📜
๒. ทุกนิปาโต
๑. ปมวคฺโค
๑. ทุกฺขวิหารสุตฺตวณฺณนา
๒๘. ทุกนิปาตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม ทฺวีหีติ คณนปริจฺเฉโท. ธมฺเมหีติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํ. ทฺวีหิ ธมฺเมหีติ ทฺวีหิ อกุสลธมฺเมหิ. สมนฺนาคโตติ ยุตฺโต. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. ทุกฺขํ วิหรตีติ จตูสุปิ อิริยาปเถสุ กิเลสทุกฺเขน เจว กายิกเจตสิกทุกฺเขน จ ทุกฺขํ วิหรติ. สวิฆาตนฺติ จิตฺตูปฆาเตน เจว กายูปฆาเตน จ สวิฆาตํ. สอุปายาสนฺติ กิเลสูปายาเสน เจว สรีรเขเทน จ พลวอายาสวเสน สอุปายาสํ. สปริฬาหนฺติ กิเลสปริฬาเหน เจว กายปริฬาเหน จ สปริฬาหํ. กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคา. ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคฺคหเณ. อถ วา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทา. ปรํ มรณาติ จุติโต อุทฺธํ. ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขาติ ทุคฺคติสงฺขาตานํ จตุนฺนํ อปายานํ อฺตรา คติ อิจฺฉิตพฺพา, อวสฺสํภาวินีติ อตฺโถ.
อคุตฺตทฺวาโรติ อปิหิตทฺวาโร. กตฺถ ปน อคุตฺตทฺวาโรติ อาห ‘‘อินฺทฺริเยสู’’ติ. เตน มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ อสํวรมาห. ปฏิคฺคหณปริโภควเสน โภชเน มตฺตํ น ชานาตีติ โภชเน อมตฺตฺู. ‘‘อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตาย โภชเน อมตฺตฺุตายา’’ติปิ ปนฺติ.
กถํ ¶ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตา, กถํ วา คุตฺตทฺวารตาติ? กิฺจาปิ หิ จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร วา อสํวโร วา นตฺถิ. น หิ จกฺขุปสาทํ นิสฺสาย สติ วา มุฏฺสฺสจฺจํ วา อุปฺปชฺชติ. อปิจ ยทา รูปารมฺมณํ จกฺขุสฺส อาปาถํ อาคจฺฉติ, ตทา ภวงฺเค ทฺวิกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธ กิริยามโนธาตุ อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ, ตโต ¶ จกฺขุวิฺาณํ ทสฺสนกิจฺจํ, ตโต วิปากมโนธาตุ สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจํ, ตโต วิปากาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ สนฺตีรณกิจฺจํ, ตโต กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ โวฏฺพฺพนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ, ตทนนฺตรํ ชวนํ ชวติ. ตถาปิ เนว ภวงฺคสมเย, น อาวชฺชนาทีนํ อฺตรสมเย ¶ สํวโร วา อสํวโร วา อตฺถิ, ชวนกฺขเณ ปน สเจ ทุสฺสีลฺยํ วา มุฏฺสฺสจฺจํ วา อฺาณํ วา อกฺขนฺติ วา โกสชฺชํ วา อุปฺปชฺชติ, อสํวโร โหติ. เอวํ โหนฺโตปิ โส ‘‘จกฺขุทฺวาเร อสํวโร’’ติ วุจฺจติ. กสฺมา? ยสฺมา ตสฺมึ สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺตํ โหติ ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ยถา กึ? ยถา นคเร จตูสุ ทฺวาเรสุ อสํวุเตสุ กิฺจาปิ อนฺโตฆรทฺวารโกฏฺกคพฺภาทโย สุสํวุตา ตถาปิ อนฺโตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ อรกฺขิตํ อโคปิตเมว โหติ. นครทฺวาเรหิ ปวิสิตฺวา โจรา ยทิจฺฉนฺติ, ตํ หเรยฺยุํ. เอวเมว ชวเน ทุสฺสีลฺยาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ตสฺมึ อสํวเร สติทฺวารมฺปิ อคุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ตสฺมึ ปน อสติ ชวเน สีลาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ทฺวารมฺปิ คุตฺตํ โหติ ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ยถา กึ? ยถา นครทฺวาเรสุ สํวุเตสุ กิฺจาปิ อนฺโตฆรทฺวาราทโย อสํวุตา, ตถาปิ อนฺโตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ สุรกฺขิตํ สุโคปิตเมว โหติ. นครทฺวาเรสุ หิ ปิหิเตสุ โจรานํ ปเวโส นตฺถิ. เอวเมว ชวเน สีลาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ทฺวารมฺปิ คุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ, อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ตสฺมา ชวนกฺขเณ อุปฺปชฺชมาโนปิ ‘‘จกฺขุทฺวาเร สํวโร’’ติ วุจฺจติ. เสสทฺวาเรสุปิ เอเสว นโย. เอวํ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตา, คุตฺตทฺวารตา จ เวทิตพฺพา.
กถํ ปน โภชเน อมตฺตฺู, กถํ วา มตฺตฺูติ ¶ ? โย หิ ปุคฺคโล มหิจฺโฉ หุตฺวา ปฏิคฺคหเณ มตฺตํ น ชานาติ. มหิจฺฉปุคฺคโล หิ ยถา นาม กจฺฉปุฏวาณิโช ปิฬนฺธนภณฺฑกํ หตฺเถน คเหตฺวา อุจฺฉงฺเคปิ ปกฺขิปิตพฺพยุตฺตกํ ปกฺขิปิตฺวา มหาชนสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว ‘‘อสุกํ คณฺหถ, อสุกํ คณฺหถา’’ติ มุเขน อุคฺโฆเสติ, เอวเมว อปฺปมตฺตกมฺปิ อตฺตโน สีลํ วา คนฺถํ วา ธุตงฺคคุณํ วา อนฺตมโส อรฺวาสมตฺตกมฺปิ มหาชนสฺส ชานนฺตสฺเสว สมฺภาเวติ, สมฺภาเวตฺวา จ ปน สกเฏหิปิ อุปนีเต ปจฺจเย ‘‘อล’’นฺติ อวตฺวา ปฏิคฺคณฺหาติ. ตโย หิ ปูเรตุํ น สกฺกา อคฺคิ อุปาทาเนน, สมุทฺโท อุทเกน, มหิจฺโฉ ปจฺจเยหีติ –
‘‘อคฺคิกฺขนฺโธ สมุทฺโท จ, มหิจฺโฉ จาปิ ปุคฺคโล;
พหุเก ปจฺจเย ทินฺเน, ตโยเปเต น ปูรเยติ’’.
มหิจฺฉปุคฺคโล ¶ ¶ หิ วิชาตมาตุยาปิ มนํ คณฺหิตุํ น สกฺโกติ. เอวรูโป หิ อนุปฺปนฺนํ ลาภํ น อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนลาภโต จ ปริหายติ. เอวํ ตาว ปฏิคฺคหเณ อมตฺตฺู โหติ. โย ปน ธมฺเมน สเมน ลทฺธมฺปิ อาหารํ คธิโต มุจฺฉิโต อชฺโฌปนฺโน อนาทีนวทสฺสาวี อนิสฺสรณปฺโ อาหรหตฺถกอลํสาฏกตตฺถวฏฺฏกกากมาสกภุตฺตวมิตกพฺราหฺมณานํ อฺตโร วิย อโยนิโส อนุปาเยน ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ปริภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ. อยํ ปริโภเค อมตฺตฺู นาม.
โย ปน ‘‘ยทิปิ เทยฺยธมฺโม พหุ โหติ, ทายโก อปฺปํ ทาตุกาโม, ทายกสฺส วเสน อปฺปํ คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโม อปฺโป, ทายโก พหุํ ทาตุกาโม, เทยฺยธมฺมสฺส วเสน อปฺปํ คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโม พหุ, ทายโกปิ พหุํ ทาตุกาโม, อตฺตโน ถามํ ตฺวา ปมาณยุตฺตเมว คณฺหาตี’’ติ เอวํ วุตฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ ปมาณชานนสฺส เจว, ‘‘ปฏิสงฺขา ¶ โยนิโส อาหารํ อาหาเรติ, เนว ทวาย, น มทายา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๓๕๕) ‘‘ลทฺธฺจ ปิณฺฑปาตํ อคธิโต อมุจฺฉิโต อนชฺโฌปนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภฺุชตี’’ติ จ อาทินา นเยน วุตฺตสฺส ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฏิสงฺขานปฺาย ชานิตฺวา อาหารปริภฺุชนสงฺขาตสฺส ปริโภเค ปมาณชานนสฺส จ วเสน โภชเน มตฺตฺู โหติ, อยํ โภชเน มตฺตฺู นาม. เอวํ โภชเน อมตฺตฺุตา มตฺตฺุตา จ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
คาถาสุ ปน จกฺขุนฺติอาทีสุ จกฺขตีติ จกฺขุ, รูปํ อสฺสาเทติ, สมวิสมํ อาจิกฺขนฺตํ วิย โหตีติ วา อตฺโถ. สุณาตีติ โสตํ. ฆายตีติ ฆานํ. ชีวิตนิมิตฺตํ อาหารรโส ชีวิตํ, ตํ อวฺหายตีติ ชิวฺหา. กุจฺฉิตานํ อาโยติ กาโย. มนเต วิชานาตีติ มโน. โปราณา ปนาหุ มุนาตีติ มโน, นาฬิยา มินมาโน วิย มหาตุลาย ธารยมาโน วิย จ อารมฺมณํ วิชานาตีติ อตฺโถ. เอวํ ตาเวตฺถ ปทตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ภาวตฺถโต ปน ทุวิธํ จกฺขุ – มํสจกฺขุ จ ปฺาจกฺขุ จ. เตสุ พุทฺธจกฺขุ, สมนฺตจกฺขุ, าณจกฺขุ, ทิพฺพจกฺขุ, ธมฺมจกฺขูติ ปฺจวิธํ ปฺาจกฺขุ. ตตฺถ ‘‘อทฺทสํ โข ¶ อหํ, ภิกฺขเว, พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๓) อิทํ พุทฺธจกฺขุ นาม. ‘‘สมนฺตจกฺขุ วุจฺจติ สพฺพฺุตฺาณ’’นฺติ (จูฬว. โธตกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๓๒) อิทํ สมนฺตจกฺขุ นาม. ‘‘จกฺขุํ อุทปาที’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๕) อิทํ าณจกฺขุ นาม. ‘‘อทฺทสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธนา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๔) อิทํ ทิพฺพจกฺขุ นาม. ‘‘วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาที’’ติ ¶ (ม. นิ. ๒.๓๙๕; มหาว. ๑๖) อิทํ เหฏฺิมมคฺคตฺตยสงฺขาตํ ธมฺมจกฺขุ นาม.
มํสจกฺขุปิ ทุวิธํ – สสมฺภารจกฺขุ, ปสาทจกฺขูติ. ตตฺถ ยฺวายํ อกฺขิกูปเก ปติฏฺิโต เหฏฺา อกฺขิกูปกฏฺิเกน, อุปริ ภมุกฏฺิเกน ¶ , อุภโต อกฺขิกูเฏหิ, อนฺโต มตฺถลุงฺเคน, พหิทฺธา อกฺขิโลเมหิ ปริจฺฉินฺโน มํสปิณฺโฑ, สงฺเขปโต จตสฺโส ธาตุโย – วณฺโณ, คนฺโธ, รโส, โอชาสมฺภโว สณฺานํ ชีวิตํ ภาโว กายปสาโท จกฺขุปสาโทติ จุทฺทส สมฺภารา. วิตฺถารโต จตสฺโส ธาตุโย ตํนิสฺสิตา วณฺณคนฺธรสโอชาสณฺานสมฺภวาติ อิมานิ ทส จตุสมุฏฺานิกตฺตา จตฺตาลีสํ โหนฺติ, ชีวิตํ ภาโว กายปสาโท จกฺขุปสาโทติ จตฺตาริ เอกนฺตกมฺมสมุฏฺาเนวาติ อิเมสํ จตุจตฺตาลีสาย รูปานํ วเสน จตุจตฺตาลีส สมฺภารา. ยํ โลเก ‘‘เสตํ วฏฺฏํ ปุถุลํ วิสฏํ วิปุลํ จกฺขู’’ติ สฺชานนฺโต น จกฺขุํ สฺชานาติ, วตฺถุํ จกฺขุโต สฺชานาติ, โย มํสปิณฺโฑ อกฺขิกูปเก ปติฏฺิโต นฺหารุสุตฺตเกน มตฺถลุงฺเคน อาพทฺโธ, ยตฺถ เสตมฺปิ อตฺถิ กณฺหมฺปิ โลหิตกมฺปิ ปถวีปิ อาโปปิ เตโชปิ วาโยปิ. ยํ เสมฺหุสฺสทตฺตา เสตํ, ปิตฺตุสฺสทตฺตา กณฺหํ, รุหิรุสฺสทตฺตา โลหิตกํ, ปถวุสฺสทตฺตา ปตฺถทฺธํ, อาปุสฺสทตฺตา ปคฺฆรติ, เตชุสฺสทตฺตา ปริฑยฺหติ, วายุสฺสทตฺตา สมฺภมติ, อิทํ สสมฺภารจกฺขุ นาม. โย ปน เอตฺถ สิโต เอตฺถ ปฏิพทฺโธ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท, อิทํ ปสาทจกฺขุ นาม. อิทฺหิ จกฺขุวิฺาณาทีนํ ยถารหํ วตฺถุทฺวารภาเวน ปวตฺตติ.
โสตาทีสุปิ โสตํ ทิพฺพโสตํ, มํสโสตนฺติ ทุวิธํ. เอตฺถ ‘‘ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุณาตี’’ติ อิทํ ทิพฺพโสตํ นาม. มํสโสตํ ปน สสมฺภารโสตํ ปสาทโสตนฺติ ทุวิธนฺติอาทิ สพฺพํ จกฺขุมฺหิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, ตถา ฆานชิวฺหา. กาโย ปน โจปนกาโย, กรชกาโย, สมูหกาโย, ปสาทกาโยติอาทินา พหุวิโธ. ตตฺถ –
‘‘กาเยน ¶ สํวุตา ธีรา, อโถ วาจาย สํวุตา’’ติ. (ธ. ป. ๒๓๔) –
อยํ โจปนกาโย นาม. ‘‘อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ อภินิมฺมินาตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๖; ปฏิ. ม. ๓.๑๔) อยํ กรชกาโย นาม. สมูหกาโย ปน วิฺาณาทิสมูหวเสน อเนกวิโธ อาคโต. ตถา หิ ‘‘ฉ อิเม, อาวุโส, วิฺาณกายา’’ติอาทีสุ ¶ (ม. นิ. ๑.๑๐๑) วิฺาณสมูโห วุตฺโต. ‘‘ฉ ผสฺสกายา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๒๓; ม. นิ. ๑.๙๘) ผสฺสาทิสมูโห ¶ . ตถา ‘‘กายปสฺสทฺธิ กายลหุตา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๑๔) เวทนากฺขนฺธาทโย. ‘‘อิเธกจฺโจ ปถวิกายํ อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, อาโปกายํ เตโชกายํ วาโยกายํ เกสกายํ โลมกาย’’นฺติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๓.๓๕) ปถวาทิสมูโห. ‘‘กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๖) อยํ ปสาทกาโย. อิธาปิ ปสาทกาโย เวทิตพฺโพ. โส หิ กายวิฺาณาทีนํ ยถารหํ วตฺถุทฺวารภาเวน ปวตฺตติ. มโนติ ปน กิฺจาปิ สพฺพํ วิฺาณํ วุจฺจติ, ตถาปิ ทฺวารภาวสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา ทฺวารภูตํ สาวชฺชนํ ภวงฺคํ เวทิตพฺพํ.
เอตานิ ยสฺส ทฺวารานิ อคุตฺตานิ จ ภิกฺขุโนติ ยสฺส ภิกฺขุโน เอตานิ มนจฺฉฏฺานิ ทฺวารานิ สติโวสฺสคฺเคน ปมาทํ อาปนฺนตฺตา สติกวาเฏน อปิหิตานิ. โภชนมฺหิ…เป… อธิคจฺฉตีติ โส ภิกฺขุ วุตฺตนเยน โภชเน อมตฺตฺู อินฺทฺริเยสุ จ สํวรรหิโต ทิฏฺธมฺมิกฺจ โรคาทิวเสน, สมฺปรายิกฺจ ทุคฺคติปริยาปนฺนํ กายทุกฺขํ ราคาทิกิเลสสนฺตาปวเสน, อิจฺฉาวิฆาตวเสน จ เจโตทุกฺขนฺติ สพฺพถาปิ ทุกฺขเมว อธิคจฺฉติ ปาปุณาติ. ยสฺมา เจตเทวํ, ตสฺมา ทุวิเธนปิ ทุกฺขคฺคินา อิธโลเก จ ปรโลเก จ ฑยฺหมาเนน กาเยน ฑยฺหมาเนน เจตสา ทิวา วา ยทิ วา รตฺตึ นิจฺจกาลเมว ตาทิโส ปุคฺคโล ทุกฺขเมว วิหรติ, น ตสฺส สุขวิหารสฺส สมฺภโว, วฏฺฏทุกฺขานติกฺกเม ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สุขวิหารสุตฺตวณฺณนา
๒๙. ทุติเย ¶ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตปนียสุตฺตวณฺณนา
๓๐. ตติเย ตปนียาติ อิธ เจว สมฺปราเย จ ตปนฺติ วิพาเธนฺติ วิเหเนฺตีติ ตปนียา. ตปนํ วา ทุกฺขํ ทิฏฺเ เจว ธมฺเม อภิสมฺปราเย จ ตสฺส อุปฺปาทเนน เจว อนุพลปฺปทาเนน ¶ จ หิตาติ ตปนียา. อถ วา ตปนฺติ ¶ เตนาติ ตปนํ, ปจฺฉานุตาโป, วิปฺปฏิสาโรติ อตฺโถ, ตสฺส เหตุภาวโต หิตาติ ตปนียา. อกตกลฺยาโณติ อกตํ กลฺยาณํ ภทฺทกํ ปฺุํ เอเตนาติ อกตกลฺยาโณ. เสสปททฺวยํ ตสฺเสว เววจนํ. ปฺฺุหิ ปวตฺติหิตตาย อายตึสุขตาย จ ภทฺทกฏฺเน กลฺยาณนฺติ จ กุจฺฉิตสลนาทิอตฺเถน กุสลนฺติ จ ทุกฺขภีรูนํ สํสารภีรูนฺจ รกฺขนฏฺเน ภีรุตฺตาณนฺติ จ วุจฺจติ. กตปาโปติ กตํ อุปจิตํ ปาปํ เอเตนาติ กตปาโป. เสสปททฺวยํ ตสฺเสว เววจนํ. อกุสลกมฺมฺหิ ลามกฏฺเน ปาปนฺติ จ อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณ วิปากกฺขเณ จ โฆรสภาวตาย ลุทฺทนฺติ จ กิเลเสหิ ทูสิตภาเวน กิพฺพิสนฺติ จ วุจฺจติ. อิติ ภควา ‘‘ทฺเว ธมฺมา ตปนียา’’ติ ธมฺมาธิฏฺาเนน อุทฺทิสิตฺวา อกตํ กุสลํ ธมฺมํ กตฺจ อกุสลํ ธมฺมํ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน นิทฺทิสิ. อิทานิ เตสํ ตปนียภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส อกตํ เม กลฺยาณนฺติปิ ตปฺปติ, กตํ เม ปาปนฺติปิ ตปฺปตี’’ติ อาห. จิตฺตสนฺตาเสน ตปฺปติ อนุตปฺปติ อนุโสจตีติ อตฺโถ.
คาถาสุ ทุฏฺุ จริตํ, กิเลสปูติกตฺตา วา ทุฏฺํ จริตนฺติ ทุจฺจริตํ. กาเยน ทุจฺจริตํ, กายโต วา ปวตฺตํ ทุจฺจริตํ กายทุจฺจริตํ. เอวํ วจีมโนทุจฺจริตานิปิ ทฏฺพฺพานิ. อิมานิ จ กายทุจฺจริตาทีนิ กมฺมปถปฺปตฺตานิ อธิปฺเปตานีติ ยํ น กมฺมปถปฺปตฺตํ อกุสลชาตํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ยฺจฺํ โทสสฺหิต’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – ยมฺปิ จ อฺํ กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตตฺตา นิปฺปริยาเยน กายกมฺมาทิสงฺขํ น ลภติ, ราคาทิกิเลสสํสฏฺตฺตา โทสสหิตํ อกุสลํ ตมฺปิ กตฺวาติ อตฺโถ. นิรยนฺติ นิรติอตฺเถน นิรสฺสาทฏฺเน วา นิรยนฺติ ลทฺธนามํ สพฺพมฺปิ ทุคฺคตึ, อยสงฺขาตสุขปฺปฏิกฺเขเปน ¶ วา สพฺพตฺถ สุคติทุคฺคตีสุ นิรยทุกฺขํ. โส ตาทิโส ปุคฺคโล อุปคจฺฉตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
เอตฺถ จ กายทุจฺจริตสฺส ตปนียภาเว นนฺโท ยกฺโข นนฺโท ¶ มาณวโก นนฺโท โคฆาตโก ทฺเว ภาติกาติ เอเตสํ วตฺถูนิ กเถตพฺพานิ. เต กิร คาวึ วธิตฺวา มํสํ ทฺเว โกฏฺาเส อกํสุ. ตโต กนิฏฺโ เชฏฺํ อาห – ‘‘มยฺหํ ทารกา พหู, อิมานิ เม อนฺตานิ เทหี’’ติ. อถ นํ เชฏฺโ – ‘‘สพฺพํ มํสํ ทฺเวธา วิภตฺตํ, ปุน กิมคฺคเหสี’’ติ ปหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. นิวตฺติตฺวา จ นํ โอโลเกนฺโต มตํ ทิสฺวา ‘‘ภาริยํ วต มยา กตํ, สฺวาหํ อการเณเนว นํ มาเรสิ’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. อถสฺส พลววิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺชิ. โส ิตฏฺาเนปิ นิสินฺนฏฺาเนปิ ตเทว กมฺมํ อาวชฺเชติ, จิตฺตสฺสาทํ น ลภติ, อสิตปีตขายิตมฺปิสฺส สรีเร โอชํ น ผรติ, อฏฺิจมฺมมตฺตเมว อโหสิ. อถ นํ เอโก เถโร ปุจฺฉิ ‘‘อุปาสก, ตฺวํ อติวิย กิโส อฏฺิจมฺมมตฺโต ชาโต, กีทิโส เต โรโค, อุทาหุ ¶ อตฺถิ กิฺจิ ตปนียํ กมฺมํ กต’’นฺติ? โส ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ สพฺพํ อาโรเจสิ. อถสฺส โส ‘‘ภาริยํ เต, อุปาสก, กมฺมํ กตํ, อนปราธฏฺาเน อปรทฺธ’’นฺติ อาห. โส เตเนว กมฺมุนา กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ. วจีทุจฺจริตสฺส ปน สุปฺปพุทฺธสกฺกโกกาลิกจิฺจมาณวิกาทีนํ วตฺถูนิ กเถตพฺพานิ, มโนทุจฺจริตสฺส อุกฺกลชยภฺาทีนํ.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อตปนียสุตฺตวณฺณนา
๓๑. จตุตฺเถ ตติเย วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปมสีลสุตฺตวณฺณนา
๓๒. ปฺจเม ปาปเกน จ สีเลนาติ ปาปกํ นาม สีลํ สีลเภทกโร อสํวโรติ วทนฺติ. ตตฺถ ยทิ อสํวโร อสีลเมว ตํทุสฺสีลฺยภาวโต, กถํ สีลนฺติ วุจฺจติ? ตตฺถายํ อธิปฺปาโย สิยา ¶ – ยถา นาม โลเก อทิฏฺํ ‘‘ทิฏฺ’’นฺติ วุจฺจติ, อสีลวา ‘‘สีลวา’’ติ, เอวมิธาปิ อสีลมฺปิ อสํวโรปิ ¶ ‘‘สีล’’นฺติ โวหรียติ. อถ วา ‘‘กตเม จ, ถปติ, อกุสลา สีลา? อกุสลํ กายกมฺมํ, อกุสลํ วจีกมฺมํ, ปาปโก อาชีโว’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๖๔) วจนโต อกุสลธมฺเมสุปิ อตฺเถว สีลสมฺา, ตสฺมา ปริจยวเสน สภาวสิทฺธิ วิย ปกติภูโต สพฺโพ สมาจาโร ‘‘สีล’’นฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ ยํ อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน อกุสลํ ลามกํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ปาปเกน จ สีเลนา’’ติ. ปาปิกาย จ ทิฏฺิยาติ สพฺพาปิ มิจฺฉาทิฏฺิโย ปาปิกาว. วิเสสโต ปน อเหตุกทิฏฺิ, อกิริยทิฏฺิ, นตฺถิกทิฏฺีติ อิมา ติวิธา ทิฏฺิโย ปาปิกตรา. ตตฺถ ปาปเกน สีเลน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ปโยควิปนฺโน โหติ, ปาปิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต อาสยวิปนฺโน โหติ, เอวํ ปโยคาสยวิปนฺโน ปุคฺคโล นิรยูปโค โหติเยว. เตน วุตฺตํ ‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ทฺวีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต, เอวํ นิรเย’’ติ. เอตฺถ จ ‘‘ทฺวีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต’’ติ อิทํ ลกฺขณวจนํ ทฏฺพฺพํ, น ตนฺตินิทฺเทโส. ยถา ตํ โลเก ‘‘ยทิเม พฺยาธิตา ¶ สิยุํ, อิเมสํ อิทํ เภสชฺชํ ทาตพฺพ’’นฺติ. อฺเสุปิ อีทิเสสุ าเนสุ เอเสว นโย. ทุปฺปฺโติ นิปฺปฺโ.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ทุติยสีลสุตฺตวณฺณนา
๓๓. ฉฏฺเ ภทฺทเกน จ สีเลนาติ กายสุจริตาทิจตุปาริสุทฺธิสีเลน. ตฺหิ อขณฺฑาทิสีลภาเวน สยฺจ กลฺยาณํ, สมถวิปสฺสนาทิกลฺยาณคุณาวหํ จาติ ‘‘ภทฺทก’’นฺติ วุจฺจติ. ภทฺทิกาย จ ทิฏฺิยาติ กมฺมสฺสกตาาเณน เจว กมฺมปถสมฺมาทิฏฺิยา จ. ตตฺถ ภทฺทเกน สีเลน ปโยคสมฺปนฺโน โหติ, ภทฺทิกาย ทิฏฺิยา อาสยสมฺปนฺโน. อิติ ปโยคาสยสมฺปนฺโน ปุคฺคโล สคฺคูปโค โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อิเมหิ, โข, ภิกฺขเว, ทฺวีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต, เอวํ สคฺเค’’ติ. สปฺปฺโติ ปฺวา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อาตาปีสุตฺตวณฺณนา
๓๔. สตฺตเม ¶ ¶ อนาตาปีติ กิเลสานํ อาตาปนฏฺเน อาตาโป, วีริยํ, โส เอตสฺส อตฺถีติ อาตาปี, น อาตาปี อนาตาปี, สมฺมปฺปธานวิรหิโต กุสีโตติ วุตฺตํ โหติ. โอตฺตาโป วุจฺจติ ปาปุตฺราโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ โอตฺตาปี, น โอตฺตาปี อโนตฺตาปี, โอตฺตาปรหิโต. อถ วา อาตาปปฺปฏิปกฺโข อนาตาโป, โกสชฺชํ โส อสฺส อตฺถีติ อนาตาปี. ยํ ‘‘น โอตฺตปติ โอตฺตปฺปิตพฺเพน, น โอตฺตปติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา’’ติ เอวํ วุตฺตํ, ตํ อโนตฺตปฺปํ อโนตฺตาโป. โส อสฺส อตฺถีติ อโนตฺตาปีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อภพฺโพติ อนรโห. สมฺโพธายาติ อริยมคฺคตฺถาย. นิพฺพานายาติ กิเลสานํ อจฺจนฺตวูปสมาย อมตมหานิพฺพานาย. อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺสาติ อรหตฺตผลสฺส. ตฺหิ อุตฺตริตรสฺส อภาวโต อนุตฺตรํ, จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา เขมํ นิพฺภยนฺติ โยคกฺเขมนฺติ จ ¶ วุจฺจติ. อธิคมายาติ ปตฺติยา. อาตาปีติ วีริยวา. โส หิ ‘‘อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๕) เอวํ วุตฺเตน วีริยารมฺเภน สมนฺนาคโต กิเลสานํ อจฺจนฺตเมว อาตาปนสีโลติ อาตาปี. โอตฺตาปีติ ‘‘ยํ โอตฺตปติ โอตฺตปฺปิตพฺเพน, โอตฺตปติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา’’ติ (ธ. ส. ๓๑) เอวํ วุตฺเตน โอตฺตปฺเปน สมนฺนาคตตฺตา โอตฺตปนสีโลติ โอตฺตปฺปี. อยฺหิ โอตฺตาปีติ วุตฺโต. ตทวินาภาวโต หิริยา จ สมนฺนาคโต เอว โหตีติ หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺโน อณุมตฺเตปิ วชฺเช ภยทสฺสาวี สีเลสุ ปริปูรการี โหติ. อิจฺจสฺส สีลสมฺปทา ทสฺสิตา. อาตาปีติ ¶ อิมินา นเยนสฺส กิเลสปริตาปิตาทีปเนน สมถวิปสฺสนาภาวนานุยุตฺตตา ทสฺสิตา. ยถาวุตฺตฺจ วีริยํ สทฺธาสติสมาธิปฺาหิ วินา น โหตีติ วิมุตฺติปริปาจกานิ สทฺธาปฺจมานิ อินฺทฺริยานิ อตฺถโต วุตฺตาเนว โหนฺติ. เตสุ จ สิทฺเธสุ อนิจฺเจ อนิจฺจสฺา, อนิจฺเจ ทุกฺขสฺา, ทุกฺเข อนตฺตสฺา, ปหานสฺา, วิราคสฺา, นิโรธสฺาติ ฉ นิพฺเพธภาคิยา สฺา สิทฺธา เอวาติ. เอวํ อิเมหิ ทฺวีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส โลกิยานํ ¶ สีลสมาธิปฺานํ สิชฺฌนโต มคฺคผลนิพฺพานาธิคมสฺส ภพฺพตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาตาปี จ โข…เป… อธิคมายา’’ติ อาห.
