📜

๑. อุรควคฺโค

๑. เขตฺตูปมเปตวตฺถุวณฺณนา

ตํ ปเนตํ วตฺถุํ ภควา ราชคเห วิหรนฺโต เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป อฺตรํ เสฏฺิปุตฺตเปตํ อารพฺภ กเถสิ. ราชคเห กิร อฺตโร อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค ปหูตวิตฺตูปกรโณ อเนกโกฏิธนสนฺนิจโย เสฏฺิ อโหสิ. ตสฺส มหาธนสมฺปนฺนตาย ‘‘มหาธนเสฏฺิ’’ตฺเวว สมฺา อโหสิ. เอโกว ปุตฺโต อโหสิ, ปิโย มนาโป. ตสฺมึ วิฺุตํ ปตฺเต มาตาปิตโร เอวํ จินฺเตสุํ – ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตสฺส ทิวเส ทิวเส สหสฺสํ สหสฺสํ ปริพฺพยํ กโรนฺตสฺส วสฺสสเตนาปิ อยํ ธนสนฺนิจโย ปริกฺขยํ น คมิสฺสติ, กึ อิมสฺส สิปฺปุคฺคหณปริสฺสเมน, อกิลนฺตกายจิตฺโต ยถาสุขํ โภเค ปริภุฺชตู’’ติ สิปฺปํ น สิกฺขาเปสุํ. วยปฺปตฺเต ปน กุลรูปโยพฺพนวิลาสสมฺปนฺนํ กามาภิมุขํ ธมฺมสฺาวิมุขํ กฺํ อาเนสุํ. โส ตาย สทฺธึ อภิรมนฺโต ธมฺเม จิตฺตมตฺตมฺปิ อนุปฺปาเทตฺวา, สมณพฺราหฺมณคุรุชเนสุ อนาทโร หุตฺวา, ธุตฺตชนปริวุโต รชฺชมาโน ปฺจกามคุเณ รโต คิทฺโธ โมเหน อนฺโธ หุตฺวา กาลํ วีตินาเมตฺวา, มาตาปิตูสุ กาลกเตสุ นฏนาฏกคายกาทีนํ ยถิจฺฉิตํ เทนฺโต ธนํ วินาเสตฺวา นจิรสฺเสว ปาริชุฺปฺปตฺโต หุตฺวา, อิณํ คเหตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺโต ปุน อิณมฺปิ อลภิตฺวา อิณายิเกหิ โจทิยมาโน เตสํ อตฺตโน เขตฺตวตฺถุฆราทีนิ ทตฺวา, กปาลหตฺโถ ภิกฺขํ จริตฺวา ภุฺชนฺโต ตสฺมึเยว นคเร อนาถสาลายํ วสติ.

อถ นํ เอกทิวสํ โจรา สมาคตา เอวมาหํสุ – ‘‘อมฺโภ ปุริส, กึ ตุยฺหํ อิมินา ทุชฺชีวิเตน, ตรุโณ ตฺวมสิ ถามชวพลสมฺปนฺโน, กสฺมา หตฺถปาทวิกโล วิย อจฺฉสิ? เอหิ อมฺเหหิ สห โจริกาย ปเรสํ สนฺตกํ คเหตฺวา สุเขน ชีวิกํ กปฺเปหี’’ติ. โส ‘‘นาหํ โจริกํ กาตุํ ชานามี’’ติ อาห. โจรา ‘‘มยํ ตํ สิกฺขาเปม, เกวลํ ตฺวํ อมฺหากํ วจนํ กโรหี’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เตหิ สทฺธึ อคมาสิ. อถ เต โจรา ตสฺส หตฺเถ มหนฺตํ มุคฺครํ ทตฺวา สนฺธึ ฉินฺทิตฺวา ฆรํ ปวิสนฺโต ตํ สนฺธิมุเข เปตฺวา อาหํสุ – ‘‘สเจ อิธ อฺโ โกจิ อาคจฺฉติ, ตํ อิมินา มุคฺคเรน ปหริตฺวา เอกปฺปหาเรเนว มาเรหี’’ติ. โส อนฺธพาโล หิตาหิตํ อชานนฺโต ปเรสํ อาคมนเมว โอโลเกนฺโต ตตฺถ อฏฺาสิ . โจรา ปน ฆรํ ปวิสิตฺวา คยฺหูปคํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ฆรมนุสฺเสหิ าตมตฺตาว อิโต จิโต จ ปลายึสุ. ฆรมนุสฺสา อุฏฺหิตฺวา สีฆํ สีฆํ ธาวนฺตา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺตา ตํ ปุริสํ สนฺธิทฺวาเร ิตํ ทิสฺวา ‘‘หเร ทุฏฺโจรา’’ติ คเหตฺวา หตฺถปาเท มุคฺคราทีหิ โปเถตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ – ‘‘อยํ, เทว, โจโร สนฺธิสุเข คหิโต’’ติ. ราชา ‘‘อิมสฺส สีสํ ฉินฺทาเปหี’’ติ นครคุตฺติกํ อาณาเปสิ. ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ นครคุตฺติโก ตํ คาหาเปตฺวา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธาเปตฺวา รตฺตวณฺณวิรฬมาลาพนฺธกณฺํ อิฏฺกจุณฺณมกฺขิตสีสํ วชฺฌปหฏเภริเทสิตมคฺคํ รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ วิจราเปตฺวา กสาหิ ตาเฬนฺโต อาฆาตนาภิมุขํ เนติ. ‘‘อยํ อิมสฺมึ นคเร วิลุมฺปมานกโจโร คหิโต’’ติ โกลาหลํ อโหสิ.

เตน จ สมเยน ตสฺมึ นคเร สุลสา นาม นครโสภินี ปาสาเท ิตา วาตปานนฺตเรน โอโลเกนฺตี ตํ ตถา นียมานํ ทิสฺวา ปุพฺเพ เตน กตปริจยา ‘‘อยํ ปุริโส อิมสฺมึเยว นคเร มหตึ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อิทานิ เอวรูปํ อนตฺถํ อนยพฺยสนํ ปตฺโต’’ติ ตสฺส การุฺํ อุปฺปาเทตฺวา จตฺตาโร โมทเก ปานียฺจ เปเสสิ. นครคุตฺติกสฺส จ อาโรจาเปสิ – ‘‘ตาว อยฺโย อาคเมตุ, ยาวายํ ปุริโส อิเม โมทเก ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวิสฺสตี’’ติ.

อเถตสฺมึ อนฺตเร อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกนฺโต ตสฺส พฺยสนปฺปตฺตึ ทิสฺวา กรุณาย สฺโจทิตมานโส – ‘‘อยํ ปุริโส อกตปุฺโ กตปาโป, เตนายํ นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, มยิ ปน คเต โมทเก จ ปานียฺจ ทตฺวา ภุมฺมเทเวสุ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ยํนูนาหํ อิมสฺส อวสฺสโย ภเวยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปานียโมทเกสุ อุปนียมาเนสุ ตสฺส ปุริสสฺส ปุรโต ปาตุรโหสิ. โส เถรํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘กึ เม อิทาเนว อิเมหิ มาริยมานสฺส โมทเกหิ ขาทิเตหิ, อิทํ ปน ปรโลกํ คจฺฉนฺตสฺส ปาเถยฺยํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา โมทเก จ ปานียฺจ เถรสฺส ทาเปสิ. เถโร ตสฺส ปสาทสํวฑฺฒนตฺถํ ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว ตถารูเป าเน นิสีทิตฺวา โมทเก ปริภุฺชิตฺวา ปานียฺจ ปิวิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. โส ปน ปุริโส โจรฆาตเกหิ อาฆาตนํ เนตฺวา สีสจฺเฉทํ ปาปิโต อนุตฺตเร ปุฺกฺเขตฺเต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเร กเตน ปุฺเน อุฬาเร เทวโลเก นิพฺพตฺตนารโหปิ ยสฺมา ‘‘สุลสํ อาคมฺม มยา อยํ เทยฺยธมฺโม ลทฺโธ’’ติ สุลสาย คเตน สิเนเหน มรณกาเล จิตฺตํ อุปกฺกิลิฏฺํ อโหสิ. ตสฺมา หีนกายํ อุปปชฺชนฺโต ปพฺพตคหนสมฺภูเต สนฺทจฺฉาเย มหานิคฺโรธรุกฺเข รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ.

โส กิร สเจ ปมวเย กุลวํสฏฺปเน อุสฺสุกฺกํ อกริสฺส, ตสฺมึเยว นคเร เสฏฺีนํ อคฺโค อภวิสฺส, มชฺฌิมวเย มชฺฌิโม, ปจฺฉิมวเย ปจฺฉิโม. สเจ ปน ปมวเย ปพฺพชิโต อภวิสฺส, อรหา อภวิสฺส, มชฺฌิมวเย สกทาคามี อนาคามี วา อภวิสฺส, ปจฺฉิมวเย โสตาปนฺโน อภวิสฺส. ปาปมิตฺตสํสคฺเคน ปน อิตฺถิธุตฺโต สุราธุตฺโต ทุจฺจริตนิรโต อนาทริโก หุตฺวา อนุกฺกเมน สพฺพสมฺปตฺติโต ปริหายิตฺวา มหาพฺยสนํ ปตฺโตติ วทนฺติ.

