📜
๒. จูฬวคฺโค
๑. รตนสุตฺตวณฺณนา
ยานีธ ¶ ¶ ¶ ภูตานีติ รตนสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อตีเต กิร เวสาลิยํ ทุพฺภิกฺขาทโย อุปทฺทวา อุปฺปชฺชึสุ. เตสํ วูปสมนตฺถาย ลิจฺฉวโย ราชคหํ คนฺตฺวา, ยาจิตฺวา, ภควนฺตํ เวสาลิมานยึสุ. เอวํ อานีโต ภควา เตสํ อุปทฺทวานํ วูปสมนตฺถาย อิทํ สุตฺตมภาสิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. โปราณา ปนสฺส เวสาลิวตฺถุโต ปภุติ อุปฺปตฺตึ วณฺณยนฺติ. สา เอวํ เวทิตพฺพา – พาราณสิรฺโ กิร อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ คพฺโภ สณฺาสิ. สา ตํ ตฺวา รฺโ นิเวเทสิ. ราชา คพฺภปริหารํ อทาสิ. สา สมฺมา ปริหริยมานคพฺภา คพฺภปริปากกาเล วิชายนฆรํ ปาวิสิ. ปฺุวตีนํ ปจฺจูสสมเย คพฺภวุฏฺานํ โหติ, สา จ ตาสํ อฺตรา, เตน ปจฺจูสสมเย อลตฺตกปฏลพนฺธุชีวกปุปฺผสทิสํ มํสเปสึ วิชายิ. ตโต ‘‘อฺา เทวิโย สุวณฺณพิมฺพสทิเส ปุตฺเต วิชายนฺติ, อคฺคมเหสี มํสเปสินฺติ รฺโ ปุรโต มม อวณฺโณ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา เตน อวณฺณภเยน ตํ มํสเปสึ เอกสฺมึ ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา อฺเน ปฏิกุชฺชิตฺวา ราชมุทฺทิกาย ลฺเฉตฺวา คงฺคาย โสเต ปกฺขิปาเปสิ. มนุสฺเสหิ ฉฑฺฑิตมตฺเต เทวตา อารกฺขํ สํวิทหึสุ. สุวณฺณปฏฺฏิกฺเจตฺถ ชาติหิงฺคุลเกน ‘‘พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา ปชา’’ติ ลิขิตฺวา พนฺธึสุ. ตโต ตํ ภาชนํ อูมิภยาทีหิ อนุปทฺทุตํ คงฺคาย โสเตน ปายาสิ.
เตน จ สมเยน อฺตโร ตาปโส โคปาลกุลํ นิสฺสาย คงฺคาย ตีเร วสติ. โส ปาโตวคงฺคํ โอติณฺโณ ตํ ภาชนํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปํสุกูลสฺาย อคฺคเหสิ. ตโต ตตฺถ ตํ อกฺขรปฏฺฏิกํ ราชมุทฺทิกาลฺฉนฺจ ทิสฺวา มฺุจิตฺวา ตํ มํสเปสึ อทฺทส. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สิยา คพฺโภ, ตถา หิสฺส ทุคฺคนฺธปูติภาโว นตฺถี’’ติ ตํ อสฺสมํ เนตฺวา สุทฺเธ โอกาเส เปสิ. อถ อฑฺฒมาสจฺจเยน ทฺเว มํสเปสิโย อเหสุํ. ตาปโส ทิสฺวา สาธุกตรํ เปสิ. ตโต ปุน อทฺธมาสจฺจเยน เอกเมกิสฺสา เปสิยา หตฺถปาทสีสานมตฺถาย ปฺจ ปฺจ ปิฬกา ¶ อุฏฺหึสุ. อถ ตโต อทฺธมาสจฺจเยน เอกา ¶ มํสเปสิ สุวณฺณพิมฺพสทิโส ทารโก; เอกา ทาริกา อโหสิ. เตสุ ตาปสสฺส ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิ, องฺคุฏฺโต จสฺส ขีรํ นิพฺพตฺติ, ตโต ปภุติ จ ขีรภตฺตํ ลภติ. โส ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา ขีรํ ทารกานํ มุเข อาสิฺจติ. เตสํ ยํ ยํ อุทรํ ปวิสติ, ตํ สพฺพํ มณิภาชนคตํ วิย ทิสฺสติ. เอวํ นิจฺฉวี อเหสุํ. อปเร ปน อาหุ – ‘‘สิพฺพิตฺวา ปิตา วิย เนสํ อฺมฺํ ลีนา ฉวิ อโหสี’’ติ. เอวํ เต นิจฺฉวิตาย วา ลีนจฺฉวิตาย วา ลิจฺฉวีติ ปฺายึสุ.
ตาปโส ทารเก โปเสนฺโต อุสฺสูเร คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, อติทิวา ปฏิกฺกมติ. ตสฺส ตํ พฺยาปารํ ตฺวา โคปาลกา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, ปพฺพชิตานํ ทารกโปสนํ ปลิโพโธ, อมฺหากํ ทารเก เทถ, มยํ โปเสสฺสาม, ตุมฺเห อตฺตโน กมฺมํ กโรถา’’ติ. ตาปโส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. โคปาลกา ทุติยทิวเส มคฺคํ สมํ กตฺวา, ปุปฺเผหิ โอกิริตฺวา; ธชปฏากา อุสฺสาเปตฺวา ตูริเยหิ วชฺชมาเนหิ อสฺสมํ อาคตา. ตาปโส ‘‘มหาปฺุา ทารกา, อปฺปมาเทน วฑฺเฒถ, วฑฺเฒตฺวา จ อฺมฺํ อาวาหวิวาหํ กโรถ, ปฺจโครเสน ราชานํ โตเสตฺวา ภูมิภาคํ คเหตฺวา นครํ มาเปถ, ตตฺร กุมารํ อภิสิฺจถา’’ติ วตฺวา ทารเก อทาสิ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ทารเก เนตฺวา โปเสสุํ.
ทารกา วฑฺฒิมนฺวาย กีฬนฺตา วิวาทฏฺาเนสุ อฺเ โคปาลทารเก หตฺเถนปิ ปาเทนปิ ปหรนฺติ, เต โรทนฺติ. ‘‘กิสฺส โรทถา’’ติ จ มาตาปิตูหิ วุตฺตา ‘‘อิเม นิมฺมาตาปิติกา ตาปสโปสิตา อมฺเห อตีว ปหรนฺตี’’ติ วทนฺติ. ตโต เตสํ มาตาปิตโร ‘‘อิเม ทารกา อฺเ ทารเก วิเหเนฺติ ทุกฺขาเปนฺติ, น อิเม สงฺคเหตพฺพา, วชฺเชตพฺพา อิเม’’ติ อาหํสุ. ตโต ปภุติ กิร โส ปเทโส ‘‘วชฺชี’’ติ วุจฺจติ โยชนสตํ ปริมาเณน. อถ ตํ ปเทสํ โคปาลกา ราชานํ โตเสตฺวา อคฺคเหสุํ. ตตฺเถว นครํ มาเปตฺวา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ กุมารํ อภิสิฺจิตฺวา ราชานํ อกํสุ. ตาย จสฺส ทาริกาย สทฺธึ วาเรยฺยํ กตฺวา กติกํ อกํสุ – ‘‘น พาหิรโต ทาริกา อาเนตพฺพา, อิโต ทาริกา น กสฺสจิ ทาตพฺพา’’ติ. เตสํ ปมสํวาเสน ทฺเว ทารกา ชาตา ธีตา จ ปุตฺโต จ, เอวํ โสฬสกฺขตฺตุํ ทฺเว ทฺเว ชาตา. ตโต เตสํ ¶ ทารกานํ ยถากฺกมํ วฑฺฒนฺตานํ อารามุยฺยานนิวาสนฏฺานปริวารสมฺปตฺตึ คเหตุํ อปฺปโหนฺตํ ตํ นครํ ติกฺขตฺตุํ คาวุตนฺตเรน คาวุตนฺตเรน ปากาเรน ปริกฺขิปึสุ. ตสฺส ปุนปฺปุนํ วิสาลีกตตฺตา เวสาลีตฺเวว นามํ ชาตํ. อิทํ เวสาลีวตฺถุ.
อยํ ปน เวสาลี ภควโต อุปฺปนฺนกาเล อิทฺธา เวปุลฺลปฺปตฺตา อโหสิ. ตตฺถ หิ ราชูนํเยว สตฺต สหสฺสานิ สตฺต จ สตานิ สตฺต จ ราชาโน อเหสุํ, ตถา ยุวราชเสนาปติภณฺฑาคาริกปฺปภุตีนํ. ยถาห –
‘‘เตน ¶ โข ปน สมเยน เวสาลี อิทฺธา เจว โหติ ผีตา จ พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา สุภิกฺขา จ, สตฺต จ ปาสาทสหสฺสานิ, สตฺต จ ปาสาทสตานิ, สตฺต จ ปาสาทา, สตฺต จ กูฏาคารสหสฺสานิ, สตฺต จ กูฏาคารสตานิ, สตฺต จ กูฏาคารานิ, สตฺต จ อารามสหสฺสานิ, สตฺต จ อารามสตานิ, สตฺต จ อารามา, สตฺต จ โปกฺขรณิสหสฺสานิ, สตฺต จ โปกฺขรณิสตานิ, สตฺต จ โปกฺขรณิโย’’ติ (มหาว. ๓๒๖).
สา อปเรน สมเยน ทุพฺภิกฺขา อโหสิ ทุพฺพุฏฺิกา ทุสฺสสฺสา. ปมํ ทุคฺคตมนุสฺสา มรนฺติ, เต พหิทฺธา ฉฑฺเฑนฺติ. มตมนุสฺสานํ กุณปคนฺเธน อมนุสฺสา นครํ ปวิสึสุ. ตโต พหุตรา มียนฺติ, ตาย ปฏิกูลตาย จ สตฺตานํ อหิวาตกโรโค อุปฺปชฺชิ. อิติ ตีหิ ทุพฺภิกฺขอมนุสฺสโรคภเยหิ อุปทฺทุตาย เวสาลิยา นครวาสิโน อุปสงฺกมิตฺวา ราชานมาหํสุ – ‘‘มหาราช, อิมสฺมึ นคเร ติวิธํ ภยมุปฺปนฺนํ, อิโต ปุพฺเพ ยาว สตฺตมา ราชกุลปริวฏฺฏา เอวรูปํ อนุปฺปนฺนปุพฺพํ, ตุมฺหากํ มฺเ อธมฺมิกตฺเตน เอตรหิ อุปฺปนฺน’’นฺติ. ราชา สพฺเพ สนฺถาคาเร สนฺนิปาตาเปตฺวา, ‘‘มยฺหํ อธมฺมิกภาวํ วิจินถา’’ติ อาห. เต สพฺพํ ปเวณึ วิจินนฺตา น กิฺจิ อทฺทสํสุ.
ตโต รฺโ โทสํ อทิสฺวา ‘‘อิทํ ภยํ อมฺหากํ กถํ วูปสเมยฺยา’’ติ จินฺเตสุํ. ตตฺถ เอกจฺเจ ฉ สตฺถาโร อปทิสึสุ – ‘‘เอเตหิ โอกฺกนฺตมตฺเต วูปสมิสฺสตี’’ติ. เอกจฺเจ อาหํสุ – ‘‘พุทฺโธ กิร โลเก อุปฺปนฺโน, โส ภควา สพฺพสตฺตหิตาย ธมฺมํ เทเสติ มหิทฺธิโก ¶ มหานุภาโว, เตน โอกฺกนฺตมตฺเต สพฺพภยานิ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ. เตน เต อตฺตมนา หุตฺวา ‘‘กหํ ปน โส ภควา เอตรหิ วิหรติ, อมฺเหหิ วา เปสิเต อาคจฺเฉยฺยา’’ติ อาหํสุ. อถาปเร อาหํสุ – ‘‘พุทฺธา นาม อนุกมฺปกา, กิสฺส นาคจฺเฉยฺยุํ, โส ปน ภควา เอตรหิ ราชคเห วิหรติ, ราชา จ พิมฺพิสาโร ตํ อุปฏฺหติ, กทาจิ โส อาคนฺตุํ น ทเทยฺยา’’ติ. ‘‘เตน หิ ราชานํ สฺาเปตฺวา อาเนสฺสามา’’ติ ทฺเว ลิจฺฉวิราชาโน มหตา พลกาเยน ปหูตํ ปณฺณาการํ ทตฺวา รฺโ สนฺติกํ เปเสสุํ – ‘‘พิมฺพิสารํ สฺาเปตฺวา ภควนฺตํ อาเนถา’’ติ. เต คนฺตฺวา รฺโ ปณฺณาการํ ทตฺวา ตํ ปวตฺตึ นิเวเทตฺวา ‘‘มหาราช, ภควนฺตํ อมฺหากํ นครํ เปเสหี’’ติ อาหํสุ. ราชา น สมฺปฏิจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห เอว ชานาถา’’ติ อาห. เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ นคเร ตีณิ ภยานิ อุปฺปนฺนานิ. สเจ ภควา อาคจฺเฉยฺย, โสตฺถิ โน ภเวยฺยา’’ติ. ภควา อาวชฺเชตฺวา ‘‘เวสาลิยํ รตนสุตฺเต วุตฺเต สา รกฺขา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬานิ ผริสฺสติ, สุตฺตปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ อธิวาเสสิ. อถ ราชา พิมฺพิสาโร ภควโต อธิวาสนํ สุตฺวา ‘‘ภควตา เวสาลิคมนํ อธิวาสิต’’นฺติ นคเร โฆสนํ การาเปตฺวา ภควนฺตํ ¶ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘กึ, ภนฺเต, สมฺปฏิจฺฉิตฺถ เวสาลิคมน’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อาคเมถ, ยาว มคฺคํ ปฏิยาเทมี’’ติ.
อถ โข ราชา พิมฺพิสาโร ราชคหสฺส จ คงฺคาย จ อนฺตรา ปฺจโยชนํ ภูมึ สมํ กตฺวา, โยชเน โยชเน วิหารํ มาเปตฺวา, ภควโต คมนกาลํ ปฏิเวเทสิ. ภควา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ ปริวุโต ปายาสิ. ราชา ปฺจโยชนํ มคฺคํ ปฺจวณฺเณหิ ปุปฺเผหิ ชาณุมตฺตํ โอกิราเปตฺวา ธชปฏากาปุณฺณฆฏกทลิอาทีนิ อุสฺสาเปตฺวา ภควโต ทฺเว เสตจฺฉตฺตานิ, เอเกกสฺส จ ภิกฺขุสฺส เอกเมกํ อุกฺขิปาเปตฺวา สทฺธึ อตฺตโน ปริวาเรน ปุปฺผคนฺธาทีหิ ปูชํ กโรนฺโต เอเกกสฺมึ วิหาเร ภควนฺตํ วสาเปตฺวา มหาทานานิ ทตฺวา ปฺจหิ ทิวเสหิ คงฺคาตีรํ เนสิ. ตตฺถ สพฺพาลงฺกาเรหิ นาวํ อลงฺกโรนฺโต เวสาลิกานํ สาสนํ เปเสสิ – ‘‘อาคโต ภควา, มคฺคํ ปฏิยาเทตฺวา สพฺเพ ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ ¶ กโรถา’’ติ. เต ‘‘ทิคุณํ ปูชํ กริสฺสามา’’ติ เวสาลิยา จ คงฺคาย จ อนฺตรา ติโยชนํ ภูมึ สมํ กตฺวา ภควโต จตฺตาริ, เอเกกสฺส จ ภิกฺขุโน ทฺเว ทฺเว เสตจฺฉตฺตานิ สชฺเชตฺวา ปูชํ กุรุมานา คงฺคาตีเร อาคนฺตฺวา อฏฺํสุ.
พิมฺพิสาโร ทฺเว นาวาโย สงฺฆาเฏตฺวา, มณฺฑปํ กตฺวา, ปุปฺผทามาทีหิ อลงฺกริตฺวา ตตฺถ สพฺพรตนมยํ พุทฺธาสนํ ปฺาเปสิ. ภควา ตสฺมึ นิสีทิ. ปฺจสตา ภิกฺขูปิ นาวํ อภิรุหิตฺวา ยถานุรูปํ นิสีทึสุ. ราชา ภควนฺตํ อนุคจฺฉนฺโต คลปฺปมาณํ อุทกํ โอโรหิตฺวา ‘‘ยาว, ภนฺเต, ภควา อาคจฺฉติ, ตาวาหํ อิเธว คงฺคาตีเร วสิสฺสามี’’ติ วตฺวา นิวตฺโต. อุปริ เทวตา ยาว อกนิฏฺภวนา ปูชมกํสุ, เหฏฺา คงฺคานิวาสิโน กมฺพลสฺสตราทโย นาคา ปูชมกํสุ. เอวํ มหติยา ปูชาย ภควา โยชนมตฺตํ อทฺธานํ คงฺคาย คนฺตฺวา เวสาลิกานํ สีมนฺตรํ ปวิฏฺโ.
ตโต ลิจฺฉวิราชาโน เตน พิมฺพิสาเรน กตปูชาย ทิคุณํ กโรนฺตา คลปฺปมาเณ อุทเก ภควนฺตํ ปจฺจุคฺคจฺฉึสุ. เตเนว ขเณน เตน มุหุตฺเตน วิชฺชุปฺปภาวินทฺธนฺธการวิสฏกูโฏ คฬคฬายนฺโต จตูสุ ทิสาสุ มหาเมโฆ วุฏฺาสิ. อถ ภควตา ปมปาเท คงฺคาตีเร นิกฺขิตฺตมตฺเต โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. เย เตเมตุกามา, เต เอว เตเมนฺติ, อเตเมตุกามา น เตเมนฺติ. สพฺพตฺถ ชาณุมตฺตํ อูรุมตฺตํ กฏิมตฺตํ คลปฺปมาณํ อุทกํ วหติ, สพฺพกุณปานิ อุทเกน คงฺคํ ปเวสิตานิ ปริสุทฺโธ ภูมิภาโค อโหสิ.
ลิจฺฉวิราชาโน ภควนฺตํ อนฺตรา โยชเน โยชเน วาสาเปตฺวา มหาทานานิ ทตฺวา ตีหิ ทิวเสหิ ทิคุณํ ปูชํ กโรนฺตา เวสาลึ นยึสุ. เวสาลึ สมฺปตฺเต ภควติ สกฺโก เทวานมินฺโท ¶ เทวสงฺฆปุรกฺขโต อาคจฺฉิ, มเหสกฺขานํ เทวานํ สนฺนิปาเตน อมนุสฺสา เยภุยฺเยน ปลายึสุ. ภควา นครทฺวาเร ตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ อานนฺท, รตนสุตฺตํ อุคฺคเหตฺวา พลิกมฺมูปกรณานิ คเหตฺวา ลิจฺฉวิกุมาเรหิ สทฺธึ เวสาลิยา ตีสุ ปาการนฺตเรสุ วิจรนฺโต ปริตฺตํ กโรหี’’ติ รตนสุตฺตํ อภาสิ. เอวํ ‘‘เกน ปเนตํ สุตฺตํ, กทา, กตฺถ, กสฺมา จ วุตฺต’’นฺติ เอเตสํ ปฺหานํ วิสฺสชฺชนา วิตฺถาเรน เวสาลิวตฺถุโต ปภุติ โปราเณหิ วณฺณิยติ.
เอวํ ¶ ภควโต เวสาลึ อนุปฺปตฺตทิวเสเยว เวสาลินครทฺวาเร เตสํ อุปทฺทวานํ ปฏิฆาตตฺถาย วุตฺตมิทํ รตนสุตฺตํ อุคฺคเหตฺวา อายสฺมา อานนฺโท ปริตฺตตฺถาย ภาสมาโน ภควโต ปตฺเตน อุทกํ อาทาย สพฺพนครํ อพฺภุกฺกิรนฺโต อนุวิจริ. ‘‘ยํ กิฺจี’’ติ วุตฺตมตฺเตเยว จ เถเรน เย ปุพฺเพ อปลาตา สงฺการกูฏภิตฺติปฺปเทสาทินิสฺสิตา อมนุสฺสา, เต จตูหิ ทฺวาเรหิ ปลายึสุ, ทฺวารานิ อโนกาสานิ อเหสุํ. ตโต เอกจฺเจ ทฺวาเรสุ โอกาสํ อลภมานา ปาการํ ภินฺทิตฺวา ปลาตา. อมนุสฺเสสุ คตมตฺเตสุ มนุสฺสานํ คตฺเตสุ โรโค วูปสนฺโต, เต นิกฺขมิตฺวา สพฺพคนฺธปุปฺผาทีหิ เถรํ ปูเชสุํ. มหาชโน นครมชฺเฌ สนฺถาคารํ สพฺพคนฺเธหิ ลิมฺปิตฺวา วิตานํ กตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา ตตฺถ พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา ภควนฺตํ อาเนสิ.
ภควา สนฺถาคารํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข ราชาโน มนุสฺสา จ ปติรูเป โอกาเส นิสีทึสุ. สกฺโกปิ เทวานมินฺโท ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวปริสาย สทฺธึ อุปนิสีทิ อฺเ จ เทวา. อานนฺทตฺเถโรปิ สพฺพํ เวสาลึ อนุวิจรนฺโต อารกฺขํ กตฺวา เวสาลินครวาสีหิ สทฺธึ อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตตฺถ ภควา สพฺเพสํ ตเทว รตนสุตฺตํ อภาสีติ.
๒๒๔. ตตฺถ ยานีธ ภูตานีติ ปมคาถายํ ยานีติ ยาทิสานิ อปฺเปสกฺขานิ วา มเหสกฺขานิ วา. อิธาติ อิมสฺมึ ปเทเส, ตสฺมึ ขเณ สนฺนิปติตฏฺานํ สนฺธายาห. ภูตานีติ กิฺจาปิ ภูตสทฺโท ‘‘ภูตสฺมึ ปาจิตฺติย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ปาจิ. ๖๙) วิชฺชมาเน, ‘‘ภูตมิทนฺติ, ภิกฺขเว, สมนุปสฺสถา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๐๑) ขนฺธปฺจเก, ‘‘จตฺตาโร โข, ภิกฺขุ, มหาภูตา เหตู’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) จตุพฺพิเธ ปถวีธาตฺวาทิรูเป, ‘‘โย จ กาลฆโส ภูโต’’ติ เอวมาทีสุ (ชา. ๑.๒.๑๙๐) ขีณาสเว, ‘‘สพฺเพว นิกฺขิปิสฺสนฺติ, ภูตา โลเก สมุสฺสย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๒๐) สพฺพสตฺเต, ‘‘ภูตคามปาตพฺยตายา’’ติ เอวมาทีสุ (ปาจิ. ๙๐) รุกฺขาทิเก, ‘‘ภูตํ ภูตโต สฺชานาตี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓) จาตุมหาราชิกานํ เหฏฺา สตฺตนิกายํ อุปาทาย วตฺตติ. อิธ ปน อวิเสสโต อมนุสฺเสสุ ทฏฺพฺโพ.
สมาคตานีติ ¶ ¶ สนฺนิปติตานิ. ภุมฺมานีติ ภูมิยํ นิพฺพตฺตานิ. วาติ วิกปฺปเน. เตน ยานีธ ภุมฺมานิ วา ภูตานิ สมาคตานีติ อิมเมกํ วิกปฺปํ กตฺวา ปุน ทุติยํ วิกปฺปํ กาตุํ ‘‘ยานิ วา อนฺตลิกฺเข’’ติ อาห. อนฺตลิกฺเข วา ยานิ ภูตานิ นิพฺพตฺตานิ, ตานิ สพฺพานิ อิธ สมาคตานีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ยามโต ยาว อกนิฏฺํ, ตาว นิพฺพตฺตานิ ภูตานิ อากาเส ปาตุภูตวิมาเนสุ นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘อนฺตลิกฺเข ภูตานี’’ติ เวทิตพฺพานิ. ตโต เหฏฺา สิเนรุโต ปภุติ ยาว ภูมิยํ รุกฺขลตาทีสุ อธิวตฺถานิ ปถวิยฺจ นิพฺพตฺตานิ ภูตานิ, ตานิ สพฺพานิ ภูมิยํ ภูมิปฏิพทฺเธสุ จ รุกฺขลตาปพฺพตาทีสุ นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘ภุมฺมานิ ภูตานี’’ติ เวทิตพฺพานิ.
เอวํ ภควา สพฺพาเนว อมนุสฺสภูตานิ ‘‘ภุมฺมานิ วา ยานิ ว อนฺตลิกฺเข’’ติ ทฺวีหิ ปเทหิ วิกปฺเปตฺวา ปุน เอเกน ปเทน ปริคฺคเหตฺวา ‘‘สพฺเพว ภูตา สุมนา ภวนฺตู’’ติ อาห. สพฺเพติ อนวเสสา. เอวาติ อวธารเณ, เอกมฺปิ อนปเนตฺวาติ อธิปฺปาโย. ภูตาติ อมนุสฺสา. สุมนา ภวนฺตูติ สุขิตมนา, ปีติโสมนสฺสชาตา ภวนฺตูติ อตฺโถ. อโถปีติ กิจฺจนฺตรสนฺนิโยชนตฺถํ วากฺโยปาทาเน นิปาตทฺวยํ. สกฺกจฺจ สุณนฺตุ ภาสิตนฺติ อฏฺึ กตฺวา, มนสิ กตฺวา, สพฺพเจตโส สมนฺนาหริตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺติโลกุตฺตรสุขาวหํ มม เทสนํ สุณนฺตุ.
เอวเมตฺถ ภควา ‘‘ยานีธ ภูตานิ สมาคตานี’’ติ อนิยมิตวจเนน ภูตานิ ปริคฺคเหตฺวา ปุน ‘‘ภุมฺมานิ วา ยานิ ว อนฺตลิกฺเข’’ติ ทฺวิธา วิกปฺเปตฺวา ตโต ‘‘สพฺเพว ภูตา’’ติ ปุน เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘สุมนา ภวนฺตู’’ติ อิมินา วจเนน อาสยสมฺปตฺติยํ นิโยเชนฺโต ‘‘สกฺกจฺจ สุณนฺตุ ภาสิต’’นฺติ ปโยคสมฺปตฺติยํ, ตถา โยนิโสมนสิการสมฺปตฺติยํ ปรโตโฆสสมฺปตฺติยฺจ, ตถา อตฺตสมฺมาปณิธิสปฺปุริสูปนิสฺสยสมฺปตฺตีสุ สมาธิปฺาเหตุสมฺปตฺตีสุ จ นิโยเชนฺโต คาถํ สมาเปสิ.
๒๒๕. ตสฺมา หิ ภูตาติ ทุติยคาถา. ตตฺถ ตสฺมาติ การณวจนํ. ภูตาติ อามนฺตนวจนํ. นิสาเมถาติ สุณาถ. สพฺเพติ อนวเสสา ¶ . กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺมา ตุมฺเห ทิพฺพฏฺานานิ ตตฺถ อุปโภคสมฺปทฺจ ปหาย ธมฺมสฺสวนตฺถํ อิธ สมาคตา, น นฏนจฺจนาทิทสฺสนตฺถํ, ตสฺมา หิ ภูตา นิสาเมถ สพฺเพติ. อถ วา ‘‘สุมนา ภวนฺตุ สกฺกจฺจ สุณนฺตู’’ติ วจเนน เตสํ สุมนภาวํ สกฺกจฺจํ โสตุกมฺยตฺจ ทิสฺวา อาห – ยสฺมา ตุมฺเห สุมนภาเวน อตฺตสมฺมาปณิธิโยนิโสมนสิการาสยสุทฺธีหิ สกฺกจฺจํ โสตุกมฺยตาย สปฺปุริสูปนิสฺสยปรโตโฆสปทฏฺานโต ปโยคสุทฺธีหิ จ ยุตฺตา, ตสฺมา หิ ภูตา นิสาเมถ สพฺเพติ. อถ วา ยํ ปุริมคาถาย อนฺเต ‘‘ภาสิต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ การณภาเวน อปทิสนฺโต อาห – ‘‘ยสฺมา มม ภาสิตํ นาม อติทุลฺลภํ อฏฺกฺขณปริวชฺชิตสฺส ขณสฺส ¶ ทุลฺลภตฺตา, อเนกานิสํสฺจ ปฺากรุณาคุเณน ปวตฺตตฺตา, ตฺจาหํ วตฺตุกาโม ‘สุณนฺตุ ภาสิต’นฺติ อโวจํ. ตสฺมา หิ ภูตา นิสาเมถ สพฺเพ’’ติ อิทํ อิมินา คาถาปเทน วุตฺตํ โหติ.
เอวเมตํ การณํ นิโรเปนฺโต อตฺตโน ภาสิตนิสามเน นิโยเชตฺวา นิสาเมตพฺพํ วตฺตุมารทฺโธ ‘‘เมตฺตํ กโรถ มานุสิยา ปชายา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยายํ ตีหิ อุปทฺทเวหิ อุปทฺทุตา มานุสี ปชา, ตสฺสา มานุสิยา ปชาย มิตฺตภาวํ หิตชฺฌาสยตํ ปจฺจุปฏฺาเปถาติ. เกจิ ปน ‘‘มานุสิยํ ปช’’นฺติ ปนฺติ, ตํ ภุมฺมตฺถาสมฺภวา น ยุชฺชติ. ยมฺปิ จฺเ อตฺถํ วณฺณยนฺติ, โสปิ น ยุชฺชติ. อธิปฺปาโย ปเนตฺถ – นาหํ พุทฺโธติ อิสฺสริยพเลน วทามิ, อปิจ ปน ตุมฺหากฺจ อิมิสฺสา จ มานุสิยา ปชาย หิตตฺถํ วทามิ – ‘‘เมตฺตํ กโรถ มานุสิยา ปชายา’’ติ. เอตฺถ จ –
‘‘เย สตฺตสณฺฑํ ปถวึ วิเชตฺวา, ราชิสโย ยชมานา อนุปริยคา;
อสฺสเมธํ ปุริสเมธํ, สมฺมาปาสํ วาชเปยฺยํ นิรคฺคฬํ.
‘‘เมตฺตสฺส จิตฺตสฺส สุภาวิตสฺส, กลมฺปิ เต นานุภวนฺติ โสฬสึ.
‘‘เอกมฺปิ ¶ เจ ปาณมทุฏฺจิตฺโต, เมตฺตายติ กุสลี เตน โหติ;
สพฺเพ จ ปาเณ มนสานุกมฺปี, ปหูตมริโย ปกโรติ ปฺุ’’นฺติ. (อ. นิ. ๘.๑) –
เอวมาทีนํ สุตฺตานํ เอกาทสานิสํสานฺจ วเสน เย เมตฺตํ กโรนฺติ, เตสํ เมตฺตา หิตาติ เวทิตพฺพา.
‘‘เทวตานุกมฺปิโต โปโส, สทา ภทฺรานิ ปสฺสตี’’ติ. (ที. นิ. ๒.๑๕๓; อุทา. ๗๖; มหาว. ๒๘๖) –
เอวมาทีนํ วเสน เยสุ กรียติ, เตสมฺปิ หิตาติ เวทิตพฺพา.
เอวํ อุภเยสมฺปิ หิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เมตฺตํ กโรถ มานุสิยา ปชายา’’ติ วตฺวา อิทานิ อุปการมฺปิ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ทิวา จ รตฺโต จ หรนฺติ เย พลึ, ตสฺมา หิ เน รกฺขถ อปฺปมตฺตา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – เย มนุสฺสา จิตฺตกมฺมกฏฺกมฺมาทีหิปิ เทวตา กตฺวา เจติยรุกฺขาทีนิ ¶ จ อุปสงฺกมิตฺวา เทวตา อุทฺทิสฺส ทิวา พลึ กโรนฺติ, กาฬปกฺขาทีสุ จ รตฺตึ พลึ กโรนฺติ. สลากภตฺตาทีนิ วา ทตฺวา อารกฺขเทวตา อุปาทาย ยาว พฺรหฺมเทวตานํ ปตฺติทานนิยฺยาตเนน ทิวา พลึ กโรนฺติ, ฉตฺตาโรปนทีปมาลา สพฺพรตฺติกธมฺมสฺสวนาทีนิ การาเปตฺวา ปตฺติทานนิยฺยาตเนน จ รตฺตึ พลึ กโรนฺติ, เต กถํ น รกฺขิตพฺพา. ยโต เอวํ ทิวา จ รตฺโต จ ตุมฺเห อุทฺทิสฺส กโรนฺติ เย พลึ, ตสฺมา หิ เน รกฺขถ. ตสฺมา พลิกมฺมการณาปิ เต มนุสฺเส รกฺขถ โคปยถ, อหิตํ เตสํ อปเนถ, หิตํ อุปเนถ อปฺปมตฺตา หุตฺวา ตํ กตฺุภาวํ หทเย กตฺวา นิจฺจมนุสฺสรนฺตาติ.
๒๒๖. เอวํ เทวตาสุ มนุสฺสานํ อุปการกภาวํ ทสฺเสตฺวา เตสํ อุปทฺทววูปสมนตฺถํ พุทฺธาทิคุณปฺปกาสเนน จ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมสฺสวนตฺถํ ‘‘ยํกิฺจิ วิตฺต’’นฺติอาทินา นเยน สจฺจวจนํ ปยุชฺชิตุมารทฺโธ. ตตฺถ ยํกิฺจีติ อนิยมิตวเสน อนวเสสํ ปริยาทิยติ ยํกิฺจิ ตตฺถ ตตฺถ โวหารูปคํ ¶ . วิตฺตนฺติ ธนํ. ตฺหิ วิตฺตึ ชเนตีติ วิตฺตํ. อิธ วาติ มนุสฺสโลกํ นิทฺทิสติ, หุรํ วาติ ตโต ปรํ อวเสสโลกํ. เตน จ เปตฺวา มนุสฺเส สพฺพโลกคฺคหเณ ปตฺเต ‘‘สคฺเคสุ วา’’ติ ปรโต วุตฺตตฺตา เปตฺวา มนุสฺเส จ สคฺเค จ อวเสสานํ นาคสุปณฺณาทีนํ คหณํ เวทิตพฺพํ. เอวํ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ ยํ มนุสฺสานํ โวหารูปคํ อลงฺการปริโภคูปคฺจ ชาตรูปรชตมุตฺตามณิเวฬุริยปวาฬโลหิตงฺกมสารคลฺลาทิกํ, ยฺจ มุตฺตามณิวาลุกตฺถตาย ภูมิยา รตนมยวิมาเนสุ อเนกโยชนสตวิตฺถเตสุ ภวเนสุ อุปฺปนฺนานํ นาคสุปณฺณาทีนํ วิตฺตํ, ตํ นิทฺทิฏฺํ โหติ.
สคฺเคสุ วาติ กามาวจรรูปาวจรเทวโลเกสุ. เต หิ โสภเนน กมฺเมน อชียนฺติ คมฺมนฺตีติ สคฺคา, สุฏฺุ วา อคฺคาติปิ สคฺคา. ยนฺติ ยํ สสฺสามิกํ วา อสฺสามิกํ วา. รตนนฺติ รตึ นยติ, วหติ, ชนยติ, วฑฺเฒตีติ รตนํ, ยํกิฺจิ จิตฺตีกตํ มหคฺฆํ อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ อโนมสตฺตปริโภคฺจ, ตสฺเสตํ อธิวจนํ. ยถาห –
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติ.
ปณีตนฺติ อุตฺตมํ, เสฏฺํ, อตปฺปกํ. เอวํ อิมินา คาถาปเทน ยํ สคฺเคสุ อเนกโยชนสตปฺปมาณสพฺพรตนมยวิมาเนสุ สุธมฺมเวชยนฺตปฺปภุตีสุ สสฺสามิกํ, ยฺจ พุทฺธุปฺปาทวิรเหน อปายเมว ปริปูเรนฺเตสุ สตฺเตสุ สฺุวิมานปฏิพทฺธํ อสฺสามิกํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ ปถวีมหาสมุทฺทหิมวนฺตาทินิสฺสิตํ อสฺสามิกํ รตนํ, ตํ นิทฺทิฏฺํ โหติ.
น ¶ โน สมํ อตฺถิ ตถาคเตนาติ น-อิติ ปฏิเสเธ, โน-อิติ อวธารเณ. สมนฺติ ตุลฺยํ. อตฺถีติ วิชฺชติ. ตถาคเตนาติ พุทฺเธน. กึ วุตฺตํ โหติ? ยํ เอตํ วิตฺตฺจ รตนฺจ ปกาสิตํ, เอตฺถ เอกมฺปิ พุทฺธรตเนน สทิสํ รตนํ เนวตฺถิ. ยมฺปิ หิ ตํ จิตฺตีกตฏฺเน รตนํ, เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนํ มณิรตนฺจ, ยมฺหิ อุปฺปนฺเน มหาชโน น อฺตฺถ จิตฺตีการํ กโรติ, น โกจิ ปุปฺผคนฺธาทีนิ คเหตฺวา ยกฺขฏฺานํ วา ภูตฏฺานํ วา คจฺฉติ, สพฺโพปิ ชโน จกฺกรตนมณิรตนเมว จิตฺตึ กโรติ ปูเชติ, ตํ ตํ วรํ ปตฺเถติ, ปตฺถิตปตฺถิตฺจสฺส เอกจฺจํ สมิชฺฌติ, ตมฺปิ ¶ รตนํ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ จิตฺตีกตฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคเต หิ อุปฺปนฺเน เย เกจิ มเหสกฺขา เทวมนุสฺสา, น เต อฺตฺร จิตฺตีการํ กโรนฺติ, น กฺจิ อฺํ ปูเชนฺติ. ตถา หิ พฺรหฺมา สหมฺปติ สิเนรุมตฺเตน รตนทาเมน ตถาคตํ ปูเชสิ, ยถาพลฺจ อฺเ เทวา มนุสฺสา จ พิมฺพิสารโกสลราชอนาถปิณฺฑิกาทโย. ปรินิพฺพุตมฺปิ จ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ฉนฺนวุติโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา อโสกมหาราชา สกลชมฺพุทีเป จตุราสีติ วิหารสหสฺสานิ ปติฏฺาเปสิ, โก ปน วาโท อฺเสํ จิตฺตีการานํ. อปิจ กสฺสฺสฺส ปรินิพฺพุตสฺสาปิ ชาติโพธิธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนปรินิพฺพานฏฺานานิ ปฏิมาเจติยาทีนิ วา อุทฺทิสฺส เอวํ จิตฺตีการครุกาโร วตฺตติ ยถา ภควโต. เอวํ จิตฺตีกตฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ตถา ยมฺปิ ตํ มหคฺฆฏฺเน รตนํ, เสยฺยถิทํ – กาสิกํ วตฺถํ. ยถาห – ‘‘ชิณฺณมฺปิ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ วณฺณวนฺตฺเจว โหติ สุขสมฺผสฺสฺจ มหคฺฆฺจา’’ติ, ตมฺปิ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ มหคฺฆฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคโต หิ เยสํ ปํสุกมฺปิ ปฏิคฺคณฺหาติ, เตสํ ตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ, เสยฺยถาปิ อโสกสฺส รฺโ. อิทมสฺส มหคฺฆตาย. เอวํ มหคฺฆตาวจเน เจตฺถ โทสาภาวสาธกํ อิทํ ตาว สุตฺตปทํ เวทิตพฺพํ –
‘‘เยสํ โข ปน โส ปฏิคฺคณฺหาติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ, เตสํ ตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ. อิทมสฺส มหคฺฆตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ ตํ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ มหคฺฆํ, ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๐).
เอวํ มหคฺฆฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ตถา ยมฺปิ ตํ อตุลฏฺเน รตนํ. เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนํ อุปฺปชฺชติ อินฺทนีลมณิมยนาภิ สตฺตรตนมยสหสฺสารํ ปวาฬมยเนมิ, รตฺตสุวณฺณมยสนฺธิ, ยสฺส ¶ ทสนฺนํ ทสนฺนํ อรานํ อุปริ เอกํ มุณฺฑารํ โหติ ¶ วาตํ คเหตฺวา สทฺทกรณตฺถํ, เยน กโต สทฺโท สุกุสลปฺปตาฬิตปฺจงฺคิกตูริยสทฺโท วิย โหติ. ยสฺส นาภิยา อุโภสุ ปสฺเสสุ ทฺเว สีหมุขานิ โหนฺติ, อพฺภนฺตรํ สกฏจกฺกสฺเสว สุสิรํ, ตสฺส กตฺตา วา กาเรตา วา นตฺถิ, กมฺมปจฺจเยน อุตุโต สมุฏฺาติ. ยํ ราชา ทสวิธํ จกฺกวตฺติวตฺตํ ปูเรตฺวา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส ปุณฺณมทิวเส สีสํนฺหาโต อุโปสถิโก อุปริปาสาทวรคโต สีลานิ โสเธนฺโต นิสินฺโน ปุณฺณจนฺทํ วิย สูริยํ วิย จ อุฏฺเนฺตํ ปสฺสติ, ยสฺส ทฺวาทสโยชนโต สทฺโท สุยฺยติ, โยชนโต วณฺโณ ทิสฺสติ, ยํ มหาชเนน ‘‘ทุติโย มฺเ จนฺโท สูริโย วา อุฏฺิโต’’ติ อติวิย โกตูหลชาเตน ทิสฺสมานํ นครสฺส อุปริ อาคนฺตฺวา รฺโ อนฺเตปุรสฺส ปาจีนปสฺเส นาติอุจฺจํ นาตินีจํ หุตฺวา มหาชนสฺส คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูเชตุํ ยุตฺตฏฺาเน อกฺขาหตํ วิย ติฏฺติ.
ตเทว อนุพนฺธมานํ หตฺถิรตนํ อุปฺปชฺชติ, สพฺพเสโต รตฺตปาโท สตฺตปฺปติฏฺโ อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม อุโปสถกุลา วา ฉทฺทนฺตกุลา วา อาคจฺฉติ. อุโปสถกุลา อาคจฺฉนฺโต หิ สพฺพเชฏฺโ อาคจฺฉติ, ฉทฺทนฺตกุลา สพฺพกนิฏฺโ สิกฺขิตสิกฺโข ทมถูเปโต. โส ทฺวาทสโยชนํ ปริสํ คเหตฺวา สกลชมฺพุทีปํ อนุสํยายิตฺวา ปุเรปาตราสเมว สกํ ราชธานึ อาคจฺฉติ.
ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ อสฺสรตนํ อุปฺปชฺชติ, สพฺพเสโต รตฺตปาโท กากสีโส มฺุชเกโส วลาหกสฺส ราชกุลา อาคจฺฉติ. เสสเมตฺถ หตฺถิรตนสทิสเมว.
ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ มณิรตนํ อุปฺปชฺชติ. โส โหติ มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต อายามโต จกฺกนาภิสทิโส, เวปุลฺลปพฺพตา อาคจฺฉติ, โส จตุรงฺคสมนฺนาคเตปิ อนฺธกาเร รฺโ ธชคฺคโต โยชนํ โอภาเสติ, ยสฺโสภาเสน มนุสฺสา ‘‘ทิวา’’ติ มฺมานา กมฺมนฺเต ปโยเชนฺติ, อนฺตมโส กุนฺถกิปิลฺลิกํ อุปาทาย ปสฺสนฺติ.
ตมฺปิ ¶ อนุพนฺธมานํ อิตฺถิรตนํ อุปฺปชฺชติ. ปกติอคฺคมเหสี วา โหติ, อุตฺตรกุรุโต วา อาคจฺฉติ มทฺทราชกุลโต วา, อติทีฆาทิฉโทสวิวชฺชิตา อติกฺกนฺตา มานุสํ วณฺณํ อปฺปตฺตา ทิพฺพํ วณฺณํ, ยสฺสา รฺโ สีตกาเล อุณฺหานิ คตฺตานิ โหนฺติ, อุณฺหกาเล สีตานิ, สตธา โผฏิตตูลปิจุโน วิย สมฺผสฺโส โหติ, กายโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ, ปุพฺพุฏฺายิตาทิอเนกคุณสมนฺนาคตา จ โหติ.
ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ คหปติรตนํ อุปฺปชฺชติ รฺโ ปกติกมฺมกโร เสฏฺิ, ยสฺส จกฺกรตเน ¶ อุปฺปนฺนมตฺเต ทิพฺพํ จกฺขุ ปาตุภวติ, เยน สมนฺตโต โยชนมตฺเต นิธึ ปสฺสติ สสฺสามิกมฺปิ อสฺสามิกมฺปิ. โส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปวาเรติ ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ, เทว, โหหิ, อหํ เต ธเนน ธนกรณียํ กริสฺสามี’’ติ.
ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ ปริณายกรตนํ อุปฺปชฺชติ รฺโ ปกติเชฏฺปุตฺโต, จกฺกรตเน อุปฺปนฺนมตฺเต อติเรกปฺาเวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต โหติ, ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย เจตสา จิตฺตํ ปริชานิตฺวา นิคฺคหปคฺคหสมตฺโถ โหติ. โส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปวาเรติ – ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ, เทว, โหหิ, อหํ เต รชฺชํ อนุสาสิสฺสามี’’ติ. ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ อตุลฏฺเน รตนํ, ยสฺส น สกฺกา ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา อคฺโฆ กาตุํ ‘‘สตํ วา สหสฺสํ วา อคฺฆติ โกฏึ วา’’ติ. ตตฺถ เอกรตนมฺปิ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ อตุลฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคโต หิ น สกฺกา สีลโต วา สมาธิโต วา ปฺาทีนํ วา อฺตรโต เกนจิ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา ‘‘เอตฺตกคุโณ วา อิมินา สโม วา สปฺปฏิภาโค วา’’ติ ปริจฺฉินฺทิตุํ. เอวํ อตุลฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ตถา ยมฺปิ ตํ ทุลฺลภทสฺสนฏฺเน รตนํ. เสยฺยถิทํ – ทุลฺลภปาตุภาโว ราชา จกฺกวตฺติ จกฺกาทีนิ จ ตสฺส รตนานิ, ตมฺปิ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ ทุลฺลภทสฺสนฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ, กุโต จกฺกวตฺติอาทีนํ รตนตฺตํ, ยานิ เอกสฺมึเยว กปฺเป อเนกานิ อุปฺปชฺชนฺติ. ยสฺมา ปน อสงฺขฺเยยฺเยปิ กปฺเป ตถาคตสฺุโ โลโก ¶ โหติ, ตสฺมา ตถาคโต เอว กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนโต ทุลฺลภทสฺสโน. วุตฺตํ เจตํ ภควตา ปรินิพฺพานสมเย –
‘‘เทวตา, อานนฺท, อุชฺฌายนฺติ – ‘ทูรา จ วตมฺห อาคตา ตถาคตํ ทสฺสนาย, กทาจิ กรหจิ ตถาคตา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, อชฺเชว รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติ, อยฺจ มเหสกฺโข ภิกฺขุ ภควโต ปุรโต ิโต โอวาเรนฺโต, น มยํ ลภาม ปจฺฉิเม กาเล ตถาคตํ ทสฺสนายา’’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๐).
เอวํ ทุลฺลภทสฺสนฏฺเนปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ตถา ยมฺปิ ตํ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเน รตนํ. เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนาทิ. ตฺหิ โกฏิสตสหสฺสธนานมฺปิ สตฺตภูมิกปาสาทวรตเล วสนฺตานมฺปิ จณฺฑาลเวนเนสาทรถการปุกฺกุสาทีนํ นีจกุลิกานํ โอมกปุริสานํ สุปินนฺเตปิ ปริโภคตฺถาย น ¶ นิพฺพตฺตติ. อุภโต สุชาตสฺส ปน รฺโ ขตฺติยสฺเสว ปริปูริตทสวิธจกฺกวตฺติวตฺตสฺส ปริโภคตฺถาย นิพฺพตฺตนโต อโนมสตฺตปริโภคํเยว โหติ, ตมฺปิ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคโต หิ โลเก อโนมสตฺตสมฺมตานมฺปิ อนุปนิสฺสยสมฺปนฺนานํ วิปรีตทสฺสนานํ ปูรณกสฺสปาทีนํ ฉนฺนํ สตฺถารานํ อฺเสฺจ เอวรูปานํ สุปินนฺเตปิ อปริโภโค, อุปนิสฺสยสมฺปนฺนานํ ปน จตุปฺปทายปิ คาถาย ปริโยสาเน อรหตฺตมธิคนฺตุํ สมตฺถานํ นิพฺเพธิกาณทสฺสนานํ พาหิยทารุจีริยปฺปภุตีนํ อฺเสฺจ มหากุลปฺปสุตานํ มหาสาวกานํ ปริโภโค. เต หิ ตํ ทสฺสนานุตฺตริยสวนานุตฺตริยปาริจริยานุตฺตริยาทีนิ สาเธนฺตา ตถา ตถา ปริภฺุชนฺติ. เอวํ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ยมฺปิ ตํ อวิเสสโต รติชนนฏฺเน รตนํ. เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนํ. ตฺหิ ทิสฺวา ราชา จกฺกวตฺติ อตฺตมโน โหติ, เอวมฺปิ ตํ รฺโ รตึ ชเนติ. ปุน จปรํ ราชา จกฺกวตฺติ วาเมน หตฺเถน สุวณฺณภิงฺการํ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิรติ ‘‘ปวตฺตตุ ¶ ภวํ จกฺกรตนํ, อภิวิชินาตุ ภวํ จกฺกรตน’’นฺติ. ตโต จกฺกรตนํ ปฺจงฺคิกํ วิย ตูริยํ มธุรสฺสรํ นิจฺฉรนฺตํ อากาเสน ปุรตฺถิมํ ทิสํ คจฺฉติ, อนฺวเทว ราชา จกฺกวตฺติ จกฺกานุภาเวน ทฺวาทสโยชนวิตฺถิณฺณาย จตุรงฺคินิยา เสนาย นาติอุจฺจํ นาตินีจํ อุจฺจรุกฺขานํ เหฏฺาภาเคน, นีจรุกฺขานํ อุปริภาเคน, รุกฺเขสุ ปุปฺผผลปลฺลวาทิปณฺณาการํ คเหตฺวา อาคตานํ หตฺถโต ปณฺณาการฺจ คณฺหนฺโต ‘‘เอหิ โข มหาราชา’’ติเอวมาทินา ปรมนิปจฺจกาเรน อาคเต ปฏิราชาโน ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ’’ติอาทินา นเยน อนุสาสนฺโต คจฺฉติ. ยตฺถ ปน ราชา ภฺุชิตุกาโม วา ทิวาเสยฺยํ วา กปฺเปตุกาโม โหติ, ตตฺถ จกฺกรตนํ อากาสา โอตริตฺวา อุทกาทิสพฺพกิจฺจกฺขเม สเม ภูมิภาเค อกฺขาหตํ วิย ติฏฺติ. ปุน รฺโ คมนจิตฺเต อุปฺปนฺเน ปุริมนเยเนว สทฺทํ กโรนฺตํ คจฺฉติ, ยํ สุตฺวา ทฺวาทสโยชนิกาปิ ปริสา อากาเสน คจฺฉติ. จกฺกรตนํ อนุปุพฺเพน ปุรตฺถิมํ สมุทฺทํ อชฺโฌคาหติ, ตสฺมึ อชฺโฌคาหนฺเต อุทกํ โยชนปฺปมาณํ อปคนฺตฺวา ภิตฺตีกตํ วิย ติฏฺติ. มหาชโน ยถากามํ สตฺต รตนานิ คณฺหาติ. ปุน ราชา สุวณฺณภิงฺการํ คเหตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย มม รชฺช’’นฺติ อุทเกน อพฺภุกฺกิริตฺวา นิวตฺตติ. เสนา ปุรโต โหติ, จกฺกรตนํ ปจฺฉโต, ราชา มชฺเฌ. จกฺกรตนสฺส โอสกฺกิโตสกฺกิตฏฺานํ อุทกํ ปริปูรติ. เอเตเนว อุปาเยน ทกฺขิณปจฺฉิมอุตฺตเรปิ สมุทฺเท คจฺฉติ.
เอวํ จตุทฺทิสํ อนุสํยายิตฺวา จกฺกรตนํ ติโยชนปฺปมาณํ อากาสํ อาโรหติ. ตตฺถ ิโต ราชา จกฺกรตนานุภาเวน วิชิตํ ปฺจสตปริตฺตทีปปฏิมณฺฑิตํ สตฺตโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํ ปุพฺพวิเทหํ, ตถา อฏฺโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํ อุตฺตรกุรุํ, สตฺตโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํเยว ¶ อปรโคยานํ, ทสโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํ ชมฺพุทีปฺจาติ เอวํ จตุมหาทีปทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปฏิมณฺฑิตํ เอกํ จกฺกวาฬํ สุผุลฺลปุณฺฑรีกวนํ วิย โอโลเกติ. เอวํ โอโลกยโต จสฺส อนปฺปิกา รติ อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ ตํ จกฺกรตนํ รฺโ รตึ ชเนติ, ตมฺปิ พุทฺธรตนสมํ นตฺถิ. ยทิ หิ รติชนนฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. กึ กริสฺสติ เอตํ จกฺกรตนํ? ตถาคโต หิ ยสฺสา ทิพฺพาย รติยา จกฺกรตนาทีหิ สพฺเพหิปิ ชนิตา จกฺกวตฺติรติ สงฺขมฺปิ กลมฺปิ กลภาคมฺปิ น ¶ อุเปติ, ตโตปิ รติโต อุตฺตริตรฺจ ปณีตตรฺจ อตฺตโน โอวาทปฺปติกรานํ อสงฺขฺเยยฺยานมฺปิ เทวมนุสฺสานํ ปมชฺฌานรตึ, ทุติยตติยจตุตฺถปฺจมชฺฌานรตึ, อากาสานฺจายตนรตึ, วิฺาณฺจายตนอากิฺจฺายตนเนวสฺานาสฺายตนรตึ, โสตาปตฺติมคฺครตึ, โสตาปตฺติผลรตึ, สกทาคามิอนาคามิอรหตฺตมคฺคผลรติฺจ ชเนติ. เอวํ รติชนนฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถีติ.
อปิจ รตนํ นาเมตํ ทุวิธํ โหติ สวิฺาณกํ อวิฺาณกฺจ. ตตฺถ อวิฺาณกํ จกฺกรตนํ มณิรตนํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ อนินฺทฺริยพทฺธํ สุวณฺณรชตาทิ, สวิฺาณกํ หตฺถิรตนาทิ ปริณายกรตนปริโยสานํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ อินฺทฺริยพทฺธํ. เอวํ ทุวิเธ เจตฺถ สวิฺาณกรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? ยสฺมา อวิฺาณกํ สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิรตนํ, สวิฺาณกานํ หตฺถิรตนาทีนํ อลงฺการตฺถาย อุปนียติ.
สวิฺาณกรตนมฺปิ ทุวิธํ ติรจฺฉานคตรตนํ, มนุสฺสรตนฺจ. ตตฺถ มนุสฺสรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? ยสฺมา ติรจฺฉานคตรตนํ มนุสฺสรตนสฺส โอปวยฺหํ โหติ. มนุสฺสรตนมฺปิ ทุวิธํ อิตฺถิรตนํ, ปุริสรตนฺจ. ตตฺถ ปุริสรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? ยสฺมา อิตฺถิรตนํ ปุริสรตนสฺส ปริจาริกตฺตํ อาปชฺชติ. ปุริสรตนมฺปิ ทุวิธํ อคาริกรตนํ, อนคาริกรตนฺจ. ตตฺถ อนคาริกรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? ยสฺมา อคาริกรตเนสุ อคฺโค จกฺกวตฺตีปิ สีลาทิคุณยุตฺตํ อนคาริกรตนํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อุปฏฺหิตฺวา ปยิรุปาสิตฺวา จ ทิพฺพมานุสิกา สมฺปตฺติโย ปาปุณิตฺวา อนฺเต นิพฺพานสมฺปตฺตึ ปาปุณาติ.
เอวํ อนคาริกรตนมฺปิ ทุวิธํ – อริยปุถุชฺชนวเสน. อริยรตนมฺปิ ทุวิธํ เสกฺขาเสกฺขวเสน. อเสกฺขรตนมฺปิ ทุวิธํ สุกฺขวิปสฺสกสมถยานิกวเสน, สมถยานิกรตนมฺปิ ทุวิธํ สาวกปารมิปฺปตฺตํ, อปฺปตฺตฺจ. ตตฺถ สาวกปารมิปฺปตฺตํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? คุณมหนฺตตาย. สาวกปารมิปฺปตฺตรตนโตปิ ปจฺเจกพุทฺธรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? คุณมหนฺตตาย. สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานสทิสาปิ หิ อเนกสตา สาวกา ¶ เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส คุณานํ สตภาคมฺปิ น อุเปนฺติ. ปจฺเจกพุทฺธรตนโตปิ สมฺมาสมฺพุทฺธรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? คุณมหนฺตตาย. สกลมฺปิ หิ ชมฺพุทีปํ ปูเรตฺวา ปลฺลงฺเกน ปลฺลงฺกํ ฆฏฺเฏนฺตา นิสินฺนา ปจฺเจกพุทฺธา เอกสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส คุณานํ เนว สงฺขํ น กลํ น ¶ กลภาคํ อุเปนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; อิติวุ. ๙๐). เอวํ เกนจิปิ ปริยาเยน ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ. เตนาห ภควา ‘‘น โน สมํ อตฺถิ ตถาคเตนา’’ติ.
เอวํ ภควา พุทฺธรตนสฺส อฺเหิ รตเนหิ อสมตํ วตฺวา อิทานิ เตสํ สตฺตานํ อุปฺปนฺนอุปทฺทววูปสมนตฺถํ เนว ชาตึ น โคตฺตํ น โกลปุตฺติยํ น วณฺณโปกฺขรตาทึ นิสฺสาย, อปิจ โข อวีจิมุปาทาย ภวคฺคปริยนฺเต โลเก สีลสมาธิกฺขนฺธาทีหิ คุเณหิ พุทฺธรตนสฺส อสทิสภาวํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตํ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตู’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อิทมฺปิ อิธ วา หุรํ วา สคฺเคสุ วา ยํกิฺจิ อตฺถิ วิตฺตํ วา รตนํ วา, เตน สทฺธึ เตหิ เตหิ คุเณหิ อสมตฺตา พุทฺธรตนํ ปณีตํ. ยทิ เอตํ สจฺจํ, เอเตน สจฺเจน อิเมสํ ปาณีนํ โสตฺถิ โหตุ, โสภนานํ อตฺถิตา โหตุ, อโรคตา นิรุปทฺทวตาติ. เอตฺถ จ ยถา ‘‘จกฺขุํ โข, อานนฺท, สฺุํ อตฺเตน วา อตฺตนิเยน วา’’ติเอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๕) อตฺตภาเวน วา อตฺตนิยภาเวน วาติ อตฺโถ. อิตรถา หิ จกฺขุ อตฺตา วา อตฺตนิยํ วาติ อปฺปฏิสิทฺธเมว สิยา. เอวํ รตนํ ปณีตนฺติ รตนตฺตํ ปณีตํ, รตนภาโว ปณีโตติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิตรถา หิ พุทฺโธ เนว รตนนฺติ สิชฺเฌยฺย. น หิ ยตฺถ รตนํ อตฺถิ, ตํ รตนนฺติ สิชฺฌติ. ยตฺถ ปน จิตฺตีกตาทิอตฺถสงฺขาตํ เยน วา เตน วา วิธินา สมฺพนฺธคตํ รตนตฺตํ อตฺถิ, ยสฺมา ตํ รตนตฺตมุปาทาย รตนนฺติ ปฺาปียติ, ตสฺมา ตสฺส รตนตฺตสฺส อตฺถิตาย รตนนฺติ สิชฺฌติ. อถ วา อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนนฺติ อิมินาปิ การเณน พุทฺโธว รตนนฺติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วุตฺตมตฺตาย จ ภควตา อิมาย คาถาย ราชกุลสฺส โสตฺถิ ชาตา, ภยํ วูปสนฺตํ. อิมิสฺสา คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
๒๒๗. เอวํ พุทฺธคุเณน สจฺจํ วตฺวา อิทานิ นิพฺพานธมฺมคุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ขยํ วิราค’’นฺติ. ตตฺถ ยสฺมา นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย ราคาทโย ขีณา โหนฺติ ปริกฺขีณา, ยสฺมา วา ตํ เตสํ อนุปฺปาทนิโรธกฺขยมตฺตํ, ยสฺมา จ ¶ ตํ ราคาทิวิยุตฺตํ สมฺปโยคโต จ อารมฺมณโต จ, ยสฺมา วา ตมฺหิ สจฺฉิกเต ราคาทโย อจฺจนฺตํ วิรตฺตา โหนฺติ วิคตา วิทฺธสฺตา ¶ , ตสฺมา ‘‘ขย’’นฺติ จ ‘‘วิราค’’นฺติ จ วุจฺจติ. ยสฺมา ปนสฺส น อุปฺปาโท ปฺายติ, น วโย น ิตสฺส อฺถตฺตํ, ตสฺมา ตํ น ชายติ น ชียติ น มียตีติ กตฺวา ‘‘อมต’’นฺติ วุจฺจติ, อุตฺตมฏฺเน ปน อตปฺปกฏฺเน จ ปณีตนฺติ. ยทชฺฌคาติ ยํ อชฺฌคา วินฺทิ, ปฏิลภิ, อตฺตโน าณพเลน สจฺฉากาสิ. สกฺยมุนีติ สกฺยกุลปฺปสุตตฺตา สกฺโย, โมเนยฺยธมฺมสมนฺนาคตตฺตา มุนิ, สกฺโย เอว มุนิ สกฺยมุนิ. สมาหิโตติ อริยมคฺคสมาธินา สมาหิตจิตฺโต. น เตน ธมฺเมน สมตฺถิ กิฺจีติ เตน ขยาทินามเกน สกฺยมุนินา อธิคเตน ธมฺเมน สมํ กิฺจิ ธมฺมชาตํ นตฺถิ. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).
เอวํ ภควา นิพฺพานธมฺมสฺส อฺเหิ ธมฺเมหิ อสมตํ วตฺวา อิทานิ เตสํ สตฺตานํ อุปฺปนฺนอุปทฺทววูปสมนตฺถํ ขยวิราคามตปณีตตาคุเณหิ นิพฺพานธมฺมรตนสฺส อสทิสภาวํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ ธมฺเม รตนํ ปณีตํ เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตู’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุริมคาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
๒๒๘. เอวํ นิพฺพานธมฺมคุเณน สจฺจํ วตฺวา อิทานิ มคฺคธมฺมคุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ยํ พุทฺธเสฏฺโ’’ติ. ตตฺถ ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานี’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) นเยน พุทฺโธ, อุตฺตโม ปสํสนีโย จาติ เสฏฺโ, พุทฺโธ จ โส เสฏฺโ จาติ พุทฺธเสฏฺโ. อนุพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสงฺขาเตสุ วา พุทฺเธสุ เสฏฺโติ พุทฺธเสฏฺโ. โส พุทฺธเสฏฺโ ยํ ปริวณฺณยี, ‘‘อฏฺงฺคิโก จ มคฺคานํ, เขมํ นิพฺพานปฺปตฺติยา’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๑๕) จ ‘‘อริยํ โว, ภิกฺขเว, สมฺมาสมาธึ เทเสสฺสามิ สอุปนิสํ สปริกฺขาร’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๓๖) จ เอวมาทินา นเยน ตตฺถ ตตฺถ ปสํสิ ปกาสยิ. สุจินฺติ กิเลสมลสมุจฺเฉทกรณโต อจฺจนฺตโวทานํ. สมาธิมานนฺตริกฺมาหูติ ยฺจ อตฺตโน ปวตฺติสมนนฺตรํ นิยเมเนว ผลทานโต ‘‘อานนฺตริกสมาธี’’ติ อาหุ. น หิ มคฺคสมาธิฺหิ อุปฺปนฺเน ตสฺส ผลุปฺปตฺตินิเสธโก โกจิ อนฺตราโย อตฺถิ. ยถาห –
‘‘อยฺจ ¶ ปุคฺคโล โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน อสฺส, กปฺปสฺส จ อุฑฺฑยฺหนเวลา อสฺส, เนว ตาว กปฺโป อุฑฺฑยฺเหยฺย, ยาวายํ ปุคฺคโล น โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกโรติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ิตกปฺปี. สพฺเพปิ มคฺคสมงฺคิโน ปุคฺคลา ิตกปฺปิโน’’ติ (ปุ. ป. ๑๗).
สมาธินา ¶ เตน สโม น วิชฺชตีติ เตน พุทฺธเสฏฺปริวณฺณิเตน สุจินา อานนฺตริกสมาธินา สโม รูปาวจรสมาธิ วา อรูปาวจรสมาธิ วา โกจิ น วิชฺชติ. กสฺมา? เตสํ ภาวิตตฺตา ตตฺถ ตตฺถ พฺรหฺมโลเก อุปฺปนฺนสฺสาปิ ปุน นิรยาทีสุ อุปฺปตฺติสมฺภวโต, อิมสฺส จ อรหตฺตสมาธิสฺส ภาวิตตฺตา อริยปุคฺคลสฺส สพฺพุปฺปตฺติสมุคฺฆาตสมฺภวโต. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).
เอวํ ภควา อานนฺตริกสมาธิสฺส อฺเหิ สมาธีหิ อสมตํ วตฺวา อิทานิ ปุริมนเยเนว มคฺคธมฺมรตนสฺส อสทิสภาวํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ ธมฺเม…เป… โหตู’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
๒๒๙. เอวํ มคฺคธมฺมคุเณนาปิ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ สงฺฆคุเณนาปิ วตฺตุมารทฺโธ ‘‘เย ปุคฺคลา’’ติ. ตตฺถ เยติ อนิยเมตฺวา อุทฺเทโส. ปุคฺคลาติ สตฺตา. อฏฺาติ เตสํ คณนปริจฺเฉโท. เต หิ จตฺตาโร จ ปฏิปนฺนา จตฺตาโร จ ผเล ิตาติ อฏฺ โหนฺติ. สตํ ปสตฺถาติ สปฺปุริเสหิ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกหิ อฺเหิ จ เทวมนุสฺเสหิ ปสตฺถา. กสฺมา? สหชาตสีลาทิคุณโยคา. เตสฺหิ จมฺปกวกุลกุสุมาทีนํ สหชาตวณฺณคนฺธาทโย วิย สหชาตสีลสมาธิอาทโย คุณา. เตน เต วณฺณคนฺธาทิสมฺปนฺนานิ วิย ปุปฺผานิ เทวมนุสฺสานํ สตํ ปิยา มนาปา ปสํสนียา จ โหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เย ปุคฺคลา อฏฺสตํ ปสตฺถา’’ติ.