คาถาสุ กุสีโตติ มิจฺฉาวิตกฺกพหุลตาย กามพฺยาปาทวิหึสาวิตกฺกสงฺขาเตหิ กุจฺฉิเตหิ ปาปธมฺเมหิ สิโต สมฺพนฺโธ ยุตฺโตติ กุสีโต. กุจฺฉิตํ วา สีทติ สมฺมาปฏิปตฺติโต อวสีทตีติ กุสีโต, ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา. หีนวีริโยติ นิพฺพีริโย, จตูสุปิ อิริยาปเถสุ วีริยกรณรหิโต. อนุสฺสาหสํหนนสภาวสฺส จิตฺตาลสิยสฺส ถินสฺส, อสตฺติวิฆาตสภาวสฺส กายาลสิยสฺส มิทฺธสฺส จ อภิณฺหปฺปวตฺติยา ถินมิทฺธพหุโล. ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณาย หิริยา อภาเวน ตปฺปฏิปกฺเขน อหิริเกน สมนฺนาคตตฺตา จ อหิริโก. หิโรตฺตปฺปวีริยานํ อภาเวเนว สมฺมาปฏิปตฺติยํ นตฺถิ เอตสฺส อาทโรติ อนาทโร. อุภยถาปิ ตถา ธมฺมปุคฺคเลน ทุวิธกิริยากรเณน อนาทโร. ผุฏฺุนฺติ ผุสิตุํ. สมฺโพธิมุตฺตมนฺติ สมฺโพธิสงฺขาตํ อุตฺตมํ อรหตฺตํ อธิคนฺตุํ อภพฺโพติ อตฺโถ.
สติมาติ จิรกตจิรภาสิตานํ อนุสฺสรเณ สมตฺถสฺส สติเนปกฺกสฺส ภาเวน จตุสติปฏฺานโยเคน สติมา. นิปโกติ สตฺตฏฺานิยสมฺปชฺสงฺขาเตน เจว กมฺมฏฺานปริหรณปฺาสงฺขาเตน จ เนปกฺเกน สมนฺนาคตตฺตา นิปโก. ฌายีติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จาติ ทฺวีหิปิ ฌาเนหิ ฌายี. อปฺปมตฺโตติ ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณิเยหิ ¶ ธมฺเมหิ ¶ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติอาทินา นเยน กมฺมฏฺานภาวนาย อปฺปมตฺโต. สํโยชนํ ชาติชราย เฉตฺวาติ ชาติยา เจว ชราย จ สตฺเต สํโยเชตีติ สํโยชนนฺติ ลทฺธนามํ กามราคาทิกํ ทสวิธมฺปิ กิเลสชาตํ อนุสยสมุคฺฆาตวเสน มูลโต ฉินฺทิตฺวา. อถ วา สํโยชนํ ชาติชราย เฉตฺวาติ ชาติชราย สํโยชนํ ฉินฺทิตฺวา. ยสฺส หิ สํโยชนานิ อจฺฉินฺนานิ, ตสฺส ชาติชราย อจฺเฉโท อสมุคฺฆาโตว. ยสฺส ปน ตานิ ฉินฺนานิ, ตสฺส ชาติชราปิ ฉินฺนาว การณสฺส สมุคฺฆาติตตฺตา. ตสฺมา สํโยชนํ ฉินฺทนฺโต เอว ชาติชราปิ ฉินฺทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สํโยชนํ ชาติชราย ¶ เฉตฺวา’’ติ. อิเธว สมฺโพธิมนุตฺตรํ ผุเสติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อคฺคมคฺคํ อรหตฺตํ วา ผุเส ปาปุเณยฺย.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ปมนกุหนสุตฺตวณฺณนา
๓๕. อฏฺเม นยิทนฺติ เอตฺถ นอิติ ปฏิเสเธ นิปาโต, ตสฺส ‘‘วุสฺสตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ, ยกาโร ปทสนฺธิกโร. อิทํ-สทฺโท ‘‘เอกมิทาหํ, ภิกฺขเว, สมยํ อุกฺกฏฺายํ วิหรามิ สุภควเน สาลราชมูเล’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๕๐๑) นิปาตมตฺตํ. ‘‘อิทํ โข ตํ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตกํ โอรมตฺตกํ สีลมตฺตก’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๗) ยถาวุตฺเต อาสนฺนปจฺจกฺเข อาคโต.
‘‘อิทฺหิ ตํ เชตวนํ, อิสิสงฺฆนิเสวิตํ;
อาวุตฺถํ ธมฺมราเชน, ปีติสฺชนนํ มมา’’ติ. –
อาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๔๘) วกฺขมาเน อาสนฺนปจฺจกฺเข. อิธาปิ วกฺขมาเนเยว อาสนฺนปจฺจกฺเข ทฏฺพฺโพ.
พฺรหฺมจริย-สทฺโท –
‘‘กึ เต วตํ กึ ปน พฺรหฺมจริยํ,
กิสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;
อิทฺธี ¶ ชุตี พลวีริยูปปตฺติ,
อิทฺจ เต นาค มหาวิมานํ.
‘‘อหฺจ ¶ ภริยา จ มนุสฺสโลเก,
สทฺธา อุโภ ทานปตี อหุมฺหา;
โอปานภูตํ เม ฆรํ ตทาสิ,
สนฺตปฺปิตา สมณพฺราหฺมณา จ.
‘‘ตํ เม วตํ ตํ ปน พฺรหฺมจริยํ,
ตสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;
อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ,
อิทฺจ เม ธีร มหาวิมาน’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๕๙๒-๑๕๙๓, ๑๕๙๕) –
อิมสฺมึ ¶ ปุณฺณกชาตเก ทาเน อาคโต.
‘‘เกน ปาณิ กามทโท, เกน ปาณิ มธุสฺสโว;
เกน เต พฺรหฺมจริเยน, ปฺุํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌติ.
‘‘เตน ปาณิ กามทโท, เตน ปาณิ มธุสฺสโว;
เตน เม พฺรหฺมจริเยน, ปฺุํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌตี’’ติ. (เป. ว. ๒๗๕, ๒๗๗) –
อิมสฺมึ องฺกุรเปตวตฺถุสฺมึ เวยฺยาวจฺเจ. ‘‘อิทํ โข ตํ, ภิกฺขเว, ติตฺติริยํ นาม พฺรหฺมจริยํ อโหสี’’ติ (จูฬว. ๓๑๑) อิมสฺมึ ติตฺติรชาตเก ปฺจสิกฺขาปทสีเล. ‘‘ตํ โข ปน, ปฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เนว นิพฺพิทาย น วิราคาย…เป… ยาวเทว พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒๙) อิมสฺมึ มหาโควินฺทสุตฺเต พฺรหฺมวิหาเร. ‘‘ปเร อพฺรหฺมจารี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ พฺรหฺมจาริโน ภวิสฺสามา’’ติ (ม. นิ. ๑.๘๓) สลฺเลขสุตฺเต เมถุนวิรติยํ.
‘‘มยฺจ ¶ ภริยา นาติกฺกมาม,
อมฺเห จ ภริยา นาติกฺกมนฺติ;
อฺตฺร ตาหิ พฺรหฺมจริยํ จราม,
ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๙๗) –
มหาธมฺมปาลชาตเก สทารสนฺโตเส. ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, จตุรงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ ¶ จริตา – ตปสฺสี สุทํ โหมี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๕) โลมหํสสุตฺเต วีริเย.
‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติ. (ชา. ๑.๘.๗๕) –
นิมิชาตเก อตฺตทมนวเสน กเต อฏฺงฺคิกอุโปสเถ. ‘‘อิทํ โข ปน, ปฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย…เป… อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒๙) มหาโควินฺทสุตฺเตเยว อริยมคฺเค. ‘‘ตยิทํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิต’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๗๔) ปาสาทิกสุตฺเต สิกฺขตฺตยสงฺคเห สกลสฺมึ สาสเน. อิธาปิ อริยมคฺเค สาสเน จ วตฺตติ.
วุสฺสตีติ ¶ วสียติ, จรียตีติ อตฺโถ. ชนกุหนตฺถนฺติ ‘‘อโห อยฺโย สีลวา วตฺตสมฺปนฺโน อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติอาทินา ชนสฺส สตฺตโลกสฺส วิมฺหาปนตฺถํ. ชนลปนตฺถนฺติ ‘‘เอวรูปสฺส นาม อยฺยสฺส ทินฺนํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ ปสนฺนจิตฺเตหิ ‘‘เกนตฺโถ, กึ อาหรียตู’’ติ มนุสฺเสหิ วทาปนตฺถํ. ลาภสกฺการสิโลกานิสํสตฺถนฺติ ยฺวายํ ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘ลาภี อสฺสํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’นฺติ, สีเล-สฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๕) สีลานิสํสภาเวน วุตฺโต จตุปจฺจยลาโภ, โย จ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ สกฺกจฺจทานสงฺขาโต อาทรพหุมานครุกรณสงฺขาโต จ สกฺกาโร, โย จ ‘‘สีลสมฺปนฺโน พหุสฺสุโต สุตธโร อารทฺธวีริโย’’ติอาทินา นเยน อุคฺคตถุติโฆสสงฺขาโต สิโลโก พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ ทิฏฺธมฺมิโก อานิสํโส, ตทตฺถํ. อิติ มํ ชโน ชานาตูติ ‘‘เอวํ พฺรหฺมจริยวาเส สติ ‘อยํ สีลวา กลฺยาณธมฺโม’ติอาทินา มํ ชโน ชานาตุ สมฺภาเวตู’’ติ ¶ อตฺตโน สนฺตคุณวเสน สมฺภาวนตฺถมฺปิ น อิทํ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.
เกจิ ¶ ปน ‘‘ชนกุหนตฺถนฺติ ปาปิจฺฉสฺส อิจฺฉาปกตสฺส สโต สามนฺตชปฺปนอิริยาปถนิสฺสิตปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาเตน ติวิเธน กุหนวตฺถุนา กุหนภาเวน ชนสฺส วิมฺหาปนตฺถํ. ชนลปนตฺถนฺติ ปาปิจฺฉสฺเสว สโต ปจฺจยตฺถํ ปริกโถภาสาทิวเสน ลปนภาเวน อุปลาปนภาเวน วา ชนสฺส ลปนตฺถํ. ลาภสกฺการสิโลกานิสํสตฺถนฺติ ปาปิจฺฉสฺเสว สโต ลาภาทิครุตาย ลาภสกฺการสิโลกสงฺขาตสฺส อานิสํสอุทยสฺส นิปฺผาทนตฺถํ. อิติ มํ ชโน ชานาตูติ ปาปิจฺฉสฺเสว สโต อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาเยน ‘อิติ เอวํ มํ ชโน ชานาตู’ติ น อิทํ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ เอวเมตฺถ อตฺถํ วทนฺติ. ปุริโมเยว ปน อตฺโถ สารตโร.
อถ โขติ เอตฺถ อถาติ อฺทตฺเถ นิปาโต, โขติ อวธารเณ. เตน กุหนาทิโต อฺทตฺถาเยว ปน อิทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตีติ ทสฺเสติ. อิทานิ ตํ ปโยชนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สํวรตฺถฺเจว ปหานตฺถฺจา’’ติ ¶ อาห. ตตฺถ ปฺจวิโธ สํวโร – ปาติโมกฺขสํวโร, สติสํวโร, าณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ.
ตตฺถ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) หิ อาทินา นเยน อาคโต อยํ ปาติโมกฺขสํวโร นาม, โย สีลสํวโรติ จ ปวุจฺจติ. ‘‘รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๑๓; ม. นิ. ๑.๒๙๕; สํ. นิ. ๔.๒๓๙; อ. นิ. ๓.๑๖) อาคโต อยํ สติสํวโร.
‘‘ยานิ โสตานิ โลกสฺมึ (อชิตาติ ภควา),
สติ เตสํ นิวารณํ;
โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ,
ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๑) –
อาคโต ¶ อยํ าณสํวโร. ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) นเยน อาคโต อยํ ขนฺติสํวโร. ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) นเยน อาคโต อยํ วีริยสํวโร. อตฺถโต ปน ปาณาติปาตาทีนํ ปชหนวเสน, วตฺตปฏิวตฺตานํ กรณวเสน จ ปวตฺตา เจตนา วิรติโย จ. สงฺเขปโต สพฺโพ กายวจีสํยโม, วิตฺถารโต สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกโม สีลสํวโร. สติ เอว สติสํวโร, สติปฺปธานา วา กุสลา ขนฺธา. าณเมว าณสํวโร. อธิวาสนวเสน อโทโส, อโทสปฺปธานา วา ตถา ปวตฺตา ¶ กุสลา ขนฺธา ขนฺติสํวโร, ปฺาติ เอเก. กามวิตกฺกาทีนํ อนธิวาสนวเสน ปวตฺตํ วีริยเมว วีริยสํวโร. เตสุ ปโม กายทุจฺจริตาทิทุสฺสีลฺยสฺส สํวรณโต สํวโร, ทุติโย มุฏฺสฺสจฺจสฺส, ตติโย อฺาณสฺส, จตุตฺโถ อกฺขนฺติยา, ปฺจโม โกสชฺชสฺส สํวรณโต ปิทหนโต สํวโรติ เวทิตพฺโพ. เอวเมตสฺส สํวรสฺส อตฺถาย สํวรตฺถํ, สํวรนิปฺผาทนตฺถนฺติ อตฺโถ.
ปหานมฺปิ ปฺจวิธํ – ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา เอกกนิปาเต ปมสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตเมว. ตสฺส ปน ปฺจวิธสฺสปิ ตถา ตถา ราคาทิกิเลสานํ ¶ ปฏินิสฺสชฺชนฏฺเน สมติกฺกมนฏฺเน วา ปหานสฺส อตฺถาย ปหานตฺถํ, ปหานสาธนตฺถนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ สํวเรน กิเลสานํ จิตฺตสนฺตาเน ปเวสนนิวารณํ ปหาเนน ปเวสนนิวารณฺเจว สมุคฺฆาโต จาติ วทนฺติ. อุภเยนาปิ ปน ยถารหํ อุภยํ สมฺปชฺชตีติ ทฏฺพฺพํ. สีลาทิธมฺมา เอว หิ สํวรณโต สํวโร, ปชหนโต ปหานนฺติ.
คาถาสุ อนีติหนฺติ อีติโย วุจฺจนฺติ อุปทฺทวา – ทิฏฺธมฺมิกา จ สมฺปรายิกา จ. อีติโย หนติ วินาเสติ ปชหตีติ อีติหํ, อนุ อีติหนฺติ อนีติหํ, สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยฺจ. อถ วา อีตีหิ อนตฺเถหิ ¶ สทฺธึ หนนฺติ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ อีติหา, ตณฺหาทิอุปกฺกิเลสา. นตฺถิ เอตฺถ อีติหาติ อนีติหํ. อีติหา วา ยถาวุตฺเตนฏฺเน ติตฺถิยสมยา, ตปฺปฏิปกฺขโต อิทํ อนีติหํ. ‘‘อนิติห’’นฺติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – ‘‘อิติหาย’’นฺติ ธมฺเมสุ อเนกํสคฺคาหภาวโต วิจิกิจฺฉา อิติหํ นาม, สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตตฺตา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺตานํ นิกฺกงฺขภาวสาธนโต นตฺถิ เอตฺถ อิติหนฺติ อนิติหํ, อปรปฺปจฺจยนฺติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’ติ ‘‘อตกฺกาวจโร’’ติ จ. คาถาสุขตฺถํ ปน ‘‘อนีติห’’นฺติ ทีฆํ กตฺวา ปนฺติ.
นิพฺพานสงฺขาตํ โอคธํ ปติฏฺํ ปารํ คจฺฉตีติ นิพฺพาโนคธคามี, วิมุตฺติรสตฺตา เอกนฺเตเนว นิพฺพานสมฺปาปโกติ อตฺโถ. ตํ นิพฺพาโนคธคามินํ พฺรหฺมจริยํ. โสติ โย โส สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภินฺทิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, โส ภควา อเทสยิ เทเสสิ. นิพฺพาโนคโธติ วา อริยมคฺโค วุจฺจติ. เตน วินา นิพฺพาโนคาหนสฺส อสมฺภวโต ตสฺส จ นิพฺพานํ อนาลมฺพิตฺวา อปฺปวตฺตนโต, ตฺจ ตํ เอกนฺตํ คจฺฉตีติ นิพฺพาโนคธคามี. อถ วา นิพฺพาโนคธคามินนฺติ นิพฺพานสฺส อนฺโตคามินํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ ¶ , นิพฺพานํ อารมฺมณํ กริตฺวา ตสฺส อนฺโต เอว วตฺตติ ปวตฺตตีติ. มหตฺเตหีติ มหาอาตุเมหิ อุฬารชฺฌาสเยหิ. มหนฺตํ นิพฺพานํ, มหนฺเต วา สีลกฺขนฺธาทิเก เอสนฺติ คเวสนฺตีติ มเหสิโน พุทฺธาทโย อริยา. เตหิ อนุยาโต ปฏิปนฺโน. ยถา พุทฺเธน เทสิตนฺติ ยถา อภิฺเยฺยาทิธมฺเม อภิฺเยฺยาทิภาเวเนว สมฺมาสมฺพุทฺเธน มยา เทสิตํ, เอวํ เย เอตํ ¶ มคฺคพฺรหฺมจริยํ ตทตฺถํ สาสนพฺรหฺมจริยฺจ ปฏิปชฺชนฺติ. เต ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺเถหิ ¶ ยถารหํ อนุสาสนฺตสฺส สตฺถุ มยฺหํ สาสนการิโน โอวาทปฺปฏิกรา สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตํ ปริยนฺตํ อปฺปวตฺตึ กริสฺสนฺติ, ทุกฺขสฺส วา อนฺตํ นิพฺพานํ สจฺฉิกริสฺสนฺตีติ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ทุติยนกุหนสุตฺตวณฺณนา
๓๖. นวเม อภิฺตฺถนฺติ กุสลาทิวิภาเคน ขนฺธาทิวิภาเคน จ สพฺพธมฺเม อภิวิสิฏฺเน าเณน อวิปรีตโต ชานนตฺถํ. ปริฺตฺถนฺติ เตภูมกธมฺเม ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา ปริชานนตฺถํ สมติกฺกมนตฺถฺจ. ตตฺถ อภิฺเยฺยอภิชานนา จตุสจฺจวิสยา. ปริฺเยฺยปริชานนา ปน ยทิปิ ทุกฺขสจฺจวิสยา, ปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมเยหิ ปน วินา น ปวตฺตตีติ ปหานาทโยปิ อิธ คหิตาติ เวทิตพฺพํ. เสสํ อนนฺตรสุตฺเต วุตฺตตฺถเมว.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. โสมนสฺสสุตฺตวณฺณนา
๓๗. ทสเม สุขโสมนสฺสพหุโลติ เอตฺถ สุขนฺติ กายิกํ สุขํ, โสมนสฺสนฺติ เจตสิกํ. ตสฺมา ยสฺส กายิกํ เจตสิกฺจ สุขํ อภิณฺหํ ปวตฺตติ, โส สุขโสมนสฺสพหุโลติ วุตฺโต. โยนีติ ‘‘จตสฺโส โข อิมา, สาริปุตฺต, โยนิโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๒) ขนฺธโกฏฺาโส โยนีติ อาคโต. ‘‘โยนิ เหสา, ภูมิช, ผลสฺส อธิคมายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๒๖) การณํ.
‘‘น ¶ จาหํ พฺราหฺมณํ พฺรูมิ, โยนิชํ มตฺติสมฺภว’’นฺติ จ. (ม. นิ. ๒.๔๕๗; ธ. ป. ๓๙๖; สุ. นิ. ๖๒๕);
‘‘ตเมนํ กมฺมชา วาตา นิพฺพตฺติตฺวา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ สมฺปริวตฺเตตฺวา มาตุ โยนิมุเข สมฺปฏิปาเทนฺตี’’ติ จ อาทีสุ ปสฺสาวมคฺโค. อิธ ปน การณํ ¶ อธิปฺเปตํ. อสฺสาติ อเนน. อารทฺธาติ ปฏฺปิตา ปคฺคหิตา ปริปุณฺณา สมฺปาทิตา วา.
อาสวานํ ¶ ขยายาติ เอตฺถ อาสวนฺตีติ อาสวา, จกฺขุโตปิ…เป… มนโตปิ สวนฺติ ปวตฺตนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมโต ยาว โคตฺรภู, โอกาสโต ยาว ภวคฺคา สวนฺตีติ วา อาสวา. เอเต ธมฺเม เอตฺจ โอกาสํ อนฺโต กริตฺวา ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อนฺโตกรณตฺโถ หิ อยํ อากาโร. จิรปาริวาสิยฏฺเน มทิราทโย อาสวา วิยาติปิ อาสวา. โลเก หิ จิรปาริวาสิกา มทิราทโย อาสวาติ วุจฺจนฺติ. ยทิ จ จิรปาริวาสิยฏฺเน อาสวา, เอเต เอว ภวิตุํ อรหนฺติ. วุตฺตํ เหตํ – ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชาย, อิโต ปุพฺเพ อวิชฺชา นาโหสี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๐.๖๑). อายตํ สํสารทุกฺขํ สวนฺติ ปสวนฺตีติปิ อาสวา. ปุริมานิ เจตฺถ นิพฺพจนานิ ยตฺถ กิเลสา อาสวาติ อาคตา, ตตฺถ ยุชฺชนฺติ; ปจฺฉิมํ กมฺเมปิ. น เกวลฺจ กมฺมกิเลสา เอว อาสวา, อปิจ โข นานปฺปการา อุปทฺทวาปิ. อภิธมฺเม หิ ‘‘จตฺตาโร อาสวา – กามาสโว, ภวาสโว, ทิฏฺาสโว, อวิชฺชาสโว’’ติ (ธ. ส. ๑๑๐๒) กามราคาทโย กิเลสา อาสวาติ อาคตา. สุตฺเตปิ ‘‘นาหํ, จุนฺท, ทิฏฺธมฺมิกานํเยว อาสวานํ สํวราย ธมฺมํ เทเสมี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๒) เอตฺถ วิวาทมูลภูตา กิเลสา อาสวาติ อาคตา.
‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;
ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺย, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;
เต มยฺหํ, อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖) –
เอตฺถ เตภูมกํ กมฺมํ อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา. ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ (ปารา. ๓๙) เอตฺถ ปรูปฆาตวิปฺปฏิสารวธพนฺธาทโย เจว อปายทุกฺขภูตา นานปฺปการา อุปทฺทวา จ.
เต ¶ ปเนเต อาสวา วินเย ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย, สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ ทฺเวธา อาคตา. สฬายตเน ‘‘ตโยเม, อาวุโส, อาสวา – กามาสโว, ภวาสโว, อวิชฺชาสโว’’ติ ¶ ¶ (สํ. นิ. ๔.๓๒๑) ติธา อาคตา. ตถา อฺเสุ สุตฺตนฺเตสุ. อภิธมฺเม เตเยว ทิฏฺาสเวน สทฺธึ จตุธา อาคตา. นิพฺเพธิกปริยาเย ปน ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา นิรยคมนียา, อตฺถิ อาสวา ติรจฺฉานโยนิคมนียา, อตฺถิ อาสวา เปตฺติวิสยคมนียา, อตฺถิ อาสวา มนุสฺสโลกคมนียา, อตฺถิ อาสวา เทวโลกคมนียา’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๓) ปฺจธา อาคตา. กมฺมเมว เจตฺถ อาสวาติ อธิปฺเปตํ. ฉกฺกนิปาเต ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวรา ปหาตพฺพา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน ฉธา อาคตา. สพฺพาสวปริยาเย เตเยว ทสฺสนปหาตพฺเพหิ ธมฺเมหิ สทฺธึ สตฺตธา อาคตา. อิธ ปน อภิธมฺมปริยาเยน จตฺตาโร อาสวา อธิปฺเปตาติ เวทิตพฺพา.
ขยายาติ เอตฺถ ปน ‘‘โย อาสวานํ ขโย วโย เภโท ปริเภโท อนิจฺจตา อนฺตรธาน’’นฺติ อาสวานํ สรสเภโท อาสวานํ ขโยติ วุตฺโต. ‘‘ชานโต อหํ, ภิกฺขเว, ปสฺสโต อาสวานํ ขยํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕) เอตฺถ อาสวานํ ขีณากาโร นตฺถิภาโว อจฺจนฺตํ อสมุปฺปาโท อาสวกฺขโยติ วุตฺโต.
‘‘เสขสฺส สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;
ขยสฺมึ ปมํ าณํ, ตโต อฺา อนนฺตรา’’ติ. (อิติวุ. ๖๒) –
เอตฺถ อริยมคฺโค อาสวกฺขโยติ วุตฺโต. ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) เอตฺถ ผลํ.
‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส, นิจฺจํ อุชฺฌานสฺิโน;
อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ. (ธ. ป. ๒๕๓) –
เอตฺถ นิพฺพานํ. อิธ ปน ผลํ สนฺธาย ‘‘อาสวานํ ขยายา’’ติ วุตฺตํ, อรหตฺตผลตฺถายาติ อตฺโถ.
สํเวชนีเยสุ าเนสูติ สํเวคชนเกสุ ชาติอาทีสุ สํเวควตฺถูสุ. ชาติ, ชรา, พฺยาธิ, มรณํ, อปายทุกฺขํ, อตีเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, อนาคเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ ¶ , ปจฺจุปฺปนฺเน อาหารปริเยฏฺิมูลกํ ¶ ทุกฺขนฺติ อิมานิ หิ สํเวควตฺถูนิ สํเวชนียฏฺานานิ นาม. อปิจ ‘‘อาทิตฺโต โลกสนฺนิวาโส อุยฺยุตฺโต ปยาโต กุมฺมคฺคปฺปฏิปนฺโน, อุปนียติ โลโก อทฺธุโว, อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร, อสฺสโก ¶ โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนียํ, อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส’’ติเอวมาทีนิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๗) เจตฺถ สํเวชนียฏฺานานีติ เวทิตพฺพานิ. สํเวชเนนาติ ชาติอาทิสํเวควตฺถูนิ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนภยสงฺขาเตน สํเวชเนน. อตฺถโต ปน สโหตฺตปฺปาณํ สํเวโค นาม.
สํวิคฺคสฺสาติ คพฺโภกฺกนฺติกาทิวเสน อเนกวิเธหิ ชาติอาทิทุกฺเขหิ สํเวคชาตสฺส. ‘‘สํเวชิตฺวา’’ติ จ ปนฺติ. โยนิโส ปธาเนนาติ อุปายปธาเนน, สมฺมาวายาเมนาติ อตฺโถ. โส หิ ยถา อกุสลา ธมฺมา ปหียนฺติ, กุสลา ธมฺมา ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺติ, เอวํ ปทหนโต อุตฺตมภาวสาธนโต จ ‘‘ปธาน’’นฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ สํเวเคน ภวาทีสุ กิฺจิ ตาณํ เลณํ ปฏิสรณํ อปสฺสนฺโต ตตฺถ อโนลียนฺโต อลคฺคมานโส ตปฺปฏิปกฺเขน จ วินิวตฺติตวิสฺิโต อฺทตฺถุ นิพฺพานนินฺโน โหติ นิพฺพานโปโณ นิพฺพานปพฺภาโร. โส กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน โยนิโสมนสิการพหุโล วิสุทฺธาสยปฺปโยโค สมถวิปสฺสนาสุ ยุตฺตปฺปยุตฺโต สพฺพสฺมิมฺปิ สงฺขารคเต นิพฺพินฺทติ วิรชฺชติ, วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปติ. ตตฺถ ยทิทํ โยนิโสมนสิการพหุโล วิสุทฺธาสยปฺปโยโค สมถวิปสฺสนาสุ ยุตฺตปฺปยุตฺโต, เตนสฺส ทิฏฺเว ธมฺเม สุขโสมนสฺสพหุลตา เวทิตพฺพา. ยํ ปนายํ สมเถ ปติฏฺิโต วิปสฺสนาย ยุตฺตปฺปยุตฺโต สพฺพสฺมิมฺปิ สงฺขารคเต นิพฺพินฺทติ วิรชฺชติ, วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปติ, เตนสฺส โยนิ อารทฺธา อาสวานํ ขยายาติ เวทิตพฺพํ.
คาถาสุ สํวิชฺเชเถวาติ สํวิชฺเชยฺย เอว สํเวคํ กเรยฺย เอว. ‘‘สํวิชฺชิตฺวานา’’ติ จ ปนฺติ. วุตฺตนเยน สํวิคฺโค หุตฺวาติ อตฺโถ. ปณฺฑิโตติ ¶ สปฺปฺโ, ติเหตุกปฏิสนฺธีติ วุตฺตํ โหติ. ปฺาย สมเวกฺขิยาติ สํเวควตฺถูนิ สํวิชฺชนวเสน ปฺาย สมฺมา อเวกฺขิย. อถ วา ปฺาย สมฺมา อเวกฺขิตฺวาติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ ปรมตฺถทีปนิยา อิติวุตฺตก-อฏฺกถาย
ทุกนิปาเต ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. วิตกฺกสุตฺตวณฺณนา
๓๘. ทุติยวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม ตถาคตํ, ภิกฺขเวติ เอตฺถ ตถาคต-สทฺโท ตาว สตฺตโวหารสมฺมาสมฺพุทฺธาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๖๕) สตฺตโวหาเร.
‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ,
พุทฺธํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ. (ขุ. ปา. ๖.๑๖) –
อาทีสุ สมฺมาสมฺพุทฺเธ.
‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ,
ธมฺมํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ. (ขุ. ปา. ๖.๑๗) –
อาทีสุ ธมฺเม.
‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ,
สงฺฆํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ. (ขุ. ปา. ๖.๑๘) –
อาทีสุ สงฺเฆ. อิธ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธ. ตสฺมา ตถาคตนฺติ เอตฺถ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโตติ วุจฺจติ. กตเมหิ อฏฺหิ? ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโตติ.
กถํ ภควา ตถา อาคโตติ ตถาคโต? ยถา เยน อภินีหาเรน ทานปารมึ ปูเรตฺวา สีลเนกฺขมฺมปฺาวีริยขนฺติสจฺจอธิฏฺานเมตฺตาอุเปกฺขาปารมึ ปูเรตฺวา อิมา ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา องฺคปริจฺจาคํ, อตฺตปริจฺจาคํ, ธนปริจฺจาคํ, ทารปริจฺจาคํ, รชฺชปริจฺจาคนฺติ อิมานิ ปฺจ มหาปริจฺจาคานิ ¶ ปริจฺจชิตฺวา ยถา ¶ วิปสฺสิอาทโย สมฺมาสมฺพุทฺธา อาคตา ¶ , ตถา อมฺหากํ ภควาปิ อาคโตติ ตถาคโต. ยถาห –
‘‘ยเถว โลกมฺหิ วิปสฺสิอาทโย,
สพฺพฺุภาวํ มุนโย อิธาคตา;
ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมา’’ติ. –
เอวํ ตถา อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยถา สมฺปติชาตาว วิปสฺสิอาทโย สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺาย อุตฺตราภิมุขา สตฺตปทวีติหาเรน คตา, ตถา อมฺหากํ ภควาปิ คโตติ ตถาคโต. ยถาหุ –
‘‘มุหุตฺตชาโตว ควํปตี ยถา,
สเมหิ ปาเทหิ ผุสี วสุนฺธรํ;
โส วิกฺกมี สตฺต ปทานิ โคตโม,
เสตฺจ ฉตฺตํ อนุธารยุํ มรู.