อถ โส อปเรน สมเยน สุลสํ อุยฺยานคตํ ทิสฺวา สฺชาตกามราโค อนฺธการํ มาเปตฺวา ตํ อตฺตโน ภวนํ เนตฺวา สตฺตาหํ ตาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ, อตฺตานฺจสฺสา อาโรเจสิ. ตสฺสา มาตา ตํ อปสฺสนฺตี โรทมานา อิโต จิโต จ ปริพฺภมติ. ตํ ทิสฺวา มหาชโน ‘‘อยฺโย มหาโมคฺคลฺลาโน มหิทฺธิโก มหานุภาโว ตสฺสา คตึ ชาเนยฺย, ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห. สา ‘‘สาธุ อยฺโย’’ติ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส เวฬุวนมหาวิหาเร ภควติ ธมฺมํ เทเสนฺเต ปริสปริยนฺเต ปสฺสิสฺสสี’’ติ อาห. อถ สุลสา ตํ เทวปุตฺตํ อโวจ – ‘‘อยุตฺตํ มยฺหํ ตว ภวเน วสนฺติยา, อชฺช สตฺตโม ทิวโส, มม มาตา มํ อปสฺสนฺตี ปริเทวโสกสมาปนฺนา ภวิสฺสติ, สาธุ มํ, เทว, ตตฺเถว เนหี’’ติ. โส ตํ เนตฺวา เวฬุวเน ภควติ ธมฺมํ เทเสนฺเต ปริสปริยนฺเต เปนฺตฺวา อทิสฺสมานรูโป อฏฺาสิ.

ตโต มหาชโน สุลสํ ทิสฺวา เอวมาห – ‘‘อมฺม สุลเส, ตฺวํ เอตฺตกํ ทิวสํ กุหึ คตา? ตว มาตา ตฺวํ อปสฺสนฺตี ปริเทวโสกสมาปนฺนา อุมฺมาทปฺปตฺตา วิย ชาตา’’ติ. สา ตํ ปวตฺตึ มหาชนสฺส อาจิกฺขิ. มหาชเนน จ ‘‘กถํ โส ปุริโส ตถาปาปปสุโต อกตกุสโล เทวูปปตฺตึ ปฏิลภตี’’ติ วุตฺเต สุลสา ‘‘มยา ทาปิเต โมทเก ปานียฺจ อยฺยสฺส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส ทตฺวา เตน ปุฺเน เทวูปปตฺตึ ปฏิลภตี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา มหาชโน อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต อโหสิ – ‘‘อรหนฺโต นาม อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺส, เยสุ อปฺปโกปิ กโต กาโร สตฺตานํ เทวูปปตฺตึ อาวหตี’’ติ อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทสิ. ภิกฺขู ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. ตโต ภควา อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา –

.

‘‘เขตฺตูปมา อรหนฺโต, ทายกา กสฺสกูปมา;

พีชูปมํ เทยฺยธมฺมํ, เอตฺโต นิพฺพตฺตเต ผลํ.

.

‘‘เอตํ พีชํ กสี เขตฺตํ, เปตานํ ทายกสฺส จ;

ตํ เปตา ปริภุฺชนฺติ, ทาตา ปุฺเน วฑฺฒติ.

.

‘‘อิเธว กุสลํ กตฺวา, เปเต จ ปฏิปูชิย;

สคฺคฺจ กมติฏฺานํ, กมฺมํ กตฺวาน ภทฺทก’’นฺติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

. ตตฺถ เขตฺตูปมาติ ขิตฺตํ วุตฺตํ พีชํ ตายติ มหปฺผลภาวกรเณน รกฺขตีติ เขตฺตํ, สาลิพีชาทีนํ วิรุหนฏฺานํ. ตํ อุปมา เอเตสนฺติ เขตฺตูปมา, เกทารสทิสาติ อตฺโถ. อรหนฺโตติ ขีณาสวา. เต หิ กิเลสารีนํ สํสารจกฺกสฺส อรานฺจ หตตฺตา, ตโต เอว อารกตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวา จ ‘‘อรหนฺโต’’ติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ ยถา เขตฺหิ ติณาทิโทสรหิตํ สฺวาภิสงฺขตพีชมฺหิ วุตฺเต อุตุสลิลาทิปจฺจยนฺตรูเปตํ กสฺสกสฺส มหปฺผลํ โหติ, เอวํ ขีณาสวสนฺตาโน โลภาทิโทสรหิโต สฺวาภิสงฺขเต เทยฺยธมฺมพีเช วุตฺเต กาลาทิปจฺจยนฺตรสหิโต ทายกสฺส มหปฺผโล โหติ. เตนาห ภควา ‘‘เขตฺตูปมา อรหนฺโต’’ติ. อุกฺกฏฺนิทฺเทโส อยํ ตสฺส เสขาทีนมฺปิ เขตฺตภาวาปฏิกฺเขปโต.

ทายกาติ จีวราทีนํ ปจฺจยานํ ทาตาโร ปริจฺจชนกา, เตสํ ปริจฺจาเคน อตฺตโน สนฺตาเน โลภาทีนํ ปริจฺจชนกา เฉทนกา, ตโต วา อตฺตโน สนฺตานสฺส โสธกา, รกฺขกา จาติ อตฺโถ. กสฺสกูปมาติ กสฺสกสทิสา. ยถา กสฺสโก สาลิเขตฺตาทีนิ กสิตฺวา ยถากาลฺจ วุตฺตุทกทานนีหรณนิธานรกฺขณาทีหิ อปฺปมชฺชนฺโต อุฬารํ วิปุลฺจ สสฺสผลํ ปฏิลภติ, เอวํ ทายโกปิ อรหนฺเตสุ เทยฺยธมฺมปริจฺจาเคน ปาริจริยาย จ อปฺปมชฺชนฺโต อุฬารํ วิปุลฺจ ทานผลํ ปฏิลภติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทายกา กสฺสกูปมา’’ติ.

พีชูปมํ เทยฺยธมฺมนฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, พีชสทิโส เทยฺยธมฺโมติ อตฺโถ. อนฺนปานาทิกสฺส หิ ทสวิธสฺส ทาตพฺพวตฺถุโน เอตํ นามํ. เอตฺโต นิพฺพตฺตเต ผลนฺติ เอตสฺมา ทายกปฏิคฺคาหกเทยฺยธมฺมปริจฺจาคโต ทานผลํ นิพฺพตฺตติ เจว อุปฺปชฺชติ จ, จิรตรปพนฺธวเสน ปวตฺตติ จาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ยสฺมา ปริจฺจาคเจตนาภิสงฺขตสฺส อนฺนปานาทิวตฺถุโน ภาโว, น อิตรสฺส, ตสฺมา ‘‘พีชูปมํ เทยฺยธมฺม’’นฺติ เทยฺยธมฺมคฺคหณํ กตํ. เตน เทยฺยธมฺมาปเทเสน เทยฺยธมฺมวตฺถุวิสยาย ปริจฺจาคเจตนายเยว พีชภาโว ทฏฺพฺโพ. สา หิ ปฏิสนฺธิอาทิปฺปเภทสฺส ตสฺส นิสฺสยารมฺมณปฺปเภทสฺส จ ผลสฺส นิปฺผาทิกา, น เทยฺยธมฺโมติ.

. เอตํ พีชํ กสี เขตฺตนฺติ ยถาวุตฺตํ พีชํ, ยถาวุตฺตฺจ เขตฺตํ, ตสฺส พีชสฺส ตสฺมึ เขตฺเต วปนปโยคสงฺขาตา กสิ จาติ อตฺโถ. เอตํ ตยํ เกสํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ อาห ‘‘เปตานํ ทายกสฺส จา’’ติ. ยทิ ทายโก เปเต อุทฺทิสฺส ทานํ เทติ, เปตานฺจ ทายกสฺส จ, ยทิ น เปเต อุทฺทิสฺส ทานํ เทติ, ทายกสฺเสว เอตํ พีชํ เอสา กสิ เอตํ เขตฺตํ อุปการาย โหตีติ อธิปฺปาโย. อิทานิ ตํ อุปการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ เปตา ปริภุฺชนฺติ, ทาตา ปุฺเน วฑฺฒตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ตํ เปตา ปริภุฺชนฺตีติ ทายเกน เปเต อุทฺทิสฺส ทาเน ทินฺเน ยถาวุตฺตเขตฺตกสิพีชสมฺปตฺติยา อนุโมทนาย จ ยํ เปตานํ อุปกปฺปติ, ตํ ทานผลํ เปตา ปริภุฺชนฺติ. ทาตา ปุฺเน วฑฺฒตีติ ทาตา ปน อตฺตโน ทานมยปุฺนิมิตฺตํ เทวมนุสฺเสสุ โภคสมฺปตฺติอาทินา ปุฺผเลน อภิวฑฺฒติ. ปุฺผลมฺปิ หิ ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุฺํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐) ปุฺนฺติ วุจฺจติ.

. อิเธว กุสลํ กตฺวาติ อนวชฺชสุขวิปากฏฺเน กุสลํ เปตานํ อุทฺทิสนวเสน ทานมยํ ปุฺํ อุปจินิตฺวา อิเธว อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. เปเต จ ปฏิปูชิยาติ เปเต อุทฺทิสฺส ทาเนน สมฺมาเนตฺวา อนุภุยฺยมานทุกฺขโต เต โมเจตฺวา. เปเต หิ อุทฺทิสฺส ทิยฺยมานํ ทานํ เตสํ ปูชา นาม โหติ. เตนาห – ‘‘อมฺหากฺจ กตา ปูชา’’ติ (เป. ว. ๑๘), ‘‘เปตานํ ปูชา จ กตา อุฬารา’’ติ (เป. ว. ๒๕) จ. ‘‘เปเต จา’’ติ จ-สทฺเทน ‘‘ปิโย จ โหติ มนาโป, อภิคมนีโย จ โหติ วิสฺสาสนีโย, ภาวนีโย จ โหติ ครุกาตพฺโพ, ปาสํโส จ โหติ กิตฺตนีโย วิฺูน’’นฺติ เอวมาทิเก ทิฏฺธมฺมิเก ทานานิสํเส สงฺคณฺหาติ. สคฺคฺจ กมติ านํ, กมฺมํ กตฺวาน ภทฺทกนฺติ กลฺยาณํ กุสลกมฺมํ กตฺวา ทิพฺเพหิ อายุอาทีหิ ทสหิ าเนหิ สุฏฺุ อคฺคตฺตา ‘‘สคฺค’’นฺติ ลทฺธนามํ กตปุฺานํ นิพฺพตฺตนฏฺานํ เทวโลกํ กมติ อุปปชฺชนวเสน อุปคจฺฉติ.

