📜
๓. ติกนิปาโต
๑. ปมวคฺโค
๑. มูลสุตฺตวณฺณนา
๕๐. ติกนิปาตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม ตีณีติ คณนปริจฺเฉโท. อิมานีติ อภิมุขีกรณํ. อกุสลมูลานีติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํ. ตตฺถ อกุสลานิ จ ตานิ มูลานิ จาติ อกุสลมูลานิ. อถ วา อกุสลานํ เหตุปจฺจยปภวชนกสมุฏฺาปกนิพฺพตฺตกฏฺเน มูลานิ จาติ อกุสลมูลานิ, อกุสลธมฺมานํ การณานีติ อตฺโถ. การณฺหิ ยถา หิโนติ เอตสฺมา ผลํ ปวตฺตตีติ เหตุ, ปฏิจฺจ เอตสฺมา เอตีติ ปจฺจโย, ปภวติ เอตสฺมาติ ปภโว, อตฺตโน ผลํ ชเนตีติ ชนกํ, สมุฏฺาเปตีติ สมุฏฺาปกํ, นิพฺพตฺเตตีติ นิพฺพตฺตกนฺติ จ วุจฺจติ. เอวํ ปติฏฺฏฺเน มูลนฺติ, ตสฺมา อกุสลมูลานีติ อกุสลานํ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนานิ, การณานีติ วุตฺตํ โหติ.
เกจิ ปน ‘‘สาลิอาทีนํ สาลิพีชาทีนิ วิย มณิปฺปภาทีนํ มณิวณฺณาทโย วิย จ อกุสลานํ อกุสลภาวสาธโก โลภาทีนํ มูลฏฺโ’’ติ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต อกุสลจิตฺตสมุฏฺานรูเปสุ เตสํ เหตุปจฺจยภาโว น สิยา. น หิ ตานิ เตสํ อกุสลภาวํ สาเธนฺติ, น จ ปจฺจยา น โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.ปจฺจยนิทฺเทส.๑).
อเหตุกสฺส ¶ จ โมหสฺส อกุสลภาโว น สิยา อกุสลภาวสาธกสฺส มูลนฺตรสฺส อภาวโต. อถาปิ สิยา โลภาทีนํ สภาวสิทฺโธ ¶ อกุสลาทิภาโว, ตํสมฺปยุตฺตานํ ปน โลภาทิปฏิพทฺโธติ. เอวมฺปิ ยถา โลภาทีนํ, เอวํ อโลภาทีนมฺปิ สภาวสิทฺโธ กุสลาทิภาโวติ อโลภาทโย กุสลา เอว สิยุํ, น อพฺยากตา, น จ โหนฺติ. ตสฺมา ยถา สมฺปยุตฺเตสุ, เอวํ มูเลสุปิ กุสลาทิภาโว ปริเยสิตพฺโพ. โยนิโสมนสิการาทิโก วิย หิ กุสลภาวสฺส, อโยนิโสมนสิการาทิโก ¶ อกุสลภาวสฺส การณนฺติ คเหตพฺพํ. เอวํ อกุสลภาวสาธนวเสน โลภาทีนํ มูลฏฺํ อคฺคเหตฺวา สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนวเสน คยฺหมาเน น โกจิ โทโส. ลทฺธเหตุปจฺจยา หิ ธมฺมา วิรูฬฺหมูลา วิย ปาทปา ถิรา โหนฺติ สุปฺปติฏฺิตา, เหตุรหิตา ปน ติลพีชกาทิเสวาลา วิย น สุปฺปติฏฺิตาติ เหตุอาทิอตฺเถน อกุสลานํ อุปการกตฺตา มูลานีติ อกุสลมูลานิ. ยสฺมา ปน มูเลน มุตฺโต อกุสลจิตฺตุปฺปาโท นตฺถิ, ตสฺมา ตีหิ มูเลหิ สพฺโพ อกุสลราสิ ปริยาทิยิตฺวา ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺพํ.
ตานิ อกุสลมูลานิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘โลโภ อกุสลมูล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โลภาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ตตฺถ ปน ตติยมคฺควชฺฌา โลภาทโย อาคตา, อิธ ปน อนวเสสาติ อยเมว วิเสโส.
คาถายํ ปาปเจตสนฺติ อกุสลธมฺมสมาโยคโต ลามกจิตฺตํ. หึสนฺตีติ อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณ อายตึ วิปากกฺขเณ จ วิพาเธนฺติ. อตฺตสมฺภูตาติ อตฺตนิ ชาตา. ตจสารนฺติ คณฺิตํ, เวฬุนฺติ อตฺโถ. สมฺผลนฺติ อตฺตโน ผลํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ขทิรสีสปาทโย วิย อนฺโตสาโร อหุตฺวา พหิสารตาย ตจสารนฺติ ลทฺธนามํ เวฬุอาทึ ยถา อตฺตสมฺภูตเมว ผลํ หึสติ วินาเสติ, เอวเมว อนฺโต สีลาทิสารรหิตํ ลามกจิตฺตํ ปุคฺคลํ อตฺตสมฺภูตาเยว โลภาทโย วินาเสนฺตีติ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ธาตุสุตฺตวณฺณนา
๕๑. ทุติเย ¶ ธาตุโยติ อตฺตโน ผลสฺส สภาวสฺส จ ธารณฏฺเน ธาตุโย. ยฺเจตฺถ ผลนิพฺพตฺตกํ, ตํ อตฺตโน ผลสฺส สภาวสฺส จ, อิตรํ สภาวสฺเสว ธารณฏฺเน ธาตุ. รูปธาตูติ ¶ รูปภโว. ธาตุยา อาคตฏฺาเน ภเวน ปริจฺฉินฺทิตพฺพํ, ภวสฺส อาคตฏฺาเน ธาตุยา ปริจฺฉินฺทิตพฺพนฺติ อิธ ภเวน ปริจฺเฉโท กถิโต. ตสฺมา –
‘‘กตเม ¶ ธมฺมา รูปาวจรา? เหฏฺโต พฺรหฺมโลกํ ปริยนฺตํ กริตฺวา อุปริโต อกนิฏฺเ เทเว อนฺโต กริตฺวา เอตฺถาวจรา เอตฺถ ปริยาปนฺนา ขนฺธธาตุอายตนา, อิเม ธมฺมา รูปาวจรา’’ติ (ธ. ส. ๑๒๘๙) –
เอวํ วุตฺตา รูปาวจรธมฺมา รูปธาตุ. อรูปธาตูติ อรูปภโว. อิธาปิ ภเวน ปริจฺเฉโท กถิโตติ –
‘‘กตเม ธมฺมา อรูปาวจรา? เหฏฺโต อากาสานฺจายตนูปเค เทเว อนฺโต กริตฺวา, อุปริโต เนวสฺานาสฺายตนูปเค เทเว อนฺโต กริตฺวา, เอตฺถาวจรา เอตฺถ ปริยาปนฺนา ขนฺธธาตุอายตนา, อิเม ธมฺมา อรูปาวจรา’’ติ (ธ. ส. ๑๒๙๑) –
เอวํ วุตฺตา อรูปาวจรธมฺมา อรูปธาตุ. นิโรธธาตูติ นิพฺพานํ เวทิตพฺพํ.
อปโร นโย – รูปสหิตา, รูปปฏิพทฺธา, ธมฺมปฺปวตฺติ รูปธาตุ, ปฺจโวการภโว, เอกโวการภโว จ, เตน สกโล กามภโว รูปภโว จ สงฺคหิโต. รูปรหิตา ธมฺมปฺปวตฺติ อรูปธาตุ, จตุโวการภโว, เตน อรูปภโว สงฺคหิโต. อิติ ทฺวีหิ ปเทหิ ตโย ภวา สพฺพา สํสารปฺปวตฺติ ทสฺสิตา. ตติยปเทน ปน อสงฺขตธาตุเยว สงฺคหิตาติ มคฺคผลานิ อิธ ติกวินิมุตฺตธมฺมา นาม ชาตา. เกจิ ปน ‘‘รูปธาตูติ รูปสภาวา ธมฺมา, อรูปธาตูติ อรูปสภาวา ธมฺมาติ ปททฺวเยน อนวเสสโต ปฺจกฺขนฺธา คหิตา’’ติ. ‘‘รูปตณฺหาย วิสยภูตา ธมฺมา รูปธาตุ, อรูปตณฺหาย วิสยภูตา อรูปธาตู’’ติ จ วทนฺติ, ตํ สพฺพํ อิธ นาธิปฺเปตํ. ตสฺมา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
คาถาสุ ¶ รูปธาตุํ ปริฺายาติ รูปปฏิพทฺธธมฺมปวตฺตึ าตปริฺาทีหิ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานิตฺวา. อารุปฺเปสุ อสณฺิตาติ อรูปาวจรธมฺเมสุ ภวราควเสน ภวทิฏฺิวเสน จ น ปติฏฺิตา อนลฺลีนา. ‘‘อรูเปสุ อสณฺิตา’’ติ จ ปนฺติ, โส เอว อตฺโถ. เอตฺตาวตา เตภูมกธมฺมานํ ปริฺา วุตฺตา. นิโรเธ เย วิมุจฺจนฺตีติ เย นิพฺพาเน อารมฺมณภูเต ¶ อคฺคมคฺคผลวเสน ¶ สมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธีหิ อนวเสสกิเลสโต วิมุจฺจนฺติ. เต ชนา มจฺจุหายิโนติ เต ขีณาสวชนา มรณํ สมตีตา.
เอวํ ธาตุตฺตยสมติกฺกเมน อมตาธิคมํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อยฺจ ปฏิปทา มยา คตมคฺโค จ ตุมฺหากํ ทสฺสิโต’’ติ ตตฺถ เนสํ อุสฺสาหํ ชเนนฺโต ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ กาเยนาติ นามกาเยน มคฺคผเลหิ. ผุสยิตฺวาติ ปตฺวา. นิรูปธินฺติ ขนฺธาทิสพฺพูปธิรหิตํ. อุปธิปฺปฏินิสฺสคฺคนฺติ เตสํเยว จ อุปธีนํ ปฏินิสฺสชฺชนการณํ. นิพฺพานสฺส หิ มคฺคาเณน สจฺฉิกิริยาย สพฺเพ อุปธโย ปฏินิสฺสฏฺา โหนฺตีติ ตํ เตสํ ปฏินิสฺสชฺชนการณํ. สจฺฉิกตฺวาติ กาเลน กาลํ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชเนน อตฺตปจฺจกฺขํ กตฺวา อนาสโว สมฺมาสมฺพุทฺโธ ตเมว อโสกํ วิรชํ นิพฺพานปทํ เทเสติ. ตสฺมา ตทธิคมาย อุสฺสุกฺกํ กาตพฺพนฺติ.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปมเวทนาสุตฺตวณฺณนา
๕๒. ตติเย เวทนาติ อารมฺมณรสํ เวทิยนฺติ อนุภวนฺตีติ เวทนา. ตา วิภาคโต ทสฺเสตุํ ‘‘สุขา เวทนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุข-สทฺโท อตฺถุทฺธารวเสน เหฏฺา วุตฺโตเยว. ทุกฺข-สทฺโท ¶ ปน ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๘๗; วิภ. ๑๙๐) ทุกฺขวตฺถุสฺมึ อาคโต. ‘‘ยสฺมา จ โข, มหาลิ, รูปํ ทุกฺขํ ทุกฺขานุปติตํ ทุกฺขาวกฺกนฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๐) ทุกฺขารมฺมเณ. ‘‘ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๑๗) ทุกฺขปจฺจเย. ‘‘ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรา อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ, ยาว ทุกฺขา นิรยา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๐) ทุกฺขปจฺจยฏฺาเน. ‘‘สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๓๒; ธ. ส. ๑๖๕) ทุกฺขเวทนายํ. อิธาปิ ทุกฺขเวทนายเมว.
วจนตฺถโต ปน สุขยตีติ สุขา. ทุกฺขยตีติ ทุกฺขา. น ทุกฺขา น สุขาติ อทุกฺขมสุขา, มกาโร ปทสนฺธิวเสน วุตฺโต. ตาสุ อิฏฺานุภวนลกฺขณา สุขา, อนิฏฺานุภวนลกฺขณา ทุกฺขา, อุภยวิปรีตานุภวนลกฺขณา อทุกฺขมสุขา. ตสฺมา สุขทุกฺขเวทนานํ อุปฺปตฺติ ปากฏา, ¶ น อทุกฺขมสุขาย. ยทา หิ สุขํ อุปฺปชฺชติ, สกลสรีรํ ¶ เภนฺตํ มทฺทนฺตํ ผรมานํ สตโธตสปฺปึ ขาทาเปนฺตํ วิย, สตปากเตลํ มกฺเขนฺตํ วิย, ฆฏสหสฺเสน ปริฬาหํ นิพฺพาปยมานํ วิย จ ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ วาจํ นิจฺฉารยมานเมว อุปฺปชฺชติ. ยทา ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, สกลสรีรํ โขเภนฺตํ มทฺทนฺตํ ผรมานํ ตตฺตผาลํ ปเวเสนฺตํ วิย วิลีนตมฺพโลหํ อาสิฺจนฺตํ วิย จ ‘‘อโห ทุกฺขํ, อโห ทุกฺข’’นฺติ วิปฺปลาเปนฺตเมว อุปฺปชฺชติ. อิติ สุขทุกฺขเวทนานํ อุปฺปตฺติ ปากฏา.
อทุกฺขมสุขา ปน ทุพฺพิชานา ทุทฺทีปนา อนฺธการา อวิภูตา. สา สุขทุกฺขานํ อปคเม สาตาสาตปฏิปกฺขวเสน มชฺฌตฺตาการภูตา นยโต คณฺหนฺตสฺเสว ปากฏา โหติ. ยถา กึ? ยถา ปุพฺพาปรํ สปํสุเก ปเทเส อุปจริตมคฺควเสน ปิฏฺิปาสาเณ มิเคน คตมคฺโค, เอวํ อิฏฺานิฏฺารมฺมเณสุ สุขทุกฺขานุภวเนนปิ มชฺฌตฺตารมฺมณานุภวนภาเวน วิฺายติ. มชฺฌตฺตารมฺมณคฺคหณํ ปิฏฺิปาสาณคมนํ วิย อิฏฺานิฏฺารมฺมณคฺคหณาภาวโต ¶ . ยฺจ ตตฺรานุภวนํ, สา อทุกฺขมสุขาติ.
เอวเมตฺถ สุขทุกฺขอทุกฺขมสุขภาเวน ติธา วุตฺตาปิ กตฺถจิ สุขทุกฺขภาเวน ทฺวิธา วุตฺตา. ยถาห – ‘‘ทฺเวปิ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา, ปริยาเยน สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๙). กตฺถจิ ติสฺโสปิ วิสุํ วิสุํ สุขทุกฺขอทุกฺขมสุขภาเวน ‘‘สุขา เวทนา ิติสุขา วิปริณามทุกฺขา, ทุกฺขา เวทนา ิติทุกฺขา วิปริณามสุขา, อทุกฺขมสุขา เวทนา าณสุขา อฺาณทุกฺขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕). กตฺถจิ สพฺพาปิ ทุกฺขภาเวน. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยํ กิฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙).
ตตฺถ สิยา – ยทิ ติสฺโส เวทนา ยถา อิธ วุตฺตา, อฺเสุ จ เอทิเสสุ สุตฺเตสุ อภิธมฺเม จ เอวํ อวตฺวา กสฺมา เอวํ วุตฺตํ ‘‘ยํ กิฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ, ‘‘ทฺเวปิ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา’’ติ จ? สนฺธายภาสิตเมตํ, ตสฺมา สา ปริยายเทสนา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘สงฺขารานิจฺจตํ, อานนฺท, มยา สนฺธาย ภาสิตํ สงฺขารวิปริณามตํ, ‘ยํ กิฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมิ’’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙).
‘‘ทฺเวปิ ¶ ¶ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา ปริยาเยนา’’ติ จ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙).
เอตฺถ หิ สุขา อทุกฺขมสุขาติ อิมาสํ ทฺวินฺนํ เวทนานํ นิปฺปริยาเยน ทุกฺขภาโว นตฺถิ, เวเนยฺยชฺฌาสเยน ปน ตตฺถ นิจฺฉนฺททสฺสนตฺถํ ปริยาเยน ทุกฺขภาโว วุตฺโตติ สา ตาทิสี ปริยายเทสนา. อยํ ปน เวทนตฺตยเทสนา สภาวกถาติ กตฺวา นิปฺปริยายเทสนาติ อยเมตฺถ อาจริยานํ สมานกถา.
วิตณฺฑวาที ปนาห ‘‘ทุกฺขตาทฺวยวจนโต ปริยายเทสนาว เวทนตฺตยเทสนา’’ติ. โส ‘‘มา เหว’’นฺติสฺส วจนีโย, ยสฺมา ภควตา สพฺพาสํ เวทนานํ ทุกฺขภาโว อธิปฺปายวเสน วุตฺโต ‘‘สงฺขารานิจฺจตํ, อานนฺท, มยา สนฺธาย ภาสิตํ สงฺขารวิปริณามตํ ‘ยํ กิฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมิ’’’นฺติ. ยทิ ปเนตฺถ เวทนตฺตยเทสนา ปริยายเทสนา สิยา, ‘‘อิทํ มยา สนฺธาย ภาสิตํ ¶ ติสฺโส เวทนา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, น ปเนตํ วุตฺตํ.
อปิจายเมว วตฺตพฺโพ ‘‘โก, ปนาวุโส, เวทนตฺตยเทสนาย อธิปฺปาโย’’ติ? สเจ วเทยฺย ‘‘มุทุกา ทุกฺขา เวทนา สุขา, อธิมตฺตา ทุกฺขา, มชฺฌิมา อทุกฺขมสุขาติ เวเนยฺยชฺฌาสเยน วุตฺตา. ตาสุ หิ น สตฺตานํ สุขาทิวฑฺฒี’’ติ. โส วตฺตพฺโพ – โก ปนาวุโส ทุกฺขเวทนาย สภาโว, เยน ‘‘สพฺพา เวทนา ทุกฺขา’’ติ วุจฺเจยฺยุํ? ยทิ ยาย อุปฺปนฺนาย สตฺตา วิโยคเมว อิจฺฉนฺติ, โส ทุกฺขเวทนาย สภาโว. ยาย จ ปน อุปฺปนฺนาย สตฺตา อวิโยคเมว อิจฺฉนฺติ, ยาย น อุภยํ อิจฺฉนฺติ, สา กถํ ทุกฺขเวทนา สิยา? อถ ยา อตฺตโน นิสฺสยสฺส อุปฆาตการี, สา ทุกฺขา. ยา อนุคฺคหการี, สา กถํ ทุกฺขา สิยา. อถ ปน ยทริยา ทุกฺขโต ปสฺสนฺติ, โส ทุกฺขเวทนาย สภาโว, สงฺขารทุกฺขตาย เวทนํ อริยา ทุกฺขโต ปสฺสนฺติ, สา จ อภิณฺหสภาวาติ กถํ ตาสํ เวทนานํ มุทุมชฺฌิมาธิมตฺตทุกฺขภาโว สิยา? ยทิ จ สงฺขารทุกฺขตาย เอว เวทนานํ ทุกฺขภาโว สิยา, ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, ทุกฺขตาโย ทุกฺขทุกฺขตา, วิปริณามทุกฺขตา, สงฺขารทุกฺขตา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕) อยํ ทุกฺขตานํ วิภาคเทสนา นิปฺปโยชนา สิยา. ตถา จ สติ สุตฺตเมว ปฏิพาหิตํ สิยา, ปุริเมสุ จ ตีสุ รูปาวจรชฺฌาเนสุ ¶ มุทุกา ทุกฺขา เวทนาติ อาปชฺชติ สุขเวทนาวจนโต. จตุตฺถชฺฌาเน อรูปชฺฌาเนสุ จ มชฺฌิมา, อทุกฺขมสุขเวทนาวจนโต. เอวํ สนฺเต ปุริมา ติสฺโส รูปาวจรสมาปตฺติโย จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติยา อรูปสมาปตฺตีหิ จ สนฺตตราติ ¶ อาปชฺชติ. กถํ วา สนฺตตรปฺปณีตตราสุ สมาปตฺตีสุ ทุกฺขเวทนาย อธิกภาโว ยุชฺชติ? ตสฺมา เวทนตฺตยเทสนาย ปริยายเทสนาภาโว น ยุตฺโตติ.
ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ทุกฺเข สุขนฺติ สฺาวิปลฺลาโส’’ติ (อ. นิ. ๔.๔๙; ปฏิ. ม. ๑.๒๓๖), ตํ กถนฺติ? วิปริณามทุกฺขตาย สงฺขารทุกฺขตาย จ ยถาภูตานวโพเธน ยา เอกนฺตโต สุขสฺา, ยา จ ทุกฺขนิมิตฺเต สุขนิมิตฺตสฺา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวมฺปิ ‘‘สุขา, ภิกฺขเว, เวทนา ทุกฺขโต ทฏฺพฺพา’’ติ (อิติวุ. ๕๓) อิทํ ปน กถนฺติ? อิทํ ¶ ปน วิปริณามทสฺสเน สนฺนิโยชนตฺถํ วุตฺตํ ตสฺส ตตฺถ วิราคุปฺปตฺติยา อุปายภาวโต สุขเวทนาย พหุทุกฺขานุคตภาวโต จ. ตถา หิ ทุกฺขสฺส เหตุภาวโต อเนเกหิ ทุกฺขธมฺเมหิ อนุพทฺธตฺตา จ ปณฺฑิตา สุขมฺปิ ทุกฺขมิจฺเจว ปฏิปนฺนา.
เอวมฺปิ นตฺเถว สุขา เวทนา, สุขเหตูนํ นิยมาภาวโต. เย หิ สุขเวทนาย เหตุสมฺมตา ฆาสจฺฉาทนาทโย, เต เอว อธิมตฺตํ อกาเล จ ปฏิเสวิยมานา ทุกฺขเวทนาย เหตุภาวมาปชฺชนฺติ. น จ เยเนว เหตุนา สุขํ, เตเนว ทุกฺขนฺติ ยุตฺตํ วตฺตุํ. ตสฺมา น เต สุขเหตู, ทุกฺขนฺตราปคเม ปน อวิฺูนํ สุขสฺา ยถา จิรตรํ านาทิอิริยาปถสมงฺคี หุตฺวา ตทฺอิริยาปถสมาโยเค มหนฺตฺจ ภารํ วหโต ภารนิกฺเขเป เจว วูปสเม จ, ตสฺมา นตฺเถว สุขนฺติ? ตยิทํ สมฺมเทว สุขเหตุํ อปริฺาย ตสฺส นิยมาภาวปริกปฺปนํ. อารมฺมณมตฺตเมว หิ เกวลํ สุขเหตุํ มนสิกตฺวา เอวํ วุตฺตํ, อชฺฌตฺติกสรีรสฺส อวตฺถาวิเสสํ สมุทิตํ ปน เอกชฺฌํ ตทุภยํ สุขาทิเหตูติ เวทิตพฺพํ. ยาทิสฺจ ตทุภยํ สุขเวทนาย เหตุ, ตาทิสํ น กทาจิปิ ทุกฺขเวทนาย เหตุ โหตีติ ววตฺถิตา เอว สุขาทิเหตุ. ยถา นาม เตโชธาตุ สาลิยวฑากสสฺสาทีนํ ยาทิสมวตฺถนฺตรํ ปตฺวา สาตมธุรภาวเหตุ โหติ, น ตาทิสเมว ปตฺวา กทาจิปิ อสาตอมธุรภาวเหตุ โหติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.
ทุกฺขาปคเมว ¶ กทาจิ สุขเวทนนฺตรํ อุปลพฺภติ. ตตฺถ สุเขเยว สุขสฺา, น ทุกฺขาปคมมตฺเต ยถา อทฺธานคมนปริสฺสมกิลนฺตสฺส สมฺพาหเน อิริยาปถปริวตฺตเน จ, อฺถา กาลนฺตเรปิ ปริสฺสมาปคเม ตาทิสี สุขสฺา สิยา. ทุกฺขาปคมมตฺเต ปน สุขนฺติ ปริกปฺปนา เวทนาวิเสสสฺส อนุปลพฺภมานตฺตา. เอกนฺเตเนว เจตํ เอวํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, ยโต ปณีตปฺปณีตานิเยว อารมฺมณานิ มหตา อายาเสน สตฺตา อภิปตฺถยนฺติ, น จ เนสํ เยน เกนจิ ยถาลทฺธมตฺเตน ปจฺจเยน ปติการํ กาตุํ สกฺกา ตณฺหุปฺปาเทนาติ ¶ . เวทนาปจฺจยา หิ ¶ ตณฺหาอุปาทิ, ตถาภาเว จ สุคนฺธมธุรสุขสมฺผสฺสาทิวตฺถูนํ อิตรีตรภาเวน สุขวิเสสสฺา ชายมานา กตมสฺส ทุกฺขวิเสสสฺส อปคมเน ฆานชิวฺหากายทฺวาเรสุ, โสตทฺวาเร จ ทิพฺพสงฺคีตสทิสปฺจงฺคิกตูริยสทฺทาวธารเณ. ตสฺมา น ทุกฺขเวทนายเมว ทุกฺขนฺตราปคเม สุขสฺา, นาปิ เกวเล ทุกฺขาปคมมตฺเตติ อาคมโต ยุตฺติโตปิ ววตฺถิตา ติสฺโส เวทนาติ ภควโต เวทนตฺตยเทสนา นีตตฺถาเยว, น เนยฺยตฺถาติ สฺาเปตพฺพํ. เอวฺเจตํ อุเปติ, อิจฺเจตํ กุสลํ, โน เจ, กมฺมํ กตฺวา อุยฺโยเชตพฺโพ ‘‘คจฺฉ ยถาสุข’’นฺติ.
เอวเมตา อฺมฺปฏิปกฺขสภาวววตฺถิตลกฺขณา เอว ติสฺโส เวทนา ภควตา เทสิตา. ตฺจ โข วิปสฺสนากมฺมิกานํ โยคาวจรานํ เวทนามุเขน อรูปกมฺมฏฺานทสฺสนตฺถํ. ทุวิธฺหิ กมฺมฏฺานํ รูปกมฺมฏฺานํ, อรูปกมฺมฏฺานนฺติ. ตตฺถ ภควา รูปกมฺมฏฺานํ กเถนฺโต สงฺเขปมนสิการวเสน วา วิตฺถารมนสิการวเสน วา จตุธาตุววตฺถานาทิวเสน วา กเถติ. อรูปกมฺมฏฺานํ ปน กเถนฺโต ผสฺสวเสน วา เวทนาวเสน วา จิตฺตวเสน วา กเถติ. เอกจฺจสฺส หิ อาปาถคเต อารมฺมเณ อาวชฺชโต ตตฺถ จิตฺตเจตสิกานํ ปมาภินิปาโต ผสฺโส ตํ อารมฺมณํ ผุสนฺโต อุปฺปชฺชมาโน ปากโฏ โหติ, เอกจฺจสฺส ตํ อารมฺมณํ อนุภวนฺตี อุปฺปชฺชมานา เวทนา ปากฏา โหติ, เอกจฺจสฺส ตํ อารมฺมณํ วิชานนฺตํ อุปฺปชฺชมานํ วิฺาณํ ปากฏํ โหติ. อิติ เตสํ เตสํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสเยน ยถาปากฏํ ผสฺสาทิมุเขน ติธา อรูปกมฺมฏฺานํ กเถติ.
ตตฺถ ¶ ยสฺส ผสฺโส ปากโฏ โหติ, โสปิ ‘‘น เกวลํ ผสฺโสว อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธึ ตเทว อารมฺมณํ อนุภวมานา เวทนาปิ อุปฺปชฺชติ, สฺชานมานา สฺาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ, วิชานมานํ วิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ ผสฺสปฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติ. ยสฺส เวทนา ปากฏา โหติ, โสปิ ‘‘น เกวลํ เวทนาว อุปฺปชฺชติ, ตาย สทฺธึ ผุสมาโน ผสฺโสปิ อุปฺปชฺชติ, สฺชานมานา สฺาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ ¶ , วิชานมานํ วิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ ผสฺสปฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติ. ยสฺส วิฺาณํ ปากฏํ โหติ, โสปิ ‘‘น เกวลํ วิฺาณเมว อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธึ ตเทวารมฺมณํ ผุสมาโน ผสฺโสปิ อุปฺปชฺชติ, อนุภวมานา เวทนาปิ, สฺชานมานา สฺาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ ผสฺสปฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติ.
โส ‘‘อิเม ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา กึนิสฺสิตา’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘วตฺถุนิสฺสิตา’’ติ ปชานาติ. วตฺถุ นาม กรชกาโย. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิทฺจ ปน เม วิฺาณํ เอตฺถสิตํ เอตฺถปฏิพทฺธ’’นฺติ ¶ (ที. นิ. ๑.๒๓๕; ม. นิ. ๒.๒๕๒). โส อตฺถโต ภูตา เจว อุปาทารูปานิ จ, เอวเมตฺถ วตฺถุ รูปํ, ผสฺสปฺจมกา นามนฺติ นามรูปมตฺตเมว ปสฺสติ. รูปฺเจตฺถ รูปกฺขนฺโธ, นามํ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธาติ ปฺจกฺขนฺธมตฺตํ โหติ. นามรูปวินิมุตฺตา หิ ปฺจกฺขนฺธา, ปฺจกฺขนฺธวินิมุตฺตํ วา นามรูปํ นตฺถิ. โส ‘‘อิเม ปฺจกฺขนฺธา กึเหตุกา’’ติ อุปปริกฺขนฺโต ‘‘อวิชฺชาทิเหตุกา’’ติ, ตโต ‘‘ปจฺจโย เจว ปจฺจยุปฺปนฺนฺจ อิทํ, อฺโ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา นตฺถิ, สุทฺธสงฺขารปฺุชมตฺตเมวา’’ติ สปฺปจฺจยนามรูปวเสน ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนาปฏิปาฏิยา ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสนฺโต วิจรติ. โส ‘‘อชฺช อชฺชา’’ติ ปฏิเวธํ อากงฺขมาโน ตถารูเป สมเย อุตุสปฺปายํ, ปุคฺคลสปฺปายํ, โภชนสปฺปายํ, ธมฺมสฺสวนสปฺปายํ วา ลภิตฺวา เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺโนว วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาติ. เอวํ อิเมสํ ติณฺณํ ชนานํ ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ เวทิตพฺพํ. อิธ ปน ภควา เวทนาวเสน พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสเยน อรูปกมฺมฏฺานํ กเถนฺโต เวทนาวเสน กเถสิ. ตตฺถ –
‘‘ลกฺขณฺจ อธิฏฺานํ, อุปฺปตฺติ อนุสโย ตถา;
านํ ปวตฺติกาโล จ, อินฺทฺริยฺจ ทฺวิธาทิตา’’ติ. –
อิทํ ¶ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ – ตตฺถ ลกฺขณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อธิฏฺานนฺติ ผสฺโส. ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ หิ วจนโต ผสฺโส เวทนาย อธิฏฺานํ. ตถา หิ โส เวทนาธิฏฺานภาวโต นิจฺจมฺมคาวีอุปมาย ¶ อุปมิโต. ตตฺถ สุขเวทนีโย ผสฺโส สุขาย เวทนาย อธิฏฺานํ, ทุกฺขเวทนีโย ผสฺโส ทุกฺขาย เวทนาย, อทุกฺขมสุขเวทนีโย ผสฺโส อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อธิฏฺานํ, อาสนฺนการณนฺติ อตฺโถ. เวทนา กสฺส ปทฏฺานํ? ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ วจนโต ตณฺหาย ปทฏฺานํ อภิปตฺถนียภาวโต. สุขา เวทนา ตาว ตณฺหาย ปทฏฺานํ โหตุ, อิตรา ปน กถนฺติ? วุจฺจเต สุขสมงฺคีปิ ตาว ตํสทิสํ ตโต วา อุตฺตริตรํ สุขํ อภิปตฺเถติ, กิมงฺค ปน ทุกฺขสมงฺคีภูโต. อทุกฺขมสุขา จ สนฺตภาเวน สุขมิจฺเจว วุจฺจตีติ ติสฺโสปิ เวทนา ตณฺหาย ปทฏฺานํ.
อุปฺปตฺตีติ อุปฺปตฺติการณํ. อิฏฺารมฺมณภูตา หิ สตฺตสงฺขารา สุขเวทนาย อุปฺปตฺติการณํ, เต เอว อนิฏฺารมฺมณภูตา ทุกฺขเวทนาย, มชฺฌตฺตารมฺมณภูตา อทุกฺขมสุขาย. วิปากโต ตทาการคฺคหณโต เจตฺถ อิฏฺานิฏฺตา เวทิตพฺพา.
อนุสโยติ ¶ อิมาสุ ตีสุ เวทนาสุ สุขาย เวทนาย ราคานุสโย อนุเสติ, ทุกฺขาย เวทนาย ปฏิฆานุสโย, อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อวิชฺชานุสโย อนุเสติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สุขาย โข, อาวุโส วิสาข, เวทนาย ราคานุสโย อนุเสตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๖๕).
ทิฏฺิมานานุสยา เจตฺถ ราคปกฺขิยา กาตพฺพา. สุขาภินนฺทเนน หิ ทิฏฺิคติกา ‘‘สสฺสต’’นฺติอาทินา สกฺกาเย อภินิวิสนฺติ, มานชาติกา จ มานํ ชปฺเปนฺติ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา. วิจิกิจฺฉานุสโย ปน อวิชฺชาปกฺขิโก กาตพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺเค (วิภ. ๒๘๘-๒๘๙) ‘‘เวทนาปจฺจยา วิจิกิจฺฉา’’ติ. อนุสยานฺจ ตตฺถ ตตฺถ สนฺตาเน อปฺปหีนภาเวน ถามคมนํ. ตสฺมา ‘‘สุขาย เวทนาย ราคานุสโย อนุเสตี’’ติ มคฺเคน อปฺปหีนตฺตา อนุรูปการณลาเภ อุปฺปชฺชนารโห ราโค, ตตฺถ สยิโต วิย โหตีติ อตฺโถ. เอส นโย เสเสสุปิ.
านนฺติ ¶ กาโย จิตฺตฺจ เวทนาย านํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ยํ ตสฺมึ สมเย กายิกํ สุขํ กายสมฺผสฺสชํ สาตํ สุขํ เวทยิตํ (ธ. ส. ๔๔๙). ยํ ตสฺมึ สมเย เจตสิกํ ¶ สุขํ เจโตสมฺผสฺสชํ สาตํ สุขํ เวทยิต’’นฺติ (ธ. ส. ๔๗๑) จ.
ปวตฺติกาโลติ ปวตฺติกฺขโณ, ปวตฺตนากลนฺจ. ปวตฺติกฺขเณน หิ สุขทุกฺขเวทนานํ สุขทุกฺขภาโว ววตฺถิโต. ยถาห –
‘‘สุขา โข, อาวุโส วิสาข, เวทนา ิติสุขา วิปริณามทุกฺขา, ทุกฺขา โข, อาวุโส วิสาข, เวทนา ิติทุกฺขา วิปริณามสุขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕).
สุขาย เวทนาย อตฺถิภาโว สุขํ, นตฺถิภาโว ทุกฺขํ. ทุกฺขาย เวทนาย อตฺถิภาโว ทุกฺขํ, นตฺถิภาโว สุขนฺติ อตฺโถ. อทุกฺขมสุขาย เวทนาย ปวตฺตนากลนํ ปวตฺติยา อากลนํ อนากลนฺจ ชานนํ อชานนฺจ สุขทุกฺขภาวววตฺถานํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘อทุกฺขมสุขา ¶ โข, อาวุโส วิสาข, เวทนา าณสุขา อฺาณทุกฺขา’’ติ.
อินฺทฺริยนฺติ เอตา หิ สุขาทโย ติสฺโส เวทนา สุขินฺทฺริยํ, ทุกฺขินฺทฺริยํ, โสมนสฺสินฺทฺริยํ, โทมนสฺสินฺทฺริยํ, อุเปกฺขินฺทฺริยนฺติ อธิปเตยฺยฏฺเน อินฺทฺริยโต ปฺจธา วิภตฺตา. กายิกฺหิ สาตํ สุขินฺทฺริยนฺติ วุตฺตํ, อสาตํ ทุกฺขินฺทฺริยนฺติ. มานสํ ปน สาตํ โสมนสฺสินฺทฺริยนฺติ วุตฺตํ, อสาตํ โทมนสฺสินฺทฺริยนฺติ. ทุวิธมฺปิ เนว สาตํ นาสาตํ อุเปกฺขินฺทฺริยนฺติ. กึ ปเนตฺถ การณํ – ยถา กายิกเจตสิกา สุขทุกฺขเวทนา ‘‘สุขินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ, ทุกฺขินฺทฺริยํ โทมนสฺสินฺทฺริย’’นฺติ วิภชิตฺวา วุตฺตา, น เอวํ อทุกฺขมสุขาติ? เภทาภาวโต. ยเถว หิ อนุคฺคหสภาวา พาธกสภาวา จ สุขทุกฺขเวทนา อฺถา กายสฺส อนุคฺคหํ พาธกฺจ กโรนฺติ, จิตฺตสฺส จ อฺถา, น เอวํ อทุกฺขมสุขา, ตสฺมา เภทาภาวโต วิภชิตฺวา น วุตฺตา.
ทฺวิธาทิตาติ สพฺพาปิ หิ เวทนา เวทยิตฏฺเน เอกวิธาปิ นิสฺสยเภเทน ทุวิธา – กายิกา เจตสิกาติ, สุขา, ทุกฺขา, อทุกฺขมสุขาติ ติวิธา, จตุโยนิวเสน ¶ จตุพฺพิธา, อินฺทฺริยวเสน, คติวเสน จ ปฺจวิธา, ทฺวารวเสน จ อารมฺมณวเสน จ ฉพฺพิธา, สตฺตวิฺาณธาตุโยเคน สตฺตวิธา, อฏฺโลกธมฺมปจฺจยตาย อฏฺวิธา, สุขาทีนํ ปจฺเจกํ อตีตาทิวิภาเคน นววิธา, ตา เอว อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภเทน อฏฺารสวิธา, ตถา รูปาทีสุ ¶ ฉสุ อารมฺมเณสุ เอเกกสฺมึ สุขาทิวเสน ติสฺโส ติสฺโส กตฺวา. รูปารมฺมณสฺมิฺหิ สุขาปิ อุปฺปชฺชติ, ทุกฺขาปิ, อทุกฺขมสุขาปิ, เอวํ อิตเรสุปิ. อถ วา อฏฺารสมโนปวิจารวเสน อฏฺารส. วุตฺตฺหิ –
‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา โสมนสฺสฏฺานิยํ รูปํ อุปวิจรติ, โทมนสฺสฏฺานิยํ, อุเปกฺขาฏฺานิยํ รูปํ อุปวิจรติ, โสเตน สทฺทํ…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย โสมนสฺสฏฺานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรติ, โทมนสฺสฏฺานิยํ, อุเปกฺขาฏฺานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๖๒).
เอวํ อฏฺารสวิธา โหนฺติ. ตถา ฉ เคหสฺสิตานิ โสมนสฺสานิ, ฉ เคหสฺสิตานิ โทมนสฺสานิ, ฉ เคหสฺสิตา อุเปกฺขา, ตถา เนกฺขมฺมสฺสิตา โสมนสฺสาทโยติ เอวํ ฉตฺตึสวิธา ¶ . อตีเต ฉตฺตึส, อนาคเต ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺเน ฉตฺตึสาติ อฏฺุตฺตรสตมฺปิ ภวนฺติ. เอวเมตฺถ ทฺวิธาทิตา เวทิตพฺพาติ.
ปกิณฺณกกถา นิฏฺิตา.
คาถาสุ สมาหิโตติ อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา สมาหิโต. เตน สมถภาวนานุโยคํ ทสฺเสติ. สมฺปชาโนติ สาตฺถกสมฺปชฺาทินา จตุพฺพิเธน สมฺปชฺเน สมฺปชาโน. เตน วิปสฺสนานุโยคํ ทสฺเสติ. สโตติ สโตการี. เตน สมถวิปสฺสนานเยน ธมฺมา ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. เตน สมนฺนาคตตฺตํ ทสฺเสติ. เวทนา จ ปชานาตีติ ‘‘อิมา เวทนา, เอตฺตกา เวทนา’’ติ สภาวโต วิภาคโต ‘‘อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’’ติ อนิจฺจาทิลกฺขณโต จ ปุพฺพภาเค ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อริยมคฺเคน ปริฺาปฏิเวเธน ปชานาติ. เวทนานฺจ สมฺภวนฺติ สมุทยสจฺจํ. ยตฺถ เจตา นิรุชฺฌนฺตีติ เอตฺตาวตา เวทนา ยตฺถ นิรุชฺฌนฺติ, ตํ นิโรธสจฺจํ. ขยคามินนฺติ เวทนานํ ขยคามินํ อริยมคฺคฺจ ปชานาตีติ สมฺพนฺโธ. เวทนานํ ¶ ขยาติ เอวํ จตฺตาริ สจฺจานิ ¶ ปฏิวิชฺฌนฺเตน อริยมคฺเคน เวทนานํ อนุปฺปาทนิโรธา. นิจฺฉาโต ปรินิพฺพุโตติ นิตฺตณฺโห, ปหีนตณฺโห, กิเลสปรินิพฺพาเนน, ขนฺธปรินิพฺพาเนน จ ปรินิพฺพุโต โหติ.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ทุติยเวทนาสุตฺตวณฺณนา
๕๓. จตุตฺเถ ทุกฺขโต ทฏฺพฺพาติ สุขเวทนา วิปริณามทุกฺขวเสน ทุกฺขาติ าณจกฺขุนา ปสฺสิตพฺพา. สลฺลโต ทฏฺพฺพาติ ทุนฺนีหรณฏฺเน อนฺโตตุทนฏฺเน ปีฬนฏฺเน ทุกฺขทุกฺขภาเวน ทุกฺขเวทนา สลฺลนฺติ ปสฺสิตพฺพา. อนิจฺจโตติ หุตฺวา อภาวโต อุทยพฺพยวนฺตโต ตาวกาลิกโต นิจฺจปฏิปกฺขโต จ อทุกฺขมสุขา เวทนา อนิจฺจาติ ปสฺสิตพฺพา. กามฺเจตฺถ สพฺพาปิ เวทนา อนิจฺจโต ปสฺสิตพฺพา, อนิจฺจทสฺสนโต ปน สาติสยํ วิราคนิมิตฺตํ ทุกฺขทสฺสนนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘สุขา, ภิกฺขเว, เวทนา ทุกฺขโต ทฏฺพฺพา, ทุกฺขา เวทนา สลฺลโต ทฏฺพฺพา’’ติ อาห. อถ วา ยตฺถ ปุถุชฺชนา สุขาภินิเวสิโน, ตตฺถ นิพฺเพทชนนตฺถํ ตถา วุตฺตํ. เตนสฺสา สงฺขารทุกฺขตาย ทุกฺขภาโว ทสฺสิโต. ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขนฺติ วิปริณามทุกฺขตาย ‘‘สุขา, ภิกฺขเว, เวทนา ทุกฺขโต ทฏฺพฺพา’’ติ ¶ วตฺวา ‘‘สุขาปิ ตาว เอทิสี, ทุกฺขา นุ โข กีทิสี’’ติ จินฺเตนฺตานํ ทุกฺขทุกฺขตาย ‘‘ทุกฺขา เวทนา สลฺลโต ทฏฺพฺพา’’ติ อาห, อิตรา ปน สงฺขารทุกฺขตาย เอว ทุกฺขาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อทุกฺขมสุขา เวทนา อนิจฺจโต ทฏฺพฺพา’’ติ อโวจ.
เอตฺถ จ ‘‘สุขา เวทนา ทุกฺขโต ทฏฺพฺพา’’ติ เอเตน ราคสฺส สมุคฺฆาตนูปาโย ทสฺสิโต. สุขเวทนาย หิ ราคานุสโย อนุเสติ. ‘‘ทุกฺขา เวทนา สลฺลโต ทฏฺพฺพา’’ติ เอเตน โทสสฺส สมุคฺฆาตนูปาโย ทสฺสิโต. ทุกฺขเวทนาย หิ ปฏิฆานุสโย อนุเสติ. ‘‘อทุกฺขมสุขา เวทนา อนิจฺจโต ทฏฺพฺพา’’ติ เอเตน โมหสฺส สมุคฺฆาตนูปาโย ทสฺสิโต. อทุกฺขมสุขเวทนาย หิ อวิชฺชานุสโย อนุเสติ.
ตถา ¶ ปเมน ตณฺหาสํกิเลสสฺส ¶ ปหานํ ทสฺสิตํ ตสฺส สุขสฺสาทเหตุกตฺตา, ทุติเยน ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส ปหานํ. ยถาภูตฺหิ ทุกฺขํ อปริชานนฺตา ตสฺส ปริหรณตฺถํ ทุจฺจริตํ จรนฺติ. ตติเยน ทิฏฺิสํกิเลสสฺส ปหานํ อนิจฺจโต ปสฺสนฺตสฺส ทิฏฺิสํกิเลสาภาวโต อวิชฺชานิมิตฺตตฺตา ทิฏฺิสํกิเลสสฺส, อวิชฺชานิมิตฺตฺจ อทุกฺขมสุขา เวทนา. ปเมน วา วิปริณามทุกฺขปริฺา, ทุติเยน ทุกฺขทุกฺขปริฺา, ตติเยน สงฺขารทุกฺขปริฺา. ปเมน วา อิฏฺารมฺมณปริฺา, ทุติเยน อนิฏฺารมฺมณปริฺา, ตติเยน มชฺฌตฺตารมฺมณปริฺา. วิรตฺเตสุ หิ ตทารมฺมณธมฺเมสุ อารมฺมณานิปิ วิรตฺตาเนว โหนฺตีติ. ปเมน วา ราคปฺปหานปริกิตฺตเนน ทุกฺขานุปสฺสนาย อปฺปณิหิตวิโมกฺโข ทีปิโต โหติ, ทุติเยน โทสปฺปหานปริกิตฺตเนน อนิจฺจานุปสฺสนาย อนิมิตฺตวิโมกฺโข, ตติเยน โมหปฺปหานปริกิตฺตเนน อนตฺตานุปสฺสนาย สฺุตวิโมกฺโข ทีปิโต โหตีติ เวทิตพฺพํ.
ยโตติ ยทา, ยสฺมา วา. อริโยติ กิเลเสหิ อารกา ิโต ปริสุทฺโธ. สมฺมทฺทโสติ สพฺพาสํ เวทนานํ จตุนฺนมฺปิ วา สจฺจานํ อวิปรีตทสฺสาวี. อจฺเฉจฺฉิ ตณฺหนฺติ เวทนามูลกํ ตณฺหํ อคฺคมคฺเคน ฉินฺทิ, อนวเสสโต สมุจฺฉินฺทิ. วิวตฺตยิ สํโยชนนฺติ ทสวิธํ สํโยชนํ ปริวตฺตยิ, นิมฺมูลมกาสิ. สมฺมาติ เหตุนา การเณน. มานาภิสมยาติ มานสฺส ทสฺสนาภิสมยา, ปหานาภิสมยา วา. อรหตฺตมคฺโค หิ กิจฺจวเสน มานํ ปสฺสติ, อยมสฺส ทสฺสนาภิสมโย. เตน ทิฏฺโ ปน โส ตาวเทว ปหียติ ทิฏฺวิเสน ทิฏฺสตฺตานํ ชีวิตํ วิย, อยมสฺส ปหานาภิสมโย. อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสาติ เอวํ อรหตฺตมคฺเคน มานสฺส ทิฏฺตฺตา ปหีนตฺตา จ สพฺพสฺเสว วฏฺฏทุกฺขสฺส โกฏิสงฺขาตํ อนฺตํ ปริจฺเฉทํ ปริวฏุมํ อกาสิ, อนฺติมสมุสฺสยมตฺตาวเสสํ ทุกฺขมกาสีติ วุตฺตํ โหติ.
คาถาสุ ¶ โยติ โย อริยสาวโก. อทฺทาติ อทฺทส, สุขเวทนํ ทุกฺขโต ปสฺสีติ อตฺโถ. สุขเวทนา ¶ หิ วิสมิสฺสํ วิย โภชนํ ปริโภคกาเล อสฺสาทํ ททมานา วิปริณามกาเล ทุกฺขาเยวาติ. ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโตติ ยถา สลฺลํ สรีรํ อนุปวิสนฺตมฺปิ ปวิฏฺมฺปิ อุทฺธริยมานมฺปิ ปีฬเมว ชเนติ, เอวํ ทุกฺขเวทนา อุปฺปชฺชมานาปิ ิติปฺปตฺตาปิ ภิชฺชมานาปิ วิพาธติเยวาติ ตํ สลฺลโต วิปสฺสีติ วุตฺตํ. อทฺทกฺขิ ¶ นํ อนิจฺจโตติ สุขทุกฺขโต สนฺตสภาวตาย สนฺตตรชาติกมฺปิ นํ อทุกฺขมสุขํ อนิจฺจนฺติกตาย อนิจฺจโต ปสฺสิ.
ส เว สมฺมทฺทโสติ โส เอวํ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ สมฺมเทว ทุกฺขาทิโต ทสฺสาวี. ยโตติ ยสฺมา. ตตฺถาติ เวทนายํ. วิมุจฺจตีติ สมุจฺเฉทวิมุตฺติวเสน วิมุจฺจติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา สุขาทีนิ ทุกฺขาทิโต อทฺทส, ตสฺมา ตตฺถ เวทนาย ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน สมุจฺเฉทวเสน วิมุจฺจติ. ยํสทฺเท หิ วุตฺเต ตํสทฺโท อาหริตฺวา วตฺตพฺโพ. อถ วา ยโตติ กายวาจาจิตฺเตหิ สํยโต ยตตฺโต, ยตติ ปทหตีติ วา ยโต, อายตตีติ อตฺโถ. อภิฺาโวสิโตติ เวทนามุเขน จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ภาเวตฺวา ฉฏฺาภิฺาย ปริโยสิโต กตกิจฺโจ. สนฺโตติ ราคาทิกิเลสวูปสเมน สนฺโต. โยคาติโคติ กามโยคาทึ จตุพฺพิธมฺปิ โยคํ อติกฺกนฺโต. อุภยหิตมุนนโต มุนีติ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปมเอสนาสุตฺตวณฺณนา
๕๔. ปฺจเม เอสนาติ คเวสนา ปริเยสนา มคฺคนา. ตา วิภาคโต ทสฺเสตุํ ‘‘กาเมสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กาเมสนาติ กามานํ เอสนา, กามสงฺขาตา วา เอสนา กาเมสนา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ตตฺถ กตมา กาเมสนา? โย กาเมสุ กามจฺฉนฺโท, กามราโค, กามนนฺที, กามสฺเนโห ¶ , กามปิปาสา, กามมุจฺฉา, กามชฺโฌสานํ, อยํ วุจฺจติ กาเมสนา’’ติ (วิภ. ๙๑๙).
ตสฺมา กามราโค กาเมสนาติ เวทิตพฺโพ. ภเวสนายปิ เอเสว นโย. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ตตฺถ ¶ กตมา ภเวสนา? โย ภเวสุ ภวจฺฉนฺโท…เป… ภวชฺโฌสานํ, อยํ วุจฺจติ ภเวสนา’’ติ (วิภ. ๙๑๙).
ตสฺมา ภเวสนราโค รูปารูปภวปตฺถนา ภเวสนาติ เวทิตพฺพา. พฺรหฺมจริยสฺส เอสนา พฺรหฺมจริเยสนา. ยถาห –
‘‘ตตฺถ ¶ กตมา พฺรหฺมจริเยสนา? สสฺสโต โลโกติ วา, อสสฺสโต โลโกติ วา, อนฺตวา โลโกติ วา, อนนฺตวา โลโกติ วา, ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ วา, อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรนฺติ วา, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, ยา เอวรูปา ทิฏฺิ ทิฏฺิคตํ ทิฏฺิคหนํ ทิฏฺิกนฺตาโร ทิฏฺิวิสูกายิกํ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตํ ทิฏฺิสฺโชนํ คาโห ปติฏฺาโห อภินิเวโส ปรามาโส กุมฺมคฺโค มิจฺฉาปโถ มิจฺฉตฺตํ ติตฺถายตนํ วิปริเยสคฺคาโห, อยํ วุจฺจติ พฺรหฺมจริเยสนา’’ติ (วิภ. ๙๑๙).
ตสฺมา ทิฏฺิคตสมฺมตสฺส พฺรหฺมจริยสฺส เอสนา ทิฏฺิพฺรหฺมจริเยสนาติ เวทิตพฺพาติ. เอตฺตาวตา ราคทิฏฺิโย เอสนาติ ทสฺสิตา โหนฺติ. น เกวลฺจ ราคทิฏฺิโยว เอสนา, ตเทกฏฺํ กมฺมมฺปิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ตตฺถ กตมา กาเมสนา? กามราโค ตเทกฏฺํ อกุสลํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ กาเมสนา. ตตฺถ กตมา ภเวสนา? ภวราโค ตเทกฏฺํ อกุสลํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ ภเวสนา. ตตฺถ กตมา พฺรหฺมจริเยสนา? อนฺตคฺคาหิกา ทิฏฺิ ตเทกฏฺํ อกุสลํ กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ พฺรหฺมจริเยสนา’’ติ (วิภ. ๙๑๙) –
เอวเมตา ติสฺโส เอสนา เวทิตพฺพา.