‘‘คนฺตฺวาน โส สตฺต ปทานิ โคตโม,
ทิสา วิโลเกสิ สมา สมนฺตโต;
อฏฺงฺคุเปตํ คิรมพฺภุทีรยิ,
สีโห ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต’’ติ. –
เอวํ ตถา คโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต? สพฺเพสํ รูปารูปธมฺมานํ สลกฺขณํ, สามฺลกฺขณํ, ตถํ, อวิตถํ, าณคติยา อาคโต, อวิรชฺฌิตฺวา ปตฺโต, อนุพุทฺโธติ ตถาคโต. ยถาห –
‘‘สพฺเพสํ ¶ ปน ธมฺมานํ, สกสามฺลกฺขณํ;
ตถเมวาคโต ยสฺมา, ตสฺมา นาโถ ตถาคโต’’ติ. –
เอวํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต? ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. ยถาห ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ ¶ อวิตถานิ อนฺถานิ. กตมานิ จตฺตาริ? อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ ¶ , ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโร. ตานิ จ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมาปิ ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโต. อภิสมฺพุทฺธตฺโถ หิ เอตฺถ คต-สทฺโท. เอวํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต.
กถํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต? ยํ สเทวเก โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย ปชาย อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉนฺตํ รูปารมฺมณํ นาม อตฺถิ, ตํ ภควา สพฺพาการโต ชานาติ ปสฺสติ. เอวํ ชานตา ปสฺสตา จาเนน ตํ อิฏฺาทิวเสน วา ทิฏฺสุตมุตวิฺาเตสุ ลพฺภมานปทวเสน วา ‘‘กตมํ ตํ รูปํ รูปายตนํ, ยํ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๖๑๖) นเยน อเนเกหิ นาเมหิ เตรสหิ วาเรหิ ทฺเวปฺาสาย นเยหิ วิภชฺชมานํ ตถเมว โหติ, วิตถํ นตฺถิ. เอส นโย โสตทฺวาราทีสุ อาปาถมาคจฺฉนฺเตสุ สทฺทาทีสุ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สเทวมนุสฺสาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ…เป… ตมหํ อพฺภฺาสึ, ตํ ตถาคตสฺส วิทิตํ, ตํ ตถาคโต น อุปฏฺาสี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔).
เอวํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต. เอตฺถ ตถทสฺสิอตฺเถ ตถาคโตติ ปทสฺส สมฺภโว เวทิตพฺโพ.
กถํ ตถวาทิตาย ตถาคโต? ยํ รตฺตึ ภควา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ยฺจ ¶ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, เอตฺถนฺตเร ปฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาณกาเล ยํ ภควตา ภาสิตํ สุตฺตเคยฺยาทิ, สพฺพํ ตํ ปริสุทฺธํ ปริปุณฺณํ ราคมทาทินิมฺมทนํ เอกสทิสํ ตถํ อวิตถํ. เตนาห –
‘‘ยฺจ, จุนฺท, รตฺตึ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ยํ ¶ เอตสฺมึ อนฺตเร ภาสติ ลปติ นิทฺทิสติ, สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ, โน อฺถา. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๘; อ. นิ. ๔.๒๓).
คทอตฺโถ หิ เอตฺถ ¶ คตสทฺโท. เอวํ ตถวาทิตาย ตถาคโต. อปิจ อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อตฺโถ. ตโถ อวิปรีโต อาคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ, เอวมฺเปตฺถ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
กถํ ตถาการิตาย ตถาคโต? ภควโต หิ วาจาย กาโย อนุโลเมติ, กายสฺสปิ วาจา. ตสฺมา ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที จ โหติ. เอวํภูตสฺส จสฺส ยถา วาจา, กาโยปิ ตถา คโต ปวตฺโต. ยถา จ กาโย, วาจาปิ ตถา คตาติ ตถาคโต. เตนาห ‘‘ยถาวาที, ภิกฺขเว, ตถาคโต ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ. เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต.
กถํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต? ยสฺมา ภควา อุปริ ภวคฺคํ เหฏฺา อวีจึ ปริยนฺตํ กริตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สพฺพสตฺเต อภิภวติ สีเลนปิ สมาธินาปิ ปฺายปิ วิมุตฺติยาปิ วิมุตฺติาณทสฺสเนนปิ, น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิ, อถ โข อตุโล อปฺปเมยฺโย อนุตฺตโร เทวานํ อติเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา สพฺพสตฺตุตฺตโม, ตสฺมา ตถาคโต. เตนาห –
‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… มนุสฺสาย ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุ ทโส วสวตฺตี, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๘; อ. นิ. ๔.๒๓).
ตตฺรายํ ¶ ปทสิทฺธิ – อคโท วิย อคโท, เทสนาวิลาโส เจว ปฺุุสฺสโย จ. เตน เหส มหานุภาโว ภิสกฺโก วิย ทิพฺพาคเทน สปฺเป, สพฺพปรปฺปวาทิโน สเทวกฺจ โลกํ อภิภวติ. อิติ สพฺพโลกาภิภวเน ตโถ อวิปรีโต ยถาวุตฺโต อคโท เอตสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เวทิตพฺโพ. เอวํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต.
อปิจ ¶ ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถํ คโตติ ตถาคโต. ตตฺถ สกลโลกํ ตีรณปริฺาย ตถาย คโต อวคโตติ ตถาคโต, โลกสมุทยํ ปหานปริฺาย ตถาย คโต อตีโตติ ตถาคโต, โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาย ตถาย คโต อธิคโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ตถํ ¶ คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘โลโก, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ. โลกสฺมา ตถาคโต วิสํยุตฺโต. โลกสมุทโย, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสมุทโย ตถาคตสฺส ปหีโน. โลกนิโรโธ, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกนิโรโธ ตถาคตสฺส สจฺฉิกโต. โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา, โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา ตถาคตสฺส ภาวิตา. ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส…เป… สพฺพํ ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธํ. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓).
อปเรหิปิ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต. ตถาย อาคโตติ ตถาคโต, ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถาวิโธติ ตถาคโต, ตถาปวตฺติโกติ ตถาคโต, ตเถหิ อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คตภาเวน ตถาคโตติ.
กถํ ตถาย อาคโตติ ตถาคโต? ยา สา ภควตา สุเมธภูเตน ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูเล –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;
อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –
เอวํ วุตฺตํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อภินีหารํ สมฺปาเทนฺเตน ‘‘อหํ สเทวกํ โลกํ ติณฺโณ ตาเรสฺสามิ, มุตฺโต โมเจสฺสามิ, ทนฺโต ทเมสฺสามิ, อสฺสตฺโถ อสฺสาเสสฺสามิ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปสฺสามิ ¶ , สุทฺโธ โสเธสฺสามิ ¶ , พุทฺโธ โพเธสฺสามี’’ติ มหาปฏิฺา ปวตฺติตา. วุตฺตํ เหตํ –
‘‘กึ เม เอเกน ติณฺเณน, ปุริเสน ถามทสฺสินา;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํ.
‘‘อิมินา เม อธิกาเรน, กเตน ปุริสุตฺตเม;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตาเรมิ ชนตํ พหุํ.
‘‘สํสารโสตํ ¶ ฉินฺทิตฺวา, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;
ธมฺมนาวํ สมารุยฺห, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํ.
‘‘กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, พุทฺโธ เหสฺสํ สเทวเก’’ติ. (พุ. วํ. ๕๕-๕๘);
ตํ ปเนตํ มหาปฏิฺํ สกลสฺสปิ พุทฺธกรธมฺมสมุทายสฺส ปวิจยปจฺจเวกฺขณสมาทานานํ การณภูตํ อวิสํวาเทนฺโต โลกนาโถ ยสฺมา มหากปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ นิรวเสสโต ทานปารมิอาทโย สมตึสปารมิโย ปูเรตฺวา, องฺคปริจฺจาคาทโย ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา, สจฺจาธิฏฺานาทีนิ จตฺตาริ อธิฏฺานานิ ปริพฺรูเหตฺวา, ปฺุาณสมฺภาเร สมฺภริตฺวา ปุพฺพโยคปุพฺพจริยธมฺมกฺขานาตตฺถจริยาทโย อุกฺกํสาเปตฺวา, พุทฺธิจริยํ ปรมโกฏึ ปาเปตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ; ตสฺมา ตสฺเสว สา มหาปฏิฺา ตถา อวิตถา อนฺถา, น ตสฺส วาลคฺคมตฺตมฺปิ วิตถํ อตฺถิ. ตถา หิ ทีปงฺกโร ทสพโล โกณฺฑฺโ, มงฺคโล…เป… กสฺสโป ภควาติ อิเม จตุวีสติ สมฺมาสมฺพุทฺธา ปฏิปาฏิยา อุปฺปนฺนา ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ นํ พฺยากรึสุ. เอวํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ เย เต กตาภินีหาเรหิ โพธิสตฺเตหิ ลทฺธพฺพา อานิสํสา, เต ลภิตฺวาว อาคโตติ ตาย ยถาวุตฺตาย มหาปฏิฺาย ตถาย อภิสมฺพุทฺธภาวํ อาคโต อธิคโตติ ตถาคโต. เอวํ ตถาย อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถาย คโตติ ตถาคโต? ยายํ มหากรุณา โลกนาถสฺส, ยาย มหาทุกฺขสมฺพาธปฺปฏิปนฺนํ สตฺตนิกายํ ทิสฺวา ‘‘ตสฺส ¶ นตฺถฺโ โกจิ ปฏิสรณํ, อหเมว นํ อิโต ¶ สํสารทุกฺขโต มุตฺโต โมเจสฺสามี’’ติ สมุสฺสาหิตมานโส มหาภินีหารํ อกาสิ. กตฺวา จ ยถาปณิธานํ สกลโลกหิตสมฺปาทนาย อุสฺสุกฺกมาปนฺโน อตฺตโน กายชีวิตนิรเปกฺโข ปเรสํ โสตปถคมนมตฺเตนปิ ¶ จิตฺตุตฺราสสมุปฺปาทิกา อติทุกฺกรา ทุกฺกรจริยา สมาจรนฺโต ยถา มหาโพธิสตฺตานํ ปฏิปตฺติ หานภาคิยา สํกิเลสภาคิยา ิติภาคิยา วา น โหติ, อถ โข อุตฺตริ วิเสสภาคิยาว โหติ, ตถา ปฏิปชฺชมาโน อนุปุพฺเพน นิรวเสเส โพธิสมฺภาเร สมาเนตฺวา อภิสมฺโพธึ ปาปุณิ. ตโต ปรฺจ ตาเยว มหากรุณาย สฺโจทิตมานโส ปวิเวกรตึ ปรมฺจ สนฺตํ วิโมกฺขสุขํ ปหาย พาลชนพหุเล โลเก เตหิ สมุปฺปาทิตํ สมฺมานาวมานวิปฺปการํ อคเณตฺวา เวเนยฺยชนวินยเนน นิรวเสสํ พุทฺธกิจฺจํ นิฏฺเปสิ. ตตฺร โย ภควโต สตฺเตสุ มหากรุณาย สโมกฺกมนากาโร, โส ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. ยถา พุทฺธภูตสฺส โลกนาถสฺส สตฺเตสุ มหากรุณา, เอวํ โพธิสตฺตภูตสฺสปิ มหาภินีหารกาลาทีสูติ สพฺพตฺถ สพฺพทา จ เอกสทิสตาย ตถาว สา อวิตถา อนฺถา. ตสฺมา ตีสุปิ อวตฺถาสุ สพฺพสตฺเตสุ สมานรสาย ตถาย มหากรุณาย สกลโลกหิตาย คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. เอวํ ตถาย คโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต? ตถานิ นาม จตฺตาริ อริยมคฺคาณานิ. ตานิ หิ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, อยํ ทุกฺขสมุทโย, อยํ ทุกฺขนิโรโธ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ เอวํ สพฺพเยฺยสงฺคาหกานํ ปวตฺตินิวตฺติตทุภยเหตุภูตานํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ, ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ, สมุทยสฺส อายูหนฏฺโ นิทานฏฺโ สํโยคฏฺโ ปลิโพธฏฺโ, นิโรธสฺส นิสฺสรณฏฺโ วิเวกฏฺโ อสงฺขตฏฺโ อมตฏฺโ, มคฺคสฺส นิยฺยานฏฺโ เหตฺวฏฺโ ทสฺสนฏฺโ อธิปเตยฺยฏฺโติอาทีนํ ตพฺพิภาคานฺจ ยถาภูตสภาวาวโพธวิพนฺธกสฺส สํกิเลสปกฺขสฺส สมุจฺฉินฺทเนน ปฏิลทฺธาย ตตฺถ อสมฺโมหาภิสมยสงฺขาตาย อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ธมฺมานํ สภาวสรสลกฺขณสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ, ตานิ ¶ ภควา ¶ อนฺเนยฺโย สยเมว อาคโต อธิคโต, ตสฺมา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ยถา จ มคฺคาณานิ, เอวํ ภควโต ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณานิ จตุปฏิสมฺภิทาาณานิ จตุเวสารชฺชาณานิ ปฺจคติปริจฺเฉทาณานิ ฉอสาธารณาณานิ สตฺตโพชฺฌงฺควิภาวนาณานิ อฏฺมคฺคงฺควิภาวนาณานิ นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติาณานิ ทสพลาณานิ จ วิภาเวตพฺพานิ.
ตตฺรายํ ¶ วิภาวนา – ยฺหิ กิฺจิ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ หีนาทิเภทภินฺนานํ หีนาทิเภทภินฺนาสุ อตีตาสุ ขนฺธายตนธาตูสุ สภาวกิจฺจาทิ อวตฺถาวิเสสาทิ ขนฺธปฏิพทฺธนามโคตฺตาทิ จ ชานิตพฺพํ. อนินฺทฺริยพทฺเธสุ จ อติสุขุมติโรหิตวิทูรเทเสสุ รูปธมฺเมสุ โย ตํตํปจฺจยวิเสเสหิ สทฺธึ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ วณฺณสณฺานคนฺธรสผสฺสาทิวิเสโส, ตตฺถ สพฺพตฺเถว หตฺถตเล ปิตอามลโก วิย ปจฺจกฺขโต อสงฺคมปฺปฏิหตํ ภควโต าณํ ปวตฺตติ, ตถา อนาคตาสุ ปจฺจุปฺปนฺนาสุ จาติ อิมานิ ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณานิ นาม. ยถาห –
‘‘อตีตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณํ, อนาคตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณํ, ปจฺจุปฺปนฺนํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๕).
ตานิ ปเนตานิ ตตฺถ ตตฺถ ธมฺมานํ สภาวสรสลกฺขณสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ, ตานิ ภควา สยมฺภุาเณน อธิคฺฉิ. เอวํ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา อตฺถปฏิสมฺภิทา, ธมฺมปฏิสมฺภิทา, นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา, ปฏิภานปฏิสมฺภิทาติ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา. ตตฺถ อตฺถปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ อตฺเถ ปเภทคตํ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ธมฺมปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. นิรุตฺติปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ นิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา. ปฏิภานปเภทสฺส ¶ สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ¶ ปฏิภาเน ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อตฺเถ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ธมฺเม าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา, าเณสุ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘).
เอตฺถ จ เหตุอนุสาเรน อรณียโต อธิคนฺตพฺพโต จ สงฺเขปโต เหตุผลํ อตฺโถ นาม. ปเภทโต ปน ยํกิฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺนํ, นิพฺพานํ, ภาสิตตฺโถ, วิปาโก, กิริยาติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อตฺโถ. ตํ อตฺถํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ อตฺเถ ปเภทคตํ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ธมฺโมติ ¶ สงฺเขปโต ปจฺจโย. โส หิ ยสฺมา ตํ ตํ อตฺถํ วิทหติ ปวตฺเตติ เจว ปาเปติ จ, ตสฺมา ธมฺโมติ วุจฺจติ. ปเภทโต ปน โย โกจิ ผลนิพฺพตฺตโก เหตุ, อริยมคฺโค, ภาสิตํ, กุสลํ, อกุสลนฺติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ธมฺโม, ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ทุกฺเข าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ทุกฺขสมุทเย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, ทุกฺขนิโรเธ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๙).
อถ วา เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. เย ธมฺมา ชาตา ภูตา สฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา ปาตุภูตา, อิเมสุ ธมฺเมสุ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ยมฺหา ธมฺมา เต ธมฺมา ชาตา ภูตา สฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา ปาตุภูตา, เตสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. ชรามรเณ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ชรามรณสมุทเย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. ชรามรณนิโรเธ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ชรามรณนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. ชาติยา, ภเว, อุปาทาเน, ตณฺหาย, เวทนาย, ผสฺเส, สฬายตเน, นามรูเป, วิฺาเณ, สงฺขาเรสุ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, สงฺขารสมุทเย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. สงฺขารนิโรเธ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา ¶ , สงฺขารนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา.
‘‘อิธ ¶ ภิกฺขุ ธมฺมํ ชานาติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ…เป… เวทลฺลํ. อยํ วุจฺจติ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. โส ตสฺส ตสฺเสว ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาติ – ‘อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ, อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ’ติ, อยํ วุจฺจติ อตฺถปฏิสมฺภิทา (วิภ. ๗๒๔).
‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตํ รูปารมฺมณํ วา…เป… ธมฺมารมฺมณํ วา ยํ ยํ วา ปนารพฺภ, ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหติ. อิเม ธมฺมา กุสลา. อิเมสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, เตสํ วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติอาทิ วิตฺถาโร (วิภ. ๗๒๕).
ตสฺมึ ¶ อตฺเถ จ ธมฺเม จ สภาวนิรุตฺติ อพฺยภิจารโวหาโร อภิลาโป, ตสฺมึ สภาวนิรุตฺตาภิลาเป มาคธิกาย สพฺพสตฺตานํ มูลภาสาย ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺติ, อยํ น สภาวนิรุตฺตี’’ติ ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา. ยถาวุตฺเตสุ เตสุ าเณสุ โคจรกิจฺจาทิวเสน วิตฺถารโต ปวตฺตํ สพฺพมฺปิ าณมารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ าเณ ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา. อิติ อิมานิ จตฺตาริ ปฏิสมฺภิทาาณานิ สยเมว ภควตา อธิคตานิ อตฺถธมฺมาทิเก ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺตโน วิสเย อวิสํวาทนวเสน อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา ยํ กิฺจิ เยฺยํ นาม, สพฺพํ ตํ ภควตา สพฺพากาเรน าตํ ทิฏฺํ อธิคตํ อภิสมฺพุทฺธํ. ตถา หิสฺส อภิฺเยฺยา ธมฺมา อภิฺเยฺยโต พุทฺธา, ปริฺเยฺยา ธมฺมา ปริฺเยฺยโต พุทฺธา, ปหาตพฺพา ธมฺมา ปหาตพฺพโต พุทฺธา, สจฺฉิกาตพฺพา ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพโต พุทฺธา, ภาเวตพฺพา ธมฺมา ภาเวตพฺพโต พุทฺธา, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา ‘‘อิเม นาม เต ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ สห ธมฺเมน อนุยฺุชิตุํ สมตฺโถ นตฺถิ.
ยํ ¶ กิฺจิ ปหาตพฺพํ นาม, สพฺพํ ตํ ภควตา อนวเสสโต โพธิมูเลเยว ปหีนํ อนุปฺปตฺติธมฺมํ, น ตสฺส ปหานาย อุตฺตริ กรณียํ อตฺถิ ¶ . ตถา หิสฺส โลภโทสโมหวิปรีตมนสิการอหิริกาโนตฺตปฺปถินมิทฺธ- โกธูปนาหมกฺขปลาสอิสฺสามจฺฉริย- มายาสาเยฺยถมฺภสารมฺภมานาติมานมทปมาทติวิธากุสลมูลทุจฺจริต- วิสมสฺามลวิตกฺกปปฺจเอสนาตณฺหาจตุพฺพิธวิปริเยสอาสว- คนฺถโอฆโยคาคติตณฺหุปาทานปฺจาภินนฺทนนีวรณ- เจโตขิลเจตโสวินิพนฺธฉวิวาทมูลสตฺตานุสย- อฏฺมิจฺฉตฺตนวอาฆาตวตฺถุตณฺหามูลกทสอกุสล- กมฺมปถเอกวีสติอเนสนทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตอฏฺสตตณฺหาวิจริตาทิปฺปเภทํ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ สห วาสนาย ปหีนํ สมุจฺฉินฺนํ สมูหตํ, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป… พฺรหฺมา วา ‘‘อิเม นาม เต กิเลสา อปฺปหีนา’’ติ สห ธมฺเมน อนุยฺุชิตุํ สมตฺโถ นตฺถิ.
เย จิเม ภควตา กมฺมวิปากกิเลสูปวาทอาณาวีติกฺกมปฺปเภทา อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา, อลเมว เต เอกนฺเตน อนฺตรายาย, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป… พฺรหฺมา วา ‘‘นาลํ เต ปฏิเสวโต อนฺตรายายา’’ติ สห ธมฺเมน อนุยฺุชิตุํ สมตฺโถ นตฺถิ.
โย ¶ จ ภควตา นิรวเสสวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณาย สีลสมาธิปฺาสงฺคโห สตฺตโกฏฺาสิโก สตฺตตึสปฺปเภโท อริยมคฺคปุพฺพงฺคโม อนุตฺตโร นิยฺยานธมฺโม เทสิโต, โส เอกนฺเตเนว นิยฺยาติ ปฏิปนฺนสฺส วฏฺฏทุกฺขโต, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป… พฺรหฺมา วา ‘‘นิยฺยานธมฺโม ตยา เทสิโต น นิยฺยาตี’’ติ สห ธมฺเมน อนุยฺุชิตุํ สมตฺโถ นตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๐) วิตฺถาโร. เอวเมตานิ อตฺตโน าณปฺปหานเทสนาวิเสสานํ อวิตถภาวาวโพธนโต อวิปรีตาการปฺปวตฺตานิ ภควโต จตุเวสารชฺชาณานิ ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา นิรยคติ, ติรจฺฉานคติ, เปตคติ, มนุสฺสคติ, เทวคตีติ ปฺจ คติโย. ตาสุ สฺชีวาทโย อฏฺ มหานิรยา ¶ , กุกฺกุฬาทโย โสฬส อุสฺสทนิรยา, โลกนฺตริกนิรโย จาติ สพฺเพปิเม เอกนฺตทุกฺขตาย นิรสฺสาทฏฺเน นิรยา จ, สกกมฺมุนา คนฺตพฺพโต คติ จาติ นิรยคติ ¶ . ติพฺพนฺธการสีตนรกาปิ เอเตสฺเวว อนฺโตคธา กิมิกีฏปฏงฺคสรีสปปกฺขิโสณสิงฺคาลาทโย ติริยํ อฺฉิตภาเวน ติรจฺฉานา นาม. เต เอว คตีติ ติรจฺฉานคติ. ขุปฺปิปาสิตปรทตฺตูปชีวินิชฺฌามตณฺหิกาทโย ทุกฺขพหุลตาย ปกฏฺสุขโต อิตา วิคตาติ เปตา, เต เอว คตีติ เปตคติ. กาลกฺจิกาทิอสุราปิ เอเตสฺเวว อนฺโตคธา. ปริตฺตทีปวาสีหิ สทฺธึ ชมฺพุทีปาทิจตุมหาทีปวาสิโน มนโส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา, เต เอว คตีติ มนุสฺสคติ. จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย ยาว เนวสฺานาสฺายตนูปคาติ อิเม ฉพฺพีสติ เทวนิกายา ทิพฺพนฺติ อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน กีฬนฺติ โชเตนฺติ จาติ เทวา, เต เอว คตีติ เทวคติ.
ตา ปเนตา คติโย ยสฺมา ตํตํกมฺมนิพฺพตฺโต อุปปตฺติภววิเสโส, ตสฺมา อตฺถโต วิปากกฺขนฺธา กฏตฺตา จ รูปํ. ตตฺถ ‘‘อยํ นาม คติ นาม อิมินา กมฺมุนา ชายติ, ตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยวิเสเสหิ เอวํ วิภาคภินฺนตฺตา วิสุํ เอเต สตฺตนิกายา เอวํ วิภาคภินฺนา’’ติ ยถาสกํเหตุผลวิภาคปริจฺฉินฺทนวเสน านโส เหตุโส ภควโต าณํ ปวตฺตติ. เตนาห ภควา –
‘‘ปฺจ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโย. กตมา ปฺจ? นิรโย, ติรจฺฉานโยนิ, เปตฺติวิสโย, มนุสฺสา, เทวา. นิรยฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ, นิรยคามิฺจ มคฺคํ, นิรยคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถา ปฏิปนฺโน จ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ¶ อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ, ตฺจ ปชานามี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๕๓).
ตานิ ปเนตานิ ภควโต าณานิ ตสฺมึ ตสฺมึ วิสเย อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา ยํ สตฺตานํ สทฺธาทิโยควิกลภาวาวโพเธน อปฺปรชกฺขมหารชกฺขตาทิวิเสสวิภาวนํ ปฺาสาย อากาเรหิ ปวตฺตํ ภควโต อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณํ. วุตฺตฺเหตํ ¶ – ‘‘สทฺโธ ปุคฺคโล อปฺปรชกฺโข, อสฺสทฺโธ ปุคฺคโล มหารชกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๑) วิตฺถาโร.
ยฺจ ¶ ‘‘อยํ ปุคฺคโล อปฺปรชกฺโข, อยํ สสฺสตทิฏฺิโก, อยํ อุจฺเฉททิฏฺิโก, อยํ อนุโลมิกายํ ขนฺติยํ ิโต, อยํ ยถาภูตาเณ ิโต, อยํ กามาสโย, น เนกฺขมฺมาทิอาสโย, อยํ เนกฺขมฺมาสโย, น กามาทิอาสโย’’ติอาทินา ‘‘อิมสฺส กามราโค อติวิย ถามคโต, น ปฏิฆาทิโก, อิมสฺส ปฏิโฆ อติวิย ถามคโต, น กามราคาทิโก’’ติอาทินา ‘‘อิมสฺส ปฺุาภิสงฺขาโร อธิโก, น อปฺุาภิสงฺขาโร น อาเนฺชาภิสงฺขาโร, อิมสฺส อปฺุาภิสงฺขาโร อธิโก, น ปฺุาภิสงฺขาโร น อาเนฺชาภิสงฺขาโร, อิมสฺส อาเนฺชาภิสงฺขาโร อธิโก, น ปฺุาภิสงฺขาโร น อปฺุาภิสงฺขาโร. อิมสฺส กายสุจริตํ อธิกํ, อิมสฺส วจีสุจริตํ, อิมสฺส มโนสุจริตํ. อยํ หีนาธิมุตฺติโก, อยํ ปณีตาธิมุตฺติโก, อยํ กมฺมาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ กิเลสาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ วิปากาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ น กมฺมาวรเณน สมนฺนาคโต, น กิเลสาวรเณน, น วิปากาวรเณน สมนฺนาคโต’’ติอาทินา จ สตฺตานํ อาสยาทีนํ ยถาภูตํ วิภาวนาการปฺปวตฺตํ ภควโต อาสยานุสยาณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อิธ ตถาคโต สตฺตานํ อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาติ, จริตํ ชานาติ, อธิมุตฺตึ ชานาติ, ภพฺพาภพฺเพ สตฺเต ชานาตี’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓).
ยฺจ อุปริมเหฏฺิมปุรตฺถิมปจฺฉิมกาเยหิ ทกฺขิณวามอกฺขิกณฺณโสตนาสิกาโสตอํสกูฏปสฺสหตฺถปาเทหิ องฺคุลงฺคุลนฺตเรหิ โลมโลมกูเปหิ จ อคฺคิกฺขนฺธูทกธาราปวตฺตนํ อนฺสาธารณํ ¶ วิวิธวิกุพฺพนิทฺธินิมฺมาปนกํ ภควโต ยมกปาฏิหาริยาณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อิธ ตถาคโต ยมกปาฏิหาริยํ กโรติ อสาธารณํ สาวเกหิ. อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เหฏฺิมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ. เหฏฺิมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อุปริมกายโต อุทกธารา ปวตฺตตี’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖).
ยฺจ ¶ ราคาทีหิ ชาติอาทีหิ จ อเนเกหิ ทุกฺขธมฺเมหิ ¶ อุปทฺทุตํ สตฺตนิกายํ ตโต นีหริตุกามตาวเสน นานานเยหิ ปวตฺตสฺส ภควโต มหากรุโณกฺกมนสฺส ปจฺจยภูตํ มหากรุณาสมาปตฺติาณํ. ยถาห –
‘‘กตมํ ตถาคตสฺส มหากรุณาสมาปตฺติาณํ? พหุเกหิ อากาเรหิ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ, อาทิตฺโต โลกสนฺนิวาโสติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมตี’’ติ. –
อาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๗) เอกูนนวุติยา อากาเรหิ วิภชนํ กตํ.
ยํ ปน ยาวตา ธมฺมธาตุ, ยตฺตกํ าตพฺพํ สงฺขตาสงฺขตาทิ, ตสฺส สพฺพสฺส ปโรปเทเสน วินา สพฺพาการโต ปฏิชานนสมตฺถํ อากงฺขามตฺตปฺปฏิพทฺธวุตฺติ อนฺสาธารณํ ภควโต าณํ สพฺพถา อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติสจฺจาวโพธโต สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถาวรณาภาวโตว นิสฺสงฺคปฺปวตฺตึ อุปาทาย อนาวรณาณนฺติ จ วุจฺจติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.
เอวเมตานิ ภควโต ฉ อสาธารณาณานิ อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ยถาสกํวิสยสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา ‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, โพชฺฌงฺคา – สติสมฺโพชฺฌงฺโค, ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค, วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค, ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค, ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค, สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค, อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๑๗; สํ. นิ. ๕.๑๘๕) เอวํ สรูปโต ยายํ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ¶ อุปฺปชฺชมานา ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยคอุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฏิปกฺขภูตา สติอาทิเภทา ธมฺมสามคฺคี, ยาย อริยสาวโก พุชฺฌติ, กิเลสนิทฺทาย อุฏฺหติ, จตฺตาริ วา สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรติ, สา ธมฺมสามคฺคี ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสา โพธิยา องฺคาติ โพชฺฌงฺคา. อริยสาวโก วา ยถาวุตฺตาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ. ตสฺส โพธิสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคาติ เอวํ ¶ สามฺลกฺขณโต ¶ , อุปฏฺานลกฺขโณ สติสมฺโพชฺฌงฺโค, ปวิจยลกฺขโณ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค, ปคฺคหลกฺขโณ วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค, ผรณลกฺขโณ ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค, อุปสมลกฺขโณ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค, อวิกฺเขปลกฺขโณ สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค ปฏิสงฺขานลกฺขโณ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโคติ เอวํ วิเสสลกฺขณโต.
