ กเถตุกมฺยตาย ปฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อาหารา ภูตานํ ¶ วา สตฺตานํ ิติยา สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหาย. กตเม จตฺตาโร’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๑) อยํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา.
ตตฺถ ปุริมา ติสฺโส ปุจฺฉา พุทฺธานํ นตฺถิ. กสฺมา? ตีสุ หิ อทฺธาสุ กิฺจิ สงฺขตํ อทฺธาวิมุตฺตํ วา อสงฺขตํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อทิฏฺํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อวิภาวิตํ นาม นตฺถิ. เตน เนสํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา นตฺถิ. ยํ ปน เตหิ อตฺตโน าเณน ปฏิวิทฺธํ, ตสฺส อฺเน สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา สทฺธึ สํสนฺทนกิจฺจํ นตฺถิ, เตน เนสํ ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉาปิ นตฺถิ. ยสฺมา ปน พุทฺธา ภควนฺโต อกถํกถี ¶ ติณฺณวิจิกิจฺฉา สพฺพธมฺเมสุ วิคตสํสยา, เตน เนสํ วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉาปิ นตฺถิ. อิตรา ปน ทฺเว ปุจฺฉา อตฺถิ, ตาสุ อยํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ เวทิตพฺพา.
อิทานิ ตาย ปุจฺฉาย ปุฏฺมตฺถํ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘โลภํ, ภิกฺขเว, เอกธมฺม’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ลุพฺภนฺติ เตน, สยํ วา ลุพฺภติ, ลุพฺภนมตฺตเมว วา ตนฺติ โลโภ. สฺวายํ อารมฺมณคฺคหณลกฺขโณ มกฺกฏาเลโป วิย, อภิสงฺครโส ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตมํสเปสิ ¶ วิย, อปริจฺจาคปจฺจุปฏฺาโน เตลฺชนราโค วิย, สํโยชนิเยสุ ธมฺเมสุ อสฺสาททสฺสนปทฏฺาโน, ตณฺหานทิภาเวน วฑฺฒมาโน ยตฺถ สมุปฺปนฺโน, สีฆโสตา นที วิย มหาสมุทฺทํ อปายเมว ตํ สตฺตํ คเหตฺวา คจฺฉตีติ ทฏฺพฺโพ. กิฺจาปิ อยํ โลภสทฺโท สพฺพโลภสามฺวจโน, อิธ ปน กามราควจโนติ เวทิตพฺโพ. โส หิ อนาคามิมคฺควชฺโฌ.
ปุน ภิกฺขเวติ อาลปนํ ธมฺมสฺส ปฏิคฺคาหกภาเวน อภิมุขีภูตานํ ตตฺถ อาทรชนนตฺถํ. ปชหถาติ อิมินา ปหานาภิสมโย วิหิโต, โส จ ปริฺาสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมเยหิ สทฺธึ เอว ปวตฺตติ, น วิสุนฺติ จตุสจฺจาธิฏฺานานิ จตฺตาริปิ สมฺมาทิฏฺิยา กิจฺจานิ วิหิตาเนว โหนฺติ. ยถา จ ‘‘โลภํ ปชหถา’’ติ วุตฺเต ปหาเนกฏฺภาวโต โทสาทีนมฺปิ ปหานํ อตฺถโต วุตฺตเมว โหติ, เอวํ สมุทยสจฺจวิสเย สมฺมาทิฏฺิกิจฺเจ ปหานาภิสมเย วุตฺเต ตสฺสา สหการีการณภูตานํ สมฺมาสงฺกปฺปาทีนํ เสสมคฺคงฺคานมฺปิ สมุทยสจฺจวิสยกิจฺจํ อตฺถโต วุตฺตเมว โหตีติ ปริปุณฺโณ อริยมคฺคพฺยาปาโร อิธ ¶ กถิโตติ ทฏฺพฺโพ. อิมินา นเยน สติปฏฺานาทีนมฺปิ โพธิปกฺขิยธมฺมานํ พฺยาปารสฺส อิธ วุตฺตภาโว ยถารหํ วิตฺถาเรตพฺโพ.
อปิเจตฺถ โลภํ ปชหถาติ เอเตน ปหานปริฺา วุตฺตา. สา จ ตีรณปริฺาธิฏฺานา, ตีรณปริฺา จ าตปริฺาธิฏฺานาติ อวินาภาเวน ติสฺโสปิ ปริฺา โพธิตา โหนฺติ. เอวเมตฺถ สห ผเลน จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ปกาสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา โลภํ ปชหถาติ สห ผเลน าณทสฺสนวิสุทฺธิ เทสิตา. สา จ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิสนฺนิสฺสยา…เป… จิตฺตวิสุทฺธิสีลวิสุทฺธิสนฺนิสฺสยา จาติ นานนฺตริกภาเวน สห ผเลน สพฺพาปิ สตฺต วิสุทฺธิโย วิภาวิตาติ เวทิตพฺพํ.
เอวเมตาย วิสุทฺธิกฺกมภาวนาย ปริฺาตฺตยสมฺปาทเนน โลภํ ปชหิตุกาเมน –
‘‘อนตฺถชนโน ¶ โลโภ, โลโภ จิตฺตปฺปโกปโน;
ภยมนฺตรโต ชาตํ, ตํ ชโน นาวพุชฺฌติ.
‘‘ลุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, ลุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ;
อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ โลโภ สหเต นรํ’’. (อิติวุ. ๘๘);
รตฺโต ¶ โข, อาวุโส, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปาณมฺปิ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, สนฺธิมฺปิ ฉินฺทติ, นิลฺโลปมฺปิ หรติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรติ, ปริปนฺเถปิ ติฏฺติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ. ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ อเวทยตํ ตณฺหานุคตานํ ปริตสฺสิตํ วิปฺผนฺทิตเมว (อ. นิ. ๓.๕๔).
‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส, ทีฆมทฺธาน สํสรํ;
อิตฺถภาวฺถาภาวํ, สํสารํ นาติวตฺตติ’’. (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕);
‘‘นตฺถิ ราคสโม อคฺคิ, นตฺถิ โทสสโม กลิ’’. (ธ. ป. ๒๐๒, ๒๕๑);
‘‘กามราเคน ฑยฺหามิ, จิตฺตํ เม ปริฑยฺหติ’’. (สํ. นิ. ๑.๒๑๒);
‘‘เย ราครตฺตานุปตนฺติ โสตํ, สยํกตํ มกฺกฏโกว ชาล’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๔๗) จ –
เอวมาทิสุตฺตปทานุสาเรน ¶ นานานเยหิ โลภสฺส อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ตสฺส ปหานาย ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
อปิจ ฉ ธมฺมา กามราคสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ, อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, อสุภภาวนานุโยโค, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. ทสวิธฺหิ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ กามราโค ปหียติ, กายคตาสติภาวนาวเสน สวิฺาณเก อุทฺธุมาตกาทิวเสน อวิฺาณเก อสุเภ อสุภภาวนานุโยคมนุยุตฺตสฺสาปิ, มนจฺฉฏฺเสุ อินฺทฺริเยสุ สํวรณวเสน สติกวาเฏน ปิหิตทฺวารสฺสาปิ ¶ , จตุนฺนํ ปฺจนฺนํ วา อาโลปานํ โอกาเส สติ อุทกํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลตาย โภชเน มตฺตฺุโนปิ. เตเนวาห –
‘‘จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;
อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓);
อสุภกมฺมฏฺานภาวนารเต กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ, านนิสชฺชาทีสุ ทสอสุภนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตเนวาห –
‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อสุภนิมิตฺตํ, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อนุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานายา’’ติ.
เอวํ ปุพฺพภาเค กามราคสงฺขาตสฺส ¶ โลภสฺส ปหานาย ปฏิปนฺโน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ตติยมคฺเคน ตํ อนวเสสโต สมุจฺฉินฺทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โลภํ, ภิกฺขเว, เอกธมฺมํ ปชหถ, อหํ โว ปาฏิโภโค อนาคามิตายา’’ติ.
เอตฺถาห ‘‘โก ปเนตฺถ โลโภ ปหียติ, กึ อตีโต, อถ อนาคโต, อุทาหุ ปจฺจุปฺปนฺโน’’ติ? กิฺเจตฺถ – น ตาว อตีโต โลโภ ปหีเยยฺย, น อนาคโต วา เตสํ อภาวโต. น หิ นิรุทฺธํ อนุปฺปนฺนํ วา อตฺถีติ วุจฺจติ, วายาโม จ อผโล อาปชฺชติ. อถ ปจฺจุปฺปนฺโน, เอวมฺปิ อผโล วายาโม ตสฺส สรสภงฺคตฺตา, สํกิลิฏฺา จ มคฺคภาวนา ¶ อาปชฺชติ, จิตฺตวิปฺปยุตฺโต วา โลโภ สิยา, น จายํ นโย อิจฺฉิโตติ. วุจฺจเต – น วุตฺตนเยน อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺโน โลโภ ปหียติ. เสยฺยถาปิ อิธ ตรุณรุกฺโข อสฺชาตผโล, ตํ ปุริโส กุาริยา มูเล ฉินฺเทยฺย, ตสฺส รุกฺขสฺส เฉเท อสติ ยานิ ผลานิ นิพฺพตฺเตยฺยุํ, ตานิ รุกฺขสฺส ฉินฺนตฺตา อชาตานิ เอว น ชาเยยฺยุํ, เอวเมว อริยมคฺคาธิคเม อสติ อุปฺปชฺชนารโห โลโภ อริยมคฺคาธิคเมน ปจฺจยฆาตสฺส กตตฺตา น อุปฺปชฺชติ. อยฺหิ อฏฺกถาสุ ‘‘ภูมิลทฺธุปฺปนฺโน’’ติ วุจฺจติ. วิปสฺสนาย หิ อารมฺมณภูตา ปฺจกฺขนฺธา ตสฺส อุปฺปชฺชนฏฺานตาย ภูมิ นาม. สา ภูมิ เตน ลทฺธาติ กตฺวา ภูมิลทฺธุปฺปนฺโน. อารมฺมณาธิคฺคหิตุปฺปนฺโน อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺโน อสมูหตุปฺปนฺโนติ จ อยเมว วุจฺจติ.
ตตฺถาติ ¶ ตสฺมึ สุตฺเต. เอตนฺติ เอตํ อตฺถชาตํ. อิทานิ คาถาพนฺธวเสน วุจฺจมานํ. อิติ วุจฺจตีติ เกน ปน วุจฺจติ? ภควตา ว. อฺเสุ หิ ตาทิเสสุ าเนสุ สงฺคีติกาเรหิ อุปนิพนฺธคาถา โหนฺติ, อิธ ปน ภควตา ว คาถารุจิกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน วุตฺตเมวตฺถํ สงฺคเหตฺวา คาถา ภาสิตา.
ตตฺถ เยน โลเภน ลุทฺธาเส, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคตินฺติ เยน อารมฺมณคฺคหณลกฺขเณน ตโต เอว อภิสงฺครเสน โลเภน ลุทฺธา อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ อายตเนสุ คิทฺธา คธิตา. เสติ หิ นิปาตมตฺตํ. อกฺขรจินฺตกา ปน อีทิเสสุ าเนสุ เส-การาคมํ อิจฺฉนฺติ. ตถา ลุทฺธตฺตา เอว กายสุจริตาทีสุ กิฺจิ สุจริตํ อกตฺวา กายทุจฺจริตาทีนิ จ อุปจินิตฺวา ¶ รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย สตฺตาติ ลทฺธนามา ปาณิโน ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติฏฺานตาย ทุคฺคตีติ สงฺขํ คตํ นิรยํ ติรจฺฉานโยนึ เปตฺติวิสยฺจ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน คจฺฉนฺติ อุปปชฺชนฺติ.
ตํ โลภํ สมฺมทฺาย, ปชหนฺติ วิปสฺสิโนติ ตํ ยถาวุตฺตํ โลภํ สภาวโต สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต อาทีนวโต นิสฺสรณโตติ อิเมหิ อากาเรหิ สมฺมา อวิปรีตํ เหตุนา าเยน อฺาย าตตีรณปริฺาสงฺขาตาย ปฺาย ชานิตฺวา รูปาทิเก ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ อนิจฺจาทีหิ วิวิเธหิ อากาเรหิ ปสฺสนโต วิปสฺสิโน อวสิฏฺกิเลเส วิปสฺสนาปฺาปุพฺพงฺคมาย มคฺคปฺาย สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน ปชหนฺติ, น ปุน อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชิตุํ เทนฺติ. ปหาย ¶ น ปุนายนฺติ, อิมํ โลกํ กุทาจนนฺติ เอวํ สหเชกฏฺปหาเนกฏฺเหิ อวสิฏฺกิเลเสหิ สทฺธึ ตํ โลภํ อนาคามิมคฺเคน ปชหิตฺวา ปุน ปจฺฉา อิมํ กามธาตุสงฺขาตํ โลกํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน กทาจิปิ น อาคจฺฉนฺติ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ สุปฺปหีนตฺตา. อิติ ภควา อนาคามิผเลน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
อยมฺปิ อตฺโถติ นิทานาวสานโต ปภุติ ยาว คาถาปริโยสานา อิมินา สุตฺเตน ปกาสิโต อตฺโถ. อปิ-สทฺโท อิทานิ วกฺขมานสุตฺตตฺถสมฺปิณฺฑโน. เสสํ วุตฺตนยเมว. อิมสฺมึ สุตฺเต สมุทยสจฺจํ สรูเปเนว อาคตํ, ปหานาปเทเสน มคฺคสจฺจํ. อิตรํ สจฺจทฺวยฺจ ตทุภยเหตุตาย นิทฺธาเรตพฺพํ. คาถาย ปน ทุกฺขสมุทยมคฺคสจฺจานิ ยถารุตวเสเนว ายนฺติ, อิตรํ นิทฺธาเรตพฺพํ. เอเสว นโย อิโต ปเรสุปิ สุตฺเตสุ.
ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทกนิกาย-อฏฺกถาย
อิติวุตฺตกวณฺณนาย ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. โทสสุตฺตวณฺณนา
๒. วุตฺตฺเหตํ ¶ …เป… โทสนฺติ ทุติยสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา. ยถา เอตฺถ, เอวํ อิโต ปเรสุปิ สพฺพตฺถ อปุพฺพปทวณฺณนํเยว กริสฺสาม. ยสฺมา อิทํ สุตฺตํ โทสพหุลานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ¶ โทสวูปสมนตฺถํ เทสิตํ, ตสฺมา ‘‘โทสํ, ภิกฺขเว, เอกธมฺมํ ปชหถา’’ติ อาคตํ. ตตฺถ โทสนฺติ ‘‘อนตฺถํ เม อจรีติ อาฆาโต ชายตี’’ติอาทินา (วิภ. ๙๖๐) นเยน สุตฺเต วุตฺตานํ นวนฺนํ, ‘‘อตฺถํ เม นาจรี’’ติอาทีนฺจ ตปฺปฏิปกฺขโต สิทฺธานํ นวนฺนเมวาติ อฏฺารสนฺนํ ขาณุกณฺฏกาทินา อฏฺาเนน สทฺธึ เอกูนวีสติยา อฺตราฆาตวตฺถุสมฺภวํ อาฆาตํ. โส หิ ทุสฺสนฺติ เตน, สยํ วา ทุสฺสติ, ทุสฺสนมตฺตเมว วา ตนฺติ โทโสติ วุจฺจติ. โส จณฺฑิกฺกลกฺขโณ ปหฏาสีวิโส วิย, วิสปฺปนรโส วิสนิปาโต วิย, อตฺตโน นิสฺสยทหนรโส วา ทาวคฺคิ วิย, ทุสฺสนปจฺจุปฏฺาโน ¶ ลทฺโธกาโส วิย สปตฺโต, ยถาวุตฺตอาฆาตวตฺถุปทฏฺาโน วิสสํสฏฺปูติมุตฺตํ วิย ทฏฺพฺโพ. ปชหถาติ สมุจฺฉินฺทถ. ตตฺถ เย อิเม –
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาฆาตปฏิวินยา, ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิเนตพฺโพ. กตเม ปฺจ? ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปุคฺคเล อาฆาโต ชาเยถ, เมตฺตา ตสฺมึ ปุคฺคเล ภาเวตพฺพา…เป… กรุณา…เป… อุเปกฺขา, อสติอมนสิกาโร ตสฺมึ ปุคฺคเล อาปชฺชิตพฺโพ, เอวํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ. ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปุคฺคเล อาฆาโต ชาเยถ, กมฺมสฺสกตา ตสฺมึ ปุคฺคเล อธิฏฺาตพฺพา ‘กมฺมสฺสโก อยมายสฺมา กมฺมทายาโท…เป… ภวิสฺสตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๑) –
เอวํ ปฺจ อาฆาตปฺปฏิวินยา วุตฺตาเยว.
‘‘ปฺจิเม, อาวุโส, อาฆาตปฏิวินยา, ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิเนตพฺโพ. กตเม ปฺจ? อิธาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร โหติ ปริสุทฺธวจีสมาจาโร; เอวรูเปปิ, อาวุโส, ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๒) –
เอวมาทินาปิ ¶ นเยน ปฺจ อาฆาตปฏิวินยา วุตฺตา, เตสุ เยน เกนจิ อาฆาตปฏิวินยวิธินา ปจฺจเวกฺขิตฺวา. อปิจ โย –
‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกนฺเตยฺยุํ, ตตฺราปิ โย มโน ปทูเสยฺย, น เม โส เตน สาสนกโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๒) สตฺถุ โอวาโท.
‘‘ตสฺเสว ¶ เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;
กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ.
‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๘);
‘‘สตฺติเม ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺมา สปตฺตกนฺตา สปตฺตกรณา โกธนํ อาคจฺฉนฺติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา. กตเม สตฺต? อิธ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ, ‘อโห วตายํ ทุพฺพณฺโณ อสฺสา’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส วณฺณวตาย นนฺทติ. โกธโนยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต กิฺจาปิ โส โหติ สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ โอทาตวตฺถวสโน, อถ โข โส ทุพฺพณฺโณว โหติ โกธาภิภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม ธมฺโม สปตฺตกนฺโต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ ‘อโห วตายํ ทุกฺขํ สเยยฺยา’ติ…เป… น ปจุรตฺโถ อสฺสาติ…เป… น โภควา อสฺสาติ…เป… น ยสวา อสฺสาติ…เป… น มิตฺตวา อสฺสาติ…เป… กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺยาติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส สุคติคมเน นนฺทติ. โกธโนยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา…เป… นิรยํ อุปปชฺชติ โกธาภิภูโต’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๔).