คาถาสุ สมฺภวนฺติ เอตฺถ เอสนานํ อุปฺปตฺติเหตุภูตา อวิชฺชาทโย ตณฺหา จาติ สมฺภโว, สมุทโยติ อตฺโถ. ยตฺถ ¶ เจตา นิรุชฺฌนฺตีติ พฺรหฺมจริเยสนา ปมมคฺเคน นิรุชฺฌติ, กาเมสนา ¶ อนาคามิมคฺเคน, ภเวสนา อรหตฺตมคฺเคน นิรุชฺฌตีติ เวทิตพฺพํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ทุติยเอสนาสุตฺตวณฺณนา
๕๕. ฉฏฺเ ¶ พฺรหฺมจริเยสนา สหาติ พฺรหฺมจริเยสนาย สทฺธึ. วิภตฺติโลเปน หิ อยํ นิทฺเทโส, กรณตฺเถ วา เอตํ ปจฺจตฺตวจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘พฺรหฺมจริเยสนาย สทฺธึ กาเมสนา, ภเวสนาติ ติสฺโส เอสนา’’ติ. ตาสุ พฺรหฺมจริเยสนํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อิติสจฺจปรามาโส, ทิฏฺิฏฺานา สมุสฺสยา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – อิติ เอวํ สจฺจนฺติ ปรามาโส อิติสจฺจปรามาโส. อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺนฺติ ทิฏฺิยา ปวตฺติอาการํ ทสฺเสติ. ทิฏฺิโย เอว สพฺพานตฺถเหตุภาวโต ทิฏฺิฏฺานา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมาหํ, ภิกฺขเว, วชฺชํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐). ตา เอว จ อุปรูปริ วฑฺฒมานา โลภาทิกิเลสสมุสฺสเยน จ สมุสฺสยา, ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ มิจฺฉาภินิวิสมานา สพฺพานตฺถเหตุภูตา กิเลสทุกฺขูปจยเหตุภูตา จ ทิฏฺิโย พฺรหฺมจริเยสนาติ วุตฺตํ โหติ. เอเตน ปวตฺติอาการโต นิพฺพตฺติโต จ พฺรหฺมจริเยสนา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา.
สพฺพราควิรตฺตสฺสาติ สพฺเพหิ กามราคภวราเคหิ วิรตฺตสฺส. ตโต เอว ตณฺหกฺขยสงฺขาเต นิพฺพาเน วิมุตฺตตฺตา ตณฺหกฺขยวิมุตฺติโน อรหโต. เอสนา ปฏินิสฺสฏฺาติ กาเมสนา, ภเวสนา จ สพฺพโส นิสฺสฏฺา ปหีนา. ทิฏฺิฏฺานา สมูหตาติ พฺรหฺมจริเยสนาสงฺขาตา ทิฏฺิฏฺานา จ ปมมคฺเคเนว สมุคฺฆาติตา. เอสนานํ ขยาติ เอวเมตาสํ ติสฺสนฺนํ เอสนานํ ขยา อนุปฺปาทนิโรธา ภินฺนกิเลสตฺตา. ภิกฺขูติ จ สพฺพโส อาสาภา วา. นิราโสติ จ ทิฏฺเกฏฺสฺส วิจิกิจฺฉากถํกถาสลฺลสฺส ปหีนตฺตา อกถํกถีติ จ วุจฺจตีติ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗-๘. อาสวสุตฺตทฺวยวณฺณนา
๕๖-๕๗. สตฺตเม ¶ กามาสโวติ กาเมสุ อาสโว, กามสงฺขาโต วา อาสโว กามาสโว ¶ , อตฺถโต ปน กามราโค รูปาทิอภิรติ จ กามาสโว. รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค ฌานนิกนฺติ สสฺสตทิฏฺิสหคโต ¶ ราโค ภวปตฺถนา จ ภวาสโว. อวิชฺชาว อวิชฺชาสโว.
อาสวานฺจ สมฺภวนฺติ เอตฺถ อโยนิโสมนสิกาโร อวิชฺชาทโย จ กิเลสา อาสวานํ สมฺภโว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อโยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปวฑฺฒนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕).
‘‘อวิชฺชา, ภิกฺขเว, ปุพฺพงฺคมา อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา อนฺวเทว อหิริกํ อโนตฺตปฺป’’นฺติ (อิติวุ. ๔๐) จ.
มคฺคฺจ ขยคามินนฺติ อาสวานํ ขยคามินํ อริยมคฺคฺจ. ตตฺถ กามาสโว อนาคามิมคฺเคน ปหียติ, ภวาสโว อวิชฺชาสโว จ อรหตฺตมคฺเคน. กามุปาทานํ วิย กามาสโวปิ อคฺคมคฺควชฺโฌติ จ วทนฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อฏฺเม อปุพฺพํ นตฺถิ.
สตฺตมอฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ตณฺหาสุตฺตวณฺณนา
๕๘. นวเม ตณฺหายนฏฺเน ตณฺหา, รูปาทิวิสยํ ตสตีติ วา ตณฺหา. อิทานิ ตํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘กามตณฺหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปฺจกามคุณิโก ราโค กามตณฺหา. รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค ฌานนิกนฺติ สสฺสตทิฏฺิสหคโต ราโค ภววเสน ปตฺถนา จ ภวตณฺหา. อุจฺเฉททิฏฺิสหคโต ราโค วิภวตณฺหา. อปิจ ปจฺฉิมตณฺหาทฺวยํ เปตฺวา เสสา สพฺพาปิ ตณฺหา กามตณฺหา เอว. ยถาห –
‘‘ตตฺถ กตมา ภวตณฺหา? สสฺสตทิฏฺิสหคโต ราโค สาราโค จิตฺตสฺส สาราโค – อยํ วุจฺจติ ภวตณฺหา. ตตฺถ กตมา วิภวตณฺหา? อุจฺเฉททิฏฺิสหคโต ราโค สาราโค จิตฺตสฺส สาราโค, อยํ วุจฺจติ วิภวตณฺหา ¶ . อวเสสา ตณฺหา กามตณฺหา’’ติ (วิภ. ๙๑๖).
อิมา ¶ ¶ จ ติสฺโส ตณฺหา รูปตณฺหา…เป… ธมฺมตณฺหาติ วิสยเภทโต ปจฺเจกํ ฉพฺพิธาติ กตฺวา อฏฺารส โหนฺติ. ตา อชฺฌตฺตรูปาทีสุ อฏฺารส, พหิทฺธารูปาทีสุ อฏฺารสาติ ฉตฺตึส, อิติ อตีตา ฉตฺตึส, อนาคตา ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺนา ฉตฺตึสาติ วิภาคโต อฏฺสตํ โหนฺติ. ปุน สงฺคเห กริยมาเน กาลเภทํ อนามสิตฺวา คยฺหมานา ฉตฺตึเสว โหนฺติ, รูปาทีนํ อชฺฌตฺติกพาหิรวิภาเค อกริยมาเน อฏฺารเสว, รูปาทิอารมฺมณวิภาคมตฺเต คยฺหมาเน ฉเฬว, อารมฺมณวิภาคมฺปิ อกตฺวา คยฺหมานา ติสฺโสเยว โหนฺตีติ.
คาถาสุ ตณฺหาโยเคนาติ ตณฺหาสงฺขาเตน โยเคน, กามโยเคน, ภวโยเคน จ. สํยุตฺตาติ สมฺพนฺธา, ภวาทีสุ สํโยชิตา วา. เตเนวาห ‘‘รตฺตจิตฺตา ภวาภเว’’ติ. ขุทฺทเก เจว มหนฺเต จ ภเว ลคฺคจิตฺตาติ อตฺโถ. อถ วา ภโวติ สสฺสตทิฏฺิ, อภโวติ อุจฺเฉททิฏฺิ. ตสฺมา ภวาภเว สสฺสตุจฺเฉททิฏฺีสุ สตฺตวิสตฺตจิตฺตาติ. เอเตน ภวตณฺหา, วิภวตณฺหา จ ทสฺสิตา. อิมสฺมึ ปกฺเข ‘‘ตณฺหาโยเคนา’’ติ อิมินา กามตณฺหาว ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา. เต โยคยุตฺตา มารสฺสาติ เต เอวํภูตา ปุคฺคลา มารสฺส ปาสสงฺขาเตน โยเคน ยุตฺตา พทฺธา. ราโค หิ มารโยโค มารปาโสติ วุจฺจติ. ยถาห –
‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส;
เตน ตํ พาธยิสฺสามิ, น เม สมณ โมกฺขสี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๑; มหาว. ๓๓);
จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา โยคกฺเขมํ, นิพฺพานํ อรหตฺตฺจ, ตสฺส อนธิคเมน อโยคกฺเขมิโน. อุปรูปริ กิเลสาภิสงฺขารานํ ชนนโต ชนา, ปาณิโน. รูปาทีสุ สตฺตา วิสตฺตาติ สตฺตา.
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. –
เอวํ วุตฺตํ ขนฺธาทีนํ อปราปรุปฺปตฺติสงฺขาตํ สํสารํ คจฺฉนฺติ, ตโต น มุจฺจนฺติ. กสฺมา? ตณฺหาโยคยุตฺตตฺตา ¶ . ชาติมรณคามิโน ปุนปฺปุนํ ชนนมรณสฺเสว อุปคมนสีลาติ. เอตฺตาวตา วฏฺฏํ ¶ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสตุํ ¶ ‘‘เย จ ตณฺหํ ปหนฺตฺวานา’’ติ คาถมาห. สา เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยาว.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. มารเธยฺยสุตฺตวณฺณนา
๕๙. ทสมสฺส กา อุปฺปตฺติ? เอกทิวสํ กิร สตฺถา เสกฺขพหุลาย ปริสาย ปริวุโต นิสินฺโน เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา อุปริ วิเสสาธิคมาย อุสฺสาหํ ชเนตุํ อเสกฺขภูมึ โถเมนฺโต อิทํ สุตฺตํ อภาสิ. ตตฺถ อติกฺกมฺมาติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – อติกฺกมฺม อติกฺกมิตฺวา อภิภวิตฺวา. มารเธยฺยํ มารสฺส วิสยํ อิสฺสริยฏฺานํ. อาทิจฺโจว ยถา อาทิจฺโจ อพฺภาทิอุปกฺกิเลสวิมุตฺโต อตฺตโน อิทฺธิยา อานุภาเวน เตชสาติ ตีหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโน สพฺพํ อากาสคตํ ตมํ อติกฺกมฺม อติกฺกมิตฺวา อภิภวิตฺวา วิธมิตฺวา วิโรจติ, โอภาสติ, ตปติ; เอวเมว ขีณาสโว ภิกฺขุ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สพฺพุปกฺกิเลสวิมุตฺโต มารเธยฺยสงฺขาตํ เตภูมกธมฺมปฺปวตฺตํ อภิภวิตฺวา วิโรจตีติ.
อเสกฺเขนาติ เอตฺถ สิกฺขาสุ ชาตาติ เสกฺขา, สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ เอเตติ วา เสกฺขา, อปริโยสิตสิกฺขตฺตา สยเมว สิกฺขนฺตีติ วา เสกฺขา มคฺคธมฺมา เหฏฺิมผลตฺตยธมฺมา จ. อคฺคผลธมฺมา ปน อุปริ สิกฺขิตพฺพาภาเวน น เสกฺขาติ อเสกฺขา. ยตฺถ หิ เสกฺขภาวาสงฺกา อตฺถิ, ตตฺถายํ ปฏิเสโธติ โลกิยธมฺเมสุ นิพฺพาเน จ อเสกฺขภาวานาปตฺติ ทฏฺพฺพา. สีลสมาธิปฺาสงฺขาตา หิ สิกฺขา อตฺตโน ปฏิปกฺขกิเลเสหิ วิปฺปยุตฺตา ปริสุทฺธา อุปกฺกิเลสานํ อารมฺมณภาวมฺปิ อนุปคมนโต สาติสยํ สิกฺขาติ วตฺตุํ ยุตฺตา, อฏฺสุปิ มคฺคผเลสุ วิชฺชนฺติ; ตสฺมา จตุมคฺคเหฏฺิมผลตฺตยธมฺมา วิย อรหตฺตผลธมฺมาปิ ‘‘ตาสุ สิกฺขาสุ ชาตา’’ติ จ, ตํสิกฺขาสมงฺคิโน อรหโต อิตเรสํ วิย เสกฺขตฺเต ¶ สติ ‘‘เสกฺขสฺส เอเต’’ติ จ ‘‘สิกฺขา สีลํ เอเตส’’นฺติ จ เสกฺขาติ อาสงฺกา สิยุนฺติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ อเสกฺขาติ ยถาวุตฺตเสกฺขภาวปฺปฏิเสธํ กตฺวา วุตฺตํ. อรหตฺตผเล ปวตฺตมานา หิ สิกฺขา ปรินิฏฺิตกิจฺจตฺตา ¶ น สิกฺขากิจฺจํ กโรนฺติ, เกวลํ สิกฺขาผลภาเวน ปวตฺตนฺติ. ตสฺมา ตา น สิกฺขาวจนํ อรหนฺติ, นาปิ ตํสมงฺคิโน เสกฺขวจนํ, น จ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา สิกฺขนสีลา. ‘‘สิกฺขาสุ ชาตา’’ติ เอวมาทิอตฺเถหิ อคฺคผลธมฺมา ¶ เสกฺขา น โหนฺติ. เหฏฺิมผเลสุ ปน สิกฺขา สกทาคามิมคฺควิปสฺสนาทีนํ อุปนิสฺสยภาวโต สิกฺขากิจฺจํ กโรนฺตีติ สิกฺขาวจนํ อรหนฺติ, ตํสมงฺคิโน จ เสกฺขวจนํ, ตํสมฺปยุตฺตา ธมฺมา จ สิกฺขนสีลา. เสกฺขธมฺมา ยถาวุตฺเตหิ อตฺเถหิ เสกฺขา โหนฺติเยว.
อถ วา เสกฺขาติ อปริโยสิตสิกฺขานํ วจนนฺติ, อเสกฺขาติ ปทํ ปริโยสิตสิกฺขานํ ทสฺสนนฺติ น โลกิยธมฺมนิพฺพานานํ อเสกฺขภาวาปตฺติ. วุฑฺฒิปฺปตฺตา เสกฺขา อเสกฺขา จ เสกฺขธมฺเมสุ เอว เกสฺจิ วุฑฺฒิปฺปตฺตานํ อเสกฺขตา อาปชฺชตีติ อรหตฺตมคฺคธมฺมา วุฑฺฒิปฺปตฺตา. ยถาวุตฺเตหิ จ อตฺเถหิ เสกฺขาติ กตฺวา อเสกฺขา อาปนฺนาติ เจ? ตํ น, สทิเสสุ ตพฺโพหารโต. อรหตฺตมคฺคโต หิ นินฺนานากรณํ อรหตฺตผลํ เปตฺวา ปริฺาทิกิจฺจกรณํ วิปากภาวฺจ, ตสฺมา เต เอว เสกฺขา ธมฺมา อรหตฺตผลภาวํ อาปนฺนาติ สกฺกา วตฺตุํ. กุสลสุขโต จ วิปากสุขํ สนฺตตรตาย ปณีตตรนฺติ วุฑฺฒิปฺปตฺตาว เต ธมฺมา โหนฺตีติ ‘‘อเสกฺขา’’ติ วุจฺจนฺติ.
เต ปน อเสกฺขธมฺเม ขนฺธวเสน อิธ ติธา วิภชิตฺวา เตหิ สมนฺนาคเมน ขีณาสวสฺส อานุภาวํ วิภาเวนฺโต ภควา ‘‘อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สีลสทฺทสฺส อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต. ขนฺธสทฺโท ปน ราสิมฺหิ ปฺตฺติยํ รุฬฺหิยํ คุเณติ พหูสุ อตฺเถสุ ทิฏฺปฺปโยโค. ตถา หิ ‘‘อสงฺเขยฺโย อปฺปเมยฺโย มหาอุทกกฺขนฺโธตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๕๑; ๖.๓๗) ราสิมฺหิ อาคโต. ‘‘อทฺทสา โข ภควา มหนฺตํ ทารุกฺขนฺธํ คงฺคาย นทิยา โสเตน วุยฺหมาน’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑) ปฺตฺติยํ. ‘‘จิตฺตํ มโน มานสํ หทยํ ปณฺฑรํ ¶ มโน มนายตนํ วิฺาณํ วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๖๓, ๖๕) รุฬฺหิยํ. ‘‘น โข, อาวุโส วิสาข, อริเยน อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน ตโย ขนฺธา สงฺคหิตา, ตีหิ จ โข, อาวุโส ¶ วิสาข, ขนฺเธหิ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค สงฺคหิโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๖๒) คุเณ. อิธาปิ คุเณเยว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อเสกฺเขน สีลสงฺขาเตน คุเณนาติ อตฺโถ. สมนฺนาคโตติ สมฺปยุตฺโต สมงฺคีภูโต. สมาทหติ เอเตน, สยํ วา สมาทหติ, สมาธานเมว วาติ สมาธิ. ปกาเรหิ ชานาติ ยถาสภาวํ ปฏิวิชฺฌตีติ ปฺา. สีลเมว ขนฺโธ สีลกฺขนฺโธ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
ตตฺถ อคฺคผลภูตา สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมาอาชีโว จ สภาเวเนว อเสกฺโข สีลกฺขนฺโธ ¶ นาม, ตถา สมฺมาสมาธิ อเสกฺโข สมาธิกฺขนฺโธ. ตทุปการกโต ปน สมฺมาวายามสมฺมาสติโย สมาธิกฺขนฺเธ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. ตถา สมฺมาทิฏฺิ อเสกฺโข ปฺากฺขนฺโธ. ตทุปการกโต สมฺมาสงฺกปฺโป ปฺากฺขนฺเธ สงฺคหํ คจฺฉตีติ เอวเมตฺถ อฏฺปิ อรหตฺตผลธมฺมา ตีหิ ขนฺเธหิ สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพํ.
ยสฺส เอเต สุภาวิตาติ เยน อรหตา เอเต สีลาทโย อเสกฺขธมฺมกฺขนฺธา สุภาวิตา สุฏฺุ วฑฺฒิตา, โส อาทิจฺโจว วิโรจตีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ยสฺส เจเต’’ติปิ ปนฺติ. เตสฺจ สทฺโท นิปาตมตฺตํ. เอวเมตสฺมึ วคฺเค ปมสุตฺเต วฏฺฏํ, ปริโยสานสุตฺเต วิวฏฺฏํ, อิตเรสุ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. ปฺุกิริยวตฺถุสุตฺตวณฺณนา
๖๐. ทุติยวคฺคสฺส ¶ ปเม ปฺุกิริยวตฺถูนีติ ปุชฺชภวผลํ นิพฺพตฺเตนฺติ, อตฺตโน สนฺตานํ ปุนนฺตีติ วา ปฺุานิ, ปฺุานิ จ ตานิ เหตุปจฺจเยหิ กตฺตพฺพโต กิริยา จาติ ปฺุกิริยา. ตา เอว จ เตสํ เตสํ อานิสํสานํ ¶ วตฺถุภาวโต ปฺุกิริยวตฺถูนิ. ทานมยนฺติ ¶ อนุปจฺฉินฺนภวมูลสฺส อนุคฺคหวเสน ปูชาวเสน วา อตฺตโน เทยฺยธมฺมสฺส ปเรสํ ปริจฺจาคเจตนา ทียติ เอตายาติ ทานํ, ทานเมว ทานมยํ. จีวราทีสุ หิ จตูสุ ปจฺจเยสุ อนฺนาทีสุ วา ทสสุ ทานวตฺถูสุ รูปาทีสุ วา ฉสุ อารมฺมเณสุ ตํ ตํ เทนฺตสฺส เตสํ อุปฺปาทนโต ปฏฺาย ปุพฺพภาเค ปริจฺจาคกาเล ปจฺฉา โสมนสฺสจิตฺเตน อนุสฺสรเณ จาติ ตีสุ กาเลสุ วุตฺตนเยน ปวตฺตเจตนา ทานมยํ ปฺุกิริยวตฺถุ นาม.
สีลมยนฺติ นิจฺจสีลอุโปสถนิยมาทิวเสน ปฺจ, อฏฺ, ทส วา สีลานิ สมาทิยนฺตสฺส สีลปูรณตฺถํ ปพฺพชิสฺสามีติ วิหารํ คจฺฉนฺตสฺส ปพฺพชนฺตสฺส มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ‘‘ปพฺพชิโต วตมฺหิ สาธุ สุฏฺู’’ติ อาวชฺเชนฺตสฺส สทฺธาย ปาติโมกฺขํ ปริปูเรนฺตสฺส ปฺาย จีวราทิเก ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สติยา อาปาถคเตสุ รูปาทีสุ จกฺขุทฺวาราทีนิ สํวรนฺตสฺส วีริเยน อาชีวํ โสเธนฺตสฺส จ ปวตฺตา เจตนา สีลตีติ สีลมยํ ปฺุกิริยวตฺถุ นาม.
ตถา ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๔๘) วุตฺเตน วิปสฺสนามคฺเคน จกฺขุํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺตสฺส โสตํ, ฆานํ, ชิวฺหํ, กายํ, มนํ. รูเป…เป… ธมฺเม, จกฺขุวิฺาณํ…เป… มโนวิฺาณํ. จกฺขุสมฺผสฺสํ…เป… มโนสมฺผสฺสํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ เวทนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เวทนํ. รูปสฺํ…เป… ธมฺมสฺํ. ชรามรณํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺตสฺส ยา เจตนา, ยา จ ปถวีกสิณาทีสุ อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ ปวตฺตา ฌานเจตนา, ยา จ อนวชฺเชสุ กมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาฏฺาเนสุ ปริจยมนสิการาทิวเสน ¶ ปวตฺตา เจตนา, สพฺพา ภาเวติ เอตายาติ ภาวนามยํ วุตฺตนเยน ปฺุกิริยวตฺถุ จาติ.
เอกเมกฺเจตฺถ ยถารหํ ปุพฺพภาคโต ปฏฺาย กาเยน กโรนฺตสฺส กายกมฺมํ โหติ, ตทตฺถํ วาจํ นิจฺฉาเรนฺตสฺส วจีกมฺมํ, กายงฺคํ วาจงฺคฺจ อโจเปตฺวา มนสา จินฺเตนฺตสฺส มโนกมฺมํ. อนฺนาทีนิ เทนฺตสฺส ¶ จาปิ ‘‘อนฺนทานาทีนิ เทมี’’ติ วา ทานปารมึ อาวชฺเชตฺวา วา ทานกาเล ทานมยํ ปฺุกิริยวตฺถุ โหติ. วตฺตสีเส ตฺวา ททโต สีลมยํ, ขยโต ¶ วยโต กมฺมโต สมฺมสนํ ปฏฺเปตฺวา ททโต ภาวนามยํ ปฺุกิริยวตฺถุ โหติ.
อปรานิปิ สตฺต ปฺุกิริยวตฺถูนิ – อปจิติสหคตํ ปฺุกิริยวตฺถุ เวยฺยาวจฺจสหคตํ ปตฺติอนุปฺปทานํ อพฺภนุโมทนํ เทสนามยํ สวนมยํ ทิฏฺิชุคตํ ปฺุกิริยวตฺถูติ. สรณคมนมฺปิ หิ ทิฏฺิชุคเตเนว สงฺคยฺหติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.
ตตฺถ วุฑฺฒตรํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนปตฺตจีวรปฏิคฺคหณาภิวาทนมคฺคสมฺปทานาทิวเสน อปจายนสหคตํ เวทิตพฺพํ. วุฑฺฒตรานํ วตฺตปฏิปตฺติกรณวเสน, คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา คาเม ภิกฺขํ สมฺปาเทตฺวา อุปสํหรณวเสน ‘‘คจฺฉ ภิกฺขูนํ ปตฺตํ อาหรา’’ติ สุตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ปตฺตาหรณาทิวเสน จ เวยฺยาวจฺจสหคตํ เวทิตพฺพํ. จตฺตาโร ปจฺจเย ทตฺวา ปุปฺผคนฺธาทีหิ รตนตฺตยสฺส ปูชํ กตฺวา อฺํ วา ตาทิสํ ปฺุํ กตฺวา ‘‘สพฺพสตฺตานํ ปตฺติ โหตู’’ติ ปริณามวเสน ปตฺติอนุปฺปทานํ เวทิตพฺพํ. ตถา ปเรหิ ทินฺนาย ปตฺติยา เกวลํ วา ปเรหิ กตํ ปฺุํ ‘‘สาธุ, สุฏฺู’’ติ อนุโมทนวเสน อพฺภนุโมทนํ เวทิตพฺพํ. อตฺตโน ปคุณธมฺมํ อปจฺจาสีสนฺโต หิตชฺฌาสเยน ปเรสํ เทเสติ – อิทํ เทสนามยํ ปฺุกิริยวตฺถุ นาม. ยํ ปน เอโก ‘‘เอวํ มํ ธมฺมกถิโกติ ชานิสฺสนฺตี’’ติ อิจฺฉาย ตฺวา ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิโต ธมฺมํ เทเสติ, ตํ น มหปฺผลํ โหติ. ‘‘อทฺธา อยํ อตฺตหิตปรหิตานํ ปฏิปชฺชนูปาโย’’ติ โยนิโสมนสิการปุเรจาริกหิตผรเณน มุทุจิตฺเตน ธมฺมํ สุณาติ, อิทํ สวนมยํ ปฺุกิริยวตฺถุ โหติ. ยํ ปเนโก ‘‘อิติ มํ สทฺโธติ ชานิสฺสนฺตี’’ติ สุณาติ, ตํ น มหปฺผลํ โหติ. ทิฏฺิยา อุชุคมนํ ทิฏฺิชุคตํ, ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตสฺส สมฺมาทสฺสนสฺส เอตํ อธิวจนํ. อิทฺหิ ปุพฺพภาเค ¶ วา ปจฺฉาภาเค วา าณวิปฺปยุตฺตมฺปิ อุชุกรณกาเล าณสมฺปยุตฺตเมว โหติ. อปเร ปนาหุ ‘‘วิชานนปชานนวเสน ทสฺสนํ ทิฏฺิ กุสลฺจ วิฺาณํ กมฺมสฺสกตาาณาทิ จ สมฺมาทสฺสน’’นฺติ ¶ . ตตฺถ กุสเลน วิฺาเณน าณสฺส อนุปฺปาเทปิ อตฺตนา กตปฺุานุสฺสรณวณฺณารหวณฺณนาทีนํ สงฺคโห, กมฺมสฺสกตาาเณน กมฺมปถสมฺมาทิฏฺิยา ¶ . อิตรํ ปน ทิฏฺิชุคตํ สพฺเพสํ นิยมลกฺขณํ. ยฺหิ กิฺจิ ปฺุํ กโรนฺตสฺส ทิฏฺิยา อุชุภาเวเนว ตํ มหปฺผลํ โหติ.
อิเมสํ ปน สตฺตนฺนํ ปฺุกิริยวตฺถูนํ ปุริเมหิ ตีหิ ทานมยาทีหิ ปฺุกิริยวตฺถูหิ สงฺคโห. ตตฺถ หิ อปจายนเวยฺยาวจฺจานิ สีลมเย, ปตฺติอนุปฺปทานอพฺภนุโมทนานิ ทานมเย, ธมฺมเทสนาสวนานิ ภาวนามเย, ทิฏฺิชุคตํ ตีสุปิ. เตนาห ภควา –
‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปฺุกิริยวตฺถูนิ. กตมานิ ตีณิ? ทานมยํ…เป… ภาวนามยํ ปฺุกิริยวตฺถู’’ติ (อ. นิ. ๘.๓๖).
เอตฺถ จ อฏฺนฺนํ กามาวจรกุสลเจตนานํ วเสน ติณฺณมฺปิ ปฺุกิริยวตฺถูนํ ปวตฺติ โหติ. ยถา หิ ปคุณํ ธมฺมํ ปริวตฺเตนฺตสฺส เอกจฺเจ อนุสนฺธึ อสลฺลกฺเขนฺตสฺเสว คจฺฉนฺติ, เอวํ ปคุณํ สมถวิปสฺสนาภาวนํ อนุยฺุชนฺตสฺส อนฺตรนฺตรา าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตนาปิ มนสิกาโร ปวตฺตติ. สพฺพํ ตํ ปน มหคฺคตกุสลเจตนานํ วเสน ภาวนามยเมว ปฺุกิริยวตฺถุ โหติ, น อิตรานิ. คาถาย อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. จกฺขุสุตฺตวณฺณนา
๖๑. ทุติเย จกฺขูนีติ จกฺขนฺตีติ จกฺขูนิ, สมวิสมํ อาจิกฺขนฺตานิ วิย ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา จกฺขนฏฺเน จกฺขูนิ. กิมิทํ จกฺขนํ นาม? อสฺสาทนํ, ตถา หิ วทนฺติ ‘‘มธุํ จกฺขติ พฺยฺชนํ จกฺขตี’’ติ อิมานิ จ อารมฺมณรสํ อนุภวนฺตานิ อสฺสาเทนฺตานิ ¶ วิย โหนฺตีติ จกฺขนฏฺเน จกฺขูนิ. ตานิ ปน สงฺเขปโต ทฺเว จกฺขูนิ – าณจกฺขุ, มํสจกฺขุ จาติ. เตสุ มํสจกฺขุ เหฏฺา วุตฺตเมว. าณจกฺขุ ทิพฺพจกฺขุ, ปฺาจกฺขูติ อิธ ทฺวิธา กตฺวา วุตฺตํ.
ตตฺถ ¶ ทิพฺพจกฺขูติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ. เทวตานฺหิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ ¶ อปลิพุทฺธํ อุปกฺกิเลสวิมุตฺตตาย ทูเรปิ อารมฺมณคฺคหณสมตฺถํ ทิพฺพํ ปสาทจกฺขุ โหติ. อิทฺจาปิ วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺตํ าณจกฺขุ ตาทิสเมวาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ, ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลทฺธตฺตา อตฺตโน จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตา อาโลกปริคฺคเหน มหาชุติกตฺตา. ติโรกุฏฺฏาทิคตรูปทสฺสเนน มหาคติกตฺตาปิ ทิพฺพํ. ตํ สพฺพํ สทฺทสตฺถานุสาเรน เวทิตพฺพํ. ทสฺสนฏฺเน จกฺขุกิจฺจกรเณน จกฺขุมิวาติปิ จกฺขุ, ทิพฺพฺจ ตํ จกฺขุ จาติ ทิพฺพจกฺขุ.
ปชานาตีติ ปฺา. กึ ปชานาติ? จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปชานาตีติ โข, อาวุโส, ตสฺมา ปฺาติ วุจฺจติ. กิฺจ ปชานาติ? อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๔๙).
อฏฺกถายํ ปน ‘‘ปฺาปนวเสน ปฺา. กินฺติ ปฺาเปติ? อนิจฺจนฺติ ปฺาเปติ, ทุกฺขนฺติ ปฺาเปติ, อนตฺตาติ ปฺาเปตี’’ติ วุตฺตํ. สา ปนายํ ลกฺขณาทิโต ยถาสภาวปฏิเวธลกฺขณา, อกฺขลิตปฏิเวธลกฺขณา วา กุสลิสฺสาสขิตฺตอุสุปฏิเวโธ วิย, วิสโยภาสนรสา ปทีโป วิย, อสมฺโมหปจฺจุปฏฺานา อรฺคตสุเทสโก วิย. วิเสสโต ปเนตฺถ อาสวกฺขยาณสงฺขาตา ปฺา จตุสจฺจทสฺสนฏฺเน ปฺาจกฺขูติ อธิปฺเปตา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จกฺขุํ อุทปาทิ, าณํ อุทปาทิ, ปฺา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาที’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๕).
เอเตสุ จ มํสจกฺขุ ปริตฺตํ, ทิพฺพจกฺขุ มหคฺคตํ, อิตรํ อปฺปมาณํ. มํสจกฺขุ รูปํ, อิตรานิ อรูปานิ. มํสจกฺขุ ทิพฺพจกฺขุ จ โลกิยานิ สาสวานิ รูปวิสยานิ, อิตรํ โลกุตฺตรํ อนาสวํ จตุสจฺจวิสยํ. มํสจกฺขุ อพฺยากตํ, ทิพฺพจกฺขุ สิยา กุสลํ ¶ สิยา อพฺยากตํ, ตถา ปฺาจกฺขุ. มํสจกฺขุ กามาวจรํ, ทิพฺพจกฺขุ รูปาวจรํ, อิตรํ โลกุตฺตรนฺติ เอวมาทิ วิภาคา เวทิตพฺพา.
คาถาสุ อนุตฺตรนฺติ ปฺาจกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ อาสวกฺขยาณภาวโต อนุตฺตรํ. อกฺขาสิ ปุริสุตฺตโมติ ปุริสานํ อุตฺตโม อคฺโค ¶ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เทเสสิ. อุปฺปาโทติ มํสจกฺขุสฺส ปวตฺติ. มคฺโคติ อุปาโย, ทิพฺพจกฺขุสฺส การณํ. ปกติจกฺขุมโต เอว หิ ทิพฺพจกฺขุ ¶ อุปฺปชฺชติ, ยสฺมา กสิณาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺพจกฺขุาณสฺส อุปฺปาทนํ, โส จ กสิณมณฺฑเล อุคฺคหนิมิตฺเตน วินา นตฺถีติ. ยโตติ ยทา. าณนฺติ อาสวกฺขยาณํ. เตเนวาห ‘‘ปฺาจกฺขุ อนุตฺตร’’นฺติ. ยสฺส จกฺขุสฺส ปฏิลาภาติ ยสฺส อริยสฺส ปฺาจกฺขุสฺส อุปฺปตฺติยา ภาวนาย สพฺพสฺมา วฏฺฏทุกฺขโต ปมุจฺจติ ปริมุจฺจตีติ.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อินฺทฺริยสุตฺตวณฺณนา
๖๒. ตติเย อินฺทฺริยานีติ อธิปเตยฺยฏฺเน อินฺทฺริยานิ. ยานิ หิ สหชาตธมฺเมสุ อิสฺสรา วิย หุตฺวา เตหิ อนุวตฺติตพฺพานิ, ตานิ อินฺทฺริยานิ นาม. อปิจ อินฺโท ภควา ธมฺมิสฺสโร ปรเมน จิตฺติสฺสริเยน สมนฺนาคโต. เตน อินฺเทน สพฺพปมํ ทิฏฺตฺตา อธิคตตฺตา ปเรสฺจ ทิฏฺตฺตา เทสิตตฺตา วิหิตตฺตา โคจรภาวนาเสวนาหิ ทิฏฺตฺตา จ อินฺทฺริยานิ. อินฺทํ วา มคฺคาธิคมสฺส อุปนิสฺสยภูตํ ปฺุกมฺมํ, ตสฺส ลิงฺคานีติปิ อินฺทฺริยานิ. อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยนฺติ ‘‘อนมตคฺเค สํสาเร อนฺาตํ อนธิคตํ อมตปทํ จตุสจฺจธมฺมเมว วา ¶ ชานิสฺสามี’’ติ ปฏิปนฺนสฺส อิมินา ปุพฺพภาเคน อุปฺปนฺนํ อินฺทฺริยํ, โสตาปตฺติมคฺคปฺาเยตํ อธิวจนํ. อฺินฺทฺริยนฺติ อาชานนอินฺทฺริยํ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – อาชานาติ ปมมคฺคาเณน ทิฏฺมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวาว ชานาตีติ อฺา. ยเถว หิ ปมมคฺคปฺา ทุกฺขาทีสุ ปริฺาภิสมยาทิวเสน ปวตฺตติ, ตเถว อยมฺปิ ปวตฺตตีติ อฺา จ สา ยถาวุตฺเตนฏฺเน อินฺทฺริยํ จาติ อฺินฺทฺริยํ. อาชานนฏฺเเนว อฺสฺส วา อริยปุคฺคลสฺส อินฺทฺริยนฺติ อฺินฺทฺริยํ, โสตาปตฺติผลโต ปฏฺาย ฉสุ าเนสุ าณสฺเสตํ อธิวจนํ. อฺาตาวินฺทฺริยนฺติ อฺาตาวิโน จตูสุ สจฺเจสุ นิฏฺิตาณกิจฺจสฺส ขีณาสวสฺส อุปฺปชฺชนโต อินฺทฺริยฏฺสมฺภวโต จ อฺาตาวินฺทฺริยํ. เอตฺถ จ ปมปจฺฉิมานิ ปมมคฺคจตุตฺถผลวเสน เอกฏฺานิกานิ, อิตรํ อิตรมคฺคผลวเสน ฉฏฺานิกนฺติ เวทิตพฺพํ.
คาถาสุ ¶ สิกฺขมานสฺสาติ อธิสีลสิกฺขาทโย สิกฺขมานสฺส ภาเวนฺตสฺส. อุชุมคฺคานุสาริโนติ อุชุมคฺโค วุจฺจติ อริยมคฺโค, อนฺตทฺวยวิวชฺชิตตฺตา ตสฺส อนุสฺสรณโต อุชุมคฺคานุสาริโน, ปฏิปาฏิยา มคฺเค อุปฺปาเทนฺตสฺสาติ อตฺโถ. ขยสฺมินฺติ อนวเสสกิเลสานํ เขปนโต ขยสงฺขาเต อคฺคมคฺเค าณํ ปมํ ปุเรเยว อุปฺปชฺชติ. ตโต อฺา อนนฺตราติ ตโต มคฺคาณโต อนนฺตรา อรหตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อถ วา อุชุมคฺคานุสาริโนติ ¶ ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนาทิเก วชฺเชตฺวา สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ กตฺวา ภาวนาวเสน ปวตฺตํ ปุพฺพภาคมคฺคํ อนุสฺสรนฺตสฺส อนุคจฺฉนฺตสฺส ปฏิปชฺชนฺตสฺส โคตฺรภุาณานนฺตรํ ทิฏฺเกฏฺานํ กิเลสานํ เขปนโต ขยสฺมึ โสตาปตฺติมคฺเค ปมํ าณํ อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ. ตโต อฺา อนนฺตราติ ตโต ปมาณโต อนนฺตรา อนนฺตรโต ปฏฺาย ยาว อคฺคมคฺคา อฺา อฺินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ.
ตโต ¶ อฺา วิมุตฺตสฺสาติ ตโต อฺา อฺินฺทฺริยโต ปจฺฉา อรหตฺตมคฺคาณานนฺตรา อรหตฺตผเลน ปฺาวิมุตฺติยา อฺาตาวินฺทฺริเยน วิมุตฺตสฺส. าณํ เว โหติ ตาทิโนติ อรหตฺตผลุปฺปตฺติโต อุตฺตรกาเล อิฏฺานิฏฺาทีสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺตสฺส ขีณาสวสฺส ปจฺจเวกฺขณาณํ อุปฺปชฺชติ. กถํ อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘อกุปฺปา เม วิมุตฺตี’’ติ. ตสฺส อกุปฺปภาวสฺส การณํ ทสฺเสติ ‘‘ภวสํโยชนกฺขยา’’ติ.
อิทานิ ตาทิสํ ขีณาสวํ โถเมนฺโต ‘‘ส เว อินฺทฺริยสมฺปนฺโน’’ติ ตติยํ คาถมาห. ตตฺถ อินฺทฺริยสมฺปนฺโนติ ยถาวุตฺเตหิ ตีหิ โลกุตฺตรินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคโต, สุทฺเธหิปิ วา ปฏิปฺปสฺสทฺธิลทฺเธหิ สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคโต ปริปุณฺโณ, ตโต เอว จกฺขาทีหิ สุฏฺุ วูปสนฺเตหิ นิพฺพิเสวเนหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคโต. เตนาห ‘‘สนฺโต’’ติ, สพฺพกิเลสปริฬาหวูปสเมน อุปสนฺโตติ อตฺโถ. สนฺติปเท รโตติ นิพฺพาเน อภิรโต อธิมุตฺโต. เอตฺถ จ ‘‘อินฺทฺริยสมฺปนฺโน’’ติ เอเตน ภาวิตมคฺคตา, ปริฺาตกฺขนฺธตา จสฺส ทสฺสิตา. ‘‘สนฺโต’’ติ เอเตน ปหีนกิเลสตา, ‘‘สนฺติปเท รโต’’ติ เอเตน สจฺฉิกตนิโรธตาติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อทฺธาสุตฺตวณฺณนา
๖๓. จตุตฺเถ ¶ อทฺธาติ กาลา. อตีโต อทฺธาติอาทีสุ ทฺเว ปริยายา – สุตฺตนฺตปริยาโย, อภิธมฺมปริยาโย จ. ตตฺถ สุตฺตนฺตปริยาเยน ปฏิสนฺธิโต ปุพฺเพ อตีโต อทฺธา นาม, จุติโต ปจฺฉา อนาคโต อทฺธา นาม, สห จุติปฏิสนฺธีหิ ตทนนฺตรํ ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา นาม. อภิธมฺมปริยาเยน อุปฺปาโท, ิติ, ภงฺโคติ อิเม ตโย ขเณ ปตฺวา นิรุทฺธธมฺมา อตีโต อทฺธา นาม, ตโยปิ ขเณ ¶ อสมฺปตฺตา อนาคโต อทฺธา นาม, ขณตฺตยสมงฺคิโน ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา นาม.
อปโร ¶ นโย – อยฺหิ อตีตาทิวิภาโค อทฺธาสนฺตติสมยขณวเสน จตุธา เวทิตพฺโพ. เตสุ อทฺธาวิภาโค วุตฺโต. สนฺตติวเสน สภาคา เอกอุตุสมุฏฺานา, เอกาหารสมุฏฺานา จ ปุพฺพาปริยวเสน วตฺตมานาปิ ปจฺจุปฺปนฺนา. ตโต ปุพฺเพ วิสภาคอุตุอาหารสมุฏฺานา อตีตา ปจฺฉา อนาคตา. จิตฺตชา เอกวีถิเอกชวนเอกสมาปตฺติสมุฏฺานา ปจฺจุปฺปนฺนา นาม, ตโต ปุพฺเพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตา. กมฺมสมุฏฺานานํ ปาฏิเยกฺกํ สนฺตติวเสน อตีตาทิเภโท นตฺถิ, เตสํเยว ปน อุตุอาหารจิตฺตสมุฏฺานานํ อุปตฺถมฺภกวเสน ตสฺส อตีตาทิภาโว เวทิตพฺโพ. สมยวเสน เอกมุหุตฺตปุพฺพณฺหสายนฺหรตฺติทิวาทีสุ สมเยสุ สนฺตานวเสน ปวตฺตมานา ตํตํสมเย ปจฺจุปฺปนฺนา นาม, ตโต ปุพฺเพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตา. อยํ ตาว รูปธมฺเมสุ นโย. อรูปธมฺเมสุ ปน ขณวเสน อุปฺปาทาทิกฺขณตฺตยปริยาปนฺนา ปจฺจุปฺปนฺนา, ตโต ปุพฺเพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตา. อปิจ อติกฺกนฺตเหตุปจฺจยกิจฺจา อตีตา, นิฏฺิตเหตุกิจฺจา อนิฏฺิตปจฺจยกิจฺจา ปจฺจุปฺปนฺนา, อุภยกิจฺจํ อสมฺปตฺตา อนาคตา. อตฺตโน วา กิจฺจกฺขเณ ปจฺจุปฺปนฺนา, ตโต ปุพฺเพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตา. เอตฺถ จ ขณาทิกถาว นิปฺปริยายา, เสสา ปริยายา. อยฺหิ อตีตาทิเภโท นาม ธมฺมานํ โหติ, น กาลสฺส. อตีตาทิเภเท ปน ธมฺเม อุปาทาย ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ กาโล อิธ เตเนว โวหาเรน อตีโตติอาทินา วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
คาถาสุ ¶ อกฺเขยฺยสฺิโนติ เอตฺถ อกฺขายติ, กถียติ, ปฺาปียตีติ อกฺเขยฺยํ, กถาวตฺถุ, อตฺถโต รูปาทโย ปฺจกฺขนฺธา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อตีตํ วา อทฺธานํ อารพฺภ กถํ กเถยฺย, อนาคตํ วา…เป… ปจฺจุปฺปนฺนํ วา อทฺธานํ อารพฺภ กถํ กเถยฺยา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕).
ตถา –
‘‘ยํ, ภิกฺขเว ¶ , รูปํ อตีตํ นิรุทฺธํ วิปริณตํ, ‘อโหสี’ติ ตสฺส สงฺขา, ‘อโหสี’ติ ตสฺส สมฺา, ‘อโหสี’ติ ตสฺส ปฺตฺติ; น ตสฺส สงฺขา อตฺถีติ, น ตสฺส สงฺขา ภวิสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๖๒) –
เอวํ วุตฺเตน นิรุตฺติปถสุตฺเตนปิ เอตฺถ อตฺโถ ทีเปตพฺโพ. เอวํ กถาวตฺถุภาเวน อกฺเขยฺยสงฺขาเต ขนฺธปฺจเก อหนฺติ จ มมนฺติ จ เทโวติ จ มนุสฺโสติ จ อิตฺถีติ จ ปุริโสติ จ อาทินา ¶ ปวตฺตสฺาวเสน อกฺเขยฺยสฺิโน, ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ สตฺตปุคฺคลาทิสฺิโนติ อตฺโถ. อกฺเขยฺยสฺมึ ตณฺหาทิฏฺิคฺคาหวเสน ปติฏฺิตา, ราคาทิวเสน วา อฏฺหากาเรหิ ปติฏฺิตา. รตฺโต หิ ราควเสน ปติฏฺิโต โหติ, ทุฏฺโ โทสวเสน, มูฬฺโห โมหวเสน, ปรามฏฺโ ทิฏฺิวเสน, ถามคโต อนุสยวเสน, วินิพทฺโธ มานวเสน, อนิฏฺงฺคโต วิจิกิจฺฉาวเสน, วิกฺเขปคโต อุทฺธจฺจวเสน ปติฏฺิโต โหตีติ.
อกฺเขยฺยํ อปริฺายาติ ตํ อกฺเขยฺยํ เตภูมกธมฺเม ตีหิ ปริฺาหิ อปริชานิตฺวา ตสฺส อปริชานนเหตุ. โยคมายนฺติ มจฺจุโนติ มรณสฺส โยคํ เตน สํโยคํ อุปคจฺฉนฺติ, น วิสํโยคนฺติ อตฺโถ.
อถ วา โยคนฺติ อุปายํ, เตน โยชิตํ ปสาริตํ มารเสนฏฺานิยํ อนตฺถชาลํ กิเลสชาลฺจ อุปคจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๗๒; ชา. ๒.๒๒.๑๒๑; เนตฺติ. ๑๐๓);
เอตฺตาวตา วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสตุํ ‘‘อกฺเขยฺยฺจ ปริฺายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จ-สทฺโท พฺยติเรเก, เตน อกฺเขยฺยปริชานเนน ลทฺธพฺพํ วกฺขมานเมว วิเสสํ โชเตติ. ปริฺายาติ วิปสฺสนาสหิตาย ¶ มคฺคปฺาย ทุกฺขนฺติ ปริจฺฉิชฺช ชานิตฺวา, ตปฺปฏิพทฺธกิเลสปฺปหาเนน วา ตํ สมติกฺกมิตฺวา ติสฺสนฺนมฺปิ ปริฺานํ กิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา. อกฺขาตารํ น มฺตีติ สพฺพโส มฺนานํ ปหีนตฺตา ขีณาสโว อกฺขาตารํ น มฺติ, การกาทิสภาวํ กิฺจิ อตฺตานํ น ปจฺเจตีติ อตฺโถ. ผุฏฺโ ¶ วิโมกฺโข มนสา, สนฺติปทมนุตฺตรนฺติ ยสฺมา สพฺพสงฺขตวิมุตฺตตฺตา ‘‘วิโมกฺโข’’ติ สพฺพกิเลสสนฺตาปวูปสมนฏฺานตาย ‘‘สนฺติปท’’นฺติ ลทฺธนาโม นิพฺพานธมฺโม ผุฏฺโ ผุสิโต ปตฺโต, ตสฺมา อกฺขาตารํ น มฺตีติ. อถ วา ‘‘ปริฺายา’’ติ ปเทน ทุกฺขสจฺจสฺส ปริฺาภิสมยํ สมุทยสจฺจสฺส ปหานาภิสมยฺจ วตฺวา อิทานิ ‘‘ผุฏฺโ วิโมกฺโข มนสา, สนฺติปทมนุตฺตร’’นฺติ อิมินา มคฺคนิโรธานํ ภาวนาสจฺฉิกิริยาภิสมยํ วทติ. ตสฺสตฺโถ – สมุจฺเฉทวเสน สพฺพกิเลเสหิ วิมุจฺจตีติ วิโมกฺโข, อริยมคฺโค. โส ปนสฺส มคฺคจิตฺเตน ผุฏฺโ ผุสิโต ภาวิโต, เตเนว อนุตฺตรํ สนฺติปทํ นิพฺพานํ ผุฏฺํ ผุสิตํ สจฺฉิกตนฺติ.
อกฺเขยฺยสมฺปนฺโนติ ¶ อกฺเขยฺยนิมิตฺตํ วิวิธาหิ วิปตฺตีหิ อุปทฺทุเต โลเก ปหีนวิปลฺลาสตาย ตโต สุปริมุตฺโต อกฺเขยฺยปริฺาภินิพฺพตฺตาหิ สมฺปตฺตีหิ สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต. สงฺขาย เสวีติ ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา จีวราทิปจฺจเย สงฺขาย ปริตุเลตฺวาว เสวนสีโล, สงฺขาตธมฺมตฺตา จ อาปาถคตํ สพฺพมฺปิ วิสยํ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน สงฺขาย เสวนสีโล. ธมฺมฏฺโติ อเสกฺขธมฺเมสุ นิพฺพานธมฺเม เอว วา ิโต. เวทคูติ เวทิตพฺพสฺส จตุสจฺจสฺส ปารงฺคตตฺตา เวทคู. เอวํคุโณ อรหา ภวาทีสุ กตฺถจิ อายตึ ปุนพฺภวาภาวโต มนุสฺสเทวาติ สงฺขฺยํ น อุเปติ, อปฺตฺติกภาวเมว คจฺฉตีติ อนุปาทาปรินิพฺพาเนน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ทุจฺจริตสุตฺตวณฺณนา
๖๔. ปฺจเม ทุฏฺุ จริตานิ, ทุฏฺานิ วา จริตานิ ทุจฺจริตานิ. กาเยน ทุจฺจริตํ, กายโต วา ปวตฺตํ ทุจฺจริตํ กายทุจฺจริตํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย ¶ . อิมานิ ¶ จ ทุจฺจริตานิ ปฺตฺติยา วา กเถตพฺพานิ กมฺมปเถหิ วา. ตตฺถ ปฺตฺติยา ตาว กายทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทสฺส วีติกฺกโม กายทุจฺจริตํ, วจีทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทสฺส วีติกฺกโม วจีทุจฺจริตํ, อุภยตฺถ ปฺตฺตสฺส วีติกฺกโม มโนทุจฺจริตนฺติ อยํ ปฺตฺติกถา. ปาณาติปาตาทโย ปน ติสฺโส เจตนา กายทฺวาเรปิ, วจีทฺวาเรปิ, อุปฺปนฺนา กายทุจฺจริตํ, ตถา จตสฺโส มุสาวาทาทิเจตนา วจีทุจฺจริตํ, อภิชฺฌา, พฺยาปาโท, มิจฺฉาทิฏฺีติ ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมา มโนทุจฺจริตนฺติ อยํ กมฺมปถกถา.
คาถายํ กมฺมปถปฺปตฺโตเยว ปาปธมฺโม กายทุจฺจริตาทิภาเวน วุตฺโตติ ตทฺํ ปาปธมฺมํ สงฺคณฺหิตุํ ‘‘ยฺจฺํ โทสสฺหิต’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ โทสสฺหิตนฺติ ราคาทิกิเลสสํหิตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สุจริตสุตฺตวณฺณนา
๖๕. ฉฏฺเ ¶ สุฏฺุ จริตานิ, สุนฺทรานิ วา จริตานิ สุจริตานิ. กาเยน สุจริตํ, กายโต วา ปวตฺตํ สุจริตํ กายสุจริตํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อิธาปิ ปน ปฺตฺติวเสน, กมฺมปถวเสน จาติ ทุวิธา กถา. ตตฺถ กายทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทสฺส อวีติกฺกโม กายสุจริตํ, วจีทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทสฺส อวีติกฺกโม วจีสุจริตํ, อุภยตฺถ ปฺตฺตสฺส อวีติกฺกโม มโนสุจริตนฺติ อยํ ปฺตฺติกถา. ปาณาติปาตาทีหิ ปน วิรมนฺตสฺส อุปฺปนฺนา ติสฺโส เจตนาปิ วิรติโยปิ กายสุจริตํ, มุสาวาทาทีหิ วิรมนฺตสฺส จตสฺโส เจตนาปิ วิรติโยปิ วจีสุจริตํ, อนภิชฺฌา, อพฺยาปาโท, สมฺมาทิฏฺีติ ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมา มโนสุจริตนฺติ อยํ กมฺมปถกถา. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. โสเจยฺยสุตฺตวณฺณนา
๖๖. สตฺตเม ¶ ¶ โสเจยฺยานีติ สุจิภาวา. กายโสเจยฺยนฺติ กายสุจริตํ, วจีมโนโสเจยฺยานิปิ วจีมโนสุจริตาเนว. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ กตมํ กายโสเจยฺยํ? ปาณาติปาตา เวรมณี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๓.๑๒๑-๑๒๒).