อถ วา เยติ อนิยเมตฺวา อุทฺเทโส. ปุคฺคลาติ สตฺตา. อฏฺสตนฺติ เตสํ คณนปริจฺเฉโท. เต หิ เอกพีชี โกลํโกโล สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ ¶ ตโย โสตาปนฺนา, กามรูปารูปภเวสุ อธิคตปฺผลา ตโย สกทาคามิโน, เต สพฺเพปิ จตุนฺนํ ปฏิปทานํ วเสน จตุวีสติ, อนฺตราปรินิพฺพายี, อุปหจฺจปรินิพฺพายี, สสงฺขารปรินิพฺพายี, อสงฺขารปรินิพฺพายี, อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามีติ, อวิเหสุ ปฺจ, ตถา อตปฺปสุทสฺสสุทสฺสีสุ. อกนิฏฺเสุ ปน อุทฺธํโสตวชฺชา จตฺตาโรติ จตุวีสติ อนาคามิโน, สุกฺขวิปสฺสโก สมถยานิโกติ ทฺเว อรหนฺโต, จตฺตาโร มคฺคฏฺาติ จตุปฺาส. เต สพฺเพปิ สทฺธาธุรปฺาธุรานํ วเสน ทิคุณา หุตฺวา อฏฺสตํ โหนฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
จตฺตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนฺตีติ เต สพฺเพปิ อฏฺ วา อฏฺสตํ วาติ วิตฺถารวเสน อุทฺทิฏฺปุคฺคลา, สงฺเขปวเสน โสตาปตฺติมคฺคฏฺโ ผลฏฺโติ เอกํ ยุคํ, เอวํ ยาว อรหตฺตมคฺคฏฺโ ผลฏฺโติ เอกํ ยุคนฺติ จตฺตาริ ยุคานิ โหนฺติ. เต ทกฺขิเณยฺยาติ เอตฺถ เตติ ปุพฺเพ อนิยเมตฺวา ¶ อุทฺทิฏฺานํ นิยเมตฺวา นิทฺเทโส. เย ปุคฺคลา วิตฺถารวเสน อฏฺ วา อฏฺสตํ วา, สงฺเขปวเสน จตฺตาริ ยุคานิ โหนฺตีติ วุตฺตา, สพฺเพปิ เต ทกฺขิณํ อรหนฺตีติ ทกฺขิเณยฺยา. ทกฺขิณา นาม กมฺมฺจ กมฺมวิปากฺจ สทฺทหิตฺวา ‘‘เอส เม อิทํ เวชฺชกมฺมํ วา ชงฺฆเปสนิกํ วา กริสฺสตี’’ติ เอวมาทีนิ อนเปกฺขิตฺวา ทียมาโน เทยฺยธมฺโม, ตํ อรหนฺติ นาม สีลาทิคุณยุตฺตา ปุคฺคลา. อิเม จ ตาทิสา, เตน วุจฺจนฺติ เต ‘‘ทกฺขิเณยฺยา’’ติ.
สุคตสฺส สาวกาติ ภควา โสภเนน คมเนน ยุตฺตตฺตา, โสภนฺจ านํ คตตฺตา, สุฏฺุ จ คตตฺตา สุฏฺุ เอว จ คทตฺตา สุคโต, ตสฺส สุคตสฺส. สพฺเพปิ เต วจนํ สุณนฺตีติ สาวกา. กามฺจ อฺเปิ สุณนฺติ, น ปน สุตฺวา กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรนฺติ. อิเม ปน สุตฺวา กตฺตพฺพํ ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺตึ กตฺวา มคฺคผลานิ ปตฺตา, ตสฺมา ‘‘สาวกา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานีติ เอเตสุ สุคตสาวเกสุ อปฺปกานิปิ ทานานิ ทินฺนานิ ปฏิคฺคาหกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิภาวํ อุปคตตฺตา มหปฺผลานิ โหนฺติ. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ –
‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สงฺฆา วา คณา วา, ตถาคตสาวกสงฺโฆ เตสํ อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ…เป… อคฺโค วิปาโก โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; อิติวุ. ๙๐).
เอวํ ¶ ภควา สพฺเพสมฺปิ มคฺคฏฺผลฏฺานํ วเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
๒๓๐. เอวํ มคฺคฏฺผลฏฺานํ วเสน สงฺฆคุเณน สจฺจํ วตฺวา อิทานิ ตโต เอกจฺจิยานํ ผลสมาปตฺติสุขมนุภวนฺตานํ ขีณาสวปุคฺคลานํเยว คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘เย สุปฺปยุตฺตา’’ติ. ตตฺถ เยติ อนิยมิตุทฺเทสวจนํ. สุปฺปยุตฺตาติ สุฏฺุ ปยุตฺตา, อเนกวิหิตํ อเนสนํ ปหาย สุทฺธาชีวิตํ นิสฺสาย วิปสฺสนาย อตฺตานํ ปยฺุชิตุมารทฺธาติ อตฺโถ. อถ วา สุปฺปยุตฺตาติ ปริสุทฺธกายวจีปโยคสมนฺนาคตา. เตน เตสํ สีลกฺขนฺธํ ทสฺเสติ. มนสา ทฬฺเหนาติ ทฬฺเหน มนสา, ถิรสมาธิยุตฺเตน เจตสาติ อตฺโถ. เตน เตสํ สมาธิกฺขนฺธํ ทสฺเสติ. นิกฺกามิโนติ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขา หุตฺวา ปฺาธุเรน วีริเยน สพฺพกิเลเสหิ กตนิกฺกมนา. เตน เตสํ วีริยสมฺปนฺนํ ปฺากฺขนฺธํ ทสฺเสติ.
โคตมสาสนมฺหีติ ¶ โคตฺตโต โคตมสฺส ตถาคตสฺเสว สาสนมฺหิ. เตน อิโต พหิทฺธา นานปฺปการมฺปิ อมรตปํ กโรนฺตานํ สุปฺปโยคาทิคุณาภาวโต กิเลเสหิ นิกฺกมนาภาวํ ทีเปติ. เตติ ปุพฺเพ อุทฺทิฏฺานํ นิทฺเทสวจนํ. ปตฺติปตฺตาติ เอตฺถ ปตฺตพฺพาติ ปตฺติ, ปตฺตพฺพา นาม ปตฺตุํ อรหา, ยํ ปตฺวา อจฺจนฺตโยคกฺเขมิโน โหนฺติ, อรหตฺตผลสฺเสตํ อธิวจนํ, ตํ ปตฺตึ ปตฺตาติ ปตฺติปตฺตา. อมตนฺติ นิพฺพานํ. วิคยฺหาติ อารมฺมณวเสน วิคาหิตฺวา. ลทฺธาติ ลภิตฺวา. มุธาติ อพฺยเยน กากณิกมตฺตมฺปิ พฺยยํ อกตฺวา. นิพฺพุตินฺติ ปฏิปฺปสฺสทฺธกิเลสทรถํ ผลสมาปตฺตึ. ภฺุชมานาติ อนุภวมานา. กึ วุตฺตํ โหติ? เย อิมสฺมึ โคตมสาสนมฺหิ สีลสมฺปนฺนตฺตา สุปฺปยุตฺตา, สมาธิสมฺปนฺนตฺตา มนสา ทฬฺเหน, ปฺาสมฺปนฺนตฺตา นิกฺกามิโน, เต อิมาย สมฺมาปฏิปทาย อมตํ วิคยฺห มุธา ลทฺธา ผลสมาปตฺติสฺิตํ นิพฺพุตึ ภฺุชมานา ปตฺติปตฺตา นาม โหนฺตีติ.
เอวํ ภควา ผลสมาปตฺติสุขมนุภวนฺตานํ ขีณาสวปุคฺคลานํเยว วเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ¶ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
๒๓๑. เอวํ ขีณาสวปุคฺคลานํ คุเณน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ พหุชนปจฺจกฺเขน โสตาปนฺนสฺเสว คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ยถินฺทขีโล’’ติ. ตตฺถ ยถาติ อุปมาวจนํ. อินฺทขีโลติ นครทฺวารนิวารณตฺถํ อุมฺมารพฺภนฺตเร อฏฺ วา ทส วา หตฺเถ ปถวึ ขณิตฺวา อาโกฏิตสฺส สารทารุมยถมฺภสฺเสตํ อธิวจนํ. ปถวินฺติ ภูมึ. สิโตติ อนฺโต ปวิสิตฺวา นิสฺสิโต. สิยาติ ภเวยฺย. จตุพฺภิ วาเตหีติ จตูหิ ทิสาหิ อาคตวาเตหิ. อสมฺปกมฺปิโยติ กมฺเปตุํ วา จาเลตุํ วา อสกฺกุเณยฺโย. ตถูปมนฺติ ตถาวิธํ. สปฺปุริสนฺติ อุตฺตมปุริสํ. วทามีติ ภณามิ. โย อริยสจฺจานิ อเวจฺจ ปสฺสตีติ โย จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปฺาย อชฺโฌคาเหตฺวา ปสฺสติ. ตตฺถ อริยสจฺจานิ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.
อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา หิ อินฺทขีโล คมฺภีรเนมตาย ปถวิสฺสิโต จตุพฺภิ วาเตหิ อสมฺปกมฺปิโย สิยา, อิมมฺปิ สปฺปุริสํ ตถูปมเมว วทามิ, โย อริยสจฺจานิ อเวจฺจ ปสฺสติ. กสฺมา? ยสฺมา โสปิ อินฺทขีโล วิย จตูหิ วาเตหิ สพฺพติตฺถิยวาทวาเตหิ อสมฺปกมฺปิโย โหติ, ตมฺหา ทสฺสนา เกนจิ กมฺเปตุํ วา จาเลตุํ วา อสกฺกุเณยฺโย. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ –
‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขเว, อโยขีโล วา อินฺทขีโล วา คมฺภีรเนโม สุนิขาโต อจโล อสมฺปกมฺปี, ปุรตฺถิมาย เจปิ ทิสาย อาคจฺเฉยฺย ภุสา วาตวุฏฺิ, เนว นํ สงฺกมฺเปยฺย น สมฺปกมฺเปยฺย น สมฺปจาเลยฺย. ปจฺฉิมาย…เป… ทกฺขิณาย… อุตฺตราย เจปิ…เป… น สมฺปจาเลยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? คมฺภีรตฺตา, ภิกฺขเว, เนมสฺส สุนิขาตตฺตา อินฺทขีลสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย จ โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ‘อิทํ ทุกฺขนฺติ…เป… ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานนฺติ, เต น อฺสฺส สมณสฺส ¶ วา พฺราหฺมณสฺส วา มุขํ โอโลเกนฺติ ‘อยํ นูน ภวํ ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สุทิฏฺตฺตา, ภิกฺขเว, จตุนฺนํ อริยสจฺจาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๙).
เอวํ ภควา พหุชนปจฺจกฺขสฺส โสตาปนฺนสฺเสว วเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
๒๓๒. เอวํ อวิเสสโต โสตาปนฺนสฺส คุเณน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ เย เต ตโย โสตาปนฺนา เอกพีชี โกลํโกโล สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ. ยถาห –
‘‘อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหติ…เป… โส เอกํเยว ภวํ นิพฺพตฺติตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ เอกพีชี. ตถา ทฺเว วา ตีณิ วา กุลานิ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ โกลํโกโล. ตถา สตฺตกฺขตฺตุํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ สตฺตกฺขตฺตุปรโม’’ติ (ปุ. ป. ๓๑-๓๓).
เตสํ สพฺพกนิฏฺสฺส สตฺตกฺขตฺตุปรมสฺส คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘เย อริยสจฺจานี’’ติ. ตตฺถ เย อริยสจฺจานีติ เอตํ วุตฺตนยเมว. วิภาวยนฺตีติ ปฺาโอภาเสน สจฺจปฏิจฺฉาทกํ กิเลสนฺธการํ วิธมิตฺวา อตฺตโน ปกาสานิ ปากฏานิ กโรนฺติ. คมฺภีรปฺเนาติ อปฺปเมยฺยปฺตาย สเทวกสฺสปิ โลกสฺส าเณน อลพฺภเนยฺยปติฏฺปฺเน, สพฺพฺุนาติ วุตฺตํ โหติ. สุเทสิตานีติ สมาสพฺยาสสากลฺยเวกลฺยาทีหิ เตหิ เตหิ นเยหิ สุฏฺุ เทสิตานิ. กิฺจาปิ เต โหนฺติ ภุสํ ปมตฺตาติ เต วิภาวิตอริยสจฺจา ปุคฺคลา กิฺจาปิ เทวรชฺชจกฺกวตฺติรชฺชาทิปฺปมาทฏฺานํ อาคมฺม ภุสํ ปมตฺตา โหนฺติ, ตถาปิ โสตาปตฺติมคฺคาเณน อภิสงฺขารวิฺาณสฺส นิโรธา เปตฺวา สตฺต ¶ ภเว อนมตคฺเค สํสาเร เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ นามฺจ รูปฺจ ¶ , เตสํ นิรุทฺธตฺตา อตฺถงฺคตตฺตา น อฏฺมํ ภวํ อาทิยนฺติ, สตฺตมภเว เอว ปน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณนฺตีติ.
เอวํ ภควา สตฺตกฺขตฺตุปรมวเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
๒๓๓. เอวํ สตฺตกฺขตฺตุปรมสฺส อฏฺมํ ภวํ อนาทิยนคุเณน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ ตสฺเสว สตฺต ภเว อาทิยโตปิ อฺเหิ อปฺปหีนภวาทาเนหิ ปุคฺคเลหิ วิสิฏฺเน คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘สหาวสฺสา’’ติ. ตตฺถ สหาวาติ สทฺธึเยว. อสฺสาติ ‘‘น เต ภวํ อฏฺมมาทิยนฺตี’’ติ วุตฺเตสุ อฺตรสฺส. ทสฺสนสมฺปทายาติ โสตาปตฺติมคฺคสมฺปตฺติยา. โสตาปตฺติมคฺโค หิ นิพฺพานํ ทิสฺวา กตฺตพฺพกิจฺจสมฺปทาย สพฺพปมํ นิพฺพานทสฺสนโต ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺส อตฺตนิ ปาตุภาโว ทสฺสนสมฺปทา, ตาย ทสฺสนสมฺปทาย สห เอว. ตยสฺสุ ธมฺมา ชหิตา ภวนฺตีติ เอตฺถ สุอิติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต. ‘‘อิทํสุ เม, สาริปุตฺต, มหาวิกฏโภชนสฺมึ โหตี’’ติเอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๖) วิย. ยโต สหาวสฺส ทสฺสนสมฺปทาย ตโย ธมฺมา ชหิตา ภวนฺติ ปหีนา ภวนฺตีติ อยเมเวตฺถ อตฺโถ.
อิทานิ ชหิตธมฺมทสฺสนตฺถํ อาห ‘‘สกฺกายทิฏฺี วิจิกิจฺฉิตฺจ, สีลพฺพตํ วาปิ ยทตฺถิ กิฺจี’’ติ. ตตฺถ สติ กาเย วิชฺชมาเน อุปาทานกฺขนฺธปฺจกสงฺขาเต กาเย วีสติวตฺถุกา ทิฏฺิ สกฺกายทิฏฺิ, สตี วา ตตฺถ กาเย ทิฏฺีติปิ สกฺกายทิฏฺิ, ยถาวุตฺตปฺปกาเร กาเย วิชฺชมานา ทิฏฺีติ อตฺโถ. สติเยว วา กาเย ทิฏฺีติปิ สกฺกายทิฏฺิ, ยถาวุตฺตปฺปกาเร กาเย วิชฺชมาเน รูปาทิสงฺขาโต อตฺตาติ เอวํ ปวตฺตา ทิฏฺีติ อตฺโถ. ตสฺสา จ ปหีนตฺตา สพฺพทิฏฺิคตานิ ปหีนานิเยว โหนฺติ. สา หิ เนสํ มูลํ. สพฺพกิเลสพฺยาธิวูปสมนโต ปฺา ‘‘จิกิจฺฉิต’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ ปฺาจิกิจฺฉิตํ อิโต วิคตํ, ตโต วา ปฺาจิกิจฺฉิตา อิทํ วิคตนฺติ วิจิกิจฺฉิตํ, ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๐๘; วิภ. ๙๑๕) นเยน ¶ วุตฺตาย อฏฺวตฺถุกาย วิมติยา เอตํ อธิวจนํ. ตสฺสา ปหีนตฺตา สพฺพวิจิกิจฺฉิตานิ ปหีนานิ โหนฺติ. ตฺหิ เนสํ มูลํ. ‘‘อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณานํ สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธี’’ติเอวมาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๒๒; วิภ. ๙๓๘) อาคตํ โคสีลกุกฺกุรสีลาทิกํ สีลํ โควตกุกฺกุรวตาทิกฺจ วตํ ‘‘สีลพฺพต’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺส ปหีนตฺตา สพฺพมฺปิ นคฺคิยมุณฺฑิกาทิ อมรตปํ ปหีนํ โหติ. ตฺหิ ตสฺส มูลํ. เตน สพฺพาวสาเน วุตฺตํ ‘‘ยทตฺถิ กิฺจี’’ติ. ทุกฺขทสฺสนสมฺปทาย ¶ เจตฺถ สกฺกายทิฏฺิ, สมุทยทสฺสนสมฺปทาย วิจิกิจฺฉิตํ, มคฺคทสฺสนนิพฺพานทสฺสนสมฺปทาย สีลพฺพตํ ปหียตีติ วิฺาตพฺพํ.
๒๓๔. เอวมสฺส กิเลสวฏฺฏปฺปหานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺมึ กิเลสวฏฺเฏ สติ เยน วิปากวฏฺเฏน ภวิตพฺพํ, ตปฺปหานา ตสฺสาปิ ปหานํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘จตูหปาเยหิ จ วิปฺปมุตฺโต’’ติ. ตตฺถ จตฺตาโร อปายา นาม นิรยติรจฺฉานเปตฺติวิสยอสุรกายา, เตหิ เอส สตฺต ภเว อุปาทิยนฺโตปิ วิปฺปมุตฺโตติ อตฺโถ.
เอวมสฺส วิปากวฏฺฏปฺปหานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยํ อิมสฺส วิปากวฏฺฏสฺส มูลภูตํ กมฺมวฏฺฏํ, ตสฺสาปิ ปหานํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ฉจฺจาภิานานิ อภพฺพ กาตุ’’นฺติ. ตตฺถ อภิานานีติ โอฬาริกฏฺานานิ, ตานิ เอส ฉ อภพฺโพ กาตุํ. ตานิ จ ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล มาตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺยา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๑.๒๗๑; ม. นิ. ๓.๑๒๘; วิภ. ๘๐๙) นเยน เอกกนิปาเต วุตฺตานิ มาตุฆาตปิตุฆาตอรหนฺตฆาตโลหิตุปฺปาทสงฺฆเภทอฺสตฺถารุทฺเทสกมฺมานิ เวทิตพฺพานิ. ตานิ หิ กิฺจาปิ ทิฏฺิสมฺปนฺโน อริยสาวโก กุนฺถกิปิลฺลิกมฺปิ ชีวิตา น โวโรเปติ, อปิจ โข ปน ปุถุชฺชนภาวสฺส วิครหณตฺถํ วุตฺตานิ. ปุถุชฺชโน หิ อทิฏฺิสมฺปนฺนตฺตา เอวํมหาสาวชฺชานิ อภิานานิปิ กโรติ, ทสฺสนสมฺปนฺโน ปน อภพฺโพ ตานิ กาตุนฺติ. อภพฺพคฺคหณฺเจตฺถ ภวนฺตเรปิ อกรณทสฺสนตฺถํ. ภวนฺตเรปิ หิ เอส อตฺตโน อริยสาวกภาวํ อชานนฺโตปิ ธมฺมตาย เอว เอตานิ วา ฉ, ปกติปาณาติปาตาทีนิ วา ปฺจ เวรานิ อฺสตฺถารุทฺเทเสน สห ฉ านานิ น กโรติ, ยานิ สนฺธาย เอกจฺเจ ‘‘ฉฉาภิานานี’’ติ ปนฺติ. มตมจฺฉคฺคาหาทโย เจตฺถ อริยสาวกคามทารกานํ นิทสฺสนํ.
เอวํ ¶ ภควา สตฺต ภเว อาทิยโตปิ อริยสาวกสฺส อฺเหิ อปฺปหีนภวาทาเนหิ ปุคฺคเลหิ วิสิฏฺคุณวเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
๒๓๕. เอวํ สตฺต ภเว อาทิยโตปิ อฺเหิ อปฺปหีนภวาทาเนหิ ปุคฺคเลหิ วิสิฏฺคุณวเสน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ ‘‘น เกวลํ ทสฺสนสมฺปนฺโน ฉ อภิานานิ อภพฺโพ กาตุํ, กึ ปน อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปํ กมฺมํ กตฺวา ตสฺส ปฏิจฺฉาทนายปิ อภพฺโพ’’ติ ปมาทวิหาริโนปิ ทสฺสนสมฺปนฺนสฺส กตปฏิจฺฉาทนาภาวคุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘กิฺจาปิ โส กมฺมํ กโรติ ปาปก’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – โส ทสฺสนสมฺปนฺโน กิฺจาปิ สติสมฺโมเสน ปมาทวิหารํ อาคมฺม ยํ ตํ ภควตา โลกวชฺชสฺจิจฺจานติกฺกมนํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’’ติ (จูฬว. ๓๘๕; อ. นิ. ๘.๑๙; อุทา. ๔๕), ตํ เปตฺวา อฺํ กุฏิการสหเสยฺยาทึ วา ปณฺณตฺติวชฺชวีติกฺกมสงฺขาตํ พุทฺธปฏิกุฏฺํ กาเยน ปาปกมฺมํ กโรติ, ปทโสธมฺมอุตฺตริฉปฺปฺจวาจาธมฺมเทสนาสมฺผปฺปลาปผรุสวจนาทึ วา วาจาย, อุท เจตสา วา กตฺถจิ โลภโทสุปฺปาทนชาตรูปาทิสาทิยนํ จีวราทิปริโภเคสุ อปจฺจเวกฺขณาทึ วา ปาปกมฺมํ กโรติ. อภพฺโพ โส ตสฺส ปฏิจฺฉทาย, น โส ตํ ‘‘อิทํ อกปฺปิยมกรณีย’’นฺติ ชานิตฺวา มุหุตฺตมฺปิ ปฏิจฺฉาเทติ, ตงฺขณฺเว ปน สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ กตฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ, ‘‘น ปุน กริสฺสามี’’ติ เอวํ สํวริตพฺพํ วา สํวรติ. กสฺมา? ยสฺมา อภพฺพตา ทิฏฺปทสฺส วุตฺตา, เอวรูปํ ปาปกมฺมํ กตฺวา ตสฺส ปฏิจฺฉาทาย ทิฏฺนิพฺพานปทสฺส ทสฺสนสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส อภพฺพตา วุตฺตาติ อตฺโถ.
กถํ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทหโร กุมาโร มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก หตฺเถน วา ปาเทน วา องฺคารํ อกฺกมิตฺวา ขิปฺปเมว ปฏิสํหรติ ¶ , เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ฆมฺมตา เอสา ทิฏฺิสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส, กิฺจาปิ ตถารูปึ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, ยถารูปาย อาปตฺติยา วุฏฺานํ ปฺายติ, อถ โข นํ ขิปฺปเมว สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ เทเสติ วิวรติ อุตฺตานีกโรติ, เทเสตฺวา วิวริตฺวา อุตฺตานีกตฺวา อายตึ สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๙๖).
เอวํ ภควา ปมาทวิหาริโนปิ ทสฺสนสมฺปนฺนสฺส กตปฏิจฺฉาทนาภาวคุเณน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
๒๓๖. เอวํ สงฺฆปริยาปนฺนานํ ปุคฺคลานํ เตน เตน คุณปฺปกาเรน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ ยฺวายํ ภควตา รตนตฺตยคุณํ ทีเปนฺเตน อิธ สงฺเขเปน อฺตฺร จ วิตฺถาเรน ปริยตฺติธมฺโม เทสิโต, ตมฺปิ นิสฺสาย ปุน พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺตุมารทฺโธ ‘‘วนปฺปคุมฺเพ ยถ ผุสฺสิตคฺเค’’ติ. ตตฺถ อาสนฺนสนฺนิเวสววตฺถิตานํ รุกฺขานํ สมูโห วนํ, มูลสารเผคฺคุตจสาขาปลาเสหิ ปวุฑฺโฒ คุมฺโพ ปคุมฺโพ, วเน ปคุมฺโพ วนปฺปคุมฺโพ, สฺวายํ ‘‘วนปฺปคุมฺเพ’’ติ วุตฺโต ¶ . เอวมฺปิ หิ วตฺตุํ ลพฺภติ ‘‘อตฺถิ สวิตกฺกสวิจาเร, อตฺถิ อวิตกฺกวิจารมตฺเต, สุเข ทุกฺเข ชีเว’’ติอาทีสุ วิย. ยถาติ โอปมฺมวจนํ. ผุสฺสิตานิ อคฺคานิ อสฺสาติ ผุสฺสิตคฺโค, สพฺพสาขาปสาขาสุ สฺชาตปุปฺโผติ อตฺโถ. โส ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ‘‘ผุสฺสิตคฺเค’’ติ วุตฺโต. คิมฺหาน มาเส ปมสฺมึ คิมฺเหติ เย จตฺตาโร คิมฺหมาสา, เตสํ จตุนฺนํ คิมฺหานํ เอกสฺมึ มาเส. กตมสฺมึ มาเส อิติ เจ? ปมสฺมึ คิมฺเห, จิตฺรมาเสติ อตฺโถ. โส หิ ‘‘ปมคิมฺโห’’ติ จ ‘‘พาลวสนฺโต’’ติ จ วุจฺจติ. ตโต ปรํ ปทตฺถโต ปากฏเมว.
อยํ ปเนตฺถ ปิณฺฑตฺโถ – ยถา ปมคิมฺหนามเก พาลวสนฺเต นานาวิธรุกฺขคหเน วเน สุปุปฺผิตคฺคสาโข ตรุณรุกฺขคจฺฉปริยายนาโม ปคุมฺโพ อติวิย สสฺสิริโก โหติ, เอวเมวํ ขนฺธายตนาทีหิ สติปฏฺานสมฺมปฺปธานาทีหิ ¶ สีลสมาธิกฺขนฺธาทีหิ วา นานปฺปกาเรหิ อตฺถปฺปเภทปุปฺเผหิ อติวิย สสฺสิริกตฺตา ตถูปมํ นิพฺพานคามิมคฺคทีปนโต นิพฺพานคามึ ปริยตฺติธมฺมวรํ เนว ลาภเหตุ น สกฺการาทิเหตุ, เกวลฺหิ มหากรุณาย อพฺภุสฺสาหิตหทโย สตฺตานํ ปรมํหิตาย อเทสยีติ. ปรมํหิตายาติ เอตฺถ จ คาถาพนฺธสุขตฺถํ อนุนาสิโก, อยํ ปนตฺโถ ‘‘ปรมหิตาย นิพฺพานาย อเทสยี’’ติ.
เอวํ ภควา อิมํ สุปุปฺผิตคฺควนปฺปคุมฺพสทิสํ ปริยตฺติธมฺมํ วตฺวา อิทานิ ตเมว นิสฺสาย พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ, เกวลํ ปน อิทมฺปิ ยถาวุตฺตปฺปการปริยตฺติธมฺมสงฺขาตํ พุทฺเธ รตนํ ปณีตนฺติ โยเชตพฺพํ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
๒๓๗. เอวํ ภควา ปริยตฺติธมฺเมน พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ โลกุตฺตรธมฺเมน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘วโร วรฺู’’ติ. ตตฺถ วโรติ ปณีตาธิมุตฺติเกหิ อิจฺฉิโต ‘‘อโห วต มยมฺปิ เอวรูปา อสฺสามา’’ติ, วรคุณโยคโต วา วโร, อุตฺตโม เสฏฺโติ อตฺโถ. วรฺูติ นิพฺพานฺู. นิพฺพานฺหิ สพฺพธมฺมานํ อุตฺตมฏฺเน วรํ, ตฺเจส โพธิมูเล สยํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา อฺาสิ. วรโทติ ปฺจวคฺคิยภทฺทวคฺคิยชฏิลาทีนํ อฺเสฺจ เทวมนุสฺสานํ นิพฺเพธภาคิยวาสนาภาคิยวรธมฺมทายีติ อตฺโถ. วราหโรติ วรสฺส มคฺคสฺส อาหฏตฺตา วราหโรติ วุจฺจติ. โส หิ ภควา ทีปงฺกรโต ปภุติ สมตึส ปารมิโย ปูเรนฺโต ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ อนุยาตํ ปุราณํ มคฺควรํ อาหริ, เตน วราหโรติ วุจฺจติ. อปิจ สพฺพฺุตฺาณปฏิลาเภน วโร, นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย วรฺู, สตฺตานํ วิมุตฺติสุขทาเนน วรโท, อุตฺตมปฏิปทาหรเณน วราหโร, เอเตหิ โลกุตฺตรคุเณหิ อธิกสฺส กสฺสจิ อภาวโต อนุตฺตโร.
อปโร ¶ นโย – วโร อุปสมาธิฏฺานปริปูรเณน, วรฺู ปฺาธิฏฺานปริปูรเณน, วรโท จาคาธิฏฺานปริปูรเณน, วราหโร สจฺจาธิฏฺานปริปูรเณน, วรํ มคฺคสจฺจมาหรีติ. ตถา วโร ปฺุุสฺสเยน, วรฺู ปฺุสฺสเยน, วรโท พุทฺธภาวตฺถิกานํ ตทุปายสมฺปทาเนน, วราหโร ¶ ปจฺเจกพุทฺธภาวตฺถิกานํ ตทุปายาหรเณน, อนุตฺตโร ตตฺถ ตตฺถ อสทิสตาย, อตฺตนา วา อนาจริยโก หุตฺวา ปเรสํ อาจริยภาเวน, ธมฺมวรํ อเทสยิ สาวกภาวตฺถิกานํ ตทตฺถาย สฺวาขาตตาทิคุณยุตฺตสฺส วรธมฺมสฺส เทสนโต. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
เอวํ ภควา นววิเธน โลกุตฺตรธมฺเมน อตฺตโน คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เกวลํ ปน ยํ วรํ นวโลกุตฺตรธมฺมํ เอส อฺาสิ, ยฺจ อทาสิ, ยฺจ อาหริ, ยฺจ อเทสยิ, อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตนฺติ เอวํ โยเชตพฺพํ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
๒๓๘. เอวํ ภควา ปริยตฺติธมฺมํ โลกุตฺตรธมฺมฺจ นิสฺสาย ทฺวีหิ คาถาหิ พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ เย ตํ ปริยตฺติธมฺมํ อสฺโสสุํ สุตานุสาเรน จ ปฏิปชฺชิตฺวา นวปฺปการมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ อธิคมึสุ, เตสํ อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติคุณํ นิสฺสาย ปุน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ขีณํ ปุราณ’’นฺติ. ตตฺถ ขีณนฺติ สมุจฺฉินฺนํ. ปุราณนฺติ ปุราตนํ. นวนฺติ สมฺปติ วตฺตมานํ. นตฺถิสมฺภวนฺติ อวิชฺชมานปาตุภาวํ. วิรตฺตจิตฺตาติ วิคตราคจิตฺตา. อายติเก ภวสฺมินฺติ อนาคตมทฺธานํ ปุนพฺภเว. เตติ เยสํ ขีณํ ปุราณํ นวํ นตฺถิสมฺภวํ, เย จ อายติเก ภวสฺมึ วิรตฺตจิตฺตา, เต ขีณาสวา ภิกฺขู. ขีณพีชาติ อุจฺฉินฺนพีชา. อวิรูฬฺหิฉนฺทาติ วิรูฬฺหิฉนฺทวิรหิตา. นิพฺพนฺตีติ วิชฺฌายนฺติ. ธีราติ ธิติสมฺปนฺนา. ยถายํ ปทีโปติ อยํ ปทีโป วิย.
กึ วุตฺตํ โหติ? ยํ ตํ สตฺตานํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธมฺปิ ปุราณํ อตีตกาลิกํ กมฺมํ ตณฺหาสิเนหสฺส อปฺปหีนตฺตา ปฏิสนฺธิอาหรณสมตฺถตาย อขีณํเยว โหติ, ตํ ปุราณํ กมฺมํ เยสํ อรหตฺตมคฺเคน ตณฺหาสิเนหสฺส โสสิตตฺตา อคฺคินา ทฑฺฒพีชมิว อายตึ วิปากทานาสมตฺถตาย ขีณํ. ยฺจ เนสํ พุทฺธปูชาทิวเสน อิทานิ ปวตฺตมานํ กมฺมํ นวนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ตณฺหาปหาเนเนว ฉินฺนมูลปาทปปุปฺผมิว อายตึ ผลทานาสมตฺถตาย เยสํ นตฺถิสมฺภวํ, เย จ ตณฺหาปหาเนเนว อายติเก ภวสฺมึ วิรตฺตจิตฺตา, เต ขีณาสวา ภิกฺขู ‘‘กมฺมํ เขตฺตํ วิฺาณํ ¶ พีช’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๗๗) เอตฺถ วุตฺตสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส กมฺมกฺขเยเนว ขีณตฺตา ขีณพีชา. โยปิ ปุพฺเพ ปุนพฺภวสงฺขาตาย วิรูฬฺหิยา ฉนฺโท อโหสิ, ตสฺสาปิ สมุทยปฺปหาเนเนว ปหีนตฺตา ปุพฺเพ วิย จุติกาเล อสมฺภเวน อวิรูฬฺหิฉนฺทา ¶ ธิติสมฺปนฺนตฺตา ธีรา จริมวิฺาณนิโรเธน ยถายํ ปทีโป นิพฺพุโต, เอวํ นิพฺพนฺติ, ปุน ‘‘รูปิโน วา อรูปิโน วา’’ติ เอวมาทึ ปฺตฺติปถํ อจฺเจนฺตีติ. ตสฺมึ กิร สมเย นครเทวตานํ ปูชนตฺถาย ชาลิเตสุ ปทีเปสุ เอโก ปทีโป วิชฺฌายิ, ตํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ยถายํ ปทีโป’’ติ.
เอวํ ภควา เย ตํ ปุริมาหิ ทฺวีหิ คาถาหิ วุตฺตํ ปริยตฺติธมฺมํ อสฺโสสุํ, สุตานุสาเรเนว ปฏิปชฺชิตฺวา นวปฺปการมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ อธิคมึสุ, เตสํ อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติคุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจวจนํ ปยฺุชนฺโต เทสนํ สมาเปสิ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ, เกวลํ ปน อิทมฺปิ ยถาวุตฺเตน ปกาเรน ขีณาสวภิกฺขูนํ นิพฺพานสงฺขาตํ สงฺเฆ รตนํ ปณีตนฺติ เอวํ โยเชตพฺพํ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
เทสนาปริโยสาเน ราชกุลสฺส โสตฺถิ อโหสิ, สพฺพูปทฺทวา วูปสมึสุ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ.
๒๓๙-๒๔๑. อถ สกฺโก เทวานมินฺโท ‘‘ภควตา รตนตฺตยคุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชมาเนน นาครสฺส โสตฺถิ กตา, มยาปิ นาครสฺส โสตฺถิตฺถํ รตนตฺตยคุณํ นิสฺสาย กิฺจิ วตฺตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อวสาเน คาถาตฺตยํ อภาสิ ‘‘ยานีธ ภูตานี’’ติ. ตตฺถ ยสฺมา พุทฺโธ ยถา โลกหิตตฺถาย อุสฺสุกฺกํ อาปนฺเนหิ อาคนฺตพฺพํ, ตถา อาคตโต, ยถา จ เอเตหิ คนฺตพฺพํ, ตถา คตโต, ยถา วา เอเตหิ อาชานิตพฺพํ, ตถา อาชานนโต, ยถา จ ชานิตพฺพํ, ตถา ชานนโต, ยฺจ ตเถว โหติ, ตสฺส คทนโต จ ‘‘ตถาคโต’’ติ วุจฺจติ. ยสฺมา จ โส เทวมนุสฺเสหิ ปุปฺผคนฺธาทินา พหินิพฺพตฺเตน อุปกรเณน, ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺตาทินา จ อตฺตนิ นิพฺพตฺเตน อติวิย ปูชิโต, ตสฺมา สกฺโก เทวานมินฺโท สพฺพเทวปริสํ อตฺตนา สทฺธึ สมฺปิณฺเฑตฺวา ¶ อาห ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, พุทฺธํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ.
ยสฺมา ปน ธมฺเม มคฺคธมฺโม ยถา ยุคนนฺธ สมถวิปสฺสนาพเลน คนฺตพฺพํ กิเลสปกฺขํ สมุจฺฉินฺทนฺเตน, ตถา คโตติ ตถาคโต. นิพฺพานธมฺโมปิ ยถา คโต ปฺาย ปฏิวิทฺโธ สพฺพทุกฺขวิฆาตาย สมฺปชฺชติ, พุทฺธาทีหิ ตถา อวคโต, ตสฺมา ‘‘ตถาคโต’’ติ วุจฺจติ. ยสฺมา จ สงฺโฆปิ ยถา อตฺตหิตาย ปฏิปนฺเนหิ คนฺตพฺพํ เตน เตน มคฺเคน, ตถา คโต, ตสฺมา ‘‘ตถาคโต’’ ตฺเวว วุจฺจติ. ตสฺมา อวเสสคาถาทฺวเยปิ ตถาคตํ ธมฺมํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตุ, ตถาคตํ สงฺฆํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตูติ วุตฺตํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
เอวํ ¶ สกฺโก เทวานมินฺโท อิมํ คาถาตฺตยํ ภาสิตฺวา ภควนฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เทวปุรเมว คโต สทฺธึ เทวปริสาย. ภควา ปน ตเทว รตนสุตฺตํ ทุติยทิวเสปิ เทเสสิ, ปุน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เอวํ ภควา ยาว สตฺตมํ ทิวสํ เทเสสิ, ทิวเส ทิวเส ตเถว ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ภควา อฑฺฒมาสเมว เวสาลิยํ วิหริตฺวา ราชูนํ ‘‘คจฺฉามา’’ติ ปฏิเวเทสิ. ตโต ราชาโน ทิคุเณน สกฺกาเรน ปุน ตีหิ ทิวเสหิ ภควนฺตํ คงฺคาตีรํ นยึสุ. คงฺคายํ นิพฺพตฺตา นาคราชาโน จินฺเตสุํ – ‘‘มนุสฺสา ตถาคตสฺส สกฺการํ กโรนฺติ, มยํ กึ น กริสฺสามา’’ติ สุวณฺณรชตมณิมยา นาวาโย มาเปตฺวา สุวณฺณรชตมณิมเย เอว ปลฺลงฺเก ปฺาเปตฺวา ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ อุทกํ กริตฺวา ‘‘อมฺหากํ อนุคฺคหํ กโรถา’’ติ ภควนฺตํ อุปคตา. ภควา อธิวาเสตฺวา รตนนาวมารูฬฺโห ปฺจ จ ภิกฺขุสตานิ สกํ สกํ นาวํ. นาคราชาโน ภควนฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน นาคภวนํ ปเวเสสุํ. ตตฺร สุทํ ภควา สพฺพรตฺตึ นาคปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. ทุติยทิวเส ทิพฺเพหิ ขาทนียโภชนีเยหิ มหาทานํ อทํสุ. ภควา อนุโมทิตฺวา นาคภวนา นิกฺขมิ.
ภูมฏฺา เทวา ‘‘มนุสฺสา จ นาคา จ ตถาคตสฺส สกฺการํ กโรนฺติ, มยํ กึ น กริสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา วนคุมฺพรุกฺขปพฺพตาทีสุ ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุกฺขิปึสุ. เอเตเนว อุปาเยน ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมภวนํ, ตาว มหาสกฺการวิเสโส ¶ นิพฺพตฺติ. พิมฺพิสาโรปิ ลิจฺฉวีหิ อาคตกาเล กตสกฺการโต ทิคุณมกาสิ, ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปฺจหิ ทิวเสหิ ภควนฺตํ ราชคหํ อาเนสิ.
ราชคหมนุปฺปตฺเต ภควติ ปจฺฉาภตฺตํ มณฺฑลมาเฬ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ อยมนฺตรกถา อุทปาทิ – ‘‘อโห พุทฺธสฺส ภควโต อานุภาโว, ยํ อุทฺทิสฺส คงฺคาย โอรโต จ ปารโต จ อฏฺโยชโน ภูมิภาโค นินฺนฺจ ถลฺจ สมํ กตฺวา วาลุกาย โอกิริตฺวา ปุปฺเผหิ สฺฉนฺโน, โยชนปฺปมาณํ คงฺคาย อุทกํ นานาวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนํ, ยาว อกนิฏฺภวนา ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุสฺสิตานี’’ติ. ภควา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ตงฺขณานุรูเปน ปาฏิหาริเยน คนฺตฺวา มณฺฑลมาเฬ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ? ภิกฺขู สพฺพํ อาโรเจสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘น, ภิกฺขเว, อยํ ปูชาวิเสโส มยฺหํ พุทฺธานุภาเวน นิพฺพตฺโต, น นาคเทวพฺรหฺมานุภาเวน, อปิจ โข ปุพฺเพ อปฺปมตฺตกปริจฺจาคานุภาเวน นิพฺพตฺโต’’ติ. ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘น มยํ, ภนฺเต, ตํ อปฺปมตฺตกํ ปริจฺจาคํ ชานาม, สาธุ โน ภควา ตถา กเถตุ, ยถา มยํ ตํ ชาเนยฺยามา’’ติ.
ภควา อาห – ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ตกฺกสิลายํ สงฺโข นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ. ตสฺส ¶ ปุตฺโต สุสีโม นาม มาณโว โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก วเยน, โส เอกทิวสํ ปิตรํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตํ ปิตา อาห – ‘‘กึ, ตาต สุสีมา’’ติ? โส อาห – ‘‘อิจฺฉามหํ, ตาต, พาราณสึ คนฺตฺวา สิปฺปํ อุคฺคเหตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, ตาต สุสีม, อสุโก นาม พฺราหฺมโณ มม สหายโก, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อุคฺคณฺหาหี’’ติ กหาปณสหสฺสํ อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา มาตาปิตโร อภิวาเทตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ คนฺตฺวา อุปจารยุตฺเตน วิธินา อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา อตฺตานํ นิเวเทสิ. อาจริโย ‘‘มม สหายกสฺส ปุตฺโต’’ติ มาณวํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สพฺพํ ปาหุเนยฺยมกาสิ. โส อทฺธานกิลมถํ ปฏิวิโนเทตฺวา ตํ กหาปณสหสฺสํ อาจริยสฺส ปาทมูเล เปตฺวา สิปฺปํ อุคฺคเหตุํ โอกาสํ ยาจิ. อาจริโย โอกาสํ กตฺวา อุคฺคณฺหาเปสิ.
โส ¶ ลหฺุจ คณฺหนฺโต พหฺุจ คณฺหนฺโต คหิตคหิตฺจ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตมิว สีหเตลํ อวินสฺสมานํ ธาเรนฺโต ทฺวาทสวสฺสิกํ สิปฺปํ กติปยมาเสเนว ปริโยสาเปสิ. โส สชฺฌายํ กโรนฺโต อาทิมชฺฌํเยว ปสฺสติ, โน ปริโยสานํ. อถ อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘อิมสฺส สิปฺปสฺส อาทิมชฺฌเมว ปสฺสามิ, ปริโยสานํ น ปสฺสามี’’ติ. อาจริโย อาห – ‘‘อหมฺปิ, ตาต, เอวเมวา’’ติ. ‘‘อถ โก, อาจริย, อิมสฺส สิปฺปสฺส ปริโยสานํ ชานาตี’’ติ? ‘‘อิสิปตเน, ตาต, อิสโย อตฺถิ, เต ชาเนยฺยุ’’นฺติ. เต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปุจฺฉามิ, อาจริยา’’ติ. ‘‘ปุจฺฉ, ตาต, ยถาสุข’’นฺติ. โส อิสิปตนํ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อาทิมชฺฌปริโยสานํ ชานาถา’’ติ? ‘‘อามาวุโส, ชานามา’’ติ. ‘‘ตํ มมฺปิ สิกฺขาเปถา’’ติ. ‘‘เตน, หาวุโส, ปพฺพชาหิ, น สกฺกา อปพฺพชิเตน สิกฺขิตุ’’นฺติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ปพฺพาเชถ วา มํ, ยํ วา อิจฺฉถ, ตํ กตฺวา ปริโยสานํ ชานาเปถา’’ติ. เต ตํ ปพฺพาเชตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยเชตุํ อสมตฺถา ‘‘เอวํ เต นิวาเสตพฺพํ, เอวํ ปารุปิตพฺพ’’นฺติอาทินา นเยน อาภิสมาจาริกํ สิกฺขาเปสุํ. โส ตตฺถ สิกฺขนฺโต อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา น จิเรเนว ปจฺเจกโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ. สกลพาราณสิยํ ‘‘สุสีมปจฺเจกพุทฺโธ’’ติ ปากโฏ อโหสิ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต สมฺปนฺนปริวาโร. โส อปฺปายุกสํวตฺตนิกสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา น จิเรเนว ปรินิพฺพายิ. ตสฺส ปจฺเจกพุทฺธา จ มหาชนกาโย จ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ธาตุโต คเหตฺวา นครทฺวาเร ถูปํ ปติฏฺาเปสุํ.
อถ โข สงฺโข พฺราหฺมโณ ‘‘ปุตฺโต เม จิรคโต, น จสฺส ปวตฺตึ ชานามี’’ติ ปุตฺตํ ทฏฺุกาโม ตกฺกสิลาย นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา มหาชนกายํ สนฺนิปติตํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา พหูสุ เอโกปิ เม ปุตฺตสฺส ปวตฺตึ ชานิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สุสีโม นาม มาณโว อิธ อาคโต อตฺถิ, อปิ นุ ตสฺส ปวตฺตึ ชานาถา’’ติ? เต ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, ชานาม, อสฺมึ นคเร พฺราหฺมณสฺส สนฺติเก ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา ปจฺเจกพุทฺธานํ ¶ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, อยมสฺส ถูโป ปติฏฺาปิโต’’ติ อาหํสุ. โส ภูมึ หตฺเถน ¶ ปหริตฺวา, โรทิตฺวา จ ปริเทวิตฺวา จ ตํ เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา ติณานิ อุทฺธริตฺวา อุตฺตรสาฏเกน วาลุกํ อาเนตฺวา, ปจฺเจกพุทฺธเจติยงฺคเณ อากิริตฺวา, กมณฺฑลุโต อุทเกน สมนฺตโต ภูมึ ปริปฺโผสิตฺวา วนปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา อุตฺตรสาฏเกน ปฏากํ อาโรเปตฺวา ถูปสฺส อุปริ อตฺตโน ฉตฺตํ พนฺธิตฺวา ปกฺกามีติ.
เอวํ อตีตํ ทสฺเสตฺวา ตํ ชาตกํ ปจฺจุปฺปนฺเนน อนุสนฺเธนฺโต ภิกฺขูนํ ธมฺมกถํ กเถสิ – ‘‘สิยา โข ปน โว, ภิกฺขเว, เอวมสฺส อฺโ นูน เตน สมเยน สงฺโข พฺราหฺมโณ อโหสี’’ติ, น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ, อหํ เตน สมเยน สงฺโข พฺราหฺมโณ อโหสึ, มยา สุสีมสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส เจติยงฺคเณ ติณานิ อุทฺธฏานิ, ตสฺส เม กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺคํ วิคตขาณุกณฺฏกํ กตฺวา สมํ สุทฺธมกํสุ, มยา ตตฺถ วาลุกา โอกิณฺณา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺเค วาลุกํ โอกิรึสุ. มยา ตตฺถ วนกุสุเมหิ ปูชา กตา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน นวโยชนมคฺเค ถเล จ อุทเก จ นานาปุปฺเผหิ ปุปฺผสนฺถรํ อกํสุ. มยา ตตฺถ กมณฺฑลุทเกน ภูมิ ปริปฺโผสิตา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน เวสาลิยํ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. มยา ตสฺมึ เจติเย ปฏากา อาโรปิตา, ฉตฺตฺจ พทฺธํ, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน ยาว อกนิฏฺภวนา ปฏากา จ อาโรปิตา, ฉตฺตาติฉตฺตานิ จ อุสฺสิตานิ. อิติ โข, ภิกฺขเว, อยํ มยฺหํ ปูชาวิเสโส เนว พุทฺธานุภาเวน นิพฺพตฺโต, น นาคเทวพฺรหฺมานุภาเวน, อปิจ โข อปฺปมตฺตกปริจฺจาคานุภาเวน นิพฺพตฺโต’’ติ. ธมฺมกถาปริโยสาเน อิมํ คาถมภาสิ –
‘‘มตฺตาสุขปริจฺจาคา, ปสฺเส เจ วิปุลํ สุขํ;
จเช มตฺตาสุขํ ธีโร, สมฺปสฺสํ วิปุลํ สุข’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๙๐);
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย รตนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อามคนฺธสุตฺตวณฺณนา
สามากจิงฺคูลกจีนกานิ ¶ ¶ จาติ อามคนฺธสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อนุปฺปนฺเน ภควติ อามคนฺโธ นาม พฺราหฺมโณ ปฺจหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพตนฺตเร อสฺสมํ การาเปตฺวา วนมูลผลาหาโร หุตฺวา ตตฺถ ปฏิวสติ, น กทาจิ มจฺฉมํสํ ขาทติ. อถ เตสํ ตาปสานํ โลณมฺพิลาทีนิ อปริภฺุชนฺตานํ ปณฺฑุโรโค อุปฺปชฺชิ. ตโต เต ‘‘โลณมฺพิลาทิเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ คจฺฉามา’’ติ ปจฺจนฺตคามํ สมฺปตฺตา. ตตฺถ มนุสฺสา เตสุ ปสีทิตฺวา นิมนฺเตตฺวา โภเชสุํ, กตภตฺตกิจฺจานํ เนสํ มฺจปีปริโภคภาชนปาทมกฺขนาทีนิ อุปเนตฺวา ‘‘เอตฺถ, ภนฺเต, วสถ, มา อุกฺกณฺิตฺถา’’ติ วสนฏฺานํ ทสฺเสตฺวา ปกฺกมึสุ. ทุติยทิวเสปิ เนสํ ทานํ ทตฺวา ปุน ฆรปฏิปาฏิยา เอเกกทิวสํ ทานมทํสุ. ตาปสา จตุมาสํ ตตฺถ วสิตฺวา โลณมฺพิลาทิเสวนาย ถิรภาวปฺปตฺตสรีรา หุตฺวา ‘‘มยํ, อาวุโส, คจฺฉามา’’ติ ¶ มนุสฺสานํ อาโรเจสุํ. มนุสฺสา เตสํ เตลตณฺฑุลาทีนิ อทํสุ. เต ตานิ อาทาย อตฺตโน อสฺสมเมว อคมํสุ. ตฺจ คามํ ตเถว สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร อาคมึสุ. มนุสฺสาปิ เตสํ อาคมนกาลํ วิทิตฺวา ทานตฺถาย ตณฺฑุลาทีนิ สชฺเชตฺวาว อจฺฉนฺติ, อาคเต จ เน ตเถว สมฺมาเนนฺติ.
อถ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ คนฺตฺวา ตตฺถ วิหรนฺโต เตสํ ตาปสานํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ตโต นิกฺขมฺม ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ จรมาโน อนุปุพฺเพน ตํ คามํ อนุปฺปตฺโต. มนุสฺสา ภควนฺตํ ทิสฺวา มหาทานานิ อทํสุ. ภควา เตสํ ธมฺมํ เทเสสิ. เต ตาย ธมฺมเทสนาย อปฺเปกจฺเจ โสตาปนฺนา, เอกจฺเจ สกทาคามิโน, เอกจฺเจ อนาคามิโน อเหสุํ, เอกจฺเจ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ภควา ปุนเทว สาวตฺถึ ปจฺจาคมาสิ. อถ เต ตาปสา ตํ คามํ อาคมึสุ. มนุสฺสา ตาปเส ทิสฺวา น ปุพฺพสทิสํ โกตูหลมกํสุ. ตาปสา ตํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ, อาวุโส, อิเม มนุสฺสา น ปุพฺพสทิสา, กึ นุ โข อยํ คาโม ราชทณฺเฑน อุปทฺทุโต, อุทาหุ ทุพฺภิกฺเขน, อุทาหุ อมฺเหหิ สีลาทิคุเณหิ สมฺปนฺนตโร โกจิ ปพฺพชิโต อิมํ คามมนุปฺปตฺโต’’ติ? เต อาหํสุ – ‘‘น, ภนฺเต, ราชทณฺเฑน, น ทุพฺภิกฺเขนายํ คาโม อุปทฺทุโต, อปิจ พุทฺโธ โลเก ¶ อุปฺปนฺโน, โส ภควา พหุชนหิตาย ธมฺมํ เทเสนฺโต อิธาคโต’’ติ.
ตํ ¶ สุตฺวา อามคนฺธตาปโส ‘‘พุทฺโธติ, คหปตโย, วเทถา’’ติ? ‘‘พุทฺโธติ, ภนฺเต, วทามา’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺวา ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ อตฺตมโน อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึ นุ โข โส พุทฺโธ อามคนฺธํ ภฺุชติ, น ภฺุชตี’’ติ? ‘‘โก, ภนฺเต, อามคนฺโธ’’ติ? ‘‘อามคนฺโธ นาม มจฺฉมํสํ, คหปตโย’’ติ. ‘‘ภควา, ภนฺเต, มจฺฉมํสํ ปริภฺุชตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ตาปโส วิปฺปฏิสารี อโหสิ – ‘‘มาเหว โข ปน พุทฺโธ สิยา’’ติ ¶ . ปุน จินฺเตสิ – ‘‘พุทฺธานํ ปาตุภาโว นาม ทุลฺลโภ, คนฺตฺวา พุทฺธํ ทิสฺวา ปุจฺฉิตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ. ตโต เยน ภควา คโต, ตํ มคฺคํ มนุสฺเส ปุจฺฉิตฺวา วจฺฉคิทฺธินี คาวี วิย ตุริตตุริโต สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน สาวตฺถึ อนุปฺปตฺวา เชตวนเมว ปาวิสิ สทฺธึ สกาย ปริสาย. ภควาปิ ตสฺมึ สมเย ธมฺมเทสนตฺถาย อาสเน นิสินฺโน เอว โหติ. ตาปสา ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม ตุณฺหีภูตา อนภิวาเทตฺวาว เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. ภควา ‘‘กจฺจิ โว อิสโย ขมนีย’’นฺติอาทินา นเยน เตหิ สทฺธึ ปฏิสมฺโมทิ. เตปิ ‘‘ขมนียํ, โภ โคตมา’’ติอาทิมาหํสุ. ตโต อามคนฺโธ ภควนฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘อามคนฺธํ, โภ โคตม, ภฺุชสิ, น ภฺุชสี’’ติ? ‘‘โก โส, พฺราหฺมณ, อามคนฺโธ นามา’’ติ? ‘‘มจฺฉมํสํ, โภ โคตมา’’ติ. ภควา ‘‘น, พฺราหฺมณ, มจฺฉมํสํ อามคนฺโธ. อปิจ โข อามคนฺโธ นาม สพฺเพ กิเลสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา’’ติ วตฺวา ‘‘น, พฺราหฺมณ, อิทานิ ตฺวเมว อามคนฺธํ ปุจฺฉิ, อตีเตปิ ติสฺโส นาม พฺราหฺมโณ กสฺสปํ ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. เอวฺจ โส ปุจฺฉิ, เอวฺจสฺส ภควา พฺยากาสี’’ติ ติสฺเสน จ พฺราหฺมเณน กสฺสเปน จ ภควตา วุตฺตคาถาโย เอว อาเนตฺวา ตาหิ คาถาหิ พฺราหฺมณํ สฺาเปนฺโต อาห – ‘‘สามากจิงฺคูลกจีนกานิ จา’’ติ. อยํ ตาว อิมสฺส สุตฺตสฺส อิธ อุปฺปตฺติ.
อตีเต ปน กสฺสโป กิร โพธิสตฺโต อฏฺาสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธนวตี นาม พฺราหฺมณี, ตสฺสา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. อคฺคสาวโกปิ ตํ ทิวสํเยว เทวโลกา จวิตฺวา อนุปุโรหิตพฺราหฺมณสฺส ปชาปติยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. เอวํ เตสํ เอกทิวสเมว ปฏิสนฺธิคฺคหณฺจ ¶ คพฺภวุฏฺานฺจ อโหสิ, เอกทิวสเมว ¶ เอเตสํ เอกสฺส กสฺสโป, เอกสฺส ติสฺโสติ นามมกํสุ. เต สหปํสุกีฬนกา ทฺเว สหายา อนุปุพฺเพน วุฑฺฒึ อคมึสุ. ติสฺสสฺส ปิตา ปุตฺตํ อาณาเปสิ – ‘‘อยํ, ตาต, กสฺสโป นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสติ, ตฺวมฺปิสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ภวนิสฺสรณํ กเรยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อุโภปิ, สมฺม, ปพฺพชิสฺสามา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. ตโต วุฑฺฒึ ¶ อนุปฺปตฺตกาเลปิ ติสฺโส โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘เอหิ, สมฺม, ปพฺพชิสฺสามา’’ติ โพธิสตฺโต น นิกฺขมิ. ติสฺโส ‘‘น ตาวสฺส าณํ ปริปากํ คต’’นฺติ สยํ นิกฺขมฺม อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺเ ปพฺพตปาเท อสฺสมํ การาเปตฺวา วสติ. โพธิสตฺโตปิ อปเรน สมเยน ฆเร ิโตเยว อานาปานสฺสตึ ปริคฺคเหตฺวา จตฺตาริ ฌานานิ อภิฺาโย จ อุปฺปาเทตฺวา ปาสาเทน โพธิมณฺฑสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘ปุน ปาสาโท ยถาาเนเยว ปติฏฺาตู’’ติ อธิฏฺาสิ, โส สกฏฺาเนเยว ปติฏฺาสิ. อปพฺพชิเตน กิร โพธิมณฺฑํ อุปคนฺตุํ น สกฺกาติ. โส ปพฺพชิตฺวา โพธิมณฺฑํ ปตฺวา นิสีทิตฺวา สตฺต ทิวเส ปธานโยคํ กตฺวา สตฺตหิ ทิวเสหิ สมฺมาสมฺโพธึ สจฺฉากาสิ.
ตทา อิสิปตเน วีสติสหสฺสา ปพฺพชิตา ปฏิวสนฺติ. อถ กสฺสโป ภควา เต อามนฺเตตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ. สุตฺตปริโยสาเน สพฺเพว อรหนฺโต อเหสุํ. โส สุทํ ภควา วีสติภิกฺขุสหสฺสปริวุโต ตตฺเถว อิสิปตเน วสติ. กิกี จ นํ กาสิราชา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺาติ. อเถกทิวสํ พาราณสิวาสี เอโก ปุริโส ปพฺพเต จนฺทนสาราทีนิ คเวสนฺโต ติสฺสสฺส ตาปสสฺส อสฺสมํ ปตฺวา ตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตาปโส ตํ ทิสฺวา ‘‘กุโต ¶ อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พาราณสิโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กา ตตฺถ ปวตฺตี’’ติ? ‘‘ตตฺถ, ภนฺเต, กสฺสโป นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ. ตาปโส ทุลฺลภวจนํ สุตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ปุจฺฉิ – ‘‘กึ โส อามคนฺธํ ภฺุชติ, น ภฺุชตี’’ติ? ‘‘โก ภนฺเต, อามคนฺโธ’’ติ? ‘‘มจฺฉมํสํ อาวุโส’’ติ. ‘‘ภควา, ภนฺเต, มจฺฉมํสํ ภฺุชตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ตาปโส วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ปุน จินฺเตสิ – ‘‘คนฺตฺวา ตํ ปุจฺฉิสฺสามิ, สเจ ‘อามคนฺธํ ปริภฺุชามี’ติ วกฺขติ, ตโต นํ ‘ตุมฺหากํ, ภนฺเต, ชาติยา จ กุลสฺส จ โคตฺตสฺส จ อนนุจฺฉวิกเมต’นฺติ นิวาเรตฺวา ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ภวนิสฺสรณํ กริสฺสามี’’ติ สลฺลหุกํ อุปกรณํ ¶ คเหตฺวา สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน สายนฺหสมเย พาราณสึ ปตฺวา อิสิปตนเมว ปาวิสิ. ภควาปิ ตสฺมึ สมเย ธมฺมเทสนตฺถาย อาสเน นิสินฺโนเยว โหติ. ตาปโส ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม อนภิวาเทตฺวา ตุณฺหีภูโต เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ภควา ตํ ทิสฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปฏิสมฺโมทิ. โสปิ ‘‘ขมนียํ, โภ กสฺสปา’’ติอาทีนิ วตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ภควนฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘อามคนฺธํ, โภ กสฺสป, ภฺุชสิ, น ภฺุชสี’’ติ? ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, อามคนฺธํ ภฺุชามี’’ติ. ‘‘สาธุ, สาธุ, โภ กสฺสป, ปรกุณปํ อขาทนฺโต สุนฺทรมกาสิ, ยุตฺตเมตํ โภโต กสฺสปสฺส ชาติยา จ กุลสฺส จ โคตฺตสฺส จา’’ติ. ตโต ภควา ‘‘อหํ กิเลเส สนฺธาย ‘อามคนฺธํ น ภฺุชามี’ติ วทามิ, พฺราหฺมโณ มจฺฉมํสํ ปจฺเจติ, ยํนูนาหํ สฺเว คามํ ปิณฺฑาย อปวิสิตฺวา กิกีรฺโ เคหา อาภตํ ¶ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุเชยฺยํ, เอวํ อามคนฺธํ อารพฺภ กถา ปวตฺติสฺสติ. ตโต พฺราหฺมณํ ธมฺมเทสนาย สฺาเปสฺสามี’’ติ ทุติยทิวเส กาลสฺเสว สรีรปริกมฺมํ กตฺวา คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. ภิกฺขู คนฺธกุฏิทฺวารํ ปิหิตํ ทิสฺวา ‘‘น ¶ ภควา อชฺช ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปวิสิตุกาโม’’ติ ตฺวา คนฺธกุฏึ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปิณฺฑาย ปวิสึสุ.
ภควาปิ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. ตาปโสปิ โข ปตฺตสากํ ปจิตฺวา ขาทิตฺวา ภควโต สนฺติเก นิสีทิ. กิกี กาสิราชา ภิกฺขู ปิณฺฑาย จรนฺเต ทิสฺวา ‘‘กุหึ ภควา, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วิหาเร, มหาราชา’’ติ จ สุตฺวา นานาพฺยฺชนรสมเนกมํสวิกติสมฺปนฺนํ โภชนํ ภควโต ปาเหสิ. อมจฺจา วิหารํ เนตฺวา ภควโต อาโรเจตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ปริวิสนฺตา ปมํ นานามํสวิกติสมฺปนฺนํ ยาคุํ อทํสุ, ตาปโส ทิสฺวา ‘‘ขาทติ นุ โข โน’’ติ จินฺเตนฺโต อฏฺาสิ. ภควา ตสฺส ปสฺสโตเยว ยาคุํ ปิวนฺโต มํสขณฺฑํ มุเข ปกฺขิปิ. ตาปโส ทิสฺวา กุทฺโธ. ปุน ยาคุปีตสฺส นานารสพฺยฺชนํ โภชนมทํสุ, ตมฺปิ คเหตฺวา ภฺุชนฺตํ ทิสฺวา อติวิย กุทฺโธ ‘‘มจฺฉมํสํ ขาทนฺโตเยว ‘น ขาทามี’ติ ภณตี’’ติ. อถ ภควนฺตํ กตภตฺตกิจฺจํ หตฺถปาเท โธวิตฺวา นิสินฺนํ อุปสงฺกมฺม ‘‘โภ กสฺสป, มุสา ตฺวํ ภณสิ, เนตํ ปณฺฑิตกิจฺจํ. มุสาวาโท หิ ครหิโต พุทฺธานํ, เยปิ เต ปพฺพตปาเท วนมูลผลาทีหิ ยาเปนฺตา อิสโย วสนฺติ, เตปิ มุสา น ภณนฺตี’’ติ วตฺวา ปุน อิสีนํ คุเณ คาถาย วณฺเณนฺโต อาห ‘‘สามากจิงฺคูลกจีนกานิ จา’’ติ.
๒๔๒. ตตฺถ ¶ สามากาติ ธุนิตฺวา วา สีสานิ อุจฺจินิตฺวา วา คยฺหูปคา ติณธฺชาติ. ตถา จิงฺคูลกา กณวีรปุปฺผสณฺานสีสา โหนฺติ. จีนกานีติ อฏวิปพฺพตปาเทสุ อโรปิตชาตา จีนมุคฺคา. ปตฺตปฺผลนฺติ ยํกิฺจิ หริตปณฺณํ. มูลผลนฺติ ยํกิฺจิ กนฺทมูลํ. ควิปฺผลนฺติ ยํกิฺจิ รุกฺขวลฺลิผลํ. มูลคฺคหเณน วา กนฺทมูลํ, ผลคฺคหเณน รุกฺขวลฺลิผลํ, ควิปฺผลคฺคหเณน ¶ อุทเก ชาตสิงฺฆาตกกเสรุกาทิผลํ เวทิตพฺพํ. ธมฺเมน ลทฺธนฺติ ทูเตยฺยปหิณคมนาทิมิจฺฉาชีวํ ปหาย วเน อฺุฉาจริยาย ลทฺธํ. สตนฺติ สนฺโต อริยา. อสฺนมานาติ ภฺุชมานา. น กามกามา อลิกํ ภณนฺตีติ เต เอวํ อมมา อปริคฺคหา เอตานิ สามากาทีนิ ภฺุชมานา อิสโย ยถา ตฺวํ สาทุรสาทิเก กาเม ปตฺถยนฺโต อามคนฺธํ ภฺุชนฺโตเยว ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, อามคนฺธํ ภฺุชามี’’ติ ภณนฺโต อลิกํ ภณสิ, ตถา น กามกามา อลิกํ ภณนฺติ, กาเม กามยนฺตา มุสา น ภณนฺตีติ อิสีนํ ปสํสาย ภควโต นินฺทํ ทีเปติ.
๒๔๓. เอวํ ¶ อิสีนํ ปสํสาปเทเสน ภควนฺตํ นินฺทิตฺวา อิทานิ อตฺตนา อธิปฺเปตํ นินฺทาวตฺถุํ ทสฺเสตฺวา นิปฺปริยาเยเนว ภควนฺตํ นินฺทนฺโต อาห ‘‘ยทสฺนมาโน’’ติ ตตฺถ ท-กาโร ปทสนฺธิกโร. อยํ ปนตฺโถ – ยํ กิฺจิเทว สสมํสํ วา ติตฺติรมํสํ วา โธวนจฺเฉทนาทินา ปุพฺพปริกมฺเมน สุกตํ, ปจนวาสนาทินา ปจฺฉาปริกมฺเมน สุนิฏฺิตํ, น มาตรา น ปิตรา, อปิจ โข ปน ‘‘ทกฺขิเณยฺโย อย’’นฺติ มฺมาเนหิ ธมฺมกาเมหิ ปเรหิ ทินฺนํ, สกฺการกรเณน ปยตํ ปณีตมลงฺกตํ, อุตฺตมรสตาย โอชวนฺตตาย ถามพลภรณสมตฺถตาย จ ปณีตํ อสฺนมาโน อาหารยมาโน, น เกวลฺจ ยํกิฺจิ มํสเมว, อปิจ โข ปน อิทมฺปิ สาลีนมนฺนํ วิจิตกาฬกํ สาลิตณฺฑุโลทนํ ปริภฺุชมาโน โส ภฺุชสิ, กสฺสป, อามคนฺธํ, โส ตฺวํ ยํกิฺจิ มํสํ ภฺุชมาโน อิทฺจ สาลีนมนฺนํ ปริภฺุชมาโน ภฺุชสิ, กสฺสป, อามคนฺธนฺติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ.