‘‘ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? อิธ ภิกฺขุ สติมา โหติ ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคโต, จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา โหติ อนุสฺสริตา’’ติอาทินา (วิภ. ๔๖๗) สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ อฺมฺูปการวเสน เอกกฺขเณ ปวตฺติทสฺสนโต. ‘‘ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? อตฺถิ อชฺฌตฺตํ ธมฺเมสุ สติ, อตฺถิ พหิทฺธา ธมฺเมสุ สตี’’ติอาทินา (วิภ. ๔๖๙) เตสํ วิสยวิภาวนาปวตฺติทสฺสนโต. ‘‘ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ, วิราคนิสฺสิตํ, นิโรธนิสฺสิตํ, โวสคฺคปริณามิ’’นฺติอาทินา (วิภ. ๔๗๑) ภาวนาวิธิทสฺสนโต. ‘‘ตตฺถ กตเม สตฺต โพชฺฌงฺคา? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ…เป… ตสฺมึ สมเย สตฺต โพชฺฌงฺคา โหนฺติ, สติสมฺโพชฺฌงฺโค…เป… อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค. ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? ยา สติ อนุสฺสตี’’ติอาทินา (วิภ. ๔๗๘) ฉนวุติยา นยสหสฺสวิภาเคหีติ เอวํ นานาการโต ปวตฺตานิ ภควโต โพชฺฌงฺควิภาวนาณานิ ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา ‘‘ตตฺถ กตมํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธี’’ติ (วิภ. ๒๐๕) เอวํ สรูปโต. สพฺพกิเลเสหิ อารกตฺตา อริยภาวกรตฺตา อริยผลปฏิลาภกรตฺตา จ อริโย. อริยานํ อฏฺวิธตฺตา นิพฺพานาธิคมาย เอกนฺตการณตฺตา จ อฏฺงฺคิโก. กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉติ, อตฺถิเกหิ มคฺคียติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคยตีติ มคฺโคติ เอวํ สามฺลกฺขณโต. ‘‘สมฺมาทสฺสนลกฺขณา สมฺมาทิฏฺิ, สมฺมาอภินิโรปนลกฺขโณ สมฺมาสงฺกปฺโป ¶ , สมฺมาปริคฺคหณลกฺขณา สมฺมาวาจา ¶ , สมฺมาสมุฏฺาปนลกฺขโณ สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมาโวทานลกฺขโณ สมฺมาอาชีโว, สมฺมาปคฺคหลกฺขโณ สมฺมาวายาโม, สมฺมาอุปฏฺานลกฺขณา สมฺมาสติ ¶ , สมฺมาอวิกฺเขปลกฺขโณ สมฺมาสมาธี’’ติ เอวํ วิเสสลกฺขณโต. สมฺมาทิฏฺิ ตาว อฺเหิปิ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธึ มิจฺฉาทิฏฺึ ปชหติ, นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรติ, ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหวิธมเนน อสมฺโมหโต สมฺปยุตฺตธมฺเม จ ปสฺสติ, ตถา สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ มิจฺฉาสงฺกปฺปาทีนิ ปชหนฺติ, นิโรธฺจ อารมฺมณํ กโรนฺติ, สหชาตธมฺมานํ สมฺมาอภินิโรปนปริคฺคหณสมุฏฺาปนโวทานปคฺคหอุปฏฺานสมาทหนานิ จ กโรนฺตีติ เอวํ กิจฺจวิภาคโต. สมฺมาทิฏฺิ ปุพฺพภาเค นานกฺขณา วิสุํ ทุกฺขาทิอารมฺมณา หุตฺวา มคฺคกาเล เอกกฺขณา นิพฺพานเมว อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจโต ‘‘ทุกฺเข าณ’’นฺติอาทีนิ จตฺตาริ นามานิ ลภติ. สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ปุพฺพภาเค นานกฺขณา นานารมฺมณา, มคฺคกาเล เอกกฺขณา เอการมฺมณา, เตสุ สมฺมาสงฺกปฺโป กิจฺจโต ‘‘เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป’’ติอาทีนิ ตีณิ นามานิ ลภติ. สมฺมาวาจาทโย ตโย ปุพฺพภาเค ‘‘มุสาวาทา เวรมณี’’ติอาทิวิภาคา วิรติโยปิ เจตนาโยปิ หุตฺวา มคฺคกฺขเณ วิรติโยว, สมฺมาวายามสติโย กิจฺจโต สมฺมปฺปธานสติปฏฺานวเสน จตฺตาริ นามานิ ลภนฺติ. สมฺมาสมาธิ ปน มคฺคกฺขเณปิ ปมชฺฌานาทิวเสน นานา เอวาติ เอวํ ปุพฺพภาคาปรภาเคสุ ปวตฺติวิภาคโต. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมฺมาทิฏฺึ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๔๘๙) ภาวนาวิธิโต. ‘‘ตตฺถ กตโม อฏฺงฺคิโก มคฺโค? อิธ, ภิกฺขุ, ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ…เป… ทุกฺขปฏิปทํ ทนฺธาภิฺํ, ตสฺมึ สมเย อฏฺงฺคิโก มคฺโค โหติ – สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป’’ติอาทินา (วิภ. ๔๙๙) จตุราสีติยา นยสหสฺสวิภาเคหีติ เอวํ อเนกาการโต ปวตฺตานิ ภควโต อริยมคฺควิภาวนาณานิ อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต สพฺพานิปิ ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา ปมชฺฌานสมาปตฺติยา จ นิโรธสมาปตฺตีติ เอตาสุ อนุปฏิปาฏิยา วิหริตพฺพฏฺเน สมาปชฺชิตพฺพฏฺเน จ อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺตีสุ สมฺปาทนปจฺจเวกฺขณาทิวเสน ยถารหํ สมฺปโยควเสน จ ปวตฺตานิ ภควโต าณานิ ตทตฺถสิทฺธิยา ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต. ตถา ‘‘อิทํ อิมสฺส านํ ¶ , อิทํ อฏฺาน’’นฺติ อวิปรีตํ ตสฺส ตสฺส ผลสฺส การณาการณชานนํ, เตสํ เตสํ สตฺตานํ อตีตาทิเภทภินฺนสฺส กมฺมสมาทานสฺส อนวเสสโต ยถาภูตํ วิปากนฺตรชานนํ, อายูหนกฺขเณเยว ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส ‘‘อยํ นิรยคามินี ปฏิปทา…เป… อยํ นิพฺพานคามินี ¶ ปฏิปทา’’ติ ยาถาวโต สาสวานาสวกมฺมวิภาคชานนํ, ขนฺธายตนานํ อุปาทินฺนานุปาทินฺนาทิอเนกสภาวํ นานาสภาวฺจ ตสฺส โลกสฺส ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺมึ ธมฺมปฺปพนฺเธ อยํ วิเสโส ชายตี’’ติอาทินา นเยน ยถาภูตํ ธาตุนานตฺตชานนํ, สทฺธาทิอินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุตาชานนํ สํกิเลสาทีหิ สทฺธึ ฌานวิโมกฺขาทิชานนํ, สตฺตานํ อปริมาณาสุ ชาตีสุ ตปฺปฏิพนฺเธน สทฺธึ อนวเสสโต ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตติชานนํ หีนาทิวิภาเคหิ สทฺธึ จุติปฏิสนฺธิชานนํ, ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว จตุสจฺจชานนนฺติ อิมานิ ภควโต ทสพลาณานิ อวิรชฺฌิตฺวา ยถาสกํวิสยาวคาหนโต ยถาธิปฺเปตตฺถสาธนโต จ ยถาภูตวุตฺติยา ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อิธ ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทิ (วิภ. ๘๐๙; อ. นิ. ๑๐.๒๑).
เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ยถา เจเตสมฺปิ าณานํ วเสน, เอวํ ยถาวุตฺตานํ สติปฏฺานสมฺมปฺปธานาทิวิภาวนาณาทิอนนฺตาปริเมยฺยเภทานํ อนฺสาธารณานํ ปฺาวิเสสานํ วเสน ภควา ตถานิ าณานิ อาคโต อธิคโตติ ตถาคโต, เอวมฺปิ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยา ตา ภควโต อภิชาติอภิสมฺโพธิธมฺมวินยปฺาปนอนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุโย, ตา ตถา. กึ วุตฺตํ โหติ? ยทตฺถํ ตา โลกนาเถน อภิปตฺถิตา ปวตฺติตา จ, ตทตฺถสฺส เอกนฺตสิทฺธิยา อวิสํวาทนโต อวิปรีตตฺถวุตฺติยา ตถา อวิตถา ¶ อนฺถา. ตถา หิ อยํ ภควา โพธิสตฺตภูโต สมตึสปารมิปริปูรณาทิกํ วุตฺตปฺปการํ สพฺพพุทฺธตฺตเหตุํ สมฺปาเทตฺวา ¶ ตุสิตปุเร ิโต พุทฺธโกลาหลํ สุตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ เอกโต สนฺนิปติตาหิ อุปสงฺกมิตฺวา –
‘‘กาโล โข เต มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;
สเทวกํ ตารยนฺโต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๖๗) –
อายาจิโต อุปฺปนฺนปุพฺพนิมิตฺโต ปฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา ‘‘อิทานิ อหํ มนุสฺสโยนิยํ ¶ อุปฺปชฺชิตฺวา อภิสมฺพุชฺฌิสฺสามี’’ติ อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ สกฺยราชกุเล มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ทส มาเส เทวมนุสฺเสหิ มหตา ปริหาเรน ปริหริยมาโน วิสาขปุณฺณมายํ ปจฺจูสสมเย อภิชาตึ ปาปุณิ.
อภิชาติกฺขเณ ปนสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณกฺขเณ วิย ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ, อยํ ทสสหสฺสิโลกธาตุ สํกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อปริมาโณ โอภาโส ผริ, ตสฺส, ตํ สิรึ ทฏฺุกามา วิย อนฺธา จกฺขูนิ ปฏิลภึสุ, พธิรา สทฺทํ สุณึสุ, มูคา สมาลปึสุ, ขุชฺชา อุชุคตฺตา อเหสุํ, ปงฺคุลา ปทสา คมนํ ปฏิลภึสุ, พนฺธนคตา สพฺพสตฺตา อนฺทุพนฺธนาทีหิ มุจฺจึสุ, สพฺพนรเกสุ อคฺคิ นิพฺพายิ, เปตฺติวิสเย ขุปฺปิปาสา วูปสมิ, ติรจฺฉานานํ ภยํ นาโหสิ, สพฺพสตฺตานํ โรโค วูปสมิ, สพฺพสตฺตา ปิยํวทา อเหสุํ, มธุเรนากาเรน อสฺสา หสึสุ, วารณา คชฺชึสุ, สพฺพตูริยานิ สกสกนินฺนาทํ มฺุจึสุ, อฆฏฺฏิตานิ เอว มนุสฺสานํ หตฺถูปคาทีนิ อาภรณานิ มธุเรนากาเรน สทฺทํ มฺุจึสุ, สพฺพทิสา วิปฺปสนฺนา อเหสุํ, สตฺตานํ สุขํ อุปฺปาทยมาโน มุทุสีตลวาโต วายิ, อกาลเมโฆ วสฺสิ, ปถวิโตปิ อุทกํ อุพฺภิชฺชิตฺวา วิสฺสนฺทิ, ปกฺขิโน อากาสคมนํ วิชหึสุ, นทิโย อสนฺทมานา อฏฺํสุ, มหาสมุทฺเท มธุรํ อุทกํ อโหสิ, อุปกฺกิเลสวินิมุตฺเต สูริเย ทิปฺปมาเน เอว อากาสคตา สพฺพา โชติโย โชตึสุ, เปตฺวา อรูปาวจเร เทเว อวเสสา สพฺเพ เทวา สพฺเพ จ เนรยิกา ทิสฺสมานรูปา อเหสุํ, ตรุกุฏฺฏกวาฏเสลาทโย ¶ อนาวรณภูตา อเหสุํ, สตฺตานํ จุตูปปาตา นาเหสุํ, สพฺพํ อนิฏฺคนฺธํ อภิภวิตฺวา ทิพฺพคนฺโธ ปวายิ, สพฺเพ ผลูปคา รุกฺขา ผลธรา สมฺปชฺชึสุ, มหาสมุทฺโท สพฺพตฺถกเมว ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนตโล อโหสิ, ถลชชลชาทีนิ ¶ สพฺพปุปฺผานิ ปุปฺผึสุ, รุกฺขานํ ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ, ปุปฺผึสุ, มหีตลสิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตฺต สตฺต หุตฺวา ทณฺฑปทุมานิ นาม นิกฺขมึสุ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ นิพฺพตฺตึสุ, สมนฺตโต ปุปฺผวสฺสํ วสฺสิ อากาเส ทิพฺพตูริยานิ วชฺชึสุ, สกลทสสหสฺสิโลกธาตุ วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมาลาคุฬํ วิย, อุปฺปีเฬตฺวา ปวตฺตมาลากลาโป วิย, อลงฺกตปฏิยตฺตํ มาลาสนํ วิย จ เอกมาลามาลินี วิปฺผุรนฺตวาฬพีชนี ปุปฺผธูปคนฺธปริวาสิตา ปรมโสภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ, ตานิ จ ปุพฺพนิมิตฺตานิ อุปริ อธิคตานํ อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ นิมิตฺตภูตานิ เอว อเหสุํ. เอวํ อเนกจฺฉริยปาตุภาวา อยํ อภิชาติ ยทตฺถํ เตน อภิปตฺถิตา, ตสฺสา อภิสมฺโพธิยา เอกนฺตสิทฺธิยา ตถาว อโหสิ อวิตถา อนฺถา.
ตถา ¶ เย พุทฺธเวเนยฺยา โพธเนยฺยพนฺธวา, เต สพฺเพปิ อนวเสสโต สยเมว ภควตา วินีตา. เย จ สาวกเวเนยฺยา ธมฺมเวเนยฺยา จ, เตปิ สาวกาทีหิ วินีตา วินยํ คจฺฉนฺติ คมิสฺสนฺติ จาติ ยทตฺถํ ภควตา อภิสมฺโพธิ อภิปตฺถิตา, ตทตฺถสฺส เอกนฺตสิทฺธิยา อภิสมฺโพธิ ตถา อวิตถา อนฺถา.
อปิจ ยสฺส ยสฺส เยฺยธมฺมสฺส โย โย สภาโว พุชฺฌิตพฺโพ, โส โส หตฺถตเล ปิตอามลกํ วิย อาวชฺชนมตฺตปฏิพทฺเธน อตฺตโน าเณน อวิปรีตํ อนวเสสโต ภควตา อภิสมฺพุทฺโธติ เอวมฺปิ อภิสมฺโพธิ ตถา อวิตถา อนฺถา.
ตถา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ตถา ตถา เทเสตพฺพปฺปการํ, เตสํ เตสฺจ สตฺตานํ อาสยานุสยจริยาธิมุตฺตึ สมฺมเทว โอโลเกตฺวา ธมฺมตํ อวิชหนฺเตเนว ปฺตฺตินยํ โวหารมตฺตํ อนติธาวนฺเตเนว จ ธมฺมตํ วิภาเวนฺเตน ยถาปราธํ ยถาชฺฌาสยํ ยถาธมฺมฺจ ¶ อนุสาสนฺเตน ภควตา เวเนยฺยา วินีตา อริยภูมึ สมฺปาปิตาติ ธมฺมวินยปฺาปนาปิสฺส ตทตฺถสิทฺธิยา ยถาภูตวุตฺติยา จ ตถา อวิตถา อนฺถา.
ตถา ¶ ยา สา ภควตา อนุปฺปตฺตา ปถวิยาทิผสฺสเวทนาทิรูปารูปสภาวนิมุตฺตา ลุชฺชนปลุชฺชนภาวาภาวโต โลกสภาวาตีตา ตมสา วิสํสฏฺตฺตา เกนจิ อโนภาสนียา โลกสภาวาภาวโต เอว คติอาทิภาวรหิตา อปฺปติฏฺา อนารมฺมณา อมตมหานิพฺพานธาตุ ขนฺธสงฺขาตานํ อุปาทีนํ เลสมตฺตสฺสาปิ อภาวโต ‘‘อนุปาทิเสสา’’ติปิ วุจฺจติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี น อาโป น เตโช น วาโย น อากาสานฺจายตนํ น วิฺาณฺจายตนํ น อากิฺจฺายตนํ น เนวสฺานาสฺายตนํ นายํ โลโก น ปโร โลโก น จ อุโภ จนฺทิมสูริยา. ตมหํ, ภิกฺขเว, เนว อาคตึ วทามิ น คตึ น ิตึ น จุตึ น อุปปตฺตึ; อปฺปติฏฺํ อปฺปวตฺตํ อนารมฺมณเมเวตํ เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา’’ติ (อุทา. ๗๑).
สา สพฺเพสมฺปิ อุปาทานกฺขนฺธานํ อตฺถงฺคโม สพฺพสงฺขารานํ สมโถ, สพฺพูปธีนํ ปฏินิสฺสคฺโค, สพฺพทุกฺขานํ วูปสโม, สพฺพาลยานํ สมุคฺฆาโต, สพฺพวฏฺฏานํ อุปจฺเฉโท, อจฺจนฺตสนฺติลกฺขณาติ ยถาวุตฺตสภาวสฺส กทาจิปิ อวิสํวาทนโต ตถา อวิตถา อนฺถา ¶ . เอวเมตา อภิชาติอาทิกา ตถา คโต อุปคโต อธิคโต ปฏิปนฺโน ปตฺโตติ ตถาคโต. เอวํ ภควา ตถา คโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถาวิโธติ ตถาคโต? ยถาวิธา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา, อยมฺปิ ภควา ตถาวิโธ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถาวิธา เต ภควนฺโต มคฺคสีเลน, ผลสีเลน, สพฺเพนปิ โลกิยโลกุตฺตรสีเลน, มคฺคสมาธินา, ผลสมาธินา, สพฺเพนปิ โลกิยโลกุตฺตรสมาธินา, มคฺคปฺาย, ผลปฺาย, สพฺพายปิ โลกิยโลกุตฺตรปฺาย, เทวสิกํ วฬฺชิตพฺเพหิ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติวิหาเรหิ, ตทงฺควิมุตฺติยา วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา สมุจฺเฉทวิมุตฺติยา ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติยา ¶ นิสฺสรณวิมุตฺติยาติ สงฺเขปโต, วิตฺถารโต ปน อนนฺตาปริมาณเภเทหิ อจินฺเตยฺยานุภาเวหิ สกลสพฺพฺุคุเณหิ, อยมฺปิ ¶ อมฺหากํ ภควา ตถาวิโธ. สพฺเพสฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อายุเวมตฺตํ, สรีรปฺปมาณเวมตฺตํ, กุลเวมตฺตํ, ทุกฺกรจริยาเวมตฺตํ, รสฺมิเวมตฺตนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ เวมตฺเตหิ สิยา เวมตฺตํ, น ปน สีลวิสุทฺธิอาทีสุ วิสุทฺธีสุ สมถวิปสฺสนาปฏิปตฺติยํ อตฺตนา ปฏิวิทฺธคุเณสุ จ กิฺจิ นานากรณํ อตฺถิ, อถ โข มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย อฺํมฺํ นิพฺพิเสสา เต พุทฺธา ภควนฺโต. ตสฺมา ยถาวิธา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา, อยมฺปิ ภควา ตถาวิโธ. เอวํ ตถาวิโธติ ตถาคโต. วิธตฺโถ เจตฺถ คตสทฺโท. ตถา หิ โลกิยา วิธยุตฺตคตสทฺเท ปการตฺเถ วทนฺติ.
กถํ ตถาปวตฺติโกติ ตถาคโต? อนฺสาธารเณน อิทฺธานุภาเวน สมนฺนาคตตฺตา อตฺถปฏิสมฺภิทาทีนํ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา อนาวรณาณปฏิลาเภน จ ภควโต กายปฺปวตฺติยาทีนํ กตฺถจิ ปฏิฆาตาภาวโต ยถารุจิ ตถา คตํ คติ คมนํ กายวจีจิตฺตปฺปวตฺติ เอตสฺสาติ ตถาคโต. เอวํ ตถาปวตฺติโกติ ตถาคโต.
กถํ ตเถหิ อคโตติ ตถาคโต? โพธิสมฺภารสมฺภรเณ ตปฺปฏิปกฺขปฺปวตฺติสงฺขาตํ นตฺถิ เอตสฺส คตนฺติ อคโต. โส ปนสฺส อคตภาโว มจฺเฉรทานปารมิอาทีสุ อวิปรีตํ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณาทินยปฺปวตฺเตหิ าเณหีติ ตเถหิ าเณหิ อคโตติ ตถาคโต.
อถ วา กิเลสาภิสงฺขารปฺปวตฺติสงฺขาตํ ขนฺธปฺปวตฺติสงฺขาตเมว วา ปฺจสุปิ คตีสุ คตํ คมนํ เอตสฺส นตฺถีติ อคโต. สอุปาทิเสสอนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติยา สฺวายมสฺส อคตภาโว ตเถหิ อริยมคฺคาเณหีติ เอวมฺปิ ภควา ตเถหิ อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ¶ ตถาคตภาเวน ตถาคโต? ตถาคตภาเวนาติ จ ตถาคตสฺส สพฺภาเวน, อตฺถิตายาติ อตฺโถ. โก ปเนส ตถาคโต, ยสฺส อตฺถิตาย ภควา ตถาคโตติ วุจฺจตีติ? สทฺธมฺโม. สทฺธมฺโม หิ อริยมคฺโค ตาว ยถา ¶ ยุคนทฺธสมถวิปสฺสนาพเลน อนวเสสกิเลสปกฺขํ สมูหนนฺเตน สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน คนฺตพฺพํ, ตถา ¶ คโต. ผลธมฺโม ยถา อตฺตโน มคฺคานุรูปํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานวเสน คนฺตพฺพํ, ตถา คโต ปวตฺโต. นิพฺพานธมฺโม ปน ยถา คโต ปฺาย ปฏิวิทฺโธ สกลวฏฺฏทุกฺขวูปสมาย สมฺปชฺชติ, พุทฺธาทีหิ ตถา คโต สจฺฉิกโตติ ตถาคโต. ปริยตฺติธมฺโมปิ ยถา ปุริมพุทฺเธหิ สุตฺตเคยฺยาทิวเสน ปวตฺติอาทิปฺปกาสนวเสน จ เวเนยฺยานํ อาสยาทิอนุรูปํ ปวตฺติโต, อมฺหากมฺปิ ภควตา ตถา คโต คทิโต ปวตฺติโตติ วา ตถาคโต. ยถา ภควตา เทสิโต, ตถา ภควโต สาวเกหิ คโต อวคโตติ ตถาคโต. เอวํ สพฺโพปิ สทฺธมฺโม ตถาคโต. เตนาห สกฺโก เทวานมินฺโท ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, ธมฺมํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๑๗; สุ. นิ. ๒๔๐). สฺวาสฺส อตฺถีติ ภควา ตถาคโต.
ยถา จ ธมฺโม, เอวํ อริยสงฺโฆปิ, ยถา อตฺตหิตาย ปรหิตาย จ ปฏิปนฺเนหิ สุวิสุทฺธํ ปุพฺพภาคสมถวิปสฺสนาปฏิปทํ ปุรกฺขตฺวา เตน เตน มคฺเคน คนฺตพฺพํ, ตํ ตํ ตถา คโตติ ตถาคโต. ยถา วา ภควตา สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทินโย เทสิโต, ตถา จ พุทฺธตฺตา ตถา คทนโต จ ตถาคโต. เตนาห สกฺโก เทวราชา – ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, สงฺฆํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๑๘; สุ. นิ. ๒๔๑), สฺวาสฺส สาวกภูโต อตฺถีติ ภควา ตถาคโต. เอวํ ตถาคตภาเวน ตถาคโต.
อิทมฺปิ ตถาคตสฺส ตถาคตภาวทีปเน มุขมตฺตกเมว, สพฺพากาเรน ปน ตถาคโตว ตถาคตสฺส ตถาคตภาวํ วณฺเณยฺย. อิทฺหิ ตถาคตปทํ มหตฺถํ, มหาคติกํ, มหาวิสยํ, ตสฺส อปฺปมาทปทสฺส วิย เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ ยุตฺติโต อตฺถภาเวน อาหรนฺโต ¶ ‘‘อติตฺเถน ธมฺมกถิโก ปกฺขนฺโท’’ติ น วตฺตพฺโพติ.
ตตฺเถตํ วุจฺจติ –
‘‘ยเถว โลเก ปุริมา มเหสิโน,
สพฺพฺุภาวํ มุนโย อิธาคตา;
ตถา ¶ อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมา.
‘‘ปหาย ¶ กามาทิมเล อเสสโต,
สมาธิาเณหิ ยถา คตา ชินา;
ปุราตนา สกฺยมุนี ชุตินฺธโร,
ตถา คโต เตน ตถาคโต มโต.
‘‘ตถฺจ ธาตายตนาทิลกฺขณํ,
สภาวสามฺวิภาคเภทโต;
สยมฺภุาเณน ชิโนยมาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ สกฺยปุงฺคโว.
‘‘ตถานิ สจฺจานิ สมนฺตจกฺขุนา,
ตถา อิทปฺปจฺจยตา จ สพฺพโส;
อนฺเนยฺยา นยโต วิภาวิตา,
ตถา คโต เตน ชิโน ตถาคโต.
‘‘อเนกเภทาสุปิ โลกธาตุสุ,
ชินสฺส รูปายตนาทิโคจเร;
วิจิตฺตเภเท ตถเมว ทสฺสนํ,
ตถาคโต เตน สมนฺตโลจโน.
‘‘ยโต จ ธมฺมํ ตถเมว ภาสติ,
กโรติ วาจายนุรูปมตฺตโน;
คุเณหิ โลกํ อภิภุยฺยิรียติ,
ตถาคโต เตนปิ โลกนายโก.
‘‘ตถา ปริฺาย ตถาย สพฺพโส,
อเวทิ โลกํ ปภวํ อติกฺกมิ;
คโต จ ปจฺจกฺขกิริยาย นิพฺพุตึ,
อริยมคฺคฺจ คโต ตถาคโต.
‘‘ตถา ¶ ¶ ปฏิฺาย ตถาย สพฺพโส,
หิตาย โลกสฺส ยโตยมาคโต;
ตถาย นาโถ กรุณาย สพฺพทา,
คโต จ เตนาปิ ชิโน ตถาคโต.
‘‘ตถานิ ¶ าณานิ ยโตยมาคโต,
ยถาสภาวํ วิสยาวโพธโต;
ตถาภิชาติปฺปภุตี ตถาคโต,
ตทตฺถสมฺปาทนโต ตถาคโต.
‘‘ยถาวิธา เต ปุริมา มเหสิโน,
ตถาวิโธยมฺปิ ตถา ยถารุจิ;
ปวตฺตวาจา ตนุจิตฺตภาวโต,
ตถาคโต วุจฺจติ อคฺคปุคฺคโล.
‘‘สมฺโพธิสมฺภารวิปกฺขโต ปุเร,
คตํ น สํสารคตมฺปิ ตสฺส วา;
น จตฺถิ นาถสฺส ภวนฺตทสฺสิโน,
ตเถหิ ตสฺมา อคโต ตถาคโต.
‘‘ตถาคโต ธมฺมวโร มเหสินา,
ยถา ปหาตพฺพมลํ ปหียติ;
ตถาคโต อริยคโณ วินายโก,
ตถาคโต เตน สมงฺคิภาวโต’’ติ.
อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธนฺติ เอตฺถ อรหาติ ปทสฺส อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธํ. ยํกิฺจิ เยฺยํ นาม, ตสฺส สพฺพสฺสปิ สพฺพาการโต อวิปรีตโต สยเมว อภิสมฺพุทฺธตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. อิมินาสฺส ปโรปเทสรหิตสฺส สพฺพากาเรน สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถสฺส อากงฺขาปฏิพทฺธวุตฺติโน ¶ อนาวรณาณสงฺขาตสฺส สพฺพฺุตฺาณสฺส อธิคโม ทสฺสิโต.
นนุ ¶ จ สพฺพฺุตฺาณโต อฺํ อนาวรณํ, อฺถา ฉ อสาธารณานิ าณานิ พุทฺธาณานีติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺยาติ? น วิรุชฺฌติ, วิสยปฺปวตฺติเภทวเสน อฺเหิ อสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ เอกสฺเสว าณสฺส ทฺวิธา วุตฺตตฺตา. เอกเมว หิ ตํ าณํ อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติธมฺมวิสยตาย สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ จ อาวรณาภาวโต นิสฺสงฺคจารมุปาทาย อนาวรณาณนฺติ วุตฺตํ. ยถาห ปฏิสมฺภิทายํ –
‘‘สพฺพํ ¶ สงฺขตาสงฺขตํ อนวเสสํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ. ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณ’’นฺติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๙).
ตสฺมา นตฺถิ เนสํ อตฺถโต เภโท, เอกนฺเตเนเวตํ เอวมิจฺฉิตพฺพํ. อฺถา สพฺพฺุตานาวรณาณานํ สาธารณตา อสพฺพธมฺมารมฺมณตา จ อาปชฺเชยฺย. น หิ ภควโต าณสฺส อณุมตฺตมฺปิ อาวรณํ อตฺถิ, อนาวรณาณสฺส จ อสพฺพธมฺมารมฺมณภาเว ยตฺถ ตํ น ปวตฺตติ ตตฺถาวรณสพฺภาวโต อนาวรณภาโวเยว น สิยา. อถ วา ปน โหตุ อฺเมว อนาวรณํ สพฺพฺุตฺาณโต, อิธ ปน สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย อนาวรณาณนฺติ สพฺพฺุตฺาณเมว อธิปฺเปตํ, ตสฺเสวาธิคเมน ภควา สพฺพฺู สพฺพวิทู สมฺมาสมฺพุทฺโธติ วุจฺจติ, น สกึเยว สพฺพธมฺมาวโพธโต. ตถา จ วุตฺตํ ปฏิสมฺภิทายํ –
‘‘วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ.
สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถาณสมธิคเมน หิ ภควโต สนฺตาเน อนวเสสธมฺเม ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถตา อโหสีติ.
เอตฺถาห – กึ ปนิทํ าณํ ปวตฺตมานํ สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อุทาหุ กเมนาติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อตีตานาคตปฺปจฺจุปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธาทิเภทภินฺนานํ สงฺขตธมฺมานํ อสงฺขตสมฺมุติธมฺมานฺจ เอกชฺฌํ อุปฏฺาเน ทูรโต จิตฺตปฏํ เปกฺขนฺตสฺส ¶ วิย วิสยวิภาเคนาวโพโธ น สิยา, ตถา จ สติ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนฺตานํ อนตฺตากาเรน วิย สพฺพธมฺมา อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณสฺส วิสยา โหนฺตีติ อาปชฺชติ. เยปิ ‘‘สพฺพเยฺยธมฺมานํ ิตลกฺขณวิสยํ ¶ วิกปฺปรหิตํ สพฺพกาลํ พุทฺธานํ าณํ ปวตฺตติ, เตน เต สพฺพวิทูติ วุจฺจนฺติ. เอวฺจ กตฺวา –
‘‘จรํ สมาหิโต นาโค, ติฏฺนฺโตปิ สมาหิโต’’ติ. –
‘‘อิทมฺปิ วจนํ สุวุตฺตํ โหตี’’ติ วทนฺติ, เตสมฺปิ วุตฺตโทสานาติวตฺติ, ิตลกฺขณารมฺมณตาย จ อตีตานาคตสมฺมุติธมฺมานํ ตทภาวโต, เอกเทสวิสยเมว ¶ ภควโต าณํ สิยา. ตสฺมา สกึเยว าณํ ปวตฺตตีติ น ยุชฺชติ.
