📜

๔. จตุกฺกนิปาโต

๑. พฺราหฺมณธมฺมยาคสุตฺตวณฺณนา

๑๐๐. จตุกฺกนิปาตสฺส ปเม อหนฺติ อตฺตนิทฺเทโส. โย หิ ปโร น โหติ, โส นิยกชฺฌตฺตสงฺขาโต อตฺตา ‘‘อห’’นฺติ วุจฺจติ. อสฺมีติ ปฏิชานนา. โย ปรมตฺถพฺราหฺมณภาโว ‘‘อห’’นฺติ วุจฺจมาโน, ตสฺส อตฺตนิ อตฺถิภาวํ ปฏิชานนฺโต หิ สตฺถา ‘‘อสฺมี’’ติ อโวจ. ‘‘อหมสฺมี’’ติ จ ยถา ‘‘อหมสฺมิ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา, เสยฺโยหมสฺมี’’ติ จ อปฺปหีนทิฏฺิมานานุสยา ปุถุชฺชนา อตฺตโน ทิฏฺิมานมฺนาภินิเวสวเสน อภิวทนฺติ, น เอวํ วุตฺตํ. สพฺพโส ปน ปหีนทิฏฺิมานานุสโย ภควา สมฺํ อนติธาวนฺโต โลกสมฺานุโรเธน เวเนยฺยสนฺตาเนสุ ธมฺมํ ปติฏฺเปนฺโต เกวลํ ตาทิสสฺส คุณสฺส อตฺตนิ วิชฺชมานตํ ปฏิชานนฺโต ‘‘อหมสฺมี’’ติ อาห. พฺราหฺมโณติ พาหิตปาปตฺตา พฺรหฺมสฺส จ อณนโต พฺราหฺมโณ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ภิกฺขเว, อหํ ปรมตฺถโต พฺราหฺมโณสฺมีติ. ภควา สพฺพาการปริปุณฺณสฺส ทานสํยมาทิวตสมาทานสฺส นิรวเสสาย ตปจริยาย ปารํ คโต สมฺมเทว วุสิตพฺรหฺมจริยวาโส สกลเวทนฺตคู สุวิสุทฺธวิชฺชาจรโณ สพฺพถา นินฺหาตปาปมโล อนุตฺตรสฺส อริยมคฺคสงฺขาตสฺส พฺราหฺมณสฺส วตฺตา ปวตฺตา, สุปริสุทฺธสฺส จ สาสนพฺรหฺมจริยสฺส ปเวเทตา, ตสฺมา สพฺพโส พาหิตปาปตฺตา พฺรหฺมสฺส จ อณนโต กถนโต ปรมตฺเถน พฺราหฺมโณติ วุจฺจติ.

อิติ ภควา สเทวเก โลเก อตฺตโน อนุตฺตรํ พฺราหฺมณภาวํ ปเวเทตฺวา ยานิ ตานิ พฺราหฺมณทานาทีนิ ฉ กมฺมานิ พฺราหฺมณสฺส ปฺาเปนฺติ, เตสมฺปิ สุปริสุทฺธานํ อุกฺกํสโต อตฺตนิ สํวิชฺชมานตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาจโยโค’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ ยาจโยโคติ ยาเจหิ ยุตฺโต. ยาจนฺตีติ ยาจา, ยาจกา , เต ปเนตฺถ เวเนยฺยา เวทิตพฺพา. เต หิ ‘‘เทเสตุ, ภนฺเต ภควา , ธมฺมํ; เทเสตุ, สุคโต, ธมฺม’’นฺติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมเทสนํ ยาจนฺติ. ภควา จ เตสํ อิจฺฉาวิฆาตํ อกโรนฺโต ยถารุจิ ธมฺมํ เทเสนฺโต ธมฺมทานํ เทตีติ ยาจโยโค, สทา สพฺพกาลํ เตหิ อวิรหิโต. อถ วา ยาจโยโคติ ยาจนโยคฺโค, อธิปฺปายปูรณโต ยาจิตุํ ยุตฺโตติ อตฺโถ ‘‘ยาชโยโค’’ติปิ ปาโ. ตตฺถ ยาโช วุจฺจติ มหาทานํ, ยิฏฺนฺติ อตฺโถ. อิธ ปน ธมฺมทานํ เวทิตพฺพํ, ยาเช นิยุตฺโตติ ยาชโยคา. สทาติ สพฺพทา, อนวรตปฺปวตฺตสทฺธมฺมมหาทาโนติ อตฺโถ. อถ วา ยาเชน โยเชตีติปิ ยาชโยโค. ติวิธทานสงฺขาเตน ยาเชน สตฺเต ยถารหํ โยเชติ, ตตฺถ ทาเน นิโยเชตีติ อตฺโถ. ‘‘ยาชโยโค สตต’’นฺติปิ ปนฺติ. ปยตปาณีติ ปริสุทฺธหตฺโถ. โย หิ ทานาธิมุตฺโต อามิสทานํ เทนฺโต สกฺกจฺจํ สหตฺเถน เทยฺยธมฺมํ ทาตุํ สทา โธตหตฺโถเยว โหติ, โส ‘‘ปยตปาณี’’ติ วุจฺจติ. ภควาปิ ธมฺมทานาธิมุตฺโต สกฺกจฺจํ สพฺพกาลํ ธมฺมทาเน ยุตฺตปฺปยุตฺโตติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปยตปาณี’’ติ. ‘‘สทา’’ติ จ ปทํ อิมินาปิ สทฺธึ โยเชตพฺพํ ‘‘สทา ปยตปาณี’’ติ. อวิภาเคน หิ สตฺถา เวเนยฺยโลกสฺส สทฺธมฺมทานํ สทา สพฺพกาลํ ปวตฺเตนฺโต ตตฺถ ยุตฺตปฺปยุตฺโต หุตฺวา วิหรติ.

อปโร นโย – โยโค วุจฺจติ ภาวนา. ยถาห ‘‘โยคา เว ชายเต ภูรี’’ติ (ธ. ป. ๒๘๒). ตสฺมา ยาชโยโคติ ยาชภาวนํ, ปริจฺจาคภาวนํ อนุยุตฺโตติ อตฺโถ. ภควา หิ อภิสมฺโพธิโต ปุพฺเพ โพธิสตฺตภูโตปิ กรุณาสมุสฺสาหิโต อนวเสสโต ทานํ ปริพฺรูเหนฺโต ตตฺถ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต หุตฺวา อภิสมฺโพธึ ปาปุณิ, พุทฺโธ หุตฺวาปิ ติวิธํ ทานํ ปริพฺรูเหสิ วิเสสโต ธมฺมทานํ, ปเรปิ ตตฺถ นิโยเชสิ. ตถา หิ โส เวเนยฺยยาจกานํ กสฺสจิ สรณานิ อทาสิ, กสฺสจิ ปฺจ สีลานิ, กสฺสจิ ทส สีลานิ, กสฺสจิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ, กสฺสจิ ธุตธมฺเม, กสฺสจิ จตฺตาริ ฌานานิ, กสฺสจิ อฏฺ สมาปตฺติโย, กสฺสจิ ปฺจาภิฺาโย, จตฺตาโร มคฺเค, จตฺตาริ สามฺผลานิ, ติสฺโส วิชฺชา, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทาติ เอวมาทิโลกิยโลกุตฺตรเภทํ คุณธนํ ธมฺมทานวเสน ยถาธิปฺปายํ เทนฺโต ปเร จ ‘‘เทถา’’ติ นิโยเชนฺโต ปริจฺจาคภาวนํ ปริพฺรูเหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปริจฺจาคภาวนํ อนุยุตฺโต’’ติ.

ปยตปาณีติ วา อายตปาณี, หตฺถคตํ กิฺจิ ทาตุํ ‘‘เอหิ คณฺหา’’ติ ปสาริตหตฺโถ วิย อาจริยมุฏฺึ อกตฺวา สทฺธมฺมทาเน ยุตฺตปฺปยุตฺโตติ อตฺโถ. ปยตปาณีติ วา อุสฺสาหิตหตฺโถ, อามิสทานํ ทาตุํ อุสฺสาหิตหตฺโถ วิย ธมฺมทาเน กตุสฺสาโหติ อตฺโถ. อนฺติมเทหธโรติ พฺรหฺมจริยวเสน พฺราหฺมณกรณานํ ธมฺมานํ ปาริปูริยา ปจฺฉิมตฺตภาวธารี. อวุสิตวโต หิ วสลกรณานํ ธมฺมานํ อปฺปหาเนน วสลาทิสมฺา คติ อายตึ คพฺภเสยฺยา สิยา. เตน ภควา อตฺตโน อจฺจนฺตวุสิตพฺราหฺมณภาวํ ทสฺเสติ. อนุตฺตโร ภิสกฺโกสลฺลกตฺโตติ ทุตฺติกิจฺฉสฺส วฏฺฏทุกฺขโรคสฺส ติกิจฺฉนโต อุตฺตโม ภิสกฺโก, อฺเหิ อนุทฺธรณียานํ ราคาทิสลฺลานํ กนฺตนโต สมุจฺเฉทวเสน สมุทฺธรณโต อุตฺตโม สลฺลกนฺตนเวชฺโช. อิมินา นิปฺปริยายโต พฺราหฺมณกรณานํ ธมฺมานํ อตฺตนิ ปติฏฺิตานํ ปรสนฺตติยํ ปติฏฺาปเนน ปเรสมฺปิ พฺราหฺมณกรณมาห.

ตสฺส เม ตุมฺเห ปุตฺตาติ ตสฺส เอวรูปสฺส มม ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ปุตฺตา อตฺรชา โหถ. โอรสาติ อุรสิ สมฺพนฺธา. ยถา หิ สตฺตานํ โอรสปุตฺตา อตฺรชา วิเสเสน ปิตุสนฺตกสฺส ทายชฺชสฺส ภาคิโน โหนฺติ, เอวเมเตปิ อริยปุคฺคลา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมสฺสวนนฺเต อริยาย ชาติยา ชาตา. ตสฺส สนฺตกสฺส วิมุตฺติสุขสฺส อริยธมฺมรตนสฺส จ เอกํสภาคิยตาย โอรสา. อถ วา ภควโต ธมฺมเทสนานุภาเวน อริยภูมึ โอกฺกมมานา โอกฺกนฺตา จ อริยสาวกา สตฺถุ อุเร วายามชนิตาภิชาติตาย นิปฺปริยาเยน ‘‘โอรสปุตฺตา’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ. ตถา หิ เต ภควตา อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิโวโลกเนน วชฺชานุจินฺตเนน จ หทเย กตฺวา วชฺชโต นิวาเรตฺวา อนวชฺเช ปติฏฺเปนฺเตน สีลาทิธมฺมสรีรโปสเนน สํวฑฺฒิตา. มุขโต ชาตาติ มุขโต ชาตาย ธมฺมเทสนาย อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา มุขโต ชาตา. อถ วา อนฺสาธารณโต สพฺพสฺส กุสลธมฺมสฺส มุขโต ปาติโมกฺขโต วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาสงฺขาตโต วิโมกฺขมุขโต วา อริยมคฺคชาติยา ชาตาติปิ มุขโต ชาตา. สิกฺขตฺตยสงฺคเห สาสนธมฺเม อริยมคฺคธมฺเม วา ชาตาติ ธมฺมชา. เตเนว ธมฺเมน นิมฺมิตา มาปิตาติ ธมฺมนิมฺมิตา. สติธมฺมวิจยาทิ ธมฺมทายาทา, น ลาภสกฺการาทิ อามิสทายาทา, ธมฺมทายาทา โน อามิสทายาทา โหถาติ อตฺโถ.

ตตฺถ ธมฺโม ทุวิโธ – นิปฺปริยายธมฺโม, ปริยายธมฺโมติ. อามิสมฺปิ ทุวิธํ – นิปฺปริยายามิสํ, ปริยายามิสนฺติ. กถํ? มคฺคผลนิพฺพานปฺปเภโท หิ นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม นิปฺปริยายธมฺโม, นิพฺพตฺติตธมฺโมเยว, น เกนจิ ปริยาเยน การเณน วา เลเสน วา ธมฺโม. ยํ ปนิทํ วิวฏฺฏูปนิสฺสิตํ กุสลํ, เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ วิวฏฺฏํ ปตฺเถนฺโต ทานํ เทติ, สีลํ สมาทิยติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, คนฺธมาลาทีหิ วตฺถุปูชํ กโรติ, ธมฺมํ สุณาติ, เทเสติ, ฌานสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, เอวํ กโรนฺโต อนุปุพฺเพน นิปฺปริยายํ อมตํ นิพฺพานํ ปฏิลภติ, อยํ ปริยายธมฺโม. ตถา จีวราทโย จตฺตาโร ปจฺจยา นิปฺปริยายามิสเมว, น อฺเน ปริยาเยน วา การเณน วา เลเสน วา อามิสํ. ยํ ปนิทํ วฏฺฏคามิกุสลํ, เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ วฏฺฏํ ปตฺเถนฺโต สมฺปตฺติภวํ อิจฺฉมาโน ทานํ เทติ…เป… สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, เอวํ กโรนฺโต อนุปุพฺเพน เทวมนุสฺสสมฺปตฺติโย ปฏิลภติ, อิทํ ปริยายามิสํ นาม.

ตตฺถ นิปฺปริยายธมฺโมปิ ภควโตเยว สนฺตโก. ภควตา หิ กถิตตฺตา ภิกฺขู มคฺคผลนิพฺพานานิ อธิคจฺฉนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘โส, หิ, พฺราหฺมณ, ภควา อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, อสฺชาตสฺส มคฺคสฺส สฺชเนตา…เป… มคฺคานุคา จ ปเนตรหิ สาวกา วิหรนฺติ ปจฺฉา สมนฺนาคตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๙; จูลนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕).

‘‘โส, หาวุโส, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต าณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต, วตฺตา ปวตฺตา, อตฺถสฺส นินฺเนตา , อมตสฺส ทาตา, ธมฺมสฺสามี ตถาคโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๓; ๓.๒๘๑) จ.

ปริยายธมฺโมปิ ภควโตเยว สนฺตโก. ภควตา หิ กถิตตฺตา เอว ชานนฺติ ‘‘วิวฏฺฏํ ปตฺเถตฺวา ทานํ เทนฺโต…เป… สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตนฺโต อนุกฺกเมน อมตํ นิพฺพานํ ปฏิลภตี’’ติ. นิปฺปริยายามิสมฺปิ ภควโตเยว สนฺตกํ. ภควตา หิ อนุฺาตตฺตาเยว ภิกฺขูหิ ชีวกวตฺถุํ อาทึ กตฺวา ปณีตจีวรํ ลทฺธํ. ยถาห –

‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คหปติจีวรํ. โย อิจฺฉติ, ปํสุกูลิโก โหตุ. โย อิจฺฉติ, คหปติจีวรํ สาทิยตุ. อิตรีตเรนปาหํ, ภิกฺขเว, สนฺตุฏฺึเยว วณฺเณมี’’ติ (มหาว. ๓๓๗).

เอวํ อิตเรปิ ปจฺจยา ภควตา อนุฺาตตฺตา เอว ภิกฺขูหิ ปริภุฺชิตุํ ลทฺธา. ปริยายามิสมฺปิ ภควโตเยว สนฺตกํ. ภควตา หิ กถิตตฺตา เอว ชานนฺติ ‘‘สมฺปตฺติภวํ ปตฺเถนฺโต ทานํ ทตฺวา สีลํ…เป… สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อนุกฺกเมน ปริยายามิสํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ มนุสฺสสมฺปตฺติฺจ ปฏิลภตี’’ติ. ยเทว ยสฺมา นิปฺปริยายธมฺโมปิ ปริยายธมฺโมปิ นิปฺปริยายามิสมฺปิ ปริยายามิสมฺปิ ภควโตเยว สนฺตกํ, ตสฺมา ตตฺถ อตฺตโน สามิภาวํ ทสฺเสนฺโต ตตฺถ จ ยํ เสฏฺตรํ อจฺจนฺตหิตสุขาวหํ ตตฺเถว เน นิโยเชนฺโต เอวมาห ‘‘ตสฺส เม ตุมฺเห ปุตฺตา โอรสา…เป… โน อามิสทายาทา’’ติ.

อิติ ภควา ปริปุณฺณวตสมาทานํ ตปจริยํ สมฺมเทว วุสิตพฺรหฺมจริยํ สุวิสุทฺธวิชฺชาจรณสมฺปนฺนํ อนวเสสเวทนฺตปารคุํ พาหิตสพฺพปาปํ สตตํ ยาจโยคํ สเทวเก โลเก อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวปฺปตฺตํ อตฺตโน ปรมตฺถพฺราหฺมณภาวํ อริยสาวกานฺจ อตฺตโน โอรสปุตฺตาทิภาวํ ปเวเทสิ. ภควา หิ ‘‘สีโหติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๕.๙๙) เอตฺถ สีหสทิสํ, ‘‘ปุริโส มคฺคกุสโลติ โข, ติสฺส, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๘๔) เอตฺถ มคฺคเทสกปุริสสทิสํ, ‘‘ราชาหมสฺมิ เสลา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๙) เอตฺถ ราชสทิสํ, ‘‘ภิสกฺโก สลฺลกตฺโตติ โข, สุนกฺขตฺต, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๖๕) เอตฺถ เวชฺชสทิสํ, ‘‘พฺราหฺมโณติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (อ. นิ. ๘.๘๕) เอตฺถ พฺราหฺมณสทิสํ อตฺตานํ กเถสิ. อิธาปิ พฺราหฺมณ สทิสํ กตฺวา กเถสิ.

อิทานิ เยหิ ทานาทีหิ ยุตฺตสฺส อิโต พาหิรกพฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณกิจฺจํ ปริปุณฺณํ มฺนฺติ, เตหิ อตฺตโน ทานาทีนํ อคฺคเสฏฺภาวํ ปกาเสตุํ ‘‘ทฺเวมานิ, ภิกฺขเว, ทานานี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ยาคาติ มหายฺา , มหาทานานีติ อตฺโถ, ยานิ ‘‘ยิฏฺานี’’ติปิ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ เวลามทานเวสฺสนฺตรทานมหาวิชิตยฺสทิสา อามิสยาคา เวทิตพฺพา, มหาสมยสุตฺตมงฺคลสุตฺตจูฬราหุโลวาทสุตฺตสมจิตฺตสุตฺตเทสนาทโย ธมฺมยาคา. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

คาถายํ อยชีติ อทาสิ. อมจฺฉรีติ สพฺพมจฺฉริยานํ โพธิมูเลเยว สุปฺปหีนตฺตา มจฺเฉรรหิโต. สพฺพภูตานุกมฺปีติ มหากรุณาย สพฺพสตฺเต ปิยปุตฺตํ วิย อนุคฺคณฺหนสีโล. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘วธเก เทวทตฺเต จ, โจเร องฺคุลิมาลเก;

ธนปาเล ราหุเล เจว, สมจิตฺโต มหามุนี’’ติ. (มิ. ป. ๖.๖.๕) –

เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สุลภสุตฺตวณฺณนา

๑๐๑. ทุติเย อปฺปานีติ ปริตฺตานิ. สุลภานีติ สุเขน ลทฺธพฺพานิ, ยตฺถ กตฺถจิ วา สกฺกา โหติ ลทฺธุํ. อนวชฺชานีติ วชฺชรหิตานิ นิทฺโทสานิ อาคมนสุทฺธิโต กายมณฺฑนาทิกิเลสวตฺถุภาวาภาวโต จ. ตตฺถ สุลภตาย ปริเยสนทุกฺขสฺส อภาโว ทสฺสิโต, อปฺปตาย ปริหรณทุกฺขสฺสปิ อภาโว ทสฺสิโต, อนวชฺชตาย อครหิตพฺพตาย ภิกฺขุสารุปฺปภาโว ทสฺสิโต โหติ. อปฺปตาย วา ปริตฺตาสสฺส อวตฺถุตา, สุลภตาย เคธาย อวตฺถุตา, อนวชฺชตาย อาทีนววเสน นิสฺสรณปฺาย วตฺถุตา ทสฺสิตา โหติ. อปฺปตาย วา ลาเภน น โสมนสฺสํ ชนยนฺติ, สุลภตาย อลาเภน น โทมนสฺสํ ชนยนฺติ, อนวชฺชตาย วิปฺปฏิสารนิมิตฺตํ อฺาณุเปกฺขํ น ชนยนฺติ อวิปฺปฏิสารวตฺถุภาวโต.