๒๔๔. เอวํ ¶ อาหารโต ภควนฺตํ นินฺทิตฺวา อิทานิ มุสาวาทํ อาโรเปตฺวา นินฺทนฺโต อาห ‘‘น อามคนฺโธ…เป… สุสงฺขเตหี’’ติ. ตสฺสตฺโถ ¶ – ปุพฺเพ มยา ปุจฺฉิโต สมาโน ‘‘น อามคนฺโธ มม กปฺปตี’’ติ อิจฺเจว ตฺวํ ภาสสิ, เอวํ เอกํเสเนว ตฺวํ ภาสสิ พฺรหฺมพนฺธุ พฺราหฺมณคุณวิรหิตชาติมตฺตพฺราหฺมณาติ ปริภาสนฺโต ภณติ. สาลีนมนฺนนฺติ สาลิตณฺฑุโลทนํ. ปริภฺุชมาโนติ ภฺุชมาโน. สกุนฺตมํเสหิ สุสงฺขเตหีติ ตทา ภควโต อภิหฏํ สกุณมํสํ นิทฺทิสนฺโต ภณติ.
เอวํ ภณนฺโต เอว จ ภควโต เหฏฺา ปาทตลา ปภุติ ยาว อุปริ เกสคฺคา สรีรมุลฺโลเกนฺโต ทฺวตฺตึสวรลกฺขณาสีติอนุพฺยฺชนสมฺปทํ พฺยามปฺปภาปริกฺเขปฺจ ทิสฺวา ‘‘เอวรูโป มหาปุริสลกฺขณาทิปฏิมณฺฑิตกาโย น มุสา ภณิตุํ อรหติ. อยํ หิสฺส ภวนฺตเรปิ สจฺจวาจานิสฺสนฺเทเนว อุณฺณา ภมุกนฺตเร ชาตา โอทาตา มุทุ ตูลสนฺนิภา, เอเกกานิ จ โลมกูเปสุ โลมานิ. สฺวายํ กถมิทานิ มุสา ภณิสฺสติ. อทฺธา อฺโ อิมสฺส อามคนฺโธ ภวิสฺสติ, ยํ สนฺธาย เอตทโวจ – ‘นาหํ, พฺราหฺมณ, อามคนฺธํ ภฺุชามี’ติ, ยํนูนาหํ เอตํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา สฺชาตพหุมาโน โคตฺเตเนว อาลปนฺโต อิมํ คาถาเสสํ อาห –
‘‘ปุจฺฉามิ ตํ กสฺสป เอตมตฺถํ, กถํปกาโร ตว อามคนฺโธ’’ติ.
๒๔๕. อถสฺส ภควา อามคนฺธํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘ปาณาติปาโต’’ติ เอวมาทิมาห. ตตฺถ ปาณาติปาโตติ ¶ ปาณวโธ. วธเฉทพนฺธนนฺติ เอตฺถ สตฺตานํ ทณฺฑาทีหิ อาโกฏนํ วโธ, หตฺถปาทาทีนํ เฉทนํ เฉโท, รชฺชุอาทีหิ พนฺโธ พนฺธนํ. เถยฺยํ มุสาวาโทติ เถยฺยฺจ มุสาวาโท จ. นิกตีติ ‘‘ทสฺสามิ, กริสฺสามี’’ติอาทินา นเยน อาสํ ¶ อุปฺปาเทตฺวา นิราสากรณํ. วฺจนานีติ อสุวณฺณํ สุวณฺณนฺติ คาหาปนาทีนิ. อชฺเฌนกุตฺตนฺติ นิรตฺถกมเนกคนฺถปริยาปุณนํ. ปรทารเสวนาติ ปรปริคฺคหิตาสุ จาริตฺตาปชฺชนํ. เอสามคนฺโธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส ปาณาติปาตาทิอกุสลธมฺมสมุทาจาโร อามคนฺโธ วิสฺสคนฺโธ ¶ กุณปคนฺโธ. กึ การณา? อมนฺุตฺตา กิเลสอสุจิมิสฺสกตฺตา สพฺภิ ชิคุจฺฉิตตฺตา ปรมทุคฺคนฺธภาวาวหตฺตา จ. เย หิ อุสฺสนฺนกิเลสา สตฺตา, เต เตหิ อติทุคฺคนฺธา โหนฺติ, นิกฺกิเลสานํ มตสรีรมฺปิ ทุคฺคนฺธํ น โหติ, ตสฺมา เอสามคนฺโธ. มํสโภชนํ ปน อทิฏฺมสุตมปริสงฺกิตฺจ อนวชฺชํ, ตสฺมา น หิ มํสโภชนํ อามคนฺโธติ.
๒๔๖. เอวํ ธมฺมาธิฏฺานาย เทสนาย เอเกน นเยน อามคนฺธํ วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ ยสฺมา เต เต สตฺตา เตหิ เตหิ อามคนฺเธหิ สมนฺนาคตา, น เอโก เอว สพฺเพหิ, น จ สพฺเพ เอเกเนว, ตสฺมา เนสํ เต เต อามคนฺเธ ปกาเสตุํ ‘‘เย อิธ กาเมสุ อสฺตา ชนา’’ติอาทินา นเยน ปุคฺคลาธิฏฺานาย ตาว เทสนาย อามคนฺเธ วิสฺสชฺเชนฺโต ทฺเว คาถาโย อภาสิ.
ตตฺถ เย อิธ กาเมสุ อสฺตา ชนาติ เย เกจิ อิธ โลเก กามปฏิเสวนสงฺขาเตสุ กาเมสุ มาติมาตุจฺฉาทีสุปิ มริยาทาวิรเหน ภินฺนสํวรตาย อสํยตา ปุถุชฺชนา. รเสสุ คิทฺธาติ ชิวฺหาวิฺเยฺเยสุ รเสสุ คิทฺธา คธิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌสนฺนา อนาทีนวทสฺสาวิโน อนิสฺสรณปฺา รเส ปริภฺุชนฺติ. อสุจิภาวมสฺสิตาติ ตาย รสคิทฺธิยา รสปฏิลาภตฺถาย นานปฺปการมิจฺฉาชีวสงฺขาตอสุจิภาวมิสฺสิตา. นตฺถิกทิฏฺีติ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิทสวตฺถุกมิจฺฉาทิฏฺิสมนฺนาคตา. วิสมาติ ¶ วิสเมน กายกมฺมาทินา สมนฺนาคตา. ทุรนฺนยาติ ทุวิฺาปยา สนฺทิฏฺิปรามาสีอาธานคฺคาหีทุปฺปฏินิสฺสคฺคิตาสมนฺนาคตา. เอสามคนฺโธติ เอส เอตาย คาถาย ปุคฺคเล อธิฏฺาย นิทฺทิฏฺโ ‘‘กาเมสุ อสํยตตา รสคิทฺธตา อาชีววิปตฺตินตฺถิกทิฏฺิกายทุจฺจริตาทิวิสมตา ทุรนฺนยภาวตา’’ติ อปโรปิ ปุพฺเพ วุตฺเตเนวตฺเถน ฉพฺพิโธ อามคนฺโธ เวทิตพฺโพ. น หิ มํสโภชนนฺติ มํสโภชนํ ปน ยถาวุตฺเตเนวตฺเถน น อามคนฺโธติ.
๒๔๗. ทุติยคาถายปิ เย ลูขสาติ เย ลูขา นิรสา, อตฺตกิลมถานุยุตฺตาติ อตฺโถ. ทารุณาติ กกฺขฬา โทวจสฺสตายุตฺตา. ปิฏฺิมํสิกาติ ¶ ปุรโต มธุรํ ภณิตฺวา ปรมฺมุเข อวณฺณภาสิโน ¶ . เอเต หิ อภิมุขํ โอโลเกตุมสกฺโกนฺตา ปรมฺมุขานํ ปิฏฺิมํสขาทกา วิย โหนฺติ, เตน ‘‘ปิฏฺิมํสิกา’’ติ วุจฺจนฺติ. มิตฺตทฺทุโนติ มิตฺตทูหกา, ทารธนชีวิเตสุ วิสฺสาสมาปนฺนานํ มิตฺตานํ ตตฺถ มิจฺฉาปฏิปชฺชนกาติ วุตฺตํ โหติ. นิกฺกรุณาติ กรุณาวิรหิตา สตฺตานํ อนตฺถกามา. อติมานิโนติ ‘‘อิเธกจฺโจ ชาติยา วา…เป… อฺตรฺตเรน วตฺถุนา ปเร อติมฺติ, โย เอวรูโป มาโน เกตุกมฺยตา จิตฺตสฺสา’’ติ (วิภ. ๘๘๐) เอวํ วุตฺเตน อติมาเนน สมนฺนาคตา. อทานสีลาติ อทานปกติกา, อทานาธิมุตฺตา อสํวิภาครตาติ อตฺโถ. น จ เทนฺติ กสฺสจีติ ตาย จ ปน อทานสีลตาย ยาจิตาปิ สนฺตา กสฺสจิ กิฺจิ น เทนฺติ, อทินฺนปุพฺพกกุเล มนุสฺสสทิสา นิชฺฌามตณฺหิกเปตปรายณา โหนฺติ. เกจิ ปน ‘‘อาทานสีลา’’ติปิ ปนฺติ, เกวลํ คหณสีลา, กสฺสจิ ปน กิฺจิ น เทนฺตีติ. เอสามคนฺโธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส เอตาย คาถาย ปุคฺคเล อธิฏฺาย นิทฺทิฏฺโ ‘‘ลูขตา, ทารุณตา ¶ , ปิฏฺิมํสิกตา, มิตฺตทูภิตา, นิกฺกรุณตา, อติมานิตา, อทานสีลตา, อทาน’’นฺติ อปโรปิ ปุพฺเพ วุตฺเตเนวตฺเถน อฏฺวิโธ อามคนฺโธ เวทิตพฺโพ, น หิ มํสโภชนนฺติ.
๒๔๘. เอวํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ทฺเว คาถาโย วตฺวา ปุน ตสฺส ตาปสสฺส อาสยานุปริวตฺตนํ วิทิตฺวา ธมฺมาธิฏฺานาเยว เทสนาย เอกํ คาถํ อภาสิ. ตตฺถ โกโธ อุรคสุตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. มโทติ ‘‘ชาติมโท, โคตฺตมโท, อาโรคฺยมโท’’ติอาทินา (วิภ. ๘๓๒) นเยน วิภงฺเค วุตฺตปฺปเภโท จิตฺตสฺส มชฺชนภาโว. ถมฺโภติ ถทฺธภาโว. ปจฺจุปฏฺาปนาติ ปจฺจนีกฏฺาปนา, ธมฺเมน นเยน วุตฺตสฺส ปฏิวิรุชฺฌิตฺวา านํ. มายาติ ‘‘อิเธกจฺโจ กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา’’ติอาทินา (วิภ. ๘๙๔) นเยน วิภงฺเค วิภตฺตา กตปาปปฏิจฺฉาทนตา. อุสูยาติ ปรลาภสกฺการาทีสุ อิสฺสา. ภสฺสสมุสฺสโยติ สมุสฺสิตํ ภสฺสํ, อตฺตุกฺกํสนตาติ วุตฺตํ โหติ. มานาติมาโนติ ‘‘อิเธกจฺโจ ชาติยา วา…เป… อฺตรฺตเรน วตฺถุนา ปุพฺพกาลํ ปเรหิ ¶ สทิสํ อตฺตานํ ทหติ, อปรกาลํ อตฺตานํ เสยฺยํ ทหติ, ปเร หีเน ทหติ, โย เอวรูโป มาโน…เป… เกตุกมฺยตา จิตฺตสฺสา’’ติ (วิภ. ๘๘๐) วิภงฺเค วิภตฺโต. อสพฺภิ สนฺถโวติ อสปฺปุริเสหิ สนฺถโว. เอสามคนฺโธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส โกธาทิ นววิโธ อกุสลราสิ ปุพฺเพ วุตฺเตเนวตฺเถน อามคนฺโธติ เวทิตพฺโพ, น หิ มํสโภชนนฺติ.
๒๔๙. เอวํ ธมฺมาธิฏฺานาย เทสนาย นววิธํ อามคนฺธํ ทสฺเสตฺวา ปุนปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย อามคนฺเธ วิสฺสชฺเชนฺโต ติสฺโส คาถาโย อภาสิ. ตตฺถ เย ¶ ปาปสีลาติ เย ปาปสมาจารตาย ‘‘ปาปสีลา’’ติ ¶ โลเก ปากฏา. อิณฆาตสูจกาติ วสลสุตฺเต วุตฺตนเยน อิณํ คเหตฺวา ตสฺส อปฺปทาเนน อิณฆาตา, เปสฺุเน สูจกา จ. โวหารกูฏา อิธ ปาฏิรูปิกาติ ธมฺมฏฺฏฏฺาเน ิตา ลฺชํ คเหตฺวา สามิเก ปราเชนฺตา กูเฏน โวหาเรน สมนฺนาคตตฺตา โวหารกูฏา, ธมฺมฏฺปฏิรูปกตฺตา ปาฏิรูปิกา. อถ วา อิธาติ สาสเน. ปาฏิรูปิกาติ ทุสฺสีลา. เต หิ ยสฺมา เนสํ อิริยาปถสมฺปทาทีหิ สีลวนฺตปฏิรูปํ อตฺถิ, ตสฺมา ปฏิรูปา, ปฏิรูปา เอว ปาฏิรูปิกา. นราธมา เยธ กโรนฺติ กิพฺพิสนฺติ เย อิธ โลเก นราธมา มาตาปิตูสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธาทีสุ จ มิจฺฉาปฏิปตฺติสฺิตํ กิพฺพิสํ กโรนฺติ. เอสามคนฺโธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส เอตาย คาถาย ปุคฺคเล อธิฏฺาย นิทฺทิฏฺโ ‘‘ปาปสีลตา, อิณฆาตตา, สูจกตา, โวหารกูฏตา, ปาฏิรูปิกตา, กิพฺพิสการิตา’’ติ อปโรปิ ปุพฺเพ วุตฺเตเนวตฺเถน ฉพฺพิโธ อามคนฺโธ เวทิตพฺโพ, น หิ มํสโภชนนฺติ.
๒๕๐. เย อิธ ปาเณสุ อสฺตา ชนาติ เย ชนา อิธโลเก ปาเณสุ ยถากามจาริตาย สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ มาเรตฺวา อนุทฺทยามตฺตสฺสาปิ อกรเณน อสํยตา. ปเรสมาทาย วิเหสมุยฺยุตาติ ปเรสํ สนฺตกํ อาทาย ธนํ วา ชีวิตํ วา ตโต ‘‘มา เอวํ กโรถา’’ติ ยาจนฺตานํ วา นิวาเรนฺตานํ วา ปาณิเลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ วิเหสํ อุยฺยุตา. ปเร วา สตฺเต สมาทาย ‘‘อชฺช ทส, อชฺช วีส’’นฺติ เอวํ สมาทิยิตฺวา เตสํ วธพนฺธนาทีหิ วิเหสมุยฺยุตา. ทุสฺสีลลุทฺทาติ นิสฺสีลา จ ทุราจารตฺตา ¶ , ลุทฺทา จ กุรูรกมฺมนฺตา โลหิตปาณิตาย, มจฺฉฆาตกมิคพนฺธกสากุณิกาทโย อิธาธิปฺเปตา. ผรุสาติ ผรุสวาจา. อนาทราติ ‘‘อิทานิ น กริสฺสาม, วิรมิสฺสาม เอวรูปา’’ติ เอวํ อาทรวิรหิตา ¶ . เอสามคนฺโธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส เอตาย คาถาย ปุคฺคเล อธิฏฺาย นิทฺทิฏฺโ ‘‘ปาณาติปาโต วธเฉทพนฺธน’’นฺติอาทินา นเยน ปุพฺเพ วุตฺโต จ อวุตฺโต จ ‘‘ปาเณสุ อสํยตตา ปเรสํ วิเหสตา ทุสฺสีลตา ลุทฺทตา ผรุสตา อนาทโร’’ติ ฉพฺพิโธ อามคนฺโธ เวทิตพฺโพ, น หิ มํสโภชนนฺติ. ปุพฺเพ วุตฺตมฺปิ หิ โสตูนํ โสตุกามตาย อวธารณตาย ทฬฺหีกรณตายาติ เอวมาทีหิ การเณหิ ปุน วุจฺจติ. เตเนว จ ปรโต วกฺขติ ‘‘อิจฺเจตมตฺถํ ภควา ปุนปฺปุนํ, อกฺขาสิ นํ เวทยิ มนฺตปารคู’’ติ.
๒๕๑. เอเตสุ คิทฺธา วิรุทฺธาติปาติโนติ เอเตสุ ปาเณสุ เคเธน คิทฺธา, โทเสน วิรุทฺธา, โมเหน อาทีนวํ อปสฺสนฺตา ปุนปฺปุนํ อชฺฌาจารปฺปตฺติยา อติปาติโน, เอเตสุ วา ‘‘ปาณาติปาโต วธเฉทพนฺธน’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺเตสุ ปาปกมฺเมสุ ยถาสมฺภวํ เย เคธวิโรธาติปาตสงฺขาตา ราคโทสโมหา, เตหิ คิทฺธา วิรุทฺธา อติปาติโน จ. นิจฺจุยฺยุตาติ อกุสลกรเณ ¶ นิจฺจํ อุยฺยุตา, กทาจิ ปฏิสงฺขาย อปฺปฏิวิรตา. เปจฺจาติ อสฺมา โลกา ปรํ คนฺตฺวา. ตมํ วชนฺติ เย, ปตนฺติ สตฺตา นิรยํ อวํสิราติ เย โลกนฺตริกนฺธการสงฺขาตํ นีจกุลตาทิเภทํ วา ตมํ วชนฺติ, เย จ ปตนฺติ สตฺตา อวีจิอาทิเภทํ นิรยํ อวํสิรา อโธคตสีสา. เอสามคนฺโธติ เตสํ สตฺตานํ ตมวชนนิรยปตนเหตุ เอส เคธวิโรธาติปาตเภโท สพฺพามคนฺธมูลภูโต ยถาวุตฺเตนตฺเถน ติวิโธ อามคนฺโธ. น หิ มํสโภชนนฺติ มํสโภชนํ ปน น อามคนฺโธติ.
๒๕๒. เอวํ ภควา ปรมตฺถโต อามคนฺธํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทุคฺคติมคฺคภาวฺจสฺส ปกาเสตฺวา อิทานิ ยสฺมึ มจฺฉมํสโภชเน ตาปโส อามคนฺธสฺี ทุคฺคติมคฺคสฺี ¶ จ หุตฺวา ตสฺส อโภชเนน สุทฺธิกาโม หุตฺวา ตํ น ภฺุชติ, ตสฺส จ อฺสฺส จ ตถาวิธสฺส โสเธตุํ อสมตฺถภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘น มจฺฉมํส’’นฺติ อิมํ ฉปฺปทํ คาถมาห. ตตฺถ สพฺพปทานิ ¶ อนฺติมปาเทน โยเชตพฺพานิ – น มจฺฉมํสํ โสเธติ มจฺจํ อวิติณฺณกงฺขํ, น อาหุติยฺมุตูปเสวนา โสเธติ มจฺจํ อวิติณฺณกงฺขนฺติ เอวํ. เอตฺถ จ น มจฺฉมํสนฺติ อขาทิยมานํ มจฺฉมํสํ น โสเธติ, ตถา อนาสกตฺตนฺติ เอวํ โปราณา วณฺเณนฺติ. เอวํ ปน สุนฺทรตรํ สิยา ‘‘น มจฺฉมํสานํ อนาสกตฺตํ น มจฺฉมํสานานาสกตฺตํ, มจฺฉมํสานํ อนาสกตฺตํ น โสเธติ, มจฺจ’’นฺติ อถาปิ สิยา, เอวํ สนฺเต อนาสกตฺตํ โอหียตีติ? ตฺจ น, อมรตเปน สงฺคหิตตฺตา. ‘‘เย วาปิ โลเก อมรา พหู ตปา’’ติ เอตฺถ หิ สพฺโพปิ วุตฺตาวเสโส อตฺตกิลมโถ สงฺคหํ คจฺฉตีติ. นคฺคิยนฺติ อเจลกตฺตํ. มุณฺฑิยนฺติ มุณฺฑภาโว. ชฏาชลฺลนฺติ ชฏา จ รโชชลฺลฺจ. ขราชินานีติ ขรานิ อชินจมฺมานิ. อคฺคิหุตฺตสฺสุปเสวนาติ อคฺคิปาริจาริยา. อมราติ อมรภาวปตฺถนตาย ปวตฺตกายกิเลสา. พหูติ อุกฺกุฏิกปฺปธานาทิเภทโต อเนเก. ตปาติ สรีรสนฺตาปา. มนฺตาติ เวทา. อาหุตีติ อคฺคิโหมกมฺมํ. ยฺมุตูปเสวนาติ อสฺสเมธาทิยฺา จ อุตูปเสวนา จ. อุตูปเสวนา นาม คิมฺเห อาตปฏฺานเสวนา, วสฺเส รุกฺขมูลเสวนา, เหมนฺเต ชลปฺปเวสเสวนา. น โสเธนฺติ มจฺจํ อวิติณฺณกงฺขนฺติ กิเลสสุทฺธิยา วา ภวสุทฺธิยา วา อวิติณฺณวิจิกิจฺฉํ มจฺจํ น โสเธนฺติ. กงฺขามเล หิ สติ น วิสุทฺโธ โหติ, ตฺวฺจ สกงฺโขเยวาติ. เอตฺถ จ ‘‘อวิติณฺณกงฺข’’นฺติ เอตํ ‘‘น มจฺฉมํส’’นฺติอาทีนิ ¶ สุตฺวา ‘‘กึ นุ โข มจฺฉมํสานํ อโภชนาทินา สิยา วิสุทฺธิมคฺโค’’ติ ตาปสสฺส กงฺขาย อุปฺปนฺนาย ภควตา วุตฺตํ สิยาติ โน อธิปฺปาโย. ยา จสฺส ‘‘โส มจฺฉมํสํ ภฺุชตี’’ติ สุตฺวาว พุทฺเธ กงฺขา อุปฺปนฺนา, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๒๕๓. เอวํ ¶ มจฺฉมํสานาสกตฺตาทีนํ โสเธตุํ อสมตฺถภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ โสเธตุํ สมตฺเถ ธมฺเม ทสฺเสนฺโต ‘‘โสเตสุ คุตฺโต’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ โสเตสูติ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ. คุตฺโตติ อินฺทฺริยสํวรคุตฺติยา สมนฺนาคโต. เอตฺตาวตา อินฺทฺริยสํวรปริวารสีลํ ทสฺเสติ. วิทิตินฺทฺริโย จเรติ าตปริฺาย ฉฬินฺทฺริยานิ วิทิตฺวา ปากฏานิ กตฺวา จเรยฺย, วิหเรยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺตาวตา วิสุทฺธสีลสฺส นามรูปปริจฺเฉทํ ทสฺเสติ. ธมฺเม ิโตติ อริยมคฺเคน อภิสเมตพฺพจตุสจฺจธมฺเม ิโต. เอเตน โสตาปตฺติภูมึ ทสฺเสติ. อชฺชวมทฺทเว ¶ รโตติ อุชุภาเว จ มุทุภาเว จ รโต. เอเตน สกทาคามิภูมึ ทสฺเสติ. สกทาคามี หิ กายวงฺกาทิกรานํ จิตฺตถทฺธภาวกรานฺจ ราคโทสานํ ตนุภาวา อชฺชวมทฺทเว รโต โหติ. สงฺคาติโคติ ราคโทสสงฺคาติโค. เอเตน อนาคามิภูมึ ทสฺเสติ. สพฺพทุกฺขปฺปหีโนติ สพฺพสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส เหตุปฺปหาเนน ปหีนสพฺพทุกฺโข. เอเตน อรหตฺตภูมึ ทสฺเสติ. น ลิปฺปติ ทิฏฺสุเตสุ ธีโรติ โส เอวํ อนุปุพฺเพน อรหตฺตํ ปตฺโต ธิติสมฺปทาย ธีโร ทิฏฺสุเตสุ ธมฺเมสุ เกนจิ กิเลเสน น ลิปฺปติ. น เกวลฺจ ทิฏฺสุเตสุ, มุตวิฺาเตสุ จ น ลิปฺปติ, อฺทตฺถุ ปรมวิสุทฺธิปฺปตฺโต โหตีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
๒๕๔-๕. อิโต ปรํ ‘‘อิจฺเจตมตฺถ’’นฺติ ทฺเว คาถา สงฺคีติกาเรหิ วุตฺตา. ตาสมตฺโถ – อิติ ภควา กสฺสโป เอตมตฺถํ ปุนปฺปุนํ อเนกาหิ คาถาหิ ธมฺมาธิฏฺานาย ปุคฺคลาธิฏฺานาย จ เทสนาย ยาว ตาปโส อฺาสิ, ตาว โส อกฺขาสิ ¶ กเถสิ วิตฺถาเรสิ. นํ เวทยิ มนฺตปารคูติ โสปิ ตฺจ อตฺถํ มนฺตปารคู, เวทปารคู, ติสฺโส พฺราหฺมโณ เวทยิ อฺาสิ. กึ การณา? ยสฺมา อตฺถโต จ ปทโต จ เทสนานยโต จ จิตฺราหิ คาถาหิ มุนี ปกาสยิ. กีทิโส? นิรามคนฺโธ อสิโต ทุรนฺนโย, อามคนฺธกิเลสาภาวา นิรามคนฺโธ, ตณฺหาทิฏฺินิสฺสยาภาวา อสิโต, พาหิรทิฏฺิวเสน ‘‘อิทํ เสยฺโย อิทํ วร’’นฺติ เกนจิ เนตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ทุรนฺนโย. เอวํ ปกาสิตวโต จสฺส สุตฺวาน พุทฺธสฺส สุภาสิตํ ปทํ สุกถิตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นิรามคนฺธํ นิกฺกิเลสโยคํ, สพฺพทุกฺขปฺปนูทนํ สพฺพวฏฺฏทุกฺขปฺปนูทนํ, นีจมโน นีจจิตฺโต หุตฺวา วนฺทิ ตถาคตสฺส, ติสฺโส พฺราหฺมโณ ตถาคตสฺส ปาเท ปฺจปติฏฺิตํ กตฺวา วนฺทิ. ตตฺเถว ปพฺพชฺชมโรจยิตฺถาติ ตตฺเถว จ นํ อาสเน นิสินฺนํ กสฺสปํ ภควนฺตํ ติสฺโส ตาปโส ปพฺพชฺชมโรจยิตฺถ, อยาจีติ วุตฺตํ โหติ. ตํ ภควา ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ อาห. โส ตงฺขณํเยว อฏฺปริกฺขารยุตฺโต หุตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา วสฺสสติกตฺเถโร วิย ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา กติปาเหเนว สาวกปารมิาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ติสฺโส นาม อคฺคสาวโก อโหสิ, ปุน ทุติโย ภารทฺวาโช นาม. เอวํ ตสฺส ภควโต ติสฺสภารทฺวาชํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ.
อมฺหากํ ¶ ¶ ปน ภควา ยา จ ติสฺเสน พฺราหฺมเณน อาทิโต ติสฺโส คาถา วุตฺตา, ยา จ กสฺสเปน ภควตา มชฺเฌ นว, ยา จ ตทา สงฺคีติกาเรหิ อนฺเต ทฺเว, ตา สพฺพาปิ จุทฺทส คาถา อาเนตฺวา ปริปุณฺณํ กตฺวา อิมํ อามคนฺธสุตฺตํ อาจริยปฺปมุขานํ ปฺจนฺนํ ตาปสสตานํ อามคนฺธํ พฺยากาสิ. ตํ สุตฺวา โส พฺราหฺมโณ ตเถว นีจมโน ¶ หุตฺวา ภควโต ปาเท วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ สทฺธึ ปริสาย. ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ ภควา อโวจ. เต ตเถว เอหิภิกฺขุภาวํ ปตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา กติปาเหเนว สพฺเพว อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย อามคนฺธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. หิริสุตฺตวณฺณนา
หิรึ ¶ ตรนฺตนฺติ หิริสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อนุปฺปนฺเน ภควติ สาวตฺถิยํ อฺตโร พฺราหฺมณมหาสาโล อฑฺโฒ อโหสิ อสีติโกฏิธนวิภโว. ตสฺส เอกปุตฺตโก อโหสิ ปิโย มนาโป. โส ตํ เทวกุมารํ วิย นานปฺปกาเรหิ สุขูปกรเณหิ สํวฑฺเฒนฺโต ตํ สาปเตยฺยํ ตสฺส อนิยฺยาเตตฺวาว กาลมกาสิ สทฺธึ พฺราหฺมณิยา. ตโต ตสฺส มาณวสฺส มาตาปิตูนํ อจฺจเยน ภณฺฑาคาริโก สารคพฺภํ วิวริตฺวา สาปเตยฺยํ นิยฺยาเตนฺโต อาห – ‘‘อิทํ เต, สามิ, มาตาปิตูนํ สนฺตกํ, อิทํ อยฺยกปยฺยกานํ สนฺตกํ, อิทํ สตฺตกุลปริวฏฺเฏน อาคต’’นฺติ. มาณโว ธนํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ ธนํเยว ทิสฺสติ, เยหิ ปน อิทํ สฺจิตํ, เต น ทิสฺสนฺติ, สพฺเพว มจฺจุวสํ คตา. คจฺฉนฺตา จ น อิโต กิฺจิ อาทาย อคมํสุ, เอวํ นาม โภเค ปหาย คนฺตพฺโพ ปรโลโก, น สกฺกา กิฺจิ อาทาย คนฺตุํ อฺตฺร สุจริเตน. ยํนูนาหํ อิมํ ธนํ ปริจฺจชิตฺวา สุจริตธนํ คณฺเหยฺยํ, ยํ สกฺกา อาทาย คนฺตุ’’นฺติ. โส ทิวเส ทิวเส สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชนฺโต ปุน จินฺเตสิ – ‘‘ปหูตมิทํ ธนํ, กึ อิมินา เอวมปฺปเกน ปริจฺจาเคน, ยํนูนาหํ ¶ มหาทานํ ทเทยฺย’’นฺติ. โส รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘มหาราช, มม ฆเร เอตฺตกํ ธนํ อตฺถิ, อิจฺฉามิ เตน มหาทานํ ทาตุํ. สาธุ, มหาราช, นคเร โฆสนํ การาเปถา’’ติ. ราชา ตถา การาเปสิ. โส อาคตาคตานํ ภาชนานิ ปูเรตฺวา สตฺตหิ ทิวเสหิ สพฺพธนมทาสิ ¶ , ทตฺวา จ จินฺเตสิ – ‘‘เอวํ มหาปริจฺจาคํ กตฺวา อยุตฺตํ ฆเร วสิตุํ, ยํนูนาหํ ปพฺพเชยฺย’’นฺติ. ตโต ปริชนสฺส เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. เต ‘‘มา, ตฺวํ สามิ, ‘ธนํ ปริกฺขีณ’นฺติ จินฺตยิ, มยํ อปฺปเกเนว กาเลน นานาวิเธหิ อุปาเยหิ ธนสฺจยํ กริสฺสามา’’ติ วตฺวา นานปฺปกาเรหิ ตํ ยาจึสุ. โส เตสํ ยาจนํ อนาทิยิตฺวาว ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ.
ตตฺถ อฏฺวิธา ตาปสา – สปุตฺตภริยา, อฺุฉาจาริกา, สมฺปตฺตกาลิกา, อนคฺคิปกฺกิกา, อสฺมมุฏฺิกา, ทนฺตลุยฺยกา, ปวตฺตผลิกา, วณฺฏมุตฺติกา จาติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๐). ตตฺถ สปุตฺตภริยาติ ปุตฺตทาเรน สทฺธึ ปพฺพชิตฺวา กสิวณิชฺชาทีหิ ชีวิกํ กปฺปยมานา เกณิยชฏิลาทโย. อฺุฉาจาริกาติ นครทฺวาเร อสฺสมํ การาเปตฺวา ตตฺถ ขตฺติยพฺราหฺมณกุมาราทโย ¶ สิปฺปาทีนิ สิกฺขาเปตฺวา หิรฺสุวณฺณํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ติลตณฺฑุลาทิกปฺปิยภณฺฑปฏิคฺคาหกา, เต สปุตฺตภริเยหิ เสฏฺตรา. สมฺปตฺตกาลิกาติ อาหารเวลาย สมฺปตฺตํ อาหารํ คเหตฺวา ยาเปนฺตา, เต อฺุฉาจาริเกหิ เสฏฺตรา. อนคฺคิปกฺกิกาติ อคฺคินา อปกฺกปตฺตผลานิ ขาทิตฺวา ยาเปนฺตา, เต สมฺปตฺตกาลิเกหิ เสฏฺตรา. อสฺมมุฏฺิกาติ มุฏฺิปาสาณํ คเหตฺวา อฺํ วา กิฺจิ วาสิสตฺถกาทึ คเหตฺวา วิจรนฺตา ยทา ฉาตา โหนฺติ, ตทา สมฺปตฺตรุกฺขโต ตจํ คเหตฺวา ขาทิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวนฺติ, เต อนคฺคิปกฺกิเกหิ เสฏฺตรา. ทนฺตลุยฺยกาติ มุฏฺิปาสาณาทีนิปิ อคเหตฺวา จรนฺตา ขุทากาเล สมฺปตฺตรุกฺขโต ทนฺเตหิ อุปฺปาเฏตฺวา ตจํ ขาทิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย พฺรหฺมวิหาเร ภาเวนฺติ, เต อสฺมมุฏฺิเกหิ เสฏฺตรา. ปวตฺตผลิกาติ ชาตสฺสรํ ¶ วา วนสณฺฑํ วา นิสฺสาย วสนฺตา ยํ ตตฺถ สเร ภิสมุฬาลาทิ, ยํ วา วนสณฺเฑ ปุปฺผกาเล ปุปฺผํ, ผลกาเล ผลํ, ตเมว ขาทนฺติ. ปุปฺผผเล อสติ อนฺตมโส ตตฺถ รุกฺขปปฏิกมฺปิ ขาทิตฺวา วสนฺติ, น ตฺเวว อาหารตฺถาย อฺตฺร คจฺฉนฺติ. อุโปสถงฺคาธิฏฺานํ ¶ พฺรหฺมวิหารภาวนํ จ กโรนฺติ, เต ทนฺตลุยฺยเกหิ เสฏฺตรา. วณฺฏมุตฺติกา นาม วณฺฏมุตฺตานิ ภูมิยํ ปติตานิ ปณฺณานิเยว ขาทนฺติ, เสสํ ปุริมสทิสเมว, เต สพฺพเสฏฺา.
อยํ ปน พฺราหฺมณกุลปุตฺโต ‘‘ตาปสปพฺพชฺชาสุ อคฺคปพฺพชฺชํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วณฺฏมุตฺติกปพฺพชฺชเมว ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต ทฺเว ตโย ปพฺพเต อติกฺกมฺม อสฺสมํ การาเปตฺวา ปฏิวสติ. อถ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ คนฺตฺวา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน สาวตฺถิวาสี เอโก ปุริโส ปพฺพเต จนฺทนสาราทีนิ คเวสนฺโต ตสฺส อสฺสมํ ปตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สาวตฺถิโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กา ตตฺถ ปวตฺตี’’ติ? ‘‘ตตฺถ, ภนฺเต, มนุสฺสา อปฺปมตฺตา ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรนฺตี’’ติ. ‘‘กสฺส โอวาทํ สุตฺวา’’ติ? ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต’’ติ. ตาปโส พุทฺธสทฺทสฺสวเนน วิมฺหิโต ‘‘พุทฺโธติ ตฺวํ, โภ ปุริส, วเทสี’’ติ อามคนฺเธ วุตฺตนเยเนว ติกฺขตฺตุํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ’’ติ อตฺตมโน ภควโต สนฺติกํ คนฺตุกาโม หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘น ยุตฺตํ พุทฺธสฺส สนฺติกํ ตุจฺฉเมว คนฺตุํ, กึ นุ โข คเหตฺวา คจฺเฉยฺย’’นฺติ. ปุน จินฺเตสิ – ‘‘พุทฺธา นาม อามิสครุกา น โหนฺติ, หนฺทาหํ ธมฺมปณฺณาการํ คเหตฺวา คจฺฉามี’’ติ จตฺตาโร ปฺเห อภิสงฺขริ ¶ –
‘‘กีทิโส ¶ มิตฺโต น เสวิตพฺโพ, กีทิโส มิตฺโต เสวิตพฺโพ;
กีทิโส ปโยโค ปยฺุชิตพฺโพ, กึ รสานํ อคฺค’’นฺติ.
โส เต ปฺเห คเหตฺวา มชฺฌิมเทสาภิมุโข ปกฺกมิตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนํ ปวิฏฺโ. ภควาปิ ตสฺมึ สมเย ธมฺมเทสนตฺถาย อาสเน นิสินฺโนเยว โหติ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา อวนฺทิตฺวาว เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ภควา ‘‘กจฺจิ, อิสิ, ขมนีย’’นฺติอาทินา นเยน สมฺโมทิ. โสปิ ‘‘ขมนียํ, โภ โคตมา’’ติอาทินา นเยน ปฏิสมฺโมทิตฺวา ‘‘ยทิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, มนสา ปุจฺฉิเต ปฺเห วาจาย เอว วิสฺสชฺเชสฺสตี’’ติ มนสา เอว ภควนฺตํ เต ปฺเห ปุจฺฉิ. ภควา พฺราหฺมเณน ปุฏฺโ อาทิปฺหํ ¶ ตาว วิสฺสชฺเชตุํ หิรึ ตรนฺตนฺติ อารภิตฺวา อฑฺฒเตยฺยา คาถาโย อาห.
๒๕๖. ตาสํ อตฺโถ – หิรึ ตรนฺตนฺติ หิรึ อติกฺกมนฺตํ อหิริกํ นิลฺลชฺชํ. วิชิคุจฺฉมานนฺติ อสุจิมิว ปสฺสมานํ. อหิริโก หิ หิรึ ชิคุจฺฉติ อสุจิมิว ปสฺสติ, เตน นํ น ภชติ น อลฺลียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิชิคุจฺฉมาน’’นฺติ. ตวาหมสฺมิ อิติ ภาสมานนฺติ ‘‘อหํ, สมฺม, ตว สหาโย หิตกาโม สุขกาโม, ชีวิตมฺปิ เม ตุยฺหํ อตฺถาย ปริจฺจตฺต’’นฺติ เอวมาทินา นเยน ภาสมานํ. สยฺหานิ กมฺมานิ อนาทิยนฺตนฺติ เอวํ ภาสิตฺวาปิ จ สยฺหานิ กาตุํ สกฺกานิปิ ตสฺส กมฺมานิ อนาทิยนฺตํ กรณตฺถาย อสมาทิยนฺตํ. อถ วา จิตฺเตน ตตฺถ อาทรมตฺตมฺปิ อกโรนฺตํ, อปิจ โข ปน อุปฺปนฺเนสุ กิจฺเจสุ พฺยสนเมว ทสฺเสนฺตํ. เนโส มมนฺติ อิติ นํ วิชฺาติ ตํ เอวรูปํ ‘‘มิตฺตปฏิรูปโก เอโส, เนโส เม มิตฺโต’’ติ เอวํ ปณฺฑิโต ปุริโส วิชาเนยฺย.
๒๕๗. อนนฺวยนฺติ ยํ อตฺถํ ทสฺสามิ, กริสฺสามีติ จ ภาสติ, เตน อนนุคตํ. ปิยํ วาจํ โย มิตฺเตสุ ปกุพฺพตีติ โย อตีตานาคเตหิ ปเทหิ ปฏิสนฺถรนฺโต นิรตฺถเกน สงฺคณฺหนฺโต ¶ เกวลํ พฺยฺชนจฺฉายามตฺเตเนว ปิยํ มิตฺเตสุ วาจํ ปวตฺเตติ. อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตาติ เอวรูปํ ยํ ภาสติ, ตํ อกโรนฺตํ, เกวลํ วาจาย ภาสมานํ ‘‘วจีปรโม นาเมส อมิตฺโต มิตฺตปฏิรูปโก’’ติ เอวํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปณฺฑิตา ชานนฺติ.
๒๕๘. น โส มิตฺโต โย สทา อปฺปมตฺโต, เภทาสงฺกี รนฺธเมวานุปสฺสีติ โย เภทเมว อาสงฺกมาโน กตมธุเรน อุปจาเรน สทา อปฺปมตฺโต วิหรติ, ยํกิฺจิ อสฺสติยา อมนสิกาเรน ¶ กตํ, อฺาณเกน วา อกตํ, ‘‘ยทา มํ ครหิสฺสติ, ตทา นํ เอเตน ปฏิโจเทสฺสามี’’ติ เอวํ รนฺธเมว อนุปสฺสติ, น โส มิตฺโต เสวิตพฺโพติ.
เอวํ ภควา ‘‘กีทิโส มิตฺโต น เสวิตพฺโพ’’ติ อิมํ อาทิปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทุติยํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘ยสฺมิฺจ เสตี’’ติ อิมํ อุปฑฺฒคาถมาห. ตสฺสตฺโถ ¶ ยสฺมิฺจ มิตฺเต มิตฺโต ตสฺส หทยมนุปวิสิตฺวา สยเนน ยถา นาม ปิตุ อุรสิ ปุตฺโต ‘‘อิมสฺส มยิ อุรสิ สยนฺเต ทุกฺขํ วา อนตฺตมนตา วา ภเวยฺยา’’ติอาทีหิ อปริสงฺกมาโน นิพฺพิสงฺโก หุตฺวา เสติ, เอวเมวํ ทารธนชีวิตาทีสุ วิสฺสาสํ กโรนฺโต มิตฺตภาเวน นิพฺพิสงฺโก เสติ. โย จ ปเรหิ การณสตํ การณสหสฺสมฺปิ วตฺวา อเภชฺโช, ส เว มิตฺโต เสวิตพฺโพติ.
๒๕๙. เอวํ ภควา ‘‘กีทิโส มิตฺโต เสวิตพฺโพ’’ติ เอวํ ทุติยปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตติยํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘ปามุชฺชกรณ’’นฺติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ปามุชฺชํ กโรตีติ ปามุชฺชกรณํ. านนฺติ การณํ. กึ ปน ตนฺติ? วีริยํ. ตฺหิ ธมฺมูปสฺหิตํ ปีติปาโมชฺชสุขมุปฺปาทนโต ปามุชฺชกรณนฺติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘สฺวาขาเต, ภิกฺขเว, ธมฺมวินเย โย อารทฺธวีริโย, โส สุขํ วิหรตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๙). ปสํสํ อาวหตีติ ปสํสาวหนํ. อาทิโต ทิพฺพมานุสกสุขานํ ¶ , ปริโยสาเน นิพฺพานสุขสฺส อาวหนโต ผลูปจาเรน สุขํ. ผลํ ปฏิกงฺขมาโน ผลานิสํโส. ภาเวตีติ วฑฺเฒติ. วหนฺโต โปริสํ ธุรนฺติ ปุริสานุจฺฉวิกํ ภารํ อาทาย วิหรนฺโต เอตํ สมฺมปฺปธานวีริยสงฺขาตํ านํ ภาเวติ, อีทิโส ปโยโค เสวิตพฺโพติ.
๒๖๐. เอวํ ภควา ‘‘กีทิโส ปโยโค ปยฺุชิตพฺโพ’’ติ ตติยปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา จตุตฺถํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘ปวิเวกรส’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ ปวิเวโกติ กิเลสวิเวกโต ชาตตฺตา อคฺคผลํ วุจฺจติ, ตสฺส รโสติ อสฺสาทนฏฺเน ตํสมฺปยุตฺตํ สุขํ. อุปสโมปิ กิเลสูปสมนฺเต ชาตตฺตา นิพฺพานสงฺขาตอุปสมารมฺมณตฺตา วา ตเทว, ธมฺมปีติรโสปิ อริยธมฺมโต อนเปตาย นิพฺพานสงฺขาเต ธมฺเม อุปฺปนฺนาย ปีติยา รสตฺตา ตเทว. ตํ ปวิเวกรสํ อุปสมสฺส จ รสํ ปิตฺวา ตเทว ธมฺมปีติรสํ ปิวํ นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโป, ปิวิตฺวาปิ กิเลสปริฬาหาภาเวน นิทฺทโร, ปิวนฺโตปิ ปหีนปาปตฺตา นิปฺปาโป โหติ, ตสฺมา เอตํ รสานมคฺคนฺติ. เกจิ ปน ‘‘ฌานนิพฺพานปจฺจเวกฺขณานํ กายจิตฺตอุปธิวิเวกานฺจ วเสน ปวิเวกรสาทโย ตโย เอว เอเต ธมฺมา’’ติ โยเชนฺติ ¶ , ปุริมเมว สุนฺทรํ. เอวํ ภควา จตุตฺถปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน ¶ เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กติปาเหเนว ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต อรหา อโหสีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย หิริสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปโม ภาโค นิฏฺิโต.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถา
(ทุติโย ภาโค)
๒. จูฬวคฺโค
๔. มงฺคลสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มงฺคลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ชมฺพุทีเป กิร ตตฺถ ตตฺถ นครทฺวารสนฺถาคารสภาทีสุ มหาชนา สนฺนิปติตฺวา หิรฺสุวณฺณํ ทตฺวา นานปฺปการํ สีตาหรณาทิพาหิรกกถํ กถาเปนฺติ, เอเกกา กถา จตุมาสจฺจเยน นิฏฺาติ. ตตฺถ เอกทิวสํ มงฺคลกถา สมุฏฺาสิ – ‘‘กึ นุ โข มงฺคลํ, กึ ทิฏฺํ มงฺคลํ, สุตํ มงฺคลํ, มุตํ มงฺคลํ, โก มงฺคลํ ชานาตี’’ติ?
อถ ¶ ทิฏฺมงฺคลิโก นาเมโก ปุริโส อาห – ‘‘อหํ มงฺคลํ ชานามิ, ทิฏฺํ โลเก มงฺคลํ, ทิฏฺํ นาม อภิมงฺคลสมฺมตํ รูปํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย จาตกสกุณํ วา ปสฺสติ, เพลุวลฏฺึ วา คพฺภินึ วา กุมารเก วา อลงฺกตปฏิยตฺเต ปุณฺณฆฏํ วา อลฺลโรหิตมจฺฉํ วา อาชฺํ วา อาชฺรถํ วา อุสภํ วา คาวึ วา กปิลํ วา, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ เอวรูปํ อภิมงฺคลสมฺมตํ รูปํ ปสฺสติ, อิทํ วุจฺจติ ทิฏฺมงฺคล’’นฺติ. ตสฺส วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ นาคฺคเหสุํ. เย นาคฺคเหสุํ, เต เตน สห วิวทึสุ.
อถ ¶ สุตมงฺคลิโก นาเมโก ปุริโส อาห – ‘‘จกฺขุ นาเมตํ, โภ, สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ ปสฺสติ, ตถา สุนฺทรมฺปิ อสุนฺทรมฺปิ, มนาปมฺปิ อมนาปมฺปิ. ยทิ เตน ทิฏฺํ มงฺคลํ สิยา, สพฺพมฺปิ มงฺคลํ สิยา, ตสฺมา น ทิฏฺํ มงฺคลํ, อปิจ โข ปน สุตํ มงฺคลํ, สุตํ นาม อภิมงฺคลสมฺมโต สทฺโท. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย วฑฺฒาติ วา วฑฺฒมานาติ วา ปุณฺณาติ วา ผุสฺสาติ วา สุมนาติ วา สิรีติ วา สิริวฑฺฒาติ วา อชฺช สุนกฺขตฺตํ สุมุหุตฺตํ สุทิวสํ สุมงฺคลนฺติ เอวรูปํ วา ยํกิฺจิ อภิมงฺคลสมฺมตํ สทฺทํ สุณาติ, อิทํ วุจฺจติ สุตมงฺคล’’นฺติ. ตสฺสปิ วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ นาคฺคเหสุํ. เย นาคฺคเหสุํ, เต เตน สห วิวทึสุ.
อถ มุตมงฺคลิโก นาเมโก ปุริโส อาห – ‘‘โสตมฺปิ หิ นาเมตํ โภ สาธุมฺปิ อสาธุมฺปิ มนาปมฺปิ อมนาปมฺปิ สุณาติ. ยทิ เตน สุตํ มงฺคลํ สิยา, สพฺพมฺปิ มงฺคลํ สิยา, ตสฺมา น สุตํ มงฺคลํ, อปิจ โข ปน มุตํ มงฺคลํ, มุตํ นาม อภิมงฺคลสมฺมตํ คนฺธรสโผฏฺพฺพํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย ปทุมคนฺธาทิปุปฺผคนฺธํ วา ฆายติ, ผุสฺสทนฺตกฏฺํ วา ขาทติ, ปถวึ วา อามสติ, หริตสสฺสํ วา อลฺลโคมยํ วา กจฺฉปํ วา ติลวาหํ วา ปุปฺผํ วา ผลํ วา อามสติ, ผุสฺสมตฺติกาย วา สมฺมา ลิมฺปติ, ผุสฺสสาฏกํ วา นิวาเสติ, ผุสฺสเวนํ วา ธาเรติ, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ เอวรูปํ อภิมงฺคลสมฺมตํ คนฺธํ วา ฆายติ, รสํ วา สายติ, โผฏฺพฺพํ วา ผุสติ, อิทํ วุจฺจติ มุตมงฺคล’’นฺติ. ตสฺสปิ วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ นาคฺคเหสุํ.
ตตฺถ น ทิฏฺมงฺคลิโก สุตมุตมงฺคลิเก อสกฺขิ สฺาเปตุํ. น เตสํ อฺตโร อิตเร ทฺเว. เตสุ จ มนุสฺเสสุ เย ทิฏฺมงฺคลิกสฺส วจนํ คณฺหึสุ, เต ‘‘ทิฏฺํเยว มงฺคล’’นฺติ คตา. เย สุตมุตมงฺคลิกานํ วจนํ คณฺหึสุ, เต ‘‘สุตํเยว มุตํเยว มงฺคล’’นฺติ คตา. เอวมยํ มงฺคลกถา สกลชมฺพุทีเป ปากฏา ชาตา.
อถ สกลชมฺพุทีเป มนุสฺสา คุมฺพคุมฺพา หุตฺวา ‘‘กึ นุ โข มงฺคล’’นฺติ มงฺคลานิ จินฺตยึสุ ¶ . เตสํ มนุสฺสานํ อารกฺขเทวตา ตํ กถํ สุตฺวา ตเถว มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. ตาสํ เทวตานํ ภุมฺมเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อถ ตโต สุตฺวา ภุมฺมเทวตาปิ ตเถว มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. ตาสมฺปิ เทวตานํ อากาสฏฺเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อากาสฏฺเทวตานํ จาตุมหาราชิกเทวตา. เอเตเนว อุปาเยน ยาว สุทสฺสีเทวตานํ ¶ อกนิฏฺเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อถ ตโต สุตฺวา อกนิฏฺเทวตาปิ ตเถว คุมฺพคุมฺพา หุตฺวา มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. เอวํ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ สพฺพตฺถ มงฺคลจินฺตา อุทปาทิ. อุปฺปนฺนา จ สา ‘‘อิทํ มงฺคลํ อิทํ มงฺคล’’นฺติ วินิจฺฉิยมานาปิ อปฺปตฺตา เอว วินิจฺฉยํ ทฺวาทส วสฺสานิ อฏฺาสิ. สพฺเพ มนุสฺสา จ เทวา จ พฺรหฺมาโน จ เปตฺวา อริยสาวเก ทิฏฺสุตมุตวเสน ติธา ภินฺนา. เอโกปิ ‘‘อิทเมว มงฺคล’’นฺติ ยถาภุจฺจโต นิฏฺงฺคโต นาโหสิ, มงฺคลโกลาหลํ โลเก อุปฺปชฺชิ.
โกลาหลํ นาม ปฺจวิธํ – กปฺปโกลาหลํ, จกฺกวตฺติโกลาหลํ, พุทฺธโกลาหลํ, มงฺคลโกลาหลํ, โมเนยฺยโกลาหลนฺติ. ตตฺถ กามาวจรเทวา มุตฺตสิรา วิกิณฺณเกสา รุทมฺมุขา อสฺสูนิ หตฺเถหิ ปฺุฉมานา รตฺตวตฺถนิวตฺถา อติวิย วิรูปเวสธาริโน หุตฺวา, ‘‘วสฺสสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสติ. อยํ โลโก วินสฺสิสฺสติ, มหาสมุทฺโท สุสฺสิสฺสติ, อยฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา อุฑฺฒยฺหิสฺสติ วินสฺสิสฺสติ, ยาว พฺรหฺมโลกา โลกวินาโส ภวิสฺสติ. เมตฺตํ, มาริสา, ภาเวถ, กรุณํ มุทิตํ อุเปกฺขํ, มาริสา, ภาเวถ, มาตรํ อุปฏฺหถ, ปิตรํ อุปฏฺหถ, กุเล เชฏฺาปจายิโน โหถ, ชาครถ มา ปมาทตฺถา’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ กปฺปโกลาหลํ นาม.
กามาวจรเทวาเยว ‘‘วสฺสสตสฺสจฺจเยน จกฺกวตฺติราชา โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ จกฺกวตฺติโกลาหลํ นาม.
สุทฺธาวาสา ปน เทวา พฺรหฺมาภรเณน อลงฺกริตฺวา พฺรหฺมเวนํ สีเส กตฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา พุทฺธคุณวาทิโน ‘‘วสฺสสหสฺสสฺส อจฺจเยน พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ พุทฺธโกลาหลํ นาม.
สุทฺธาวาสา เอว เทวา มนุสฺสานํ จิตฺตํ ตฺวา ‘‘ทฺวาทสนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน สมฺมาสมฺพุทฺโธ มงฺคลํ กเถสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ มงฺคลโกลาหลํ นาม.
สุทฺธาวาสา ¶ เอว เทวา ‘‘สตฺตนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อฺตโร ภิกฺขุ ภควตา สทฺธึ สมาคมฺม โมเนยฺยปฏิปทํ ปุจฺฉิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ โมเนยฺยโกลาหลํ ¶ นาม. อิเมสุ ปฺจสุ โกลาหเลสุ ทิฏฺมงฺคลาทิวเสน ติธา ภินฺเนสุ เทวมนุสฺเสสุ อิทํ มงฺคลโกลาหลํ โลเก อุปฺปชฺชิ.
อถ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ วิจินิตฺวา วิจินิตฺวา มงฺคลานิ อลภมาเนสุ ทฺวาทสนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน ตาวตึสกายิกา เทวตา สงฺคมฺม สมาคมฺม เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘‘เสยฺยถาปิ นาม, มาริสา, ฆรสามิโก อนฺโตฆรชนานํ, คามสามิโก คามวาสีนํ, ราชา สพฺพมนุสฺสานํ, เอวเมวํ อยํ สกฺโก เทวานมินฺโท อมฺหากํ อคฺโค จ เสฏฺโ จ ยทิทํ ปฺุเน เตเชน อิสฺสริเยน ปฺาย ทฺวินฺนํ เทวโลกานํ อธิปติ. ยํนูน มยํ สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺยามา’’ติ. ตา สกฺกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ ตงฺขณานุรูปนิวาสนาภรณสสฺสิริกสรีรํ อฑฺฒเตยฺยโกฏิอจฺฉราคณปริวุตํ ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลวราสเน นิสินฺนํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘ยคฺเฆ, มาริส, ชาเนยฺยาสิ, เอตรหิ มงฺคลปฺหา สมุฏฺิตา, เอเก ทิฏฺํ มงฺคลนฺติ วทนฺติ, เอเก สุตํ มงฺคลนฺติ วทนฺติ, เอเก มุตํ มงฺคลนฺติ วทนฺติ. ตตฺถ มยฺจ อฺเ จ อนิฏฺงฺคตา, สาธุ วต โน ตฺวํ ยาถาวโต พฺยากโรหี’’ติ. เทวราชา ปกติยาปิ ปฺวา ‘‘อยํ มงฺคลกถา กตฺถ ปมํ สมุฏฺิตา’’ติ อาห. ‘‘มยํ เทว จาตุมหาราชิกานํ อสฺสุมฺหา’’ติ อาหํสุ. ตโต จาตุมหาราชิกา อากาสฏฺเทวตานํ, อากาสฏฺเทวตา ภุมฺมเทวตานํ, ภุมฺมเทวตา มนุสฺสารกฺขเทวตานํ, มนุสฺสารกฺขเทวตา ‘‘มนุสฺสโลเก สมุฏฺิตา’’ติ อาหํสุ.
อถ เทวานมินฺโท ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ กตฺถ วสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มนุสฺสโลเก, เทวา’’ติ อาหํสุ. ‘‘ตํ ภควนฺตํ โกจิ ปุจฺฉี’’ติ อาห. ‘‘น โกจิ เทวา’’ติ. ‘‘กึ นุ โข นาม ตุมฺเห มาริสา อคฺคึ ฉฑฺเฑตฺวา ขชฺโชปนกํ อุชฺชาเลถ, เย อนวเสสมงฺคลเทสกํ ตํ ภควนฺตํ อติกฺกมิตฺวา มํ ปุจฺฉิตพฺพํ มฺถ? อาคจฺฉถ, มาริสา, ตํ ภควนฺตํ ปุจฺฉาม, อทฺธา สสฺสิริกํ ปฺหพฺยากรณํ ลภิสฺสามา’’ติ เอกํ เทวปุตฺตํ อาณาเปสิ – ‘‘ตฺวํ ภควนฺตํ ปุจฺฉา’’ติ. โส เทวปุตฺโต ตงฺขณานุรูเปน ¶ อลงฺกาเรน อตฺตานํ อลงฺกริตฺวา วิชฺชุริว วิชฺโชตมาโน เทวคณปริวุโต เชตวนมหาวิหารํ อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา มงฺคลปฺหํ ปุจฺฉนฺโต คาถาย อชฺฌภาสิ. ภควา ตสฺส ตํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต อิมํ สุตฺตมภาสิ.
ตตฺถ เอวํ เม สุตนฺติอาทีนมตฺโถ สงฺเขปโต กสิภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺโต, วิตฺถารํ ปน อิจฺฉนฺเตหิ ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมฏฺกถายํ วุตฺตนเยน คเหตพฺโพ. กสิภารทฺวาชสุตฺเต จ ‘‘มคเธสุ วิหรติ ทกฺขิณาคิริสฺมึ เอกนาฬายํ พฺราหฺมณคาเม’’ติ วุตฺตํ, อิธ ‘‘สาวตฺถิยํ วิหรติ ¶ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ. ตสฺมา ‘‘สาวตฺถิย’’นฺติ อิมํ ปทํ อาทึ กตฺวา อิธ อปุพฺพปทวณฺณนํ กริสฺสาม.
เสยฺยถิทํ, สาวตฺถิยนฺติ เอวํนามเก นคเร. ตํ กิร สวตฺถสฺส นาม อิสิโน นิวาสฏฺานํ อโหสิ. ตสฺมา ยถา กุสมฺพสฺส นิวาโส โกสมฺพี, กากณฺฑสฺส นิวาโส กากณฺฑีติ, เอวํ อิตฺถิลิงฺควเสน ‘‘สาวตฺถี’’ติ วุจฺจติ. โปราณา ปน วณฺณยนฺติ – ยสฺมา ตสฺมึ าเน สตฺถสมาโยเค ‘‘กึภณฺฑมตฺถี’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘สพฺพมตฺถี’’ติ อาหํสุ, ตสฺมา ตํ วจนมุปาทาย ‘‘สาวตฺถี’’ติ วุจฺจติ. ตสฺสํ สาวตฺถิยํ. เอเตนสฺส โคจรคาโม ทีปิโต โหติ. เชโต นาม ราชกุมาโร, เตน โรปิตสํวฑฺฒิตตฺตา ตสฺส เชตสฺส วนนฺติ เชตวนํ, ตสฺมึ เชตวเน. อนาถานํ ปิณฺโฑ เอตสฺมึ อตฺถีติ อนาถปิณฺฑิโก, ตสฺส อนาถปิณฺฑิกสฺส. อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา จตุปณฺณาสโกฏิปริจฺจาเคน นิฏฺาปิตาราเมติ อตฺโถ. เอเตนสฺส ปพฺพชิตานุรูปนิวาโสกาโส ทีปิโต โหติ.
อถาติ อวิจฺเฉทตฺเถ, โขติ อธิการนฺตรนิทสฺสนตฺเถ นิปาโต. เตน อวิจฺฉินฺเนเยว ตตฺถ ภควโต วิหาเร ‘‘อิทมธิการนฺตรํ อุทปาที’’ติ ทสฺเสติ. กึ ตนฺติ? อฺตรา เทวตาติอาทิ. ตตฺถ อฺตราติ อนิยมิตนิทฺเทโส. สา หิ นามโคตฺตโต อปากฏา, ตสฺมา ‘‘อฺตรา’’ติ วุตฺตา. เทโว เอว เทวตา, อิตฺถิปุริสสาธารณเมตํ. อิธ ปน ปุริโส เอว โส เทวปุตฺโต, กินฺตุ สาธารณนามวเสน ‘‘เทวตา’’ติ วุตฺโต.
อภิกฺกนฺตาย ¶ รตฺติยาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภนุโมทนาทีสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ. อุทฺทิสตุ, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๓๘๓; อ. นิ. ๘.๒๐; อุทา. ๔๕) ขเย ทิสฺสติ. ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) สุนฺทเร.
‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. (วิ. ว. ๘๕๗) –
เอวมาทีสุ อภิรูเป. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๒.๑๖; ปารา. ๑๕) อพฺภนุโมทเน. อิธ ปน ขเย. เตน อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา, ปริกฺขีณาย รตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ.
อภิกฺกนฺตวณฺณาติ ¶ เอตฺถ อภิกฺกนฺตสทฺโท อภิรูเป, วณฺณสทฺโท ปน ฉวิถุติกุลวคฺคการณสณฺานปฺปมาณรูปายตนาทีสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘สุวณฺณวณฺโณสิ ภควา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๓) ฉวิยํ. ‘‘กทา สฺูฬฺหา ปน เต, คหปติ, อิเม สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๗) ถุติยํ. ‘‘จตฺตาโรเม, โภ โคตม, วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๑๕) กุลวคฺเค. ‘‘อถ เกน นุ วณฺเณน, คนฺธตฺเถโนติ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓๔) การเณ. ‘‘มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) สณฺาเน. ‘‘ตโย ปตฺตสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ ปมาเณ. ‘‘วณฺโณ คนฺโธ รโส โอชา’’ติ เอวมาทีสุ รูปายตเน. โส อิธ ฉวิยํ ทฏฺพฺโพ. เตน อภิกฺกนฺตวณฺณา อภิรูปจฺฉวีติ วุตฺตํ โหติ.
เกวลกปฺปนฺติ เอตฺถ เกวลสทฺโท อนวเสสเยภุยฺยอพฺยามิสฺสอนติเรกทฬฺหตฺถวิสํโยคาทิอเนกตฺโถ. ตถา หิสฺส ‘‘เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๕; ปารา. ๑) อนวเสสตา อตฺโถ. ‘‘เกวลกปฺปา จ องฺคมาคธา ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย อุปสงฺกมิสฺสนฺตี’’ติ ¶ เอวมาทีสุ (มหาว. ๔๓) เยภุยฺยตา. ‘‘เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ เอวมาทีสุ (วิภ. ๒๒๕) อพฺยามิสฺสตา. ‘‘เกวลํ สทฺธามตฺตกํ นูน อยมายสฺมา’’ติ เอวมาทีสุ (มหาว. ๒๔๔) อนติเรกตา. ‘‘อายสฺมโต ภนฺเต อนุรุทฺธสฺส พาหิโก นาม สทฺธิวิหาริโก เกวลกปฺปํ สงฺฆเภทาย ิโต’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๔๓) ทฬฺหตฺถตา. ‘‘เกวลี วุสิตวา อุตฺตมปุริโสติ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕๗) วิสํโยโค. อิธ ปนสฺส อนวเสสโต อตฺโถ อธิปฺเปโต.
กปฺปสทฺโท ปนายํ อภิสทฺทหนโวหารกาลปฺตฺติเฉทนวิกปฺปเลสสมนฺตภาวาทิอเนกตฺโถ. ตถา หิสฺส ‘‘โอกปฺปนิยเมตํ โภโต โคตมสฺส, ยตา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) อภิสทฺทหนมตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหิ สมณกปฺเปหิ ผลํ ปริภฺุชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๒๕๐) โวหาโร. ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) กาโล. ‘‘อิจฺจายสฺมา กปฺโป’’ติ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๙๘; จูฬนิ. กปฺปมาณวปุจฺฉา ๑๑๗) ปฺตฺติ. ‘‘อลงฺกโต กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติ เอวมาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๑๓๖๘) เฉทนํ. ‘‘กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป’’ติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๔๔๖) วิกปฺโป. ‘‘อตฺถิ กปฺโป นิปชฺชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๘.๘๐) เลโส. ‘‘เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๔) สมนฺตภาโว. อิธ ปนสฺส สมนฺตภาโว อตฺโถติ อธิปฺเปโต. ยโต เกวลกปฺปํ เชตวนนฺติ เอตฺถ อนวเสสํ สมนฺตโต เชตวนนฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
โอภาเสตฺวาติ ¶ อาภาย ผริตฺวา, จนฺทิมา วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกปชฺโชตํ กริตฺวาติ อตฺโถ.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ, ยโต ยตฺถ ภควา, ตตฺถ อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เยน วา การเณน ภควา เทวมนุสฺเสหิ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตเนว การเณน อุปสงฺกมีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ? นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมาธิปฺปาเยน สาทุผลูปโภคาธิปฺปาเยน ทิชคเณหิ นิจฺจผลิตมหารุกฺโข วิย. อุปสงฺกมีติ จ คตาติ ¶ วุตฺตํ โหติ. อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ. อถ วา เอวํ คตา ตโต อาสนฺนตรํ านํ ภควโต สมีปสงฺขาตํ คนฺตฺวาติปิ วุตฺตํ โหติ. ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวาติ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปณมิตฺวา นมสฺสิตฺวา.
เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, เอโกกาสํ เอกปสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ภุมฺมตฺเถ วา อุปโยควจนํ. อฏฺาสีติ นิสชฺชาทิปฏิกฺเขโป, านํ กปฺเปสิ, ิตา อโหสีติ อตฺโถ.
กถํ ิตา ปน สา เอกมนฺตํ ิตา อหูติ?
‘‘น ปจฺฉโต น ปุรโต, นาปิ อาสนฺนทูรโต;
น กจฺเฉ โนปิ ปฏิวาเต, น จาปิ โอณตุณฺณเต;
อิเม โทเส วิวชฺเชตฺวา, เอกมนฺตํ ิตา อหู’’ติ.
กสฺมา ปนายํ อฏฺาสิ เอว, น นิสีทีติ? ลหุํ นิวตฺติตุกามตาย. เทวตา หิ กฺจิเทว อตฺถวสํ ปฏิจฺจ สุจิปุริโส วิย วจฺจฏฺานํ มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉนฺติ. ปกติยา ปเนตาสํ โยชนสตโต ปภุติ มนุสฺสโลโก ทุคฺคนฺธตาย ปฏิกูโล โหติ, น ตตฺถ อภิรมนฺติ. เตน สา อาคตกิจฺจํ กตฺวา ลหุํ นิวตฺติตุกามตาย น นิสีทิ. ยสฺส จ คมนาทิอิริยาปถปริสฺสมสฺส วิโนทนตฺถํ นิสีทนฺติ, โส เทวานํ ปริสฺสโม นตฺถิ, ตสฺมาปิ น นิสีทิ. เย จ มหาสาวกา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา ิตา, เต ปติมาเนสิ, ตสฺมาปิ น นิสีทิ. อปิจ ภควติ คารเวเนว น นิสีทิ. เทวานฺหิ นิสีทิตุกามานํ อาสนํ นิพฺพตฺตติ, ตํ อนิจฺฉมานา นิสชฺชาย จิตฺตมฺปิ อกตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ.
เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตาติ เอวํ อิเมหิ การเณหิ เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา. ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสีติ ภควนฺตํ คาถาย อกฺขรปทนิยมิตคนฺถิเตน วจเนน อภาสีติ อตฺโถ.
๒๖๑. ตตฺถ ¶ พหูติ อนิยมิตสงฺขฺยานิทฺเทโส. เตน อเนกสตา อเนกสหสฺสา อเนกสตสหสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ทิพฺพนฺตีติ เทวา, ปฺจหิ กามคุเณหิ กีฬนฺติ, อตฺตโน วา สิริยา โชตนฺตีติ อตฺโถ. อปิจ ติวิธา เทวา สมฺมุติอุปปตฺติวิสุทฺธิวเสน. ยถาห –
‘‘เทวาติ ¶ ตโย เทวา สมฺมุติเทวา, อุปปตฺติเทวา, วิสุทฺธิเทวา. ตตฺถ สมฺมุติเทวา นาม ราชาโน, เทวิโย, ราชกุมารา. อุปปตฺติเทวา นาม จาตุมหาราชิเก เทเว อุปาทาย ตทุตฺตริเทวา. วิสุทฺธิเทวา นาม อรหนฺโต วุจฺจนฺตี’’ติ (จูฬนิ. โธตกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๓๒, ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๑๙).
เตสุ อิธ อุปปตฺติเทวา อธิปฺเปตา. มนุโน อปจฺจาติ มนุสฺสา. โปราณา ปน ภณนฺติ – มนสฺส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา. เต ชมฺพุทีปกา, อปรโคยานกา, อุตฺตรกุรุกา, ปุพฺพวิเทหกาติ จตุพฺพิธา. อิธ ชมฺพุทีปกา อธิปฺเปตา. มงฺคลนฺติ อิเมหิ สตฺตาติ มงฺคลานิ, อิทฺธึ วุทฺธิฺจ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ. อจินฺตยุนฺติ จินฺเตสุํ. อากงฺขมานาติ อิจฺฉมานา ปตฺถยมานา ปิหยมานา. โสตฺถานนฺติ โสตฺถิภาวํ, สพฺเพสํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ โสภนานํ สุนฺทรานํ กลฺยาณานํ ธมฺมานมตฺถิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. พฺรูหีติ เทเสหิ ปกาเสหิ อาจิกฺข วิวร วิภช อุตฺตานีกโรหิ. มงฺคลนฺติ อิทฺธิการณํ วุทฺธิการณํ สพฺพสมฺปตฺติการณํ. อุตฺตมนฺติ วิสิฏฺํ ปวรํ สพฺพโลกหิตสุขาวหนฺติ อยํ คาถาย อนุปุพฺพปทวณฺณนา.
อยํ ปน ปิณฺฑตฺโถ – โส เทวปุตฺโต ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวตา มงฺคลปฺหํ โสตุกามตาย อิมสฺมึ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา เอกวาลคฺคโกฏิโอกาสมตฺเต ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ จตฺตาลีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ สฏฺิปิ สตฺตติปิ อสีติปิ สุขุมตฺตภาเว นิมฺมินิตฺวา สพฺพเทวมารพฺรหฺมาโน สิริยา จ เตชสา จ อธิคยฺห วิโรจมานํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺนํ ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา ิตา ทิสฺวา ตสฺมึ จ สมเย อนาคตานมฺปิ สกลชมฺพุทีปกานํ มนุสฺสานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย สพฺพเทวมนุสฺสานํ วิจิกิจฺฉาสลฺลสมุทฺธรณตฺถํ อาห – ‘‘พหู เทวา มนุสฺสา จ, มงฺคลานิ อจินฺตยุํ, อากงฺขมานา โสตฺถานํ อตฺตโน โสตฺถิภาวํ อิจฺฉนฺตา, พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตมํ, เตสํ เทวานํ อนุมติยา มนุสฺสานฺจ อนุคฺคเหน มยา ปุฏฺโ สมาโน ยํ สพฺเพสเมว อมฺหากํ เอกนฺตหิตสุขาวหนโต อุตฺตมํ มงฺคลํ, ตํ โน อนุกมฺปํ อุปาทาย พฺรูหิ ภควา’’ติ.
๒๖๒. เอวเมตํ ¶ เทวปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ภควา ‘‘อเสวนา จ พาลาน’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ อเสวนาติ อภชนา อปยิรุปาสนา. พาลานนฺติ พลนฺติ อสฺสสนฺตีติ พาลา, อสฺสสิตปสฺสสิตมตฺเตน ชีวนฺติ, น ปฺาชีวิเตนาติ อธิปฺปาโย. เตสํ พาลานํ ปณฺฑิตานนฺติ ¶ ปณฺฑนฺตีติ ปณฺฑิตา, สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิเกสุ อตฺเถสุ าณคติยา คจฺฉนฺตีติ อธิปฺปาโย. เตสํ ปณฺฑิตานํ. เสวนาติ ภชนา ปยิรุปาสนา ตํสหายตา ตํสมฺปวงฺกตา. ปูชาติ สกฺการครุการมานนวนฺทนา. ปูชเนยฺยานนฺติ ปูชารหานํ. เอตํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ ยา จ พาลานํ อเสวนา, ยา จ ปณฺฑิตานํ เสวนา, ยา จ ปูชเนยฺยานํ ปูชา, ตํ สพฺพํ สมฺปิณฺเฑตฺวา อาห เอตํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ. ยํ ตยา ปุฏฺํ ‘‘พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ, เอตฺถ ตาว เอตํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ คณฺหาหีติ วุตฺตํ โหติ. อยเมติสฺสา คาถาย ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปนสฺสา เอวํ เวทิตพฺพา – เอวเมตํ เทวปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ภควา อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ยสฺมา จตุพฺพิธา กถา ปุจฺฉิตกถา, อปุจฺฉิตกถา, สานุสนฺธิกถา, อนนุสนฺธิกถาติ. ตตฺถ ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ, โคตม, ภูริปฺํ, กถํกโร สาวโก สาธุ โหตี’’ติ (สุ. นิ. ๓๗๘) จ, ‘‘กถํ นุ ตฺวํ, มาริส, โอฆมตรี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑) จ เอวมาทีสุ ปุจฺฉิเตน กถิกา ปุจฺฉิตกถา. ‘‘ยํ ปเร สุขโต อาหุ, ตทริยา อาหุ ทุกฺขโต’’ติ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๗๖๗) อปุจฺฉิเตน อตฺตชฺฌาสยวเสเนว กถิตา อปุจฺฉิตกถา. สพฺพาปิ พุทฺธานํ กถา ‘‘สนิทานาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๒๖; กถา. ๘๐๖) วจนโต สานุสนฺธิกถา. อนนุสนฺธิกถา อิมสฺมึ สาสเน นตฺถิ. เอวเมตาสุ กถาสุ อยํ เทวปุตฺเตน ปุจฺฉิเตน ภควตา กถิตตฺตา ปุจฺฉิตกถา. ปุจฺฉิตกถายฺจ ยถา เฉโก ปุริโส กุสโล มคฺคสฺส, กุสโล อมคฺคสฺส, มคฺคํ ปุฏฺโ ปมํ วิชหิตพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา ปจฺฉา คเหตพฺพํ อาจิกฺขติ – ‘‘อสุกสฺมึ นาม าเน ทฺเวธาปโถ โหติ, ตตฺถ วามํ มฺุจิตฺวา ทกฺขิณํ คณฺหถา’’ติ, เอวํ เสวิตพฺพาเสวิตพฺเพสุ อเสวิตพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา เสวิตพฺพํ อาจิกฺขติ. ภควา จ มคฺคกุสลปุริสสทิโส. ยถาห –
‘‘ปุริโส มคฺคกุสโลติ โข, ติสฺส, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๔).
โส ¶ หิ กุสโล อิมสฺส โลกสฺส, กุสโล ปรสฺส โลกสฺส, กุสโล มจฺจุเธยฺยสฺส, กุสโล อมจฺจุเธยฺยสฺส, กุสโล มารเธยฺยสฺส, กุสโล อมารเธยฺยสฺสาติ. ตสฺมา ปมํ อเสวิตพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา เสวิตพฺพํ อาจิกฺขนฺโต อาห – ‘‘อเสวนา จ พาลานํ, ปณฺฑิตานฺจ เสวนา’’ติ. วิชหิตพฺพมคฺโค วิย หิ ปมํ พาลา น เสวิตพฺพา น ปยิรุปาสิตพฺพา, ตโต คเหตพฺพมคฺโค วิย ปณฺฑิตา เสวิตพฺพา ปยิรุปาสิตพฺพาติ.
กสฺมา ปน ภควตา มงฺคลํ กเถนฺเตน ปมํ พาลานํ อเสวนา ปณฺฑิตานฺจ เสวนา กถิตาติ? วุจฺจเต – ยสฺมา อิมํ ทิฏฺาทีสุ มงฺคลทิฏฺึ พาลเสวนาย เทวมนุสฺสา คณฺหึสุ, สา ¶ จ อมงฺคลํ, ตสฺมา เนสํ ตํ อิธโลกตฺถปรโลกตฺถภฺชกํ อกลฺยาณมิตฺตสํสคฺคํ ครหนฺเตน อุภยโลกตฺถสาธกฺจ กลฺยาณมิตฺตสํสคฺคํ ปสํสนฺเตน ภควตา ปมํ พาลานํ อเสวนา ปณฺฑิตานฺจ เสวนา กถิตาติ.
ตตฺถ พาลา นาม เย เกจิ ปาณาติปาตาทิอกุสลกมฺมปถสมนฺนาคตา สตฺตา. เต ตีหากาเรหิ ชานิตพฺพา. ยถาห – ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, พาลสฺส พาลลกฺขณานี’’ติ (อ. นิ. ๓.๓; ม. นิ. ๓.๒๔๖) สุตฺตํ. อปิจ ปูรณกสฺสปาทโย ฉ สตฺถาโร เทวทตฺตโกกาลิกกฏโมทกติสฺสขณฺฑเทวิยาปุตฺตสมุทฺททตฺตจิฺจมาณวิกาทโย อตีตกาเล จ ทีฆวิทสฺส ภาตาติ อิเม อฺเ จ เอวรูปา สตฺตา พาลาติ เวทิตพฺพา.
เต อคฺคิปทิตฺตมิว องฺคารํ อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อตฺตานฺจ อตฺตโน วจนการเก จ วินาเสนฺติ, ยถา ทีฆวิทสฺส ภาตา จตุพุทฺธนฺตรํ สฏฺิโยชนมตฺเตน อตฺตภาเวน อุตฺตาโน ปติโต มหานิรเย ปจฺจติ, ยถา จ ตสฺส ทิฏฺึ อภิรุจิกานิ ปฺจ กุลสตานิ ตสฺเสว สหพฺยตํ อุปปนฺนานิ นิรเย ปจฺจนฺติ. วุตฺตํ เหตํ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, นฬาคารา วา ติณาคารา วา อคฺคิ มุตฺโต กูฏาคารานิปิ ฑหติ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตานิ นิวาตานิ ผุสิตคฺคฬานิ ปิหิตวาตปานานิ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ¶ ภยานิ อุปฺปชฺชนฺติ, สพฺพานิ ตานิ พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต. เย เกจิ อุปทฺทวา อุปฺปชฺชนฺติ…เป… เย เกจิ อุปสคฺคา…เป… โน ปณฺฑิตโต. อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปฏิภโย พาโล, อปฺปฏิภโย ปณฺฑิโต. สอุปทฺทโว พาโล, อนุปทฺทโว ปณฺฑิโต, สอุปสคฺโค พาโล, อนุปสคฺโค ปณฺฑิโต’’ติ (อ. นิ. ๓.๑).
อปิจ ปูติมจฺฉสทิโส พาโล, ปูติมจฺฉพนฺธปตฺตปุฏสทิโส โหติ ตทุปเสวี, ฉฑฺฑนียตํ ชิคุจฺฉนียตฺจ อาปชฺชติ วิฺูนํ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘ปูติมจฺฉํ กุสคฺเคน, โย นโร อุปนยฺหติ;
กุสาปิ ปูตี วายนฺติ, เอวํ พาลูปเสวนา’’ติ. (อิติวุ. ๗๖; ชา. ๑.๑๕.๑๘๓; ๒.๒๒.๑๒๕๗);
อกิตฺติปณฺฑิโต จาปิ สกฺเกน เทวานมินฺเทน วเร ทิยฺยมาเน เอวมาห –
‘‘พาลํ ¶ น ปสฺเส น สุเณ, น จ พาเลน สํวเส;
พาเลนลฺลาปสลฺลาปํ, น กเร น จ โรจเย.
‘‘กินฺนุ เต อกรํ พาโล, วท กสฺสป การณํ;
เกน กสฺสป พาลสฺส, ทสฺสนํ นาภิกงฺขสิ.
‘‘อนยํ นยติ ทุมฺเมโธ, อธุรายํ นิยฺุชติ;
ทุนฺนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุตฺโต ปกุปฺปติ;
วินยํ โส น ชานาติ, สาธุ ตสฺส อทสฺสน’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๓.๙๐-๙๒);
เอวํ ภควา สพฺพากาเรน พาลูปเสวนํ ครหนฺโต พาลานํ อเสวนํ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ปณฺฑิตเสวนํ ปสํสนฺโต ‘‘ปณฺฑิตานฺจ เสวนา มงฺคล’’นฺติ อาห. ตตฺถ ปณฺฑิตา นาม เย เกจิ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทิทสกุสลกมฺมปถสมนฺนาคตา สตฺตา, เต ตีหากาเรหิ ชานิตพฺพา. ยถาห – ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานี’’ติ (อ. นิ. ๓.๓; ม. นิ. ๓.๒๕๓) วุตฺตํ. อปิจ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธอสีติมหาสาวกา อฺเ จ ตถาคตสฺส สาวกา สุเนตฺตมหาโควินฺทวิธุรสรภงฺคมโหสธสุตโสมนิมิราช- อโยฆรกุมารอกิตฺติปณฺฑิตาทโย จ ปณฺฑิตาติ เวทิตพฺพา.
เต ¶ ภเย วิย รกฺขา, อนฺธกาเร วิย ปทีโป, ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขาภิภเว วิย อนฺนปานาทิปฏิลาโภ, อตฺตโน วจนกรานํ สพฺพภยอุปทฺทวูปสคฺควิทฺธํสนสมตฺถา โหนฺติ. ตถา หิ ตถาคตํ อาคมฺม อสงฺขฺเยยฺยา อปริมาณา เทวมนุสฺสา อาสวกฺขยํ ปตฺตา, พฺรหฺมโลเก ปติฏฺิตา, เทวโลเก ปติฏฺิตา, สุคติโลเก อุปฺปนฺนา. สาริปุตฺตตฺเถเร จิตฺตํ ปสาเทตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ เถรํ อุปฏฺหิตฺวา อสีติ กุลสหสฺสานิ สคฺเค นิพฺพตฺตานิ. ตถา มหาโมคฺคลฺลานมหากสฺสปปฺปภุตีสุ สพฺพมหาสาวเกสุ, สุเนตฺตสฺส สตฺถุโน สาวกา อปฺเปกจฺเจ พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชึสุ, อปฺเปกจฺเจ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ…เป… อปฺเปกจฺเจ คหปติมหาสาลกุลานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘นตฺถิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตโต ภยํ, นตฺถิ ปณฺฑิตโต อุปทฺทโว, นตฺถิ ปณฺฑิตโต อุปสคฺโค’’ติ (อ. นิ. ๓.๑).
อปิจ ¶ ตครมาลาทิคนฺธภณฺฑสทิโส ปณฺฑิโต, ตครมาลาทิคนฺธภณฺฑปลิเวนปตฺตสทิโส โหติ ตทุปเสวี, ภาวนียตํ มนฺุตฺจ อาปชฺชติ วิฺูนํ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘ตครฺจ ปลาเสน, โย นโร อุปนยฺหติ;
ปตฺตาปิ สุรภี วายนฺติ, เอวํ ธีรูปเสวนา’’ติ. (อิติวุ. ๗๖; ชา. ๑.๑๕.๑๘๔; ๒.๒๒.๑๒๕๘);
อกิตฺติปณฺฑิโต จาปิ สกฺเกน เทวานมินฺเทน วเร ทิยฺยมาเน เอวมาห –
‘‘ธีรํ ปสฺเส สุเณ ธีรํ, ธีเรน สห สํวเส;
ธีเรนลฺลาปสลฺลาปํ, ตํ กเร ตฺจ โรจเย.
‘‘กินฺนุ เต อกรํ ธีโร, วท กสฺสป การณํ;
เกน กสฺสป ธีรสฺส, ทสฺสนํ อภิกงฺขสิ.
‘‘นยํ นยติ เมธาวี, อธุรายํ น ยฺุชติ;
สุนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุตฺโต น กุปฺปติ;
วินยํ โส ปชานาติ, สาธุ เตน สมาคโม’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๙๔-๙๖);
เอวํ ภควา สพฺพากาเรน ปณฺฑิตเสวนํ ปสํสนฺโต, ปณฺฑิตานํ เสวนํ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ตาย พาลานํ อเสวนาย ปณฺฑิตานํ ¶ เสวนาย จ อนุปุพฺเพน ปูชเนยฺยภาวํ อุปคตานํ ปูชํ ปสํสนฺโต ‘‘ปูชา จ ปูชเนยฺยานํ เอตํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ อาห. ตตฺถ ปูชเนยฺยา นาม สพฺพโทสวิรหิตตฺตา สพฺพคุณสมนฺนาคตตฺตา จ พุทฺธา ภควนฺโต, ตโต ปจฺฉา ปจฺเจกพุทฺธา อริยสาวกา จ. เตสฺหิ ปูชา อปฺปกาปิ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหติ, สุมนมาลาการมลฺลิกาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ.
ตตฺเถกํ นิทสฺสนมตฺตํ ภณาม. ภควา กิร เอกทิวสํ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ โข สุมนมาลากาโร รฺโ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส ปุปฺผานิ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต อทฺทส ภควนฺตํ นครทฺวารํ อนุปฺปตฺตํ ปาสาทิกํ ปสาทนียํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณาสีตานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตํ พุทฺธสิริยา ชลนฺตํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ราชา ปุปฺผานิ คเหตฺวา สตํ วา สหสฺสํ วา ทเทยฺย, ตฺจ อิธโลกมตฺตเมว สุขํ ภเวยฺย, ภควโต ปน ปูชา อปฺปเมยฺยอสงฺขฺเยยฺยผลา ทีฆรตฺตํ หิตสุขาวหา ¶ โหติ. หนฺทาหํ อิเมหิ ปุปฺเผหิ ภควนฺตํ ปูเชมี’’ติ ปสนฺนจิตฺโต เอกํ ปุปฺผมุฏฺึ คเหตฺวา ภควโต ปฏิมุขํ ขิปิ, ปุปฺผานิ อากาเสน คนฺตฺวา ภควโต อุปริ มาลาวิตานํ หุตฺวา อฏฺํสุ. มาลากาโร ตํ อานุภาวํ ทิสฺวา ปสนฺนตรจิตฺโต ปุน เอกํ ปุปฺผมุฏฺึ ขิปิ, ตานิ คนฺตฺวา มาลากฺจุโก หุตฺวา อฏฺํสุ. เอวํ อฏฺ ปุปฺผมุฏฺิโย ขิปิ, ตานิ คนฺตฺวา ปุปฺผกูฏาคารํ หุตฺวา อฏฺํสุ. ภควา อนฺโตกูฏาคาเร วิย อโหสิ, มหาชนกาโย สนฺนิปติ. ภควา มาลาการํ ปสฺสนฺโต สิตํ ปาตฺวากาสิ. อานนฺทตฺเถโร ‘‘น พุทฺธา อเหตุ อปฺปจฺจยา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ สิตการณํ ปุจฺฉิ. ภควา อาห – ‘‘เอโส, อานนฺท, มาลากาโร อิมิสฺสา ปูชาย อานุภาเวน สตสหสฺสกปฺเป เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา ปริโยสาเน สุมนิสฺสโร นาม ปจฺเจกพุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ. วจนปริโยสาเน จ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ตฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ;
ยสฺส ปตีโต สุมโน, วิปากํ ปฏิเสวตี’’ติ. (ธ. ป. ๖๘);
คาถาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, เอวํ อปฺปกาปิ เตสํ ปูชา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ¶ โหตีติ เวทิตพฺพา. สา จ อามิสปูชาว โก ปน วาโท ปฏิปตฺติปูชาย. ยโต เย กุลปุตฺตา สรณคมเนน สิกฺขาปทปฏิคฺคหเณน อุโปสถงฺคสมาทาเนน จตุปาริสุทฺธิสีลาทีหิ จ อตฺตโน คุเณหิ ภควนฺตํ ปูเชนฺติ, โก เตสํ ปูชาย ผลํ วณฺณยิสฺสติ. เต หิ ตถาคตํ ปรมาย ปูชาย ปูเชนฺตีติ วุตฺตา. ยถาห –
‘‘โย โข, อานนฺท, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโน วิหรติ สามีจิปฺปฏิปนฺโน อนุธมฺมจารี, โส ตถาคตํ สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ อปจิยติ ปรมาย ปูชายา’’ติ.
เอเตนานุสาเรน ปจฺเจกพุทฺธอริยสาวกานมฺปิ ปูชาย หิตสุขาวหตา เวทิตพฺพา.
อปิจ คหฏฺานํ กนิฏฺสฺส เชฏฺโ ภาตาปิ ภคินีปิ ปูชเนยฺยา, ปุตฺตสฺส มาตาปิตโร, กุลวธูนํ สามิกสสฺสุสสุราติ เอวมฺเปตฺถ ปูชเนยฺยา เวทิตพฺพา. เอเตสมฺปิ หิ ปูชา กุสลธมฺมสงฺขาตตฺตา อายุอาทิวฑฺฒิเหตุตฺตา จ มงฺคลเมว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เต มตฺเตยฺยา ภวิสฺสนฺติ เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน, อิทํ กุสลํ ¶ ธมฺมํ สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. เต เตสํ กุสลานํ ธมฺมานํ สมาทานเหตุ อายุนาปิ วฑฺฒิสฺสนฺติ, วณฺเณนปิ วฑฺฒิสฺสนฺตี’’ติอาทิ.
เอวเมติสฺสา คาถาย พาลานํ อเสวนา ปณฺฑิตานํ เสวนา ปูชเนยฺยานํ ปูชาติ ตีณิ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. ตตฺถ พาลานํ อเสวนา พาลเสวนปจฺจยภยาทิปริตฺตาเณน อุภยโลกหิตเหตุตฺตา ปณฺฑิตานํ เสวนา ปูชเนยฺยานํ ปูชา จ ตาสํ ผลวิภูติวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว นิพฺพานสุคติเหตุตฺตา ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา. อิโต ปรํ ตุ มาติกํ อทสฺเสตฺวา เอว ยํ ยตฺถ มงฺคลํ, ตํ ววตฺถเปสฺสาม, ตสฺส จ มงฺคลตฺตํ วิภาวยิสฺสามาติ.
นิฏฺิตา อเสวนา จ พาลานนฺติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๖๓. เอวํ ¶ ภควา ‘‘พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ เอกํ อชฺเฌสิโตปิ อปฺปํ ยาจิโต พหุทายโก อุฬารปุริโส วิย เอกาย คาถาย ตีณิ มงฺคลานิ วตฺวา ตโต อุตฺตริปิ เทวตานํ โสตุกามตาย มงฺคลานฺจ อตฺถิตาย เยสํ เยสํ ยํ ยํ อนุกูลํ, เต เต สตฺเต ตตฺถ ตตฺถ มงฺคเล นิโยเชตุกามตาย จ ‘‘ปติรูปเทสวาโส จา’’ติอาทีหิ คาถาหิ ปุนปิ อเนกานิ มงฺคลานิ วตฺตุมารทฺโธ.
ตตฺถ ปมคาถาย ตาว ปติรูโปติ อนุจฺฉวิโก. เทโสติ คาโมปิ นิคโมปิ นครมฺปิ ชนปโทปิ โย โกจิ สตฺตานํ นิวาโสกาโส. วาโสติ ตตฺถ นิวาโส. ปุพฺเพติ ปุรา อตีตาสุ ชาตีสุ. กตปฺุตาติ อุปจิตกุสลตา. อตฺตาติ จิตฺตํ วุจฺจติ, สกโล วา อตฺตภาโว. สมฺมาปณิธีติ ตสฺส อตฺตโน สมฺมา ปณิธานํ นิยฺุชนํ, ปนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยเมตฺถ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา ปติรูปเทโส นาม ยตฺถ จตสฺโส ปริสา วิหรนฺติ, ทานาทีนิ ปฺุกิริยาวตฺถูนิ วตฺตนฺติ, นวงฺคํ สตฺถุ สาสนํ ทิปฺปติ. ตตฺถ นิวาโส สตฺตานํ ปฺุกิริยาย ปจฺจยตฺตา ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. สีหฬทีปปวิฏฺเกวฏฺฏาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ.
อปโร นโย – ปติรูปเทโส นาม ภควโต โพธิมณฺฑปฺปเทโส, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺติตปฺปเทโส, ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย มชฺเฌ สพฺพติตฺถิยมตํ ภินฺทิตฺวา ยมกปาฏิหาริยทสฺสิตกณฺฑมฺพรุกฺขมูลปฺปเทโส, เทโวโรหนปฺปเทโส, โย วา ปนฺโปิ สาวตฺถิราชคหาทิพุทฺธาทิวาสปฺปเทโส. ตตฺถ นิวาโส สตฺตานํ ฉอนุตฺตริยปฏิลาภปจฺจยโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.
อปโร ¶ นโย – ปุรตฺถิมาย ทิสาย กชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส อปเรน มหาสาลา, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณปุรตฺถิมาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อุตฺตราย ทิสาย อุสิรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา ¶ , โอรโต มชฺเฌ (มหาว. ๒๕๙). อยํ มชฺฌิมปฺปเทโส อายาเมน ตีณิ โยชนสตานิ, วิตฺถาเรน อฑฺฒเตยฺยานิ, ปริกฺเขเปน นวโยชนสตานิ โหนฺติ, เอโส ปติรูปเทโส นาม.
เอตฺถ จตุนฺนํ มหาทีปานํ ทฺวิสหสฺสานํ ปริตฺตทีปานฺจ อิสฺสริยาธิปจฺจการกา จกฺกวตฺตี อุปฺปชฺชนฺติ, เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา สาริปุตฺตมหาโมคฺคลฺลานาทโย มหาสาวกา อุปฺปชฺชนฺติ, ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา ปจฺเจกพุทฺธา, จตฺตาริ อฏฺ โสฬส วา อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธา จ อุปฺปชฺชนฺติ. ตตฺถ สตฺตา จกฺกวตฺติรฺโ โอวาทํ คเหตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาย สคฺคปรายณา โหนฺติ, ตถา ปจฺเจกพุทฺธานํ โอวาเท ปติฏฺาย. สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกานํ ปน โอวาเท ปติฏฺาย สคฺคปรายณา นิพฺพานปรายณา จ โหนฺติ. ตสฺมา ตตฺถ วาโส อิมาสํ สมฺปตฺตีนํ ปจฺจยโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.
ปุพฺเพ กตปฺุตา นาม อตีตชาติยํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสเว อารพฺภ อุปจิตกุสลตา, สาปิ มงฺคลํ. กสฺมา? พุทฺธปจฺเจกพุทฺเธ สมฺมุขโต ทสฺเสตฺวา พุทฺธานํ วา พุทฺธสาวกานํ วา สมฺมุขา สุตาย จตุปฺปทิกายปิ คาถาย ปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาเปตีติ กตฺวา. โย จ มนุสฺโส ปุพฺเพ กตาธิกาโร อุสฺสนฺนกุสลมูโล โหติ, โส เตเนว กุสลมูเลน วิปสฺสนํ อุปฺปาเทตฺวา อาสวกฺขยํ ปาปุณาติ ยถา ราชา มหากปฺปิโน อคฺคมเหสี จ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุพฺเพ จ กตปฺุตา มงฺคล’’นฺติ.
อตฺตสมฺมาปณิธิ นาม อิเธกจฺโจ อตฺตานํ ทุสฺสีลํ สีเล ปติฏฺาเปติ, อสฺสทฺธํ สทฺธาสมฺปทาย ปติฏฺาเปติ, มจฺฉรึ จาคสมฺปทาย ปติฏฺาเปติ. อยํ วุจฺจติ ‘‘อตฺตสมฺมาปณิธี’’ติ. เอโส จ มงฺคลํ. กสฺมา? ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกเวรปฺปหานวิวิธานิสํสาธิคมเหตุโตติ.
เอวํ ¶ อิมิสฺสาปิ คาถาย ปติรูปเทสวาโส, ปุพฺเพ จ กตปฺุตา, อตฺตสมฺมาปณิธีติ ตีณิเยว มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ¶ ปติรูปเทสวาโส จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๖๔. อิทานิ พาหุสจฺจฺจาติ เอตฺถ พาหุสจฺจนฺติ พหุสฺสุตภาโว. สิปฺปนฺติ ยํกิฺจิ หตฺถโกสลฺลํ. วินโยติ กายวาจาจิตฺตวินยนํ. สุสิกฺขิโตติ สุฏฺุ สิกฺขิโต. สุภาสิตาติ สุฏฺุ ภาสิตา. ยาติ อนิยมนิทฺเทโส. วาจาติ คิรา พฺยปฺปโถ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ. อยเมตฺถ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – พาหุสจฺจํ นาม ยํ ตํ ‘‘สุตธโร โหติ สุตสนฺนิจโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๓๙; อ. นิ. ๔.๒๒) จ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส พหุกํ สุตํ โหติ สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณ’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๖) จ เอวมาทินา นเยน สตฺถุสาสนธรตฺตํ วณฺณิตํ, ตํ อกุสลปฺปหานกุสลาธิคมเหตุโต อนุปุพฺเพน ปรมตฺถสจฺจสจฺฉิกิริยเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗).
อปรมฺปิ วุตฺตํ –
‘‘ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถมุปปริกฺขติ, อตฺถํ อุปปริกฺขโต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา สติ ฉนฺโท ชายติ, ฉนฺทชาโต อุสฺสหติ, อุสฺสหนฺโต ตุลยติ, ตุลยนฺโต ปทหติ, ปทหนฺโต กาเยน เจว ปรมตฺถสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ อติวิชฺฌ ปสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๓๒).
อปิจ อคาริกพาหุสจฺจมฺปิ ยํ อนวชฺชํ, ตํ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.
สิปฺปํ ¶ นาม อคาริกสิปฺปฺจ อนคาริกสิปฺปฺจ. ตตฺถ อคาริกสิปฺปํ นาม ยํ ปรูปโรธวิรหิตํ อกุสลวิวชฺชิตํ มณิการสุวณฺณการกมฺมาทิ, ตํ อิธโลกตฺถาวหนโต มงฺคลํ. อนคาริกสิปฺปํ นาม จีวรวิจารณสิพฺพนาทิ สมณปริกฺขาราภิสงฺขรณํ, ยํ ตํ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กึกรณียานิ, ตตฺถ ทกฺโข โหตี’’ติอาทินา นเยน ตตฺถ ตตฺถ สํวณฺณิตํ, ยํ ‘‘นาถกรโณ ธมฺโม’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๕; อ. นิ. ๑๐.๑๗) จ ¶ วุตฺตํ, ตํ อตฺตโน จ ปเรสฺจ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.
วินโย นาม อคาริกวินโย จ อนคาริกวินโย จ. ตตฺถ อคาริกวินโย นาม ทสอกุสลกมฺมปถวิรมณํ, โส ตตฺถ อสํกิเลสาปชฺชเนน อาจารคุณววตฺถาเนน จ สุสิกฺขิโต อุภยโลกหิตสุขาวหนโต มงฺคลํ. อนคาริกวินโย นาม สตฺตาปตฺติกฺขนฺเธ อนาปชฺชนํ, โสปิ วุตฺตนเยเนว สุสิกฺขิโต. จตุปาริสุทฺธิสีลํ วา อนคาริกวินโย. โส ยถา ตตฺถ ปติฏฺาย อรหตฺตํ ปาปุณาติ, เอวํ สิกฺขเนน สุสิกฺขิโต โลกิยโลกุตฺตรสุขาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺโพ.
สุภาสิตา วาจา นาม มุสาวาทาทิโทสวิรหิตา วาจา. ยถาห – ‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สุภาสิตา โหตี’’ติ. อสมฺผปฺปลาปา วาจา เอว วา สุภาสิตา. ยถาห –
‘‘สุภาสิตํ อุตฺตมมาหุ สนฺโต,
ธมฺมํ ภเณ นาธมฺมํ ตํ ทุติยํ;
ปิยํ ภเณ นาปฺปิยํ ตํ ตติยํ,
สจฺจํ ภเณ นาลิกํ ตํ จตุตฺถ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๓; สุ. นิ. ๔๕๒);
อยมฺปิ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา. ยสฺมา จ อยํ วินยปริยาปนฺนา เอว, ตสฺมา วินยคฺคหเณน เอตํ อสงฺคณฺหิตฺวา วินโย สงฺคเหตพฺโพ. อถวา กึ อิมินา ปริสฺสเมน ปเรสํ ธมฺมเทสนาวาจา อิธ ‘‘สุภาสิตา วาจา’’ติ เวทิตพฺพา. สา ¶ หิ ยถา ปติรูปเทสวาโส, เอวํ สตฺตานํ อุภยโลกหิตสุขนิพฺพานาธิคมปจฺจยโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. อาห จ –
‘‘ยํ พุทฺโธ ภาสติ วาจํ, เขมํ นิพฺพานปตฺติยา;
ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, สา เว วาจานมุตฺตมา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๓; สุ. นิ. ๔๕๖);
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย พาหุสจฺจํ, สิปฺปํ, วินโย สุสิกฺขิโต, สุภาสิตา วาจาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ¶ พาหุสจฺจฺจาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๖๕. อิทานิ มาตาปิตุอุปฏฺานนฺติ เอตฺถ มาตุ จ ปิตุ จาติ มาตาปิตุ. อุปฏฺานนฺติ อุปฏฺหนํ. ปุตฺตานฺจ ทารานฺจาติ ปุตฺตทารสฺส. สงฺคณฺหนํ สงฺคโห. น อากุลา อนากุลา. กมฺมานิ เอว กมฺมนฺตา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – มาตา นาม ชนิกา วุจฺจติ, ตถา ปิตา. อุปฏฺานํ นาม ปาทโธวนสมฺพาหนอุจฺฉาทนนฺหาปเนหิ จตุปจฺจยสมฺปทาเนน จ อุปการกรณํ. ตตฺถ ยสฺมา มาตาปิตโร พหูปการา ปุตฺตานํ อตฺถกามา อนุกมฺปกา, ยํ ปุตฺตเก พหิ กีฬิตฺวา ปํสุมกฺขิตสรีรเก อาคเต ทิสฺวา ปํสุกํ ปฺุฉิตฺวา มตฺถกํ อุปสิงฺฆายนฺตา ปริจุมฺพนฺตา จ สิเนหํ อุปฺปาเทนฺติ, วสฺสสตมฺปิ มาตาปิตโร สีเสน ปริหรนฺตา ปุตฺตา เตสํ ปฏิการํ กาตุํ อสมตฺถา. ยสฺมา จ เต อาปาทกา โปสกา อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโร พฺรหฺมสมฺมตา ปุพฺพาจริยสมฺมตา, ตสฺมา เตสํ อุปฏฺานํ อิธ ปสํสํ เปจฺจ สคฺคสุขฺจ อาวหติ, เตน ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร, ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร;
อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ, ปชาย อนุกมฺปกา.
‘‘ตสฺมา หิ เน นมสฺเสยฺย, สกฺกเรยฺย จ ปณฺฑิโต;
อนฺเนน อถ ปาเนน, วตฺเถน สยเนน จ.
‘‘อุจฺฉาทเนน ¶ นฺหาปเนน, ปาทานํ โธวเนน จ;
ตาย นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;
อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ. (อ. นิ. ๓.๓๑; อิติวุ. ๑๐๖; ชา. ๒.๒๐.๑๘๑-๑๘๓);
อปโร นโย – อุปฏฺานํ นาม ภรณกิจฺจกรณกุลวํสฏฺปนาทิปฺจวิธํ, ตํ ปาปนิวารณาทิปฺจวิธทิฏฺธมฺมิกหิตเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ปฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺาตพฺพา ‘ภโต เน ภริสฺสามิ, กิจฺจํ เนสํ กริสฺสามิ, กุลวํสํ เปสฺสามิ, ทายชฺชํ ปฏิปชฺชิสฺสามิ, อถ วา ปน เปตานํ กาลกตานํ ทกฺขิณํ อนุปฺปทสฺสามี’ติ ¶ . อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺิตา ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺตํ อนุกมฺปนฺติ, ปาปา นิวาเรนฺติ, กลฺยาเณ นิเวเสนฺติ, สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺติ, ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชนฺติ, สมเย ทายชฺชํ นิยฺยาเทนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๗).
อปิจ โย มาตาปิตโร ตีสุ วตฺถูสุ ปสาทุปฺปาทเนน สีลสมาทาปเนน ปพฺพชฺชาย วา อุปฏฺหติ, อยํ มาตาปิตุอุปฏฺากานํ อคฺโค, ตสฺส ตํ มาตาปิตุอุปฏฺานํ มาตาปิตูหิ กตสฺส อุปการสฺส ปจฺจุปการภูตํ อเนเกสํ ทิฏฺธมฺมิกานํ สมฺปรายิกานฺจ อตฺถานํ ปทฏฺานโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.
ปุตฺตทารสฺสาติ เอตฺถ อตฺตนา ชนิตา ปุตฺตาปิ ธีตโรปิ ‘‘ปุตฺตา’’ ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ. ทาราติ วีสติยา ภริยานํ ยา กาจิ ภริยา. ปุตฺตา จ ทารา จ ปุตฺตทารํ, ตสฺส ปุตฺตทารสฺส. สงฺคโหติ สมฺมานนาทีหิ อุปการกรณํ. ตํ สุสํวิหิตกมฺมนฺตตาทิทิฏฺธมฺมิกหิตเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ปจฺฉิมา ทิสา ปุตฺตทารา เวทิตพฺพา’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๖) เอตฺถ อุทฺทิฏฺํ ปุตฺตทารํ ภริยาสทฺเทน สงฺคณฺหิตฺวา –
‘‘ปฺจหิ ¶ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ สามิเกน ปจฺฉิมา ทิสา ภริยา ปจฺจุปฏฺาตพฺพา, สมฺมานนาย อนวมานนาย อนติจริยาย อิสฺสริยโวสฺสคฺเคน อลงฺการานุปฺปทาเนน. อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปฺจหิ าเนหิ สามิเกน ปจฺฉิมา ทิสา ภริยา ปจฺจุปฏฺิตา ปฺจหิ าเนหิ สามิกํ อนุกมฺปติ, สุสํวิหิตกมฺมนฺตา จ โหติ, สงฺคหิตปริชนา จ, อนติจารินี จ, สมฺภตฺจ อนุรกฺขติ, ทกฺขา จ โหติ อนลสา สพฺพกิจฺเจสู’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๙).
อยํ วา อปโร นโย – สงฺคโหติ ธมฺมิกาหิ ทานปิยวาจอตฺถจริยาหิ สงฺคณฺหนํ. เสยฺยถิทํ – อุโปสถทิวเสสุ ปริพฺพยทานํ, นกฺขตฺตทิวเสสุ นกฺขตฺตทสฺสาปนํ, มงฺคลทิวเสสุ มงฺคลกรณํ, ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิเกสุ อตฺเถสุ โอวาทานุสาสนนฺติ. ตํ วุตฺตนเยเนว ทิฏฺธมฺมิกหิตเหตุโต สมฺปรายิกหิตเหตุโต เทวตาหิปิ นมสฺสนียภาวเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. ยถาห สกฺโก เทวานมินฺโท –
‘‘เย คหฏฺา ปฺุกรา, สีลวนฺโต อุปาสกา;
ธมฺเมน ทารํ โปเสนฺติ, เต นมสฺสามิ มาตลี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๖๔);
อนากุลา ¶ กมฺมนฺตา นาม กาลฺุตาย ปติรูปการิตาย อนลสตาย อุฏฺานวีริยสมฺปทาย อพฺยสนียตาย จ กาลาติกฺกมนอปฺปติรูปกรณากรณสิถิลกรณาทิอากุลภาววิรหิตา กสิโครกฺขวณิชฺชาทโย กมฺมนฺตา. เอเต อตฺตโน วา ปุตฺตทารสฺส วา ทาสกมฺมกรานํ วา พฺยตฺตตาย เอวํ ปโยชิตา ทิฏฺเว ธมฺเม ธนธฺวุฑฺฒิปฏิลาภเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุตฺตา. วุตฺตฺเจตํ ภควตา –
‘‘ปติรูปการี ธุรวา, อุฏฺาตา วินฺทเต ธน’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๘๙; สํ. นิ. ๑.๒๔๖) จ;
‘‘น ทิวา โสปฺปสีเลน, รตฺติมุฏฺานเทสฺสินา;
นิจฺจํ มตฺเตน โสณฺเฑน, สกฺกา อาวสิตุํ ฆรํ.
‘‘อติสีตํ อติอุณฺหํ, อติสายมิทํ อหุ;
อิติ วิสฺสฏฺกมฺมนฺเต, อตฺถา อจฺเจนฺติ มาณเว.
‘‘โยธ ¶ สีตฺจ อุณฺหฺจ, ติณา ภิยฺโย น มฺติ;
กรํ ปุริสกิจฺจานิ, โส สุขา น วิหายตี’’ติ. จ (ที. นิ. ๓.๒๕๓);
‘‘โภเค สํหรมานสฺส, ภมรสฺเสว อิรียโต;
โภคา สนฺนิจยํ ยนฺติ, วมฺมิโกวูปจียตี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๖๕) –
จ เอวมาทิ.
เอวํ อิมิสฺสาปิ คาถาย มาตุปฏฺานํ, ปิตุปฏฺานํ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห, อนากุลา จ กมฺมนฺตาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคหํ วา ทฺวิธา กตฺวา ปฺจ, มาตาปิตุอุปฏฺานํ วา เอกเมว กตฺวา ตีณิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา มาตาปิตุอุปฏฺานนฺติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๖๖. อิทานิ ทานฺจาติ เอตฺถ ทียเต อิมินาติ ทานํ, อตฺตโน สนฺตกํ ปรสฺส ปฏิปาทียตีติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมสฺส จริยา, ธมฺมา วา อนเปตา จริยา ธมฺมจริยา. ายนฺเต ¶ ‘‘อมฺหากํ อิเม’’ติ าตกา. น อวชฺชานิ อนวชฺชานิ, อนินฺทิตานิ อครหิตานีติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ทานํ นาม ปรํ อุทฺทิสฺส สุพุทฺธิปุพฺพิกา อนฺนาทิทสทานวตฺถุปริจฺจาคเจตนา ตํสมฺปยุตฺโต วา อโลโภ. อโลเภน หิ ตํ วตฺถุํ ปรสฺส ปฏิปาเทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทียเต อิมินาติ ทาน’’นฺติ. ตํ พหุชนปิยมนาปตาทีนํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ ผลวิเสสานํ อธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ทายโก สีห ทานปติ พหุโน ชนสฺส ปิโย โหติ มนาโป’’ติ เอวมาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ (อ. นิ. ๕.๓๔) อนุสฺสริตพฺพานิ.
อปโร นโย – ทานํ นาม ทุวิธํ อามิสทานฺจ, ธมฺมทานฺจ. ตตฺถ อามิสทานํ วุตฺตปฺปการเมว. อิธโลกปรโลกทุกฺขกฺขยสุขาวหสฺส ปน สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตสฺส ธมฺมสฺส ปเรสํ หิตกามตาย เทสนา ธมฺมทานํ. อิเมสฺจ ทฺวินฺนํ ทานานํ เอตเทว อคฺคํ. ยถาห –
‘‘สพฺพทานํ ¶ ธมฺมทานํ ชินาติ,
สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ;
สพฺพรตึ ธมฺมรตี ชินาติ,
ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ. (ธ. ป. ๓๕๔);
ตตฺถ อามิสทานสฺส มงฺคลตฺตํ วุตฺตเมว. ธมฺมทานํ ปน ยสฺมา อตฺถปฏิสํเวทิตาทีนํ คุณานํ ปทฏฺานํ, ตสฺมา ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ยถา ยถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ, ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จา’’ติ เอวมาทิ (ที. นิ. ๓.๓๕๕; อ. นิ. ๕.๒๖).
ธมฺมจริยา นาม ทสกุสลกมฺมปถจริยา. ยถาห – ‘‘ติวิธํ โข, คหปตโย, กาเยน ธมฺมจริยาสมจริยา โหตี’’ติ เอวมาทิ. สา ปเนสา ธมฺมจริยา สคฺคโลกูปปตฺติเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ธมฺมจริยาสมจริยาเหตุ โข, คหปตโย, เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๔๑).
าตกา ¶ นาม มาติโต วา ปิติโต วา ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา สมฺพนฺธา. เตสํ โภคปาริชฺุเน วา พฺยาธิปาริชฺุเน วา อภิหตานํ อตฺตโน สมีปํ อาคตานํ ยถาพลํ ฆาสจฺฉาทนธนธฺาทีหิ สงฺคโห ปสํสาทีนํ ทิฏฺธมฺมิกานํ สุคติคมนาทีนฺจ สมฺปรายิกานํ วิเสสาธิคมานํ เหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.
อนวชฺชานิ กมฺมานิ นาม อุโปสถงฺคสมาทานเวยฺยาวจฺจกรณอารามวนโรปนเสตุกรณาทีนิ กายวจีมโนสุจริตกมฺมานิ. ตานิ หิ นานปฺปการหิตสุขาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘านํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺยา’’ติ เอวมาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ (อ. นิ. ๘.๔๓) อนุสฺสริตพฺพานิ.
เอวํ ¶ อิมิสฺสา คาถาย ทานํ, ธมฺมจริยา, าตกานํ สงฺคโห, อนวชฺชานิ กมฺมานีติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ทานฺจาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๖๗. อิทานิ อารตี วิรตีติ เอตฺถ อารตีติ อารมณํ. วิรตีติ วิรมณํ, วิรมนฺติ วา เอตาย สตฺตาติ วิรติ. ปาปาติ อกุสลา. มทนียฏฺเน มชฺชํ, มชฺชสฺส ปานํ มชฺชปานํ, ตโต มชฺชปานา. สํยมนํ สํยโม. อปฺปมชฺชนํ อปฺปมาโท. ธมฺเมสูติ กุสเลสุ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – อารติ นาม ปาเป อาทีนวทสฺสาวิโน มนสา เอว อนภิรติ. วิรติ นาม กมฺมทฺวารวเสน กายวาจาหิ วิรมณํ. สา เจสา วิรติ นาม สมฺปตฺตวิรติ สมาทานวิรติ สมุจฺเฉทวิรตีติ ติวิธา โหติ. ตตฺถ ยา กุลปุตฺตสฺส อตฺตโน ชาตึ วา กุลํ วา โคตฺตํ วา ปฏิจฺจ ‘‘น เม เอตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ อิมํ ปาณํ หเนยฺยํ, อทินฺนํ อาทิเยยฺย’’นฺติอาทินา นเยน สมฺปตฺตวตฺถุโต วิรติ, อยํ สมฺปตฺตวิรติ นาม. สิกฺขาปทสมาทานวเสน ปน ปวตฺตา สมาทานวิรติ นาม, ยสฺสา ปวตฺติโต ปภุติ กุลปุตฺโต ปาณาติปาตาทีนิ น สมาจรติ. อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา สมุจฺเฉทวิรติ นาม, ยสฺสา ปวตฺติโต ปภุติ อริยสาวกสฺส ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺติ. ปาปํ นาม ยํ ตํ ‘‘ปาณาติปาโต โข, คหปติปุตฺต, กมฺมกิเลโส อทินฺนาทานํ…เป… กาเมสุมิจฺฉาจาโร…เป… มุสาวาโท’’ติ เอวํ วิตฺถาเรตฺวา –
‘‘ปาณาติปาโต ¶ อทินฺนาทานํ, มุสาวาโท จ วุจฺจติ;
ปรทารคมนฺเจว, นปฺปสํสนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๔๕) –
เอวํ คาถาย สงฺคหิตํ กมฺมกิเลสสงฺขาตํ จตุพฺพิธํ อกุสลํ, ตโต ปาปา. สพฺพาเปสา อารติ จ วิรติ จ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกภยเวรปฺปหานาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โข, คหปติปุตฺต, อริยสาวโก’’ติอาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ อนุสฺสริตพฺพานิ.
มชฺชปานา ¶ จ สํยโม นาม ปุพฺเพ วุตฺตสุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา เวรมณิยาเวตํ อธิวจนํ. ยสฺมา ปน มชฺชปายี อตฺถํ น ชานาติ, ธมฺมํ น ชานาติ, มาตุปิ อนฺตรายํ กโรติ, ปิตุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธตถาคตสาวกานมฺปิ อนฺตรายํ กโรติ, ทิฏฺเว ธมฺเม ครหํ, สมฺปราเย ทุคฺคตึ, อปราปริยาเย อุมฺมาทฺจ ปาปุณาติ. มชฺชปานา ปน สํยโต เตสํ โทสานํ วูปสมํ ตพฺพิปรีตคุณสมฺปทฺจ ปาปุณาติ. ตสฺมา อยํ มชฺชปานา สํยโม ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺโพ.
กุสเลสุ ธมฺเมสุ อปฺปมาโท นาม ‘‘กุสลานํ วา ธมฺมานํ ภาวนาย อสกฺกจฺจกิริยตา อสาตจฺจกิริยตา อนฏฺิตกิริยตา โอลีนวุตฺติตา นิกฺขิตฺตฉนฺทตา นิกฺขิตฺตธุรตา อนาเสวนา อภาวนา อพหุลีกมฺมํ อนธิฏฺานํ อนนุโยโค ปมาโท. โย เอวรูโป ปมาโท ปมชฺชนา ปมชฺชิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ ปมาโท’’ติ (วิภ. ๘๔๖) เอตฺถ วุตฺตสฺส ปมาทสฺส ปฏิปกฺขนเยน อตฺถโต กุสเลสุ ธมฺเมสุ สติยา อวิปฺปวาโส เวทิตพฺโพ. โส นานปฺปการกุสลาธิคมเหตุโต อมตาธิคมเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ ‘‘อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘-๑๙; อ. นิ. ๕.๒๖) จ ‘‘อปฺปมาโท อมตปท’’นฺติ (ธ. ป. ๒๑) จ เอวมาทิ สตฺถุสาสนํ อนุสฺสริตพฺพํ.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ปาปา วิรติ, มชฺชปานา สํยโม, กุสเลสุ ธมฺเมสุ อปฺปมาโทติ ตีณิ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา อารตี วิรตีติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๖๘. อิทานิ คารโว จาติ เอตฺถ คารโวติ ครุภาโว. นิวาโตติ นีจวุตฺติตา. สนฺตุฏฺีติ สนฺโตโส. กตสฺส ชานนตา กตฺุตา. กาเลนาติ ขเณน สมเยน. ธมฺมสฺส สวนํ ธมฺมสฺสวนํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ¶ ปน เอวํ เวทิตพฺพา – คารโว นาม ครุการปโยคารเหสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธตถาคตสาวกอาจริยุปชฺฌายมาตาปิตุเชฏฺภาติกภคินิอาทีสุ ยถานุรูปํ ครุกาโร ครุกรณํ สคารวตา. สฺวายํ คารโว ยสฺมา สุคติคมนาทีนํ เหตุ. ยถาห –
‘‘ครุกาตพฺพํ ¶ ครุํ กโรติ, มาเนตพฺพํ มาเนติ, ปูเชตพฺพํ ปูเชติ. โส เตน กมฺเมน เอวํ สมตฺเตน เอวํ สมาทินฺเนน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. โน เจ กายสฺส เภทา…เป… อุปปชฺชติ, สเจ มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, ยตฺถ ยตฺถ ปจฺจาชายติ, อุจฺจากุลีโน โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๙๕).
ยถา จาห – ‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, อปริหานิยา ธมฺมา. กตเม สตฺต? สตฺถุคารวตา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๗.๓๒-๓๓). ตสฺมา ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.
นิวาโต นาม นีจมนตา นิวาตวุตฺติตา, ยาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล นิหตมาโน นิหตทปฺโป ปาทปฺุฉนโจฬกสโม ฉินฺนวิสาณุสภสโม อุทฺธฏทาสปฺปสโม จ หุตฺวา สณฺโห สขิโล สุขสมฺภาโส โหติ, อยํ นิวาโต. สฺวายํ ยสาทิคุณปฏิลาภเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. อาห จ – ‘‘นิวาตวุตฺติ อตฺถทฺโธ, ตาทิโส ลภเต ยส’’นฺติ เอวมาทิ (ที. นิ. ๓.๒๗๓).
สนฺตุฏฺิ นาม อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส, โส ทฺวาทสวิโธ โหติ. เสยฺยถิทํ – จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส, ยถาพลสนฺโตโส, ยถาสารุปฺปสนฺโตโสติ ติวิโธ. เอวํ ปิณฺฑปาตาทีสุ.
ตสฺสายํ ปเภทวณฺณนา – อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ, ครุํ จีวรํ ปารุปนฺโต โอณมติ วา กิลมติ วา. โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธึ ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ ปณีตปจฺจยลาภี โหติ, โส ปฏฺฏจีวราทีนํ อฺตรํ มหคฺฆํ จีวรํ ลภิตฺวา ‘‘อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ พหุสฺสุตานฺจ อนุรูป’’นฺติ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา สงฺการกูฏา วา อฺโต วา กุโตจิ นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา สงฺฆาฏึ กตฺวา ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ¶ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก ¶ โหติ, ลูขํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา พาฬฺหํ โรคาตงฺกํ ปาปุณาติ, โส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ตํ ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปิมธุขีราทีนิ ภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ลภติ, โส ‘‘อยํ ปิณฺฑปาโต เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ อฺเสฺจ ปณีตปิณฺฑปาตํ วินา อยาเปนฺตานํ สพฺรหฺมจารีนํ อนุรูโป’’ติ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา ปิณฺฑาย จริตฺวา มิสฺสกาหารํ ภฺุชนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุโน เสนาสนํ ปาปุณาติ, โส เตเนว สนฺตุสฺสติ, ปุน อฺํ สุนฺทรตรมฺปิ ปาปุณนฺตํ น คณฺหาติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ, นิวาตเสนาสเน วสนฺโต อติวิย ปิตฺตโรคาทีหิ อาตุรียติ, โส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ตํ ทตฺวา ตสฺส ปาปุณนเก สวาตสีตลเสนาสเน วสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ สุนฺทรํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฏิจฺฉติ ‘‘สุนฺทรเสนาสนํ ปมาทฏฺานํ, ตตฺร นิสินฺนสฺส ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, นิทฺทาภิภูตสฺส จ ปุน ปฏิพุชฺฌโต กามวิตกฺกา สมุทาจรนฺตี’’ติ, โส ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อพฺโภกาสรุกฺขมูลปณฺณกุฏีสุ ยตฺถ กตฺถจิ นิวสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ หรีตกํ วา อามลกํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺเหิ ลทฺธํ สปฺปิมธุผาณิตาทิมฺปิ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก เตเลน อตฺถิโก ผาณิตํ ลภติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต เตเลน เภสชฺชํ กตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ เอกสฺมึ ภาชเน ปูติมุตฺตหรีตกํ ¶ เปตฺวา เอกสฺมึ จตุมธุรํ ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต, ยทิจฺฉสี’’ติ วุจฺจมาโน สจสฺส เตสํ ทฺวินฺนํ อฺตเรนปิ พฺยาธิ วูปสมฺมติ, อถ ‘‘ปูติมุตฺตหรีตกํ นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิตํ, อยฺจ ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา, ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย’’ติ (มหาว. ๑๒๘) วุตฺตนฺติ จินฺเตนฺโต จตุมธุรเภสชฺชํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มุตฺตหรีตเกน เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ ปรมสนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
เอวํ ปเภโท สพฺโพเปโส สนฺโตโส สนฺตุฏฺีติ วุจฺจติ. สา อตฺริจฺฉตาปาปิจฺฉตามหิจฺฉตาทีนํ ปาปธมฺมานํ ปหานาธิคมเหตุโต สุคติเหตุโต อริยมคฺคสมฺภารภาวโต จาตุทฺทิสาทิภาวเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา. อาห จ –
‘‘จาตุทฺทิโส ¶ อปฺปฏิโฆ จ โหติ,
สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรนา’’ติ. (สุ. นิ. ๔๒; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๘) เอวมาทิ;
กตฺุตา นาม อปฺปสฺส วา พหุสฺส วา เยน เกนจิ กตสฺส อุปการสฺส ปุนปฺปุนํ อนุสฺสรณภาเวน ชานนตา. อปิจ เนรยิกาทิทุกฺขปริตฺตาณโต ปฺุานิ เอว ปาณีนํ พหูปการานิ, ตโต เตสมฺปิ อุปการานุสฺสรณตา ‘‘กตฺุตา’’ติ เวทิตพฺพา. สา สปฺปุริเสหิ ปสํสนียตาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุตฺตา. อาห จ – ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา ทุลฺลภา โลกสฺมึ. กตเม ทฺเว? โย จ ปุพฺพการี, โย จ กตฺู กตเวที’’ติ (อ. นิ. ๒.๑๒๐).
กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นาม ยสฺมึ กาเล อุทฺธจฺจสหคตํ จิตฺตํ โหติ, กามวิตกฺกาทีนํ วา อฺตเรน อภิภูตํ, ตสฺมึ กาเล เตสํ วิโนทนตฺถํ ธมฺมสฺสวนํ. อปเร อาหุ – ปฺจเม ปฺจเม ทิวเส ธมฺมสฺสวนํ กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นาม. ยถาห อายสฺมา อนุรุทฺโธ ‘‘ปฺจาหิกํ โข ปน มยํ, ภนฺเต, สพฺพรตฺตึ ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสีทามา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๒๗; มหาว. ๔๖๖).
อปิจ ยสฺมึ กาเล กลฺยาณมิตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา สกฺกา โหติ อตฺตโน กงฺขาปฏิวิโนทกํ ธมฺมํ โสตุํ, ตสฺมึ กาเลปิ ธมฺมสฺสวนํ ‘‘กาเลน ธมฺมสฺสวน’’นฺติ เวทิตพฺพํ. ยถาห – ‘‘เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ปริปุจฺฉติ ปริปฺหตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๓๕๘). ตเทตํ กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นีวรณปฺปหานจตุรานิสํสอาสวกฺขยาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย อริยสาวโก อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, ปฺจสฺส นีวรณานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๑๙) จ.
‘‘โสตานุคตานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ…เป… สุปฺปฏิวิทฺธานํ จตฺตาโร อานิสํสา ปาฏิกงฺขา’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๙๑) จ.
‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา กาเลน กาลํ สมฺมา ภาวิยมานา สมฺมา อนุปริวตฺติยมานา ¶ อนุปุพฺเพน อาสวานํ ขยํ ปาเปนฺติ. กตเม จตฺตาโร? กาเลน ธมฺมสฺสวน’’นฺติ จ เอวมาทีนิ (อ. นิ. ๔.๑๔๗).
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย คารโว, นิวาโต, สนฺตุฏฺิ, กตฺุตา, กาเลน ธมฺมสฺสวนนฺติ ปฺจ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา คารโว จ นิวาโต จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๖๙. อิทานิ ขนฺตี จาติ เอตฺถ ขมนํ ขนฺติ. ปทกฺขิณคฺคาหิตาย สุขํ วโจ อสฺมินฺติ สุวโจ, สุวจสฺส กมฺมํ โสวจสฺสํ, โสวจสฺสสฺส ภาโว โสวจสฺสตา. กิเลสานํ สมิตตฺตา สมณา. ทสฺสนนฺติ เปกฺขนํ. ธมฺมสฺส สากจฺฉา ธมฺมสากจฺฉา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา ขนฺติ นาม อธิวาสนกฺขนฺติ, ยาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺเต, วธพนฺธาทีหิ วา วิหึสนฺเต ปุคฺคเล อสุณนฺโต วิย จ อปสฺสนฺโต วิย จ นิพฺพิกาโร โหติ ขนฺติวาที วิย. ยถาห –
‘‘อหู อตีตมทฺธานํ, สมโณ ขนฺติทีปโน;
ตํ ขนฺติยาเยว ิตํ, กาสิราชา อเฉทยี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๕๑);
ภทฺทกโต ¶ วา มนสิ กโรติ ตโต อุตฺตริ อปราธาภาเวน อายสฺมา ปุณฺณตฺเถโร วิย. ยถาห –
‘‘สเจ มํ, ภนฺเต, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา อกฺโกสิสฺสนฺติ ปริภาสิสฺสนฺติ, ตตฺถ เม เอวํ ภวิสฺสติ ‘ภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, สุภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, ยํ เม นยิเม ปาณินา ปหารํ เทนฺตี’’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๓๙๖; สํ. นิ. ๔.๘๘).
ยาย จ สมนฺนาคโต อิสีนมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห สรภงฺโค อิสิ –
‘‘โกธํ วธิตฺวา น กทาจิ โสจติ,
มกฺขปฺปหานํ อิสโย วณฺณยนฺติ;
สพฺเพสํ ¶ วุตฺตํ ผรุสํ ขเมถ,
เอตํ ขนฺตึ อุตฺตมมาหุ สนฺโต’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๖๔);
เทวตานมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห สกฺโก เทวานมินฺโท –
‘‘โย หเว พลวา สนฺโต, ทุพฺพลสฺส ติติกฺขติ;
ตมาหุ ปรมํ ขนฺตึ, นิจฺจํ ขมติ ทุพฺพโล’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๕๐-๒๕๑);
พุทฺธานมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห ภควา –
‘‘อกฺโกสํ วธพนฺธฺจ, อทุฏฺโ โย ติติกฺขติ;
ขนฺตีพลํ พลานีกํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๙๙);
สา ปเนสา ขนฺติ เอเตสฺจ อิธ วณฺณิตานํ อฺเสฺจ คุณานํ อธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา.
โสวจสฺสตา นาม สหธมฺมิกํ วุจฺจมาเน วิกฺเขปํ วา ตุณฺหีภาวํ วา คุณโทสจินฺตนํ วา อนาปชฺชิตฺวา อติวิย อาทรฺจ คารวฺจ นีจมนตฺจ ปุรกฺขตฺวา ‘‘สาธู’’ติ วจนกรณตา. สา สพฺรหฺมจารีนํ สนฺติกา โอวาทานุสาสนีปฏิลาภเหตุโต โทสปฺปหานคุณาธิคมเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.
สมณานํ ¶ ทสฺสนํ นาม อุปสมิตกิเลสานํ ภาวิตกายวจีจิตฺตปฺานํ อุตฺตมทมถสมถสมนฺนาคตานํ ปพฺพชิตานํ อุปสงฺกมนุปฏฺานอนุสฺสรณสวนทสฺสนํ, สพฺพมฺปิ โอมกเทสนาย ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุตฺตํ. ตํ ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. กสฺมา? พหูปการตฺตา. อาห จ – ‘‘ทสฺสนมฺปหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหูปการํ วทามี’’ติอาทิ (อิติวุ. ๑๐๔). ยโต หิตกาเมน กุลปุตฺเตน สีลวนฺเต ภิกฺขู ฆรทฺวารํ สมฺปตฺเต ทิสฺวา ยทิ เทยฺยธมฺโม อตฺถิ, ยถาพลํ เทยฺยธมฺเมน ปติมาเนตพฺพา. ยทิ นตฺถิ, ปฺจปติฏฺิตํ กตฺวา วนฺทิตพฺพา. ตสฺมึ อสมฺปชฺชมาเน อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา นมสฺสิตพฺพา, ตสฺมิมฺปิ อสมฺปชฺชมาเน ปสนฺนจิตฺเตน ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสิตพฺพา. เอวํ ทสฺสนมูลเกนาปิ หิ ปฺุเน อเนกานิ ชาติสหสฺสานิ จกฺขุมฺหิ โรโค วา ทาโห วา อุสฺสทา วา ปิฬกา วา น โหนฺติ, วิปฺปสนฺนปฺจวณฺณสสฺสิริกานิ โหนฺติ จกฺขูนิ รตนวิมาเน อุคฺฆาฏิตมณิกวาฏสทิสานิ ¶ , สตสหสฺสกปฺปมตฺตํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สพฺพสมฺปตฺตีนํ ลาภี โหติ. อนจฺฉริยฺเจตํ, ยํ มนุสฺสภูโต สปฺปฺชาติโก สมฺมา ปวตฺติเตน สมณทสฺสนมเยน ปฺุเน เอวรูปํ วิปากสมฺปตฺตึ อนุภเวยฺย, ยตฺถ ติรจฺฉานคตานมฺปิ เกวลํ สทฺธามตฺตกชนิตสฺส สมณทสฺสนสฺส เอวํ วิปากสมฺปตฺตึ วณฺณยนฺติ –
‘‘อุลูโก มณฺฑลกฺขิโก,
เวทิยเก จิรทีฆวาสิโก;
สุขิโต วต โกสิโย อยํ,
กาลุฏฺิตํ ปสฺสติ พุทฺธวรํ.
‘‘มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ภิกฺขุสงฺเฆ อนุตฺตเร;
กปฺปานํ สตสหสฺสานิ, ทุคฺคตึ โส น คจฺฉติ.
‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, กุสลกมฺเมน โจทิโต;
ภวิสฺสติ อนนฺตาโณ, โสมนสฺโสติ วิสฺสุโต’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๔; ขุ. ปา. อฏฺ. ๕.๑๐);
กาเลน ธมฺมสากจฺฉา นาม ปโทเส วา ปจฺจูเส วา ทฺเว สุตฺตนฺติกา ภิกฺขู อฺมฺํ สุตฺตนฺตํ สากจฺฉนฺติ, วินยธรา วินยํ, อาภิธมฺมิกา อภิธมฺมํ ¶ , ชาตกภาณกา ชาตกํ, อฏฺกถิกา อฏฺกถํ, ลีนุทฺธตวิจิกิจฺฉาปเรตจิตฺตวิโสธนตฺถํ วา ตมฺหิ ตมฺหิ กาเล สากจฺฉนฺติ, อยํ กาเลน ธมฺมสากจฺฉา. สา อาคมพฺยตฺติอาทีนํ คุณานํ เหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจตีติ.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ขนฺติ, โสวจสฺสตา, สมณทสฺสนํ, กาเลน ธมฺมสากจฺฉาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ขนฺตี จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๗๐. อิทานิ ตโป จาติ เอตฺถ ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ตปตีติ ตโป. พฺรหฺมํ จริยํ, พฺรหฺมานํ วา จริยํ พฺรหฺมจริยํ, เสฏฺจริยนฺติ วุตฺตํ โหติ. อริยสจฺจานํ ทสฺสนํ อริยสจฺจาน ทสฺสนํ. อริยสจฺจานิ ทสฺสนนฺติปิ เอเก, ตํ น สุนฺทรํ. นิกฺขนฺตํ วานโตติ นิพฺพานํ, สจฺฉิกรณํ ¶ สจฺฉิกิริยา, นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยา นิพฺพานสจฺฉิกิริยา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ตโป นาม อภิชฺฌาโทมนสฺสาทีนํ ตปนโต อินฺทฺริยสํวโร, โกสชฺชสฺส วา ตปนโต วีริยํ. เตน หิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล อาตาปีติ วุจฺจติ. สฺวายํ อภิชฺฌาทิปฺปหานฌานาทิปฏิลาภเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺโพ.