คาถายํ สมุจฺเฉทวเสน ปหีนสพฺพกายทุจฺจริตตฺตา กาเยน สุจีติ กายสุจิ. โสเจยฺยสมฺปนฺนนฺติ ปฏิปฺปสฺสทฺธกิเลสตฺตา สุปริสุทฺธาย โสเจยฺยสมฺปตฺติยา อุเปตํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. โมเนยฺยสุตฺตวณฺณนา
๖๗. อฏฺเม โมเนยฺยานีติ เอตฺถ อิธโลกปรโลกํ อตฺตหิตปรหิตฺจ มุนาตีติ มุนิ, กลฺยาณปุถุชฺชเนน สทฺธึ สตฺต เสกฺขา อรหา จ. อิธ ปน อรหาว อธิปฺเปโต. มุนิโน ภาวาติ โมเนยฺยานิ, อรหโต กายวจีมโนสมาจารา.
อถ ¶ วา มุนิภาวกรา โมเนยฺยปฏิปทาธมฺมา โมเนยฺยานิ. เตสมยํ วิตฺถาโร –
‘‘ตตฺถ กตมํ กายโมเนยฺยํ? ติวิธกายทุจฺจริตสฺส ปหานํ กายโมเนยฺยํ, ติวิธํ กายสุจริตํ กายโมเนยฺยํ, กายารมฺมเณ าณํ กายโมเนยฺยํ, กายปริฺา กายโมเนยฺยํ, ปริฺาสหคโต มคฺโค กายโมเนยฺยํ, กายสฺมึ ฉนฺทราคปฺปหานํ กายโมเนยฺยํ, กายสงฺขารนิโรธา จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติ กายโมเนยฺยํ.
‘‘ตตฺถ กตมํ วจีโมเนยฺยํ? จตุพฺพิธวจีทุจฺจริตสฺส ปหานํ วจีโมเนยฺยํ, จตุพฺพิธํ วจีสุจริตํ, วาจารมฺมเณ าณํ, วาจาปริฺา, ปริฺาสหคโต มคฺโค, วาจาย ฉนฺทราคปฺปหานํ, วจีสงฺขารนิโรธา ทุติยชฺฌานสมาปตฺติ วจีโมเนยฺยํ.
‘‘ตตฺถ ¶ กตมํ มโนโมเนยฺยํ? ติวิธมโนทุจฺจริตสฺส ปหานํ มโนโมเนยฺยํ, ติวิธํ มโนสุจริตํ, มนารมฺมเณ าณํ, มโนปริฺา, ปริฺาสหคโต มคฺโค, มนสฺมึ ฉนฺทราคปฺปหานํ, จิตฺตสงฺขารนิโรธา ¶ สฺาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติ มโนโมเนยฺย’’นฺติ (มหานิ. ๑๔; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๑).
นินฺหาตปาปกนฺติ อคฺคมคฺคชเลน สุฏฺุ วิกฺขาลิตปาปมลํ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปมราคสุตฺตวณฺณนา
๖๘. นวเม ยสฺส กสฺสจีติ อนิยมิตวจนํ, ตสฺมา ยสฺส กสฺสจิ ปุคฺคลสฺส คหฏฺสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา. ราโค อปฺปหีโนติ รฺชนฏฺเน ราโค สมุจฺเฉทวเสน น ปหีโน, มคฺเคน อนุปฺปตฺติธมฺมตํ น อาปาทิโต. โทสโมเหสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ อปายคมนียา ราคโทสโมหา ปมมคฺเคน, โอฬาริกา กามราคโทสา ทุติยมคฺเคน, เตเยว อนวเสสา ตติยมคฺเคน, ภวราโค อวสิฏฺโมโห จ จตุตฺถมคฺเคน ปหียนฺติ. เอวเมเตสุ ปหียนฺเตสุ ตเทกฏฺโต สพฺเพปิ กิเลสา ปหียนฺเตว. เอวเมเต ราคาทโย ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา อุปาสกสฺส วา อุปาสิกาย วา มคฺเคน อปฺปหีนา. พทฺโธ มารสฺสาติ กิเลสมาเรน พทฺโธติ วุจฺจติ. ยทคฺเคน จ กิเลสมาเรน พทฺโธ, ตทคฺเคน อภิสงฺขารมาราทีหิปิ ¶ พทฺโธเยว โหติ. ปฏิมุกฺกสฺส มารปาโสติ ปฏิมุกฺโก อสฺส อเนน อปฺปหีนกิเลเสน ปุคฺคเลน ตาเยว อปฺปหีนกิเลสตาย มารปาสสงฺขาโต กิเลโส อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน ปฏิมุกฺโก ปเวสิโต, เตน สยํ พนฺธาปิโตติ อตฺโถ. อถ วา ปฏิมุกฺโก อสฺส ภเวยฺย มารปาโส. สุกฺกปกฺเข โอมุกฺกสฺสาติ อวมุกฺโก โมจิโต อปนีโต อสฺส. เสสํ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํ.
อิธ คาถา สุกฺกปกฺขวเสเนว อาคตา. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส ราคโทสาวิชฺชา วิราชิตา อคฺคมคฺเคน นิโรธิตา, ตํ ภาวิตกายสีลจิตฺตปฺตาย ¶ ภาวิตตฺเตสุ อรหนฺเตสุ อฺตรํ อพฺภนฺตรํ เอกํ พฺรหฺมภูตํ พฺรหฺมํ วา เสฏฺํ อรหตฺตผลํ ¶ ปตฺตํ. ยถา อฺเ ขีณาสวา ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติสมนฺนาคตา หุตฺวา อาคตา, ยถา จ เต อนฺตทฺวยรหิตาย สีลสมาธิปฺากฺขนฺธสหคตาย มชฺฌิมาย ปฏิปทาย นิพฺพานํ คตา อธิคตา. ยถา วา เต ขนฺธาทีนํ ตถลกฺขณํ ยาถาวโต ปฏิวิชฺฌึสุ, ยถา จ เต ตถธมฺเม ทุกฺขาทโย อวิปรีตโต อพฺภฺึสุ, รูปาทิเก จ วิสเย ยถา เต ทิฏฺมตฺตาทิวเสเนว ปสฺสึสุ, ยถา วา ปน เต อฏฺ อนริยโวหาเร วชฺเชตฺวา อริยโวหารวเสเนว ปวตฺตวาจา, วาจานุรูปฺจ ปวตฺตกายา, กายานุรูปฺจ ปวตฺตวาจา, ตถา อยมฺปิ อริยปุคฺคโลติ ตถาคตํ, จตุสจฺจพุทฺธตาย พุทฺธํ, ปุคฺคลเวรํ กิเลสเวรํ อตฺตานุวาทาทิภยฺจ อติกฺกนฺตนฺติ เวรภยาตีตํ. สพฺเพสํ กิเลสาภิสงฺขาราทีนํ ปหีนตฺตา สพฺพปฺปหายินํ พุทฺธาทโย อริยา อาหุ กเถนฺติ กิตฺเตนฺตีติ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ทุติยราคสุตฺตวณฺณนา
๖๙. ทสเม อตรีติ ติณฺโณ, น ติณฺโณ อติณฺโณ. สมุทฺทนฺติ สํสารสมุทฺทํ, จกฺขายตนาทิสมุทฺทํ วา. ตทุภยมฺปิ ทุปฺปูรณฏฺเน สมุทฺโท วิยาติ สมุทฺทํ. อถ วา สมุทฺทนฏฺเน สมุทฺทํ, กิเลสวสฺสเนน สตฺตสนฺตานสฺส กิเลสสทนโตติ อตฺโถ. สวีจินฺติ โกธูปายาสวีจีหิ สวีจึ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘วีจิภยนฺติ โข, ภิกฺขุ, โกธูปายาสสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (อิติวุ. ๑๐๙; ม. นิ. ๒.๑๖๒). สาวฏฺฏนฺติ ปฺจกามคุณาวฏฺเฏหิ สห อาวฏฺฏํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อาวฏฺฏภยนฺติ โข, ภิกฺขุ, ปฺจนฺเนตํ กามคุณานํ อธิวจน’’นฺติ (อิติวุ. ๑๐๙; ม. นิ. ๒.๑๖๔; อ. นิ. ๔.๑๒๒). สคหํ สรกฺขสนฺติ อตฺตโน โคจรคตานํ ¶ อนตฺถชนนโต จณฺฑมกรมจฺฉกจฺฉปรกฺขสสทิเสหิ วิสภาคปุคฺคเลหิ สหิตํ. ตถา จาห ‘‘สคหํ สรกฺขสนฺติ ¶ โข, ภิกฺขุ, มาตุคามสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (อิติวุ. ๑๐๙). อตรีติ มคฺคปฺานาวาย ยถาวุตฺตํ สมุทฺทํ อุตฺตริ. ติณฺโณติ นิตฺติณฺโณ. ปารงฺคโตติ ¶ ตสฺส สมุทฺทสฺส ปารํ ปรตีรํ นิโรธํ อุปคโต. ถเล ติฏฺตีติ ตโต เอว สํสารมโหฆํ กามาทิมโหฆฺจ อติกฺกมิตฺวา ถเล ปรตีเร นิพฺพาเน พาหิตปาปพฺราหฺมโณ ติฏฺตีติ วุจฺจติ.
อิธาปิ คาถา สุกฺกปกฺขวเสเนว อาคตา. ตตฺถ อูมิภยนฺติ ยถาวุตฺตอูมิภยํ, ภายิตพฺพํ เอตสฺมาติ ตํ อูมิ ภยํ. ทุตฺตรนฺติ ทุรติกฺกมํ. อจฺจตารีติ อติกฺกมิ.
สงฺคาติโคติ ราคาทีนํ ปฺจนฺนํ สงฺคานํ อติกฺกนฺตตฺตา ปหีนตฺตา สงฺคาติโค. อตฺถงฺคโต โส น ปมาณเมตีติ โส เอวํภูโต อรหา ราคาทีนํ ปมาณกรธมฺมานํ อจฺจนฺตเมว อตฺถํ คตตฺตา อตฺถงฺคโต, ตโต เอว สีลาทิธมฺมกฺขนฺธปาริปูริยา จ ‘‘เอทิโส สีเลน สมาธินา ปฺายา’’ติ เกนจิ ปมิณิตุํ อสกฺกุเณยฺโย ปมาณํ น เอติ, อถ วา อนุปาทิเสสนิพฺพานสงฺขาตํ อตฺถํ คโต โส อรหา ‘‘อิมาย นาม คติยา ิโต, เอทิโส จ นามโคตฺเตนา’’ติ ปมิณิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ปมาณํ น เอติ น อุปคจฺฉติ. ตโต เอว อโมหยิ มจฺจุราชํ, เตน อนุพนฺธิตุํ อสกฺกุเณยฺโยติ วทามีติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุยาว เทสนํ นิฏฺาเปสิ. อิติ อิมสฺมึ วคฺเค ปมปฺจมฉฏฺเสุ วฏฺฏํ กถิตํ, ทุติยสตฺตมอฏฺเมสุ วิวฏฺฏํ, เสเสสุ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยวคฺโค
๑. มิจฺฉาทิฏฺิกสุตฺตวณฺณนา
๗๐. ตติยวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม ทิฏฺา มยาติ มยา ทิฏฺา, มม สมนฺตจกฺขุนา ทิพฺพจกฺขุนา จาติ ทฺวีหิปิ จกฺขูหิ ทิฏฺา ปจฺจกฺขโต วิทิตา. เตน อนุสฺสวาทึ ปฏิกฺขิปติ, อยฺจ อตฺโถ อิทาเนว ปาฬิยํ อาคมิสฺสติ. กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตาติ กายทุจฺจริเตน สมงฺคีภูตา. อริยานํ อุปวาทกาติ พุทฺธาทีนํ อริยานํ อนฺตมโส คิหิโสตาปนฺนานมฺปิ คุณปริธํสเนน อภูตพฺภกฺขาเนน อุปวาทกา อกฺโกสกา ครหกา. มิจฺฉาทิฏฺิกาติ ¶ วิปรีตทสฺสนา. มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานาติ มิจฺฉาทสฺสนเหตุ สมาทินฺนนานาวิธกมฺมา เย จ, มิจฺฉาทิฏฺิมูลเกสุ กายกมฺมาทีสุ อฺเปิ สมาทเปนฺติ. เอตฺถ จ วจีมโนทุจฺจริตคฺคหเณเนว อริยูปวาทมิจฺฉาทิฏฺีสุ คหิตาสุ ปุนวจนํ มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถํ เนสํ. มหาสาวชฺโช หิ อริยูปวาโท อานนฺตริยสทิโส. ยถาห –
‘‘เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน, สมาธิสมฺปนฺโน, ปฺาสมฺปนฺโน, ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย; เอวํสมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ ตํ วาจํ อปฺปหาย, ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย, ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๙).
มิจฺฉาทิฏฺิโต จ มหาสาวชฺชตรํ นาม อฺํ นตฺถิ. ยถาห –
‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ มหาสาวชฺชตรํ ยถยิทํ, ภิกฺขเว, มิจฺฉาทิฏฺิ. มิจฺฉาทิฏฺิปรมานิ, ภิกฺขเว, วชฺชานี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐).
ตํ ¶ โข ปนาติอาทิ ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส อตฺตปจฺจกฺขภาวํ ทฬฺหตรํ กตฺวา ทสฺเสตุํ อารทฺธํ. ตมฺปิ สุวิฺเยฺยเมว.
คาถาสุ มิจฺฉา มนํ ปณิธายาติ อภิชฺฌาทีนํ วเสน จิตฺตํ อโยนิโส เปตฺวา. มิจฺฉา ¶ วาจฺจ ภาสิยาติ มิจฺฉา มุสาวาทาทิวเสน วาจํ ภาสิตฺวา. มิจฺฉา กมฺมานิ กตฺวานาติ ปาณาติปาตาทิวเสน กายกมฺมานิ กตฺวา. อถ วา มิจฺฉา มนํ ปณิธายาติ มิจฺฉาทิฏฺิวเสน จิตฺตํ วิปรีตํ เปตฺวา. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. อิทานิสฺส ตถา ทุจฺจริตจรเณ การณํ ทสฺเสติ อปฺปสฺสุโตติ, อตฺตโน ปเรสฺจ หิตาวเหน สุเตน วิรหิโตติ อตฺโถ. อปฺุกโรติ ตโต เอว อริยธมฺมสฺส อโกวิทตาย กิพฺพิสการี ปาปธมฺโม. อปฺปสฺมึ อิธ ชีวิเตติ อิธ มนุสฺสโลเก ชีวิเต อติปริตฺเต. ตถา จาห ‘‘โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๓; สํ. นิ. ๑.๑๔๕), ‘‘อปฺปมายุ มนุสฺสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑๔๕; มหานิ. ๑๐) จ. ตสฺมา พหุสฺสุโต สปฺปฺโ สีฆํ ปฺุานิ กตฺวา สคฺคูปโค นิพฺพานปติฏฺโ ¶ วา โหติ. โย ปน อปฺปสฺสุโต อปฺุกโร, กายสฺส เภทา ทุปฺปฺโ นิรยํ โส อุปปชฺชตีติ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สมฺมาทิฏฺิกสุตฺตวณฺณนา
๗๑. ทุติเย ปมสุตฺเต วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. นิสฺสรณิยสุตฺตวณฺณนา
๗๒. ตติเย นิสฺสรณิยาติ นิสฺสรณปฏิสํยุตฺตา. ธาตุโยติ สตฺตสฺุสภาวา. กามานนฺติ กิเลสกามานฺเจว วตฺถุกามานฺจ. อถ วา กามานนฺติ กิเลสกามานํ. กิเลสกามโต หิ นิสฺสรณา วตฺถุกาเมหิปิ นิสฺสรณํเยว โหติ, น อฺถา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘น ¶ ¶ เต กามา ยานิ จิตฺรานิ โลเก,
สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม;
ติฏฺนฺติ จิตฺรานิ ตเถว โลเก,
อเถตฺถ ธีรา วินยนฺติ ฉนฺท’’นฺติ. (อ. นิ. ๖.๖๓);
นิสฺสรณนฺติ อปคโม. เนกฺขมฺมนฺติ ปมชฺฌานํ, วิเสสโต ตํ อสุภารมฺมณํ ทฏฺพฺพํ. โย ปน ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา ตติยมคฺคํ ปตฺวา อนาคามิมคฺเคน นิพฺพานํ สจฺฉิกโรติ, ตสฺส จิตฺตํ อจฺจนฺตเมว กาเมหิ นิสฺสฏนฺติ อิทํ อุกฺกฏฺโต กามานํ นิสฺสรณํ เวทิตพฺพํ. รูปานนฺติ รูปธมฺมานํ, วิเสเสน สทฺธึ อารมฺมเณหิ กุสลวิปากกิริยาเภทโต สพฺเพสํ รูปาวจรธมฺมานํ. อารุปฺปนฺติ อรูปาวจรชฺฌานํ. เกจิ ปน ‘‘กามาน’’นฺติ ปทสฺส ‘‘สพฺเพสํ กามาวจรธมฺมาน’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติ. ‘‘เนกฺขมฺม’’นฺติ จ ‘‘ปฺจ รูปาวจรชฺฌานานี’’ติ. ตํ อฏฺกถาสุ ¶ นตฺถิ, น ยุชฺชติ จ. ภูตนฺติ ชาตํ. สงฺขตนฺติ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตํ. ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ การณโต นิพฺพตฺตํ. ตีหิปิ ปเทหิ เตภูมเก ธมฺเม อนวเสสโต ปริยาทิยติ. นิโรโธติ นิพฺพานํ. เอตฺถ จ ปมาย ธาตุยา กามปริฺา วุตฺตา, ทุติยาย รูปปริฺา, ตติยาย สพฺพสงฺขตปริฺา สพฺพภวสมติกฺกโม วุตฺโต.
คาถาสุ กามนิสฺสรณํ ตฺวาติ ‘‘อิทํ กามนิสฺสรณํ – เอวฺจ กามโต นิสฺสรณ’’นฺติ ชานิตฺวา. อติกฺกมติ เอเตนาติ อติกฺกโม, อติกฺกมนูปาโย, ตํ อติกฺกมํ อารุปฺปํ ตฺวา. สพฺเพ สงฺขารา สมนฺติ วูปสมนฺติ เอตฺถาติ สพฺพสงฺขารสมโถ, นิพฺพานํ, ตํ ผุสํ ผุสนฺโต. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สนฺตตรสุตฺตวณฺณนา
๗๓. จตุตฺเถ ¶ รูเปหีติ รูปาวจรธมฺเมหิ. สนฺตตราติ อติสเยน สนฺตา. รูปาวจรธมฺมา หิ กิเลสวิกฺขมฺภนโต วิตกฺกาทิโอฬาริกงฺคปฺปหานโต สมาธิภูมิภาวโต จ สนฺตา นาม, อารุปฺปา ปน เตหิปิ องฺคสนฺตตาย เจว อารมฺมณสนฺตตาย จ อติสเยน สนฺตวุตฺติกา, เตน สนฺตตราติ วุตฺตา. นิโรโธติ นิพฺพานํ. สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติโตปิ หิ ¶ จตุตฺถารุปฺปโต ผลสมาปตฺติโยว สนฺตตรา กิเลสทรถปฏิปสฺสทฺธิโต นิพฺพานารมฺมณโต จ, กิมงฺคํ ปน สพฺพสงฺขารสมโถ นิพฺพานํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อารุปฺเปหิ นิโรโธ สนฺตตโร’’ติ.
คาถาสุ รูปูปคาติ รูปภวูปคา. รูปภโว หิ อิธ รูปนฺติ วุตฺโต, ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวตี’’ติอาทีสุ วิย. อรูปฏฺายิโนติ อรูปาวจรา. นิโรธํ อปฺปชานนฺตา, อาคนฺตาโร ปุนพฺภวนฺติ เอเตน รูปารูปาวจรธมฺเมหิ นิโรธสฺส สนฺตภาวเมว ทสฺเสติ. อรูเปสุ อสณฺิตาติ อรูปราเคน อรูปภเวสุ อปฺปติฏฺหนฺตา, เตปิ ปริชานนฺตาติ อตฺโถ. นิโรเธ เย วิมุจฺจนฺตีติ เอตฺถ เยติ นิปาตมตฺตํ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปุตฺตสุตฺตวณฺณนา
๗๔. ปฺจเม ¶ ปุตฺตาติ อตฺรชา โอรสปุตฺตา, ทินฺนกาทโยปิ วา. สนฺโตติ ภวนฺตา สํวิชฺชมานา โลกสฺมินฺติ อิมสฺมึ โลเก อุปลพฺภมานา. อตฺถิภาเวน สนฺโต, ปากฏภาเวน วิชฺชมานา. อติชาโตติ อตฺตโน คุเณหิ มาตาปิตโร อติกฺกมิตฺวา ชาโต, เตหิ อธิกคุโณติ อตฺโถ. อนุชาโตติ ¶ คุเณหิ มาตาปิตูนํ อนุรูโป หุตฺวา ชาโต, เตหิ สมานคุโณติ อตฺโถ. อวชาโตติ คุเณหิ มาตาปิตูนํ อธโม หุตฺวา ชาโต, เตหิ หีนคุโณติ อตฺโถ. เยหิ ปน คุเณหิ ยุตฺโต มาตาปิตูนํ อธิโก สโม หีโนติ จ อธิปฺเปโต, เต วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุตฺโต อติชาโต โหตี’’ติ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉํ กตฺวา ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ปุตฺตสฺสา’’ติอาทินา นิทฺเทโส อารทฺโธ.
ตตฺถ น พุทฺธํ สรณํ คตาติอาทีสุ พุทฺโธติ สพฺพธมฺเมสุ อปฺปฏิหตาณนิมิตฺตานุตฺตรวิโมกฺขาธิคมปริภาวิตํ ขนฺธสนฺตานํ, สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานํ วา สจฺจาภิสมฺโพธึ อุปาทาย ปฺตฺติโก สตฺตาติสโย พุทฺโธ. ยถาห –
‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต, พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๑) –
อยํ ¶ ตาว อตฺถโต พุทฺธวิภาวนา.
พฺยฺชนโต ปน สวาสนาย กิเลสนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคเมน พุทฺธวา ปฏิพุทฺธวาติ พุทฺโธ, พุทฺธิยา วา วิกสิตภาเวน พุทฺธวา วิพุทฺธวาติ พุทฺโธ, พุชฺฌิตาติ พุทฺโธ, โพเธตาติ พุทฺโธติ เอวมาทินา นเยน เวทิตพฺโพ. ยถาห –
‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ, สพฺพฺุตาย พุทฺโธ, สพฺพทสฺสาวิตาย พุทฺโธ, อนฺเนยฺยตาย พุทฺโธ, วิสวิตาย พุทฺโธ, ขีณาสวสงฺขาเตน พุทฺโธ, นิรุปกฺกิเลสสงฺขาเตน พุทฺโธ, เอกนฺตวีตราโคติ พุทฺโธ, เอกนฺตวีตโทโสติ ¶ พุทฺโธ, เอกนฺตวีตโมโหติ พุทฺโธ, เอกนฺตนิกฺกิเลโสติ พุทฺโธ, เอกายนมคฺคํ คโตติ พุทฺโธ, เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ พุทฺโธ, อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฏิลาภาติ พุทฺโธ, พุทฺโธติ เจตํ นามํ น มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ, น าติสาโลหิเตหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ, อถ โข วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกา ปฺตฺติ, ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒).
หึสตีติ ¶ สรณํ, สพฺพํ อนตฺถํ อปายทุกฺขํ สพฺพํ สํสารทุกฺขํ หึสติ วินาเสติ วิทฺธํเสตีติ อตฺโถ. สรณํ คตาติ ‘‘พุทฺโธ ภควา อมฺหากํ สรณํ คติ ปรายณํ ปฏิสรณํ อฆสฺส หนฺตา หิตสฺส วิธาตา’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน พุทฺธํ ภควนฺตํ คจฺฉาม ภชาม เสวาม ปยิรุปาสาม. เอวํ วา ชานาม พุชฺฌามาติ เอวํ คตา อุปคตา พุทฺธํ สรณํ คตา. ตปฺปฏิกฺเขเปน น พุทฺธํ สรณํ คตา.
ธมฺมํ สรณํ คตาติ อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จตูสุ อปาเยสุ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ ธมฺโม. โส อตฺถโต อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ วิตฺถาโร (อ. นิ. ๔.๓๔).
น ¶ เกวลฺจ อริยมคฺคนิพฺพานานิ เอว, อปิจ โข อริยผเลหิ สทฺธึ ปริยตฺติธมฺโม จ. วุตฺตฺเหตํ ฉตฺตมาณวกวิมาเน –
‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ,
ธมฺมมสงฺขตมปฺปฏิกูลํ;
มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ,
ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๗);
ตตฺถ หิ ราควิราโคติ มคฺโค กถิโต, อเนชมโสกนฺติ ผลํ, ธมฺมสงฺขตนฺติ นิพฺพานํ, อปฺปฏิกูลํ มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตนฺติ ปิฏกตฺตเยน วิภตฺตา ¶ สพฺพธมฺมกฺขนฺธา กถิตา. ตํ ธมฺมํ วุตฺตนเยน สรณนฺติ คตา ธมฺมํ สรณํ คตา. ตปฺปฏิกฺเขเปน น ธมฺมํ สรณํ คตา.
ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตน สํหโตติ สงฺโฆ. โส อตฺถโต อฏฺอริยปุคฺคลสมูโห. วุตฺตฺเหตํ ตสฺมึ เอว วิมาเน –
‘‘ยตฺถ จ ทินฺน มหปฺผลมาหุ,
จตูสุ สุจีสุ ปุริสยุเคสุ;
อฏฺ จ ปุคฺคล ธมฺมทสา เต,
สงฺฆมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๘);
ตํ ¶ สงฺฆํ วุตฺตนเยน สรณนฺติ คตา สงฺฆํ สรณํ คตา. ตปฺปฏิกฺเขเปน น สงฺฆํ สรณํ คตาติ.
เอตฺถ จ สรณคมนโกสลฺลตฺถํ สรณํ สรณคมนํ, โย จ สรณํ คจฺฉติ สรณคมนปฺปเภโท, ผลํ, สํกิเลโส, เภโท, โวทานนฺติ อยํ วิธิ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ ปทตฺถโต ตาว หึสตีติ สรณํ, สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุกฺขํ ทุคฺคตึ ปริกิเลสํ หนติ วินาเสตีติ อตฺโถ, รตนตฺตยสฺเสตํ อธิวจนํ. อถ วา หิเต ปวตฺตเนน อหิตา นิวตฺตเนน จ สตฺตานํ ภยํ หึสตีติ พุทฺโธ สรณํ, ภวกนฺตารโต อุตฺตารเณน อสฺสาสทาเนน จ ธมฺโม, อปฺปกานมฺปิ การานํ วิปุลผลปฏิลาภกรเณน สงฺโฆ. ตสฺมา ¶ อิมินาปิ ปริยาเยน รตนตฺตยํ สรณํ. ตปฺปสาทตคฺครุตาหิ วิหตกิเลโส ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํ. ตํสมงฺคิสตฺโต สรณํ คจฺฉติ, วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตุปฺปาเทน ‘‘เอตานิ เม ตีณิ รตนานิ สรณํ, เอตานิ ปรายณ’’นฺติ เอวํ อุเปตีติ อตฺโถ. เอวํ ตาว สรณํ สรณคมนํ, โย จ สรณํ คจฺฉตีติ อิทํ ตยํ เวทิตพฺพํ.
ปเภทโต ปน ทุวิธํ สรณคมนํ – โลกิยํ, โลกุตฺตรฺจ. ตตฺถ โลกุตฺตรํ ทิฏฺสจฺจานํ มคฺคกฺขเณ สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉเทน อารมฺมณโต นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌติ, โลกิยํ ปุถุชฺชนานํ สรณคมนุปกฺกิเลสวิกฺขมฺภเนน อารมฺมณโต พุทฺธาทิคุณารมฺมณํ หุตฺวา อิชฺฌติ. ตํ อตฺถโต พุทฺธาทีสุ วตฺถูสุ สทฺธาปฏิลาโภ ¶ , สทฺธามูลิกา จ สมฺมาทิฏฺิ ทสสุ ปฺุกิริยวตฺถูสุ ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ วุจฺจติ.
ตยิทํ จตุธา ปวตฺตติ – อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน, ตปฺปรายณตาย, สิสฺสภาวูปคมเนน, ปณิปาเตนาติ. ตตฺถ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ อตฺตานํ พุทฺธสฺส นิยฺยาเตมิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺสา’’ติ เอวํ พุทฺธาทีนํ อตฺตปริจฺจชนํ. ตปฺปรายณํ นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ พุทฺธปรายโณ, ธมฺมปรายโณ, สงฺฆปรายโณ อิติ มํ ธาเรหี’’ติ เอวํ ตปฺปฏิสรณภาโว ¶ ตปฺปรายณตา. สิสฺสภาวูปคมนํ นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ พุทฺธสฺส อนฺเตวาสิโก, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺส อิติ มํ ธาเรตู’’ติ เอวํ สิสฺสภาวสฺส อุปคมนํ. ปณิปาโต นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมํ พุทฺธาทีนํ เอว ติณฺณํ วตฺถูนํ กโรมิ อิติ มํ ธาเรตู’’ติ เอวํ พุทฺธาทีสุ ปรมนิปจฺจกาโร. อิเมสฺหิ จตุนฺนํ อาการานํ อฺตรํ กโรนฺเตน คหิตํ เอว โหติ สรณคมนํ.
อปิจ ‘‘ภควโต อตฺตานํ ปริจฺจชามิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺส อตฺตานํ ปริจฺจชามิ, ชีวิตํ ปริจฺจชามิ, ปริจฺจตฺโต เอว เม อตฺตา ชีวิตฺจ, ชีวิตปริยนฺติกํ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ, พุทฺโธ เม สรณํ ตาณํ เลณ’’นฺติ เอวมฺปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ เวทิตพฺพํ. ‘‘สตฺถารฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยํ; สุคตฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยํ; สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ; ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) เอวํ มหากสฺสปตฺเถรสฺส สรณคมนํ วิย สิสฺสภาวูปคมนํ ทฏฺพฺพํ.
‘‘โส ¶ อหํ วิจริสฺสามิ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;
นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมต’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๔) –
เอวํ อาฬวกาทีนํ สรณคมนํ วิย ตปฺปรายณตา เวทิตพฺพา. ‘‘อถ โข, พฺรหฺมายุ, พฺราหฺมโณ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ ‘พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ, พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ’’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๙๔) เอวํ ปณิปาโต ทฏฺพฺโพ.
โส ¶ ปเนส าติภยาจริยทกฺขิเณยฺยวเสน จตุพฺพิโธ โหติ. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยปณิปาเตน สรณคมนํ โหติ, น อิตเรหิ. เสฏฺวเสเนว หิ สรณํ คยฺหติ, เสฏฺวเสน ¶ ภิชฺชติ. ตสฺมา โย ‘‘อยเมว โลเก สพฺพสตฺตุตฺตโม อคฺคทกฺขิเณยฺโย’’ติ วนฺทติ, เตเนว สรณํ คหิตํ โหติ, น าติภยาจริยสฺาย วนฺทนฺเตน. เอวํ คหิตสรณสฺส อุปาสกสฺส วา อุปาสิกาย วา อฺติตฺถิเยสุ ปพฺพชิตมฺปิ ‘‘าตโก เม อย’’นฺติ วนฺทโต สรณํ น ภิชฺชติ, ปเคว อปพฺพชิตํ. ตถา ราชานํ ภเยน วนฺทโต. โส หิ รฏฺปูชิตตฺตา อวนฺทิยมาโน อนตฺถมฺปิ กเรยฺยาติ. ตถา ยํกิฺจิ สิปฺปํ สิกฺขาปกํ ติตฺถิยมฺปิ ‘‘อาจริโย เม อย’’นฺติ วนฺทโตปิ น ภิชฺชติ. เอวํ สรณคมนสฺส ปเภโท เวทิตพฺโพ.
เอตฺถ จ โลกุตฺตรสฺส สรณคมนสฺส จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผลํ, สพฺพทุกฺขกฺขโย อานิสํสผลํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;
จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ.
‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;
อริยํ จฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.
‘‘เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;
เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๙๐-๑๙๒);
อปิจ ¶ นิจฺจโต อนุปคมนาทีนิปิ เอตสฺส อานิสํสผลํ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล กฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺย, สุขโต อุปคจฺเฉยฺย, กฺจิ ธมฺมํ อตฺตโต อุปคจฺเฉยฺย, มาตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ปิตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, อรหนฺตํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ทุฏฺจิตฺโต ตถาคตสฺส โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย, สงฺฆํ ภินฺเทยฺย, อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺย เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๗-๑๒๘; อ. นิ. ๑.๒๖๘-๒๗๖; วิภ. ๘๐๙).
โลกิยสฺส ¶ ปน สรณคมนสฺส ภวสมฺปทาปิ โภคสมฺปทาปิ ผลเมว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส,
น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;
ปหาย มานุสํ เทหํ,
เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๓๗);
อปรมฺปิ ¶ วุตฺตํ –
‘‘อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท อสีติยา เทวตาสหสฺเสหิ สทฺธึ เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ…เป… เอกมนฺตํ ิตํ โข สกฺกํ เทวานมินฺทํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ – ‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, พุทฺธํ สรณคมนํ โหติ. พุทฺธํ สรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท, เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. เต อฺเ เทเว ทสหิ าเนหิ อธิคณฺหนฺติ – ทิพฺเพน อายุนา, ทิพฺเพน วณฺเณน, ทิพฺเพน สุเขน, ทิพฺเพน ยเสน, ทิพฺเพน อาธิปเตยฺเยน, ทิพฺเพหิ รูเปหิ, ทิพฺเพหิ สทฺเทหิ, ทิพฺเพหิ คนฺเธหิ, ทิพฺเพหิ รเสหิ, ทิพฺเพหิ โผฏฺพฺเพหิ…เป… ธมฺมํ, สงฺฆํ…เป… โผฏฺพฺเพหี’’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑).
เวลามสุตฺตาทิวเสนปิ (อ. นิ. ๙.๒๐) สรณคมนสฺส ผลวิเสโส เวทิตพฺโพ. เอวํ สรณคมนสฺส ผลํ เวทิตพฺพํ.
โลกิยสรณคมนฺเจตฺถ ¶ ตีสุ วตฺถูสุ อฺาณสํสยมิจฺฉาาณาทีหิ สํกิลิสฺสติ, น มหาชุติกํ โหติ น มหาวิปฺผารํ. โลกุตฺตรสฺส ปน สํกิเลโส นตฺถิ. โลกิยสฺส จ สรณคมนสฺส ทุวิโธ เภโท – สาวชฺโช, อนวชฺโช จ. ตตฺถ สาวชฺโช อฺสตฺถาราทีสุ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีหิ โหติ, โส อนิฏฺผโล. อนวชฺโช กาลกิริยาย, โส อวิปากตฺตา อผโล. โลกุตฺตรสฺส ปน เนวตฺถิ เภโท. ภวนฺตเรปิ หิ อริยสาวโก อฺํ สตฺถารํ น อุทฺทิสตีติ เอวํ สรณคมนสฺส สํกิเลโส จ เภโท จ เวทิตพฺโพ.
โวทานมฺปิ ¶ จ โลกิยสฺเสว ยสฺส หิ สํกิเลโส, ตสฺเสว ตโต โวทาเนน ภวิตพฺพํ. โลกุตฺตรํ ปน นิจฺจโวทานเมวาติ.
ปาณาติปาตาติ เอตฺถ ปาณสฺส สรเสเนว ปตนสภาวสฺส อนฺตรา เอว อติปาตนํ อติปาโต, สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา สีฆํ ปาตนนฺติ อตฺโถ. อติกฺกมฺม วา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาตนํ อติปาโต, ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติ. ปาโณติ เจตฺถ ขนฺธสนฺตาโน, โย สตฺโตติ โวหรียติ, ปรมตฺถโต รูปารูปชีวิตินฺทฺริยํ. รูปชีวิตินฺทฺริเย หิ วิโกปิเต อิตรมฺปิ ตํสมฺพนฺธตาย วินสฺสตีติ. ตสฺมึ ปน ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา ¶ กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโต. ยาย หิ เจตนาย ปวตฺตมานสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส นิสฺสยภูเตสุ อุปกฺกมกรณเหตุกมหาภูตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกมหาภูตา ปุริมสทิสา น อุปฺปชฺชนฺติ, วิสทิสา เอว อุปฺปชฺชนฺติ, สา ตาทิสปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ปาณาติปาโต. ลทฺธูปกฺกมานิ หิ ภูตานิ ปุริมภูตานิ วิย น วิสทานีติ สมานชาติยานํ การณานิ น โหนฺตีติ. ‘‘กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปฺปวตฺตา’’ติ อิทํ มโนทฺวาเร ปวตฺตาย วธกเจตนาย ปาณาติปาตตาสมฺภวทสฺสนํ. กุลุมฺพสุตฺเตปิ หิ ‘‘อิเธกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโต วสิปฺปตฺโต อฺิสฺสา กุจฺฉิคตํ คพฺภํ ปาปเกน มนสา อนุเปกฺขิตา โหตี’’ติ วิชฺชามยิทฺธิ อธิปฺเปตา. สา จ วจีทฺวารํ มฺุจิตฺวา น สกฺกา นิพฺพตฺเตตุนฺติ วจีทฺวารวเสเนว นิปฺปชฺชติ. เย ปน ‘‘ภาวนามยิทฺธิ ตตฺถ อธิปฺเปตา’’ติ วทนฺติ, เตสํ วาโท กุสลตฺติกเวทนตฺติกวิตกฺกตฺติกภูมนฺตเรหิ วิรุชฺฌติ.
สฺวายํ ปาณาติปาโต คุณรหิเตสุ ติรจฺฉานคตาทีสุ ขุทฺทเก ปาเณ อปฺปสาวชฺโช, มหาสรีเร มหาสาวชฺโช. กสฺมา? ปโยคมหนฺตตาย. ปโยคสมตฺเตปิ วตฺถุมหนฺตตาทีหิ มหาสาวชฺโช, คุณวนฺเตสุ มนุสฺสาทีสุ อปฺปคุเณ ปาเณ อปฺปสาวชฺโช, มหาคุเณ มหาสาวชฺโช ¶ . สรีรคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานํ อุปกฺกมานฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺโช, ติพฺพตาย มหาสาวชฺโช.
เอตฺถ จ ปโยควตฺถุมหนฺตตาทีหิ มหาสาวชฺชตา เตหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชมานาย เจตนาย พลวภาวโต เวทิตพฺพา. ยถาธิปฺเปตสฺส ปโยคสฺส ¶ สหสา นิปฺผาทนวเสน สกิจฺจสาธิกาย พหุกฺขตฺตุํ ปวตฺตชวเนหิ ลทฺธาเสวนาย จ สนฺนิฏฺาปกเจตนาย ปโยคสฺส มหนฺตภาโว. สติปิ กทาจิ ขุทฺทเก เจว มหนฺเต จ ปาเณ ปโยคสฺส สมภาเว มหนฺตํ หนนฺตสฺส เจตนา ติพฺพตรา อุปฺปชฺชตีติ วตฺถุมหนฺตตาปิ เจตนาย พลวภาวสฺส การณํ. อิติ อุภยมฺเปตํ เจตนาพลวภาเวเนว มหาสาวชฺชตาย เหตุ โหติ. ตถา หนฺตพฺพสฺส มหาคุณภาเว ตตฺถ ปวตฺตอุปการเจตนา วิย เขตฺตวิเสสนิปฺผตฺติยา อปการเจตนาปิ พลวตี ติพฺพตรา อุปฺปชฺชตีติ ตสฺส มหาสาวชฺชตา ¶ ทฏฺพฺพา. ตสฺมา ปโยควตฺถุอาทิปจฺจยานํ อมหตฺเตปิ คุณมหนฺตตาทิปจฺจเยหิ เจตนาย พลวภาววเสเนว มหาสาวชฺชตา เวทิตพฺพา.
ตสฺส ปาโณ, ปาณสฺิตา, วธกจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน มรณนฺติ ปฺจ สมฺภารา. ปฺจสมฺภารยุตฺโต ปาณาติปาโตติ ปฺจสมฺภาราวินิมุตฺโต ทฏฺพฺโพ. เตสุ ปาณสฺิตาวธกจิตฺตานิ ปุพฺพภาคิยานิปิ โหนฺติ, อุปกฺกโม วธกเจตนาสมุฏฺาปิโต. ตสฺส ฉ ปโยคา – สาหตฺถิโก, อาณตฺติโก, นิสฺสคฺคิโย, ถาวโร, วิชฺชามโย, อิทฺธิมโยติ. เตสุ สหตฺเถน นิพฺพตฺโต สาหตฺถิโก. ปเรสํ อาณาปนวเสน ปวตฺโต อาณตฺติโก. อุสุสตฺติอาทีนํ นิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺโต นิสฺสคฺคิโย. โอปาตขณนาทิวเสน ปวตฺโต ถาวโร. อาถพฺพณิกาทีนํ วิย มนฺตปริชปฺปนปโยโค วิชฺชามโย. ทาาโกฏฺฏนาทีนํ วิย กมฺมวิปากชิทฺธิมโย.
เอตฺถาห – ขเณ ขเณ นิรุชฺฌนสภาเวสุ สงฺขาเรสุ, โก หนฺตา, โก วา หฺติ? ยทิ จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน, โส อรูปิตาย น เฉทนเภทนาทิวเสน วิโกปนสมตฺโถ, นาปิ วิโกปนีโย, อถ รูปสนฺตาโน, โส อเจตนตาย กฏฺกลิงฺครูปโมติ น ตตฺถ เฉทนาทินา ปาณาติปาโต ลพฺภติ, ยถา มตสรีเร. ปโยโคปิ ปาณาติปาตสฺส ยถาวุตฺโต ปหรณปฺปหาราทิโก อตีเตสุ สงฺขาเรสุ ภเวยฺย อนาคเตสุ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ วา. ตตฺถ น ตาว อตีเตสุ อนาคเตสุ จ สมฺภวติ เตสํ อวิชฺชมานสภาวตฺตา, ปจฺจุปฺปนฺเนสุ ¶ จ สงฺขารานํ ขณิกตฺตา สรเสเนว นิรุชฺฌนสภาวตาย วินาสาภิมุเขสุ นิปฺปโยชโน ปโยโค สิยา, วินาสสฺส จ การณรหิตตฺตา น ปหรณปฺปหาราทิปฺปโยคเหตุกํ มรณํ, นิรีหตฺตา จ สงฺขารานํ กสฺส ¶ โส ปโยโค, ขณิกภาเวน วธาธิปฺปายสมกาลเมว ภิชฺชนกสฺส ยาว กิริยาปริโยสานกาลมนวฏฺานโต กสฺส วา ปาณาติปาโต กมฺมพนฺโธติ?
วุจฺจเต – ยถาวุตฺตวธกเจตนาสมงฺคี สงฺขารานํ ปฺุโช สตฺตสงฺขาโต หนฺตา. เตน ปวตฺติตวธปฺปโยคนิมิตฺตํ อปคตุสฺมาวิฺาณชีวิตินฺทฺริโย มโตติ โวหารสฺส วตฺถุภูโต ยถาวุตฺตวธปฺปโยคากรเณ ปุพฺเพ วิย อุทฺธํ ปวตฺตนารโห รูปารูปธมฺมปฺุโช หฺติ, จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน ¶ เอว วา. วธปฺปโยคาวิสยภาเวปิ ตสฺส ปฺจโวการภเว รูปสนฺตานาธีนวุตฺติตาย ภูตรูเปสุ กตปฺปโยควเสน ชีวิตินฺทฺริยวิจฺเฉเทน โสปิ วิจฺฉิชฺชตีติ น ปาณาติปาตสฺส อสมฺภโว, นาปิ อเหตุโก, น จ ปโยโค นิปฺปโยชโน. ปจฺจุปฺปนฺเนสุ สงฺขาเรสุ กตปฺปโยควเสน ตทนนฺตรํ อุปฺปชฺชนารหสฺส สงฺขารกลาปสฺส ตถา อนุปฺปตฺติโต ขณิกานฺจ สงฺขารานํ ขณิกมรณสฺส อิธ มรณภาเวน อนธิปฺเปตตฺตา สนฺตติมรณสฺส จ ยถาวุตฺตนเยน สเหตุกภาวโต น อเหตุกํ มรณํ, นิรีหเกสุปิ สงฺขาเรสุ ยถาปจฺจยํ อุปฺปชฺชิตฺวา อตฺถิภาวมตฺเตเนว อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปผลุปฺปาทนนิยตานิ การณานิเยว กโรนฺตีติ วุจฺจติ, ยถา ปทีโป ปกาเสตีติ, ตเถว ฆาตกโวหาโร. น จ เกวลสฺส วธาธิปฺปายสหภุโน จิตฺตเจตสิกกลาปสฺส ปาณาติปาโต อิจฺฉิโต, สนฺตานวเสน วตฺตมานสฺเสว ปน อิจฺฉิโตติ อตฺเถว ปาณาติปาเตน กมฺมพนฺโธ. สนฺตานวเสน วตฺตมานานฺจ ปทีปาทีนํ อตฺถกิริยาสิทฺธิ ทิสฺสตีติ. อยฺจ วิจารณา อทินฺนาทานาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ วิภาเวตพฺพา. ตสฺมา ปาณาติปาตา. น ปฏิวิรตาติ อปฺปฏิวิรตา.
อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ, ปรสฺส หรณํ เถยฺยํ โจริกาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชนฺโต อทณฺฑารโห อนุปวชฺโช จ โหติ. ตสฺมึ ปรปริคฺคหิเต ¶ ปรปริคฺคหิตสฺิโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํ. ตํ หีเน ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ, ปณีเต มหาสาวชฺชํ. กสฺมา? วตฺถุปณีตตาย. ตถา ขุทฺทเก ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ, มหนฺเต มหาสาวชฺชํ. กสฺมา? วตฺถุมหนฺตตาย ปโยคมหนฺตตาย จ. วตฺถุสมตฺเต ปน สติ คุณาธิกานํ สนฺตเก วตฺถุสฺมึ มหาสาวชฺชํ, ตํตํคุณาธิกํ อุปาทาย ตโต ตโต หีนคุณสฺส สนฺตเก วตฺถุสฺมึ อปฺปสาวชฺชํ. วตฺถุคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานํ ปโยคสฺส จ มุทุภาเว อปฺปสาวชฺชํ, ติพฺพภาเว มหาสาวชฺชํ.
ตสฺส ปฺจ สมฺภารา – ปรปริคฺคหิตํ, ปรปริคฺคหิตสฺิตา, เถยฺยจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน ¶ หรณนฺติ. ฉ ปโยคา ¶ สาหตฺถิกาทโยว. เต จ โข ยถานุรูปํ เถยฺยาวหาโร, ปสยฺหาวหาโร, ปริกปฺปาวหาโร, ปฏิจฺฉนฺนาวหาโร, กุสาวหาโรติ อิเมสํ อวหารานํ วเสน ปวตฺตา. เอตฺถ จ มนฺตปริชปฺปเนน ปรสนฺตกหรณํ วิชฺชามโย ปโยโค. วินา มนฺเตน ตาทิเสน อิทฺธานุภาวสิทฺเธน กายวจีปโยเคน ปรสนฺตกสฺส อากฑฺฒนํ อิทฺธิมโย ปโยโคติ เวทิตพฺโพ.
กาเมสูติ เมถุนสมาจาเรสุ. มิจฺฉาจาโรติ เอกนฺตนินฺทิโต ลามกาจาโร. ลกฺขณโต ปน อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา อคมนียฏฺานวีติกฺกมเจตนา กาเมสุ มิจฺฉาจาโร. ตตฺถ อคมนียฏฺานํ นาม ปุริสานํ ตาว มาตุรกฺขิตาทโย ทส, ธนกฺกีตาทโย ทสาติ วีสติ อิตฺถิโย, อิตฺถีสุ ปน ทฺวินฺนํ สารกฺขสปริทณฺฑานํ, ทสนฺนฺจ ธนกฺกีตาทีนนฺติ ทฺวาทสนฺนํ อิตฺถีนํ อฺปุริสา. สฺวายํ มิจฺฉาจาโร สีลาทิคุณรหิเต อคมนียฏฺาเน อปฺปสาวชฺโช, สีลาทิคุณสมฺปนฺเน มหาสาวชฺโช. คุณรหิเตปิ จ อภิภวิตฺวา มิจฺฉา จรนฺตสฺส มหาสาวชฺโช, อุภินฺนํ สมานจฺฉนฺทตาย อปฺปสาวชฺโช. สมานจฺฉนฺทภาเวปิ กิเลสานํ อุปกฺกมานฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺโช, ติพฺพตาย มหาสาวชฺโช. ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา – อคมนียวตฺถุ, ตสฺมึ เสวนจิตฺตํ, เสวนปโยโค, มคฺเคนมคฺคปฺปฏิปตฺติอธิวาสนนฺติ. ตตฺถ อตฺตโน รุจิยา ปวตฺติตสฺส ตโย, พลกฺกาเรน ปวตฺติตสฺส ตโยติ อนวเสสคฺคหเณน จตฺตาโร ทฏฺพฺพา, อตฺถสิทฺธิ ปน ตีเหว. เอโก ปโยโค สาหตฺถิโกว.
มุสาติ ¶ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส อตฺถภฺชโก กายวจีปโยโค, วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปนสฺส ปรวิสํวาทกกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท. อปโร นโย มุสาติ อภูตํ วตฺถุ, วาโทติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิฺาปนํ. ตสฺมา อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิฺาเปตุกามสฺส ตถาวิฺาปนปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท.
โส ยมตฺถํ ภฺชติ, ตสฺส อปฺปตาย อปฺปสาวชฺโช, มหนฺตตาย มหาสาวชฺโช. อปิจ คหฏฺานํ อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตาย นตฺถีติ อาทินยปฺปวตฺโต อปฺปสาวชฺโช, สกฺขินา ¶ หุตฺวา อตฺถภฺชนวเสน วุตฺโต มหาสาวชฺโช. ปพฺพชิตานํ อปฺปกมฺปิ เตลํ วา สปฺปึ วา ลภิตฺวา หสาธิปฺปาเยน ‘‘อชฺช คาเม เตลํ นที มฺเ สนฺทตี’’ติ ปูรณกถานเยน ปวตฺโต อปฺปสาวชฺโช, อทิฏฺํเยว ปน ‘‘ทิฏฺ’’นฺติอาทินา นเยน วทนฺตานํ มหาสาวชฺโช. ตถา ยสฺส อตฺถํ ภฺชติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺโช, มหาคุณตาย มหาสาวชฺโช. กิเลสานํ มุทุติพฺพตาวเสน จ อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา ลพฺภเตว.
ตสฺส ¶ จตฺตาโร สมฺภารา – อตถํ วตฺถุ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ตชฺโช วายาโม, ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ. วิสํวาทนาธิปฺปาเยน หิ ปโยเค กเตปิ ปเรน ตสฺมึ อตฺเถ อวิฺาเต วิสํวาทนสฺส อสิชฺฌนโต ปรสฺส ตทตฺถวิชานนมฺปิ เอโก สมฺภาโร เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘อภูตวจนํ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ ตโย สมฺภารา’’ติ วทนฺติ. สเจ ปน ปโร ทนฺธตาย วิจาเรตฺวา ตมตฺถํ ชานาติ, สนฺนิฏฺาปกเจตนาย ปวตฺตตฺตา กิริยาสมุฏฺาปกเจตนากฺขเณเยว มุสาวาทกมฺมุนา พชฺฌติ.