ปํสุกูลนฺติ รถิกาสุสานสงฺการกูฏาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ปํสูนํ อุปริ ิตตฺตา อพฺภุคฺคตฏฺเน ปํสุกูลํ วิยาติ ปํสุกูลํ, ปํสุ วิย กุจฺฉิตภาวํ อุลติ คจฺฉตีติ ปํสุกูลนฺติ เอวํ ลทฺธนามํ รถิกาทีสุ ปติตนนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา กตจีวรํ. ปิณฺฑิยาโลโปติ ชงฺฆปิณฺฑิยา พเลน จริตฺวา ฆเร ฆเร อาโลปมตฺตํ กตฺวา ลทฺธโภชนํ. รุกฺขมูลนฺติ วิเวกานุรูปํ ยํกิฺจิ รุกฺขสมีปํ. ปูติมุตฺตนฺติ ยํกิฺจิ โคมุตฺตํ. ยถา หิ สุวณฺณวณฺโณปิ กาโย ปูติกาโยว เอวํ อภินวมฺปิ มุตฺตํ ปูติมุตฺตเมว. ตตฺถ เกจิ โคมุตฺตภาวิตํ หริตกีขณฺฑํ ‘‘ปูติมุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ปูติภาเวน อาปณาทิโต วิสฺสฏฺํ ฉฑฺฑิตํ อปริคฺคหิตํ ยํกิฺจิ เภสชฺชํ ปูติมุตฺตนฺติ อธิปฺเปตนฺติ อปเร.

ยโต โขติ ปจฺจตฺเต นิสฺสกฺกวจนํ, ยํ โขติ วุตฺตํ โหติ. เตน ‘‘ตุฏฺโ โหตี’’ติ วุตฺตกิริยํ ปรามสติ. ตุฏฺโติ สนฺตุฏฺโ. อิทมสฺสาหนฺติ ยฺวายํ จตุพฺพิเธน ยถาวุตฺเตน ปจฺจเยน อปฺเปน สุลเภน สนฺโตโส, อิทํ อิมสฺส ภิกฺขุโน สีลสํวราทีสุ อฺตรํ เอกํ สามฺงฺคํ สมณภาวการณนฺติ อหํ วทามิ. สนฺตุฏฺสฺส หิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ สุปริปุณฺณํ โหติ, สมถวิปสฺสนา จ ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. อถ วา สามฺํ นาม อริยมคฺโค. ตสฺส สงฺเขปโต ทฺเว องฺคานิ – พาหิรํ, อชฺฌตฺติกนฺติ. ตตฺถ พาหิรํ สปฺปุริสูปนิสฺสโย สทฺธมฺมสฺสวนฺจ, อชฺฌตฺติกํ ปน โยนิโส มนสิกาโร ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติ จ. เตสุ ยสฺมา ยถารหํ ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติภูตา ตสฺสา มูลภูตา เจเต ธมฺมา, ยทิทํ อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฏฺิตา ปวิวิตฺตตา อสํสฏฺตา อารทฺธวีริยตาติ เอวมาทโย, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อิทมสฺสาหํ อฺตรํ สามฺงฺคนฺติ วทามี’’ติ.

คาถาสุ เสนาสนมารพฺภาติ วิหาราทึ มฺจปีาทิฺจ เสนาสนํ นิสฺสาย. จีวรํ ปานโภชนนฺติ นิวาสนาทิจีวรํ, อมฺพปานกาทิปานํ, ขาทนียโภชนียาทิภุฺชิตพฺพวตฺถุฺจ อารพฺภาติ สมฺพนฺโธ. วิฆาโต วิหตภาโว เจโตทุกฺขํ น โหตีติ โยชนา. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ‘‘อสุกสฺมึ นาม อาวาเส ปจฺจยา สุลภา’’ติ ลภิตพฺพฏฺานคมเนน วา ‘‘มยฺหํ ปาปุณาติ น ตุยฺห’’นฺติ วิวาทาปชฺชเนน วา นวกมฺมกรณาทิวเสน วา เสนาสนาทีนิ ปริเยสนฺตานํ อสนฺตุฏฺานํ อิจฺฉิตลาภาทินา โย วิฆาโต จิตฺตสฺส โหติ, โส ตตฺถ สนฺตุฏฺสฺส น โหตีติ. ทิสา นปฺปฏิหฺตีติ สนฺตุฏฺิยา จาตุทฺทิสาภาเวน ทิสา นปฺปฏิหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘จาตุทฺทิโส อปฺปฏิโฆ จ โหติ,

สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรนา’’ติ. (สุ. นิ. ๔๒; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๘);

ยสฺส หิ ‘‘อสุกฏฺานํ นาม คโต จีวราทีนิ ลภิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ทิสา ปฏิหฺติ นาม. ยสฺส ปน เอวํ น อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ทิสา น ปฏิหฺติ นาม. ธมฺมาติ ปฏิปตฺติธมฺมา. สามฺสฺสานุโลมิกาติ สมณธมฺมสฺส สมถวิปสฺสนาภาวนาย อริยมคฺคสฺเสว วา อนุจฺฉวิกา อปฺปิจฺฉตาทโย. อธิคฺคหิตาติ สพฺเพ เต ตุฏฺจิตฺตสฺส สนฺตุฏฺจิตฺเตน ภิกฺขุนา อธิคฺคหิตา ปฏิปกฺขธมฺเม อภิภวิตฺวา คหิตา โหนฺติ อพฺภนฺตรคตา, น พาหิรคตาติ.

ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อาสวกฺขยสุตฺตวณฺณนา

๑๐๒. ตติเย ชานโตติ ชานนฺตสฺส. ปสฺสโตติ ปสฺสนฺตสฺส. ยทิปิ อิมานิ ทฺเวปิ ปทานิ เอกตฺถานิ, พฺยฺชนเมว นานํ, เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ชานโต’’ติ าณลกฺขณํ อุปาทาย ปุคฺคลํ นิทฺทิสติ. ชานนลกฺขณฺหิ าณํ. ‘‘ปสฺสโต’’ติ าณปฺปภาวํ อุปาทาย. ทสฺสนปฺปภาวฺหิ อุปาทาย าณสมงฺคี ปุคฺคโล จกฺขุมา วิย ปุคฺคโล จกฺขุนา รูปานิ, าเณน วิวเฏ ธมฺเม ปสฺสติ. อถ วา ชานโตติ อนุโพธาเณน ชานโต. ปสฺสโตติ ปฏิเวธาเณน ปสฺสโต. ปฏิโลมโต วา ทสฺสนมคฺเคน ปสฺสโต, ภาวนามคฺเคน ชานโต. เกจิ ปน ‘‘าตตีรณปหานปริฺาหิ ชานโต, สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาย ปสฺสโต’’ติ วทนฺติ. อถ วา ทุกฺขํ ปริฺาภิสมเยน ชานโต, นิโรธํ สจฺฉิกิริยาภิสมเยน ปสฺสโต. ตทุภเย จ สติ ปหานภาวนาภิสมยา สิทฺธา เอว โหนฺตีติ จตุสจฺจาภิสมโย วุตฺโต โหติ. ยทา เจตฺถ วิปสฺสนาาณํ อธิปฺเปตํ, ตทา ‘‘ชานโต ปสฺสโต’’ติ ปทานํ เหตุอตฺถทีปนตา ทฏฺพฺพา. ยทา ปน มคฺคาณํ อธิปฺเปตํ, ตทา มคฺคกิจฺจตฺถทีปนตา.

อาสวานํขยนฺติ ‘‘ชานโต, อหํ ภิกฺขเว, ปสฺสโต อาสวานํ ขยํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕; สํ. นิ. ๓.๑๐๑; ๕.๑๐๙๕) เอวมาคเต สพฺพาสวสํวรปริยาเย ‘‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) จ สุตฺตปเทสุ อาสวานํ ปหานํ อจฺจนฺตกฺขโย อสมุปฺปาโท ขีณากาโร นตฺถิภาโว ‘‘อาสวกฺขโย’’ติ วุตฺโต. ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) ผลํ.

‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส, นิจฺจํ อุชฺฌานสฺิโน;

อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ. (ธ. ป. ๒๕๓); –

อาทีสุ นิพฺพานํ.

‘‘เสขสฺส สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;

ขยสฺมึ ปมํ าณํ, ตโต อฺา อนนฺตรา;

ตโต อฺาวิมุตฺตสฺส, าณํ เว โหติ ตาทิโน’’ติ. (อ. นิ. ๓.๘๖; อิติวุ. ๖๒) –

เอวมาคเต อินฺทฺริยสุตฺเต อิธ จ มคฺโค ‘‘อาสวกฺขโย’’ติ วุตฺโต. ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยน ชานนฺตสฺส ปสฺสนฺตสฺส อหํ อริยมคฺคาธิคมํ วทามีติ วุตฺตํ โหติ. โนอชานโต โน อปสฺสโตติ โย ปน น ชานาติ น ปสฺสติ, ตสฺส โน วทามีติ อตฺโถ. เอเตน เย อชานโต อปสฺสโตปิ สํสารสุทฺธึ วทนฺติ, เต ปฏิกฺขิปติ. ปุริเมน วา ปททฺวเยน อุปาโย วุตฺโต, อิมินา อนุปายปฏิเสโธ. สงฺเขเปน เจตฺถ าณํ อาสวกฺขยกรํ, เสสํ ตสฺส ปริกฺขาโรติ ทสฺเสติ.

อิทานิ ยํ ชานโต ยํ ปสฺสโต อาสวกฺขโย โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, ชานโต’’ติ ปุจฺฉํ อารภิ. ตตฺถ ชานนา พหุวิธา. ทพฺพชาติโก เอว หิ โกจิ ภิกฺขุ ฉตฺตํ กาตุํ ชานาติ, โกจิ จีวราทีนํ อฺตรํ, ตสฺส อีทิสานิ กมฺมานิ วตฺตสีเส ตฺวา กโรนฺตสฺส สา ชานนา ‘‘มคฺคผลานํ ปทฏฺานํ น โหตี’’ติ น วตฺตพฺพา. โย ปน สาสเน ปพฺพชิตฺวา เวชฺชกมฺมาทีนิ กาตุํ ชานาติ, ตสฺเสวํ ชานโต อาสวา วฑฺฒนฺติเยว. ตสฺมา ยํ ชานโต ยํ ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหติ, ตเทว ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ, ตํ เหฏฺา โยนิโสมนสิการสุตฺเต สงฺเขปโต วุตฺตเมว.

ตตฺถ ปน ‘‘โยนิโส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มนสิ กโรนฺโต อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวตี’’ติ (อิติวุ. ๑๖) อาคตตฺตา ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติอาทินา อตฺถวิภาวนา กตา. อิธ ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ชานโต ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕; สํ. นิ. ๓.๑๐๑; ๕.๑๐๙๕) อาคตตฺตา ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ ปริฺาปฏิเวธวเสน ปริฺาภิสมยวเสน มคฺคาเณน ชานโต ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหตี’’ติอาทินา นเยน โยเชตพฺพํ. อาสเวสุ จ ปมมคฺเคน ทิฏฺาสโว ขียติ, ตติยมคฺเคน กามาสโว, จตุตฺถมคฺเคน ภวาสโว อวิชฺชาสโว จ ขียตีติ เวทิตพฺโพ.

คาถาสุ วิมุตฺติาณนฺติ วิมุตฺติยํ นิพฺพาเน ผเล จ ปจฺจเวกฺขณาณํ. อุตฺตมนฺติ อุตฺตมธมฺมารมฺมณตฺตา อุตฺตมํ. ขเย าณนฺติ อาสวานํ สํโยชนานฺจ ขเย ขยกเร อริยมคฺเค าณํ. ‘‘ขีณา สํโยชนา อิติ าณ’’นฺติ อิธาปิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เตน ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณํ ทสฺเสติ. เอวเมตฺถ จตฺตาริปิ ปจฺจเวกฺขณาณานิ วุตฺตานิ โหนฺติ . อวสิฏฺกิเลสปจฺจเวกฺขณา หิ อิธ นตฺถิ อรหตฺตผลาธิคมสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ยถา เจตฺถ ชานโต ปสฺสโตติ นิพฺพานาธิคเมน สมฺมาทิฏฺิกิจฺจํ อธิกํ กตฺวา วุตฺตํ, เอวํ สมฺมปฺปธานกิจฺจมฺปิ อธิกเมว อิจฺฉิตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น ตฺเววิทํ กุสีเตนา’’ติ โอสานคาถมาห.

ตตฺถ น ตฺเววิทนฺติ น ตุ เอว อิทํ. ตุสทฺโท นิปาตมตฺตํ. พาเลนมวิชานตาติ กาโร ปทสนฺธิกโร. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – อิทํ เสกฺขมคฺเคน อเสกฺขมคฺเคน จ ปตฺตพฺพํ อภิชฺฌากายคนฺถาทิสพฺพคนฺถานํ ปโมจนํ ปโมจนสฺส นิมิตฺตภูตํ นิพฺพานํ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา จตฺตาริ สจฺจานิ ยถาภูตํ อวิชานตา ตโต เอว พาเลน อวิทฺทสุนา ยถา อธิคนฺตุํ น สกฺกา, เอวํ กุสีเตน นิพฺพีริเยนาปิ, ตสฺมา ตทธิคมาย อารทฺธวีริเยน ภวิตพฺพนฺติ. เตนาห ภควา ‘‘อารทฺธวีริยสฺสายํ ธมฺโม, โน กุสีตสฺส’’ (ที. นิ. ๓.๓๕๘).

‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถ, ยุฺชถ พุทฺธสาสเน;

ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กุฺชโร’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๕; เนตฺติ. ๒๙; มิ. ป. ๕.๑.๔);

ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สมณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา

๑๐๓. จตุตฺเถ เย หิ เกจีติ เย เกจิ. อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺตีติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ อวิปรีตํ สภาวสรสลกฺขณโต วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ทุกฺขสจฺจํ น ชานนฺติ น ปฏิวิชฺฌนฺติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. น เม เต, ภิกฺขเวติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ อนนุยุตฺตา ปพฺพชฺชามตฺตสมณา เจว ชาติมตฺตพฺราหฺมณา จ น มยา เต สมิตปาปสมเณสุ สมโณติ, พาหิตปาปพฺราหฺมเณสุ พฺราหฺมโณติ จ สมฺมตา อนุฺาตา. กสฺมา? สมณกรณานํ พฺราหฺมณกรณานฺจ ธมฺมานํ อภาวโตติ. เตเนวาห ‘‘น จ ปน เต อายสฺมนฺโต’’ติอาทิ. ตตฺถ สามฺตฺถนฺติ สามฺสงฺขาตํ อตฺถํ, จตฺตาริ สามฺผลานีติ อตฺโถ. พฺรหฺมฺตฺถนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. อปเร ปน ‘‘สามฺตฺถนฺติ จตฺตาโร อริยมคฺคา, พฺรหฺมฺตฺถนฺติ จตฺตาริ อริยผลานี’’ติ วทนฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. สุกฺกปกฺโข วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺโพ. คาถาสุ อปุพฺพํ นตฺถิ.

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สีลสมฺปนฺนสุตฺตวณฺณนา

๑๐๔. ปฺจเม สีลสมฺปนฺนาติ เอตฺถ สีลํ นาม ขีณาสวานํ โลกิยโลกุตฺตรสีลํ, เตน สมฺปนฺนา สมนฺนาคตาติ สีลสมฺปนฺนา. สมาธิปฺาสุปิ เอเสว นโย. วิมุตฺติ ปน ผลวิมุตฺติเยว, วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปจฺจเวกฺขณาณํ. เอวเมตฺถ สีลาทโย ตโย โลกิยโลกุตฺตรา, วิมุตฺติ โลกุตฺตราว, วิมุตฺติาณทสฺสนํ โลกิยเมว. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ ปเร โอวทนฺติ อนุสาสนฺตีติ โอวาทกา. วิฺาปกาติ กมฺมานิ กมฺมผลานิ จ, วิฺาปกา, ตตฺถ จ ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อกุสลา. อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา’’ติอาทินา กุสลาทิวิภาคโต ขนฺธาทิวิภาคโต สลกฺขณโต สามฺลกฺขณโตติ วิวิเธหิ นเยหิ ธมฺมานํ าปกา อวโพธกา . สนฺทสฺสกาติ เตเยว ธมฺเม หตฺเถน คเหตฺวา วิย ปรสฺส ปจฺจกฺขโต ทสฺเสตาโร. สมาทปกาติ ยํ สีลาทิ เยหิ อสมาทินฺนํ, ตสฺส สมาทาเปตาโร, ตตฺถ เต ปติฏฺาเปตาโร. สมุตฺเตชกาติ เอวํ กุสลธมฺเมสุ ปติฏฺิตานํ อุปริ อธิจิตฺตานุโยเค นิโยชนวเสน จิตฺตสฺส สมฺมา อุตฺเตชกา, ยถา วิเสสาธิคโม โหติ, เอวํ นิสามนวเสน เตชกา. สมฺปหํสกาติ เตสํ ยถาลทฺเธหิ อุปริลทฺธพฺเพหิ จ คุณวิเสเสหิ จิตฺตสฺส สมฺมา ปหํสกา, ลทฺธสฺสาทวเสน สุฏฺุ โตสกา. อลํสมกฺขาตาโรติ อลํ ปริยตฺตํ ยถาวุตฺตํ อปริหาเปตฺวา สมฺมเทว อนุคฺคหาธิปฺปาเยน อกฺขาตาโร.

อถ วา สนฺทสฺสกาติ ธมฺมํ เทเสนฺตา ปวตฺตินิวตฺติโย สภาวสรสลกฺขณโต สมฺมเทว ทสฺเสตาโร. สมาทปกาติ จิตฺเต ปติฏฺาปนวเสน ตสฺเสว อตฺถสฺส คาหาปกา. สมุตฺเตชกาติ ตทตฺถคฺคหเณ อุสฺสาหชนเนน สมฺมเทว โวทปกา โชตกา วา. สมฺปหํสกาติ ตทตฺถปฏิปตฺติยํ อานิสํสทสฺสเนน สมฺมเทว ปหํสกา โตสกา. อลํสมกฺขาตาโรติ สมตฺถา หุตฺวา วุตฺตนเยน สมกฺขาตาโร. สทฺธมฺมสฺสาติ ปฏิเวธสทฺธมฺมสฺส, ติวิธสฺสาปิ วา สทฺธมฺมสฺส เทเสตาโร.

ทสฺสนมฺปหนฺติ ทสฺสนมฺปิ อหํ. ตํ ปเนตํ จกฺขุทสฺสนํ าณทสฺสนนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ ปสนฺเนหิ จกฺขูหิ อริยานํ โอโลกนํ จกฺขุทสฺสนํ นาม. อริยภาวกรานํ ปน ธมฺมานํ อริยภาวสฺส จ วิปสฺสนามคฺคผเลหิ อธิคโม าณทสฺสนํ นาม. อิมสฺมึ ปนตฺเถ จกฺขุทสฺสนํ อธิปฺเปตํ. อริยานฺหิ ปสนฺเนหิ จกฺขูหิ โอโลกนมฺปิ สตฺตานํ พหูปการเมว. สวนนฺติ ‘‘อสุโก นาม ขีณาสโว อสุกสฺมึ นาม รฏฺเ วา ชนปเท วา คาเม วา นิคเม วา วิหาเร วา เลเณ วา วสตี’’ติ กเถนฺตานํ โสเตน สวนํ, เอตมฺปิ พหูปการเมว. อุปสงฺกมนนฺติ ‘‘ทานํ วา ทสฺสามิ, ปฺหํ วา ปุจฺฉิสฺสามิ, ธมฺมํ วา โสสฺสามิ, สกฺการํ วา กริสฺสามี’’ติ เอวรูเปน จิตฺเตน อริยานํ อุปสงฺกมนํ. ปยิรุปาสนนฺติ ปฺหปยิรุปาสนํ, อริยานํ คุเณ สุตฺวา เต อุปสงฺกมิตฺวา นิมนฺเตตฺวา ทานํ วา ทตฺวา วตฺตํ วา กตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, กุสล’’นฺติอาทินา นเยน ปฺหปุจฺฉนนฺติ อตฺโถ. เวยฺยาวจฺจาทิกรณํ ปยิรุปาสนํเยว. อนุสฺสรณนฺติ รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ นิสินฺนสฺส ‘‘อิทานิ อริยา คุมฺพเลณมณฺฑปาทีสุ ฌานวิปสฺสนามคฺคผลสุเขหิ วีตินาเมนฺตี’’ติ เตสํ ทิพฺพวิหาราทิคุณวิเสสารมฺมณํ อนุสฺสรณํ. โย วา เตสํ สนฺติกา โอวาโท ลทฺโธ โหติ, ตํ อาวชฺชิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ าเน สีลํ กถิตํ, อิมสฺมึ สมาธิ, อิมสฺมึ วิปสฺสนา, อิมสฺมึ มคฺโค, อิมสฺมึ ผล’’นฺติ เอวํ อนุสฺสรณํ.