อถ กเมน สพฺพสฺมึ วิสเย าณํ ปวตฺตตีติ? เอวมฺปิ น ยุชฺชติ. น หิ ชาติภูมิสภาวาทิวเสน ทิสาเทสกาลาทิวเสน จ อเนกเภทภินฺเน เยฺเย กเมน คยฺหมาเน ตสฺส อนวเสสปฏิเวโธ สมฺภวติ อปริยนฺตภาวโต เยฺยสฺส. เย ปน ‘‘อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา เสเสปิ เอวนฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปเนน สพฺพฺู ภควา, ตฺจ าณํ น อนุมานิกํ สํสยาภาวโต. สํสยานุพทฺธฺหิ โลเก อนุมานาณ’’นฺติ วทนฺติ, เตสมฺปิ น ยุตฺตํ. สพฺพสฺส หิ อปจฺจกฺขภาเว อตฺถสฺส อวิสํวาทเนน เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา เสเสปิ เอวนฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปนสฺส อสมฺภวโต. ยฺหิ ตํ เสสํ, ตํ อปจฺจกฺขนฺติ. อถ ตมฺปิ ปจฺจกฺขํ, ตสฺส เสสภาโว ปน น สิยาติ สพฺพเมตํ อการณํ. กสฺมา? อวิสยวิจารภาวโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘พุทฺธวิสโย, ภิกฺขเว, อจินฺเตยฺโย, น จินฺเตตพฺโพ; โย จินฺเตยฺย, อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗).
อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํ – ยํกิฺจิ ภควตา าตุํ อิจฺฉิตํ สกลเมกเทโส วา, ตตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย ปจฺจกฺขโต าณํ ปวตฺตติ, นิจฺจสมาธานฺจ ¶ วิกฺเขปาภาวโต, าตุํ อิจฺฉิตสฺส สกลสฺส อวิสยภาวโต ตสฺส อากงฺขาปฏิพทฺธวุตฺติตา น สิยา, เอกนฺเตเนว สา อิจฺฉิตพฺพา ‘‘สพฺเพ ธมฺมา พุทฺธสฺส ภควโต อาวชฺชนปฏิพทฺธา, อากงฺขาปฏิพทฺธา, มนสิการปฏิพทฺธา, จิตฺตุปฺปาทปฏิพทฺธา’’ติ (มหานิ. ๖๙; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕) วจนโต. อตีตานาคตวิสยมฺปิ ภควโต าณํ อนุมานาคมนตกฺกคฺคหณวิรหิตตฺตา ปจฺจกฺขเมว.
นนุ ¶ จ เอตสฺมิมฺปิ ปกฺเข ยทา สกลํ าตุํ อิจฺฉิตํ, ตทา สกิเมว สกลวิสยตาย อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณํ ปวตฺเตยฺยาติ วุตฺตโทสานาติวตฺติเยวาติ? น, ตสฺส วิโสธิตตฺตา. วิโสธิโต หิ โส พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโยติ. อฺถา ปจุรชนาณสมวุตฺติตาย พุทฺธานํ ภควนฺตานํ าณสฺส อจินฺเตยฺยตา น สิยา, ตสฺมา สกลธมฺมารมฺมณมฺปิ ¶ ตํ เอกธมฺมารมฺมณํ วิย สุววตฺถาปิเตเยว เต ธมฺเม กตฺวา ปวตฺตตีติ อิทเมตฺถ อจินฺเตยฺยํ. ยาวตกํ เยฺยํ, ตาวตกํ าณํ, ยาวตกํ าณํ, ตาวตกํ เยฺยํ, เยฺยปริยนฺติกํ าณํ, าณปริยนฺติกํ เยฺยนฺติ เอวเมกชฺฌํ วิสุํ วิสุํ สกึ กเมน จ อิจฺฉานุรูปํ สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา. ตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ.
ทฺเว วิตกฺกาติ ทฺเว สมฺมา วิตกฺกา. ตตฺถ วิตกฺเกนฺติ เอเตน, สยํ วา วิตกฺเกติ, วิตกฺกนมตฺตเมว วาติ วิตกฺโก. สฺวายํ อารมฺมณาภินิโรปนลกฺขโณ, อาหนนปริยาหนนรโส, อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อานยนปจฺจุปฏฺาโน. วิสยเภเทน ปน ตํ ทฺวิธา กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ทฺเว วิตกฺกา’’ติ. สมุทาจรนฺตีติ สมํ สมฺมา จ อุทฺธมุทฺธํ มริยาทาย จรนฺติ. มริยาทตฺโถ หิ อยมากาโร, เตน จ โยเคน ‘‘ตถาคตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติ อิทํ สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อตฺตโน วิสเย สมํ สมฺมา จ อฺมฺํ มริยาทํ อนติกฺกมนฺตา อุทฺธมุทฺธํ พหุลํ อภิณฺหํ จรนฺติ ปวตฺตนฺตีติ.
โก ¶ ปน เนสํ วิสโย, กา วา มริยาทา, กถฺจ ตํ อนติกฺกมิตฺวา เต อุทฺธมุทฺธํ พหุลํ อภิณฺหํ นิจฺจํ ปวตฺตนฺตีติ? วุจฺจเต – เขมวิตกฺโก, ปวิเวกวิตกฺโกติ อิเม ทฺเว วิตกฺกาเยว. เตสุ เขมวิตกฺโก ตาว ภควโต วิเสเสน กรุณาสมฺปยุตฺโต, เมตฺตามุทิตาสมฺปยุตฺโตปิ ลพฺภเตว, ตสฺมา โส มหากรุณาสมาปตฺติยา เมตฺตาทิสมาปตฺติยา จ ปุพฺพงฺคโม สมฺปยุตฺโต จ เวทิตพฺโพ. ปวิเวกวิตกฺโก ปน ผลสมาปตฺติยา ปุพฺพงฺคโม สมฺปยุตฺโต จ, ทิพฺพวิหาราทิวเสนาปิ ลพฺภเตว. อิติ เนสํ วิตกฺโก วิสโย, ตสฺมา เอกสฺมึ สนฺตาเน พหุลํ ปวตฺตมานานมฺปิ กาเลน กาลํ สวิสยสฺมึเยว จรณโต นตฺถิ มริยาทา, น สงฺกเรน วุตฺติ.
ตตฺถ เขมวิตกฺโก ภควโต กรุโณกฺกมนาทินา วิภาเวตพฺโพ, ปวิเวกวิตกฺโก สมาปตฺตีหิ. ตตฺรายํ วิภาวนา – ‘‘อยํ โลโก สนฺตาปชาโต ทุกฺขปเรโต’’ติอาทินา ราคคฺคิอาทีหิ โลกสนฺนิวาสสฺส อาทิตฺตตาทิอาการทสฺสเนหิ มหากรุณาสมาปตฺติยา ปุพฺพภาเค ¶ , สมาปตฺติยมฺปิ ปมชฺฌานวเสน วตฺตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๗-๑๑๘) –
‘‘พหูหิ ¶ อากาเรหิ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ, อาทิตฺโต โลกสนฺนิวาโสติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ. อุยฺยุตฺโต, ปยาโต, กุมฺมคฺคปฏิปนฺโน, อุปนียติ โลโก อทฺธุโว, อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร, อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนียํ, อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส.
‘‘อตายโน โลกสนฺนิวาโส, อเลโณ, อสรโณ, อสรณีภูโต, อุทฺธโต โลโก อวูปสนฺโต, สสลฺโล โลกสนฺนิวาโส วิทฺโธ ปุถุสลฺเลหิ, อวิชฺชนฺธการาวรโณ กิเลสปฺชรปริกฺขิตฺโต, อวิชฺชาคโต โลกสนฺนิวาโส อณฺฑภูโต ปริโยนทฺโธ ตนฺตากุลกชาโต กุลาคุณฺิกชาโต มฺุชปพฺพชภูโต อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ สํสารํ นาติวตฺตตีติ ปสฺสนฺตานํ, อวิชฺชาวิสโทสสํลิตฺโต กิเลสกลลีภูโต, ราคโทสโมหชฏาชฏิโต.
‘‘ตณฺหาสงฺฆาฏปฏิมุกฺโก, ตณฺหาชาเลน โอตฺถโฏ, ตณฺหาโสเตน วุยฺหติ, ตณฺหาสํโยชเนน สํยุตฺโต, ตณฺหานุสเยน อนุสโฏ, ตณฺหาสนฺตาเปน ¶ สนฺตปฺปติ, ตณฺหาปริฬาเหน ปริฑยฺหติ.
‘‘ทิฏฺิสงฺฆาฏปฏิมุกฺโก, ทิฏฺิชาเลน โอตฺถโฏ, ทิฏฺิโสเตน วุยฺหติ, ทิฏฺิสํโยชเนน สํยุตฺโต, ทิฏฺานุสเยน อนุสโฏ, ทิฏฺิสนฺตาเปน สนฺตปฺปติ, ทิฏฺิปริฬาเหน ปริฑยฺหติ.
‘‘ชาติยา อนุคโต, ชราย อนุสโฏ, พฺยาธินา อภิภูโต, มรเณน อพฺภาหโต, ทุกฺเข ปติฏฺิโต.
‘‘ตณฺหาย โอฑฺฑิโต, ชราปาการปริกฺขิตฺโต, มจฺจุปาสปริกฺขิตฺโต, มหาพนฺธนพทฺโธ, โลกสนฺนิวาโส, ราคพนฺธเนน, โทสโมหพนฺธเนน, มานทิฏฺิกิเลสทุจฺจริตพนฺธเนน พทฺโธ, มหาสมฺพาธปฏิปนฺโน, มหาปลิโพเธน ปลิพุทฺโธ, มหาปปาเต ¶ ปติโต, มหากนฺตารปฏิปนฺโน, มหาสํสารปฏิปนฺโน, มหาวิทุคฺเค สมฺปริวตฺตติ, มหาปลิเป ปลิปนฺโน.
‘‘อพฺภาหโต ¶ โลกสนฺนิวาโส, อาทิตฺโต โลกสนฺนิวาโส ราคคฺคินา, โทสคฺคินา, โมหคฺคินา ชาติยา…เป… อุปายาเสหิ, อุนฺนีตโก โลกสนฺนิวาโส หฺติ นิจฺจมตาโณ ปตฺตทณฺโฑ ตกฺกโร, วชฺชพนฺธนพทฺโธ อาฆาตนปจฺจุปฏฺิโต, อนาโถ โลกสนฺนิวาโส ปรมการฺุตํ ปตฺโต, ทุกฺขาภิตุนฺโน จิรรตฺตปีฬิโต, นิจฺจคธิโต นิจฺจปิปาสิโต.
‘‘อนฺโธ, อจกฺขุโก, หตเนตฺโต, อปริณายโก, วิปถปกฺขนฺโท, อฺชสาปรทฺโธ, มโหฆปกฺขนฺโท.
‘‘ทฺวีหิ ทิฏฺิคเตหิ ปริยุฏฺิโต, ตีหิ ทุจฺจริเตหิ วิปฺปฏิปนฺโน, จตูหิ โยเคหิ โยชิโต, จตูหิ คนฺเถหิ คนฺถิโต, จตูหิ อุปาทาเนหิ อุปาทียติ, ปฺจคติสมารุฬฺโห, ปฺจหิ กามคุเณหิ รชฺชติ, ปฺจหิ นีวรเณหิ โอตฺถโฏ, ฉหิ วิวาทมูเลหิ วิวทติ, ฉหิ ตณฺหากาเยหิ รชฺชติ, ฉหิ ทิฏฺิคเตหิ ปริยุฏฺิโต, สตฺตหิ อนุสเยหิ อนุสโฏ, สตฺตหิ สํโยชเนหิ สํยุตฺโต, สตฺตหิ มาเนหิ อุนฺนโต, อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ สมฺปริวตฺตติ, อฏฺหิ มิจฺฉตฺเตหิ นิยโต, อฏฺหิ ปุริสโทเสหิ ทุสฺสติ, นวหิ อาฆาตวตฺถูหิ อาฆาติโต, นวหิ มาเนหิ อุนฺนโต, นวหิ ตณฺหามูลเกหิ ธมฺเมหิ รชฺชติ, ทสหิ กิเลสวตฺถูหิ ¶ กิลิสฺสติ, ทสหิ อาฆาตวตฺถูหิ อาฆาติโต, ทสหิ อกุสลกมฺมปเถหิ สมนฺนาคโต, ทสหิ สํโยชเนหิ สํยุตฺโต, ทสหิ มิจฺฉตฺเตหิ นิยโต, ทสวตฺถุกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต, ทสวตฺถุกาย อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต, อฏฺสตตณฺหาปปฺเจหิ ปปฺจิโต, ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺิคเตหิ ปริยุฏฺิโต โลกสนฺนิวาโสติ สมฺปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ.
‘‘อหฺจมฺหิ ติณฺโณ, โลโก จ อติณฺโณ. อหฺจมฺหิ มุตฺโต, โลโก จ อมุตฺโต. อหฺจมฺหิ ทนฺโต, โลโก จ ¶ อทนฺโต. อหฺจมฺหิ สนฺโต, โลโก จ อสนฺโต. อหฺจมฺหิ อสฺสตฺโถ, โลโก จ อนสฺสตฺโถ. อหฺจมฺหิ ปรินิพฺพุโต, โลโก จ อปรินิพฺพุโต. ปโหมิ ขฺวาหํ ติณฺโณ ตาเรตุํ, มุตฺโต โมเจตุํ, ทนฺโต ทเมตุํ, สนฺโต สเมตุํ ¶ , อสฺสตฺโถ อสฺสาเสตุํ, ปรินิพฺพุโต ปเร จ ปรินิพฺพาเปตุนฺติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๗-๑๑๘).
อิมินาว นเยน ภควโต สตฺเตสุ เมตฺตาโอกฺกมนฺจ วิภาเวตพฺพํ. กรุณาวิสยสฺส หิ ทุกฺขสฺส ปฏิปกฺขภูตํ สุขํ สตฺเตสุ อุปสํหรนฺตี เมตฺตาปิ ปวตฺตตีติ อิธ อพฺยาปาทอวิหึสาวิตกฺกา เขมวิตกฺโก. ปวิเวกวิตกฺโก ปน เนกฺขมฺมวิตกฺโกเยว, ตสฺส ทิพฺพวิหารอริยวิหาเรสุ ปุพฺพภาคสฺส ปมชฺฌานสฺส ปจฺจเวกฺขณาย จ วเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ เย เต ภควโต เทวสิกํ วฬฺชนกวเสน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา สมาปตฺติวิหารา, เยสํ ปุเรจรณภาเวน ปวตฺตํ สมาธิจริยานุคตํ าณจริยานุคตํ าณํ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติสฺจาริมหาวชิราณนฺติ วุจฺจติ, เตสํ วเสน ภควโต ปวิเวกวิตกฺกสฺส พหุลํ ปวตฺติ เวทิตพฺพา. อยฺจ อตฺโถ มหาสจฺจกสุตฺเตนปิ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ภควตา –
‘‘โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตสฺมึเยว ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเต อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ, สนฺนิสาเทมิ, เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗).
อิทฺหิ ภควา ‘‘สมโณ โคตโม ¶ อภิรูโป ปาสาทิโก สุผุสิตํ ทนฺตาวรณํ, ชิวฺหา ตนุกา, มธุรํ วจนํ, เตน ปริสํ รฺเชนฺโต มฺเ วิจรติ, จิตฺเต ปนสฺส เอกคฺคตา นตฺถิ, โย เอวํ สฺตฺติพหุโล จรตี’’ติ สจฺจเกน นิคณฺปุตฺเตน วิตกฺกิเต อวสฺสํ สโหฒํ โจรํ คณฺหนฺโต วิย ‘‘น อคฺคิเวสฺสน ตถาคโต ปริสํ รฺเชนฺโต สฺตฺติพหุโล วิจรติ, จกฺกวาฬปริยนฺตายปิ ปริสาย ธมฺมํ เทเสติ, อสลฺลีโน อนุปลิตฺโต เอกตฺตํ เอกวิหาริสฺุตาผลสมาปตฺติผลํ อนุยุตฺโต’’ติ ทสฺเสตุํ อาหริ.
ภควา ¶ หิ ยสฺมึ ขเณ ปริสา สาธุการํ เทติ, ธมฺมํ วา ปจฺจเวกฺขติ, ตสฺมึ ขเณ ปุพฺพภาเคน กาลํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ผลสมาปตฺตึ อสฺสาสวาเร ปสฺสาสวาเร สมาปชฺชติ, สาธุการสทฺทนิคฺโฆเส อวิจฺฉินฺเนเยว ธมฺมปจฺจเวกฺขณาย จ ปริโยสาเน สมาปตฺติโต วุฏฺาย ิตฏฺานโต ปฏฺาย ธมฺมํ เทเสติ. พุทฺธานฺหิ ภวงฺคปริวาโส ลหุโก, อสฺสาสวาเร ปสฺสาสวาเร สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺติ. เอวํ ยถาวุตฺตสมาปตฺตีนํ สปุพฺพภาคานํ วเสน ภควโต เขมวิตกฺกสฺส ปวิเวกวิตกฺกสฺส จ พหุลปฺปวตฺติ เวทิตพฺพา.
ตตฺถ ¶ ยสฺส พฺยาปาทวิหึสาวิตกฺกาทิสํกิเลสปฺปหานสฺส อพฺยาปาทวิตกฺกสฺส อวิหึสาวิตกฺกสฺส จ อานุภาเวน กุโตจิปิ ภยาภาวโต ตํสมงฺคี เขมปฺปตฺโต จ วิหรติ, ตโต จ สพฺพสฺสปิ สพฺพทาปิ เขมเมว โหติ อภยเมว. ตสฺมา ทุวิโธปิ อุภเยสํ เขมงฺกโรติ เขมวิตกฺโก. ยสฺส ปน กามวิตกฺกาทิสํกิเลสปหานสฺส เนกฺขมฺมวิตกฺกสฺส อานุภาเวน กายวิเวโก, จิตฺตวิเวโก, อุปธิวิเวโกติ ติวิโธ; ตทงฺควิเวโก, วิกฺขมฺภนวิเวโก, สมุจฺเฉทวิเวโก, ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิเวโก, นิสฺสรณวิเวโกติ ปฺจวิโธ จ วิเวโก ปาริปูรึ คจฺฉติ. โส ยถารหํ อารมฺมณโต สมฺปโยคโต จ ปวิเวกสหคโต วิตกฺโกติ ปวิเวกวิตกฺโก. เอเต จ ทฺเว วิตกฺกา เอวํ วิภตฺตวิสยาปิ สมานา อาทิกมฺมิกานํ อฺมฺูปการาย ¶ สมฺภวนฺติ. ยถา หิ เขมวิตกฺกสฺส ปวิเวกวิตกฺโก อนุปฺปนฺนสฺส อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย โหติ, เอวํ ปวิเวกวิตกฺกสฺสปิ เขมวิตกฺโก. น หิ วูปกฏฺกายจิตฺตานมนฺตเรน เมตฺตาวิหาราทโย สมฺภวนฺติ พฺยาปาทาทิปฺปหาเนน จ วินา จิตฺตวิเวกาทีนํ อสมฺภโวเยวาติ อฺมฺสฺส พหูปการา เอเต ธมฺมา ทฏฺพฺพา. ภควโต ปน สพฺพโส ปหีนสํกิเลสสฺส โลกหิตตฺถาย เอวํ เขมวิตกฺโก จ ปวิเวกวิตกฺโก จ อสฺสาสวารมตฺเตปิ หิตสุขมาวหนฺติเยวาติ. เขโม จ วิตกฺโก ปวิเวโก จ วิตกฺโกติ สมฺพนฺธิตพฺพํ.
เอวํ อุทฺทิฏฺเ ทฺเว วิตกฺเก นิทฺทิสิตุํ ‘‘อพฺยาปชฺฌาราโม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อพฺยาปชฺฌนํ กสฺสจิ อทุกฺขนํ อพฺยาปชฺโฌ, โส อารมิตพฺพโต อาราโม ¶ เอตสฺสาติ อพฺยาปชฺฌาราโม. อพฺยาปชฺเฌ รโต เสวนวเสน นิรโตติ อพฺยาปชฺฌรโต. เอเสวาติ เอโส เอว. อิริยายาติ กิริยาย, กายวจีปโยเคนาติ อตฺโถ. น กฺจิ พฺยาพาเธมีติ หีนาทีสุ กฺจิปิ สตฺตํ ตณฺหาตสาทิโยคโต ตสํ วา ตทภาวโต ปหีนสพฺพกิเลสวิปฺผนฺทิตตฺตา ถาวรํ วา น พาเธมิ น ทุกฺขาเปมิ. กรุณชฺฌาสโย ภควา มหากรุณาสมาปตฺติพหุโล อตฺตโน ปรมรุจิตกรุณชฺฌาสยานุรูปเมวมาห. เตน อวิหึสาวิตกฺกํ อพฺยาปาทวิตกฺกฺจ ทสฺเสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘อหํ อิมาย อิริยาย อิมาย ปฏิปตฺติยา เอวํ สมฺมา ปฏิปชฺชนฺโต เอวํ สมาปตฺติวิหาเรหิ วิหรนฺโต เอวํ ปฺุตฺถิเกหิ กตานิ สกฺการครุการมานนวนฺทนปูชนานิ อธิวาเสนฺโต สตฺเตสุ น กฺจิ พฺยาพาเธมิ, อปิจ โข ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถปฺปเภทํ หิตสุขเมว เนสํ ปริพฺรูเหมี’ติ.
ยํ อกุสลํ, ตํ ปหีนนฺติ ยํ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสเภทํ อฺฺจ ตํสมฺปยุตฺตํ อนนฺตปฺปเภทํ อกุสลํ, ตํ สพฺพํ โพธิมูเลเยว มยฺหํ ปหีนํ สมูหตนฺติ. อิมินา ปวิเวเกสุ มุทฺธภูเตน ¶ สทฺธึ นิสฺสรณวิเวเกน สมุจฺเฉทปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิวิเวเก ทสฺเสติ. เกจิ ปเนตฺถ ตทงฺควิกฺขมฺภนวิเวเกปิ อุทฺธรนฺติ ¶ . อาคมนียปฏิปทาย หิ สทฺธึ ภควตา อตฺตโน กิเลสกฺขโย อิธ วุตฺโตติ.
อิติ ภควา อปริมิตกปฺปปริจิตฺตํ อตฺตโน ปวิเวกชฺฌาสยํ สทฺธึ นิสฺสรณชฺฌาสเยน อิทานิ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ิโต ตมชฺฌาสยํ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา อตฺตโน กิเลสปฺปหานปจฺจเวกฺขณมุเขน วิภาเวติ. ยทตฺถํ ปเนตฺถ สตฺถา อิเม ทฺเว วิตกฺเก อุทฺธริ, อิทานิ ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ภควา หิ อิมสฺส วิตกฺกทฺวยสฺส อตฺตโน พหุลสมุทาจารทสฺสนมุเขเนว ตตฺถ ภิกฺขู นิเวเสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิ.
ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา อพฺยาปชฺฌปวิเวกาภิรตสฺส เม เขมปวิเวกวิตกฺกาเยว พหุลํ ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา. ติหาติ นิปาตมตฺตํ. อพฺยาปชฺฌารามา ¶ วิหรถาติ สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตาวิหาเรน กรุณาวิหาเร น จ อภิรมนฺตา วิหรถ. เตน พฺยาปาทสฺส ตเทกฏฺกิเลสานฺจ ทูรีกรณมาห. เตสํ โวติ เอตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ. ปวิเวการามา วิหรถาติ กายาทิวิเวกฺเจว ตทงฺคาทิวิเวกฺจาติ สพฺพวิเวเก อารมิตพฺพฏฺานํ กตฺวา วิหรถ. อิมาย มยนฺติอาทิ ยถา เนสํ เขมวิตกฺกสฺส ปวตฺตนาการทสฺสนํ, เอวํ กึ อกุสลนฺติอาทิ ปวิเวกวิตกฺกสฺส ปวตฺตนาการทสฺสนํ. ตตฺถ ยถา อนวชฺชธมฺเม ปริปูเรตุกาเมน กึกุสลคเวสินา หุตฺวา กุสลธมฺมปริเยสนา กาตพฺพาว, สาวชฺชธมฺเม ปชหิตุกาเมนาปิ อกุสลปริเยสนา กาตพฺพาติ อาห ‘‘กึ อกุสล’’นฺติอาทิ. อภิฺาปุพฺพิกา หิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนา. ตตฺถ กึ อกุสลนฺติ อกุสลํ นาม กึ, สภาวโต กิมสฺส ลกฺขณํ, กานิ วา รสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานีติ อกุสลสฺส สภาวกิจฺจาทิโต ปจฺจเวกฺขณวิธึ ทสฺเสติ. อาทิกมฺมิกวเสน เจส วิตกฺโก อาคโต, กึ อปฺปหีนํ กึ ปชหามาติ อิทํ ปททฺวยํ เสกฺขวเสน. ตสฺมา กึ อปฺปหีนนฺติ กามราคสํโยชนาทีสุ อกุสเลสุ กึ อกุสลํ อมฺหากํ มคฺเคน อสมุจฺฉินฺนํ? กึ ¶ ปชหามาติ กึ อกุสลํ สมุคฺฆาเตม? อถ วา กึ ปชหามาติ วีติกฺกมปริยุฏฺานานุสเยสุ กึ วิภาคํ อกุสลํ อิทานิ มยํ ปชหามาติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘กึ อปฺปหีน’’นฺติ ปนฺติ. เตสํ ทิฏฺิสํโยชนาทิวเสน อเนกเภเทสุ อกุสเลสุ กึ กตมํ อกุสลํ, เกน กตเมน ปกาเรน, กตเมน วา มคฺเคน อมฺหากํ อปฺปหีนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
คาถาสุ ¶ พุทฺธนฺติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อวิปรีตํ สยมฺภุาเณน พุทฺธตฺตา ปฏิวิทฺธตฺตา พุทฺธํ สจฺจวินิมุตฺตสฺส เยฺยสฺส อภาวโต. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘อภิฺเยฺยํ อภิฺาตํ, ภาเวตพฺพฺจ ภาวิตํ;
ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณา’’ติ. (สุ. นิ. ๕๖๓; ม. นิ. ๒.๓๙๙);
เปตฺวา มหาโพธิสตฺตํ อฺเหิ สหิตุํ วหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อสยฺหสฺส สกลสฺส โพธิสมฺภารสฺส มหากรุณาธิการสฺส จ สหนโต วหนโต, ตถา อฺเหิ สหิตุํ อภิภวิตุํ ทุกฺกรตฺตา อสยฺหานํ ¶ ปฺจนฺนํ มารานํ สหนโต อภิภวนโต, อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิวิภาคาวโพเธน ยถารหํ เวเนยฺยานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ อนุสาสนสงฺขาตสฺส อฺเหิ อสยฺหสฺส พุทฺธกิจฺจสฺส สหนโต วหนโต, ตตฺถ วา สาธุการิภาวโต อสยฺหสาหินํ. สมุทาจรนฺติ นนฺติ เอตฺถ นนฺติ นิปาตมตฺตํ, นํ ตถาคตนฺติ วา อตฺโถ.
สกปรสนฺตาเนสุ ตมสงฺขาตํ โมหนฺธการํ นุทิ ขิปีติ ตโมนุโท. ปารํ นิพฺพานํ คโตติ ปารคโต. อถ วา ‘‘มุตฺโต โมเจยฺย’’นฺติอาทินา นเยน ปวตฺติตสฺส มหาภินีหารสฺส สกลสฺส วา สํสารทุกฺขสฺส สพฺพฺุคุณานํ ปารํ ปริยนฺตํ คโตติ ปารคโต, ตํ ตโมนุทํ ปารคตํ. ตโต เอว ปตฺติปตฺตํ พุทฺธํ, สีลาทึ ทสพลาณาทิฺจ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ ปตฺตพฺพํ สพฺพํ ปตฺตนฺติ อตฺโถ. วสิมนฺติ ¶ ฌานาทีสุ อากงฺขาปฏิพทฺโธ ปรโม อาวชฺชนาทิวสิภาโว, อริยิทฺธิสงฺขาโต อนฺสาธารโณ จิตฺตวสิภาโว จ อสฺส อตฺถีติ วสิมา, ตํ วสิมํ, วสินนฺติ อตฺโถ. สพฺเพสํ กามาสวาทีนํ อภาเวน อนาสวํ. กายวิสมาทิกสฺส วิสมสฺส วนฺตตฺตา วา วิสสงฺขาตํ สพฺพํ กิเลสมลํ ตริตฺวา วา วิสํ สกลวฏฺฏทุกฺขํ สยํ ตริตฺวา ตารณโต วิสนฺตโร ตํ วิสนฺตรํ. ตณฺหกฺขเย อรหตฺตผเล นิพฺพาเน วา วิมุตฺตํ, อุภยมฺหิ คมนโต โมนสงฺขาเตน าเณน กายโมเนยฺยาทีหิ วา สาติสยํ สมนฺนาคตตฺตา มุนึ. มุนีติ หิ อคาริยมุนิ, อนคาริยมุนิ, เสกฺขมุนิ, อเสกฺขมุนิ, ปจฺเจกมุนิ, มุนิมุนีติ อเนกวิธา มุนโย. ตตฺถ คิหี อาคตผโล วิฺาตสาสโน อคาริยมุนิ, ตถารูโป ปพฺพชิโต อนคาริยมุนิ, สตฺต เสกฺขา เสกฺขมุนิ, ขีณาสโว อเสกฺขมุนิ, ปจฺเจกพุทฺโธ ปจฺเจกมุนิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ มุนิมุนีติ. อยเมว อิธาธิปฺเปโต. อายตึ ปุนพฺภวาภาวโต อนฺติมํ, ปจฺฉิมํ เทหํ กายํ ธาเรตีติ อนฺติมเทหธารี, ตํ อนฺติมเทหธารึ. กิเลสมาราทีนํ สมฺมเทว ปริจฺจตฺตตฺตา มารฺชหํ. ตโต เอว ชราเหตุสมุจฺเฉทโต อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติวเสน ปากฏชราทิสพฺพชราย ¶ ปารคุํ. ชราสีเสน เจตฺถ ชาติมรณโสกาทีนํ ปารคมนํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตํ เอวํภูตํ ตถาคตํ ทุเว วิตกฺกา สมุทาจรนฺตีติ พฺรูมีติ สมฺพนฺโธ.