‘‘กุทฺโธ ¶ อตฺถํ น ชานาติ, กุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ…เป…. (อ. นิ. ๗.๖๔);
‘‘โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ, สํโยชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย. (ธ. ป. ๒๒๑);
‘‘อนตฺถชนโน โกโธ, โกโธ จิตฺตปฺปโกปโน…เป…. (อ. นิ. ๗.๖๔);
‘‘โกธํ ¶ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;
โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส พฺราหฺมณา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๗);
‘‘เอกาปราธํ ¶ ขม ภูริปฺ,
น ปณฺฑิตา โกธพลา ภวนฺตี’’ติ. –
เอวมาทินา นเยน โทเส อาทีนเว วุตฺตปฺปฏิปกฺขโต โทสปฺปหาเน อานิสํเส จ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปุพฺพภาเค โทสํ ตทงฺคปฺปหานาทิวเสน ปชหิตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ตติยมคฺเคน สพฺพโส โทสํ สมุจฺฉินฺทถ, ปชหถาติ เตสํ ภิกฺขูนํ ตตฺถ นิโยชนํ. เตน วุตฺตํ ‘‘โทสํ, ภิกฺขเว, เอกธมฺมํ ปชหถา’’ติ. ทุฏฺาเสติ อาฆาเตน ทูสิตจิตฺตตาย ปทุฏฺา. เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปมสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนยเมว.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. โมหสุตฺตวณฺณนา
๓. ตติเย โมหนฺติ อฺาณํ. ตฺหิ ทุกฺเข อฺาณํ, ทุกฺขสมุทเย อฺาณํ, ทุกฺขนิโรเธ อฺาณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย อฺาณนฺติอาทินา นเยน วิภาเคน อเนกปฺปเภทมฺปิ มุยฺหนฺติ. เตน สยํ วา มุยฺหติ มุยฺหนมตฺตเมว วา ตนฺติ โมโหติ วุจฺจติ. โส จิตฺตสฺส อนฺธภาวลกฺขโณ, อฺาณลกฺขโณ วา, อสมฺปฏิเวธรโส, อารมฺมณสภาวจฺฉาทนรโส ¶ วา, อสมฺมาปฺปฏิปตฺติปจฺจุปฏฺาโน, อนฺธการปจฺจุปฏฺาโน วา, อโยนิโสมนสิการปทฏฺาโน, สพฺพากุสลานํ มูลนฺติ ทฏฺพฺโพ. อิธาปิ ปชหถาติ ปทสฺส –
‘‘มูฬฺโห อตฺถํ น ชานาติ, มูฬฺโห ธมฺมํ น ปสฺสติ;
อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ โมโห สหเต นรํ’’. (อิติวุ. ๘๘);
‘‘อนตฺถชนโน โมโห…เป…. (อิติวุ. ๘๘);
‘‘อวิชฺชา, ภิกฺขเว, ปุพฺพงฺคมา อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา’’ (อิติวุ. ๔๐);
‘‘โมหสมฺพนฺธโน ¶ โลโก, ภพฺพรูโปว ทิสฺสติ’’; (อุทา. ๗๐);
‘‘โมโห ¶ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย’’ (อ. นิ. ๓.๓๔);
‘‘มูฬฺโห โข, พฺราหฺมณ, โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวตี’’ติ จ –
อาทินา นเยน ‘‘โย โกจิ ธมฺโม กามจฺฉนฺทาทิสํกิเลสธมฺเมหิ นิพฺพตฺเตตพฺโพ, อตฺถโต สพฺโพ โส โมหเหตุโก’’ติ จ โมเห อาทีนวํ ตปฺปฏิปกฺขโต โมหปฺปหาเน อานิสํสฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา กามจฺฉนฺทาทิปฺปหานกฺกเมเนว ปุพฺพภาเค ตทงฺคาทิวเสน โมหํ ปชหนฺตา ตติยมคฺเคน ยถาวุตฺตโลภโทเสกฏฺํ โมหํ สมุจฺเฉทวเสน ปชหถาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อนาคามิมคฺควชฺโฌ เอว หิ โมโห อิธาธิปฺเปโตติ. มูฬฺหาเสติ กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชาทิเภเท อตฺตโน หิตาหิเต สมฺมูฬฺหา. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. โกธสุตฺตวณฺณนา
๔. จตุตฺเถ โกธนฺติ โทสํ. โทโส เอว หิ โกธปริยาเยน พุชฺฌนกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน ¶ เอวํ วุตฺโต. ตสฺมา ทุติยสุตฺเต วุตฺตนเยเนเวตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อปิจ กุชฺฌนลกฺขโณ โกโธ, อาฆาตกรณรโส, จิตฺตสฺส พฺยาปตฺติภาวปจฺจุปฏฺาโน, เจตโส ปูติภาโวติ ทฏฺพฺโพติ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มกฺขสุตฺตวณฺณนา
๕. ปฺจเม มกฺขนฺติ ปรคุณมกฺขนํ. ยทิปิ หิ โส คูถํ คเหตฺวา ปรํ ปหรนฺโต วิย อตฺตโน กรํ ปมตรํ มกฺขติเยว, ตถาปิ ปเรสํ คุณมกฺขนาธิปฺปาเยน ปวตฺเตตพฺพตฺตา ‘‘ปรคุณมกฺขโน’’ติ วุจฺจติ. ตถา หิ ¶ โส อุทกปฺุฉนมิว นฺหาตสฺส สรีรคตํ อุทกํ ปเรสํ คุเณ มกฺเขติ ปฺุฉติ วินาเสติ ¶ , ปเรหิ วา กตานํ มหนฺตานมฺปิ การานํ เขปนโต ธํสนโต มกฺโขติ วุจฺจติ. โส ปรคุณมกฺขนลกฺขโณ, เตสํ วินาสนรโส, ตทวจฺฉาทนปจฺจุปฏฺาโน. อตฺถโต ปน ปเรสํ คุณมกฺขนากาเรน ปวตฺโต โทมนสฺสสหคตจิตฺตุปฺปาโทติ ทฏฺพฺพํ. ปชหถาติ ตตฺถ วุตฺตปฺปเภทํ โทสํ, โทเส จ วุตฺตนยํ อาทีนวํ, ปหาเน จสฺส อานิสํสํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปุพฺพภาเค ตทงฺคาทิวเสน ปชหนฺตา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ตติยมคฺเคน อนวเสสํ สมุจฺฉินฺทถาติ อตฺโถ. มกฺขาเสติ มกฺขิตา มกฺขิตปรคุณา, ปเรสํ คุณานํ มกฺขิตาโร, ตโต เอว อตฺตโนปิ ธํสิตคุณาติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. มานสุตฺตวณฺณนา
๖. ฉฏฺเ มานนฺติ ชาติอาทิวตฺถุกํ เจตโส อุนฺนมนํ. โส หิ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา นเยน มฺนฺติ เตน, สยํ วา มฺติ, มานนํ สมฺปคฺคโหติ วา มาโนติ วุจฺจติ. สฺวายํ เสยฺโยหมสฺมีติ มาโน, สทิโสหมสฺมีติ มาโน, หีโนหมสฺมีติ มาโนติ เอวํ ติวิโธ. ปุน เสยฺยสฺส เสยฺโยหมสฺมีติ มาโน, เสยฺยสฺส สทิโส, เสยฺยสฺส หีโน; สทิสสฺส เสยฺโย, สทิสสฺส สทิโส, สทิสสฺส หีโน; หีนสฺส เสยฺโย, หีนสฺส สทิโส, หีนสฺส หีโนหมสฺมีติ มาโนติ เอวํ นววิโธปิ อุนฺนติลกฺขโณ, อหํการรโส, สมฺปคฺคหรโส ¶ วา, อุทฺธุมาตภาวปจฺจุปฏฺาโน, เกตุกมฺยตาปจฺจุปฏฺาโน วา, ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตโลภปทฏฺาโน อุมฺมาโท วิยาติ ทฏฺพฺโพ. ปชหถาติ ตสฺส สพฺพสฺสปิ อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนนิมิตฺตตา, ครุฏฺานิเยสุ อภิวาทนปจฺจุปฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมาทีนํ อกรเณ การณตา, ชาติมทปุริสมทาทิภาเวน ปมาทาปตฺติเหตุภาโวติ เอวมาทิเภทํ อาทีนวํ ตปฺปฏิปกฺขโต นิรติมานตาย อานิสํสฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ราชสภํ อนุปฺปตฺโต จณฺฑาโล วิย สพฺรหฺมจารีสุ นีจจิตฺตตํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ปุพฺพภาเค ตทงฺคาทิวเสน ตํ ¶ ปชหนฺตา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนาคามิมคฺเคน สมุจฺฉินฺทถาติ ¶ อตฺโถ. อนาคามิมคฺควชฺโฌ เอว หิ มาโน อิธาธิปฺเปโต. มตฺตาเสติ ชาติมทปุริสมทาทิวเสน มาเนน ปมาทาปตฺติเหตุภูเตน มตฺตา อตฺตานํ ปคฺคเหตฺวา จรนฺตา. เสสํ วุตฺตนยเมว.
อิเมสุ ปน ปฏิปาฏิยา ฉสุ สุตฺเตสุ คาถาสุ วา อนาคามิผลํ ปาเปตฺวา เทสนา นิฏฺาปิตา. ตตฺถ เย อิเม อวิหา อตปฺปา สุทสฺสา สุทสฺสี อกนิฏฺาติ อุปปตฺติภววเสน ปฺจ อนาคามิโน, เตสุ อวิเหสุ อุปปนฺนา อวิหา นาม. เต อนฺตราปรินิพฺพายี, อุปหจฺจปรินิพฺพายี, อสงฺขารปรินิพฺพายี, สสงฺขารปรินิพฺพายี, อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามีติ ปฺจวิธา, ตถา อตปฺปา, สุทสฺสา, สุทสฺสิโน. อกนิฏฺเสุ ปน อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี ปริหายติ. ตตฺถ โย อวิหาทีสุ อุปฺปชฺชิตฺวา อายุเวมชฺฌํ อนติกฺกมิตฺวา อรหตฺตปฺปตฺติยา กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายติ, อยํ อนฺตราปรินิพฺพายี นาม. โย ปน อวิหาทีสุ อาทิโต ปฺจกปฺปสตาทิเภทํ อายุเวมชฺฌํ อติกฺกมิตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุปหจฺจปรินิพฺพายี นาม. โย อสงฺขาเรน อธิมตฺตปฺปโยคํ อกตฺวา อปฺปทุกฺเขน อกสิเรน ปรินิพฺพายติ, อยํ อสงฺขารปรินิพฺพายี นาม. โย ปน สสงฺขาเรน อธิมตฺตปฺปโยคํ กตฺวา ทุกฺเขน กิจฺเฉน กสิเรน ปรินิพฺพายติ, อยํ สสงฺขารปรินิพฺพายี นาม. อิตโร ปน อวิหาทีสุ อุทฺธํวาหิตภาเวน อุทฺธมสฺส ตณฺหาโสตํ, วฏฺฏโสตํ, มคฺคโสตเมว วาติ อุทฺธํโสโต. อวิหาทีสุ อุปฺปชฺชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺถ ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อกนิฏฺํ คจฺฉตีติ อกนิฏฺคามี.
เอตฺถ จ อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี, อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามี, น อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี, น อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามีติ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. กถํ? โย อวิหโต ปฏฺาย จตฺตาโร เทวโลเก โสเธตฺวา อกนิฏฺํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. โย ปน เหฏฺา ตโย เทวโลเก โสเธตฺวา สุทสฺสีเทวโลเก ตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามี นาม. โย อิโต อกนิฏฺเมว คนฺตฺวา ปรินิพฺพายติ ¶ ¶ , อยํ น อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. โย ปน เหฏฺา จตูสุ เทวโลเกสุ ตตฺถ ตตฺเถว ปรินิพฺพายติ, อยํ น อุทฺธํโสโต, น อกนิฏฺคามี นามาติ.
ตตฺถ ¶ อวิเหสุ อุปฺปชฺชิตฺวา กปฺปสตโต อุทฺธํ ปรินิพฺพายิโก, ทฺวินฺนํ กปฺปสตานํ มตฺถเก ปรินิพฺพายิโก, ปฺจกปฺปสเต อสมฺปตฺเต ปรินิพฺพายิโกติ ตโย อนฺตราปรินิพฺพายิโน. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อุปปนฺนํ วา สมนนฺตรา อปฺปตฺตํ วา เวมชฺฌ’’นฺติ (ปุ. ป. ๓๖). วา-สทฺเทน หิ ปตฺตมตฺโตปิ สงฺคหิโตติ. เอวํ ตโย อนฺตราปรินิพฺพายิโน, เอโก อุปหจฺจปรินิพฺพายี เอโก อุทฺธํโสโต. เตสุ อสงฺขารปรินิพฺพายิโน ปฺจ, สสงฺขารปรินิพฺพายิโน ปฺจาติ ทส โหนฺติ. ตถา อตปฺปาสุทสฺสาสุทสฺสีสูติ จตฺตาโร ทสกา จตฺตารีสํ อกนิฏฺเ ปน อุทฺธํโสตสฺส อภาวโต ตโย อนฺตราปรินิพฺพายิโน, เอโก อุปหจฺจปรินิพฺพายีติ อสงฺขารปรินิพฺพายิโน จตฺตาโร, สสงฺขารปรินิพฺพายิโน จตฺตาโรติ อฏฺ, เอวเมเต อฏฺจตฺตารีสํ อนาคามิโน. เต สพฺเพปิ อิเมสุ สุตฺเตสุ อวิเสสวจเนน คหิตาติ ทฏฺพฺพํ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สพฺพปริฺาสุตฺตวณฺณนา
๗. สตฺตเม สพฺพนฺติ อนวเสสํ. อนวเสสวาจโก หิ อยํ สพฺพ-สทฺโท. โส เยน เยน สมฺพนฺธํ คจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส อนวเสสตํ ทีเปติ; ยถา ‘‘สพฺพํ รูปํ, สพฺพา เวทนา, สพฺพสกฺกายปริยาปนฺเนสุ ธมฺเมสู’’ติ. โส ปนายํ สพฺพ-สทฺโท สปฺปเทสนิปฺปเทสวิสยตาย ทุวิโธ. ตถา เหส สพฺพสพฺพํ, ปเทสสพฺพํ, อายตนสพฺพํ, สกฺกายสพฺพนฺติ จตูสุ วิสเยสุ ทิฏฺปฺปโยโค. ตตฺถ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถมาคจฺฉนฺตี’’ติอาทีสุ (จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕) สพฺพสพฺพสฺมึ อาคโต. ‘‘สพฺเพสํ โว, สาริปุตฺตา, สุภาสิตํ ปริยาเยนา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๕) ปเทสสพฺพสฺมึ. ‘‘สพฺพํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ, จกฺขฺุเจว รูปฺจ…เป…. มนฺเจว ธมฺเม จา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓-๒๕) เอตฺถ ¶ อายตนสพฺพสฺมึ. ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) สกฺกายสพฺพสฺมึ. ตตฺถ สพฺพสพฺพสฺมึ อาคโต นิปฺปเทสวิสโย, อิตเรสุ ตีสุปิ อาคโต สปฺปเทสวิสโย ¶ . อิธ ปน สกฺกายสพฺพสฺมึ เวทิตพฺโพ. วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา เตภูมกธมฺมา หิ อิธ ‘‘สพฺพ’’นฺติ อนวเสสโต คหิตา.
อนภิชานนฺติ ¶ ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม อกุสลา, อิเม สาวชฺชา, อิเม อนวชฺชา’’ติอาทินา ‘‘อิเม ปฺจกฺขนฺธา, อิมานิ ทฺวาทสายตนานิ, อิมา อฏฺารส ธาตุโย, อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อยํ ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจ’’นฺติ จ อาทินา สพฺเพ อภิฺเยฺเย ธมฺเม อวิปรีตสภาวโต อนภิชานนฺโต อภิวิสิฏฺเน าเณน น ชานนฺโต. อปริชานนฺติ น ปริชานนฺโต. โย หิ สพฺพํ เตภูมกธมฺมชาตํ ปริชานาติ, โส ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานาติ – าตปริฺาย, ตีรณปริฺาย, ปหานปริฺาย. ตตฺถ กตมา าตปริฺา? สพฺพํ เตภูมกํ นามรูปํ – ‘‘อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต ภิยฺโย. อิทํ นามํ, เอตฺตกํ นามํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ ภูตปฺปสาทาทิปฺปเภทํ รูปํ, ผสฺสาทิปฺปเภทํ นามฺจ, ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานโต ววตฺถเปติ. ตสฺส อวิชฺชาทิกฺจ ปจฺจยํ ปริคฺคณฺหาติ. อยํ าตปริฺา. กตมา ตีรณปริฺา? เอวํ าตํ กตฺวา ตํ สพฺพํ ตีเรติ อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโตติ ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรหิ. อยํ ตีรณปริฺา. กตมา ปหานปริฺา? เอวํ ตีรยิตฺวา อคฺคมคฺเคน สพฺพสฺมึ ฉนฺทราคํ ปชหติ. อยํ ปหานปริฺา.
ทิฏฺิวิสุทฺธิกงฺขาวิตรณวิสุทฺธิโยปิ าตปริฺา. มคฺคามคฺคปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิโย กลาปสมฺมสนาทิอนุโลมปริโยสานา วา ปฺา ตีรณปริฺา. อริยมคฺเคน ปชหนํ ปหานปริฺา. โย สพฺพํ ปริชานาติ, โส อิมาหิ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานาติ. อิธ ปน วิราคปฺปหานานํ ปฏิกฺเขปวเสน วิสุํ คหิตตฺตา าตปริฺาย ตีรณปริฺาย จ วเสน ปริชานนา เวทิตพฺพา. โย ปเนวํ น ปริชานาติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อปริชาน’’นฺติ.
ตตฺถ จิตฺตํ อวิราชยนฺติ ตสฺมึ อภิฺเยฺยวิเสเส ปริฺเยฺเย ¶ อตฺตโน จิตฺตสนฺตานํ น วิราชยํ, น วิรชฺชนฺโต; ยถา ตตฺถ ราโค น โหติ, เอวํ วิราคานุปสฺสนํ น อุปฺปาเทนฺโตติ อตฺโถ. อปฺปชหนฺติ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ตตฺถ ปหาตพฺพยุตฺตกํ กิเลสวฏฺฏํ อนวเสสโต ¶ น ปชหนฺโต. ยถา เจตํ, เอวํ อภิชานนาทโยปิ มิสฺสกมคฺควเสน เวทิตพฺพา. ปุพฺพภาเค หิ นานาจิตฺตวเสน าตตีรณปหานปริฺาหิ กเมน อภิชานนาทีนิ สมฺปาเทตฺวา มคฺคกาเล เอกกฺขเณเนว กิจฺจวเสน ตํ สพฺพํ นิปฺผาเทนฺตํ เอกเมว าณํ ปวตฺตตีติ. อภพฺโพ ทุกฺขกฺขยายาติ นิพฺพานาย สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส เขปนาย น ภพฺโพ, นาลํ น สมตฺโถติ อตฺโถ.
สพฺพฺจ โขติ เอตฺถ จ-สทฺโท พฺยติเรเก, โข-สทฺโท อวธารเณ. ตทุภเยน อภิชานนาทิโต ¶ ลทฺธพฺพํ วิเสสํ ทุกฺขกฺขยสฺส จ เอกนฺตการณํ ทีเปติ. อภิชานนาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตเมว. ตตฺถ ปน ปฏิกฺเขปวเสน วุตฺตํ, อิธ วิธานวเสน เวทิตพฺพํ. อยเมว วิเสโส. อปิจ อภิชานนฺติ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกสงฺขาตํ สกฺกายสพฺพํ สรูปโต ปจฺจยโต จ าณสฺส อภิมุขีกรณวเสน อภิชานนฺโต หุตฺวา อภาวาการาทิปริคฺคเหน ตํ อนิจฺจาทิลกฺขเณหิ ปริจฺฉิชฺชมานวเสน ปริชานนฺโต. วิราชยนฺติ สมฺมเทวสฺส อนิจฺจตาทิอวโพเธน อุปฺปนฺนภยาทีนวนิพฺพิทาทิาณานุภาเวน อตฺตโน จิตฺตํ วิรตฺตํ กโรนฺโต ตตฺถ อณุมตฺตมฺปิ ราคํ อนุปฺปาเทนฺโต. ปชหนฺติ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาสหิตาย มคฺคปฺาย สมุทยปกฺขิยํ กิเลสวฏฺฏํ ปชหนฺโต สมุจฺฉินฺทนฺโต. ภพฺโพ ทุกฺขกฺขยายาติ เอวํ กิเลสมลปฺปหาเนเนว สพฺพสฺส กมฺมวฏฺฏสฺส ปริกฺขีณตฺตา อนวเสสวิปากวฏฺฏเขปนาย สกลสํสารวฏฺฏทุกฺขปริกฺขยภูตาย วา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ภพฺโพ เอกนฺเตเนตํ ปาปุณิตุนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
โย สพฺพํ สพฺพโต ตฺวาติ โย ยุตฺตโยโค อารทฺธวิปสฺสโก สพฺพํ เตภูมกธมฺมชาตํ สพฺพโต สพฺพภาเคน กุสลาทิกฺขนฺธาทิวิภาคโต ทุกฺขาทิปีฬนาทิวิภาคโต จ. อถ วา สพฺพโตติ สพฺพสฺมา กกฺขฬผุสนาทิลกฺขณาทิโต อนิจฺจาทิโต จาติ สพฺพาการโต ชานิตฺวา วิปสฺสนาปุพฺพงฺคเมน ¶ มคฺคาเณน ปฏิวิชฺฌิตฺวา, วิปสฺสนาาเณเนว วา ชานนเหตุ. สพฺพตฺเถสุ น รชฺชตีติ สพฺเพสุ อตีตาทิวเสน อเนกเภทภินฺเนสุ สกฺกายธมฺเมสุ น รชฺชติ, อริยมคฺคาธิคเมน ราคํ น ชเนติ. อิมินาสฺส ตณฺหาคาหสฺส อภาวํ ทสฺเสนฺโต ตํ นิมิตฺตตฺตา ทิฏฺมานคฺคาหานํ ‘‘เอตํ มม เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ อิมสฺส มิจฺฉาคาหตฺตยสฺสปิ ¶ อภาวํ ทสฺเสติ. ส เวติ เอตฺถ ส-อิติ นิปาตมตฺตํ. เว-ติ พฺยตฺตํ, เอกํเสนาติ วา เอตสฺมึ อตฺเถ นิปาโต. สพฺพปริฺาติ สพฺพปริชานนโต, ยถาวุตฺตสฺส สพฺพสฺส อภิสมยวเสน ปริชานนโต. โสติ ยถาวุตฺโต โยคาวจโร, อริโย เอว วา. สพฺพทุกฺขมุปจฺจคาติ สพฺพํ วฏฺฏทุกฺขํ อจฺจคา อติกฺกมิ, สมติกฺกมีติ อตฺโถ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. มานปริฺาสุตฺตวณฺณนา
๘. อฏฺเม อปุพฺพํ นตฺถิ, เกวลํ มานวเสน เทสนา ปวตฺตา. คาถาสุ ปน มานุเปตา อยํ ปชาติ กมฺมกิเลเสหิ ปชายตีติ ปชาติ ลทฺธนามา อิเม สตฺตา มฺนลกฺขเณน มาเนน ¶ อุเปตา อุปคตา. มานคนฺถา ภเว รตาติ กิมิกีฏปฏงฺคาทิอตฺตภาเวปิ มาเนน คนฺถิตา มานสํโยชเนน สํยุตฺตา. ตโต เอว ทีฆรตฺตํ ปริภาวิตาหํการวเสน ‘‘เอตํ มมา’’ติ สงฺขาเรสุ อชฺโฌสานพหุลตฺตา ตตฺถ นิจฺจสุขอตฺตาทิวิปลฺลาสวเสน จ กามาทิภเว รตา. มานํ อปริชานนฺตาติ มานํ ตีหิ ปริฺาหิ น ปริชานนฺตา. อรหตฺตมคฺคาเณน วา อนติกฺกมนฺตา, ‘‘มานํ อปริฺายา’’ติ เกจิ ปนฺติ. อาคนฺตาโร ปุนพฺภวนฺติ ปุน อายาตึ อุปปตฺติภวํ. ปุนปฺปุนํ ภวนโต วา ปุนพฺภวสงฺขาตํ สํสารํ อปราปรํ ปริวตฺตนวเสน คนฺตาโร อุปคนฺตาโร โหนฺติ, ภวโต น ปริมุจฺจนฺตีติ อตฺโถ. เย จ มานํ ปหนฺตฺวาน, วิมุตฺตา มานสงฺขเยติ เย ปน อรหตฺตมคฺเคน สพฺพโส มานํ ปชหิตฺวา มานสฺส อจฺจนฺตสงฺขยภูเต อรหตฺตผเล นิพฺพาเน วา ตเทกฏฺสพฺพกิเลสวิมุตฺติยา วิมุตฺตา สุฏฺุ มุตฺตา. เต มานคนฺถาภิภุโน, สพฺพทุกฺขมุปจฺจคุนฺติ ¶ เต ปริกฺขีณภวสํโยชนา อรหนฺโต สพฺพโส มานคนฺถํ มานสํโยชนํ สมุจฺเฉทปฺปหาเนน อภิภวิตฺวา ิตา, อนวเสสํ วฏฺฏทุกฺขํ อติกฺกมึสูติ อตฺโถ. เอวเมตสฺมึ สตฺตมสุตฺเต จ อรหตฺตํ กถิตนฺติ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙-๑๐. โลภโทสปริฺาสุตฺตทฺวยวณฺณนา
๙-๑๐. นวมทสเมสุ ¶ อปุพฺพํ นตฺถิ. เทสนาวิลาสวเสน ตถา พุชฺฌนกานํ เวเนยฺยานํ อชฺฌาสยวเสน วา ตถา เทสิตานีติ ทฏฺพฺพํ.
นวมทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยวคฺโค
๑-๓. โมหปริฺาทิสุตฺตวณฺณนา
๑๑-๑๓. ทุติยวคฺเคปิ ¶ ปมาทีนิ ตีณิ สุตฺตานิ วุตฺตนยาเนว, ตถา เทสนาการณมฺปิ วุตฺตเมว.
๔. อวิชฺชานีวรณสุตฺตวณฺณนา
๑๔. จตุตฺเถ – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว’’ติอาทีสุ น-กาโร ปฏิเสธตฺโถ. อหนฺติ ภควา อตฺตานํ นิทฺทิสติ. อฺนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพอวิชฺชานีวรณโต อฺํ. เอกนีวรณมฺปีติ เอกนีวรณธมฺมมฺปิ. สมนุปสฺสามีติ ทฺเว สมนุปสฺสนา – ทิฏฺิสมนุปสฺสนา จ าณสมนุปสฺสนา จ. ตตฺถ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๔.๒๐๐; ปฏิ. ม. ๑.๑๓๐) อาคตา อยํ ทิฏฺิสมนุปสฺสนา นาม. ‘‘อนิจฺจโต สมนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๓๕) ปน อาคตา อยํ าณสมนุปสฺสนา นาม. อิธาปิ าณสมนุปสฺสนาว อธิปฺเปตา. ‘‘สมนุปสฺสามี’’ติ จ ปทสฺส น-กาเรน สมฺพนฺโธ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อหํ, ภิกฺขเว, สพฺพฺุตฺาณสงฺขาเตน สมนฺตจกฺขุนา สพฺพธมฺเม หตฺถามลกํ วิย โอโลเกนฺโตปิ อฺํ เอกนีวรณมฺปิ น สมนุปสฺสามี’’ติ.
เยน นีวรเณน นิวุตา ปชา ทีฆรตฺตํ สนฺธาวนฺติ สํสรนฺตีติ เยน นีวรณกสภาวตฺตา นีวรเณน ธมฺมสภาวํ ชานิตุํ ปสฺสิตุํ ปฏิวิชฺฌิตุํ อทตฺวา ¶ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ¶ าเนน อนฺธกาเรน นิวุตา สตฺตา อนาทิมตสํสาเร อปริมาเณ กปฺเป มหนฺเตสุ เจว ขุทฺทเกสุ จ ภวาทีสุ อปราปรุปฺปตฺติวเสน สพฺพโต ธาวนฺติ เจว สํสรนฺติ, จ. อารมฺมณนฺตรสงฺกมนวเสน วา สนฺธาวนํ, ภวนฺตรสงฺกมนวเสน สํสรณํ. กิเลสานํ พลวภาเวน วา สนฺธาวนํ, ทุพฺพลภาเวน สํสรณํ. ขณิกมรณวเสน วา เอกชาติยํ สนฺธาวนํ, โวหารมรณวเสน อเนกาสุ ชาตีสุ สํสรณํ. จิตฺตวเสน วา สนฺธาวนํ, ‘‘จิตฺตมสฺส วิธาวตี’’ติ หิ วุตฺตํ, กมฺมวเสน สํสรณํ. เอวํ สนฺธาวนสํสรณานํ วิเสโส เวทิตพฺโพ.
ยถยิทนฺติ ¶ ยถา อิทํ. ย-กาโร ปทสนฺธิกโร, สนฺธิวเสน รสฺสตฺตํ. อวิชฺชานีวรณนฺติ เอตฺถ ปูเรตุํ อยุตฺตฏฺเน กายทุจฺจริตาทิ อวินฺทิยํ นาม, อลทฺธพฺพนฺติ อตฺโถ. ตํ อวินฺทิยํ วินฺทตีติ อวิชฺชา. วิปรีตโต กายสุจริตาทิ วินฺทิยํ นาม, ตํ วินฺทิยํ น วินฺทตีติ อวิชฺชา. ขนฺธานํ ราสฏฺํ, อายตนานํ อายตนฏฺํ, ธาตูนํ สฺุฏฺํ, อินฺทฺริยานํ อาธิปเตยฺยฏฺํ, สจฺจานํ ตถฏฺํ ทุกฺขาทีนํ ปีฬนาทิวเสน วุตฺตํ จตุพฺพิธํ อตฺถํ อวิทิตํ กโรตีติปิ อวิชฺชา. อนฺตวิรหิเต สํสาเร สตฺเต ชวาเปตีติ วา อวิชฺชา, ปรมตฺถโต วา อวิชฺชมาเนสุ อิตฺถิปุริสาทีสุ ชวติ ปวตฺตติ, วิชฺชมาเนสุ ขนฺธาทีสุ น ชวติ, น ปวตฺตตีติ อวิชฺชา. อปิจ จกฺขุวิฺาณาทีนํ วตฺถารมฺมณานํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปฏิจฺจสมุปฺปนฺนานฺจ ธมฺมานํ ฉาทนโตปิ อวิชฺชา. อวิชฺชาว นีวรณนฺติ อวิชฺชานีวรณํ.
อวิชฺชานีวรเณน หิ, ภิกฺขเว, นิวุตา ปชา ทีฆรตฺตํ สนฺธาวนฺติ สํสรนฺตีติ อิทํ ปุริมสฺเสว ทฬฺหีกรณตฺถํ วุตฺตํ. ปุริมํ วา – ‘‘ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อวิชฺชานีวรณ’’นฺติ เอวํ โอปมฺมทสฺสนวเสน วุตฺตํ, อิทํ นีวรณานุภาวทสฺสนวเสน. กสฺมา ปเนตฺถ อวิชฺชาว เอวํ วุตฺตา, น อฺเ ธมฺมาติ? อาทีนวปฏิจฺฉาทเนน กามจฺฉนฺทาทีนํ วิเสสปฺปจฺจยภาวโต. ตถา หิ ตาย ปฏิจฺฉาทิตาทีนเว วิสเย กามจฺฉนฺทาทโย ปวตฺตนฺติ.
นตฺถฺโติ ¶ อาทิกา คาถา วุตฺตสฺส อวุตฺตสฺส จ อตฺถสฺส สงฺคณฺหนวเสน ภาสิตา. ตตฺถ นิวุตาติ นิวาริตา ปลิคุณฺิตา, ปฏิจฺฉาทิตาติ อตฺโถ. อโหรตฺตนฺติ ทิวา เจว รตฺติฺจ, สพฺพกาลนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยถา ¶ โมเหน อาวุตาติ เยน ปกาเรน อวิชฺชานีวรณสงฺขาเตน โมเหน อาวุตา ปฏิจฺฉาทิตา สุวิฺเยฺยมฺปิ อชานนฺติโย ปชา สํสาเร สํสรนฺติ, ตถารูโป อฺโ เอกธมฺโมปิ เอกนีวรณมฺปิ นตฺถีติ โยเชตพฺพํ. เย จ โมหํ ปหนฺตฺวาน, ตโมขนฺธํ ปทาลยุนฺติ เย ปน อริยสาวกา ปุพฺพภาเค ตทงฺคาทิปฺปหานวเสน, เหฏฺิมมคฺเคหิ วา ตํตํมคฺควชฺฌํ โมหํ ปชหิตฺวา อคฺคมคฺเคน วชิรูปมาเณน โมหสงฺขาตเมว ตโมราสึ ปทาลยึสุ, อนวเสสโต สมุจฺฉินฺทึสุ. น เต ปุน สํสรนฺตีติ เต อรหนฺโต –
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. –
เอวํ วุตฺเต อิมสฺมึ สํสาเร น สํสรนฺติ น ปริพฺภมนฺติ. กึ การณา? เหตุ เตสํ น วิชฺชติ ¶ , ยสฺมา สํสารสฺส เหตุ มูลการณํ อวิชฺชา, สา เตสํ น วิชฺชติ, สพฺพโส นตฺถิ สมุจฺฉินฺนตฺตาติ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ตณฺหาสํโยชนสุตฺตวณฺณนา
๑๕. ปฺจเม ยสฺส วิชฺชติ, ตํ ปุคฺคลํ ทุกฺเขหิ, กมฺมํ วา วิปาเกหิ, ภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเส วา ภวนฺตราทีหิ สํโยเชตีติ สํโยชนํ. ตณฺหายนฏฺเน ตณฺหา, ตสติ สยํ ปริตสติ, ตสนฺติ วา เอตายาติ ตณฺหา. สฺุตฺตาติ จกฺขาทีสุ อภินิเวสวตฺถูสุ พทฺธา. เสสํ วุตฺตนยเมว. กามฺเจตฺถ อวิชฺชายปิ สํโยชนภาโว ตณฺหาย จ นีวรณภาโว อตฺถิเยว, ตถาปิ อวิชฺชาย ปฏิจฺฉาทิตาทีนเวหิ ภเวหิ ตณฺหา สตฺเต สํโยเชตีติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ปุริมสุตฺเต อวิชฺชา นีวรณภาเวน, อิธ จ ตณฺหา สํโยชนภาเวเนว วุตฺตา. กิฺจ นีวรณสํโยชนปฺปธานสฺส ¶ ทสฺสนตฺถํ. ยถา หิ นีวรณภาเวน อวิชฺชา สํกิเลสธมฺมานํ ปธานภูตา ปุพฺพงฺคมา จ, เอวํ สํโยชนภาเวน เนสํ ตณฺหาติ ตทธีนปฺปธานภาวํ ทสฺเสตุํ สุตฺตทฺวเย เอวเมเต ธมฺมา วุตฺตา. อปิจ วิเสเสน อวิชฺชา นิพฺพานสุขํ นิวาเรตีติ ¶ ‘‘นีวรณ’’นฺติ วุตฺตา, ตณฺหา สํสารทุกฺเขน สตฺเต สํโยเชตีติ ‘‘สํโยชน’’นฺติ.
ทสฺสนคมนนฺตรายกรณโต วา วิชฺชาจรณวิปกฺขโต ทฺวยํ ทฺวิธา วุตฺตํ. วิชฺชาย หิ อุชุวิปจฺจนีกภูตา อวิชฺชา นิพฺพานทสฺสนสฺส อวิปรีตทสฺสนสฺส จ วิเสสโต อนฺตรายกรา, จรณธมฺมานํ อุชุวิปจฺจนีกภูตา ตณฺหา คมนสฺส สมฺมาปฏิปตฺติยา อนฺตรายกราติ; เอวมยํ อวิชฺชาย นิวุโต อนฺธีกโต ตณฺหาย สํวุโต พทฺโธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อนฺโธ วิย พทฺโธ มหากนฺตารํ, สํสารกนฺตารํ นาติวตฺตติ. อนตฺถุปฺปตฺติเหตุทฺวยทสฺสนตฺถมฺปิ ทฺวยํ ทฺวิธา วุตฺตํ. อวิชฺชาคโต หิ ปุคฺคโล พาลภาเวน อตฺถํ ปริหาเปติ, อนตฺถฺจ อตฺตโน กโรติ, อกุสโล วิย อาตุโร อสปฺปายกิริยาย. ชานนฺโตปิ พาโล พาลภาเวน อตฺถํ ปริหาเปติ, อนตฺถฺจ กโรติ ชานนฺโต วิย โรคี อสปฺปายเสวี. มกฺกฏาเลโปปมสุตฺตํ เจตสฺส อตฺถสฺส สาธกํ.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส มูลการณทสฺสนตฺถมฺเปตฺถ ทฺวยํ ทฺวิธา วุตฺตํ. วิเสเสน หิ สมฺโมหสฺส พลวภาวโต ¶ อวิชฺชาเขตฺตํ อตีโต อทฺธา, ปตฺถนาย พลวภาวโต ตณฺหาเขตฺตํ อนาคโต อทฺธา. ตถา หิ พาลชโน สมฺโมหพหุโล อตีตมนุโสจติ, ตสฺส อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ สพฺพํ เนตพฺพํ. ปตฺถนาพหุโล อนาคตํ ปชปฺปติ, ตสฺส ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานนฺติอาทิ สพฺพํ เนตพฺพํ. เตเนว ตาสํ ปุพฺพนฺตาหรเณน อปรนฺตปฏิสนฺธาเนน จสฺส ยถากฺกมํ มูลการณตา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพนฺติ.
คาถาสุ ตณฺหาทุติโยติ ตณฺหาสหาโย. ตณฺหา หิ นิรุทกกนฺตาเร มรีจิกาย อุทกสฺา วิย ปิปาสาภิภูตํ อปฺปฏิการทุกฺขาภิภูตมฺปิ สตฺตํ อสฺสาทสนฺทสฺสนวเสน สหายกิจฺจํ กโรนฺตี ภวาทีสุ อนิพฺพินฺทํ กตฺวา ปริพฺภมาเปติ, ตสฺมา ตณฺหา ปุริสสฺส ¶ ‘‘ทุติยา’’ติ วุตฺตา. นนุ จ อฺเปิ กิเลสาทโย ภวาภินิพฺพตฺติยา ปจฺจยาว? สจฺจเมตํ, น ปน ตถา วิเสสปฺปจฺจโย ยถา ตณฺหา. ตถา หิ สา กุสเลหิ วินา ¶ อกุสเลหิ, กามาวจราทิกุสเลหิ จ วินา รูปาวจราทิกุสเลหิ ภวนิพฺพตฺติยา วิเสสปฺปจฺจโย, ยโต สมุทยสจฺจนฺติ วุจฺจตีติ. อิตฺถภาวฺถาภาวนฺติ อิตฺถภาโว จ อฺถาภาโว จ อิตฺถภาวฺถาภาโว. โส เอตสฺส อตฺถีติ อิตฺถภาวฺถาภาโว สํสาโร, ตํ ตตฺถ อิตฺถภาโว มนุสฺสตฺตํ, อฺถาภาโว ตโต อวสิฏฺสตฺตาวาสา. อิตฺถภาโว วา เตสํ เตสํ สตฺตานํ ปจฺจุปฺปนฺโน อตฺตภาโว, อฺถาภาโว อนาคตตฺตภาโว. เอวรูโป วา อฺโปิ อตฺตภาโว อิตฺถภาโว, น เอวรูโป อฺถาภาโว. ตํ อิตฺถภาวฺถาภาวํ สํสารํ ขนฺธธาตุอายตนปฏิปาฏึ นาติวตฺตติ, น อติกฺกมติ.
เอตมาทีนวํ ตฺวา, ตณฺหํ ทุกฺขสฺส สมฺภวนฺติ เอตํ สกลวฏฺฏทุกฺขสฺส สมฺภวํ สมุทยํ ตณฺหํ อาทีนวํ อาทีนวโต ตฺวาติ อตฺโถ. อถ วา เอตมาทีนวํ ตฺวาติ เอตํ ยถาวุตฺตํ สํสารนาติวตฺตนํ อาทีนวํ โทสํ ตฺวา. ตณฺหํ ทุกฺขสฺส สมฺภวนฺติ ตณฺหฺจ วุตฺตนเยน วฏฺฏทุกฺขสฺส ปธานการณนฺติ ตฺวา. วีตตณฺโห อนาทาโน, สโต ภิกฺขุ, ปริพฺพเชติ เอวํ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา ตณฺหํ วิคเมนฺโต อคฺคมคฺเคน สพฺพโส วีตตณฺโห วิคตตณฺโห, ตโต เอว จตูสุ อุปาทาเนสุ กสฺสจิปิ อภาเวน อายตึ ปฏิสนฺธิสงฺขาตสฺส วา อาทานสฺส อภาเวน อนาทาโน, สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา สพฺพตฺถ สโตการิตาย สโต ภินฺนกิเลโส ภิกฺขุ ปริพฺพเช จเรยฺย, ขนฺธปรินิพฺพาเนน วา สงฺขารปฺปวตฺติโต อปคจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ปมเสขสุตฺตวณฺณนา
๑๖. ฉฏฺเ ¶ เสขสฺสาติ เอตฺถ เกนฏฺเน เสโข? เสกฺขธมฺมปฏิลาภโต เสโข. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กิตฺตาวตา ¶ นุ โข, ภนฺเต, เสโข โหตีติ? อิธ, ภิกฺขุ, เสขาย สมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ…เป… เสเขน สมฺมาสมาธินา ¶ สมนฺนาคโต โหติ. เอตฺตาวตา โข, ภิกฺขุ, เสโข โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๓).
อปิจ สิกฺขตีติ เสโข. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘สิกฺขตีติ โข, ภิกฺขุ, ตสฺมา เสโขติ วุจฺจติ. กิฺจ สิกฺขติ? อธิสีลมฺปิ สิกฺขติ, อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขติ, อธิปฺมฺปิ สิกฺขติ. สิกฺขตีติ โข, ภิกฺขุ, ตสฺมา เสโขติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๖).
โยปิ กลฺยาณปุถุชฺชโน อนุโลมปฺปฏิปทาย ปริปูรการี สีลสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ – ‘‘อชฺช วา สฺเว วา อฺตรํ สามฺผลํ อธิคมิสฺสามี’’ติ, โสปิ วุจฺจติ สิกฺขตีติ เสโขติ. อิมสฺมึ อตฺเถ น ปฏิวิชฺฌนฺโตว เสโข อธิปฺเปโต, อถ โข กลฺยาณปุถุชฺชโนปิ. อปฺปตฺตํ มานสํ เอเตนาติ อปฺปตฺตมานโส. มานสนฺติ ‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๑; มหาว. ๓๓) เอตฺถ ราโค มานสนฺติ วุตฺโต. ‘‘จิตฺตํ มโน มานส’’นฺติ (ธ. ส. ๖๓, ๖๕) เอตฺถ จิตฺตํ. ‘‘อปฺปตฺตมานโส เสโข, กาลํ กยิรา ชเน สุตา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙) เอตฺถ อรหตฺตํ. อิธาปิ อรหตฺตเมว อธิปฺเปตํ. เตน อปฺปตฺตอรหตฺตสฺสาติ วุตฺตํ โหติ.
อนุตฺตรนฺติ เสฏฺํ, อสทิสนฺติ อตฺโถ. จตูหิ โยเคหิ เขมํ อนุปทฺทุตนฺติ โยคกฺเขมํ, อรหตฺตเมว อธิปฺเปตํ. ปตฺถยมานสฺสาติ ทฺเว ปตฺถนา ตณฺหาปตฺถนา, กุสลจฺฉนฺทปตฺถนา จ. ‘‘ปตฺถยมานสฺส หิ ชปฺปิตานิ, ปเวธิตํ วาปิ ปกปฺปิเตสู’’ติ (สุ. นิ. ๙๐๘; มหานิ. ๑๓๗) เอตฺถ ตณฺหาปตฺถนา.
‘‘ฉินฺนํ ¶ ¶ ปาปิมโต โสตํ, วิทฺธสฺตํ วินฬีกตํ;
ปาโมชฺชพหุลา โหถ, เขมํ ปตฺเถถ ภิกฺขโว’’ติ. (ม. นิ. ๑.๓๕๒);
เอตฺถ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทปตฺถนา, อยเมว อิธาธิปฺเปตา. เตน ปตฺถยมานสฺสาติ ตํ โยคกฺเขมํ คนฺตุกามสฺส ตนฺนินฺนสฺส ตปฺโปณสฺส ตปฺปพฺภารสฺสาติ อตฺโถ. วิหรโตติ เอกํ อิริยาปถทุกฺขํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรโต. อถ วา ‘‘สพฺเพ ¶ สงฺขารา อนิจฺจาติ อธิมุจฺจนฺโต สทฺธาย วิหรตี’’ติอาทินา นิทฺเทสนเยน เจตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อชฺฌตฺติกนฺติ นิยกชฺฌตฺตสงฺขาเต อชฺฌตฺเต ภวํ อชฺฌตฺติกํ. องฺคนฺติ การณํ. อิติ กริตฺวาติ เอวํ กตฺวา. น อฺํ เอกงฺคมฺปิ สมนุปสฺสามีติ เอตฺถ อยํ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตํ อตฺตโน สนฺตาเน สมุฏฺิตํ การณนฺติ กตฺวา อฺํ เอกการณมฺปิ น สมนุปสฺสามิ ยํ เอวํ พหูปการํ, ยถยิทํ โยนิโส มนสิกาโรติ อุปายมนสิกาโร, ปถมนสิกาโร, อนิจฺจาทีสุ อนิจฺจาทินเยเนว มนสิกาโร, อนิจฺจานุโลมิเกน วา จิตฺตสฺส อาวฏฺฏนา อนฺวาวฏฺฏนา อาโภโค สมนฺนาหาโร มนสิกาโร. อยํ โยนิโส มนสิกาโร.