สุราติ ปิฏฺสุรา, ปูวสุรา, โอทนสุรา, กิณฺณปกฺขิตฺตา, สมฺภารสํยุตฺตาติ ปฺจ สุรา. เมรยนฺติ ปุปฺผาสโว, ผลาสโว, มธฺวาสโว, คุฬาสโว สมฺภารสํยุตฺโตติ ปฺจ อาสวา. ตทุภยมฺปิ มทนียฏฺเน มชฺชํ. ยาย เจตนาย ตํ ปิวติ, สา ปมาทการณตฺตา ปมาทฏฺานํ. ลกฺขณโต ปน ยถาวุตฺตสฺส สุราเมรยสงฺขาตสฺส มชฺชสฺส พีชโต ปฏฺาย มทวเสน กายทฺวารปฺปวตฺตา ปมาทเจตนา สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ. ตสฺส มชฺชภาโว, ปาตุกมฺยตาจิตฺตํ, ตชฺโช วายาโม, อชฺโฌหรณนฺติ จตฺตาโร สมฺภารา. อกุสลจิตฺเตเนว จสฺส ปาตพฺพโต เอกนฺเตน สาวชฺชภาโว ¶ . อริยสาวกานํ ปน วตฺถุํ อชานนฺตานมฺปิ มุขํ น ปวิสติ, ปเคว ชานนฺตานํ. อฑฺฒปสตมตฺตสฺส ปานํ อปฺปสาวชฺชํ, อทฺธาฬฺหกมตฺตสฺส ปานํ ตโต มหนฺตํ มหาสาวชฺชํ, กายสฺจาลนสมตฺถํ พหุํ ปิวิตฺวา คามฆาตกาทิกมฺมํ กโรนฺตสฺส มหาสาวชฺชเมว. ปาปกมฺมฺหิ ¶ ปาณาติปาตํ ปตฺวา ขีณาสเว มหาสาวชฺชํ, อทินฺนาทานํ ปตฺวา ขีณาสวสฺส สนฺตเก มหาสาวชฺชํ, มิจฺฉาจารํ ปตฺวา ขีณาสวาย ภิกฺขุนิยา วีติกฺกเม, มุสาวาทํ ปตฺวา มุสาวาเทน สงฺฆเภเท, สุราปานํ ปตฺวา กายสฺจาลนสมตฺถํ พหุํ ปิวิตฺวา คามฆาตกาทิกมฺมํ มหาสาวชฺชํ. สพฺเพหิปิ เจเตหิ มุสาวาเทน สงฺฆเภโทว มหาสาวชฺโช. ตฺหิ กตฺวา กปฺปํ นิรเย ปจฺจติ.
อิทานิ เอเตสุ สภาวโต, อารมฺมณโต, เวทนโต, มูลโต, กมฺมโต, ผลโตติ ฉหิ อากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สภาวโต ปาณาติปาตาทโย สพฺเพปิ เจตนาสภาวาว. อารมฺมณโต ปาณาติปาโต ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณโต สงฺขารารมฺมโณ, อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณํ วา สงฺขารารมฺมณํ วา, มิจฺฉาจาโร โผฏฺพฺพวเสน สงฺขารารมฺมโณ, สตฺตารมฺมโณติ เอเก. มุสาวาโท สตฺตารมฺมโณ วา สงฺขารารมฺมโณ วา, สุราปานํ สงฺขารารมฺมณํ. เวทนโต ปาณาติปาโต ทุกฺขเวทโน, อทินฺนาทานํ ติเวทนํ, มิจฺฉาจาโร สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทโน, ตถา สุราปานํ. สนฺนิฏฺาปกจิตฺเตน ปน อุภยมฺปิ มชฺฌตฺตเวทนํ น โหติ. มุสาวาโท ติเวทโน. มูลโต ปาณาติปาโต โทสโมหวเสน ทฺวิมูลโก, อทินฺนาทานํ มุสาวาโท จ โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน ¶ วา, มิจฺฉาจาโร สุราปานฺจ โลภโมหวเสน ทฺวิมูลํ. กมฺมโต มุสาวาโทเยเวตฺถ วจีกมฺมํ, เสสํ จตุพฺพิธมฺปิ กายกมฺมเมว. ผลโต สพฺเพปิ อปายูปปตฺติผลา เจว สุคติยมฺปิ อปฺปายุกตาทินานาวิธอนิฏฺผลา จาติ เอวเมตฺถ สภาวาทิโต วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
อปฺปฏิวิรตาติ สมาทานวิรติยา สมฺปตฺตวิรติยา จ อภาเวน น ปฏิวิรตา. ทุสฺสีลาติ ตโต เอว ปฺจสีลมตฺตสฺสาปิ อภาเวน นิสฺสีลา. ปาปธมฺมาติ ลามกธมฺมา, หีนาจารา. ปาณาติปาตา ปฏิวิรโตติ ¶ สิกฺขาปทสมาทาเนน ปาณาติปาตโต วิรโต, อารกา ิโต. เอส นโย เสเสสุปิ.
อิธาปิ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทีนํ สภาวโต อารมฺมณโต ¶ , เวทนโต, มูลโต, กมฺมโต, สมาทานโต, เภทโต, ผลโต จ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย. ตตฺถ สภาวโต ปฺจปิ เจตนาโยปิ โหนฺติ วิรติโยปิ, วิรติวเสน ปน เทสนา อาคตา. ยา ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส ‘‘ยา ตสฺมึ สมเย ปาณาติปาตา อารติ วิรตี’’ติ เอวํ วุตฺตา กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ. สา ปเภทโต ติวิธา – สมฺปตฺตวิรติ, สมาทานวิรติ, สมุจฺเฉทวิรตีติ. ตตฺถ อสมาทินฺนสิกฺขาปทานํ อตฺตโน ชาติวยพาหุสจฺจาทีนิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อยุตฺตเมตํ อมฺหากํ กาตุ’’นฺติ สมฺปตฺตวตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมฺปตฺตวิรติ นาม. สมาทินฺนสิกฺขาปทานํ สิกฺขาปทสมาทาเน ตทุตฺตริ จ อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชิตฺวา วตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมาทานวิรติ นาม. อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา ปน วิรติ สมุจฺเฉทวิรติ นาม, ยสฺสา อุปฺปตฺติโต ปฏฺาย อริยปุคฺคลานํ ‘‘ปาณํ ฆาเตสฺสามา’’ติ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชติ. ตาสุ สมาทานวิรติ อิธาธิปฺเปตา.
อารมฺมณโต ปาณาติปาตาทีนํ อารมฺมณาเนว เอเตสํ อารมฺมณานิ. วีติกฺกมิตพฺพโตเยว หิ วิรติ นาม โหติ. ยถา ปน นิพฺพานารมฺมโณ อริยมคฺโค กิเลเส ปชหติ, เอวํ ชีวิตินฺทฺริยาทิอารมฺมณาเยว เอเต กุสลธมฺมา ปาณาติปาตาทีนิ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหนฺติ. เวทนโต สพฺพาปิ สุขเวทนาว.
มูลโต าณสมฺปยุตฺตจิตฺเตน วิรมนฺตสฺส อโลภอโทสอโมหวเสน ติมูลา โหนฺติ, าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน วิรมนฺตสฺส อโลภอโทสวเสน ทฺวิมูลา. กมฺมโต มุสาวาทา เวรมณิ วจีกมฺมํ ¶ , เสสา กายกมฺมํ. สมาทานโต อฺสฺส ครุฏฺานิยสฺส สนฺติเก ตํ อลภนฺเตน สยเมว วา ปฺจ สีลานิ เอกชฺฌํ ปาฏิเยกฺกํ วา สมาทิยนฺเตน สมาทินฺนานิ โหนฺติ. เภทโต คหฏฺานํ ยํ ยํ วีติกฺกนฺตํ, ตํ ตเทว ภิชฺชติ, อิตรํ น ภิชฺชติ. กสฺมา? คหฏฺา หิ อนิพทฺธสีลา โหนฺติ, ยํ ยํ สกฺโกนฺติ, ตํ ตเทว รกฺขนฺติ. ปพฺพชิตานํ ปน เอกสฺมึ วีติกฺกนฺเต สพฺพานิ ภิชฺชนฺตีติ.
ผลโตติ ¶ ¶ ปาณาติปาตา เวรมณิยา เจตฺถ องฺคปจฺจงฺคสมฺปนฺนตา, อาโรหปริณาหสมฺปตฺติ, ชวนสมฺปตฺติ, สุปฺปติฏฺิตปาทตา, จารุตา, มุทุตา, สุจิตา, สูรตา, มหพฺพลตา, วิสฺสฏฺวจนตา, สตฺตานํ ปิยมนาปตา, อภิชฺชปริสตา, อจฺฉมฺภิตา, ทุปฺปธํสิยตา, ปรูปกฺกเมน อมรณตา, มหาปริวารตา, สุวณฺณตา, สุสณฺานตา, อปฺปาพาธตา, อโสกตา, ปิยมนาเปหิ อวิปฺปโยโค, ทีฆายุกตาติ เอวมาทีนิ ผลานิ.
อทินฺนาทานา เวรมณิยา มหาธนธฺตา, อนนฺตโภคตา, ถิรโภคตา, อิจฺฉิตานํ โภคานํ ขิปฺปํ ปฏิลาโภ, ราชาทีหิ อสาธารณโภคตา, อุฬารโภคตา, ตตฺถ ตตฺถ เชฏฺกภาโว, นตฺถิภาวสฺส อชานนตา, สุขวิหาริตาติ เอวมาทีนิ.
อพฺรหฺมจริยา เวรมณิยา วิคตปจฺจตฺถิกตา, สพฺพสตฺตานํ ปิยมนาปตา, อนฺนปานวตฺถจฺฉาทนาทีนํ ลาภิตา, สุขสุปนตา, สุขปฏิพุชฺฌนตา, อปายภยวิโมกฺโข, อิตฺถิภาวนปุํสกภาวานํ อภพฺพตา, อกฺโกธนตา, สจฺจการิตา, อมงฺกุตา, อาราธนสุขตา, ปริปุณฺณินฺทฺริยตา, ปริปุณฺณลกฺขณตา, นิราสงฺกตา, อปฺโปสฺสุกฺกตา, สุขวิหาริตา, อกุโตภยตา, ปิยวิปฺปโยคาภาโวติ เอวมาทีนิ. ยสฺมา ปน มิจฺฉาจาราเวรมณิยา ผลานิปิ เอตฺเถว อนฺโตคธานิ, ตสฺมา (อพฺรหฺมจริยา เวรมณิยา).
มุสาวาทา เวรมณิยา วิปฺปสนฺนินฺทฺริยตา, วิสฺสฏฺมธุรภาณิตา, สมสิตสุทฺธทนฺตตา, นาติถูลตา, นาติกิสตา, นาติรสฺสตา, นาติทีฆตา, สุขสมฺผสฺสตา, อุปฺปลคนฺธมุขตา, สุสฺสูสกปริสตา, อาเทยฺยวจนตา, กมลทลสทิสมุทุโลหิตตนุชิวฺหตา, อลีนตา, อนุทฺธตตาติ เอวมาทีนิ.
สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา เวรมณิยา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ อปฺปมาทตา, าณวนฺตตา, สทา อุปฏฺิตสฺสติตา, อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ านุปฺปตฺติกปฏิภานวนฺตตา ¶ , อนลสตา, อชฬตา, อนุมฺมตฺตตา, อจฺฉมฺภิตา, อสารมฺภิตา, อนิสฺสุกิตา, อมจฺฉริตา, สจฺจวาทิตา, อปิสุณอผรุสอสมฺผปฺปลาปวาทิตา, กตฺุตา ¶ , กตเวทิตา, จาควนฺตตา, สีลวนฺตตา, อุชุกตา, อกฺโกธนตา, หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺนตา ¶ , อุชุทิฏฺิตา, มหนฺตตา, ปณฺฑิตตา, อตฺถานตฺถกุสลตาติ เอวมาทีนิ ผลานิ. เอวเมตฺถ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทีนมฺปิ สภาวาทิโต วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
สีลวาติ ยถาวุตฺตปฺจสีลวเสน สีลวา. กลฺยาณธมฺโมติ สุนฺทรธมฺโม, สรณคมนปริทีปิตาย ทิฏฺิสมฺปตฺติยา สมฺปนฺนปฺโติ อตฺโถ. โย ปน ปุตฺโต มาตาปิตูสุ อสฺสทฺเธสุ ทุสฺสีเลสุ จ สยมฺปิ ตาทิโส, โสปิ อวชาโตเยวาติ เวทิตพฺโพ. อสฺสทฺธิยาทโย หิ อิธ อวชาตภาวสฺส ลกฺขณํ วุตฺตา, เต จ ตสฺมึ สํวิชฺชนฺติ. มาตาปิตโร ปน อุปาทาย ปุตฺตสฺส อติชาตาทิภาโว วุจฺจตีติ.
โย โหติ กุลคนฺธโนติ กุลจฺเฉทโก กุลวินาสโก. เฉทนตฺโถ หิ อิธ คนฺธสทฺโท, ‘‘อุปฺปลคนฺธปจฺจตฺถิกา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๖๕) วิย. เกจิ ปน ‘‘กุลธํสโน’’ติ ปนฺติ, โส เอวตฺโถ.
เอเต โข ปุตฺตา โลกสฺมินฺติ เอเต อติชาตาทโย ตโย ปุตฺตา เอว อิมสฺมึ สตฺตโลเก ปุตฺตา นาม, น อิโต วินิมุตฺตา อตฺถิ. อิเมสุ ปน เย ภวนฺติ อุปาสกา เย สรณคมนสมฺปตฺติยา อุปาสกา ภวนฺติ กมฺมสฺสกตาาเณน กมฺมสฺส โกวิทา, เต จ ปณฺฑิตา ปฺวนฺโต, ปฺจสีลทสสีเลน สมฺปนฺนา ปริปุณฺณา. ยาจกานํ วจนํ ชานนฺติ, เตสํ มุขาการทสฺสเนเนว อธิปฺปายปูรณโตติ วทฺู, เตสํ วา ‘‘เทหี’’ติ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิเม ปุพฺเพ ทานํ อทตฺวา เอวํภูตา, มยา ปน เอวํ น ภวิตพฺพ’’นฺติ เตสํ ปริจฺจาเคน ตทตฺถํ ชานนฺตีติ วทฺู, ปณฺฑิตานํ วา กมฺมสฺสกตาทิทีปกํ วจนํ ชานนฺตีติ วทฺู. ‘‘ปทฺู’’ติ จ ปนฺติ, ปทานิยา ปริจฺจาคสีลาติ อตฺโถ. ตโต เอว วิคตมจฺเฉรมลตฺตา วีตมจฺฉรา. อพฺภฆนาติ อพฺภสงฺขาตา ฆนา, ฆนเมฆปฏลา วา มุตฺโต จนฺโทวิย, อุปาสกาทิปริสาสุ ขตฺติยาทิปริสาสุ จ วิโรจเร วิโรจนฺติ, โสภนฺตีติ อตฺโถ.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อวุฏฺิกสุตฺตวณฺณนา
๗๕. ฉฏฺเ ¶ ¶ ¶ อวุฏฺิกสโมติ อวุฏฺิกเมฆสโม. เอกจฺโจ หิ เมโฆ สตปฏลสหสฺสปฏโล หุตฺวา อุฏฺหิตฺวา ถนนฺโต คชฺชนฺโต วิชฺโชตนฺโต เอกํ อุทกพินฺทุมฺปิ อปาเตตฺวา วิคจฺฉติ, ตถูปโม เอกจฺโจ ปุคฺคโลติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อวุฏฺิกสโม’’ติ. ปเทสวสฺสีติ เอกเทสวสฺสิเมฆสโม. ปเทสวสฺสี วิยาติ หิ ปเทสวสฺสี. เอกจฺโจ เอกสฺมึเยว าเน ิเตสุ มนุสฺเสสุ ยถา เอกจฺเจ เตเมนฺติ, เอกจฺเจ น เตเมนฺติ, เอวํ มนฺทํ วสฺสติ, ตถูปมํ เอกจฺจํ ปุคฺคลํ ทสฺเสติ ‘‘ปเทสวสฺสี’’ติ. สพฺพตฺถาภิวสฺสีติ สพฺพสฺมึ ปถวีปพฺพตสมุทฺทาทิเก ชคติปฺปเทเส อภิวสฺสิเมฆสโม. เอกจฺโจ หิ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ปตฺถริตฺวา สพฺพตฺถกเมว อภิวสฺสติ, ตํ จาตุทฺทีปิกมหาเมฆํ เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส อุปมํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สพฺพตฺถาภิวสฺสี’’ติ.
สพฺเพสานนฺติ สพฺเพสํ, อยเมว วา ปาโ. น ทาตา โหตีติ อทานสีโล โหติ, ถทฺธมจฺฉริตาย น กสฺสจิ กิฺจิ เทตีติ อตฺโถ. อิทานิ ทานสฺส เขตฺตํ เทยฺยธมฺมฺจ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สมิตปาปสมณา เจว ปพฺพชฺชมตฺตสมณา จ พาหิตปาปพฺราหฺมณา เจว ชาติมตฺตพฺราหฺมณา จ อิธ ‘‘สมณพฺราหฺมณา’’ติ อธิปฺเปตา. กปณา นาม ทุคฺคตา ทลิทฺทมนุสฺสา. อทฺธิกา นาม ปถาวิโน ปริพฺพยวิหีนา. วนิพฺพกา นาม เย ‘‘อิฏฺํ เทถ กนฺตํ มนาปํ กาเลน อนวชฺชํ อุทคฺคจิตฺตา ปสนฺนจิตฺตา, เอวํ เทนฺตา คจฺฉถ สุคตึ, คจฺฉถ พฺรหฺมโลก’’นฺติอาทินา นเยน ทาเน นิโยเชนฺตา ทานสฺส วณฺณํ โถเมนฺตา วิจรนฺติ. ยาจกา นาม เย เกวลํ ‘‘มุฏฺิมตฺตํ เทถ, ปสตมตฺตํ เทถ, สราวมตฺตํ เทถา’’ติ อปฺปกมฺปิ ยาจมานา วิจรนฺติ. ตตฺถ สมณพฺราหฺมณคฺคหเณน คุณเขตฺตํ อุปการิเขตฺตฺจ ทสฺเสติ, กปณาทิคฺคหเณน กรุณาเขตฺตํ. อนฺนนฺติ ยํกิฺจิ ขาทนียํ โภชนียํ. ปานนฺติ ¶ อมฺพปานาทิปานกํ. วตฺถนฺติ นิวาสนปารุปนาทิอจฺฉาทนํ. ยานนฺติ รถวยฺหาทิ อนฺตมโส อุปาหนํ อุปาทาย คมนสาธนํ. มาลาติ คนฺถิตาคนฺถิตเภทํ สพฺพํ ปุปฺผํ. คนฺธนฺติ ยํกิฺจิ คนฺธชาตํ ปิสิตํ อปิสิตํ คนฺธูปกรณฺจ. วิเลปนนฺติ ฉวิราคกรณํ. เสยฺยาติ มฺจปีาทิ เจว ปาวารโกชวาทิ จ สยิตพฺพวตฺถุ. เสยฺยคฺคหเณน เจตฺถ อาสนมฺปิ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อาวสถนฺติ วาตาตปาทิปริสฺสยวิโนทนํ ปติสฺสยํ. ปทีเปยฺยนฺติ ทีปกปลฺลิกาทิปทีปูปกรณํ.
เอวํ ¶ โข, ภิกฺขเวติ วิชฺชมาเนปิ เทยฺยธมฺเม ปฏิคฺคาหกานํ เอวํ ทาตพฺพวตฺถุํ สพฺเพน สพฺพํ ¶ อเทนฺโต ปุคฺคโล อวสฺสิกเมฆสทิโส โหติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, ยถา โส เมโฆ สตปฏลสหสฺสปฏโล หุตฺวา อุฏฺหิตฺวา น กิฺจิ วสฺสิ วิคจฺฉติ, เอวเมว โย อุฬารํ วิปุลฺจ โภคํ สํหริตฺวา เคหํ อาวสนฺโต กสฺสจิ กฏจฺฉุมตฺตํ ภิกฺขํ วา อุฬุงฺกมตฺตํ ยาคุํ วา อทตฺวา วิคจฺฉติ, วิวโส มจฺจุวสํ คจฺฉติ, โส อวุฏฺิกสโม นาม โหตีติ. อิมินา นเยน เสเสสุปิ นิคมนํ เวทิตพฺพํ. อิเมสุ จ ตีสุ ปุคฺคเลสุ ปโม เอกํเสเนว ครหิตพฺโพ, ทุติโย ปสํสนีโย, ตติโย, ปสํสนียตโร. ปโม วา เอกนฺเตเนว สพฺพนิหีโน, ทุติโย มชฺฌิโม, ตติโย อุตฺตโมติ เวทิตพฺโพ.
คาถาสุ สมเณติ อุปโยควเสน พหุวจนํ ตถา เสเสสุปิ. ลทฺธานาติ ลภิตฺวา, สมเณ ทกฺขิเณยฺเย ปวาเรตฺวา ปุฏฺโ น สํวิภชติ. อนฺนํ ปานฺจ โภชนนฺติ อนฺนํ วา ปานํ วา อฺํ วา ภฺุชิตพฺพยุตฺตกํ โภชนํ, ตํ น สํวิภชติ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – โย อตฺถิกภาเวน อุปคเต สมฺปฏิคฺคาหเก ลภิตฺวา อนฺนาทินา สํวิภาคมตฺตมฺปิ น กโรติ, กึ โส อฺํ ทานํ ทสฺสติ, ตํ เอวรูปํ ถทฺธมจฺฉริยํ ปุริสาธมํ นิหีนปุคฺคลํ ปณฺฑิตา อวุฏฺิกสโมติ อาหุ กถยนฺตีติ.
เอกจฺจานํ ¶ น ททาตีติ วิชฺชมาเนปิ มหติ ทาตพฺพธมฺเม เอเกสํ สตฺตานํ เตสุ โกธวเสน วา, เทยฺยธมฺเม โลภวเสน วา น ททาติ. เอกจฺจานํ ปเวจฺฉตีติ เอเกสํเยว ปน ททาติ. เมธาวิโนติ ปฺวนฺโต ปณฺฑิตา ชนา.
สุภิกฺขวาโจติ โย อุปคตานํ ยาจกานํ ‘‘อนฺนํ เทถ, ปานํ เทถา’’ติอาทินา ตํ ตํ ทาเปติ, โส สุลภภิกฺขตาย สุภิกฺขา วาจา เอตสฺสาติ สุภิกฺขวาโจ. ‘‘สุภิกฺขวสฺสี’’ติปิ ปนฺติ. ยถา โลโก สุภิกฺโข โหติ, เอวํ สพฺพตฺถาภิวสฺสิตมหาเมโฆ สุภิกฺขวสฺสี นาม โหติ. เอวมยมฺปิ มหาทาเนหิ สพฺพตฺถาภิวสฺสี สุภิกฺขวสฺสีติ. อาโมทมาโน ปกิเรตีติ ตุฏฺหฏฺมานโส สหตฺเถน ทานํ เทนฺโต ปฏิคฺคาหกเขตฺเต เทยฺยธมฺมํ ปกิเรนฺโต วิย โหติ, วาจายปิ ‘‘เทถ เทถา’’ติ ภาสติ.
อิทานิ ¶ นํ สุภิกฺขวสฺสิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาปิ เมโฆ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยถา มหาเมโฆ ปมํ มนฺทนิคฺโฆเสน ถนยิตฺวา ปุน สกลนทีกนฺทรานิ เอกนินฺนาทํ กโรนฺโต คชฺชยิตฺวา ปวสฺสติ, สพฺพตฺถกเมว วารินา อุทเกน ถลํ นินฺนฺจ อภิสนฺทนฺโต ปูเรติ เอโกฆํ กโรติ, เอวเมว อิธ อิมสฺมึ สตฺตโลเก เอกจฺโจ อุฬารปุคฺคโล สพฺพสมตาย ¶ โส มหาเมโฆ วิย วสฺสิตพฺพตฺตา ตาทิโส ยถา ธนํ อุฏฺานาธิคตํ อตฺตโน อุฏฺานวีริยาภินิพฺพตฺตํ โหติ, เอวํ อนลโส หุตฺวา ตฺจ ธมฺเมน าเยน สํหริตฺวา ตนฺนิพฺพตฺเตน อนฺเนน ปาเนน อฺเน จ เทยฺยธมฺเมน ปตฺเต สมฺปตฺเต วนิพฺพเก สมฺมา สมฺมเทว เทสกาลานุรูปฺเจว อิจฺฉานุรูปฺจ ตปฺเปติ สมฺปวาเรตีติ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สุขปตฺถนาสุตฺตวณฺณนา
๗๖. สตฺตเม สุขานีติ สุขนิมิตฺตานิ. ปตฺถยมาโนติ อิจฺฉมาโน อากงฺขมาโน. สีลนฺติ คหฏฺสีลํ ปพฺพชิตสีลฺจ. คหฏฺโ เจ คหฏฺสีลํ, ปพฺพชิโต เจ จตุปาริสุทฺธิสีลนฺติ อธิปฺปาโย. รกฺเขยฺยาติ ¶ สมาทิยิตฺวา อวีติกฺกมนฺโต สมฺมเทว โคเปยฺย. ปสํสา เม อาคจฺฉตูติ ‘‘มม กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อาคจฺฉตู’’ติ อิจฺฉนฺโต ปณฺฑิโต สปฺปฺโ สีลํ รกฺเขยฺย. สีลวโต หิ คหฏฺสฺส ตาว ‘‘อสุโก อสุกกุลสฺส ปุตฺโต สีลวา กลฺยาณธมฺโม สทฺโธ ปสนฺโน ทายโก การโก’’ติอาทินา ปริสมชฺเฌ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, ปพฺพชิตสฺส ‘‘อสุโก นาม ภิกฺขุ สีลวา วตฺตสมฺปนฺโน โสรโต สุขสํวาโส สคารโว สปฺปติสฺโส’’ติอาทินา…เป… อพฺภุคฺคจฺฉตีติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, สีลวโต สีลสมฺปนฺนสฺส กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๑๓; อุทา. ๗๖; มหาว. ๒๘๕).
ตถา ¶ –
‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จสฺสํ มนาโป, ครุ จ ภาวนีโย จา’ติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๖๕).
โภคา เม อุปฺปชฺชนฺตูติ เอตฺถ คหฏฺสฺส ตาว สีลวโต กลฺยาณธมฺมสฺส เยน เยน สิปฺปฏฺาเนน ชีวิกํ กปฺเปติ – ยทิ กสิยา, ยทิ วณิชฺชาย, ยทิ ราชโปริเสน, ตํ ตํ ยถากาลํ ยถาวิธิฺจ อติวิย อปฺปมตฺตภาวโต อถสฺส อนุปฺปนฺนา เจว โภคา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ โภคา ผาตึ คมิสฺสนฺติ. ปพฺพชิตสฺส ปน สีลาจารสมฺปนฺนสฺส อปฺปมาทวิหาริสฺส ¶ สโต สีลสมฺปนฺนสฺส สีลสมฺปทาย อปฺปิจฺฉตาทิคุเณสุ จ ปสนฺนา มนุสฺสา อุฬารุฬาเร ปจฺจเย อภิหรนฺติ, เอวมสฺส อนุปฺปนฺนา เจว โภคา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ ถิรา โหนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, สีลวา สีลสมฺปนฺโน อปฺปมาทาธิกรณํ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคจฺฉตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๑๓; อุทา. ๗๖; มหาว. ๒๘๕).
ตถา –
‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘ลาภี อสฺส จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’นฺติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๕) จ –
เสสํ วุตฺตนยเมว.
คาถาสุ ปตฺถยาโนติ ปตฺถยนฺโต. ตโย สุเขติ ตีณิ สุขานิ. วิตฺตลาภนฺติ ธนลาภํ, โภคุปฺปตฺตินฺติ อตฺโถ. วิเสสโต ¶ เจตฺถ ปสํสาย เจตสิกสุขํ, โภเคหิ กายิกสุขํ, อิตเรน อุปปตฺติสุขํ; ตถา ปเมน ทิฏฺธมฺมสุขํ, ตติเยน สมฺปรายสุขํ, ทุติเยน อุภยสุขํ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ ปสํสาทิการณสฺส สีลสฺส วิย ปสํสาทีนมฺปิ วิเสสการณํ ปาปมิตฺตปริวชฺชนํ กลฺยาณมิตฺตเสวนฺจ อาทีนวานิสํเสหิ สทฺธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อกโรนฺโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สงฺกิโยติ ปาปสฺมึ ปริสงฺกิตพฺโพ ‘‘อทฺธา อิมินา ปาปํ กตํ วา กริสฺสติ วา, ตถา เหส ¶ ปาปปุริเสหิ สทฺธึ สฺจรตี’’ติ. อสฺสาติ อิมสฺส ปาปชนเสวิโน ปุคฺคลสฺส อุปริ, อสฺส วา ปุคฺคลสฺส อวณฺโณ อภูโตปิ ปาปชนเสวิตาย รุหติ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชติ ปตฺถรติ. อสฺสาติ วา ภุมฺมตฺเถ สามิวจนํ, ตสฺมึ ปุคฺคเลติ อตฺโถ. ส เว ตาทิสโก โหตีติ โย ยาทิสํ ปาปมิตฺตํ วา กลฺยาณมิตฺตํ วา ภชติ อุปเสวติ จ, โส ปุคฺคโล ภูมิภาควเสน อุทกํ วิย ตาทิโสว โหติ, ปาปธมฺโม กลฺยาณธมฺโม วา โหติ. กสฺมา? สหวาโส หิ ตาทิโส; ยสฺมา สหวาโส สํสคฺโค อุปราโค วิย ผลิกมณีสุ ปุริสอุปนิสฺสยภูตํ ¶ ปุคฺคลาการํ คาหาเปติ, ตสฺมา ปาปปุคฺคเลน สห วาโส น กาตพฺโพติ อธิปฺปาโย.
เสวมาโน เสวมานนฺติ ปรํ ปกติสุทฺธํ ปุคฺคลํ กาเลน กาลํ อตฺตานํ เสวมานํ เสวมาโน ภชมาโน ปาปปุคฺคโล, เตน วา เสวิยมาโน. สมฺผุฏฺโ สมฺผุสนฺติ เตน ปกติสุทฺเธน ปุคฺคเลน สหวาเสน สํสคฺเคน สมฺผุฏฺโ ปาปปุคฺคโล สยมฺปิ, ตถา ตํ ผุสนฺโต. สโร ทิทฺโธ กลาปํ วาติ ยถา นาม สโร วิเสน ทิทฺโธ ลิตฺโต สรกลาปคโต สรสมูหสงฺขาตํ สรกลาปํ อตฺตนา ผุฏฺํ อลิตฺตมฺปิ อุปลิมฺปติ, เอวํ ปาเปน อุปเลปภยา ธีโรติ ธิติสมฺปนฺนตฺตา ธีโร ปณฺฑิตปุริโส ปาปสหาโย น ภเวยฺย.
ปูติมจฺฉํ กุสคฺเคนาติ ยถา กุจฺฉิตภาเวน ปูติภูตํ มจฺฉํ กุสติณคฺเคน โย ปุริโส อุปนยฺหติ ปุฏพนฺธวเสน ¶ พนฺธติ, ตสฺส เต กุสา อปูติกาปิ ปูติมจฺฉสมฺพนฺเธน ปูติ ทุคฺคนฺธเมว วายนฺติ. เอวํ พาลูปเสวนาติ เอวํสมฺปทา พาลชนูปเสวนา ทฏฺพฺพา. เอวํ ธีรูปเสวนาติ ยถา อสุรภิโนปิ ปตฺตา ตครสมฺพนฺเธน สุรภึ วายนฺติ, เอวํ ปณฺฑิตูปเสวนา ปกติยา อสีลวโต สีลสมาทานาทิวเสน สีลคนฺธวายนสฺส การณํ โหติ.
ตสฺมาติ ยสฺมา อกลฺยาณมิตฺตเสวนาย กลฺยาณมิตฺตเสวนาย จ อยํ เอทิโส อาทีนโว อานิสํโส จ, ตสฺมา ปตฺตปุฏสฺเสว ปลาสปุฏสฺส วิย ทุคฺคนฺธสุคนฺธวตฺถุสํสคฺเคน อสาธุสาธุชนสนฺนิสฺสเยน จ. ตฺวา สมฺปากมตฺตโนติ อตฺตโน ทุกฺขุทฺรยํ สุขุทฺรยฺจ ผลนิปฺผตฺตึ ¶ ตฺวา ชานิตฺวา อสนฺเต ปาปมิตฺเต น อุปเสเวยฺย, สนฺเต อุปสนฺเต วนฺตโทเส ปสตฺเถ วา ปณฺฑิเต เสเวยฺย. ตถา หิ อสนฺโต นิรยํ เนนฺติ, สนฺโต ปาเปนฺติ สุคฺคตินฺติ. อิติ ภควา ปมคาถาย ยถาวุตฺตานิ ตีณิ สุขนิมิตฺตานิ ทสฺเสตฺวา ตโต ปราหิ ปฺจหิ คาถาหิ ปฏิปกฺขปริวชฺชเนน สทฺธึ ปสํสาสุขสฺส อาคมนํ ทสฺเสตฺวา โอสานคาถาย ติณฺณมฺปิ สุขานํ อาคมนการเณน สทฺธึ โอสานสุขํ ทสฺเสติ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ภิทุรสุตฺตวณฺณนา
๗๗. อฏฺเม ภิทุรายนฺติ ภิทุโร อยํ. กาโยติ รูปกาโย. โส หิ องฺคปจฺจงฺคานํ เกสาทีนฺจ ¶ สมูหฏฺเน, เอวํ กุจฺฉิตานํ เชคุจฺฉานํ อาโย อุปฺปตฺติเทโสติปิ กาโย. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – อายนฺติ เอตฺถาติ อาโย. เก อายนฺติ? กุจฺฉิตา เกสาทโย. อิติ กุจฺฉิตานํ อาโยติปิ กาโย ¶ . อตฺถโต ปน จตุสนฺตติวเสน ปวตฺตมานานํ ภูตุปาทายธมฺมานํ ปฺุโช. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, อยํ จตุมหาภูตมโย รูปกาโย ภิทุโร เภทนสีโล เภทนสภาโว ขเณ ขเณ วิทฺธํสนสภาโวติ. ‘‘ภินฺทราย’’นฺติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. วิฺาณนฺติ เตภูมกํ กุสลาทิจิตฺตํ. วจนตฺโถ ปน – ตํ ตํ อารมฺมณํ วิชานาตีติ วิฺาณํ. ยฺหิ สฺชานนปชานนวิธุรํ อารมฺมณวิชานนํ อุปลทฺธิ, ตํ วิฺาณํ. วิราคธมฺมนฺติ วิรชฺชนธมฺมํ, ปลุชฺชนสภาวนฺติ อตฺโถ. สพฺเพ อุปธีติ ขนฺธูปธิ, กิเลสูปธิ, อภิสงฺขารูปธิ, ปฺจกามคุณูปธีติ เอเต ‘‘อุปธียติ เอตฺถ ทุกฺข’’นฺติ อุปธิสฺิตา สพฺเพปิ อุปาทานกฺขนฺธกิเลสาภิสงฺขารปฺจกามคุณธมฺมา หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา, อุทยพฺพยปฺปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขา, ชราย มรเณน จาติ ทฺวิธา วิปริณาเมตพฺพสภาวตาย ปกติวิชหนฏฺเน วิปริณามธมฺมา. เอวเมตฺถ อนิจฺจทสฺสนสุขตาย รูปธมฺเม วิฺาณฺจ วิสุํ คเหตฺวา ปุน อุปธิวิภาเคน สพฺเพปิ เตภูมกธมฺเม เอกชฺฌํ คเหตฺวา อนิจฺจทุกฺขานุปสฺสนามุเขน ตถาพุชฺฌนกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสเยน สมฺมสนจาโร.กถิโต. กามฺเจตฺถ ¶ ลกฺขณทฺวยเมว ปาฬิยํ อาคตํ, ‘‘ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) ปน วจนโต ทุกฺขลกฺขเณเนว อนตฺตลกฺขณมฺปิ ทสฺสิตเมวาติ เวทิตพฺพํ.
คาถายํ อุปธีสุ ภยํ ทิสฺวาติ อุปธีสุ ภยตุปฏฺานาณวเสน ภยํ ทิสฺวา, เตสํ ภายิตพฺพตํ ปสฺสิตฺวา. อิมินา พลววิปสฺสนํ ทสฺเสติ. ภยตุปฏฺานาณเมว หิ วิภชิตฺวา วิเสสวเสน อาทีนวานุปสฺสนา นิพฺพิทานุปสฺสนาติ จ วุจฺจติ. ชาติมรณมจฺจคาติ เอวํ สมฺมสนฺโต วิปสฺสนาาณํ มคฺเคน ฆเฏตฺวา มคฺคปรมฺปราย อรหตฺตํ ปตฺโต ชาติมรณํ อตีโต นาม โหติ. กถํ? สมฺปตฺวา ¶ ปรมํ สนฺตินฺติ ปรมํ อุตฺตมํ อนุตฺตรํ สนฺตึ สพฺพสงฺขารูปสมํ นิพฺพานํ อธิคนฺตฺวา. เอวํภูโต จ กาลํ กงฺขติ ภาวิตตฺโตติ จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ วเสน ภาวนาภิสมยนิปฺผตฺติยา ภาวิตกายสีลจิตฺตปฺตฺตา ภาวิตตฺโต มรณํ ชีวิตฺจ อนภินนฺทนฺโต เกวลํ อตฺตโน ขนฺธปรินิพฺพานกาลํ กงฺขติ อุทิกฺขติ, น ตสฺส กตฺถจิ ปตฺถนา โหตีติ. เตนาห –
‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;
กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา’’ติ. (เถรคา. ๖๐๖);
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ธาตุโสสํสนฺทนสุตฺตวณฺณนา
๗๘. นวเม ¶ ธาตุโสติ ธาตุโต. ธาตูติ จ อชฺฌาสยธาตุ อชฺฌาสยสภาโว อธิปฺเปโต, โย อธิมุตฺตีติปิ วุจฺจติ. สํสนฺทนฺตีติ ตาย ธาตุสภาคตาย ยถาธาตุ ยถาอชฺฌาสยํ อลฺลียนฺติ เอกโต โหนฺติ. สเมนฺตีติ ตาย เอว สมานชฺฌาสยตาย เอกจิตฺตา หุตฺวา สมาคจฺฉนฺติ อฺมฺํ ภชนฺติ อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตโน รุจิภาวขนฺติทิฏฺิโย วา ตตฺถ ตตฺถ สเม กโรนฺตา ปวตฺตนฺติ. หีนาธิมุตฺติกาติ หีเน กามคุณาทิเก อธิมุตฺติ เอเตสนฺติ หีนาธิมุตฺติกา, หีนชฺฌาสยา. กลฺยาณาธิมุตฺติกาติ กลฺยาเณ เนกฺขมฺมาทิเก อธิมุตฺติ เอเตสนฺติ กลฺยาณาธิมุตฺติกา, ปณีตชฺฌาสยา. สเจ หิ อาจริยุปชฺฌายา น สีลวนฺโต ¶ , อนฺเตวาสิกสทฺธิวิหาริกา จ สีลวนฺโต, เต อาจริยุปชฺฌาเยปิ น อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตโน สทิเส สารุปฺปภิกฺขูเยว อุปสงฺกมนฺติ. สเจ ปน อาจริยุปชฺฌายา สีลวนฺโต, อิตเร น สีลวนฺโต, เตปิ น อาจริยุปชฺฌาเย อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตโน สทิเส หีนาธิมุตฺติเกเยว อุปสงฺกมนฺติ. เอวํ อุปสงฺกมนํ ปน น เกวลํ เอตรหิ เอว, อถ โข อตีตานาคเตปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อตีตมฺปิ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. สงฺเขปโต สํกิเลสธมฺเมสุ อภินิวิฏฺา หีนาธิมุตฺติกา ¶ , โวทานธมฺเมสุ อภินิวิฏฺา กลฺยาณาธิมุตฺติกา.
อิทํ ปน ทุสฺสีลานํ ทุสฺสีลเสวนเมว, สีลวนฺตานํ สีลวนฺตเสวนเมว, ทุปฺปฺานํ ทุปฺปฺเสวนเมว, ปฺวนฺตานํ ปฺวนฺตเสวนเมว โก นิยาเมตีติ? อชฺฌาสยธาตุ นิยาเมติ. สมฺพหุลา กิร ภิกฺขู เอกสฺมึ คาเม ภิกฺขาจารํ จรนฺติ. เต มนุสฺสา พหุํ ภตฺตํ อาหริตฺวา ปตฺตานิ ปูเรตฺวา ‘‘ยถาสภาคํ ปริภฺุชถา’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสุํ. ภิกฺขู อาหํสุ ‘‘อาวุโส, มนุสฺสา ธาตุสํยุตฺตกมฺเม ปโยเชนฺตี’’ติ. เอวํ อชฺฌาสยธาตุ นิยาเมตีติ. ธาตุสํยุตฺเตน อยมตฺโถ ทีเปตพฺโพ – คิชฺฌกูฏปพฺพตสฺมิฺหิ คิลานเสยฺยาย นิปนฺโน ภควา อารกฺขตฺถาย ปริวาเรตฺวา วสนฺเตสุ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทีสุ เอกเมกํ อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ จงฺกมนฺตํ โอโลเกตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตํ สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ จงฺกมนฺตนฺติ. เอวํ, ภนฺเต. สพฺเพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มหาปฺา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๙๙) สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ.
คาถาสุ สํสคฺคาติ สํกิเลสโต สหวาสาทิวเสน สมาโยคโต, อถ วา ทสฺสนสํสคฺโค, สวนสํสคฺโค, สมุลฺลาปสํสคฺโค, สมฺโภคสํสคฺโค, กายสํสคฺโคติ เอวํ ปฺจวิเธ สํสคฺเค ยโต กุโตจิ ¶ สํสคฺคโต. วนโถ ชาโตติ กิเลโส อุปฺปนฺโน มคฺเคน อสมูหโต. อสํสคฺเคน ฉิชฺชตีติ สํสคฺคปฏิกฺเขเปน กายวิเวกาทินา ปุพฺพภาเค ฉิชฺชิตฺวา ปุน อจฺจนฺตาสํสคฺเคน สมุจฺเฉทวิเวเกน ฉิชฺชติ ปหียติ. เอตฺตาวตา สงฺเขปโต หีนาธิมุตฺติยา สมุทโย อตฺถงฺคโม จ ทสฺสิโต โหติ.
ยสฺมา ¶ ปน เต สํสคฺคา เต จ กิเลสา โกสชฺชวเสน อุปฺปชฺชนฺติ เจว วฑฺฒนฺติ จ, น วีริยารมฺภวเสน, ตสฺมา หีนาธิมุตฺติเก กุสีตปุคฺคเล วชฺเชตฺวา กลฺยาณาธิมุตฺติเก อารทฺธวีริเย เสวนฺเตน อสํสคฺเคน สํสคฺคโช วนโถ ฉินฺทิตพฺโพติ ยถาวุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสนฺโต กุสีตเสวนาย ตาว อาทีนวํ ปกาเสตุํ ‘‘ปริตฺตํ ทารุ’’นฺติอาทิมาห.
ตตฺถ ปริตฺตํ ทารุนฺติ ขุทฺทกํ กฏฺมยํ กุลฺลํ. ยถา สีเท มหณฺณเวติ ยถา ขุทฺทกํ กุลฺลํ อารุหิตฺวา มหาสมุทฺทํ ตริตุกาโม ตีรํ อปฺปตฺวา สมุทฺทมชฺเฌเยว ¶ สีเทยฺย, ปติตฺวา มจฺฉกจฺฉปภกฺโข ภเวยฺย. เอวํ กุสีตํ อาคมฺม, สาธุชีวีปิ สีทตีติ เอวเมว กุสีตํ วีริยารมฺภรหิตํ กิเลสวสิกํ ปุคฺคลํ นิสฺสาย เตน กตสํสคฺโค สาธุชีวีปิ ปริสุทฺธาชีโว ปริสุทฺธสีโลปิ สมาโน หีนสํสคฺคโต อุปฺปนฺเนหิ กามวิตกฺกาทีหิ ขชฺชมาโน ปารํ คนฺตุํ อสมตฺโถ สํสารณฺณเวเยว สีทติ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ อนตฺถาวโห กุสีตสํสคฺโค, ตสฺมา ตํ อาคมฺม อาลสิยานุโยเคน กุจฺฉิตํ สีทตีติ กุสีตํ. ตโต เอว หีนวีริยํ นิพฺพีริยํ อกลฺยาณมิตฺตํ ปริวชฺเชยฺย. เอกนฺเตเนว ปน กายวิเวกาทีนฺเจว ตทงฺควิเวกาทีนฺจ วเสน ปวิวิตฺเตหิ, ตโต เอว กิเลเสหิ อารกตฺตา อริเยหิ ปริสุทฺเธหิ นิพฺพานํ ปฏิเปสิตตฺตภาวโต ปหิตตฺเตหิ อารมฺมณลกฺขณูปนิชฺฌานานํ วเสน ฌายนโต ฌายีหิ สพฺพกาลํ ปคฺคหิตวีริยตาย อารทฺธวีริเยหิ ปณฺฑิเตหิ สปฺปฺเหิเยว สห อาวเสยฺย สํวเสยฺยาติ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปริหานสุตฺตวณฺณนา
๗๙. ทสเม ปริหานาย สํวตฺตนฺตีติ อวุทฺธิยา ภวนฺติ, มคฺคาธิคมสฺส ปริปนฺถาย โหนฺติ. อธิคตสฺส ปน มคฺคสฺส ปริหานิ นาม นตฺถิ. ‘‘ตโย ธมฺมา’’ติ ธมฺมาธิฏฺานวเสน อุทฺทิฏฺธมฺเม ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย วิภชนฺโต ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เสโข ภิกฺขู’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ¶ กมฺมํ อารมิตพฺพโต อาราโม เอตสฺสาติ กมฺมาราโม. กมฺเม รโตติ กมฺมรโต. กมฺมารามตํ กมฺมาภิรตึ อนุยุตฺโต ปยุตฺโตติ ¶ กมฺมารามตมนุยุตฺโต. ตตฺถ กมฺมํ นาม อิติกตฺตพฺพํ กมฺมํ, เสยฺยถิทํ – จีวรวิจารณํ, จีวรกรณํ, อุปตฺถมฺภนํ, ปตฺตตฺถวิกํ, อํสพนฺธนํ, กายพนฺธนํ, ธมกรณํ, อาธารกํ, ปาทกถลิกํ, สมฺมชฺชนีติ เอวมาทีนํ อุปกรณานํ กรณํ, ยฺจ วิหาเร ขณฺฑผุลฺลาทิปฏิสงฺขรณํ ¶ . เอกจฺโจ หิ เอตานิ กโรนฺโต สกลทิวสํ เอตาเนว กโรติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. โย ปน เอเตสํ กรณเวลายเมว เอตานิ กโรติ, อุทฺเทสเวลายํ อุทฺเทสํ คณฺหาติ, สชฺฌายเวลายํ สชฺฌายติ, เจติยงฺคณวตฺตาทิกรณเวลายํ เจติยงฺคณวตฺตาทีนิ กโรติ, มนสิการเวลายํ มนสิการํ กโรติ สพฺพตฺถกกมฺมฏฺาเน วา ปาริหาริยกมฺมฏฺาเน วา, น โส กมฺมาราโม นาม. ตสฺส ตํ –
‘‘ยานิ โข ปน ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กึกรณียานิ, ตตฺถ ทกฺโข โหติ อนลโส, ตตฺรุปายาย วีมํสาย สมนฺนาคโต, อลํ กาตุํ อลํ สํวิธาตุ’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๔๕; อ. นิ. ๑๐.๑๘) –
อาทินา สตฺถารา อนฺุาตกรณเมว โหติ.
ภสฺสาราโมติ โย ภควตา ปฏิกฺขิตฺตราชกถาทิวเสน รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมติ, อยํ ภสฺเส ปริยนฺตการี น โหตีติ ภสฺสาราโม นาม. โย ปน รตฺติมฺปิ ทิวาปิ ธมฺมํ กเถติ, ปฺหํ วิสฺสชฺเชติ, อยํ อปฺปภสฺโส ภสฺเส ปริยนฺตการีเยว. กสฺมา? ‘‘สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณียํ – ธมฺมี วา กถา, อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๓) วุตฺตวิธึเยว ปฏิปนฺโนติ.
นิทฺทาราโมติ โย ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขํ, ปสฺสสุขํ, มิทฺธสุขํ อนุยฺุชติ, โย จ คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ ิโตปิ ถินมิทฺธาภิภูโต นิทฺทายติ, อยํ นิทฺทาราโม นาม. ยสฺส ปน กรชกายเคลฺเน จิตฺตํ ภวงฺคํ โอตรติ, นายํ นิทฺทาราโม, เตเนวาห –
‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, อคฺคิเวสฺสน, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน นิทฺทํ โอกฺกมิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗).
เอตฺถ ¶ ¶ จ ปุถุชฺชนกลฺยาณโกปิ เสโขตฺเวว เวทิตพฺโพ. ตสฺมา ตสฺส สพฺพสฺสปิ วิเสสาธิคมสฺส อิตเรสํ อุปริ วิเสสาธิคมสฺส จ ปริหานาย วตฺตนฺตีติ เวทิตพฺพํ. สุกฺกปกฺขสฺส วุตฺตวิปริยาเยน อตฺถวิภาวนา เวทิตพฺพา.
คาถาสุ อุทฺธโตติ จิตฺตวิกฺเขปกเรน อุทฺธจฺเจน อุทฺธโต อวูปสนฺโต. อปฺปกิจฺจสฺสาติ อนฺุาตสฺสปิ วุตฺตปฺปการสฺส กิจฺจสฺส ยุตฺตปฺปยุตฺตกาเลเยว กรณโต อปฺปกิจฺโจ อสฺส ภเวยฺย. อปฺปมิทฺโธติ ¶ ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชายา’’ติอาทินา วุตฺตชาคริยานุโยเคน นิทฺทารหิโต อสฺส. อนุทฺธโตติ ภสฺสารามตาย อุปฺปชฺชนกจิตฺตวิกฺเขปสฺส อภสฺสาราโม หุตฺวา ปริวชฺชเนน น อุทฺธโต วูปสนฺตจิตฺโต, สมาหิโตติ อตฺโถ. เสสํ ปุพฺเพ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว. อิติ อิมสฺมึ วคฺเค ปมทุติยปฺจมฉฏฺสตฺตมอฏฺมนวเมสุ สุตฺเตสุ วฏฺฏํ กถิตํ, อิตเรสุ วฏฺฏวิวฏฺฏํ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถวคฺโค
๑. วิตกฺกสุตฺตวณฺณนา
๘๐. จตุตฺถวคฺคสฺส ¶ ปเม อกุสลวิตกฺกาติ อโกสลฺลสมฺภูตา วิตกฺกา, มิจฺฉาวิตกฺกาติ อตฺโถ. อนวฺตฺติปฏิสํยุตฺโตติ เอตฺถ อนวฺตฺตีติ อนวฺา ปเรหิ อตฺตโน อหีฬิตตา อปริภูตตา, ‘‘อโห วต มํ ปเร น อวชาเนยฺยุ’’นฺติ เอวํ ปวตฺโต อิจฺฉาจาโร, ตาย อนวฺตฺติยา ปฏิสํยุตฺโต สํสฏฺโ, ตํ วา อารพฺภ ปวตฺโต อนวฺตฺติปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก. ตสฺมา ‘‘กถํ นุ โข มํ ปเร คหฏฺา เจว ปพฺพชิตา จ น โอรกโต ทเหยฺยุ’’นฺติ สมฺภาวนกมฺยตาย อิจฺฉาจาเร, ตฺวา ปวตฺติตวิตกฺกสฺเสตํ อธิวจนํ. ลาภสกฺการสิโลกปฏิสํยุตฺโตติ จีวราทิลาเภน เจว สกฺกาเรน จ กิตฺติสทฺเทน ¶ จ อารมฺมณกรณวเสน ปฏิสํยุตฺโต. ปรานุทฺทยตาปฏิสํยุตฺโตติ ปเรสุ อนุทฺทยตาปติรูปเกน เคหสิตเปเมน ปฏิสํยุตฺโต. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘สํสฏฺโ วิหรติ ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ พฺราหฺมเณหิ คหปติเกหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ สหนนฺที สหโสกี, สุขิเตสุ สุขิโต, ทุกฺขิเตสุ ทุกฺขิโต, อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ อตฺตนาว โยคํ อาปชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๓; ๔.๒๔๑; วิภ. ๘๘๘).
คาถาสุ อนวฺตฺติยา ปฏิสํยุตฺโต ปุคฺคโล อนวฺตฺติสํยุตฺโต. ลาภสกฺกาเร ¶ คารโว เอตสฺส, น ธมฺเมติ ลาภสกฺการคารโว. สุขทุกฺเขสุ อมา สห ภวาติ อมจฺจา, สหายสทิสา อุปฏฺากา. เตหิ เคหสิตเปมวเสน สห นนฺทนสีโล สหนนฺที อมจฺเจหิ, อิมินา ปรานุทฺทยตาปฏิสํยุตฺตํ วิตกฺกํ ทสฺเสติ. อารา สํโยชนกฺขยาติ อิเมหิ ตีหิ วิตกฺเกหิ อภิภูโต ปุคฺคโล สํโยชนกฺขยโต อรหตฺตโต ทูเร, ตสฺส ตํ ทุลฺลภนฺติ อตฺโถ.