อิติ ¶ ภควา ปมคาถาย วิตกฺกทฺวยํ อุทฺทิสิตฺวา ตโต ทุติยคาถาย ปวิเวกวิตกฺกํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เขมวิตกฺกํ ทสฺเสตุํ ‘‘เสเล ยถา’’ติ ตติยคาถมาห. ตตฺถ เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโตติ เสเล สิลามเย เอกคฺฆนปพฺพตมุทฺธนิ ยถา ิโต. น หิ ตตฺถ ิตสฺส อุทฺธํ คีวุกฺขิปนปสารณาทิกิจฺจํ อตฺถิ. ตถูปมนฺติ ตปฺปฏิภาคํ เสลปพฺพตูปมํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา เสลปพฺพตมุทฺธนิ ิโต ¶ จกฺขุมา ปุริโส สมนฺตโต ชนตํ ปสฺเสยฺย, เอวเมว สุเมโธ, สุนฺทรปฺโ สพฺพฺุตฺาเณน สมนฺตจกฺขุ ภควา ธมฺมมยํ ปฺามยํ ปาสาทมารุยฺห สยํ อเปตโสโก โสกาวติณฺณํ ชาติชราภิภูตฺจ ชนตํ สตฺตกายํ อเวกฺขติ อุปธารยติ อุปปริกฺขติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา หิ ปพฺพตปาเท สมนฺตา มหนฺตํ เขตฺตํ กตฺวา ตตฺถ เกทารปาฬีสุ กุฏิโย กตฺวา รตฺตึ อคฺคึ ชาเลยฺย, จตุรงฺคสมนฺนาคตฺจ อนฺธการํ ภเวยฺย, อถสฺส ปพฺพตสฺส มตฺถเก ตฺวา จกฺขุมโต ปุริสสฺส ภูมิปฺปเทสํ โอโลกยโต เนว เขตฺตํ, น เกทารปาฬิโย, น กุฏิโย, น ตตฺถ สยิตมนุสฺสา ปฺาเยยฺยุํ, กุฏีสุ ปน อคฺคิชาลมตฺตเมว ปฺาเยยฺย, เอวํ ธมฺมมยํ ปาสาทมารุยฺห สตฺตกายํ โอโลกยโต ตถาคตสฺส เย เต อกตกลฺยาณา สตฺตา, เต เอกวิหาเร ทกฺขิณปสฺเส นิสินฺนาปิ พุทฺธาณสฺส อาปาถํ นาคจฺฉนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตสรา วิย โหนฺติ. เย ปน กตกลฺยาณา เวเนยฺยปุคฺคลา, เต เอวสฺส ทูเรปิ ิตา อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, โส อคฺคิ วิย หิมวนฺตปพฺพโต วิย จ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ, หิมวนฺโตว ปพฺพโต;
อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตา ยถา สรา’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๔; เนตฺติ. ๑๑);
เอวเมตสฺมึ สุตฺเต คาถาสุ จ ภควา อตฺตานํ ปรํ วิย กตฺวา ทสฺเสสิ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. เทสนาสุตฺตวณฺณนา
๓๙. ทุติเย ¶ ปริยาเยนาติ เอตฺถ ปริยาย-สทฺโท ‘‘มธุปิณฺฑิกปริยาโยตฺเวว นํ ธาเรหี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๕) เทสนายํ อาคโต. ‘‘อตฺถิ ขฺเวส ¶ , พฺราหฺมณ, ปริยาโย, เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – อกิริยวาโท สมโณ โคตโม’’ติอาทีสุ (ปารา. ๕; อ. นิ. ๘.๑๑) การเณ. ‘‘กสฺส นุ โข, อานนฺท, อชฺช ปริยาโย ภิกฺขุนิโย โอวทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๙๘) วาเร. อิธ ปน วาเรปิ การเณปิ วฏฺฏติ, ตสฺมา, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส ¶ ทฺเว ธมฺมเทสนา ยถารหํ การเณน ภวนฺติ, วาเรน วาติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ภควา หิ เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ กทาจิ ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม, ธมฺมา อกุสลา. อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา. อิเม เสวิตพฺพา, อิเม น เสวิตพฺพา’’ติอาทินา กุสลากุสลธมฺเม วิภชนฺโต กุสลธมฺเมหิ อกุสลธมฺเม อสงฺกรโต ปฺาเปนฺโต ‘‘ปาปํ ปาปกโต ปสฺสถา’’ติ ธมฺมํ เทเสติ. กทาจิ ‘‘ปาณาติปาโต, ภิกฺขเว, อาเสวิโต ภาวิโต พหุลีกโต นิรยสํวตฺตนิโก ติรจฺฉานโยนิสํวตฺตนิโก เปตฺติวิสยสํวตฺตนิโก, โย สพฺพลหุโก ปาณาติปาโต, โส อปฺปายุกสํวตฺตนิโก’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๔๐) อาทีนวํ ปกาเสนฺโต ปาปโต นิพฺพิทาทีหิ นิโยเชนฺโต ‘‘นิพฺพินฺทถ วิรชฺชถา’’ติ ธมฺมํ เทเสติ.
ภวนฺตีติ โหนฺติ ปวตฺตนฺติ. ปาปํ ปาปกโต ปสฺสถาติ สพฺพํ ปาปธมฺมํ ทิฏฺเว ธมฺเม อายติฺจ อหิตทุกฺขาวหโต ลามกโต ปสฺสถ. ตตฺถ นิพฺพินฺทถาติ ตสฺมึ ปาปธมฺเม ‘‘อจฺจนฺตหีนภาวโต ลามกฏฺเน ปาปํ, อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน อกุสลํ, ปกติปภสฺสรสฺส ปสนฺนสฺส จ จิตฺตสฺส ปภสฺสราทิภาววินาสนโต สํกิเลสิกํ, ปุนปฺปุนํ ภวทุกฺขนิพฺพตฺตนโต โปโนพฺภวิกํ, สเหว ทรเถหิ ปริฬาเหหิ วตฺตนโต สทรถํ, ทุกฺขสฺเสว วิปจฺจนโต ทุกฺขวิปากํ, อปริมาณมฺปิ กาลํ อนาคเต ชาติชรามรณนิพฺพตฺตนโต อายตึ ชาติชรามรณิยํ, สพฺพหิตสุขวิทฺธํสนสมตฺถ’’นฺติอาทินา นเยน นานาวิเธ อาทีนเว, ตสฺส จ ปหาเน อานิสํเส สมฺมปฺาย ปสฺสนฺตา นิพฺพินฺทถ นิพฺเพทํ อาปชฺชถ. นิพฺพินฺทนฺตา จ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อริยมคฺคาธิคเมน ปาปโต วิรชฺชถ เจว วิมุจฺจถ จ. มคฺเคน วา สมุจฺเฉทวิราควเสน วิรชฺชถ, ตโต ผเลน ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติวเสน วิมุจฺจถ. อถ วา ปาปนฺติ ลามกโต ปาปํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยํ อนิจฺจทุกฺขาทิภาเวน กุจฺฉิตํ อริเยหิ ชิคุจฺฉนียํ ¶ วฏฺฏทุกฺขํ ปาเปตีติ ปาปํ. กึ ปน ตํ? เตภูมกธมฺมชาตํ ¶ . ยถาวุตฺเตน อตฺเถน ปาปกโต ทิสฺวา ตตฺถ อนิจฺจโต, ทุกฺขโต, โรคโต, คณฺฑโต, สลฺลโต, อฆโต, อาพาธโตติอาทินา ¶ วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺตา นิพฺพินฺทถ. อยํ ทุติยาติ ยาถาวโต อหิตานตฺถวิภาวนํ ปมํ อุปาทาย ตโต วิเวจนํ อยํ ทุติยา ธมฺมเทสนา.
คาถาสุ พุทฺธสฺสาติ สพฺพฺุพุทฺธสฺส. สพฺพภูตานุกมฺปิโนติ สพฺเพปิ สตฺเต มหากรุณาย อนุกมฺปนสภาวสฺส. ปริยายวจนนฺติ ปริยาเยน กถนํ เทสนํ. ปสฺสาติ ปริสํ อาลปติ, ปริสเชฏฺกํ วา สนฺธาย วุตฺตํ. เกจิ ปนาหุ ‘‘อตฺตานเมว สนฺธาย ภควา ‘ปสฺสา’ติ อโวจา’’ติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปาปเก วิรชฺชถ ราคํ ปชหถาติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. วิชฺชาสุตฺตวณฺณนา
๔๐. ตติเย ปุพฺพงฺคมาติ สหชาตวเสน, อุปนิสฺสยวเสน จาติ ทฺวีหิ อากาเรหิ ปุพฺพงฺคมา ปุรสฺสรา ปธานการณํ. น หิ อวิชฺชาย วินา อกุสลุปฺปตฺติ อตฺถิ. สมาปตฺติยาติ สมาปชฺชนาย สภาวปฏิลาภาย, ปวตฺติยาติ อตฺโถ. ตตฺถ อกุสลปฺปวตฺติยา อาทีนวปฺปฏิจฺฉาทเนน อโยนิโสมนสิการสฺส ปจฺจยภาเวน อปฺปหีนภาเวน จ อกุสลธมฺมานํ อุปนิสฺสยภาโว ทิสฺสติ.
เอวํ พฺยาธิมรณาทิทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต สพฺพาปิ คติโย อิธ ทุคฺคติโย. อถ วา ราคาทิกิเลเสหิ ทูสิตา คติโย กายวจีจิตฺตานํ ปวตฺติโยติ ทุคฺคติโย, กายวจีมโนทุจฺจริตานิ. อสฺมึ โลเกติ อิธ โลเก มนุสฺสคติยํ วา. ปรมฺหิ จาติ ตโต อฺาสุ คตีสุ. อวิชฺชามูลิกา สพฺพาติ ตา สพฺพาปิ ทุจฺจริตสฺส วิปตฺติโย วุตฺตนเยน อวิชฺชาปุพฺพงฺคมตฺตา อวิชฺชามูลิกา เอว. อิจฺฉาโลภสมุสฺสยาติ ¶ อสมฺปตฺตวิสยปริเยสนลกฺขณาย อิจฺฉาย, สมฺปตฺตวิสยลุพฺภนลกฺขเณน โลเภน จ สมุสฺสิตา อุปจิตาติ อิจฺฉาโลภสมุสฺสยา.
ยโตติ ¶ ยสฺมา อวิชฺชาเหตุ อวิชฺชาย นิวุโต หุตฺวา. ปาปิจฺโฉติ อวิชฺชาย ปฏิจฺฉาทิตตฺตา ปาปิจฺฉตาย อาทีนเว อปสฺสนฺโต อสนฺตคุณสมฺภาวนวเสน โกหฺาทีนิ กโรนฺโต ปาปิจฺโฉ, โลเภเนว อตฺริจฺฉตาปิ คหิตาติ ทฏฺพฺพา. อนาทโรติ โลกาธิปติโน โอตฺตปฺปสฺส อภาเวน สพฺรหฺมจารีสุ อาทรรหิโต. ตโตติ ตสฺมา อวิชฺชาปาปิจฺฉตาอหิริกาโนตฺตปฺปเหตุ ¶ . ปสวตีติ กายทุจฺจริตาทิเภทํ ปาปํ อุปจินติ. อปายํ เตน คจฺฉตีติ เตน ตถา ปสุเตน ปาเปน นิรยาทิเภทํ อปายํ คจฺฉติ อุปปชฺชติ.
ตสฺมาติ ยสฺมา เอเต เอวํ สพฺพทุจฺจริตมูลภูตา สพฺพทุคฺคติปริกฺกิเลสเหตุภูตา จ อวิชฺชาทโย, ตสฺมา อิจฺฉฺจ, โลภฺจ, อวิชฺชฺจ, จสทฺเทน อหิริกาโนตฺตปฺปฺจ วิราชยํ สมุจฺเฉทวเสน ปชหํ. กถํ วิราเชตีติ อาห? วิชฺชํ อุปฺปาทยนฺติ, วิปสฺสนาปฏิปาฏิยา จ, มคฺคปฏิปาฏิยา จ, อุสฺสกฺกิตฺวา อรหตฺตมคฺควิชฺชํ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทยนฺโต. สพฺพา ทุคฺคติโยติ สพฺพาปิ ทุจฺจริตสงฺขาตา ทุคฺคติโย, วฏฺฏทุกฺขสฺส วา อธิฏฺานภาวโต ทุกฺขา, สพฺพา ปฺจปิ คติโย ชเห ปชเหยฺย สมติกฺกเมยฺย. กิเลสวฏฺฏปฺปหาเนเนว หิ กมฺมวฏฺฏํ วิปากวฏฺฏฺจ ปหีนํ โหตีติ.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปฺาปริหีนสุตฺตวณฺณนา
๔๑. จตุตฺเถ สุปริหีนาติ สุฏฺุ ปริหีนา. เย อริยาย ปฺาย ปริหีนาติ เย สตฺตา ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทยพฺพยปฏิวิชฺฌเนน จตุสจฺจปฏิวิชฺฌเนน จ กิเลเสหิ อารกา ิตตฺตา อริยาย ปริสุทฺธาย วิปสฺสนาปฺาย จ มคฺคปฺาย จ ปริหีนา, เต โลกิยโลกุตฺตราหิ สมฺปตฺตีหิ อติวิย ปริหีนา มหาชานิกา. เก ปน เตติ? เย กมฺมาวรเณน สมนฺนาคตา. เต หิ ¶ มิจฺฉตฺตนิยตภาวโต เอกนฺเตน ปริหีนา อปริปุณฺณา มหาชานิกา. เตนาห ‘‘ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา’’ติ. วิปากาวรณสมงฺคิโนปิ ปริหีนา. อถ วา สุกฺกปกฺเข อปริหีนา นาม ติวิธาวรณวิรหิตา ¶ สมฺมาทิฏฺิกา กมฺมสฺสกตาเณน จ สมนฺนาคตา. เสสํ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.
คาถาสุ ปฺายาติ นิสฺสกฺกวจนํ, วิปสฺสนาาณโต มคฺคาณโต จ ปริหาเนนาติ. สามิวจนํ วา เอตํ, ยถาวุตฺตาณสฺส ปริหาเนนาติ, อุปฺปาเทตพฺพสฺส อนุปฺปาทนเมว เจตฺถ ปริหานํ. นิวิฏฺํ นามรูปสฺมินฺติ นามรูเป อุปาทานกฺขนฺธปฺจเก ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา ตณฺหาทิฏฺิวเสน อภินิวิฏฺํ อชฺโฌสิตํ, ตโต เอว อิทํ สจฺจนฺติ มฺตีติ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ มฺติ. ‘‘สเทวเก โลเก’’ติ วิภตฺติ ปริณาเมตพฺพา.
เอวํ ¶ ปมคาถาย สํกิเลสปกฺขํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺสา อนุปฺปตฺติยา นามรูปสฺมึ มฺนาภินิเวเสหิ กิเลสวฏฺฏํ วตฺตติ, ตสฺสา อุปฺปตฺติยา วฏฺฏสฺส อุปจฺเฉโทติ ปฺาย อานุภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘ปฺา หิ เสฏฺา โลกสฺมิ’’นฺติ คาถมาห.
ตตฺถ โลกสฺมินฺติ สงฺขารโลกสฺมึ. สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิย สตฺเตสุ, สงฺขาเรสุ ปฺาสทิโส ธมฺโม นตฺถิ. ปฺุตฺตรา หิ กุสลา ธมฺมา, ปฺาย จ สิทฺธาย สพฺเพ อนวชฺชธมฺมา สิทฺธา เอว โหนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สมฺมาทิฏฺิสฺส สมฺมาสงฺกปฺโป ปโหตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๑๔๑; สํ. นิ. ๕.๑). ยา ปเนตฺถ ปฺา อธิปฺเปตา, สา เสฏฺาติ โถมิตา. ยถา จ สา ปวตฺตติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยายํ นิพฺเพธคามินี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – ยา อยํ ปฺา อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปทาลิตปุพฺพํ โลภกฺขนฺธาทึ นิพฺพิชฺฌนฺตี ปทาเลนฺตี คจฺฉติ ปวตฺตตีติ นิพฺเพธคามินี, ยาย จ ตสฺมึ ตสฺมึ ภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเสสุ สตฺตนิกาเยสุ ขนฺธานํ ปมาภินิพฺพตฺติสงฺขาตาย ชาติยา ตํนิมิตฺตสฺส จ กมฺมภวสฺส ปริกฺขยํ ปริโยสานํ นิพฺพานํ ¶ อรหตฺตฺจ สมฺมา อวิปรีตํ ชานาติ สจฺฉิกโรติ, อยํ สหวิปสฺสนา มคฺคปฺา เสฏฺา โลกสฺมินฺติ.
อิทานิ ยถาวุตฺตปฺานุภาวสมฺปนฺเน ขีณาสเว อภิตฺถวนฺโต ‘‘เตสํ เทวา มนุสฺสา จา’’ติ โอสานคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – เตสํ จตูสุ อริยสจฺเจสุ ปริฺาทีนํ โสฬสนฺนํ กิจฺจานํ นิฏฺิตตฺตา จตุสจฺจสมฺโพเธน สมฺพุทฺธานํ, สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา สติมตํ, วุตฺตนเยน สมุคฺฆาติตสมฺโมหตฺตา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา หาสปฺานํ, ปุพฺพภาเค วา สีลาทิปาริปูริโต ¶ ปฏฺาย ยาว นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย หาสเวทตุฏฺิปาโมชฺชพหุลตาย หาสปฺานํ, สพฺพโส ปริกฺขีณภวสํโยชนตฺตา อนฺติมสรีรธารีนํ ขีณาสวานํ เทวา มนุสฺสา จ ปิหยนฺติ ปิยา โหนฺติ, ตพฺภาวํ อธิคนฺตุํ อิจฺฉนฺติ ‘‘อโห ปฺานุภาโว, อโห วต มยมฺปิ เอทิสา เอวํ นิตฺติณฺณสพฺพทุกฺขา ภเวยฺยามา’’ติ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สุกฺกธมฺมสุตฺตวณฺณนา
๔๒. ปฺจเม สุกฺกาติ น วณฺณสุกฺกตาย สุกฺกา, สุกฺกภาวาย ปน ปรมโวทานาย สํวตฺตนฺตีติ นิปฺผตฺติสุกฺกตาย สุกฺกา. สรเสนปิ สพฺเพ กุสลา ธมฺมา สุกฺกา เอว กณฺหภาวปฏิปกฺขโต ¶ . เตสฺหิ อุปฺปตฺติยา จิตฺตํ ปภสฺสรํ โหติ ปริสุทฺธํ. ธมฺมาติ กุสลา ธมฺมา. โลกนฺติ สตฺตโลกํ. ปาเลนฺตีติ อาธารสนฺธารเณน มริยาทํ เปนฺตา รกฺขนฺติ. หิรี จ โอตฺตปฺปฺจาติ เอตฺถ หิริยติ หิริยิตพฺเพน, หิริยนฺติ เอเตนาติ วา หิรี. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ยํ หิริยติ หิริยิตพฺเพน, หิริยติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา, อยํ วุจฺจติ หิรี’’ติ (ธ. ส. ๓๐). โอตฺตปฺปติ โอตฺตปฺปิตพฺเพน, โอตฺตปฺปนฺติ เอเตนาติ วา โอตฺตปฺปํ. วุตฺตมฺปิเจตํ ‘‘ยํ โอตฺตปฺปติ โอตฺตปฺปิตพฺเพน, โอตฺตปฺปติ ปาปกานํ อกุสลานํ ¶ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา, อิทํ วุจฺจติ โอตฺตปฺป’’นฺติ (ธ. ส. ๓๑).
ตตฺถ อชฺฌตฺตสมุฏฺานา หิรี, พหิทฺธาสมุฏฺานํ โอตฺตปฺปํ. อตฺตาธิปเตยฺยา หิรี, โลกาธิปเตยฺยํ โอตฺตปฺปํ. ลชฺชาสภาวสณฺิตา หิรี, ภยสภาวสณฺิตํ โอตฺตปฺปํ. สปฺปติสฺสวลกฺขณา หิรี, วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ.
ตตฺถ อชฺฌตฺตสมุฏฺานํ หิรึ จตูหิ การเณหิ สมุฏฺาเปติ – ชาตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, วยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, สูรภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, พาหุสจฺจํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา. กถํ? ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ น ชาติสมฺปนฺนานํ กมฺมํ, หีนชจฺจานํ เกวฏฺฏาทีนํ กมฺมํ, มาทิสสฺส ชาติสมฺปนฺนสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ ตาว ชาตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปกมฺมํ อกโรนฺโต หิรึ ¶ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ ทหเรหิ กตฺตพฺพกมฺมํ, มาทิสสฺส วเย ิตสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ วยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปกมฺมํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ ทุพฺพลชาติกานํ กมฺมํ, มาทิสสฺส สูรภาวสมฺปนฺนสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ สูรภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปกมฺมํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ อนฺธพาลานํ กมฺมํ, น ปณฺฑิตานํ, มาทิสสฺส ปณฺฑิตสฺส พหุสฺสุตสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ พาหุสจฺจํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปกมฺมํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. เอวํ อชฺฌตฺตสมุฏฺานํ หิรึ จตูหิ การเณหิ สมุฏฺาเปติ. สมุฏฺาเปตฺวา จ ปน อตฺตโน จิตฺเต หิรึ ปเวเสตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ. เอวํ หิรี อชฺฌตฺตสมุฏฺานา นาม โหติ.
กถํ โอตฺตปฺปํ พหิทฺธาสมุฏฺานํ นาม? ‘‘สเจ ตฺวํ ปาปกมฺมํ กริสฺสสิ, จตูสุ ปริสาสุ ครหปฺปตฺโต ภวิสฺสสิ.
‘‘ครหิสฺสนฺติ ¶ ตํ วิฺู, อสุจึ นาคริโก ยถา;
วชฺชิโต สีลวนฺเตหิ, กถํ ภิกฺขุ กริสฺสสี’’ติ. –
ปจฺจเวกฺขนฺโต ¶ หิ พหิทฺธาสมุฏฺิเตน โอตฺตปฺเปน ปาปกมฺมํ น กโรติ. เอวํ โอตฺตปฺปํ พหิทฺธาสมุฏฺานํ นาม โหติ.
กถํ หิรี อตฺตาธิปเตยฺยา นาม? อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต อตฺตานํ อธิปตึ เชฏฺกํ กตฺวา ‘‘มาทิสสฺส สทฺธาปพฺพชิตสฺส พหุสฺสุตสฺส ธุตวาทิสฺส น ยุตฺตํ ปาปกมฺมํ กาตุ’’นฺติ ปาปกมฺมํ น กโรติ. เอวํ หิรี อตฺตาธิปเตยฺยา นาม โหติ. เตนาห ภควา –
‘‘โส อตฺตานํเยว อธิปตึ กริตฺวา อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๐).
กถํ โอตฺตปฺปํ โลกาธิปเตยฺยํ นาม? อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต โลกํ อธิปตึ เชฏฺกํ กตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ. ยถาห –
‘‘มหา โข ปนายํ โลกสนฺนิวาโส. มหนฺตสฺมึ โข ปน โลกสนฺนิวาเส สนฺติ สมณพฺราหฺมณา อิทฺธิมนฺโต ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุโน ¶ , เต ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ปชานนฺติ, เตปิ มํ เอวํ ชานิสฺสนฺติ ‘ปสฺสถ โภ อิมํ กุลปุตฺตํ, สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิณฺโณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ. สนฺติ เทวตา อิทฺธิมนฺตินิโย ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุนิโย, ตา ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ปชานนฺติ, ตาปิ มํ เอวํ ชานิสฺสนฺติ ‘ปสฺสถ โภ อิมํ, กุลปุตฺตํ, สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิณฺโณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ. โส โลกํเยว อธิปตึ กตฺวา อกุสลํ ปชหตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๐).
เอวํ โลกาธิปเตยฺยํ โอตฺตปฺปํ.
ลชฺชาสภาวสณฺิตาติ ¶ เอตฺถ ลชฺชาติ ลชฺชนากาโร, เตน สภาเวน สณฺิตา หิรี. ภยนฺติ อปายภยํ, เตน สภาเวน สณฺิตํ โอตฺตปฺปํ. ตทุภยํ ปาปปริวชฺชเน ปากฏํ โหติ. ตตฺถ ยถา ทฺวีสุ อโยคุเฬสุ เอโก สีตโล ภเวยฺย คูถมกฺขิโต, เอโก อุณฺโห อาทิตฺโต. เตสุ ยถา สีตลํ คูถมกฺขิตตฺตา ชิคุจฺฉนฺโต วิฺุชาติโก ¶ น คณฺหาติ, อิตรํ ทาหภเยน, เอวํ ปณฺฑิโต ลชฺชาย ชิคุจฺฉนฺโต ปาปํ น กโรติ, โอตฺตปฺเปน อปายภีโต ปาปํ น กโรติ. เอวํ ลชฺชาสภาวสณฺิตา หิรี, ภยสภาวสณฺิตํ โอตฺตปฺปํ.
กถํ สปฺปติสฺสวลกฺขณา หิรี, วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ? เอกจฺโจ หิ ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สตฺถุมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, ทายชฺชมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สพฺรหฺมจาริมหตฺตปจฺจเวกฺขณาติ จตูหิ การเณหิ ตตฺถ คารเวน สปฺปติสฺสวลกฺขณํ หิรึ สมุฏฺาเปตฺวา ปาปํ น กโรติ, เอกจฺโจ อตฺตานุวาทภยํ, ปรานุวาทภยํ, ทณฺฑภยํ, ทุคฺคติภยนฺติ จตูหิ การเณหิ วชฺชโต ภายนฺโต วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ สมุฏฺาเปตฺวา ปาปํ น กโรติ. เอตฺถ จ อชฺฌตฺตสมุฏฺานาทิตา หิโรตฺตปฺปานํ ตตฺถ ตตฺถ ปากฏภาเวน วุตฺตา, น ปน เนสํ กทาจิ อฺมฺวิปฺปโยโค. น หิ ลชฺชนํ นิพฺภยํ, ปาปภยํ วา อลชฺชนํ อตฺถีติ.
อิเม ¶ เจ, ภิกฺขเว, ทฺเว สุกฺกา ธมฺมา โลกํ น ปาเลยฺยุนฺติ ภิกฺขเว, อิเม ทฺเว อนวชฺชธมฺมา ยทิ โลกํ น รกฺเขยฺยุํ, โลกปาลกา ยทิ น ภเวยฺยุํ. นยิธ ปฺาเยถ มาตาติ อิธ อิมสฺมึ โลเก ชนิกา มาตา ‘‘อยํ เม มาตา’’ติ ครุจิตฺตีการวเสน น ปฺาเยถ, ‘‘อยํ มาตา’’ติ น ลพฺเภยฺย. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. มาตุจฺฉาติ มาตุภคินี. มาตุลานีติ มาตุลภริยา. ครูนนฺติ มหาปิตุจูฬปิตุเชฏฺภาตุอาทีนํ ครุฏฺานิยานํ. สมฺเภทนฺติ สงฺกรํ, มริยาทเภทํ วา. ยถา อเชฬกาติอาทีหิ อุปมํ ทสฺเสติ. เอเต หิ สตฺตา ‘‘อยํ เม มาตา’’ติ วา ‘‘มาตุจฺฉา’’ติ วา ครุจิตฺตีการวเสน น ชานนฺติ, ยํ วตฺถุํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนา, ตตฺถปิ วิปฺปฏิปชฺชนฺติ. ตสฺมา อุปมํ อาหรนฺโต อเชฬกาทโย อาหริ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา อเชฬกาทโย ติรจฺฉานา หิโรตฺตปฺปรหิตา มาตาทิสฺํ อกตฺวา ภินฺนมริยาทา สพฺพตฺถ สมฺเภเทน วตฺตนฺติ, เอวมยํ ¶ มนุสฺสโลโก ยทิ โลกปาลกธมฺมา น ภเวยฺยุํ, สพฺพตฺถ สมฺเภเทน วตฺเตยฺย. ยสฺมา ปนิเม โลกปาลกธมฺมา โลกํ ปาเลนฺติ, ตสฺมา นตฺถิ สมฺเภโทติ.
คาถาสุ เยสํ เจ หิริโอตฺตปฺปนฺติ เจติ นิปาตมตฺตํ. เยสํ สตฺตานํ หิรี จ โอตฺตปฺปฺจ สพฺพทาว ¶ สพฺพกาลเมว น วิชฺชติ น อุปลพฺภติ. โวกฺกนฺตา สุกฺกมูลา เตติ เต สตฺตา กุสลมูลปจฺเฉทาวหสฺสาปิ กมฺมสฺส กรณโต กุสลกมฺมานํ ปติฏฺานภูตานํ หิโรตฺตปฺปานเมว วา อภาวโต กุสลโต โวกฺกมิตฺวา, อปสกฺกิตฺวา, ิตตฺตา โวกฺกนฺตา สุกฺกมูลา, ปุนปฺปุนํ ชายนมียนสภาวตฺตา ชาติมรณคามิโน สํสารํ นาติวตฺตนฺตีติ อตฺโถ.
เยสฺจ หิริโอตฺตปฺปนฺติ เยสํ ปน ปริสุทฺธมตีนํ สตฺตานํ หิรี จ โอตฺตปฺปฺจาติ อิเม ธมฺมา สทา สพฺพกาลํ รตฺตินฺทิวํ นวมชฺฌิมตฺเถรกาเลสุ สมฺมา อุปคมฺม ิตา ปาปา ชิคุจฺฉนฺตา ภายนฺตา ตทงฺคาทิวเสน ปาปํ ปชหนฺตา. วิรูฬฺหพฺรหฺมจริยาติ สาสนพฺรหฺมจริเย มคฺคพฺรหฺมจริเย จ วิรูฬฺหํ อาปนฺนา, อคฺคมคฺคาธิคเมน สพฺพโส สนฺตกิเลสตาย สนฺตคุณตาย วา สนฺโต, ปุนพฺภวสฺส เขปิตตฺตา ขีณปุนพฺภวา โหนฺตีติ.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อชาตสุตฺตวณฺณนา
๔๓. ฉฏฺเ ¶ อตฺถิ, ภิกฺขเวติ กา อุปฺปตฺติ? เอกทิวสํ กิร ภควตา อเนกปริยาเยน สํสาเร อาทีนวํ ปกาเสตฺวา ตทุปสมนาทิวเสน นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมเทสนาย กตาย ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘‘อยํ สํสาโร ภควตา อวิชฺชาทีหิ การเณหิ สเหตุโก วุตฺโต, นิพฺพานสฺส ปน ตทุปสมสฺส น กิฺจิ การณํ วุตฺตํ, ตยิทํ อเหตุกํ กถํ สจฺจิกฏฺปรมตฺเถน อุปลพฺภตี’’ติ. อถ ¶ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ วิมติวิธมนตฺถฺเจว, ‘‘อิธ สมณพฺราหฺมณานํ ‘นิพฺพานํ นิพฺพาน’นฺติ วาจาวตฺถุมตฺตเมว, นตฺถิ หิ ปรมตฺถโต นิพฺพานํ นาม อนุปลพฺภมานสภาวตฺตา’’ติ โลกายติกาทโย วิย วิปฺปฏิปนฺนานํ พหิทฺธา จ ปุถุทิฏฺิคติกานํ มิจฺฉาวาทภฺชนตฺถฺจ, อมตมหานิพฺพานสฺส ปรมตฺถโต อตฺถิภาวทีปนตฺถํ ตสฺส จ นิสฺสรณภาวาทิอานุภาววนฺตตาทีปนตฺถํ ปีติเวเคน อุทานวเสน อิทํ สุตฺตํ อภาสิ. ตถา หิ อิทํ สุตฺตํ อุทาเนปิ (อุทา. ๗๒-๗๔) สงฺคีตํ.