พฺรหฺมจริยํ นาม เมถุนวิรติสมณธมฺมสาสนมคฺคานํ อธิวจนํ. ตถา หิ ‘‘อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๙๔; ม. นิ. ๑.๒๙๒) เอวมาทีสุ เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยนฺติ วุจฺจติ. ‘‘ภควติ โน, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๕๗) สมณธมฺโม. ‘‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม อิทํ พฺรหฺมจริยํ น อิทฺธฺเจว ภวิสฺสติ ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๖๘; สํ. นิ. ๕.๘๒๒; อุทา. ๕๑) สาสนํ. ‘‘อยเมว โข, ภิกฺขุ, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค พฺรหฺมจริยํ. เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๖) มคฺโค. อิธ ปน อริยสจฺจทสฺสเนน ปรโต มคฺคสฺส คหิตตฺตา อวเสสํ สพฺพมฺปิ วฏฺฏติ. ตฺเจตํ อุปรูปริ นานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.
อริยสจฺจาน ¶ ทสฺสนํ นาม กุมารปฺเห วุตฺตตฺถานํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อภิสมยวเสน มคฺคทสฺสนํ. ตํ สํสารทุกฺขวีติกฺกมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.
นิพฺพานสจฺฉิกิริยา นาม อิธ อรหตฺตผลํ ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ตมฺปิ หิ ปฺจคติวานเนน วานสฺิตาย ตณฺหาย นิกฺขนฺตตฺตา ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺส ปตฺติ วา ปจฺจเวกฺขณา วา ‘‘สจฺฉิกิริยา’’ติ วุจฺจติ. อิตรสฺส ปน นิพฺพานสฺส อริยสจฺจานํ ทสฺสเนเนว สจฺฉิกิริยา สิทฺธา, เตเนตํ อิธ น อธิปฺเปตํ. เอวเมสา นิพฺพานสจฺฉิกิริยา ทิฏฺธมฺมสุขวิหาราทิเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา.
เอวํ อิมิสฺสาปิ คาถาย ตโป, พฺรหฺมจริยํ, อริยสจฺจาน ทสฺสนํ, นิพฺพานสจฺฉิกิริยาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ตโป จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๗๑. อิทานิ ¶ ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหีติ เอตฺถ ผุฏฺสฺสาติ ผุสิตสฺส ฉุปิตสฺส สมฺปตฺตสฺส. โลเก ธมฺมา โลกธมฺมา, ยาว โลกปฺปวตฺติ, ตาว อนิวตฺตกา ธมฺมาติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺตนฺติ มโน มานสํ. ยสฺสาติ นวสฺส วา มชฺฌิมสฺส วา เถรสฺส วา. น กมฺปตีติ น จลติ, น เวธติ. อโสกนฺติ นิสฺโสกํ อพฺพูฬฺหโสกสลฺลํ. วิรชนฺติ วิคตรชํ วิทฺธํสิตรชํ. เขมนฺติ อภยํ นิรุปทฺทวํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ตาว ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหิ ยสฺส จิตฺตํ น กมฺปติ, ยสฺส ลาภาลาภาทีหิ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ ผุฏฺสฺส อชฺโฌตฺถฏสฺส จิตฺตํ น กมฺปติ, น จลติ, น เวธติ, ตสฺส ตํ จิตฺตํ เกนจิ อกมฺปนียโลกุตฺตรภาวาวหนโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.
กสฺส ปน เอเตหิ ผุฏฺสฺส จิตฺตํ น กมฺปติ? อรหโต ขีณาสวสฺส, น อฺสฺส กสฺสจิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เสโล ยถา เอกคฺฆโน, วาเตน น สมีรติ;
เอวํ รูปา รสา สทฺทา, คนฺธา ผสฺสา จ เกวลา.
‘‘อิฏฺา ¶ ธมฺมา อนิฏฺา จ, น ปเวเธนฺติ ตาทิโน;
ิตํ จิตฺตํ วิปฺปมุตฺตํ, วยฺจสฺสานุปสฺสตี’’ติ. (อ. นิ. ๖.๕๕; มหาว. ๒๔๔);
อโสกํ นาม ขีณาสวสฺเสว จิตฺตํ. ตฺหิ โย ‘‘โสโก โสจนา โสจิตตฺตํ อนฺโตโสโก อนฺโตปริโสโก เจตโส ปรินิชฺฌายิตตฺต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๒๓๗) นเยน วุจฺจติ โสโก, ตสฺส อภาวโต อโสกํ. เกจิ นิพฺพานํ วทนฺติ, ตํ ปุริมปเทน นานุสนฺธิยติ. ยถา จ อโสกํ, เอวํ วิรชํ เขมนฺติปิ ขีณาสวสฺเสว จิตฺตํ. ตฺหิ ราคโทสโมหรชานํ วิคตตฺตา วิรชํ, จตูหิ จ โยเคหิ เขมตฺตา เขมํ. ยโต เอตํ เตน เตนากาเรน ตมฺหิ ตมฺหิ ปวตฺติกฺขเณ คเหตฺวา นิทฺทิฏฺวเสน ติวิธมฺปิ อปฺปวตฺตกฺขนฺธตาทิโลกุตฺตมภาวาวหนโต อาหุเนยฺยาทิภาวาวหนโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย อฏฺโลกธมฺเมหิ อกมฺปิตจิตฺตํ, อโสกจิตฺตํ, วิรชจิตฺตํ, เขมจิตฺตนฺติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหีติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๗๒. เอวํ ¶ ภควา ‘‘อเสวนา จ พาลาน’’นฺติอาทีหิ ทสหิ คาถาหิ อฏฺตึส มงฺคลานิ กเถตฺวา อิทานิ เอตาเนว อตฺตนา วุตฺตมงฺคลานิ ถุนนฺโต ‘‘เอตาทิสานิ กตฺวานา’’ติ อิมํ อวสานคาถมภาสิ.
ตสฺสายํ อตฺถวณฺณนา – เอตาทิสานีติ เอตานิ อีทิสานิ มยา วุตฺตปฺปการานิ พาลานํ อเสวนาทีนิ. กตฺวานาติ กตฺวา. กตฺวาน กตฺวา กริตฺวาติ หิ อตฺถโต อนฺํ. สพฺพตฺถมปราชิตาติ สพฺพตฺถ ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารเทวปุตฺตมารปฺปเภเทสุ จตูสุ ปจฺจตฺถิเกสุ เอเกนปิ อปราชิตา หุตฺวา, สยเมว เต จตฺตาโร มาเร ปราเชตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. มกาโร เจตฺถ ปทสนฺธิกรณมตฺโตติ วิฺาตพฺโพ.
สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺตีติ เอตาทิสานิ มงฺคลานิ กตฺวา จตูหิ มาเรหิ อปราชิตา หุตฺวา สพฺพตฺถ อิธโลกปรโลเกสุ านจงฺกมนาทีสุ จ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, พาลเสวนาทีหิ เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา ¶ , เตสํ อภาวา โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, อนุปทฺทุตา อนุปสฏฺา เขมิโน อปฺปฏิภยา คจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อนุนาสิโก เจตฺถ คาถาพนฺธสุขตฺถํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
ตํ เตสํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ อิมินา คาถาปาเทน ภควา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. กถํ? เอวํ เทวปุตฺต เย เอตาทิสานิ กโรนฺติ, เต ยสฺมา สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตํ พาลานํ อเสวนาทิ อฏฺตึสวิธมฺปิ เตสํ เอตาทิสการกานํ มงฺคลํ อุตฺตมํ เสฏฺํ ปวรนฺติ คณฺหาหีติ.
เอวฺจ ภควตา นิฏฺาปิตาย เทสนาย ปริโยสาเน โกฏิสตสหสฺสเทวตา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลปฺปตฺตานํ คณนา อสงฺขฺเยยฺยา อโหสิ. อถ ภควา ทุติยทิวเส อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, อานนฺท, รตฺตึ อฺตรา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา มงฺคลปฺหํ ปุจฺฉิ. อถสฺสาหํ อฏฺตึส มงฺคลานิ อภาสึ, อุคฺคณฺห, อานนฺท, อิมํ มงฺคลปริยายํ, อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขู วาเจหี’’ติ. เถโร อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขู วาเจสิ. ตยิทํ อาจริยปรมฺปราภตํ ยาวชฺชตนา ปวตฺตติ, เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ เอเตสฺเวว มงฺคเลสุ าณปริจยปาฏวตฺถํ อยํ อาทิโต ปภุติ โยชนา – เอวมิเม อิธโลกปรโลกโลกุตฺตรสุขกามา สตฺตา พาลชนเสวนํ ปหาย, ปณฺฑิเต นิสฺสาย, ปูชเนยฺเย ปูเชนฺตา, ปติรูปเทสวาเสน ปุพฺเพ กตปฺุตาย จ กุสลปฺปวตฺติยํ โจทิยมานา, อตฺตานํ สมฺมา ปณิธาย, พาหุสจฺจสิปฺปวินเยหิ อลงฺกตตฺตภาวา, วินยานุรูปํ สุภาสิตํ ภาสมานา ¶ , ยาว คิหิภาวํ น วิชหนฺติ, ตาว มาตาปิตุอุปฏฺาเนน โปราณํ อิณมูลํ วิโสธยมานา, ปุตฺตทารสงฺคเหน นวํ อิณมูลํ ปโยชยมานา, อนากุลกมฺมนฺตตาย ธนธฺาทิสมิทฺธึ ปาปุณนฺตา, ทาเนน โภคสารํ ธมฺมจริยาย ชีวิตสารฺจ คเหตฺวา, าติสงฺคเหน สกชนหิตํ อนวชฺชกมฺมนฺตตาย ปรชนหิตฺจ กโรนฺตา, ปาปวิรติยา ปรูปฆาตํ มชฺชปานสํยเมน อตฺตูปฆาตฺจ วิวชฺเชตฺวา, ธมฺเมสุ อปฺปมาเทน กุสลปกฺขํ วฑฺเฒตฺวา, วฑฺฒิตกุสลตาย คิหิพฺยฺชนํ โอหาย ปพฺพชิตภาเว ิตาปิ พุทฺธพุทฺธสาวกุปชฺฌาจริยาทีสุ คารเวน นิวาเตน จ วตฺตสมฺปทํ อาราเธตฺวา, สนฺตุฏฺิยา ปจฺจยเคธํ ¶ ปหาย, กตฺุตาย สปฺปุริสภูมิยํ ตฺวา, ธมฺมสฺสวเนน จิตฺตลีนตํ ปหาย, ขนฺติยา สพฺพปริสฺสเย อภิภวิตฺวา, โสวจสฺสตาย สนาถมตฺตานํ กตฺวา, สมณทสฺสเนน ปฏิปตฺติปโยคํ ปสฺสนฺตา, ธมฺมสากจฺฉาย กงฺขาฏฺานิเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทตฺวา, อินฺทฺริยสํวรตเปน สีลวิสุทฺธึ สมณธมฺมพฺรหฺมจริเยน จิตฺตวิสุทฺธึ ตโต ปรา จ จตสฺโส วิสุทฺธิโย สมฺปาเทนฺตา, อิมาย ปฏิปทาย อริยสจฺจทสฺสนปริยายํ าณทสฺสนวิสุทฺธึ ปตฺวา อรหตฺตผลสงฺขาตํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติ. ยํ สจฺฉิกตฺวา สิเนรุปพฺพโต วิย วาตวุฏฺีหิ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อวิกมฺปมานจิตฺตา อโสกา วิรชา เขมิโน โหนฺติ. เย จ เขมิโน, เต สพฺพตฺถ เอเกนาปิ อปราชิตา โหนฺติ, สพฺพตฺถ จ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ. เตนาห ภควา –
‘‘เอตาทิสานิ กตฺวาน, สพฺพตฺถมปราชิตา;
สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, ตํ เตสํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ.
อิติ ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย มงฺคลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สูจิโลมสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ สูจิโลมสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อตฺถวณฺณนานเยเนวสฺส อุปฺปตฺติ อาวิ ภวิสฺสติ. อตฺถวณฺณนายฺจ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิ วุตฺตตฺถเมว. คยายํ วิหรติ ฏงฺกิตมฺเจ สูจิโลมสฺส ยกฺขสฺส ภวเนติ เอตฺถ ปน กา คยา, โก ฏงฺกิตมฺโจ, กสฺมา จ ภควา ตสฺส ยกฺขสฺส ภวเน วิหรตีติ? วุจฺจเต – คยาติ คาโมปิ ติตฺถมฺปิ วุจฺจติ, ตทุภยมฺปิ อิธ วฏฺฏติ. คยาคามสฺส หิ อวิทูเร เทเส วิหรนฺโตปิ ‘‘คยายํ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺส จ คามสฺส สมีเป อวิทูเร ทฺวารสนฺติเก โส ฏงฺกิตมฺโจ. คยาติตฺเถ วิหรนฺโตปิ ‘‘คยายํ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ, คยาติตฺเถ จ โส ฏงฺกิตมฺโจ. ฏงฺกิตมฺโจติ จตุนฺนํ ปาสาณานํ อุปริ วิตฺถตํ ปาสาณํ อาโรเปตฺวา กโต ปาสาณมฺโจ ¶ . ตํ นิสฺสาย ยกฺขสฺส ภวนํ อาฬวกสฺส ภวนํ วิย. ยสฺมา วา ปน ภควา ตํ ทิวสํ ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สูจิโลมสฺส จ ขรโลมสฺส จาติ ทฺวินฺนมฺปิ ยกฺขานํ โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ อทฺทส, ตสฺมา ปตฺตจีวรํ อาทาย อนฺโตอรุเณเยว นานาทิสาหิ สนฺนิปติตสฺส ชนสฺส เขฬสิงฺฆาณิกาทินานปฺปการาสุจินิสฺสนฺทกิลินฺนภูมิภาคมฺปิ ตํ ติตฺถปฺปเทสํ อาคนฺตฺวา ตสฺมึ ฏงฺกิตมฺเจ นิสีทิ สูจิโลมสฺส ยกฺขสฺส ภวเน. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกํ สมยํ ภควา คยายํ วิหรติ ฏงฺกิตมฺเจ สูจิโลมสฺส ยกฺขสฺส ภวเน’’ติ.
เตน โข ปน สมเยนาติ ยํ สมยํ ภควา ตตฺถ วิหรติ, เตน สมเยน. ขโร จ ยกฺโข สูจิโลโม จ ยกฺโข ภควโต อวิทูเร อติกฺกมนฺตีติ. เก เต ยกฺขา, กสฺมา จ อติกฺกมนฺตีติ? วุจฺจเต – เตสุ ตาว เอโก อตีเต สงฺฆสฺส เตลํ อนาปุจฺฉา คเหตฺวา อตฺตโน สรีรํ มกฺเขสิ. โส เตน กมฺเมน นิรเย ปจฺจิตฺวา คยาโปกฺขรณิตีเร ยกฺขโยนิยํ นิพฺพตฺโต. ตสฺเสว จสฺส กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน วิรูปานิ องฺคปจฺจงฺคานิ อเหสุํ ¶ , อิฏฺกจฺฉทนสทิสฺจ ขรสมฺผสฺสํ จมฺมํ. โส กิร ยทา ปรํ ภึสาเปตุกาโม โหติ, ตทา ฉทนิฏฺกสทิสานิ จมฺมกปาลานิ อุกฺขิปิตฺวา ภึสาเปติ. เอวํ โส ขรสมฺผสฺสตฺตา ขโร ยกฺโขตฺเวว นามํ ลภิ.
อิตโร ¶ กสฺสปสฺส ภควโต กาเล อุปาสโก หุตฺวา มาสสฺส อฏฺ ทิวเส วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณาติ. โส เอกทิวสํ ธมฺมสฺสวเน โฆสิเต สงฺฆารามทฺวาเร อตฺตโน เขตฺตํ เกลายนฺโต อุคฺโฆสนํ สุตฺวา ‘‘สเจ นฺหายามิ, จิรํ ภวิสฺสตี’’ติ กิลิฏฺคตฺโตว อุโปสถาคารํ ปวิสิตฺวา มหคฺเฆ ภุมฺมตฺถรเณ อนาทเรน นิปชฺชิตฺวา สุปิ. ภิกฺขุ เอวายํ, น อุปาสโกติ สํยุตฺตภาณกา. โส เตน จ อฺเน กมฺเมน จ นิรเย ปจฺจิตฺวา คยาโปกฺขรณิยา ตีเร ยกฺขโยนิยํ นิพฺพตฺโต. โส ตสฺส กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน ทุทฺทสิโก อโหสิ, สรีเร จสฺส สูจิสทิสานิ โลมานิ อเหสุํ. โส หิ ภึสาเปตพฺพเก สตฺเต สูจีหิ วิชฺฌนฺโต วิย ภึสาเปติ. เอวํ โส สูจิสทิสโลมตฺตา สูจิโลโม ยกฺโขตฺเวว นามํ ลภิ. เต อตฺตโน โคจรตฺถาย ภวนโต ¶ นิกฺขมิตฺวา มุหุตฺตํ คนฺตฺวา คตมคฺเคเนว นิวตฺติตฺวา อิตรํ ทิสาภาคํ คจฺฉนฺตา ภควโต อวิทูเร อติกฺกมนฺติ.
อถ โข ขโรติ กสฺมา เต เอวมาหํสุ? ขโร สมณกปฺปํ ทิสฺวา อาห. สูจิโลโม ปน ‘‘โย ภายติ น โส สมโณ, สมณปฏิรูปกตฺตา ปน สมณโก โหตี’’ติ เอวํลทฺธิโก. ตสฺมา ตาทิสํ ภควนฺตํ มฺมาโน ‘‘เนโส สมโณ, สมณโก เอโส’’ติ สหสาว วตฺวาปิ ปุน วีมํสิตุกาโม อาห – ‘‘ยาวาหํ ชานามี’’ติ. ‘‘อถ โข’’ติ เอวํ วตฺวา ตโต. สูจิโลโม ยกฺโขติ อิโต ปภุติ ยาว อปิจ โข เต สมฺผสฺโส ปาปโกติ, ตาว อุตฺตานตฺถเมว เกวลฺเจตฺถ ภควโต กายนฺติ อตฺตโน กายํ ภควโต อุปนาเมสีติ เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ.
ตโต อภายนฺตํ ภควนฺตํ ¶ ทิสฺวา ‘‘ปฺหํ ตํ สมณา’’ติอาทิมาห. กึ การณา? โส หิ จินฺเตสิ – ‘‘อิมินาปิ นาม เม เอวํ ขเรน อมนุสฺสสมฺผสฺเสน มนุสฺโส สมาโน อยํ น ภายติ, หนฺทาหํ เอตํ พุทฺธวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉามิ, อทฺธา อยํ ตตฺถ น สมฺปายิสฺสติ, ตโต นํ เอวํ วิเหเสฺสามี’’ติ. ภควา ตํ สุตฺวา ‘‘น ขฺวาหํ ตํ อาวุโส’’ติอาทิมาห. ตํ สพฺพํ อาฬวกสุตฺเต วุตฺตนเยเนว สพฺพากาเรหิ เวทิตพฺพํ.
๒๗๓. อถ โข สูจิโลโม ยกฺโข ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ ‘‘ราโค จ โทโส จา’’ติ. ตตฺถ ราคโทสา วุตฺตนยา เอว. กุโตนิทานาติ กึนิทานา กึเหตุกา. กุโตติ ปจฺจตฺตวจนสฺส โต-อาเทโส เวทิตพฺโพ, สมาเส จสฺส โลปาภาโว. อถ วา นิทานาติ ชาตา อุปฺปนฺนาติ อตฺโถ, ตสฺมา กุโตนิทานา, กุโตชาตา, กุโตอุปฺปนฺนาติ วุตฺตํ โหติ. อรตี รตี โลมหํโส กุโตชาติ ยายํ ‘‘ปนฺเตสุ วา เสนาสเนสุ อฺตรฺตเรสุ วา อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ อรติ ¶ อรติตา อนภิรติ อนภิรมณา อุกฺกณฺิตา ปริตสฺสิตา’’ติ (วิภ. ๘๕๖) เอวํ วิภตฺตา อรติ, ยา จ ปฺจสุ กามคุเณสุ รติ, โย จ โลมหํสสมุฏฺาปนโต ‘‘โลมหํโส’’ตฺเวว สงฺขฺยํ คโต จิตฺตุตฺราโส. อิเม ตโย ธมฺมา กุโตชา กุโตชาตาติ ปุจฺฉติ ¶ . กุโต สมุฏฺายาติ กุโต อุปฺปชฺชิตฺวา. มโนติ กุสลจิตฺตํ, วิตกฺกาติ อุรคสุตฺเต วุตฺตา นว กามวิตกฺกาทโย. กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺตีติ ยถา คามทารกา กีฬนฺตา กากํ สุตฺเตน ปาเท พนฺธิตฺวา โอสฺสชนฺติ ขิปนฺติ, เอวํ กุสลมนํ อกุสลวิตกฺกา กุโต สมุฏฺาย โอสฺสชนฺตีติ ปุจฺฉติ.
๒๗๔. อถสฺส ภควา เต ปฺเห วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘ราโค จา’’ติ ทุติยคาถมภาสิ. ตตฺถ อิโตติ อตฺตภาวํ สนฺธายาห. อตฺตภาวนิทานา หิ ราคโทสา. อรติรติโลมหํสา จ อตฺตภาวโต ชาตา, กามวิตกฺกาทิอกุสลวิตกฺกา จ อตฺตภาวโตเยว ¶ สมุฏฺาย กุสลมโน โอสฺสชนฺติ, เตน ตทฺํ ปกติอาทิการณํ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห – ‘‘อิโตนิทานา อิโตชา อิโต สมุฏฺายา’’ติ. สทฺทสิทฺธิ เจตฺถ ปุริมคาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
๒๗๕-๖. เอวํ เต ปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ ยฺวายํ ‘‘อิโตนิทานา’’ติอาทีสุ ‘‘อตฺตภาวนิทานา อตฺตภาวโต ชาตา อตฺตภาวโต สมุฏฺายา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต, ตํ สาเธนฺโต อาห – ‘‘สฺเนหชา อตฺตสมฺภูตา’’ติ. เอเต หิ สพฺเพปิ ราคาทโย วิตกฺกปริโยสานา ตณฺหาสฺเนเหน ชาตา, ตถา ชายนฺตา จ ปฺจุปาทานกฺขนฺธเภเท อตฺตภาวปริยาเย อตฺตนิ สมฺภูตา. เตนาห – ‘‘สฺเนหชา อตฺตสมฺภูตา’’ติ. อิทานิ ตทตฺถโชติกํ อุปมํ กโรติ ‘‘นิคฺโรธสฺเสว ขนฺธชา’’ติ. ตตฺถ ขนฺเธสุ ชาตา ขนฺธชา, ปาโรหานเมตํ อธิวจนํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา นิคฺโรธสฺส ขนฺธชา นาม ปาโรหา อาโปรสสิเนเห สติ ชายนฺติ, ชายนฺตา จ ตสฺมึเยว นิคฺโรเธ เตสุ เตสุ สาขปฺปเภเทสุ สมฺภวนฺติ, เอวเมเตปิ ราคาทโย อชฺฌตฺตตณฺหาสฺเนเห สติ ชายนฺติ, ชายนฺตา จ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว เตสุ เตสุ จกฺขาทิเภเทสุ ทฺวารารมฺมณวตฺถูสุ สมฺภวนฺติ. ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘อตฺตภาวนิทานา อตฺตภาวชา อตฺตภาวสมุฏฺานา จ เอเต’’ติ.
อวเสสทิยฑฺฒคาถาย ปน อยํ สพฺพสงฺคาหิกา อตฺถวณฺณนา – เอวํ อตฺตสมฺภูตา จ เอเต ปุถู วิสตฺตา กาเมสุ. ราโคปิ หิ ปฺจกามคุณิกาทิวเสน, โทโสปิ อาฆาตวตฺถาทิวเสน, อรติอาทโยปิ ตสฺส ตสฺเสว เภทสฺส วเสนาติ สพฺพถา สพฺเพปิเม กิเลสา ปุถู อเนกปฺปการา ¶ หุตฺวา วตฺถุทฺวารารมฺมณาทิวเสน เตสุ เตสุ วตฺถุกาเมสุ ตถา ตถา วิสตฺตา ลคฺคา ลคฺคิตา ¶ สํสิพฺพิตฺวา ิตา. กิมิว? มาลุวาว วิตตา วเน, ยถา วเน วิตตา มาลุวา เตสุ เตสุ รุกฺขสฺส สาขปสาขาทิเภเทสุ วิสตฺตา โหติ ลคฺคา ลคฺคิตา สํสิพฺพิตฺวา ิตา, เอวํ ปุถุปฺปเภเทสุ วตฺถุกาเมสุ วิสตฺตํ กิเลสคณํ เย นํ ปชานนฺติ ยโตนิทานํ, เต นํ วิโนเทนฺติ สุโณหิ ยกฺข ¶ .
ตตฺถ ยโตนิทานนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, เตน กึ ทีเปติ? เย สตฺตา นํ กิเลสคณํ ‘‘ยโตนิทานํ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอวํ ชานนฺติ, เต นํ ‘‘ตณฺหาสฺเนหสฺเนหิเต อตฺตภาเว อุปฺปชฺชตี’’ติ ตฺวา ตํ ตณฺหาสฺเนหํ อาทีนวานุปสฺสนาทิภาวนาาณคฺคินา วิโสเสนฺตา วิโนเทนฺติ ปชหนฺติ พฺยนฺตีกโรนฺติ จ, เอตํ อมฺหากํ สุภาสิตํ สุโณหิ ยกฺขาติ. เอวเมตฺถ อตฺตภาวชานเนน ทุกฺขปริฺํ ตณฺหาสฺเนหราคาทิกิเลสคณวิโนทเนน สมุทยปฺปหานฺจ ทีเปติ.
เย จ นํ วิโนเทนฺติ, เต ทุตฺตรํ โอฆมิมํ ตรนฺติ อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวาย. เอเตน มคฺคภาวนํ นิโรธสจฺฉิกิริยฺจ ทีเปติ. เย หิ นํ กิเลสคณํ วิโนเทนฺติ, เต อวสฺสํ มคฺคํ ภาเวนฺติ. น หิ มคฺคภาวนํ วินา กิเลสวิโนทนํ อตฺถิ. เย จ มคฺคํ ภาเวนฺติ, เต ทุตฺตรํ ปกติาเณน กาโมฆาทึ จตุพฺพิธมฺปิ โอฆมิมํ ตรนฺติ. มคฺคภาวนา หิ โอฆตรณํ. อติณฺณปุพฺพนฺติ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา สุปินนฺเตนปิ อวีติกฺกนฺตปุพฺพํ. อปุนพฺภวายาติ นิพฺพานาย. เอวมิมํ จตุสจฺจทีปิกํ คาถํ สุณนฺตา ‘‘สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรนฺติ, ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถมุปปริกฺขนฺตี’’ติอาทิกํ กถํ สุภาวินิยา ปฺาย อนุกฺกมมานา เต ทฺเวปิ สหายกา ยกฺขา คาถาปริโยสาเนเยว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, ปาสาทิกา จ อเหสุํ สุวณฺณวณฺณา ทิพฺพาลงฺการวิภูสิตาติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย สูจิโลมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. กปิลสุตฺต-(ธมฺมจริยสุตฺต)-วณฺณนา
ธมฺมจริยนฺติ ¶ ¶ กปิลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? เหมวตสุตฺเต วุตฺตนเยเนว ปรินิพฺพุเต กสฺสเป ภควติ ทฺเว กุลปุตฺตา ภาตโร นิกฺขมิตฺวา สาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เชฏฺโ โสธโน นาม, กนิฏฺโ กปิโล นาม. เตสํ มาตา สาธนี นาม, กนิฏฺภคินี ตาปนา นาม. ตาปิ ภิกฺขุนีสุ ¶ ปพฺพชึสุ. ตโต เต ทฺเวปิ เหมวตสุตฺเต วุตฺตนเยเนว ‘‘สาสเน กติ ธุรานี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา สุตฺวา จ เชฏฺโ ‘‘วาสธุรํ ปูเรสฺสามี’’ติ ปฺจ วสฺสานิ อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก วสิตฺวา ปฺจวสฺโส หุตฺวา ยาว อรหตฺตํ, ตาว กมฺมฏฺานํ สุตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วายมนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. กปิโล ‘‘อหํ ตาว ตรุโณ, วุฑฺฒกาเล วาสธุรํ ปริปูเรสฺสามี’’ติ คนฺถธุรํ อารภิตฺวา เตปิฏโก อโหสิ. ตสฺส ปริยตฺตึ นิสฺสาย ปริวาโร, ปริวารํ นิสฺสาย ลาโภ จ อุทปาทิ.
โส พาหุสจฺจมเทน มตฺโต ปณฺฑิตมานี อนฺาเตปิ อฺาตมานี หุตฺวา ปเรหิ วุตฺตํ กปฺปิยมฺปิ อกปฺปิยํ, อกปฺปิยมฺปิ กปฺปิยํ, สาวชฺชมฺปิ อนวชฺชํ, อนวชฺชมฺปิ สาวชฺชนฺติ ภณติ. โส เปสเลหิ ภิกฺขูหิ, ‘‘มา, อาวุโส กปิล, เอวํ อวจา’’ติอาทินา นเยน โอวทิยมาโน ‘‘ตุมฺเห กึ ชานาถ ริตฺตมุฏฺิสทิสา’’ติอาทีหิ วจเนหิ ขุํเสนฺโต วมฺเภนฺโตเยว จรติ. ภิกฺขู ตสฺส ภาตุโน โสธนตฺเถรสฺสาปิ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. โสปิ นํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘อาวุโส กปิล, สาสนสฺส อายุ นาม ตุมฺหาทิสานํ สมฺมาปฏิปตฺติ. มา, อาวุโส กปิล, กปฺปิยมฺปิ อกปฺปิยํ, อกปฺปิยมฺปิ กปฺปิยํ, สาวชฺชมฺปิ อนวชฺชํ, อนวชฺชมฺปิ สาวชฺชนฺติ วเทหี’’ติ. โส ตสฺสปิ วจนํ นาทิยิ. ตโต นํ โสธนตฺเถโร ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ วตฺวา –
‘‘เอกวาจมฺปิ ทฺวิวาจํ, ภเณยฺย อนุกมฺปโก;
ตตุตฺตรึ น ภาเสยฺย, ทาโสวยฺยสฺส สนฺติเก’’ติ. (ชา. ๒.๑๙.๓๔) –
ปริวชฺเชตฺวา ‘‘ตฺวเมว, อาวุโส, สเกน กมฺเมน ปฺายิสฺสสี’’ติ ปกฺกามิ. ตโต ปภุติ นํ เปสลา ภิกฺขู ฉฑฺเฑสุํ.
โส ¶ ¶ ทุราจาโร หุตฺวา ทุราจารปริวุโต วิหรนฺโต เอกทิวสํ ‘‘อุโปสถํ โอสาเรสฺสามี’’ติ สีหาสนํ อภิรุยฺห จิตฺรพีชนึ คเหตฺวา นิสินฺโน ‘‘วตฺตติ, อาวุโส, เอตฺถ ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺโข’’ติ ติกฺขตฺตุํ อาห. อเถโก ภิกฺขุปิ ‘‘มยฺหํ ¶ วตฺตตี’’ติ น อโวจ. น จ ตสฺส เตสํ วา ปาติโมกฺโข วตฺตติ. ตโต โส ‘‘ปาติโมกฺเข สุเตปิ อสุเตปิ วินโย นาม นตฺถี’’ติ อาสนา วุฏฺาสิ. เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนํ โอสกฺกาเปสิ วินาเสสิ. อถ โสธนตฺเถโร ตทเหว ปรินิพฺพายิ. โสปิ กปิโล เอวํ ตํ สาสนํ โอสกฺกาเปตฺวา กาลกโต อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ, สาปิสฺส มาตา จ ภคินี จ ตสฺเสว ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชิตฺวา เปสเล ภิกฺขู อกฺโกสมานา ปริภาสมานา กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตึสุ.
ตสฺมึเยว จ กาเล ปฺจสตา ปุริสา คามฆาตาทีนิ กตฺวา โจริกาย ชีวนฺตา ชนปทมนุสฺเสหิ อนุพทฺธา ปลายมานา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ กิฺจิ คหนํ วา ปฏิสรณํ วา อปสฺสนฺตา อวิทูเร ปาสาเณ วสนฺตํ อฺตรํ อารฺิกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, ปฏิสรณํ โหถา’’ติ ภณึสุ. เถโร ‘‘ตุมฺหากํ สีลสทิสํ ปฏิสรณํ นตฺถิ, สพฺเพ ปฺจ สีลานิ สมาทิยถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สีลานิ สมาทิยึสุ. เถโร ‘‘ตุมฺเห สีลวนฺโต, อิทานิ อตฺตโน ชีวิตํ วินาเสนฺเตสุปิ มา มโน ปทูสยิตฺถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. อถ เต ชานปทา สมฺปตฺตา อิโต จิโต จ มคฺคมานา เต โจเร ทิสฺวา สพฺเพว ชีวิตา โวโรเปสุํ. เต กาลํ กตฺวา กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ. เตสุ เชฏฺกโจโร เชฏฺกเทวปุตฺโต อโหสิ, อิตเร ตสฺเสว ปริวารา.
เต อนุโลมปฏิโลมํ สํสรนฺตา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก เขเปตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล เทวโลกโต จวิตฺวา เชฏฺกเทวปุตฺโต สาวตฺถิทฺวาเร เกวฏฺฏคาโม อตฺถิ, ตตฺถ ปฺจสตกุลเชฏฺสฺส เกวฏฺฏสฺส ปชาปติยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ, อิตเร อวเสสเกวฏฺฏปชาปตีนํ. เอวํ เตสํ เอกทิวสํเยว ปฏิสนฺธิคฺคหณฺจ คพฺภวุฏฺานฺจ อโหสิ. อถ เกวฏฺฏเชฏฺโ ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมสฺมึ คาเม อฺเปิ ทารกา อชฺช ชาตา’’ติ วิจินนฺโต เต ทารเก ทิสฺวา ‘‘อิเม เม ¶ ปุตฺตสฺส สหายกา ภวิสฺสนฺตี’’ติ สพฺเพสํ โปสาวนิกํ อทาสิ. เต สพฺเพ สหายกา ¶ สหปํสุํ กีฬนฺตา อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺตา อเหสุํ. ยโสโช เตสํ อคฺโค อโหสิ.
กปิโลปิ ¶ ตทา นิรเย ปกฺกาวเสเสน อจิรวติยา สุวณฺณวณฺโณ ทุคฺคนฺธมุโข มจฺโฉ หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถกทิวสํ สพฺเพปิ เกวฏฺฏทารกา ชาลานิ คเหตฺวา ‘‘มจฺเฉ พนฺธิสฺสามา’’ติ นทึ คนฺตฺวา ชาลานิ ปกฺขิปึสุ. เตสํ ชาลํ โส มจฺโฉ ปาวิสิ. ตํ ทิสฺวา สพฺโพ เกวฏฺฏคาโม อุจฺจาสทฺทมหาสทฺโท อโหสิ – ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตา ปมํ มจฺเฉ พนฺธนฺตา สุวณฺณมจฺฉํ พนฺธึสุ, วุฑฺฒิ เนสํ ทารกานํ, อิทานิ จ โน ราชา ปหูตํ ธนํ ทสฺสตี’’ติ. อถ เต ปฺจสตาปิ ทารกสหายกา มจฺฉํ นาวาย ปกฺขิปิตฺวา นาวํ อุกฺขิปิตฺวา รฺโ สนฺติกํ อคมํสุ. ราชา ทิสฺวา ‘‘กึ เอตํ ภเณ’’ติ อาห. ‘‘มจฺโฉ เทวา’’ติ. ราชา สุวณฺณวณฺณํ มจฺฉํ ทิสฺวา ‘‘ภควา เอตสฺส วณฺณการณํ ชานิสฺสตี’’ติ มจฺฉํ คาหาเปตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. มจฺฉสฺส มุขวิวรณกาเล เชตวนํ อติวิย ทุคฺคนฺธํ โหติ.
ราชา ภควนฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, มจฺโฉ สุวณฺณวณฺโณ ชาโต, กสฺมา จสฺส มุขโต ทุคฺคนฺโธ วายตี’’ติ? อยํ, มหาราช, กสฺสปสฺส ภควโต ปาวจเน กปิโล นาม ภิกฺขุ อโหสิ, พหุสฺสุโต อาคตาคโม. อตฺตโน วจนํ อคณฺหนฺตานํ ภิกฺขูนํ อกฺโกสกปริภาสโก. ตสฺส จ ภควโต สาสนวินาสโก. ยํ โส ตสฺส ภควโต สาสนํ วินาเสสิ, เตน กมฺเมน อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ, วิปากาวเสเสน จ อิทานิ มจฺโฉ ชาโต. ยํ ทีฆรตฺตํ พุทฺธวจนํ วาเจสิ, พุทฺธสฺส วณฺณํ กเถสิ, ตสฺส นิสฺสนฺเทน อีทิสํ วณฺณํ ปฏิลภิ. ยํ ภิกฺขูนํ อกฺโกสกปริภาสโก อโหสิ, เตนสฺส มุขโต ทุคฺคนฺโธ วายติ. ‘‘อุลฺลปาเปมิ นํ มหาราชา’’ติ? ‘‘อาม ภควา’’ติ. อถ ภควา ¶ มจฺฉํ อาลปิ – ‘‘ตฺวํสิ กปิโล’’ติ? ‘‘อาม ภควา, อหํ กปิโล’’ติ. ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ? ‘‘อวีจิมหานิรยโต ภควา’’ติ. ‘‘โสธโน กุหึ คโต’’ติ? ‘‘ปรินิพฺพุโต ภควา’’ติ. ‘‘สาธนี กุหึ คตา’’ติ? ‘‘มหานิรเย นิพฺพตฺตา ภควา’’ติ. ‘‘ตาปนา กุหึ คตา’’ติ? ‘‘มหานิรเย นิพฺพตฺตา ภควา’’ติ. ‘‘อิทานิ ตฺวํ กุหึ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘มหานิรยํ ภควา’’ติ. ตาวเทว วิปฺปฏิสาราภิภูโต นาวํ สีเสน ปหริตฺวา กาลกโต มหานิรเย นิพฺพตฺติ. มหาชโน สํวิคฺโค อโหสิ โลมหฏฺชาโต. อถ ¶ ภควา ตตฺถ สมฺปตฺตคหฏฺปพฺพชิตปริสาย ตงฺขณานุรูปํ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ สุตฺตมภาสิ.
๒๗๗-๘. ตตฺถ ธมฺมจริยนฺติ กายสุจริตาทิ ธมฺมจริยํ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. เอตทาหุ วสุตฺตมนฺติ เอตํ อุภยมฺปิ โลกิยโลกุตฺตรํ สุจริตํ สคฺคโมกฺขสุขสมฺปาปกตฺตา วสุตฺตมนฺติ อาหุ อริยา. วสุตฺตมํ นาม อุตฺตมรตนํ, อนุคามิกํ อตฺตาธีนํ ราชาทีนํ อสาธารณนฺติ อธิปฺปาโย.
เอตฺตาวตา ¶ ‘‘คหฏฺสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา สมฺมาปฏิปตฺติเยว ปฏิสรณ’’นฺติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฏิปตฺติวิรหิตาย ปพฺพชฺชาย อสารกตฺตทสฺสเนน กปิลํ อฺเ จ ตถารูเป ครหนฺโต ‘‘ปพฺพชิโตปิ เจ โหตี’’ติ เอวมาทิมาห.
ตตฺรายํ อตฺถวณฺณนา – โย หิ โกจิ คิหิพฺยฺชนานิ อปเนตฺวา ภณฺฑุกาสาวาทิคหณมตฺตํ อุปสงฺกมเนน ปพฺพชิโตปิ เจโหติ ปุพฺเพ วุตฺตตฺถํ อคารสฺมา อนคาริยํ, โส เจ มุขรชาติโก โหติ ผรุสวจโน, นานปฺปการาย วิเหสาย อภิรตตฺตา วิเหสาภิรโต, หิโรตฺตปฺปาภาเวน มคสทิสตฺตา มโค, ชีวิตํ ตสฺส ปาปิโย, ตสฺส เอวรูปสฺส ชีวิตํ อติปาปํ อติหีนํ. กสฺมา? ยสฺมา อิมาย มิจฺฉาปฏิปตฺติยา ราคาทิมเนกปฺปการํ รชํ วฑฺเฒติ อตฺตโน.
๒๗๙. น เกวลฺจ อิมินาว การเณนสฺส ชีวิตํ ปาปิโย, อปิจ โข ปน อยํ เอวรูโป มุขรชาติกตฺตา กลหาภิรโต ภิกฺขุ สุภาสิตสฺส อตฺถวิชานนสมฺโมหเนน ¶ โมหธมฺเมน อาวุโต, ‘‘มา, อาวุโส กปิล, เอวํ อวจ, อิมินาปิ ปริยาเยน ตํ คณฺหาหี’’ติ เอวมาทินา นเยน เปสเลหิ ภิกฺขูหิ อกฺขาตมฺปิ น ชานาติ ธมฺมํ พุทฺเธน เทสิตํ. โย ธมฺโม พุทฺเธน เทสิโต, ตํ นานปฺปกาเรน อตฺตโน วุจฺจมานมฺปิ น ชานาติ. เอวมฺปิสฺส ชีวิตํ ปาปิโย.
๒๘๐. ตถา โส เอวรูโป วิเหสาภิรตตฺตา วิเหสํ ภาวิตตฺตานํ ภาวิตตฺเต ขีณาสวภิกฺขู โสธนตฺเถรปภุติเก ‘‘น ตุมฺเห วินยํ ชานาถ, น สุตฺตํ น อภิธมฺมํ, วุฑฺฒปพฺพชิตา’’ติอาทินา นเยน วิเหสนฺโต ¶ . อุปโยคปฺปวตฺติยฺหิ อิทํ สามิวจนํ. อถ วา ยถาวุตฺเตเนว นเยน ‘‘วิเหสํ ภาวิตตฺตานํ กโรนฺโต’’ติ ปาเสโส เวทิตพฺโพ. เอวํ นิปฺปริยายเมว สามิวจนํ สิชฺฌติ. อวิชฺชาย ปุรกฺขโตติ ภาวิตตฺตวิเหสเน อาทีนวทสฺสนปฏิจฺฉาทิกาย อวิชฺชาย ปุรกฺขโต เปสิโต ปโยชิโต เสสปพฺพชิตานํ ภาวิตตฺตานํ วิเหสภาเวน ปวตฺตํ ทิฏฺเว ธมฺเม จิตฺตวิพาธเนน สงฺกิเลสํ, อายติฺจ นิรยสมฺปาปเนน มคฺคํ นิรยคามินํ น ชานาติ.
๒๘๑. อชานนฺโต จ เตน มคฺเคน จตุพฺพิธาปายเภทํ วินิปาตํ สมาปนฺโน. ตตฺถ จ วินิปาเต คพฺภา คพฺภํ ตมา ตมํ เอเกกนิกาเย สตกฺขตฺตุํ สหสฺสกฺขตฺตุมฺปิ มาตุกุจฺฉิโต มาตุกุจฺฉึ จนฺทิมสูริเยหิปิ อวิทฺธํสนียา อสุรกายตมา ตมฺจ สมาปนฺโน. ส เว ตาทิสโก ¶ ภิกฺขุ เปจฺจ อิโต ปรโลกํ คนฺตฺวา อยํ กปิลมจฺโฉ วิย นานปฺปการํ ทุกฺขํ นิคจฺฉติ.
๒๘๒. กึ การณา? คูถกูโป ยถา อสฺส, สมฺปุณฺโณ คณวสฺสิโก,ยถา วจฺจกุฏิคูถกูโป คณวสฺสิโก อเนกวสฺสิโก พหูนิ วสฺสานิ มุขโต คูเถน ปูริยมาโน สมฺปุณฺโณ อสฺส, โส อุทกกุมฺภสเตหิ ¶ อุทกกุมฺภสหสฺเสหิ โธวิยมาโนปิ ทุคฺคนฺธทุพฺพณฺณิยานปคมา ทุพฺพิโสโธ โหติ, เอวเมว โย เอวรูโป อสฺส ทีฆรตฺตํ สํกิลิฏฺกมฺมนฺโต คูถกูโป วิย คูเถน ปาเปน สมฺปุณฺณตฺตา สมฺปุณฺโณ ปุคฺคโล, โส ทุพฺพิโสโธ หิ สางฺคโณ, จิรกาลํ ตสฺส องฺคณสฺส วิปากํ ปจฺจนุโภนฺโตปิ น สุชฺฌติ. ตสฺมา วสฺสคณนาย อปริมาณมฺปิ กาลํ ส เว ตาทิสโก ภิกฺขุ เปจฺจ ทุกฺขํ นิคจฺฉตีติ. อถ วา อยํ อิมิสฺสา คาถาย สมฺพนฺโธ – ยํ วุตฺตํ ‘‘ส เว ตาทิสโก ภิกฺขุ, เปจฺจ ทุกฺขํ นิคจฺฉตี’’ติ, ตตฺร สิยา ตุมฺหากํ ‘‘สกฺกา ปนายํ ตถา กาตุํ, ยถา เปจฺจ ทุกฺขํ น นิคจฺเฉยฺยา’’ติ. น สกฺกา. กสฺมา? ยสฺมา คูถกูโป…เป… สางฺคโณติ.
๒๘๓-๔. ยโต ¶ ปฏิกจฺเจว ยํ เอวรูปํ ชานาถ, ภิกฺขโว เคหนิสฺสิตํ, ยํ เอวรูปํ ปฺจกามคุณนิสฺสิตํ ชาเนยฺยาถ อภูตคุณปตฺถนาการปฺปวตฺตาย ปาปิกาย อิจฺฉาย สมนฺนาคตตฺตา ปาปิจฺฉํ, กามวิตกฺกาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา ปาปสงฺกปฺปํ, กายิกวีติกฺกมาทินา เวฬุทานาทิเภเทน จ ปาปาจาเรน สมนฺนาคตตฺตา ปาปาจารํ, เวสิยาทิปาปโคจรโต ปาปโคจรํ, สพฺเพ สมคฺคา หุตฺวาน อภินิพฺพชฺชิยาถ นํ. ตตฺถ อภินิพฺพชฺชิยาถาติ วิวชฺเชยฺยาถ มา ภเชยฺยาถ, มา จสฺส อภินิพฺพชฺชนมตฺเตเนว อปฺโปสฺสุกฺกตํ อาปชฺเชยฺยาถ, อปิจ โข ปน การณฺฑวํ นิทฺธมถ, กสมฺพุํ อปกสฺสถ, ตํ กจวรภูตํ ปุคฺคลํ กจวรมิว อนเปกฺขา นิทฺธมถ, กสฏภูตฺจ นํ ขตฺติยาทีนํ มชฺเฌ ปวิฏฺํ ปภินฺนปคฺฆริตกุฏฺํ จณฺฑาลํ วิย อปกสฺสถ, หตฺเถ วา สีเส วา คเหตฺวา นิกฺกฑฺฒถ. เสยฺยถาปิ ¶ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปุคฺคลํ ปาปธมฺมํ พาหาย คเหตฺวา พหิทฺวารโกฏฺกา นิกฺขาเมตฺวา สูจิฆฏิกํ อทาสิ, เอวํ อปกสฺสถาติ ทสฺเสติ. กึ การณา? สงฺฆาราโม นาม สีลวนฺตานํ กโต, น ทุสฺสีลานํ.
๒๘๕-๖. ยโต เอตเทว ตโต ปลาเป วาเหถ, อสฺสมเณ สมณมานิเน, ยถา หิ ปลาปา อนฺโต ตณฺฑุลรหิตาปิ พหิ ถุเสหิ วีหี วิย ทิสฺสนฺติ, เอวํ ปาปภิกฺขู อนฺโต สีลาทิวิรหิตาปิ พหิ กาสาวาทิปริกฺขาเรน ภิกฺขู วิย ทิสฺสนฺติ. ตสฺมา ‘‘ปลาปา’’ติ วุจฺจนฺติ. เต ปลาเป วาเหถ, โอปุนาถ, วิธมถ ปรมตฺถโต อสฺสมเณ เวสมตฺเตน สมณมานิเน ¶ . เอวํ นิทฺธมิตฺวาน…เป… ปติสฺสตา. ตตฺถ กปฺปยวฺโหติ กปฺเปถ, กโรถาติ วุตฺตํ โหติ. ปติสฺสตาติ อฺมฺํ สคารวา สปฺปติสฺสา. ตโต สมคฺคา นิปกา, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสถาติ อเถวํ ตุมฺเห สุทฺธา สุทฺเธหิ สํวาสํ กปฺเปนฺตา, ทิฏฺิสีลสามฺตาย สมคฺคา, อนุปุพฺเพน ปริปากคตาย ปฺาย นิปกา, สพฺพสฺเสวิมสฺส วฏฺฏทุกฺขาทิโน ทุกฺขสฺส อนฺตํ กริสฺสถาติ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทสนํ นิฏฺเปสิ.
เทสนาปริโยสาเน เต ปฺจสตา เกวฏฺฏปุตฺตา สํเวคมาปชฺชิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยํ ปตฺถยมานา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว ทุกฺขสฺสนฺตํ ¶ กตฺวา ภควตา สทฺธึ อาเนฺชวิหารสมาปตฺติธมฺมปริโภเคน เอกปริโภคา อเหสุํ. สา จ เนสํ เอวํ ภควตา สทฺธึ เอกปริโภคตา อุทาเน วุตฺตยโสชสุตฺตวเสเนว เวทิตพฺพาติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย กปิลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ เม สุตนฺติ พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน ‘‘อถ โข สมฺพหุลา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตา. ตตฺถ ¶ สมฺพหุลาติ พหู อเนเก. โกสลกาติ โกสลรฏฺวาสิโน. พฺราหฺมณมหาสาลาติ ชาติยา พฺราหฺมณา มหาสารตาย มหาสาลา. เยสํ กิร นิทหิตฺวา ปิตํเยว อสีติโกฏิสงฺขฺยํ ธนมตฺถิ, เต ‘‘พฺราหฺมณมหาสาลา’’ติ วุจฺจนฺติ. อิเม จ ตาทิสา, เตน วุตฺตํ ‘‘พฺราหฺมณมหาสาลา’’ติ. ชิณฺณาติ ชชฺชรีภูตา ชราย ขณฺฑิจฺจาทิภาวมาปาทิตา. วุฑฺฒาติ องฺคปจฺจงฺคานํ วุฑฺฒิมริยาทํ ปตฺตา. มหลฺลกาติ ชาติมหลฺลกตาย สมนฺนาคตา, จิรกาลปฺปสุตาติ วุตฺตํ โหติ. อทฺธคตาติ อทฺธานํ คตา, ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ อตีตาติ อธิปฺปาโย. วโย อนุปฺปตฺตาติ ปจฺฉิมวยํ สมฺปตฺตา. อปิจ ชิณฺณาติ โปราณา, จิรกาลปฺปวตฺตกุลนฺวยาติ วุตฺตํ โหติ. วุฑฺฒาติ สีลาจาราทิคุณวุฑฺฒิยุตฺตา. มหลฺลกาติ วิภวมหนฺตตาย สมนฺนาคตา มหทฺธนา มหาโภคา. อทฺธคตาติ มคฺคปฏิปนฺนา พฺราหฺมณานํ วตจริยาทิมริยาทํ อวีติกฺกมฺม จรมานา. วโย อนุปฺปตฺตาติ ชาติวุฑฺฒภาวมฺปิ อนฺติมวยํ อนุปฺปตฺตาติ เอวมฺเปตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสูติ ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺตา อฺมฺํ สมปฺปวตฺตโมทา อเหสุํ. ยาย จ ‘‘กจฺจิ โภโต โคตมสฺส ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, อปฺปาพาธํ, อปฺปาตงฺกํ, พลํ, ลหุฏฺานํ, ผาสุวิหาโร’’ติอาทิกาย กถาย สมฺโมทึสุ, ตํ ปีติปาโมชฺชสงฺขาตสมฺโมทชนนโต สมฺโมทิตุํ อรหโต จ สมฺโมทนียํ, อตฺถพฺยฺชนมธุรตาย สุจิรมฺปิ ¶ กาลํ สาเรตุํ นิรนฺตรํ ปวตฺเตตุํ อรหโต สริตพฺพภาวโต จ สารณียํ. สุยฺยมานสุขโต จ สมฺโมทนียํ, อนุสฺสริยมานสุขโต สารณียํ, ตถา พฺยฺชนปริสุทฺธตาย สมฺโมทนียํ, อตฺถปริสุทฺธตาย สารณียนฺติ เอวํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ ¶ วีติสาเรตฺวา ปริโยสาเปตฺวา นิฏฺาเปตฺวา เยนตฺเถน อาคตา, ตํ ปุจฺฉิตุกามา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. ตํ –
‘‘น ปจฺฉโต น ปุรโต, นาปิ อาสนฺนทูรโต;
น ปสฺเส นาปิ ปฏิวาเต, น จาปิ โอณตุณฺณเต’’ติ. –
อาทินา ¶ นเยน มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตเมว.
เอวํ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต พฺราหฺมณมหาสาลา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘กึ ต’’นฺติ? ‘‘สนฺทิสฺสนฺติ นุ โข’’ติอาทิ. ตํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมว. เกวลฺเหตฺถ พฺราหฺมณานํ พฺราหฺมณธมฺเมติ เทสกาลาทิธมฺเม ฉฑฺเฑตฺวา โย พฺราหฺมณธมฺโม, ตสฺมึเยว. เตน หิ พฺราหฺมณาติ ยสฺมา มํ ตุมฺเห ยาจิตฺถ, ตสฺมา พฺราหฺมณา สุณาถ, โสตํ โอทหถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, โยนิโส มนสิ กโรถ. ตถา ปโยคสุทฺธิยา สุณาถ, อาสยสุทฺธิยา สาธุกํ มนสิ กโรถ. อวิกฺเขเปน สุณาถ, ปคฺคเหน สาธุกํ มนสิ กโรถาติอาทินา นเยน เอเตสํ ปทานํ ปุพฺเพ อวุตฺโตปิ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อถ ภควตา วุตฺตํ ตํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉนฺตา ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข เต พฺราหฺมณมหาสาลา ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ, ภควโต วจนํ อภิมุขา หุตฺวา อสฺโสสุํ. อถ วา ปฏิสฺสุณึสุ. ‘‘สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติ วุตฺตมตฺถํ กตฺตุกามตาย ปฏิชานึสูติ วุตฺตํ โหติ. อถ เตสํ เอวํ ปฏิสฺสุตวตํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กึ ต’’นฺติ? ‘‘อิสโย ปุพฺพกา’’ติอาทิ.
๒๘๗. ตตฺถ ปมคาถาย ตาว สฺตตฺตาติ สีลสํยเมน สํยตจิตฺตา. ตปสฺสิโนติ อินฺทฺริยสํวรตปยุตฺตา. อตฺตทตฺถมจาริสุนฺติ มนฺตชฺเฌนพฺรหฺมวิหารภาวนาทึ อตฺตโน อตฺถํ อกํสุ. เสสํ ปากฏเมว.
๒๘๘. ทุติยคาถาทีสุปิ อยํ สงฺเขปวณฺณนา – น ปสู พฺราหฺมณานาสุนฺติ โปราณานํ พฺราหฺมณานํ ปสู น อาสุํ, น เต ปสุปริคฺคหมกํสุ. น หิรฺํ น ธานิยนฺติ หิรฺฺจ ¶ พฺราหฺมณานํ อนฺตมโส ชตุมาสโกปิ นาโหสิ ¶ , ตถา วีหิสาลิยวโคธูมาทิ ปุพฺพณฺณาปรณฺณเภทํ ธานิยมฺปิ เตสํ นาโหสิ. เต หิ นิกฺขิตฺตชาตรูปรชตา อสนฺนิธิการกาว หุตฺวา เกวลํ สชฺฌายธนธฺา อตฺตโน มนฺตชฺเฌนสงฺขาเตเนว ธเนน ธฺเน จ สมนฺนาคตา อเหสุํ. โย จายํ เมตฺตาทิวิหาโร เสฏฺตฺตา อนุคามิกตฺตา จ พฺรหฺมนิธีติ วุจฺจติ, ตฺจ พฺรหฺมํ นิธิมปาลยุํ สทา ตสฺส ภาวนานุโยเคน.
๒๘๙. เอวํ วิหารีนํ ยํ เนสํ ปกตํ อาสิ, ยํ เอเตสํ ปกตํ เอเต พฺราหฺมเณ อุทฺทิสฺส กตํ อโหสิ. ทฺวารภตฺตํ อุปฏฺิตนฺติ ‘‘พฺราหฺมณานํ ทสฺสามา’’ติ สชฺเชตฺวา เตหิ เตหิ ทายเกหิ อตฺตโน อตฺตโน ฆรทฺวาเร ปิตภตฺตํ. สทฺธาปกตนฺติ สทฺธาย ปกตํ, สทฺธาเทยฺยนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอสานนฺติ เอสนฺตีติ เอสา, เตสํ เอสานํ, เอสมานานํ ปริเยสมานานนฺติ วุตฺตํ โหติ. ทาตเวติ ¶ ทาตพฺพํ. ตทมฺิสุนฺติ ตํ อมฺึสุ, ตํ ทฺวาเร สชฺเชตฺวา ปิตํ ภตฺตํ สทฺธาเทยฺยํ ปริเยสมานานํ เอเตสํ พฺราหฺมณานํ ทาตพฺพํ อมฺึสุ ทายกา ชนา, น ตโต ปรํ. อนตฺถิกา หิ เต อฺเน อเหสุํ, เกวลํ ฆาสจฺฉาทนปรมตาย สนฺตุฏฺาติ อธิปฺปาโย.
๒๙๐. นานารตฺเตหีติ นานาวิธราครตฺเตหิ วตฺเถหิ วิจิตฺรตฺถรณตฺถเตหิ, สยเนหิ เอกภูมิกทฺวิภูมิกาทิปาสาทวเรหิ. อาวสเถหีติ เอวรูเปหิ อุปกรเณหิ. ผีตา ชนปทา รฏฺา เอเกกปฺปเทสภูตา ชนปทา จ เกจิ เกจิ สกลรฏฺา จ ‘‘นโม พฺราหฺมณาน’’นฺติ สายํ ปาตํ พฺราหฺมเณ เทเว วิย นมสฺสึสุ.
๒๙๑. เต เอวํ นมสฺสิยมานา โลเกน อวชฺฌา พฺราหฺมณา อาสุํ, น เกวลฺจ อวชฺฌา, อเชยฺยา วิหึสิตุมฺปิ อนภิภวนียตฺตา อเชยฺยา จ อเหสุํ. กึ การณา? ธมฺมรกฺขิตา, ยสฺมา ธมฺเมน รกฺขิตา. เต หิ ปฺจ วรสีลธมฺเม รกฺขึสุ, ‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริ’’นฺติ (ชา. ๑.๑๐.๑๐๒; ๑.๑๕.๓๘๕) ธมฺมรกฺขิตา หุตฺวา อวชฺฌา อเชยฺยา จ อเหสุนฺติ ¶ อธิปฺปาโย. น เน โกจิ นิวาเรสีติ เต พฺราหฺมเณ กุลานํ ทฺวาเรสุ สพฺพโส พาหิเรสุ จ อพฺภนฺตเรสุ จ สพฺพทฺวาเรสุ ยสฺมา เตสุ ปิยสมฺมเตสุ วรสีลสมนฺนาคเตสุ ¶ มาตาปิตูสุ วิย อติวิสฺสตฺถา มนุสฺสา อเหสุํ, ตสฺมา ‘‘อิทํ นาม านํ ตยา น ปวิสิตพฺพ’’นฺติ น โกจิ นิวาเรสิ.
๒๙๒. เอวํ ธมฺมรกฺขิตา กุลทฺวาเรสุ อนิวาริตา จรนฺตา อฏฺ จ จตฺตาลีสฺจาติ อฏฺจตฺตาลีสํ วสฺสานิ กุมารภาวโต ปภุติ จรเณน โกมารํ พฺรหฺมจริยํ จรึสุ เต. เยปิ พฺราหฺมณจณฺฑาลา อเหสุํ, โก ปน วาโท พฺรหฺมสมาทีสูติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. เอวํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตา เอว หิ วิชฺชาจรณปริเยฏฺึ อจรุํ พฺราหฺมณา ปุเร, น อพฺรหฺมจาริโน หุตฺวา. ตตฺถ วิชฺชาปริเยฏฺีติ มนฺตชฺเฌนํ. วุตฺตฺเจตํ ‘‘โส อฏฺจตฺตาลีส วสฺสานิ โกมารํ พฺรหฺมจริยํ จรติ มนฺเต อธียมาโน’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๙๒). จรณปริเยฏฺีติ สีลรกฺขณํ. ‘‘วิชฺชาจรณปริเยฏฺุ’’นฺติปิ ปาโ, วิชฺชาจรณํ ปริเยสิตุํ อจรุนฺติ อตฺโถ.
๒๙๓. ยถาวุตฺตฺจ กาลํ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา ตโต ปรํ ฆราวาสํ กปฺเปนฺตาปิ น พฺราหฺมณา อฺมคมุํ ขตฺติยํ วา เวสฺสาทีสุ อฺตรํ วา, เย อเหสุํ เทวสมา วา มริยาทา วาติ อธิปฺปาโย. ตถา สตํ วา สหสฺสํ วา ทตฺวา นปิ ภริยํ กิณึสุ เต, เสยฺยถาปิ เอตรหิ เอกจฺเจ กิณนฺติ. เต หิ ธมฺเมน ทารํ ปริเยสนฺติ. กถํ? อฏฺจตฺตาลีสํ วสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ ¶ จริตฺวา พฺราหฺมณา กฺาภิกฺขํ อาหิณฺฑนฺติ – ‘‘อหํ อฏฺจตฺตาลีส วสฺสานิ จิณฺณพฺรหฺมจริโย, ยทิ วยปฺปตฺตา ทาริกา อตฺถิ, เทถ เม’’ติ. ตโต ยสฺส วยปฺปตฺตา ทาริกา โหติ, โส ตํ อลงฺกริตฺวา นีหริตฺวา ทฺวาเร ิตสฺเสว พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ อุทกํ อาสิฺจนฺโต ‘‘อิมํ เต, พฺราหฺมณ, ภริยํ โปสาวนตฺถาย ทมฺมี’’ติ ¶ วตฺวา เทติ.
กสฺมา ปน เต เอวํ จิรํ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวาปิ ทารํ ปริเยสนฺติ, น ยาวชีวํ พฺรหฺมจาริโน โหนฺตีติ? มิจฺฉาทิฏฺิวเสน. เตสฺหิ เอวํทิฏฺิ โหติ – ‘‘โย ปุตฺตํ น อุปฺปาเทติ, โส กุลวํสจฺเฉทกโร โหติ, ตโต นิรเย ปจฺจตี’’ติ. จตฺตาโร กิร อภายิตพฺพํ ภายนฺติ คณฺฑุปฺปาโท กิกี กุนฺตนี พฺราหฺมณาติ. คณฺฑุปฺปาทา กิร มหาปถวิยา ขยภเยน ¶ มตฺตโภชิโน โหนฺติ, น พหุํ มตฺติกํ ขาทนฺติ. กิกี สกุณิกา อากาสปตนภเยน อณฺฑสฺส อุปริ อุตฺตานา เสติ. กุนฺตนี สกุณิกา ปถวิกมฺปนภเยน ปาเทหิ ภูมึ น สุฏฺุ อกฺกมติ. พฺราหฺมณา กุลวํสูปจฺเฉทภเยน ทารํ ปริเยสนฺติ. อาห เจตฺถ –
‘‘คณฺฑุปฺปาโท กิกี เจว, กุนฺตี พฺราหฺมณธมฺมิโก;
เอเต อภยํ ภายนฺติ, สมฺมูฬฺหา จตุโร ชนา’’ติ.
เอวํ ธมฺเมน ทารํ ปริเยสิตฺวาปิ จ สมฺปิเยเนว สํวาสํ สงฺคนฺตฺวา สมโรจยุํ, สมฺปิเยเนว อฺมฺํ เปเมเนว กาเยน จ จิตฺเตน จ มิสฺสีภูตา สงฺฆฏิตา สํสฏฺา หุตฺวา สํวาสํ สมโรจยุํ, น อปฺปิเยน น นิคฺคเหน จาติ วุตฺตํ โหติ.
๒๙๔. เอวํ สมฺปิเยเนว สํวาสํ กโรนฺตาปิ จ อฺตฺร ตมฺหาติ, โย โส อุตุสมโย, ยมฺหิ สมเย พฺราหฺมณี พฺราหฺมเณน อุปคนฺตพฺพา, อฺตฺร ตมฺหา สมยา เปตฺวา ตํ สมยํ อุตุโต วิรตํ อุตุเวรมณึ ปติ ภริยํ, ยาว ปุน โส สมโย อาคจฺฉติ, ตาว อฏฺตฺวา อนฺตราเยว. เมถุนํ ธมฺมนฺติ เมถุนาย ธมฺมาย. สมฺปทานวจนปตฺติยา กิเรตํ อุปโยควจนํ. นาสฺสุ คจฺฉนฺตีติ เนว คจฺฉนฺติ. พฺราหฺมณาติ เย โหนฺติ เทวสมา จ มริยาทา จาติ อธิปฺปาโย.
๒๙๕. อวิเสเสน ปน สพฺเพปิ พฺรหฺมจริยฺจ…เป… อวณฺณยุํ. ตตฺถ พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติ. สีลนฺติ เสสานิ จตฺตาริ สิกฺขาปทานิ. อชฺชวนฺติ อุชุภาโว, อตฺถโต อสตา ¶ อมายาวิตา จ. มทฺทวนฺติ ¶ มุทุภาโว, อตฺถโต อตฺถทฺธตา อนติมานิตา จ. ตโปติ อินฺทฺริยสํวโร. โสรจฺจนฺติ สุรตภาโว สุขสีลตา อปฺปฏิกูลสมาจารตา. อวิหึสาติ ปาณิอาทีหิ อวิเหสิกชาติกตา สกรุณภาโว. ขนฺตีติ อธิวาสนกฺขนฺติ. อิจฺเจเต คุเณ อวณฺณยุํ. เยปิ นาสกฺขึสุ สพฺพโส ปฏิปตฺติยา อาราเธตุํ, เตปิ ตตฺถ สารทสฺสิโน หุตฺวา วาจาย วณฺณยึสุ ปสํสึสุ.
๒๙๖. เอวํ วณฺเณนฺตานฺจ โย เนสํ…เป… นาคมา, โย เอเตสํ พฺราหฺมณานํ ปรโม พฺรหฺมา อโหสิ, พฺรหฺมสโม นาม อุตฺตโม พฺราหฺมโณ ¶ อโหสิ, ทฬฺเหน ปรกฺกเมน สมนฺนาคตตฺตา ทฬฺหปรกฺกโม. ส วาติ วิภาวเน วา-สทฺโท, เตน โส เอวรูโป พฺราหฺมโณติ ตเมว วิภาเวติ. เมถุนํ ธมฺมนฺติ เมถุนสมาปตฺตึ. สุปินนฺเตปิ นาคมาติ สุปิเนปิ น อคมาสิ.