ปุตฺตปสุนฺติ ปุตฺเต จ ปสโว จ. ปุตฺตสทฺเทน เจตฺถ ทาราทโย; ปสุสทฺเทน อสฺสมหึสเขตฺตวตฺถาทโย ¶ จ สงฺคหิตา. วิวาเหติ วิวาหการาปเน. อิมินา อาวาโหปิ สงฺคหิโต. สํหรานีติ ปริคฺคหานิ, ปริกฺขารสงฺคหานีติ อตฺโถ. ‘‘สนฺถวานี’’ติ จ ปนฺติ, มิตฺตสนฺถวานีติ อตฺโถ. สพฺพตฺถ หิตฺวาติ สมฺพนฺโธ. ภพฺโพ โส ตาทิโส ภิกฺขูติ โส ยถาวุตฺตํ สพฺพํ ปปฺจํ ปริจฺจชิตฺวา ยถา สตฺถารา วุตฺตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา, ตถา ปสฺสิตพฺพโต ตาทิโส สํสาเร ภยํ อิกฺขตีติ ภิกฺขุ อุตฺตมํ สมฺโพธึ อรหตฺตํ ปตฺตุํ อรหติ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สกฺการสุตฺตวณฺณนา
๘๑. ทุติเย สกฺกาเรนาติ สกฺกาเรน เหตุภูเตน, อถ วา สกฺกาเรนาติ สกฺการเหตุนา, สกฺการเหตุเกน วา. สกฺการฺหิ นิสฺสาย ¶ อิเธกจฺเจ ปุคฺคลา ปาปิจฺฉา อิจฺฉาปกตา อิจฺฉาจาเร ตฺวา ‘‘สกฺการํ นิพฺพตฺเตสฺสามา’’ติ อเนกวิหิตํ อเนสนํ อปฺปติรูปํ อาปชฺชิตฺวา อิโต จุตา อปาเยสุ นิพฺพตฺตนฺติ, อปเร ยถาสกฺการํ ลภิตฺวา ตนฺนิมิตฺตํ มานมทมจฺฉริยาทิวเสน ปมาทํ อาปชฺชิตฺวา อิโต จุตา อปาเยสุ นิพฺพตฺตนฺติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สกฺกาเรน อภิภูตา ปริยาทินฺนจิตฺตา’’ติ. ตตฺถ อภิภูตาติ อชฺโฌตฺถฏา. ปริยาทินฺนจิตฺตาติ เขปิตจิตฺตา, อิจฺฉาจาเรน มานมทาทินา จ ขยํ ปาปิตกุสลจิตฺตา. อถ วา ปริยาทินฺนจิตฺตาติ ¶ ปริโต อาทินฺนจิตฺตา, วุตฺตปฺปกาเรน อกุสลโกฏฺาเสน ยถา กุสลจิตฺตสฺส อุปฺปตฺติวาโร น โหติ, เอวํ สมนฺตโต คหิตจิตฺตสนฺตานาติ อตฺโถ. อสกฺกาเรนาติ หีเฬตฺวา ปริภวิตฺวา ปเรหิ อตฺตนิ ปวตฺติเตน อสกฺกาเรน เหตุนา, อสกฺการเหตุเกน วา มานาทินา. สกฺกาเรน จ อสกฺกาเรน จาติ เกหิจิ ปวตฺติเตน สกฺกาเรน เกหิจิ ปวตฺติเตน อสกฺกาเรน จ. เย หิ เกหิจิ ปมํ สกฺกตา หุตฺวา เตหิเยว อสารภาวํ ตฺวา ปจฺฉา อสกฺกตา โหนฺติ, ตาทิเส สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สกฺกาเรน จ อสกฺกาเรน จา’’ติ.
เอตฺถ สกฺกาเรน อภิภูตา เทวทตฺตาทโย นิทสฺเสตพฺพา. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ผลํ เว กทลึ หนฺติ, ผลํ เวฬุํ ผลํ นฬํ;
สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ, คพฺโภ อสฺสตรึ ยถา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๓; อ. นิ. ๔.๖๘; จูฬว. ๓๓๕);
สาธูนํ ¶ อุปริ กเตน อสกฺกาเรน อภิภูตา ทณฺฑกีราชกาลิงฺคราชมชฺฌราชาทโย นิทสฺเสตพฺพา. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘กิสฺหิ วจฺฉํ อวกิริย ทณฺฑกี,
อุจฺฉินฺนมูโล สชโน สรฏฺโ;
กุกฺกุฬนาเม นิรยมฺหิ ปจฺจติ,
ตสฺส ผุลิงฺคานิ ปตนฺติ กาเย.
‘‘โย ¶ สฺเต ปพฺพชิเต อวฺจยิ,
ธมฺมํ ภณนฺเต สมเณ อทูสเก;
ตํ นาฬิเกรํ สุนขา ปรตฺถ,
สงฺคมฺม ขาทนฺติ วิผนฺทมานํ’’. (ชา. ๒.๑๗.๗๐-๗๑);
‘‘อุปหจฺจ มนํ มชฺโฌ, มาตงฺคสฺมึ ยสสฺสิเน;
สปาริสชฺโช อุจฺฉินฺโน, มชฺฌารฺํ ตทา อหู’’ติ. (ชา. ๒.๑๙.๙๖);
สกฺกาเรน จ อสกฺกาเรน จ อภิภูตา อฺติตฺถิยา นาฏปุตฺตาทโย นิทสฺเสตพฺพา.
คาถาสุ ¶ อุภยนฺติ อุภเยน สกฺกาเรน จ อสกฺกาเรน จ. สมาธิ น วิกมฺปตีติ น จลติ, เอกคฺคภาเวน ติฏฺติ. กสฺส ปน น จลตีติ อาห ‘‘อปฺปมาทวิหาริโน’’ติ. โย ปมาทกรธมฺมานํ ราคาทีนํ สุฏฺุ ปหีนตฺตา อปฺปมาทวิหารี อรหา, ตสฺส. โส หิ โลกธมฺเมหิ น วิกมฺปติ. สุขุมทิฏฺิวิปสฺสกนฺติ ผลสมาปตฺติอตฺถํ สุขุมาย ทิฏฺิยา ปฺาย อภิณฺหํ ปวตฺตวิปสฺสนตฺตา สุขุมทิฏฺิวิปสฺสกํ. อุปาทานกฺขยารามนฺติ จตุนฺนํ อุปาทานานํ ขยํ ปริโยสานภูตํ อรหตฺตผลํ อารมิตพฺพํ เอตสฺสาติ อุปาทานกฺขยารามํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เทวสทฺทสุตฺตวณฺณนา
๘๒. ตติเย ¶ เทเวสูติ เปตฺวา อรูปาวจรเทเว เจว อสฺเทเว จ ตทฺเสุ อุปปตฺติเทเวสุ. เทวสทฺทาติ เทวานํ ปีติสมุทาหารสทฺทา. นิจฺฉรนฺตีติ อฺมฺํ อาลาปสลฺลาปวเสน ปวตฺตนฺติ. สมยา สมยํ อุปาทายาติ สมยโต สมยํ ปฏิจฺจ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมึ กาเล ิตา เต เทวา ตํ กาลํ อาคมฺม นํ ปสฺสิสฺสนฺติ, ตโต ตํ สมยํ สมฺปตฺตํ อาคมฺมาติ. ‘‘สมยํ สมยํ อุปาทายา’’ติ จ เกจิ ปนฺติ, เตสํ ¶ ตํ ตํ สมยํ ปฏิจฺจาติ อตฺโถ. ยสฺมึ สมเยติ ยทา ‘‘อฏฺิกงฺกลูปมา กามา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗), ‘‘สมฺพาโธ ฆราวาโส’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๙๑; สํ. นิ. ๒.๑๕๔) จ กาเมสุ ฆราวาเส จ อาทีนวา, ตปฺปฏิปกฺขโต เนกฺขมฺเม อานิสํสา จ สุทิฏฺา โหนฺติ, ตสฺมึ สมเย. ตทา หิสฺส เอกนฺเตน ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมติ. อริยสาวโกติ อริยสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สาวโก, สาวกภาวํ อุปคนฺตุกาโม, อริยสาวโก วา อวสฺสํภาวี ¶ . อนฺติมภวิกํ สาวกโพธิสตฺตํ สนฺธาย อยมารมฺโภ. เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวาติ เกเส จ มสฺสฺุจ โอหาเรตฺวา อปเนตฺวา. กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวาติ กสาเยน รตฺตตาย กาสายานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานิ วตฺถานิ นิวาเสตฺวา เจว ปารุปิตฺวา จ. อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย เจเตตีติ อคารสฺมา ฆรา นิกฺขมิตฺวา อนคาริยํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพเชยฺยนฺติ ปพฺพชฺชาย เจเตติ ปกปฺเปติ, ปพฺพชตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ยสฺมา อคารสฺส หิตํ กสิวณิชฺชาทิกมฺมํ อคาริยนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ปพฺพชฺชาย นตฺถิ, ตสฺมา ปพฺพชฺชา อนคาริยนฺติ าตพฺพา.
มาเรนาติ กิเลสมาเรน. สงฺคามาย เจเตตีติ ยุชฺฌนตฺถาย จิตฺตํ อุปฺปาเทติ, มารํ อภิวิเชตุํ สนฺนยฺหติ. ยสฺมา ปน เอวรูปสฺส ปฏิปชฺชนกปุคฺคลสฺส เทวปุตฺตมาโรปิ อนฺตรายาย อุปกฺกมติ, ตสฺมา ตสฺสปิ วเสน มาเรนาติ เอตฺถ เทวปุตฺตมาเรนาติปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตสฺสาปิ อยํ อิจฺฉาวิฆาตํ กริสฺสเตวาติ. ยสฺมา ปน ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ขุรคฺคโต วา ปฏฺาย สีลานิ สมาทิยนฺโต ปริโสเธนฺโต สมถวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรนฺโต ยถารหํ ตทงฺคปฺปหานวิกฺขมฺภนปฺปหานานํ วเสน กิเลสมารํ ปริปาเตติ นาม, น ยุชฺฌติ นาม สมฺปหารสฺส อภาวโต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มาเรน สทฺธึ สงฺคามาย เจเตตี’’ติ.
สตฺตนฺนนฺติ โกฏฺาสโต สตฺตนฺนํ, ปเภทโต ปน เต สตฺตตึส โหนฺติ. กถํ? จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา ¶ , อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ. เอวํ ปเภทโต สตฺตตึสวิธาปิ สติปฏฺานาทิโกฏฺาสโต สตฺเตว โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘สตฺตนฺน’’นฺติ. โพธิปกฺขิยานนฺติ พุชฺฌนฏฺเน โพธีติ ลทฺธนามสฺส อริยปุคฺคลสฺส มคฺคาณสฺเสว วา ปกฺเข ภวานํ ¶ โพธิปกฺขิยานํ ¶ , โพธิโกฏฺาสิยานนฺติ อตฺโถ. ‘‘โพธิปกฺขิกาน’’นฺติปิ ปาโ, โพธิปกฺขวนฺตานํ, โพธิปกฺเข วา นิยุตฺตานนฺติ อตฺโถ. ภาวนานุโยคมนุยุตฺโตติ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺคภาวนานุโยคมนุยุตฺโต. วิปสฺสนากฺขเณ หิ สติปฏฺานาทโย ปริยาเยน โพธิปกฺขิยา นาม, มคฺคกฺขเณเยว ปน เต นิปฺปริยาเยน โพธิปกฺขิยา นาม โหนฺติ.
อาสวานํ ขยาติ กามาสวาทีนํ สพฺเพสํ อาสวานํ ขยา. อาสเวสุ หิ ขีเณสุ สพฺเพ กิเลสา ขีณาเยว โหนฺติ. เตน อรหตฺตมคฺโค วุตฺโต โหติ. อนาสวนฺติ อาสววิรหิตํ. เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตินฺติ เอตฺถ เจโตวจเนน อรหตฺตผลสมาธิ, ปฺาวจเนน ตํสมฺปยุตฺตา จ ปฺา วุตฺตา. ตตฺถ สมาธิ ราคโต วิมุตฺตตฺตา เจโตวิมุตฺติ, ปฺา อวิชฺชาย วิมุตฺตตฺตา ปฺาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘โย หิสฺส, ภิกฺขเว, สมาธิ, ตทสฺส สมาธินฺทฺริยํ. ยา หิสฺส, ภิกฺขเว, ปฺา, ตทสฺส ปฺินฺทฺริยํ. อิติ โข, ภิกฺขเว, ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ, อวิชฺชาวิราคา ปฺาวิมุตฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๖).
อปิเจตฺถ สมถผลํ เจโตวิมุตฺติ, วิปสฺสนาผลํ ปฺาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาเยว อภิวิสิฏฺาย ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา อปรปฺปจฺจเยน ตฺวา. อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหรติ. ตเมว สงฺคามสีสํ อภิวิชิย อชฺฌาวสตีติ มารํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตวิชยตฺตา เตน กตสงฺคามสงฺขาตสฺส อริยมคฺคสฺส สีสภูตํ อรหตฺตผลสมาปตฺติอิสฺสริยฏฺานํ, อภิภวนฺโต อาวสติ, สมาปชฺชติ อิจฺเจว อตฺโถ. อิเม จ เทวสทฺทา ทิฏฺสจฺเจสุ เทเวสุ ปวตฺตนฺติ, วิเสสโต สุทฺธาวาสเทเวสูติ เวทิตพฺพํ.
คาถาสุ มหนฺตนฺติ สีลาทิคุณมหตฺเตน มหนฺตํ. วีตสารทนฺติ ¶ สารชฺชกรานํ กิเลสานํ อภาเวน วิคตสารชฺชํ อปคตมงฺกุภาวํ. ปุริสาชฺาติ อสฺสาทีสุ อสฺสาชานียาทโย วิย ปุริเสสุ อาชานียภูตา ¶ อุตฺตมปุริสา. ทุชฺชยมชฺฌภูติ ปจุรชเนหิ เชตุํ อสกฺกุเณยฺยํ กิเลสวาหินึ อภิภวิ อชฺโฌตฺถริ. ‘‘อชฺชยี’’ติปิ ปนฺติ, อชินีติ อตฺโถ. เชตฺวาน มจฺจุโน ¶ เสนํ, วิโมกฺเขน อนาวรนฺติ โลกตฺตยาภิพฺยาปนโต ทิยฑฺฒสหสฺสาทิวิภาคโต จ วิปุลตฺตา อฺเหิ อาวริตุํ ปฏิเสเธตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา จ อนาวรํ, มจฺจุโน มารสฺส เสนํ วิโมกฺเขน อริยมคฺเคน เชตฺวา โย ตฺวํ ทุชฺชยํ อชยิ, ตสฺส นโม, เต ปุริสาชฺาติ สมฺพนฺโธ.
อิตีติ วุตฺตปฺปกาเรน. หิ-อิติ นิปาตมตฺตํ. เอตํ ปตฺตมานสํ อธิคตารหตฺตํ ขีณาสวํ เทวตานมสฺสนฺตีติ วุตฺตเมวตฺถํ นิคมนวเสน ทสฺเสติ. อถ วา อิตีติ อิมินา การเณน. กึ ปน เอตํ การณํ? นมุจิเสนาวิชเยน ปตฺตมานสตฺตํ. อิมินา การเณน ตํ เทวตา นมสฺสนฺตีติ อตฺโถ. อิทานิ ตํ การณํ ผลโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตฺหิ ตสฺส น ปสฺสนฺติ, เยน มจฺจุวสํ วเช’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา ตสฺส ปุริสาชฺสฺส ปณิธาย คเวสนฺตาปิ เทวา อณุมตฺตมฺปิ ตํ การณํ น ปสฺสนฺติ, เยน โส มจฺจุโน มรณสฺส วสํ วเช อุปคจฺเฉยฺย. ตสฺมา ตํ วิสุทฺธิเทวา นมสฺสนฺตีติ.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปฺจปุพฺพนิมิตฺตสุตฺตวณฺณนา
๘๓. จตุตฺเถ ยทาติ ยสฺมึ กาเล. เทโวติ อุปปตฺติเทโว. ตโย หิ เทวา – สมฺมุติเทวา, อุปปตฺติเทวา, วิสุทฺธิเทวาติ. เตสุ สมฺมุติเทวา นาม ราชาโน ขตฺติยา. อุปปตฺติเทวา นาม จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย ตทุปริเทวา. วิสุทฺธิเทวา นาม ขีณาสวา. อิธ ปน กามาวจรเทโว อธิปฺเปโต. เตน วุตฺตํ ‘‘เทโวติ อุปปตฺติเทโว’’ติ. เทวกายาติ เทวสมูหโต, เทวฏฺานโต วา, เทวโลกโตติ อตฺโถ. สมูหนิวาสวาจโก หิ อยํ กายสทฺโท. จวนธมฺโมติ ¶ มรณธมฺโม, อายุกฺขเยน วา ปฺุกฺขเยน วา อุปฏฺิตมรโณติ อตฺโถ.
ปฺจสฺส ¶ ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุภวนฺตีติ อสฺส อุปฏฺิตมรณสฺส เทวปุตฺตสฺส ปฺจ มรณสฺส ปุพฺพนิมิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ปกาสานิ วา โหนฺติ. มาลา มิลายนฺตีติ เตน ปิฬนฺธิตมาลา มชฺฌนฺหิกสมเย อาตเป ขิตฺตา วิย มิลาตา วิหตโสภา โหนฺติ.
วตฺถานิ กิลิสฺสนฺตีติ สรทสมเย วิคตวลาหเก อากาเส อพฺภุสฺสกฺกมานพาลสูริยสทิสปฺปภานิ ¶ นานาวิราควณฺณานิ เตน นิวตฺถปารุตวตฺถานิ ตํ ขณํเยว กทฺทเม ขิปิตฺวา มทฺทิตานิ วิย วิหตปฺปภานิ มลินานิ โหนฺติ.
กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺตีติ สุปริสุทฺธชาติมณิ วิย สุสิกฺขิตสิปฺปาจริยรจิตสุวณฺณปฏิมา วิย จ ปุพฺเพ เสทมลชลฺลิการหิตสรีรสฺส ตสฺมึ ขเณ อุโภหิ กจฺเฉหิ เสทธารา สนฺทนฺติ ปคฺฆรนฺติ. น เกวลฺจ กจฺเฉหิเยว, สกลสรีรโตปิ ปนสฺส เสทชลกณฺณิกา มุจฺจติเยว, เยน อามุตฺตมุตฺตาชาลควจฺฉิโต วิย ตสฺส กาโย โหติ.
กาเย ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกมตีติ ปุพฺเพ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย ยถานุภาวํ เอกโยชนํ ทฺวิโยชนํ ยาว ทฺวาทสโยชนมตฺตมฺปิ ปเทสํ อาภาย ผริตฺวา วิชฺโชตมาโน กาโย โหติ ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจาทิวิรหิโต, น สีตํ น อุณฺหํ อุปฆาตกํ, เทวธีตา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย โหติ, เทวปุตฺโต วีสติวสฺสุทฺเทสิโก วิย, ตํ ขณํเยว นิปฺปเภ นิตฺเตเช กาเย วิรูปภาโว อนุปวิสติ สณฺาติ.
สเก เทโว เทวาสเน นาภิรมตีติ อตฺตโน อจฺฉราคเณหิ สทฺธึ กีฬนปริจรณกทิพฺพาสเน น รมติ, น จิตฺตสฺสาทํ ลภติ. ตสฺส กิร มนุสฺสคณนาย สตฺตหิ ทิวเสหิ มรณํ ภวิสฺสตีติ อิมานิ ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุภวนฺติ. โส เตสํ อุปฺปตฺติยา ‘‘เอวรูปาย นาม สมฺปตฺติยา วินา ภวิสฺสามี’’ติ พลวโสกาภิภูโต โหติ. เตนสฺส กาเย มหาปริฬาโห ¶ อุปฺปชฺชติ, เตน สพฺพโต คตฺเตหิ เสทา มุจฺจนฺติ. จิรตรํ กาลํ อปริจิตทุกฺโข ตํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต เอกจฺโจ ‘‘ทยฺหามิ ทยฺหามี’’ติ กนฺทนฺโต ปริเทวนฺโต กตฺถจิ อสฺสาทํ อลภนฺโต วิชปฺปนฺโต วิลปนฺโต ตหึ ตหึ อาหิณฺฑติ. เอกจฺโจ สตึ อุปฏฺเปตฺวา ¶ กายวาจาหิ วิการํ อกโรนฺโตปิ ปิยวิปฺปโยคทุกฺขํ อสหนฺโต วิหฺมาโน วิจรติ.
อิมานิ ปน ปุพฺพนิมิตฺตานิ ยถา โลเก มหาปฺุานํ ราชราชมหามตฺตาทีนํเยว อุกฺกาปาตภูมิจาลจนฺทคฺคาหาทีนิ นิมิตฺตานิ ปฺายนฺติ, น สพฺเพสํ; เอวเมว มเหสกฺขเทวานํเยว ปฺายติ. อุปฺปนฺนานิ จ ตานิ ‘‘อิมานิ มรณสฺส ปุพฺพนิมิตฺตานิ นามา’’ติ เกจิ เทวา ชานนฺติ, น สพฺเพ. ตตฺถ โย มนฺเทน กุสลกมฺเมน นิพฺพตฺโต, โส ‘‘อิทานิ โก ชานาติ, ‘กุหึ นิพฺพตฺติสฺสามี’’’ติ ภายติ. โย ปน มหาปฺุโ, โส ‘‘พหุํ มยา ทานํ ทินฺนํ, สีลํ รกฺขิตํ, ปฺุํ อุปจิตํ, อิโต จุตสฺส เม สุคติเยว ปาฏิกงฺขา’’ติ น ¶ ภายติ น วิกมฺปติ. เอวํ อุปฏฺิตปุพฺพนิมิตฺตํ ปน ตํ คเหตฺวา เทวตา นนฺทนวนํ ปเวเสนฺติ สพฺพเทวโลเกสุ นนฺทนวนํ อตฺถิเยว.
ตีหิ วาจาหิ อนุโมเทนฺตีติ อิทานิ วุจฺจมาเนหิ ตีหิ วจเนหิ อนุโมเทนฺติ, โมทํ ปโมทํ อุปฺปาเทนฺติ, อสฺสาเสนฺติ, อภิวทนวเสน วา ตํขณานุรูปํ ปโมทํ กโรนฺติ. เกจิ ปน ‘‘อนุโมเทนฺตี’’ติ ปทสฺส ‘‘โอวทนฺตี’’ติ วทนฺติ. อิโตติ เทวโลกโต. โภติ อาลปนํ. สุคตินฺติ สุนฺทรคตึ, มนุสฺสโลกํ สนฺธาย วทนฺติ. คจฺฉาติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อุเปหิ.
เอวํ วุตฺเตติ เอวํ ตทา เตหิ เทเวหิ ตสฺส ‘‘อิโต โภ สุคตึ คจฺฉา’’ติอาทินา วตฺตพฺพวจเน ภควตา วุตฺเต อฺตโร นามโคตฺเตน อปากโฏ ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน อนุสนฺธิกุสโล เอโก ภิกฺขุ ‘‘เอเต สุคติอาทโย ภควตา อวิเสสโต วุตฺตา อวิภูตา, หนฺท เต วิภูตตเร การาเปสฺสามี’’ติ เอตํ ‘‘กึนุ โข, ภนฺเต’’ติอาทิวจนํ อโวจ. สทฺธาทิคุณวิเสสปฏิลาภการณโต เทวูปปตฺติเหตุโต จ มนุสฺสตฺตํ เทวานํ ¶ อภิสมฺมตนฺติ อาห ‘‘มนุสฺสตฺตํ โข ภิกฺขุ เทวานํ สุคติคมนสงฺขาต’’นฺติ.
สุคติคมนสงฺขาตนฺติ ‘‘สุคติคมน’’นฺติ สมฺมา กถิตํ, วณฺณิตํ โถมิตนฺติ อตฺโถ. ยํ มนุสฺสภูโตติ เอตฺถ ยนฺติ กิริยาปรามสนํ, เตน ปฏิลภตีติ เอตฺถ ปฏิลภนกิริยา อามสียติ, โย สทฺธาปฏิลาโภติ อตฺโถ. มนุสฺสภูโตติ มนุสฺเสสุ อุปฺปนฺโน, มนุสฺสภาวํ วา ¶ ปตฺโต. ยสฺมา เทวโลเก อุปฺปนฺนานํ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนา เยภุยฺเยน ทุลฺลภา สวนาย, น ตถา มนุสฺสานํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มนุสฺสภูโต’’ติ. ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเยติ ตถาคเตน ภควตา เทสิเต สิกฺขตฺตยสงฺคเห สาสเน. ตฺหิ ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺโม จ, อาสยานุรูปํ วิเนยฺยานํ วินยนโต วินโย จาติ ธมฺมวินโย, อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา วา ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมํ อปฺปรชกฺขชาติกํ วิเนตีติ ธมฺมวินโย. ธมฺเมเนว วา วินโย, น ทณฺฑสตฺเถหีติ ธมฺมวินโย, ธมฺมยุตฺโต วา วินโยติ ธมฺมวินโย, ธมฺมาย วา สห มคฺคผลนิพฺพานาย วินโยติ ธมฺมวินโย, มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิธมฺมโต วา ปวตฺโต วินโยติ ธมฺมวินโย. ธมฺโม วา ภควา ธมฺมภูโต ธมฺมกาโย ธมฺมสฺสามี, ตสฺส ธมฺมสฺส วินโย, น ตกฺกิยานนฺติ ธมฺมวินโย, ธมฺเม วา มคฺคผเล นิปฺผาเทตพฺพวิสยภูเต วา ปวตฺโต วินโยติ ธมฺมวินโยติ วุจฺจติ. ตสฺมึ ธมฺมวินเย.
สทฺธํ ¶ ปฏิลภตีติ ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม’’ติอาทินา สทฺธํ อุปฺปาเทติ. สทฺโธ หิ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาโน ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถ อาราเธสฺสติ. สุลทฺธลาภสงฺขาตนฺติ เอตฺถ ยถา หิรฺสุวณฺณเขตฺตวตฺถาทิลาโภ สตฺตานํ อุปโภคสุขํ อาวหติ, ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขํ ปฏิพาหติ, ธนทาลิทฺทิยํ วูปสเมติ, มุตฺตาทิรตนปฏิลาภเหตุ โหติ, โลกสนฺตติฺจ อาวหติ; เอวํ โลกิยโลกุตฺตรา สทฺธาปิ ยถาสมฺภวํ โลกิยโลกุตฺตรํ วิปากสุขมาวหติ, สทฺธาธุเรน ปฏิปนฺนานํ ¶ ชาติชราทิทุกฺขํ ปฏิพาหติ, คุณทาลิทฺทิยํ วูปสเมติ, สติสมฺโพชฺฌงฺคาทิรตนปฏิลาภเหตุ โหติ, โลกสนฺตติฺจ อาวหติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สทฺโธ สีเลน สมฺปนฺโน, ยโส โภคสมปฺปิโต;
ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถว ปูชิโต’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๓);
เอวํ สทฺธาปฏิลาภสฺส สุลทฺธลาภตา เวทิตพฺพา. ยสฺมา ปนายํ สทฺธาปฏิลาโภ อนุคามิโก อนฺสาธารโณ สพฺพสมฺปตฺติเหตุ, โลกิยสฺส จ หิรฺสุวณฺณาทิธนลาภสฺส การณํ. สทฺโธเยว หิ ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา อุฬารุฬารวิตฺตูปกรณานิ อธิคจฺฉติ, เตหิ จ อตฺตโน ¶ ปเรสฺจ อตฺถเมว สมฺปาเทติ. อสฺสทฺธสฺส ปน ตานิ อนตฺถาวหานิ โหนฺติ, อิธ เจว สมฺปราเย จาติ, เอวมฺปิ สทฺธาย สุลทฺธลาภตา เวทิตพฺพา. ตถา หิ –
‘‘สทฺธา พนฺธติ ปาเถยฺยํ’’. (สํ. นิ. ๑.๗๙).
‘‘สทฺธา ทุติยา ปุริสสฺส โหตี’’ติ จ. (สํ. นิ. ๑.๓๖, ๕๙).
‘‘สทฺธีธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺ’’นฺติ จ. (สํ. นิ. ๑.๗๓; สุ. นิ. ๑๘๔).
‘‘สทฺธาหตฺโถ มหานาโค’’ติ จ. (อ. นิ. ๖.๔๓; เถรคา. ๖๙๔).
‘‘สทฺธา พีชํ ตโป วุฏฺี’’ติ จ. (สํ. นิ. ๑.๑๙๗; สุ. นิ. ๗๗).
‘‘สทฺเธสิโก, ภิกฺขเว, อริยสาวโก’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗) จ.
‘‘สทฺธาย ตรติ โอฆ’’นฺติ จ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๖) –
อเนเกสุ าเนสุ อเนเกหิ การเณหิ สทฺธา สํวณฺณิตา.
อิทานิ ยาย สทฺธาย สาสเน กุสลธมฺเมสุ สุปฺปติฏฺิโต นาม โหติ นิยาโมกฺกนฺติยา, ตํ สทฺธํ ทสฺเสตุํ ‘‘สา โข ปนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อสฺสาติ อิมสฺส ภเวยฺยาติ อตฺโถ. นิวิฏฺาติ อภินิวิฏฺา จิตฺตสนฺตานํ อนุปวิฏฺา. มูลชาตาติ ชาตมูลา. กึ ปน สทฺธาย มูลํ ¶ นาม? สทฺเธยฺยวตฺถุสฺมึ โอกปฺปนเหตุภูโต อุปายมนสิกาโร. อปิจ สปฺปุริสเสวนา สทฺธมฺมสฺสวนํ โยนิโสมนสิกาโร ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺตีติ จตฺตาริ โสตาปตฺติยงฺคานิ มูลานิ เวทิตพฺพานิ. ปติฏฺิตาติ อริยมคฺคาธิคเมน เกนจิ อกมฺปนียภาเวน อวฏฺิตา. เตเนวาห ‘‘ทฬฺหา อสํหาริยา’’ติ. ทฬฺหาติ ถิรา. อสํหาริยาติ เกนจิ สํหริตุํ วา หาเปตุํ วา อปเนตุํ วา อสกฺกุเณยฺยา. อิติ เต เทวา ตสฺส โสตาปตฺติมคฺคสมธิคมํ อาสีสนฺตา เอวํ วทนฺติ. อตฺตโน เทวโลเก กามสุขูปโภคารหเมว หิ อริยปุคฺคลํ เต อิจฺฉนฺติ. เตนาห ¶ ‘‘เอหิ, เทว, ปุนปฺปุน’’นฺติ.
คาถาสุ ปฺุกฺขยมรณมฺปิ ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉเทเนว โหตีติ อาห ‘‘จวติ อายุสงฺขยา’’ติ. อนุโมทตนฺติ อนุโมทนฺตานํ. มนุสฺสานํ สหพฺยตนฺติ ¶ มนุสฺเสหิ สหภาวํ. สห พฺเยตีติ สหพฺโย, สหปวตฺตนโก, ตสฺส ภาโว สหพฺยตา. นิวิฏฺสฺสาติ นิวิฏฺา ภเวยฺย. ยาวชีวนฺติ ยาว ชีวิตปฺปวตฺติยา, ยาว ปรินิพฺพานาติ อตฺโถ.
อปฺปมาณนฺติ สกฺกจฺจํ พหุํ อุฬารํ พหุกฺขตฺตฺุจ กรณวเสน ปมาณรหิตํ. นิรูปธินฺติ กิเลสูปธิรหิตํ, สุวิสุทฺธํ นิมฺมลนฺติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน เต เทวา มหคฺคตกุสลํ น อิจฺฉนฺติ กามโลกสมติกฺกมนโต, กามาวจรปฺุเมว อิจฺฉนฺติ, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ – ‘‘อิโต เทวโลกโต จุโต มนุสฺเสสุ อุปฺปชฺชิตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต กายทุจฺจริตาทึ สพฺพํ ทุจฺจริตํ ปหาย กายสุจริตาทึ สพฺพํ สุจริตํ อุฬารํ วิปุลํ อุปจินิตฺวา อริยมคฺเคน อาคตสทฺโธ ภวาหี’’ติ. ยสฺมา ปน โลกุตฺตเรสุ ปมมคฺคํ ทุติยมคฺคมฺปิ วา อิจฺฉนฺติ อตฺตโน เทวโลกูปปตฺติยา อนติวตฺตนโต, ตสฺมา เตสมฺปิ วเสน ‘‘อปฺปมาณํ นิรูปธิ’’นฺติปทานํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ – ปมาณกรานํ ทิฏฺเกฏฺโอฬาริกกามราคาทิกิเลสานํ อุปจฺเฉเทน อปฺปมาณํ, สตฺตมภวโต วา อุปฺปชฺชนารหสฺส ขนฺธูปธิสฺส ตํนิพฺพตฺตกอภิสงฺขารูปธิสฺส ตํตํมคฺควชฺฌกิเลสูปธิสฺส จ ปหาเนน เตสํ อนิพฺพตฺตนโต นิรุปธิสงฺขาตนิพฺพานสนฺนิสฺสิตตฺตา จ นิรุปธีติ.
เอวํ อจฺจนฺตเมว อปายทฺวารปิธายกํ กมฺมํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สคฺคสมฺปตฺตินิพฺพตฺตกกมฺมํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตโต โอปธิก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โอปธิกนฺติ อุปธิเวปกฺกํ อตฺตภาวสมฺปตฺติยา เจว โภคสมฺปตฺติยา จ นิพฺพตฺตกนฺติ อตฺโถ. อุปธีติ หิ อตฺตภาโว วุจฺจติ. ยถาห ‘‘สนฺเตกจฺจานิ ปาปกานิ กมฺมสมาทานานิ อุปธิสมฺปตฺติปฏิพาหิตานิ น วิปจฺจนฺตี’’ติ ¶ (วิภ. ๘๑๐). กามคุณาปิ. ยถาห ‘‘อุปธีหิ นรสฺส โสจนา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๒; สุ. นิ. ๓๔). ตตฺรายํ ¶ วจนตฺโถ – อุปธียติ เอตฺถ สุขทุกฺขนฺติ อุปธิ, อตฺตภาโว กามคุณา จ. อุปธิกรณํ สีลํ เอตสฺส, อุปธึ วา อรหตีติ โอปธิกํ, ปฺุํ, ตํ พหุํ อุฬารํ กตฺวา. กถํ? ทาเนน. ทานฺหิ อิตเรหิ สุกรนฺติ เอวํ วุตฺตํ. ทาเนนาติ วา ปเทน อภยทานมฺปิ วุตฺตํ, น อามิสทานเมวาติ สีลสฺสาปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา ปน เต เทวา อสุรกายหานึ เอกนฺเตเนว เทวกายปาริปูริฺจ อิจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตสฺส อุปายํ ¶ ทสฺเสนฺตา ‘‘อฺเปิ มจฺเจ สทฺธมฺเม, พฺรหฺมจริเย นิเวสยา’’ติ ธมฺมทาเน นิโยเชนฺติ. ยทา วิทูติ ยสฺมึ กาเล เทวา เทวํ จวนฺตํ วิทู วิชาเนยฺยุํ, ตทา อิมาย ยถาวุตฺตาย อนุกมฺปาย ทุกฺขาปนยนกมฺยตาย ‘‘เทว, อิเม เทวกาเย ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนวเสน เอหิ อาคจฺฉาหี’’ติ จ อนุโมเทนฺตีติ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. พหุชนหิตสุตฺตวณฺณนา
๘๔. ปฺจเม โลเกติ เอตฺถ ตโย โลกา – สตฺตโลโก, สงฺขารโลโก, โอกาสโลโกติ. เตสุ อินฺทฺริยพทฺธานํ รูปธมฺมานํ อรูปธมฺมานํ รูปารูปธมฺมานฺจ สนฺตานวเสน วตฺตมานานํ สมูโห สตฺตโลโก, ปถวีปพฺพตาทิเภโท โอกาสโลโก, อุภเยปิ ขนฺธา สงฺขารโลโก. เตสุ สตฺตโลโก อิธ อธิปฺเปโต. ตสฺมา โลเกติ สตฺตโลเก. ตตฺถาปิ น เทวโลเก, น พฺรหฺมโลเก, มนุสฺสโลเก. มนุสฺสโลเกปิ น อฺสฺมึ จกฺกวาเฬ, อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ. ตตฺราปิ น สพฺพฏฺาเนสุ, ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส อปเรน มหาสาลา, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ; ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ; ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา ¶ , โอรโต มชฺเฌ; ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ; อุตฺตราย ทิสาย อุสิรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ’’ติ (มหาว. ๒๕๙) เอวํ ปริจฺฉินฺเน อายามโต ติโยชนสเต วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยโยชนสเต ปริกฺเขปโต นวโยชนสเต มชฺฌิมเทเส อุปฺปชฺชติ ตถาคโต. น เกวลฺจ ตถาคโตว ปจฺเจกพุทฺธา อคฺคสาวกา อสีติมหาเถรา พุทฺธมาตา พุทฺธปิตา จกฺกวตฺติราชา อฺเ จ สารปฺปตฺตา พฺราหฺมณคหปติกา เอตฺเถว อุปฺปชฺชนฺติ. อิธ ปน ตถาคตวาเรเยว สพฺพตฺถกวเสน อยํ นโย ลพฺภติ, อิตเรสุ เอกเทสวเสน.
อุปฺปชฺชมานา ¶ ¶ อุปฺปชฺชนฺตีติ อิทํ ปน อุภยมฺปิ วิปฺปกตวจนเมว, อุปฺปชฺชนฺตา พหุชนหิตตฺถาย อุปฺปชฺชนฺติ, น อฺเน การเณนาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวรูปฺเหตฺถ สทฺทลกฺขณํ น สกฺกา อฺเน สทฺทลกฺขเณน ปฏิพาหิตุํ.
อปิจ อุปฺปชฺชมาโน นาม อุปฺปชฺชติ นาม อุปฺปนฺโน นามาติ อยํ ปเภโท เวทิตพฺโพ. ตถาคโต หิ มหาภินีหารํ กโรนฺโต, พุทฺธกเร ธมฺเม ปริเยสนฺโต, ปารมิโย ปูเรนฺโต, ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺโต, าตตฺถจริยํ จรนฺโต, โลกตฺถจริยํ, พุทฺธตฺถจริยํ โกฏึ ปาเปนฺโต, ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตภวเน ติฏฺนฺโต, ตโต โอตริตฺวา จริมภเว ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺโต, อคารมชฺเฌ วสนฺโต, อภินิกฺขมนฺโต, มหาปธานํ ปทหนฺโต, ปริปกฺกาโณ โพธิมณฺฑํ อารุยฺห มารพลํ วิธเมนฺโต ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺโต, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธนฺโต, ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรตฺวา อเนกาการํ สพฺพสงฺขาเร สมฺมสิตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิวิชฺฌนฺโต ยาว อนาคามิผลํ สจฺฉิกโรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน เอว นาม, อรหตฺตมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชติ นาม, อรหตฺตผลกฺขเณ ปน อุปฺปนฺโน นาม. พุทฺธานฺหิ สาวกานํ วิย น ปฏิปาฏิยา อิทฺธิวิธาณาทีนํ อุปฺปาทนกิจฺจํ อตฺถิ, สเหว ปน อรหตฺตมคฺเคน สกโลปิ พุทฺธคุณราสิ อาคโตว นาม โหติ. ตสฺมา ¶ เต นิพฺพตฺตสพฺพกิจฺจตฺตา อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺนา นาม โหนฺติ. อิธ อรหตฺตผลกฺขณํ สนฺธาย ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺโต. อุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ.
สาวโกปิ ขีณาสโว สาวกโพธิยา เหตุภูเต ปฺุสมฺภาเร สมฺภรนฺโต ปุพฺพโยคํ ปุพฺพจริยํ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต จริมภเว นิพฺพตฺตนฺโต อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺวา สํสาเร อาทีนวํ ทิสฺวา ปพฺพชฺชาย เจตยมาโน ปพฺพชฺชํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา สีลาทีนิ ปริปูเรนฺโต ธุตธมฺเม สมาทาย วตฺตมาโน ชาคริยํ อนุยฺุชนฺโต าณานิ นิพฺพตฺเตนฺโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา เหฏฺิมมคฺเค อธิคจฺฉนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน เอว นาม, อรหตฺตมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชติ นาม, อรหตฺตผลกฺขเณ ปน อุปฺปนฺโน นาม. เสกฺโข ปน ปุพฺพูปนิสฺสยโต ปฏฺาย ยาว โคตฺรภุาณา อุปฺปชฺชมาโน นาม, ปมมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชติ นาม, ปมผลกฺขณโต ปฏฺาย อุปฺปนฺโน นาม. เอตฺตาวตา ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา โลเก อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ ปทานํ อตฺโถ วุตฺโต โหติ.
อิทานิ ¶ พหุชนหิตายาติอาทีสุ พหุชนหิตายาติ มหาชนสฺส หิตตฺถาย. พหุชนสุขายาติ มหาชนสฺส สุขตฺถาย. โลกานุกมฺปายาติ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ. กตรสตฺตโลกสฺสาติ ¶ ? โย ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌติ, อมตปานํ ปิวติ, ตสฺส. ภควโต หิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตเทสนาย อฺาตโกณฺฑฺปฺปมุขา อฏฺารส พฺรหฺมโกฏิโย ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌึสุ. เอวํ ยาว สุภทฺทปริพฺพาชกวินยนา ธมฺมํ ปฏิวิทฺธสตฺตานํ คณนา นตฺถิ, มหาสมยสุตฺตนฺตเทสนายํ มงฺคลสุตฺตํ, จูฬราหุโลวาทํ, สมจิตฺตเทสนายนฺติ อิเมสุ จตูสุ าเนสุ อภิสมยํ ปตฺตสตฺตานํ ปริจฺเฉโท นตฺถิ. เอวเมตสฺส อปริมาณสฺส สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย. สาวกสฺส ปน อรหโต เสกฺขสฺส จ โลกานุกมฺปาย อุปฺปตฺติ ธมฺมเสนาปติอาทีหิ ธมฺมภณฺฑาคาริกาทีหิ จ เทสิตเทสนาย ปฏิเวธปฺปตฺตสตฺตานํ ¶ วเสน, อปรภาเค จ มหามหินฺทตฺเถราทีหิ เทสิตเทสนาย ปฏิวิทฺธสจฺจานํ วเสน, ยาวชฺชตนา อิโต ปรํ อนาคเต จ สาสนํ นิสฺสาย สคฺคโมกฺขมคฺเคสุ ปติฏฺหนฺตานํ วเสนปิ อยมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ.
อปิจ พหุชนหิตายาติ พหุชนสฺส หิตตฺถาย, เนสํ ปฺาสมฺปตฺติยา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกหิตูปเทสโกติ. พหุชนสุขายาติ พหุชนสฺส สุขตฺถาย, จาคสมฺปตฺติยา อุปกรณสุขสมฺปทายโกติ. โลกานุกมฺปายาติ โลกสฺส อนุกมฺปนตฺถาย, เมตฺตากรุณาสมฺปตฺติยา มาตาปิตโร วิย โลกสฺส รกฺขิตา โคปิตาติ. อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานนฺติ อิธ เทวมนุสฺสคฺคหเณน ภพฺพปุคฺคเล เวเนยฺยสตฺเต เอว คเหตฺวา เตสํ นิพฺพานมคฺคผลาธิคมาย ตถาคตสฺส อุปฺปตฺติ ทสฺสิตา ปมวาเร, ทุติยตติยวาเรสุ ปน อรหโต เสกฺขสฺส จ วเสน โยเชตพฺพํ. ตตฺถ อตฺถายาติ อิมินา ปรมตฺถาย, นิพฺพานายาติ วุตฺตํ โหติ. หิตายาติ ตํสมฺปาปกมคฺคตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ. นิพฺพานสมฺปาปกมคฺคโต หิ อุตฺตรึ หิตํ นาม นตฺถิ. สุขายาติ ผลสมาปตฺติสุขตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ, ตโต อุตฺตริ สุขาภาวโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจว อายติฺจ สุขวิปาโก’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๕; อ. นิ. ๕.๒๗; วิภ. ๘๐๔).
ตถาคโตติอาทีนํ ¶ ปทานํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติอาทีสุ ติสฺโสปิ วิชฺชา ภยเภรเว (ม. นิ. ๑.๓๔ อาทโย) อาคตนเยน, ฉปิ วิชฺชา ฉฬภิฺาวเสน, อฏฺปิ วิชฺชา อมฺพฏฺสุตฺเต อาคตาติ วิชฺชาหิ, สีลสํวราทีหิ, ปนฺนรสหิ จรณธมฺเมหิ จ, อนฺสาธารเณหิ สมฺปนฺโน สมนฺนาคโตติ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน. โสภนคมนตฺตา, สุนฺทรํ านํ คตตฺตา, สมฺมา คตตฺตา, สมฺมา คทตฺตา จ สุคโต. สพฺพถา วิทิตโลกตฺตา โลกวิทู. นตฺถิ เอตสฺส อุตฺตโรติ อนุตฺตโร. ปุริสทมฺเม ¶ ปุริสเวเนยฺเย สาเรติ วิเนตีติ ปุริสทมฺมสารถิ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ อนุสาสตีติ สตฺถา. สพฺพสฺสาปิ เนยฺยสฺส สพฺพปฺปกาเรน ¶ สยมฺภุาเณน พุทฺธตฺตา พุทฺโธติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคโต (วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๒-๑๓๓) คเหตพฺโพ.
โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิ…เป… ปริโยสานกลฺยาณนฺติ โส ภควา สตฺเตสุ การฺุํ ปฏิจฺจ หิตฺวาปิ อนุตฺตรํ วิเวกสุขํ ธมฺมํ เทเสติ. ตฺจ โข อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสติ. กถํ? เอกคาถาปิ หิ สมนฺตภทฺทกตฺตา ธมฺมสฺส ปมปาเทน อาทิกลฺยาณา, ทุติยตติเยหิ มชฺเฌกลฺยาณา, ปจฺฉิเมน ปริโยสานกลฺยาณา. เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ นิทาเนน อาทิกลฺยาณํ, นิคมเนน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสน มชฺเฌกลฺยาณํ. นานานุสนฺธิกํ สุตฺตํ ปเมน อนุสนฺธินา อาทิกลฺยาณํ, ปจฺฉิเมน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสหิ มชฺเฌกลฺยาณํ. สกโลปิ วา สาสนธมฺโม อตฺตโน อตฺถภูเตน สีเลน อาทิกลฺยาโณ, สมถวิปสฺสนามคฺคผเลหิ มชฺเฌกลฺยาโณ, นิพฺพาเนน ปริโยสานกลฺยาโณ. สีลสมาธีหิ วา อาทิกลฺยาโณ, วิปสฺสนามคฺเคหิ มชฺเฌกลฺยาโณ, ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณ. พุทฺธสุพุทฺธตาย วา อาทิกลฺยาโณ, ธมฺมสุธมฺมตาย มชฺเฌกลฺยาโณ, สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติยา ปริโยสานกลฺยาโณ. ตํ สุตฺวา ตถตฺตาย ปฏิปนฺเนน อธิคนฺตพฺพาย อภิสมฺโพธิยา วา อาทิกลฺยาโณ, ปจฺเจกโพธิยา มชฺเฌกลฺยาโณ, สาวกโพธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ. สุยฺยมาโน เจส นีวรณวิกฺขมฺภนโต สวเนนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ อาทิกลฺยาโณ, ปฏิปชฺชิยมาโน สมถวิปสฺสนาสุขาวหนโต ปฏิปตฺติยาปิ ¶ สุขเมว อาวหตีติ มชฺเฌกลฺยาโณ, ตถาปฏิปนฺโน จ ปฏิปตฺติผเล นิฏฺิเต ตาทิภาวาวหนโต ปฏิปตฺติผเลนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ ปริโยสานกลฺยาโณ. นาถปฺปภวตฺตา จ ปภวสุทฺธิยา อาทิกลฺยาโณ, อตฺถสุทฺธิยา มชฺเฌกลฺยาโณ, กิจฺจสุทฺธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ. เตน ¶ วุตฺตํ ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิ…เป… ปริโยสานกลฺยาณ’’นฺติ.
ยํ ปน ภควา ธมฺมํ เทเสนฺโต สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยฺจ ปกาเสติ, นานานเยหิ ทีเปติ, ตํ ยถานุรูปํ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ, พฺยฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ. สงฺกาสน, ปกาสน, วิวรณ, วิภชน, อุตฺตานีกรณ ปฺตฺติอตฺถปทสมาโยคโต สาตฺถํ, อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ, อตฺถคมฺภีรตาปฏิเวธคมฺภีรตาหิ วา สาตฺถํ, ธมฺมคมฺภีรตาเทสนาคมฺภีรตาหิ สพฺยฺชนํ. อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาวิสยโต วา สาตฺถํ, ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาวิสยโต สพฺยฺชนํ. ปณฺฑิตเวทนียโต ปริกฺขกชนปฺปสาทกนฺติ สาตฺถํ, สทฺเธยฺยโต โลกิยชนปฺปสาทกนฺติ สพฺยฺชนํ. คมฺภีราธิปฺปายโต สาตฺถํ, อุตฺตานปทโต สพฺยฺชนํ. อุปเนตพฺพสฺส อภาวโต สกลปริปุณฺณภาเวน เกวลปริปุณฺณํ, อปเนตพฺพสฺส อภาวโต ¶ นิทฺโทสภาเวน ปริสุทฺธํ, อปิจ ปฏิปตฺติยา อธิคมพฺยตฺติโต สาตฺถํ, ปริยตฺติยา อาคมพฺยตฺติโต สพฺยฺชนํ, สีลาทิปฺจธมฺมกฺขนฺธปาริปูริยา ปริปุณฺณํ, นิรุปกฺกิเลสโต นิตฺถรณตฺถาย ปวตฺติโต โลกามิสนิรเปกฺขโต จ ปริสุทฺธํ, สิกฺขตฺตยปริคฺคหิตตฺตา พฺรหฺมภูเตหิ เสฏฺเหิ จริตพฺพโต เตสํ จริยภาวโต จ พฺรหฺมจริยํ. ตสฺมา ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชนํ…เป… ปกาเสตี’’ติ วุจฺจติ. ปโมติ คณนานุปุพฺพโต สพฺพโลกุตฺตมภาวโต จ ปโม ปุคฺคโล.
ตสฺเสว สตฺถุ สาวโกติ ตสฺเสว ยถาวุตฺตคุณสฺส สตฺถุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมเทสนาย สวนนฺเต ชาโต ธมฺมเสนาปติสทิโส สาวโก, น ปูรณาทิ วิย ปฏิฺามตฺเตน สตฺถุ สาวโก. ปาฏิปโทติ ปฏิปทาสงฺขาเตน อริยมคฺเคน อริยาย ชาติยา ชาโต ภโวติ ปาฏิปโท, อนิฏฺิตปฏิปตฺติกิจฺโจ ปฏิปชฺชมาโนติ อตฺโถ. สุตฺตเคยฺยาทิ ปริยตฺติธมฺโม พหุํ สุโต เอเตนาติ พหุสฺสุโต. ปาติโมกฺขสํวราทิสีเลน ¶ เจว อารฺิกงฺคาทิธุตงฺควเตหิ ¶ จ อุปปนฺโน สมฺปนฺโน สมนฺนาคโตติ สีลวตูปปนฺโน. อิติ ภควา ‘‘โลกานุกมฺปา นาม หิตชฺฌาสเยน ธมฺมเทสนา, สา จ อิเมสุ เอว ตีสุ ปุคฺคเลสุ ปฏิพทฺธา’’ติ ทสฺเสติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
คาถาสุ ตสฺสนฺวโยติ ตสฺเสว สตฺถุ ปฏิปตฺติยา ธมฺมเทสนาย จ อนุคมเนน ตสฺสนฺวโย อนุชาโต. อวิชฺชนฺธการํ วิธมิตฺวา สปรสนฺตาเนสุ ธมฺมาโลกสงฺขาตาย ปภาย กรณโต ปภงฺกรา. ธมฺมมุทีรยนฺตาติ จตุสจฺจธมฺมํ กเถนฺตา. อปาปุรนฺตีติ อุคฺฆาเฏนฺติ. อมตสฺส นิพฺพานสฺส. ทฺวารํ อริยมคฺคํ. โยคาติ กามโยคาทิโต. สตฺถวาเหนาติ เวเนยฺยสตฺถวาหนโต ภวกนฺตารนิตฺถรณโต สตฺถวาโห, ภควา, เตน สตฺถวาเหน. สุเทสิตํ มคฺคมนุกฺกมนฺตีติ เตน สมฺมา เทสิตํ อริยมคฺคํ ตสฺส เทสนานุสาเรน อนุคจฺฉนฺติ ปฏิปชฺชนฺติ. อิเธวาติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. เสสํ อุตฺตานเมว.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อสุภานุปสฺสีสุตฺตวณฺณนา
๘๕. ฉฏฺเ อสุภานุปสฺสีติ อสุภํ อนุปสฺสนฺตา ทฺวตฺตึสาการวเสน เจว อุทฺธุมาตกาทีสุ คหิตนิมิตฺตสฺส อุปสํหรณวเสน จ กายสฺมึ อสุภํ อสุภาการํ อนุปสฺสกา หุตฺวา วิหรถ. อานาปานสฺสตีติ อานาปาเน สติ, ตํ อารพฺภ ปวตฺตา สติ, อสฺสาสปสฺสาสปริคฺคาหิกา ¶ สตีติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อานนฺติ อสฺสาโส, โน ปสฺสาโส. ปานนฺติ ปสฺสาโส, โน อสฺสาโส’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๐).