เอตฺถ จ ‘‘กุสลํ กตฺวา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘กมฺมํ กตฺวาน ภทฺทก’’นฺติ วจนํ ‘‘เทยฺยธมฺมปริจฺจาโค วิย ปตฺติทานวเสน ทานธมฺมปริจฺจาโคปิ ทานมยกุสลกมฺมเมวา’’ติ ทสฺสนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘เปตาติ อรหนฺโต อธิปฺเปตา’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ‘‘เปตา’’ติ ขีณาสวานํ อาคตฏฺานสฺเสว อภาวโต, พีชาทิภาวสฺส จ ทายกสฺส วิย เตสํ อยุชฺชมานตฺตา, เปตโยนิกานํ ยุชฺชมานตฺตา จ. เทสนาปริโยสาเน เทวปุตฺตํ สุลสฺจ อาทึ กตฺวา จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

เขตฺตูปมเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สูกรมุขเปตวตฺถุวณฺณนา

กาโย เต สพฺพโสวณฺโณติ อิทํ สตฺถริ ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป วิหรนฺเต อฺตรํ สูกรมุขเปตํ อารพฺภ วุตฺตํ. อตีเต กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน เอโก ภิกฺขุ กาเยน สฺโต อโหสิ, วาจาย อสฺโต, ภิกฺขู อกฺโกสติ ปริภาสติ. โส กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺโต, เอกํ พุทฺธนฺตรํ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา ตโต จวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหสมีเป คิชฺฌกูฏปพฺพตปาเท ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน ขุปฺปิปาสาภิภูโต เปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส กาโย สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ, มุขํ สูกรมุขสทิสํ. อถายสฺมา นารโท คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต วสนฺโต ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ตํ เปตํ ทิสฺวา เตน กตกมฺมํ ปุจฺฉนฺโต –

.

‘‘กาโย เต สพฺพโสวณฺโณ, สพฺพา โอภาสเต ทิสา;

มุขํ เต สูกรสฺเสว, กึ กมฺมมกรี ปุเร’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ กาโย เต สพฺพโสวณฺโณติ ตว กาโย เทโห สพฺโพ สุวณฺณวณฺโณ อุตฺตตฺตกนกสนฺนิโภ. สพฺพา โอภาสเต ทิสาติ ตสฺส ปภาย สพฺพาปิ ทิสา สมนฺตนฺโต โอภาสติ วิชฺโชตติ. โอภาสเตติ วา อนฺโตคธโหตุอตฺถมิทํ ปทนฺติ ‘‘เต กาโย สพฺพโสวณฺโณ สพฺพา ทิสา โอภาเสติ วิชฺโชเตตี’’ติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. มุขํเต สูกรสฺเสวาติ มุขํ ปน เต สูกรสฺส วิย, สูกรมุขสทิสํ ตว มุขนฺติ อตฺโถ. กึ กมฺมมกรี ปุเรติ ‘‘ตฺวํ ปุพฺเพ อตีตชาติยํ กีทิสํ กมฺมํ อกาสี’’ติ ปุจฺฉติ.

เอวํ เถเรน โส เปโต กตกมฺมํ ปุฏฺโ คาถาย วิสฺสชฺเชนฺโต –

.

‘‘กาเยน สฺโต อาสึ, วาจายาสิมสฺโต;

เตน เมตาทิโส วณฺโณ, ยถา ปสฺสสิ นารทา’’ติ. –

อาห . ตตฺถ กาเยน สฺโต อาสินฺติ กายิเกน สํยเมน สํยโต กายทฺวาริเกน สํวเรน สํวุโต อโหสึ. วาจายาสิมสฺโตติ วาจาย อสฺโต วาจสิเกน อสํวเรน สมนฺนาคโต อโหสึ. เตนาติ เตน อุภเยน สํยเมน อสํยเมน จ. เมติ มยฺหํ. เอตาทิโส วณฺโณติ เอทิโส. ยถา ตฺวํ, นารท, ปจฺจกฺขโต ปสฺสสิ, เอวรูโป, กาเยน มนุสฺสสณฺาโน สุวณฺณวณฺโณ, มุเขน สูกรสทิโส อาสินฺติ โยชนา. วณฺณสทฺโท หิ อิธ ฉวิยํ สณฺาเน จ ทฏฺพฺโพ.

เอวํ เปโต เถเรน ปุจฺฉิโต ตมตฺถํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตเมว การณํ กตฺวา เถรสฺส โอวาทํ เทนฺโต –

.

‘‘ตํ ตฺยาหํ นารท พฺรูมิ, สามํ ทิฏฺมิทํ ตยา;

มากาสิ มุขสา ปาปํ, มา โข สูกรมุโข อหู’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ นฺติ ตสฺมา. ตฺยาหนฺติ เต อหํ. นารทาติ เถรํ อาลปติ. พฺรูมีติ กเถมิ. สามนฺติ สยเมว. อิทนฺติ อตฺตโน สรีรํ สนฺธาย วทติ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยสฺมา, ภนฺเต นารท, อิทํ มม สรีรํ คลโต ปฏฺาย เหฏฺา มนุสฺสสณฺานํ, อุปริ สูกรสณฺานํ, ตยา ปจฺจกฺขโตว ทิฏฺํ, ตสฺมา เต อหํ โอวาทวเสน วทามีติ. กินฺติ เจติ อาห ‘‘มากาสิ มุขสา ปาปํ, มา โข สูกรมุโข อหู’’ติ. ตตฺถ มาติ ปฏิเสเธ นิปาโต. มุขสาติ มุเขน. โขติ อวธารเณ, วาจาย ปาปกมฺมํ มากาสิ มา กโรหิ. มาโข สูกรมุโข อหูติ อหํ วิย สูกรมุโข มา อโหสิเยว. สเจ ปน ตฺวํ มุขโร หุตฺวา วาจาย ปาปํ กเรยฺยาสิ, เอกํเสน สูกรมุโข ภเวยฺยาสิ, ตสฺมา มากาสิ มุขสา ปาปนฺติ ผลปฏิเสธนมุเขนปิ เหตุเมว ปฏิเสเธติ.

อถายสฺมา นารโท ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต จตุปริสมชฺเฌ นิสินฺนสฺส สตฺถุโน ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา, ‘‘นารท, ปุพฺเพว มยา โส สตฺโถ ทิฏฺโ’’ติ วตฺวา อเนกาการโวการํ วจีทุจฺจริตสนฺนิสฺสิตํ อาทีนวํ, วจีสุจริตปฏิสํยุตฺตฺจ อานิสํสํ ปกาเสนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา สมฺปตฺตปริสาย สาตฺถิกา อโหสีติ.

สูกรมุขเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปูติมุขเปตวตฺถุวณฺณนา

ทิพฺพํสุภํ ธาเรสิ วณฺณธาตุนฺติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรนฺเต กลนฺทกนิวาเป อฺตรํ ปูติมุขเปตํ อารพฺภ วุตฺตํ. อตีเต กิร กสฺสปสฺส ภควโต กาเล ทฺเว กุลปุตฺตา ตสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา สีลาจารสมฺปนฺนา สลฺเลขวุตฺติโน อฺตรสฺมึ คามกาวาเส สมคฺควาสํ วสึสุ. อถ อฺตโร ปาปชฺฌาสโย เปสุฺาภิรโต ภิกฺขุ เตสํ วสนฏฺานํ อุปคฺฉิ. เถรา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา วสนฏฺานํ ทตฺวา ทุติยทิวเส ตํ คเหตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. มนุสฺสา เต ทิสฺวา เตสุ เถเรสุ อติวิย ปรมนิปจฺจการํ กตฺวา ยาคุภตฺตาทีหิ ปฏิมาเนสุํ. โส วิหารํ ปวิสิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สุนฺทโร วตายํ โคจรคาโม, มนุสฺสา จ สทฺธา ปสนฺนา, ปณีตปณีตํ ปิณฺฑปาตํ เทนฺติ, อยฺจ วิหาโร ฉายูทกสมฺปนฺโน, สกฺกา เม อิธ สุเขน วสิตุํ. อิเมสุ ปน ภิกฺขูสุ อิธ วสนฺเตสุ มยฺหํ ผาสุวิหาโร น ภวิสฺสติ, อนฺเตวาสิกวาโส วิย ภวิสฺสติ. หนฺทาหํ อิเม อฺมฺํ ภินฺทิตฺวา ยถา น ปุน อิธ วสิสฺสนฺติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ.