๒๙๗. ตโต ตสฺส วตฺตํ…เป… อวณฺณยุํ. อิมาย คาถาย นวมคาถาย วุตฺตคุเณเยว อาทิอนฺตวเสน นิทฺทิสนฺโต เทวสเม พฺราหฺมเณ ปกาเสติ. เต หิ วิฺุชาติกา ปณฺฑิตา ตสฺส พฺรหฺมสมสฺส พฺราหฺมณสฺส วตฺตํ อนุสิกฺขนฺติ ปพฺพชฺชาย ฌานภาวนาย จ, เต จ อิเม พฺรหฺมจริยาทิคุเณ ปฏิปตฺติยา เอว วณฺณยนฺตีติ. เต สพฺเพปิ พฺราหฺมณา ปฺจกนิปาเต โทณสุตฺเต (อ. นิ. ๕.๑๙๒) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
๒๙๘. อิทานิ มริยาเท พฺราหฺมเณ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ตณฺฑุลํ สยน’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – เตสุ เย โหนฺติ มริยาทา, เต พฺราหฺมณา สเจ ยฺํ กปฺเปตุกามา โหนฺติ, อถ อามกธฺปฏิคฺคหณา ปฏิวิรตตฺตา นานปฺปการกํ ตณฺฑุลฺจ, มฺจปีาทิเภทํ สยนฺจ, โขมาทิเภทํ วตฺถฺจ, โคสปฺปิติลเตลาทิเภทํ สปฺปิเตลฺจ ยาจิย ธมฺเมน, ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺติ, เอสา อริยาน ยาจนา’’ติ เอวํ วุตฺเตน อุทฺทิสฺสานสงฺขาเตน ธมฺเมน ยาจิตฺวา, อถ โย ยํ อิจฺฉติ ทาตุํ, เตน ตํ ทินฺนตณฺฑุลาทึ สโมธาเนตฺวา สํกฑฺฒิตฺวา. ‘‘สมุทาเนตฺวา’’ติปิ ปาโ, เอโกเยวตฺโถ. ตโต ยฺมกปฺปยุนฺติ ตโต คเหตฺวา ทานมกํสุ ¶ .
๒๙๙. กโรนฺตา จ เอวเมตสฺมึ อุปฏฺิตสฺมึ ทานสงฺขาเต ยฺสฺมึ นาสฺสุ คาโว หนึสุ เต, น เต คาวิโย หนึสุ. คาวีมุเขน เจตฺถ สพฺพปาณา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. กึการณา น หนึสูติ? พฺรหฺมจริยาทิคุณยุตฺตตฺตา. อปิจ วิเสสโต ยถา มาตา…เป… นาสฺสุ คาโว หนึสุ เต. ตตฺถ ยาสุ ชายนฺติ โอสธาติ ยาสุ ปิตฺตาทีนํ เภสชฺชภูตา ปฺจ โครสา ชายนฺติ.
๓๐๐. อนฺนทาติอาทีสุ ¶ ยสฺมา ปฺจ โครเส ปริภฺุชนฺตานํ ขุทา วูปสมฺมติ, พลํ วฑฺฒติ, ฉวิวณฺโณ วิปฺปสีทติ, กายิกมานสิกํ สุขํ อุปฺปชฺชติ ¶ , ตสฺมา อนฺนทา พลทา วณฺณทา สุขทา เจตาติ เวทิตพฺพา. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
๓๐๑. เอวํ เต ยฺเสุ คาโว อหนนฺตา ปฺุปฺปภาวานุคฺคหิตสรีรา สุขุมาลา…เป… สุขเมธิตฺถ ยํ ปชา. ตตฺถ สุขุมาลา มุทุตลุณหตฺถปาทาทิตาย, มหากายา อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา, วณฺณวนฺโต สุวณฺณวณฺณตาย สณฺานยุตฺตตาย จ, ยสสฺสิโน ลาภปริวารสมฺปทาย. เสหิ ธมฺเมหีติ สเกหิ จาริตฺเตหิ. กิจฺจากิจฺเจสุ อุสฺสุกาติ กิจฺเจสุ ‘‘อิทํ กาตพฺพํ’’, อกิจฺเจสุ ‘‘อิทํ น กาตพฺพ’’นฺติ อุสฺสุกฺกมาปนฺนา หุตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ เต โปราณา พฺราหฺมณา เอวรูปา หุตฺวา ทสฺสนียา ปสาทนียา โลกสฺส ปรมทกฺขิเณยฺยา อิมาย ปฏิปตฺติยา ยาว โลเก อวตฺตึสุ, ตาว วิคตอีติภยุปทฺทวา หุตฺวา นานปฺปการกํ สุขํ เอธิตฺถ ปาปุณิ, สุขํ วา เอธิตฺถ สุขํ วุฑฺฒึ อคมาสิ. อยํ ปชาติ สตฺตโลกํ นิทสฺเสติ.
๓๐๒-๓. กาลจฺจเยน ปน สมฺภินฺนมริยาทภาวํ อาปชฺชิตุกามานํ เตสํ อาสิ วิปลฺลาโส…เป… ภาคโส มิเต. ตตฺถ วิปลฺลาโสติ วิปรีตสฺา. อณุโต อณุนฺติ ลามกฏฺเน ปริตฺตฏฺเน อปฺปสฺสาทฏฺเน อณุภูตโต กามคุณโต อุปฺปนฺนํ ฌานสามฺนิพฺพานสุขานิ อุปนิธาย สงฺขฺยมฺปิ อนุปคมเนน อณุํ กามสุขํ, โลกุตฺตรสุขํ วา อุปนิธาย อณุภูตโต อตฺตนา ปฏิลทฺธโลกิยสมาปตฺติสุขโต อณุํ อปฺปกโตปิ อปฺปกํ กามสุขํ ทิสฺวาติ อธิปฺปาโย. ราชิโน จาติ รฺโ จ. วิยาการนฺติ สมฺปตฺตึ. อาชฺสํยุตฺเตติ อสฺสาชานียสํยุตฺเต. สุกเตติ ทารุกมฺมโลหกมฺเมน สุนิฏฺิเต. จิตฺตสิพฺพเนติ สีหจมฺมาทีหิ อลงฺกรณวเสน ¶ จิตฺรสิพฺพเน. นิเวสเนติ ฆรวตฺถูนิ. นิเวเสติ ตตฺถ ปติฏฺาปิตฆรานิ. วิภตฺเตติ อายามวิตฺถารวเสน วิภตฺตานิ. ภาคโส มิเตติ องฺคณทฺวารปาสาทกูฏาคาราทิวเสน โกฏฺาสํ โกฏฺาสํ กตฺวา มิตานิ. กึ วุตฺตํ โหติ? เตสํ พฺราหฺมณานํ อณุโต อณุสฺิตํ กามสุขฺจ รฺโ พฺยาการฺจ อลงฺกตนาริโย จ วุตฺตปฺปกาเร รเถ จ นิเวสเน นิเวเส จ ทิสฺวา ทุกฺเขสุเยว เอเตสุ วตฺถูสุ ‘‘สุข’’นฺติ ปวตฺตตฺตา ปุพฺเพ ปวตฺตเนกฺขมฺมสฺาวิปลฺลาสสงฺขาตา วิปรีตสฺา อาสิ.
๓๐๔. เต ¶ เอวํ วิปรีตสฺา หุตฺวา โคมณฺฑลปริพฺยูฬฺหํ…เป… พฺราหฺมณา. ตตฺถ โคมณฺฑลปริพฺยูฬฺหนฺติ โคยูเถหิ ปริกิณฺณํ. นารีวรคณายุตนฺติ วรนารีคณสํยุตฺตํ. อุฬารนฺติ วิปุลํ ¶ . มานุสํ โภคนฺติ มนุสฺสานํ นิเวสนาทิโภควตฺถุํ. อภิชฺฌายึสูติ ‘‘อโห วติทํ อมฺหากํ อสฺสา’’ติ ตณฺหํ วฑฺเฒตฺวา อภิปตฺถยมานา ฌายึสุ.
๓๐๕. เอวํ อภิชฺฌายนฺตา จ ‘‘เอเต มนุสฺสา สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู อามุตฺตมณิอาภรณา ปฺจหิ กามคุเณหิ ปริจาเรนฺติ, มยํ ปน เอวํ เตหิ นมสฺสิยมานาปิ เสทมลกิลิฏฺคตฺตา ปรูฬฺหกจฺฉนขโลมา โภครหิตา ปรมการฺุตํ ปตฺตา วิหราม. เอเต จ หตฺถิกฺขนฺธอสฺสปิฏฺิสิวิกาสุวณฺณรถาทีหิ วิจรนฺติ, มยํ ปาเทหิ. เอเต ทฺวิภูมิกาทิปาสาทตเลสุ วสนฺติ, มยํ อรฺรุกฺขมูลาทีสุ. เอเต จ โคนกาทีหิ อตฺถรเณหิ อตฺถตาสุ วรเสยฺยาสุ สยนฺติ, มยํ ตฏฺฏิกาจมฺมขณฺฑาทีนิ อตฺถริตฺวา ภูมิยํ. เอเต นานารสานิ โภชนานิ ภฺุชนฺติ, มยํ อฺุฉาจริยาย ยาเปม. กถํ นุ โข มยมฺปิ เอเตหิ สทิสา ภเวยฺยามา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ธนํ อิจฺฉิตพฺพํ, น สกฺกา ธนรหิเตหิ อยํ สมฺปตฺติ ปาปุณิตุ’’นฺติ จ อวธาเรตฺวา เวเท ภินฺทิตฺวา ธมฺมยุตฺเต ปุราณมนฺเต นาเสตฺวา อธมฺมยุตฺเต กูฏมนฺเต คนฺเถตฺวา ธนตฺถิกา โอกฺกากราชานมุปสงฺกมฺม โสตฺถิวจนาทีนิ ปยฺุชิตฺวา ‘‘อมฺหากํ, มหาราช, พฺราหฺมณวํเส ปเวณิยา อาคตํ โปราณมนฺตปทํ อตฺถิ, ตํ มยํ อาจริยมุฏฺิตาย ¶ น กสฺสจิ ภณิมฺหา, ตํ มหาราชา โสตุมรหตี’’ติ จ วตฺวา อสฺสเมธาทิยฺํ วณฺณยึสุ. วณฺณยิตฺวา จ ราชานํ อุสฺสาเหนฺตา ‘‘ยช, มหาราช, เอวํ ปหูตธนธฺโ ตฺวํ, นตฺถิ เต ยฺสมฺภารเวกลฺลํ, เอวฺหิ เต ยชโต สตฺตกุลปริวฏฺฏา สคฺเค อุปฺปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ อโวจุํ. เตน เนสํ ตํ ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห ภควา ‘‘เต ตตฺถ มนฺเต…เป… พหุ เต ธน’’นฺติ.
ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ, ยํ โภคมภิชฺฌายึสุ, ตนฺนิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. นิมิตฺตตฺเถ หิ เอตํ ภุมฺมวจนํ. ตทุปาคมุนฺติ ตทา อุปาคมุํ. ปหูตธนธฺโสีติ ปหูตธนธฺโ ภวิสฺสสิ, อภิสมฺปรายนฺติ อธิปฺปาโย. อาสํสายฺหิ อนาคเตปิ วตฺตมานวจนํ อิจฺฉนฺติ สทฺทโกวิทา. ยชสฺสูติ ¶ ยชาหิ. วิตฺตํ ธนนฺติ ชาตรูปาทิรตนเมว วิตฺติการณโต วิตฺตํ, สมิทฺธิการณโต ธนนฺติ วุตฺตํ. อถ วา วิตฺตนฺติ วิตฺติการณภูตเมว อาภรณาทิ อุปกรณํ, ยํ ‘‘ปหูตวิตฺตูปกรโณ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๓๑) อาคจฺฉติ. ธนนฺติ หิรฺสุวณฺณาทิ. กึ วุตฺตํ โหติ? เต พฺราหฺมณา มนฺเต คนฺเถตฺวา ตทา โอกฺกากํ อุปาคมุํ. กินฺติ? ‘‘มหาราช, พหู เต วิตฺตฺจ ธนฺจ, ยชสฺสุ, อายติมฺปิ ปหูตธนธฺโ ภวิสฺสสี’’ติ.
๓๐๖. เอวํ การณํ วตฺวา สฺาเปนฺเตหิ ตโต จ ราชา…เป… อทา ธนํ. ตตฺถ สฺตฺโตติ ¶ าปิโต. รเถสโภติ มหารเถสุ ขตฺติเยสุ อกมฺปิยฏฺเน อุสภสทิโส. ‘‘อสฺสเมธ’’นฺติอาทีสุ อสฺสเมตฺถ เมธนฺตีติ อสฺสเมโธ, ทฺวีหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส เอกวีสติยูปสฺส เปตฺวา ภูมิฺจ ปุริเส จ อวเสสสพฺพวิภวทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. ปุริสเมตฺถ เมธนฺตีติ ปุริสเมโธ, จตูหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธึ ภูมิยา อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. สมฺมเมตฺถ ปาสนฺตีติ สมฺมาปาโส, ทิวเส ทิวเส สมฺมํ ขิปิตฺวา ตสฺส ปติโตกาเส เวทึ กตฺวา สํหาริเมหิ ยูปาทีหิ สรสฺสตินทิยา นิมุคฺโคกาสโต ปภุติ ปฏิโลมํ คจฺฉนฺเตน ¶ ยชิตพฺพสฺส สตฺรยาคสฺเสตํ อธิวจนํ. วาชเมตฺถ ปิวนฺตีติ วาชเปยฺโย. เอเกน ปริยฺเน สตฺตรสหิ ปสูหิ ยชิตพฺพสฺส เพลุวยูปสฺส สตฺตรสกทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. นตฺถิ เอตฺถ อคฺคฬาติ นิรคฺคโฬ, นวหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธึ ภูมิยา จ ปุริเสหิ จ อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส สพฺพเมธปริยายนามสฺส อสฺสเมธวิกปฺปสฺเสตํ อธิวจนํ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
๓๐๗-๘. อิทานิ ยํ วุตฺตํ ‘‘พฺราหฺมณานมทา ธน’’นฺติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘คาโว สยนฺจา’’ติ คาถาทฺวยมาห. โส หิ ราชา ‘‘ทีฆรตฺตํ ลูขาหาเรน กิลนฺตา ปฺจ โครเส ปริภฺุชนฺตู’’ติ เนสํ สปุงฺควานิ โคยูถาเนว อทาสิ, ตถา ‘‘ทีฆรตฺตํ ถณฺฑิลสายิตาย ถูลสาฏกนิวาสเนน ¶ เอกเสยฺยาย ปาทจาเรน รุกฺขมูลาทิวาเสน จ กิลนฺตา โคนกาทิอตฺถตวรสยนาทีสุ สุขํ อนุโภนฺตู’’ติ เนสํ มหคฺฆานิ สยนาทีนิ จ อทาสิ. เอวเมตํ นานปฺปการกํ อฺฺจ หิรฺสุวณฺณาทิธนํ อทาสิ. เตนาห ภควา – ‘‘คาโว สยนฺจ วตฺถฺจ…เป… พฺราหฺมณานมทา ธน’’นฺติ.
๓๐๙-๑๐. เอวํ ตสฺส รฺโ สนฺติกา เต จ ตตฺถ…เป… ปุน มุปาคมุํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ตสฺส รฺโ สนฺติกา เต พฺราหฺมณา เตสุ ยาเคสุ ธนํ ลภิตฺวา ทีฆรตฺตํ ทิวเส ทิวเส เอวเมว ฆาสจฺฉาทนํ ปริเยสิตฺวา นานปฺปการกํ วตฺถุกาม สนฺนิธึสมโรจยุํ. ตโต เตสํ อิจฺฉาวติณฺณานํ ขีราทิปฺจโครสสฺสาทวเสน รสตณฺหาย โอติณฺณจิตฺตานํ ‘‘ขีราทีนิปิ ตาว คุนฺนํ สาทูนิ, อทฺธา อิมาสํ มํสํ สาทุตรํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ มํสํ ปฏิจฺจ ภิยฺโย ตณฺหา ปวฑฺฒถ. ตโต จินฺเตสุํ – ‘‘สเจ มยํ มาเรตฺวา ขาทิสฺสาม, คารยฺหา ภวิสฺสาม, ยํนูน มนฺเต คนฺเถยฺยามา’’ติ. อถ ปุนปิ เวทํ ภินฺทิตฺวา ตทนุรูเป เต ตตฺถ มนฺเต คนฺเถตฺวา เต พฺราหฺมณา ตนฺนิมิตฺตํ ¶ กูฏมนฺเต คนฺเถตฺวา โอกฺกากราชานํ ปุน อุปาคมึสุ. อิมมตฺถํ ภาสมานา ‘‘ยถา อาโป จ…เป… พหุ เต ธน’’นฺติ.
กึ ¶ วุตฺตํ โหติ? อมฺหากํ, มหาราช, มนฺเตสุ เอตทาคตํ ยถา อาโป หตฺถโธวนาทิสพฺพกิจฺเจสุ ปาณีนํ อุปโยคํ คจฺฉติ, นตฺถิ เตสํ ตโตนิทานํ ปาปํ. กสฺมา? ยสฺมา ปริกฺขาโร โส หิ ปาณินํ, อุปกรณตฺถาย อุปฺปนฺโนติ อธิปฺปาโย. ยถา จายํ มหาปถวี คมนฏฺานาทิสพฺพกิจฺเจสุ กหาปณสงฺขาตํ หิรฺํ สุวณฺณรชตาทิเภทํ ธนํ, ยวโคธูมาทิเภทํ ธานิยฺจ, สํโวหาราทิสพฺพกิจฺเจสุ อุปโยคํ คจฺฉติ, เอวํ คาโว มนุสฺสานํ สพฺพกิจฺเจสุ อุปโยคคมนตฺถาย อุปฺปนฺนา. ตสฺมา เอตา หนิตฺวา นานปฺปการเก ยาเค ยชสฺสุ พหุ เต วิตฺตํ, ยชสฺสุ พหุ เต ธนนฺติ.
๓๑๑-๑๒. เอวํ ปุริมนเยเนว ตโต จ ราชา…เป… อฆาตยิ, ยํ ตโต ปุพฺเพ กฺจิ สตฺตํ น ปาทา…เป… ฆาตยิ. ตทา กิร พฺราหฺมณา ยฺาวาฏํ คาวีนํ ปูเรตฺวา มงฺคลอุสภํ พนฺธิตฺวา รฺโ มูลํ เนตฺวา ‘‘มหาราช, โคเมธยฺํ ยชสฺสุ, เอวํ เต พฺรหฺมโลกสฺส มคฺโค วิสุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ¶ อาหํสุ. ราชา กตมงฺคลกิจฺโจ ขคฺคํ คเหตฺวา ปุงฺคเวน สห อเนกสตสหสฺสา คาโว มาเรสิ. พฺราหฺมณา ยฺาวาเฏ มํสานิ ฉินฺทิตฺวา ขาทึสุ, ปีตโกทาตรตฺตกมฺพเล จ ปารุปิตฺวา มาเรสุํ. ตทุปาทาย กิร คาโว ปารุเต ทิสฺวา อุพฺพิชฺชนฺติ. เตนาห ภควา – ‘‘น ปาทา…เป… ฆาตยี’’ติ.
๓๑๓. ตโต เทวาติ เอวํ ตสฺมึ ราชินิ คาวิโย ฆาเตตุมารทฺเธ อถ ตทนนฺตรเมว ตํ โคฆาตกํ ทิสฺวา เอเต จาตุมหาราชิกาทโย เทวา จ, ปิตโรติ พฺราหฺมเณสุ ลทฺธโวหารา พฺรหฺมาโน จ, สกฺโก เทวานมินฺโท จ, ปพฺพตปาทนิวาสิโน ทานวยกฺขสฺิตา อสุรรกฺขสา จ ‘‘อธมฺโม อธมฺโม’’ติ เอวํ วาจํ นิจฺฉาเรนฺตา ‘‘ธิ มนุสฺสา, ธิ มนุสฺสา’’ติ จ วทนฺตา ปกฺกนฺทุํ. เอวํ ภูมิโต ปภุติ โส สทฺโท มุหุตฺเตน ยาว พฺรหฺมโลกา อคมาสิ, เอกธิกฺการปริปุณฺโณ โลโก อโหสิ. กึ การณํ? ยํ สตฺถํ นิปตี คเว, ยสฺมา คาวิมฺหิ สตฺถํ นิปตีติ วุตฺตํ โหติ.
๓๑๔. น เกวลฺจ เทวาทโย ปกฺกนฺทุํ, อยมฺโปิ โลเก อนตฺโถ ¶ อุทปาทิ – เย หิ เต ตโย โรคา ปุเร อาสุํ, อิจฺฉา อนสนํ ชรา, กิฺจิ กิฺจิเทว ปตฺถนตณฺหา จ ขุทา จ ปริปากชรา จาติ วุตฺตํ โหติ. เต ปสูนฺจ สมารมฺภา, อฏฺานวุติมาคมุํ, จกฺขุโรคาทินา เภเทน อฏฺนวุติภาวํ ปาปุณึสูติ อตฺโถ.
๓๑๕. อิทานิ ภควา ตํ ปสุสมารมฺภํ นินฺทนฺโต อาห ‘‘เอโส อธมฺโม’’ติ. ตสฺสตฺโถ เอโส ¶ ปสุสมารมฺภสงฺขาโต กายทณฺฑาทีนํ ติณฺณํ ทณฺฑานํ อฺตรทณฺฑภูโต ธมฺมโต อเปตตฺตา อธมฺโม โอกฺกนฺโต อหุ, ปวตฺโต อาสิ, โส จ โข ตโต ปภุติ ปวตฺตตฺตา ปุราโณ, ยสฺส โอกฺกมนโต ปภุติ เกนจิ ปาทาทินา อหึสนโต อทูสิกาโย คาโว หฺนฺติ. ยา ฆาเตนฺตา ธมฺมา ธํสนฺติ จวนฺติ ปริหายนฺติ ยาชกา ยฺยาชิโน ชนาติ.
๓๑๖. เอวเมโส อณุธมฺโมติ เอวํ เอโส ลามกธมฺโม หีนธมฺโม, อธมฺโมติ วุตฺตํ โหติ. ยสฺมา วา เอตฺถ ทานธมฺโมปิ อปฺปโก อตฺถิ ¶ , ตสฺมา ตํ สนฺธายาห ‘‘อณุธมฺโม’’ติ. โปราโณติ ตาว จิรกาลโต ปภุติ ปวตฺตตฺตา โปราโณ. วิฺูหิ ปน ครหิตตฺตา วิฺูครหิโตติ เวทิตพฺโพ. ยสฺมา จ วิฺุครหิโต, ตสฺมา ยตฺถ เอทิสกํ ปสฺสติ, ยาชกํ ครหตี ชโน. กถํ? ‘‘อพฺพุทํ พฺราหฺมเณหิ อุปฺปาทิตํ, คาโว วธิตฺวา มํสํ ขาทนฺตี’’ติ เอวมาทีนิ วตฺวาติ อยเมตฺถ อนุสฺสโว.
๓๑๗. เอวํ ธมฺเม วิยาปนฺเนติ เอวํ โปราเณ พฺราหฺมณธมฺเม นฏฺเ. ‘‘วิยาวตฺเต’’ติปิ ปาโ, วิปริวตฺติตฺวา อฺถา ภูเตติ อตฺโถ. วิภินฺนา สุทฺทเวสฺสิกาติ ปุพฺเพ สมคฺคา วิหรนฺตา สุทฺทา จ เวสฺสา จ เต วิภินฺนา. ปุถู วิภินฺนา ขตฺติยาติ ขตฺติยาปิ พหู อฺมฺํ ภินฺนา. ปตึ ภริยาวมฺถาติ ภริยา จ ฆราวาสตฺถํ อิสฺสริยพเล ปิตา ปุตฺตพลาทีหิ อุเปตา หุตฺวา ปตึ อวมฺถ, ปริภวิ อวมฺิ น สกฺกจฺจํ อุปฏฺาสิ.
๓๑๘. เอวํ อฺมฺํ วิภินฺนา สมานา ขตฺติยา พฺรหฺมพนฺธู จ…เป… กามานํ วสมนฺวคุนฺติ. ขตฺติยา จ พฺราหฺมณา จ เย จฺเ เวสฺสสุทฺทา ยถา สงฺกรํ นาปชฺชนฺติ, เอวํ อตฺตโน อตฺตโน โคตฺเตน รกฺขิตตฺตา โคตฺตรกฺขิตา. เต สพฺเพปิ ตํ ชาติวาทํ นิรํกตฺวา, ‘‘อหํ ขตฺติโย, อหํ พฺราหฺมโณ’’ติ เอตํ สพฺพมฺปิ นาเสตฺวา ¶ ปฺจกามคุณสงฺขาตานํ กามานํ วสํ อนฺวคุํ อาสตฺตํ ปาปุณึสุ, กามเหตุ น กิฺจิ อกตฺตพฺพํ นากํสูติ วุตฺตํ โหติ.
เอวเมตฺถ ภควา ‘‘อิสโย ปุพฺพกา’’ติอาทีหิ นวหิ คาถาหิ โปราณานํ พฺราหฺมณานํ วณฺณํ ภาสิตฺวา ‘‘โย เนสํ ปรโม’’ติ คาถาย พฺรหฺมสมํ, ‘‘ตสฺส วตฺตมนุสิกฺขนฺตา’’ติ คาถาย เทวสมํ, ‘‘ตณฺฑุลํ สยน’’นฺติอาทิกาหิ จตูหิ คาถาหิ มริยาทํ, ‘‘เตสํ อาสิ วิปลฺลาโส’’ติอาทีหิ สตฺตรสหิ คาถาหิ สมฺภินฺนมริยาทํ, ตสฺส วิปฺปฏิปตฺติยา เทวาทีนํ ปกฺกนฺทนาทิทีปนตฺถฺจ ทสฺเสตฺวา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. พฺราหฺมณจณฺฑาโล ปน อิธ อวุตฺโตเยว. กสฺมา? ยสฺมา วิปตฺติยา อการณํ. พฺราหฺมณธมฺมสมฺปตฺติยา หิ พฺรหฺมสมเทวสมมริยาทา การณํ ¶ ¶ โหนฺติ, วิปตฺติยา สมฺภินฺนมริยาโท. อยํ ปน โทณสุตฺเต (อ. นิ. ๕.๑๙๒) วุตฺตปฺปกาโร พฺราหฺมณจณฺฑาโล พฺราหฺมณธมฺมวิปตฺติยาปิ อการณํ. กสฺมา? วิปนฺเน ธมฺเม อุปฺปนฺนตฺตา. ตสฺมา ตํ อทสฺเสตฺวาว เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เอตรหิ ปน โสปิ พฺราหฺมณจณฺฑาโล ทุลฺลโภ. เอวมยํ พฺราหฺมณานํ ธมฺโม วินฏฺโ. เตเนวาห โทโณ พฺราหฺมโณ – ‘‘เอวํ สนฺเต มยํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณจณฺฑาลมฺปิ น ปูเรมา’’ติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ธมฺมสุตฺต-(นาวาสุตฺต)-วณฺณนา
๓๑๙. ยสฺมา ¶ หิ ธมฺมนฺติ ธมฺมสุตฺตํ, ‘‘นาวาสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติ. กา อุปฺปตฺติ? อิทํ สุตฺตํ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ วุตฺตํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ อุปฺปตฺติโต ปภุติ เวทิตพฺโพ. เสยฺยถิทํ – อนุปฺปนฺเน ¶ กิร ภควติ ทฺเว อคฺคสาวกา เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตา. เตสํ ปโม จวิตฺวา ราชคหสฺส อวิทูเร อุปติสฺสคาโม นาม พฺราหฺมณานํ โภคคาโม อตฺถิ, ตตฺถ สฏฺิอธิกปฺจโกฏิสตธนวิภวสฺส คามสามิโน พฺราหฺมณสฺส รูปสารี นาม พฺราหฺมณี, ตสฺสา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. ทุติโย ตสฺเสวาวิทูเร โกลิตคาโม นาม พฺราหฺมณานํ โภคคาโม อตฺถิ. ตตฺถ ตถารูปวิภวสฺเสว คามสามิโน พฺราหฺมณสฺส โมคฺคลฺลานี นาม พฺราหฺมณี, ตสฺสา กุจฺฉิยํ ตํ ทิวสเมว ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. เอวํ เตสํ เอกทิวสเมว ปฏิสนฺธิคฺคหณฺจ คพฺภวุฏฺานฺจ อโหสิ. เอกทิวเสเยว จ เนสํ เอกสฺส อุปติสฺสคาเม ชาตตฺตา อุปติสฺโส, เอกสฺส โกลิตคาเม ชาตตฺตา โกลิโตติ นามมกํสุ.
เต ¶ สหปํสุํ กีฬนฺตา สหายกา อนุปุพฺเพน วุฑฺฒึ ปาปุณึสุ, เอกเมกสฺส จ ปฺจปฺจมาณวกสตานิ ปริวารา อเหสุํ. เต อุยฺยานํ วา นทีติตฺถํ วา คจฺฉนฺตา สปริวาราเยว คจฺฉนฺติ. เอโก ปฺจหิ สุวณฺณสิวิกาสเตหิ, ทุติโย ปฺจหิ อาชฺรถสเตหิ. ตทา จ ราชคเห กาลานุกาลํ คิรคฺคสมชฺโช นาม โหติ. สายนฺหสมเย นครเวมชฺเฌ ยตฺถ สกลองฺคมคธวาสิโน อภิฺาตา ขตฺติยกุมาราทโย สนฺนิปติตฺวา สุปฺตฺเตสุ มฺจปีาทีสุ นิสินฺนา สมชฺชวิภูตึ ปสฺสนฺติ. อถ เต สหายกา เตน ปริวาเรน สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสีทึสุ. ตโต อุปติสฺโส สมชฺชวิภูตึ ปสฺสนฺโต มหาชนกายํ สนฺนิปติตํ ทิสฺวา ‘‘เอตฺตโก ชนกาโย วสฺสสตํ อปฺปตฺวาว มริสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺส มรณํ อาคนฺตฺวา นลาฏนฺเต ปติฏฺิตํ วิย อโหสิ, ตถา โกลิตสฺส. เตสํ อเนกปฺปกาเรสุ นเฏสุ นจฺจนฺเตสุ ทสฺสนมตฺเตปิ จิตฺตํ น นมิ, อฺทตฺถุ สํเวโคเยว อุทปาทิ.
อถ วุฏฺิเต สมชฺเช ปกฺกนฺตาย ปริสาย สกปริวาเรน ปกฺกนฺเตสุ เตสุ สหาเยสุ โกลิโต ¶ อุปติสฺสํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, สมฺม, นาฏกาทิทสฺสเนน ตว ปโมทนมตฺตมฺปิ ¶ นาโหสี’’ติ? โส ตสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ตมฺปิ ตเถว ปฏิปุจฺฉิ. โสปิ ตสฺส อตฺตโน ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘เอหิ, สมฺม, ปพฺพชิตฺวา อมตํ คเวสามา’’ติ อาห. ‘‘สาธุ สมฺมา’’ติ อุปติสฺโส ตํ สมฺปฏิจฺฉิ. ตโต ทฺเวปิ ชนา ตํ สมฺปตฺตึ ฉฑฺเฑตฺวา ปุนเทว ราชคหมนุปฺปตฺตา. เตน จ สมเยน ราชคเห สฺจโย นาม ปริพฺพาชโก ปฏิวสติ. เต ตสฺส สนฺติเก ปฺจหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ ปพฺพชิตฺวา กติปาเหเนว ตโย เวเท สพฺพฺจ ปริพฺพาชกสมยํ อุคฺคเหสุํ. เต เตสํ สตฺถานํ อาทิมชฺฌปริโยสานํ อุปปริกฺขนฺตา ปริโยสานํ อทิสฺวา อาจริยํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘อิเมสํ สตฺถานํ อาทิมชฺฌํ ทิสฺสติ, ปริโยสานํ ปน น ทิสฺสติ ‘อิทํ นาม อิเมหิ สตฺเถหิ ปาปุเณยฺยาติ, ยโต อุตฺตริ ปาปุณิตพฺพํ นตฺถี’’’ติ. โสปิ อาห – ‘‘อหมฺปิ เตสํ ตถาวิธํ ปริโยสานํ น ปสฺสามี’’ติ. เต อาหํสุ – ‘‘เตน หิ มยํ อิเมสํ ปริโยสานํ คเวสามา’’ติ. เต อาจริโย ‘‘ยถาสุขํ คเวสถา’’ติ อาห. เอวํ เต เตน อนฺุาตา อมตํ คเวสมานา อาหิณฺฑนฺตา ชมฺพุทีเป ปากฏา อเหสุํ. เตหิ ขตฺติยปณฺฑิตาทโย ปฺหํ ปุฏฺา อุตฺตรุตฺตรึ น สมฺปายนฺติ. ‘‘อุปติสฺโส ¶ โกลิโต’’ติ วุตฺเต ปน ‘‘เก เอเต, น โข มยํ ชานามา’’ติ ภณนฺตา นตฺถิ, เอวํ วิสฺสุตา อเหสุํ.
เอวํ เตสุ อมตปริเยสนํ จรมาเนสุ อมฺหากํ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหมนุปฺปตฺโต. เต จ ปริพฺพาชกา สกลชมฺพุทีปํ จริตฺวา ติฏฺตุ อมตํ, อนฺตมโส ปริโยสานปฺหวิสฺสชฺชนมตฺตมฺปิ อลภนฺตา ปุนเทว ราชคหํ อคมํสุ. อถ โข อายสฺมา อสฺสชิ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวาติ ยาว เตสํ ปพฺพชฺชา, ตาว สพฺพํ ปพฺพชฺชากฺขนฺธเก (มหาว. ๖๐) อาคตนเยเนว วิตฺถารโต ทฏฺพฺพํ.
เอวํ ปพฺพชิเตสุ เตสุ ทฺวีสุ สหายเกสุ อายสฺมา สาริปุตฺโต อฑฺฒมาเสน ¶ สาวกปารมีาณํ สจฺฉากาสิ. โส ยทา อสฺสชิตฺเถเรน สทฺธึ เอกวิหาเร วสติ, ตทา ภควโต อุปฏฺานํ คนฺตฺวา อนนฺตรํ เถรสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉติ ‘‘ปุพฺพาจริโย เม อยมายสฺมา, เอตมหํ นิสฺสาย ภควโต สาสนํ อฺาสิ’’นฺติ คารเวน. ยทา ปน อสฺสชิตฺเถเรน สทฺธึ เอกวิหาเร น วสติ, ตทา ยสฺสํ ทิสายํ เถโร วสติ, ตํ ทิสํ โอโลเกตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห นมสฺสติ. ตํ ทิสฺวา เกจิ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘สาริปุตฺโต อคฺคสาวโก หุตฺวา ทิสํ นมสฺสติ, อชฺชาปิ มฺเ พฺราหฺมณทิฏฺิ อปฺปหีนา’’ติ. อถ ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา ตํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺนํเยว อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ¶ ? เต ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. ตโต ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต ทิสํ นมสฺสติ, ยํ นิสฺสาย สาสนํ อฺาสิ, ตํ อตฺตโน อาจริยํ วนฺทติ นมสฺสติ สมฺมาเนติ, อาจริยปูชโก, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต’’ติ วตฺวา ตตฺถ สนฺนิปติตานํ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ สุตฺตมภาสิ.
ตตฺถ ยสฺมา หิ ธมฺมํ ปุริโส วิชฺาติ ยโต ปุคฺคลา ปิฏกตฺตยปฺปเภทํ ปริยตฺติธมฺมํ วา, ปริยตฺตึ สุตฺวา อธิคนฺตพฺพํ นวโลกุตฺตรปฺปเภทํ ปฏิเวธธมฺมํ วา ปุริโส วิชฺา ชาเนยฺย เวเทยฺย. ‘‘ยสฺสา’’ติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. อินฺทํว นํ เทวตา ปูชเยยฺยาติ ยถา สกฺกํ เทวานมินฺทํ ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวตา ปูเชนฺติ, เอวํ โส ปุคฺคโล ตํ ปุคฺคลํ กาลสฺเสว วุฏฺาย อุปาหนโอมฺุจนาทึ สพฺพํ วตฺตปฏิวตฺตํ กโรนฺโต ¶ ปูเชยฺย สกฺกเรยฺย ครุกเรยฺย. กึ การณํ? โส ปูชิโต…เป… ปาตุกโรติ ธมฺมํ, โส อาจริโย เอวํ ปูชิโต ตสฺมึ อนฺเตวาสิมฺหิ ปสนฺนจิตฺโต ปริยตฺติปฏิเวธวเสน พหุสฺสุโต เทสนาวเสเนว ปริยตฺติธมฺมฺจ, เทสนํ สุตฺวา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา อธิคนฺตพฺพํ ปฏิเวธธมฺมฺจ ¶ ปาตุกโรติ เทเสติ, เทสนาย วา ปริยตฺติธมฺมํ, อุปมาวเสน อตฺตนา อธิคตปฏิเวธธมฺมํ ปาตุกโรติ.
๓๒๐. ตทฏฺิกตฺวาน นิสมฺม ธีโรติ เอวํ ปสนฺเนน อาจริเยน ปาตุกตํ ธมฺมํ อฏฺิกตฺวาน สุณิตฺวา อุปธารณสมตฺถตาย ธีโร ปุริโส. ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชมาโนติ โลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุโลมตฺตา อนุธมฺมภูตํ วิปสฺสนํ ภาวยมาโน. วิฺู วิภาวี นิปุโณ จ โหตีติ วิฺุตาสงฺขาตาย ปฺาย อธิคเมน วิฺู, วิภาเวตฺวา ปเรสมฺปิ ปากฏํ กตฺวา าปนสมตฺถตาย วิภาวี, ปรมสุขุมตฺถปฏิเวธตาย นิปุโณ จ โหติ. โย ตาทิสํ ภชติ อปฺปมตฺโตติ โย ตาทิสํ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการํ พหุสฺสุตํ อปฺปมตฺโต ตปฺปสาทนปโร หุตฺวา ภชติ.
๓๒๑. เอวํ ปณฺฑิตาจริยเสวนํ ปสํสิตฺวา อิทานิ พาลาจริยเสวนํ นินฺทนฺโต ‘‘ขุทฺทฺจ พาล’’นฺติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ขุทฺทนฺติ ขุทฺเทน กายกมฺมาทินา สมนฺนาคตํ, ปฺาภาวโต พาลํ. อนาคตตฺถนฺติ อนธิคตปริยตฺติปฏิเวธตฺถํ. อุสูยกนฺติ อิสฺสามนกตาย อนฺเตวาสิกสฺส วุฑฺฒึ อสหมานํ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว ปทโต. อธิปฺปายโต ปน โย พหุจีวราทิลาภี อาจริโย อนฺเตวาสิกานํ จีวราทีนิ น สกฺโกติ ทาตุํ, ธมฺมทาเน ปน อนิจฺจทุกฺขานตฺตวจนมตฺตมฺปิ น สกฺโกติ. เอเตหิ ขุทฺทตาทิธมฺเมหิ สมนฺนาคตตฺตา ตํ ขุทฺทํ พาลํ อนาคตตฺถํ อุสูยกํ อาจริยํ อุปเสวมาโน ‘‘ปูติมจฺฉํ กุสคฺเคนา’’ติ (อิติวุ. ๗๖; ชา. ๑.๑๕.๑๘๓) วุตฺตนเยน สยมฺปิ พาโล โหติ. ตสฺมา อิธ สาสเน กิฺจิ อปฺปมตฺตกมฺปิ ¶ ปริยตฺติธมฺมํ ปฏิเวธธมฺมํ วา อวิภาวยิตฺวา จ อวิชานิตฺวา จ ยสฺส ธมฺเมสุ กงฺขา, ตํ อตริตฺวา มรณํ อุเปตีติ เอวมสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๓๒๒-๓. อิทานิ ตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏกรณตฺถํ ‘‘ยถา นโร’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ อาปคนฺติ นทึ. มโหทกนฺติ พหุอุทกํ. สลิลนฺติ อิโต ¶ จิโต จ คตํ, วิตฺถิณฺณนฺติ วุตฺตํ ¶ โหติ. ‘‘สริต’’นฺติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. สีฆโสตนฺติ หารหาริกํ, เวควตินฺติ วุตฺตํ โหติ. กึ โสติ เอตฺถ ‘‘โส วุยฺหมาโน’’ติ อิมินา จ โสกาเรน ตสฺส นรสฺส นิทฺทิฏฺตฺตา นิปาตมตฺโต โสกาโร. กึ สูติ วุตฺตํ โหติ ยถา ‘‘น ภวิสฺสามิ นาม โส, วินสฺสิสฺสามิ นาม โส’’ติ. ธมฺมนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตํ ทุวิธเมว. อนิสามยตฺถนฺติ อนิสาเมตฺวา อตฺถํ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว ปทโต.
อธิปฺปายโต ปน ยถา โย โกจิเทว นโร วุตฺตปฺปการํ นทึ โอตริตฺวา ตาย นทิยา วุยฺหมาโน อนุโสตคามี โสตเมว อนุคจฺฉนฺโต ปเร ปารตฺถิเก กึ สกฺขติ ปารํ เนตุํ. ‘‘สกฺกตี’’ติปิ ปาโ. ตเถว ทุวิธมฺปิ ธมฺมํ อตฺตโน ปฺาย อวิภาวยิตฺวา พหุสฺสุตานฺจ สนฺติเก อตฺถํ อนิสาเมตฺวา สยํ อวิภาวิตตฺตา อชานนฺโต อนิสามิตตฺตา จ อวิติณฺณกงฺโข ปเร กึ สกฺขติ นิชฺฌาเปตุํ เปกฺขาเปตุนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘โส วต, จุนฺท, อตฺตนา ปลิปปลิปนฺโน’’ติอาทิกฺเจตฺถ (ม. นิ. ๑.๘๗) สุตฺตปทํ อนุสฺสริตพฺพํ.
๓๒๔-๕. เอวํ พาลเสวนาย พาลสฺส ปรํ นิชฺฌาเปตุํ อสมตฺถตาย ปากฏกรณตฺถํ อุปมํ วตฺวา อิทานิ ‘‘โย ตาทิสํ ภชติ อปฺปมตฺโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตสฺส ปณฺฑิตสฺส ปเร นิชฺฌาเปตุํ สมตฺถตาย ปากฏกรณตฺถํ ‘‘ยถาปิ นาว’’นฺติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ผิเยนาติ ทพฺพิปทเรน. ริตฺเตนาติ เวฬุทณฺเฑน. ตตฺถาติ ตสฺสํ นาวายํ. ตตฺรูปยฺูติ ตสฺสา นาวาย อาหรณปฏิหรณาทิอุปายชานเนน มคฺคปฏิปาทเนน อุปายฺู. สิกฺขิตสิกฺขตาย สุกุสลหตฺถตาย จ กุสโล. อุปฺปนฺนุปทฺทวปฏิการสมตฺถตาย มุตีมา. เวทคูติ เวทสงฺขาเตหิ จตูหิ มคฺคาเณหิ คโต. ภาวิตตฺโตติ ตาเยว มคฺคภาวนาย ภาวิตจิตฺโต. พหุสฺสุโตติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว. อเวธธมฺโมติ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ ¶ อกมฺปนิยสภาโว. โสตาวธานูปนิสูปปนฺเนติ โสตโอทหเนน จ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสเยน จ อุปปนฺเน. เสสํ อุตฺตานปทตฺถเมว. อธิปฺปายโยชนาปิ สกฺกา ปุริมนเยเนว ชานิตุนฺติ น วิตฺถาริตา.
๓๒๖. เอวํ ¶ ¶ ปณฺฑิตสฺส ปเร นิชฺฌาเปตุํ สมตฺถภาวปากฏกรณตฺถํ อุปมํ วตฺวา ตสฺสา ปณฺฑิตเสวนาย นิโยเชนฺโต ‘‘ตสฺมา หเว’’ติ อิมํ อวสานคาถมาห. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยสฺมา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา ปณฺฑิตเสวเนน วิเสสํ ปาปุณนฺติ, ตสฺมา หเว สปฺปุริสํ ภเชถ. กีทิสํ สปฺปุริสํ ภเชถ? เมธาวินฺเจว พหุสฺสุตฺจ, ปฺาสมฺปตฺติยา จ เมธาวินํ วุตฺตปฺปการสุตทฺวเยน จ พหุสฺสุตํ. ตาทิสฺหิ ภชมาโน เตน ภาสิตสฺส ธมฺมสฺส อฺาย อตฺถํ เอวํ ตฺวา จ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาโน ตาย ปฏิปตฺติยา ปฏิเวธวเสน วิฺาตธมฺโม โส มคฺคผลนิพฺพานปฺปเภทํ โลกุตฺตรสุขํ ลเภถ อธิคจฺเฉยฺย ปาปุเณยฺยาติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ สมาเปสีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ธมฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. กึสีลสุตฺตวณฺณนา
๓๒๗. กึสีโลติ ¶ กึสีลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส คิหิสหายโก เอโก เถรสฺเสว ปิตุโน วงฺคนฺตพฺราหฺมณสฺส สหายสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต สฏฺิโกฏิอธิกํ ปฺจสตโกฏิธนํ ปริจฺจชิตฺวา อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สพฺพํ พุทฺธวจนํ ปริยาปุณิ. ตสฺส เถโร พหุโส โอวทิตฺวา กมฺมฏฺานมทาสิ, โส เตน วิเสสํ นาธิคจฺฉติ. ตโต เถโร ‘‘พุทฺธเวเนยฺโย เอโส’’ติ ตฺวา ตํ อาทาย ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ ปุคฺคลํ อนิยเมตฺวา ‘‘กึสีโล’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส ภควา ตโต ปรํ อภาสิ. ตตฺถ กึสีโลติ กีทิเสน วาริตฺตสีเลน สมนฺนาคโต, กีทิสปกติโก วา. กึสมาจาโรติ กีทิเสน จาริตฺเตน ยุตฺโต. กานิ กมฺมานิ ¶ พฺรูหยนฺติ กานิ กายกมฺมาทีนิ วฑฺเฒนฺโต. นโร สมฺมา นิวิฏฺสฺสาติ อภิรโต นโร สาสเน สมฺมา ปติฏฺิโต ภเวยฺย. อุตฺตมตฺถฺจ ปาปุเณติ สพฺพตฺถานํ อุตฺตมํ อรหตฺตฺจ ปาปุเณยฺยาติ วุตฺตํ โหติ.
๓๒๘. ตโต ¶ ภควา ‘‘สาริปุตฺโต อฑฺฒมาสูปสมฺปนฺโน สาวกปารมิปฺปตฺโต, กสฺมา อาทิกมฺมิกปุถุชฺชนปฺหํ ปุจฺฉตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘สทฺธิวิหาริกํ อารพฺภา’’ติ ตฺวา ปุจฺฉาย วุตฺตํ จาริตฺตสีลํ อวิภชิตฺวาว ตสฺส สปฺปายวเสน ธมฺมํ เทเสนฺโต ‘‘วุฑฺฒาปจายี’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ปฺาวุฑฺโฒ, คุณวุฑฺโฒ, ชาติวุฑฺโฒ, วโยวุฑฺโฒติ จตฺตาโร วุฑฺฒา. ชาติยา หิ ทหโรปิ พหุสฺสุโต ภิกฺขุ อปฺปสฺสุตมหลฺลกภิกฺขูนมนฺตเร พาหุสจฺจปฺาย วุฑฺฒตฺตา ปฺาวุฑฺโฒ. ตสฺส หิ สนฺติเก มหลฺลกภิกฺขูปิ พุทฺธวจนํ ปริยาปุณนฺติ, โอวาทวินิจฺฉยปฺหวิสฺสชฺชนานิ จ ปจฺจาสีสนฺติ. ตถา ทหโรปิ ภิกฺขุ อธิคมสมฺปนฺโน คุณวุฑฺโฒ นาม. ตสฺส หิ โอวาเท ปติฏฺาย มหลฺลกาปิ วิปสฺสนาคพฺภํ คเหตฺวา อรหตฺตผลํ ปาปุณนฺติ. ตถา ทหโรปิ ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต พฺราหฺมโณ วา เสสชนสฺส วนฺทนารหโต ชาติวุฑฺโฒ นาม. สพฺโพ ปน ปมชาโต วโยวุฑฺโฒ นาม. ตตฺถ ยสฺมา ปฺาย สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สทิโส นตฺถิ เปตฺวา ภควนฺตํ, ตถา คุเณนปิ อฑฺฒมาเสน สพฺพสาวกปารมีาณสฺส ปฏิวิทฺธตฺตา. ชาติยาปิ โส พฺราหฺมณมหาสาลกุเล อุปฺปนฺโน, ตสฺมา ตสฺส ภิกฺขุโน วเยน สมาโนปิ โส อิเมหิ ¶ ตีหิ การเณหิ วุฑฺโฒ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ ปฺาคุเณหิ เอว วุฑฺฒภาวํ สนฺธาย ภควา อาห – ‘‘วุฑฺฒาปจายี’’ติ. ตสฺมา ตาทิสานํ วุฑฺฒานํ อปจิติกรเณน วุฑฺฒาปจายี, เตสเมว วุฑฺฒานํ ลาภาทีสุ อุสูยวิคเมน อนุสูยโก จ สิยาติ อยมาทิปาทสฺส อตฺโถ.
กาลฺู จสฺสาติ เอตฺถ ปน ราเค อุปฺปนฺเน ตสฺส วิโนทนตฺถาย ครูนํ ทสฺสนํ คจฺฉนฺโตปิ กาลฺู, โทเส… โมเห… โกสชฺเช อุปฺปนฺเน ตสฺส วิโนทนตฺถาย ครูนํ ทสฺสนํ คจฺฉนฺโตปิ กาลฺู, ยโต เอวํ กาลฺู จ อสฺส ครูนํ ¶ ทสฺสนาย. ธมฺมึ กถนฺติ สมถวิปสฺสนายุตฺตํ. เอรยิตนฺติ วุตฺตํ. ขณฺูติ ตสฺสา กถาย ขณเวที, ทุลฺลโภ วา อยํ อีทิสาย กถาย สวนกฺขโณติ ชานนฺโต. สุเณยฺย สกฺกจฺจาติ ตํ กถํ สกฺกจฺจํ สุเณยฺย. น เกวลฺจ ตเมว, อฺานิปิ พุทฺธคุณาทิปฏิสํยุตฺตานิ สุภาสิตานิ สกฺกจฺจเมว สุเณยฺยาติ อตฺโถ.
๓๒๙. ‘‘กาลฺู จสฺส ครูนํ ทสฺสนายา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนยฺจ อตฺตโน อุปฺปนฺนราคาทิวิโนทนกาลํ ตฺวาปิ ครูนํ สนฺติกํ คจฺฉนฺโต กาเลน คจฺเฉ ครูนํ ¶ สกาสํ, ‘‘อหํ กมฺมฏฺานิโก ธุตงฺคธโร จา’’ติ กตฺวา น เจติยวนฺทนโพธิยงฺคณภิกฺขาจารมคฺคอติมชฺฌนฺหิกเวลาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ิตมาจริยํ ทิสฺวา ปริปุจฺฉนตฺถาย อุปสงฺกเมยฺย, สกเสนาสเน ปน อตฺตโน อาสเน นิสินฺนํ วูปสนฺตทรถํ สลฺลกฺเขตฺวา กมฺมฏฺานาทิวิธิปุจฺฉนตฺถํ อุปสงฺกเมยฺยาติ อตฺโถ. เอวํ อุปสงฺกมนฺโตปิ จ ถมฺภํ นิรํกตฺวา นิวาตวุตฺติ ถทฺธภาวกรํ มานํ วินาเสตฺวา นีจวุตฺติ ปาทปฺุฉนโจฬกฉินฺนวิสาณุสภอุทฺธตทาสปฺปสทิโส หุตฺวา อุปสงฺกเมยฺย. อถ เตน ครุนา วุตฺตํ อตฺถํ ธมฺมํ…เป… สมาจเร จ. อตฺถนฺติ ภาสิตตฺถํ. ธมฺมนฺติ ปาฬิธมฺมํ. สํยมนฺติ สีลํ. พฺรหฺมจริยนฺติ อวเสสสาสนพฺรหฺมจริยํ. อนุสฺสเร เจว สมาจเร จาติ อตฺถํ กถิโตกาเส อนุสฺสเรยฺย, ธมฺมํ สํยมํ พฺรหฺมจริยํ กถิโตกาเส อนุสฺสเรยฺย, อนุสฺสรณมตฺเตเนว จ อตุสฺสนฺโต ตํ สพฺพมฺปิ สมาจเร สมาจเรยฺย สมาทาย วตฺเตยฺย. ตาสํ กถานํ อตฺตนิ ปวตฺตเน อุสฺสุกฺกํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. เอวํ กโรนฺโต หิ กิจฺจกโร โหติ.
๓๓๐. ตโต ปรฺจ ธมฺมาราโม ธมฺมรโต ธมฺเม ิโต ธมฺมวินิจฺฉยฺู ภเวยฺย. สพฺพปเทสุ เจตฺถ ธมฺโมติ สมถวิปสฺสนา, อาราโม รตีติ เอโกว อตฺโถ, ธมฺเม อาราโม อสฺสาติ ธมฺมาราโม. ธมฺเม รโต, น ¶ อฺํ ปิเหตีติ ธมฺมรโต. ธมฺเม ิโต ธมฺมํ วตฺตนโต. ธมฺมวินิจฺฉยํ ชานาติ ‘‘อิทํ อุทยาณํ อิทํ วยาณ’’นฺติ ธมฺมวินิจฺฉยฺู, เอวรูโป ¶ อสฺส. อถ ยายํ ราชกถาทิติรจฺฉานกถา ตรุณวิปสฺสกสฺส พหิทฺธารูปาทีสุ อภินนฺทนุปฺปาทเนน ตํ สมถวิปสฺสนาธมฺมํ สนฺทูเสติ, ตสฺมา ‘‘ธมฺมสนฺโทสวาโท’’ติ วุจฺจติ, ตํ เนวาจเร ธมฺมสนฺโทสวาทํ, อฺทตฺถุ อาวาสโคจราทิสปฺปายานิ เสวนฺโต ตจฺเฉหิ นีเยถ สุภาสิเตหิ. สมถวิปสฺสนาปฏิสํยุตฺตาเนเวตฺถ ตจฺฉานิ, ตถารูเปหิ สุภาสิเตหิ นีเยถ นีเยยฺย, กาลํ เขเปยฺยาติ อตฺโถ.
๓๓๑. อิทานิ ‘‘ธมฺมสนฺโทสวาท’’นฺติ เอตฺถ อติสงฺเขเปน วุตฺตํ สมถวิปสฺสนายุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อุปกฺกิเลสํ ปากฏํ กโรนฺโต ตทฺเนปิ อุปกฺกิเลเสน สทฺธึ ‘‘หสฺสํ ชปฺป’’นฺติ อิมํ คาถมาห. หาสนฺติปิ ปาโ. วิปสฺสเกน ¶ หิ ภิกฺขุนา หสนียสฺมึ วตฺถุสฺมึ สิตมตฺตเมว กาตพฺพํ, นิรตฺถกกถาชปฺโป น ภาสิตพฺโพ, าติพฺยสนาทีสุ ปริเทโว น กาตพฺโพ, ขาณุกณฺฏกาทิมฺหิ มโนปโทโส น อุปฺปาเทตพฺโพ. มายากตนฺติ วุตฺตา มายา, ติวิธํ กุหนํ, ปจฺจเยสุ คิทฺธิ, ชาติอาทีหิ มาโน, ปจฺจนีกสาตตาสงฺขาโต สารมฺโภ, ผรุสวจนลกฺขณํ กกฺกสํ, ราคาทโย กสาวา, อธิมตฺตตณฺหาลกฺขณา มุจฺฉาติ อิเม จ โทสา สุขกาเมน องฺคารกาสุ วิย, สุจิกาเมน คูถานํ วิย, ชีวิตุกาเมน อาสิวิสาทโย วิย จ ปหาตพฺพา. หิตฺวา จ อาโรคฺยมทาทิวิคมา วีตมเทน จิตฺตวิกฺเขปาภาวา ิตตฺเตน จริตพฺพํ. เอวํ ปฏิปนฺโน หิ สพฺพุปกฺกิเลสปริสุทฺธาย ภาวนาย น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณาติ. เตนาห ภควา – ‘‘หสฺสํ ชปฺปํ…เป… ิตตฺโต’’ติ.
๓๓๒. อิทานิ ยฺวายํ ‘‘หสฺสํ ชปฺป’’นฺติอาทินา นเยน อุปกฺกิเลโส วุตฺโต, เตน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยสฺมา สาหโส โหติ อวีมํสการี, รตฺโต ราควเสน ¶ ทุฏฺโ โทสวเสน คจฺฉติ, ปมตฺโต จ โหติ กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อสาตจฺจการี, ตถารูปสฺส จ ‘‘สุเณยฺย สกฺกจฺจ สุภาสิตานี’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต โอวาโท นิรตฺถโก, ตสฺมา อิมสฺส สํกิเลสสฺส ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย สุตาทิวุทฺธิปฏิปกฺขภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิฺาตสารานี’’ติ อิมํ คาถมาห.
ตสฺสตฺโถ – ยานิ เหตานิ สมถวิปสฺสนาปฏิสํยุตฺตานิ สุภาสิตานิ, เตสํ วิชานนํ สาโร. ยทิ วิฺาตานิ สาธุ, อถ สทฺทมตฺตเมว คหิตํ, น กิฺจิ กตํ โหติ, เยน เอตานิ สุตมเยน าเณน วิฺายนฺติ, ตํ สุตํ, เอตฺจ สุตมยาณํ วิฺาตสมาธิสารํ, เตสุ วิฺาเตสุ ธมฺเมสุ โย สมาธิ จิตฺตสฺสาวิกฺเขโป ตถตฺตาย ปฏิปตฺติ, อยมสฺส สาโร. น หิ วิชานนมตฺเตเนว โกจิ อตฺโถ สิชฺฌติ. โย ปนายํ นโร ราคาทิวเสน วตฺตนโต สาหโส ¶ , กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อสาตจฺจการิตาย ปมตฺโต, โส สทฺทมตฺตคฺคาหีเยว โหติ. เตน ตสฺส อตฺถวิชานนาภาวโต สา สุภาสิตวิชานนปฺา จ, ตถตฺตาย ปฏิปตฺติยา อภาวโต สุตฺจ น วฑฺฒตีติ.
๓๓๓. เอวํ ¶ ปมตฺตานํ สตฺตานํ ปฺาปริหานึ สุตปริหานิฺจ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปฺปมตฺตานํ ตทุภยสาราธิคมํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ธมฺเม จ เย…เป… สารมชฺฌคู’’ติ. ตตฺถ อริยปฺปเวทิโต ธมฺโม นาม สมถวิปสฺสนาธมฺโม. เอโกปิ หิ พุทฺโธ สมถวิปสฺสนาธมฺมํ อเทเสตฺวา ปรินิพฺพุโต นาม นตฺถิ. ตสฺมา เอตสฺมึ ธมฺเม จ เย อริยปฺปเวทิเตรตา นิรตา อปฺปมตฺตา สาตจฺจานุโยคิโน, อนุตฺตรา เต วจสา มนสา กมฺมุนา จ, เต จตุพฺพิเธน วจีสุจริเตน ติวิเธน มโนสุจริเตน ติวิเธน กายสุจริเตน จ สมนฺนาคตตฺตา วจสา มนสา กมฺมุนา จ อนุตฺตรา, อวเสสสตฺเตหิ อสมา อคฺคาวิสิฏฺา. เอตฺตาวตา สทฺธึ ปุพฺพภาคสีเลน อริยมคฺคสมฺปยุตฺตํ สีลํ ทสฺเสติ. เอวํ ปริสุทฺธสีลา เต สนฺติโสรจฺจสมาธิสณฺิตา, สุตสฺส ปฺาย จ สารมชฺฌคู, เย อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม รตา, เต น เกวลํ วาจาทีหิ อนุตฺตรา โหนฺติ, อปิจ โข ปน สนฺติโสรจฺเจ สมาธิมฺหิ จ สณฺิตา หุตฺวา สุตสฺส ¶ ปฺาย จ สารมชฺฌคู อธิคตา อิจฺเจว เวทิตพฺพา. อาสํสายํ ภูตวจนํ. ตตฺถ สนฺตีติ นิพฺพานํ, โสรจฺจนฺติ สุนฺทเร รตภาเวน ยถาภูตปฏิเวธิกา ปฺา, สนฺติยา โสรจฺจนฺติ สนฺติโสรจฺจํ, นิพฺพานารมฺมณาย มคฺคปฺาเยตํ อธิวจนํ. สมาธีติ ตํสมฺปยุตฺโตว มคฺคสมาธิ. สณฺิตาติ ตทุภเย ปติฏฺิตา. สุตปฺานํ สารํ นาม อรหตฺตผลวิมุตฺติ. วิมุตฺติสารฺหิ อิทํ พฺรหฺมจริยํ.
เอวเมตฺถ ภควา ธมฺเมน ปุพฺพภาคปฏิปทํ, ‘‘อนุตฺตรา วจสา’’ติอาทีหิ สีลกฺขนฺธํ, สนฺติโสรจฺจสมาธีหิ ปฺากฺขนฺธสมาธิกฺขนฺเธติ ตีหิปิ อิเมหิ ขนฺเธหิ อปรภาคปฏิปทฺจ ทสฺเสตฺวา สุตปฺาสาเรน อกุปฺปวิมุตฺตึ ทสฺเสนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ สมาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน จ โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ปุน น จิรสฺเสว อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺาสีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย กึสีลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อุฏฺานสุตฺตวณฺณนา
๓๓๔. อุฏฺหถาติ ¶ ¶ อุฏฺานสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต รตฺตึ เชตวนวิหาเร วสิตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นครา นิกฺขมิตฺวา มิคารมาตุปาสาทํ อคมาสิ ทิวาวิหารตฺถาย. อาจิณฺณํ กิเรตํ ภควโต รตฺตึ เชตวนวิหาเร วสิตฺวา มิคารมาตุปาสาเท ทิวาวิหารูปคมนํ, รตฺติฺจ มิคารมาตุปาสาเท วสิตฺวา เชตวเน ทิวาวิหารูปคมนํ. กสฺมา? ทฺวินฺนํ กุลานํ อนุคฺคหตฺถาย มหาปริจฺจาคคุณปริทีปนตฺถาย จ. มิคารมาตุปาสาทสฺส จ เหฏฺา ปฺจ กูฏาคารคพฺภสตานิ โหนฺติ, เยสุ ปฺจสตา ภิกฺขู วสนฺติ. ตตฺถ ยทา ภควา เหฏฺาปาสาเท วสติ, ตทา ภิกฺขู ภควโต คารเวน อุปริปาสาทํ นารุหนฺติ. ตํ ทิวสํ ปน ภควา อุปริปาสาเท กูฏาคารคพฺภํ ปาวิสิ, เตน เหฏฺาปาสาเท ปฺจปิ คพฺภสตานิ ปฺจสตา ภิกฺขู ปวิสึสุ. เต จ สพฺเพว นวา โหนฺติ อธุนาคตา อิมํ ¶ ธมฺมวินยํ อุทฺธตา อุนฺนฬา ปากตินฺทฺริยา. เต ปวิสิตฺวา ทิวาเสยฺยํ สุปิตฺวา สายํ อุฏฺาย มหาตเล สนฺนิปติตฺวา ‘‘อชฺช ภตฺตคฺเค ตุยฺหํ กึ อโหสิ, ตฺวํ กตฺถ อคมาสิ, อหํ อาวุโส โกสลรฺโ ฆรํ, อหํ อนาถปิณฺฑิกสฺส, ตตฺถ เอวรูโป จ เอวรูโป จ โภชนวิธิ อโหสี’’ติ นานปฺปการํ อามิสกถํ กเถนฺตา อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อเหสุํ.
ภควา ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อิเม มยา สทฺธึ วสนฺตาปิ เอวํ ปมตฺตา, อโห อยุตฺตการิโน’’ติ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส อาคมนํ จินฺเตสิ. ตาวเทว อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต จิตฺตํ ตฺวา อิทฺธิยา อาคมฺม ปาทมูเล วนฺทมาโนเยว อโหสิ. ตโต นํ ภควา อามนฺเตสิ – ‘‘เอเต เต, โมคฺคลฺลาน, สพฺรหฺมจาริโน ปมตฺตา, สาธุ เน สํเวเชหี’’ติ. ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ โข โส อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต ปฏิสฺสุณิตฺวา ตาวเทว อาโปกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา กรีสภูมิยํ ิตํ มหาปาสาทํ นาวํ วิย มหาวาโต ปาทงฺคุฏฺเกน กมฺเปสิ สทฺธึ ปติฏฺิตปถวิปฺปเทเสน. อถ เต ภิกฺขู ภีตา วิสฺสรํ กโรนฺตา สกสกจีวรานิ ฉฑฺเฑตฺวา จตูหิ ทฺวาเรหิ นิกฺขมึสุ. ภควา เตสํ อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต อฺเน ทฺวาเรน คนฺธกุฏึ ปวิสนฺโต วิย อโหสิ, เต ภควนฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ ¶ . ภควา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, ภีตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ, เต ‘‘อยํ, ภนฺเต, มิคารมาตุปาสาโท กมฺปิโต’’ติ อาหํสุ ¶ . ‘‘ชานาถ, ภิกฺขเว, เกนา’’ติ? ‘‘น ชานาม, ภนฺเต’’ติ. อถ ภควา ‘‘ตุมฺหาทิสานํ, ภิกฺขเว, มุฏฺสฺสตีนํ อสมฺปชานานํ ปมาทวิหารีนํ สํเวคชนนตฺถํ โมคฺคลฺลาเนน กมฺปิโต’’ติ วตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ สุตฺตมภาสิ.
ตตฺถ อุฏฺหถาติ อาสนา อุฏฺหถ ฆฏถ วายมถ, มา กุสีตา โหถ. นิสีทถาติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา กมฺมฏฺานานุโยคตฺถาย นิสีทถ. โก อตฺโถ สุปิเตน โวติ โก ตุมฺหากํ อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถาย ปพฺพชิตานํ ¶ สุปิเตน อตฺโถ. น หิ สกฺกา สุปนฺเตน โกจิ อตฺโถ ปาปุณิตุํ. อาตุรานฺหิ กา นิทฺทา, สลฺลวิทฺธาน รุปฺปตนฺติ ยตฺร จ นาม อปฺปเกปิ สรีรปฺปเทเส อุฏฺิเตน จกฺขุโรคาทินา โรเคน อาตุรานํ เอกทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ ปวิฏฺเน อยสลฺลอฏฺิสลฺลทนฺตสลฺลวิสาณสลฺลกฏฺสลฺลานํ อฺตเรน สลฺเลน รุปฺปมานานํ มนุสฺสานํ นิทฺทา นตฺถิ, ตตฺถ ตุมฺหากํ สกลจิตฺตสรีรสนฺตานํ ภฺชิตฺวา อุปฺปนฺเนหิ นานปฺปการกิเลสโรเคหิ อาตุรานฺหิ กา นิทฺทา ราคสลฺลาทีหิ จ ปฺจหิ สลฺเลหิ อนฺโตหทยํ ปวิสิย วิทฺธตฺตา สลฺลวิทฺธานํ รุปฺปตํ.