อิทานิ โยนิโส มนสิการสฺส อานุภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘โยนิโส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มนสิ กโรนฺโต อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ โยนิโส มนสิ กโรนฺโตติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อยํ ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจํ, อยํ ทุกฺขนิโรโธ อริยสจฺจํ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจ’’นฺติ จตูสุ อริยสจฺเจสุ โยนิโส มนสิการํ ปวตฺเตนฺโต.
ตตฺรายํ อตฺถวิภาวนา – ยทิปิ อิทํ สุตฺตํ อวิเสเสน เสกฺขปุคฺคลวเสน อาคตํ, จตุมคฺคสาธารณวเสน ปน สงฺเขเปเนว กมฺมฏฺานํ กถยิสฺสาม. โย จตุสจฺจกมฺมฏฺานิโก โยคาวจโร ‘‘ตณฺหาวชฺชา ¶ เตภูมกา ขนฺธา ทุกฺขํ, ตณฺหา สมุทโย, อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรโธ, นิโรธสมฺปาปโก มคฺโค’’ติ เอวํ ปุพฺเพ เอว อาจริยสนฺติเก อุคฺคหิตจตุสจฺจกมฺมฏฺาโน. โส อปเรน สมเยน วิปสฺสนามคฺคํ สมารุฬฺโห สมาโน เตภูมเก ขนฺเธ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ โยนิโส มนสิ กโรติ, อุปาเยน ปเถน สมนฺนาหรติ เจว วิปสฺสติ จ. วิปสฺสนา หิ อิธ มนสิการสีเสน วุตฺตา. ยา ปนายํ ตสฺส ทุกฺขสฺส สมุฏฺาปิกา ปุริมภวิกา ตณฺหา, อยํ ทุกฺขสมุทโยติ โยนิโส มนสิ กโรติ. ยสฺมา ปน อิทํ ทุกฺขํ, อยฺจ สมุทโย อิทํ านํ ปตฺวา นิรุชฺฌนฺติ น ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา ยทิทํ นิพฺพานํ นาม ¶ , อยํ ทุกฺขนิโรโธติ โยนิโส มนสิ กโรติ. นิโรธสมฺปาปกํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ โยนิโส มนสิ กโรติ, อุปาเยน ปเถน สมนฺนาหรติ เจว วิปสฺสติ จ.
ตตฺรายํ ¶ อุปาโย – อภินิเวโส นาม ขนฺเธ โหติ, น วิวฏฺเฏ, ตสฺมา อยมตฺโถ – ‘‘อิมสฺมึ กาเย ปถวีธาตุ, อาโปธาตู’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๘) นเยน จตฺตาริ มหาภูตานิ ตทนุสาเรน อุปาทารูปานิ จ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘อยํ รูปกฺขนฺโธ’’ติ ววตฺถเปติ. ตํ ววตฺถาปยโต อุปฺปนฺเน ตทารมฺมเณ จิตฺตเจตสิกธมฺเม ‘‘อิเม จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธา’’ติ ววตฺถเปติ. ตโต ‘‘อิเม ปฺจกฺขนฺธา ทุกฺข’’นฺติ ววตฺถเปติ. เต ปน สงฺเขปโต นามฺจ รูปฺจาติ ทฺเว ภาคา โหนฺติ. อิทฺจ นามรูปํ สเหตุ สปฺปจฺจยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส อยํ อวิชฺชาภวตณฺหาทิโก เหตุ, อยํ อาหาราทิโก ปจฺจโยติ เหตุปฺปจฺจเย ววตฺถเปติ. โส เตสํ ปจฺจยานฺจ ปจฺจยุปฺปนฺนานฺจ ยาถาวสรสลกฺขณํ ววตฺถเปตฺวา ‘‘อิเม ธมฺมา อหุตฺวา ภวนฺติ, หุตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา อนิจฺจา’’ติ อนิจฺจลกฺขณํ อาโรเปติ, ‘‘อุทยพฺพยปฏิปีฬิตตฺตา ทุกฺขา’’ติ ทุกฺขลกฺขณํ อาโรเปติ, ‘‘อวสวตฺตนโต อนตฺตา’’ติ อนตฺตลกฺขณํ อาโรเปติ.
เอวํ ติลกฺขณานิ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนฺโต อุทยพฺพยาณุปฺปตฺติยา อุปฺปนฺเน โอภาสาทิเก วิปสฺสนุปกฺกิเลเส ‘อมคฺโค’ติ อุทยพฺพยาณเมว ‘‘อริยมคฺคสฺส อุปายภูโต ปุพฺพภาคมคฺโค’’ติ มคฺคามคฺคํ ววตฺถเปตฺวา ¶ ปุน อุทยพฺพยาณํ ปฏิปาฏิยา ภงฺคาณาทีนิ จ อุปฺปาเทนฺโต โสตาปตฺติมคฺคาทโย ปาปุณาติ. ตสฺมึ ขเณ จตฺตาริ สจฺจานิ เอกปฺปฏิเวเธเนว ปฏิวิชฺฌติ, เอกาภิสมเยน อภิสเมติ. ตตฺถ ทุกฺขํ ปริฺาปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌนฺโต, สมุทยํ ปหานปฺปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌนฺโต สพฺพํ อกุสลํ ปชหติ, นิโรธํ สจฺฉิกิริยาปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌนฺโต มคฺคํ ภาวนาปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌนฺโต สพฺพํ กุสลํ ภาเวติ. อริยมคฺโค หิ นิปฺปริยายโต กุจฺฉิตสลนาทิอตฺเถน กุสโล, ตสฺมิฺจ ภาวิเต สพฺเพปิ กุสลา อนวชฺชโพธิปกฺขิยธมฺมา ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺตีติ. เอวํ โยนิโส มนสิ กโรนฺโต อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ โยนิโส มนสิ กโรติ, อยํ ทุกฺขสมุทโยติ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๑). อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘โยนิโส มนสิการสมฺปนฺนสฺเสตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ – อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวสฺสติ, อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกริสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๕).
โยนิโส ¶ ¶ มนสิกาโรติ คาถาย อยํ สงฺเขปตฺโถ – สิกฺขติ, สิกฺขาปทานิ ตสฺส อตฺถิ, สิกฺขนสีโลติ วา เสโข. สํสาเร ภยํ อิกฺขตีติ ภิกฺขุ. ตสฺส เสขสฺส ภิกฺขุโน อุตฺตมตฺถสฺส อรหตฺตสฺส ปตฺติยา อธิคมาย ยถา โยนิโส มนสิกาโร, เอวํ พหุกาโร พหูปกาโร อฺโ โกจิ ธมฺโม นตฺถิ. กสฺมา? ยสฺมา โยนิโส อุปาเยน มนสิการํ ปุรกฺขตฺวา ปทหํ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวเสน ปทหนฺโต, ขยํ ทุกฺขสฺส ปาปุเณ สํกิเลสวฏฺฏทุกฺขสฺส ปริกฺขยํ ปริโยสานํ นิพฺพานํ ปาปุเณ อธิคจฺเฉยฺย, ตสฺมา โยนิโส มนสิกาโร พหุกาโรติ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ทุติยเสขสุตฺตวณฺณนา
๑๗. สตฺตเม พาหิรนฺติ อชฺฌตฺตสนฺตานโต พหิ ภวํ. กลฺยาณมิตฺตตาติ ยสฺส สีลาทิคุณสมฺปนฺโน อฆสฺส ฆาตา ¶ , หิตสฺส วิธาตา สพฺพากาเรน อุปการโก มิตฺโต โหติ, โส ปุคฺคโล กลฺยาณมิตฺโต, ตสฺส ภาโว กลฺยาณมิตฺตตา. ตตฺรายํ กลฺยาณมิตฺโต ปกติยา สทฺธาสมฺปนฺโน โหติ สีลสมฺปนฺโน สุตสมฺปนฺโน จาคสมฺปนฺโน วีริยสมฺปนฺโน สติสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ, เตน สมฺมาสมฺโพธิเหตุภูตํ สตฺเตสุ หิตสุเขสิตํ น ปริจฺจชติ, สีลสมฺปตฺติยา สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ ครุ จ ภาวนีโย โจทโก ปาปครหี วตฺตา วจนกฺขโม, สุตสมฺปตฺติยา ขนฺธายตนสจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิกานํ คมฺภีรานํ กถานํ กตฺตา โหติ, จาคสมฺปตฺติยา อปฺปิจฺโฉ โหติ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ, วีริยสมฺปตฺติยา อตฺตโน ปเรสฺจ หิตปฺปฏิปตฺติยํ อารทฺธวีริโย โหติ, สติสมฺปตฺติยา อุปฏฺิตสฺสติ โหติ ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคโต จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตา, สมาธิสมฺปตฺติยา อวิกฺขิตฺโต โหติ สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต, ปฺาสมฺปตฺติยา อวิปรีตํ ปชานาติ. โส ¶ สติยา กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเวสนฺโต ปฺาย สตฺตานํ หิตสุขํ ยถาภูตํ ชานิตฺวา สมาธินา ตตฺถ อพฺยคฺคจิตฺโต หุตฺวา วีริเยน สตฺเต อหิตโต นิเสเธตฺวา เอกนฺตหิเต นิโยเชติ. เตเนวาห –
‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;
คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา, โน จาฏฺาเน นิโยชโก’’ติ. (เนตฺติ. ๑๑๓);
กลฺยาณมิตฺโต ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวตีติ กลฺยาณมิตฺโต ปุคฺคโล กลฺยาณมิตฺตํ นิสฺสาย กมฺมสฺสกตาาณํ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนํ สทฺธํ ผาตึ กโรติ, สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณาติ. ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภติ, เตน สทฺธาปฏิลาเภน ฆราวาสํ ปหาย ปพฺพชฺชํ อนุติฏฺติ, จตุปาริสุทฺธิสีลํ สมฺปาเทติ, ยถาพลํ ธุตธมฺเม สมาทาย วตฺตติ, ทสกถาวตฺถุลาภี โหติ, อารทฺธวีริโย วิหรติ อุปฏฺิตสฺสติ สมฺปชาโน ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคมนุยุตฺโต, นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺคาธิคเมน ¶ สพฺพํ อกุสลํ สมุจฺฉินฺทติ, สพฺพฺจ กุสลํ ภาวนาปาริปูรึ คเมนฺโต วฑฺเฒติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส ‘ยํ สีลวา ภวิสฺสติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหริสฺสติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ, ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขิสฺสติ, สิกฺขาปเทสุ’.
‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ…เป… กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส ‘ยํ ยายํ กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา เอกนฺตนิพฺพิทาย…เป… นิพฺพานาย สํวตฺตติ. เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา, สนฺตุฏฺิกถา, ปวิเวกกถา, อสํสคฺคกถา, วีริยารมฺภกถา, สีลกถา, สมาธิกถา…เป… วิมุตฺติาณทสฺสนกถา. เอวรูปาย กถาย นิกามลาภี ภวิสฺสติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’.
‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ ¶ …เป… กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส ‘ยํ อารทฺธวีริโย วิหริสฺสติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ’.
‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ…เป… กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส ‘ยํ ปฺวา ภวิสฺสติ, อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา’’’ติ (อุทา. ๓๑).
เอวํ สกลวฏฺฏทุกฺขปริมุจฺจนนิมิตฺตํ กลฺยาณมิตฺตตาติ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห –
‘‘มมฺหิ ¶ , อานนฺท, กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม ชาติธมฺมา สตฺตา ชาติยา ปริมุจฺจนฺติ, ชราธมฺมา สตฺตา ชราย ปริมุจฺจนฺตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙).
เตน วุตฺตํ – ‘‘กลฺยาณมิตฺโต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวตี’’ติ.
คาถาย สปฺปติสฺโสติ ปติสฺสวสงฺขาเตน สห ปติสฺเสนาติ สปฺปติสฺโส, กลฺยาณมิตฺตสฺส โอวาทํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉโก สุพฺพโจติ อตฺโถ. อถ วา หิตสุเข ปติฏฺาปเนน ปติ อิเสตีติ ปติสฺโส, โอวาททายโก. ครุอาทรโยเคน เตน ปติสฺเสน สห วตฺตตีติ สปฺปติสฺโส, ครูสุ ครุจิตฺตีการพหุโล. สคารโวติ ฉพฺพิเธนปิ คารเวน ยุตฺโต. กรํ มิตฺตานํ วจนนฺติ กลฺยาณมิตฺตานํ โอวาทํ กโรนฺโต ยโถวาทํ ปฏิปชฺชนฺโต. สมฺปชาโนติ สตฺตฏฺานิเยน สมฺปชฺเน สมนฺนาคโต. ปติสฺสโตติ กมฺมฏฺานํ ผาตึ ¶ , คเมตุํ สมตฺถาย สติยา ปติสฺสโต สโตการี. อนุปุพฺเพนาติ สีลาทิวิสุทฺธิปฏิปาฏิยา, ตตฺถ จ วิปสฺสนาปฏิปาฏิยา เจว มคฺคปฏิปาฏิยา จ. สพฺพสํโยชนกฺขยนฺติ กามราคสํโยชนาทีนํ สพฺเพสํ สํโยชนานํ เขปนโต สพฺพสํโยชนกฺขยสงฺขาตสฺส อริยมคฺคสฺส ปริโยสานภูตํ อรหตฺตํ, ตสฺส อารมฺมณภูตํ นิพฺพานเมว วา. ปาปุเณ อธิคจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ. อิติ อิเมสุ ทฺวีสุ สุตฺเตสุ อริยมคฺคาธิคมสฺส สตฺถารา ปธานงฺคํ นาม คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สงฺฆเภทสุตฺตวณฺณนา
๑๘. อฏฺเม ¶ เอกธมฺโมติ กตโรยํ สุตฺตนิกฺเขโป? อฏฺุปฺปตฺติโก. ตตฺรายํ สงฺเขปกถา – เทวทตฺโต หิ อชาตสตฺตุํ ทุคฺคหณํ คาหาเปตฺวา ตสฺส ปิตรํ ราชานํ พิมฺพิสารํ เตน มาราเปตฺวาปิ อภิมาเร ปโยเชตฺวาปิ สิลาปวิชฺฌเนน โลหิตุปฺปาทกมฺมํ กตฺวาปิ น ตาวตา ปากโฏ ชาโต, นาฬาคิรึ วิสฺสชฺเชตฺวา ปน ปากโฏ ชาโต. อถ มหาชโน ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม ปาปํ คเหตฺวา ราชา วิจรตี’’ติ โกลาหลํ อกาสิ, มหาโฆโส อโหสิ. ตํ สุตฺวา ราชา อตฺตนา ทียมานานิ ปฺจ ถาลิปากสตานิ ปจฺฉินฺทาเปสิ, อุปฏฺานมฺปิสฺส นาคมาสิ. นาคราปิ กุลํ อุปคตสฺส กฏจฺฉุภตฺตมฺปิสฺส นาทํสุ. โส ปริหีนลาภสกฺกาโร โกหฺเน ชีวิตุกาโม สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจ วตฺถูนิ ยาจิตฺวา ‘‘อลํ, เทวทตฺต, โย อิจฺฉติ, โส ¶ อารฺิโก โหตู’’ติอาทินา (ปารา. ๔๐๙; จูฬว. ๓๔๓) ภควตา ปฏิกฺขิตฺโต เตหิ ปฺจหิ วตฺถูหิ พาลํ ลูขปฺปสนฺนํ ชนํ สฺาเปนฺโต ปฺจสเต วชฺชิปุตฺตเก สลากํ คาหาเปตฺวา สงฺฆํ ภินฺทิตฺวาว เต อาทาย คยาสีสํ อคมาสิ. อถ ทฺเว อคฺคสาวกา สตฺถุ อาณาย ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา เต อริยผเล ปติฏฺาเปตฺวา อานยึสุ. เย ปนสฺส สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนฺตสฺส ลทฺธึ โรเจตฺวา ตเถว ปคฺคยฺห ิตา สงฺเฆ ภิชฺชนฺเต ภินฺเน จ สมนฺุา อเหสุํ, เตสํ ตํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย อโหสิ ¶ .
เทวทตฺโตปิ น จิรสฺเสว โรคาภิภูโต พาฬฺหคิลาโน มรณกาเล ‘‘สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ มฺจกสิวิกาย นียมาโน เชตวนโปกฺขรณิตีเร ปิโต ปถวิยา วิวเร ทินฺเน ปติตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ, โยชนสติโก จสฺส อตฺตภาโว อโหสิ กปฺปฏฺิโย ตาลกฺขนฺธปริมาเณหิ อยสูเลหิ วินิวิทฺโธ. เทวทตฺตปกฺขิกานิ จ ปฺจมตฺตานิ กุลสตานิ ตสฺส ลทฺธิยํ ิตานิ สห พนฺธเวหิ นิรเย นิพฺพตฺตานิ. เอกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺเตน สงฺฆํ ภินฺทนฺเตน ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติ. อถ สตฺถา ธมฺมสภํ อุปคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต สงฺฆเภเท อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต ¶ อิมํ สุตฺตํ อภาสิ. เกจิ ปน ภณนฺติ ‘‘เทวทตฺตสฺส ตปฺปกฺขิกานฺจ ตถา นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ ทิสฺวา สงฺฆเภเท อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต ภควา อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว อิมํ สุตฺตํ เทเสสี’’ติ.
ตตฺถ เอกธมฺโมติ เอโก อกุสโล มหาสาวชฺชธมฺโม. โลเกติ สตฺตโลเก. อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ เภทสํวตฺตนิเกสุ ภณฺฑนาทีสุ สงฺเฆ อุปฺปนฺเนสุปิ ‘‘ธมฺโม อธมฺโม’’ติอาทีสุ อฏฺารสเภทกรวตฺถูสุ ยสฺส กสฺสจิ ทีปนวเสน โวหรนฺเตสุปิ ตตฺถ รุจิชนนตฺถํ อนุสฺสาเวนฺเตสุปิ อนุสฺสาเวตฺวา สลากาย คาหิตายปิ สงฺฆเภโท อุปฺปชฺชมาโน นาม โหติ, สลากาย ปน คาหิตาย จตฺตาโร วา อติเรกา วา ยทา อาเวณิกํ อุทฺเทสํ วา สงฺฆกมฺมํ วา กโรนฺติ, ตทา สงฺฆเภโท อุปฺปชฺชติ นาม. กเต ปน ตสฺมึ สงฺฆเภโท อุปฺปนฺโน นาม? กมฺมํ, อุทฺเทโส, โวหาโร, อนุสฺสาวนา, สลากคฺคาโหติ อิเมสุ หิ ปฺจสุ สงฺฆสฺส เภทการเณสุ กมฺมํ วา อุทฺเทโส วา ปมาณํ, โวหารานุสฺสาวนสลากคฺคาหา ปน ปุพฺพภาคาติ.
พหุชนาหิตายาติอาทีสุ ๐.มหาชนสฺส ฌานมคฺคาทิสมฺปตฺตินิวารเณน อหิตาย, สคฺคสมฺปตฺตินิวารเณน อสุขาย, อปายูปปตฺติเหตุภาเวน อนตฺถาย. อกุสลธมฺมวเสน วา อหิตาย, หิตมตฺตสฺสปิ อภาวา สุคติยมฺปิ นิพฺพตฺตนกกายิกเจตสิกทุกฺขาย อุปฺปชฺชตีติ ¶ สมฺพนฺโธ ¶ . เทวมนุสฺสานนฺติ อิทํ ‘‘พหุโน ชนสฺสา’’ติ วุตฺเตสุ อุกฺกฏฺปุคฺคลนิทฺเทโส. อปโร นโย – พหุชนาหิตายาติ พหุชนสฺส มหโต สตฺตกายสฺส อหิตตฺถาย, ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกอนตฺถายาติ อตฺโถ. อสุขายาติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกอสุขตฺถาย, ทุวิธทุกฺขตฺถายาติ อตฺโถ. อนตฺถายาติ ปรมตฺถปฏิกฺเขปาย. นิพฺพานฺหิ ปรมตฺโถ, ตโต อุตฺตรึ อตฺโถ นตฺถิ. อหิตายาติ มคฺคปฏิกฺเขปาย. นิพฺพานสมฺปาปกมคฺคโต หิ อุตฺตรึ หิตํ นาม นตฺถิ. ทุกฺขายาติ อริยสุขวิราธเนน วฏฺฏทุกฺขตาย. เย หิ อริยสุขโต วิรทฺธา ตํ อธิคนฺตุํ อภพฺพา, เต วฏฺฏทุกฺเข ปริพฺภมนฺติ, อริยสุขโต จ อุตฺตรึ สุขํ นาม นตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจว อายติฺจ สุขวิปาโก’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๕; อ. นิ. ๕.๒๗).
อิทานิ ¶ ‘‘สงฺฆเภโท’’ติ สรูปโต ทสฺเสตฺวา ตสฺส อหิตาทีนํ เอกนฺตเหตุภาวํ ปกาเสตุํ ‘‘สงฺเฆ โข ปน, ภิกฺขเว, ภินฺเน’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภินฺเนติ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมํ ยถา ‘‘อธนานํ ธเน อนนุปฺปทียมาเน’’ติ (ที. นิ. ๓.๙๑), เภทเหตูติ อตฺโถ. อฺมฺํ ภณฺฑนานีติ จตุนฺนํ ปริสานํ ตปฺปกฺขิกานฺจ ‘‘เอโส ธมฺโม, เนโส ธมฺโม’’ติ อฺมฺํ วิวทนานิ. ภณฺฑนฺหิ กลหสฺส ปุพฺพภาโค. ปริภาสาติ ‘‘อิทฺจิทฺจ โว อนตฺถํ กริสฺสามา’’ติ ภยุปฺปาทนวเสน ตชฺชนา. ปริกฺเขปาติ ชาติอาทิวเสน ปริโต เขปา, ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ ขุํสนวมฺภนา. ปริจฺจชนาติ อุกฺเขปนิยกมฺมกรณาทิวเสน นิสฺสารณา. ตตฺถาติ ตสฺมึ สงฺฆเภเท, ตนฺนิมิตฺเต วา ภณฺฑนาทิเก. อปฺปสนฺนาติ รตนตฺตยคุณานํ อนภิฺา. น ปสีทนฺตีติ ‘‘ธมฺมจาริโน สมจาริโน’’ติอาทินา ยฺวายํ ภิกฺขูสุ ปสาทนากาโร, ตถา น ปสีทนฺติ, เตสํ วา โสตพฺพํ สทฺธาตพฺพํ น มฺนฺติ. ตถา จ ธมฺเม สตฺถริ จ อปฺปสนฺนาว โหนฺติ. เอกจฺจานํ อฺถตฺตนฺติ ปุถุชฺชนานํ อวิรุฬฺหสทฺธานํ ปสาทฺถตฺตํ.