ตตฺถ อตฺถีติ วิชฺชติ ปรมตฺถโต อุปลพฺภติ. อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขตนฺติ สพฺพานิปิ ปทานิ อฺมฺเววจนานิ. อถ วา เวทนาทโย วิย เหตุปจฺจยสมวายสงฺขาตาย การณสามคฺคิยา น ชาตํ น นิพฺพตฺตนฺติ อชาตํ. การเณน วินา สยเมว น ภูตํ น ปาตุภูตํ น อุปฺปนฺนนฺติ อภูตํ. เอวํ อชาตตฺตา อภูตตฺตา จ เยน เกนจิ การเณน ¶ น กตนฺติ อกตํ. ชาตภูตกตสภาโว จ นามรูปาทีนํ สงฺขตธมฺมานํ โหติ, น อสงฺขตสภาวสฺส นิพฺพานสฺสาติ ทสฺสนตฺถํ อสงฺขตนฺติ วุตฺตํ. ปฏิโลมโต วา สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตนฺติ สงฺขตํ, ตถา น สงฺขตํ, สงฺขตลกฺขณรหิตนฺติ จ อสงฺขตนฺติ เอวํ อเนเกหิ การเณหิ นิพฺพตฺติตภาเว ปฏิสิทฺเธ ‘‘สิยา นุ โข เอเกเนว การเณน กต’’นฺติ อาสงฺกายํ ‘‘น เกนจิ กต’’นฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อกต’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ อปฺปจฺจยมฺปิ สมานํ ‘‘สยเมว นุ โข อิทํ ภูตํ ปาตุภูต’’นฺติ อาสงฺกายํ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘อภูต’’นฺติ วุตฺตํ. อยฺจ เอตสฺส อสงฺขตากตาภูตภาโว สพฺเพน สพฺพํ อชาติธมฺมตฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อชาต’’นฺติ วุตฺตนฺติ. เอวเมเตสํ จตุนฺนมฺปิ ปทานํ สาตฺถกภาโว เวทิตพฺโพ.
อิติ ¶ ภควา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขต’’นฺติ ปรมตฺถโต นิพฺพานสฺส อตฺถิภาวํ วตฺวา ตตฺถ เหตุํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โน เจตํ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตสฺสายํ ¶ สงฺเขโป – ภิกฺขเว, ยทิ อชาตาทิสภาวา อสงฺขตา ธาตุ น อภวิสฺส น สิยา, อิธ โลเก ชาตาทิสภาวสฺส รูปาทิกฺขนฺธปฺจกสงฺขาตสฺส สงฺขารคตสฺส นิสฺสรณํ อนวเสสวฏฺฏุปสโม น ปฺาเยยฺย น อุปลพฺเภยฺย น สมฺภเวยฺย. นิพฺพานฺหิ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมานา สมฺมาทิฏฺิอาทโย อริยมคฺคธมฺมา อนวเสสโต กิเลเส สมุจฺฉินฺทนฺติ, เตเนตฺถ สพฺพสฺสปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส อปฺปวตฺติ อปคโม นิสฺสรณํ ปฺายติ.
เอวํ พฺยติเรกวเสน นิพฺพานสฺส อตฺถิภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนฺวยวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา จ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ วุตฺตตฺถเมว. เอตฺถ จ ยสฺมา ‘‘อปจฺจยา ธมฺมา, อสงฺขตา ธมฺมา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๗, ๘). อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี (อุทา. ๗๑). อิทมฺปิ โข านํ ทุทฺทสํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค (มหาว. ๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑). อสงฺขตฺจ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ อสงฺขตคามินิฺจ ปฏิปท’’นฺติอาทีหิ (สํ. นิ. ๔.๓๖๖) อเนเกหิ สุตฺตปเทหิ ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาต’’นฺติ อิมินาปิ สุตฺเตน นิพฺพานธาตุยา ปรมตฺถโต สพฺภาโว สพฺพโลกํ อนุกมฺปมาเนน สมฺมาสมฺพุทฺเธน เทสิโต, ตสฺมา น ปฏิกฺขิปิตพฺพํ. ตตฺถ อปฺปจฺจกฺขการีนมฺปิ วิฺูนํ กงฺขา วา วิมติ วา นตฺถิ เอว. เย ปน อพุทฺธิปุคฺคลา, เตสํ วิมติวิโนทนตฺถํ อยเมตฺถ อธิปฺปายนิทฺธารณมุเขน ยุตฺติวิจารณา – ยถา ปริฺเยฺยตาย สอุตฺตรานํ กามานํ รูปานฺจ ปฏิปกฺขภูตํ ตพฺพิธุรสภาวํ นิสฺสรณํ ปฺายติ, เอวํ ตํสภาวานํ สพฺเพสํ สงฺขตธมฺมานํ ปฏิปกฺขภูเตน ตพฺพิธุรสภาเวน นิสฺสรเณน ภวิตพฺพํ. ยฺเจตํ นิสฺสรณํ, สา อสงฺขตา ธาตุ. กิฺจ ภิยฺโย, สงฺขตธมฺมารมฺมณํ ¶ วิปสฺสนาาณํ อปิ อนุโลมาณํ กิเลเส สมุจฺเฉทวเสน ปชหิตุํ น สกฺโกติ, ตถา สมฺมุติสจฺจารมฺมณํ ปมชฺฌานาทีสุ าณํ วิกฺขมฺภนวเสเนว กิเลเส ปชหติ, น สมุจฺเฉทวเสน. อิติ สงฺขตธมฺมารมฺมณสฺส ¶ สมฺมุติสจฺจารมฺมณสฺส จ าณสฺส กิเลสานํ สมุจฺเฉทปฺปหาเน อสมตฺถภาวโต เตสํ สมุจฺเฉทปฺปหานกรสฺส อริยมคฺคาณสฺส ตทุภยวิปรีตสภาเวน อารมฺมเณน ภวิตพฺพํ ¶ , สา อสงฺขตา ธาตุ. ตถา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขต’’นฺติ อิทํ นิพฺพานสฺส ปรมตฺถโต อตฺถิภาวโชตกวจนํ อวิปรีตตฺถํ ภควตา ภาสิตตฺตา. ยฺหิ ภควตา ภาสิตํ, ตํ อวิปรีตตฺถํ ปรมตฺถนฺติ ยถา ตํ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๗-๒๗๙; จูฬนิ. เหมกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๕๖). ตถา นิพฺพานสทฺโท กตฺถจิ วิสเย ยถาภูตปรมตฺถวิสโย อุปจารวุตฺติสพฺภาวโต เสยฺยถาปิ สีหสทฺโท. อถ วา อตฺเถว ปรมตฺถโต อสงฺขตาธาตุ อิตรตพฺพิปรีตวินิมุตฺตสภาวตฺตา เสยฺยถาปิ ปถวีธาตุ เวทนาติ. เอวมาทีหิ นเยหิ ยุตฺติโตปิ อสงฺขตาย ธาตุยา ปรมตฺถโต อตฺถิภาโว เวทิตพฺโพ.
คาถาสุ ชาตนฺติ ชายนฏฺเน ชาตํ, ชาติลกฺขณปฺปตฺตนฺติ อตฺโถ. ภูตนฺติ ภวนฏฺเน ภูตํ, อหุตฺวา สมฺภูตนฺติ อตฺโถ. สมุปฺปนฺนนฺติ สหิตภาเวน อุปฺปนฺนํ, สหิเตหิ ธมฺเมหิ จ อุปฺปนฺนนฺติ อตฺโถ. กตนฺติ การณภูเตหิ ปจฺจเยหิ นิพฺพตฺติตํ. สงฺขตนฺติ เตหิเยว สเมจฺจ สมฺภุยฺย กตนฺติ สงฺขตํ, สพฺพเมตํ ปจฺจยนิพฺพตฺตสฺส อธิวจนํ. นิจฺจสาราทิวิรหิตโต อทฺธุวํ. ชราย มรเณน จ เอกนฺเตเนว สงฺฆฏิตํ สํสฏฺนฺติ ชรามรณสงฺฆาตํ. ‘‘ชรามรณสงฺฆฏฺฏ’’นฺติปิ ปนฺติ, ชราย มรเณน จ อุปทฺทุตํ ปีฬิตนฺติ อตฺโถ. อกฺขิโรคาทีนํ อเนเกสํ โรคานํ นีฬํ กุลาวกนฺติ โรคนีฬํ. สรสโต ¶ อุปกฺกมโต จ ปภงฺคุปรมสีลตาย ปภงฺคุรํ.
จตุพฺพิโธ อาหาโร จ ตณฺหาสงฺขาตา เนตฺติ จ ปภโว สมุฏฺานํ เอตสฺสาติ อาหารเนตฺติปฺปภวํ. สพฺโพปิ วา ปจฺจโย อาหาโร. อิธ ปน ตณฺหาย เนตฺติคฺคหเณน คหิตตฺตา ตณฺหาวชฺชา เวทิตพฺพา. ตสฺมา อาหาโร จ เนตฺติ จ ปภโว เอตสฺสาติ อาหารเนตฺติปฺปภวํ. อาหาโร เอว วา นยนฏฺเน ปวตฺตนฏฺเน เนตฺตีติ เอวมฺปิ อาหารเนตฺติปฺปภวํ. นาลํ ตทภินนฺทิตุนฺติ ตํ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ เอวํ ปจฺจยาธีนวุตฺติกํ, ตโต เอว อนิจฺจํ, ทุกฺขฺจ ตณฺหาทิฏฺีหิ อภินนฺทิตุํ อสฺสาเทตุํ น ยุตฺตํ.
ตสฺส ¶ นิสฺสรณนฺติ ‘‘ชาตํ ภูต’’นฺติอาทินา วุตฺตสฺส ตสฺส สกฺกายสฺส นิสฺสรณํ นิกฺกโม ¶ อนุปสนฺตสภาวสฺส ราคาทิกิเลสสฺส สพฺพสงฺขารสฺส จ อภาเวน ตทุปสมภาเวน ปสตฺถภาเวน จ สนฺตํ, ตกฺกาณสฺส อโคจรภาวโต อตกฺกาวจรํ, นิจฺจฏฺเน ธุวํ, ตโต เอว อชาตํ อสมุปฺปนฺนํ, โสกเหตูนํ อภาวโต อโสกํ, วิคตราคาทิรชตฺตา วิรชํ, สํสารทุกฺขฏฺฏิเตหิ ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา ปทํ, ชาติอาทิทุกฺขธมฺมานํ นิโรธเหตุตาย นิโรโธ ทุกฺขธมฺมานํ, สพฺพสงฺขารานํ อุปสมเหตุตาย สงฺขารูปสโม, ตโต เอว อจฺจนฺตสุขตาย สุโขติ สพฺพปเทหิ อมตมหานิพฺพานเมว โถเมติ. เอวํ ภควา ปมคาถาย พฺยติเรกวเสน, ทุติยคาถาย อนฺวยวเสน จ นิพฺพานํ วิภาเวสิ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. นิพฺพานธาตุสุตฺตวณฺณนา
๔๔. สตฺตเม ทฺเวมาติ ทฺเว อิมา. วานํ วุจฺจติ ตณฺหา, นิกฺขนฺตํ วานโต, นตฺถิ วา เอตฺถ วานํ, อิมสฺมึ วา อธิคเต วานสฺส อภาโวติ นิพฺพานํ, ตเทว นิสฺสตฺตนิชฺชีวฏฺเน สภาวธารณฏฺเน จ ธาตูติ นิพฺพานธาตุ. ยทิปิ ตสฺสา ปรมตฺถโต เภโท นตฺถิ ¶ , ปริยาเยน ปน ปฺายตีติ ตํ ปริยายเภทํ สนฺธาย ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, นิพฺพานธาตุโย’’ติ วตฺวา ยถาธิปฺเปตปฺปเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘สอุปาทิเสสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตณฺหาทีหิ ผลภาเวน อุปาทียตีติ อุปาทิ, ขนฺธปฺจกํ. อุปาทิเยว เสโสติ อุปาทิเสโส, สห อุปาทิเสเสนาติ สอุปาทิเสสา, ตทภาวโต อนุปาทิเสสา.
อรหนฺติ อารกกิเลโส, ทูรกิเลโสติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหติ, อารกาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา, สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา, สทรา ¶ ทุกฺขวิปากา, อายตึ ชาติชรามรณิยา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๓๔).
ขีณาสโวติ กามาสวาทโย จตฺตาโรปิ อาสวา อรหโต ขีณา สมุจฺฉินฺนา ปหีนา ปฏิปฺปสฺสทฺธา อภพฺพุปฺปตฺติกา าณคฺคินา ทฑฺฒาติ ขีณาสโว. วุสิตวาติ ครุสํวาเสปิ อริยมคฺเคปิ ทสสุ อริยวาเสสุปิ วสิ ปริวสิ ปริวุฏฺโ วุฏฺวาโส จิณฺณจรโณติ วุสิตวา. กตกรณีโยติ ปุถุชฺชนกลฺยาณกํ อุปาทาย สตฺต เสขา จตูหิ มคฺเคหิ กรณียํ กโรนฺติ ¶ นาม, ขีณาสวสฺส สพฺพกรณียานิ กตานิ ปริโยสิตานิ, นตฺถิ อุตฺตรึ กรณียํ ทุกฺขกฺขยาธิคมายาติ กตกรณีโย. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ตสฺส สมฺมา วิมุตฺตสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;
กตสฺส ปฏิจโย นตฺถิ, กรณียํ น วิชฺชตี’’ติ. (อ. นิ. ๖.๕๕; มหาว. ๒๔๔);
โอหิตภาโรติ ตโย ภารา – ขนฺธภาโร, กิเลสภาโร, อภิสงฺขารภาโรติ. ตสฺสิเม ตโยปิ ภารา โอหิตา โอโรปิตา นิกฺขิตฺตา ปาติตาติ โอหิตภาโร. อนุปฺปตฺตสทตฺโถติ อนุปฺปตฺโต สทตฺถํ, สกตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ, กการสฺส ทกาโร กโต. อนุปฺปตฺโต สทตฺโถ เอเตนาติ อนุปฺปตฺตสทตฺโถ, สทตฺโถติ จ อรหตฺตํ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ อตฺตุปนิพนฺธฏฺเน อตฺตโน อวิชหนฏฺเน ¶ อตฺตโน ปรมตฺเถน จ อตฺตโน อตฺถตฺตา สกตฺโถ โหติ. ปริกฺขีณภวสํโยชโนติ กามราคสํโยชนํ, ปฏิฆสํโยชนํ, มานทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสภวราคอิสฺสามจฺฉริยอวิชฺชาสํโยชนนฺติ อิมานิ สตฺเต ภเวสุ. ภวํ วา ภเวน สํโยเชนฺติ อุปนิพนฺธนฺตีติ ภวสํโยชนานิ นาม. ตานิ อรหโต ปริกฺขีณานิ, ปหีนานิ, าณคฺคินา, ทฑฺฒานีติ ปริกฺขีณภวสํโยชโน. สมฺมทฺา วิมุตฺโตติ เอตฺถ สมฺมทฺาติ สมฺมา อฺาย, อิทํ วุตฺตํ โหติ – ขนฺธานํ ขนฺธฏฺํ, อายตนานํ อายตนฏฺํ, ธาตูนํ สฺุฏฺํ, ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺํ, สมุทยสฺส ปภวฏฺํ, นิโรธสฺส สนฺตฏฺํ, มคฺคสฺส ทสฺสนฏฺํ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ เอวมาทิเภทํ วา สมฺมา ยถาภูตํ อฺาย ชานิตฺวา ตีรยิตฺวา ตุลยิตฺวา วิภาเวตฺวา วิภูตํ กตฺวา. วิมุตฺโตติ ทฺเว วิมุตฺติโย ¶ จิตฺตสฺส จ วิมุตฺติ นิพฺพานฺจ. อรหา หิ สพฺพกิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา จิตฺตวิมุตฺติยาปิ วิมุตฺโต, นิพฺพาเนปิ วิมุตฺโตติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สมฺมทฺา วิมุตฺโต’’ติ.
ตสฺส ติฏฺนฺเตว ปฺจินฺทฺริยานีติ ตสฺส อรหโต จริมภวเหตุภูตํ กมฺมํ ยาว น ขียติ, ตาว ติฏฺนฺติเยว จกฺขาทีนิ ปฺจินฺทฺริยานิ. อวิฆาตตฺตาติ อนุปฺปาทนิโรธวเสน อนิรุทฺธตฺตา. มนาปามนาปนฺติ อิฏฺานิฏฺํ รูปาทิโคจรํ. ปจฺจนุโภตีติ วินฺทติ ปฏิลภติ. สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทตีติ วิปากภูตํ สุขฺจ ทุกฺขฺจ ปฏิสํเวเทติ เตหิ ทฺวาเรหิ ปฏิลภติ.
เอตฺตาวตา อุปาทิเสสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สอุปาทิเสสํ นิพฺพานธาตุํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส โย’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. ตตฺถ ตสฺสาติ ตสฺส สอุปาทิเสสสฺส สโต อรหโต. โย ราคกฺขโยติ ราคสฺส ขโย ขีณากาโร อภาโว อจฺจนฺตมนุปฺปาโท. เอส นโย เสเสสุปิ. เอตฺตาวตา ราคาทิกฺขโย สอุปาทิเสสา นิพฺพานธาตูติ ทสฺสิตํ โหติ.
อิเธวาติ ¶ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. สพฺพเวทยิตานีติ สุขาทโย สพฺพา อพฺยากตเวทนา, กุสลากุสลเวทนา ปน ปุพฺเพเยว ปหีนาติ. อนภินนฺทิตานีติ ตณฺหาทีหิ น อภินนฺทิตานิ. สีติภวิสฺสนฺตีติ อจฺจนฺตวูปสเมน สงฺขารทรถปฏิปฺปสฺสทฺธิยา สีตลี ภวิสฺสนฺติ, อปฺปฏิสนฺธิกนิโรเธน นิรุชฺฌิสฺสนฺตีติ อตฺโถ. น เกวลํ เวทยิตานิเยว, สพฺเพปิ ปน ขีณาสวสนฺตาเน ปฺจกฺขนฺธา นิรุชฺฌิสฺสนฺติ, เวทยิตสีเสน เทสนา กตา.
คาถาสุ จกฺขุมตาติ พุทฺธจกฺขุ, ธมฺมจกฺขุ, ทิพฺพจกฺขุ, ปฺาจกฺขุ, สมนฺตจกฺขูติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมตา. อนิสฺสิเตนาติ ตณฺหาทิฏฺินิสฺสยวเสน กฺจิ ธมฺมํ อนิสฺสิเตน, ราคพนฺธนาทีหิ วา อพนฺเธน. ตาทินาติ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน สพฺพตฺถ อิฏฺาทีสุ เอกสภาวตาสงฺขาเตน ตาทิลกฺขเณน ตาทินา. ทิฏฺธมฺมิกาติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว ภวา วตฺตมานา. ภวเนตฺติสงฺขยาติ ภวเนตฺติยา ตณฺหาย ปริกฺขยา. สมฺปรายิกาติ สมฺปราเย ขนฺธเภทโต ปรภาเค ภวา. ยมฺหีติ ยสฺมึ อนุปาทิเสสนิพฺพาเน. ภวานีติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, อุปปตฺติภวา สพฺพโส อนวเสสา นิรุชฺฌนฺติ, น ปวตฺตนฺติ.
เตติ ¶ เต เอวํ วิมุตฺตจิตฺตา. ธมฺมสาราธิคมาติ วิมุตฺติสารตฺตา อิมสฺส ธมฺมวินยสฺส, ธมฺเมสุ สารภูตสฺส อรหตฺตสฺส อธิคมนโต. ขเยติ ราคาทิกฺขยภูเต นิพฺพาเน รตา อภิรตา. อถ วา นิจฺจภาวโต เสฏฺภาวโต จ ธมฺเมสุ สารนฺติ ธมฺมสารํ, นิพฺพานํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘วิราโค เสฏฺโ ธมฺมานํ (ธ. ป. ๒๗๓), วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) จ. ตสฺส ธมฺมสารสฺส อธิคมเหตุ ขเย สพฺพสงฺขารปริกฺขเย อนุปาทิเสสนิพฺพาเน รตา. ปหํสูติ ปชหึสุ. เตติ นิปาตมตฺตํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ปฏิสลฺลานสุตฺตวณฺณนา
๔๕. อฏฺเม ¶ ¶ ปฏิสลฺลานรามาติ เตหิ เตหิ สตฺตสงฺขาเรหิ ปฏินิวตฺติตฺวา สลฺลานํ ปฏิสลฺลานํ, เอกวิหาโร เอกมนฺตเสวิตา, กายวิเวโกติ อตฺโถ. ตํ ปฏิสลฺลานํ รมนฺติ โรจนฺตีติ ปฏิสลฺลานรามา. ‘‘ปฏิสลฺลานารามา’’ติปิ ปาโ. ยถา วุตฺตํ ปฏิสลฺลานํ อารมิตพฺพโต อาราโม เอเตสนฺติ ปฏิสลฺลานารามา. วิหรถาติ เอวํภูตา หุตฺวา วิหรถาติ อตฺโถ. ปฏิสลฺลาเน รตา นิรตา สมฺมุทิตาติ ปฏิสลฺลานรตา. เอตฺตาวตา ชาคริยานุโยโค, ตสฺส นิมิตฺตภูตา วูปกฏฺกายตา จ ทสฺสิตา. ชาคริยานุโยโค, สีลสํวโร, อินฺทฺริเยสุ, คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, สติสมฺปชฺนฺติ อิเมหิ ธมฺเมหิ วินา น วตฺตตีติ เตปิ อิธ อตฺถโต วุตฺตา เอวาติ เวทิตพฺพา.
อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺตาติ อตฺตโน จิตฺตสมเถ อนุยุตฺตา. อชฺฌตฺตํ อตฺตโนติ จ เอตํ เอกตฺถํ, พฺยฺชนเมว นานํ. ภุมฺมตฺเถ เจตํ สมถนฺติ อนุสทฺทโยเคน อุปโยควจนํ. อนิรากตชฺฌานาติ พหิ อนีหตชฺฌานา อวินาสิตชฺฌานา วา. นีหรณํ วินาโส วาติ อิทํ นิรากตํ นาม ‘‘ถมฺภํ นิรํกตฺวา นิวาตวุตฺตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๓๒๘) วิย. วิปสฺสนาย สมนฺนาคตาติ สตฺตวิธาย อนุปสฺสนาย ยุตฺตา. สตฺตวิธา อนุปสฺสนา นาม ¶ อนิจฺจานุปสฺสนา, ทุกฺขานุปสฺสนา, อนตฺตานุปสฺสนา, นิพฺพิทานุปสฺสนา, วิราคานุปสฺสนา, นิโรธานุปสฺสนา, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา จ, ตา วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตาว.
พฺรูเหตาโร สฺุาคารานนฺติ วฑฺเฒตาโร สฺุาคารานํ. เอตฺถ จ ‘‘สฺุาคาราน’’นฺติ ยํกิฺจิ วิวิตฺตํ ภาวนานุโยคสฺส อนุจฺฉวิกฏฺานํ. สมถวิปสฺสนาวเสน กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา รตฺตินฺทิวํ สฺุาคารํ ปวิสิตฺวา ภาวนานุโยควเสน นิสีทมานา ภิกฺขู ‘‘พฺรูเหตาโร สฺุาคาราน’’นฺติ เวทิตพฺพา. เอกภูมิกาทิปาสาเทปิ ปน วาสํ กุรุมานา ฌายิโน สฺุาคารานํ พฺรูเหตาโรตฺเวว เวทิตพฺพา.
เอตฺถ จ ยา ‘‘ปฏิสลฺลานรามา, ภิกฺขเว, วิหรถ ปฏิสลฺลานรตา’’ติ วูปกฏฺกายตา วิหิตา, สา ปริสุทฺธสีลสฺส, น อสีลสฺส อวิสุทฺธสีลสฺส วา ตสฺส รูปารมฺมณาทิโต จิตฺตวินิวตฺตนสฺเสว ¶ อภาวโตติ อตฺถโต สีลวิสุทฺธิ ทสฺสิตาติ วุตฺโตวายมตฺโถ. ‘‘อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺตา อนิรากตชฺฌานา’’ติ ปททฺวเยน สมาธิภาวนา, ‘‘วิปสฺสนาย สมนฺนาคตา’’ติ อิมินา ปฺาภาวนา วิหิตาติ โลกิยา ติสฺโส สิกฺขา ทสฺสิตา.
อิทานิ ¶ ตาสุ ปติฏฺิตสฺส อวสฺสํภาวิผลํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฏิสลฺลานรามาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พฺรูเหตานนฺติ วฑฺเฒตานํ. ทฺวินฺนํ ผลานนฺติ ตติยจตุตฺถผลานํ. ปาฏิกงฺขนฺติ อิจฺฉิตพฺพํ อวสฺสํภาวี. อฺาติ อรหตฺตํ. ตฺหิ เหฏฺิมมคฺคาเณหิ าตมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวา ชานนโต ปริปุณฺณชานนตฺตา อุปริ ชานนกิจฺจาภาวโต จ ‘‘อฺา’’ติ วุจฺจติ. สติ วา อุปาทิเสเสติ สติ วา กิเลสูปาทิเสเส, ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺเย สติ. าเณ หิ อปริปกฺเก เย เตน ปริปกฺเกน ปหาตพฺพกิเลสา, เต น ปหียนฺติ. ตํ สนฺธายาห ‘‘สติ วา อุปาทิเสเส’’ติ. สติ จ กิเลเส ขนฺธาภิสงฺขารา ติฏฺนฺติ เอว. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต อนาคามิผลํ อรหตฺตนฺติ ทฺเว ธมฺมา ทสฺสิตา. ยถา เจตฺถ, เอวํ อิโต ปเรสุ ทฺวีสุ สุตฺเตสุ.
คาถาสุ เย สนฺตจิตฺตาติ เย โยคาวจรา ตทงฺควเสน วิกฺขมฺภนวเสว จ สมิตกิเลสตาย สนฺตจิตฺตา. เนปกฺกํ วุจฺจติ ปฺา, ตาย สมนฺนาคตตฺตา นิปกา. อิมินา เตสํ กมฺมฏฺานปริหรณาณํ ทสฺเสติ. สติมนฺโต ¶ จ ฌายิโนติ านนิสชฺชาทีสุ กมฺมฏฺานาวิชหนเหตุภูตาย สติยา สติมนฺโต, อารมฺมณูปนิชฺฌานลกฺขเณน ฌาเนน ฌายิโน. สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสนฺติ, กาเมสุ อนเปกฺขิโนติ ปุพฺเพเยว ‘‘อฏฺิกงฺกลูปมา กามา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗) วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมสุ จ อาทีนวปจฺจเวกฺขเณน อนเปกฺขิโน อนตฺถิกา เต ปหาย อธิคตํ อุปจารสมาธึ อปฺปนาสมาธึ วา ปาทกํ กตฺวา นามรูปํ ตสฺส ปจฺจเย จ ปริคฺคเหตฺวา กลาปสมฺมสนาทิกฺกเมน สมฺมา อวิปรีตํ ปฺจกฺขนฺธธมฺมํ อนิจฺจาทิโต วิปสฺสนฺติ.
อปฺปมาทรตาติ ¶ วุตฺตปฺปการาย สมถวิปสฺสนาภาวนาย อปฺปมชฺชเน รตา อภิรตา ตตฺถ อปฺปมาเทเนว รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมนฺตา. สนฺตาติ สมานา. ‘‘สตฺตา’’ติปิ ปาโ, ปุคฺคลาติ อตฺโถ. ปมาเท ภยทสฺสิโนติ นิรยูปปตฺติอาทิกํ ปมาเท ภยํ ปสฺสนฺตา. อภพฺพา ปริหานายาติ เต เอวรูปา สมถวิปสฺสนาธมฺเมหิ มคฺคผเลหิ วา ปริหานาย อภพฺพา. สมถวิปสฺสนาโต หิ สมฺปตฺตโต น ปริหายนฺติ, อิตรานิ จ อปฺปตฺตานิ ปาปุณนฺติ. นิพฺพานสฺเสว สนฺติเกติ นิพฺพานสฺส จ อนุปาทาปรินิพฺพานสฺส จ สนฺติเก เอว, น จิรสฺเสว นํ อธิคมิสฺสนฺตีติ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. สิกฺขานิสํสสุตฺตวณฺณนา
๔๖. นวเม ¶ สิกฺขานิสํสาติ เอตฺถ สิกฺขิตพฺพาติ สิกฺขา, สา ติวิธา อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปฺาสิกฺขาติ. ติวิธาปิ เจสา สิกฺขา อานิสํสา เอเตสํ, น ลาภสกฺการสิโลกาติ สิกฺขานิสํสา. วิหรถาติ สิกฺขานิสํสา หุตฺวา วิหรถ, ตีสุ สิกฺขาสุ อานิสํสทสฺสาวิโน หุตฺวา ตาหิ สิกฺขาหิ ลทฺธพฺพํ อานิสํสเมว สมฺปสฺสนฺตา วิหรถาติ อตฺโถ. ปฺุตฺตราติ ตาสุ สิกฺขาสุ ยา อธิปฺาสิกฺขาสงฺขาตา ปฺา, สา อุตฺตรา ปธานา วิสิฏฺา เอเตสนฺติ ปฺุตฺตรา. เย หิ สิกฺขานิสํสา วิหรนฺติ, เต ปฺุตฺตรา ภวนฺตีติ. วิมุตฺติสาราติ ¶ อรหตฺตผลสงฺขาตา วิมุตฺติ สารํ เอเตสนฺติ วิมุตฺติสารา, ยถาวุตฺตํ วิมุตฺตึเยว สารโต คเหตฺวา ิตาติ อตฺโถ. เย หิ สิกฺขานิสํสา ปฺุตฺตรา จ, น เต ภววิเสสํ ปตฺเถนฺติ, อปิจ โข วิภวํ อากงฺขนฺตา วิมุตฺตึเยว สารโต ปจฺเจนฺติ. สตาธิปเตยฺยาติ เชฏฺกกรณฏฺเน สติ อธิปเตยฺยํ เอเตสนฺติ สตาธิปเตยฺยา อธิปติ เอว อธิปเตยฺยนฺติ กตฺวา, จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตา กายานุปสฺสนาทิมุเขน สมถวิปสฺสนาภาวนานุยุตฺตาติ อตฺโถ.