อนุปพฺพชฺชนฺติ อริเยสุ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ฆรา นิกฺขมฺม เตสํ สนฺติเก ปพฺพชฺชํ. อริเยสุ หิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา เตสํเยว สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา เตสํเยว โอวาทานุสาสนึ ปจฺจาสีสมานสฺส จรโตปิ ปพฺพชฺชา อนุปพฺพชฺชา นาม, อฺเสํ สนฺติเก โอวาทานุสาสนึ ปจฺจาสีสมานสฺส จรโตปิ ปพฺพชฺชา อนุปพฺพชฺชา นาม, อริเยสุ ปสาเทน อฺตฺถ ปพฺพชิตฺวา อริยานํ สนฺติเก โอวาทานุสาสนึ ปจฺจาสีสมานสฺส จรโตปิ ปพฺพชฺชา อนุปพฺพชฺชาว. อฺเสุ ปน ปสาเทน อฺเสํเยว สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อฺเสํเยว โอวาทานุสาสนึ ปจฺจาสีสมานสฺส จรโต ปพฺพชฺชา อนุปพฺพชฺชา นาม น โหติ. วุตฺตนเยน ปพฺพชิเตสุ ปน มหากสฺสปตฺเถรสฺส ตาว อนุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา สตสหสฺสมตฺตา อเหสุํ, ตถา เถรสฺเสว สทฺธิวิหาริกสฺส จนฺทคุตฺตตฺเถรสฺส, ตสฺสาปิ สทฺธิวิหาริกสฺส สูริยคุตฺตตฺเถรสฺส, ตสฺสาปิ สทฺธิวิหาริกสฺส อสฺสคุตฺตตฺเถรสฺส, ตสฺสาปิ สทฺธิวิหาริกสฺส โยนกธมฺมรกฺขิตตฺเถรสฺส. ตสฺส ปน สทฺธิวิหาริโก อโสกรฺโ กนิฏฺภาตา ติสฺสตฺเถโร นาม อโหสิ. ตสฺส อนุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา อฑฺฒเตยฺยโกฏิสงฺขา อเหสุํ. ทีปปฺปสาทกมหามหินฺทตฺเถรสฺส ปน อนุปพฺพชิตานํ คณนปริจฺเฉโท นตฺถิ. ยาวชฺชทิวสา ลงฺกาทีเป สตฺถริ ปสาเทน ปพฺพชนฺตา มหามหินฺทตฺเถรสฺเสว อนุปพฺพชฺชนฺติ นาม.

อิทานิ เยน การเณน เตสํ อริยานํ ทสฺสนาทิ พหูปการนฺติ วุตฺตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถารูเป’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตถารูเปติ ตาทิเส สีลาทิคุณสมฺปนฺเน อริเย. ยสฺมา ทสฺสนสวนานุสฺสรณานิ อุปสงฺกมนปยิรุปาสนฏฺานานิ, ตสฺมา ตานิ อนามสิตฺวา อุปสงฺกมนปยิรุปาสนานิเยว ทสฺเสตุํ ‘‘เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต’’ติ วุตฺตํ . ทสฺสนสวนานุสฺสรณโต หิ อริเยสุ อุปฺปนฺนสทฺโธ เต อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ลทฺธสวนานุตฺตริโย อปริปูเร สีลาทิคุเณ ปริปูเรสฺสตีติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๑๘๓).

ตตฺถ เสวโตติ วตฺตปฏิวตฺตกรณวเสน กาเลน กาลํ อุปสงฺกมโต. ภชโตติ สมฺปิยายนภตฺติวเสน ภชโต. ปยิรุปาสโตติ ปฺหปุจฺฉเนน ปฏิปตฺติอนุกรเณน จ ปยิรุปาสโตติ ติณฺณํ ปทานํ อตฺถวิภาโค ทีเปตพฺโพ. วิมุตฺติาณทสฺสนสฺส ปาริปูริ เอกูนวีสติมสฺส ปจฺจเวกฺขณาณสฺส อุปฺปตฺติยา เวทิตพฺพา.

เอวรูปาจ เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขูติอาทีสุ เย ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคเมน เอวรูปา เอทิสา ภินฺนสพฺพกิเลสา ภิกฺขู, เต ทิฏฺธมฺมิกาทิหิเตสุ สตฺตานํ นิโยชนวเสน อนุสาสนโต สตฺถาโรติปิ วุจฺจนฺติ. ชาติกนฺตาราทินิตฺถรณโต สตฺถวาหาติปิ, ราคาทิรณานํ ชหนโต ชหาปนโต จ รณฺชหาติปิ, อวิชฺชาตมสฺส วิโนทนโต วิโนทาปนโต จ ตโมนุทาติปิ, สปรสนฺตาเนสุ ปฺาอาโลกปฺาโอภาสปฺาปชฺโชตานํ กรเณน นิพฺพตฺตเนน อาโลกาทิกราติปิ, ตถา าณุกฺกาาณปฺปภาธมฺมุกฺกาธมฺมปฺปภานํ ธารเณน กรเณน จ อุกฺกาธาราติปิ, ปภงฺกราติปิ, อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต ปเรสํ ตถาภาวเหตุภาวโต, สเทวเกน โลเกน อรณียโต อริยาติปิ, ปฺาจกฺขุธมฺมจกฺขูนํ สาติสยปฏิลาเภน จกฺขุมนฺโตติปิ วุจฺจนฺติ.

คาถาสุ ปาโมชฺชกรณํ านนฺติ นิรามิสสฺส ปโมทสฺส นิพฺพตฺตกํ านํ การณํ. เอตนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพนิทสฺสนํ สนฺธาย วทติ. วิชานตนฺติ สํกิเลสโวทาเน ยาถาวโต ชานนฺตานํ. ภาวิตตฺตานนฺติ ภาวิตสภาวานํ, กายภาวนาทีหิ ภาวิตสนฺตานานนฺติ อตฺโถ. ธมฺมชีวินนฺติ มิจฺฉาชีวํ ปหาย ธมฺเมน าเยน ชีวิกกปฺปนโต, ธมฺเมน วา าเยน อตฺตภาวสฺส ปวตฺตนโต, สมาปตฺติพหุลตาย วา อคฺคผลธมฺเมน ชีวนโต ธมฺมชีวินํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยทิทํ ภาวิตตฺตานํ ปรินิฏฺิตสมาธิปฺาภาวนานํ ตโต เอว ธมฺมชีวินํ อริยานํ ทสฺสนํ . เอตํ อวิปฺปฏิสารนิมิตฺตานํ สีลาทีนํ ปาริปูริเหตุภาวโต วิชานตํ สปฺปฺชาติกานํ เอกนฺเตเนว ปีติปาโมชฺชการณนฺติ.

อิทานิ ตํ ตสฺส การณภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘เต โชตยนฺตี’’ติ โอสานคาถาทฺวยมาห. ตตฺถ เตติ เต ภาวิตตฺตา ธมฺมชีวิโน อริยา. โชตยนฺตีติ ปกาสยนฺติ. ภาสยนฺตีติ สทฺธมฺโมภาเสน โลกํ ปภาสยนฺติ, ธมฺมํ เทเสนฺตีติ อตฺโถ. เยสนฺติ เยสํ อริยานํ. สาสนนฺติ โอวาทํ. สมฺมทฺายาติ ปุพฺพภาคาเณหิ สมฺมเทว ชานิตฺวา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ตณฺหุปฺปาทสุตฺตวณฺณนา

๑๐๕. ฉฏฺเ ตณฺหุปฺปาทาติ เอตฺถ อุปฺปชฺชติ เอเตสูติ อุปฺปาทา. กา อุปฺปชฺชติ? ตณฺหา. ตณฺหาย อุปฺปาทา ตณฺหุปฺปาทา, ตณฺหาวตฺถูนิ ตณฺหาการณานีติ อตฺโถ. ยตฺถาติ เยสุ นิมิตฺตภูเตสุ . อุปฺปชฺชมานาติ อุปฺปชฺชนสีลา. จีวรเหตูติ ‘‘กตฺถ มนาปํ จีวรํ ลภิสฺสามี’’ติ จีวรการณา อุปฺปชฺชติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อิติภวาภวเหตูติ เอตฺถ ปน อิตีติ นิทสฺสนตฺเถ นิปาโต. ยถา จีวราทิเหตุ, เอวํ ภวาภวเหตุปีติ อตฺโถ. ภวาภวาติ เจตฺถ ปณีตปฺปณีตานิ สปฺปินวนีตาทีนิ อธิปฺเปตานิ ภวติ อาโรคฺยํ เอเตนาติ กตฺวา. ‘‘สมฺปตฺติภเวสุ ปณีตปฺปณีตตโร ภวาภโว’’ติปิ วทนฺติ. ภโวติ วา สมฺปตฺติ, อภโวติ วิปตฺติ. ภโวติ วุฑฺฒิ, อภโวติ หานิ. ตํ นิมิตฺตฺจ ตณฺหา อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ ‘‘ภวาภวเหตุ วา’’ติ.

คาถา เหฏฺา วุตฺตตฺถา เอว. อปิจ ตณฺหาทุติโยติ ตณฺหาสหาโย. อยฺหิ สตฺโต อนมตคฺเค สํสารวฏฺเฏ สํสรนฺโต น เอกโกว สํสรติ, ตณฺหํ ปน ทุติยิกํ สหายิกํ ลภิตฺวาว สํสรติ. ตถา หิ ตํ ปปาตปาตํ อจินฺเตตฺวา มธุคณฺหนกลุทฺทกํ วิย อเนกาทีนวากุเลสุปิ ภเวสุ อานิสํสเมว ทสฺเสนฺตี อนตฺถชาเล สา ปริพฺภมาเปติ. เอตมาทีนวํ ตฺวาติ เอตํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ ขนฺเธสุ อิตฺถภาวฺถาภาวสฺิตํ อาทีนวํ ชานิตฺวา. ตณฺหํ ทุกฺขสฺส สมฺภวนฺติ ‘‘ตณฺหา จายํ วฏฺฏทุกฺขสฺส สมฺภโว ปภโว การณ’’นฺติ ชานิตฺวา. เอตฺตาวตา จ เอกสฺส ภิกฺขุโน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตุปฺปตฺติ ทสฺสิตา. อิทานิ ตํ ขีณาสวํ โถเมนฺโต ‘‘วีตตณฺโห’’ติอาทิมาห. ยํ ปเนตฺถ อวุตฺตํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สพฺรหฺมกสุตฺตวณฺณนา

๑๐๖. สตฺตเม สพฺรหฺมกานีติ สเสฏฺกานิ. เยสนฺติ เยสํ กุลานํ. ปุตฺตานนฺติ ปุตฺเตหิ ปูชิตสทฺทโยเคน หิ อิทํ กรณตฺเถ สามิวจนํ. อชฺฌาคาเรติ สเก ฆเร. ปูชิตา โหนฺตีติ ยํ ฆเร อตฺถิ, เตน ปฏิชคฺคิตา มนาเปน เจว กายิกวาจสิเกน จ ปจฺจุปฏฺิตา โหนฺติ. อิติ มาตาปิตุปูชกานิ กุลานิ ‘‘สพฺรหฺมกานี’’ติ ปสํสิตฺวา อุปริปิ เนสํ ปสํสนียตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สปุพฺพเทวตานี’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ พฺรหฺมาติอาทีนิ เตสํ พฺรหฺมาทิภาวสาธนตฺถํ วุตฺตานิ. ตตฺรายมตฺถวิภาวนา – พฺรหฺมาติ เสฏฺาธิวจนํ. ยถา หิ พฺรหฺมุโน จตสฺโส ภาวนา อวิชหิตา โหนฺติ เมตฺตา, กรุณา, มุทิตา, อุเปกฺขาติ, เอวํ มาตาปิตูนํ ปุตฺเตสุ จตสฺโส ภาวนา อวิชหิตา โหนฺติ. ตา ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล เวทิตพฺพา – กุจฺฉิคตสฺมิฺหิ ทารเก ‘‘กทา น โข ปุตฺตกํ อโรคํ ปริปุณฺณงฺคปจฺจงฺคํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ มาตาปิตูนํ เมตฺตจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ยทา ปเนส มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก อูกาหิ วา มงฺกุเลหิ วา ทฏฺโ ทุกฺขเสยฺยาย วา ปีฬิโต ปโรทติ วิรวติ, ตทาสฺส สทฺทํ สุตฺวา มาตาปิตูนํ การุฺํ อุปฺปชฺชติ. อาธาวิตฺวา วิธาวิตฺวา กีฬนกาเล ปน โลภนียวยสฺมึ วา ิตกาเล ทารกํ โอโลเกตฺวา มาตาปิตูนํ จิตฺตํ สปฺปิมณฺเฑ ปกฺขิตฺตสตวิหตกปฺปาสปิจุปฏลํ วิย มุทุกํ อาโมทิตํ ปโมทิตํ, ตทา เนสํ มุทิตา ลพฺภติ. ยทา ปน เตสํ ปุตฺโต ทารภรณํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ปาฏิเยกฺกํ อคารํ อชฺฌาวสติ, ตทา มาตาปิตูนํ ‘‘สกฺโกติ ทานิ โน ปุตฺตโก อตฺตโน ธมฺมตาย ชีวิตุ’’นฺติ มชฺฌตฺตภาโว อุปฺปชฺชติ. เอวํ ตสฺมึ กาเล อุเปกฺขา ลพฺภติ. เอวํ มาตาปิตูนํ ปุตฺเตสุ ยถากาลํ จตุพฺพิธสฺสปิ พฺรหฺมวิหารสฺส ลพฺภนโต พฺรหฺมสทิสวุตฺติตาย วุตฺตํ ‘‘พฺรหฺมาติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจน’’นฺติ.

ปุพฺพเทวตาติ เอตฺถ เทวา นาม ติวิธา – สมฺมุติเทวา, อุปปตฺติเทวา, วิสุทฺธิเทวาติ. เตสุ สมฺมุติเทวา นาม ราชาโน ขตฺติยา. เต หิ ‘‘เทโว, เทวี’’ติ โลเก โวหรียนฺติ, เทวา วิย โลกสฺส นิคฺคหานุคฺคหสมตฺถา จ โหนฺติ. อุปปตฺติเทวา นาม จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย ยาว ภวคฺคา อุปฺปนฺนา สตฺตา. วิสุทฺธิเทวา นาม ขีณาสวา สพฺพกิเลสวิสุทฺธิโต. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – ทิพฺพนฺติ, กีฬนฺติ, ลฬนฺติ, โชตนฺติ ปฏิปกฺขํ ชยนฺติ วาติ เทวา. เตสุ สพฺพเสฏฺา วิสุทฺธิเทวา. ยถา เต พาลชเนหิ กตํ อปราธํ อคเณตฺวา เอกนฺเตเนว เตสํ อนตฺถหานึ อตฺถุปฺปตฺติฺจ อากงฺขนฺตาว ยถาวุตฺตพฺรหฺมวิหารโยเคน อตฺถาย หิตาย สุขาย ปฏิปชฺชนฺติ, ทกฺขิเณยฺยตาย จ เตสํ การานํ มหปฺผลตํ มหานิสํสตฺจ อาวหนฺติ; เอวเมว มาตาปิตโรปิ ปุตฺตานํ อปราธํ อคเณตฺวา เอกนฺเตเนว เตสํ อนตฺถหานึ อตฺถุปฺปตฺติฺจ อากงฺขนฺตา วุตฺตนเยเนว จตุพฺพิธสฺสปิ พฺรหฺมวิหารสฺส ลพฺภนโต อตฺถาย หิตาย สุขาย ปฏิปชฺชนฺตา ปรมทกฺขิเณยฺยา หุตฺวา อตฺตนิ กตานํ การานํ มหปฺผลตํ มหานิสํสตฺจ อาวหนฺติ. สพฺพเทเวหิ จ ปมํ เตสํ อุปการวนฺตตาย เต อาทิโตเยว เทวา. เตสฺหิ วเสน เต ปมํ อฺเ เทเว ‘‘เทวา’’ติ ชานนฺติ อาราเธนฺติ ปยิรุปาสนฺติ, อาราธนวิธึ ตฺวา ตถา ปฏิปชฺชนฺตา ตสฺสา ปฏิปตฺติยา ผลํ อธิคจฺฉนฺติ, ตสฺมา เต ปจฺฉาเทวา นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพเทวตาติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจน’’นฺติ.

ปุพฺพาจริยาติ ปมอาจริยา. มาตาปิตโร หิ ปุตฺเต สิกฺขาเปนฺตา อติตรุณกาลโต ปฏฺาย ‘‘เอวํ นิสีท, เอวํ คจฺฉ, เอวํ ติฏฺ, เอวํ สย, เอวํ ขาท, เอวํ ภุฺช, อยํ เต ‘ตาตา’ติ วตฺตพฺโพ, อยํ ‘ภาติกา’ติ, อยํ ‘ภคินี’ติ, อิทํ นาม กาตุํ วฏฺฏติ, อิทํ น วฏฺฏติ, อสุกํ นาม อุปสงฺกมิตุํ วฏฺฏติ, อสุกํ นาม น วฏฺฏตี’’ติ คาเหนฺติ สิกฺขาเปนฺติ. อปรภาเค อฺเ อาจริยาปิ สิปฺปํ มุทฺทํ คณนนฺติ เอวมาทึ สิกฺขาเปนฺติ, อฺเ สรณานิ เทนฺติ, สีเลสุ ปติฏฺาเปนฺติ, ปพฺพาเชนฺติ , ธมฺมํ อุคฺคณฺหาเปนฺติ, อุปสมฺปาเทนฺติ, โสตาปตฺติมคฺคาทีนิ ปาเปนฺติ. อิติ สพฺเพปิ เต ปจฺฉาอาจริยา นาม. มาตาปิตโร ปน สพฺพปมํ. เตนาห ‘‘ปุพฺพาจริยาติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจน’’นฺติ.

อาหุเนยฺยาติ อาเนตฺวา หุนิตพฺพนฺติ อาหุนํ, ทูรโตปิ อาเนตฺวา ผลวิเสสํ อากงฺขนฺเตน คุณวนฺเตสุ ทาตพฺพานํ อนฺนปานวตฺถจฺฉาทนาทีนํ เอตํ นามํ, อุปการเขตฺตตาย ตํ อาหุนํ อรหนฺตีติ อาหุเนยฺยา. เตน วุตฺตํ ‘‘อาหุเนยฺยาติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจน’’นฺติ.

อิทานิ เตสํ พฺรหฺมาทิภาเว การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ? พหุการา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ กิสฺส เหตูติ ตํ มาตาปิตูนํ พฺรหฺมาทิอธิวจนํ เกน การเณนาติ เจติ อตฺโถ. พหุการาติ พหูปการา. อาปาทกาติ ชีวิตสฺส อาปาทกา, ปาลกา. ปุตฺตานฺหิ มาตาปิตูหิ ชีวิตํ อาปาทิตํ ปาลิตํ ฆฏิตํ อนุปฺปพนฺเธน ปวตฺติตํ สมฺปาทิตํ. โปสกาติ หตฺถปาเท วฑฺเฒตฺวา หทยโลหิตํ ปาเยตฺวา โปเสตาโร. อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโรติ ปุตฺตานํ อิมสฺมึ โลเก อิฏฺานิฏฺารมฺมณทสฺสนํ นาม มาตาปิตโร นิสฺสาย ชาตนฺติ เต เนสํ อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโร นาม. อิติ เตสํ พหุการตฺตํ พฺรหฺมาทิภาวสฺส การณํ ทสฺสิตํ, เยน ปุตฺโต มาตาปิตูนํ โลกิเยน อุปกาเรน เกนจิ ปริยาเยน ปริยนฺตํ ปฏิการํ กาตุํ น สมตฺโถเยว. สเจ หิ ปุตฺโต ‘‘มาตาปิตูนํ อุปการสฺส ปจฺจุปการํ กริสฺสามี’’ติ อุฏฺาย สมุฏฺาย วายมนฺโต ทกฺขิเณ อํสกูเฏ มาตรํ, อิตรสฺมึ ปิตรํ เปตฺวา วสฺสสตายุโก สกลํ วสฺสสตมฺปิ ปริหเรยฺย จตูหิ ปจฺจเยหิ อุจฺฉาทนปริมทฺทนนฺหาปนสมฺพาหนาทีหิ จ ยถารุจิ อุปฏฺหนฺโต เตสํ มุตฺตกรีสมฺปิ อชิคุจฺฉนฺโต, น เอตฺตาวตา ปุตฺเตน มาตาปิตูนํ ปฏิกาโร กโต โหติ อฺตฺร สทฺธาทิคุณวิเสเส ปติฏฺาปนา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘ทฺวินฺนาหํ, ภิกฺขเว, น สุปฺปฏิการํ วทามิ. กตเมสํ ทฺวินฺนํ? มาตุ จ ปิตุ จ. เอเกน, ภิกฺขเว, อํเสน มาตรํ ปริหเรยฺย, เอเกน อํเสน ปิตรํ ปริหเรยฺย วสฺสสตายุโก วสฺสสตชีวี, โส จ เนสํ อุจฺฉาทนปริมทฺทนนฺหาปนสมฺพาหเนน, เต จ ตตฺเถว มุตฺตกรีสํ จเชยฺยุํ, น ตฺเวว, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ กตํ วา โหติ ปฏิกตํ วา . อิมิสฺสา จ, ภิกฺขเว, มหาปถวิยา ปหูตรตฺตรตนาย มาตาปิตโร อิสฺสริยาธิปจฺเจ รชฺเช ปติฏฺาเปยฺย, น ตฺเวว, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ กตํ วา โหติ ปฏิกตํ วา. ตํ กิสฺส เหตุ? พหุการา, ภิกฺขเว, มาตาปิตโร ปุตฺตานํ อาปาทกา โปสกา อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโร.