โวติ ตุมฺหากํ. อชฺฌตฺตนฺติ อิธ โคจรชฺฌตฺตํ อธิปฺเปตํ. ปริมุขนฺติ อภิมุขํ. สูปฏฺิตาติ สุฏฺุ อุปฏฺิตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อานาปานสฺสติ จ ตุมฺหากํ กมฺมฏฺานาภิมุขํ สุฏฺุ อุปฏฺิตา ¶ โหตูติ. อถ วา ปริมุขนฺติ ปริคฺคหิตนิยฺยานํ. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ – ‘‘ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ, มุขนฺติ นิยฺยานฏฺโ ¶ , สตีติ อุปฏฺานฏฺโ, เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สติ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๔). อิมินา จตุสติปฏฺานโสฬสปฺปเภทา อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานภาวนา ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพา.
เอวํ สงฺเขเปเนว ราคจริตวิตกฺกจริตานํ สปฺปายํ ปฏิกูลมนสิการกายานุปสฺสนาวเสน สมถกมฺมฏฺานํ วิปสฺสนากมฺมฏฺานฺจ อุปทิสิตฺวา อิทานิ สุทฺธวิปสฺสนากมฺมฏฺานเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสิโน วิหรถา’’ติ อาห. ตตฺถ อนิจฺจํ, อนิจฺจลกฺขณํ, อนิจฺจานุปสฺสนา, อนิจฺจานุปสฺสีติ อิทํ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. หุตฺวา, อภาวโต, อุทยพฺพยโยคโต, ตาวกาลิกโต, นิจฺจปฏิกฺเขปโต จ ขนฺธปฺจกํ อนิจฺจํ นาม. ตสฺส โย หุตฺวา อภาวากาโร, ตํ อนิจฺจลกฺขณํ นาม. ตํ อารพฺภ ปวตฺตา วิปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนา. ตํ อนิจฺจนฺติ วิปสฺสโก อนิจฺจานุปสฺสี. เอตฺถ จ เอกาทสวิธา อสุภกถา ปมชฺฌานํ ปาเปตฺวา, โสฬสวตฺถุกา จ อานาปานกถา จตุตฺถชฺฌานํ ปาเปตฺวา, วิปสฺสนากถา จ วิตฺถารโต วตฺตพฺพา, สา ปน สพฺพาการโต วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๗๓๗-๗๔๐) กถิตาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
อิทานิ อสุภานุปสฺสนาทีหิ นิปฺผาเทตพฺพํ ผลวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อสุภานุปสฺสีน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สุภาย ธาตุยาติ สุภภาเว, สุภนิมิตฺเตติ อตฺโถ. ราคานุสโยติ สุภารมฺมเณ อุปฺปชฺชนารโห กามราคานุสโย. โส เกสาทีสุ อุทฺธุมาตกาทีสุ วา อสุภานุปสฺสีนํ อสุภนิมิตฺตํ คเหตฺวา ตตฺถ ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อธิคเตน อนาคามิมคฺเคน ปหียติ, สพฺพโส สมุจฺฉินฺทียตีติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อสุภา ภาเวตพฺพา กามราคสฺส ปหานายา’’ติ (อ. นิ. ๙.๓; อุทา. ๓๑). พาหิราติ พหิทฺธาวตฺถุกตฺตา อนตฺถาวหตฺตา จ พาหิรา พหิภูตา. วิตกฺกาสยาติ กามสงฺกปฺปาทิมิจฺฉาวิตกฺกา. เต ¶ หิ อปฺปหีนา อาสยานุคตา สติ ปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชนโต วิตกฺกาสยาติ วุตฺตา. กามวิตกฺโก เจตฺถ กามราคคฺคหเณน คหิโต เอวาติ ตทวเสสา ¶ วิตกฺกา เอว วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. วิฆาตปกฺขิกาติ ทุกฺขภาคิยา, อิจฺฉาวิฆาตนิพฺพตฺตนกา วา. เต น โหนฺตีติ ¶ เต ปหียนฺติ. พฺยาปาทวิตกฺโก, วิหึสาวิตกฺโก, าติวิตกฺโก, ชนปทวิตกฺโก, อมราวิตกฺโก, อนวฺตฺติปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก, ลาภสกฺการสิโลกปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก, ปรานุทฺทยตาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโกติ อฏฺ, กามวิตกฺเกน สทฺธึ นววิธา มหาวิตกฺกา อานาปานสฺสติสมาธินา ตนฺนิสฺสิตาย จ วิปสฺสนาย ปุพฺพภาเค วิกฺขมฺภิตา. ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคเตน อริยมคฺเคน ยถารหํ อนวเสสโต ปหียนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อานาปานสฺสติ ภาเวตพฺพา วิตกฺกุปจฺเฉทายา’’ติ (อ. นิ. ๙.๓; อุทา. ๓๑).
ยา อวิชฺชา, สา ปหียตีติ ยา สจฺจสภาวปฏิจฺฉาทินี สพฺพานตฺถการี สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส มูลภูตา อวิชฺชา, สา อนิจฺจานุปสฺสีนํ วิหรตํ สมุจฺฉิชฺชติ. อิทํ กิร ภควตา อนิจฺจาการโต วุฏฺิตสฺส สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวสฺส วเสน วุตฺตํ. ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ – เตภูมเกสุ สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจาทิโต สมฺมสนํ ปฏฺเปตฺวา วิปสฺสนฺตานํ ยทา อนิจฺจนฺติ ปวตฺตมานา วุฏฺานคามินีวิปสฺสนา มคฺเคน ฆฏียติ, อนุกฺกเมน อรหตฺตมคฺโค อุปฺปชฺชติ, เตสํ อนิจฺจานุปสฺสีนํ วิหรตํ อวิชฺชา อนวเสสโต ปหียติ, อรหตฺตมคฺควิชฺชา อุปฺปชฺชตีติ. อนิจฺจานุปสฺสีนํ วิหรตนฺติ อิทํ อนิจฺจลกฺขณสฺส เตสํ ปากฏภาวโต อิตรสฺส ลกฺขณทฺวยสฺส คหเณ อุปายภาวโต วา วุตฺตํ, น ปน เอกสฺเสว ลกฺขณสฺส อนุปสฺสิตพฺพโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕). อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อนิจฺจสฺิโน หิ, เมฆิย, อนตฺตสฺา สณฺาติ, อนตฺตสฺี อสฺมิมานสมุคฺฆาตํ ปาปุณาตี’’ติ.
คาถาสุ อานาปาเน ปฏิสฺสโตติ อานาปานนิมิตฺตสฺมึ ปฏิ ปฏิ สโต, อุปฏฺิตสฺสตีติ อตฺโถ. ปสฺสนฺติ ¶ อาสวกฺขยาณจกฺขุนา สงฺขารูปสมํ นิพฺพานํ ปสฺสนฺโต. อาตาปี สพฺพทาติ อนฺตราโวสานํ อนาปชฺชิตฺวา อสุภานุปสฺสนาทีสุ สตตํ อาตาปี ยุตฺตปฺปยุตฺโต, ตโต เอว ยโต วายมมาโน, นิยโต วา สมฺมตฺตนิยาเมน ตตฺถ สพฺพสงฺขารสมเถ นิพฺพาเน อรหตฺตผลวิมุตฺติยา วิมุจฺจติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺนสุตฺตวณฺณนา
๘๖. สตฺตเม ¶ ¶ ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺนสฺสาติ เอตฺถ ธมฺโม นาม นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม, ตสฺส ธมฺมสฺส อนุธมฺโม สีลวิสุทฺธิอาทิ ปุพฺพภาคปฏิปทาธมฺโม, ตํ ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปนฺนสฺส อธิคนฺตุํ ปฏิปชฺชมานสฺส. อยมนุธมฺโม โหตีติ อยํ อนุจฺฉวิกสภาโว ปติรูปสภาโว โหติ. เวยฺยากรณายาติ กถนาย. ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโนยนฺติ ยนฺติ กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน อนุธมฺเมน ตํ ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปนฺโนติ พฺยากรมาโน สมฺมเทว พฺยากโรนฺโต นาม สิยา, น ตโตนิทานํ วิฺูหิ ครหิตพฺโพ สิยาติ. ยนฺติ วา กิริยาปรามสนํ, เตเนตํ ทสฺเสติ ‘‘ยทิทํ ธมฺมสฺเสว ภาสนํ, ธมฺมวิตกฺกสฺเสว จ วิตกฺกนํ ตทุภยาภาเว าณุเปกฺขาย, อยํ ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน ตถารูโป อยนฺติ กถนายานุรูปเหตุ อนุจฺฉวิกการณํ. ภาสมาโน ธมฺมํเยว ภาเสยฺยาติ กเถนฺโต เจ ทสกถาวตฺถุธมฺมํเยว กเถยฺย, น ตปฺปฏิปกฺขมหิจฺฉตาทิอธมฺมํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยายํ กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา, สนฺตุฏฺิกถา, ปวิเวกกถา, อสํสคฺคกถา, วีริยารมฺภกถา, สีลกถา, สมาธิกถา, ปฺากถา, วิมุตฺติกถา, วิมุตฺติาณทสฺสนกถา ¶ , เอวรูปาย กถาย นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติ (อ. นิ. ๙.๓; อุทา. ๓๑).
อภิสลฺเลขิกาย กถาย ลาภี เอว หิ ตํ ภาเสยฺย. เอเตน กลฺยาณมิตฺตสมฺปทา ทสฺสิตา.
ธมฺมวิตกฺกนฺติ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทึ ธมฺมโต อนเปตํ วิตกฺกยโต ‘‘สีลาทิปฏิปทํ ปริปูเรสฺสามี’’ติ อุปรูปริ อุสฺสาโห อภิวฑฺฒิสฺสติ. โส ปน วิตกฺโก สีลาทีนํ อนุปการธมฺเม วชฺเชตฺวา อุปการธมฺเม อนุพฺรูหนวเสน หานภาคิยภาวํ อปเนตฺวา ิติภาคิยภาเวปิ อฏฺตฺวา วิเสสภาคิยตํ นิพฺเพธภาคิยตฺจ ปาปนวเสน ปวตฺติยา อเนกปฺปเภโท เวทิตพฺโพ. โน อธมฺมวิตกฺกนฺติ กามวิตกฺกํ โน วิตกฺเกยฺยาติ ¶ อตฺโถ. ตทุภยํ วา ปนาติ ยเทตํ ปเรสํ อนุคฺคหณตฺถํ ธมฺมภาสนํ อตฺตโน อนุคฺคหณตฺถํ ธมฺมวิตกฺกนฺจ วุตฺตํ. อถ วา ปน ตํ อุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อปฺปฏิปชฺชิตฺวา อกตฺวา. อุเปกฺขโกติ ¶ ตถาปฏิปตฺติยํ อุทาสีโน สมถวิปสฺสนาภาวนเมว อนุพฺรูหนฺโต วิหเรยฺย, สมถปฏิปตฺติยํ อุเปกฺขโก หุตฺวา วิปสฺสนายเมว กมฺมํ กโรนฺโต วิหเรยฺย. วิปสฺสนมฺปิ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ตตฺถปิ สงฺขารุเปกฺขาาณวเสน อุเปกฺขโก ยาว วิปสฺสนาาณํ มคฺเคน ฆฏียติ, ตาว ยถา ตํ ติกฺขํ สูรํ ปสนฺนํ หุตฺวา วหติ, ตถา วิหเรยฺย สโต สมฺปชาโนติ.
คาถาสุ สมถวิปสฺสนาธมฺโม อารมิตพฺพฏฺเน อาราโม เอตสฺสาติ ธมฺมาราโม. ตสฺมึเยว ธมฺเม รโตติ ธมฺมรโต. ตสฺเสว ธมฺมสฺส ปุนปฺปุนํ วิจินฺตนโต ธมฺมํ อนุวิจินฺตยํ ตํ ธมฺมํ อาวชฺเชนฺโต, มนสิ กโรนฺโตติ อตฺโถ. อนุสฺสรนฺติ ตเมว ธมฺมํ อุปรูปริภาวนาวเสน อนุสฺสรนฺโต. อถ วา วิมุตฺตายตนสีเส ตฺวา ปเรสํ เทสนาวเสน สีลาทิธมฺโม อารมิตพฺพฏฺเน อาราโม เอตสฺสาติ ธมฺมาราโม. ตเถว ตสฺมึ ธมฺเม รโต อภิรโตติ ธมฺมรโต. เตสํเยว สีลาทิธมฺมานํ คติโย สมนฺเวสนฺโต กามวิตกฺกาทีนํ โอกาสํ อทตฺวา เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทิธมฺมํเยว อนุวิจินฺตนโต ธมฺมํ อนุวิจินฺตยํ ¶ . ตทุภยํ วา ปน โอฬาริกโต ทหนฺโต อชฺฌุเปกฺขิตฺวา สมถวิปสฺสนาธมฺมเมว อุปรูปริ ภาวนาวเสน อนุสฺสรนฺโต อนุพฺรูหนวเสน ปวตฺเตนฺโต. สทฺธมฺมาติ สตฺตตึสปฺปเภทา โพธิปกฺขิยธมฺมา นววิธโลกุตฺตรธมฺมา จ น ปริหายติ, น จิรสฺเสว ตํ อธิคจฺฉตีติ อตฺโถ.
อิทานิ ตสฺส อนุสฺสรณวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘จรํ วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จรํ วาติ ภิกฺขาจารวเสน จงฺกมนวเสน จ จรนฺโต วา. ยทิ วา ติฏฺนฺติ ติฏฺนฺโต วา นิสินฺโน วา, อุท วา สยนฺติ สยนฺโต วา. เอวํ จตูสุปิ อิริยาปเถสุ. อชฺฌตฺตํ สมยํ จิตฺตนฺติ ยถาวุตฺเต กมฺมฏฺานสงฺขาเต โคจรชฺฌตฺเต อตฺตโน จิตฺตํ ราคาทิกิเลสานํ วูปสมนวเสน ปชหนวเสน สมยํ สเมนฺโต. สนฺติเมวาธิคจฺฉตีติ อจฺจนฺตสนฺตึ นิพฺพานเมว ปาปุณาตีติ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อนฺธกรณสุตฺตวณฺณนา
๘๗. อฏฺเม ¶ อกุสลวิตกฺกาติ อโกสลฺลสมฺภูตา วิตกฺกา. อนฺธกรณาติอาทีสุ ยสฺส สยํ อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ ยถาภูตทสฺสนนิวารเณน อนฺธํ กโรนฺตีติ อนฺธกรณา. น ปฺาจกฺขุํ กโรนฺตีติ อจกฺขุกรณา. อฺาณํ กโรนฺตีติ อฺาณกรณา. ปฺานิโรธิกาติ ¶ กมฺมสฺสกตาปฺา, ฌานปฺา, วิปสฺสนาปฺาติ อิมา ติสฺโส ปฺา อปฺปวตฺติกรเณน นิโรเธนฺตีติ ปฺานิโรธิกา. อนิฏฺผลทายกตฺตา ทุกฺขสงฺขาตสฺส วิฆาตสฺส ปกฺเข วตฺตนฺตีติ วิฆาตปกฺขิกา. กิเลสนิพฺพานํ น สํวตฺตยนฺตีติ อนิพฺพานสํวตฺตนิกา.
กามวิตกฺโกติ กามปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก. โส หิ กิเลสกามสหิโต หุตฺวา วตฺถุกาเมสุ ปวตฺตติ. พฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก พฺยาปาทวิตกฺโก. วิหึสาปฏิสํยุตฺโต ¶ วิตกฺโก วิหึสาวิตกฺโก. อิเม ทฺเว จ สตฺเตสุปิ สงฺขาเรสุปิ อุปฺปชฺชนฺติ. กามวิตกฺโก หิ ปิยมนาเป สตฺเต วา สงฺขาเร วา วิตกฺเกนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ, พฺยาปาทวิตกฺโก อปฺปิเย อมนาเป สตฺเต วา สงฺขาเร วา กุชฺฌิตฺวา โอโลกนกาลโต ปฏฺาย ยาว นาสนา อุปฺปชฺชติ, วิหึสาวิตกฺโก สงฺขาเรสุ น อุปฺปชฺชติ, สงฺขารา ทุกฺขาเปตพฺพา นาม นตฺถิ, ‘‘อิเม สตฺตา หฺนฺตุ วา พชฺฌนฺตุ วา อุจฺฉิชฺชนฺตุ วา วินสฺสนฺตุ วา มา วา อเหสุ’’นฺติ จินฺตนกาเล ปน สตฺเตสุ อุปฺปชฺชติ.
อิเมเยว ปน กามสงฺกปฺปาทโย. อตฺถโต หิ กามวิตกฺกาทีนํ กามสงฺกปฺปาทีนฺจ นานากรณํ นตฺถิ, ตํสมฺปยุตฺตา ปน สฺาทโย กามสฺาทโย. กามธาตุอาทีนํ ปน ยสฺมา ปาฬิยํ –
‘‘กามปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก…เป… มิจฺฉาสงฺกปฺโป, อยํ วุจฺจติ กามธาตุ, สพฺเพปิ อกุสลา ธมฺมา กามธาตุ. พฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก…เป… มิจฺฉาสงฺกปฺโป, อยํ วุจฺจติ พฺยาปาทธาตุ. ทสสุ อาฆาตวตฺถูสุ จิตฺตสฺส อาฆาโต ปฏิฆาโต…เป… อนตฺตมนตา จิตฺตสฺส, อยํ วุจฺจติ พฺยาปาทธาตุ. วิหึสาปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก มิจฺฉาสงฺกปฺโป ¶ , อยํ วุจฺจติ วิหึสาธาตุ. อิเธกจฺโจ ปาณินา วา เลฑฺฑุนา วา ทณฺเฑน วา สตฺเถน วา รชฺชุยา วา อฺตรฺตเรน สตฺเต วิเหเติ, อยํ วิหึสาธาตู’’ติ (วิภ. ๑๘๒, ๙๑๐) –
อาคตตฺตา วิเสโส ลพฺภติ.
ตตฺถ ทฺเว กถา สพฺพสงฺคาหิกา จ อสมฺภินฺนา จ. ตตฺถ กามธาตุยา คหิตาย อิตรา ทฺเวปิ คหิตา นาม โหนฺติ. ตโต ปน นีหริตฺวา อยํ พฺยาปาทธาตุ, อยํ วิหึสาธาตูติ ทสฺเสตีติ อยํ สพฺพสงฺคาหิกา นาม. กามธาตุํ กเถนฺโต ปน ภควา พฺยาปาทธาตุํ พฺยาปาทธาตุฏฺาเน ¶ , วิหึสาธาตุํ วิหึสาธาตุฏฺาเน เปตฺวาว อวเสสํ กามธาตุ นามาติ กเถสีติ อยํ อสมฺภินฺนกถา นาม.
สุกฺกปกฺเข วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เนกฺขมฺมปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก เนกฺขมฺมวิตกฺโก. โส อสุภปุพฺพภาเค กามาวจโร โหติ, อสุภชฺฌาเน รูปาวจโร, ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเล โลกุตฺตโร. อพฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อพฺยาปาทวิตกฺโก. โส เมตฺตาปุพฺพภาเค ¶ กามาวจโร โหติ, เมตฺตาฌาเน รูปาวจโร, ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเล โลกุตฺตโร. อวิหึสาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อวิหึสาวิตกฺโก. โส กรุณาปุพฺพภาเค กามาวจโร, กรุณาชฺฌาเน รูปาวจโร, ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเล โลกุตฺตโร. ยทา ปน อโลโภ สีสํ โหติ, ตทา อิตเร ทฺเว ตทนฺวายิกา โหนฺติ. ยทา เมตฺตา สีสํ โหติ, ตทา อิตเร ทฺเว ตทนฺวายิกา โหนฺติ. ยทา กรุณา สีสํ โหติ, ตทา อิตเร ทฺเว ตทนฺวายิกา โหนฺติ.
อิเมเยว ปน เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทโย. อตฺถโต หิ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทีนํ เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทีนฺจ นานากรณํ นตฺถิ, ตํสมฺปยุตฺตา ปน สฺาทโย เนกฺขมฺมสฺาทโย. เนกฺขมฺมธาตุอาทีนํ ปน ยสฺมา ปาฬิยํ –
‘‘เนกฺขมฺมปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก สงฺกปฺโป, อยํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมธาตุ, สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา เนกฺขมฺมธาตุ. อพฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก สงฺกปฺโป, อยํ วุจฺจติ อพฺยาปาทธาตุ. ยา สตฺเตสุ เมตฺติ เมตฺตายนา เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ ¶ , อยํ วุจฺจติ อพฺยาปาทธาตุ. อวิหึสาปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก สงฺกปฺโป – อยํ วุจฺจติ อวิหึสาธาตุ. ยา สตฺเตสุ กรุณา กรุณายนา กรุณาเจโตวิมุตฺติ – อยํ วุจฺจติ อวิหึสาธาตู’’ติ. (วิภ. ๑๘๒) –
อาคตตฺตา วิเสโส ลพฺภติ. อิธาปิ สพฺพสงฺคาหิกา, อสมฺภินฺนาติ ทฺเว กถา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
คาถาสุ วิตกฺกเยติ วิตกฺเกยฺย. นิรากเรติ อตฺตโน สนฺตานโต นีหเรยฺย วิโนเทยฺย, ปชเหยฺยาติ อตฺโถ. สเว วิตกฺกานิ วิจาริตานิ, สเมติ วุฏฺีว รชํ สมูหตนฺติ ยถา นาม คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปถวิยํ สมูหตํ สมนฺตโต อุฏฺิตํ รชํ มหโต อกาลเมฆสฺส วสฺสโต วุฏฺิ ¶ านโส วูปสเมติ, เอวเมว โส โยคาวจโร วิตกฺกานิ มิจฺฉาวิตกฺเก จ วิจาริตานิ ตํสมฺปยุตฺตวิจาเร จ สเมติ วูปสเมติ สมุจฺฉินฺทติ. ตถาภูโต จ วิตกฺกูปสเมน เจตสา สพฺเพสํ มิจฺฉาวิตกฺกานํ อุปสมนโต วิตกฺกูปสเมน ¶ อริยมคฺคจิตฺเตน. อิเธว ทิฏฺเว ธมฺเม, สนฺติปทํ นิพฺพานํ, สมชฺฌคา สมธิคโต โหตีติ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อนฺตรามลสุตฺตวณฺณนา
๘๘. นวเม อนฺตรามลาติ เอตฺถ อนฺตราสทฺโท –
‘‘นทีตีเรสุ สณฺาเน, สภาสุ รถิยาสุ จ;
ชนา สงฺคมฺม มนฺเตนฺติ, มฺจ ตฺจ กิมนฺตร’’นฺติ. –
อาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๒๘) การเณ อาคโต. ‘‘อทฺทสา มํ, ภนฺเต, อฺตรา อิตฺถี วิชฺชนฺตริกาย ภาชนํ โธวนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) ขเณ. ‘‘อปิจายํ ตโปทา ทฺวินฺนํ มหานิรยานํ อนฺตริกาย อาคจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๓๑) วิวเร.
‘‘ปีตวตฺเถ ปีตธเช, ปีตาลงฺการภูสิเต;
ปีตนฺตราหิ วคฺคูหิ, อปิฬนฺธาว โสภสี’’ติ. –
อาทีสุ ¶ (วิ. ว. ๖๕๘) อุตฺตริสาฏเก. ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๐) จิตฺเต. อิธาปิ จิตฺเต เอว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อนฺตเร จิตฺเต ภวา อนฺตรา. ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปนฺนา, ตสฺส มลินภาวกรณโต มลา. ตตฺถ มลํ นาม ทุวิธํ – สรีรมลํ, จิตฺตมลนฺติ. เตสุ สรีรมลํ เสทชลฺลิกาทิ สรีเร นิพฺพตฺตํ, ตตฺถ ลคฺคํ อาคนฺตุกรชฺจ, ตํ อุทเกนปิ นีหรณียํ, น ตถา สํกิเลสิกํ. จิตฺตมลํ ปน ราคาทิสํกิเลสิกํ, ตํ อริยมคฺเคเหว นีหรณียํ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –
‘‘รูเปน สํกิลิฏฺเน, สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา;
รูเป สุทฺเธ วิสุชฺฌนฺติ, อนกฺขาตํ มเหสินา.
‘‘จิตฺเตน ¶ สํกิลิฏฺเน, สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา;
จิตฺเต สุทฺเธ วิสุชฺฌนฺติ, อิติ วุตฺตํ มเหสินา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๖);
เตนาห ภควา ‘‘จิตฺตสํกิเลสา, ภิกฺขเว, สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ, จิตฺตโวทานา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐). ตสฺมา ภควา อิธาปิ ¶ จิตฺตมลวิโสธนาย ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, อนฺตรามลา’’ติ อาห.
ยถา เจเต โลภาทโย สตฺตานํ จิตฺเต อุปฺปชฺชิตฺวา มลินภาวกรา นานปฺปการสํกิเลสวิธายกาติ อนฺตรามลา, เอวํ เอกโต ภฺุชิตฺวา, เอกโต สยิตฺวา, โอตารคเวสี อมิตฺตสตฺตุ วิย จิตฺเต เอว อุปฺปชฺชิตฺวา สตฺตานํ นานาวิธอนตฺถาวหา, นานปฺปการทุกฺขนิพฺพตฺตกาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนฺตราอมิตฺตา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มิตฺตปฏิปกฺขโต อมิตฺตา, สปตฺตกิจฺจกรณโต สปตฺตา, หึสนโต วธกา, อุชุวิปจฺจนีกโต ปจฺจตฺถิกา.
ตตฺถ ทฺวีหิ อากาเรหิ โลภาทีนํ อมิตฺตาทิภาโว เวทิตพฺโพ. เวรีปุคฺคโล หิ อนฺตรํ ลภมาโน อตฺตโน เวริสฺส สตฺเถน วา สีสํ ปาเตติ, อุปาเยน วา มหนฺตํ อนตฺถํ อุปฺปาเทติ. อิเม จ โลภาทโย ปฺาสิรปาตเนน โยนิสมฺปฏิปาทเนน จ ตาทิสํ ตโต พลวตรํ อนตฺถํ นิพฺพตฺเตนฺติ. กถํ? จกฺขุทฺวารสฺมิฺหิ อิฏฺาทีสุ อารมฺมเณสุ อาปาถคเตสุ ยถารหํ ตานิ อารพฺภ โลภาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, เอตฺตาวตาสฺส ปฺาสิรํ ¶ ปาติตํ นาม โหติ. โสตทฺวาราทีสุปิ เอเสว นโย. เอวํ ตาว ปฺาสิรปาตนโต อมิตฺตาทิสทิสตา เวทิตพฺพา. โลภาทโย ปน กมฺมนิทานา หุตฺวา อณฺฑชาทิเภทา จตสฺโส โยนิโย อุปเนนฺติ. ตสฺส โยนิอุปคมนมูลกานิ ปฺจวีสติ มหาภยานิ ทฺวตฺตึส กมฺมกรณานิ จ อาคตาเนว โหนฺติ. เอวํ โยนิสมฺปฏิปาทนโตปิ เนสํ อมิตฺตาทิสทิสตา เวทิตพฺพา. อิติ โลภาทโย อมิตฺตาทิสทิสตาย จิตฺตสมฺภูตตาย จ ‘‘อนฺตราอมิตฺตา’’ติอาทินา วุตฺตา. อปิจ อมิตฺเตหิ กาตุํ อสกฺกุเณยฺยํ โลภาทโย กโรนฺติ, อมิตฺตาทิภาโว จ โลภาทีหิ ชายตีติ เตสํ อมิตฺตาทิภาโว เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ทิโส ทิสํ ยนฺตํ กยิรา, เวรี วา ปน เวรินํ;
มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ, ปาปิโย นํ ตโต กเร’’ติ. (ธ. ป. ๔๒; อุทา. ๓๓);
คาถาสุ ¶ อตฺตโน ปเรสฺจ อนตฺถํ ชเนตีติ อนตฺถชนโน. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยทปิ ลุทฺโธ อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ อกุสลํ; ยทปิ ลุทฺโธ โลเภน อภิภูโต ¶ ปริยาทินฺนจิตฺโต ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาเทติ วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลตฺโถ อิติ, ตทปิ อกุสลํ, อิติสฺสเม โลภชา โลภนิทานา โลภสมุทยา โลภปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๐).
อปรมฺปิ วุตฺตํ –
‘‘รตฺโต โข, พฺราหฺมณ, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๓.๕๔).
จิตฺตปฺปโกปโนติ จิตฺตสงฺโขภโน. โลโภ หิ โลภนีเย วตฺถุสฺมึ อุปฺปชฺชมาโน จิตฺตํ โขเภนฺโต ปโกเปนฺโต วิปริณาเมนฺโต วิการํ ¶ อาปาเทนฺโต อุปฺปชฺชติ, ปสาทาทิวเสน ปวตฺติตุํ น เทติ. ภยมนฺตรโต ชาตํ, ตํ ชโน นาวพุชฺฌตีติ ตํ โลภสงฺขาตํ อนฺตรโต อพฺภนฺตเร อตฺตโน จิตฺเตเยว ชาตํ อนตฺถชนนจิตฺตปฺปโกปนาทึ ภยํ ภยเหตุํ อยํ พาลมหาชโน นาวพุชฺฌติ น ชานาตีติ.
ลุทฺโธ อตฺถํ น ชานาตีติ อตฺตตฺถปรตฺถาทิเภทํ อตฺถํ หิตํ ลุทฺธปุคฺคโล ยถาภูตํ น ชานาติ. ธมฺมํ น ปสฺสตีติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมมฺปิ ลุทฺโธ โลเภน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต น ปสฺสติ ปจฺจกฺขโต น ชานาติ, ปเคว อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘รตฺโต โข, พฺราหฺมณ, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ น ปชานาติ, ปรตฺถมฺปิ ยถาภูตํ น ปชานาติ, อุภยตฺถมฺปิ ยถาภูตํ น ปชานาตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๓.๕๕).
อนฺธตมนฺติ อนฺธภาวกรํ ตมํ. ยนฺติ ยตฺถ. ภุมฺมตฺเถ หิ เอตํ ปจฺจตฺตวจนํ. ยสฺมึ กาเล โลโภ สหเต อภิภวติ นรํ, อนฺธตมํ ตทา โหตีติ. ยนฺติ วา การณวจนํ. ยสฺมา ¶ โลโภ อุปฺปชฺชมาโน นรํ สหเต อภิภวติ, ตสฺมา อนฺธตมํ ตทา โหตีติ โยชนา, ย-ต-สทฺทานํ เอกนฺตสมฺพนฺธภาวโต. อถ วา ยนฺติ กิริยาปรามสนํ, ‘‘โลโภ สหเต’’ติ เอตฺถ ยเทตํ โลภสฺส สหนํ อภิภวนํ วุตฺตํ. เอตํ อนฺธภาวกรสฺส ตมสฺส คมนํ อุปฺปาโทติ อตฺโถ. อถ ¶ วา ยํ นรํ โลโภ สหเต อภิภวติ, ตสฺส อนฺธตมํ ตทา โหติ, ตโต จ ลุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, ลุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
โย จ โลภํ ปหนฺตฺวานาติ โย ปุพฺพภาเค ตทงฺควเสน วิกฺขมฺภนวเสน จ ยถารหํ สมถวิปสฺสนาหิ โลภํ ปชหิตฺวา ตถา ปชหนเหตุ โลภเนยฺเย ทิพฺเพปิ รูปาทิเก อุปฏฺิเต น ลุพฺภติ, พลววิปสฺสนานุภาเวน โลโภ ปหียเต ตมฺหาติ ตสฺมา อริยปุคฺคลา อริยมคฺเคน โลโภ ปหียติ ปชหียติ, อจฺจนฺตเมว ปริจฺจชียติ. ยถา กึ? อุทพินฺทูว โปกฺขราติ ปทุมินิปณฺณโต อุทกพินฺทุ วิย. เสสคาถานมฺปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ตถา ¶ โทสสฺส –
‘‘ยทปิ ทุฏฺโ อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ อกุสลํ; ยทปิ ทุฏฺโ โทเสน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาเทติ วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลตฺโถ อิติ, ตทปิ อกุสลํ. อิติสฺสเม โทสชา โทสนิทานา โทสสมุทยา โทสปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๐).
ตถา –
‘‘ทุฏฺโ โข, พฺราหฺมณ, โทเสน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๕๕).
ตถา –
‘‘ทุฏฺโ โข, พฺราหฺมณ, โทเสน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ น ปชานาติ ¶ , ปรตฺถมฺปิ ยถาภูตํ น ปชานาติ, อุภยตฺถมฺปิ ยถา ภูตํ น ปชานาตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๕๕) –
อาทิสุตฺตปทานุสาเรน อนตฺถชนนตา อตฺถหานิเหตุตา จ เวทิตพฺพา.
ตถา โมหสฺส ‘‘ยทปิ มูฬฺโห อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๓.๗๐), ‘‘มูฬฺโห โข, พฺราหฺมณ, โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตตี’’ติอาทินา(อ. นิ. ๓.๕๕), ‘‘อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ น ปชานาตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๓.๕๕) จ อาคตสุตฺตปทานุสาเรน เวทิตพฺพา.
ตาลปกฺกํว ¶ พนฺธนาติ ตาลผลํ วิย อุสุมุปฺปาเทน วณฺฏโต, ตติยมคฺคาณุปฺปาเทน ตสฺส จิตฺตโต โทโส ปหียติ, ปริจฺจชียตีติ อตฺโถ. โมหํ วิหนฺติ โส สพฺพนฺติ โส อริยปุคฺคโล สพฺพํ ¶ อนวเสสํ โมหํ จตุตฺถมคฺเคน วิหนฺติ วิธมติ สมุจฺฉินฺทติ. อาทิจฺโจวุทยํ ตมนฺติ อาทิจฺโจ วิย อุทยํ อุคฺคจฺฉนฺโต ตมํ อนฺธการํ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. เทวทตฺตสุตฺตวณฺณนา
๘๙. ทสเม ตีหิ, ภิกฺขเว, อสทฺธมฺเมหิ อภิภูโตติ กา อุปฺปตฺติ? เทวทตฺเต หิ อวีจิมหานิรยํ ปวิฏฺเ เทวทตฺตปกฺขิยา อฺติตฺถิยา จ ‘‘สมเณน โคตเมน อภิสปิโต เทวทตฺโต ปถวึ ปวิฏฺโ’’ติ อพฺภาจิกฺขึสุ. ตํ สุตฺวา สาสเน อนภิปฺปสนฺนา มนุสฺสา ‘‘สิยา นุ โข เอตเทวํ, ยถา อิเม ภณนฺตี’’ติ อาสงฺกํ อุปฺปาเทสุํ. ตํ ปวตฺตึ ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. อถ ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคตา กสฺสจิ อภิสปํ เทนฺติ, ตสฺมา น เทวทตฺโต มยา อภิสปิโต, อตฺตโน กมฺเมเนว นิรยํ ปวิฏฺโ’’ติ วตฺวา เตสํ มิจฺฉาคาหํ ปฏิเสเธนฺโต อิมาย อฏฺุปฺปตฺติยา อิทํ สุตฺตํ อภาสิ.
ตตฺถ อสทฺธมฺเมหีติ อสตํ ธมฺเมหิ, อสนฺเตหิ วา ธมฺเมหิ. อเตกิจฺโฉติ พุทฺเธหิปิ อนิวตฺตนียตฺตา อวีจินิพฺพตฺติยา ติกิจฺฉาภาวโต อเตกิจฺโฉ, อติกิจฺฉนีโยติ อตฺโถ. อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาเยน ปวตฺตา ปาปา อิจฺฉา เอตสฺสาติ ปาปิจฺโฉ, ตสฺส ภาโว ปาปิจฺฉตา ¶ , ตาย. ‘‘อหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, สงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ ตสฺส อิจฺฉา อุปฺปนฺนา. โกกาลิกาทโย ปาปา ลามกา มิตฺตา เอตสฺสาติ ปาปมิตฺโต, ตสฺส ภาโว ปาปมิตฺตตา, ตาย. อุตฺตริกรณีเยติ ฌานาภิฺาหิ อุตฺตริกรณีเย อธิคนฺตพฺเพ มคฺคผเล อนธิคเต สติ เอว, ตํ อนธิคนฺตฺวาติ อตฺโถ. โอรมตฺตเกนาติ อปฺปมตฺตเกน ฌานาภิฺามตฺเตน. วิเสสาธิคเมนาติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาธิคเมน. อนฺตราติ ¶ เวมชฺเฌ. โวสานํ อาปาทีติ อกตกิจฺโจว สมาโน ‘‘กตกิจฺโจมฺหี’’ติ มฺมาโน สมณธมฺมโต วิคมํ อาปชฺชิ. อิติ ภควา อิมินา สุตฺเตน วิเสสโต ปุถุชฺชนภาเว อาทีนวํ ปกาเสสิ ภาริโย ปุถุชฺชนภาโว, ยตฺร หิ นาม ฌานาภิฺาปริโยสานา ¶ สมฺปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวาปิ อเนกานตฺถาวหํ นานาวิธํ ทุกฺขเหตุํ อสนฺตคุณสมฺภาวนํ อสปฺปุริสสํสคฺคํ อาลสิยานุโยคฺจ อวิชหนฺโต อวีจิมฺหิ กปฺปฏฺิยํ อเตกิจฺฉํ กิพฺพิสํ ปสวิสฺสตีติ.
คาถาสุ มาติ ปฏิเสเธ นิปาโต. ชาตูติ เอกํเสน. โกจีติ สพฺพสงฺคาหกวจนํ. โลกสฺมินฺติ สตฺตโลเก. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘อิมสฺมึ สตฺตโลเก โกจิ ปุคฺคโล เอกํเสน ปาปิจฺโฉ มา โหตู’’ติ. ตทมินาปิ ชานาถ, ปาปิจฺฉานํ ยถา คตีติ ปาปิจฺฉานํ ปุคฺคลานํ ยถา คติ ยาทิสี นิปฺผตฺติ, ยาทิโส อภิสมฺปราโย, ตํ อิมินาปิ การเณน ชานาถาติ เทวทตฺตํ นิทสฺเสนฺโต เอวมาห. ปณฺฑิโตติ สมฺาโตติ ปริยตฺติพาหุสจฺเจน ปณฺฑิโตติ าโต. ภาวิตตฺโตติ สมฺมโตติ ฌานาภิฺาหิ ภาวิตจิตฺโตติ สมฺภาวิโต. ตถา หิ โส ปุพฺเพ ‘‘มหิทฺธิโก โคธิปุตฺโต, มหานุภาโว โคธิปุตฺโต’’ติ ธมฺมเสนาปตินาปิ ปสํสิโต อโหสิ. ชลํว ยสสา อฏฺา, เทวทตฺโตติ วิสฺสุโตติ อตฺตโน กิตฺติยา ปริวาเรน ชลนฺโต วิย โอภาเสนฺโต วิย ิโต เทวทตฺโตติ เอวํ วิสฺสุโต ปากโฏ อโหสิ. ‘‘เม สุตฺต’’นฺติปิ ปาโ, มยา สุตํ สุตมตฺตํ, กติปาเหเนว อตถาภูตตฺตา ตสฺส ตํ ปณฺฑิจฺจาทิ สวนมตฺตเมวาติ อตฺโถ.
โส สมานมนุจิณฺโณ, อาสชฺช นํ ตถาคตนฺติ โส เอวํภูโต เทวทตฺโต ‘‘พุทฺโธปิ สกฺยปุตฺโต, อหมฺปิ สกฺยปุตฺโต, พุทฺโธปิ สมโณ, อหมฺปิ สมโณ, พุทฺโธปิ อิทฺธิมา, อหมฺปิ อิทฺธิมา, พุทฺโธปิ ทิพฺพจกฺขุโก, อหมฺปิ ทิพฺพจกฺขุโก, พุทฺโธปิ ทิพฺพโสตโก, อหมฺปิ ทิพฺพโสตโก, พุทฺโธปิ ¶ เจโตปริยาณลาภี, อหมฺปิ เจโตปริยาณลาภี, พุทฺโธปิ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเน ธมฺเม ชานาติ, อหมฺปิ เต ชานามี’’ติ อตฺตโน ปมาณํ อชานิตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ อตฺตนา สมสมฏฺปเนน สมานํ อาปชฺชนฺโต ‘‘อิทานาหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ อภิมารปโยชนา ตถาคตํ อาสชฺช อาสาเทตฺวา วิเหเตฺวา. ‘‘ปมาทมนุชีโน’’ติปิ ¶ ปนฺติ. ตสฺสตฺโถ ‘‘วุตฺตนเยน ปมาทํ ¶ อาปชฺชนฺโต ปมาทํ นิสฺสาย ภควตา สทฺธึ ยุคคฺคาหจิตฺตุปฺปาเทน สเหว ฌานาภิฺาหิ อนุชีโน ปริหีโน’’ติ. อวีจินิรยํ ปตฺโต, จตุทฺวารํ ภยานกนฺติ ชาลานํ ตตฺถ อุปฺปนฺนสตฺตานํ วา นิรนฺตรตาย ‘‘อวีจี’’ติ ลทฺธนามํ จตูสุ ปสฺเสสุ จตุมหาทฺวารโยเคน จตุทฺวารํ อติภยานกํ มหานิรยํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน ปตฺโต. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘จตุกฺกณฺโณ จตุทฺวาโร, วิภตฺโต ภาคโส มิโต;
อโยปาการปริยนฺโต, อยสา ปฏิกุชฺชิโต.
‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;
สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๕๐; อ. นิ. ๓.๓๖; เป. ว. ๖๙๓-๖๙๔; ชา. ๒.๑๙.๘๖-๘๗);
อทุฏฺสฺสาติ อทุฏฺจิตฺตสฺส. ทุพฺเภติ ทูเสยฺย. ตเมว ปาปํ ผุสตีติ ตเมว อทุฏฺทุพฺภึ ปาปปุคฺคลํ ปาปํ นิหีนํ ปาปผลํ ผุสติ ปาปุณาติ อภิภวติ. เภสฺมาติ วิปุลภาเวน คมฺภีรภาเวน จ ภึสาเปนฺโต วิย, วิปุลคมฺภีโรติ อตฺโถ. วาเทนาติ โทเสน. วิหึสตีติ พาธติ อาสาเทติ. วาโท ตมฺหิ น รูหตีติ ตสฺมึ ตถาคเต ปเรน อาโรปิยมาโน โทโส น รุหติ, น ติฏฺติ, วิสกุมฺโภ วิย สมุทฺทสฺส, น ตสฺส วิการํ ชเนตีติ อตฺโถ.
เอวํ ฉหิ คาถาหิ ปาปิจฺฉตาทิสมนฺนาคตสฺส นิรยูปคภาวทสฺสเนน ¶ ทุกฺขโต อปริมุตฺตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตปฺปฏิปกฺขธมฺมสมนฺนาคตสฺส ทุกฺขกฺขยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตาทิสํ มิตฺต’’นฺติ โอสานคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ยสฺส สมฺมา ปฏิปนฺนสฺส มคฺคานุโค ปฏิปตฺติมคฺคํ อนุคโต สมฺมา ปฏิปนฺโน อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคเมน สกลวฏฺฏทุกฺขสฺส ขยํ ปริโยสานํ ปาปุเณยฺย. ตาทิสํ พุทฺธํ วา พุทฺธสาวกํ วา ปณฺฑิโต สปฺปฺโ, อตฺตโน มิตฺตํ กุพฺเพถ เตน เมตฺติกํ กเรยฺย, ตฺจ เสเวยฺย ตเมว ปยิรุปาเสยฺยาติ.
อิติ อิมสฺมึ วคฺเค ฉฏฺสตฺตมสุตฺเตสุ วิวฏฺฏํ กถิตํ, อิตเรสุ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปฺจมวคฺโค
๑. อคฺคปฺปสาทสุตฺตวณฺณนา
๙๐. ปฺจมวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม อคฺคปฺปสาทาติ เอตฺถ อยํ อคฺคสทฺโท อาทิโกฏิโกฏฺาสเสฏฺเสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘อชฺชตคฺเค, สมฺม โทวาริก, อาวรามิ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีนํ (ม. นิ. ๒.๗๐). อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๕๐; ปารา. ๑๕) จ อาทีสุ อาทิมฺหิ ทิสฺสติ. ‘‘เตเนว องฺคุลคฺเคน ตํ องฺคุลคฺคํ ปรามเสยฺย (กถา. ๔๔๑). อุจฺฉคฺคํ เวฬคฺค’’นฺติ จ อาทีสุ โกฏิยํ. ‘‘อมฺพิลคฺคํ วา มธุรคฺคํ วา ติตฺตกคฺคํ วา (สํ. นิ. ๕.๓๗๔). อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิหารคฺเคน วา ปริเวณคฺเคน วา ภาเชตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๑๘) จ อาทีสุ โกฏฺาเส. ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อคฺโค จ เสฏฺโ จ อุตฺตโม จ ปวโร จ (อ. นิ. ๔.๙๕). อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติ จ อาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๑; ม. นิ. ๓.๒๐๗) เสฏฺเ. สฺวายมิธาปิ เสฏฺเเยว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อคฺเคสุ เสฏฺเสุ ปสาทา, อคฺคภูตา เสฏฺภูตา วา ปสาทา อคฺคปฺปสาทาติ อตฺโถ.
ปุริมสฺมิฺจ อตฺเถ อคฺคสทฺเทน พุทฺธาทิรตนตฺตยํ วุจฺจติ. เตสุ ภควา ตาว อสทิสฏฺเน, คุณวิสิฏฺฏฺเน, อสมสมฏฺเน จ อคฺโค. โส หิ มหาภินีหารํ ทสนฺนํ ¶ ปารมีนํ ปวิจยฺจ อาทึ กตฺวา เตหิ โพธิสมฺภารคุเณหิ เจว พุทฺธคุเณหิ จ เสสชเนหิ อสทิโสติ อสทิสฏฺเน อคฺโค. เย จสฺส คุณา มหากรุณาทโย, เต เสสสตฺตานํ คุเณหิ วิสิฏฺาติ คุณวิสิฏฺฏฺเนปิ สพฺพสตฺตุตฺตมตาย อคฺโค. เย ปน ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา สพฺพสตฺเตหิ อสมา, เตหิ สทฺธึ อยเมว รูปกายคุเณหิ เจว ธมฺมกายคุเณหิ จ สโมติ อสมสมฏฺเนปิ อคฺโค. ตถา ทุลฺลภปาตุภาวโต อจฺฉริยมนุสฺสภาวโต พหุชนหิตสุขาวหโต อทุติยอสหายาทิภาวโต จ ภควา โลเก อคฺโคติ วุจฺจติ. ยถาห –
‘‘เอกปุคฺคลสฺส ¶ , ภิกฺขเว, ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, กตมสฺส เอกปุคฺคลสฺส? ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.
‘‘เอกปุคฺคโล ¶ , ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อจฺฉริยมนุสฺโส.
‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ พหุชน…เป… สมฺมาสมฺพุทฺโธ.
‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ, อทุติโย อสหาโย อปฺปฏิโม อปฺปฏิสโม อปฺปฏิภาโค อปฺปฏิปุคฺคโล อสโม อสมสโม ทฺวิปทานํ อคฺโค. กตโม เอกปุคฺคโล? ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๐-๑๗๒, ๑๗๔).
ธมฺมสงฺฆาปิ อฺธมฺมสงฺเฆหิ อสทิสฏฺเน วิสิฏฺคุณตาย ทุลฺลภปาตุภาวาทินา จ อคฺคา. ตถา หิ เตสํ สฺวากฺขาตตาทิสุปฺปฏิปนฺนตาทิคุณวิเสเสหิ อฺธมฺมสงฺฆา สทิสา อปฺปตรนิหีนา วา นตฺถิ, กุโต เสฏฺา. สยเมว จ ปน เตหิ วิสิฏฺคุณตาย เสฏฺา. ตถา ทุลฺลภุปฺปาทอจฺฉริยภาวพหุชนหิตสุขาวหา อทุติยอสหายาทิสภาวา จ เต. ยทคฺเคน หิ ภควา ทุลฺลภปาตุภาโว, ตทคฺเคน ธมฺมสงฺฆาปีติ. อจฺฉริยาทิภาเวปิ เอเสว นโย. เอวํ อคฺเคสุ เสฏฺเสุ อุตฺตเมสุ ปวเรสุ คุณวิสิฏฺเสุ ปสาทาติ อคฺคปฺปสาทา.
ทุติยสฺมึ ปน อตฺเถ ยถาวุตฺเตสุ อคฺเคสุ พุทฺธาทีสุ อุปฺปตฺติยา อคฺคภูตา ปสาทา อคฺคปฺปสาทา. เย ปน อริยมคฺเคน อาคตา อเวจฺจปฺปสาทา, เต เอกนฺเตเนว อคฺคภูตา ปสาทาติ อคฺคปฺปสาทา. ยถาห ‘‘อิธ ¶ , ภิกฺขเว, อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๒๗). อคฺควิปากตฺตาปิ เจเต อคฺคปฺปสาทา. วุตฺตฺหิ ‘‘อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก’’ติ.
ยาวตาติ ยตฺตกา. สตฺตาติ ปาณิโน. อปทาติ อปาทกา. ทฺวิปทาติ ทฺวิปาทกา. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. วา-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, น วิกปฺปตฺโถ. ยถา ‘‘อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา กามาสโว ปวฑฺฒตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๗) เอตฺถ อนุปฺปนฺโน จ อุปฺปนฺโน จาติ อตฺโถ. ยถา จ ‘‘ภูตานํ วา สตฺตานํ ิติยา สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหายา’’ติ ¶ ¶ (ม. นิ. ๑.๔๐๒; สํ. นิ. ๒.๑๒) เอตฺถ ภูตานฺจ สมฺภเวสีนฺจาติ อตฺโถ. ยถา จ ‘‘อคฺคิโต วา อุทกโต วา มิถุเภทโต วา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๕๒; อุทา. ๗๖; มหาว. ๒๘๖) เอตฺถ อคฺคิโต จ อุทกโต จ มิถุเภทโต จาติ อตฺโถ, เอวํ ‘‘อปทา วา…เป… อคฺคมกฺขายตี’’ติ เอตฺถาปิ อปทา จ ทฺวิปทา จาติ สมฺปิณฺฑนวเสน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘วา-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, น วิกปฺปตฺโถ’’ติ.
รูปิโนติ รูปวนฺโต. น รูปิโนติ อรูปิโน. สฺิโนติ สฺาวนฺโต. น สฺิโนติ อสฺิโน. เนวสฺินาสฺิโน นาม ภวคฺคปริยาปนฺนา. เอตฺตาวตา จ กามภโว, รูปภโว, อรูปภโว, เอกโวการภโว, จตุโวการภโว, ปฺจโวการภโว, สฺีภโว, อสฺีภโว, เนวสฺีนาสฺีภโวติ นววิเธปิ ภเว สตฺเต อนวเสสโต ปริยาทิยิตฺวา ทสฺเสสิ ธมฺมราชา. เอตฺถ หิ รูปิคฺคหเณน กามภโว รูปภโว ปฺจโวการภโว เอกโวการภโว จ ทสฺสิโต, อรูปิคฺคหเณน อรูปภโว จตุโวการภโว จ ทสฺสิโต. สฺีภวาทโย ปน สรูเปเนว ทสฺสิตา. อปทาทิคฺคหเณน กามภวปฺจโวการภวสฺีภวานํ เอกเทโส ทสฺสิโตติ.
กสฺมา ¶ ปเนตฺถ ยถา อทุติยสุตฺเต ‘‘ทฺวิปทานํ อคฺโค’’ติ ทฺวิปทานํ คหณเมว อกตฺวา อปทาทิคฺคหณํ กตนฺติ? วุจฺจเต – อทุติยสุตฺเต ตาว เสฏฺตรวเสน ทฺวิปทคฺคหณเมว กตํ. อิมสฺมิฺหิ โลเก เสฏฺโ นาม อุปฺปชฺชมาโน อปทจตุปฺปทพหุปฺปเทสุ น อุปฺปชฺชติ, ทฺวิปเทสุเยว อุปฺปชฺชติ. กตเรสุ ทฺวิปเทสุ? มนุสฺเสสุ เจว เทเวสุ จ. มนุสฺเสสุ อุปฺปชฺชมาโน สกลโลกํ วเส วตฺเตตุํ สมตฺโถ พุทฺโธ หุตฺวา อุปฺปชฺชติ. องฺคุตฺตรฏฺกถายํ ปน ‘‘ติสหสฺสิมหาสหสฺสิโลกธาตุํ วเส วตฺเตตุํ สมตฺโถ’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๔) วุตฺตํ. เทเวสุ อุปฺปชฺชมาโน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ วเส วตฺตนโก มหาพฺรหฺมา หุตฺวา อุปฺปชฺชติ, โส ตสฺส กปฺปิยการโก วา อารามิโก วา สมฺปชฺชติ. อิติ ตโตปิ เสฏฺตรวเสเนส ‘‘ทฺวิปทานํ อคฺโค’’ติ ตตฺถ วุตฺโต, อิธ ปน อนวเสสปริยาทานวเสน เอวํ วุตฺตํ. ยาวตฺตกา หิ สตฺตา อตฺตภาวปริยาปนฺนา อปทา วา…เป… เนวสฺีนาสฺิโน วา, ตถาคโต เตสํ ¶ อคฺคมกฺขายตีติ. นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ, มกาโร ปทสนฺธิกโร. อคฺโค อกฺขายตีติ ปทวิภาโค.