๓๓๕. เอวํ วตฺวา ปุน ภควา ภิยฺโยโสมตฺตาย เต ภิกฺขู อุสฺสาเหนฺโต สํเวเชนฺโต จ อาห – ‘‘อุฏฺหถ…เป… วสานุเค’’ติ. ตตฺรายํ สาธิปฺปายโยชนา อตฺถวณฺณนา – เอวํ กิเลสสลฺลวิทฺธานฺหิ โว, ภิกฺขเว, กาโล ปพุชฺฌิตุํ. กึ การณํ? มณฺฑเปยฺยมิทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยํ, สตฺถา สมฺมุขีภูโต, อิโต ปุพฺเพ ปน โว ทีฆรตฺตํ สุตฺตํ, คิรีสุ สุตฺตํ, นทีสุ สุตฺตํ, สเมสุ สุตฺตํ, วิสเมสุ สุตฺตํ, รุกฺขคฺเคสุปิ สุตฺตํ อทสฺสนา อริยสจฺจานํ, ตสฺมา ตสฺสา นิทฺทาย อนฺตกิริยตฺถํ อุฏฺหถ นิสีทถ ทฬฺหํ สิกฺขถ สนฺติยา.
ตตฺถ ปุริมปาทสฺสตฺโถ วุตฺตนโย เอว. ทุติยปาเท ปน สนฺตีติ ติสฺโส สนฺติโย – อจฺจนฺตสนฺติ, ตทงฺคสนฺติ, สมฺมุติสนฺตีติ, นิพฺพานวิปสฺสนาทิฏฺิคตานเมตํ อธิวจนํ. อิธ ปน อจฺจนฺตสนฺติ นิพฺพานมธิปฺเปตํ, ตสฺมา นิพฺพานตฺถํ ทฬฺหํ สิกฺขถ, อสิถิลปรกฺกมา หุตฺวา สิกฺขถาติ วุตฺตํ โหติ. กึ การณํ? มา โว ปมตฺเต วิฺาย, มจฺจุราชา อโมหยิตฺถ วสานุเค ¶ , มา ตุมฺเห ‘‘ปมตฺตา เอเต’’ติ เอวํ ตฺวา มจฺจุราชปริยายนาโม มาโร วสานุเค อโมหยิตฺถ, ยถา ตสฺส วสํ คจฺฉถ, เอวํ วสานุเค กโรนฺโต มา อโมหยิตฺถาติ วุตฺตํ โหติ.
๓๓๖. ยโต ตสฺส วสํ อนุปคจฺฉนฺตา ยาย เทวา มนุสฺสา จ…เป… สมปฺปิตา, ยาย เทวา จ มนุสฺสา จ อตฺถิกา รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพตฺถิกา, ตํ รูปาทึ สิตา นิสฺสิตา อลฺลีนา ¶ หุตฺวา ติฏฺนฺติ, ตรถ สมติกฺกมถ เอตํ นานปฺปกาเรสุ วิสเยสุ วิสฏวิตฺถิณฺณวิสาลตฺตา ¶ วิสตฺติกํ ภวโภคตณฺหํ. ขโณ โว มา อุปจฺจคา, อยํ ตุมฺหากํ สมณธมฺมกรณกฺขโณ มา อติกฺกมิ. เยสฺหิ อยเมวรูโป ขโณ อติกฺกมติ, เย จ อิมํ ขณํ อติกฺกมนฺติ, เต ขณาตีตา หิ โสจนฺติ นิรยมฺหิ สมปฺปิตา, นิรสฺสาทฏฺเน นิรยสฺิเต จตุพฺพิเธปิ อปาเย ปติฏฺิตา ‘‘อกตํ วต โน กลฺยาณ’’นฺติอาทินา นเยน โสจนฺติ.
๓๓๗. เอวํ ภควา เต ภิกฺขู อุสฺสาเหตฺวา สํเวเชตฺวา จ อิทานิ เตสํ ตํ ปมาทวิหารํ วิครหิตฺวา สพฺเพว เต อปฺปมาเท นิโยเชนฺโต ‘‘ปมาโท รโช’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ปมาโทติ สงฺเขปโต สติวิปฺปวาโส, โส จิตฺตมลินฏฺเน รโช. ตํ ปมาทมนุปติโต ปมาทานุปติโต, ปมาทานุปติตตฺตา อปราปรุปฺปนฺโน ปมาโท เอว, โสปิ รโช. น หิ กทาจิ ปมาโท นาม อรโช อตฺถิ. เตน กึ ทีเปติ? มา ตุมฺเห ‘‘ทหรา ตาว มยํ ปจฺฉา ชานิสฺสามา’’ติ วิสฺสาสมาปชฺชิตฺถ. ทหรกาเลปิ หิ ปมาโท รโช, มชฺฌิมกาเลปิ เถรกาเลปิ ปมาทานุปติตตฺตา มหารโช สงฺการกูโฏ เอว โหติ, ยถา ฆเร เอกทฺเวทิวสิโก รโช รโช เอว, วฑฺฒมาโน ปน คณวสฺสิโก สงฺการกูโฏ เอว โหติ. เอวํ สนฺเตปิ ปน ปมวเย พุทฺธวจนํ ปริยาปุณิตฺวา อิตรวเยสุ สมณธมฺมํ กโรนฺโต, ปมวเย วา ปริยาปุณิตฺวา มชฺฌิมวเย สุณิตฺวา ปจฺฉิมวเย สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ ภิกฺขุ ปมาทวิหารี น โหติ อปฺปมาทานุโลมปฏิปทํ ปฏิปนฺนตฺตา. โย ปน สพฺพวเยสุ ปมาทวิหารี ทิวาเสยฺยํ อามิสกถฺจ อนุยุตฺโต, เสยฺยถาปิ ตุมฺเห, ตสฺเสว โส ปมวเย ปมาโท รโช, อิตรวเยสุ ปมาทานุปติโต มหาปมาโท จ มหารโช เอวาติ.
เอวํ ¶ เตสํ ปมาทวิหารํ วิครหิตฺวา อปฺปมาเท นิโยเชนฺโต อาห – ‘‘อปฺปมาเทน วิชฺชาย, อพฺพเห สลฺลมตฺตโน’’ติ, ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา เอวเมโส สพฺพทาปิ ปมาโท รโช, ตสฺมา สติอวิปฺปวาสสงฺขาเตน อปฺปมาเทน อาสวานํ ขยาณสงฺขาตาย จ วิชฺชาย ปณฺฑิโต กุลปุตฺโต อุทฺธเร อตฺตโน หทยนิสฺสิตํ ราคาทิปฺจวิธํ สลฺลนฺติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ สมาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน สํเวคมาปชฺชิตฺวา ตเมว ธมฺมเทสนํ มนสิ กริตฺวา ปจฺจเวกฺขมานา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปฺจสตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย อุฏฺานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. ราหุลสุตฺตวณฺณนา
๓๓๘. กจฺจิ ¶ ¶ อภิณฺหสํวาสาติ ราหุลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา โพธิมณฺฑโต อนุปุพฺเพน กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ตตฺถ ราหุลกุมาเรน ‘‘ทายชฺชํ เม สมณ เทหี’’ติ ทายชฺชํ ยาจิโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อาณาเปสิ – ‘‘ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชหี’’ติ. ตํ สพฺพํ ขนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๐๕) วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ. เอวํ ปพฺพชิตํ ปน ราหุลกุมารํ วุฑฺฒิปฺปตฺตํ สาริปุตฺตตฺเถโรว อุปสมฺปาเทสิ, มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร อสฺส กมฺมวาจาจริโย อโหสิ. ตํ ภควา ‘‘อยํ กุมาโร ชาติอาทิสมฺปนฺโน, โส ชาติโคตฺตกุลวณฺณโปกฺขรตาทีนิ นิสฺสาย มานํ วา มทํ วา มา อกาสี’’ติ ทหรกาลโต ปภุติ ยาว น อริยภูมึ ปาปุณิ, ตาว โอวทนฺโต อภิณฺหํ อิมํ สุตฺตมภาสิ. ตสฺมา เจตํ สุตฺตปริโยสาเนปิ วุตฺตํ ‘‘อิตฺถํ สุทํ ภควา อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อิมาหิ คาถาหิ อภิณฺหํ โอวทตี’’ติ. ตตฺถ ปมคาถายํ อยํ สงฺเขปตฺโถ ‘‘กจฺจิ ตฺวํ, ราหุล, อภิณฺหํ สํวาสเหตุ ชาติอาทีนํ อฺตเรน วตฺถุนา น ปริภวสิ ปณฺฑิตํ, าณปทีปสฺส ธมฺมเทสนาปทีปสฺส จ ธารณโต อุกฺกาธาโร มนุสฺสานํ ¶ กจฺจิ อปจิโต ตยา, กจฺจิ นิจฺจํ ปูชิโต ตยา’’ติ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ สนฺธาย ภณติ.
๓๓๙. เอวํ วุตฺเต อายสฺมา ราหุโล ‘‘นาหํ ภควา นีจปุริโส วิย สํวาสเหตุ มานํ วา มทํ วา กโรมี’’ติ ทีเปนฺโต อิมํ ปฏิคาถมาห ‘‘นาหํ อภิณฺหสํวาสา’’ติ. สา อุตฺตานตฺถา เอว.
๓๔๐. ตโต นํ ภควา อุตฺตรึ โอวทนฺโต ปฺจ กามคุเณติอาทิกา อวเสสคาถาโย อาห. ตตฺถ ยสฺมา ปฺจ กามคุณา สตฺตานํ ปิยรูปา ปิยชาติกา อติวิย สตฺเตหิ อิจฺฉิตา ปตฺถิตา ¶ , มโน จ เนสํ รมยนฺติ, เต จายสฺมา ราหุโล หิตฺวา สทฺธาย ฆรา นิกฺขนฺโต, น ราชาภินีโต, น โจราภินีโต, น อิณฏฺโฏ, น ภยฏฺโฏ, น ชีวิกาปกโต, ตสฺมา นํ ภควา ‘‘ปฺจ กามคุเณ หิตฺวา, ปิยรูเป มโนรเม, สทฺธาย ฆรา นิกฺขมฺมา’’ติ สมุตฺเตเชตฺวา อิมสฺส เนกฺขมฺมสฺส ปติรูปาย ปฏิปตฺติยา นิโยเชนฺโต อาห – ‘‘ทุกฺขสฺสนฺตกโร ภวา’’ติ.
ตตฺถ ¶ สิยา ‘‘นนุ จายสฺมา ทายชฺชํ ปตฺเถนฺโต พลกฺกาเรน ปพฺพาชิโต, อถ กสฺมา ภควา อาห – ‘สทฺธาย ฆรา นิกฺขมฺมา’’’ติ วุจฺจเต – เนกฺขมฺมาธิมุตฺตตฺตา. อยฺหิ อายสฺมา ทีฆรตฺตํ เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต ปทุมุตฺตรสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุตฺตํ อุปเรวตํ นาม สามเณรํ ทิสฺวา สงฺโข นาม นาคราชา หุตฺวา สตฺต ทิวเส ทานํ ทตฺวา ตถาภาวํ ปตฺเถตฺวา ตโต ปภุติ ปตฺถนาสมฺปนฺโน อภินีหารสมฺปนฺโน สตสหสฺสกปฺเป ปารมิโย ปูเรตฺวา อนฺติมภวํ อุปปนฺโน. เอวํ เนกฺขมฺมาธิมุตฺตตฺจสฺส ภควา ชานาติ. ตถาคตพลฺตรฺหิ เอตํ าณํ. ตสฺมา อาห – ‘‘สทฺธาย ฆรา นิกฺขมฺมา’’ติ. อถ วา ทีฆรตฺตํ สทฺธาเยว ฆรา นิกฺขมฺม อิทานิ ทุกฺขสฺสนฺตกโร ภวาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
๓๔๑. อิทานิสฺส อาทิโต ปภุติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย ปฏิปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘มิตฺเต ภชสฺสุ กลฺยาเณ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สีลาทีหิ อธิกา กลฺยาณมิตฺตา นาม, เต ภชนฺโต หิมวนฺตํ นิสฺสาย มหาสาลา มูลาทีหิ วิย สีลาทีหิ วฑฺฒติ. เตนาห – ‘‘มิตฺเต ภชสฺสุ กลฺยาเณ’’ติ. ปนฺตฺจ สยนาสนํ, วิวิตฺตํ อปฺปนิคฺโฆสนฺติ ยฺจ สยนาสนํ ปนฺตํ ทูรํ วิวิตฺตํ อปฺปากิณฺณํ อปฺปนิคฺโฆสํ, ยตฺถ มิคสูกราทิสทฺเทน อรฺสฺา ¶ อุปฺปชฺชติ, ตถารูปํ สยนาสนฺจ ภชสฺสุ. มตฺตฺู โหหิ โภชเนติ ปมาณฺู โหหิ, ปฏิคฺคหณมตฺตํ ปริโภคมตฺตฺจ ชานาหีติ อตฺโถ. ตตฺถ ปฏิคฺคหณมตฺตฺุนา เทยฺยธมฺเมปิ อปฺเป ทายเกปิ อปฺปํ ทาตุกาเม อปฺปเมว คเหตพฺพํ, เทยฺยธมฺเม อปฺเป ทายเก ปน พหุํ ทาตุกาเมปิ อปฺปเมว คเหตพฺพํ, เทยฺยธมฺเม ปน พหุตเร ¶ ทายเกปิ อปฺปํ ทาตุกาเม อปฺปเมว คเหตพฺพํ, เทยฺยธมฺเมปิ พหุตเร ทายเกปิ พหุํ ทาตุกาเม อตฺตโน พลํ ชานิตฺวา คเหตพฺพํ. อปิจ มตฺตาเยว วณฺณิตา ภควตาติ ปริโภคมตฺตฺุนา ปุตฺตมํสํ วิย อกฺขพฺภฺชนมิว จ โยนิโส มนสิ กริตฺวา โภชนํ ปริภฺุชิตพฺพนฺติ.
๓๔๒. เอวมิมาย คาถาย พฺรหฺมจริยสฺส อุปการภูตาย กลฺยาณมิตฺตเสวนาย นิโยเชตฺวา เสนาสนโภชนมุเขน จ ปจฺจยปริโภคปาริสุทฺธิสีเล สมาทเปตฺวา อิทานิ ยสฺมา จีวราทีสุ ตณฺหาย มิจฺฉาอาชีโว โหติ, ตสฺมา ตํ ปฏิเสเธตฺวา อาชีวปาริสุทฺธิสีเล สมาทเปนฺโต ‘‘จีวเร ปิณฺฑปาเต จา’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ปจฺจเยติ คิลานปฺปจฺจเย. เอเตสูติ เอเตสุ จตูสุ จีวราทีสุ ภิกฺขูนํ ตณฺหุปฺปาทวตฺถูสุ. ตณฺหํ มากาสีติ ‘‘หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนาทิอตฺถเมว เต จตฺตาโร ปจฺจยา นิจฺจาตุรานํ ปุริสานํ ปฏิการภูตา ชชฺชรฆรสฺเสวิมสฺส อติทุพฺพลสฺส กายสฺส อุปตฺถมฺภภูตา’’ติอาทินา นเยน อาทีนวํ ปสฺสนฺโต ตณฺหํ มา ชเนสิ, อชเนนฺโต อนุปฺปาเทนฺโต วิหราหีติ วุตฺตํ โหติ. กึ การณํ? มา ¶ โลกํ ปุนราคมิ. เอเตสุ หิ ตณฺหํ กโรนฺโต ตณฺหาย อากฑฺฒิยมาโน ปุนปิ อิมํ โลกํ อาคจฺฉติ. โส ตฺวํ เอเตสุ ตณฺหํ มากาสิ, เอวํ สนฺเต น ปุน อิมํ โลกํ อาคมิสฺสสีติ.
เอวํ วุตฺเต อายสฺมา ราหุโล ‘‘จีวเร ตณฺหํ มากาสีติ มํ ภควา อาหา’’ติ จีวรปฏิสํยุตฺตานิ ทฺเว ธุตงฺคานิ สมาทิยิ ปํสุกูลิกงฺคฺจ, เตจีวริกงฺคฺจ. ‘‘ปิณฺฑปาเต ตณฺหํ มากาสีติ มํ ภควา อาหา’’ติ ปิณฺฑปาตปฏิสํยุตฺตานิ ปฺจ ธุตงฺคานิ สมาทิยิ – ปิณฺฑปาติกงฺคํ, สปทานจาริกงฺคํ, เอกาสนิกงฺคํ, ปตฺตปิณฺฑิกงฺคํ, ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคนฺติ. ‘‘เสนาสเน ตณฺหํ มากาสีติ มํ ภควา อาหา’’ติ เสนาสนปฏิสํยุตฺตานิ ¶ ฉ ธุตงฺคานิ สมาทิยิ – อารฺิกงฺคํ, อพฺโภกาสิกงฺคํ, รุกฺขมูลิกงฺคํ, ยถาสนฺถติกงฺคํ, โสสานิกงฺคํ, เนสชฺชิกงฺคนฺติ. ‘‘คิลานปฺปจฺจเย ตณฺหํ มากาสีติ มํ ภควา อาหา’’ติ สพฺพปฺปจฺจเยสุ ยถาลาภํ ยถาพลํ ยถาสารุปฺปนฺติ ตีหิ ¶ สนฺโตเสหิ สนฺตุฏฺโ อโหสิ, ยถา ตํ สุพฺพโจ กุลปุตฺโต ปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนินฺติ.
๓๔๓. เอวํ ภควา อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อาชีวปาริสุทฺธิสีเล สมาทเปตฺวา อิทานิ อวเสสสีเล สมถวิปสฺสนาสุ จ สมาทเปตุํ ‘‘สํวุโต ปาติโมกฺขสฺมิ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สํวุโต ปาติโมกฺขสฺมินฺติ เอตฺถ ภวสฺสูติ ปาเสโส. ภวาติ อนฺติมปเทน วา สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ, ตถา ทุติยปเท. เอวเมเตหิ ทฺวีหิ วจเนหิ ปาติโมกฺขสํวรสีเล, อินฺทฺริยสํวรสีเล จ สมาทเปสิ. ปากฏวเสน เจตฺถ ปฺจินฺทฺริยานิ วุตฺตานิ. ลกฺขณโต ปน ฉฏฺมฺปิ วุตฺตํเยว โหตีติ เวทิตพฺพํ. สติ กายคตา ตฺยตฺถูติ เอวํ จตุปาริสุทฺธิสีเล ปติฏฺิตสฺส ตุยฺหํ จตุธาตุววตฺถานจตุพฺพิธสมฺปชฺานาปานสฺสติอาหาเรปฏิกูลสฺาภาวนาทิเภทา กายคตา สติ อตฺถุ ภวตุ, ภาเวหิ นนฺติ อตฺโถ. นิพฺพิทาพหุโล ภวาติ สํสารวฏฺเฏ อุกฺกณฺนพหุโล สพฺพโลเก อนภิรตสฺี โหหีติ อตฺโถ.
๓๔๔. เอตฺตาวตา นิพฺเพธภาคิยํ อุปจารภูมึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปฺปนาภูมึ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิมิตฺตํ ปริวชฺเชหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นิมิตฺตนฺติ ราคฏฺานิยํ สุภนิมิตฺตํ. เตเนว นํ ปรโต วิเสเสนฺโต อาห – ‘‘สุภํ ราคูปสฺหิต’’นฺติ. ปริวชฺเชหีติ อมนสิกาเรน ปริจฺจชาหิ. อสุภาย จิตฺตํ ภาเวหีติ ยถา สวิฺาณเก อวิฺาณเก วา กาเย อสุภภาวนา สมฺปชฺชติ, เอวํ จิตฺตํ ภาเวหิ. เอกคฺคํ สุสมาหิตนฺติ อุปจารสมาธินา เอกคฺคํ, อปฺปนาสมาธินา สุสมาหิตํ. ยถา เต อีทิสํ จิตฺตํ โหติ, ตถา นํ ภาเวหีติ อตฺโถ.
๓๔๕. เอวมสฺส ¶ อปฺปนาภูมึ ทสฺเสตฺวา วิปสฺสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนิมิตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อนิมิตฺตฺจ ภาเวหีติ เอวํ นิพฺเพธภาคิเยน สมาธินา สมาหิตจิตฺโต วิปสฺสนํ ภาเวหีติ วุตฺตํ โหติ. วิปสฺสนา หิ ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาาณํ นิจฺจนิมิตฺตโต วิมุจฺจตีติ อนิมิตฺโต วิโมกฺโข’’ติอาทินา ¶ นเยน ราคนิมิตฺตาทีนํ วา อคฺคหเณน อนิมิตฺตโวหารํ ลภติ. ยถาห –
‘‘โส ขฺวาหํ, อาวุโส, สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อนิมิตฺตํ เจโตสมาธึ อุปสมฺปชฺช ¶ วิหรามิ. ตสฺส มยฺหํ, อาวุโส, อิมินา วิหาเรน วิหรโต นิมิตฺตานุสาริ วิฺาณํ โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๐).
มานานุสยมุชฺชหาติ อิมาย อนิมิตฺตภาวนาย อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิตฺวา ‘‘อนิจฺจสฺิโน, เมฆิย, อนตฺตสฺา สณฺาติ, อนตฺตสฺี อสฺมิมานสมุคฺฆาตํ ปาปุณาตี’’ติ เอวมาทินา (อ. นิ. ๙.๓; อุทา. ๓๑) อนุกฺกเมน มานานุสยํ อุชฺชห ปชห ปริจฺจชาหีติ อตฺโถ. ตโต มานาภิสมยา, อุปสนฺโต จริสฺสสีติ อเถวํ อริยมคฺเคน มานสฺส อภิสมยา ขยา วยา ปหานา ปฏินิสฺสคฺคา อุปสนฺโต นิพฺพุโต สีติภูโต สพฺพทรถปริฬาหวิรหิโต ยาว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพาสิ, ตาว สฺุตานิมิตฺตาปฺปณิหิตานํ อฺตรฺตเรน ผลสมาปตฺติวิหาเรน จริสฺสสิ วิหริสฺสสีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
ตโต ปรํ ‘‘อิตฺถํ สุทํ ภควา’’ติอาทิ สงฺคีติการกานํ วจนํ. ตตฺถ อิตฺถํ สุทนฺติ อิตฺถํ สุ อิทํ, เอวเมวาติ วุตฺตํ โหติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว. เอวํ โอวทิยมาโน จายสฺมา ราหุโล ปริปากคเตสุ วิมุตฺติปริปาจนิเยสุ ธมฺเมสุ จูฬราหุโลวาทสุตฺตปริโยสาเน อเนเกหิ เทวตาสหสฺเสหิ สทฺธึ อรหตฺเต ปติฏฺาสีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ราหุลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. นิคฺโรธกปฺปสุตฺต-(วงฺคีสสุตฺต)-วณฺณนา
เอวํ ¶ เม สุตนฺติ นิคฺโรธกปฺปสุตฺตํ, ‘‘วงฺคีสสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติ. กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตา. ตตฺถ เอวํ เมติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนว, ยโต ¶ ตานิ อฺานิ จ ตถาวิธานิ ฉฑฺเฑตฺวา อวุตฺตนยเมว วณฺณยิสฺสาม. อคฺคาฬเว เจติเยติ อาฬวิยํ อคฺคเจติเย. อนุปฺปนฺเน หิ ภควติ อคฺคาฬวโคตมกาทีนิ อเนกานิ เจติยานิ อเหสุํ ยกฺขนาคาทีนํ ภวนานิ. ตานิ อุปฺปนฺเน ภควติ มนุสฺสา วินาเสตฺวา วิหาเร อกํสุ, เตเนว จ นาเมน โวหรึสุ. ตโต ¶ อคฺคาฬวเจติยสงฺขาเต วิหาเร วิหรตีติ วุตฺตํ โหติ. อายสฺมโต วงฺคีสสฺสาติ เอตฺถ อายสฺมาติ ปิยวจนํ, วงฺคีโสติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. โส ชาติโต ปภุติ เอวํ เวทิตพฺโพ – โส กิร ปริพฺพาชกสฺส ปุตฺโต ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ ชาโต อฺตรํ วิชฺชํ ชานาติ, ยสฺสานุภาเวน ฉวสีสํ อาโกเฏตฺวา สตฺตานํ คตึ ชานาติ. มนุสฺสาปิ สุทํ อตฺตโน าตีนํ กาลกตานํ สุสานโต สีสานิ อาเนตฺวา ตํ เตสํ คตึ ปุจฺฉนฺติ. โส ‘‘อสุกนิรเย นิพฺพตฺโต, อสุกมนุสฺสโลเก’’ติ วทติ. เต เตน วิมฺหิตา ตสฺส พหุํ ธนํ เทนฺติ. เอวํ โส สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ อโหสิ.
โส สตสหสฺสกปฺปํ ปูริตปารมี อภินีหารสมฺปนฺโน ปฺจหิ ปุริสสหสฺเสหิ ปริวุโต คามนิคมชนปทราชธานีสุ วิจรนฺโต สาวตฺถึ อนุปฺปตฺโต. เตน จ สมเยน ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ, สาวตฺถิวาสิโน ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สุนิวตฺถา สุปารุตา ปุปฺผคนฺธาทีนิ คเหตฺวา ธมฺมสฺสวนตฺถาย เชตวนํ คจฺฉนฺติ. โส เต ทิสฺวา ‘‘มหาชนกาโย กุหึ คจฺฉตี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เต อาจิกฺขึสุ – ‘‘พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, โส พหุชนหิตาย ธมฺมํ เทเสติ, ตตฺถ คจฺฉามา’’ติ. โสปิ เตหิ สทฺธึ สปริวาโร คนฺตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ ภควา อามนฺเตสิ – ‘‘กึ, วงฺคีส, ชานาสิ กิร ตาทิสํ วิชฺชํ, ยาย สตฺตานํ ฉวสีสานิ อาโกเฏตฺวา คตึ ปเวเทสี’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม, ชานามี’’ติ. ภควา นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ อาหราเปตฺวา ทสฺเสสิ, โส นเขน อาโกเฏตฺวา ‘‘นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ โภ โคตมา’’ติ อาห. เอวํ สพฺพคตินิพฺพตฺตานํ สีสานิ ทสฺเสสิ, โสปิ ตเถว ตฺวา อาโรเจสิ. อถสฺส ภควา ขีณาสวสีสํ ทสฺเสสิ, โส ปุนปฺปุนํ อาโกเฏตฺวา ¶ น อฺาสิ. ตโต ภควา ‘‘อวิสโย ¶ เต เอตฺถ วงฺคีส, มเมเวโส ¶ วิสโย, ขีณาสวสีส’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมภาสิ –
‘‘คตี มิคานํ ปวนํ, อากาโส ปกฺขินํ คติ;
วิภโว คติ ธมฺมานํ, นิพฺพานํ อรหโต คตี’’ติ. (ปริ. ๓๓๙);
วงฺคีโส คาถํ สุตฺวา ‘‘อิมํ เม, โภ โคตม, วิชฺชํ เทหี’’ติ อาห. ภควา ‘‘นายํ วิชฺชา อปพฺพชิตานํ สมฺปชฺชตี’’ติ อาห. โส ‘‘ปพฺพาเชตฺวา วา มํ, โภ โคตม, ยํ วา อิจฺฉสิ, ตํ กตฺวา อิมํ วิชฺชํ เทหี’’ติ อาห. ตทา จ ภควโต นิคฺโรธกปฺปตฺเถโร สมีเป โหติ, ตํ ภควา อาณาเปสิ – ‘‘เตน หิ, นิคฺโรธกปฺป, อิมํ ปพฺพาเชหี’’ติ. โส ตํ ปพฺพาเชตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. วงฺคีโส อนุปุพฺเพน ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต อรหา อโหสิ. เอตทคฺเค จ ภควตา นิทฺทิฏฺโ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ปฏิภานวนฺตานํ ยทิทํ วงฺคีโส’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๒).
เอวํ สมุทาคตสฺส อายสฺมโต วงฺคีสสฺส อุปชฺฌาโย วชฺชาวชฺชาทิอุปนิชฺฌายเนน เอวํ ลทฺธโวหาโร นิคฺโรธกปฺโป นาม เถโร. กปฺโปติ ตสฺส เถรสฺส นามํ, นิคฺโรธมูเล ปน อรหตฺตํ อธิคตตฺตา ‘‘นิคฺโรธกปฺโป’’ติ ภควตา วุตฺโต. ตโต นํ ภิกฺขูปิ เอวํ โวหรนฺติ. สาสเน ถิรภาวํ ปตฺโตติ เถโร. อคฺคาฬเว เจติเย อจิรปรินิพฺพุโต โหตีติ ตสฺมึ เจติเย อจิรปรินิพฺพุโต โหติ. รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺสาติ คณมฺหา วูปกฏฺตฺตา รโหคตสฺส กาเยน, ปฏิสลฺลีนสฺส จิตฺเตน เตหิ เตหิ วิสเยหิ ปฏินิวตฺติตฺวา สลฺลีนสฺส. เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทีติ อิมินา อากาเรน วิตกฺโก อุปฺปชฺชิ. กสฺมา ปน อุทปาทีติ. อสมฺมุขตฺตา ทิฏฺาเสวนตฺตา จ. อยฺหิ ตสฺส ปรินิพฺพานกาเล น สมฺมุขา อโหสิ, ทิฏฺปุพฺพฺจาเนน อสฺส หตฺถกุกฺกุจฺจาทิปุพฺพาเสวนํ, ตาทิสฺจ อขีณาสวานมฺปิ โหติ ขีณาสวานมฺปิ ปุพฺพปริจเยน.
ตถา หิ ปิณฺโฑลภารทฺวาโช ปจฺฉาภตฺตํ ทิวาวิหารตฺถาย อุเทนสฺส อุยฺยานเมว คจฺฉติ ¶ ปุพฺเพ ราชา หุตฺวา ตตฺถ ปริจาเรสีติ อิมินา ปุพฺพปริจเยน, ควมฺปติตฺเถโร ตาวตึสภวเน สฺุํ เทววิมานํ คจฺฉติ เทวปุตฺโต หุตฺวา ตตฺถ ปริจาเรสีติ อิมินา ปุพฺพปริจเยน. ปิลินฺทวจฺโฉ ภิกฺขู วสลวาเทน สมุทาจรติ อพฺโพกิณฺณานิ ปฺจ ชาติสตานิ ¶ พฺราหฺมโณ หุตฺวา ตถา อภาสีติ อิมินา ปุพฺพปริจเยน. ตสฺมา อสมฺมุขตฺตา ทิฏฺาเสวนตฺตา จสฺส เอวํ เจตโส ¶ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘ปรินิพฺพุโต นุ โข เม อุปชฺฌาโย, อุทาหุ โน ปรินิพฺพุโต’’ติ. ตโต ปรํ อุตฺตานตฺถเมว. เอกํสํ จีวรํ กตฺวาติ เอตฺถ ปน ปุน สณฺาปเนน เอวํ วุตฺตํ. เอกํสนฺติ จ วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตสฺเสตํ อธิวจนํ. ยโต ยถา วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตํ โหติ, ตถา จีวรํ กตฺวาติ เอวมสฺสตฺโถ เวทิตพฺโพ. เสสํ ปากฏเมว.
๓๔๖. อโนมปฺนฺติ โอมํ วุจฺจติ ปริตฺตํ ลามกํ, น โอมปฺํ, อโนมปฺํ, มหาปฺนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ปจฺจกฺขเมว, อิมสฺมึเยว อตฺตภาเวติ วา อตฺโถ. วิจิกิจฺฉานนฺติ เอวรูปานํ ปริวิตกฺกานํ. าโตติ ปากโฏ. ยสสฺสีติ ลาภปริวารสมฺปนฺโน อภินิพฺพุตตฺโตติ คุตฺตจิตฺโต อปริฑยฺหมานจิตฺโต วา.
๓๔๗. ตยา กตนฺติ นิคฺโรธมูเล นิสินฺนตฺตา ‘‘นิคฺโรธกปฺโป’’ติ วทตา ตยา กตนฺติ ยถา อตฺตนา อุปลกฺเขติ, ตถา ภณติ. ภควา ปน น นิสินฺนตฺตา เอว ตํ ตถา อาลปิ, อปิจ โข ตตฺถ อรหตฺตํ ปตฺตตฺตา. พฺราหฺมณสฺสาติ ชาตึ สนฺธาย ภณติ. โส กิร พฺราหฺมณมหาสาลกุลา ปพฺพชิโต. นมสฺสํ อจรีติ นมสฺสมาโน วิหาสิ. มุตฺยเปกฺโขติ นิพฺพานสงฺขาตํ วิมุตฺตึ อเปกฺขมาโน, นิพฺพานํ ปตฺเถนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ทฬฺหธมฺมทสฺสีติ ภควนฺตํ อาลปติ. ทฬฺหธมฺโม หิ นิพฺพานํ อภิชฺชนฏฺเน, ตฺจ ภควา ทสฺเสติ. ตสฺมา ตํ ‘‘ทฬฺหธมฺมทสฺสี’’ติ อาห.
๓๔๘. สกฺยาติปิ ภควนฺตเมว กุลนาเมน อาลปติ. มยมฺปิ สพฺเพติ นิรวเสสปริสํ สงฺคณฺหิตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต ภณติ. สมนฺตจกฺขูติปิ ภควนฺตเมว สพฺพฺุตฺาเณน อาลปติ. สมวฏฺิตาติ สมฺมา อวฏฺิตา อาโภคํ กตฺวา ิตา. โนติ อมฺหากํ. สวนายาติ ¶ อิมสฺส ปฺหสฺส เวยฺยากรณสฺสวนตฺถาย. โสตาติ โสตินฺทฺริยานิ. ตุวํ โน สตฺถา ตฺวมนุตฺตโรสีติ ถุติวจนมตฺตเมเวตํ.
๓๔๙. ฉินฺเทว ¶ โน วิจิกิจฺฉนฺติ อกุสลวิจิกิจฺฉาย นิพฺพิจิกิจฺโฉ โส, วิจิกิจฺฉาปติรูปกํ ปน ตํ ปริวิตกฺกํ สนฺธาเยวมาห. พฺรูหิ เมตนฺติ พฺรูหิ เม เอตํ, ยํ มยา ยาจิโตสิ ‘‘ตํ สาวกํ สกฺย, มยมฺปิ สพฺเพ อฺาตุมิจฺฉามา’’ติ, พฺรูวนฺโต จ ตํ พฺราหฺมณํ ปรินิพฺพุตํ เวทย ภูริปฺ มชฺเฌว โน ภาส, ปรินิพฺพุตํ ตฺวา มหาปฺํ ภควา มชฺเฌว อมฺหากํ สพฺเพสํ ภาส, ยถา สพฺเพว มยํ ชาเนยฺยาม. สกฺโกว เทวาน สหสฺสเนตฺโตติ อิทํ ปน ถุติวจนเมว. อปิจสฺส อยํ อธิปฺปาโย – ยถา สกฺโก สหสฺสเนตฺโต เทวานํ มชฺเฌ ¶ เตหิ สกฺกจฺจํ สมฺปฏิจฺฉิตวจโน ภาสติ, เอวํ อมฺหากํ มชฺเฌ อมฺเหหิ สมฺปฏิจฺฉิตวจโน ภาสาติ.
๓๕๐. เย เกจีติ อิมมฺปิ คาถํ ภควนฺตํ ถุนนฺโตเยว วตฺตุกามตํ ชเนตุํ ภณติ. ตสฺสตฺโถ เย เกจิ อภิชฺฌาทโย คนฺถา เตสํ อปฺปหาเน โมหวิจิกิจฺฉานํ ปหานาภาวโต ‘‘โมหมคฺคา’’ติ จ ‘‘อฺาณปกฺขา’’ติ จ ‘‘วิจิกิจฺฉฏฺานา’’ติ จ วุจฺจนฺติ. สพฺเพ เต ตถาคตํ ปตฺวา ตถาคตสฺส เทสนาพเลน วิทฺธํสิตา น ภวนฺติ นสฺสนฺติ. กึ การณํ? จกฺขฺุหิ เอตํ ปรมํ นรานํ, ยสฺมา ตถาคโต สพฺพคนฺถวิธมนปฺาจกฺขุชนนโต นรานํ ปรมํ จกฺขุนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๓๕๑. โน เจ หิ ชาตูติ อิมมฺปิ คาถํ ถุนนฺโตเยว วตฺตุกามตํ ชเนนฺโตว ภณติ. ตตฺถ ชาตูติ เอกํสวจนํ. ปุริโสติ ภควนฺตํ สนฺธายาห. โชติมนฺโตติ ปฺาโชติสมนฺนาคตา สาริปุตฺตาทโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ ภควา ยถา ปุรตฺถิมาทิเภโท วาโต อพฺภฆนํ วิหนติ, เอวํ เทสนาเวเคน กิเลเส น วิหเนยฺย ¶ . ตถา ยถา อพฺภฆเนน นิวุโต โลโก ตโมว โหติ เอกนฺธกาโร, เอวํ อฺาณนิวุโตปิ ตโมวสฺส. เยปิ อิเม ทานิ โชติมนฺโต ขายนฺติ สาริปุตฺตาทโย, เตปิ นรา น ตเปยฺยุนฺติ.
๓๕๒. ธีรา จาติ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนว ภณติ. ตสฺสตฺโถ ธีรา จ ปณฺฑิตา ปุริสา ปชฺโชตกรา ภวนฺติ, ปฺาปชฺโชตํ อุปฺปาเทนฺติ. ตสฺมา อหํ ตํ วีร ปธานวีริยสมนฺนาคโต ภควา ตเถว มฺเ ธีโรติ จ ¶ ปชฺโชตกโรตฺเวว จ มฺามิ. มยฺหิ วิปสฺสินํ สพฺพธมฺเม ยถาภูตํ ปสฺสนฺตํ ภควนฺตํ ชานนฺตา เอว อุปาคมุมฺหา, ตสฺมา ปริสาสุ โน อาวิกโรหิ กปฺปํ, นิคฺโรธกปฺปํ อาจิกฺข ปกาเสหีติ.
๓๕๓. ขิปฺปนฺติ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนว ภณติ. ตสฺสตฺโถ ขิปฺปํ คิรํ เอรย ลหุํ อจิรายมาโน วจนํ ภาส, วคฺคุํ มโนรมํ ภควา. ยถา สุวณฺณหํโส โคจรปฏิกฺกนฺโต ชาตสฺสรวนสณฺฑํ ทิสฺวา คีวํ ปคฺคยฺห อุจฺจาเรตฺวา รตฺตตุณฺเฑน สณิกํ อตรมาโน วคฺคุํ คิรํ นิกูชติ นิจฺฉาเรติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สณิกํ นิกูช, อิมินา มหาปุริสลกฺขณฺตเรน พินฺทุสฺสเรน สุวิกปฺปิเตน สุฏฺุวิกปฺปิเตน อภิสงฺขเตน. เอเต มยํ สพฺเพว อุชุคตา อวิกฺขิตฺตมานสา หุตฺวา ตว นิกูชิตํ สุโณมาติ.
๓๕๔. ปหีนชาติมรณนฺติ ¶ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนว ภณติ. ตตฺถ น เสเสตีติ อเสโส, ตํ อเสสํ. โสตาปนฺนาทโย วิย กิฺจิ อเสเสตฺวา ปหีนชาติมรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. นิคฺคยฺหาติ สุฏฺุ ยาจิตฺวา นิพนฺธิตฺวา. โธนนฺติ ธุตสพฺพปาปํ. วเทสฺสามีติ กถาเปสฺสามิ ธมฺมํ. น กามกาโร หิ ปุถุชฺชนานนฺติ ปุถุชฺชนานเมว หิ กามกาโร นตฺถิ, ยํ ปตฺเถนฺติ าตุํ วา วตฺตุํ วา, ตํ น สกฺโกนฺติ. สงฺเขยฺยกาโร จ ตถาคตานนฺติ ตถาคตานํ ปน วีมํสกาโร ปฺาปุพฺพงฺคมา กิริยา. เต ยํ ปตฺเถนฺติ าตุํ วา วตฺตุํ วา, ตํ สกฺโกนฺตีติ อธิปฺปาโย.
๓๕๕. อิทานิ ตํ สงฺเขยฺยการํ ¶ ปกาเสนฺโต ‘‘สมฺปนฺนเวยฺยากรณ’’นฺติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ตถา หิ ตว ภควา อิทํ สมุชฺชุปฺสฺส ตตฺถ ตตฺถ สมุคฺคหีตํ วุตฺตํ ปวตฺติตํ สมฺปนฺนเวยฺยากรณํ, ‘‘สนฺตติมหามตฺโต สตฺตตาลมตฺตํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, สุปฺปพุทฺโธ สกฺโก สตฺตเม ทิวเส ปถวึ ปวิสิสฺสตี’’ติ เอวมาทีสุ อวิปรีตํ ทิฏฺํ. ตโต ปน สุฏฺุตรํ อฺชลึ ปณาเมตฺวา อาห – อยมฺชลี ปจฺฉิโม สุปฺปณามิโต, อยมปโรปิ อฺชลี สุฏฺุตรํ ปณามิโต. มา โมหยีติ มา โน อกถเนน โมหยิ ชานํ ชานนฺโต กปฺปสฺส คตึ. อโนมปฺาติ ภควนฺตํ อาลปติ.
๓๕๖. ปโรวรนฺติ ¶ อิมํ ปน คาถํ อปเรนปิ ปริยาเยน อโมหนเมว ยาจนฺโต อาห. ตตฺถ ปโรวรนฺติ โลกิยโลกุตฺตรวเสน สุนฺทราสุนฺทรํ ทูเรสนฺติกํ วา. อริยธมฺมนฺติ จตุสจฺจธมฺมํ. วิทิตฺวาติ ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ชานนฺติ สพฺพํ เยฺยธมฺมํ ชานนฺโต. วาจาภิกงฺขามีติ ยถา ฆมฺมนิ ฆมฺมตตฺโต ปุริโส กิลนฺโต ตสิโต วารึ, เอวํ เต วาจํ อภิกงฺขามิ. สุตํ ปวสฺสาติ สุตสงฺขาตํ สทฺทายตนํ ปวสฺส ปคฺฆร มฺุจ ปวตฺเตหิ. ‘‘สุตสฺส วสฺสา’’ติปิ ปาโ, วุตฺตปฺปการสฺส สทฺทายตนสฺส วุฏฺึ วสฺสาติ อตฺโถ.
๓๕๗. อิทานิ ยาทิสํ วาจํ อภิกงฺขติ, ตํ ปกาเสนฺโต –
‘‘ยทตฺถิกํ พฺรหฺมจริยํ อจรี,
กปฺปายโน กจฺจิสฺส ตํ อโมฆํ;
นิพฺพายิ โส อาทุ สอุปาทิเสโส,
ยถา วิมุตฺโต อหุ ตํ สุโณมา’’ติ. –
คาถมาห ¶ . ตตฺถ กปฺปายโนติ กปฺปเมว ปูชาวเสน ภณติ. ยถา วิมุตฺโตติ ‘‘กึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ยถา อเสกฺขา, อุทาหุ อุปาทิเสสาย ยถา เสกฺขา’’ติ ปุจฺฉติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
๓๕๘. เอวํ ทฺวาทสหิ คาถาหิ ยาจิโต ภควา ตํ วิยากโรนฺโต –
‘‘อจฺเฉจฺฉิ ตณฺหํ อิธ นามรูเป, (อิติ ภควา)
กณฺหสฺส โสตํ ทีฆรตฺตานุสยิตํ;
อตาริ ชาตึ มรณํ อเสสํ,
อิจฺจพฺรวี ภควา ปฺจเสฏฺโ’’ติ. –
คาถมาห. ตตฺถ ปุริมปทสฺส ตาว อตฺโถ – ยาปิ อิมสฺมึ นามรูเป กามตณฺหาทิเภทา ตณฺหาทีฆรตฺตํ อปฺปหีนฏฺเน อนุสยิตา กณฺหนามกสฺส มารสฺส ‘‘โสต’’นฺติปิ วุจฺจติ, ตํ กณฺหสฺส โสตภูตํ ทีฆรตฺตานุสยิตํ ¶ อิธ นามรูเป ตณฺหํ กปฺปายโน ฉินฺทีติ. อิติ ภควาติ อิทํ ปเนตฺถ สงฺคีติการานํ วจนํ. อตาริ ชาตึ มรณํ อเสสนฺติ โส ¶ ตํ ตณฺหํ เฉตฺวา อเสสํ ชาติมรณํ อตาริ, อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายีติ ทสฺเสติ. อิจฺจพฺรวี ภควา ปฺจเสฏฺโติ วงฺคีเสน ปุฏฺโ ภควา เอตทโวจ ปฺจนฺนํ ปมสิสฺสานํ ปฺจวคฺคิยานํ เสฏฺโ, ปฺจหิ วา สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ, สีลาทีหิ วา ธมฺมกฺขนฺเธหิ อติวิสิฏฺเหิ จกฺขูหิ จ เสฏฺโติ สงฺคีติการานเมวิทํ วจนํ.
๓๕๙. เอวํ วุตฺเต ภควโต ภาสิตมภินนฺทมานโส วงฺคีโส ‘‘เอส สุตฺวา’’ติอาทิคาถาโย อาห. ตตฺถ ปมคาถาย อิสิสตฺตมาติ ภควา อิสิ จ สตฺตโม จ อุตฺตมฏฺเน วิปสฺสีสิขีเวสฺสภูกกุสนฺธโกณาคมนกสฺสปนามเก ฉ อิสโย อตฺตนา สห สตฺต กโรนฺโต ปาตุภูโตติปิ อิสิสตฺตโม, ตํ อาลปนฺโต อาห. น มํ วฺเจสีติ ยสฺมา ปรินิพฺพุโต, ตสฺมา ตสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ อิจฺฉนฺตํ มํ น วฺเจสิ, น วิสํวาเทสีติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
๓๖๐. ทุติยคาถาย ยสฺมา มุตฺยเปกฺโข วิหาสิ, ตสฺมา ตํ สนฺธายาห ‘‘ยถาวาที ตถาการี, อหุ พุทฺธสฺส สาวโก’’ติ. มจฺจุโน ชาลํ ตตนฺติ เตภูมกวฏฺเฏ วิตฺถตํ มารสฺส ตณฺหาชาลํ. มายาวิโนติ พหุมายสฺส. ‘‘ตถา มายาวิโน’’ติปิ เกจิ ปนฺติ, เตสํ โย อเนกาหิ ¶ มายาหิ อเนกกฺขตฺตุมฺปิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ, ตสฺส ตถา มายาวิโนติ อธิปฺปาโย.
๓๖๑. ตติยคาถาย อาทีติ การณํ. อุปาทานสฺสาติ วฏฺฏสฺส. วฏฺฏฺหิ อุปาทาตพฺพฏฺเน อิธ ‘‘อุปาทาน’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺเสว อุปาทานสฺส อาทึ อวิชฺชาตณฺหาทิเภทํ การณํ อทฺทส กปฺโปติ เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏติ ภควาติ อธิปฺปาเยน วทติ. อจฺจคา วตาติ อติกฺกนฺโต วต. มจฺจุเธยฺยนฺติ มจฺจุ เอตฺถ ธิยตีติ มจฺจุเธยฺยํ, เตภูมกวฏฺฏสฺเสตํ อธิวจนํ. ตํ สุทุตฺตรํ มจฺจุเธยฺยํ อจฺจคา วตาติ เวทชาโต ภณติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมวาติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย นิคฺโรธกปฺปสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺต-(มหาสมยสุตฺต)-วณฺณนา
๓๖๒. ปุจฺฉามิ ¶ ¶ ¶ มุนึ ปหูตปฺนฺติ สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺตํ, ‘‘มหาสมยสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติ มหาสมยทิวเส กถิตตฺตา. กา อุปฺปตฺติ? ปุจฺฉาวสิกา อุปฺปตฺติ. นิมฺมิตพุทฺเธน หิ ปุฏฺโ ภควา อิมํ สุตฺตมภาสิ, ตํ สทฺธึ ปุจฺฉาย ‘‘สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน สากิยโกลิยานํ อุปฺปตฺติโต ปภุติ โปราเณหิ วณฺณียติ.
ตตฺรายํ อุทฺเทสมคฺควณฺณนา – ปมกปฺปิกานํ กิร รฺโ มหาสมฺมตสฺส โรโช นาม ปุตฺโต อโหสิ. โรชสฺส วรโรโช, วรโรชสฺส กลฺยาโณ, กลฺยาณสฺส วรกลฺยาโณ, วรกลฺยาณสฺส มนฺธาตา, มนฺธาตุสฺส วรมนฺธาตา, วรมนฺธาตุสฺส อุโปสโถ, อุโปสถสฺส วโร, วรสฺส อุปวโร, อุปวรสฺส มฆเทโว, มฆเทวสฺส ปรมฺปรา จตุราสีติ ขตฺติยสหสฺสานิ อเหสุํ. เตสํ ปรโต ตโย โอกฺกากวํสา อเหสุํ. เตสุ ตติยโอกฺกากสฺส ปฺจ มเหสิโย อเหสุํ – หตฺถา, จิตฺตา, ชนฺตุ, ชาลินี, วิสาขาติ. เอเกกิสฺสา ปฺจ ปฺจ อิตฺถิสตานิ ปริวารา. สพฺพเชฏฺาย จตฺตาโร ปุตฺตา – โอกฺกามุโข, กรกณฺฑุ, หตฺถินิโก, สินิปุโรติ; ปฺจ ธีตโร – ปิยา, สุปฺปิยา, อานนฺทา, วิชิตา, วิชิตเสนาติ. เอวํ สา นว ปุตฺเต ลภิตฺวา กาลมกาสิ.
อถ ราชา อฺํ ทหรํ อภิรูปํ ราชธีตรํ อาเนตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. สาปิ ชนฺตุํ นาม เอกํ ปุตฺตํ วิชายิ. ตํ ชนฺตุกุมารํ ปฺจมทิวเส อลงฺกริตฺวา รฺโ ทสฺเสสิ. ราชา ตุฏฺโ มเหสิยา วรํ อทาสิ. สา าตเกหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา ปุตฺตสฺส รชฺชํ ยาจิ. ราชา ‘‘นสฺส วสลิ, มม ปุตฺตานํ อนฺตรายมิจฺฉสี’’ติ นาทาสิ. สา ปุนปฺปุนํ ¶ รโห ราชานํ ปริโตเสตฺวา ‘‘น, มหาราช, มุสาวาโท วฏฺฏตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ยาจติ เอว. อถ ราชา ปุตฺเต อามนฺเตสิ – ‘‘อหํ, ตาตา, ตุมฺหากํ กนิฏฺํ ชนฺตุกุมารํ ทิสฺวา ตสฺส มาตุยา สหสา วรํ อทาสึ. สา ¶ ปุตฺตสฺส รชฺชํ ปริณาเมตุํ อิจฺฉติ. ตุมฺเห มมจฺจเยน อาคนฺตฺวา รชฺชํ กาเรยฺยาถา’’ติ อฏฺหิ อมจฺเจหิ สทฺธึ อุยฺโยเชสิ. เต ภคินิโย อาทาย จตุรงฺคินิยา เสนาย นครา นิกฺขมึสุ. ‘‘กุมารา ปิตุอจฺจเยน อาคนฺตฺวา รชฺชํ กาเรสฺสนฺติ, คจฺฉาม เน อุปฏฺหามา’’ติ จินฺเตตฺวา พหู มนุสฺสา อนุพนฺธึสุ. ปมทิวเส โยชนมตฺตา ¶ เสนา อโหสิ, ทุติยทิวเส ทฺวิโยชนมตฺตา, ตติยทิวเส ติโยชนมตฺตา. กุมารา จินฺเตสุํ – ‘‘มหา อยํ พลกาโย, สเจ มยํ กฺจิ สามนฺตราชานํ อกฺกมิตฺวา ชนปทํ คณฺหิสฺสาม, โสปิ โน น ปโหสฺสติ, กึ ปเรสํ ปีฬํ กตฺวา ลทฺธรชฺเชน, มหา ชมฺพุทีโป, อรฺเ นครํ มาเปสฺสามา’’ติ หิมวนฺตาภิมุขา อคมึสุ.
ตตฺถ นครมาปโนกาสํ ปริเยสมานา หิมวติ กปิโล นาม โฆรตโป ตาปโส ปฏิวสติ โปกฺขรณิตีเร มหาสากสณฺเฑ, ตสฺส วสโนกาสํ คตา. โส เต ทิสฺวา ปุจฺฉิตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ สุตฺวา เตสุ อนุกมฺปํ อกาสิ. โส กิร ภุมฺมชาลํ นาม วิชฺชํ ชานาติ, ยาย อุทฺธํ อสีติหตฺเถ อากาเส จ เหฏฺา ภูมิยฺจ คุณโทเส ปสฺสติ. อเถกสฺมึ ปเทเส สูกรมิคา สีหพฺยคฺฆาทโย ตาเสตฺวา ปริปาเตนฺติ, มณฺฑูกมูสิกา สปฺเป ภึสาเปนฺติ. โส เต ทิสฺวา ‘‘อยํ ภูมิปฺปเทโส ปถวีอคฺค’’นฺติ ตสฺมึ ปเทเส อสฺสมํ มาเปสิ. ตโต โส ราชกุมาเร อาห – ‘‘สเจ มม นาเมน นครํ กโรถ, เทมิ โว อิมํ โอกาส’’นฺติ. เต ตถา ปฏิชานึสุ. ตาปโส ‘‘อิมสฺมึ โอกาเส ตฺวา จณฺฑาลปุตฺโตปิ จกฺกวตฺตึ พเลน อติเสตี’’ติ วตฺวา ‘‘อสฺสเม รฺโ ฆรํ มาเปตฺวา นครํ มาเปถา’’ติ ตํ โอกาสํ ทตฺวา สยํ อวิทูเร ปพฺพตปาเท อสฺสมํ กตฺวา วสิ. ตโต ¶ กุมารา ตตฺถ นครํ มาเปตฺวา กปิลสฺส วุตฺโถกาเส กตตฺตา ‘‘กปิลวตฺถู’’ติ นามํ อาโรเปตฺวา ตตฺถ นิวาสํ กปฺเปสุํ.
อถ อมจฺจา ‘‘อิเม กุมารา วยปฺปตฺตา, ยทิ เนสํ ปิตา สนฺติเก ภเวยฺย, โส อาวาหวิวาหํ กาเรยฺย. อิทานิ ปน อมฺหากํ ภาโร’’ติ จินฺเตตฺวา กุมาเรหิ สทฺธึ มนฺเตสุํ. กุมารา ‘‘อมฺหากํ สทิสา ขตฺติยธีตโร น ปสฺสาม, ตาสมฺปิ ภคินีนํ สทิเส ขตฺติยกุมาเร, ชาติสมฺเภทฺจ ¶ น กโรมา’’ติ. เต ชาติสมฺเภทภเยน เชฏฺภคินึ มาตุฏฺาเน เปตฺวา อวเสสาหิ สํวาสํ กปฺเปสุํ. เตสํ ปิตา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘สกฺยา วต, โภ กุมารา, ปรมสกฺยา วต, โภ กุมารา’’ติ อุทานํ อุทาเนสิ. อยํ ตาว สกฺยานํ อุปฺปตฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –
‘‘อถ โข, อมฺพฏฺ, ราชา โอกฺกาโก อมจฺเจ ปาริสชฺเช อามนฺเตสิ – ‘กหํ นุ โข, โภ, เอตรหิ กุมารา สมฺมนฺตี’ติ. อตฺถิ, เทว, หิมวนฺตปสฺเส โปกฺขรณิยา ตีเร มหาสากสณฺโฑ, ตตฺเถตรหิ กุมารา สมฺมนฺติ. เต ชาติสมฺเภทภยา สกาหิ ภคินีหิ สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปนฺตีติ. อถ โข, อมฺพฏฺ, ราชา โอกฺกาโก อุทานํ อุทาเนสิ – ‘สกฺยา วต, โภ กุมารา, ปรมสกฺยา วต, โภ กุมารา’ติ, ตทคฺเค โข ปน ¶ , อมฺพฏฺ, สกฺยา ปฺายนฺติ, โส จ สกฺยานํ ปุพฺพปุริโส’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๖๗).
ตโต เนสํ เชฏฺภคินิยา กุฏฺโรโค อุทปาทิ, โกวิฬารปุปฺผสทิสานิ คตฺตานิ อเหสุํ. ราชกุมารา ‘‘อิมาย สทฺธึ เอกโต นิสชฺชฏฺานโภชนาทีนิ กโรนฺตานมฺปิ อุปริ เอส โรโค สงฺกมตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุยฺยานกีฬํ คจฺฉนฺตา วิย ตํ ยาเน อาโรเปตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา โปกฺขรณึ ขณาเปตฺวา ¶ ตํ ตตฺถ ขาทนียโภชนีเยหิ สทฺธึ ปกฺขิปิตฺวา อุปริ ปทรํ ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา ปํสุํ ทตฺวา ปกฺกมึสุ. เตน จ สมเยน ราโม นาม ราชา กุฏฺโรคี โอโรเธหิ จ นาฏเกหิ จ ชิคุจฺฉิยมาโน เตน สํเวเคน เชฏฺปุตฺตสฺส รชฺชํ ทตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ ปณฺณมูลผลานิ ปริภฺุชนฺโต นจิรสฺเสว อโรโค สุวณฺณวณฺโณ หุตฺวา, อิโต จิโต จ วิจรนฺโต มหนฺตํ สุสิรรุกฺขํ ทิสฺวา ตสฺสพฺภนฺตเร โสฬสหตฺถปฺปมาณํ ตํ โกลาปํ โสเธตฺวา, ทฺวารฺจ วาตปานฺจ กตฺวา นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา ตตฺถ วาสํ กปฺเปสิ. โส องฺคารกฏาเห อคฺคึ กตฺวา รตฺตึ วิสฺสรฺจ สุสฺสรฺจ สุณนฺโต สยติ. โส ‘‘อสุกสฺมึ ปเทเส สีโห สทฺทมกาสิ, อสุกสฺมึ พฺยคฺโฆ’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ปภาเต ตตฺถ คนฺตฺวา วิฆาสมํสํ อาทาย ปจิตฺวา ขาทติ.
อเถกทิวสํ โส ปจฺจูสสมเย อคฺคึ ชาเลตฺวา นิสีทิ. เตน จ สมเยน ตสฺสา ราชธีตาย คนฺธํ ฆายิตฺวา พฺยคฺโฆ ตํ ปเทสํ ขณิตฺวา ¶ ปทรตฺถเร วิวรมกาสิ. เตน วิวเรน สา พฺยคฺฆํ ทิสฺวา ภีตา วิสฺสรมกาสิ. โส ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อิตฺถิสทฺโท เอโส’’ติ จ สลฺลกฺเขตฺวา ปาโตว ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. ‘‘มาตุคาโม สามี’’ติ. ‘‘นิกฺขมา’’ติ. ‘‘น นิกฺขมามี’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘ขตฺติยกฺา อห’’นฺติ. เอวํ โสพฺเภ นิขาตาปิ มานเมว กโรติ. โส สพฺพํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหมฺปิ ขตฺติโย’’ติ ชาตึ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอหิ ทานิ ขีเร ปกฺขิตฺตสปฺปิ วิย ชาต’’นฺติ อาห. สา ‘‘กุฏฺโรคินีมฺหิ สามิ, น สกฺกา นิกฺขมิตุ’’นฺติ อาห. โส ‘‘กตกมฺโม ทานิ อหํ สกฺกา ติกิจฺฉิตุ’’นฺติ นิสฺเสณึ ทตฺวา ตํ อุทฺธริตฺวา อตฺตโน วสโนกาสํ เนตฺวา สยํ ปริภุตฺตเภสชฺชานิ เอว ทตฺวา นจิรสฺเสว อโรคํ สุวณฺณวณฺณมกาสิ. โส ตาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ. สา ปมสํวาเสเนว คพฺภํ คณฺหิตฺวา ทฺเว ปุตฺเต วิชายิ, ปุนปิ ทฺเวติ เอวํ โสฬสกฺขตฺตุํ วิชายิ. เอวํ เต ทฺวตฺตึส ภาตโร อเหสุํ. เต อนุปุพฺเพน วุฑฺฒิปฺปตฺเต ปิตา สพฺพสิปฺปานิ สิกฺขาเปสิ.
อเถกทิวสํ ¶ ¶ เอโก รามรฺโ นครวาสี ปพฺพเต รตนานิ คเวสนฺโต ตํ ปเทสํ อาคโต ราชานํ ทิสฺวา อฺาสิ. ‘‘ชานามหํ, เทว, ตุมฺเห’’ติ อาห. ‘‘กุโต ตฺวํ อาคโตสี’’ติ จ เตน ปุฏฺโ ‘‘นครโต เทวา’’ติ อาห. ตโต นํ ราชา สพฺพํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. เอวํ เตสุ สมุลฺลปมาเนสุ เต ทารกา อาคมึสุ. โส เต ทิสฺวา ‘‘อิเม เก เทวา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปุตฺตา เม ภเณ’’ติ. ‘‘อิเมหิ ทานิ, เทว, ทฺวตฺตึสกุมาเรหิ ปริวุโต วเน กึ กริสฺสสิ, เอหิ รชฺชมนุสาสา’’ติ? ‘‘อลํ, ภเณ, อิเธว สุข’’นฺติ. โส ‘‘ลทฺธํ ทานิ เม กถาปาภต’’นฺติ นครํ คนฺตฺวา รฺโ ปุตฺตสฺสาโรเจสิ. รฺโ ปุตฺโต ‘‘ปิตรํ อาเนสฺสามี’’ติ จตุรงฺคินิยา เสนาย ตตฺถ คนฺตฺวา นานปฺปกาเรหิ ปิตรํ ยาจิ. โสปิ ‘‘อลํ, ตาต กุมาร, อิเธว สุข’’นฺติ เนว อิจฺฉิ. ตโต ราชปุตฺโต ‘‘น ทานิ ราชา อาคนฺตุํ อิจฺฉติ, หนฺทสฺส อิเธว นครํ มาเปมี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ โกลรุกฺขํ อุทฺธริตฺวา ฆรํ กตฺวา นครํ มาเปตฺวา โกลรุกฺขํ อปเนตฺวา กตตฺตา ‘‘โกลนคร’’นฺติ จ พฺยคฺฆปเถ กตตฺตา ‘‘พฺยคฺฆปชฺช’’นฺติ จาติ ทฺเว นามานิ อาโรเปตฺวา อคมาสิ.
ตโต ¶ วยปฺปตฺเต กุมาเร มาตา อาณาเปสิ – ‘‘ตาตา, ตุมฺหากํ กปิลวตฺถุวาสิโน สกฺยา มาตุลา โหนฺติ, ธีตโร เนสํ คณฺหถา’’ติ. เต ยํ ทิวสํ ขตฺติยกฺาโย นทีกีฬนํ คจฺฉนฺติ, ตํ ทิวสํ คนฺตฺวา นทีติตฺถํ อุปรุนฺธิตฺวา นามานิ สาเวตฺวา ปตฺถิตา ปตฺถิตา ราชธีตโร คเหตฺวา อคมํสุ. สกฺยราชาโน สุตฺวา ‘‘โหตุ ภเณ, อมฺหากํ าตกา เอวา’’ติ ตุณฺหี อเหสุํ. อยํ โกลิยานํ อุปฺปตฺติ.
เอวํ เตสํ สากิยโกลิยานํ อฺมฺํ อาวาหวิวาหํ กโรนฺตานํ อาคโต วํโส ยาว สีหหนุราชา, ตาว วิตฺถารโต เวทิตพฺโพ – สีหหนุรฺโ กิร ปฺจ ปุตฺตา อเหสุํ ¶ – สุทฺโธทโน, อมิโตทโน, โธโตทโน, สกฺโกทโน, สุกฺโกทโนติ. เตสุ สุทฺโธทเน รชฺชํ การยมาเน ตสฺส ปชาปติยา อฺชนรฺโ ธีตาย มหามายาเทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ปูริตปารมี มหาปุริโส ชาตกนิทาเน วุตฺตนเยน ตุสิตปุรา จวิตฺวา ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน กตมหาภินิกฺขมโน สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุกฺกเมน กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา สุทฺโธทนมหาราชาทโย อริยผเล ปติฏฺาเปตฺวา ชนปทจาริกํ ปกฺกมิตฺวา ปุนปิ อปเรน สมเยน ปจฺจาคนฺตฺวา ปนฺนรสหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ กปิลวตฺถุสฺมึ วิหรติ นิคฺโรธาราเม.
ตตฺถ วิหรนฺเต จ ภควติ สากิยโกลิยานํ อุทกํ ปฏิจฺจ กลโห อโหสิ. กถํ? เนสํ ¶ กิร อุภินฺนมฺปิ กปิลปุรโกลิยปุรานํ อนฺตเร โรหิณี นาม นที ปวตฺตติ. สา กทาจิ อปฺโปทกา โหติ, กทาจิ มโหทกา. อปฺโปทกกาเล เสตุํ กตฺวา สากิยาปิ โกลิยาปิ อตฺตโน อตฺตโน สสฺสปายนตฺถํ อุทกํ อาเนนฺติ. เตสํ มนุสฺสา เอกทิวสํ เสตุํ กโรนฺตา อฺมฺํ ภณฺฑนฺตา ‘‘อเร ตุมฺหากํ ราชกุลํ ภคินีหิ สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ กุกฺกุฏโสณสิงฺคาลาทิติรจฺฉานา วิย, ตุมฺหากํ ราชกุลํ สุสิรรุกฺเข วาสํ กปฺเปสิ ปิสาจิลฺลิกา วิยา’’ติ เอวํ ชาติวาเทน ขุํเสตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ราชูนํ อาโรเจสุํ. เต กุทฺธา ยุทฺธสชฺชา หุตฺวา โรหิณีนทีตีรํ สมฺปตฺตา. เอวํ สาครสทิสํ พลํ อฏฺาสิ.
อถ ¶ ภควา ‘‘าตกา กลหํ กโรนฺติ, หนฺท, เน วาเรสฺสามี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา ทฺวินฺนํ เสนานํ มชฺเฌ อฏฺาสิ. ตมฺปิ อาวชฺเชตฺวา สาวตฺถิโต อาคโตติ เอเก. เอวํ ตฺวา จ ปน ¶ อตฺตทณฺฑสุตฺตํ (สุ. นิ. ๙๔๑ อาทโย) อภาสิ. ตํ สุตฺวา สพฺเพ สํเวคปฺปตฺตา อาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา ภควนฺตํ นมสฺสมานา อฏฺํสุ, มหคฺฆฺจ อาสนํ ปฺาเปสุํ. ภควา โอรุยฺห ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กุารีหตฺโถ ปุริโส’’ติอาทิกํ ผนฺทนชาตกํ (ชา. ๑.๑๓.๑๔), ‘‘วนฺทามิ ตํ กฺุชรา’’ติอาทิกํ ลฏุกิกชาตกํ (ชา. ๑.๕.๓๙).