‘‘โย จ โข, ภิกฺขเว, มาตาปิตโร อสฺสทฺเธ สทฺธาสมฺปทาย สมาทเปติ นิเวเสติ ปติฏฺาเปติ. ทุสฺสีเล สีลสมฺปทาย, มจฺฉริโน จาคสมฺปทาย, ทุปฺปฺเ ปฺาสมฺปทาย สมาทเปติ นิเวเสติ ปติฏฺาเปติ. เอตฺตาวตา โข, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ กตฺจ โหติ ปฏิกตฺจา’’ติ (อ. นิ. ๒.๓๔).

ตถา –

‘‘มาตาปิตุอุปฏฺานํ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห’’ติ; (ขุ. ปา. ๕.๖);

‘‘มาตาปิตุอุปฏฺานํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตปฺตฺต’’นฺติ จ –

เอวมาทีนิ มาตาปิตูนํ ปุตฺตสฺส พหูปการภาวสาธกานิ สุตฺตานิ ทฏฺพฺพานิ.

คาถาสุ วุจฺจเรติ วุจฺจนฺติ กถียนฺติ. ปชาย อนุกมฺปกาติ ปเรสํ ปาณํ ฉินฺทิตฺวาปิ อตฺตโน สนฺตกํ ยํกิฺจิ จชิตฺวาปิ อตฺตโน ปชํ ปฏิชคฺคนฺติ โคปยนฺติ, ตสฺมา ปชาย อตฺตโน ปุตฺตานํ อนุกมฺปกา อนุคฺคาหกา.

นมสฺเสยฺยาติ สายํ ปาตํ อุปฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘อิทํ มยฺหํ อุตฺตมํ ปุฺกฺเขตฺต’’นฺติ นมกฺการํ กเรยฺย. สกฺกเรยฺยาติ สกฺกาเรน ปฏิมาเนยฺย. อิทานิ ตํ สกฺการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนฺเนนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนฺเนนาติ ยาคุภตฺตขาทนีเยน. ปาเนนาติ อฏฺวิธปาเนน. วตฺเถนาติ นิวาสนปารุปเนน. สยเนนาติ มฺจปีภิสิพิมฺโพหนาทินา สยเนน. อุจฺฉาทเนนาติ ทุคฺคนฺธํ ปฏิวิโนเทตฺวา สุคนฺธกรณุจฺฉาทเนน. นฺหาเนนาติ สีตกาเล อุณฺโหทเกน, อุณฺหกาเล สีโตทเกน คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา นฺหาปเนน. ปาทานํ โธวเนน จาติ อุณฺโหทกสีโตทเกหิ ปาทโธวเนน เจว เตลมกฺขเนน จ.

ตายนํ ปาริจริยายาติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, ยถาวุตฺตปริจรเณน. อถ วา ปาริจริยายาติ ภรณกิจฺจกรณกุลวํสปติฏฺาปนาทินา ปฺจวิธอุปฏฺาเนน. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ปฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺาตพฺพา ‘ภโต เน ภริสฺสามิ, กิจฺจํ เนสํ กริสฺสามิ, กุลวํสํ เปสฺสามิ, ทายชฺชํ ปฏิปชฺชิสฺสามิ. อถ วา ปน เนสํ เปตานํ กาลกตานํ ทกฺขิณมนุปฺปทสฺสามี’ติ. อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺิตา ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺตํ อนุกมฺปนฺติ – ปาปา นิวาเรนฺติ, กลฺยาเณ นิเวเสนฺติ, สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺติ, ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชนฺติ, สมเย ทายชฺชํ นิยฺยาเทนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๗).

อปิจ โย มาตาปิตโร ตีสุ วตฺถูสุ อภิปฺปสนฺเน กตฺวา สีเลสุ วา ปติฏฺาเปตฺวา ปพฺพชฺชาย วา นิโยเชตฺวา อุปฏฺหติ, อยํ มาตาปิตุอุปฏฺากานํ อคฺโคติ เวทิตพฺโพ. สา ปนายํ ปาริจริยา ปุตฺตสฺส อุภยโลกหิตสุขาวหาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ อาห. ตตฺถ อิธาติ อิมสฺมึ โลเก. มาตาปิตุอุปฏฺากฺหิ ปุคฺคลํ ปณฺฑิตมนุสฺสา ตตฺถ ปาริจริยาย ปสํสนฺติ วณฺเณนฺติ โถเมนฺติ, ตสฺส จ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺตา สยมฺปิ อตฺตโน มาตาปิตูสุ ตถา ปฏิปชฺชิตฺวา มหนฺตํ ปุฺํ ปสวนฺติ. เปจฺจาติ ปรโลกํ คนฺตฺวา สคฺเค ิโต มาตาปิตุปฏฺาโก ทิพฺพสมฺปตฺตีหิ โมทติ ปโมทติ อภินนฺทตีติ.

สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. พหุการสุตฺตวณฺณนา

๑๐๗. อฏฺเม พฺราหฺมณคหปติกาติ พฺราหฺมณา เจว คหปติกา จ. เปตฺวา พฺราหฺมเณ เย เกจิ อคารํ อชฺฌาวสนฺตา อิธ คหปติกาติ เวทิตพฺพา . เยติ อนิยมโต นิทฺทิฏฺปรามสนํ. โวติ อุปโยคพหุวจนํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ พหูปการา พฺราหฺมณคหปติกา, เย พฺราหฺมณา เจว เสสอคาริกา จ ‘‘ตุมฺเห เอว อมฺหากํ ปุฺกฺเขตฺตํ, ยตฺถ มยํ อุทฺธคฺคิกํ ทกฺขิณํ ปติฏฺาเปม โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิก’’นฺติ จีวราทีหิ ปจฺจเยหิ ปติอุปฏฺิตาติ.

เอวํ ‘‘อามิสทาเนน อามิสสํวิภาเคน อามิสานุคฺคเหน คหฏฺา ภิกฺขูนํ อุปการวนฺโต’’ติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ธมฺมทาเนน ธมฺมสํวิภาเคน ธมฺมานุคฺคเหน ภิกฺขูนมฺปิ เตสํ อุปการวนฺตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตุมฺเหปิ, ภิกฺขเว,’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ วุตฺตนยเมว.

อิมินา กึ กถิตํ? ปิณฺฑาปจายนํ นาม กถิตํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ภิกฺขเว, ยสฺมา อิเม พฺราหฺมณคหปติกา เนว ตุมฺหากํ าตกา, น มิตฺตา, น อิณํ วา ธาเรนฺติ, อถ โข ‘‘อิเม สมณา สมฺมคฺคตา สมฺมา ปฏิปนฺนา, เอตฺถ โน การา มหปฺผลา ภวิสฺสนฺติ มหานิสํสา’’ติ ผลวิเสสํ อากงฺขนฺตา ตุมฺเห จีวราทีหิ อุปฏฺหนฺติ. ตสฺมา ตํ เตสํ อธิปฺปายํ ปริปูเรนฺตา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ, ธมฺมเทสนาปิ โว การกานํเยว โสภติ, อาเทยฺยา จ โหติ, น อิตเรสนฺติ เอวํ สมฺมาปฏิปตฺติยํ อปฺปมาโท กรณีโยติ.

เอวมิทํ, ภิกฺขเวติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, เอวํ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน คหฏฺปพฺพชิเตหิ อามิสทานธมฺมทานวเสน อฺมฺํ สนฺนิสฺสาย กามาทิวเสน จตุพฺพิธสฺสปิ โอฆสฺส นิตฺถรณตฺถาย สกลสฺสปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส สมฺมเทว ปริโยสานกรณาย อุโปสถสีลนิยมาทิวเสน จตุปาริสุทฺธิสีลาทิวเสน วา อิทํ สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยฺจ วุสฺสติ จรียตีติ.

คาถาสุ สาคาราติ คหฏฺา. อนคาราติ ปริจฺจตฺตอคารา ปพฺพชิตา. อุโภ อฺโฺนิสฺสิตาติ เต อุโภปิ อฺมฺสนฺนิสฺสิตา. สาคารา หิ อนคารานํ ธมฺมทานสนฺนิสฺสิตา, อนคารา จ สาคารานํ ปจฺจยทานสนฺนิสฺสิตา. อาราธยนฺตีติ สาเธนฺติ สมฺปาเทนฺติ. สทฺธมฺมนฺติ ปฏิปตฺติสทฺธมฺมํ ปฏิเวธสทฺธมฺมฺจ. ตตฺถ ยํ อุตฺตมํ, ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โยคกฺเขมํอนุตฺตร’’นฺติ อรหตฺตํ นิพฺพานฺจ. สาคาเรสูติ สาคาเรหิ, นิสฺสกฺเก อิทํ ภุมฺมวจนํ, สาคารานํ วา สนฺติเก. ปจฺจยนฺติ วุตฺตาวเสสํ ทุวิธํ ปจฺจยํ ปิณฺฑปาตํ เภสชฺชฺจ. ปริสฺสยวิโนทนนฺติ อุตุปริสฺสยาทิปริสฺสยหรณํ วิหาราทิอาวสถํ. สุคตนฺติ สมฺมา ปฏิปนฺนํ กลฺยาณปุถุชฺชเนน สทฺธึ อฏฺวิธํ อริยปุคฺคลํ. สาวโก หิ อิธ สุคโตติ อธิปฺเปโต. ฆรเมสิโนติ ฆรํ เอสิโน, เคเห ตฺวา ฆราวาสํ วสนฺตา โภคูปกรณานิ เจว คหฏฺสีลาทีนิ จ เอสนสีลาติ อตฺโถ. สทฺทหาโน อรหตนฺติ อรหนฺตานํ อริยานํ วจนํ, เตสํ วา สมฺมาปฏิปตฺตึ สทฺทหนฺตา. ‘‘อทฺธา อิเม สมฺมา ปฏิปนฺนา, ยถา อิเม กเถนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชนฺตานํ สา ปฏิปตฺติ สคฺคโมกฺขสมฺปตฺติยา สํวตฺตตี’’ติ อภิสทฺทหนฺตาติ อตฺโถ. ‘‘สทฺทหนฺตา’’ติปิ ปาโ. อริยปฺายาติ สุวิสุทฺธปฺาย. ฌายิโนติ อารมฺมณลกฺขณูปนิชฺฌานวเสน ทุวิเธนปิ ฌาเนน ฌายิโน.

อิธ ธมฺมํ จริตฺวานาติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว, อิมสฺมึ วา สาสเน โลกิยโลกุตฺตรสุขสฺส มคฺคภูตํ สีลาทิธมฺมํ ปฏิปชฺชิตฺวา ยาว ปรินิพฺพานํ น ปาปุณนฺติ, ตาวเทว สุคติคามิโน. นนฺทิโนติ ปีติโสมนสฺสโยเคน นนฺทนสีลา. เกจิ ปน ‘‘ธมฺมํ จริตฺวาน มคฺคนฺติ โสตาปตฺติมคฺคํ ปาปุณิตฺวา’’ติ วทนฺติ. เทวโลกสฺมินฺติ ฉพฺพิเธปิ กามาวจรเทวโลเก. โมทนฺติ กามกามิโนติ ยถิจฺฉิตวตฺถุนิปฺผตฺติโต กามกามิโน กามวนฺโต หุตฺวา ปโมทนฺตีติ.

อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. กุหสุตฺตวณฺณนา

๑๐๘. นวเม กุหาติ สามนฺตชปฺปนาทินา กุหนวตฺถุนา กุหกา, อสนฺตคุณสมฺภาวนิจฺฉาย โกหฺํ กตฺวา ปเรสํ วิมฺหาปกาติ อตฺโถ. ถทฺธาติ โกเธน จ มาเนน จ ถทฺธมานสา. ‘‘โกธโน โหติ อุปายาสพหุโล, อปฺปมฺปิ วุตฺโต สมาโน อภิสชฺชติ กุปฺปติ พฺยาปชฺชติ ปติตฺถียตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๒๕; ปุ. ป. ๑๐๑) เอวํ วุตฺเตน โกเธน จ, ‘‘ทุพฺพโจ โหติ โทวจสฺสกรเณหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อกฺขโม อปฺปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนิ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๘๑) เอวํ วุตฺเตน โทวจสฺเสน จ, ‘‘ชาติมโท, โคตฺตมโท, สิปฺปมโท, อาโรคฺยมโท, โยพฺพนมโท, ชีวิตมโท’’ติ (วิภ. ๘๓๒) เอวํ วุตฺเตน ชาติมทาทิเภเทน มเทน จ ครุกาตพฺเพสุ ครูสุ ปรมนิปจฺจการํ อกตฺวา อโยสลากํ คิลิตฺวา ิตา วิย อโนนตา หุตฺวา วิจรณกา. ลปาติ อุปลาปกา มิจฺฉาชีววเสน กุลสงฺคาหกา ปจฺจยตฺถํ ปยุตฺตวาจาวเสน นิปฺเปสิกตาวเสน จ ลปกาติ วา อตฺโถ.

สิงฺคีติ ‘‘ตตฺถ กตมํ สิงฺคํ? ยํ สิงฺคํ สิงฺคารตา จาตุรตา จาตุริยํ ปริกฺขตฺตตา ปาริกฺขตฺติย’’นฺติ (วิภ. ๘๕๒) เอวํ วุตฺเตหิ สิงฺคสทิเสหิ ปากฏกิเลเสหิ สมนฺนาคตา. อุนฺนฬาติ อุคฺคตนฬา, นฬสทิสํ ตุจฺฉมานํ อุกฺขิปิตฺวา วิจรณกา. อสมาหิตาติ จิตฺเตกคฺคตามตฺตสฺสาปิ อลาภิโน. น เม เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มามกาติ เต มยฺหํ ภิกฺขู มม สนฺตกา น โหนฺติ. เมติ อิทํ ปทํ อตฺตานํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตตฺตา ภควตา วุตฺตํ. ยสฺมา ปน เต กุหนาทิโยคโต น สมฺมา ปฏิปนฺนา, ตสฺมา ‘‘น มามกา’’ติ วุตฺตา. อปคตาติ ยทิปิ เต มม สาสเน ปพฺพชิตา, ยถานุสิฏฺํ ปน อปฺปฏิปชฺชนโต อปคตา เอว อิมสฺมา ธมฺมวินยา, อิโต เต สุวิทูรวิทูเร ิตาติ ทสฺเสติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘นภฺจ ทูเร ปถวี จ ทูเร,

ปารํ สมุทฺทสฺส ตทาหุ ทูเร;

ตโต หเว ทูรตรํ วทนฺติ,

สตฺจ ธมฺมํ อสตฺจ ราชา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๔๗; ชา. ๒.๒๑.๔๑๔);

วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺตีติ สีลาทิคุเณหิ วฑฺฒนวเสน วุทฺธึ, ตตฺถ นิจฺจลภาเวน วิรูฬฺหึ, สพฺพตฺถ ปตฺถฏภาเวน สีลาทิธมฺมกฺขนฺธปาริปูริยา เวปุลฺลํ. น จ เต กุหาทิสภาวา ภิกฺขู อาปชฺชนฺติ, น จ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ. เต โข เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มามกาติ อิธาปิ เมติ อตฺตานํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตตฺตา วทติ, สมฺมา ปฏิปนฺนตฺตา ปน ‘‘มามกา’’ติ อาห. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ยาว อรหตฺตมคฺคา วิรูหนฺติ นาม, อรหตฺตผเล ปน สมฺปตฺเต วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปนฺนา นาม. คาถา สุวิฺเยฺยา เอว.

นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. นทีโสตสุตฺตวณฺณนา

๑๐๙. ทสเม เสยฺยถาปีติ โอปมฺมทสฺสนตฺเถ นิปาโต, ยถา นามาติ อตฺโถ. นทิยา โสเตน โอวุยฺเหยฺยาติ สีฆโสตาย หารหารินิยา นทิยา อุทกเวเคน เหฏฺโต วุยฺเหยฺย อโธ หริเยถ. ปิยรูปสาตรูเปนาติ ปิยสภาเวน สาตสภาเวน จ การณภูเตน, ตสฺสํ นทิยํ ตสฺสา วา ปรตีเร มณิสุวณฺณาทิ อฺํ วา ปิยวตฺถุ วิตฺตูปกรณํ อตฺถิ, ตํ คเหสฺสามีติ นทิยํ ปติตฺวา โสเตน อวกฑฺเฒยฺย. กิฺจาปีติ อนุชานนอสมฺภาวนตฺเถ นิปาโต. กึ อนุชานาติ, กึ น สมฺภาเวติ? เตน ปุริเสน อธิปฺเปตสฺส ปิยวตฺถุสฺส ตตฺถ อตฺถิภาวํ อนุชานาติ, ตถาคมนํ ปน อาทีนววนฺตตาย น สมฺภาเวติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อมฺโภ, ปุริส , ยทิปิ ตยา อธิปฺเปตํ ปิยวตฺถุ ตตฺถ อุปลพฺภติ, เอวํ คมเน ปน อยมาทีนโว, ยํ ตฺวํ เหฏฺา รหทํ ปตฺวา มรณํ มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ ปาปุเณยฺยาสีติ.

อตฺถิ เจตฺถ เหฏฺา รหโทติ เอติสฺสา นทิยา เหฏฺา อนุโสตภาเค อติวิย คมฺภีรวิตฺถโต เอโก มหาสโร อตฺถิ. โส จ สมนฺตโต วาตาภิฆาตสมุฏฺิตาหิ มณิมยปพฺพตกูฏสนฺนิภาหิ มหตีหิ อูมีหิ วีจีหิ สอูมิ, วิสเมสุ ภูมิปฺปเทเสสุ สเวคํ อนุปกฺขนฺทนฺเตน อิมิสฺสา ตาว นทิยา มโหเฆน ตหึ ตหึ อาวฏฺฏมานวิปุลชลตาย พลวามุขสทิเสหิ สห อาวฏฺเฏหีติ สาวฏฺโฏ. ตํ รหทํ โอติณฺณสตฺเตเยว อตฺตโน นิพทฺธามิสโคจเร กตฺวา อชฺฌาวสนฺเตน อติวิย ภยานกทสฺสเนน โฆรเจตสา ทกรกฺขเสน สคโห สรกฺขโส, จณฺฑมจฺฉมกราทินา วา สคโห, ยถาวุตฺตรกฺขเสน สรกฺขโส.

นฺติ เอวํ สปฺปฏิภยํ ยํ รหทํ. อมฺโภ ปุริสาติ อาลปนํ. มรณํ วา นิคจฺฉสีติ ตาหิ วา อูมีหิ อชฺโฌตฺถโฏ, เตสุ วา อาวฏฺเฏสุ นิปติโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ อสกฺโกนฺโต เตสํ วา จณฺฑมจฺฉมกราทีนํ มุเข นิปติโต. ตสฺส วา ทกรกฺขสสฺส หตฺถํ คโต มรณํ วา คมิสฺสสิ, อถ วา ปน อายุเสเส สติ ตโต มุจฺจิตฺวา อปคจฺฉนฺโต เตหิ อูมิอาทีหิ ชนิตฆฏฺฏิตวเสน มรณมตฺตํ มรณปฺปมาณํ ทุกฺขํ นิคจฺฉสิ. ปฏิโสตํ วายเมยฺยาติ โส ปุพฺเพ อนุโสตํ วุยฺหมาโน ตสฺส ปุริสสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อนตฺโถ กิร เม อุปฏฺิโต, มจฺจุมุเข กิราหํ ปริวตฺตามี’’ติ อุปฺปนฺนพลวภโย สมฺภมนฺโต ทิคุณํ กตฺวา อุสฺสาหํ หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายเมยฺย ตเรยฺย, น จิเรเนว ตีรํ สมฺปาปุเณยฺย.