คาถายํ ¶ อาปายิโกติอาทีสุ อปาเย นิพฺพตฺตนารหตาย อาปายิโก. ตตฺถปิ อวีจิสงฺขาเต มหานิรเย อุปฺปชฺชตีติ เนรยิโก. เอกํ อนฺตรกปฺปํ ปริปุณฺณเมว กตฺวา ตตฺถ ติฏฺตีติ กปฺปฏฺโ. สงฺฆเภทสงฺขาเต วคฺเค รโตติ วคฺครโต. อธมฺมิยตาย อธมฺโม. เภทกรวตฺถูหิ สงฺฆเภทสงฺขาเต เอว จ อธมฺเม ิโตติ อธมฺมฏฺโ. โยคกฺเขมา ปธํสตีติ โยคกฺเขมโต หิตโต ปธํสติ ปริหายติ, จตูหิ วา โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา โยคกฺเขมํ นาม อรหตฺตํ นิพฺพานฺจ, ตโต ปนสฺส ธํสเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ทิฏฺิสีลสามฺโต สํหตฏฺเน สงฺฆํ, ตโต เอว เอกกมฺมาทิวิธานโยเคน สมคฺคํ สหิตํ. เภตฺวานาติ ปุพฺเพ วุตฺตลกฺขเณน สงฺฆเภเทน ¶ ภินฺทิตฺวา. กปฺปนฺติ อายุกปฺปํ. โส ปเนตฺถ อนฺตรกปฺโปว. นิรยมฺหีติ อวีจิมหานิรยมฺหิ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. สงฺฆสามคฺคีสุตฺตวณฺณนา
๑๙. นวเม ¶ เอกธมฺโมติ เอโก กุสลธมฺโม อนวชฺชธมฺโม. ‘‘อยํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม’’ติอาทินา สเจ สงฺเฆ วิวาโท อุปฺปชฺเชยฺย, ตตฺถ ธมฺมกาเมน วิฺุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ ‘‘านํ โข, ปเนตํ วิชฺชติ, ยทิทํ วิวาโท วฑฺฒมาโน สงฺฆราชิยา วา สงฺฆเภทาย วา สํวตฺเตยฺยา’’ติ. สเจ ตํ อธิกรณํ อตฺตนา ปคฺคเหตฺวา ิโต, อคฺคึ อกฺกนฺเตน วิย สหสา ตโต โอรมิตพฺพํ. อถ ปเรหิ ตํ ปคฺคหิตํ สยฺเจตํ สกฺโกติ วูปสเมตุํ, อุสฺสาหชาโต หุตฺวา ทูรมฺปิ คนฺตฺวา ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพํ, ยถา ตํ วูปสมฺมติ. สเจ ปน สยํ น สกฺโกติ, โส จ วิวาโท อุปรูปริ วฑฺฒเตว, น วูปสมฺมติ. เย ตตฺถ ปติรูปา สิกฺขากามา สพฺรหฺมจาริโน, เต อุสฺสาเหตฺวา เยน ธมฺเมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน ตํ อธิกรณํ ยถา วูปสมฺมติ, ตถา วูปสเมตพฺพํ. เอวํ วูปสเมนฺตสฺส โย สงฺฆสามคฺคิกโร กุสโล ธมฺโม, อยเมตฺถ เอกธมฺโมติ อธิปฺเปโต. โส หิ อุภโตปกฺขิยานํ ทฺเวฬฺหกชาตานํ ภิกฺขูนํ, เตสํ อนุวตฺตนวเสน ิตานํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ ¶ เตสํ อารกฺขเทวตานํ ยาวเทว พฺรหฺมานมฺปิ อุปฺปชฺชนารหํ อหิตํ ทุกฺขาวหํ สํกิเลสธมฺมํ อปเนตฺวา มหโต ปฺุราสิสฺส กุสลาภิสนฺทสฺส เหตุภาวโต สเทวกสฺส โลกสฺส หิตสุขาวโห โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกธมฺโม, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ พหุชนหิตายา’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ อนนฺตรสุตฺเต วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺโพ. สงฺฆสามคฺคีติ สงฺฆสฺส สมคฺคภาโว เภทาภาโว เอกกมฺมตา เอกุทฺเทสตา จ.
คาถายํ สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคีติ สุขสฺส ปจฺจยภาวโต สามคฺคี สุขาติ วุตฺตา. ยถา ‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท’’ติ (ธ. ป. ๑๙๔). สมคฺคานฺจนุคฺคโหติ สมคฺคานํ สามคฺคิอนุโมทเนน อนุคฺคณฺหนํ สามคฺคิอนุรูปํ, ยถา เต สามคฺคึ น วิชหนฺติ, ตถา คหณํ ปนํ อนุพลปฺปทานนฺติ อตฺโถ. สงฺฆํ สมคฺคํ กตฺวานาติ ภินฺนํ สงฺฆํ ราชิปตฺตํ วา สมคฺคํ สหิตํ กตฺวา. กปฺปนฺติ อายุกปฺปเมว. สคฺคมฺหิ โมทตีติ กามาวจรเทวโลเก อฺเ ¶ เทเว ¶ ทสหิ าเนหิ อภิภวิตฺวา ทิพฺพสุขํ อนุภวนฺโต อิจฺฉิตนิปฺผตฺติยาว โมทติ ปโมทติ ลลติ กีฬตีติ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปทุฏฺจิตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๐. ทสมสฺส กา อุปฺปตฺติ? อฏฺุปฺปตฺติเยว. เอกทิวสํ กิร ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อิเธกจฺโจ พหุํ ปฺุกมฺมํ กโรติ, เอกจฺโจ พหุํ ปาปกมฺมํ, เอกจฺโจ อุภยโวมิสฺสกํ กโรติ. ตตฺถ โวมิสฺสการิโน กีทิโส อภิสมฺปราโย’’ติ? อถ สตฺถา ธมฺมสภํ อุปคนฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, มรณาสนฺนกาเล สํกิลิฏฺจิตฺตสฺส ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา’’ติ ทสฺเสนฺโต อิมาย อฏฺุปฺปตฺติยา อิทํ สุตฺตํ เทเสสิ.
ตตฺถ อิธาติ เทสาปเทเส นิปาโต. สฺวายํ กตฺถจิ ปเทสํ อุปาทาย วุจฺจติ ‘‘อิเธว ติฏฺมานสฺส, เทวภูตสฺส เม สโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๖๙). กตฺถจิ สาสนํ อุปาทาย ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ อิธ ¶ ทุติโย สมโณ’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๒๔๑). กตฺถจิ ปทปูรณมตฺเต ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี อสฺสํ ปวาริโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐). กตฺถจิ โลกํ อุปาทาย วุจฺจติ ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๑). อิธาปิ โลเก เอว ทฏฺพฺโพ. เอกจฺจนฺติ เอกํ, อฺตรนฺติ อตฺโถ. ปุคฺคลนฺติ สตฺตํ. โส หิ ยถาปจฺจยํ กุสลากุสลานํ ตพฺพิปากานฺจ ปูรณโต มรณวเสน คลนโต จ ปุคฺคโลติ วุจฺจติ. ปทุฏฺจิตฺตนฺติ ปโทเสน อาฆาเตน ทุฏฺจิตฺตํ. อถ วา ปทุฏฺจิตฺตนฺติ โทเสน ราคาทินา ปทูสิตจิตฺตํ. เอตฺถ จ เอกจฺจนฺติ อิทํ ปทุฏฺจิตฺตสฺส ปุคฺคลสฺส วิเสสนํ. ยสฺส หิ ปฏิสนฺธิทายกกมฺมํ โอกาสมกาสิ, โส ตถา วุตฺโต. ยสฺส จ อกุสลปฺปวตฺติโต จิตฺตํ นิวตฺเตตฺวา กุสลวเสน โอตาเรตุํ น สกฺกา, เอวํ อาสนฺนมรโณ. เอวนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพาการํ ทสฺเสติ. เจตสาติ อตฺตโน จิตฺเตน เจโตปริยาเณน. เจโตติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส จิตฺตํ. ปริจฺจาติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปชานามิ ¶ . นนุ จ ยถากมฺมุปคาณสฺสายํ วิสโยติ? สจฺจเมตํ, ตทา ปวตฺตมานอกุสลจิตฺตวเสน ปเนตํ วุตฺตํ.
อิมมฺหิ ¶ จายํ สมเยติ อิมสฺมึ กาเล, อิมายํ วา ปจฺจยสามคฺคิยํ, อยํ ปุคฺคโล ชวนวีถิยา อปรภาเค กาลํ กเรยฺย เจติ อตฺโถ. น หิ ชวนกฺขเณ กาลํกิริยา อตฺถิ. ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเยติ ยถา อาภตํ กิฺจิ อาหริตฺวา ปิตํ, เอวํ อตฺตโน กมฺมุนา นิกฺขิตฺโต นิรเย ปิโต เอวาติ อตฺโถ. กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคา. ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคฺคหเณ. อถ วา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทา. ปรํ มรณาติ จุติโต อุทฺธํ.
อปายนฺติอาทิ สพฺพํ นิรยสฺเสว เววจนํ. นิรโย หิ อยสงฺขาตา สุขา อเปโตติ อปาโย; สคฺคโมกฺขเหตุภูตา วา ปฺุสมฺมตา อยา อเปโตติปิ อปาโย. ทุกฺขสฺส คติ ปฏิสรณนฺติ ทุคฺคติ; โทสพหุลตฺตา วา ทุฏฺเน กมฺมุนา นิพฺพตฺตา คตีติปิ ทุคฺคติ. วิวสา นิปตนฺติ เอตฺถ ทุกฺกฏกมฺมการิโน, วินสฺสนฺตา วา เอตฺถ นิปตนฺติ สมฺภิชฺชมานงฺคปจฺจงฺคาติ วินิปาโต. นตฺถิ เอตฺถ อสฺสาทสฺิโต อโยติ นิรสฺสาทฏฺเน นิรโย. อถ วา อปายคฺคหเณน ¶ ติรจฺฉานโยนิ วุจฺจติ. ติรจฺฉานโยนิ หิ อปาโย สุคติโต อเปตตฺตา, น ทุคฺคติ มเหสกฺขานํ นาคราชาทีนํ สมฺภวโต. ทุคฺคติคฺคหเณน เปตฺติวิสโย. โส หิ อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สุคติโต อเปตตฺตา ทุกฺขสฺส จ คติภูตตฺตา, น วินิปาโต อสุรสทิสํ อวินิปาตตฺตา. วินิปาตคฺคหเณน อสุรกาโย. โส หิ ยถาวุตฺเตน อตฺเถน อปาโย เจว ทุคฺคติ จ, สพฺพสมฺปตฺติสมุสฺสเยหิ วินิปติตตฺตา วินิปาโตติ จ วุจฺจติ. นิรยคฺคหเณน อวีจิอาทิอเนกปฺปกาโร นิรโยว วุจฺจติ. อิธ ปน สพฺพปเทหิปิ นิรโยว วุตฺโต. อุปปชฺชนฺตีติ ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺติ.
คาถาสุ ปมคาถา สงฺคีติกาเล ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ปิตา. ตฺวานาติ ปุพฺพกาลกิริยา. าณปุพฺพกฺหิ พฺยากรณํ. เหตุอตฺโถ วา ตฺวา-สทฺโท ยถา ‘‘สีหํ ทิสฺวา ภยํ โหตี’’ติ, ชานนเหตูติ อตฺโถ ¶ . พุทฺโธ, ภิกฺขูนํ สนฺติเกติ พุทฺโธ ภควา อตฺตโน สนฺติเก ภิกฺขูนํ เอตํ ปรโต ทฺวีหิ คาถาหิ วุจฺจมานํ อตฺถํ พฺยากาสิ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยวคฺโค
๑. ปสนฺนจิตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๑. ตติยวคฺคสฺส ¶ ปเม ปสนฺนจิตฺตนฺติ รตนตฺตยสทฺธาย กมฺมผลสทฺธาย จ ปสนฺนมานสํ. สุคตินฺติ สุนฺทรํ คตึ, สุขสฺส วา คตินฺติ สุคตึ. สคฺคนฺติ รูปาทิสมฺปตฺตีหิ สุฏฺุ อคฺคนฺติ สคฺคํ. โลกนฺติ โลกิยนฺติ เอตฺถ ปฺุปาปผลานิ, ลุชฺชนฏฺเเนว วา โลกํ. เอตฺถ จ สุคติคฺคหเณน มนุสฺสคติปิ สงฺคยฺหติ, สคฺคคฺคหเณน เทวคติ เอว. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. เมตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๒. ทุติเย มา, ภิกฺขเว, ปฺุานนฺติ เอตฺถ มาติ ปฏิเสเธ นิปาโต. ปฺุสทฺโท ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปฺุํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ ¶ (ที. นิ. ๓.๓๘๐) ปฺุผเล อาคโต. ‘‘อวิชฺชาคโตยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล ปฺฺุเจ สงฺขารํ อภิสงฺขโรตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๑) กามรูปาวจรสุจริเต. ‘‘ปฺุูปคํ ภวติ วิฺาณ’’นฺติอาทีสุ สุคติวิเสสภูเต อุปปตฺติภเว. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปฺุกิริยวตฺถูนิ – ทานมยํ ปฺุกิริยวตฺถุ, สีลมยํ ปฺุกิริยวตฺถุ, ภาวนามยํ ปฺุกิริยวตฺถู’’ติอาทีสุ (อิติวุ. ๖๐; อ. นิ. ๘.๓๖) กุสลเจตนายํ. อิธ ปน เตภูมกกุสลธมฺเม เวทิตพฺโพ. ภายิตฺถาติ เอตฺถ ทุวิธํ ภยํ าณภยํ, สารชฺชภยนฺติ. ตตฺถ ‘‘เยปิ เต, ภิกฺขเว, เทวา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา อุจฺเจสุ วิมาเนสุ จิรฏฺิติกา ¶ , เตปิ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เยภุยฺเยน ภยํ สํเวคํ สนฺตาสํ อาปชฺชนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๓) อาคตํ าณภยํ. ‘‘อหุเทว ภยํ, อหุ ฉมฺภิตตฺตํ, อหุ โลมหํโส’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๑๘) อาคตํ สารชฺชภยํ. อิธาปิ สารชฺชภยเมว. อยฺเหตฺถ ¶ อตฺโถ – ภิกฺขเว, ทีฆรตฺตํ กายวจีสํยโม วตฺตปฏิวตฺตปูรณํ เอกาสนํ, เอกเสยฺยํ, อินฺทฺริยทโม, ธุตธมฺเมหิ จิตฺตสฺส นิคฺคโห, สติสมฺปชฺํ, กมฺมฏฺานานุโยควเสน วีริยารมฺโภติ เอวมาทีนิ ยานิ ภิกฺขุนา, นิรนฺตรํ ปวตฺเตตพฺพานิ ปฺุานิ, เตหิ มา ภายิตฺถ, มา ภยํ สนฺตาสํ อาปชฺชิตฺถ, เอกจฺจสฺส ทิฏฺธมฺมสุขสฺส อุปโรธภเยน สมฺปรายิกนิพฺพานสุขทายเกหิ ปฺุเหิ มา ภายิตฺถาติ. นิสฺสกฺเก หิ อิทํ สามิวจนํ.
อิทานิ ตโต อภายิตพฺพภาเว การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุขสฺเสต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สุขสทฺโท ‘‘สุโข พุทฺธานํ อุปฺปาโท, สุขา วิราคตา โลเก’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๙๔) สุขมูเล อาคโต. ‘‘ยสฺมา จ โข, มหาลิ, รูปํ สุขํ สุขานุปติตํ สุขาวกฺกนฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๐) สุขารมฺมเณ. ‘‘ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรํ อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว สุขา สคฺคา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๕) สุขปจฺจยฏฺาเน. ‘‘สุโข ปฺุสฺส อุจฺจโย’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๑๘) สุขเหตุมฺหิ. ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารา เอเต ธมฺมา’’ติอาทีสุ ¶ (ม. นิ. ๑.๘๒) อพฺยาปชฺเช. ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๐๔; ม. นิ. ๒.๒๑๕) นิพฺพาเน. ‘‘สุขสฺส จ ปหานา’’ติอาทีสุ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๕) สุขเวทนายํ. ‘‘อทุกฺขมสุขํ สนฺตํ, สุขมิจฺเจว ภาสิต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๕๓; อิติวุ. ๕๓) อุเปกฺขาเวทนายํ. ‘‘ทฺเวปิ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา ปริยาเยน สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๘๙) อิฏฺสุเข. ‘‘สุโข วิปาโก ปฺุาน’’นฺติอาทีสุ (เปฏโก. ๒๓) สุขวิปาเก. อิธาปิ อิฏฺวิปาเก เอว ทฏฺพฺโพ. อิฏฺสฺสาติอาทีสุ เอสิตพฺพโต อนิฏฺปฏิกฺเขปโต จ อิฏฺสฺส, กมนียโต มนสฺมิฺจ กมนโต ปวิสนโต กนฺตสฺส, ปิยายิตพฺพโต สนฺตปฺปนโต จ ปิยสฺส, มานนียโต มนสฺส ปวฑฺฒนโต จ มนาปสฺสาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยทิทํ ปฺุานีติ ‘‘ปฺุานี’’ติ ยทิทํ วจนํ, เอตํ สุขสฺส อิฏฺสฺส วิปากสฺส อธิวจนํ นามํ, สุขเมว ตํ ¶ ยทิทํ ปฺุนฺติ ผเลน การณสฺส อเภทูปจารํ วทติ. เตน กตูปจิตานํ ปฺุานํ อวสฺสํภาวิผลํ สุตฺวา อปฺปมตฺเตน สกฺกจฺจํ ปฺุานิ กาตพฺพานีติ ปฺุกิริยายํ นิโยเชติ, อาทรฺจ เนสํ ตตฺถ อุปฺปาเทติ.
อิทานิ อตฺตนา สุเนตฺตกาเล กเตน ปฺุกมฺเมน ทีฆรตฺตํ ปจฺจนุภูตํ ภวนฺตรปฏิจฺฉนฺนํ อุฬารตมํ ปฺุวิปากํ อุทาหริตฺวา ตมตฺถํ ปากฏํ กโรนฺโต ‘‘อภิชานามิ โข ปนาห’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อภิชานามีติ อภิวิสิฏฺเน าเณน ชานามิ, ปจฺจกฺขโต พุชฺฌามิ. ทีฆรตฺตนฺติ จิรกาลํ. ปฺุานนฺติ ทานาทิกุสลธมฺมานํ. สตฺต วสฺสานีติ สตฺต สํวจฺฉรานิ ¶ . เมตฺตจิตฺตนฺติ มิชฺชตีติ เมตฺตา, สินิยฺหตีติ อตฺโถ. มิตฺเต ภวา, มิตฺตสฺส วา เอสา ปวตฺตีติปิ เมตฺตา. ลกฺขณาทิโต ปน หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา, หิตูปสํหารรสา, อาฆาตวินยปจฺจุปฏฺานา, สตฺตานํ มนาปภาวทสฺสนปทฏฺานา. พฺยาปาทูปสโม เอติสฺสา สมฺปตฺติ, สิเนหาสมฺภโว วิปตฺติ. สา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตจิตฺตํ. ภาเวตฺวาติ เมตฺตาสหคตํ จิตฺตํ, จิตฺตสีเสน สมาธิ วุตฺโตติ เมตฺตาสมาธึ ¶ เมตฺตาพฺรหฺมวิหารํ อุปฺปาเทตฺวา เจว วฑฺเฒตฺวา จ. สตฺต สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเปติ สตฺต มหากปฺเป. สํวฏฺฏ-วิวฏฺฏคฺคหเณเนว หิ สํวฏฺฏฏฺายิ-วิวฏฺฏฏฺายิโนปิ คหิตา. อิมํ โลกนฺติ กามโลกํ. สํวฏฺฏมาเน สุทนฺติ สํวฏฺฏมาเน. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ วินสฺสมาเนติ อตฺโถ. ‘‘สํวตฺตมาเน สุท’’นฺติ จ ปนฺติ. กปฺเปติ กาเล. กปฺปสีเสน หิ กาโล วุตฺโต. กาเล ขียมาเน กปฺโปปิ ขียเตว. ยถาห –
‘‘กาโล ฆสติ ภูตานิ, สพฺพาเนว สหตฺตนา’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๙๐);
‘‘อาภสฺสรูปโค โหมี’’ติ วุตฺตตฺตา เตโชสํวฏฺฏวเสเนตฺถ กปฺปวุฏฺานํ เวทิตพฺพํ. อาภสฺสรูปโคติ ตตฺถ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อาภสฺสรพฺรหฺมโลกํ อุปคจฺฉามีติ อาภสฺสรูปโค โหมิ. วิวฏฺฏมาเนติ สณฺหมาเน, ชายมาเนติ อตฺโถ. สฺุํ พฺรหฺมวิมานํ อุปปชฺชามีติ กสฺสจิ สตฺตสฺส ตตฺถ นิพฺพตฺตสฺส อภาวโต สฺุํ, ยํ ปมชฺฌานภูมิสงฺขาตํ พฺรหฺมวิมานํ อาทิโต นิพฺพตฺตํ, ตํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อุปปชฺชามิ อุเปมิ. พฺรหฺมาติ กามาวจรสตฺเตหิ เสฏฺฏฺเน ตถา ตถา พฺรูหิตคุณตาย พฺรหฺมวิหารโต นิพฺพตฺตฏฺเน จ พฺรหฺมา. พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิเตหิ มหนฺโต พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมา. ตโต เอว เต อภิภวิตฺวา ิตตฺตา ¶ อภิภู. เตหิ เกนจิ คุเณน น อภิภูโตติ อนภิภูโต. อฺทตฺถูติ เอกํสวจเน นิปาโต. ทโสติ ทสฺสนสีโล, โส อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ ทสฺสนสมตฺโถ, อภิฺาเณน ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสามีติ อตฺโถ. เสสพฺรหฺมานํ อิทฺธิปาทภาวนาพเลน อตฺตโน จิตฺตฺจ มม วเส วตฺเตมีติ วสวตฺตี โหมีติ โยเชตพฺพํ. ตทา กิร โพธิสตฺโต อฏฺสมาปตฺติลาภีปิ สมาโน ตถา สตฺตหิตํ อตฺตโน ปารมิปริปูรณฺจ โอโลเกนฺโต ตาสุ เอว ทฺวีสุ ฌานภูมีสุ นิกนฺตึ อุปฺปาเทตฺวา เมตฺตาพฺรหฺมวิหารวเสน อปราปรํ สํสริ. เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺตวสฺสานิ…เป… วสวตฺตี’’ติ.