อเถกทิวสํ มหาเถเร ทฺวินฺนมฺปิ โอวาทํ ทตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ ปวิฏฺเ เปสุณิโก ภิกฺขุ โถกํ กาลํ วีตินาเมตฺวา มหาเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เถเรน ‘‘กึ, อาวุโส, วิกาเล อาคโตสี’’ติ จ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภนฺเต กิฺจิ วตฺตพฺพํ อตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘กเถหิ, อาวุโส’’ติ เถเรน อนุฺาโต อาห – ‘‘เอโส, ภนฺเต, ตุมฺหากํ สหายกตฺเถโร สมฺมุขา มิตฺโต วิย อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ปรมฺมุขา สปตฺโต วิย อุปวทตี’’ติ. ‘‘กึ กเถตี’’ติ ปุจฺฉิโต ‘‘สุณาถ, ภนฺเต, ‘เอโส มหาเถโร สโ มายาวี กุหโก มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปตี’ติ ตุมฺหากํ อคุณํ กเถตี’’ติ อาห. ‘‘มา, อาวุโส, เอวํ ภณิ, น โส ภิกฺขุ เอวํ มํ อุปวทิสฺสติ, คิหิกาลโต ปฏฺาย มม สภาวํ ชานาติ ‘เปสโล กลฺยาณสีโล’’’ติ. ‘‘สเจ, ภนฺเต, ตุมฺเห อตฺตโน วิสุทฺธจิตฺตตาย เอวํ จินฺเตถ, ตํ ตุมฺหากํเยว อนุจฺฉวิกํ, มยฺหํ ปน เตน สทฺธึ เวรํ นตฺถิ, กสฺมา อหํ เตน อวุตฺตํ ‘วุตฺต’นฺติ วทามิ. โหตุ, กาลนฺตเรน สยเมว ชานิสฺสถา’’ติ อาห. เถโรปิ ปุถุชฺชนภาวโทเสน ทฺเวฬฺหกจิตฺโต ‘‘เอวมฺปิ สิยา’’ติ สาสงฺกหทโย หุตฺวา โถกํ สิถิลวิสฺสาโส อโหสิ. โส พาโล ปมํ มหาเถรํ ปริภินฺทิตฺวา อิตรมฺปิ เถนํ วุตฺตนเยเนว ปริภินฺทิ. อถ เต อุโภปิ เถรา ทุติยทิวเส อฺมฺํ อนาลปิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตมาทาย อตฺตโน วสนฏฺาเนเยว ปริภุฺชิตฺวา สามีจิมตฺตมฺปิ อกตฺวา ตํ ทิวสํ ตตฺเถว วสิตฺวา วิภาตาย จ รตฺติยา อฺมฺํ อนาโรเจตฺวาว ยถาผาสุกฏฺานํ อคมํสุ.

เปสุณิกํ ปน ภิกฺขุํ ปริปุณฺณมโนรถํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ มนุสฺสา ทิสฺวา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, เถรา กุหึ คตา’’ติ? โส อาห – ‘‘สพฺพรตฺตึ อฺมฺํ กลหํ กตฺวา มยา ‘มา กลหํ กโรถ, สมคฺคา โหถ, กลโห นาม อนตฺถาวโห อายติทุกฺขุปฺปาทโก อกุสลสํวตฺตนิโก, ปุริมกาปิ กลเหน มหตา หิตา ปริภฏฺา’ติอาทีนิ วุจฺจมานาปิ มม วจนํ อนาทิยิตฺวา ปกฺกนฺตา’’ติ. ตโต มนุสฺสา ‘‘เถรา ตาว คจฺฉนฺตุ, ตุมฺเห ปน อมฺหากํ อนุกมฺปาย อิเธว อนุกฺกณฺิตฺวา วสถา’’ติ ยาจึสุ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตตฺเถว วสนฺโต กติปาเหน จินฺเตสิ – ‘‘มยา สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา ภิกฺขู อาวาสโลเภน ปริภินฺนา, พหุํ วต มยา ปาปกมฺมํ ปสุต’’นฺติ พลววิปฺปฏิสาราภิภูโต โสกเวเคน คิลาโน หุตฺวา นจิเรเนว กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ.

อิตเร ทฺเว สหายกตฺเถรา ชนปทจาริกํ จรนฺตา อฺตรสฺมึ อาวาเส สมาคนฺตฺวา อฺมฺํ สมฺโมทิตฺวา เตน ภิกฺขุนา วุตฺตํ เภทวจนํ อฺมฺสฺส อาโรเจตฺวา ตสฺส อภูตภาวํ ตฺวา สมคฺคา หุตฺวา อนุกฺกเมน ตเมว อาวาสํ ปจฺจาคมึสุ. มนุสฺสา ทฺเว เถเร ทิสฺวา หฏฺตุฏฺา สฺชาตโสมนสฺสา หุตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหึสุ. เถรา จ ตตฺเถว วสนฺตา สปฺปายอาหารลาเภน สมาหิตจิตฺตา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา นจิเรเนว อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.

เปสุณิโก ภิกฺขุ เอกํ พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหสฺส อวิทูเร ปูติมุขเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส กาโย สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ, มุขโต ปน ปุฬวกา นิกฺขมิตฺวา อิโต จิโต จ มุขํ ขาทนฺติ, ตสฺส ทูรมฺปิ โอกาสํ ผริตฺวา ทุคฺคนฺธํ วายติ. อถายสฺมา นารโท คิชฺฌกูฏปพฺพตา โอโรหนฺโต ตํ ทิสฺวา –

.

‘‘ทิพฺพํ สุภํ ธาเรสิ วณฺณธาตุํ, เวหายสํ ติฏฺสิ อนฺตลิกฺเข;

มุขฺจ เต กิมโย ปูติคนฺธํ, ขาทนฺติ กึ กมฺมมกาสิ ปุพฺเพ’’ติ. –

อิมาย คาถาย กตกมฺมํ ปุจฺฉิ. ตตฺถ ทิพฺพนฺติ ทิวิ ภวํ เทวตฺตภาวปริยาปนฺนํ. อิธ ปน ทิพฺพํ วิยาติ ทิพฺพํ. สุภนฺติ โสภนํ, สุนฺทรภาวํ วา. วณฺณธาตุนฺติ ฉวิวณฺณํ. ธาเรสีติ วหสิ . เวหายสํ ติฏฺสิ อนฺตลิกฺเขติ เวหายสสฺิเต อนฺตลิกฺเข ติฏฺสิ. เกจิ ปน ‘‘วิหายสํ ติฏฺสิ อนฺตลิกฺเข’’ติ ปาํ วตฺวา วิหายสํ โอภาเสนฺโต อนฺตลิกฺเข ติฏฺสีติ วจนเสเสน อตฺถํ วทนฺติ. ปูติคนฺธนฺติ กุณปคนฺธํ, ทุคฺคนฺธนฺติ อตฺโถ. กึ กมฺมมกาสิ ปุพฺเพติ ปรมทุคฺคนฺธํ เต มุขํ กิมโย ขาทนฺติ, กาโย จ สุวณฺณวณฺโณ, กีทิสํ นาม กมฺมํ เอวรูปสฺส อตฺตภาวสฺส การณภูตํ ปุพฺเพ ตฺวํ อกาสีติ ปุจฺฉิ.

เอวํ เถเรน โส เปโต อตฺตนา กตกมฺมํ ปุฏฺโ ตมตฺถํ วิสฺสชฺเชนฺโต –

.

‘‘สมโณ อหํ ปาโปติทุฏฺวาโจ, ตปสฺสิรูโป มุขสา อสฺโต;

ลทฺธา จ เม ตมสา วณฺณธาตุ, มุขฺจ เม เปสุณิเยน ปูตี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ สมโณ อหํ ปาโปติ อหํ ลามโก สมโณ ปาปภิกฺขุ อโหสึ. อติทุฏฺวาโจติ อติทุฏฺวจโน, ปเร อติกฺกมิตฺวา ลงฺฆิตฺวา วตฺตา, ปเรสํ คุณปริธํสกวจโนติ อตฺโถ. ‘‘อติทุกฺขวาโจ’’ติ วา ปาโ, อติวิย ผรุสวจโน มุสาวาทเปสุฺาทิวจีทุจฺจริตนิรโต. ตปสฺสิรูโปติ สมณปติรูปโก. มุขสาติ มุเขน. ลทฺธาติ ปฏิลทฺธา. จ-กาโร สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เมติ มยา. ตปสาติ พฺรหฺมจริเยน. เปสุณิเยนาติ ปิสุณวาจาย. ปุตีติ ปูติคนฺธํ.

เอวํ โส เปโต อตฺตนา กตกมฺมํ อาจิกฺขิตฺวา อิทานิ เถรสฺส โอวาทํ เทนฺโต –

.

‘‘ตยิทํ ตยา นารท สามํ ทิฏฺํ,

อนุกมฺปกา เย กุสลา วเทยฺยุํ;

มา เปสุณํ มา จ มุสา อภาณิ,

ยกฺโข ตุวํ โหหิสิ กามกามี’’ติ. –

โอสานคาถมาห. ตตฺถ ตยิทนฺติ ตํ อิทํ มม รูปํ. อนุกมฺปกา เย กุสลา วเทยฺยุนฺติ เย อนุกมฺปนสีลา การุณิกา ปรหิตปฏิปตฺติยํ กุสลา นิปุณา พุทฺธาทโย ยํ วเทยฺยุํ, ตเทว วทามีติ อธิปฺปาโย. อิทานิ ตํ โอวาทํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มา เปสุณํ มา จ มุสา อภาณิ, ยกฺโข ตุวํ โหหิสิ กามกามี’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ – เปสุณํ ปิสุณวจนํ มุสา จ มา อภาณิ มา กเถหิ. ยทิ หิ ตฺวํ มุสาวาทํ ปิสุณวาจฺจ ปหาย วาจาย สฺโต ภเวยฺยาสิ, ยกฺโข วา เทโว วา เทวฺตโร วา ตฺวํ ภวิสฺสสิ, กามํ กามิตพฺพํ อุฬารํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปฏิลภิตฺวา ตตฺถ กามนสีโล ยถาสุขํ อินฺทฺริยานํ ปริจรเณน อภิรมณสีโลติ.

ตํ สุตฺวา เถโร ตโต ราชคหํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต สตฺถุ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา สมฺปตฺตปริสาย สาตฺถิกา อโหสีติ.

ปูติมุขเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ปิฏฺธีตลิกเปตวตฺถุวณฺณนา

ยํ กิฺจารมฺมณํ กตฺวาติ อิทํ สตฺถา สาวตฺถิยํ เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน ทานํ อารพฺภ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิกสฺส กิร คหปติโน ธีตุ ธีตาย ทาริกาย ธาติ ปิฏฺธีตลิกํ อทาสิ ‘‘อยํ เต ธีตา, อิมํ คเหตฺวา กีฬสฺสู’’ติ. สา ตตฺถ ธีตุสฺํ อุปฺปาเทสิ. อถสฺสา เอกทิวสํ ตํ คเหตฺวา กีฬนฺติยา ปมาเทน ปติตฺวา ภิชฺชิ. ตโต ทาริกา ‘‘มม ธีตา มตา’’ติ ปโรทิ. ตํ โรทนฺตึ โกจิปิ เคหชโน สฺาเปตุํ นาสกฺขิ. ตสฺมิฺจ สมเย สตฺถา อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน เคเห ปฺตฺเต อาสเน นิสินฺโน โหติ, มหาเสฏฺิ จ ภควโต สมีเป นิสินฺโน อโหสิ. ธาติ ตํ ทาริกํ คเหตฺวา เสฏฺิสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. เสฏฺิ ตํ ทิสฺวา ‘‘กิสฺสายํ ทาริกา โรทตี’’ติ อาห. ธาติ ตํ ปวตฺตึ เสฏฺิสฺส อาโรเจสิ. เสฏฺิ ตํ ทาริกํ องฺเก นิสีทาเปตฺวา ‘‘ตว ธีตุทานํ ทสฺสามี’’ติ สฺาเปตฺวา สตฺถุ อาโรเจสิ – ‘‘ภนฺเต, มม นตฺตุธีตรํ ปิฏฺธีตลิกํ อุทฺทิสฺส ทานํ ทาตุกาโม, ตํ เม ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ สฺวาตนาย อธิวาเสถา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน.

อถ ภควา ทุติยทิวเส ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ เสฏฺิสฺส ฆรํ คนฺตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อนุโมทนํ กโรนฺโต –

๑๐.

‘‘ยํ กิฺจารมฺมณํ กตฺวา, ทชฺชา ทานํ อมจฺฉรี;

ปุพฺพเปเต จ อารพฺภ, อถ วา วตฺถุเทวตา.

๑๑.

‘‘จตฺตาโร จ มหาราเช, โลกปาเล ยสสฺสิเน;

กุเวรํ ธตรฏฺฺจ, วิรูปกฺขํ วิรูฬฺหกํ;

เต เจว ปูชิตา โหนฺติ, ทายกา จ อนิปฺผลา.

๑๒.

‘‘น หิ รุณฺณํ วา โสโก วา, ยา จฺา ปริเทวนา;

น ตํ เปตสฺส อตฺถาย, เอวํ ติฏฺนฺติ าตโย.

๑๓.

‘‘อยฺจ โข ทกฺขิณา ทินฺนา, สงฺฆมฺหิ สุปฺปติฏฺิตา;

ทีฆรตฺตํ หิตายสฺส, านโส อุปกปฺปตี’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

๑๐. ตตฺถ ยํ กิฺจารมฺมณํ กตฺวาติ มงฺคลาทีสุ อฺตรํ ยํ กิฺจิ อารพฺภ อุทฺทิสฺส. ทชฺชาติ ทเทยฺย. อมจฺฉรีติ อตฺตโน สมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณภาวาสหนลกฺขณสฺส มจฺเฉรสฺส อภาวโต อมจฺฉรี, ปริจฺจาคสีโล มจฺฉริยโลภาทิจิตฺตมลํ ทูรโต กตฺวา ทานํ ทเทยฺยาติ อธิปฺปาโย. ปุพฺพเปเต จ อารพฺภาติ ปุพฺพเกปิ เปเต อุทฺทิสฺส. วตฺถุเทวตาติ ฆรวตฺถุอาทีสุ อธิวตฺถา เทวตา อารพฺภาติ โยชนา. อถ วาติ อิมินา อฺเปิ เทวมนุสฺสาทิเก เย เกจิ อารพฺภ ทานํ ทเทยฺยาติ ทสฺเสติ.

๑๑. ตตฺถ เทเวสุ ตาว เอกจฺเจ ปากเฏ เทเว ทสฺเสนฺโต ‘‘จตฺตาโร จ มหาราเช’’ติ วตฺวา ปุน เต นามโต คณฺหนฺโต ‘‘กุเวร’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ กุเวรนฺติ เวสฺสวณํ. ธตรฏฺนฺติอาทีนิ เสสานํ ติณฺณํ โลกปาลานํ นามานิ. เต เจว ปูชิตา โหนฺตีติ เต จ มหาราชาโน ปุพฺพเปตวตฺถุเทวตาโย จ อุทฺทิสนกิริยาย ปฏิมานิกา โหนฺติ. ทายกา จ อนิปฺผลาติ เย ทานํ เทนฺติ, เต ทายกา จ ปเรสํ อุทฺทิสนมตฺเตน น นิปฺผลา, อตฺตโน ทานผลสฺส ภาคิโน เอว โหนฺติ.

๑๒. อิทานิ ‘‘เย อตฺตโน าตีนํ มรเณน โรทนฺติ ปริเทวนฺติ โสจนฺติ, เตสํ ตํ นิรตฺถกํ, อตฺตปริตาปนมตฺตเมวา’’ติ ทสฺเสตุํ ‘‘น หิ รุณฺณํ วา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ รุณฺณนฺติ รุทิตํ อสฺสุโมจนํ น หิ กาตพฺพนฺติ วจนเสโส. โสโกติ โสจนํ จิตฺตสนฺตาโป, อนฺโตนิชฺฌานนฺติ อตฺโถ. ยา จฺา ปริเทวนาติ ยา จ รุณฺณโสกโต อฺา ปริเทวนา, ‘‘กหํ เอกปุตฺตกา’’ติอาทิวาจาวิปฺปลาโป, โสปิ น กาตพฺโพติ อตฺโถ. สพฺพตฺถ วา-สทฺโท วิกปฺปนตฺโถ . น ตํ เปตสฺส อตฺถายาติ ยสฺมา รุณฺณํ วา โสโก วา ปริเทวนา วาติ สพฺพมฺปิ ตํ เปตสฺส กาลกตสฺส อตฺถาย อุปการาย น โหติ, ตสฺมา น หิ ตํ กาตพฺพํ, ตถาปิ เอวํ ติฏฺนฺติ าตโย อวิทฺทสุโนติ อธิปฺปาโย.

๑๓. เอวํ รุณฺณาทีนํ นิรตฺถกภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยา ปุพฺพเปตาทิเก อารพฺภ ทายเกน สงฺฆสฺส ทกฺขิณา ทินฺนา, ตสฺสา สาตฺถกภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยฺจ โข ทกฺขิณา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อยนฺติ ทายเกน ตํ ทินฺนํ ทานํ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺโต วทติ. จ-สทฺโท พฺยติเรกตฺโถ, เตน ยถา รุณฺณาทิ เปตสฺส น กสฺสจิ อตฺถาย โหติ, น เอวมยํ, อยํ ปน ทกฺขิณา ทีฆรตฺตํ หิตายสฺส โหตีติ วกฺขมานเมว วิเสสํ โชเตติ. โขติ อวธารเณ. ทกฺขิณาติ ทานํ. สงฺฆมฺหิ สุปฺปติฏฺิตาติ อนุตฺตเร ปุฺกฺเขตฺเต สงฺเฆ สุฏฺุ ปติฏฺิตา. ทีฆรตฺตํ หิตายสฺสาติ อสฺส เปตสฺส จิรกาลํ หิตาย อตฺถาย. านโส อุปกปฺปตีติ ตงฺขณฺเว นิปฺผชฺชติ, น กาลนฺตเรติ อตฺโถ. อยฺหิ ตตฺถ ธมฺมตา – ยํ เปเต อุทฺทิสฺส ทาเน ทินฺเน เปตา เจ อนุโมทนฺติ, ตาวเทว ตสฺส ผเลน เปตา ปริมุจฺจนฺตีติ.

เอวํ ภควา ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ เปเต อุทฺทิสฺส ทานาภิรตมานสํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. ปุนทิวเส เสฏฺิภริยา อวเสสา จ าตกา เสฏฺึ อนุวตฺตนฺตา เอวํ เตมาสมตฺตํ มหาทานํ ปวตฺเตสุํ. อถ ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, ภิกฺขู มาสมตฺตํ มม ฆรํ นาคมึสู’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺถารา ตสฺมึ การเณ กถิเต ราชาปิ เสฏฺึ อนุวตฺตนฺโต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ปวตฺเตสิ, ตํ ทิสฺวา นาครา ราชานํ อนุวตฺตนฺตา มาสมตฺตํ มหาทานํ ปวตฺเตสุํ. เอวํ มาสทฺวยํ ปิฏฺธีตลิกมูลกํ มหาทานํ ปวตฺเตสุนฺติ.

ปิฏฺธีตลิกเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ติโรกุฏฺฏเปตวตฺถุวณฺณนา

ติโรกุฏฺเฏสุติฏฺนฺตีติ อิทํ สตฺถา ราชคเห วิหรนฺโต สมฺพหุเล เปเต อารพฺภ กเถสิ.

ตตฺรายํ วิตฺถารกถา – อิโต ทฺวานวุติกปฺเป กาสิ นาม นครํ อโหสิ. ตตฺถ ชยเสโน นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส สิริมา นาม เทวี. ตสฺสา กุจฺฉิยํ ผุสฺโส นาม โพธิสตฺโต นิพฺพตฺติตฺวา อนุปุพฺเพน สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ. ชยเสโน ราชา ‘‘มม ปุตฺโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา พุทฺโธ ชาโต, มยฺหเมว พุทฺโธ, มยฺหํ ธมฺโม, มยฺหํ สงฺโฆ’’ติ มมตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สพฺพกาลํ สยเมว อุปฏฺหติ, น อฺเสํ โอกาสํ เทติ.