อถ วา สิกฺขานิสํสาติ ภิกฺขเว, เอวรูเป ทุลฺลภกฺขณปฏิลาเภ ¶ ติวิธสิกฺขาสิกฺขนเมว อานิสํสํ กตฺวา วิหรถ, เอวํ วิหรนฺตา จ ปฺุตฺตรา ปฺาย อุตฺตรา โลกุตฺตรปฺาย สมนฺนาคตา หุตฺวา วิหรถ, เอวํภูตา จ วิมุตฺติสารา นิพฺพานสารา อนฺสารา วิหรถ. ตถาภาวสฺส จายํ อุปาโย, ยํ สตาธิปเตยฺยา วิหรถ, สติปฏฺานภาวนาย ยุตฺตปฺปยุตฺตา โหถ, สพฺพตฺถ วา สตารกฺเขน เจตสา วิหรถาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิติ ภควา ตีสุ สิกฺขาสุ ภิกฺขู นิโยเชนฺโต ยถา ตา สิกฺขิตพฺพา, เยน จ ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ, ตํ สงฺเขเปเนว ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมานานํ ผลวิเสสทสฺสเนน ตสฺสา ปฏิปตฺติยา อโมฆภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘สิกฺขานิสํสาน’’นฺติอาทิมาห. ตํ วุตฺตตฺถเมว.
คาถาสุ ปริปุณฺณสิกฺขนฺติ อคฺคผลปฺปตฺติยา ปริสุทฺธสิกฺขํ, อเสกฺขนฺติ อตฺโถ. อปหานธมฺมนฺติ เอตฺถ ปหานธมฺมา วุจฺจนฺติ กุปฺปา วิมุตฺติโย. ปหานธมฺโมติ หิ หานธมฺโม กุปฺปธมฺโม. น ปหานธมฺโมติ อปหานธมฺโม, อกุปฺปธมฺโม. ‘‘อปฺปหานธมฺโม’’ติปิ ปาฬิ, โส เอว อตฺโถ. ขโย เอว อนฺโตติ ขยนฺโต, ชาติยา ขยนฺโต ชาติขยนฺโต, นิพฺพานํ. ขโย วา มรณํ, ชาติขยนฺโต นิพฺพานเมว, ตสฺส ทิฏฺตฺตา ชาติขยนฺตทสฺสี.
ตสฺมาติ ¶ ยสฺมา สิกฺขาปาริปูริยา อยํ ชราปารงฺคมนปริโยสาโน อานิสํโส, ตสฺมา. สทาติ สพฺพกาลํ. ฌานรตาติ ลกฺขณูปนิชฺฌาเน, อารมฺมณูปนิชฺฌาเนติ ทุวิเธปิ ฌาเน รตา, ตโต เอว ¶ สมาหิตา. มารํ สเสนํ อภิภุยฺยาติ กิเลสเสนาย อนฏฺเสนาย จ สเสนํ อนวสิฏฺํ จตุพฺพิธมฺปิ มารํ อภิภวิตฺวา. เทวปุตฺตมารสฺสปิ หิ คุณมารเณ สหายภาวูปคมนโต กิเลสา ‘‘เสนา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตถา โรคาทโย อนฏฺา มจฺจุมารสฺส. ยถาห –
‘‘กามา เต ปมา เสนา, ทุติยา อรติ วุจฺจติ;
ตติยา ขุปฺปิปาสา เต, จตุตฺถี ตณฺหา ปวุจฺจติ.
‘‘ปฺจมี ¶ ถินมิทฺธํ เต, ฉฏฺา ภีรู ปวุจฺจติ;
สตฺตมี วิจิกิจฺฉา เต, มกฺโข ถมฺโภ จ อฏฺโม.
‘‘ลาโภ สิโลโก สกฺกาโร, มิจฺฉาลทฺโธ จ โย ยโส;
โย จตฺตานํ สมุกฺกํเส, ปเร จ อวชานติ.
‘‘เอสา นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี;
น นํ อสูโร ชินาติ, เชตฺวา จ ลภเต สุข’’นฺติ. (สุ. นิ. ๔๓๘-๔๔๑; มหานิ. ๒๘);
ยถา จาห –
‘‘อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ, โก ชฺา มรณํ สุเว;
น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๘๐; ชา. ๒.๒๒.๑๒๑);
ภวถ ชาติมรณสฺส ปารคาติ ชาติยา มรณสฺส จ ปารคามิโน นิพฺพานคามิโน ภวถาติ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ชาคริยสุตฺตวณฺณนา
๔๗. ทสเม ¶ ชาคโรติ ชาครโก วิคตนิทฺโท ชาคริยํ อนุยุตฺโต, รตฺตินฺทิวํ กมฺมฏฺานมนสิกาเร ยุตฺตปฺปยุตฺโตติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต โหติ? อิธ ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา ปมํ ยามํ จงฺกเมน ¶ นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา มชฺฌิมํ ยามํ ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา, รตฺติยา ปจฺฉิมํ ยามํ ปจฺจุฏฺาย จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ. เอวํ ภิกฺขุ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต โหตี’’ติ (วิภ. ๕๑๙).
จสทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน วกฺขมาเน สตาทิภาเว สมฺปิณฺเฑติ. อสฺสาติ สิยา, ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ‘‘ชาคโร จ ภิกฺขุ วิหเรยฺยา’’ติ จ ปนฺติ. สพฺพตฺถ ¶ สพฺพทา จ กมฺมฏฺานาวิชหนวเสน สติอวิปฺปวาเสน สโต สมฺปชาโนติ สตฺตฏฺานิยสฺส จตุพฺพิธสฺสปิ สมฺปชฺสฺส วเสน สมฺปชาโน. สมาหิโตติ อุปจารสมาธินา อปฺปนาสมาธินา จ สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต. ปมุทิโตติ ปฏิปตฺติยา อานิสํสทสฺสเนน อุตฺตรุตฺตริ วิเสสาธิคเมน วีริยารมฺภสฺส จ อโมฆภาวทสฺสเนน ปมุทิโต ปาโมชฺชพหุโล. วิปฺปสนฺโนติ ตโต เอว ปฏิปตฺติภูตาสุ ตีสุ สิกฺขาสุ ปฏิปตฺติเทสเก จ สตฺถริ สทฺธาพหุลตาย สุฏฺุ ปสนฺโน. สพฺพตฺถ อสฺสาติ สมฺพนฺโธ วิหเรยฺยาติ วา.
ตตฺถ กาลวิปสฺสี จ กุสเลสุ ธมฺเมสูติ ตสฺมึ กาเล วิปสฺสโก, ตตฺถ วา กมฺมฏฺานานุโยเค กาลวิปสฺสี กาลานุรูปํ วิปสฺสโก. กึ วุตฺตํ โหติ? วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา กลาปสมฺมสนาทิวเสน สมฺมสนฺโต อาวาสาทิเก สตฺต อสปฺปาเย วชฺเชตฺวา สปฺปาเย เสวนฺโต อนฺตรา โวสานํ อนาปชฺชิตฺวา ปหิตตฺโต จิตฺตสฺส สมาหิตาการํ สลฺลกฺเขนฺโต สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ อนิจฺจานุปสฺสนาทึ ปวตฺเตนฺโต ยสฺมึ กาเล วิปสฺสนาจิตฺตํ ลีนํ โหติ, ตสฺมึ ธมฺมวิจยวีริยปีติสงฺขาเตสุ, ยสฺมึ ปน กาเล จิตฺตํ อุทฺธตํ โหติ, ตสฺมึ ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาเตสุ กุสเลสุ อนวชฺเชสุ โพชฺฌงฺคธมฺเมสูติ เอวํ ตตฺถ ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล, ตสฺมึ วา กมฺมฏฺานานุโยเค กาลานุรูปํ วิปสฺสโก อสฺสาติ. สติสมฺโพชฺฌงฺโค ปน สพฺพตฺเถว อิจฺฉิตพฺโพ ¶ . วุตฺตฺเหตํ ‘‘สติฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔; มิ. ป. ๒.๑.๑๓). เอตฺตาวตา ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ชาคริยํ ทสฺเสตฺวา เยหิ ธมฺเมหิ ชาคริยานุโยโค สมฺปชฺชติ, เต ปกาเสติ.
เอวํ ¶ ภควา อารทฺธวิปสฺสกสฺส ภิกฺขุโน สงฺเขเปเนว สทฺธึ อุปการกธมฺเมหิ สมฺมสนจารํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตถา ปฏิปชฺชนฺตสฺส ปฏิปตฺติยา อวฺฌภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ชาครสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ ชาคริยานุโยเค สติสมฺปชฺสมาทานานิ สพฺพตฺถกานิ สมฺโมทปสาทาวหานิ, ตตฺถ กาลวิปสฺสนา นาม วิปสฺสนาย คพฺภคฺคหณํ ปริปากคตํ. อุปกฺกิเลสวิมุตฺเต หิ วีถิปฏิปนฺเน วิปสฺสนาาเณ ติกฺเข สูเร วหนฺเต โยคิโน อุฬารํ ปาโมชฺชํ ปสาโท จ โหติ, เตหิ จ วิเสสาธิคมสฺส สนฺติเกเยว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานตํ.
‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสนฺโน พุทฺธสาสเน;
อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔, ๓๘๑);
คาถาสุ ชาครนฺตา สุณาเถตนฺติ เอตํ มม วจนํ เอกนฺเตเนว ปมาทนิทฺทาย อวิชฺชานิทฺทาย ปโพธนตฺถํ ชาครนฺตา สติสมฺปชฺาทิธมฺมสมาโยเคน ชาคริยํ อนุยุตฺตา สุณาถ. เย สุตฺตา เต ปพุชฺฌถาติ เย ยถาวุตฺตนิทฺทาย สุตฺตา สุปนํ อุปคตา, เต ตุมฺเห ชาคริยานุโยควเสน อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺเค สงฺกฑฺฒิตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺตา อปฺปมาทปฏิปตฺติยา ตโต ปพุชฺฌถ อถ วา ชาครนฺตาติ ชาครนิมิตฺตา. ‘‘สุณาเถต’’นฺติ เอตฺถ ‘‘เอต’’นฺติ วุตฺตํ, กึ ตํ วจนนฺติ อาห ‘‘เย สุตฺตา เต ปพุชฺฌถา’’ติอาทิ. ตตฺถ เย สุตฺตาติ เย กิเลสนิทฺทาย สุตฺตา, เต ตุมฺเห อริยมคฺคปฏิโพเธน ปพุชฺฌถ. สุตฺตา ชาคริตํ เสยฺโยติ อิทํ ปโพธสฺส การณวจนํ. ยสฺมา ยถาวุตฺตสุปโต วุตฺตปฺปการํ ชาคริตํ ชาครณํ อตฺถกามสฺส กุลปุตฺตสฺส เสยฺโย ปาสํสตโร หิตสุขาวโห, ตสฺมา ปพุชฺฌถ. นตฺถิ ชาครโต ภยนฺติ อิทํ ตตฺถ อานิสํสทสฺสนํ. โย หิ สทฺธาทีหิ ชาครณธมฺเมหิ สมนฺนาคเมน ชาคโร ชคฺคติ, ปมาทนิทฺทํ น อุปคจฺฉติ, ตสฺส อตฺตานุวาทภยํ ปรานุวาทภยํ ทณฺฑภยํ ทุคฺคติภยํ ชาติอาทินิมิตฺตํ สพฺพมฺปิ วฏฺฏภยํ นตฺถิ.
กาเลนาติ ¶ ¶ อาวาสสปฺปายาทีนํ ลทฺธกาเลน. โสติ นิปาตมตฺตํ. สมฺมา ¶ ธมฺมํ ปริวีมํสมาโนติ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตํ เตภูมกธมฺมํ สมฺมา าเยน ยถา นิพฺพินฺทนวิรชฺชนาทโย สมฺภวนฺติ, เอวํ ปริโต วีมํสนฺโต, สพฺพากาเรน วิปสฺสนฺโตติ อตฺโถ. เอโกทิภูโตติ เอโก เสฏฺโ หุตฺวา อุเทตีติ เอโกทิ, สมาธิ. โส เอโกทิ ภูโต ชาโต อุปฺปนฺโน เอตสฺสาติ เอโกทิภูโต. อคฺคิอาหิตาทิสทฺทานํ วิย เอตฺถ ภูตสทฺทสฺส ปรวจนํ ทฏฺพฺพํ. เอโกทึ วา ภูโต ปตฺโตติ เอโกทิภูโต. เอตฺถ จ เอโกทีติ มคฺคสมาธิ อธิปฺเปโต, ‘‘สมาหิโต’’ติ เอตฺถ ปน ปาทกชฺฌานสมาธินา สทฺธึ วิปสฺสนาสมาธิ. อถ วา กาเลนาติ มคฺคปฏิเวธกาเลน. สมฺมา ธมฺมํ ปริวีมํสมาโนติ สมฺมเทว จตุสจฺจธมฺมํ ปริฺาภิสมยาทิวเสน วีมํสนฺโต, เอกาภิสมเยน อภิสเมนฺโต. เอโกทิภูโตติ เอโก เสฏฺโ อสหาโย วา หุตฺวา อุเทตีติ เอโกทิ, จตุกิจฺจสาธโก สมฺมปฺปธาโน. โส เอโกทิ ภูโต ชาโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. วิหเน ตมํ โสติ โส เอวํภูโต อริยสาวโก อรหตฺตมคฺเคน อวิชฺชาตมํ อนวเสสโต วิหเนยฺย สมุจฺฉินฺเทยฺย.
อิติ ภควา ปฏิปตฺติยา อโมฆภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ ทฬฺหํ นิโยเชนฺโต ‘‘ตสฺมา หเว’’ติ โอสานคาถมาห. ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา ชาครโต สติอวิปฺปวาสาทินา สมถวิปสฺสนาภาวนา ปาริปูรึ คจฺฉติ, อนุกฺกเมน อริยมคฺโค ปาตุภวติ, ตโต จสฺส สพฺพํ วฏฺฏภยํ นตฺถิ, ตสฺมา. หเวติ เอกํเสน ทฬฺหํ วา. ภเชถาติ ภเชยฺย. เอวํ ชาคริยํ ภชนฺโต จ อาตาปิภาวาทิคุณยุตฺโต ภิกฺขุ สํโยชนานิ ภินฺทิตฺวา อคฺคผลาณสงฺขาตํ อนุตฺตรํ อุตฺตรรหิตํ สมฺโพธึ ผุเส ปาปุเณยฺย. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. อาปายิกสุตฺตวณฺณนา
๔๘. เอกาทสเม อาปายิกาติ อปาเย นิพฺพตฺติสฺสนฺตีติ อาปายิกา. ตตฺถาปิ นิรเย นิพฺพตฺติสฺสนฺตีติ เนรยิกา. อิทมปฺปหายาติ ¶ อิทํ อิทานิ วกฺขมานํ ทุวิธํ ปาปสมาจารํ อปฺปชหิตฺวา, ตถาปฏิปตฺติตถาปคฺคหณวเสน ปวตฺตํ วาจํ จิตฺตํ ทิฏฺิฺจ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวาติ อตฺโถ. อพฺรหฺมจารีติ ¶ พฺรหฺมเสฏฺํ จรตีติ พฺรหฺมจารี, พฺรหฺมา วา เสฏฺโ อาจาโร เอตสฺส อตฺถีติ พฺรหฺมจารี, น พฺรหฺมจารีติ อพฺรหฺมจารี, พฺรหฺมจาริปฏิรูปโก ทุสฺสีโลติ อตฺโถ. พฺรหฺมจาริปฏิฺโติ ‘‘พฺรหฺมจารี อห’’นฺติ เอวํปฏิฺโ. ปริปุณฺณนฺติ อขณฺฑาทิภาเวน ¶ อวิกลํ. ปริสุทฺธนฺติ อุปกฺกิเลสาภาเวน ปริสุทฺธํ. อมูลเกนาติ ทิฏฺาทิมูลวิรหิเตน, ทิฏฺํ สุตํ ปริสงฺกิตนฺติ อิเมหิ โจทนามูเลหิ วชฺชิเตน. อพฺรหฺมจริเยน อเสฏฺจริเยน. อนุทฺธํเสตีติ ‘‘ปริสุทฺโธ อย’’นฺติ ชานนฺโตว ปาราชิกวตฺถุนา ธํเสติ ปธํเสติ, โจเทติ อกฺโกสติ วา.
คาถาสุ อภูตวาทีติ ปรสฺส โทสํ อทิสฺวาว อภูเตน ตุจฺเฉน มุสาวาทํ กตฺวา ปรํ อพฺภาจิกฺขนฺโต. กตฺวาติ โย วา ปน ปาปกมฺมํ กตฺวา ‘‘นาหํ เอตํ กโรมี’’ติ อาห. อุโภปิ เต เปจฺจ สมา ภวนฺตีติ เต อุโภปิ ชนา อิโต ปรโลกํ คนฺตฺวา นิรยํ อุปคมนโต คติยา สมานา ภวนฺติ. ตตฺถ คติเยว เนสํ ปริจฺฉินฺนา, น ปน อายุ. พหฺุหิ ปาปํ กตฺวา จิรํ นิรเย ปจฺจติ, ปริตฺตํ กตฺวา อปฺปมตฺตกเมว กาลํ. ยสฺมา ปน เตสํ อุภินฺนมฺปิ กมฺมํ ลามกเมว. เตน วุตฺตํ ‘‘นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติ. ‘‘ปรตฺถา’’ติ ปน ปทสฺส ปุรโต ‘‘เปจฺจา’’ติ ปเทน สมฺพนฺโธ – ปรตฺถ เปจฺจ อิโต คนฺตฺวา เต นิหีนกมฺมา สมา ภวนฺตีติ.
เอวํ ภควา อภูตพฺภกฺขานวเสน ภูตโทสปฏิจฺฉาทนวเสน จ ปวตฺตสฺส มุสาวาทสฺส วิปากํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺมึ าเน นิสินฺนานํ พหูนํ ปาปภิกฺขูนํ ทุจฺจริตกมฺมสฺส ¶ วิปากทสฺสเนน สํเวชนตฺถํ ทฺเว คาถา อภาสิ. ตตฺถ กาสาวกณฺาติ กสาวรสปีตตฺตา กาสาเวน วตฺเถน ปลิเวิตกณฺา. ปาปธมฺมาติ ลามกธมฺมา. อสฺตาติ กายาทีหิ สฺมรหิตา. ปาปาติ ตถารูปา ปาปปุคฺคลา, ปาเปหิ กมฺเมหิ อุปปชฺชิตฺวา ‘‘ตสฺส กาโยปิ อาทิตฺโต สมฺปชฺชลิโต สโชติภูโต, สงฺฆาฏิปิ อาทิตฺตา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒๑๘-๒๑๙; ปารา. ๒๓๐) ลกฺขณสํยุตฺเต วุตฺตนเยน มหาทุกฺขํ อนุภวนฺติเยว.
ตติยคาถาย อยํ สงฺเขปตฺโถ – ยฺเจ ภฺุเชยฺย ทุสฺสีโล นิสฺสีลปุคฺคโล กายาทีหิ อสฺโต รฏฺวาสีหิ สทฺธาย ทินฺนํ ยํ รฏฺปิณฺฑํ ‘‘สมโณมฺหี’’ติ ปฏิชานนฺโต คเหตฺวา ภฺุเชยฺย, ตโต อาทิตฺโต อคฺคิวณฺโณ อโยคุโฬว ภุตฺโต เสยฺโย สุนฺทรตโร. กึการณา? ตปฺปจฺจยา ¶ หิสฺส เอโกว อตฺตภาโว ฌาเยยฺย, ทุสฺสีโล ปน หุตฺวา สทฺธาเทยฺยํ ภฺุชิตฺวา อเนกานิปิ ชาติสตานิ นิรเย อุปฺปชฺเชยฺยาติ.
เอกาทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. ทิฏฺิคตสุตฺตวณฺณนา
๔๙. ทฺวาทสเม ¶ ทฺวีหิ ทิฏฺิคเตหีติ เอตฺถ ทิฏฺิโยว ทิฏฺิคตานิ ‘‘คูถคตํ มุตฺตคต’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๙.๑๑) วิย. คหิตาการสฺุตาย วา ทิฏฺีนํ คตมตฺตานีติ ทิฏฺิคตานิ, เตหิ ทิฏฺิคเตหิ. ปริยุฏฺิตาติ อภิภูตา ปลิพุทฺธา วา. ปลิโพธตฺโถ วาปิ หิ ปริยุฏฺานสทฺโท ‘‘โจรา มคฺเค ปริยุฏฺึสู’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๔๓๐) วิย. เทวาติ อุปปตฺติเทวา. เต หิ ทิพฺพนฺติ อุฬารตเมหิ กามคุเณหิ ฌานาทีหิ จ กีฬนฺติ, อิทฺธานุภาเวน วา ยถิจฺฉิตมตฺถํ คจฺฉนฺติ อธิคจฺฉนฺตีติ จ เทวาติ วุจฺจนฺติ. มนสฺส อุสฺสนฺนตฺตา มนุสฺสา, อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน เจตํ วุตฺตํ ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. โอลียนฺติ เอเกติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ ภเวสุ โอลียนาภินิเวสภูเตน สสฺสตภาเวน เอกจฺเจ เทวา มนุสฺสา ¶ จ อวลียนฺติ อลฺลียนฺติ สงฺโกจํ อาปชฺชนฺติ, น ตโต นิสฺสรนฺติ. อติธาวนฺตีติ ปรมตฺถโต ภินฺนสภาวานมฺปิ สภาวธมฺมานํ ยฺวายํ เหตุผลภาเวน สมฺพนฺโธ, ตํ อคฺคเหตฺวา นานตฺตนยสฺสปิ คหเณน ตตฺถ ตตฺเถว ธาวนฺติ, ตสฺมา ‘‘อุจฺฉิชฺชติ อตฺตา จ โลโก จ, น โหติ ปรํ มรณา’’ติ อุจฺเฉเท วา ภวนิโรธปฏิปตฺติยา ปฏิกฺเขปธมฺมตํ อติธาวนฺติ อติกฺกมนฺติ. จกฺขุมนฺโต จ ปสฺสนฺตีติ จสทฺโท พฺยติเรเก. ปุพฺพโยคสมฺปตฺติยา าณปริปาเกน ปฺาจกฺขุมนฺโต ปน เทวมนุสฺสา เตเนว ปฺาจกฺขุนา สสฺสตํ อุจฺเฉทฺจ อนฺตทฺวยํ อนุปคมฺม มชฺฌิมปฏิปตฺติทสฺสเนน ปจฺจกฺขํ กโรนฺติ. เต หิ ‘‘นามรูปมตฺตมิทํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ, ตสฺมา น สสฺสตํ, นาปิ อุจฺฉิชฺชตี’’ติ อวิปรีตโต ปสฺสนฺติ.
เอวํ โอลียนาทิเก ปุคฺคลาธิฏฺาเนน อุทฺทิสิตุํ ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ภวาติ กามภโว, รูปภโว, อรูปภโว. อปเรปิ ตโย ¶ ภวา สฺีภโว, อสฺีภโว, เนวสฺีนาสฺีภโว. อปเรปิ ตโย ภวา เอกโวการภโว, จตุโวการภโว, ปฺจโวการภโวติ. เอเตหิ ภเวหิ อารมนฺติ อภินนฺทนฺตีติ ภวารามา. ภเวสุ รตา อภิรตาติ ภวรตา. ภเวสุ สุฏฺุ มุทิตาติ ภวสมฺมุทิตา. ภวนิโรธายาติ เตสํ ภวานํ อจฺจนฺตนิโรธาย อนุปฺปาทนตฺถาย. ธมฺเม เทสิยมาเนติ ตถาคตปฺปเวทิเต นิยฺยานิกธมฺเม วุจฺจมาเน. น ปกฺขนฺทตีติ สสฺสตาภินิวิฏฺตฺตา สํขิตฺตธมฺมตฺตา น ปวิสติ น โอคาหติ. น ปสีทตีติ ปสาทํ นาปชฺชติ น ตํ สทฺทหติ. น สนฺติฏฺตีติ ตสฺสํ เทสนายํ น ติฏฺติ นาธิมุจฺจติ. เอวํ สสฺสตโต อภินิวิสเนน ภเวสุ โอลียนฺติ.
อฏฺฏียมานาติ ¶ ภเว ชราโรคมรณาทีนิ วธพนฺธนจฺเฉทนาทีนิ ¶ จ ทิสฺวา สํวิชฺชเนน เตหิ สมงฺคิภาเวน ภเวน ปีฬิยมานา ทุกฺขาปิยมานา. หรายมานาติ ลชฺชมานา ชิคุจฺฉมานาติ ปฏิกูลโต ทหนฺตา. วิภวนฺติ อุจฺเฉทํ. อภินนฺทนฺตีติ ตณฺหาทิฏฺาภินนฺทนาหิ อชฺโฌสาย นนฺทนฺติ. ยโตกิรโภติอาทิ เตสํ อภินนฺทนาการทสฺสนํ. ตตฺถ ยโตติ ยทา. โภติ อาลปนํ. อยํ อตฺตาติ การกาทิภาเวน อตฺตนา ปริกปฺปิตํ สนฺธาย วทติ. อุจฺฉิชฺชตีติ อุปจฺฉิชฺชติ. วินสฺสตีติ น ทิสฺสติ, วินาสํ อภาวํ คจฺฉติ. น โหติ ปรํ มรณาติ มรเณน อุทฺธํ น ภวติ. เอตํ สนฺตนฺติ ยเทตํ อตฺตโน อุจฺเฉทาทิ, เอตํ สพฺพภววูปสมโต สพฺพสนฺตาปวูปสมโต จ สนฺตํ, สนฺตตฺตา เอว ปณีตํ, ตจฺฉาวิปรีตภาวโต ยาถาวํ. ตตฺถ ‘‘สนฺตํ ปณีต’’นฺติ อิทํ ทฺวยํ ตณฺหาภินนฺทนาย วทนฺติ, ‘‘ยาถาว’’นฺติ ทิฏฺาภินนฺทนาย. เอวนฺติ เอวํ ยถาวุตฺตอุจฺเฉทาภินิเวสเนน.
ภูตนฺติ ขนฺธปฺจกํ. ตฺหิ ปจฺจยสมฺภูตตฺตา ปรมตฺถโต วิชฺชมานตฺตา จ ภูตนฺติ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘ภูตมิทํ, ภิกฺขเว, สมนุปสฺสถา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๑). ภูตโต อวิปรีตสภาวโต สลกฺขณโต สามฺลกฺขณโต จ ปสฺสติ. อิทฺหิ ขนฺธปฺจกํ นามรูปมตฺตํ. ตตฺถ ‘‘อิเม ปถวีอาทโย ธมฺมา รูปํ, อิเม ผสฺสาทโย ธมฺมา นามํ, อิมานิ เนสํ ลกฺขณาทีนิ, อิเม เนสํ อวิชฺชาทโย ปจฺจยา’’ติ เอวํ สปจฺจยนามรูปทสฺสนวเสน เจว, ‘‘สพฺเพปิเม ธมฺมา อหุตฺวา สมฺโภนฺติ, หุตฺวา ปฏิเวนฺติ, ตสฺมา อนิจฺจา, อนิจฺจตฺตา ทุกฺขา, ทุกฺขตฺตา อนตฺตา’’ติ เอวํ อนิจฺจานุปสฺสนาทิวเสน จ ปสฺสตีติ ¶ อตฺโถ. เอตฺตาวตา ตรุณวิปสฺสนาปริโยสานา วิปสฺสนาภูมิ ทสฺสิตา. นิพฺพิทายาติ ¶ ภูตสงฺขาตสฺส เตภูมกธมฺมชาตสฺส นิพฺพินฺทนตฺถาย, เอเตน พลววิปสฺสนํ ทสฺเสติ. วิราคายาติ วิราคตฺถํ วิรชฺชนตฺถํ, อิมินา มคฺคํ ทสฺเสติ. นิโรธายาติ นิรุชฺฌนตฺถํ, อิมินาปิ มคฺคเมว ทสฺเสติ. นิโรธายาติ วา ปฏิปฺปสฺสทฺธินิโรเธน สทฺธึ อนุปาทิเสสนิพฺพานํ ทสฺเสติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, จกฺขุมนฺโต ปสฺสนฺตีติ เอวํ ปฺาจกฺขุมนฺโต สปุพฺพภาเคน มคฺคปฺาจกฺขุนา จตุสจฺจธมฺมํ ปสฺสนฺติ.
คาถาสุ เย ภูตํ ภูตโต ทิสฺวาติ เย อริยสาวกา ภูตํ ขนฺธปฺจกํ ภูตโต อวิปรีตสภาวโต วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ทิสฺวา. เอเตน ปริฺาภิสมยํ ทสฺเสติ. ภูตสฺส จ อติกฺกมนฺติ ภาวนาภิสมยํ. อริยมคฺโค หิ ภูตํ อติกฺกมติ เอเตนาติ ‘‘ภูตสฺส อติกฺกโม’’ติ วุตฺโต. ยถาภูเตติ อวิปรีตสจฺจสภาเว นิพฺพาเน. วิมุจฺจนฺติ ¶ อธิมุจฺจนฺติ, เอเตน สจฺฉิกิริยาภิสมยํ ทสฺเสติ. ภวตณฺหาปริกฺขยาติ ภวตณฺหาย สพฺพโส เขปนา สมุจฺฉินฺทนโต, เอเตน สมุทยปฺปหานํ ทสฺเสติ.
สเว ภูตปริฺโ โสติ เอตฺถ ปน สเวติ นิปาตมตฺตํ. โส ภูตปริฺโ ภูตสฺส อติกฺกมนูปาเยน มคฺเคน ภวตณฺหาปริกฺขยา ปริฺาตกฺขนฺโธ ตโต เอว ยถาภูเต นิพฺพาเน อธิมุตฺโต. ภวาภเวติ ขุทฺทเก เจว มหนฺเต จ, อุจฺเฉทาทิทสฺสเน วา วีตตณฺโห ภินฺนกิเลโส. ภิกฺขุ ภูตสฺส อุปาทานกฺขนฺธสงฺขาตสฺส อตฺตภาวสฺส วิภวา, อายตึ อนุปฺปาทา ปุนพฺภวํ นาคจฺฉติ, อปฺตฺติกภาวเมว คจฺฉตีติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
อิติ อิมสฺมึ วคฺเค เอกาทสเม วฏฺฏํ กถิตํ, ตติยจตุตฺถปฺจเมสุ ปริโยสานสุตฺเต จ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ, เสเสสุ วิวฏฺฏเมวาติ เวทิตพฺพํ.
ทฺวาทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทกนิกาย-อฏฺกถาย
อิติวุตฺตกสฺส ทุกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.