เอวํ ภควา รูปาวจรปฺุสฺส วิปากมหนฺตตํ ปกาเสตฺวา อิทานิ กามาวจรปฺุสฺสาปิ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ฉตฺตึสกฺขตฺตุ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สกฺโก อโหสินฺติ ฉตฺตึส วาเร อฺตฺถ อนุปปชฺชิตฺวา ¶ นิรนฺตรํ สกฺโก เทวานมินฺโท ตาวตึสเทวราชา อโหสิ. ราชา อโหสินฺติอาทีสุ ¶ จตูหิ อจฺฉริยธมฺเมหิ จตูหิ จ สงฺคหวตฺถูหิ โลกํ รฺเชตีติ ราชา. จกฺกรตนํ วตฺเตติ, จตูหิ สมฺปตฺติจกฺเกหิ วตฺตติ, เตหิ จ ปรํ วตฺเตติ, ปรหิตาย จ อิริยาปถจกฺกานํ วตฺโต เอตสฺมึ อตฺถีติ จกฺกวตฺตี. ราชาติ เจตฺถ สามฺํ, จกฺกวตฺตีติ วิเสสํ. ธมฺเมน จรตีติ ธมฺมิโก. าเยน สเมน วตฺตตีติ อตฺโถ. ธมฺเมเนว รชฺชํ ลภิตฺวา ราชา ชาโตติ ธมฺมราชา. ปรหิตธมฺมจรเณน วา ธมฺมิโก, อตฺตหิตธมฺมจรเณน ธมฺมราชา, จตุรนฺตาย อิสฺสโรติ จาตุรนฺโต, จตุสมุทฺทนฺตาย จตุพฺพิธทีปวิภูสิตาย จ ปถวิยา อิสฺสโรติ อตฺโถ. อชฺฌตฺตํ โกปาทิปจฺจตฺถิเก, พหิทฺธา จ สพฺพราชาโน อทณฺเฑน อสตฺเถน วิเชสีติ วิชิตาวี. ชนปเท ถาวรภาวํ ธุวภาวํ ปตฺโต, น สกฺกา เกนจิ ตโต จาเลตุํ ชนปโท วา ตมฺหิ ถาวริยปฺปตฺโต อนุยุตฺโต สกมฺมนิรโต อจโล อสมฺปเวธีติ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต.
จกฺกรตนํ, หตฺถิรตนํ, อสฺสรตนํ, มณิรตนํ, อิตฺถิรตนํ, คหปติรตนํ, ปริณายกรตนนฺติ อิเมหิ สตฺตหิ รตเนหิ สมุเปโตติ สตฺตรตนสมนฺนาคโต. เตสุ หิ ราชา จกฺกวตฺติ จกฺกรตเนน อชิตํ ชินาติ, หตฺถิอสฺสรตเนหิ วิชิเต สุเขเนว อนุวิจรติ, ปริณายกรตเนน วิชิตมนุรกฺขติ, เสเสหิ อุปโภคสุขมนุภวติ. ปเมน จสฺส อุสฺสาหสตฺติโยโค ¶ , ปจฺฉิเมน มนฺตสตฺติโยโค, หตฺถิอสฺสคหปติรตเนหิ ปภูสตฺติโยโค สุปริปุณฺโณ โหติ, อิตฺถิมณิรตเนหิ ติวิธสตฺติโยคผลํ. โส อิตฺถิมณิรตเนหิ ปริโภคสุขมนุภวติ, เสเสหิ อุปโภคสุขํ. วิเสสโต จสฺส ปุริมานิ ตีณิ อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ, มชฺฌิมานิ อโลภกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน, ปจฺฉิมเมกํ อโมหกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ เวทิตพฺพํ ปเทสรชฺชสฺสาติ ¶ ขุทฺทกรชฺชสฺส.
เอตทโหสีติ อตฺตโน สมฺปตฺติโย ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปจฺฉิเม จกฺกวตฺติกาเล เอตํ ‘‘กิสฺส นุ โข เม อิทํ กมฺมสฺส ผล’’นฺติอาทิกํ อโหสิ. สพฺพตฺถกเมว ตสฺมึ ตสฺมิมฺปิ ภเว เอตทโหสิเยว. ตตฺถายํ จกฺกวตฺติกาลวเสน โยชนา. เอวํมหิทฺธิโกติ มณิรตนหตฺถิรตนาทิปฺปมุขาย โกสวาหนสมฺปตฺติยา ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺติยา จ เอวํมหิทฺธิโก. เอวํมหานุภาโวติ จกฺกรตนาทิสมนฺนาคเมน กสฺสจิปิ ปีฬํ อกโรนฺโตว สพฺพราชูหิ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตสาสนเวหาสคมนาทีหิ เอวํ มหานุภาโว. ทานสฺสาติ อนฺนาทิเทยฺยธมฺมปริจฺจาคสฺส. ทมสฺสาติ จกฺขาทิอินฺทฺริยทมนสฺส เจว สมาธานวเสน ราคาทิกิเลสทมนสฺส จ. สํยมสฺสาติ กายวจีสํยมสฺส. ตตฺถ ยํ สมาธานวเสน กิเลสทมนํ, ตํ ภาวนามยํ ปฺุํ ¶ , ตฺจ โข เมตฺตาพฺรหฺมวิหารภูตํ อิธาธิปฺเปตํ. ตสฺมิฺจ อุปจารปฺปนาเภเทน ทุวิเธ ยํ อปฺปนาปฺปตฺตํ, เตนสฺส ยถาวุตฺตาสุ ทฺวีสุ ฌานภูมีสุ อุปปตฺติ อโหสิ. อิตเรน ติวิเธนาปิ ยถารหํ ปตฺตจกฺกวตฺติอาทิภาโวติ เวทิตพฺพํ.
อิติ ภควา อตฺตานํ กายสกฺขิ กตฺวา ปฺุานํ วิปากมหนฺตตํ ปกาเสตฺวา อิทานิ ตเมวตฺถํ คาถาพนฺเธน ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฺุเมวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปฺุเมว โส สิกฺเขยฺยาติ โย อตฺถกาโม กุลปุตฺโต, โส ปฺุผลนิพฺพตฺตนโต, อตฺตโน สนฺตานํ ปุนนโต จ ‘‘ปฺุ’’นฺติ ลทฺธนามํ ติวิธํ กุสลเมว สิกฺเขยฺย นิเวเสยฺย อุปจิเนยฺย ปสเวยฺยาติ อตฺโถ. อายตคฺคนฺติ วิปุลผลตาย อุฬารผลตาย อายตคฺคํ, ปิยมนาปผลตาย วา อายตึ อุตฺตมนฺติ อายตคฺคํ, อาเยน วา โยนิโสมนสิการาทิปฺปจฺจเยน อุฬารตเมน อคฺคนฺติ อายตคฺคํ ¶ . ตกาโร ปทสนฺธิกโร. อถ วา อาเยน ปฺุผเลน อคฺคํ ปธานนฺติ อายตคฺคํ. ตโต เอว สุขุทฺรยํ สุขวิปากนฺติ อตฺโถ.
กตมํ ปน ตํ ปฺุํ, กถฺจ นํ สิกฺเขยฺยาติ อาห ‘‘ทานฺจ สมจริยฺจ, เมตฺตจิตฺตฺจ ภาวเย’’ติ. ตตฺถ สมจริยนฺติ กายวิสมาทีนิ วชฺเชตฺวา กายสมาทิจริตํ ¶ , สุวิสุทฺธํ สีลนฺติ อตฺโถ. ภาวเยติ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทยฺย วฑฺเฒยฺย. เอเต ธมฺเมติ เอเต ทานาทิเก สุจริตธมฺเม. สุขสมุทฺทเยติ สุขานิสํเส, อานิสํสผลมฺปิ เนสํ สุขเมวาติ ทสฺเสติ. อพฺยาปชฺชํ สุขํ โลกนฺติ กามจฺฉนฺทาทิพฺยาปาทวิรหิตตฺตา อพฺยาปชฺชํ นิทฺทุกฺขํ, ปรปีฬาภาเว ปน วตฺตพฺพํ นตฺถิ. ฌานสมาปตฺติวเสน สุขพหุลตฺตา สุขํ, เอกนฺตสุขฺจ พฺรหฺมโลกํ ฌานปฺุานํ, อิตรปฺุานํ ปน ตทฺํ สมฺปตฺติภวสงฺขาตํ สุขํ โลกํ ปณฺฑิโต สปฺปฺโ อุปปชฺชติ อุเปติ. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต คาถาสุ จ วฏฺฏสมฺปตฺติ เอว กถิตา.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อุภยตฺถสุตฺตวณฺณนา
๒๓. ตติเย ภาวิโตติ อุปฺปาทิโต จ วฑฺฒิโต จ. พหุลีกโตติ ปุนปฺปุนํ กโต. อตฺโถติ หิตํ. ตฺหิ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต อตฺโถติ วุจฺจติ. สมธิคยฺห ติฏฺตีติ สมฺมา ปริคฺคเหตฺวา อวิชหิตฺวา วตฺตติ. ทิฏฺธมฺมิกนฺติ ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต อตฺตภาโว, ทิฏฺธมฺเม ภวํ ทิฏฺธมฺมิกํ, อิธโลกปริยาปนฺนนฺติ อตฺโถ. สมฺปรายิกนฺติ ธมฺมวเสน สมฺปเรตพฺพโต ¶ สมฺปราโย, ปรโลโก, สมฺปราเย ภวํ สมฺปรายิกํ, ปรโลกปริยาปนฺนนฺติ วุตฺตํ โหติ.
โก ปเนส ทิฏฺธมฺมิโก นาม อตฺโถ, โก วา สมฺปรายิโกติ? สงฺเขเปน ตาว ยํ อิธโลกสุขํ, ยฺเจตรหิ อิธโลกสุขาวหํ, อยํ ทิฏฺธมฺมิโก อตฺโถ. เสยฺยถิทํ – คหฏฺานํ ตาว อิธ ยํ กิฺจิ วิตฺตูปกรณํ, อนากุลกมฺมนฺตตา, อาโรคฺยสํวิธานํ, วตฺถุวิสทกิริยาโยควิหิตานิ สิปฺปายตนวิชฺชาฏฺานานิ สงฺคหิตปริชนตาติ เอวมาทิ. ปพฺพชิตานํ ปน เย อิเม ชีวิตปริกฺขารา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา. เตสํ อกิจฺฉลาโภ, ตตฺถ จ สงฺขาย ปฏิเสวนา ¶ , สงฺขาย ปริวชฺชนา, วตฺถุวิสทกิริยา, อปฺปิจฺฉตา, สนฺตุฏฺิ, ปวิเวโก, อสํสคฺโคติ เอวมาทิ. ปติรูปเทสวาสสปฺปุริสูปนิสฺสยสทฺธมฺมสฺสวนโยนิโสมนสิการาทโย ¶ ปน อุภเยสํ สาธารณา อุภยานุรูปา จาติ เวทิตพฺพา.
อปฺปมาโทติ เอตฺถ อปฺปมาโท ปมาทปฺปฏิปกฺขโต เวทิตพฺโพ. โก ปเนส ปมาโท นาม? ปมชฺชนากาโร. วุตฺตํ เหตํ –
‘‘ตตฺถ กตโม ปมาโท? กายทุจฺจริเต วา วจีทุจฺจริเต วา มโนทุจฺจริเต วา ปฺจสุ วา กามคุเณสุ จิตฺตสฺส โวสฺสคฺโค โวสฺสคฺคานุปฺปาทนํ กุสลานํ วา ธมฺมานํ ภาวนาย อสกฺกจฺจกิริยตา อสาตจฺจกิริยตา อนฏฺิตกิริยตา โอลีนวุตฺติตา นิกฺขิตฺตฉนฺทตา นิกฺขิตฺตธุรตา อนาเสวนา อภาวนา อพหุลีกมฺมํ อนธิฏฺานํ อนนุโยโคปมาโท. โย เอวรูโป ปมาโท ปมชฺชนา ปมชฺชิตตฺตํ. อยํ วุจฺจติ ปมาโท’’ติ (วิภ. ๘๔๖).
ตสฺมา วุตฺตปฺปฏิปกฺขโต อปฺปมาโท เวทิตพฺโพ. อตฺถโต หิ โส สติยา อวิปฺปวาโส, นิจฺจํ อุปฏฺิตสฺสติยา เอตํ นามํ. อปเร ปน ‘‘สติสมฺปชฺโยเคน ปวตฺตา จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา อปฺปมาโท’’ติ วทนฺติ.
‘‘ภาวิโต พหูลีกโต’’ติ วุตฺตํ, กถํ ปนายํ อปฺปมาโท ภาเวตพฺโพติ? น อปฺปมาทภาวนา นาม วิสุํ เอกภาวนา อตฺถิ. ยา หิ กาจิ ปฺุกิริยา กุสลกิริยา, สพฺพา สา อปฺปมาทภาวนาตฺเวว เวทิตพฺพา. วิเสสโต ปน วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ สรณคมนํ กายิกวาจสิกสํวรฺจ ¶ อุปาทาย สพฺพา สีลภาวนา, สพฺพา สมาธิภาวนา, สพฺพา ปฺาภาวนา, สพฺพา กุสลภาวนา, อนวชฺชภาวนา, อปฺปมาทภาวนาติ เวทิตพฺพา. ‘‘อปฺปมาโท’’ติ หิ อิทํ มหนฺตํ อตฺถํ ทีเปติ, มหนฺตํ อตฺถํ ปริคฺคเหตฺวา ติฏฺติ. สกลมฺปิ เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อาหริตฺวา อปฺปมาทปทสฺส อตฺถํ กตฺวา กเถนฺโต ธมฺมกถิโก ‘‘อติตฺเถน ปกฺขนฺโท’’ติ น วตฺตพฺโพ. กสฺมา? อปฺปมาทปทสฺส มหนฺตภาวโต. ตถา หิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กุสินารายํ ยมกสาลานมนฺตเร ปรินิพฺพานสมเย นิปนฺโน อภิสมฺโพธิโต ปฏฺาย ปฺจจตฺตาลีสาย วสฺเสสุ อตฺตนา ภาสิตํ ธมฺมํ ¶ เอเกน ปเทน สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต – ‘‘อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ ภิกฺขูนํ โอวาทมทาสิ. ตถา จ วุตฺตํ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว ¶ , ยานิ กานิจิ ชงฺคลานํ ปาณานํ ปทชาตานิ, สพฺพานิ ตานิ หตฺถิปเท สโมธานํ คจฺฉนฺติ, หตฺถิปทํ เตสํ อคฺคมกฺขายติ ยทิทํ มหนฺตฏฺเน; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพเต อปฺปมาทมูลกา อปฺปมาทสโมสรณา, อปฺปมาโท เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๐).
คาถาสุ อปฺปมาทํ ปสํสนฺตีติ ทานาทิปฺุกิริยาสุ อปฺปมาทํ อปฺปมชฺชนํ ปณฺฑิตา สปฺปฺา พุทฺธาทโย ปสํสนฺติ, วณฺเณนฺติ โถเมนฺติ. กสฺมา? ยสฺมา อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ อธิคณฺหาติ ปณฺฑิโต. เก ปน เต อุโภ อตฺถาติ อาห – ‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก’’ติ, เอวเมตฺถ ปทโยชนา เวทิตพฺพา. อิธาปิ ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถติ คหฏฺสฺส ตาว ‘‘อนวชฺชานิ กมฺมานิ, อนากุลา จ กมฺมนฺตา’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต กสิโครกฺขาทิวิธินา ลทฺธพฺโพ อตฺโถ, ปพฺพชิตสฺส ปน อวิปฺปฏิสาราทิอตฺโถ เวทิตพฺโพ. โย จตฺโถ สมฺปรายิโกติ ปน อุภเยสมฺปิ ธมฺมจริยาว วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อตฺถาภิสมยาติ ทุวิธสฺสปิ อตฺถสฺส หิตสฺส ปฏิลาภา, ลทฺธพฺเพน สมิติ สงฺคติ สโมธานนฺติ สมโย, ลาโภ. สมโย เอว อภิสมโย, อภิมุขภาเวน วา สมโย อภิสมโยติ เอวเมตฺถ อภิสมโย เวทิตพฺโพ. ธิติสมฺปนฺนตฺตา ธีโร. ตติเยน เจตฺถ อตฺถ-สทฺเทน ปรมตฺถสฺส นิพฺพานสฺสาปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต วฏฺฏสมฺปตฺติ เอว กถิตา. คาถายํ ปน วิวฏฺฏสฺสปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘อปฺปมาโท อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปทํ;
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ, เย ปมตฺตา ยถา มตา.
‘‘เอวํ ¶ วิเสสโต ตฺวา, อปฺปมาทมฺหิ ปณฺฑิตา;
อปฺปมาเท ปโมทนฺติ, อริยานํ โคจเร รตา.
‘‘เต ¶ ฌายิโน สาตติกา, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมา;
ผุสนฺติ ธีรา นิพฺพานํ, โยคกฺเขมํ อนุตฺตร’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๑-๒๓);
ตสฺมา ¶ ‘‘อตฺถาภิสมยา’’ติ เอตฺถ โลกุตฺตรตฺถวเสนปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อฏฺิปฺุชสุตฺตวณฺณนา
๒๔. จตุตฺเถ เอกปุคฺคลสฺสาติ เอตฺถ ปุคฺคโลติ อยํ โวหารกถา. พุทฺธสฺส หิ ภควโต ทุวิธา เทสนา สมฺมุติเทสนา จ ปรมตฺถเทสนา จาติ. ตตฺถ ‘‘ปุคฺคโล, สตฺโต, อิตฺถี, ปุริโส, ขตฺติโย, พฺราหฺมโณ, เทโว, มาโร’’ติ เอวรูปา สมฺมุติเทสนา. ‘‘อนิจฺจํ, ทุกฺขํ, อนตฺตา, ขนฺธา, ธาตุ, อายตนา, สติปฏฺานา’’ติ เอวรูปา ปรมตฺถเทสนา. ตตฺถ ภควา เย สมฺมุติวเสน เทสนํ สุตฺวา วิเสสมธิคนฺตุํ สมตฺถา, เนสํ สมฺมุติเทสนํ เทเสติ. เย ปน ปรมตฺถวเสน เทสนํ สุตฺวา วิเสสมธิคนฺตุํ สมตฺถา, เตสํ ปรมตฺถเทสนํ เทเสติ.
ตตฺถายํ อุปมา – ยถา หิ เทสภาสากุสโล ติณฺณํ เวทานํ อตฺถสํวณฺณนโก อาจริโย เย ทมิฬภาสาย วุตฺเต อตฺถํ ชานนฺติ, เตสํ ทมิฬภาสาย อาจิกฺขติ. เย อนฺธกภาสาทีสุ อฺตราย, เตสํ ตาย ตาย ภาสาย. เอวํ เต มาณวกา เฉกํ พฺยตฺตํ อาจริยมาคมฺม ขิปฺปเมว สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติ. ตตฺถ อาจริโย วิย พุทฺโธ ภควา, ตโย เวทา วิย กเถตพฺพภาเว ิตานิ ตีณิ ปิฏกานิ, เทสภาสาโกสลฺลมิว สมฺมุติปรมตฺถโกสลฺลํ, นานาเทสภาสา มาณวกา วิย สมฺมุติปรมตฺถวเสน ปฏิวิชฺฌนสมตฺถา เวเนยฺยา, อาจริยสฺส ทมิฬภาสาทิอาจิกฺขนํ วิย ภควโต สมฺมุติปรมตฺถวเสน เทสนา เวทิตพฺพา. อาห เจตฺถ –
‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุทฺโธ วทตํ วโร;
สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ นูปลพฺภติ.
‘‘สงฺเกตวจนํ ¶ ¶ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณา;
ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตการณา.