อตฺถสฺสวิฺาปนายาติ จตุสจฺจปฏิเวธานุกูลสฺส อตฺถสฺส สมฺโพธนาย อุปมา กตา. อยฺเจตฺถ อตฺโถติ อยเมว อิทานิ วุจฺจมาโน อิธ มยา อธิปฺเปโต อุปเมยฺยตฺโถ, ยสฺส วิฺาปนาย อุปมา อาหฏา.

ตณฺหาเยตํ อธิวจนนฺติ เอตฺถ จตูหิ อากาเรหิ ตณฺหาย โสตสทิสตา เวทิตพฺพา อนุกฺกมปริวุฑฺฒิโต อนุปฺปพนฺธโต โอสีทาปนโต ทุรุตฺตรณโต จ. ยถา หิ อุปริ มหาเมเฆ อภิปฺปวุฏฺเ อุทกํ ปพฺพตกนฺทรปทรสาขาโย ปูเรตฺวา ตโต ภสฺสิตฺวา กุสุพฺเภ ปูเรตฺวา ตโต ภสฺสิตฺวา กุนฺนทิโย ปูเรตฺวา ตโต มหานทิโย ปกฺขนฺทิตฺวา เอโกฆํ หุตฺวา ปวตฺตมานํ ‘‘นทีโสโต’’ติ วุจฺจติ, เอวเมว อชฺฌตฺติกพาหิราทิวเสน อเนกเภเทสุ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ โลโภ อุปฺปชฺชิตฺวา อนุกฺกเมน ปริวุฑฺฒึ คจฺฉนฺโต ‘‘ตณฺหาโสโต’’ติ วุจฺจติ, ยถา จ นทีโสโต อาคมนโต ยาว สมุทฺทปฺปตฺติ, ตาว สติ วิจฺเฉทปจฺจยาภาเว อวิจฺฉิชฺชมาโน อนุปฺปพนฺเธน ปวตฺตติ, เอวํ ตณฺหาโสโตปิ อาคมนโต ปฏฺาย อสติ วิจฺเฉทปจฺจเย อวิจฺฉิชฺชมาโน อปายสมุทฺทาภิมุโข อนุปฺปพนฺเธน ปวตฺตติ. ยถา ปน นทีโสโต ตทนฺโตคเธ สตฺเต โอสีทาเปติ, สีสํ อุกฺขิปิตุํ น เทติ, มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ ปาเปติ, เอวํ ตณฺหาโสโตปิ อตฺตโน โสตนฺโตคเต สตฺเต โอสีทาเปติ, ปฺาสีสํ อุกฺขิปิตุํ น เทติ, กุสลมูลจฺเฉทเนน สํกิเลสธมฺมสมาปชฺชเนน จ มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ ปาเปติ.

ยถา จ นทิยา โสโต มโหฆภาเวน ปวตฺตมาโน อุฬุมฺปํ วา นาวํ วา พนฺธิตุํ เนตุฺจ เฉกํ ปุริสํ นิสฺสาย ปรตีรํ คนฺตุํ อชฺฌาสยํ กตฺวา ตชฺชํ วายามํ กโรนฺเตน ตริตพฺโพ, น เยน วา เตน วาติ ทุรุตฺตโร, เอวํ ตณฺหาโสโตปิ กาโมฆภโวฆภูโต สีลสํวรํ ปูเรตุํ สมถวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กาตุํ ‘‘นิปเกน อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อชฺฌาสยํ สมุฏฺาเปตฺวา กลฺยาณมิตฺเต นิสฺสาย สมถวิปสฺสนานาวํ อภิรุหิตฺวา สมฺมาวายามํ กโรนฺเตน ตริตพฺโพ, น เยน วา เตน วาติ ทุรุตฺตโร. เอวํ อนุกฺกมปริวุฑฺฒิโต อนุปฺปพนฺธโต โอสีทาปนโต ทุรุตฺตรณโตติ จตูหิ อากาเรหิ ตณฺหาย นทีโสตสทิสตา เวทิตพฺพา.

ปิยรูปํสาตรูปนฺติ ปิยชาติกํ ปิยสภาวํ ปิยรูปํ, มธุรชาติกํ มธุรสภาวํ สาตรูปํ, อิฏฺสภาวนฺติ อตฺโถ. ฉนฺเนตนฺติ ฉนฺนํ เอตํ. อชฺฌตฺติกานนฺติ เอตฺถ ‘‘เอวํ มยํ อตฺตาติ คหณํ คมิสฺสามา’’ติ อิมินา วิย อธิปฺปาเยน อตฺตานํ อธิการํ กตฺวา ปวตฺตานีติ อชฺฌตฺติกานิ. ตตฺถ โคจรชฺฌตฺตํ, นิยกชฺฌตฺตํ, วิสยชฺฌตฺตํ, อชฺฌตฺตชฺฌตฺตนฺติ จตุพฺพิธํ อชฺฌตฺตํ. เตสุ ‘‘อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต’’ติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๓๖๒) วุตฺตํ อิทํ โคจรชฺฌตฺตํ นาม. ‘‘อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๒๘; ธ. ส. ๑๖๑) อาคตํ อิทํ นิยกชฺฌตฺตํ นาม. ‘‘สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อชฺฌตฺตํ สุฺตํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๘๗) เอวมาคตํ อิทํ วิสยชฺฌตฺตํ นาม. ‘‘อชฺฌตฺติกา ธมฺมา, พาหิรา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๒๐) เอตฺถ วุตฺตํ อชฺฌตฺตํ อชฺฌตฺตชฺฌตฺตํ นาม. อิธาปิ เอตเทว อธิปฺเปตํ, ตสฺมา อชฺฌตฺตานิเยว อชฺฌตฺติกานิ. อถ วา ยถาวุตฺเตเนว อตฺเถน ‘‘อชฺฌตฺตา ธมฺมา, พหิทฺธา ธมฺมา’’ติอาทีสุ วิย เตสุ อชฺฌตฺเตสุ ภวานิ อชฺฌตฺติกานิ, จกฺขาทีนิ. เตสํ อชฺฌตฺติกานํ.

อายตนานนฺติ เอตฺถ อายตนโต, อายานํ ตนนโต, อายตสฺส จ นยนโต อายตนานีติ . จกฺขาทีสุ หิ ตํตํทฺวารวตฺถุกา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา สเกน สเกน อนุภวนาทินา กิจฺเจน อายตนฺติ อุฏฺหนฺติ ฆฏนฺติ วายมนฺติ, เต จ อายภูเต ธมฺเม เอตานิ ตโนนฺติ วิตฺถาเรนฺติ , ยฺจ อนมตคฺเค สํสาเร ปวตฺตํ อติวิย อายตํ วฏฺฏทุกฺขํ, ตํ นยนฺติ ปวตฺเตนฺติ. อิติ สพฺพถาปิเม ธมฺมา อายตนโต, อายานํ ตนนโต, อายตสฺส จ นยนโต อายตนานีติ วุจฺจนฺติ. อปิจ นิวาสฏฺานฏฺเน, อากรฏฺเน, สโมสรณฏฺานฏฺเน, สฺชาติเทสฏฺเน, การณฏฺเน จ อายตนํ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ โลเก ‘‘อิสฺสรายตนํ เทวายตน’’นฺติอาทีสุ นิวาสฏฺานํ อายตนนฺติ วุจฺจติ. ‘‘สุวณฺณายตนํ รชตายตน’’นฺติอาทีสุ อากโร. สาสเน ปน ‘‘มโนรเม อายตเน, เสวนฺติ นํ วิหงฺคมา’’ติอาทีสุ สโมสรณฏฺานํ. ‘‘ทกฺขิณาปโถ คุนฺนํ อายตน’’นฺติอาทีสุ สฺชาติเทโส. ‘‘ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๕๘; อ. นิ. ๓.๑๐๒) การณํ อายตนนฺติ วุจฺจติ. จกฺขาทีสุ จ เต เต จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา นิวสนฺติ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ จกฺขาทโย เตสํ นิวาสฏฺานํ. ตตฺถ จ เต อากิณฺณา ตนฺนิสฺสิตตฺตาติ เต เนสํ อากโร, สโมสรณฏฺานฺจ ตตฺถ วตฺถุทฺวารภาเวน สโมสรณโต, สฺชาติเทโส จ ตนฺนิสฺสยภาเวน เตสํ ตตฺเถว อุปฺปตฺติโต, การณฺจ ตทภาเว เตสํ อภาวโตติ. อิติ นิวาสฏฺานฏฺเน, อากรฏฺเน, สโมสรณฏฺานฏฺเน, สฺชาติเทสฏฺเน, การณฏฺเนาติ อิเมหิ การเณหิ จกฺขาทีนิ อายตนานีติ วุจฺจนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉนฺเนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนาน’’นฺติ.

ยทิปิ รูปาทโยปิ ธมฺมา ‘‘รูปํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ ตณฺหาวตฺถุภาวโต ปิยรูปสาตรูปภาเวน วุตฺตา. จกฺขาทิเก ปน มุฺจิตฺวา อตฺตภาวปฺตฺติยา อภาวโต ‘‘มม จกฺขุ มม โสต’’นฺติอาทินา อธิกสิเนหวตฺถุภาเวน จกฺขาทโย สาติสยํ ปิยรูปํ สาตรูปนฺติ นิทฺเทสํ อรหนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปิยรูปํ สาตรูปนฺติ โข, ภิกฺขเว, ฉนฺเนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนานํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํ.

โอรมฺภาคิยานนฺติ เอตฺถ โอรํ วุจฺจติ กามธาตุ, ตปฺปริยาปนฺนา โอรมฺภาคา, ปจฺจยภาเวน เตสํ หิตาติ โอรมฺภาคิยา. ยสฺส สํวิชฺชนฺติ, ตํ ปุคฺคลํ วฏฺฏสฺมึ สํโยเชนฺติ พนฺธนฺตีติ สํโยชนานิ. สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสกามราคพฺยาปาทานํ เอตํ อธิวจนํ. เต หิ กามภวูปคานํ สงฺขารานํ ปจฺจยา หุตฺวา รูปารูปธาตุโต เหฏฺาภาเวน นิหีนภาเวน โอรมฺภาคภูเตน กามภเวน สตฺเต สํโยเชนฺติ. เอเตเนว เตสํ เหฏฺารหทสทิสตา ทีปิตาติ ทฏฺพฺพา. อูมิภยนฺติโข, ภิกฺขเว, โกธุปายาสสฺเสตํ อธิวจนนฺติ ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ, อูมิ เอว ภยนฺติ อูมิภยํ. กุชฺฌนฏฺเน โกโธ, สฺเวว จิตฺตสฺส สรีรสฺส จ อภิปฺปมทฺทนปเวธนุปฺปาทเนน ทฬฺหํ อายาสนฏฺเน อุปายาโส.

เอตฺถ จ อเนกวารํ ปวตฺติตฺวา อตฺตนา สมเวตํ สตฺตํ อชฺโฌตฺถริตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตุํ อทตฺวา อนยพฺยสนาปาทเนน โกธุปายาสสฺส อูมิสทิสตา ทฏฺพฺพา. ตถา กามคุณานํ กิเลสาภิภูเต สตฺเต อิโต จ เอตฺโต, เอตฺโต จ อิโตติ เอวํ มนาปิยรูปาทิวิสยสงฺขาเต อตฺตนิ สํสาเรตฺวา ยถา ตโต พหิภูเต เนกฺขมฺเม จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชติ เอวํ อาวฏฺเฏตฺวา พฺยสนาปาทเนน อาวฏฺฏสทิสตา ทฏฺพฺพา. ยถา ปน คหรกฺขโสปิ อารกฺขรหิตํ อตฺตโน โคจรภูมิคตํ ปุริสํ อภิภุยฺย คเหตฺวา อโคจเร ิตมฺปิ รกฺขสมายาย โคจรํ เนตฺวา เภรวรูปทสฺสนาทินา อวสํ อตฺตโน อุปการํ กาตุํ อสมตฺถํ กตฺวา อนฺวาวิสิตฺวา วณฺณพลโภคยสสุเขหิปิ วิโยเชนฺโต มหนฺตํ อนยพฺยสนํ อาปาเทติ, เอวํ มาตุคาโมปิ โยนิโสมนสิการรหิตํ อวีรปุริสํ อิตฺถิกุตฺตภูเตหิ อตฺตโน หาวภาววิลาเสหิ อภิภุยฺย คเหตฺวา วีรชาติยมฺปิ อตฺตโน รูปาทีหิ ปโลภนวเสน อิตฺถิมายาย อนฺวาวิสิตฺวา อวสํ อตฺตโน อุปการธมฺเม สีลาทโย สมฺปาเทตุํ อสมตฺถํ กโรนฺโต คุณวณฺณาทีหิ วิโยเชตฺวา มหนฺตํ อนยพฺยสนํ อาปาเทติ, เอวํ มาตุคามสฺส คหรกฺขสสทิสตา ทฏฺพฺพา. เตน วุตฺตํ ‘‘อาวฏฺฏนฺติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ กามคุณานํ อธิวจนํ, คหรกฺขโสติ โข, ภิกฺขเว, มาตุคามสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ.

ปฏิโสโตติ โข ภิกฺขเว เนกฺขมฺมสฺเสตํ อธิวจนนฺติ เอตฺถ ปพฺพชฺชา สห อุปจาเรน ปมชฺฌานํ วิปสฺสนาปฺา จ นิพฺพานฺจ เนกฺขมฺมํ นาม. สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา เนกฺขมฺมํ นาม. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ปพฺพชฺชา ปมํ ฌานํ, นิพฺพานฺจ วิปสฺสนา;

สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา, เนกฺขมฺมนฺติ ปวุจฺจเร’’ติ.

อิเมสํ ปน ปพฺพชฺชาทีนํ ตณฺหาโสตสฺส ปฏิโลมโต ปฏิโสตสทิสตา เวทิตพฺพา. อวิเสเสน หิ ธมฺมวินโย เนกฺขมฺมํ, ตสฺส อธิฏฺานํ ปพฺพชฺชา จ, ธมฺมวินโย จ ตณฺหาโสตสฺส ปฏิโสตํ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ปฏิโสตคามึ นิปุณํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;

ราครตฺตา น ทกฺขนฺติ, ตโมขนฺเธน อาวุตา’’ติ. (ที. นิ. ๒.๖๕; ม. นิ. ๑.๒๘๑; สํ. นิ. ๑.๑๗๒);

วีริยารมฺภสฺสาติ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยสฺส. ตสฺส กาโมฆาทิเภทตณฺหาโสตสนฺตรณสฺส หตฺเถหิ ปาเทหิ จตุรงฺคนทีโสตสนฺตรณวายามสฺส สทิสตา ปากฏาเยว. ตถา นทีโสตสฺส ตีเร ิตสฺส จกฺขุมโต ปุริสสฺส กามาทึ จตุพฺพิธมฺปิ โอฆํ ตริตฺวา ตสฺส ปรตีรภูเต นิพฺพานถเล ิตสฺส ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมโต ภควโต สทิสภาโว. เตน วุตฺตํ ‘‘จกฺขุมา ปุริโส…เป… สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ.

ตตฺริทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – นทีโสโต วิย อนุปฺปพนฺธวเสน ปวตฺตมาโน ตณฺหาโสโต, เตน วุยฺหมาโน ปุริโส วิย อนมตคฺเค สํสารวฏฺเฏ ปริพฺภมนโต ตณฺหาโสเตน วุยฺหมาโน สตฺโต, ตสฺส ตตฺถ ปิยรูปสาตรูปวตฺถุสฺมึ อภินิเวโส วิย อิมสฺส จกฺขาทีสุ อภินิเวโส, สอูมิสาวฏฺฏสคหรกฺขโส เหฏฺารหโท วิย โกธุปายาสปฺจกามคุณมาตุคามสมากุโล ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนสมูโห, ตมตฺถํ ยถาภูตํ วิทิตฺวา ตสฺส นทีโสตสฺส ปรตีเร ิโต จกฺขุมา ปุริโส วิย สกลํ สํสาราทีนวํ สพฺพฺจ เยฺยธมฺมํ ยถาภูตํ วิทิตฺวา ตณฺหาโสตสฺส ปรตีรภูเต นิพฺพานถเล ิโต สมนฺตจกฺขุ ภควา, ตสฺส ปุริสสฺส ตสฺมึ นทิยา โสเตน วุยฺหมาเน ปุริเส อนุกมฺปาย รหทสฺส รหทาทีนวสฺส จ อาจิกฺขนํ วิย ตณฺหาโสเตน วุยฺหมานสฺส สตฺตสฺส มหากรุณาย ภควโต ตณฺหาทีนํ ตทาทีนวสฺส จ วิภาวนา, ตสฺส วจนํ อสทฺทหิตฺวา อนุโสตคามิโน ตสฺส ปุริสสฺส ตสฺมึ รหเท มรณปฺปตฺติมรณมตฺตทุกฺขปฺปตฺติโย วิย ภควโต วจนํ อสมฺปฏิจฺฉนฺตสฺส อปายุปฺปตฺติ, สุคติยํ ทุกฺขุปฺปตฺติ จ, ตสฺส ปน วจนํ สทฺทหิตฺวา หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายามกรณํ วิย เตน จ วายาเมน ปรตีรํ ปตฺวา สุเขน ยถิจฺฉิตฏฺานคมนํ วิย ภควโต วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตณฺหาทีสุ อาทีนวํ ปสฺสิตฺวา ตณฺหาโสตสฺส ปฏิโสตปพฺพชฺชาทิเนกฺขมฺมวเสน วีริยารมฺโภ, อารทฺธวีริยสฺส จ เตเนว วีริยารมฺเภน ตณฺหาโสตาติกฺกมนํ นิพฺพานตีรํ ปตฺวา อรหตฺตผลสมาปตฺติวเสน ยถารุจิ สุขวิหาโรติ.

คาถาสุ สหาปิ ทุกฺเขน ชเหยฺย กาเมติ ฌานมคฺคาธิคมตฺถํ สมถวิปสฺสนานุโยคํ กโรนฺโต ภิกฺขุ ยทิปิ เตสํ ปุพฺพภาคปฏิปทา กิจฺเฉน กสิเรน สมฺปชฺชติ, น สุเขน วีถึ โอตรติ ปุพฺพภาคภาวนาย กิเลสานํ พลวภาวโต, อินฺทฺริยานํ วา อติกฺขภาวโต. ตถา สติ สหาปิ ทุกฺเขน ชเหยฺย กาเม, ปมชฺฌาเนน วิกฺขมฺเภนฺโต ตติยมคฺเคน สมุจฺฉินฺทนฺโต กิเลสกาเม ปชเหยฺย. เอเตน ทุกฺขปฏิปเท ฌานมคฺเค ทสฺเสติ.

โยคกฺเขมํ อายตึ ปตฺถยาโนติ อนาคามิตํ อรหตฺตํ อิจฺฉนฺโต อากงฺขมาโน. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ยทิปิ เอตรหิ กิจฺเฉน กสิเรน ฌานปุริมมคฺเค อธิคจฺฉามิ, อิเม ปน นิสฺสาย อุปริ อรหตฺตํ อธิคนฺตฺวา กตกิจฺโจ ปหีนสพฺพทุกฺโข ภวิสฺสามีติ สหาปิ ทุกฺเขน ฌานาทีหิ กาเม ปชเหยฺยาติ. อถ วา โย กามวิตกฺกพหุโล ปุคฺคโล กลฺยาณมิตฺตสฺส วเสน ปพฺพชฺชํ สีลวิโสธนํ ฌานาทีนํ ปุพฺพภาคปฏิปตฺตึ วา ปฏิปชฺชนฺโต กิจฺเฉน กสิเรน อสฺสุมุโข โรทมาโน ตํ วิตกฺกํ วิกฺขมฺเภติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สหาปิ ทุกฺเขน ชเหยฺย กาเม’’ติ. โส หิ กิจฺเฉนปิ กาเม ปชหนฺโต ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนฺโต อนุกฺกเมน อรหตฺเต ปติฏฺเหยฺย. เตน วุตฺตํ ‘‘โยคกฺเขมํ อายตึ ปตฺถยาโน’’ติ.