‘‘สมฺโมทมานา คจฺฉนฺติ, ชาลมาทาย ปกฺขิโน;
ยทา เต วิวทิสฺสนฺติ, ตทา เอหินฺติ เม วส’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๓๓) –
อิมํ วฏฺฏกชาตกฺจ กเถตฺวา ปุน เตสํ จิรกาลปฺปวตฺตํ าติภาวํ ทสฺเสนฺโต อิมํ มหาวํสํ กเถสิ. เต ‘‘ปุพฺเพ กิร มยํ าตกา เอวา’’ติ อติวิย ปสีทึสุ. ตโต สกฺยา อฑฺฒเตยฺยกุมารสเต, โกลิยา อฑฺฒเตยฺยกุมารสเตติ ปฺจ กุมารสเต ภควโต ปริวารตฺถาย อทํสุ. ภควา เตสํ ปุพฺพเหตุํ ทิสฺวา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ อาห. เต สพฺเพ อิทฺธิยา นิพฺพตฺตอฏฺปริกฺขารยุตฺตา อากาเส อพฺภุคฺคนฺตฺวา อาคมฺม ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ. ภควา เต อาทาย มหาวนํ อคมาสิ. เตสํ ปชาปติโย ทูเต ปาเหสุํ, เต ตาหิ นานปฺปกาเรหิ ปโลภิยมานา อุกฺกณฺึสุ. ภควา เตสํ อุกฺกณฺิตภาวํ ตฺวา หิมวนฺตํ ทสฺเสตฺวา ตตฺถ กุณาลชาตกกถาย (ชา. ๒.๒๑.๒๘๙ กุณาลชาตกํ) เตสํ อนภิรตึ วิโนเทตุกาโม อาห – ‘‘ทิฏฺปุพฺโพ โว, ภิกฺขเว, หิมวา’’ติ? ‘‘น ภควา’’ติ. ‘‘เอถ, ภิกฺขเว, เปกฺขถา’’ติ อตฺตโน อิทฺธิยา เต อากาเสน เนนฺโต ‘‘อยํ สุวณฺณปพฺพโต, อยํ รชตปพฺพโต, อยํ มณิปพฺพโต’’ติ นานปฺปกาเร ปพฺพเต ทสฺเสตฺวา กุณาลทเห มโนสิลาตเล ปจฺจุฏฺาสิ. ตโต ‘‘หิมวนฺเต สพฺเพ จตุปฺปทพหุปฺปทาทิเภทา ติรจฺฉานคตา ปาณา อาคจฺฉนฺตุ, สพฺเพสฺจ ปจฺฉโต ¶ กุณาลสกุโณ’’ติ อธิฏฺาสิ. อาคจฺฉนฺเต จ เต ชาตินามนิรุตฺติวเสน วณฺเณนฺโต ‘‘เอเต, ภิกฺขเว, หํสา, เอเต โกฺจา ¶ , เอเต จกฺกวากา, กรวีกา, หตฺถิโสณฺฑกา, โปกฺขรสาตกา’’ติ เตสํ ทสฺเสสิ.
เต ¶ วิมฺหิตหทยา ปสฺสนฺตา สพฺพปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ ทฺวีหิ ทิชกฺาหิ มุขตุณฺฑเกน ฑํสิตฺวา คหิตกฏฺเวมชฺเฌ นิสินฺนํ สหสฺสทิชกฺาปริวารํ กุณาลสกุณํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ภควนฺตํ อาหํสุ – ‘‘กจฺจิ, ภนฺเต, ภควาปิ อิธ กุณาลราชา ภูตปุพฺโพ’’ติ? ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มยาเวส กุณาลวํโส กโต. อตีเต หิ มยํ จตฺตาโร ชนา อิธ วสิมฺหา – นารโท เทวิโล อิสิ, อานนฺโท คิชฺฌราชา, ปุณฺณมุโข ผุสฺสโกกิโล, อหํ กุณาโล สกุโณ’’ติ สพฺพํ มหากุณาลชาตกํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ ปุราณทุติยิกาโย อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนภิรติ วูปสนฺตา. ตโต เตสํ ภควา สจฺจกถํ กเถสิ, กถาปริโยสาเน สพฺพปจฺฉิมโก โสตาปนฺโน, สพฺพอุปริโม อนาคามี อโหสิ, เอโกปิ ปุถุชฺชโน วา อรหา วา นตฺถิ. ตโต ภควา เต อาทาย ปุนเทว มหาวเน โอรุหิ. อาคจฺฉมานา จ เต ภิกฺขู อตฺตโนว อิทฺธิยา อาคจฺฉึสุ.
อถ เนสํ ภควา อุปริมคฺคตฺถาย ปุน ธมฺมํ เทเสสิ. เต ปฺจสตาปิ วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ. ปมํ ปตฺโต ปมเมว อคมาสิ ‘‘ภควโต อาโรเจสฺสามี’’ติ. อาคนฺตฺวา จ ‘‘อภิรมามหํ ภควา, น อุกฺกณฺามี’’ติ วตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอวํ เต สพฺเพปิ อนุกฺกเมน อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ เชฏฺมาสอุโปสถทิวเส สายนฺหสมเย. ตโต ปฺจสตขีณาสวปริวุตํ วรพุทฺธาสเน นิสินฺนํ ภควนฺตํ เปตฺวา อสฺสตฺเต จ อรูปพฺรหฺมาโน จ สกลทสสหสฺสจกฺกวาเฬ อวเสสเทวตาทโย มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยน สุขุมตฺตภาเว นิมฺมินิตฺวา สมฺปริวาเรสุํ ‘‘วิจิตฺรปฏิภานํ ธมฺมเทสนํ โสสฺสามา’’ติ. ตตฺถ จตฺตาโร ขีณาสวพฺรหฺมาโน สมาปตฺติโต ¶ วุฏฺาย พฺรหฺมคณํ อปสฺสนฺตา ‘‘กุหึ คตา’’ติ อาวชฺเชตฺวา ตมตฺถํ ตฺวา ปจฺฉา อาคนฺตฺวา โอกาสํ อลภมานา จกฺกวาฬมุทฺธนิ ตฺวา ปจฺเจกคาถาโย อภาสึสุ. ยถาห –
‘‘อถ โข จตุนฺนํ สุทฺธาวาสกายิกานํ เทวตานํ เอตทโหสิ – ‘อยํ, โข, ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ มหาวเน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ. ทสหิ จ โลกธาตูหิ เทวตา เยภุยฺเยน สนฺนิปติตา โหนฺติ ภควนฺตํ ทสฺสนาย ภิกฺขุสงฺฆฺจ ¶ . ยํนูน มยมฺปิ เยน ภควา ¶ เตนุปสงฺกเมยฺยาม, อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก ปจฺเจกํ คาถํ ภาเสยฺยามา’’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๓๑; สํ. นิ. ๑.๓๗).
สพฺพํ สคาถาวคฺเค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เอวํ คนฺตฺวา จ ตตฺถ เอโก พฺรหฺมา ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุทฺธนิ โอกาสํ ลภิตฺวา ตตฺถ ิโต อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘มหาสมโย ปวนสฺมึ…เป…
ทกฺขิตาเย อปราชิตสงฺฆ’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);
อิมฺจสฺส คาถํ ภาสมานสฺส ปจฺฉิมจกฺกวาฬปพฺพเต ิโต สทฺทํ อสฺโสสิ.
ทุติโย ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุทฺธนิ โอกาสํ ลภิตฺวา ตตฺถ ิโต ตํ คาถํ สุตฺวา อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ตตฺร ภิกฺขโว สมาทหํสุ…เป…
อินฺทฺริยานิ รกฺขนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);
ตติโย ทกฺขิณจกฺกวาฬมุทฺธนิ โอกาสํ ลภิตฺวา ตตฺถ ิโต ตํ คาถํ สุตฺวา อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘เฉตฺวา ขีลํ เฉตฺวา ปลิฆํ…เป… สุสุนาคา’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);
จตุตฺโถ อุตฺตรจกฺกวาฬมุทฺธนิ โอกาสํ ลภิตฺวา ตตฺถ ิโต ตํ คาถํ สุตฺวา อิมํ คาถมภาสิ –
‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส…เป…
เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);
ตสฺสปิ ¶ ตํ สทฺทํ ทกฺขิณจกฺกวาฬมุทฺธนิ ิโต อสฺโสสิ. เอวํ ตทา อิเม จตฺตาโร พฺรหฺมาโน ปริสํ โถเมตฺวา ิตา อเหสุํ, มหาพฺรหฺมาโน เอกจกฺกวาฬํ ฉาเทตฺวา อฏฺํสุ.
อถ ภควา เทวปริสํ โอโลเกตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ ¶ – ‘‘เยปิ เต, ภิกฺขเว, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสมฺปิ ภควนฺตานํ เอตปฺปรมาเยว เทวตา สนฺนิปติตา อเหสุํ. เสยฺยถาปิ มยฺหํ ¶ เอตรหิ, เยปิ เต, ภิกฺขเว, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสมฺปิ ภควนฺตานํ เอตปฺปรมาเยว เทวตา สนฺนิปติตา ภวิสฺสนฺติ เสยฺยถาปิ มยฺหํ เอตรหี’’ติ. ตโต ตํ เทวปริสํ ภพฺพาภพฺพวเสน ทฺวิธา วิภชิ ‘‘เอตฺตกา ภพฺพา, เอตฺตกา อภพฺพา’’ติ. ตตฺถ ‘‘อภพฺพปริสา พุทฺธสเตปิ ธมฺมํ เทเสนฺเต น พุชฺฌติ, ภพฺพปริสา สกฺกา โพเธตุ’’นฺติ ตฺวา ปุน ภพฺพปุคฺคเล จริยวเสน ฉธา วิภชิ ‘‘เอตฺตกา ราคจริตา, เอตฺตกา โทส-โมห-วิตกฺก-สทฺธา-พุทฺธิจริตา’’ติ. เอวํ จริยวเสน ปริคฺคเหตฺวา ‘‘อสฺสา ปริสาย กีทิสา ธมฺมเทสนา สปฺปายา’’ติ ธมฺมกถํ วิจินิตฺวา ปุน ตํ ปริสํ มนสากาสิ – ‘‘อตฺตชฺฌาสเยน นุ โข ชาเนยฺย, ปรชฺฌาสเยน, อฏฺุปฺปตฺติวเสน, ปุจฺฉาวเสนา’’ติ. ตโต ‘‘ปุจฺฉาวเสน ชาเนยฺยา’’ติ ตฺวา ‘‘ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ สมตฺโถ อตฺถิ, นตฺถี’’ติ ปุน สกลปริสํ อาวชฺเชตฺวา ‘‘นตฺถิ โกจี’’ติ ตฺวา ‘‘สเจ อหเมว ปุจฺฉิตฺวา อหเมว วิสฺสชฺเชยฺยํ, เอวมสฺสา ปริสาย สปฺปายํ น โหติ. ยํนูนาหํ นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปยฺยนฺติ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย มโนมยิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. สพฺพงฺคปจฺจงฺคี ลกฺขณสมฺปนฺโน ปตฺตจีวรธโร อาโลกิตวิโลกิตาทิสมฺปนฺโน โหตู’’ติ อธิฏฺานจิตฺเตน สห ปาตุรโหสิ. โส ปาจีนโลกธาตุโต อาคนฺตฺวา ภควโต สมสเม อาสเน นิสินฺโน เอวํ อาคนฺตฺวา ยานิ ภควตา อิมมฺหิ สมาคเม จริยวเสน ฉ สุตฺตานิ (สุ. นิ. ๘๕๔ อาทโย, ๘๖๘ อาทโย, ๘๘๔ อาทโย, ๙๐๑ อาทโย, ๙๒๑ อาทโย) กถิตานิ. เสยฺยถิทํ – ปุราเภทสุตฺตํ กลหวิวาทสุตฺตํ จูฬพฺยูหํ มหาพฺยูหํ ตุวฏกํ อิทเมว สมฺมาปริพฺพาชนียนฺติ. เตสุ ราคจริตเทวตานํ สปฺปายวเสน กเถตพฺพสฺส อิมสฺส สุตฺตสฺส ปวตฺตนตฺถํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘ปุจฺฉามิ มุนึ ปหูตปฺ’’นฺติ ¶ อิมํ คาถมาห.
ตตฺถ ปหูตปฺนฺติ มหาปฺํ. ติณฺณนฺติ จตุโรฆติณฺณํ. ปารงฺคตนฺติ นิพฺพานปฺปตฺตํ. ปรินิพฺพุตนฺติ สอุปาทิเสสนิพฺพานวเสน ปรินิพฺพุตํ. ิตตฺตนฺติ โลกธมฺเมหิ อกมฺปนียจิตฺตํ. นิกฺขมฺม ฆรา ปนุชฺช กาเมติ วตฺถุกาเม ปนุทิตฺวา ฆราวาสา นิกฺขมฺม. กถํ ภิกฺขุ สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺยาติ โส ภิกฺขุ กถํ โลเก สมฺมา ปริพฺพเชยฺย วิหเรยฺย อนุปลิตฺโต โลเกน หุตฺวา, โลกํ อติกฺกเมยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
๓๖๓. อถ ¶ ¶ ภควา ยสฺมา อาสวกฺขยํ อปฺปตฺวา โลเก สมฺมา ปริพฺพชนฺโต นาม นตฺถิ, ตสฺมา ตสฺมึ ราคจริตาทิวเสน ปริคฺคหิเต สพฺพปุคฺคลสมูเห ตํ ตํ เตสํ เตสํ สมานโทสานํ เทวตาคณานํ อาจิณฺณโทสปฺปหานตฺถํ ‘‘ยสฺส มงฺคลา’’ติ อารภิตฺวา อรหตฺตนิกูเฏเนว ขีณาสวปฏิปทํ ปกาเสนฺโต ปนฺนรส คาถาโย อภาสิ.
ตตฺถ ปมคาถาย ตาว มงฺคลาติ มงฺคลสุตฺเต วุตฺตานํ ทิฏฺมงฺคลาทีนเมตํ อธิวจนํ. สมูหตาติ สุฏฺุ อูหตา ปฺาสตฺเถน สมุจฺฉินฺนา. อุปฺปาตาติ ‘‘อุกฺกาปาตทิสาฑาหาทโย เอวํ วิปากา โหนฺตี’’ติ เอวํ ปวตฺตา อุปฺปาตาภินิเวสา. สุปินาติ ‘‘ปุพฺพณฺหสมเย สุปินํ ทิสฺวา อิทํ นาม โหติ, มชฺฌนฺหิกาทีสุ อิทํ, วามปสฺเสน สยตา ทิฏฺเ อิทํ นาม โหติ, ทกฺขิณปสฺสาทีหิ อิทํ, สุปินนฺเต จนฺทํ ทิสฺวา อิทํ นาม โหติ, สูริยาทโย ทิสฺวา อิท’’นฺติ เอวํ ปวตฺตา สุปินาภินิเวสา. ลกฺขณาติ ทณฺฑลกฺขณวตฺถลกฺขณาทิปาํ ปิตฺวา ‘‘อิมินา อิทํ นาม โหตี’’ติ เอวํ ปวตฺตา ลกฺขณาภินิเวสา. เต สพฺเพปิ พฺรหฺมชาเล วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. โส มงฺคลโทสวิปฺปหีโนติ อฏฺตึส มหามงฺคลานิ เปตฺวา อวเสสา มงฺคลโทสา ¶ นาม. ยสฺส ปเนเต มงฺคลาทโย สมูหตา, โส มงฺคลโทสวิปฺปหีโน โหติ. อถ วา มงฺคลานฺจ อุปฺปาตาทิโทสานฺจ ปหีนตฺตา มงฺคลโทสวิปฺปหีโน โหติ, น มงฺคลาทีหิ สุทฺธึ ปจฺเจติ อริยมคฺคสฺส อธิคตตฺตา. ตสฺมา สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺย, โส ขีณาสโว สมฺมา โลเก ปริพฺพเชยฺย อนุปลิตฺโต โลเกนาติ.
๓๖๔. ทุติยคาถาย ราคํ วินเยถ มานุเสสุ, ทิพฺเพสุ กาเมสุ จาปิ ภิกฺขูติ มานุเสสุ จ ทิพฺเพสุ จ กามคุเณสุ อนาคามิมคฺเคน อนุปฺปตฺติธมฺมตํ เนนฺโต ราคํ วินเยถ. อติกฺกมฺม ภวํ สเมจฺจ ธมฺมนฺติ เอวํ ราคํ วิเนตฺวา ตโต ปรํ อรหตฺตมคฺเคน สพฺพปฺปการโต ปริฺาภิสมยาทโย สาเธนฺโต จตุสจฺจเภทมฺปิ สเมจฺจ ธมฺมํ อิมาย ปฏิปทาย ติวิธมฺปิ อติกฺกมฺม ภวํ. สมฺมา โสติ โสปิ ภิกฺขุ สมฺมา โลเก ปริพฺพเชยฺย.
๓๖๕. ตติยคาถาย ‘‘อนุโรธวิโรธวิปฺปหีโน’’ติ สพฺพวตฺถูสุ ปหีนราคโทโส. เสสํ วุตฺตนยเมว สพฺพคาถาสุ จ ‘‘โสปิ ภิกฺขุ สมฺมา ¶ โลเก ปริพฺพเชยฺยา’’ติ โยเชตพฺพํ. อิโต ปรฺหิ โยชนมฺปิ อวตฺวา อวุตฺตนยเมว วณฺณยิสฺสาม.
๓๖๖. จตุตฺถคาถาย สตฺตสงฺขารวเสน ทุวิธํ ปิยฺจ อปฺปิยฺจ เวทิตพฺพํ, ตตฺถ ฉนฺทราคปฏิฆปฺปหาเนน หิตฺวา. อนุปาทายาติ จตูหิ อุปาทาเนหิ กฺจิ ธมฺมํ อคฺคเหตฺวา. อนิสฺสิโต ¶ กุหิฺจีติ อฏฺสตเภเทน ตณฺหานิสฺสเยน ทฺวาสฏฺิเภเทน ทิฏฺินิสฺสเยน จ กุหิฺจิ รูปาทิธมฺเม ภเว วา อนิสฺสิโต. สํโยชนิเยหิ วิปฺปมุตฺโตติ สพฺเพปิ เตภูมกธมฺมา ทสวิธสํโยชนสฺส วิสยตฺตา สํโยชนิยา, เตหิ สพฺพปฺปการโต มคฺคภาวนาย ปริฺาตตฺตา จ วิปฺปมุตฺโตติ อตฺโถ. ปมปาเทน เจตฺถ ราคโทสปฺปหานํ วุตฺตํ, ทุติเยน อุปาทานนิสฺสยาภาโว, ตติเยน เสสากุสเลหิ อกุสลวตฺถูหิ จ วิปฺปโมกฺโข. ปเมน วา ราคโทสปฺปหานํ, ทุติเยน ตทุปาโย, ตติเยน เตสํ ปหีนตฺตา สํโยชนิเยหิ วิปฺปโมกฺโขติ เวทิตพฺโพ.
๓๖๗. ปฺจมคาถาย อุปธีสูติ ขนฺธุปธีสุ. อาทานนฺติ อาทาตพฺพฏฺเน ¶ เตเยว วุจฺจนฺติ. อนฺเนยฺโยติ อนิจฺจาทีนํ สุทิฏฺตฺตา ‘‘อิทํ เสยฺโย’’ติ เกนจิ อเนตพฺโพ. เสสํ อุตฺตานปทตฺถเมว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อาทาเนสุ จตุตฺถมคฺเคน สพฺพโส ฉนฺทราคํ วิเนตฺวา โส วินีตฉนฺทราโค, เตสุ อุปธีสุ น สารเมติ, สพฺเพ อุปธี อสารกตฺเตเนว ปสฺสติ. ตโต เตสุ ทุวิเธนปิ นิสฺสเยน อนิสฺสิโต อฺเน วา เกนจิ ‘‘อิทํ เสยฺโย’’ติ อเนตพฺโพ ขีณาสโว ภิกฺขุ สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺย.
๓๖๘. ฉฏฺคาถาย อวิรุทฺโธติ เอเตสํ ติณฺณํ ทุจฺจริตานํ ปหีนตฺตา สุจริเตหิ สทฺธึ อวิรุทฺโธ. วิทิตฺวา ธมฺมนฺติ มคฺเคน จตุสจฺจธมฺมํ ตฺวา. นิพฺพานปทาภิปตฺถยาโนติ อนุปาทิเสสํ ขนฺธปรินิพฺพานปทํ ปตฺถยมาโน. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
๓๖๙. สตฺตมคาถาย อกฺกุฏฺโติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อภิสตฺโต. น สนฺธิเยถาติ น อุปนยฺเหถ น กุปฺเปยฺย. ลทฺธา ปรโภชนํ ¶ น มชฺเชติ ปเรหิ ทินฺนํ สทฺธาเทยฺยํ ลภิตฺวา ‘‘อหํ าโต ยสสฺสี ลาภี’’ติ น มชฺเชยฺย. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
๓๗๐. อฏฺมคาถาย โลภนฺติ วิสมโลภํ. ภวนฺติ กามภวาทิภวํ. เอวํ ทฺวีหิ ปเทหิ ภวโภคตณฺหา วุตฺตา. ปุริเมน วา สพฺพาปิ ตณฺหา, ปจฺฉิเมน กมฺมภโว. วิรโต เฉทนพนฺธนา จาติ เอวเมเตสํ กมฺมกิเลสานํ ปหีนตฺตา ปรสตฺตเฉทนพนฺธนา จ วิรโตติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๓๗๑. นวมคาถาย สารุปฺปํ อตฺตโน วิทิตฺวาติ อตฺตโน ภิกฺขุภาวสฺส ปติรูปํ อเนสนาทึ ปหาย สมฺมาเอสนาทิอาชีวสุทฺธึ อฺฺจ สมฺมาปฏิปตฺตึ ตตฺถ ปติฏฺหเนน วิทิตฺวา. น หิ าตมตฺเตเนว กิฺจิ โหติ. ยถาตถิยนฺติ ยถาตถํ ยถาภูตํ. ธมฺมนฺติ ขนฺธายตนาทิเภทํ ¶ ยถาภูตาเณน, จตุสจฺจธมฺมํ วา มคฺเคน วิทิตฺวา. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
๓๗๒. ทสมคาถาย ¶ โส นิราโส อนาสิสาโนติ ยสฺส อริยมคฺเคน วินาสิตตฺตา อนุสยา จ น สนฺติ, อกุสลมูลา จ สมูหตา, โส นิราโส นิตฺตณฺโห โหติ. ตโต อาสาย อภาเวน กฺจิ รูปาทิธมฺมํ นาสีสติ. เตนาห ‘‘นิราโส อนาสิสาโน’’ติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๓๗๓. เอกาทสมคาถาย อาสวขีโณติ ขีณจตุราสโว. ปหีนมาโนติ ปหีนนววิธมาโน. ราคปถนฺติ ราควิสยภูตํ เตภูมกธมฺมชาตํ. อุปาติวตฺโตติ ปริฺาปหาเนหิ อติกฺกนฺโต. ทนฺโตติ สพฺพทฺวารวิเสวนํ หิตฺวา อริเยน ทมเถน ทนฺตภูมึ ปตฺโต. ปรินิพฺพุโตติ กิเลสคฺคิวูปสเมน สีติภูโต. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๓๗๔. ทฺวาทสมคาถาย สทฺโธติ พุทฺธาทิคุเณสุ ปรปฺปจฺจยวิรหิตตฺตา สพฺพาการสมฺปนฺเนน อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, น ปรสฺส สทฺธาย ปฏิปตฺติยํ คมนภาเวน. ยถาห – ‘‘น ขฺวาหํ เอตฺถ ภนฺเต ภควโต สทฺธาย ¶ คจฺฉามี’’ติ (อ. นิ. ๕.๓๔). สุตวาติ โวสิตสุตกิจฺจตฺตา ปรมตฺถิกสุตสมนฺนาคโต. นิยามทสฺสีติ สํสารกนฺตารมูฬฺเห โลเก อมตปุรคามิโน สมฺมตฺตนิยามภูตสฺส มคฺคสฺส ทสฺสาวี, ทิฏฺมคฺโคติ วุตฺตํ โหติ. วคฺคคเตสุ น วคฺคสารีติ วคฺคคตา นาม ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคติกา อฺมฺํ ปฏิโลมตฺตา, เอวํ วคฺคาหิ ทิฏฺีหิ คเตสุ สตฺเตสุ น วคฺคสารี – ‘‘อิทํ อุจฺฉิชฺชิสฺสติ, อิทํ ตเถว ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ทิฏฺิวเสน อคมนโต. ปฏิฆนฺติ ปฏิฆาตกํ, จิตฺตวิฆาตกนฺติ วุตฺตํ โหติ. โทสวิเสสนเมเวตํ. วิเนยฺยาติ วิเนตฺวา. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๓๗๕. เตรสมคาถาย สํสุทฺธชิโนติ สํสุทฺเธน อรหตฺตมคฺเคน วิชิตกิเลโส. วิวฏฺฏจฺฉโทติ วิวฏราคโทสโมหฉทโน. ธมฺเมสุ วสีติ จตุสจฺจธมฺเมสุ ¶ วสิปฺปตฺโต. น หิสฺส สกฺกา เต ธมฺมา ยถา าตา เกนจิ อฺถา กาตุํ, เตน ขีณาสโว ‘‘ธมฺเมสุ วสี’’ติ วุจฺจติ. ปารคูติ ปารํ วุจฺจติ นิพฺพานํ, ตํ คโต, สอุปาทิเสสวเสน อธิคโตติ วุตฺตํ โหติ. อเนโชติ อปคตตณฺหาจลโน. สงฺขารนิโรธาณกุสโลติ สงฺขารนิโรโธ วุจฺจติ นิพฺพานํ, ตมฺหิ าณํ อริยมคฺคปฺา, ตตฺถ กุสโล, จตุกฺขตฺตุํ ภาวิตตฺตา เฉโกติ วุตฺตํ โหติ.
๓๗๖. จุทฺทสมคาถาย อตีเตสูติ ปวตฺตึ ปตฺวา อติกฺกนฺเตสุ ปฺจกฺขนฺเธสุ. อนาคเตสูติ ปวตฺตึ อปฺปตฺเตสุ ปฺจกฺขนฺเธสุ เอว. กปฺปาตีโตติ ‘‘อหํ มม’’นฺติ กปฺปนํ สพฺพมฺปิ วา ตณฺหาทิฏฺิกปฺปํ อตีโต. อติจฺจ สุทฺธิปฺโติ อตีว สุทฺธิปฺโ, อติกฺกมิตฺวา ¶ วา สุทฺธิปฺโ. กึ อติกฺกมิตฺวา? อทฺธตฺตยํ. อรหา หิ ยฺวายํ อวิชฺชาสงฺขารสงฺขาโต อตีโต อทฺธา, ชาติชรามรณสงฺขาโต อนาคโต อทฺธา, วิฺาณาทิภวปริยนฺโต ปจฺจุปฺปนฺโน จ อทฺธา, ตํ สพฺพมฺปิ อติกฺกมฺม กงฺขํ วิตริตฺวา ปรมสุทฺธิปฺปตฺตปฺโ หุตฺวา ิโต. เตน วุจฺจติ ‘‘อติจฺจ สุทฺธิปฺโ’’ติ. สพฺพายตเนหีติ ทฺวาทสหายตเนหิ. อรหา หิ เอวํ กปฺปาตีโต. กปฺปาตีตตฺตา อติจฺจ สุทฺธิปฺตฺตา จ อายตึ น กิฺจิ อายตนํ อุเปติ. เตนาห – ‘‘สพฺพายตเนหิ วิปฺปมุตฺโต’’ติ.
๓๗๗. ปนฺนรสมคาถาย ¶ อฺาย ปทนฺติ เย เต ‘‘สจฺจานํ จตุโร ปทา’’ติ วุตฺตา, เตสุ เอเกกปทํ ปุพฺพภาคสจฺจววตฺถาปนปฺาย ตฺวา. สเมจฺจ ธมฺมนฺติ ตโต ปรํ จตูหิ อริยมคฺเคหิ จตุสจฺจธมฺมํ สเมจฺจ. วิวฏํ ทิสฺวาน ปหานมาสวานนฺติ อถ ปจฺจเวกฺขณาเณน อาสวกฺขยสฺิตํ นิพฺพานํ วิวฏํ ปากฏมนาวฏํ ทิสฺวา. สพฺพุปธีนํ ปริกฺขยาติ สพฺเพสํ ขนฺธกามคุณกิเลสาภิสงฺขารเภทานํ อุปธีนํ ปริกฺขีณตฺตา กตฺถจิ อสชฺชมาโน ภิกฺขุ สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺย วิหเรยฺย, อนลฺลียนฺโต โลกํ คจฺเฉยฺยาติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
๓๗๘. ตโต ¶ โส นิมฺมิโต ธมฺมเทสนํ โถเมนฺโต ‘‘อทฺธา หิ ภควา’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ โย โส เอวํ วิหารีติ โย โส มงฺคลาทีนิ สมูหนิตฺวา สพฺพมงฺคลโทสปฺปหานวิหารี, โยปิ โส ทิพฺพมานุสเกสุ กาเมสุ ราคํ วิเนยฺย ภวาติกฺกมฺม ธมฺมาภิสมยวิหารีติ เอวํ ตาย ตาย คาถาย นิทฺทิฏฺภิกฺขุํ ทสฺเสนฺโต อาห. เสสํ อุตฺตานเมว. อยํ ปน โยชนา – อทฺธา หิ ภควา ตเถว เอตํ ยํ ตฺวํ ‘‘ยสฺส มงฺคลา สมูหตา’’ติอาทีนิ วตฺวา ตสฺสา ตสฺสา คาถาย ปริโยสาเน ‘‘สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺยา’’ติ อวจ. กึ การณํ? โย โส เอวํวิหารี ภิกฺขุ, โส อุตฺตเมน ทมเถน ทนฺโต, สพฺพานิ จ ทสปิ สํโยชนานิ จตุโร จ โยเค วีติวตฺโต โหติ. ตสฺมา สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺย, นตฺถิ เม เอตฺถ วิจิกิจฺฉาติ อิติ เทสนาโถมนคาถมฺปิ วตฺวา อรหตฺตนิกูเฏเนว เทสนํ นิฏฺาเปสิ. สุตฺตปริโยสาเน โกฏิสตสหสฺสเทวตานํ อคฺคผลปฺปตฺติ อโหสิ, โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลปฺปตฺตา ปน คณนโต อสงฺขฺเยยฺยาติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺตวณฺณนา
นิฏฺิตา.
๑๔. ธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ ธมฺมิกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ติฏฺมาเน กิร ภควติ โลกนาเถ ธมฺมิโก นาม อุปาสโก อโหสิ นาเมน จ ปฏิปตฺติยา จ. โส กิร สรณสมฺปนฺโน สีลสมฺปนฺโน พหุสฺสุโต ปิฏกตฺตยธโร อนาคามี อภิฺาลาภี อากาสจารี อโหสิ. ตสฺส ปริวารา ปฺจสตา อุปาสกา, เตปิ ตาทิสา เอว อเหสุํ. ตสฺเสกทิวสํ อุโปสถิกสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส มชฺฌิมยามาวสานสมเย เอวํ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘ยํนูนาหํ อคาริยอนคาริยานํ ปฏิปทํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ. โส ปฺจหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ, ภควา จสฺส พฺยากาสิ. ตตฺถ ¶ ปุพฺเพ วณฺณิตสทิสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, อปุพฺพํ วณฺณยิสฺสาม.
๓๗๙. ตตฺถ ปมคาถาย ตาว กถํกโรติ กถํ กโรนฺโต กถํ ปฏิปชฺชนฺโต. สาธุ โหตีติ สุนฺทโร อนวชฺโช อตฺถสาธโน โหติ. อุปาสกาเสติ อุปาสกาอิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. เสสมตฺถโต ปากฏเมว. อยํ ปน โยชนา – โย วา อคารา อนคารเมติ ปพฺพชติ, เย วา อคาริโน อุปาสกา, เอเตสุ ทุวิเธสุ สาวเกสุ กถํกโร สาวโก สาธุ โหตีติ.
๓๘๐-๑. อิทานิ เอวํ ปุฏฺสฺส ภควโต พฺยากรณสมตฺถตํ ทีเปนฺโต ‘‘ตุวฺหี’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ คตินฺติ อชฺฌาสยคตึ. ปรายณนฺติ นิปฺผตฺตึ. อถ วา คตินฺติ นิรยาทิปฺจปฺปเภทํ. ปรายณนฺติ คติโต ปรํ อยนํ คติวิปฺปโมกฺขํ ปรินิพฺพานํ, น จตฺถิ ตุลฺโยติ ตยา สทิโส นตฺถิ. สพฺพํ ตุวํ าณมเวจฺจ ธมฺมํ, ปกาเสสิ สตฺเต อนุกมฺปมาโนติ ตฺวํ ภควา ยทตฺถิ เยฺยํ นาม, ตํ อนวเสสํ อเวจฺจ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สตฺเต อนุกมฺปมาโน สพฺพํ าณฺจ ธมฺมฺจ ปกาเสสิ. ยํ ยํ ยสฺส หิตํ โหติ, ตํ ตํ ตสฺส อาวิกาสิเยว เทเสสิเยว, น เต อตฺถิ อาจริยมุฏฺีติ วุตฺตํ โหติ. วิโรจสิ วิมโลติ ธูมรชาทิวิรหิโต วิย จนฺโท, ราคาทิมลาภาเวน วิมโล วิโรจสิ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
๓๘๒. อิทานิ เยสํ ตทา ภควา ธมฺมํ เทเสสิ, เต เทวปุตฺเต กิตฺเตตฺวา ภควนฺตํ ปสํสนฺโต ‘‘อาคฺฉี เต สนฺติเก’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ¶ นาคราชา เอราวโณ นามาติ อยํ กิร ¶ เอราวโณ นาม เทวปุตฺโต กามรูปี ทิพฺเพ วิมาเน วสติ. โส ยทา สกฺโก อุยฺยานกีฬํ คจฺฉติ, ตทา ทิยฑฺฒสตโยชนํ กายํ อภินิมฺมินิตฺวา เตตฺตึส กุมฺเภ มาเปตฺวา เอราวโณ นาม หตฺถี โหติ. ตสฺส เอเกกสฺมึ กุมฺเภ ทฺเว ทฺเว ทนฺตา โหนฺติ, เอเกกสฺมึ ทนฺเต สตฺต สตฺต ¶ โปกฺขรณิโย, เอเกกิสฺสา โปกฺขรณิยา สตฺต สตฺต ปทุมินิโย, เอเกกิสฺสา ปทุมินิยา สตฺต สตฺต ปุปฺผานิ, เอเกกสฺมึ ปุปฺเผ สตฺต สตฺต ปตฺตานิ, เอเกกสฺมึ ปตฺเต สตฺต สตฺต อจฺฉราโย นจฺจนฺติ ปทุมจฺฉราโยตฺเวว วิสฺสุตา สกฺกสฺส นาฏกิตฺถิโย, ยา จ วิมานวตฺถุสฺมิมฺปิ ‘‘ภมนฺติ กฺา ปทุเมสุ สิกฺขิตา’’ติ (วิ. ว. ๑๐๓๔) อาคตา. เตสํ ปน เตตฺติสํกุมฺภานํ มชฺเฌ สุทสฺสนกุมฺโภ นาม ตึสโยชนมตฺโต โหติ, ตตฺถ โยชนปฺปมาโณ มณิปลฺลงฺโก ติโยชนุพฺเพเธ ปุปฺผมณฺฑเป อตฺถรียติ. ตตฺถ สกฺโก เทวานมินฺโท อจฺฉราสงฺฆปริวุโต ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปจฺจนุโภติ. สกฺเก ปน เทวานมินฺเท อุยฺยานกีฬาโต ปฏินิวตฺเต ปุน ตํ รูปํ สํหริตฺวาน เทวปุตฺโตว โหติ. ตํ สนฺธายาห – ‘‘อาคฺฉิ เต สนฺติเก นาคราชา เอราวโณ นามา’’ติ. ชิโนติ สุตฺวาติ ‘‘วิชิตปาปธมฺโม เอส ภควา’’ติ เอวํ สุตฺวา. โสปิ ตยา มนฺตยิตฺวาติ ตยา สทฺธึ มนฺตยิตฺวา, ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวาติ อธิปฺปาโย. อชฺฌคมาติ อธิอคมา, คโตติ วุตฺตํ โหติ. สาธูติ สุตฺวาน ปตีตรูโปติ ตํ ปฺหํ สุตฺวา ‘‘สาธุ ภนฺเต’’ติ อภินนฺทิตฺวา ตุฏฺรูโป คโตติ อตฺโถ.
๓๘๓. ราชาปิ ตํ เวสฺสวโณ กุเวโรติ เอตฺถ โส ยกฺโข รฺชนฏฺเน ราชา, วิสาณาย ราชธานิยา รชฺชํ กาเรตีติ เวสฺสวโณ, ปุริมนาเมน กุเวโรติ เวทิตพฺโพ. โส กิร กุเวโร นาม พฺราหฺมณมหาสาโล หุตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา วิสาณาย ราชธานิยา อธิปติ หุตฺวา นิพฺพตฺโต. ตสฺมา ‘‘กุเวโร เวสฺสวโณ’’ติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเจตํ อาฏานาฏิยสุตฺเต –
‘‘กุเวรสฺส โข ปน, มาริส, มหาราชสฺส วิสาณา นาม ราชธานี, ตสฺมา กุเวโร มหาราชา ‘เวสฺสวโณ’ติ ปวุจฺจตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๙๑) –
เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
ตตฺถ ¶ สิยา – กสฺมา ปน ทูรตเร ตาวตึสภวเน วสนฺโต เอราวโณ ปมํ อาคโต, เวสฺสวโณ ปจฺฉา, เอกนคเรว ¶ วสนฺโต อยํ อุปาสโก สพฺพปจฺฉา, กถฺจ โส เตสํ อาคมนํ อฺาสิ, เยน เอวมาหาติ? วุจฺจเต – เวสฺสวโณ กิร ตทา อเนกสหสฺสปวาฬปลฺลงฺกํ ทฺวาทสโยชนํ นาริวาหนํ อภิรุยฺห ปวาฬกุนฺตํ อุจฺจาเรตฺวา ทสสหสฺสโกฏิยกฺเขหิ ¶ ปริวุโต ‘‘ภควนฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ อากาสฏฺกวิมานานิ ปริหริตฺวา มคฺเคน มคฺคํ อาคจฺฉนฺโต เวฬุกณฺฑกนคเร นนฺทมาตาย อุปาสิกาย นิเวสนสฺส อุปริภาคํ สมฺปตฺโต. อุปาสิกาย อยมานุภาโว – ปริสุทฺธสีลา โหติ, นิจฺจํ วิกาลโภชนา ปฏิวิรตา, ปิฏกตฺตยธารินี, อนาคามิผเล ปติฏฺิตา. สา ตมฺหิ สมเย สีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏตฺวา อุตุคฺคหณตฺถาย มาลุเตริโตกาเส ตฺวา อฏฺกปารายนวคฺเค ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยฺชเนหิ มธุเรน สเรน ภาสติ. เวสฺสวโณ ตตฺเถว ยานานิ เปตฺวา ยาว อุปาสิกา ‘‘อิทมโวจ ภควา มคเธสุ วิหรนฺโต ปาสาณเก เจติเย ปริจารกโสฬสนฺนํ พฺราหฺมณาน’’นฺติ นิคมนํ อภาสิ, ตาว สพฺพํ สุตฺวา วคฺคปริโยสาเน สุวณฺณมุรชสทิสํ มหนฺตํ คีวํ ปคฺคเหตฺวา ‘‘สาธุ สาธุ ภคินี’’ติ สาธุการมทาสิ. สา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. ‘‘อหํ ภคินิ เวสฺสวโณ’’ติ. อุปาสิกา กิร ปมํ โสตาปนฺนา อโหสิ, ปจฺฉา เวสฺสวโณ. ตํ โส ธมฺมโต สโหทรภาวํ สนฺธาย อุปาสิกํ ภคินิวาเทน สมุทาจรติ. อุปาสิกาย จ ‘‘วิกาโล, ภาติก ภทฺรมุข, ยสฺส ทานิ กาลํ มฺสี’’ติ วุตฺโต ‘‘อหํ ภคินิ ตยิ ปสนฺโน ปสนฺนาการํ กโรมี’’ติ อาห. เตน หิ ภทฺรมุข, มม เขตฺเต นิปฺผนฺนํ สาลึ กมฺมกรา อาหริตุํ น สกฺโกนฺติ, ตํ ตว ปริสาย อาณาเปหีติ. โส ‘‘สาธุ ภคินี’’ติ ยกฺเข อาณาเปสิ. เต อฑฺฒเตรส โกฏฺาคารสตานิ ปูเรสุํ. ตโต ปภุติ โกฏฺาคารํ ¶ อูนํ นาม นาโหสิ, ‘‘นนฺทมาตุ โกฏฺาคารํ วิยา’’ติ โลเก นิทสฺสนํ อโหสิ. เวสฺสวโณ โกฏฺาคารานิ ปูเรตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ. ภควา ‘‘วิกาเล อาคโตสี’’ติ อาห. อถ ภควโต สพฺพํ อาโรเจสิ. อิมินา การเณน อาสนฺนตเรปิ จาตุมหาราชิกภวเน วสนฺโต เวสฺสวโณ ปจฺฉา อาคโต. เอราวณสฺส ปน น กิฺจิ อนฺตรา กรณียํ อโหสิ, เตน โส ปมตรํ อาคโต.
อยํ ¶ ปน อุปาสโก กิฺจาปิ อนาคามี ปกติยาว เอกภตฺติโก, ตถาปิ ตทา อุโปสถทิวโสติ กตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย สายนฺหสมยํ สุนิวตฺโถ สุปารุโต ปฺจสตอุปาสกปริวุโต เชตวนํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อตฺตโน ฆรํ อาคมฺม เตสํ อุปาสกานํ สรณสีลอุโปสถานิสํสาทิเภทํ อุปาสกธมฺมํ กเถตฺวา เต อุปาสเก อุยฺโยเชสิ. เตสฺจ ตสฺเสว ฆเร มุฏฺิหตฺถปฺปมาณปาทกานิ ปฺจ กปฺปิยมฺจสตานิ ปาเฏกฺโกวรเกสุ ปฺตฺตานิ โหนฺติ. เต อตฺตโน อตฺตโน โอวรกํ ปวิสิตฺวา สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทึสุ, อุปาสโกปิ ตเถวากาสิ. เตน จ สมเยน สาวตฺถินคเร สตฺตปฺาส กุลสตสหสฺสานิ วสนฺติ, มนุสฺสคณนาย อฏฺารสโกฏิมนุสฺสา. เตน ปมยาเม หตฺถิอสฺสมนุสฺสเภริสทฺทาทีหิ สาวตฺถินครํ มหาสมุทฺโท วิย เอกสทฺทํ โหติ. มชฺฌิมยามสมนนฺตเร โส สทฺโท ปฏิปฺปสฺสมฺภติ ¶ . ตมฺหิ กาเล อุปาสโก สมาปตฺติโต วุฏฺาย อตฺตโน คุเณ อาวชฺเชตฺวา ‘‘เยนาหํ มคฺคสุเขน ผลสุเขน สุขิโต วิหรามิ, อิทํ สุขํ กํ นิสฺสาย ลทฺธ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ภควนฺตํ นิสฺสายา’’ติ ภควติ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ‘‘ภควา เอตรหิ กตเมน วิหาเรน วิหรตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ทิพฺเพน จกฺขุนา เอราวณเวสฺสวเณ ทิสฺวา ทิพฺพาย โสตธาตุยา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เจโตปริยาเณน เตสํ ปสนฺนจิตฺตตํ ¶ ตฺวา ‘‘ยํนูนาหมฺปิ ภควนฺตํ อุภยหิตํ ปฏิปทํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. ตสฺมา โส เอกนคเร วสนฺโตปิ สพฺพปจฺฉา อาคโต, เอวฺจ เนสํ อาคมนํ อฺาสิ. เตนาห – ‘‘อาคฺฉิ เต สนฺติเก นาคราชา…เป… โส จาปิ สุตฺวาน ปตีตรูโป’’ติ.
๓๘๔. อิทานิ อิโต พหิทฺธา โลกสมฺมเตหิ สมณพฺราหฺมเณหิ อุกฺกฏฺภาเวน ภควนฺตํ ปสํสนฺโต ‘‘เย เกจิเม’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ติตฺถิยาติ นนฺทวจฺฉสํกิจฺเจหิ อาทิปุคฺคเลหิ ตีหิ ติตฺถกเรหิ กเต ทิฏฺิติตฺเถ ชาตา, เตสํ สาสเน ปพฺพชิตา ปูรณาทโย ฉ สตฺถาโร. ตตฺถ นาฏปุตฺโต นิคณฺโ, อวเสสา อาชีวกาติ เต สพฺเพ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เย เกจิเม ติตฺถิยา วาทสีลา’’ติ, ‘‘มยํ สมฺมา ปฏิปนฺนา, อฺเ มิจฺฉา ปฏิปนฺนา’’ติ เอวํ วาทกรณสีลา โลกํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิจรนฺติ. อาชีวกา วาติ เต เอกชฺฌมุทฺทิฏฺเ ภินฺทิตฺวา ทสฺเสติ. นาติตรนฺตีติ นาติกฺกมนฺติ. สพฺเพติ อฺเปิ เย ¶ เกจิ ติตฺถิยสาวกาทโย, เตปิ ปริคฺคณฺหนฺโต อาห. ‘‘ิโต วชนฺตํ วิยา’’ติ ยถา โกจิ ิโต คติวิกโล สีฆคามินํ ปุริสํ คจฺฉนฺตํ นาติตเรยฺย, เอวํ เต ปฺาคติยา อภาเวน เต เต อตฺถปฺปเภเท พุชฺฌิตุํ อสกฺโกนฺตา ิตา, อติชวนปฺํ ภควนฺตํ นาติตรนฺตีติ อตฺโถ.
๓๘๕. พฺราหฺมณา วาทสีลา วุทฺธา จาติ เอตฺตาวตา จงฺกีตารุกฺขโปกฺขรสาติชาณุสฺโสณิอาทโย ทสฺเสติ, อปิ พฺราหฺมณา สนฺติ เกจีติ อิมินา มชฺฌิมาปิ ทหราปิ เกวลํ พฺราหฺมณา สนฺติ อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ เกจีติ เอวํ อสฺสลายนวาเสฏฺอมฺพฏฺอุตฺตรมาณวกาทโย ทสฺเสติ. อตฺถพทฺธาติ ‘‘อปิ นุ โข อิมํ ปฺหํ พฺยากเรยฺย, อิมํ กงฺขํ ฉินฺเทยฺยา’’ติ เอวํ อตฺถพทฺธา ภวนฺติ. เย จาปิ อฺเติ อฺเปิ เย ‘‘มยํ วาทิโน’’ติ เอวํ มฺมานา ¶ วิจรนฺติ ขตฺติยปณฺฑิตพฺราหฺมณพฺรหฺมเทวยกฺขาทโย อปริมาณา. เตปิ สพฺเพ ตยิ อตฺถพทฺธา ภวนฺตีติ ทสฺเสติ.
๓๘๖-๗. เอวํ นานปฺปกาเรหิ ภควนฺตํ ปสํสิตฺวา อิทานิ ธมฺเมเนว ตํ ปสํสิตฺวา ธมฺมกถํ ยาจนฺโต ‘‘อยฺหิ ธมฺโม’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ อยฺหิ ธมฺโมติ สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺเม ¶ สนฺธายาห. นิปุโณติ สณฺโห ทุปฺปฏิวิชฺโฌ. สุโขติ ปฏิวิทฺโธ สมาโน โลกุตฺตรสุขมาวหติ, ตสฺมา สุขาวหตฺตา ‘‘สุโข’’ติ วุจฺจติ. สุปฺปวุตฺโตติ สุเทสิโต. สุสฺสูสมานาติ โสตุกามมฺหาติ อตฺโถ. ตํ โน วทาติ ตํ ธมฺมํ อมฺหากํ วท. ‘‘ตฺวํ โน’’ติปิ ปาโ, ตฺวํ อมฺหากํ วทาติ อตฺโถ. สพฺเพปิเม ภิกฺขโวติ ตงฺขณํ นิสินฺนานิ กิร ปฺจ ภิกฺขุสตานิ โหนฺติ, ตานิ ทสฺเสนฺโต ยาจติ. อุปาสกา จาปีติ อตฺตโน ปริวาเร อฺเ จ ทสฺเสติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
๓๘๘. อถ ภควา อนคาริยปฏิปทํ ตาว ทสฺเสตุํ ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘สุณาถ เม ภิกฺขโว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ธมฺมํ ธุตํ ตฺจ จราถ สพฺเพติ กิเลเส ธุนาตีติ ธุโต, เอวรูปํ กิเลสธุนนกํ ปฏิปทาธมฺมํ สาวยามิ โว, ตฺจ มยา สาวิตํ สพฺเพ จรถ ปฏิปชฺชถ, มา ปมาทิตฺถาติ วุตฺตํ โหติ. อิริยาปถนฺติ คมนาทิจตุพฺพิธํ. ปพฺพชิตานุโลมิกนฺติ สมณสารุปฺปํ สติสมฺปชฺยุตฺตํ. อรฺเ กมฺมฏฺานานุโยควเสน ปวตฺตเมวาติ อปเร. เสเวถ นนฺติ ตํ อิริยาปถํ ภเชยฺย ¶ . อตฺถทโสติ หิตานุปสฺสี. มุตีมาติ พุทฺธิมา. เสสเมตฺถ คาถาย ปากฏเมว.
๓๘๙. โน เว วิกาเลติ เอวํ ปพฺพชิตานุโลมิกํ อิริยาปถํ เสวมาโน จ ทิวามชฺฌนฺหิกวีติกฺกมํ อุปาทาย วิกาเล น จเรยฺย ภิกฺขุ, ยุตฺตกาเล เอว ปน คามํ ปิณฺฑาย จเรยฺย. กึ การณํ? อกาลจาริฺหิ สชนฺติ สงฺคา, อกาลจารึ ปุคฺคลํ ราคสงฺคาทโย อเนเก สงฺคา สชนฺติ ปริสฺสชนฺติ อุปคุหนฺติ อลฺลียนฺติ. ตสฺมา วิกาเล น ¶ จรนฺติ พุทฺธา, ตสฺมา เย จตุสจฺจพุทฺธา อริยปุคฺคลา, น เต วิกาเล ปิณฺฑาย จรนฺตีติ. เตน กิร สมเยน วิกาลโภชนสิกฺขาปทํ อปฺปฺตฺตํ โหติ, ตสฺมา ธมฺมเทสนาวเสเนเวตฺถ ปุถุชฺชนานํ อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห. อริยา ปน สห มคฺคปฏิลาภา เอว ตโต ปฏิวิรตา โหนฺติ, เอสา ธมฺมตา.
๓๙๐. เอวํ วิกาลจริยํ ปฏิเสเธตฺวา ‘‘กาเล จรนฺเตนปิ เอวํ จริตพฺพ’’นฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘รูปา จ สทฺทา จา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – เย เต รูปาทโย นานปฺปการกํ มทํ ชเนนฺตา สตฺเต สมฺมทยนฺติ, เตสุ ปิณฺฑปาตปาริสุทฺธิสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๔๓๘ อาทโย) วุตฺตนเยน ฉนฺทํ วิโนเทตฺวา ยุตฺตกาเลเนว ปาตราสํ ปวิเสยฺยาติ. เอตฺถ จ ปาโต อสิตพฺโพติ ปาตราโส, ปิณฺฑปาตสฺเสตํ นามํ. โย ยตฺถ ลพฺภติ, โส ปเทโสปิ ตํ โยเคน ‘‘ปาตราโส’’ติ อิธ วุตฺโต. ยโต ปิณฺฑปาตํ ลภติ, ตํ โอกาสํ คจฺเฉยฺยาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๓๙๑. เอวํ ¶ ปวิฏฺโ –
‘‘ปิณฺฑฺจ ภิกฺขุ สมเยน ลทฺธา,
เอโก ปฏิกฺกมฺม รโห นิสีเท;
อชฺฌตฺตจินฺตี น มโน พหิทฺธา,
นิจฺฉารเย สงฺคหิตตฺตภาโว’’.
ตตฺถ ปิณฺฑนฺติ มิสฺสกภิกฺขํ, สา หิ ตโต ตโต สโมธาเนตฺวา สมฺปิณฺฑิตฏฺเน ‘‘ปิณฺโฑ’’ติ วุจฺจติ. สมเยนาติ อนฺโตมชฺฌนฺหิกกาเล. เอโก ปฏิกฺกมฺมาติ กายวิเวกํ สมฺปาเทนฺโต อทุติโย นิวตฺติตฺวา. อชฺฌตฺตจินฺตีติ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ขนฺธสนฺตานํ จินฺเตนฺโต. น มโน พหิทฺธา ¶ นิจฺฉารเยติ พหิทฺธา รูปาทีสุ ราควเสน จิตฺตํ น นีหเร. สงฺคหิตตฺตภาโวติ สุฏฺุ คหิตจิตฺโต.
‘‘สเจปิ โส สลฺลเป สาวเกน,
อฺเน วา เกนจิ ภิกฺขุนา วา;
ธมฺมํ ปณีตํ ตมุทาหเรยฺย,
น เปสุณํ โนปิ ปรูปวาทํ’’.
กึ วุตฺตํ โหติ? โส โยคาวจโร กิฺจิเทว โสตุกามตาย อุปคเตน สาวเกน วา เกนจิ อฺติตฺถิยคหฏฺาทินา วา อิเธว ปพฺพชิเตน ภิกฺขุนา วา สทฺธึ สเจปิ สลฺลเป, อถ ยฺวายํ มคฺคผลาทิปฏิสํยุตฺโต ¶ ทสกถาวตฺถุเภโท วา อตปฺปกฏฺเน ปณีโต ธมฺโม. ตํ ธมฺมํ ปณีตํ อุทาหเรยฺย, อฺํ ปน ปิสุณวจนํ วา ปรูปวาทํ วา อปฺปมตฺตกมฺปิ น อุทาหเรยฺยาติ.
๓๙๓. อิทานิ ตสฺมึ ปรูปวาเท โทสํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วาทฺหิ เอเก’’ติ. ตสฺสตฺโถ – อิเธกจฺเจ โมฆปุริสา ปรูปวาทสฺหิตํ นานปฺปการํ วิคฺคาหิกกถาเภทํ วาทํ ปฏิเสนิยนฺติ วิรุชฺฌนฺติ, ยุชฺฌิตุกามา หุตฺวา เสนาย ปฏิมุขํ คจฺฉนฺตา วิย โหนฺติ, เต มยํ ลามกปฺเ น ปสํสาม. กึ การณํ? ตโต ตโต เน ปสชนฺติ สงฺคา, ยสฺมา เต ตาทิสเก ปุคฺคเล ¶ ตโต ตโต วจนปถโต สมุฏฺาย วิวาทสงฺคา สชนฺติ อลฺลียนฺติ. กึ การณา สชนฺตีติ? จิตฺตฺหิ เต ตตฺถ คเมนฺติ ทูเร, ยสฺมา เต ปฏิเสนิยนฺตา จิตฺตํ ตตฺถ คเมนฺติ, ยตฺถ คตํ สมถวิปสฺสนานํ ทูเร โหตีติ.
๓๙๔-๕. เอวํ ปริตฺตปฺานํ ปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ มหาปฺานํ ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปิณฺฑํ วิหารํ…เป… สาวโก’’ติ. ตตฺถ วิหาเรน ปติสฺสโย, สยนาสเนน มฺจปีนฺติ ตีหิปิ ปเทหิ เสนาสนเมว วุตฺตํ. อาปนฺติ อุทกํ. สงฺฆาฏิรชูปวาหนนฺติ ปํสุมลาทิโน สงฺฆาฏิรชสฺส โธวนํ. สุตฺวาน ธมฺมํ สุคเตน เทสิตนฺติ สพฺพาสวสํวราทีสุ ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวติ สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน ภควตา เทสิตํ ธมฺมํ สุตฺวา. สงฺขาย เสเว ¶ วรปฺสาวโกติ เอตํ อิธ ปิณฺฑนฺติ วุตฺตํ ปิณฺฑปาตํ, วิหาราทีหิ วุตฺตํ เสนาสนํ, อาปมุเขน ทสฺสิตํ คิลานปจฺจยํ, สงฺฆาฏิยา จีวรนฺติ จตุพฺพิธมฺปิ ปจฺจยํ สงฺขาย ‘‘ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน ปจฺจเวกฺขิตฺวา เสเว วรปฺสาวโก, เสวิตุํ สกฺกุเณยฺย วรปฺสฺส ตถาคตสฺส สาวโก เสกฺโข วา ปุถุชฺชโน วา, นิปฺปริยาเยน จ อรหา. โส หิ จตุราปสฺเสโน ‘‘สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ ¶ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๒.๑๖๘; อ. นิ. ๑๐.๒๐) วุตฺโต. ยสฺสา จ สงฺขาย เสเว วรปฺสาวโก, ตสฺมา หิ ปิณฺเฑ…เป… ยถา โปกฺขเร วาริพินฺทุ, ตถา โหตีติ เวทิตพฺโพ.
๓๙๖. เอวํ ขีณาสวปฏิปตฺตึ ทสฺเสนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน อนคาริยปฏิปทํ นิฏฺาเปตฺวา อิทานิ อคาริยปฏิปทํ ทสฺเสตุํ ‘‘คหฏฺวตฺตํ ปน โว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปมคาถาย ตาว สาวโกติ อคาริยสาวโก. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว. อยํ ปน โยชนา – โย มยา อิโต ปุพฺเพ เกวโล อพฺยามิสฺโส สกโล ปริปุณฺโณ ภิกฺขุธมฺโม กถิโต. เอส เขตฺตวตฺถุอาทิปริคฺคเหหิ สปริคฺคเหน น ลพฺภา ผสฺเสตุํ น สกฺกา อธิคนฺตุนฺติ.
๓๙๗. เอวํ ตสฺส ภิกฺขุธมฺมํ ปฏิเสเธตฺวา คหฏฺธมฺมเมว ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปาณํ น หเน’’ติ. ตตฺถ ปุริมฑฺเฒน ติโกฏิปริสุทฺธา ปาณาติปาตาเวรมณิ วุตฺตา, ปจฺฉิมฑฺเฒน สตฺเตสุ หิตปฏิปตฺติ. ตติยปาโท เจตฺถ ขคฺควิสาณสุตฺเต (สุ. นิ. ๓๕ อาทโย) จตุตฺถปาเท ถาวรตสเภโท เมตฺตสุตฺตวณฺณนายํ (สุ. นิ. ๑๔๓ อาทโย) สพฺพปฺปการโต วณฺณิโต. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว. อุปฺปฏิปาฏิยา ปน โยชนา กาตพฺพา – ตสถาวเรสุ สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ ¶ น หเน น ฆาตเยยฺย นานุชฺาติ. ‘‘นิธาย ทณฺฑ’’นฺติ อิโต วา ปรํ ‘‘วตฺเตยฺยา’’ติ ปาเสโส อาหริตพฺโพ. อิตรถา หิ น ปุพฺเพนาปรํ สนฺธิยติ.
๓๙๘. เอวํ ปมสิกฺขาปทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ทุติยสิกฺขาปทํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตโต อทินฺน’’นฺติ. ตตฺถ กิฺจีติ อปฺปํ วา พหุํ วา. กฺวจีติ ¶ คาเม วา อรฺเ วา. สาวโกติ อคาริยสาวโก. พุชฺฌมาโนติ ‘‘ปรสนฺตกมิท’’นฺติ ชานมาโน. สพฺพํ อทินฺนํ ปริวชฺชเยยฺยาติ เอวฺหิ ปฏิปชฺชมาโน สพฺพํ อทินฺนํ ปริวชฺเชยฺย, โน อฺถาติ ทีเปติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยฺจ ปากฏฺจาติ.
๓๙๙. เอวํ ทุติยสิกฺขาปทมฺปิ ติโกฏิปริสุทฺธํ ทสฺเสตฺวา อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต ปภุติ ตติยํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อพฺรหฺมจริย’’นฺติ. ตตฺถ อสมฺภุณนฺโตติ อสกฺโกนฺโต.
๔๐๐. อิทานิ จตุตฺถสิกฺขาปทํ ทสฺเสนฺโต ¶ อาห ‘‘สภคฺคโต วา’’ติ. ตตฺถ สภคฺคโตติ สนฺถาคาราทิคโต. ปริสคฺคโตติ ปูคมชฺชคโต. เสสเมตฺถ วุตฺตนยฺจ ปากฏฺจาติ.
๔๐๑. เอวํ จตุตฺถสิกฺขาปทมฺปิ ติโกฏิปริสุทฺธํ ทสฺเสตฺวา ปฺจมํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มชฺชฺจ ปาน’’นฺติ. ตตฺถ มชฺชฺจ ปานนฺติ คาถาพนฺธสุขตฺถํ เอวํ วุตฺตํ. อยํ ปนตฺโถ ‘‘มชฺชปานฺจ น สมาจเรยฺยา’’ติ. ธมฺมํ อิมนฺติ อิมํ มชฺชปานเวรมณีธมฺมํ. อุมฺมาทนนฺตนฺติ อุมฺมาทนปริโยสานํ. โย หิ สพฺพลหุโก มชฺชปานสฺส วิปาโก, โส มนุสฺสภูตสฺส อุมฺมตฺตกสํวตฺตนิโก โหติ. อิติ นํ วิทิตฺวาติ อิติ นํ มชฺชปานํ ตฺวา. เสสเมตฺถ วุตฺตนยฺจ ปากฏฺจาติ.
๔๐๒. เอวํ ปฺจมสิกฺขาปทมฺปิ ติโกฏิปริสุทฺธํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปุริมสิกฺขาปทานมฺปิ มชฺชปานเมว สํกิเลสกรฺจ เภทกรฺจ ทสฺเสตฺวา ทฬฺหตรํ ตโต เวรมณิยํ นิโยเชนฺโต อาห ‘‘มทา หิ ปาปานิ กโรนฺตี’’ติ. ตตฺถ มทาติ มทเหตุ. หิกาโร ปทปูรณมตฺเต นิปาโต. ปาปานิ กโรนฺตีติ ปาณาติปาตาทีนิ สพฺพากุสลานิ กโรนฺติ. อุมฺมาทนํ โมหนนฺติ ปรโลเก อุมฺมาทนํ อิหโลเก โมหนํ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
๔๐๓-๔. เอตฺตาวตา อคาริยสาวกสฺส นิจฺจสีลํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อุโปสถงฺคานิ ทสฺเสนฺโต ¶ ‘‘ปาณํ น หเน’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ อพฺรหฺมจริยาติ อเสฏฺจริยภูตา. เมถุนาติ เมถุนธมฺมสมาปตฺติโต. รตฺตึ น ภฺุเชยฺย วิกาลโภชนนฺติ รตฺติมฺปิ น ภฺุเชยฺย, ทิวาปิ กาลาติกฺกนฺตโภชนํ ¶ น ภฺุเชยฺย. น จ คนฺธนฺติ เอตฺถ คนฺธคฺคหเณน วิเลปนจุณฺณาทีนิปิ คหิตาเนวาติ เวทิตพฺพานิ. มฺเจติ กปฺปิยมฺเจ. สนฺถเตติ ตฏฺฏิกาทีหิ กปฺปิยตฺถรเณหิ อตฺถเต. ฉมายํ ปน โคนกาทิสนฺถตายปิ วฏฺฏติ. อฏฺงฺคิกนฺติ ปฺจงฺคิกํ วิย ตูริยํ, น องฺควินิมุตฺตํ. ทุกฺขนฺตคุนาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตคเตน. เสสเมตฺถ ปากฏเมว. ปจฺฉิมฑฺฒุํ ปน สงฺคีติการเกหิ วุตฺตนฺติปิ อาหุ.
๔๐๕. เอวํ อุโปสถงฺคานิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อุโปสถกาลํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตโต จ ปกฺขสฺสา’’ติ. ตตฺถ ตโตติ ¶ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต. ปกฺขสฺสุปวสฺสุโปสถนฺติ เอวํ ปรปเทน โยเชตพฺพํ ‘‘ปกฺขสฺส จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมินฺติ เอเต ตโย ทิวเส อุปวสฺส อุโปสถํ, เอตํ อฏฺงฺคิกอุโปสถํ อุปคมฺม วสิตฺวา’’ติ. ปาฏิหาริยปกฺขฺจาติ เอตฺถ ปน วสฺสูปนายิกาย ปุริมภาเค อาสาฬฺหมาโส, อนฺโตวสฺสํ ตโย มาสา, กตฺติกมาโสติ อิเม ปฺจ มาสา ‘‘ปาฏิหาริยปกฺโข’’ติ วุจฺจนฺติ. อาสาฬฺหกตฺติกผคฺคุณมาสา ตโย เอวาติ อปเร. ปกฺขุโปสถทิวสานํ ปุริมปจฺฉิมทิวสวเสน ปกฺเข ปกฺเข เตรสีปาฏิปทสตฺตมีนวมีสงฺขาตา จตฺตาโร จตฺตาโร ทิวสาติ อปเร. ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํ. สพฺพํ วา ปน ปฺุกามีนํ ภาสิตพฺพํ. เอวเมตํ ปาฏิหาริยปกฺขฺจ ปสนฺนมานโส สุสมตฺตรูปํ สุปริปุณฺณรูปํ เอกมฺปิ ทิวสํ อปริจฺจชนฺโต อฏฺงฺคุเปตํ อุโปสถํ อุปวสฺสาติ สมฺพนฺธิตพฺพํ.
๔๐๖. เอวํ อุโปสถกาลํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสุ กาเลสุ เอตํ อุโปสถํ อุปวสฺส ยํ กาตพฺพํ, ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตโต จ ปาโต’’ติ. เอตฺถาปิ ตโตติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต, อนนฺตรตฺเถ วา, อถาติ วุตฺตํ โหติ. ปาโตติ อปรชฺชุทิวสปุพฺพภาเค. อุปวุตฺถุโปสโถติ อุปวสิตอุโปสโถ. อนฺเนนาติ ยาคุภตฺตาทินา. ปาเนนาติ อฏฺวิธปาเนน. อนุโมทมาโนติ อนุปโมทมาโน, นิรนฺตรํ โมทมาโนติ อตฺโถ. ยถารหนฺติ อตฺตโน อนุรูเปน, ยถาสตฺติ ยถาพลนฺติ วุตฺตํ โหติ. สํวิภเชถาติ ภาเชยฺย ปติมาเนยฺย. เสสํ ปากฏเมว.
๔๐๗. เอวํ ¶ อุปวุตฺถุโปสถสฺส กิจฺจํ วตฺวา อิทานิ ยาวชีวิกํ ครุวตฺตํ อาชีวปาริสุทฺธิฺจ กเถตฺวา ตาย ปฏิปทาย อธิคนฺตพฺพฏฺานํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ธมฺเมน มาตาปิตโร’’ติ. ตตฺถ ธมฺเมนาติ ธมฺมลทฺเธน โภเคน ¶ . ภเรยฺยาติ โปเสยฺย. ธมฺมิกํ โส วณิชฺชนฺติ สตฺตวณิชฺชา, สตฺถวณิชฺชา, วิสวณิชฺชา, มํสวณิชฺชา, สุราวณิชฺชาติ อิมา ปฺจ ¶ อธมฺมวณิชฺชา วชฺเชตฺวา อวเสสา ธมฺมิกวณิชฺชา. วณิชฺชามุเขน เจตฺถ กสิโครกฺขาทิ อปโรปิ ธมฺมิโก โวหาโร สงฺคหิโต. เสสมุตฺตานตฺถเมว. อยํ ปน โยชนา – โส นิจฺจสีลอุโปสถสีลทานธมฺมสมนฺนาคโต อริยสาวโก ปโยชเย ธมฺมิกํ วณิชฺชํ, ตโต ลทฺเธน จ ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺเมน โภเคน มาตาปิตโร ภเรยฺย. อถ โส คิหี เอวํ อปฺปมตฺโต อาทิโต ปภุติ วุตฺตํ อิมํ วตฺตํ วตฺตยนฺโต กายสฺส เภทา เย เต อตฺตโน อาภาย อนฺธการํ วิธเมตฺวา อาโลกกรเณน สยมฺปภาติ ลทฺธนามา ฉ กามาวจรเทวา, เต สยมฺปเภ นาม เทเว อุเปติ ภชติ อลฺลียติ, เตสํ นิพฺพตฺตฏฺาเน นิพฺพตฺตตีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต จ ทุติโย วคฺโค อตฺถวณฺณนานยโต, นาเมน
จูฬวคฺโคติ.