‘‘ตสฺมา โวหารกุสลสฺส, โลกนาถสฺส สตฺถุโน;
สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺส, มุสาวาโท น ชายตี’’ติ.
อปิจ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ปุคฺคลกถํ กเถติ – หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ, กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ, ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ, ¶ , อานนฺตริยทีปนตฺถํ, พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ, ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถํ, ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ, โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถํ, จาติ. ‘‘ขนฺธธาตุอายตนานิ หิริยนฺติ โอตฺตปฺปนฺตี’’ติ หิ วุตฺเต มหาชโน น ชานาติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ, ปฏิสตฺตุ วา โหติ – ‘‘กิมิทํ ขนฺธธาตุอายตนานิ หิริยนฺติ โอตฺตปฺปนฺติ นามา’’ติ? ‘‘อิตฺถี หิริยติ โอตฺตปฺปติ, ปุริโส, ขตฺติโย, พฺราหฺมโณ, เทโว, มาโร’’ติ ปน วุตฺเต ชานาติ, น สมฺโมหํ อาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ วา โหติ. ตสฺมา ภควา หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา กมฺมสฺสกา, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถมฺปิ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘เวฬุวนาทโย มหาวิหารา ขนฺเธหิ การาปิตา, ธาตูหิ อายตเนหี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตถา ‘‘ขนฺธา มาตรํ ชีวิตา โวโรเปนฺติ, ปิตรํ, อรหนฺตํ, รุหิรุปฺปาทกมฺมํ, สงฺฆเภทกมฺมํ กโรนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ‘‘ขนฺธา เมตฺตายนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ‘‘ขนฺธา ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ อานนฺตริยทีปนตฺถํ พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถฺจ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ มหาชโน น ชานาติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ, ปฏิสตฺตุ วา โหติ ‘‘กิมิทํ ขนฺธา ธาตุโย อายตนานิ ปฏิคฺคณฺหนฺติ นามา’’ติ? ‘‘ปุคฺคลา ปฏิคฺคณฺหนฺตี’’ติ ปน วุตฺเต ชานาติ, น สมฺโมหํ อาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ วา โหติ. ตสฺมา ภควา ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
โลกสมฺมุติฺจ ¶ ¶ พุทฺธา ภควนฺโต น ปชหนฺติ, โลกสมฺาย โลกนิรุตฺติยา โลกาภิลาเป ิตาเยว ธมฺมํ เทเสนฺติ. ตสฺมา ภควา โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถมฺปิ ปุคฺคลกถํ กเถติ. โส อิธาปิ โลกโวหารวเสน เทเสตพฺพมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกปุคฺคลสฺสา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ เอกปุคฺคลสฺสาติ เอกสตฺตสฺส. กปฺปนฺติ มหากปฺปํ. ยทิปิ อจฺจนฺตสํโยเค อิทํ อุปโยควจนํ, ยตฺถ ปน สตฺตานํ สนฺธาวนํ สํสรณํ สมฺภวติ, ตสฺส วเสน คเหตพฺพํ. อฏฺิกงฺกโลติ อฏฺิภาโค. ‘‘อฏฺิขโล’’ติปิ ¶ ปนฺติ, อฏฺิสฺจโยติ อตฺโถ. อฏฺิปฺุโชติ อฏฺิสมูโห. อฏฺิราสีติ ตสฺเสว เววจนํ. เกจิ ปน ‘‘กฏิปฺปมาณโต เหฏฺา สมูโห กงฺกโล นาม, ตโต อุปริ ยาว ตาลปฺปมาณํ ปฺุโช, ตโต อุปริ ราสี’’ติ วทนฺติ. ตํ เตสํ มติมตฺตํ. สพฺพเมตํ สมูหสฺเสว ปริยายวจนํ เวปุลฺลสฺเสว อุปมาภาเวน อาหฏตฺตา.
สเจ สํหารโก อสฺสาติ อวิปฺปกิรณวเสน สํหริตฺวา เปตา โกจิ ยทิ สิยาติ ปริกปฺปนวเสน วทติ. สมฺภตฺจ น วินสฺเสยฺยาติ ตถา เกนจิ สมฺภตฺจ ตํ อฏฺิกงฺกลํ อนฺตรธานาภาเวน ปูติภูตํ จุณฺณวิจุณฺณฺจ อหุตฺวา สเจ น วินสฺเสยฺยาติ ปริกปฺปนวเสเนว วทติ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ภิกฺขเว, เอกสฺส สตฺตสฺส กมฺมกิเลเสหิ อปราปรุปฺปตฺติวเสน เอกํ มหากปฺปํ สนฺธาวนฺตสฺส สํสรนฺตสฺส เอวํ มหาอฏฺิสฺจโย ภเวยฺย, อาโรหปริณาเหหิ ยตฺตโกยํ เวปุลฺลปพฺพโต. สเจ ปนสฺส โกจิ สํหริตฺวา เปตา ภเวยฺย, สมฺภตฺจ ตํ สเจ อวินสฺสนฺตํ ติฏฺเยฺยาติ. อยฺจ นโย นิพฺพุตปฺปทีเป วิย ภิชฺชนสภาเว กเฬวรนิกฺเขปรหิเต โอปปาติกตฺตภาเว สพฺเพน สพฺพํ อนฏฺิเก จ ขุทฺทกตฺตภาเว วชฺเชตฺวา วุตฺโต. เกจิ ปน ‘‘ปริกปฺปนวเสน อิมสฺส นยสฺส อาหฏตฺตา เตสมฺปิ ยทิ สิยา อฏฺิกงฺกโล, เตนาปิ สเหว อยํ อฏฺิปฺุชปริมาโณ วุตฺโต’’ติ วทนฺติ. อปเร ปน ‘‘นยิทเมวํ ลพฺภมานสฺเสว อฏฺิปฺุชสฺส วเสน สพฺพฺุตฺาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อิมสฺส ปริมาณสฺส วุตฺตตา. ตสฺมา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ’’ติ.
คาถาสุ ¶ มเหสินาติ มหนฺเต สีลกฺขนฺธาทโย เอสติ คเวสตีติ มเหสี, สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ‘‘อิติ วุตฺตํ มเหสินา’’ติ จ ภควา ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต’’ติอาทีสุ วิย อตฺตานํ อฺํ วิย กตฺวา ทสฺเสติ. เวปุลฺโลติ ราชคหํ ปริวาเรตฺวา ิเตสุ ปฺจสุ ปพฺพเตสุ วิปุลภาวโต เวปุลฺโลติ ลทฺธนาโม. ตโต เอว มหา, ิตทิสาภาควเสน อุตฺตโร คิชฺฌกูฏสฺส. คิริพฺพเชติ คิริพฺพชปุรนามกสฺส ราชคหสฺส สมีเป.
เอตฺตาวตา ¶ ¶ ภควา ‘‘เอตฺตเกนาปิ กาเลน อนุปจฺฉินฺนภวมูลสฺส อปริฺาตวตฺถุกสฺส ปุถุชฺชนสฺส อยมีทิสี กฏสิวฑฺฒนา’’ติ วฏฺเฏ อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เยสํ อริยสจฺจานํ อนนุโพธา อปฺปฏิเวธา อนฺธปุถุชฺชนสฺส เอวํ กฏสิวฑฺฒนา, ตานิ อริยสจฺจานิ ทิฏฺวโต อริยปุคฺคลสฺส อยํ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยโต จ อริยสจฺจานี’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ยโตติ ยทา. อริยสจฺจานีติ อรณียโต อริยานิ, อวิตถภาเวน สจฺจานิ จาติ อริยสจฺจานิ, อริยภาวกรานิ วา สจฺจานิ อริยสจฺจานิ, อริเยหิ วา พุทฺธาทีหิ ปฏิวิชฺฌิตพฺพานิ สจฺจานิ อริยสจฺจานิ. อถ วา อริยสฺส สจฺจานิ อริยสจฺจานิ. สเทวเกน หิ โลเกน สรณนฺติ อรณียโต อริโย ภควา, เตน สยมฺภุาเณน ทิฏฺตฺตา ตสฺส สจฺจานีติ อริยสจฺจานิ. สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตีติ สมฺมา เหตุนา าเยน วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยวเสน ปสฺสติ. ทุกฺขนฺติอาทิ อริยสจฺจานํ สรูปทสฺสนํ. ตตฺถ อเนกูปทฺทวาธิฏฺานตาย กุจฺฉิตภาวโต พาลชนปริกปฺปิตธุวสุภสุขตฺตวิรเหน ตุจฺฉภาวโต จ ทุกฺขํ. ทุกฺขํ สมุปฺปชฺชติ เอเตนาติ ทุกฺขสมุปฺปาโท, ทุกฺขสมุทโย. ทุกฺขํ อติกฺกมติ เอเตน อารมฺมณปฺปจฺจยภูเตน, เอตฺถ วาติ ทุกฺขสฺส อติกฺกโม, นิพฺพานํ. อารกตฺตา กิเลเสหิ อรณียโต จ อริโย. สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ อฏฺนฺนํ องฺคานํ วเสน อฏฺงฺคิโก. มาเรนฺโต กิเลเส คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคตีติ มคฺโค. ตโต เอว ทุกฺขสฺส อุปสมํ นิโรธํ คจฺฉตีติ ทุกฺขูปสมคามี. ยโต สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.
ส ¶ สตฺตกฺขตฺตุํ ปรมํ, สนฺธาวิตฺวาน ปุคฺคโลติ โส เอวํ จตุสจฺจทสฺสาวี อริยปุคฺคโล โสตาปนฺโน สพฺพมุทินฺทฺริโย สมาโน สตฺตวารปรมํเยว ภวาทีสุ อปราปรุปฺปตฺติวเสน สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา. เอกพีชี, โกลํโกโล, สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ อินฺทฺริยานํ ติกฺขมชฺฌิมมุทุภาเวน ตโย หิ โสตาปนฺนา. เตสุ สพฺพมุทินฺทฺริยสฺส วเสนิทํ วุตฺตํ ‘‘ส สตฺตกฺขตฺตุํ ปรมํ, สนฺธาวิตฺวานา’’ติ ¶ . ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหตีติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตกโร ปริโยสานกโร โหติ. กถํ? สพฺพสํโยชนกฺขยา อนุปุพฺเพน อคฺคมคฺคํ อธิคนฺตฺวา นิรวเสสานํ สํโยชนานํ เขปนาติ อรหตฺตผเลเนว เทสนาย กูฏํ คณฺหิ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มุสาวาทสุตฺตวณฺณนา
๒๕. ปฺจเม ¶ เอกธมฺมํ อตีตสฺสาติ กา อุปฺปตฺติ? ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ, ติตฺถิยานํ ปริหายิ. เต หตลาภสกฺการา นิปฺปภา นิตฺเตชา อิสฺสาปกตา จิฺจมาณวิกํ นาม ปริพฺพาชิกํ อุยฺโยเชสุํ – ‘‘เอหิ, ตฺวํ ภคินิ, สมณํ โคตมํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขสฺสู’’ติ. สา ภควนฺตํ จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสนฺตํ อุปคนฺตฺวา อภูเตน อพฺภาจิกฺขิตฺวา สกฺเกนสฺสา อภูตภาเว ปกาสิเต มหาชเนน ‘‘ธี กาฬกณฺณี’’ติ วิหารโต นิกฺกฑฺฒาปิตา ปถวิยา วิวเร ทินฺเน อวีจิชาลานํ อินฺธนํ หุตฺวาว อวีจินิรเย นิพฺพตฺติ, ภิยฺโยโสมตฺตาย ติตฺถิยานํ ลาภสกฺกาโร ปริหายิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, จิฺจมาณวิกา เอวํ อุฬารคุณํ อคฺคทกฺขิเณยฺยํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา มหาวินาสํ ปตฺตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ สา มํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา มหาวินาสํ ปตฺตาเยวา’’ติ มหาปทุมชาตกมฺปิ วิตฺถาเรตฺวา อุปริ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา ‘‘เอกธมฺมํ อตีตสฺสา’’ติ อิทํ สุตฺตํ เทเสสิ.
ตตฺถ เอกธมฺมนฺติ เอกํ วจีสจฺจสงฺขาตํ ธมฺมํ. อตีตสฺสาติ ยา สา อฏฺ อนริยโวหาเร วชฺเชตฺวา อฏฺสุ อริยโวหาเรสุ ปติฏฺาปนตฺถํ ‘‘สจฺจํ ¶ , ภเณ, นาลิก’’นฺติ อริเยหิ ปิตา มริยาทา, ตํ อติกฺกมิตฺวา ิตสฺส. ปุริโส เอว ปุคฺคโลติ ปุริสปุคฺคโล, ตสฺส. อกรณียนฺติ กาตุํ อสกฺกุเณยฺยํ. สมฺปชานมุสาวาที หิ ปุคฺคโล กิฺจิ ปาปกมฺมํ กตฺวา ‘‘อิทํ นาม ตยา กต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘น มยา กต’’นฺติ ¶ มุสาวาเทเนว ปริหริสฺสติ. เอวฺจ ปฏิปชฺชนฺโต กิฺจิ ปาปกมฺมํ กโรติเยว, น ตตฺถ ลชฺชติ สจฺจมริยาทาย สมติกฺกนฺตตฺตา. เตน วุตฺตํ ‘‘กตมํ เอกธมฺมํ, ยทิทํ, ภิกฺขเว, สมฺปชานมุสาวาโท’’ติ.
คาถายํ มุสาวาทิสฺสาติ มุสา อภูตํ อตจฺฉํ ปเรสํ วิฺาปนวเสน วทนสีลสฺส. ยสฺส ทสสุ วจเนสุ เอกมฺปิ สจฺจํ นตฺถิ, เอวรูเป วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ชนฺตุโนติ สตฺตสฺส. สตฺโต หิ ชายนฏฺเน ‘‘ชนฺตู’’ติ วุจฺจติ. วิติณฺณปรโลกสฺสาติ วิสฺสฏฺปรโลกสฺส. อีทิโส หิ มนุสฺสสมฺปตฺติ เทวโลกสมฺปตฺติ อวสาเน นิพฺพานสมฺปตฺตีติ อิมา ติสฺโสปิ สมฺปตฺติโย น ปสฺสติ. นตฺถิ ปาปนฺติ ตสฺส ตาทิสสฺส อิทํ นาม ปาปํ น กตฺตพฺพนฺติ นตฺถีติ.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ทานสุตฺตวณฺณนา
๒๖. ฉฏฺเ ¶ เอวฺเจติ เอตฺถ เอวนฺติ อุปมากาเร นิปาโต, เจติ ปริกปฺปเน. สตฺตาติ รูปาทีสุ สตฺตา วิสตฺตา. ชาเนยฺยุนฺติ พุชฺเฌยฺยุํ. ทานสํวิภาคสฺสาติ ยาย หิ เจตนาย อนฺนาทิเทยฺยธมฺมํ สํหริตฺวา อนุกมฺปาปูชาสุ อฺตรวเสน ปเรสํ ทียติ, ตํ ทานํ. ยาย ปน อตฺตนา ปริภฺุชิตพฺพภาเวน คหิตวตฺถุสฺส เอกเทโส สํวิภชิตฺวา ทียติ, อยํ สํวิภาโค. วิปากนฺติ ผลํ. ยถาหํ ชานามีติ ยถา อหํ ชานามิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ติรจฺฉานคตสฺสปิ ทานํ ทตฺวา อตฺตภาวสเต ปวตฺตสุขวิปจฺจนวเสน สตคุณา ทกฺขิณา โหตีติ เอวมาทินา, ภิกฺขเว, เยน ปกาเรน อหํ ทานสฺส สํวิภาคสฺส จ วิปากํ กมฺมวิปากํ าณพเลน ปจฺจกฺขโต ชานามิ, เอวํ อิเม สตฺตา ยทิ ชาเนยฺยุนฺติ. น อทตฺวา ภฺุเชยฺยุนฺติ ยํ ภฺุชิตพฺพยุตฺตกํ อตฺตโน อตฺถิ, ¶ ตโต ปเรสํ น อทตฺวา มจฺฉริยจิตฺเตน จ ตณฺหาโลภวเสน จ ภฺุเชยฺยุํ, ทตฺวาว ภฺุเชยฺยุํ. น จ เนสํ มจฺเฉรมลํ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺเยฺยาติ อตฺตโน สมฺปตฺตีนํ ปเรหิ สาธารณภาวาสหนลกฺขณํ จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวทูสกานํ อุปกฺกิเลสภูตานํ กณฺหธมฺมานํ อฺตรํ มจฺเฉรมลํ. อถ วา ยถาวุตฺตมจฺเฉรฺเจว อฺมฺปิ ทานนฺตรายกรํ อิสฺสาโลภโทสาทิมลฺจ เนสํ สตฺตานํ จิตฺตํ ยถา ทานเจตนา ¶ น ปวตฺตติ, น วา สุปริสุทฺธา โหติ, เอวํ ปริยาทาย ปริโต คเหตฺวา อภิภวิตฺวา น ติฏฺเยฺย. โก หิ สมฺมเทว ทานผลํ ชานนฺโต อตฺตโน จิตฺเต มจฺเฉรมลสฺส โอกาสํ ทเทยฺย.
โยปิ เนสํ อสฺส จริโม อาโลโปติ เนสํ สตฺตานํ โย สพฺพปจฺฉิมโก อาโลโป สิยา. จริมํ กพฬนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเม สตฺตา ปกติยา ยตฺตเกหิ อาโลเปหิ สยํ ยาเปยฺยุํ, เตสุ เอกเมว อาโลปํ อตฺตโน อตฺถาย เปตฺวา ตทฺเ สพฺเพ อาโลเป อาคตาคตานํ อตฺถิกานํ ทตฺวา โย ปิโต อาโลโป อสฺส, โส อิธ จริโม อาโลโป นาม. ตโตปิ น อสํวิภชิตฺวา ภฺุเชยฺยุํ, สเจ เนสํ ปฏิคฺคาหกา อสฺสูติ เนสํ สตฺตานํ ปฏิคฺคาหกา ยทิ สิยุํ, ตโตปิ ยถาวุตฺตจริมาโลปโตปิ สํวิภชิตฺวาว เอกเทสํ ทตฺวาว ภฺุเชยฺยุํ, ยถาหํ ทานสํวิภาคสฺส วิปากํ ปจฺจกฺขโต ชานามิ, เอวํ ยทิ ชาเนยฺยุนฺติ. ยสฺมา จ โขติอาทินา กมฺมผลสฺส อปฺปจฺจกฺขภาวโต เอวเมเต สตฺตา ทานสํวิภาเคสุ น ปวตฺตนฺตีติ ยถาธิปฺเปตมตฺถํ การเณน สมฺปฏิปาเทติ. เอเตเนว เตสํ ตทฺปฺุเสุ จ อปฺปฏิปตฺติยา อปฺุเสุ จ ปฏิปตฺติยา การณํ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
คาถาสุ ยถาวุตฺตํ มเหสินาติ มเหสินา ภควตา ‘‘ติรจฺฉานคเต ทานํ ทตฺวา สตคุณา ทกฺขิณา ¶ ปาฏิกงฺขิตพฺพา’ ติอาทินา, อิเธว วา ‘‘เอวํ เจ สตฺตา ชาเนยฺยุ’’นฺติอาทินา ยถาวุตฺตํ, าณจาเรน ตํ ยถาวุตฺตํ จิตฺตํ าตนฺติ อตฺโถ. วิปากํ สํวิภาคสฺสาติ สํวิภาคสฺสปิ วิปากํ, โก ปน วาโท ทานสฺส. ยถา โหติ มหปฺผลนฺติ ยถา โส วิปาโก มหนฺตํ ผลํ โหติ, เอวํ อิเม สตฺตา ยทิ ชาเนยฺยุนฺติ สมฺพนฺโธ. วิเนยฺย มจฺเฉรมลนฺติ มจฺฉริยมลํ อปเนตฺวา กมฺมผลสทฺธาย รตนตฺตยสทฺธาย ¶ จ วิเสสโต ปสนฺเนน จิตฺเตน เยสุ กิเลเสหิ อารกตฺตา อริเยสุ สีลาทิคุณสมฺปนฺเนสุ ทินฺนํ อปฺปกมฺปิ ทานํ มหปฺผลํ โหติ, เตสุ ยุตฺตกาเลน ทชฺชุํ ทเทยฺยุํ.