สมฺมปฺปชาโนติ วิปสฺสนาสหิตาย มคฺคปฺาย สมฺมเทว ปชานนฺโต. สุวิมุตฺตจิตฺโตติ ตสฺส อริยมคฺคาธิคมสฺส อนนฺตรํ ผลวิมุตฺติยา สุฏฺุ วิมุตฺตจิตฺโต. วิมุตฺติยา ผสฺสเย ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ มคฺคผลาธิคมนกาเล วิมุตฺตึ นิพฺพานํ ผสฺสเย ผุเสยฺย ปาปุเณยฺย อธิคจฺเฉยฺย สจฺฉิกเรยฺย. อุปโยคตฺเถ หิ ‘‘วิมุตฺติยา’’ติ อิทํ สามิวจนํ. วิมุตฺติยา วา อารมฺมณภูตาย ตตฺถ ตตฺถ ตํตํผลสมาปตฺติกาเล อตฺตโน ผลจิตฺตํ ผสฺสเย ผุเสยฺย ปาปุเณยฺย, นิพฺพาโนคธาย ผลสมาปตฺติยา วิหเรยฺยาติ อตฺโถ. ส เวทคูติ โส เวทสงฺขาเตน มคฺคาเณน จตุนฺนํ สจฺจานํ คตตฺตา ปฏิวิทฺธตฺตา เวทคู. โลกนฺตคูติ ขนฺธโลกสฺส ปริยนฺตํ คโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. จรสุตฺตวณฺณนา

๑๑๐. เอกาทสเม จรโตติ คจฺฉนฺตสฺส, จงฺกมนฺตสฺส วา. อุปฺปชฺชติ กามวิตกฺโก วาติ วตฺถุกาเมสุ อวีตราคตาย ตาทิเส ปจฺจเย กามปฏิสํยุตฺโต วา วิตกฺโก อุปฺปชฺชติ เจ, ยทิ อุปฺปชฺชติ. พฺยาปาทวิตกฺโก วา วิหึสาวิตกฺโก วาติ อาฆาตนิมิตฺตพฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต วา วิตกฺโก, เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปรวิเหนวเสน วิหึสาปฏิสํยุตฺโต วา วิตกฺโก อุปฺปชฺชติ เจติ สมฺพนฺโธ. อธิวาเสตีติ ตํ ยถาวุตฺตํ กามวิตกฺกาทึ ยถาปจฺจยํ อตฺตโน จิตฺเต อุปฺปนฺนํ ‘‘อิติปายํ วิตกฺโก ปาปโก, อิติปิ อกุสโล, อิติปิ สาวชฺโช, โส จ โข อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตตี’’ติอาทินา นเยน ปจฺจเวกฺขณาย อภาวโต อธิวาเสติ อตฺตโน จิตฺตํ อาโรเปตฺวา วาเสติ เจ. อธิวาเสนฺโตเยว จ นปฺปชหติ ตทงฺคาทิปฺปหานวเสน น ปฏินิสฺสชฺชติ, ตโต เอว น วิโนเทติ อตฺตโน จิตฺตสนฺตานโต น นุทติ น นีหรติ, ตถา อวิโนทนโต น พฺยนฺตีกโรติ น วิคตนฺตํ กโรติ. อาตาปี ปหิตตฺโต ยถา เตสํ อนฺโตปิ นาวสิสฺสติ อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ เอวํ กโรติ, อยํ ปน ตถา น กโรตีติ อตฺโถ. ตถาภูโตว น อนภาวํ คเมติ อนุ อนุ อภาวํ น คเมติ. น ปชหติ เจ, น วิโนเทติ เจติอาทินา เจ-สทฺทํ โยเชตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

จรนฺติ จรนฺโต. เอวํภูโตติ เอวํ กามวิตกฺกาทิปาปวิตกฺเกหิ สมงฺคีภูโต. อนาตาปีอโนตฺตาปีติ กิเลสานํ อาตาปนสฺส วีริยสฺส อภาเวน อนาตาปี, ปาปุตฺราสอาตาปนปริตาปนลกฺขณสฺส โอตฺตปฺปสฺส อภาเวน อโนตฺตาปี. สตตํ สมิตนฺติ สพฺพกาลํ นิรนฺตรํ. กุสีโต หีนวีริโยติ กุสเลหิ ธมฺเมหิ ปริหายิตฺวา อกุสลปกฺเข กุจฺฉิตํ สีทนโต โกสชฺชสมนฺนาคเมน จ กุสีโต, สมฺมปฺปธานวีริยาภาเวน หีนวีริโย วีริยวิรหิโตติ วุจฺจติ กถียติ. ิตสฺสาติ คมนํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ติฏฺโต. สยนอิริยาปถสฺส วิเสสโต โกสชฺชปกฺขิกตฺตา ยถา ตํสมงฺคิโน วิตกฺกา สมฺภวนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชาครสฺสา’’ติ วุตฺตํ.

สุกฺกปกฺเข ตฺเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นาธิวาเสตีติ อารทฺธวีริยสฺสาปิ วิหรโต อนาทิมติ สํสาเร จิรกาลภาวิเตน ตถารูปปฺปจฺจยสมาโยเคน สติสมฺโมเสน วา กามวิตกฺกาทิ อุปฺปชฺชติ เจ, ตํ ภิกฺขุ อตฺตโน จิตฺตํ อาโรเปตฺวา น วาเสติ เจ, อพฺภนฺตเร น วาเสติ เจติ อตฺโถ. อนธิวาเสนฺโต กึ กโรตีติ? ปชหติ ฉฑฺเฑติ. กึ กจวรํ วิย ปิฏเกน? น หิ, อปิจ โข ตํ วิโนเทติ นุทติ นีหรติ. กึ พลีพทฺทํ วิย ปโตเทน? น หิ, อถ โข นํ พฺยนฺตีกโรติ วิคตนฺตํ กโรติ. ยถา เตสํ อนฺโตปิ นาวสิสฺสติ อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ, ตถา เต กโรติ. กถํ ปน เต ตถา กโรติ? อนภาวํ คเมติ อนุ อนุ อภาวํ คเมติ, วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน ยถา สุวิกฺขมฺภิตา โหนฺติ ตถา เน กโรตีติ วุตฺตํ โหติ.

เอวํภูโตติอาทีสุ เอวํ กามวิตกฺกาทีนํ อนธิวาสเนน สุวิสุทฺธาสโย สมาโน ตาย จ อาสยสมฺปตฺติยา ตนฺนิมิตฺตาย จ ปโยคสมฺปตฺติยา ปริสุทฺธสีโล อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต ชาคริยํ อนุยุตฺโต ตทงฺคาทิวเสน กิเลสานํ อาตาปนลกฺขเณน วีริเยน สมนฺนาคตตฺตา อาตาปี, สพฺพโส ปาปุตฺราเสน สมนฺนาคตตฺตา. โอตฺตาปี สตตํ รตฺตินฺทิวํ, สมิตํ นิรนฺตรํ สมถวิปสฺสนาภาวนานุโยควเสน จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานสิทฺธิยา, อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต นิพฺพานํ ปฏิเปสิตจิตฺโตติ วุจฺจติ กถียตีติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

คาถาสุ เคหนิสฺสิตนฺติ เอตฺถ เคหวาสีหิ อปริจฺจตฺตตฺตา เคหวาสีนํ สภาวตฺตา เคหธมฺมตฺตา วา เคหํ วุจฺจติ วตฺถุกาโม. อถ วา เคหปฏิพทฺธภาวโต กิเลสกามานํ นิวาสฏฺานภาวโต ตํวตฺถุกตฺตา วา กามวิตกฺกาทิ เคหนิสฺสิตํ นาม. กุมฺมคฺคํ ปฏิปนฺโนติ ยสฺมา อริยมคฺคสฺส อุปฺปถภาวโต อภิชฺฌาทโย ตเทกฏฺธมฺมา จ กุมฺมคฺโค, ตสฺมา กามวิตกฺกาทิพหุโล ปุคฺคโล กุมฺมคฺคํ ปฏิปนฺโน นาม. โมหเนยฺเยสุ มุจฺฉิโตติ โมหสํวตฺตนิเยสุ รูปาทีสุ มุจฺฉิโต สมฺมตฺโต อชฺโฌปนฺโน. สมฺโพธินฺติ อริยมคฺคาณํ. ผุฏฺุนฺติ ผุสิตุํ ปตฺตุํ, โส ตาทิโส มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจโร อภพฺโพ, น กทาจิ ตํ ปาปุณาตีติ อตฺโถ.

วิตกฺกํ สมยิตฺวานาติ ยถาวุตฺตํ มิจฺฉาวิตกฺกํ ปฏิสงฺขานภาวนาพเลหิ วูปสเมตฺวา. วิตกฺกูปสเม รโตติ นวนฺนมฺปิ มหาวิตกฺกานํ อจฺจนฺตวูปสมภูเต อรหตฺเต นิพฺพาเน เอว วา อชฺฌาสเยน รโต อภิรโต. ภพฺโพ โส ตาทิโสติ โส ยถาวุตฺโต สมฺมา ปฏิปชฺชมาโน ปุคฺคโล ปุพฺพภาเค สมถวิปสฺสนาพเลน สพฺพวิตกฺเก ยถารหํ ตทงฺคาทิวเสน วูปสเมตฺวา ิโต, วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อรหตฺตมคฺคาณสงฺขาตํ นิพฺพานสงฺขาตฺจ อนุตฺตรํ สมฺโพธึ ผุฏฺุํ อธิคนฺตุํ ภพฺโพ สมตฺโถติ.

เอกาทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. สมฺปนฺนสีลสุตฺตวณฺณนา

๑๑๑. ทฺวาทสเม สมฺปนฺนสีลาติ เอตฺถ ติวิธํ สมฺปนฺนํ ปริปุณฺณสมงฺคีมธุรวเสน. เตสุ –

‘‘สมฺปนฺนํ สาลิเกทารํ, สุวา ภุฺชนฺติ โกสิย;

ปฏิเวเทมิ เต พฺรหฺเม, น เน วาเรตุมุสฺสเห’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๑) –

เอตฺถ ปริปุณฺณตฺโถ สมฺปนฺนสทฺโท. ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปคโต สมุปคโต สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) เอตฺถ สมงฺคิภาวตฺโถ สมฺปนฺนสทฺโท . ‘‘อิมิสฺสา, ภนฺเต, มหาปถวิยา เหฏฺิมตลํ สมฺปนฺนํ – เสยฺยถาปิ ขุทฺทมธุํ อนีลกํ, เอวมสฺสาท’’นฺติ (ปารา. ๑๗) เอตฺถ มธุรตฺโถ สมฺปนฺนสทฺโท. อิธ ปน ปริปุณฺณตฺเถปิ สมงฺคิภาเวปิ วฏฺฏติ, ตสฺมา สมฺปนฺนสีลาติ ปริปุณฺณสีลา หุตฺวาติปิ, สีลสมงฺคิโน หุตฺวาติปิ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ตตฺถ ‘‘ปริปุณฺณสีลา’’ติ อิมินา อตฺเถน เขตฺตโทสวิคเมน เขตฺตปาริปูริ วิย ปริปุณฺณํ นาม โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เขตฺตโทสวิคเมน เขตฺตปาริปูริ วิย สีลโทสวิคเมน สีลปาริปูริ วุตฺตา’’ติ. ‘‘สีลสมงฺคิโน’’ติ อิมินา ปน อตฺเถน สีเลน สมงฺคีภูตา สโมธานคตา สมนฺนาคตา หุตฺวา วิหรถาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ สมฺปนฺนสีลตา โหติ สีลวิปตฺติยา อาทีนวทสฺสเนน, สีลสมฺปตฺติยา อานิสํสทสฺสเนน จ. ตทุภยมฺปิ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐-๒๑) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ‘‘สมฺปนฺนสีลา’’ติ เอตฺตาวตา กิร ภควา จตุปาริสุทฺธิสีลํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุตา’’ติ อิมินา เชฏฺกสีลํ ทสฺเสตีติอาทินา เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. กิมสฺส อุตฺตริ กรณียนฺติ เอวํ สมฺปนฺนสีลานํ วิหรตํ ตุมฺหากํ กินฺติ สิยา อุตฺตริ กาตพฺพํ, ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ เจติ อตฺโถ.

เอวํ ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถา’’ติอาทินา สมฺปาทนูปาเยน สทฺธึ สีลสมฺปทาย ภิกฺขู นิโยเชนฺโต อเนกปุคฺคลาธิฏฺานํ กตฺวา เทสนํ อารภิตฺวา อิทานิ ยสฺมา เอกปุคฺคลาธิฏฺานวเสน ปวตฺติตาปิ ภควโต เทสนา อเนกปุคฺคลาธิฏฺานาว โหติ สพฺพสาธารณตฺตา, ตสฺมา ตํ เอกปุคฺคลาธิฏฺานวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘จรโต เจปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ อภิชฺฌายติ เอตายาติ อภิชฺฌา, ปรภณฺฑาภิชฺฌายนลกฺขณสฺส โลภสฺเสตํ อธิวจนํ. พฺยาปชฺชติ ปูติภวติ จิตฺตํ เอเตนาติ พฺยาปาโท, ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทินยปฺปวตฺตสฺส เอกูนวีสติอาฆาตวตฺถุวิสยสฺส โทสสฺเสตํ อธิวจนํ. อุภินฺนมฺปิ ‘‘ตตฺถ กตโม กามจฺฉนฺโท? โย กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามปิปาสา กามปริฬาโห กามมุจฺฉา กามชฺโฌสาน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๑๕๙), ตถา ‘‘โลโภ ลุพฺภนา ลุพฺภิตตฺตํ สาราโค สารชฺชนา สารชฺชิตตฺตํ อภิชฺฌา โลโภ อกุสลมูล’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๓๙๑), ‘‘โทโส ทุสฺสนา ทุสฺสิตตฺตํ พฺยาปตฺติ พฺยาปชฺชนา พฺยาปชฺชิตตฺตํ วิโรโธ ปฏิวิโรโธ จณฺฑิกฺกํ อสุโรโป อนตฺตมนตา จิตฺตสฺสา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๔๑๘, ๑๒๓๗) จ วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ. วิคโต โหตีติ อยฺจ อภิชฺฌา, อยฺจ พฺยาปาโท วิคโต โหติ อปคโต, ปหีโน โหตีติ อตฺโถ. เอตฺตาวตา กามจฺฉนฺทนีวรณสฺส จ พฺยาปาทนีวรณสฺส จ ปหานํ ทสฺสิตํ โหติ.

ถินมิทฺธนฺติ ถินฺเจว มิทฺธฺจ. เตสุ จิตฺตสฺส อกมฺมฺตา ถินํ, อาลสิยสฺเสตํ อธิวจนํ, เวทนาทีนํ ติณฺณํ ขนฺธานํ อกมฺมฺตา มิทฺธํ, ปจลายิกภาวสฺเสตํ อธิวจนํ. อุภินฺนมฺปิ ‘‘ตตฺถ กตมํ ถินํ? ยา จิตฺตสฺส อกลฺลตา อกมฺมฺตา โอลียนา สลฺลียนา. ตตฺถ กตมํ มิทฺธํ? ยา กายสฺส อกลฺลตา อกมฺมฺตา โอนาโห ปริโยนาโห’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๒-๑๑๖๓) นเยน วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ.

อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนฺติ อุทฺธจฺจฺเจว กุกฺกุจฺจฺจ. ตตฺถ อุทฺธจฺจํ นาม จิตฺตสฺส อุทฺธตากาโร, กุกฺกุจฺจํ นาม อกตกลฺยาณสฺส กตปาปสฺส ตปฺปจฺจยา วิปฺปฏิสาโร. อุภินฺนมฺปิ ‘‘ตตฺถ กตมํ อุทฺธจฺจํ? ยํ จิตฺตสฺส อุทฺธจฺจํ อวูปสโม เจตโส วิกฺเขโป ภนฺตตฺตํ จิตฺตสฺสา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๕) วิตฺถาโร. ‘‘อกตํ วต เม กลฺยาณํ, อกตํ กุสลํ, อกตํ ภีรุตฺตานํ; กตํ ปาปํ, กตํ ลุทฺทํ, กตํ กิพฺพิส’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔๘; เนตฺติ. ๑๒๐) ปวตฺติอากาโร เวทิตพฺโพ.

วิจิกิจฺฉาติ พุทฺธาทีสุ สํสโย. ตสฺสา ‘‘สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ, นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทตี’’ติอาทินา (วิภ. ๙๑๕), ‘‘ตตฺถ กตมา วิจิกิจฺฉา? ยา กงฺขา กงฺขายนา กงฺขายิตตฺตํ วิมติ วิจิกิจฺฉา ทฺเวฬฺหกํ ทฺเวธาปโถ สํสโย อเนกํสคฺคาโห อาสปฺปนา ปริสปฺปนา อปริโยคาหนา ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส มโนวิเลโข’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๐๘) จ นเยน วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ.

เอตฺถ จ อภิชฺฌาพฺยาปาทาทีนํ วิคมวเสน จ ปหานวเสน จ เตสํ วิกฺขมฺภนเมว เวทิตพฺพํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติ. พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต วิหรติ, พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติ. ถินมิทฺธํ ปหาย วิคตถินมิทฺโธ วิหรติ อาโลกสฺี สโต สมฺปชาโน, ถินมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติ. อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ อชฺฌตฺตํ อุปสนฺตจิตฺโต อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติ. วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิหรติ อกถํกถี กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ (วิภ. ๕๐๘).

ตตฺถ ยถา นีวรณานํ ปหานํ โหติ, ตํ เวทิตพฺพํ. กถฺจ เนสํ ปหานํ โหติ? กามจฺฉนฺทสฺส ตาว อสุภนิมิตฺเต โยนิโสมนสิกาเรน ปหานํ โหติ, สุภนิมิตฺเต อโยนิโสมนสิกาเรนสฺส อุปฺปตฺติ. เตนาห ภควา –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, สุภนิมิตฺตํ. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

เอวํ สุภนิมิตฺเต อโยนิโสมนสิกาเรน อุปฺปชฺชนฺตสฺส กามจฺฉนฺทสฺส ตปฺปฏิปกฺขโต อสุภนิมิตฺเต โยนิโสมนสิกาเรน ปหานํ โหติ. ตตฺถ อสุภนิมิตฺตํ นาม อสุภมฺปิ อสุภารมฺมณมฺปิ, โยนิโสมนสิกาโร นาม อุปายมนสิกาโร, ปถมนสิกาโร, อนิจฺเจ อนิจฺจนฺติ วา, ทุกฺเข ทุกฺขนฺติ วา, อนตฺตนิ อนตฺตาติ วา, อสุเภ อสุภนฺติ วา มนสิกาโร. ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต กามจฺฉนฺโท ปหียติ. เตนาห ภควา –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อสุภนิมิตฺตํ. ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

อปิจ ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, อสุภภาวนานุโยโค, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. ทสวิธฺหิ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสปิ กามจฺฉนฺโท ปหียติ, ภาเวนฺตสฺสปิ , อินฺทฺริเยสุ ปิหิตทฺวารสฺสปิ จตุนฺนํ ปฺจนฺนํ อาโลปานํ โอกาเส สติ อุทกํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลตาย โภชเน มตฺตฺุโนปิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;

อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓);

อสุภกมฺมิกติสฺสตฺเถรสทิเส กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสปิ กามจฺฉนฺโท ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ทสอสุภนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.