ภควโต กนิฏฺภาตโร เวมาติกา ตโย ภาตโร จินฺเตสุํ – ‘‘พุทฺธา นาม สพฺพโลก หิตตฺถาย อุปฺปชฺชนฺติ, น เอกสฺเสว อตฺถาย. อมฺหากฺจ ปิตา อฺเสํ โอกาสํ น เทติ. กถํ นุ โข มยํ ลเภยฺยาม ภควนฺตํ อุปฏฺาตุํ ภิกฺขุสงฺฆฺจา’’ติ? เตสํ เอตทโหสิ – ‘‘หนฺท มยํ กิฺจิ อุปายํ กโรมา’’ติ. เต ปจฺจนฺตํ กุปิตํ วิย การาเปสุํ. ตโต ราชา ‘‘ปจฺจนฺโต กุปิโต’’ติ สุตฺวา ตโยปิ ปุตฺเต ปจฺจนฺตํ วูปสเมตุํ เปเสสิ. เต คนฺตฺวา วูปสเมตฺวา อาคตา. ราชา ตุฏฺโ วรํ อทาสิ ‘‘ยํ อิจฺฉถ, ตํ คณฺหถา’’ติ. เต ‘‘มยํ ภควนฺตํ อุปฏฺาตุํ อิจฺฉามา’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘เอตํ เปตฺวา อฺํ คณฺหถา’’ติ อาห. เต ‘‘มยํ อฺเน อนตฺถิกา’’ติ อาหํสุ. เตน หิ ปริจฺเฉทํ กตฺวา คณฺหถาติ. เต สตฺต วสฺสานิ ยาจึสุ. ราชา น อทาสิ. เอวํ ‘‘ฉ, ปฺจ, จตฺตาริ, ตีณิ, ทฺเว, เอกํ, สตฺต มาเส, ฉ, ปฺจ, จตฺตาโร’’ติ วตฺวา ยาว เตมาสํ ยาจึสุ. ตทา ราชา ‘‘คณฺหถา’’ติ อทาสิ.

เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘อิจฺฉาม มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ เตมาสํ อุปฏฺาตุํ, อธิวาเสตุ โน, ภนฺเต, ภควา อิมํ เตมาสํ วสฺสาวาส’’นฺติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. เต ตโย อตฺตโน ชนปเท นิยุตฺตกปุริสสฺส เลขํ เปเสสุํ ‘‘อิมํ เตมาสํ อมฺเหหิ ภควา อุปฏฺาตพฺโพ, วิหารํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ ภควโต อุปฏฺานสมฺภารํ สมฺปาเทหี’’ติ. โส สพฺพํ สมฺปาเทตฺวา ปฏิเปเสสิ. เต กาสายวตฺถนิวตฺถา หุตฺวา ปุริสสหสฺเสหิ เวยฺยาวจฺจกเรหิ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหมานา ชนปทํ เนตฺวา วิหารํ นิยฺยาเตตฺวา วสฺสํ วสาเปสุํ.

เตสํ ภณฺฑาคาริโก เอโก คหปติปุตฺโต สปชาปติโก สทฺโธ อโหสิ ปสนฺโน. โส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานวตฺตํ สกฺกจฺจํ อทาสิ. ชนปเท นิยุตฺตกปุริโส ตํ คเหตฺวา ชานปเทหิ เอกาทสมตฺเตหิ ปุริสสหสฺเสหิ สทฺธึ สกฺกจฺจเมว ทานํ ปวตฺตาเปสิ. ตตฺถ เกจิ ชานปทา ปฏิหตจิตฺตา อเหสุํ. เต ทานสฺส อนฺตรายํ กตฺวา เทยฺยธมฺมํ อตฺตนา ขาทึสุ, ภตฺตสาลฺจ อคฺคินา ทหึสุ. ปวาริตา ราชปุตฺตา ภควโต สกฺการํ กตฺวา ภควนฺตํ ปุรกฺขตฺวา ปิตุ สนฺติกเมว ปจฺจาคมึสุ. ตตฺถ คนฺตฺวา ภควา ปรินิพฺพายิ. ราชปุตฺตา จ ชนปเท นิยุตฺตกปุริโส จ ภณฺฑาคาริโก จ อนุปุพฺเพน กาลํ กตฺวา สทฺธึ ปริสาย สคฺเค อุปฺปชฺชึสุ, ปฏิหตจิตฺตา ชนา นิรเย อุปฺปชฺชึสุ. เอวํ เตสํ อุภเยสํ ชนานํ สคฺคโต สคฺคํ นิรยโต นิรยํ อุปปชฺชนฺตานํ ทฺวานวุติกปฺปา วีติวตฺตา.

อถ อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป กสฺสปสฺส ภควโต กาเล เต ปฏิหตจิตฺตา ชนา เปเตสุ อุปฺปนฺนา. ตทา มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน าตกานํ เปตานํ อตฺถาย ทานํ ทตฺวา อุทฺทิสนฺติ ‘‘อิทํ โน าตีนํ โหตู’’ติ, เต สมฺปตฺตึ ลภนฺติ. อถ อิเมปิ เปตา ตํ ทิสฺวา กสฺสปํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, มยมฺปิ เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ลเภยฺยามา’’ติ? ภควา อาห – ‘‘อิทานิ น ลภถ, อนาคเต ปน โคตโม นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภวิสฺสติ, ตสฺส ภควโต กาเล พิมฺพิสาโร นาม ราชา ภวิสฺสติ, โส ตุมฺหากํ อิโต ทฺวานวุติกปฺเป าติ อโหสิ, โส พุทฺธสฺส ทานํ ทตฺวา ตุมฺหากํ อุทฺทิสิสฺสติ, ตทา ลภิสฺสถา’’ติ. เอวํ วุตฺเต กิร เตสํ เปตานํ ตํ วจนํ ‘‘สฺเว ลภิสฺสถา’’ติ วุตฺตํ วิย อโหสิ.

ตโต เอกสฺมึ พุทฺธนฺตเร วีติวตฺเต อมฺหากํ ภควา อุปฺปชฺชิ. เตปิ ตโย ราชปุตฺตา ปุริสสหสฺเสน สทฺธึ เทวโลกโต จวิตฺวา มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล อุปฺปชฺชิตฺวา อนุปุพฺเพน ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา คยาสีเส ตโย ชฏิลา อเหสุํ, ชนปเท นิยุตฺตกปุริโส ราชา พิมฺพิสาโร อโหสิ, ภณฺฑาคาริโก คหปติปุตฺโต วิสาโข นาม เสฏฺิ อโหสิ, ตสฺส ปชาปติ ธมฺมทินฺนา นาม เสฏฺิธีตา อโหสิ, อวเสสา ปน ปริสา รฺโ เอว ปริวารา หุตฺวา นิพฺพตฺตึสุ.

อมฺหากมฺปิ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา สตฺตสตฺตาหํ อติกฺกมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ อาคมฺม ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา ปฺจวคฺคิเย อาทึ กตฺวา ยาว สหสฺสปริวาเร ตโย ชฏิเล วิเนตฺวา ราชคหํ อคมาสิ. ตตฺถ จ ตทหุปสงฺกมนฺตํเยว ราชานํ พิมฺพิสารํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ สทฺธึ เอกาทสนหุเตหิ องฺคมคธวาสีหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ. อถ รฺา สฺวาตนาย ภตฺเตน นิมนฺติโต อธิวาเสตฺวา ทุติยทิวเส มาณวกวณฺเณน สกฺเกน เทวานมินฺเทน ปุรโต คจฺฉนฺเตน –

‘‘ทนฺโต ทนฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;

สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา’’ติ. (มหาว. ๕๘) –

เอวมาทีหิ คาถาหิ อภิตฺถวิยมาโน ราชคหํ ปวิสิตฺวา รฺโ นิเวสเน มหาทานํ สมฺปฏิจฺฉิ. เต ปน เปตา ‘‘อิทานิ ราชา ทานํ อมฺหากํ อุทฺทิสิสฺสติ, อิทานิ อุทฺทิสิสฺสตี’’ติ อาสาย สมฺปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ.

ราชา ทานํ ทตฺวา ‘‘กตฺถ นุ โข ภควา วิหเรยฺยา’’ติ ภควโต วิหารฏฺานเมว จินฺเตสิ, น ตํ ทานํ กสฺสจิ อุทฺทิสิ. ตถา ตํ ทานํ อลภนฺตา เปตา ฉินฺนาสา หุตฺวา รตฺติยํ รฺโ นิเวสเน อติวิย ภึสนกํ วิสฺสรมกํสุ. ราชา ภยสนฺตาสสํเวคํ อาปชฺชิตฺวา วิภาตาย รตฺติยา ภควโต อาโรเจหิ – ‘‘เอวรูปํ สทฺทํ อสฺโสสึ, กึ นุ โข เม, ภนฺเต, ภวิสฺสตี’’ติ? ภควา ‘‘มา ภายิ, มหาราช, น เต กิฺจิ ปาปกํ ภวิสฺสติ, อปิจ โข สนฺติ เต ปุราณาตกา เปเตสุ อุปฺปนฺนา. เต เอกํ พุทฺธนฺตรํ ตเมว ปจฺจาสีสนฺตา ‘พุทฺธสฺส ทานํ ทตฺวา อมฺหากํ อุทฺทิสิสฺสตี’ติ วิจรนฺตา ตยา หิยฺโย ทานํ ทตฺวา น อุทฺทิสิตตฺตา ฉินฺนาสา หุตฺวา ตถารูปํ วิสฺสรมกํสู’’ติ อาห. ‘‘กึ อิทานิปิ, ภนฺเต, ทินฺเน เต ลเภยฺยุ’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อธิวาเสตุ เม ภควา อชฺชตนาย ทานํ, เตสํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน.