อคฺโค วิปาโก โหตีติ อคฺเค สมฺมาสมฺพุทฺเธ ปสนฺนานํ โย ปสาโท, โส อคฺโค เสฏฺโ อุตฺตโม ¶ โกฏิภูโต วา, ตสฺมา ตสฺส วิปาโกปิ อคฺโค เสฏฺโ อุตฺตโม โกฏิภูโต อุฬารตโม ปณีตตโม โหติ. โส ปน ปสาโท ทุวิโธ โลกิยโลกุตฺตรเภทโต. เตสุ โลกิยสฺส ตาว –
‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;
ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);
‘‘พุทฺโธติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ;
วรเมว หิ สา ปีติ, กสิเณนปิ ชมฺพุทีปสฺส.
‘‘สตํ หตฺถี สตํ อสฺสา, สตํ อสฺสตรี รถา;
สตํ กฺาสหสฺสานิ, อามุกฺกมณิกุณฺฑลา;
เอกสฺส ปทวีติหารสฺส, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ’’. (สํ. นิ. ๑.๒๔๒; จูฬว. ๓๐๕);
‘‘สาธุ ¶ โข, เทวานมินฺท, พุทฺธํ สรณคมนํ โหติ, พุทฺธํ สรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท, เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. เต อฺเ เทเว ทสหิ าเนหิ อธิคณฺหนฺติ – ทิพฺเพน อายุนา, ทิพฺเพน วณฺเณน, ทิพฺเพน สุเขน, ทิพฺเพน ยเสน, ทิพฺเพน อาธิปเตยฺเยน, ทิพฺเพหิ รูเปหิ, ทิพฺเพหิ สทฺเทหิ, ทิพฺเพหิ คนฺเธหิ, ทิพฺเพหิ รเสหิ, ทิพฺเพหิ โผฏฺพฺเพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) –
เอวมาทีนํ สุตฺตปทานํ วเสน ปสาทสฺส ผลวิเสสโยโค เวทิตพฺโพ. ตสฺมา โส อปายทุกฺขวินิวตฺตเนน สทฺธึ สมฺปตฺติภเวสุ สุขวิปากทายโกติ ทฏฺพฺโพ. โลกุตฺตโร ปน สามฺผลวิปากทายโก วฏฺฏทุกฺขวินิวตฺตโก จ. สพฺโพปิ จายํ ปสาโท ปรมฺปราย วฏฺฏทุกฺขํ วินิวตฺเตติเยว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยสฺมึ ¶ , ภิกฺขเว, สมเย อริยสาวโก อตฺตโน สทฺธํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฏฺิตํ, น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ. อุชุคตจิตฺตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ¶ ปีติ ชายติ…เป… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๒๖).
ธมฺมาติ สภาวธมฺมา. สงฺขตาติ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตาติ สงฺขตา, สปฺปจฺจยธมฺมา. เหตูหิ ปจฺจเยหิ จ น เกหิจิ กตาติ อสงฺขตา, อปฺปจฺจยนิพฺพานํ. สงฺขตานํ ปฏิโยคิภาเวน ‘‘อสงฺขตา’’ติ ปุถุวจนํ. วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตีติ เตสํ สงฺขตาสงฺขตธมฺมานํ โย วิราคสงฺขาโต อสงฺขตธมฺโม, โส สภาเวเนว สณฺหสุขุมภาวโต สนฺตตรปณีตตรภาวโต คมฺภีราทิภาวโต มทนิมฺมทนาทิภาวโต จ อคฺคํ เสฏฺํ อุตฺตมํ ปวรนฺติ วุจฺจติ. ยทิทนฺติ นิปาโต, โย อยนฺติ อตฺโถ. มทนิมฺมทโนติอาทีนิ สพฺพานิ นิพฺพานเววจนานิเยว. ตถา หิ ตํ อาคมฺม มานมทปุริสมทาทิโก สพฺโพ มโท นิมฺมทียติ ปมทฺทียติ, กามปิปาสาทิกา สพฺพา ปิปาสา วินียติ, กามาลยาทิกา สพฺเพปิ อาลยา สมุคฺฆาตียนฺติ, สพฺเพปิ กมฺมวฏฺฏกิเลสวฏฺฏวิปากวฏฺฏา อุปจฺฉิชฺชนฺติ, อฏฺสตเภทา ¶ สพฺพาปิ ตณฺหา ขียติ, สพฺเพปิ กิเลสา วิรชฺชนฺติ, สพฺพํ ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา มทนิมฺมทโน…เป… นิโรโธติ วุจฺจติ. ยา ปเนสา ตณฺหา ภเวน ภวํ, ผเลน กมฺมํ วินติ สํสิพฺพตีติ กตฺวา วานนฺติ วุจฺจติ. ตํ วานํ เอตฺถ นตฺถิ, เอตสฺมึ วา อธิคเต อริยปุคฺคลสฺส น โหตีติ นิพฺพานํ.
อคฺโค วิปาโก โหตีติ เอตฺถาปิ –
‘‘เย เกจิ ธมฺมํ สรณํ คตาเส…เป…. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);
‘‘ธมฺโมติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ…เป….
‘‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, ธมฺมํ สรณคมนํ โหติ. ธมฺมํ สรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท, เอวมิเธกจฺเจ…เป… ทิพฺเพหิ โผฏฺพฺเพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) –
เอวมาทีนํ ¶ สุตฺตปทานํ วเสน ธมฺเม ปสาทสฺส ผลวิเสสโยโค เวทิตพฺโพ. เอวเมตฺถ อสงฺขตธมฺมวเสเนว อคฺคภาโว อาคโต, สพฺพสงฺขตนิสฺสรณทสฺสนตฺถํ อริยมคฺควเสนปิ อยมตฺโถ ลพฺภเตว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยาวตา ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔).
‘‘มคฺคานฏฺงฺคิโก เสฏฺโ’’ติ จ. (ธ. ป. ๒๗๓).
สงฺฆา วา คณา วาติ ชนสมูหสงฺขาตา ยาวตา โลเก สงฺฆา วา คณา วา. ตถาคตสาวกสงฺโฆติ อฏฺอริยปุคฺคลสมูหสงฺขาโต ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหโต ตถาคตสฺส สาวกสงฺโฆ. เตสํ อคฺคมกฺขายตีติ อตฺตโน สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติอาทิคุณวิเสเสน เตสํ สงฺฆานํ อคฺโค เสฏฺโ อุตฺตโม ปวโรติ วุจฺจติ. ยทิทนฺติ ยานิ อิมานิ. จตฺตาริ ปุริสยุคานีติ ยุคฬวเสน ปมมคฺคฏฺโ ปมผลฏฺโติ อิทเมกํ ยุคฬํ, ยาว จตุตฺถมคฺคฏฺโ ¶ จตุตฺถผลฏฺโติ อิทเมกํ ยุคฬนฺติ เอวํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ. อฏฺ ปุริสปุคฺคลาติ ปุริสปุคฺคลวเสน เอโก ปมมคฺคฏฺโ เอโก ปมผลฏฺโติ อิมินา นเยน อฏฺ ปุริสปุคฺคลา. เอตฺถ จ ปุริโสติ วา ปุคฺคโลติ วา เอกตฺถานิ เอตานิ ปทานิ, เวเนยฺยวเสน ปเนวํ วุตฺตํ. เอส ภควโต สาวกสงฺโฆติ ยานิมานิ ยุควเสน จตฺตาริ ปุริสยุคานิ, ปาเฏกฺกโต อฏฺ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ.
อาหุเนยฺโยติอาทีสุ อาเนตฺวา หุนิตพฺพนฺติ อาหุนํ, ทูรโตปิ อาคนฺตฺวา สีลวนฺเตสุ ทาตพฺพนฺติ อตฺโถ. จตุนฺนํ ปจฺจยานเมตํ อธิวจนํ. มหปฺผลภาวกรณโต ตํ อาหุนํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโตติ อาหุเนยฺโย. อถ วา ทูรโตปิ อาคนฺตฺวา สพฺพํ สาปเตยฺยมฺปิ เอตฺถ หุนิตพฺพํ, สกฺกาทีนมฺปิ อาหวนํ อรหตีติ วา อาหวนีโย. โย จายํ พฺราหฺมณานํ อาหวนีโย นาม อคฺคิ, ยตฺถ หุตํ มหปฺผลนฺติ เตสํ ลทฺธิ, โส เจ หุตสฺส มหปฺผลตาย อาหวนีโย, สงฺโฆว อาหวนีโย. สงฺเฆ หุตฺหิ มหปฺผลํ โหติ. ยถาห –
‘‘โย ¶ จ วสฺสสตํ ชนฺตุ, อคฺคึ ปริจเร วเน;
เอกฺจ ภาวิตตฺตานํ, มุหุตฺตมปิ ปูชเย;
สา เอว ปูชนา เสยฺโย, ยฺเจ วสฺสสตํ หุต’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๐๗);
ตยิทํ นิกายนฺตเร ‘‘อาหวนีโย’’ติ ปทํ อิธ ‘‘อาหุเนยฺโย’’ติ อิมินา ปเทน อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนโต ปน กิฺจิมตฺตเมว นานํ, ตสฺมา เอวมตฺถวณฺณนา กตา.
ปาหุเนยฺโยติ ¶ เอตฺถ ปน ปาหุนํ วุจฺจติ ทิสาวิทิสโต อาคตานํ ปิยมนาปานํ าติมิตฺตานํ อตฺถาย สกฺกาเรน ปฏิยตฺตํ อาคนฺตุกทานํ, ตมฺปิ เปตฺวา เต ตถารูเป ปาหุนเก สงฺฆสฺเสว ทาตุํ ยุตฺตํ. ตถา เหส เอกพุทฺธนฺตเรปิ ทิสฺสติ อพฺโพกิณฺณฺจ. อยํ ปเนตฺถ ปทตฺโถ – ‘‘ปิยมนาปตฺตกเรหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต’’ติ เอวํ ปาหุนมสฺส ¶ ทาตุํ ยุตฺตํ, ปาหุนฺจ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโตติ ปาหุเนยฺโย. เยสํ ปน ปาหวนีโยติ ปาฬิ, เตสํ ยสฺมา สงฺโฆ ปุพฺพการํ อรหติ, ตสฺมา สงฺโฆ สพฺพปมํ อาเนตฺวา เอตฺถ หุนิตพฺพนฺติ ปาหวนีโย, สพฺพปฺปกาเรน วา อาหวนํ อรหตีติ ปาหวนีโย. สฺวายมิธ เตเนว อตฺเถน ปาหุเนยฺโยติ วุจฺจติ.
‘‘ทกฺขิณา’’ติ ปรโลกํ สทฺทหิตฺวา ทาตพฺพทานํ, ตํ ทกฺขิณํ อรหติ ทกฺขิณาย วา หิโต มหปฺผลภาวกรเณน วิโสธนโตติ ทกฺขิเณยฺโย. อุโภ หตฺเถ สิรสิ ปติฏฺเปตฺวา สพฺพโลเกน กริยมานํ อฺชลิกมฺมํ อรหตีติ อฺชลิกรณีโย. อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติ สพฺพโลกสฺส อสทิสํ ปฺุวิรูหนฏฺานํ. ยถา หิ รตฺตสาลีนํ วา ยวานํ วา วิรูหนฏฺานํ ‘‘รตฺตสาลิกฺเขตฺตํ ยวกฺเขตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ สงฺโฆ สเทวกสฺส โลกสฺส ปฺุวิรูหนฏฺานํ. สงฺฆํ นิสฺสาย หิ โลกสฺส นานปฺปการหิตสุขนิพฺพตฺตกานิ ปฺุานิ วิรูหนฺติ, ตสฺมา สงฺโฆ อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส. อิธาปิ –
‘‘เย เกจิ สงฺฆํ สรณํ คตาเส…เป…. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);
‘‘สงฺโฆติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ…เป…’’.
‘‘สาธุ ¶ โข, เทวานมินฺท, สงฺฆํ สรณคมนํ โหติ, สงฺฆํ สรณคมนเหตุ โข เทวานมินฺท…เป… ทิพฺเพหิ โผฏฺพฺเพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) –
อาทีนํ สุตฺตปทานํ วเสน สงฺเฆ ปสาทสฺส ผลวิเสสโยโค, เตนสฺส อคฺคตา อคฺควิปากตา จ เวทิตพฺพา. ตถา อนุตฺตริยปฏิลาโภ สตฺตมภวาทิโต ปฏฺาย วฏฺฏทุกฺขสมุจฺเฉโท อนุตฺตรสุขาธิคโมติ เอวมาทิอุฬารผลนิปฺผาทนวเสน อคฺควิปากตา เวทิตพฺพา.
คาถาสุ อคฺคโตติ อคฺเค รตนตฺตเย, อคฺคภาวโต วา ปสนฺนานํ. อคฺคํ ธมฺมนฺติ อคฺคสภาวํ พุทฺธสุพุทฺธตํ ธมฺมสุธมฺมตํ ¶ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺตึ รตนตฺตยสฺส อนฺสาธารณํ อุตฺตมสภาวํ ¶ , ทสพลาทิสฺวากฺขาตตาทิสุปฺปฏิปนฺนตาทิคุณสภาวํ วา วิชานตํ วิชานนฺตานํ. เอวํ สาธารณโต อคฺคปฺปสาทวตฺถุํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อสาธารณโต ตํ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘อคฺเค พุทฺเธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปสนฺนานนฺติ อเวจฺจปฺปสาเทน อิตรปฺปสาเทน จ ปสนฺนานํ อธิมุตฺตานํ. วิราคูปสเมติ วิราเค อุปสเม จ, สพฺพสฺส ราคสฺส สพฺเพสํ กิเลสานํ อจฺจนฺตวิราคเหตุภูเต อจฺจนฺตอุปสมเหตุภูเต จาติ อตฺโถ. สุเขติ วฏฺฏทุกฺขกฺขยภาเวน สงฺขารูปสมสุขภาเวน จ สุเข.
อคฺคสฺมึ ทานํ ททตนฺติ อคฺเค รตนตฺตเย ทานํ เทนฺตานํ เทยฺยธมฺมํ ปริจฺจชนฺตานํ. ตตฺถ ธรมานํ ภควนฺตํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา ปรินิพฺพุตฺจ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ธาตุเจติยาทิเก อุปฏฺหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา พุทฺเธ ทานํ ททนฺติ นาม. ‘‘ธมฺมํ ปูเชสฺสามา’’ติ ธมฺมธเร ปุคฺคเล จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา ธมฺมฺจ จิรฏฺิติกํ กโรนฺตา ธมฺเม ทานํ ททนฺติ นาม. ตถา อริยสงฺฆํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา ตํ อุทฺทิสฺส อิตรสฺมิมฺปิ ตถา ปฏิปชฺชนฺตา สงฺเฆ ทานํ ททนฺติ นาม. อคฺคํ ปฺุํ ปวฑฺฒตีติ เอวํ รตนตฺตเย ปสนฺเนน เจตสา อุฬารํ ปริจฺจาคํ อุฬารฺจ ปูชาสกฺการํ ปวตฺเตนฺตานํ ทิวเส ทิวเส อคฺคํ อุฬารํ กุสลํ อุปจียติ. อิทานิ ตสฺส ปฺุสฺส อคฺควิปากตาย อคฺคภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อคฺคํ อายู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อคฺคํ อายูติ ทิพฺพํ วา มานุสํ วา อคฺคํ อุฬารตมํ อายุ. ปวฑฺฒตีติ อุปรูปริ พฺรูหติ. วณฺโณติ รูปสมฺปทา. ยโสติ ¶ ¶ ปริวารสมฺปทา. กิตฺตีติ ถุติโฆโส. สุขนฺติ กายิกํ เจตสิกฺจ สุขํ. พลนฺติ กายพลํ าณพลฺจ.
อคฺคสฺส ทาตาติ อคฺคสฺส รตนตฺตยสฺส ทาตา, อถ วา อคฺคสฺส เทยฺยธมฺมสฺส ทานํ อุฬารํ กตฺวา ตตฺถ ปฺุํ ปวตฺเตตา. อคฺคธมฺมสมาหิโตติ อคฺเคน ปสาทธมฺเมน ทานาทิธมฺเมน จ สมาหิโต สมนฺนาคโต อจลปฺปสาทยุตฺโต, ตสฺส วา วิปากภูเตหิ พหุชนสฺส ปิยมนาปตาทิธมฺเมหิ ยุตฺโต. อคฺคปฺปตฺโต ปโมทตีติ ยตฺถ ยตฺถ สตฺตนิกาเย อุปฺปนฺโน, ตตฺถ ตตฺถ อคฺคภาวํ เสฏฺภาวํ อธิคโต, อคฺคภาวํ วา โลกุตฺตรมคฺคผลํ อธิคโต ปโมทติ อภิรมติ ปริตุสฺสตีติ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ชีวิกสุตฺตวณฺณนา
๙๑. ทุติยํ ¶ อฏฺุปฺปตฺติวเสน เทสิตํ. เอกสฺมิฺหิ สมเย ภควติ กปิลวตฺถุสฺมึ นิคฺโรธาราเม วิหรนฺเต ภิกฺขู อาคนฺตุกภิกฺขูนํ เสนาสนานิ ปฺาเปนฺตา ปตฺตจีวรานิ ปฏิสาเมนฺตา สามเณรา จ ลาภภาชนียฏฺาเน สมฺปตฺตสมฺปตฺตานํ ลาภํ คณฺหนฺตา อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา อเหสุํ. ตํ สุตฺวา ภควา ภิกฺขู ปณาเมสิ. เต กิร สพฺเพว นวา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ. ตํ ตฺวา มหาพฺรหฺมา อาคนฺตฺวา ‘‘อภินนฺทตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๕๘) เตสํ ปณามิตภิกฺขูนํ อนุคฺคณฺหนํ ยาจิ. ภควา ตสฺส โอกาสํ อกาสิ. อถ มหาพฺรหฺมา ‘‘กตาวกาโส โขมฺหิ ภควตา’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ ภควา ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ อาคจฺฉตู’’ติ อานนฺทตฺเถรสฺส อาการํ ทสฺเสสิ. อถ เต ภิกฺขู อานนฺทตฺเถเรน ปกฺโกสิตา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สารชฺชมานรูปา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. ภควา เตสํ สปฺปายเทสนํ วีมํสนฺโต ‘‘อิเม อามิสเหตุ ปณามิตา, ปิณฺฑิยาโลปธมฺมเทสนา เนสํ สปฺปายา’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว’’ติ อิมํ เทสนํ เทเสสิ.
ตตฺรายํ ¶ อนฺตสทฺโท ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา ปุพฺพนฺตานุทิฏฺิโน’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๙) โกฏฺาเส อาคโต. ‘‘อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺส, อนฺตวา อยํ โลโก ปริวฏุโม’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๕๕) ปริจฺเฉเท. ‘‘หริตนฺตํ วา ปถนฺตํ วา เสลนฺตํ วา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐๔) มริยาทายํ. ‘‘อนฺตํ อนฺตคุณ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ขุ. ปา. ๓.ทฺวตฺตึสาการ) สรีราวยเว ‘‘จรนฺติ โลเก ปริวารฉนฺนา, อนฺโต อสุทฺธา พหิ โสภมานา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๒; มหานิ. ๑๙๑) จิตฺเต. ‘‘อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ อนฺโต นิมุคฺคโปสีนี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๖๙; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๙) อพฺภนฺตเร.
‘‘มิคานํ โกฏฺุโก อนฺโต, ปกฺขีนํ ปน วายโส;
เอรณฺโฑ อนฺโต รุกฺขานํ, ตโย อนฺตา สมาคตา’’ติ. (ชา. ๑.๓.๑๓๕) –
อาทีสุ ลามเก. อิธาปิ ลามเก เอว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อนฺตมิทํ ภิกฺขเว ชีวิกานนฺติ ภิกฺขเว ¶ อิทํ ชีวิกานํ อนฺตํ ปจฺฉิมํ ลามกํ, สพฺพนิหีนํ ชีวิตนฺติ อตฺโถ. ยทิทํ ปิณฺโฑลฺยนฺติ ยํ อิทํ ปิณฺฑปริเยสเนน ภิกฺขาจริยาย ชีวิกํ กปฺเปนฺตสฺส ชีวิตํ. อยํ ปเนตฺถ ปทตฺโถ – ปิณฺฑาย อุลตีติ ปิณฺโฑโล, ตสฺส กมฺมํ ปิณฺโฑลฺยํ, ปิณฺฑปริเยสเนน ชีวิกาติ อตฺโถ.
อภิสาโปติ อกฺโกโส. กุปิตา หิ มนุสฺสา อตฺตโน ปจฺจตฺถิกํ ‘‘ปิโลติกขณฺฑํ นิวาเสตฺวา กปาลหตฺโถ ปิณฺฑํ ปริเยสมาโน จเรยฺยาสี’’ติ อกฺโกสนฺติ. อถ วา ‘‘กึ ตุยฺหํ อกาตพฺพํ อตฺถิ, โย ตฺวํ เอวํ พลวีริยูปปนฺโนปิ หิโรตฺตปฺปํ ปหาย กปโณ ปิณฺโฑโล วิจรสิ ปตฺตปาณี’’ติ เอวมฺปิ อกฺโกสนฺติเยว. ตฺจ ¶ โข เอตนฺติ ตํ เอตํ อภิสปมฺปิ สมานํ ปิณฺโฑลฺยํ. กุลปุตฺตา อุเปนฺติ อตฺถวสิกาติ มม สาสเน ชาติกุลปุตฺตา จ อาจารกุลปุตฺตา จ อตฺถวสิกา การณวสิกา หุตฺวา การณวสํ ปฏิจฺจ อุเปนฺติ อุปคจฺฉนฺติ.
ราชาภินีตาติอาทีสุ เย รฺโ สนฺตกํ ขาทิตฺวา รฺา พนฺธนาคาเร พนฺธาปิตา ปลายิตฺวา ปพฺพชนฺติ, เต รฺา พนฺธนํ อภินีตตฺตา ราชาภินีตา นาม. เย ปน โจเรหิ อฏวิยํ คเหตฺวา เอกจฺเจสุ มาริยมาเนสุ ¶ เอกจฺเจ ‘‘มยํ สามิ ตุมฺเหหิ วิสฺสฏฺา เคหํ อนชฺฌาวสิตฺวา ปพฺพชิสฺสาม, ตตฺถ ตตฺถ ยํ ยํ พุทฺธปูชาทิปฺุํ กริสฺสาม, ตโต ตโต ตุมฺหากํ ปตฺตึ ทสฺสามา’’ติ เตหิ วิสฺสฏฺา ปพฺพชนฺติ, เต โจราภินีตา นาม โจเรหิ มาเรตพฺพตํ อภินีตตฺตา. เย ปน อิณํ คเหตฺวา ปฏิทาตุํ อสกฺโกนฺตา ปลายิตฺวา ปพฺพชนฺติ, เต อิณฏฺฏา นาม. ตฺจ โข เอตํ ปิณฺโฑลฺยํ กุลปุตฺตา มม สาสเน เนว ราชาภินีตา…เป… น อาชีวิกาปกตา อุเปนฺติ, อปิจ โข ‘‘โอติณฺณมฺหา ชาติยา…เป… ปฺาเยถา’’ติ อุเปนฺตีติ ปทสมฺพนฺโธ.
ตตฺถ โอติณฺณมฺหาติ โอติณฺณา อมฺหา. ชาติยาติอาทีสุ ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย ขนฺธานํ ปมาภินิพฺพตฺติ ชาติ, ปริปาโก ชรา, เภโท มรณํ. าติโรคโภคสีลทิฏฺิพฺยสเนหิ ผุฏฺสฺส สนฺตาโป อนฺโต นิชฺฌานํ โสโก, เตหิ ผุฏฺสฺส วจีวิปฺปลาโป ปริเทโว. อนิฏฺโผฏฺพฺพปฏิหตกายสฺส กายปีฬนํ ทุกฺขํ, อาฆาตวตฺถูสุ อุปหตจิตฺตสฺส เจโตปีฬนํ โทมนสฺสํ. าติพฺยสนาทีหิ เอว ผุฏฺสฺส ปริเทเวนปิ อธิวาเสตุํ อสมตฺถสฺส จิตฺตสนฺตาปสมุฏฺิโต ภุโส อายาโส อุปายาโส. เอเตหิ ชาติอาทีหิ โอติณฺณา ทุกฺโขติณฺณา, เตหิ ชาติอาทิทุกฺเขหิ อนฺโต อนุปวิฏฺา. ทุกฺขปเรตาติ เตหิ ทุกฺขทุกฺขวตฺถูหิ ¶ อภิภูตา. ชาติอาทโย หิ ทุกฺขสฺส วตฺถุภาวโต ทุกฺขา, ทุกฺขภาวโต จ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ทุกฺขาติ. อปฺเปว นาม…เป… ปฺาเยถาติ อิมสฺส สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขราสิสฺส ¶ ปริจฺเฉทกรณํ โอสานกิริยา อปิ นาม ปฺาเยยฺย.
โส จ โหติ อภิชฺฌาลูติ อิทํ โย กุลปุตฺโต ‘‘ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามี’’ติ ปุพฺเพ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ปพฺพชิโต อปรภาเค ตํ ปพฺพชฺชํ ตถารูปํ กาตุํ น สกฺโกติ, ตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ อภิชฺฌาลูติ ปรภณฺฑานํ อภิชฺฌายิตา. ติพฺพสาราโคติ พลวราโค. พฺยาปนฺนจิตฺโตติ พฺยาปาเทน ปูติภูตตฺตา วิปนฺนจิตฺโต. ปทุฏฺมนสงฺกปฺโปติ ติขิณสิงฺโค วิย จณฺฑโคโณ ปเรสํ อุปฆาตวเสน ทุฏฺจิตฺโต. มุฏฺสฺสตีติ ภตฺตนิกฺขิตฺตกาโก วิย, มํสนิกฺขิตฺตสุนโข วิย จ นฏฺสฺสติ, อิธ กตํ เอตฺถ น สรติ. อสมฺปชาโนติ นิปฺปฺโ ขนฺธาทิปริจฺเฉทรหิโต. อสมาหิโตติ จณฺฑโสเต พทฺธนาวา วิย อสณฺิโต. วิพฺภนฺตจิตฺโตติ ปนฺถารุฬฺหมิโค วิย ภนฺตมโน. ปากตินฺทฺริโยติ ยถา คิหี ¶ สํวราภาเวน ปริคฺคหปริชเน โอโลเกนฺติ อสํวุตินฺทฺริยา, เอวํ อสํวุตินฺทฺริโย โหติ.
ฉวาลาตนฺติ ฉวานํ ทฑฺฒฏฺาเน อลาตํ. อุภโตปทิตฺตํ มชฺเฌ คูถคตนฺติ ปมาเณน อฏฺงฺคุลมตฺตํ อุภโต ทฺวีสุ โกฏีสุ อาทิตฺตํ มชฺเฌ คูถมกฺขิตํ. เนว คาเมติ สเจ หิ ตํ ยุคนงฺคลโคปานสิปกฺขปาสกาทีนํ อตฺถาย อุปเนตุํ สกฺกา อสฺส คาเม กฏฺตฺถํ ผเรยฺย. สเจ เขตฺตกุฏิยา กฏฺตฺถรมฺจกาทีนํ อตฺถาย อุปเนตุํ สกฺกา อสฺส, อรฺเ กฏฺตฺถํ ผเรยฺย. ยสฺมา ปน อุภยตฺถาปิ น สกฺกา, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํ. ตถูปมาหนฺติ ตถูปมํ ฉวาลาตสทิสํ อหํ อิมํ ยถาวุตฺตปุคฺคลํ วทามิ. คิหิโภคา จ ปริหีโนติ โย อคาเร วสนฺเตหิ คิหีหิ ทายชฺเช ภาชิยมาเน อฺถา จ โภโค ลทฺธพฺโพ อสฺส, ตโต จ ปริหีโน. สามฺตฺถฺจาติ อาจริยุปชฺฌายานํ โอวาเท ตฺวา ปริยตฺติปฏิเวธวเสน ปตฺตพฺพํ สามฺตฺถฺจ น ปริปูเรติ. อิมํ ปน อุปมํ สตฺถา น ทุสฺสีลสฺส วเสน อาหริ ¶ , ปริสุทฺธสีลสฺส ปน อลสสฺส อภิชฺฌาทีหิ โทเสหิ ทูสิตจิตฺตสฺส ปุคฺคลสฺส วเสน อาหรีติ เวทิตพฺพํ.
คาถาสุ คิหิโภคาติ กามสุขสมฺโภคโต. ปริหีโนติ ชีโน. สามฺตฺถนฺติ ปฏิเวธพาหุสจฺจฺเจว ปริยตฺติพาหุสจฺจฺจ. ตาทิโส หิ อสุตํ โสตุํ สุตํ ปริโยทาเปตุํ น สกฺโกติ อลสภาวโต. ทุฏฺุ ภโคติ ทุพฺภโค, อลกฺขิโก กาฬกณฺณิปุริโส. ปริธํสมาโนติ วินสฺสมาโน. ปกิเรตีติ วิกิเรติ วิทฺธํเสติ. สพฺพเมตํ ภาวิโน สามฺตฺถสฺส ¶ อนุปฺปาทนเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ฉวาลาตํว นสฺสตีติ โส ตาทิโส ปุคฺคโล ยถาวุตฺตํ ฉวาลาตํ วิย กสฺสจิ อนุปยุชฺชมาโน เอว นสฺสติ อุภโต ปริภฏฺภาวโต. เอวํ ‘‘กายวาจาหิ อกตวีติกฺกโมปิ จิตฺตํ อวิโสเธนฺโต นสฺสติ, ปเคว กตวีติกฺกโม ทุสฺสีโล’’ติ ตสฺส อปายทุกฺขภาคิภาวทสฺสเนน ทุสฺสีเล อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ตโต สตฺเต วิเวเจตุกาโม ‘‘กาสาวกณฺา’’ติอาทินา คาถาทฺวยมาห. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สงฺฆาฏิกณฺณสุตฺตวณฺณนา
๙๒. ตติเย ¶ สงฺฆาฏิกณฺเณติ จีวรโกฏิยํ. คเหตฺวาติ ปรามสิตฺวา. อนุพนฺโธ อสฺสาติ อนุคโต ภเวยฺย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ อตฺตโน หตฺเถน มยา ปารุตสฺส สุคตมหาจีวรสฺส กณฺเณ ปรามสนฺโต วิย มํ อนุคจฺเฉยฺย, เอวํ มยฺหํ อาสนฺนตโร หุตฺวา วิหเรยฺยา’’ติ. ปาเท ปาทํ นิกฺขิปนฺโตติ คจฺฉนฺตสฺส มม ปาเท ปาทํ นิกฺขิตฺตฏฺาเน ปาทุทฺธารณานนฺตรํ อตฺตโน ปาทํ นิกฺขิปนฺโต. อุภเยนาปิ ‘‘านคมนาทีสุ อวิชหนฺโต สพฺพกาลํ มยฺหํ สมีเป เอว วิหเรยฺย เจปี’’ติ ทสฺเสติ. โส อารกาว มยฺหํ, อหฺจ ตสฺสาติ โส ภิกฺขุ มยา วุตฺตํ ปฏิปทํ อปูเรนฺโต มม ทูเรเยว, อหฺจ ตสฺส ทูเรเยว. เอเตน มํสจกฺขุนา ตถาคตทสฺสนํ รูปกายสโมธานฺจ ¶ อการณํ, าณจกฺขุนาว ทสฺสนํ ธมฺมกายสโมธานเมว จ ปมาณนฺติ ทสฺเสติ. เตเนวาห ‘‘ธมฺมฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ปสฺสติ, ธมฺมํ อปสฺสนฺโต น มํ ปสฺสตี’’ติ. ตตฺถ ธมฺโม นาม นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม. โส จ อภิชฺฌาทีหิ ทูสิตจิตฺเตน น สกฺกา ปสฺสิตุํ, ตสฺมา ธมฺมสฺส อทสฺสนโต ธมฺมกายฺจ น ปสฺสตีติ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘กึ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิฏฺเน? โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ โส มํ ปสฺสติ; โย มํ ปสฺสติ, โส ธมฺมํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗).
‘‘ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๓; ปฏิ. ม. ๓.๕) จ.
‘‘ธมฺมกาโย อิติปิ, พฺรหฺมกาโย อิติปี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๑๘) จ อาทิ.
โยชนสเตติ ¶ โยชนสเต ปเทเส, โยชนสตมตฺถเกติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํ. อริยมคฺคาธิคมวเสน จสฺส อนภิชฺฌาลุอาทิภาโว ทฏฺพฺโพ.
คาถาสุ มหิจฺโฉติ กาเมสุ ติพฺพสาราคตาย มหาอิจฺโฉ. วิฆาตวาติ ปทุฏฺมนสงฺกปฺปตาย สตฺเตสุ อาฆาตวเสน มหิจฺฉตาย อิจฺฉิตาลาเภน จ วิฆาตวา. เอชานุโคติ เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย ¶ ทาโส วิย หุตฺวา ตํ อนุคจฺฉนฺโต. ราคาทิกิเลสปริฬาหาภิภเวน อนิพฺพุโต. รูปาทิวิสยานํ อภิกงฺขเนน คิทฺโธ. ปสฺส ยาวฺจ อารกาติ อเนชสฺส นิพฺพุตสฺส วีตเคธสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอกาสวเสน สมีเปปิ สมาโน มหิจฺโฉ วิฆาตวา เอชานุโค อนิพฺพุโต คิทฺโธ พาลปุถุชฺชโน ธมฺมสภาวโต ยตฺตกํ ทูเร, ตสฺส โส ทูรภาโว ปสฺส, วตฺตุมฺปิ น สุกรนฺติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘นภฺจ ทูเร ปถวี จ ทูเร,
ปารํ สมุทฺทสฺส ตถาหุ ทูเร;
ตโต หเว ทูรตรํ วทนฺติ,
สตฺจ ธมฺโม อสตฺจ ราชา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๔๗; ชา. ๒.๒๑.๔๑๔);
ธมฺมมภิฺายาติ ¶ จตุสจฺจธมฺมํ อภิฺาย อฺาย าตตีรณปริฺาหิ ยถารหํ ปุพฺพภาเค ชานิตฺวา. ธมฺมมฺายาติ ตเมว ธมฺมํ อปรภาเค มคฺคาเณน ปริฺาทิวเสน ยถามริยาทํ ชานิตฺวา. ปณฺฑิโตติ ปฏิเวธพาหุสจฺเจน ปณฺฑิโต. รหโทว นิวาเต จาติ นิวาตฏฺาเน รหโท วิย อเนโช กิเลสจลนรหิโต อุปสมฺมติ, ยถา โส รหโท นิวาตฏฺาเน วาเตน อนพฺภาหโต สนฺนิสินฺโนว โหติ, เอวํ อยมฺปิ สพฺพถาปิ ปฏิปฺปสฺสทฺธกิเลโส กิเลสจลนรหิโต อรหตฺตผลสมาธินา วูปสมฺมติ, สพฺพกาลํ อุปสนฺตสภาโวว โหติ. อเนโชติ โส เอวํ อเนชาทิสภาโว อรหา อเนชาทิสภาวสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอกาสโต ทูเรปิ สมาโน ธมฺมสภาวโต อทูเร สนฺติเก เอวาติ.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อคฺคิสุตฺตวณฺณนา
๙๓. จตุตฺเถ ¶ อนุทหนฏฺเน อคฺคิ, ราโค เอว อคฺคิ ราคคฺคิ. ราโค หิ อุปฺปชฺชมาโน สตฺเต อนุทหติ ฌาเปติ, ตสฺมา ‘‘อคฺคี’’ติ วุจฺจติ. อิตเรสุปิ ทฺวีสุ เอเสว นโย. ตตฺถ ยถา อคฺคิ ยเทว อินฺธนํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชติ, ตํ นิทหติ, มหาปริฬาโห จ โหติ, เอวมิเมปิ ¶ ราคาทโย ยสฺมึ สนฺตาเน สยํ อุปฺปนฺนา, ตํ นิทหนฺติ, มหาปริฬาหา จ โหนฺติ ทุนฺนิพฺพาปยา. เตสุ ราคปริฬาเหน สนฺตตฺตหทยานํ อิจฺฉิตาลาภทุกฺเขน มรณปฺปตฺตานํ สตฺตานํ ปมาณํ นตฺถิ. อยํ ตาว ราคสฺส อนุทหนตา. โทสสฺส ปน อนุทหนตาย วิเสสโต มโนปโทสิกา เทวา, โมหสฺส อนุทหนตาย ขิฑฺฑาปโทสิกา เทวา จ นิทสฺสนํ. โมหวเสน หิ เตสํ สติสมฺโมโส โหติ, ตสฺมา ขิฑฺฑาวเสน อาหารเวลํ อติวตฺเตนฺตา กาลํ กโรนฺติ. อยํ ตาว ราคาทีนํ ทิฏฺธมฺมิโก อนุทหนภาโว. สมฺปรายิโก ปน นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตาปนวเสน โฆรตโร ทุรธิวาโส จ. อยฺจ อตฺโถ อาทิตฺตปริยาเยน วิภาเวตพฺโพ.
คาถาสุ กาเมสุ มุจฺฉิเตติ วตฺถุกาเมสุ ปาตพฺยตาวเสน มุจฺฉํ พาลฺยํ ปมาทํ มิจฺฉาจารํ อาปนฺเน. พฺยาปนฺเนติ ¶ พฺยาปนฺนจิตฺเต ทหตีติ สมฺพนฺโธ. นเร ปาณาติปาติโนติ อิทํ โทสคฺคิสฺส. อริยธมฺเม อโกวิเทติ เย ขนฺธายตนาทีสุ สพฺเพน สพฺพํ อุคฺคหปริปุจฺฉาย มนสิการรหิตา อริยธมฺมสฺส อกุสลา, เต สมฺโมเหน อภิภูตา วิเสเสน สมฺมูฬฺหา นามาติ วุตฺตา. เอเต อคฺคี อชานนฺตาติ ‘‘เอเต ราคคฺคิอาทโย อิธ เจว สมฺปราเย จ อนุทหนฺตี’’ติ อชานนฺตา ปริฺาภิสมยวเสน ปหานาภิสมยวเสน จ อปฺปฏิวิชฺฌนฺตา. สกฺกายาภิรตาติ สกฺกาเย อุปาทานกฺขนฺธปฺจเก ตณฺหาทิฏฺิมานนนฺทนาภิรตา. วฑฺฒยนฺตีติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชเนน วฑฺฒยนฺติ อาจินนฺติ. นิรยนฺติ อฏฺวิธํ มหานิรยํ, โสฬสวิธํ อุสฺสทนิรยนฺติ สพฺพมฺปิ นิรยํ. ติรจฺฉานฺจ โยนิโยติ ติรจฺฉานโยนิโย จ. อสุรนฺติ อสุรกายํ เปตฺติวิสยฺจ วฑฺฒยนฺตีติ สมฺพนฺโธ.
เอตฺตาวตา ราคคฺคิอาทีนํ อิธ เจว สมฺปราเย จ อนุทหนภาวทสฺสนมุเขน วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เนสํ นิพฺพาปเนน วิวฏฺฏํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย จ รตฺตินฺทิวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยุตฺตาติ ภาวนานุโยควเสน ยุตฺตา. กตฺถ? สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน. เตน อฺสาสเน ราคคฺคิอาทีนํ นิพฺพาปนาภาวํ ทสฺเสติ. ตถา หิ อนฺสาธารณํ เตสํ นิพฺพาปนวิธึ อสุภกมฺมฏฺานํ สงฺเขเปเนว ทสฺเสนฺโต –
‘‘เต ¶ นิพฺพาเปนฺติ ราคคฺคึ, นิจฺจํ อสุภสฺิโน;
โทสคฺคึ ปน เมตฺตาย, นิพฺพาเปนฺติ นรุตฺตมา;
โมหคฺคึ ปน ปฺาย, ยายํ นิพฺเพธคามินี’’ติ. –
อาห ¶ . ตตฺถ อสุภสฺิโนติ ทฺวตฺตึสาการวเสน เจว อุทฺธุมาตกาทิวเสน จ อสุภภาวนานุโยเคน อสุภสฺิโน. เมตฺตายาติ ¶ ‘‘โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๖๔, ๖๖) วุตฺตาย เมตฺตาภาวนาย. เอตฺถ จ อสุภชฺฌานฺจ ปาทกํ กตฺวา นิพฺพตฺติตอนาคามิมคฺเคน ราคคฺคิโทสคฺคีนํ นิพฺพาปนํ เวทิตพฺพํ. ปฺายาติ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย. เตเนวาห ‘‘ยายํ นิพฺเพธคามินี’’ติ. สา หิ กิเลสกฺขนฺธํ วินิวิชฺฌนฺตี คจฺฉติ ปวตฺตตีติ นิพฺเพธคามินีติ วุจฺจติ. อเสสํ ปรินิพฺพนฺตีติ อรหตฺตมคฺเคน อเสสํ ราคคฺคิอาทึ นิพฺพาเปตฺวา สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ิตา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา นิปกา ปุพฺเพว สมฺมปฺปธาเนน สพฺพโส โกสชฺชสฺส สุปฺปหีนตฺตา ผลสมาปตฺติสมาปชฺชเนน อกิลาสุภาเวน จ รตฺตินฺทิวมตนฺทิตา จริมกจิตฺตนิโรเธน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา อเสสํ ปรินิพฺพนฺติ. ตโต จ อเสสํ นิสฺเสสํ วฏฺฏทุกฺขํ อจฺจคุํ อติกฺกมํสุ.
เอวํ เย ราคคฺคิอาทิเก นิพฺพาเปนฺติ, เตสํ อนุปาทิเสสนิพฺพาเนน นิพฺพุตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฏิวิทฺธคุเณหิ โถเมนฺโต โอสานคาถมาห. ตตฺถ อริยทฺทสาติ อริเยหิ พุทฺธาทีหิ ปสฺสิตพฺพํ กิเลเสหิ วา อารกตฺตา อริยํ นิพฺพานํ, อริยํ จตุสจฺจเมว วา ทิฏฺวนฺโตติ อริยทฺทสา. เวทสฺส มคฺคาณสฺส, เตน วา เวเทน สํสารสฺส ปริโยสานํ คตาติ เวทคุโน. สมฺมทฺายาติ สมฺมเทว สพฺพํ อาชานิตพฺพํ กุสลาทึ ขนฺธาทิฺจ ชานิตฺวา. เสสํ วุตฺตนยเมว.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อุปปริกฺขสุตฺตวณฺณนา
๙๔. ปฺจเม ตถา ตถาติ เตน เตน ปกาเรน. อุปปริกฺเขยฺยาติ วีมํเสยฺย ปริตุเลยฺย สมฺมเสยฺย วา. ยถา ยถาสฺส อุปปริกฺขโตติ ยถา ยถา อสฺส ภิกฺขุโน อุปปริกฺขนฺตสฺส. พหิทฺธา ¶ จสฺส วิฺาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏนฺติ พหิทฺธา รูปาทิอารมฺมเณ อุปฺปชฺชนกวิกฺเขปาภาวโต ¶ อวิกฺขิตฺตํ สมาหิตํ, ตโต เอว อวิสฏํ สิยา ¶ . อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, เยน เยน ปกาเรน อิมสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส ภิกฺขุโน อุปปริกฺขโต สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส ปุพฺเพ สมาหิตาการสลฺลกฺขณวเสน สมถนิมิตฺตํ คเหตฺวา สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ สมฺมสนาณํ ปวตฺเตนฺตสฺส อตฺตโน วิปสฺสนาจิตฺตํ กมฺมฏฺานโต พหิทฺธา รูปาทิอารมฺมเณ อุปฺปชฺชนกํ น สิยา, อจฺจารทฺธวีริยตาย อุทฺธจฺจปกฺขิยํ น สิยา, เตน เตน ปกาเรน ภิกฺขุ อุปปริกฺเขยฺย ปริตุเลยฺยาติ. อชฺฌตฺตํ อสณฺิตนฺติ ยสฺมา วีริเย มนฺทํ วหนฺเต สมาธิสฺส พลวภาวโต โกสชฺชาภิภเวน อชฺฌตฺตํ โคจรชฺฌตฺตสงฺขาเต กมฺมฏฺานารมฺมเณ สงฺโกจวเสน ิตตฺตา สณฺิตํ นาม โหติ, วีริยสมตาย ปน โยชิตาย อสณฺิตํ โหติ วีถึ ปฏิปนฺนํ. ตสฺมา ยถา ยถาสฺส อุปปริกฺขโต วิฺาณํ อชฺฌตฺตํ อสณฺิตํ อสฺส, วีถิปฏิปนฺนํ สิยา, ตถา ตถา อุปปริกฺเขยฺย. อนุปาทาย น ปริตสฺเสยฺยาติ ยถา ยถาสฺส อุปปริกฺขโต ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ ตณฺหาทิฏฺิคฺคาหวเสน รูปาทีสุ กฺจิ สงฺขารํ อคฺคเหตฺวา ตโต เอว ตณฺหาทิฏฺิคฺคาหวเสน น ปริตสฺเสยฺย, ตถา ตถา อุปปริกฺเขยฺยาติ สมฺพนฺโธ. กถํ ปน อุปปริกฺขโต ติวิธมฺเปตํ สิยาติ? อุทฺธจฺจปกฺขิเย โกสชฺชปกฺขิเย จ ธมฺเม วชฺเชนฺโต วีริยสมตํ โยเชตฺวา ปุพฺเพว วิปสฺสนุปกฺกิเลเสหิ จิตฺตํ วิโสเธตฺวา ยถา สมฺมเทว วิปสฺสนาาณํ วิปสฺสนาวีถึ ปฏิปชฺชติ, ตถา สมฺมสโต.
อิติ ภควา จตุสจฺจกมฺมฏฺานิกสฺส ภิกฺขุโน อนุกฺกเมน ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิยา อารทฺธาย อจฺจารทฺธวีริยอติสิถิลวีริยวิปสฺสนุปกฺกิเลเสหิ จิตฺตสฺส วิโสธนูปายํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตถา วิโสธิเต วิปสฺสนาาเณ น จิรสฺเสว วิปสฺสนํ มคฺเคน ฆเฏตฺวา สกลวฏฺฏทุกฺขสมติกฺกมาย สํวตฺตนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘พหิทฺธา, ภิกฺขเว ¶ , วิฺาเณ’’ติอาทิมาห, ตํ วุตฺตนยเมว. ยํ ปน วุตฺตํ – ‘‘อายตึ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี’’ติ, ตสฺสตฺโถ – เอวํ วิปสฺสนํ มคฺเคน ฆเฏตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อคฺคมคฺเคน อนวเสสโต กิเลเสสุ ขีเณสุ อายตึ อนาคเต ชาติชรามรณสกลวฏฺฏทุกฺขสมุทยสงฺขาโต สมฺภโว อุปฺปาโท จ น โหติ, ชาติสงฺขาโต วา ทุกฺขสมุทโย ชรามรณสงฺขาโต ทุกฺขสมฺภโว จ น โหติ.
คาถายํ ¶ สตฺตสงฺคปฺปหีนสฺสาติ ตณฺหาสงฺโค, ทิฏฺิสงฺโค, มานสงฺโค, โกธสงฺโค, อวิชฺชาสงฺโค, กิเลสสงฺโค, ทุจฺจริตสงฺโคติ อิเมสํ สตฺตนฺนํ สงฺคานํ ปหีนตฺตา สตฺตสงฺคปฺปหีนสฺส. เกจิ ปน ‘‘สตฺตานุสยา เอว สตฺต สงฺคา’’ติ วทนฺติ. เนตฺติจฺฉินฺนสฺสาติ ฉินฺนภวเนตฺติกสฺส ¶ . วิกฺขีโณ ชาติสํสาโรติ ปุนปฺปุนํ ชายนวเสน ปวตฺติยา ชาติเหตุกตฺตา จ ชาติภูโต สํสาโรติ ชาติสํสาโร, โส ภวเนตฺติยา ฉินฺนตฺตา วิกฺขีโณ ปริกฺขีโณ, ตโต เอว นตฺถิ ตสฺส ปุนพฺภโวติ.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. กามูปปตฺติสุตฺตวณฺณนา
๙๕. ฉฏฺเ กามูปปตฺติโยติ กามปฏิลาภา กามปฏิเสวนา วา. ปจฺจุปฏฺิตกามาติ นิพทฺธกามา นิพทฺธารมฺมณา ยถา ตํ มนุสฺสา. มนุสฺสา หิ นิพทฺธวตฺถุสฺมึ วสํ วตฺเตนฺติ. ยตฺถ ปฏิพทฺธจิตฺตา โหนฺติ, สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ ทตฺวา ตเมว มาตุคามํ อาเนตฺวา นิพทฺธโภคํ ภฺุชนฺติ. เอกจฺเจ จ เทวา. จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย หิ จตุเทวโลกวาสิโน นิพทฺธวตฺถุสฺมึเยว วสํ วตฺเตนฺติ. ปฺจสิขวตฺถุ เจตฺถ นิทสฺสนํ. ตถา เอกจฺเจ อาปายิเก เนรยิเก เปตฺวา เสสอปายสตฺตาปิ นิพทฺธวตฺถุสฺมึเยว วสํ วตฺเตนฺติ. มจฺฉา หิ อตฺตโน มจฺฉิยา, กจฺฉโป กจฺฉปิยาติ เอวํ สพฺเพปิ ติรจฺฉานา เปตา วินิปาติกา ¶ จ. ตสฺมา เนรยิเก เปตฺวา เสสอปายสตฺเต อุปาทาย ยาว ตุสิตกายา อิเม สตฺตา ปจฺจุปฏฺิตกามา นาม, นิมฺมานรติโนติ สยํ นิมฺมิเต นิมฺมาเน รติ เอเตสนฺติ นิมฺมานรติโน. เต หิ นีลปีตาทิวเสน ยาทิสํ ยาทิสํ รูปํ อิจฺฉนฺติ, ตาทิสํ ตาทิสํ นิมฺมินิตฺวา รมนฺติ อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส ปุรโต มนาปกายิกา เทวตา วิย. ปรนิมฺมิตวสวตฺติโนติ ปเรหิ นิมฺมิเต กาเม วสํ วตฺเตนฺตีติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน. เตสฺหิ มนํ ตฺวา ปเร ยถารุจิตํ กามโภคํ นิมฺมินนฺติ, เต ตตฺถ วสํ วตฺเตนฺติ. กถํ เต ปรสฺส มนํ ชานนฺตีติ? ปกติเสวนาวเสน. ยถา หิ กุสโล สูโท รฺโ ภฺุชนฺตสฺส ยํ ยํ รุจฺจติ, ตํ ตํ ชานาติ, เอวํ ปกติยา อภิรุจิตารมฺมณํ ตฺวา ตาทิเสเยว นิมฺมินนฺติ, เต ตตฺถ วสํ ¶ วตฺเตนฺติ, เมถุนเสวนาทิวเสน กาเม ปริภฺุชนฺติ. เกจิ ปน ‘‘หสิตมตฺเตน โอโลกิตมตฺเตน อาลิงฺคิตมตฺเตน หตฺถคฺคหณมตฺเตน จ เตสํ กามกิจฺจํ อิชฺฌตี’’ติ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถายํ ‘‘เอตํ ปน นตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิตฺตํ. น หิ กาเยน อผุสนฺตสฺส โผฏฺพฺพํ กามกิจฺจํ สาเธติ. ฉนฺนมฺปิ กามาวจรเทวานํ กามา ปากติกา เอว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ฉ เอเต กามาวจรา, สพฺพกามสมิทฺธิโน;
สพฺเพสํ เอกสงฺขาตํ, อายุ ภวติ กิตฺตก’’นฺติ. (วิภ. ๑๐๒๓);
คาถาสุ ¶ เย จฺเติ เย ยถาวุตฺตเทเวหิ อฺเ จ กามโภคิโน มนุสฺสา เจว เอกจฺเจ อปายูปคา จ สพฺเพ เต. อิตฺถภาวฺถาภาวนฺติ อิมํ ยถาปฏิลทฺธตฺตภาวฺเจว, อุปปตฺติภวนฺตรสงฺขาตํ อิโต อฺถาภาวฺจาติ ทฺวิปฺปเภทํ สํสารํ นาติวตฺตเร น อติกฺกมนฺติ. สพฺเพ ปริจฺจเช กาเมติ ทิพฺพาทิเภเท สพฺเพปิ กาเม วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ ปริจฺจเชยฺย. กิเลสกาเม อนาคามิมคฺเคน ปชหนฺโตเยว หิ วตฺถุกาเม ปริจฺจชติ นาม. ปิยรูปสาตคธิตนฺติ ¶ ปิยรูเปสุ รูปาทีสุ สุขเวทนสฺสาเทน คธิตํ คิทฺธํ. เฉตฺวา โสตํ ทุรจฺจยนฺติ อฺเหิ ทุรจฺจยํ ทุรติกฺกมํ ตณฺหาโสตํ อรหตฺตมคฺเคน สมุจฺฉินฺทิตฺวา. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมวาติ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. กามโยคสุตฺตวณฺณนา
๙๖. สตฺตเม กามโยคยุตฺโตติ ปฺจกามคุณิโก ราโค กามโยโค, เตน ยุตฺโต กามโยคยุตฺโต, อสมุจฺฉินฺนกามราคสฺเสตํ อธิวจนํ. รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค ภวโยโค, ตถา ฌานนิกนฺติ สสฺสตทิฏฺิสหคโต จ ราโค, เตน ยุตฺโต ภวโยคยุตฺโต, อปฺปหีนภวราโคติ อตฺโถ. อาคามีติ พฺรหฺมโลเก ิโตปิ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อิมํ มนุสฺสโลกํ อาคมนสีโล. เตเนวาห ‘‘อาคนฺตา อิตฺถตฺต’’นฺติ. มนุสฺสตฺตภาวสงฺขาตํ อิตฺถภาวํ อาคมนธมฺโม ¶ , มนุสฺเสสุ อุปปชฺชนสีโลติ อตฺโถ. กามฺเจตฺถ กามโยโค อิตฺถตฺตํ อาคมนสฺส การณํ. โย ปน กามโยคยุตฺโต, โส เอกนฺเตน ภวโยคยุตฺโตปิ โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘กามโยคยุตฺโต, ภิกฺขเว, ภวโยคยุตฺโต’’ติ อุภยมฺปิ เอกชฺฌํ กตฺวา วุตฺตํ.