ปฏิฆนิมิตฺเต อาโยนิโสมนสิกาเรน พฺยาปาทสฺส อุปฺปาโท โหติ. ตตฺถ ปฏิฆมฺปิ ปฏิฆนิมิตฺตํ, ปฏิฆารมฺมณมฺปิ ปฏิฆนิมิตฺตํ. อโยนิโสมนสิกาโร สพฺพตฺถ เอกลกฺขโณ เอว. ตํ ตสฺมึ นิมิตฺเต พหุลํ ปวตฺตยโต พฺยาปาโท อุปฺปชฺชติ. เตนาห ภควา –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปฏิฆนิมิตฺตํ. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

เมตฺตาย ปน เจโตวิมุตฺติยา โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติ. ตตฺถ ‘‘เมตฺตา’’ติ วุตฺเต อปฺปนาปิ อุปจาโรปิ วฏฺฏติ, ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ ปน อปฺปนาว. โยนิโสมนสิกาโร วุตฺตลกฺขโณว. ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต พฺยาปาโท ปหียติ. เตนาห ภควา –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ. ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส อนุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

อปิจ ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, เมตฺตาภาวนา, กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณา, ปฏิสงฺขานพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. โอธิสกาโนธิสกทิสาผรณานฺหิ อฺตรวเสน เมตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสปิ พฺยาปาโท ปหียติ, โอธิโส อโนธิโส ทิสาผรณวเสน เมตฺตํ ภาเวนฺตสฺสปิ พฺยาปาโท ปหียติ, ‘‘ตฺวํ เอตสฺส กุทฺโธ กึ กริสฺสสิ, กิมสฺส สีลาทีนิ วินาเสตุํ สกฺขิสฺสสิ นนุ ตฺวํ อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กมฺเมเนว คมิสฺสสิ, ปรสฺส กุชฺฌนํ นาม วีตจฺจิกงฺคารตตฺตอยสลากคูถาทีนิ คเหตฺวา ปรํ ปหริตุกามตา วิย โหติ. เอโสปิ ตว กุทฺโธ กึ กริสฺสติ, กึ เต สีลาทีนิ วินาเสตุํ สกฺขิสฺสติ เอส อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กมฺเมเนว คมิสฺสติ, อปฺปฏิจฺฉิตปเหณกํ วิย, ปฏิวาตํ ขิตฺตรโชมุฏฺิ วิย จ เอตสฺเสว เอส โกโธ มตฺถเก ปติสฺสตี’’ติ เอวํ อตฺตโน จ ปรสฺส จาติ อุภเยสํ กมฺมสฺสกตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ, ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฏิสงฺขาเน ิตสฺสปิ, อสฺสคุตฺตตฺเถรสทิเส เมตฺตาภาวนารเต กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ พฺยาปาโท ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ เมตฺตานิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.

อรติอาทีสุ อโยนิโสมนสิกาเรน ถินมิทฺธสฺส อุปฺปาโท โหติ. อรติ นาม อุกฺกณฺิตตา, ตนฺที นาม กายาลสิยํ, วิชมฺภิตา นาม กายวินมนา, ภตฺตสมฺมโท นาม ภตฺตมุจฺฉา ภตฺตปริฬาโห, เจตโส ลีนตฺตํ นาม จิตฺตสฺส ลีนากาโร. อิเมสุ อรติอาทีสุ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต ถินมิทฺธํ อุปฺปชฺชติ. เตนาห ภควา –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อรติ ตนฺที วิชมฺภิตา ภตฺตสมฺมโท เจตโส ลีนตฺตํ. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

อารมฺภธาตุอาทีสุ ปน โยนิโสมนสิกาเรน ถินมิทฺธสฺส ปหานํ โหติ. อารมฺภธาตุ นาม ปมารมฺภวีริยํ, นิกฺกมธาตุ นาม โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตาย ตโต พลวตรํ, ปรกฺกมธาตุ นาม ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตรํ. อิมสฺมึ ติปฺปเภเท วีริเย โยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต ถินมิทฺธํ ปหียติ. เตนาห –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อารมฺภธาตุ, นิกฺกมธาตุ, ปรกฺกมธาตุ. ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

อปิจ ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ, อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโห – อิริยาปถสมฺปริวตฺตนตา, อาโลกสฺามนสิกาโร , อพฺโภกาสวาโส, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ . อาหรหตฺถกภุตฺตวมิตกตตฺถวฏฺฏกอลํสาฏกกากมาสกโภชนํ ภุฺชิตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเน นิสินฺนสฺส หิ สมณธมฺมํ กโรโต ถินมิทฺธํ มหาหตฺถี วิย โอตฺถรนฺตํ อาคจฺฉติ, จตุปฺจอาโลปโอกาสํ ปน เปตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลสฺส ภิกฺขุโน ตํ น โหติ. เอวํ อติโภชเน นิมิตฺตํ คณฺหนฺตสฺสปิ ถินมิทฺธํ ปหียติ. ยสฺมึ อิริยาปเถ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, ตโต อฺํ ปริวตฺเตนฺตสฺสปิ, รตฺตึ จนฺทาโลกํ ทีปาโลกํ อุกฺกาโลกํ ทิวา สูริยาโลกํ มนสิกโรนฺตสฺสปิ, อพฺโภกาเส วสนฺตสฺสปิ มหากสฺสปตฺเถรสทิเส วิคตถินมิทฺเธ กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสปิ ถินมิทฺธํ ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.

เจตโส อวูปสเม อโยนิโสมนสิกาเรน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาโท โหติ. อวูปสโม นาม อวูปสนฺตากาโร, อตฺถโต ตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจเมว. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ อุปฺปชฺชติ. เตนาห –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เจตโส อวูปสโม. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

สมาธิสงฺขาเต ปน เจตโส วูปสเม โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติ. เตนาห –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เจตโส วูปสโม. ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

อปิจ ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตฺุตา, วุฑฺฒเสวิตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. พาหุสจฺเจนปิ หิ เอกํ วา ทฺเว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ปฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน จ อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, กปฺปิยากปฺปิยปริปุจฺฉาพหุลสฺสปิ, วินยปฺตฺติยํ จิณฺณวสีภาวตาย ปกตฺุโนปิ , วุฑฺเฒ มหลฺลกตฺเถเร อุปสงฺกมนฺตสฺสปิ, อุปาลิตฺเถรสทิเส วินยธเร กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ กปฺปิยากปฺปิยนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.

วิจิกิจฺฉาฏฺานิเยสุ ธมฺเมสุ อโยนิโสมนสิกาเรน วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาโท โหติ. วิจิกิจฺฉาฏฺานิยา ธมฺมา นาม ปุนปฺปุนํ วิจิกิจฺฉาย การณตฺตา วิจิกิจฺฉาว. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ. เตนาห –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, วิจิกิจฺฉาฏฺานิยา ธมฺมา. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

กุสลาทิธมฺเมสุ ปน โยนิโสมนสิกาเรน วิจิกิจฺฉาย ปหานํ โหติ. เตนาห –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กุสลากุสลา ธมฺมา, สาวชฺชานวชฺชา ธมฺมา, เสวิตพฺพาเสวิตพฺพา ธมฺมา, หีนปณีตา ธมฺมา, กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคา ธมฺมา. ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร อยมาหาโร อนุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

อปิจ ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺติ พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตฺุตา, อธิโมกฺขพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ . พาหุสจฺจวเสนปิ หิ เอกํ วา…เป… ปฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน จ อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, ตีณิ รตนานิ อารพฺภ กุสลาทิเภเทสุ ธมฺเมสุ ปริปุจฺฉาพหุลสฺสปิ, วินเย จิณฺณวสีภาวสฺสปิ, ตีสุ รตเนสุ โอกปฺปนีย, สทฺธาสงฺขาต, อธิโมกฺขพหุลสฺสปิ, สทฺธาธิมุตฺเต วกฺกลิตฺเถรสทิเส กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ติณฺณํ รตนานํ คุณนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.

เอตฺถ จ ยถาวุตฺเตหิ เตหิ เตหิ ธมฺเมหิ วิกฺขมฺภนวเสน ปหีนานํ อิเมสํ นีวรณานํ กามจฺฉนฺทนีวรณสฺส ตาว อรหตฺตมคฺเคน อจฺจนฺตปฺปหานํ โหติ, ตถา ถินมิทฺธนีวรณสฺส อุทฺธจฺจนีวรณสฺส จ . พฺยาปาทนีวรณสฺส ปน กุกฺกุจฺจนีวรณสฺส จ อนาคามิมคฺเคน, วิจิกิจฺฉานีวรณสฺส โสตาปตฺติมคฺเคน อจฺจนฺตปฺปหานํ โหติ. ตสฺมา เตสํ ตถา ปหานาย อุปการธมฺเม ทสฺเสตุํ ‘‘อารทฺธํ โหติ วีริย’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. อิทเมว วา ยถาวุตฺตํ อภิชฺฌาทีนํ นีวรณานํ ปหานํ, ยสฺมา หีนวีริยตาย กุสีเตน, อนุปฏฺิตสฺสติตาย มุฏฺสฺสตินา, อปฏิปฺปสฺสทฺธทรถตาย สารทฺธกาเยน, อสมาหิตตาย วิกฺขิตฺตจิตฺเตน น กทาจิปิ เต สกฺกา นิพฺพตฺเตตุํ, ปเคว อิตรํ, ตสฺมา ยถา ปฏิปนฺนสฺส โส อภิชฺฌาทีนํ วิคโม ปหานํ สมฺภวติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อารทฺธํ โหติ วีริย’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตสฺสตฺโถ – เตสํ นีวรณานํ ปหานาย สพฺเพสมฺปิ วา สํกิเลสธมฺมานํ สมุจฺฉินฺทนตฺถาย วีริยํ อารทฺธํ โหติ, ปคฺคหิตํ อสิถิลปฺปวตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อารทฺธตฺตา เอว จ อนฺตรา สงฺโกจสฺส อนาปชฺชนโต อสลฺลีนํ.

อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺาติ น เกวลฺจ วีริยเมว, สติปิ อารมฺมณาภิมุขภาเวน อุปฏฺิตา โหติ, ตถา อุปฏฺิตตฺตา เอว จ จิรกตจิรภาสิตานํ สรณสมตฺถตาย อสมฺมุฏฺา. ปสฺสทฺโธติ กายจิตฺตทรถปฺปสฺสมฺภเนน กาโยปิสฺส ปสฺสทฺโธ โหติ. ตตฺถ ยสฺมา นามกาเย ปสฺสทฺเธ รูปกาโยปิสฺส ปสฺสทฺโธ เอว โหติ, ตสฺมา ‘‘นามกาโย รูปกาโย’’ติ อวิเสเสตฺวา ‘‘ปสฺสทฺโธ กาโย’’ติ วุตฺตํ. อสารทฺโธติ โส จ ปสฺสทฺธตฺตา เอว อสารทฺโธ, วิคตทรโถติ วุตฺตํ โหติ. สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคนฺติ จิตฺตมฺปิสฺส สมฺมา อาหิตํ สุฏฺุ ปิตํ อปฺปิตํ วิย โหติ, สมาหิตตฺตา เอว จ เอกคฺคํ อจลํ นิปฺผนฺทนํ นิริฺชนนฺติ.

เอตฺตาวตา ฌานมคฺคานํ ปุพฺพภาคปฏิปทา กถิตา. เตเนวาห –

‘‘จรมฺปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํภูโต อาตาปี โอตฺตาปี สตตํ สมิตํ อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโตติ วุจฺจตี’’ติ (อิติวุ. ๑๑๐).

ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว.

คาถาสุ ยตํ จเรติ ยตมาโน จเรยฺย, จงฺกมนาทิวเสน คมนํ กปฺเปนฺโตปิ ‘‘อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๖๕๑-๖๖๒; วิภ. ๓๙๐) นเยน วุตฺตสมฺมปฺปธานวีริยวเสน ยตนฺโต ฆเฏนฺโต วายมนฺโต ยถา อกุสลา ธมฺมา ปหียนฺติ, กุสลา ธมฺมา ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺติ, เอวํ คมนํ กปฺเปยฺยาติ อตฺโถ. เอส นโย เสเสสุปิ. เกจิ ปน ‘‘ยต’’นฺติ เอตสฺส สํยโตติ อตฺถํ วทนฺติ. ติฏฺเติ ติฏฺเยฺย านํ กปฺเปยฺย. อจฺเฉติ นิสีเทยฺย. สเยติ นิปชฺเชยฺย. ยตเมนํ ปสารเยติ เอตํ ปสาเรตพฺพํ หตฺถปาทาทึ ยตํ ยตมาโน ยถาวุตฺตวีริยสมงฺคีเยว หุตฺวา ปสาเรยฺย, สพฺพตฺถ ปมาทํ วิชเหยฺยาติ อธิปฺปาโย.

อิทานิ ยถา ปฏิปชฺชนฺโต ยตํ ยตมาโน นาม โหติ, ตํ ปฏิปทํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุทฺธ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุทฺธนฺติ อุปริ. ติริยนฺติ ติริยโต, ปุรตฺถิมทิสาทิวเสน สมนฺตโต ทิสาภาเคสูติ อตฺโถ. อปาจีนนฺติ เหฏฺา. ยาวตา ชคโต คตีติ ยตฺตกา สตฺตสงฺขารเภทสฺส โลกสฺส ปวตฺติ, ตตฺถ สพฺพตฺถาติ อตฺโถ. เอตฺตาวตา อนวเสสโต สมฺมสนาณสฺส วิสยํ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสติ. สมเวกฺขิตาติ สมฺมา เหตุนา าเยน อเวกฺขิตา, อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสโกติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมานนฺติ สตฺตสุฺานํ. ขนฺธานนฺติ รูปาทีนํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ. อุทยพฺพยนฺติ อุทยฺจ วยฺจ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อุปริ ติริยํ อโธติ ติสงฺคเห สพฺพสฺมึ โลเก อตีตาทิเภทภินฺนานํ ปฺจุปาทานกฺขนฺธสงฺขาตานํ สพฺเพสํ รูปารูปธมฺมานํ อนิจฺจตาทิสมฺมสนาธิคเตน อุทยพฺพยาเณน ปฺจวีสติยา อากาเรหิ อุทยํ, ปฺจวีสติยา อากาเรหิ วยฺจ สมเวกฺขิตา สมนุปสฺสิตา ภเวยฺยาติ.

เจโตสมถสามีจินฺติ จิตฺตสํกิเลสานํ อจฺจนฺตวูปสมนโต เจโตสมถสงฺขาตสฺส อริยมคฺคสฺส อนุจฺฉวิกปฏิปทํ าณทสฺสนวิสุทฺธึ. สิกฺขมานนฺติ ปฏิปชฺชมานํ ภาเวนฺตํ าณปรมฺปรํ นิพฺพตฺเตนฺตํ. สทาติ สพฺพกาลํ, รตฺติฺเจว ทิวา จ. สตนฺติ จตุสมฺปชฺเน สมนฺนาคตาย สติยา สโตการึ. สตตํ ปหิตตฺโตติ สพฺพกาลํ ปหิตตฺโต นิพฺพานํ ปฏิเปสิตตฺโตติ ตถาวิธํ ภิกฺขุํ พุทฺธาทโย อริยา อาหุ อาจิกฺขนฺติ กเถนฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ทฺวาทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. โลกสุตฺตวณฺณนา

๑๑๒. เตรสเม โลโกติ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโก, อตฺถโต ปุริมํ อริยสจฺจทฺวยํ อิธ ปน ทุกฺขํ อริยสจฺจํ เวทิตพฺพํ. สฺวายํ สตฺตโลโก, สงฺขารโลโก, โอกาสโลโกติ วิภาคโต สรูปโต จ เหฏฺา วุตฺโตเยว. อปิจ ขนฺธโลกาทิวเสน จ อเนกวิโธ โลโก. ยถาห –

‘‘โลโกติ ขนฺธโลโก, ธาตุโลโก, อายตนโลโก, วิปตฺติภวโลโก, วิปตฺติสมฺภวโลโก, สมฺปตฺติภวโลโก, สมฺปตฺติสมฺภวโลโก, เอโก โลโก สพฺเพ สตฺตา อหารฏฺิติกา, ทฺเว โลกา นามฺจ รูปฺจ, ตโย โลกา ติสฺโส เวทนา, จตฺตาโร โลกา จตฺตาโร อาหารา, ปฺจ โลกา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา, ฉ โลกา ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, สตฺต โลกา สตฺต วิฺาณฏฺิติโย, อฏฺ โลกา อฏฺ โลกธมฺมา, นว โลกา นว สตฺตาวาสา, ทส โลกา ทสายตนานิ, ทฺวาทส โลกา ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส โลกา อฏฺารส ธาตุโย’’ติ (มหานิ. ๓; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒).

เอวมเนกธา วิภตฺโตปิ โลโก ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ เอว สงฺคหํ สโมสรณํ คจฺฉติ, อุปาทานกฺขนฺธา จ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ชาติปิ ทุกฺขา …เป… สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธาปิ ทุกฺขาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺถโต ปุริมํ อริยสจฺจทฺวยํ, อิธ ปน ทุกฺขํ อริยสจฺจํ เวทิตพฺพ’’นฺติ. นนุ จ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺโ อวิเสเสน ปฺจสุ ขนฺเธสุ สมฺภวตีติ? สจฺจํ สมฺภวติ. ยํ ปน น ลุชฺชตีติ คหิตํ, ตํ ตถา น โหติ, เอกํเสเนว ลุชฺชติ ปลุชฺชตีติ โส โลโกติ อุปาทานกฺขนฺเธสฺเวว โลกสทฺโท นิรูฬฺโหติ เวทิตพฺโพ. ตสฺมา โลโกติ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ เอว.

ยทิปิ ตถาคต-สทฺทสฺส เหฏฺา ตถาคตสุตฺเต นานานเยหิ วิตฺถารโต อตฺโถ วิภตฺโต, ตถาปิ ปาฬิยา อตฺถสํวณฺณนามุเขน อยมตฺถวิภาวนา – อภิสมฺพุทฺโธติ ‘‘อภิฺเยฺยโต ปริฺเยฺยโต’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตวิภาเคน วา อวิเสสโต ตาว อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิเภทโต กุสลากุสลาทิวิภาคโต วฏฺฏปฺปมาณสณฺานาทิเภทโต, วิเสสโต วา ปน ‘‘อยํ สสฺสตาสโย, อยํ อุจฺเฉทาสโย’’ติอาทินา ‘‘กกฺขฬลกฺขณา ปถวีธาตุ, ปคฺฆรณลกฺขณา อาโปธาตู’’ติอาทินา จ อภิวิสิฏฺเน สยมฺภุาเณน สมฺมา อวิปรีตํ โย โย อตฺโถ ยถา ยถา พุชฺฌิตพฺโพ, ตถา ตถา พุทฺโธ าโต อตฺตปจฺจกฺโข กโตติ อภิสมฺพุทฺโธ.

โลกสฺมาติ ยถาวุตฺตโลกโต. วิสํยุตฺโตติ วิสํสฏฺโ, ตปฺปฏิพทฺธานํ สพฺเพสํ สํโยชนานํ สมฺมเทว สมุจฺฉินฺนตฺตา ตโต วิปฺปมุตฺโตติ อตฺโถ. โลกสมุทโยติ สุตฺตนฺตนเยน ตณฺหา, อภิธมฺมนเยน ปน อภิสงฺขาเรหิ สทฺธึ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ. ปหีโนติ โพธิมณฺเฑ อรหตฺตมคฺคาเณน สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน สวาสนํ ปหีโน. โลกนิโรโธติ นิพฺพานํ. สจฺฉิกโตติ อตฺตปจฺจกฺโข กโต. โลกนิโรธคามินี ปฏิปทาติ สีลาทิกฺขนฺธตฺตยสงฺคโห อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค. โส หิ โลกนิโรธํ นิพฺพานํ คจฺฉติ อธิคจฺฉติ, ตทตฺถํ อริเยหิ ปฏิปชฺชียติ จาติ โลกนิโรธคามินี ปฏิปทาติ วุจฺจติ.

เอตฺตาวตา ตถานิ อภิสมฺพุทฺโธ ยาถาวโต คโตติ ตถาคโตติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. จตฺตาริ หิ อริยสจฺจานิ ตถานิ นาม. ยถาห –

‘‘จตฺตาริมานิ , ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. กตมานิ จตฺตาริ? อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ, อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโร.