มหปฺผลภาวกรณโต ทกฺขิณํ อรหนฺตีติ ทกฺขิเณยฺยา, สมฺมาปฏิปนฺนา, เตสุ ทกฺขิเณยฺเยสุ. ทกฺขิณํ ปรโลกํ สทฺทหิตฺวา ทาตพฺพํ เทยฺยธมฺมํ ยถา ¶ ตํ ทานํ โหติ มหาทานํ, เอวํ ทตฺวา. อถ วา พหุโน อนฺนํ ทตฺวา, กถํ ปน อนฺนํ ทาตพฺพนฺติ อาห ‘‘ทกฺขิเณยฺเยสุ ทกฺขิณ’’นฺติ. อิโต มนุสฺสตฺตา มนุสฺสตฺตภาวโต จุตา ปฏิสนฺธิวเสน สคฺคํ คจฺฉนฺติ ทายกา. กามกามิโนติ กาเมตพฺพานํ อุฬารานํ เทวโภคานํ ปฏิลทฺธรูปวิภเวน กมฺมุนา อุปคมเน สาธุการิตาย กามกามิโน สพฺพกามสมงฺคิโน. โมทนฺติ ยถารุจิ ปริจาเรนฺตีติ อตฺโถ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. เมตฺตาภาวนาสุตฺตวณฺณนา
๒๗. สตฺตเม ยานิ กานิจีติ อนวเสสปริยาทานํ. โอปธิกานิ ปฺุกิริยวตฺถูนีติ
เตสํ นิยมนํ. ตตฺถ อุปธิ วุจฺจนฺติ ขนฺธา, อุปธิสฺส กรณํ สีลํ เอเตสํ, อุปธิปฺปโยชนานิ วา โอปธิกานิ. สมฺปตฺติภเว อตฺตภาวชนกานิ ปฏิสนฺธิปวตฺติวิปากทายกานิ. ปฺุกิริยวตฺถูนีติ ปฺุกิริยา จ ตา เตสํ เตสํ ผลานิสํสานํ วตฺถูนิ จาติ ปฺุกิริยวตฺถูนิ. ตานิ ปน สงฺเขปโต ทานมยํ, สีลมยํ, ภาวนามยนฺติ ติวิธานิ โหนฺติ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต ติกนิปาตวณฺณนายํ อาวิ ภวิสฺสติ. เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยาติ เมตฺตาภาวนาวเสน ปฏิลทฺธติกจตุกฺกชฺฌานสมาปตฺติยา. ‘‘เมตฺตา’’ติ หิ วุตฺเต อุปจาโรปิ ลพฺภติ อปฺปนาปิ, ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ ปน วุตฺเต อปฺปนาฌานเมว ลพฺภติ. ตฺหิ นีวรณาทิปจฺจนีกธมฺมโต จิตฺตสฺส สุฏฺุ วิมุตฺติภาเวน เจโตวิมุตฺตีติ วุจฺจติ. กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสินฺติ เมตฺตาพฺรหฺมวิหารสฺส โสฬสภาคํ โอปธิกานิ ปฺุกิริยวตฺถูนิ น อคฺฆนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา โย วิปาโก, ตํ โสฬส โกฏฺาเส กตฺวา ¶ ตโต ¶ เอกํ ปุน โสฬส โกฏฺาเส กตฺวา ตตฺถ โย เอกโกฏฺาโส, น ตํ อฺานิ โอปธิกานิ ปฺุกิริยวตฺถูนิ อคฺฆนฺตีติ. อธิคฺคเหตฺวาติ อภิภวิตฺวา. ภาสเตติ อุปกฺกิเลสวิสุทฺธิยา ทิปฺปติ. ตปเตติ ตโต เอว อนวเสเส ปฏิปกฺขธมฺเม สนฺตปติ. วิโรจตีติ อุภยสมฺปตฺติยา วิโรจติ. เมตฺตา หิ เจโตวิมุตฺติ จนฺทาโลกสงฺขาตา วิคตูปกฺกิเลสา ชุณฺหา วิย ทิปฺปติ, อาตโป วิย อนฺธการํ ปจฺจนีกธมฺเม วิธมนฺตี ¶ ตปติ, โอสธิตารกา วิย วิชฺโชตมานา วิโรจติ จ.
เสยฺยถาปีติ โอปมฺมทสฺสนตฺเถ นิปาโต. ตารกรูปานนฺติ โชตีนํ. จนฺทิยาติ จนฺทสฺส อยนฺติ จนฺที, ตสฺสา จนฺทิยา, ปภาย ชุณฺหายาติ อตฺโถ. วสฺสานนฺติ วสฺสานํ พหุวเสน ลทฺธโวหารสฺส อุตุโน. ปจฺฉิเม มาเสติ กตฺติกมาเส. สรทสมเยติ สรทกาเล. อสฺสยุชกตฺติกมาสา หิ โลเก ‘‘สรทอุตู’’ติ วุจฺจนฺติ. วิทฺเธติ อุพฺพิทฺเธ, เมฆวิคเมน ทูรีภูเตติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘วิคตวลาหเก’’ติ. เทเวติ อากาเส. นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโนติ อุทยฏฺานโต อากาสํ อุลฺลงฺฆนฺโต. ตมคตนฺติ ตมํ. อภิวิหจฺจาติ อภิหนฺตฺวา วิธมิตฺวา. โอสธิตารกาติ อุสฺสนฺนา ปภา เอตาย ธียติ, โอสธีนํ วา อนุพลปฺปทายิกตฺตา โอสธีติ ลทฺธนามา ตารกา.
เอตฺถาห – กสฺมา ปน ภควตา สมาเนปิ โอปธิกภาเว เมตฺตา อิตเรหิ โอปธิกปฺุเหิ วิเสเสตฺวา วุตฺตาติ? วุจฺจเต – เสฏฺฏฺเน นิทฺโทสภาเวน จ สตฺเตสุ สุปฺปฏิปตฺติภาวโต. เสฏฺา หิ เอเต วิหารา, สพฺพสตฺเตสุ สมฺมาปฏิปตฺติภูตานิ ยทิทํ เมตฺตาฌานานิ. ยถา จ พฺรหฺมาโน นิทฺโทสจิตฺตา วิหรนฺติ, เอวํ เอเตหิ สมนฺนาคตา โยคิโน พฺรหฺมสมาว หุตฺวา วิหรนฺติ. ตถา หิเม ‘‘พฺรหฺมวิหารา’’ติ วุจฺจนฺติ. อิติ เสฏฺฏฺเน นิทฺโทสภาเวน จ สตฺเตสุ สุปฺปฏิปตฺติภาวโต เมตฺตาว อิตเรหิ โอปธิกปฺุเหิ วิเสเสตฺวา วุตฺตา.
เอวมฺปิ กสฺมา เมตฺตาว เอวํ วิเสเสตฺวา วุตฺตา? อิตเรสํ พฺรหฺมวิหารานํ อธิฏฺานภาวโต ทานาทีนํ สพฺเพสํ กลฺยาณธมฺมานํ ปริปูริกตฺตา จ. อยฺหิ ¶ สตฺเตสุ หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา เมตฺตา, หิตูปสํหารสา, อาฆาตวินยปจฺจุปฏฺานา. ยทิ อโนธิโส ภาวิตา พหุลีกตา, อถ สุเขเนว กรุณาทิภาวนา สมฺปชฺชนฺตีติ เมตฺตา อิตเรสํ พฺรหฺมวิหารานํ อธิฏฺานํ. ตถา หิ สตฺเตสุ หิตชฺฌาสยตาย สติ เนสํ ทุกฺขาสหนตา, สมฺปตฺติวิเสสานํ จิรฏฺิติกามตา, ปกฺขปาตาภาเวน สพฺพตฺถ สมปฺปวตฺตจิตฺตตา จ สุเขเนว อิชฺฌนฺติ. เอวฺจ สกลโลกหิตสุขวิธานาธิมุตฺตา ¶ มหาโพธิสตฺตา ‘‘อิมสฺส ทาตพฺพํ, อิมสฺส น ทาตพฺพ’’นฺติ อุตฺตมวิจยวเสน ¶ วิภาคํ อกตฺวา สพฺพสตฺตานํ นิรวเสสสุขนิทานํ ทานํ เทนฺติ, หิตสุขตฺถเมว เนสํ สีลํ สมาทิยนฺติ, สีลปริปูรณตฺถํ เนกฺขมฺมํ ภชนฺติ, เตสํ หิตสุเขสุ อสมฺโมหตฺถาย ปฺํ ปริโยทเปนฺติ, หิตสุขาภิวฑฺฒนตฺถเมว ทฬฺหํ วีริยมารภนฺติ, อุตฺตมวีริยวเสน วีรภาวํ ปตฺตาปิ สตฺตานํ นานปฺปการํ หิตชฺฌาสเยเนว อปราธํ ขมนฺติ, ‘‘อิทํ โว ทสฺสาม, กริสฺสามา’’ติอาทินา กตํ ปฏิฺาตํ น วิสํวาเทนฺติ, เตสํ หิตสุขาเยว อจลาธิฏฺานา โหนฺติ. เตสุ อจลาย เมตฺตาย ปุพฺพการิโน หิตชฺฌาสเยเนว เนสํ วิปฺปกาเร อุทาสีนา โหนฺติ, ปุพฺพการิตายปิ น ปจฺจุปการมาสิสนฺตีติ. เอวํ เต ปารมิโย ปูเรตฺวา ยาว ทสพลจตุ-เวสารชฺช-ฉอสาธารณาณ-อฏฺารสาเวณิกพุทฺธธมฺมปฺปเภเท สพฺเพปิ กลฺยาณธมฺเม ปริปูเรนฺติ. เอวํ ทานาทีนํ สพฺเพสํ กลฺยาณธมฺมานํ ปาริปูริกา เมตฺตาติ จ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ สา อิตเรหิ วิเสเสตฺวา วุตฺตา.
อปิจ เมตฺตาย อิตเรหิ โอปธิกปฺุเหิ มหานุภาวตา เวลามสุตฺเตน ทีเปตพฺพา. ตตฺถ หิ ยถา นาม มหตา เวลามสฺส ทานโต เอกสฺส โสตาปนฺนสฺส ทานํ มหปฺผลตรํ วุตฺตํ, เอวํ โสตาปนฺนสตโต เอกสฺส สกทาคามิสฺส ทานํ…เป… ปจฺเจกพุทฺธสตโต ภควโต, ตโตปิ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทานํ, ตโตปิ จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส วิหารทานํ, ตโตปิ สรณคมนํ, ตโตปิ สีลสมาทานํ, ตโตปิ คทฺทูหนมตฺตํ กาลํ เมตฺตาภาวนา มหปฺผลตรา วุตฺตา. ยถาห –
‘‘ยํ ¶ คหปติ เวลาโม พฺราหฺมโณ ทานํ อทาสิ มหาทานํ. โย เจกํ ทิฏฺิสมฺปนฺนํ โภเชยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตรํ. โย จ สตํ ทิฏฺิสมฺปนฺนํ โภเชยฺย…เป… สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺานา เวรมณึ. โย จ อนฺตมโส คทฺทูหนมตฺตมฺปิ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตร’’นฺติ (อ. นิ. ๙.๒๐).
มหคฺคตปฺุภาเวน ปนสฺสา ปริตฺตปฺุโต ¶ สาติสยตาย วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ, น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๕๕๖; สํ. นิ. ๔.๓๖๐). กามาวจรกมฺมฺหิ ปมาณกตํ นาม, มหคฺคตกมฺมํ ปน ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา โอธิสกาโนธิสกผรณวเสน วฑฺฒิตฺวา กตตฺตา อปฺปมาณกตํ นาม. กามาวจรกมฺมํ ตสฺส มหคฺคตกมฺมสฺส อนฺตรา ลคฺคิตุํ วา ตํ กมฺมํ อภิภวิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ คเหตฺวา าตุํ วา น สกฺโกติ, อถ โข มหคฺคตกมฺมเมว ตํ ปริตฺตกมฺมํ มโหโฆ วิย ปริตฺตํ อุทกํ อภิภวิตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฏฺติ, ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา สยเมว พฺรหฺมสหพฺยตํ อุปเนตีติ อยฺหิ ตสฺส อตฺโถติ.
คาถาสุ ¶ โยติ โย โกจิ คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา. เมตฺตนฺติ เมตฺตาฌานํ. อปฺปมาณนฺติ ภาวนาวเสน อารมฺมณวเสน จ อปฺปมาณํ. อสุภภาวนาทโย วิย หิ อารมฺมเณ เอกเทสคฺคหณํ อกตฺวา อนวเสสผรณวเสน อโนธิโสผรณวเสน จ อปฺปมาณารมฺมณตาย ปคุณภาวนาวเสน อปฺปมาณํ. ตนู สํโยชนา โหนฺตีติ เมตฺตาฌานํ ปาทกํ กตฺวา สมฺมสิตฺวา เหฏฺิเม อริยมคฺเค อธิคจฺฉนฺตสฺส สุเขเนว ปฏิฆสํโยชนาทโย ปหียมานา ตนู โหนฺติ. เตนาห ‘‘ปสฺสโต อุปธิกฺขย’’นฺติ. ‘‘อุปธิกฺขโย’’ติ หิ นิพฺพานํ วุจฺจติ. ตฺจสฺส สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน มคฺคาเณน ปสฺสติ. อถ วา ตนู สํโยชนา โหนฺตีติ เมตฺตาฌานปทฏฺานาย วิปสฺสนาย อนุกฺกเมน อุปธิกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปตฺวา ตํ ปสฺสโต ปเคว ทสปิ สํโยชนา ตนู โหนฺติ, ปหียนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา ตนู สํโยชนา โหนฺตีติ ปฏิโฆ เจว ปฏิฆสมฺปยุตฺตสํโยชนา จ ตนุกา โหนฺติ. ปสฺสโต อุปธิกฺขยนฺติ เตสํเยว กิเลสูปธีนํ ขยสงฺขาตํ ¶ เมตฺตํ อธิคมวเสน ปสฺสนฺต สฺสาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
เอวํ กิเลสปฺปหานํ นิพฺพานาธิคมฺจ เมตฺตาภาวนาย สิขาปฺปตฺตมานิสํสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อฺเ อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘เอกมฺปิ เจ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ อทุฏฺจิตฺโตติ เมตฺตาพเลน สุฏฺุ วิกฺขมฺภิตพฺยาปาทตาย พฺยาปาเทน อทูสิตจิตฺโต. เมตฺตายตีติ หิตผรณวเสน เมตฺตํ กโรติ. กุสโลติ อติสเยน กุสลวา มหาปฺุโ, ปฏิฆาทิอนตฺถวิคเมน โว. เขมี เตนาติ เตน เมตฺตายิเตน. สพฺเพ จ ปาเณติ จสทฺโท พฺยติเรเก. มนสานุกมฺปนฺติ จิตฺเตน อนุกมฺปนฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกสตฺตวิสยาปิ ตาว เมตฺตา มหากุสลราสิ, สพฺเพ ปน ปาเณ อตฺตโน ปิยปุตฺตํ วิย หิตผรเณน มนสา อนุกมฺปนฺโต ปหูตํ พหุํ อนปฺปกํ อปริยนฺตํ จตุสฏฺิมหากปฺเปปิ อตฺตโน วิปากปฺปพนฺธํ ปวตฺเตตุํ สมตฺถํ อุฬารปฺุํ อริโย ปริสุทฺธจิตฺโต ปุคฺคโล ปกโรติ นิปฺผาเทติ.
สตฺตสณฺฑนฺติ สตฺตสงฺขาเตน สณฺเฑน สมนฺนาคตํ ภริตํ, สตฺเตหิ อวิรฬํ อากิณฺณมนุสฺสนฺติ อตฺโถ. วิชิตฺวาติ อทณฺเฑน อสตฺเถน ธมฺเมเนว วิชินิตฺวา. ราชิสโยติ อิสิสทิสา ธมฺมิกราชาโน. ยชมานาติ ทานานิ ททมานา. อนุปริยคาติ วิจรึสุ.
อสฺสเมธนฺติอาทีสุ โปราณกราชกาเล กิร สสฺสเมธํ, ปุริสเมธํ, สมฺมาปาสํ, วาจาเปยฺยนฺติ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ อเหสุํ, เยหิ ราชาโน โลกํ สงฺคณฺหึสุ. ตตฺถ นิปฺผนฺนสสฺสโต ทสมภาคคฺคหณํ สสฺสเมธํ นาม, สสฺสสมฺปาทเน, เมธาวิตาติ อตฺโถ. มหาโยธานํ ฉมาสิกํ ภตฺตเวตนานุปฺปทานํ ปุริสเมธํ นาม, ปุริสสงฺคณฺหเน เมธาวิตาติ อตฺโถ. ทลิทฺทมนุสฺสานํ ¶ โปตฺถเก เลขํ คเหตฺวา ตีณิ วสฺสานิ วินา วฑฺฒิยา สหสฺสทฺวิสหสฺสมตฺตธนานุปฺปทานํ สมฺมาปาสํ นาม. ตฺหิ สมฺมา มนุสฺเส ปาเสติ หทเย พนฺธิตฺวา วิย เปติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาปาส’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘ตาต มาตุลา’’ติอาทินา ปน สณฺหวาจาย สงฺคหณํ วาจาเปยฺยํ นาม, เปยฺยวชฺชํ ปิยวาจตาติ อตฺโถ. เอวํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สงฺคหิตํ รฏฺํ อิทฺธฺเจว โหติ ผีตฺจ ปหูตอนฺนปานํ เขมํ ¶ นิรพฺพุทํ. มนุสฺสา มุทา โมทมานา อุเร ปุตฺเต นจฺเจนฺตา อปารุตฆรา วิหรนฺติ ¶ . อิทํ ฆรทฺวาเรสุ อคฺคฬานํ อภาวโต ‘‘นิรคฺคฬ’’นฺติ วุจฺจติ. อยํ โปราณิกา ปเวณิ, อยํ โปราณิกา ปกติ.
อปรภาเค ปน โอกฺกากราชกาเล พฺราหฺมณา อิมานิ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ อิมฺจ รฏฺสมฺปตฺตึ ปริวตฺเตนฺตา อุทฺธมฺมูลํ กตฺวา อสฺสเมธํ ปุริสเมธนฺติอาทิเก ปฺจ ยฺเ นาม อกํสุ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา พฺราหฺมณธมฺมิยสุตฺเต –
‘‘เตสํ อาสิ วิปลฺลาโส, ทิสฺวาน อณุโต อณุํ…เป….
‘‘เต ตตฺถ มนฺเต คนฺเถตฺวา, โอกฺกากํ ตทุปาคมุ’’นฺติ. (สุ. นิ. ๓๐๑-๓๐๔);
ตตฺถ อสฺสเมตฺถ เมธนฺติ พาเธนฺตีติ อสฺสเมโธ. ทฺวีหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส เอกวีสติยูปสฺส เอกสฺมึ ปจฺฉิมทิวเส เอว สตฺตนวุติปฺจปสุสตฆาตภีสนสฺส เปตฺวา ภูมิฺจ ปุริเส จ อวเสสสพฺพวิภวทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. ปุริสเมตฺถ เมธนฺติ พาเธนฺตีติ ปุริสเมโธ. จตูหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธึภูมิยา อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. สมฺมเมตฺถ ปาสนฺติ ขิปนฺตีติ สมฺมาปาโส. ยุคจฺฉิคฺคเฬ ปเวสนทณฺฑกสงฺขาตํ สมฺมํ ขิปิตฺวา ตสฺส ปติโตกาเส เวทึ กตฺวา สํหาริเมหิ ยูปาทีหิ สรสฺสตินทิยา นิมุคฺโคกาสโต ปภุติ ปฏิโลมํ คจฺฉนฺเตน ยชิตพฺพสฺส สตฺรยาคสฺเสตํ อธิวจนํ วาชเมตฺถ ปิวนฺตีติ วาชเปยฺโย. เอเกน ปริยฺเน สตฺตรสหิ ปสูหิ ยชิตพฺพสฺส เพฬุวยูปสฺส สตฺตรสกทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. นตฺถิ เอตฺถ อคฺคโฬติ นิรคฺคโฬ. นวหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธึ ภูมิยา ปุริเสหิ จ อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส สพฺพเมธปริยายนามสฺส อสฺสเมธวิกปฺปสฺเสตํ อธิวจนํ.
จนฺทปฺปภาติ จนฺทปฺปภาย. ตารคณาว สพฺเพติ ยถา สพฺเพปิ ตาราคณา จนฺทิมโสภาย โสฬสิมฺปิ ¶ กลํ นาคฺฆนฺติ, เอวํ เต อสฺสเมธาทโย ¶ ยฺา เมตฺตจิตฺตสฺส วุตฺตลกฺขเณน สุภาวิตสฺส โสฬสิมฺปิ กลํ นานุภวนฺติ, น ปาปุณนฺติ, นาคฺฆนฺตีติ อตฺโถ.
อิทานิ ¶ อปเรปิ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิเก เมตฺตาภาวนาย อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘โย น หนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โยติ เมตฺตาพฺรหฺมวิหารภาวนานุยุตฺโต ปุคฺคโล. น หนฺตีติ เตเนว เมตฺตาภาวนานุภาเวน ทูรวิกฺขมฺภิตพฺยาปาทตาย น กฺจิ สตฺตํ หึสติ, เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ น วิพาธติ วา. น ฆาเตตีติ ปรํ สมาทเปตฺวา น สตฺเต หนาเปติ น วิพาธาเปติ จ. น ชินาตีติ สารมฺภวิคฺคาหิกกถาทิวเสน น กฺจิ ชินาติ สารมฺภสฺเสว อภาวโต, ชานิกรณวเสน วา อฑฺฑกรณาทินา น กฺจิ ชินาติ. น ชาปเยติ ปเรปิ ปโยเชตฺวา ปเรสํ ธนชานึ น การาเปยฺย. เมตฺตํโสติ เมตฺตามยจิตฺตโกฏฺาโส, เมตฺตาย วา อํโส อวิชหนฏฺเน อวยวภูโตติ เมตฺตํโส. สพฺพภูเตสูติ สพฺพสตฺเตสุ. ตโต เอว เวรํ ตสฺส น เกนจีติ อกุสลเวรํ ตสฺส เกนจิปิ การเณน นตฺถิ, ปุคฺคลเวรสงฺขาโต วิโรโธ เกนจิ ปุริเสน สทฺธึ ตสฺส เมตฺตาวิหาริสฺส นตฺถีติ.
เอวเมตสฺมึ เอกกนิปาเต ปฏิปาฏิยา เตรสสุ สุตฺเตสุ สิกฺขาสุตฺตทฺวเย จาติ ปนฺนรสสุ สุตฺเตสุ วิวฏฺฏํ กถิตํ, นีวรณสุตฺตํ สํโยชนสุตฺตํ อปฺปมาทสุตฺตํ อฏฺิสฺจยสุตฺตนฺติ เอเตสุ จตูสุ สุตฺเตสุ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ. อิตเรสุ ปน วฏฺฏเมว กถิตนฺติ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปรมตฺถทีปนิยา
ขุทฺทกนิกาย-อฏฺกถาย
อิติวุตฺตกสฺส เอกกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.