ราชา นิเวสนํ คนฺตฺวา มหาทานํ ปฏิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ . ภควา ราชนฺเตปุรํ คนฺตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. เต เปตา ‘‘อปิ นาม อชฺช ลเภยฺยามา’’ติ คนฺตฺวา ติโรกุฏฺฏาทีสุ อฏฺํสุ. ภควา ตถา อกาสิ, ยถา เต สพฺเพว รฺโ อาปาถํ คตา อเหสุํ. ราชา ทกฺขิโณทกํ เทนฺโต ‘‘อิทํ เม าตีนํ โหตู’’ติ อุทฺทิสิ. ตาวเทว เปตานํ กมลกุวลยสฺฉนฺนา โปกฺขรณิโย นิพฺพตฺตึสุ. เต ตตฺถ นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ปฏิปฺปสฺสทฺธทรถกิลมถปิปาสา สุวณฺณวณฺณา อเหสุํ. ราชา ยาคุขชฺชโภชฺชานิ ทตฺวา อุทฺทิสิ. เตสํ ตงฺขณฺเว ทิพฺพยาคุขชฺชโภชฺชานิ นิพฺพตฺตึสุ. เต ตานิ ปริภุฺชิตฺวา ปีณินฺทฺริยา อเหสุํ. อถ วตฺถเสนาสนานิ ทตฺวา อุทฺทิสิ. เตสํ ทิพฺพวตฺถปาสาทปจฺจตฺถรณเสยฺยาทิอลงฺการวิธโย นิพฺพตฺตึสุ. สา จ เตสํ สมฺปตฺติ สพฺพาปิ ยถา รฺโ ปากฏา โหติ, ตถา ภควา อธิฏฺาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวา อติวิย อตฺตมโน อโหสิ. ตโต ภควา ภุตฺตาวี ปวาริโต รฺโ พิมฺพิสารสฺส อนุโมทนตฺถํ ติโรกุฏฺฏเปตวตฺถุํ อภาสิ –

๑๔.

‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺติ, สนฺธิสิงฺฆาฏเกสุ จ;

ทฺวารพาหาสุ ติฏฺนฺติ, อาคนฺตฺวาน สกํ ฆรํ.

๑๕.

‘‘ปหูเต อนฺนปานมฺหิ, ขชฺชโภชฺเช อุปฏฺิเต;

น เตสํ โกจิ สรติ, สตฺตานํ กมฺมปจฺจยา.

๑๖.

‘‘เอวํ ททนฺติ าตีนํ, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

สุจึ ปณีตํ กาเลน, กปฺปิยํ ปานโภชนํ.

๑๗.

‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย;

เต จ ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, าติเปตา สมาคตา;

ปหูเต อนฺนปานมฺหิ, สกฺกจฺจํ อนุโมทเร.

๑๘.

‘‘จิรํ ชีวนฺตุ โน าตี, เยสํ เหตุ ลภามเส;

อมฺหากฺจ กตา ปูชา, ทายกา จ อนิปฺผลา.

๑๙.

‘‘น หิ ตตฺถ กสิ อตฺถิ, โครกฺเขตฺถ น วิชฺชติ;

วณิชฺชา ตาทิสี นตฺถิ, หิรฺเน กยากยํ;

อิโต ทินฺเนน ยาเปนฺติ, เปตา กาลคตา ตหึ.

๒๐.

‘‘อุนฺนเม อุทกํ วุฏฺํ, ยถา นินฺนํ ปวตฺตติ;

เอวเมว อิโต ทินฺนํ, เปตานํ อุปกปฺปติ.

๒๑.

‘‘ยถา วาริวหา ปูรา, ปริปูเรนฺติ สาครํ;

เอวเมว อิโต ทินฺนํ, เปตานํ อุปกปฺปติ.

๒๒.

‘‘อทาสิ เม อกาสิ เม, าติมิตฺตา สขา จ เม;

เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา, ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ.

๒๓.

‘‘น หิ รุณฺณํ วา โสโก วา, ยา จฺา ปริเทวนา;

น ตํ เปตานมตฺถาย, เอวํ ติฏฺนฺติ าตโย.

๒๔.

‘‘อยฺจ โข ทกฺขิณา ทินฺนา, สงฺฆมฺหิ สุปฺปติฏฺิตา;

ทีฆรตฺตํ หิตายสฺส, านโส อุปกปฺปติ.

๒๕.

‘‘โส าติธมฺโม จ อยํ นิทสฺสิโต, เปตาน ปูชา จ กตา อุฬารา;

พลฺจ ภิกฺขูนมนุปฺปทินฺนํ, ตุมฺเหหิ ปุฺํ ปหุตํ อนปฺปก’’นฺติ.

๑๔. ตตฺถ ติโรกุฏฺเฏสูติ กุฏฺฏานํ ปรภาเคสุ. ติฏฺนฺตีติ นิสชฺชาทิปฏิกฺเขปโต านกปฺปนวจนเมตํ, เคหปาการกุฏฺฏานํ ทฺวารโต พหิ เอว ติฏฺนฺตีติ อตฺโถ. สนฺธิสิงฺฆาฏเกสุ จาติ สนฺธีสุ จ สิงฺฆาฏเกสุ จ. สนฺธีติ จตุกฺโกณรจฺฉา, ฆรสนฺธิภิตฺติสนฺธิอาโลกสนฺธิโยปิ วุจฺจนฺติ. สิงฺฆาฏกาติ ติโกณรจฺฉา. ทฺวารพาหาสุ ติฏฺนฺตีติ นครทฺวารฆรทฺวารานํ พาหา นิสฺสาย ติฏฺนฺติ. อาคนฺตฺวาน สกํ ฆรนฺติ สกฆรํ นาม ปุพฺพาติฆรมฺปิ อตฺตนา สามิภาเวน อชฺฌาวุตฺถฆรมฺปิ, ตทุภยมฺปิ เต ยสฺมา สกฆรสฺาย อาคจฺฉนฺติ, ตสฺมา ‘‘อาคนฺตฺวาน สกํ ฆร’’นฺติ อาห.

๑๕. เอวํ ภควา ปุพฺเพ อนชฺฌาวุตฺถปุพฺพมฺปิ ปุพฺพาติฆรตฺตา พิมฺพิสารนิเวสนํ สกฆรสฺาย อาคนฺตฺวา ติโรกุฏฺฏาทีสุ ิเต อิสฺสามจฺฉริยผลํ อนุภวนฺเต อติวิย ทุทฺทสิกวิรูปภยานกทสฺสเน พหู เปเต รฺโ ทสฺเสนฺโต ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺตี’’ติ คาถํ วตฺวา ปุน เตหิ กตสฺส กมฺมสฺส ทารุณภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปหูเต อนฺนปานมฺหี’’ติ ทุติยคาถมาห.

ตตฺถ ปหูเตติ อนปฺปเก พหุมฺหิ, ยาวทตฺเถติ อตฺโถ . พ-การสฺส หิ ป-กาโร ลพฺภติ ‘‘ปหุ สนฺโต น ภรตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๙๘) วิย. เกจิ ปน ‘‘พหุเก’’ติ ปนฺติ, โส ปน ปมาทปาโ. อนฺนปานมฺหีติ อนฺเน จ ปาเน จ. ขชฺชโภชฺเชติ ขชฺเช จ โภชฺเช จ. เอเตน อสิตปีตขายิตสายิตวเสน จตุพฺพิธมฺปิ อาหารํ ทสฺเสติ. อุปฏฺิเตติ อุปคมฺม ิเต สชฺชิเต, ปฏิยตฺเตติ อตฺโถ. น เตสํ โกจิ สรติ สตฺตานนฺติ เตสํ เปตฺติวิสเย อุปฺปนฺนานํ สตฺตานํ โกจิ มาตา วา ปิตา วา ปุตฺโต วา นตฺตา วา น สรติ. กึ การณา? กมฺมปจฺจยาติ, อตฺตนา กตสฺส อทานทานปฏิเสธนาทิเภทสฺส กทริยกมฺมสฺส การณภาวโต. ตฺหิ กมฺมํ เตสํ าตีนํ สริตุํ น เทติ.

๑๖. เอวํ ภควา อนปฺปเกปิ อนฺนปานาทิมฺหิ วิชฺชมาเน าตีนํ ปจฺจาสีสนฺตานํ เปตานํ กมฺมผเลน าตกานํ อนุสฺสรณมตฺตสฺสาปิ อภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เปตฺติวิสยุปปนฺเน าตเก อุทฺทิสฺส รฺา ทินฺนทานํ ปสํสนฺโต ‘‘เอวํ ททนฺติ าตีน’’นฺติ ตติยคาถมาห.

ตตฺถ เอวนฺติ อุปมาวจนํ. ตสฺส ทฺวิธา สมฺพนฺโธ – เตสํ สตฺตานํ กมฺมปจฺจยา อสรนฺเตสุปิ เกสุจิ เกจิ ททนฺติ าตีนํ, เย เอวํ อนุกมฺปกา โหนฺตีติ จ, มหาราช, ยถา ตยา ทินฺนํ, เอวํ สุจึ ปณีตํ กาเลน กปฺปิยํ ปานโภชนํ ททนฺติ าตีนํ, เย โหนฺติ อนุกมฺปกาติ จ. ตตฺถ ททนฺตีติ เทนฺติ อุทฺทิสนฺติ นิยฺยาเตนฺติ. าตีนนฺติ มาติโต จ ปิติโต จ สมฺพนฺธานํ. เยติ เย เกจิ ปุตฺตาทโย. โหนฺตีติ ภวนฺติ. อนุกมฺปกาติ อตฺถกามา หิเตสิโน. สุจินฺติ สุทฺธํ มโนหรํ ธมฺมิกฺจ. ปณีตนฺติ อุฬารํ. กาเลนาติ ทกฺขิเณยฺยานํ ปริโภคโยคฺคกาเลน, าติเปตานํ วา ติโรกุฏฺฏาทีสุ อาคนฺตฺวา ิตกาเลน. กปฺปิยนฺติ อนุจฺฉวิกํ ปติรูปํ อริยานํ ปริโภคารหํ. ปานโภชนนฺติ ปานฺจ โภชนฺจ, ตทุปเทเสน เจตฺถ สพฺพํ เทยฺยธมฺมํ วทติ.