อปิจ ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถํ คโตติ ตถาคโต , คโตติ จ อวคโต อตีโต ปตฺโต ปฏิปนฺโนติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา ภควา สกลโลกํ ตีรณปริฺาย ตถาย อวิปรีตาย คโต อวคโต, ตสฺมา โลโก ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต. โลกสมุทยํ ปหานปริฺาย ตถาย คโต อตีโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาย ตถาย คโต ปตฺโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ตถํ อวิปรีตํ คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโตติ. เอวํ อิมิสฺสา ปาฬิยา ภควโต ตถาคตภาวทีปนวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

อิติ ภควา จตุสจฺจาภิสมฺโพธนวเสน อตฺตโน ตถาคตภาวํ ปกาเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ ทิฏฺาทิอภิสมฺโพธิวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. องฺคุตฺตรฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๒๓) ปน ‘‘จตูหิ สจฺเจหิ อตฺตโน พุทฺธภาวํ กเถตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ ตถาคตสทฺท-พุทฺธสทฺทานํ อตฺถโต นินฺนานากรณตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตถา เจว หิ ปาฬิ ปวตฺตาติ. ตตฺถ ทิฏฺนฺติ รูปายตนํ. สุตนฺติ สทฺทายตนํ. มุตนฺติ ปตฺวา คเหตพฺพโต คนฺธายตนํ, รสายตนํ, โผฏฺพฺพายตนฺจ. วิฺาตนฺติ สุขทุกฺขาทิธมฺมารมฺมณํ. ปตฺตนฺติ ปริเยสิตฺวา วา อปริเยสิตฺวา วา ปตฺตํ. ปริเยสิตนฺติ ปตฺตํ วา อปฺปตฺตํ วา ปริเยสิตํ. อนุวิจริตํ มนสาติ จิตฺเตน อนุสฺจริตํ. กสฺส ปน อนุวิจริตํ มนสาติ? สเทวกสฺส…เป… สเทวมนุสฺสายาติ สมฺพนฺธนียํ. ตตฺถ สห เทเวหีติ สเทวโก, ตสฺส สเทวกสฺส. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.

สเทวกวจเนน เจตฺถ ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ เวทิตพฺพํ, สมารกวจเนน ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ, สพฺรหฺมกวจเนน พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณํ, สสฺสมณพฺราหฺมณิวจเนน สาสนสฺส ปจฺจตฺถิกสมณพฺราหฺมณคฺคหณฺเจว สมิตปาปพาหิตปาปสมณพฺราหฺมณคฺคหณฺจ, ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณํ , สเทวมนุสฺสวจเนน สมฺมุติเทวอวเสสมนุสฺสคฺคหณํ. เอวเมตฺถ ตีหิ ปเทหิ เทวมารพฺรหฺเมหิ สทฺธึ สตฺตโลโก, ทฺวีหิ ปชาวเสน สตฺตโลโก คหิโตติ เวทิตพฺโพ.

อปโร นโย – สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรเทวโลโก คหิโต, สมารกวจเนน ฉกามาวจรเทวโลโก, สพฺรหฺมกวจเนน รูปีพฺรหฺมโลโก, สสฺสมณพฺราหฺมณาทิวจเนน สมฺมุติเทเวหิ สห อวเสสสตฺตโลโก คหิโต. อปิเจตฺถ สเทวกวจเนน อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต สพฺพโลกวิสยสฺส ภควโต อภิสมฺพุทฺธภาเว ปกาสิเต เยสเมวํ สิยา ‘‘มาโร นาม มหานุภาโว ฉกามาวจริสฺสโร วสวตฺตี, พฺรหฺมา ปน ตโตปิ มหานุภาวตโร ทสหิ องฺคุลีหิ ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อาโลกํ ผรติ, อุตฺตมชฺฌานสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทติ. ปุถู จ สมณพฺราหฺมณา อิทฺธิมนฺโต ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุโน มหานุภาวา สํวิชฺชนฺติ. อยฺจ สตฺตกาโย อนนฺโต อปริมาโณ, กิเมเตสํ สพฺเพสํเยว วิสโย อนวเสสโต ภควตา อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ? เตสํ วิมตึ วิธเมนฺโต ภควา ‘‘สเทวกสฺส โลกสฺสา’’ติอาทิมาห.

โปราณา ปนาหุ – ‘‘สเทวกสฺสา’’ติ เทวตาหิ สทฺธึ อวเสสโลกํ ปริยาทิยติ, ‘‘สมารกสฺสา’’ติ มาเรน สทฺธึ อวเสสโลกํ, ‘‘สพฺรหฺมกสฺสา’’ติ พฺรหฺเมหิ สทฺธึ อวเสสโลกํ. เอวํ สพฺเพปิ ติภวูปเค สตฺเต ตีสุ ปเทสุ ปกฺขิปิตฺวา ปุน ทฺวีหิ ปเทหิ ปริยาทิยนฺโต ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสายา’’ติ อาห. เอวํ ปฺจหิปิ ปเทหิ ขนฺธตฺตยปริจฺฉินฺเน สพฺพสตฺเต ปริยาทิยติ.

ยสฺมา ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธนฺติ อิมินา อิทํ ทสฺเสติ – ยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส ‘‘นีลํ ปีตก’’นฺติอาทิ รูปารมฺมณํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉติ, ตํ สพฺพํ ‘‘อยํ สตฺโต อิมสฺมึ ขเณ อิมํ นาม รูปารมฺมณํ ทิสฺวา สุมโน วา ทุมฺมโน วา มชฺฌตฺโต วา ชาโต’’ติ ตถาคตสฺส เอวํ อภิสมฺพุทฺธํ. ตถา ยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส ‘‘เภริสทฺโท มุทิงฺคสทฺโท’’ติอาทิ สทฺทารมฺมณํ โสตทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉติ, ‘‘มูลคนฺโธ ตจคนฺโธ’’ติอาทิ คนฺธารมฺมณํ ฆานทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ, ‘‘มูลรโส ขนฺธรโส’’ติอาทิ รสารมฺมณํ ชิวฺหาทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ , ‘‘กกฺขฬํ มุทุก’’นฺติอาทิ ปถวีธาตุเตโชธาตุวาโยธาตุเภทํ โผฏฺพฺพารมฺมณํ กายทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ , ‘‘อยํ สตฺโต อิมสฺมึ ขเณ อิมํ นาม โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา สุมโน วา ทุมฺมโน วา มชฺฌตฺโต วา ชาโต’’ติ สพฺพํ ตํ ตถาคตสฺส เอวํ อภิสมฺพุทฺธํ.

ตถา ยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส สุขาทิเภทํ ธมฺมารมฺมณํ มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ, ‘‘อยํ สตฺโต อิมสฺมึ ขเณ อิมํ นาม ธมฺมารมฺมณํ ชานิตฺวา สุมโน วา ทุมฺมโน วา มชฺฌตฺโต วา ชาโต’’ติ สพฺพํ ตํ ตถาคตสฺส เอวํ อภิสมฺพุทฺธํ. เอวํ ยํ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ, ตํ ตถาคเตน อทิฏฺํ วา อสุตํ วา อมุตํ วา อวิฺาตํ วา นตฺถิ. อิมสฺส ปน มหาชนสฺส ปริเยสิตฺวา อปฺปตฺตมฺปิ อตฺถิ, อปริเยสิตฺวา อปฺปตฺตมฺปิ อตฺถิ, ปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปิ อตฺถิ, อปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปิ อตฺถิ. สพฺพมฺปิ ตถาคตสฺส อปฺปตฺตํ นาม นตฺถิ าเณน อสจฺฉิกตํ. ตโต เอว ยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉนฺตํ รูปารมฺมณํ นาม อตฺถิ, ตํ ภควา สพฺพํ สพฺพากาเรน ชานาติ ปสฺสติ. เอวํ ชานตา ปสฺสตา จาเนน ตํ อิฏฺานิฏฺาทิวเสน วา ทิฏฺสุตมุตวิฺาเตสุ ลพฺภมานปทวเสน วา ‘‘กตมํ ตํ รูปํ รูปายตนํ? ยํ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๖๑๗) นเยน อเนเกหิ นาเมหิ เตรสหิ วาเรหิ ทฺเวปฺาสาย นเยหิ วิภชฺชมานํ ตเถว โหติ, วิตถํ นตฺถิ. เอส นโย โสตทฺวาราทีสุปิ อาปาถมาคจฺฉนฺเตสุ สทฺทาทีสุ.

ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตีติ ยํ ยถา โลเกน คตํ, ตสฺส ตเถว คตตฺตา ตถาคโตติ วุจฺจติ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อภิสมฺพุทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ตถาคตสทฺเทน สมานตฺถํ. อิมินา ตถาทสฺสิภาวโต ตถาคโตติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. วุตฺตฺเหตํ ธมฺมเสนาปตินา –

‘‘น ตสฺส อทฺทิฏฺมิธตฺถิ กิฺจิ,

อโถ อวิฺาตมชานิตพฺพํ;

สพฺพํ อภิฺาสิ ยทตฺถิ เนยฺยํ,

ตถาคโต เตน สมนฺตจกฺขู’’ติ. (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕; ปฏิ. ม. ๑.๑๒๑);

สุตฺตนฺเตปิ วุตฺตํ ภควตา –

‘‘ยํ , ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สเทวมนุสฺสาย ปชาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ, ตมหํ อพฺภฺาสึ, ตํ ตถาคตสฺส วิทิตํ, ตํ ตถาคโต น อุปฏฺาสี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔).

ยฺจ, ภิกฺขเว, รตฺตึ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌตีติ ยสฺสฺจ วิสาขปุณฺณมรตฺติยํ ตถา อาคตาทิอตฺเถน ตถาคโต ภควา โพธิมณฺเฑ อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา อุตฺตริตราภาวโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อาสวกฺขยาเณน สทฺธึ สพฺพฺุตฺาณํ อธิคจฺฉติ. ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายตีติ ยสฺสฺจ วิสาขปุณฺณมรตฺติยํเยว กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน ยมกสาลานมนฺตเร อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ. ยํ เอตสฺมึ อนฺตเรติ อิมาสํ ทฺวินฺนํ สอุปาทิเสสอนุปาทิเสสนิพฺพานธาตูนํ เวมชฺเฌ ปฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาเณ กาเล ปมโพธิยมฺปิ, มชฺฌิมโพธิยมฺปิ, ปจฺฉิมโพธิยมฺปิ ยํ สุตฺตเคยฺยาทิปฺปเภทํ ธมฺมํ ภาสติ นิทฺทิสนวเสน, ลปติ อุทฺธิสนวเสน, นิทฺทิสติ ปฏินิทฺทิสนวเสน. สพฺพํ ตํ ตเถว โหตีติ ตํ เอตฺถนฺตเร เทสิตํ สพฺพํ สุตฺตเคยฺยาทินวงฺคํ พุทฺธวจนํ อตฺถโต พฺยฺชนโต จ อนุปวชฺชํ อนูนํ อนธิกํ สพฺพาการปริปุณฺณํ ราคมทนิมฺมทนํ…เป… โมหมทนิมฺมทนํ, นตฺถิ ตตฺถ วาลคฺคมตฺตมฺปิ อวกฺขลิตํ, เอกมุทฺทิกาย ลฺฉิตํ วิย เอกนาฬิยา มิตํ วิย เอกตุลาย ตุลิตํ วิย จ ตํ ตเถว โหติ ยสฺสตฺถาย ภาสิตํ, เอกนฺเตเนว ตสฺส สาธนโต, โน อฺถา. ตสฺมา ตถํ, อวิตถํ, อนฺถํ. เอเตน ตถาวาทิตาย ตถาคโตติ ทสฺเสติ. คทอตฺโถ อยํ คตสทฺโท ทการสฺส ตการํ กตฺวา, ตสฺมา ตถํ คทตีติ ตถาคโตติ อตฺโถ. อถ วา อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อตฺโถ. ตโถ อวิปรีโต อาคโท ยสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เอวเมตฺถ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา.

ยถาวาที ตถาการีติ เย ธมฺเม ภควา ‘‘อิเม ธมฺมา อกุสลา สาวชฺชา วิฺุครหิตา สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตี’’ติ ปเรสํ ธมฺมํ เทเสนฺโต วทติ, เต ธมฺเม เอกนฺเตเนว สยํ ปหาสิ. เย ปน ธมฺเม ภควา ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา อนวชฺชา วิฺุปฺปสตฺถา สมตฺตา สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตี’’ติ วทติ, เต ธมฺเม เอกนฺเตเนว สยํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ตสฺมา ยถาวาที ภควา, ตถาการีติ เวทิตพฺโพ. ยถาการี ตถาวาทีติ สมฺมเทว สีลาทิปริปูรณวเสน สมฺมา ปฏิปนฺโน สยํ ยถาการี ภควา, ตเถว ธมฺมเทสนาย ปเรสํ ตตฺถ ปติฏฺาปนวเสน ตถาวาที. ภควโต หิ วาจาย กาโย อนุโลเมติ, กายสฺสปิ วาจา. ตสฺมา ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที จ โหติ. เอวํภูตสฺส จสฺส ยถา วาจา, กาโยปิ ตถา คโต ปวตฺโต. ยถา จ กาโย, วาจาปิ ตถา คตา ปวตฺตาติ อตฺโถ.

อภิภู อนภิภูโตติ อุปริ ภวคฺคํ เหฏฺา อวีจินิรยํ ปริยนฺตํ กตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ ภควา สพฺพสตฺเต อภิภวติ สีเลนปิ สมาธินาปิ ปฺายปิ วิมุตฺติยาปิ วิมุตฺติาณทสฺสเนนปิ, น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิ, อสโม อสมสโม อปฺปฏิโม อปฺปฏิภาโค อปฺปฏิปุคฺคโล อตุโล อปฺปเมยฺโย อนุตฺตโร ธมฺมราชา เทวานํ อติเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา. ตโต เอว สยํ น เกนจิ อภิภูโตติ อนภิภูโต. อฺทตฺถูติ เอกํสตฺเถ นิปาโต. ยฺหิ กิฺจิ เนยฺยํ นาม, สพฺพํ ตํ หตฺถตเล อามลกํ วิย ปสฺสตีติ ทโส. อวิปรีตํ อาสยาทิอวโพเธน หิตูปสํหาราทินา จ สตฺเต, ภาวฺถตฺตูปนยวเสน สงฺขาเร สพฺพากาเรน สุจิณฺณวสิตาย สมาปตฺติโย จิตฺตฺจ วเส วตฺเตตีติ วสวตฺตี. เอตฺตาวตา อภิภวนฏฺเน ภควา อตฺตโน ตถาคตภาวํ ทสฺเสติ.

ตตฺเรวํ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา – อคโท วิย อคโท. โก ปเนส? เทสนาวิลาโส เจว ปุฺุสฺสโย จ. เตเนว เหส มหานุภาโว ภิสกฺโก วิย ทิพฺพาคเทน สปฺเป, สพฺเพ ปรปฺปวาทิโน สเทวกฺจ โลกํ อภิภวติ. อิติ สพฺพโลกาภิภวเน ตโถ อวิปรีโต เทสนาวิลาโส เจว ปุฺุสฺสโย จ อคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เวทิตพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… วสวตฺตี, ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ.

คาถาสุ สพฺพโลกํ อภิฺายาติ เตธาตุกโลกสนฺนิวาสํ ชานิตฺวา. สพฺพโลเก ยถาตถนฺติ ตสฺมึ เตธาตุกโลกสนฺนิวาเส ยํกิฺจิ เนยฺยํ, ตํ สพฺพํ ยถาตถํ อวิปรีตํ ชานิตฺวา. สพฺพโลกวิสํยุตฺโตติ จตุนฺนํ โยคานํ อนวเสสปฺปหาเนน สพฺเพนปิ โลเกน วิสํยุตฺโต วิปฺปมุตฺโต. อนูปโยติ สพฺพสฺมิมฺปิ โลเก ตณฺหาทิฏฺิอุปเยหิ อนูปโย เตหิ อุปเยหิ วิรหิโต.

สพฺพาภิภูติ รูปาทีนิ สพฺพารมฺมณานิ, สพฺพํ สงฺขารคตํ, สพฺเพปิ มาเร อภิภวิตฺวา ิโต. ธีโรติ ธิติสมฺปนฺโน. สพฺพคนฺถปฺปโมจโนติ สพฺเพ อภิชฺฌากายคนฺถาทิเก โมเจตฺวา ิโต เวเนยฺยสนฺตาเนปิ อตฺตโน เทสนาวิลาเสน เตสํ ปโมจนโต สพฺพคนฺถปฺปโมจโน. ผุฏฺาสฺสาติ ผุฏฺา อสฺส. กรณตฺเถ อิทํ สามิวจนํ, ผุฏฺา อเนนาติ อตฺโถ. ปรมา สนฺตีติ นิพฺพานํ. ตฺหิ เตน าณผุสเนน ผุฏฺํ. เตเนวาห ‘‘นิพฺพานํ อกุโตภย’’นฺติ. อถ วา ปรมา สนฺตีติ อุตฺตมา สนฺติ. กตรา สาติ? นิพฺพานํ. ยสฺมา ปน นิพฺพาเน กุโตจิ ภยํ นตฺถิ, ตสฺมา ตํ อกุโตภยนฺติ วุจฺจติ.

อนีโฆติ นิทฺทุกฺโข. สพฺพกมฺมกฺขยํ ปตฺโตติ สพฺเพสํ กมฺมานํ ขยํ ปริโยสานํ อจฺจนฺตาภาวํ ปตฺโต. วิมุตฺโต อุปธิสงฺขเยติ อุปธิสงฺขยสงฺขาเต นิพฺพาเน ตทารมฺมณาย ผลวิมุตฺติยา วิมุตฺโต. เอส โสติ เอโส โส. สีโห อนุตฺตโรติ ปริสฺสยานํ สหนฏฺเน, กิเลสานํ หนนฏฺเน จ, ตถาคโต อนุตฺตโร สีโห นาม. พฺรหฺมนฺติ เสฏฺํ. จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํ. ปวตฺตยีติ ติปริวฏฺฏํ ทฺวาทสาการํ ปวตฺเตสิ.

อิตีติ เอวํ ตถาคตสฺส คุเณ ชานิตฺวา. สงฺคมฺมาติ สมาคนฺตฺวา. ตํนมสฺสนฺตีติ ตํ ตถาคตํ เต สรณํ คตา เทวมนุสฺสา นมสฺสนฺติ. มหนฺเตหิ สีลาทิคุเณหิ สมนฺนาคตตฺตา มหนฺตํ, จตุเวสารชฺชโยเคน วีตสารทํ. อิทานิ ยํ วทนฺตา เต นมสฺสนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ทนฺโตติอาทิ วุตฺตํ. ตํ อุตฺตานตฺถเมว.

อิติ อิมสฺมึ จตุกฺกนิปาเต ฉฏฺเ สตฺตเม จ สุตฺเต วฏฺฏํ กถิตํ, ปมทุติยตติยทฺวาทสมเตรสเมสุ วิวฏฺฏํ กถิตํ, เสเสสุ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํ.

เตรสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ปรมตฺถทีปนิยา

ขุทฺทกนิกาย-อฏฺกถาย

อิติวุตฺตกสฺส จตุกฺกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิคมนกถา

เอตฺตาวตา จ –

ธมฺมิสฺสเรน ชคโต, ธมฺมาโลกวิธายินา;

ธมฺมานํ โพธเนยฺยานํ, ชานตา เทสนาวิธึ.

ตํ ตํ นิทานมาคมฺม, สพฺพโลกหิเตสินา;

เอกกาทิปฺปเภเทน, เทสิตานิ มเหสินา.

ทสุตฺตรสตํ ทฺเว จ, สุตฺตานิ อิติวุตฺตกํ;

อิติวุตฺตปฺปเภเทน, สงฺคายึสุ มเหสโย.

ฉฬภิฺา วสิปฺปตฺตา, ปภินฺนปฏิสมฺภิทา;

ยํ ตํ สาสนโธรยฺหา, ธมฺมสงฺคาหกา ปุเร.

ตสฺส อตฺถํ ปกาเสตุํ, โปราณฏฺกถานยํ;

นิสฺสาย ยา สมารทฺธา, อตฺถสํวณฺณนา มยา.

สา ตตฺถ ปรมตฺถานํ, สุตฺตนฺเตสุ ยถารหํ;

ปกาสนา ปรมตฺถ-ทีปนี นาม นามโต.

สมฺปตฺตา ปรินิฏฺานํ, อนากุลวินิจฺฉยา;

อฏฺตฺตึสปฺปมาณาย, ปาฬิยา ภาณวารโต.

อิติ ตํ สงฺขโรนฺเตน, ยํ ตํ อธิคตํ มยา;

ปุฺํ ตสฺสานุภาเวน, โลกนาถสฺส สาสนํ.

โอคาเหตฺวา วิสุทฺธาย, สีลาทิปฏิปตฺติยา;

สพฺเพปิ ปาณิโน โหนฺตุ, วิมุตฺติรสภาคิโน.

จิรํ ติฏฺตุ โลกสฺมึ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ;

ตสฺมึ สคารวา นิจฺจํ, โหนฺตุ สพฺเพปิ ปาณิโน.

สมฺมา วสฺสตุ กาเลน, เทโวปิ ชคติปฺปติ;

สทฺธมฺมนิรโต โลกํ, ธมฺเมเนว ปสาสตูติ.

อิติ พทรติตฺถวิหารวาสินา อาจริยธมฺมปาเลน กตา

อิติวุตฺตกสฺส อฏฺกถา นิฏฺิตา.