กามโยควิสํยุตฺโตติ เอตฺถ อสุภชฺฌานมฺปิ กามโยควิสํโยโค, ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคโต อนาคามิมคฺโค เอกนฺเตเนว กามโยควิสํโยโค นาม, ตสฺมา ตติยมคฺคผเล ิโต อริยปุคฺคโล ‘‘กามโยควิสํยุตฺโต’’ติ วุตฺโต. ยสฺมา ปน รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค อนาคามิมคฺเคน น ปหียติ, ตสฺมา โส อปฺปหีนภวโยคตฺตา ‘‘ภวโยคยุตฺโต’’ติ วุตฺโต. อนาคามีติ กามโลกํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อนาคมนโต อนาคามี. กามโยควิสํโยควเสเนว หิ สทฺธึ อนวเสสโอรมฺภาคิยสํโยชนสมุคฺฆาเตน อชฺฌตฺตสํโยชนาภาวสิทฺธิโต อิตฺถตฺตํ อนาคนฺตฺวา โหติ, ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม. ยสฺส ปน อนวเสสํ ภวโยโค ปหีโน, ตสฺส อวิชฺชาโยคาทิอวสิฏฺกิเลสาปิ ตเทกฏฺภาวโต ปหีนา เอว โหนฺตีติ ¶ , โส ปริกฺขีณภวสํโยชโน ¶ ‘‘อรหํ ขีณาสโว’’ติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘กามโยควิสํยุตฺโต, ภิกฺขเว, ภวโยควิสํยุตฺโต อรหํ โหติ ขีณาสโว’’ติ. เอตฺถ จ กามโยควิสํโยโค อนาคามี จตุตฺถชฺฌานสฺส สุขทุกฺขโสมนสฺสโทมนสฺสปฺปหานํ วิย, ตติยมคฺคสฺส ทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสสํโยชนปริกฺขโย วิย จ จตุตฺถมคฺคสฺส วณฺณภณนตฺถํ วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. ปมปเทน โสตาปนฺนสกทาคามีหิ สทฺธึ สพฺโพ ปุถุชฺชโน คหิโต, ทุติยปเทน ปน สพฺโพ อนาคามี, ตติยปเทน อรหาติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
คาถาสุ อุภยนฺติ อุภเยน, กามโยเคน, ภวโยเคน จ สํยุตฺตาติ อตฺโถ. สตฺตา คจฺฉนฺติ สํสารนฺติ ปุถุชฺชนา โสตาปนฺนา สกทาคามิโนติ อิเม ติวิธา สตฺตา กามโยคภวโยคานํ อปฺปหีนตฺตา คจฺฉนฺติ สํสารนฺติ. ตโต เอว ชาติมรณคามิโน โหนฺติ. เอตฺถ เอกพีชี, โกลํโกโล, สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ ตีสุ โสตาปนฺเนสุ สพฺพมุทุ สตฺตกฺขตฺตุปรโม, โส อฏฺมํ ภวํ น นิพฺพตฺเตติ, อตฺตโน ¶ ปริจฺฉินฺนชาติวเสน ปน สํสรติ, ตถา อิตเรปิ. สกทาคามีสุปิ โย อิธ สกทาคามิมคฺคํ ปตฺวา เทวโลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปุน อิธ นิพฺพตฺตติ, โส อตฺตโน ปริจฺฉินฺนชาติวเสเนว สํสรติ. เย ปน สกทาคามิโน โวมิสฺสกนเยน วินา ตตฺถ ตตฺถ เทเวสุเยว มนุสฺเสสุเยว วา นิพฺพตฺตนฺติ, เต อุปริมคฺคาธิคมาย ยาว อินฺทฺริยปริปากา ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต สํสรนฺติเยว. ปุถุชฺชเน ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ สพฺพภวสํโยชนานํ อปริกฺขีณตฺตา. เตน วุตฺตํ –
‘‘กามโยเคน สํยุตฺตา, ภวโยเคน จูภยํ;
สตฺตา คจฺฉนฺติ สํสารํ, ชาติมรณคามิโน’’ติ.
กาเม ปหนฺตฺวานาติ กามราคสงฺขาเต กิเลสกาเม อนาคามิมคฺเคน ปชหิตฺวา. ฉินฺนสํสยาติ สมุจฺฉินฺนกงฺขา, ตฺจ โข โสตาปตฺติมคฺเคเนว. วณฺณภณนตฺถํ ปน จตุตฺถมคฺคสฺส เอวํ ¶ วุตฺตํ. อรหนฺโต หิ อิธ ‘‘ฉินฺนสํสยา’’ติ อธิปฺเปตา. เตเนวาห ‘‘ขีณมานปุนพฺภวา’’ติ. สพฺพโส ขีโณ นววิโธปิ มาโน อายตึ ปุนพฺภโว จ เอเตสนฺติ ขีณมานปุนพฺภวา. มานคฺคหเณน เจตฺถ ตเทกฏฺตาย ลกฺขณวเสน วา สพฺโพ จตุตฺถมคฺควชฺโฌ กิเลโส คหิโตติ. ขีณมานตาย จ สอุปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ วุตฺตา โหติ, ขีณปุนพฺภวตาย อนุปาทิเสสา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. กลฺยาณสีลสุตฺตวณฺณนา
๙๗. อฏฺเม ¶ กลฺยาณสีโลติ สุนฺทรสีโล, ปสตฺถสีโล, ปริปุณฺณสีโล. ตตฺถ สีลปาริปูรี ทฺวีหิ การเณหิ โหติ สมฺมเทว สีลวิปตฺติยา อาทีนวทสฺสเนน, สีลสมฺปตฺติยา จ อานิสํสทสฺสเนน. อิธ ปน สพฺพปริพนฺธวิปฺปมุตฺตสฺส สพฺพาการปริปุณฺณสฺส มคฺคสีลสฺส ผลสีลสฺส จ วเสน กลฺยาณตา เวทิตพฺพา. กลฺยาณธมฺโมติ สพฺเพ โพธิปกฺขิยธมฺมา อธิปฺเปตา, ตสฺมา กลฺยาณา สติปฏฺานาทิโพธิปกฺขิยธมฺมา เอตสฺสาติ กลฺยาณธมฺโม. กลฺยาณปฺโติ จ มคฺคผลปฺาวเสเนว ¶ กลฺยาณปฺโ. โลกุตฺตรา เอว หิ สีลาทิธมฺมา เอกนฺตกลฺยาณา นาม อกุปฺปสภาวตฺตา. เกจิ ปน ‘‘จตุปาริสุทฺธิสีลวเสน กลฺยาณสีโล, วิปสฺสนามคฺคธมฺมวเสน กลฺยาณธมฺโม, มคฺคผลปฺาวเสน กลฺยาณปฺโ’’ติ วทนฺติ. อเสกฺขา เอว เต สีลธมฺมปฺาติ เอเก. อปเร ปน ภณนฺติ – โสตาปนฺนสกทาคามีนํ มคฺคผลสีลํ กลฺยาณสีลํ นาม, ตสฺมา ‘‘กลฺยาณสีโล’’ติ อิมินา โสตาปนฺโน สกทาคามี จ คหิตา โหนฺติ. เต หิ สีเลสุ ปริปูรการิโน นาม. อนาคามิมคฺคผลธมฺมา อคฺคมคฺคธมฺมา จ กลฺยาณธมฺมา นาม. ตตฺถ หิ โพธิปกฺขิยธมฺมา ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. ตสฺมา ‘‘กลฺยาณธมฺโม’’ติ อิมินา ตติยมคฺคฏฺโต ปฏฺาย ตโย อริยา คหิตา โหนฺติ. ปฺากิจฺจสฺส มตฺถกปฺปตฺติยา อคฺคผเล ปฺา กลฺยาณปฺา นาม, ตสฺมา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺโต อรหา ‘‘กลฺยาณปฺโ’’ติ วุตฺโต. เอวเมว ปุคฺคลา คหิตา โหนฺตีติ. กึ อิมินา ปปฺเจน? อคฺคมคฺคผลธมฺมา อิธ กลฺยาณสีลาทโย ¶ วุตฺตาติ อยมมฺหากํ ขนฺติ. ธมฺมวิภาเคน หิ อยํ ปุคฺคลวิภาโค, น ธมฺมวิภาโคติ.
เกวลีติ เอตฺถ เกวลํ วุจฺจติ เกนจิ อโวมิสฺสกตาย สพฺพสงฺขตวิวิตฺตํ นิพฺพานํ, ตสฺส อธิคตตฺตา อรหา เกวลี. อถ วา ปหานภาวนาปาริปูริยา ปริโยสานอนวชฺชธมฺมปาริปูริยา จ กลฺยาณกฏฺเน อพฺยาเสกสุขตาย จ เกวลํ อรหตฺตํ, ตทธิคเมน เกวลี ขีณาสโว. มคฺคพฺรหฺมจริยวาสํ วสิตฺวา ปริโยสาเปตฺวา ิโตติ วุสิตวา. อุตฺตเมหิ อคฺคภูเตหิ วา อเสกฺขธมฺเมหิ สมนฺนาคตตฺตา ‘‘อุตฺตมปุริโส’’ติ วุจฺจติ.
สีลวาติ เอตฺถ เกนฏฺเน สีลํ? สีลนฏฺเน สีลํ. กิมิทํ สีลนํ นาม? สมาธานํ, สุสีลฺยวเสน กายกมฺมาทีนํ อวิปฺปกิณฺณตาติ อตฺโถ. อถ วา อุปธารณํ, ฌานาทิกุสลธมฺมานํ ปติฏฺานวเสน อาธารภาโวติ อตฺโถ. ตสฺมา สีลติ, สีเลตีติ วา สีลํ. อยํ ตาว สทฺทลกฺขณนเยน สีลฏฺโ. อปเร ปน ‘‘สิรฏฺโ สีลฏฺโ, สีตลฏฺโ สีลฏฺโ, สิวฏฺโ ¶ สีลฏฺโ’’ติ นิรุตฺตินเยน อตฺถํ วณฺณยนฺติ. ตยิทํ ปาริปูริโต อติสยโต วา สีลํ อสฺส อตฺถีติ สีลวา, จตุปาริสุทฺธิสีลวเสน สีลสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. ตตฺถ ยํ เชฏฺกสีลํ ¶ , ตํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ เอกจฺจานํ อาจริยานํ อธิปฺปาโย.
อปเรน ปน ภณนฺติ – อุภยตฺถาปิ ปาติโมกฺขสํวโร ภควตา วุตฺโต. ปาติโมกฺขสํวโร เอว หิ สีลํ, อิตเรสุ อินฺทฺริยสํวโร ฉทฺวารรกฺขณมตฺตเมว, อาชีวปาริสุทฺธิ ธมฺเมน ปจฺจยุปฺปาทนมตฺตเมว, ปจฺจยสนฺนิสฺสิตํ ปฏิลทฺธปจฺจเย ‘‘อิทมตฺถ’’นฺติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนมตฺตเมว. นิปฺปริยาเยน ปาติโมกฺขสํวโรว สีลํ. ยสฺส โส ภินฺโน, โส สีสจฺฉินฺโน ปุริโส วิย หตฺถปาเท ‘‘เสสานิ รกฺขิสฺสตี’’ติ น วตฺตพฺโพ. ยสฺส ปน โส อโรโค, อจฺฉินฺนสีโส วิย ปุริโส, ตานิ ปุน ปากติกานิ กตฺวา รกฺขิตุํ สกฺโกติ. ตสฺมา สีลวาติ อิมินา ปาติโมกฺขสีลเมว อุทฺทิสิตฺวา ตํ วิตฺถาเรตุํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ.
ตตฺถ ¶ ปาติโมกฺขนฺติ สิกฺขาปทสีลํ. ตฺหิ โย นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหีติ ปาติโมกฺขํ. สํวรณํ สํวโร, กายวาจาหิ อวีติกฺกโม. ปาติโมกฺขเมว สํวโร ปาติโมกฺขสํวโร, เตน สํวุโต ปิหิตกายวาโจติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต. อิทมสฺส ตสฺมึ สีเล ปติฏฺิตภาวปริทีปนํ. วิหรตีติ ตทนุรูปวิหารสมงฺคิภาวปริทีปนํ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ เหฏฺา ปาติโมกฺขสํวรสฺส, อุปริ วิเสสานุโยคสฺส จ อุปการกธมฺมปริทีปนํ. อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ ปาติโมกฺขสีลโต อจวนธมฺมตาปริทีปนํ. สมาทายาติ สิกฺขาปทานํ อนวเสสโต อาทานปริทีปนํ. สิกฺขตีติ สิกฺขาย สมงฺคิภาวปริทีปนํ. สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขิตพฺพธมฺมปริทีปนํ.
อปโร นโย – กิเลสานํ พลวภาวโต ปาปกิริยาย สุกรภาวโต ปฺุกิริยาย จ ทุกฺกรภาวโต พหุกฺขตฺตุํ อปาเยสุ ปตนสีโลติ ปาตี, ปุถุชฺชโน. อนิจฺจตาย วา ภวาทีสุ กมฺมเวคกฺขิตฺโต ฆฏิยนฺตํ วิย อนวฏฺาเนน ปริพฺภมนโต คมนสีโลติ ปาตี, มรณวเสน วา ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย อตฺตภาวสฺส ปาตนสีโลติ ปาตี, สตฺตสนฺตาโน, จิตฺตเมว วา. ตํ ปาตินํ สํสารทุกฺขโต โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺโข. จิตฺตสฺส หิ วิโมกฺเขน สตฺโต วิมุตฺโต ¶ . ‘‘จิตฺตโวทานา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐) ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ ¶ จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๐๖) จ วุตฺตํ. อถ วา อวิชฺชาทินา เหตุนา สํสาเร ปตติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ ปาติ. ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔; ๕.๕๒๐) หิ วุตฺตํ. ตสฺส ปาติโน สตฺตสฺส ตณฺหาทิสํกิเลสตฺตยโต โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข. ‘‘กณฺเกาโล’’ติอาทีนํ วิยสฺส สมาสสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
อถ ¶ วา ปาเตติ วินิปาเตติ ทุกฺเขติ ปาติ, จิตฺตํ. วุตฺตฺหิ ‘‘จิตฺเตน นียติ โลโก, จิตฺเตน ปริกสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๖๒). ตสฺส ปาติโน โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข. ปตติ วา เอเตน อปายทุกฺเข สํสารทุกฺเข จาติ ปาติ, ตณฺหาทิสํกิเลโส. วุตฺตฺหิ ‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ (สํ. นิ. ๑.๕๖-๕๗), ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕; จูฬนิ. ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๐๗) จ อาทิ. ตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข. อถ วา ปตติ เอตฺถาติ ปาติ, ฉ อชฺฌตฺติกานิ พาหิรานิ จ อายตนานิ. วุตฺตฺหิ ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน, ฉสุ กุพฺพติ สนฺถว’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๐). ตโต ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนสงฺขาตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข. อถ วา ปาโต วินิปาโต อสฺส อตฺถีติ ปาตี, สํสาโร. ตโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข. อถ วา สพฺพโลกาธิปติภาวโต ธมฺมิสฺสโร ภควา ปตีติ วุจฺจติ, มุจฺจติ เอเตนาติ โมกฺโข, ปติโน โมกฺโข เตน ปฺตฺตตฺตาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. สพฺพคุณานํ วา มูลภาวโต อุตฺตมฏฺเน ปติ จ โส ยถาวุตฺตฏฺเน โมกฺโข จาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปาติโมกฺขนฺติ มุขเมตํ ปมุขเมต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๕) วิตฺถาโร.
อถ วา ปอิติ ปกาเร, อตีติ อจฺจนฺตตฺเถ นิปาโต. ตสฺมา ปกาเรหิ อจฺจนฺตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺโข. อิทฺหิ สีลํ สยํ ตทงฺควเสน, สมาธิสหิตํ ปฺาสหิตฺจ วิกฺขมฺภนวเสน สมุจฺเฉทวเสน จ อจฺจนฺตํ โมกฺเขติ โมเจตีติ ปาติโมกฺขํ. ปติ ปติ โมกฺโขติ วา ¶ ปติโมกฺโข, ตมฺหา ตมฺหา วีติกฺกมิตพฺพโทสโต ปติ ปจฺเจกํ โมกฺโขติ อตฺโถ. ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. โมกฺโขติ วา นิพฺพานํ, ตสฺส โมกฺขสฺส ปฏิพิมฺพภูตนฺติ ปติโมกฺขํ. ปาติโมกฺขสีลสํวโร หิ สูริยสฺส อรุณุคฺคมนํ วิย นิพฺพานสฺส อุทยภูโต ตปฺปฏิภาโค วิย โหติ ยถารหํ กิเลสนิพฺพาปนโตติ ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขํ เอว ปาติโมกฺขํ. อถ ¶ วา โมกฺขํ ปติ วตฺตติ โมกฺขาภิมุขนฺติ ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขเมว ปาติโมกฺขนฺติ เอวํ ตาเวตฺถ ปาติโมกฺขสทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สํวรติ ¶ ปิทหติ เอเตนาติ สํวโร, ปาติโมกฺขเมว สํวโรติ ปาติโมกฺขสํวโร. อตฺถโต ปน ตโต ตโต วีติกฺกมิตพฺพโต วิรติโย เจตนา วา, เตน ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต สมนฺนาคโต ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ วุตฺโต. วุตฺตฺเหตํ วิภงฺเค –
‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปคโต สมุปคโต สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต. เตน วุจฺจติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑).
วิหรตีติ อิริยาปถวิหาเรน วิหรติ, อิริยติ, วตฺตติ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ เวฬุทานาทิมิจฺฉาชีวสฺส กายปาคพฺภิยาทีนฺจ อกรเณน, สพฺพโส อนาจารํ วชฺเชตฺวา ‘‘กายิโก อวีติกฺกโม, วาจสิโก อวีติกฺกโม’’ติ เอวํ วุตฺตภิกฺขุสารุปฺปอาจารสมฺปตฺติยา เวสิยาทิอโคจรํ วชฺเชตฺวา ปิณฺฑปาตาทิอตฺถํ อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺานสงฺขาตโคจเรน จ สมฺปนฺนตฺตา อาจารโคจรสมฺปนฺโน. อปิจ โย ภิกฺขุ สตฺถริ สคารโว สปฺปติสฺโส สพฺรหฺมจารีสุ สคารโว สปฺปติสฺโส หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺโน สุนิวตฺโถ สุปารุโต ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตน ปฏิกฺกนฺเตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิฺชิเตน ปสาริเตน โอกฺขิตฺตจกฺขุ อิริยาปถสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู ชาคริยานุยุตฺโต สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ อาภิสมาจาริเกสุ สกฺกจฺจการี ครุจิตฺตีการพหุโล วิหรติ, อยํ วุจฺจติ อาจารสมฺปนฺโน.
โคจโร ¶ ปน – อุปนิสฺสยโคจโร, อารกฺขโคจโร, อุปนิพนฺธโคจโรติ ติวิโธ. ตตฺถ ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต วุตฺตลกฺขโณ กลฺยาณมิตฺโต ยํ นิสฺสาย อสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทเปติ, กงฺขํ วิตรติ, ทิฏฺึ อุชุกํ กโรติ, จิตฺตํ ปสาเทติ, ยสฺส จ อนุสิกฺขนฺโต สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน, สุเตน, จาเคน, ปฺาย วฑฺฒติ, อยํ อุปนิสฺสยโคจโร. โย ภิกฺขุ อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ วีถึ ปฏิปนฺโน โอกฺขิตฺตจกฺขุ ยุคมตฺตทสฺสาวี สํวุโต คจฺฉติ, น หตฺถึ ¶ โอโลเกนฺโต, น อสฺสํ, น รถํ, น ปตฺตึ, น อิตฺถึ, น ปุริสํ โอโลเกนฺโต, น อุทฺธํ โอโลเกนฺโต, น อโธ โอโลเกนฺโต, น ทิสาวิทิสา เปกฺขมาโน คจฺฉติ, อยํ อารกฺขโคจโร. อุปนิพนฺธโคจโร ปน จตฺตาโร สติปฏฺานา, ยตฺถ ภิกฺขุ อตฺตโน จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโย? ยทิทํ – จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒).
อิติ ¶ ยถาวุตฺตาย อาจารสมฺปตฺติยา อิมาย จ โคจรสมฺปตฺติยา สมนฺนาคตตฺตา อาจารโคจรสมฺปนฺโน.
อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ อปฺปมตฺตเกสุ อณุปฺปมาเณสุ อสฺจิจฺจ อาปนฺนเสขิยอกุสลจิตฺตุปฺปาทาทิเภเทสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสนสีโล. โย หิ ภิกฺขุ ปรมาณุมตฺตํ วชฺชํ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสุพฺเพธสิเนรุปพฺพตราชสทิสํ กตฺวา ปสฺสติ, โยปิ ภิกฺขุ สพฺพลหุกํ ทุพฺภาสิตมตฺตํ ปาราชิกสทิสํ กตฺวา ปสฺสติ, อยํ อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี นาม. สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ ยํ กิฺจิ สิกฺขาปเทสุ สิกฺขิตพฺพํ, ตํ สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อนวเสสํ สมาทิยิตฺวา สิกฺขติ วตฺตติ, ปูเรตีติ อตฺโถ. อิติ กลฺยาณสีโลติ อิมินา ปกาเรน กลฺยาณสีโล สมาโน. ปุคฺคลาธิฏฺานวเสน หิ นิทฺทิฏฺํ สีลํ ‘‘เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กลฺยาณสีโล โหตี’’ติ วุตฺตปุคฺคลาธิฏฺานวเสเนว นิคเมตฺวา ‘‘กลฺยาณธมฺโม’’ติ เอตฺถ วุตฺตธมฺเม นิทฺทิสิตุกาเมน ‘‘เตสํ ธมฺมานํ อิทํ สีลํ อธิฏฺาน’’นฺติ ทสฺเสตุํ ปุน ‘‘อิติ กลฺยาณสีโล’’ติ วุตฺตํ. สตฺตนฺนํ โพธิปกฺขิยานนฺติอาทิ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว. ปุน กลฺยาณสีโลติอาทิ นิคมนํ.
คาถาสุ ¶ ทุกฺกฏนฺติ ทุฏฺุ กตํ, ทุจฺจริตนฺติ อตฺโถ. หิริมนนฺติ หิริมนฺตํ หิริสมฺปนฺนํ, สพฺพโส ปาปปวตฺติยา ชิคุจฺฉนสภาวนฺติ อตฺโถ. หิริมนนฺติ วา หิริสหิตจิตฺตํ. หิริคฺคหเณเนว เจตฺถ โอตฺตปฺปมฺปิ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. หิโรตฺตปฺปคฺคหเณน จ สพฺพโส ทุจฺจริตาภาวสฺส เหตุํ ทสฺเสนฺโต กลฺยาณสีลตํ เหตุโต วิภาเวติ. สมฺโพธีติ ¶ อริยาณํ, ตํ คจฺฉนฺติ ภชนฺตีติ สมฺโพธิคามิโน, โพธิปกฺขิกาติ อตฺโถ. อนุสฺสทนฺติ ราคุสฺสทาทิรหิตํ. ‘‘ตถาวิธ’’นฺติปิ ปนฺติ. ‘‘โพธิปกฺขิกานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคมนุยุตฺโต’’ติ ยถา ยถา ปุพฺเพ วุตฺตํ, ตถาวิธํ ตาทิสนฺติ อตฺโถ. ทุกฺขสฺสาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส, วฏฺฏทุกฺขเหตุโน วา. อิเธว ขยมตฺตโนติ อาสวกฺขยาธิคเมน อตฺตโน วฏฺฏทุกฺขเหตุโน สมุทยปกฺขิยสฺส กิเลสคณสฺส อิเธว อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ขยํ อนุปฺปาทํ ปชานาติ, วฏฺฏทุกฺขสฺเสว วา อิเธว จริมกจิตฺตนิโรเธน ขยํ ขีณภาวํ ปชานาติ. เตหิ ธมฺเมหิ สมฺปนฺนนฺติ เตหิ ยถาวุตฺตสีลาทิธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ. อสิตนฺติ ตณฺหาทิฏฺินิสฺสยานํ ปหีนตฺตา อสิตํ, กตฺถจิ อนิสฺสิตํ. สพฺพโลกสฺสาติ สพฺพสฺมึ สตฺตโลเก. เสสํ วุตฺตนยเมว.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ทานสุตฺตวณฺณนา
๙๘. นวเม ¶ ทานนฺติ ทาตพฺพํ, สวตฺถุกา วา เจตนา ทานํ, สมฺปตฺติปริจฺจาคสฺเสตํ อธิวจนํ. อามิสทานนฺติ จตฺตาโร ปจฺจยา เทยฺยภาววเสน อามิสทานํ นาม. เต หิ ตณฺหาทีหิ อามสิตพฺพโต อามิสนฺติ วุจฺจนฺติ. เตสํ วา ปริจฺจาคเจตนา อามิสทานํ. ธมฺมทานนฺติ อิเธกจฺโจ ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อกุสลา, อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา, อิเม วิฺุครหิตา, อิเม วิฺุปฺปสตฺถา; อิเม สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, อิเม หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตี’’ติ กุสลากุสลกมฺมปเถ วิภชนฺโต กมฺมกมฺมวิปาเก อิธโลกปรโลเก ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺโต วิย ปากฏํ กโรนฺโต อกุสเลหิ ธมฺเมหิ นิวตฺตาเปนฺโต, กุสเลสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาเปนฺโต, ธมฺมํ เทเสติ, อิทํ ธมฺมทานํ. โย ปน ‘‘อิเม ธมฺมา อภิฺเยฺยา ¶ , อิเม ปริฺเยฺยา, อิเม ปหาตพฺพา, อิเม สจฺฉิกาตพฺพา, อิเม ภาเวตพฺพา’’ติ สจฺจานิ วิภาเวนฺโต อมตาธิคมาย ปฏิปตฺติธมฺมํ ¶ เทเสติ, อิทํ สิขาปฺปตฺตํ ธมฺมทานํ นาม. เอตทคฺคนฺติ เอตํ อคฺคํ. ยทิทนฺติ ยํ อิทํ ธมฺมทานํ วุตฺตํ, เอตํ อิเมสุ ทฺวีสุ ทาเนสุ อคฺคํ เสฏฺํ อุตฺตมํ. วิวฏฺฏคามิธมฺมทานฺหิ นิสฺสาย สพฺพานตฺถโต ปริมุจฺจติ, สกลํ วฏฺฏทุกฺขํ อติกฺกมติ. โลกิยํ ปน ธมฺมทานํ สพฺเพสํ ทานานํ นิทานํ สพฺพสมฺปตฺตีนํ มูลํ. เตนาห –
‘‘สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ, สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ;
สพฺพรตึ ธมฺมรตี ชินาติ, ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ. (ธ. ป. ๓๕๔) –
อภยทานเมตฺถ ธมฺมทาเนเนว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
สาธารณโภคิตาธิปฺปาเยน อตฺตนา ปริภฺุชิตพฺพโต จตุปจฺจยโต สยเมว อภฺุชิตฺวา ปเรสํ สํวิภชนํ อามิสสํวิภาโค. สาธารณโภคิตาธิปฺปาเยเนว อตฺตนา วิทิตสฺส อธิคตสฺส ธมฺมสฺส อปฺโปสฺสุกฺโก อหุตฺวา ปเรสํ อุปเทโส ธมฺมสํวิภาโค. จตูหิ ปจฺจเยหิ จตูหิ จ สงฺคหวตฺถูหิ ปเรสํ อนุคฺคณฺหนํ อนุกมฺปนํ อามิสานุคฺคโห. วุตฺตนเยเนว ธมฺเมน ปเรสํ อนุคฺคณฺหนํ อนุกมฺปนํ ธมฺมานุคฺคโห. เสสํ วุตฺตนยเมว.
คาถาสุ ยมาหุ ทานํ ปรมนฺติ ยํ ทานํ จิตฺตเขตฺตเทยฺยธมฺมานํ อุฬารภาเวน ปรมํ อุตฺตมํ, โภคสมฺปตฺติอาทีนํ วา ปูรณโต ผลนโต, ปรสฺส วา โลภมจฺฉริยาทิกสฺส ปฏิปกฺขสฺส มทฺทนโต ¶ หึสนโต ‘‘ปรม’’นฺติ พุทฺธา ภควนฺโต อาหุ. อนุตฺตรนฺติ ยํ ทานํ เจตนาทิสมฺปตฺติยา สาติสยปวตฺติยา อคฺคภาเวน อคฺควิปากตฺตา จ อุตฺตรรหิตํ อนุตฺตรภาวสาธนํ จาติ อาหุ. ยํ สํวิภาคนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘ปรมํ อนุตฺตร’’นฺติ ปททฺวยํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. อวณฺณยีติ กิตฺตยิ, ‘‘โภชนํ, ภิกฺขเว, ททมาโน ทายโก ปฏิคฺคาหกานํ ปฺจ านานิ เทตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๕.๓๗), ‘‘เอวํ ¶ เจ, ภิกฺขเว, สตฺตา ชาเนยฺยุํ ทานสํวิภาคสฺส วิปาก’’นฺติอาทินา (อิติวุ. ๒๖) จ ปสํสยิ. ยถา ปน ทานํ สํวิภาโค จ ปรมํ อนุตฺตรฺจ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อคฺคมฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อคฺคมฺหีติ สีลาทิคุณวิเสสโยเคน เสฏฺเ อนุตฺตเร ปฺุกฺเขตฺเต สมฺมาสมฺพุทฺเธ อริยสงฺเฆ จ. ปสนฺนจิตฺโตติ ¶ กมฺมผลสทฺธาย รตนตฺตยสทฺธาย จ จิตฺตํ ปสาเทนฺโต โอกปฺเปนฺโต. จิตฺตสมฺปตฺติยา หิ เขตฺตสมฺปตฺติยา จ ปริตฺเตปิ เทยฺยธมฺเม ทานํ มหานุภาวํ โหติ มหาชุติกํ มหาวิปฺผารํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘นตฺถิ จิตฺเต ปสนฺนมฺหิ, อปฺปกา นาม ทกฺขิณา;
ตถาคเต วา สมฺพุทฺเธ, อถ วา ตสฺส สาวเก’’ติ. (วิ. ว. ๘๐๔; เนตฺติ. ๙๕);
วิฺูติ สปฺปฺโ. ปชานนฺติ สมฺมเทว ทานผลํ ทานานิสํสํ ปชานนฺโต. โก น ยเชถ กาเลติ ยุตฺตปฺปตฺตกาเล โก นาม ทานํ น ทเทยฺย? สทฺธา, เทยฺยธมฺโม, ปฏิคฺคาหกาติ อิเมสํ ติณฺณํ สมฺมุขิภูตกาเลเยว หิ ทานํ สมฺภวติ, น อฺถา, ปฏิคฺคาหกานํ วา ทาตุํ ยุตฺตกาเล.
เอวํ ปมคาถาย อามิสทานสํวิภาคานุคฺคเห ทสฺเสตฺวา อิทานิ ธมฺมทานสํวิภาคานุคฺคเห ทสฺเสตุํ ‘‘เย เจว ภาสนฺตี’’ติ ทุติยคาถมาห. ตตฺถ อุภยนฺติ ‘‘ภาสนฺติ สุณนฺตี’’ติ วุตฺตา เทสกา ปฏิคฺคาหกาติ อุภยํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – เย สุคตสฺส ภควโต สาสเน สทฺธมฺเม ปสนฺนจิตฺตา วิมุตฺตายตนสีเส ตฺวา เทเสนฺติ ปฏิคฺคณฺหนฺติ จ, เตสํ เทสกปฏิคฺคาหกานํ โส ธมฺมทานธมฺมสํวิภาคธมฺมานุคฺคหสงฺขาโต อตฺโถ. ปรมตฺถสาธนโต ปรโม. ตณฺหาสํกิเลสาทิสพฺพสํกิเลสมลวิโสธเนน วิสุชฺฌติ. กีทิสานํ? เย อปฺปมตฺตา สุคตสฺส สาสเน. เย จ –
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓) –
สงฺเขปโต ¶ เอวํ ปกาสิเต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน โอวาเท อนุสิฏฺิยํ อปฺปมตฺตา อธิสีลสิกฺขาทโย สกฺกจฺจํ ¶ สมฺปาเทนฺติ. เตสํ วิสุชฺฌติ, อรหตฺตผลวิสุทฺธิยา อติวิย โวทายตีติ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. เตวิชฺชสุตฺตวณฺณนา
๙๙. ทสเม ธมฺเมนาติ าเยน, สมฺมาปฏิปตฺติสงฺขาเตน เหตุนา การเณน. ยาย หิ ปฏิปทาย เตวิชฺโช โหติ, สา ปฏิปทา อิธ ธมฺโมติ ¶ เวทิตพฺพา. กา ปน สา ปฏิปทาติ? จรณสมฺปทา จ วิชฺชาสมฺปทา จ. เตวิชฺชนฺติ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาทีหิ ตีหิ วิชฺชาหิ สมนฺนาคตํ. พฺราหฺมณนฺติ พาหิตปาปพฺราหฺมณํ. ปฺาเปมีติ ‘‘พฺราหฺมโณ’’ติ ชานาเปมิ ปติฏฺเปมิ. นาฺํ ลปิตลาปนมตฺเตนาติ อฺํ ชาติมตฺตพฺราหฺมณํ อฏฺกาทีหิ ลปิตมตฺตวิปฺปลปนมตฺเตน พฺราหฺมณํ น ปฺาเปมีติ. อถ วา ลปิตลาปนมตฺเตนาติ มนฺตานํ อชฺเฌนอชฺฌาปนมตฺเตน. อุภยถาปิ ยํ ปน พฺราหฺมณา สามเวทาทิเวทตฺตยอชฺเฌเนน เตวิชฺชํ พฺราหฺมณํ วทนฺติ, ตํ ปฏิกฺขิปติ. ภควตา หิ ‘‘ปรมตฺถโต อเตวิชฺชํ พฺราหฺมณํเยว เจเต โภวาทิโน อวิชฺชานิวุตา ‘เตวิชฺโช พฺราหฺมโณ’ติ วทนฺติ, เอวํ ปน เตวิชฺโช พฺราหฺมโณ โหตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ ตถา พุชฺฌนกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสเยน อยํ เทสนา อารทฺธา.
ตตฺถ ยสฺมา วิชฺชาสมฺปนฺโน จรณสมฺปนฺโนเยว โหติ จรณสมฺปทาย วินา วิชฺชาสมฺปตฺติยา อภาวโต, ตสฺมา จรณสมฺปทํ อนฺโตคธํ กตฺวา วิชฺชาสีเสเนว พฺราหฺมณํ ปฺาเปตุกาโม ‘‘ธมฺเมนาหํ, ภิกฺขเว, เตวิชฺชํ พฺราหฺมณํ ปฺาเปมี’’ติ เทสนํ สมุฏฺาเปตฺวา ‘‘กถฺจาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺเมน เตวิชฺชํ พฺราหฺมณํ ปฺาเปมี’’ติ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉํ กตฺวา ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย วิชฺชตฺตยํ วิภชนฺโต ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อเนกวิหิตนฺติ อเนกวิธํ, อเนเกหิ วา ปกาเรหิ ปวตฺติตํ, สํวณฺณิตนฺติ อตฺโถ. ปุพฺเพนิวาสนฺติ ¶ สมนนฺตราตีตภวํ อาทึ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตานํ. นิวุตฺถนฺติ อชฺฌาวุตฺถํ อนุภูตํ, อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธํ, นิวุตฺถธมฺมํ วา นิวุตฺถํ, โคจรนิวาเสน นิวุตฺถํ, อตฺตโน วิฺาเณน วิฺาตํ ปรวิฺาณวิฺาตมฺปิ วา ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณาทีสุ. อนุสฺสรตีติ ‘‘เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย’’ติ เอวํ ชาติปฏิปาฏิวเสน ¶ อนุคนฺตฺวา สรติ, อนุเทว วา สรติ, จิตฺเต อภินินฺนามิเต ปริกมฺมสมนนฺตรํ สรติ.
เสยฺยถิทนฺติ อารทฺธปฺปการทสฺสนตฺเถ นิปาโต. เตเนว ยฺวายํ ปุพฺเพนิวาโส อารทฺโธ โหติ, ตสฺส ปการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกมฺปิ ชาติ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอกมฺปิ ชาตินฺติ เอกมฺปิ ปฏิสนฺธิมูลกํ จุติปริโยสานํ เอกภวปริยาปนฺนํ ขนฺธสนฺตานํ. เอส นโย ทฺเวปิ ชาติโยติอาทีสุ. อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเปติอาทีสุ ปน ปริหายมาโน กปฺโป สํวฏฺฏกปฺโป ¶ , วฑฺฒมาโน วิวฏฺฏกปฺโป. ตตฺถ สํวฏฺเฏน สํวฏฺฏฏฺายี คหิโต โหติ ตมฺมูลกตฺตา, วิวฏฺเฏน จ วิวฏฺฏฏฺายี. เอวฺหิ สติ ยานิ ตานิ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กปฺปสฺส อสงฺขฺเยยฺยานิ. กตมานิ จตฺตาริ? สํวฏฺโฏ, สํวฏฺฏฏฺายี, วิวฏฺโฏ, วิวฏฺฏฏฺายี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๕๖) วุตฺตานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ, ตานิ ปริคฺคหิตานิ โหนฺติ.
ตตฺถ ตโย สํวฏฺฏา – เตโชสํวฏฺโฏ, อาโปสํวฏฺโฏ, วาโยสํวฏฺโฏติ. ติสฺโส สํวฏฺฏสีมา – อาภสฺสรา, สุภกิณฺหา, เวหปฺผลาติ. ยทา กปฺโป เตเชน สํวฏฺฏติ, อาภสฺสรโต เหฏฺา อคฺคินา ฑยฺหติ. ยทา อุทเกน สํวฏฺฏติ, สุภกิณฺหโต เหฏฺา อุทเกน วิลียติ. ยทา วาเตน สํวฏฺฏติ, เวหปฺผลโต เหฏฺา วาเตน วิทฺธํสิยติ. วิตฺถารโต ปน โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬํ เอกโต วินสฺสติ. อิติ เอวรูโป อยํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺโต ภิกฺขุ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป อนุสฺสรติ. กถํ? อมุตฺราสินฺติอาทินา นเยน.
ตตฺถ อมุตฺราสินฺติ อมุมฺหิ สํวฏฺฏกปฺเป อมุมฺหิ ภเว วา โยนิยา วา คติยา วา วิฺาณฏฺิติยา วา สตฺตาวาเส วา สตฺตนิกาเย วา อหมโหสึ. เอวํนาโมติ ¶ ติสฺโส วา ผุสฺโส วา. เอวํโคตฺโตติ โคตโม วา กสฺสโป วา. เอวํวณฺโณติ โอทาโต วา สาโม วา. เอวมาหาโรติ สาลิมํโสทนาหาโร วา ปวตฺตผลโภชโน วา. เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวทีติ อเนกปฺปการานํ กายิกเจตสิกานํ สามิสนิรามิสาทิปฺปเภทานํ วา สุขทุกฺขานํ ปฏิสํเวที. เอวมายุปริยนฺโตติ เอวํ วสฺสสตปริมาณายุปริยนฺโต วา จตุราสีติกปฺปสตสหสฺสปริมาณายุปริยนฺโต วา. โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทินฺติ โสหํ ตโต ภวโต โยนิโต คติโต วิฺาณฏฺิติโต สตฺตาวาสโต สตฺตนิกายโต วา จุโต ปุน อมุกสฺมึ นาม ภเว โยนิยา คติยา วิฺาณฏฺิติยา สตฺตาวาเส สตฺตนิกาเย วา อุทปาทึ. ตตฺราปาสินฺติ อถ ตตฺรปิ ¶ ภเว โยนิยา คติยา วิฺาณฏฺิติยา สตฺตาวาเส สตฺตนิกาเย วา ปุน อโหสึ. เอวํนาโมติอาทิ วุตฺตนยเมว.
อถ ¶ วา ยสฺมา ‘‘อมุตฺราสิ’’นฺติ อิทํ อนุปุพฺเพน อาโรหนฺตสฺส อตฺตโน อภินีหารานุรูปํ ยถาพลํ สรณํ, ‘‘โส ตโต จุโต’’ติ ปฏินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณํ, ตสฺมา ‘‘อิธูปปนฺโน’’ติ อิมิสฺสา อิธูปปตฺติยา อนนฺตรํ ‘‘อมุตฺร อุทปาทิ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺราปาสินฺติ ตตฺรปิ ภเว…เป… สตฺตนิกาเย วา อาสึ. เอวํนาโมติ ทตฺโต วา มิตฺโต วา, เอวํโคตฺโตติ วาเสฏฺโ วา กสฺสโป วา. เอวํวณฺโณติ กาโฬ วา โอทาโต วา. เอวมาหาโรติ สุธาหาโร วา สาลิโอทนาทิอาหาโร วา. เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวทีติ ทิพฺพสุขปฺปฏิสํเวที วา มานุสสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที วา. เอวมายุปริยนฺโตติ เอวํ ตํตํปรมายุปริยนฺโต. โส ตโต จุโตติ โสหํ ตโต ภวาทิโต จุโต. อิธูปปนฺโนติ อิธ อิมสฺมึ จริมภเว มนุสฺโส หุตฺวา อุปปนฺโน นิพฺพตฺโต.
อิตีติ เอวํ. สาการํ สอุทฺเทสนฺติ นามโคตฺตาทิวเสน สอุทฺเทสํ, วณฺณาทิวเสน สาการํ. นามโคตฺเตน ¶ หิ สตฺตา ‘‘ติสฺโส โคตโม’’ติ อุทฺทิสียนฺติ, วณฺณาทีหิ ‘‘สาโม โอทาโต’’ติ นานตฺตโต ปฺายนฺติ. ตสฺมา นามโคตฺตํ อุทฺเทโส, อิตเร อาการา. อยมสฺส ปมา วิชฺชา อธิคตาติ อยํ อิมินา ภิกฺขุนา ปมํ อธิคมวเสน ปมา, วิทิตกรณฏฺเน วิชฺชา อธิคตา สจฺฉิกตา โหติ. กึ ปนายํ วิทิตํ กโรติ? ปุพฺเพนิวาสํ. อวิชฺชาติ ตสฺเสว ปุพฺเพนิวาสสฺส อวิทิตกรณฏฺเน ตสฺส ปฏิจฺฉาทกโมโห วุจฺจติ. ตโมติ สฺเวว โมโห ปฏิจฺฉาทกฏฺเน ตโมติ วุจฺจติ. อาโลโกติ สา เอว วิชฺชา โอภาสกรณฏฺเน อาโลโก. เอตฺถ จ วิชฺชา อธิคตาติ อยํ อตฺโถ, เสสํ ปสํสาวจนํ. โยชนา ปเนตฺถ – อยํ โข เตน ภิกฺขุนา วิชฺชา อธิคตา, ตสฺส อธิคตวิชฺชสฺส อวิชฺชา วิหตา, วินฏฺาติ อตฺโถ. กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนาติ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย.
ยถา ตนฺติ เอตฺถ ยถาติ โอปมฺมตฺเถ, ตนฺติ นิปาตมตฺตํ. สติยา อวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺตสฺส. วีริยาตาเปน อาตาปิโน. กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย ปหิตตฺตสฺส เปสิตจิตฺตสฺสาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิชฺชา วิหฺเยฺย, วิชฺชา อุปฺปชฺเชยฺย, ตโม วิหฺเยฺย, อาโลโก อุปฺปชฺเชยฺย; เอวเมว ตสฺส ภิกฺขุโน อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา ¶ , ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน, ตสฺส ปธานานุโยคสฺส อนุรูปเมว ผลํ ลภิตฺวา วิหรตีติ.
ทิพฺเพน ¶ จกฺขุนาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. วิสุทฺเธนาติ จุตูปปาตทสฺสเนน ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุภาวโต วิสุทฺธํ. โย หิ จุติมตฺตเมว ปสฺสติ น อุปปาตํ, โส อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ. โย อุปปาตมตฺตเมว ปสฺสติ น จุตึ, โส นวสตฺตปาตุภาวทิฏฺึ คณฺหาติ. โย ปน ตทุภยํ ปสฺสติ, โส ยสฺมา ทุวิธมฺปิ ตํ ทิฏฺิคตํ อติวตฺตติ, ตสฺมาสฺส ตํ ทสฺสนํ ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุ โหติ, ตทุภยมฺปายํ พุทฺธปุตฺโต ปสฺสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘จุตูปปาตทสฺสเนน ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุภาวโต ¶ วิสุทฺธ’’นฺติ. เอกาทสอุปกฺกิเลสวิรหโต วา วิสุทฺธํ. ยถาห ‘‘วิจิกิจฺฉา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโสติ – อิติ วิทิตฺวา วิจิกิจฺฉํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, อมนสิกาโร…เป… ถินมิทฺธํ, ฉมฺภิตตฺตํ, อุปฺปิลฺลํ, ทุฏฺุลฺลํ, อจฺจารทฺธวีริยํ, อติลีนวีริยํ, อภิชปฺปา, นานตฺตสฺา, อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๔๒) เอวํ วุตฺเตหิ เอกาทสหิ อุปกฺกิเลเสหิ อนุปกฺกิลิฏฺตฺตา วิสุทฺธํ. มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา รูปทสฺสเนน อติกฺกนฺตมานุสกํ, มํสจกฺขุํ วา อติกฺกนฺตตฺตา อติกฺกนฺตมานุสกํ. เตน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน. สตฺเต ปสฺสตีติ มนุสฺสมํสจกฺขุนา วิย สตฺเต ปสฺสติ ทกฺขติ อาโลเกติ.
จวมาเน อุปปชฺชมาเนติ เอตฺถ จุติกฺขเณ อุปปตฺติกฺขเณ วา ทิพฺพจกฺขุนาปิ ทฏฺุํ น สกฺกา. เย ปน อาสนฺนจุติกา อิทานิ จวิสฺสนฺติ, เต จวมานา. เย จ คหิตปฏิสนฺธิกา สมฺปตินิพฺพตฺตา วา, เต อุปปชฺชมานาติ อธิปฺเปตา. เต เอวรูเป จวมาเน อุปปชฺชมาเน จ ปสฺสตีติ ทสฺเสติ. หีเนติ โมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา หีนานํ ชาติกุลโภคาทีนํ วเสน หีฬิเต ปริภูเต. ปณีเตติ อโมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา ตพฺพิปรีเต. สุวณฺเณติ อโทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา อิฏฺกนฺตมนาปวณฺณยุตฺเต. ทุพฺพณฺเณติ โทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา อนิฏฺอกนฺตามนาปวณฺณยุตฺเต. อภิรูเป วิรูเปติปิ อตฺโถ. สุคเตติ สุคติคเต, อโลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา อฑฺเฒ มหทฺธเน. ทุคฺคเตติ ทุคฺคติคเต, โลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา ทลิทฺเท อปฺปนฺนปานโภชเน. ยถากมฺมูปเคติ ยํ ยํ กมฺมํ อุปจิตํ, เตน เตน อุปคเต ¶ . ตตฺถ ปุริเมหิ ‘‘จวมาเน’’ติอาทีหิ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจํ วุตฺตํ, อิมินา ปน ปเทน ยถากมฺมูปคาณกิจฺจํ.
ตสฺส ¶ จ าณสฺส อยํ อุปฺปตฺติกฺกโม – อิธ ภิกฺขุ เหฏฺา นิรยาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา เนรยิเก สตฺเต ปสฺสติ มหนฺตํ ทุกฺขํ อนุภวมาเน, อิทํ ทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุาณกิจฺจเมว. โส จ เอวํ มนสิ กโรติ ‘‘กึ นุ โข กมฺมํ กตฺวา อิเม สตฺตา เอตํ ทุกฺขํ อนุภวนฺตี’’ติ, อถสฺส ‘‘อิทํ นาม กตฺวา’’ติ ตํกมฺมารมฺมณํ าณํ อุปฺปชฺชติ. ตถา อุปริ ¶ เทวโลกาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา นนฺทนวนมิสฺสกวนผารุสกวนาทีสุ สตฺเต ปสฺสติ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมาเน, อิทมฺปิ ทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุาณกิจฺจเมว. โส เอวํ มนสิ กโรติ ‘‘กึ นุ โข กมฺมํ กตฺวา อิเม สตฺตา เอตํ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺตี’’ติ? อถสฺส ‘‘อิทํ นาม กตฺวา’’ติ ตํกมฺมารมฺมณํ าณํ อุปฺปชฺชติ, อิทํ ยถากมฺมูปคาณํ นาม. อิมสฺส วิสุํ ปริกมฺมํ นาม นตฺถิ. ยถา จิมสฺส, เอวํ อนาคตํสาณสฺสปิ. ทิพฺพจกฺขุปาทกาเนว หิ อิมานิ ทิพฺพจกฺขุนา สเหว อิชฺฌนฺติ. กายทุจฺจริเตนาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. อิธ วิชฺชาติ ทิพฺพจกฺขุาณวิชฺชา. อวิชฺชาติ สตฺตานํ จุติปฏิสนฺธิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ตติยวาเร วิชฺชาติ อรหตฺตมคฺคาณวิชฺชา. อวิชฺชาติ จตุสจฺจปฺปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว. เอวํ โขติอาทิ นิคมนํ.
คาถาสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – โย ยถาวุตฺตํ ปุพฺเพนิวาสํ อเวติ อวคจฺฉติ, วุตฺตนเยน ปากฏํ กตฺวา ชานาติ. ‘‘โยเวที’’ติปิ ปาโ, โย อเวทิ วิทิตํ กตฺวา ิโตติ อตฺโถ. ฉพฺพีสติเทวโลกสงฺขาตํ สคฺคํ จตุพฺพิธํ อปายฺจ วุตฺตนเยเนว ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสติ. อโถติ ตโต ปรํ ชาติกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ นิพฺพานเมว วา ปตฺโต อธิคโต. ตโต เอว อภิฺา อภิวิสิฏฺาย มคฺคปฺาย ชานิตพฺพํ จตุสจฺจธมฺมํ ชานิตฺวา กิจฺจโวสาเนน โวสิโต นิฏฺานปฺปตฺโต. โมเนยฺยธมฺมสมนฺนาคเมน มุนิ, ขีณาสโว ยสฺมา เอตาหิ ยถาวุตฺตาหิ ตีหิ วิชฺชาหิ สมนฺนาคตตฺตา ตโต ตติยวิชฺชาย สพฺพถา พาหิตปาปตฺตา จ เตวิชฺโช พฺราหฺมโณ นาม โหติ. ตสฺมา ตเมว อหํ เตวิชฺชํ พฺราหฺมณํ ¶ วทามิ, อฺํ ปน ลปิตลาปนํ ยชุอาทิมนฺตปทานํ ¶ อชฺฌาปนปรํ เตวิชฺชํ พฺราหฺมณํ น วทามิ, เตวิชฺโชติ ตํ น กเถมีติ.
อิติ อิมสฺมึ วคฺเค ทุติยสุตฺเต วฏฺฏํ กถิตํ, ปฺจมอฏฺมทสมสุตฺเตสุ วิวฏฺฏํ กถิตํ, อิตเรสุ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทกนิกาย-อฏฺกถาย
อิติวุตฺตกสฺส ติกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.