๑๗. อิทานิ เยน ปกาเรน เตสํ เปตานํ ทินฺนํ นาม โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’’ติ จตุตฺถคาถาย ปุพฺพฑฺฒํ อาห. ตํ ตติยคาถาย ปุพฺพฑฺเฒน สมฺพนฺธิตพฺพํ –

‘‘เอวํ ททนฺติ าตีนํ, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

อิทํ โว าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’’ติ.

เตน ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตูติ เอวํ ปกาเรน ททนฺติ, โน อฺถา’’ติ อาการตฺเถน เอวํสทฺเทน ทาตพฺพาการนิทสฺสนํ กตํ โหติ.

ตตฺถ อิทนฺติ เทยฺยธมฺมนิทสฺสนํ. โวติ นิปาตมตฺตํ ‘‘เยหิ โว อริยา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๖) วิย. าตีนํ โหตูติ เปตฺติวิสเย อุปฺปนฺนานํ าตกานํ โหตุ. ‘‘โน าตีน’’นฺติ จ ปนฺติ, อมฺหากํ าตีนนฺติ อตฺโถ. สุขิตา โหนฺตุ าตโยติ เต เปตฺติวิสยูปปนฺนา าตโย อิทํ ผลํ ปจฺจนุภวนฺตา สุขิตา สุขปฺปตฺตา โหนฺตุ.

ยสฺมา ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตู’’ติ วุตฺเตปิ อฺเน กตกมฺมํ น อฺสฺส ผลทํ โหติ , เกวลํ ปน ตถา อุทฺทิสฺส ทียมานํ ตํ วตฺถุ าติเปตานํ กุสลกมฺมสฺส ปจฺจโย โหติ, ตสฺมา ยถา เตสํ ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ตสฺมึเยว ขเณ ผลนิพฺพตฺตกํ กุสลกมฺมํ โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เต จ ตตฺโถ’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ เตติ าติเปตา. ตตฺถาติ ยตฺถ ทานํ ทียติ, ตตฺถ. สมาคนฺตฺวาติ ‘‘อิเม โน าตโย อมฺหากํ อตฺถาย ทานํ อุทฺทิสนฺตี’’ติ อนุโมทนตฺถํ ตตฺถ สมาคตา หุตฺวา. ปหูเต อนฺนปานมฺหีติ อตฺตโน อุทฺทิสฺส ทียมาเน ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ. สกฺกจฺจํ อนุโมทเรติ กมฺมผลํ อภิสทฺทหนฺตา จิตฺตีการํ อวิชหนฺตา อวิกฺขิตฺตจิตฺตา หุตฺวา ‘‘อิทํ โน ทานํ หิตาย สุขาย โหตู’’ติ โมทนฺติ อนุโมทนฺติ ปีติโสมนสฺสชาตา โหนฺติ.

๑๘. จิรํ ชีวนฺตูติ จิรํ ชีวิโน ทีฆายุกา โหนฺตุ. โน าตีติ อมฺหากํ าตกา. เยสํ เหตูติ เยสํ การณา เย นิสฺสาย. ลภามเสติ อีทิสํ สมฺปตฺตึ ปฏิลภาม. อิทฺหิ อุทฺทิสเนน ลทฺธสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตานํ เปตานํ อตฺตโน าตีนํ โถมนาการทสฺสนํ. เปตานฺหิ อตฺตโน อนุโมทเนน, ทายกานํ อุทฺทิสเนน, อุกฺขิเณยฺยสมฺปตฺติยา จาติ ตีหิ องฺเคหิ ทกฺขิณา ตงฺขณฺเว ผลนิพฺพตฺติกา โหติ. ตตฺถ ทายกา วิเสสเหตุ. เตนาห ‘‘เยสํ เหตุ ลภามเส’’ติ. อมฺหากฺจ กตา ปูชาติ ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตู’’ติ เอวํ อุทฺทิสนฺเตหิ ทายเกหิ อมฺหากฺจ ปูชา กตา, เต ทายกา จ อนิปฺผลา ยสฺมึ สนฺตาเน ปริจฺจาคมยํ กมฺมํ นิพฺพตฺตํ ตสฺส ตตฺเถว ผลทานโต.

เอตฺถาห – ‘‘กึ ปน เปตฺติวิสยูปปนฺนา เอว าตี เหตุสมฺปตฺติโย ลภนฺติ, อุทาหุ อฺเปี’’ติ? น เจตฺถ อมฺเหหิ วตฺตพฺพํ, อตฺถิ ภควตา เอวํ พฺยากตตฺตา. วุตฺตฺเหตํ –-

‘‘มยมสฺสุ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา นาม ทานานิ เทม, ปุฺานิ กโรม ‘อิทํ ทานํ เปตานํ าติสาโลหิตานํ อุปกปฺปตุ, อิทํ ทานํ เปตา าติสาโลหิตา ปริภุฺชนฺตู’ติ. กจฺจิ ตํ, โภ โคตม, ทานํ เปตานํ าติสาโลหิตานํ อุปกปฺปติ , กจฺจิ เต เปตา าติสาโลหิตา ตํ ทานํ ปริภุฺชนฺตีติ? าเน โข, พฺราหฺมณ, อุปกปฺปติ, โน อฏฺาเนติ.

‘‘กตมํ ปน, โภ โคตม, านํ, กตมํ อฏฺานนฺติ? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา นิรยํ อุปปชฺชติ. โย เนรยิกานํ สตฺตานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทํ โข, พฺราหฺมณ, อฏฺานํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ น อุปกปฺปติ.

‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปชฺชติ. โย ติรจฺฉานโยนิกานํ สตฺตานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, อฏฺานํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ น อุปกปฺปติ.

‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนุสฺสานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ…เป… เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. โย เทวานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, อฏฺานํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ น อุปกปฺปติ.

‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปชฺชติ. โย เปตฺติวิสยิกานํ สตฺตานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. ยํ วา ปนสฺส อิโต อนุปเวจฺเฉนฺติ มิตฺตามจฺจา วา าติสาโลหิตา วา, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทํ โข, พฺราหฺมณ, านํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ อุปกปฺปตี’’ติ.

‘‘สเจ ปน, โภ โคตม, โส เปโต าติสาโลหิโต ตํ านํ อนุปปนฺโน โหติ, โก ตํ ทานํ ปริภุฺชตี’’ติ ? ‘‘อฺเปิสฺส, พฺราหฺมณ, เปตา าติสาโลหิตา ตํ านํ อุปปนฺนา โหนฺติ, เต ตํ ทานํ ปริภุฺชนฺตี’’ติ.

‘‘สเจ ปน, โภ โคตม, โส เจว เปโต าติสาโลหิโต ตํ านํ อนุปปนฺโน โหติ, อฺเปิสฺส เปตา าติสาโลหิตา ตํ านํ อนุปปนฺนา โหนฺติ, โก ตํ ทานํ ปริภุฺชตี’’ติ? ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, พฺราหฺมณ, อนวกาโส, ยํ ตํ านํ วิวิตฺตํ อสฺส อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา ยทิทํ เปเตหิ าติสาโลหิเตหิ, อปิจ, พฺราหฺมณ, ทายโกปิ อนิปฺผโล’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๗๗).

๑๙. อิทานิ เปตฺติวิสยูปปนฺนานํ ตตฺถ อฺสฺส กสิโครกฺขาทิโน สมฺปตฺติปฏิลาภการณสฺส อภาวํ อิโต ทินฺเนน ยาปนฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ตตฺถ น หิ ตตฺถ กสิ อตฺถีติ ตสฺมึ เปตฺติวิสเย กสิ น หิ อตฺถิ, ยํ นิสฺสาย เปตา สุเขน ชีเวยฺยุํ. โครกฺเขตฺถ น วิชฺชตีติ เอตฺถ เปตฺติวิสเย น เกวลํ กสิเยว นตฺถิ, อถ โข โครกฺขาปิ น วิชฺชติ, ยํ นิสฺสาย เต สุเขน ชีเวยฺยุํ. วณิชฺชา ตาทิสี นตฺถีติ วณิชฺชาปิ ตาทิสี นตฺถิ, ยา เตสํ สมฺปตฺติปฏิลาภเหตุ ภเวยฺย. หิรฺเน กยากยนฺติ หิรฺเน กยวิกฺกยมฺปิ ตตฺถ ตาทิสํ นตฺถิ, ยํ เตสํ สมฺปตฺติปฏิลาภเหตุ ภเวยฺย. อิเต ทินฺเนน ยาเปนฺติ, เปตา กาลคตา ตหินฺติ เกวลํ ปน อิโต าตีหิ วา มิตฺตามจฺเจหิ วา ทินฺเนน ยาเปนฺติ, อตฺตภาวํ ปวตฺเตนฺติ. เปตาติ เปตฺติวิสยูปปนฺนา สตฺตา. กาลคตาติ อตฺตโน มรณกาเลน คตา. ‘‘กาลกตา’’ติ วา ปาโ, กตกาลา กตมรณา มรณํ สมฺปตฺตา. ตหินฺติ ตสฺมึ เปตฺติวิสเย.

๒๐-๒๑. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาหิ ปกาเสตุํ ‘‘อุนฺนเม อุทกํ วุฏฺ’’นฺติ คาถาทฺวยมาห. ตสฺสตฺโถ – ยถา อุนฺนเม ถเล อุนฺนตปฺปเทเส เมเฆหิ อภิวุฏฺํ อุทกํ ยถา นินฺนํ ปวตฺตติ, โย ภูมิภาโค นินฺโน โอณโต, ตํ อุปคจฺฉติ; เอวเมว อิโต ทินฺนํ ทานํ เปตานํ อุปกปฺปติ , ผลุปฺปตฺติยา วินิยุชฺชติ. นินฺนมิว หิ อุทกปฺปวตฺติยา านํ เปตโลโก ทานูปกปฺปนาย. ยถาห – ‘‘อิทํ โข, พฺราหฺมณ, านํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ อุปกปฺปตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๗๗). ยถา จ กนฺทรปทรสาขปสาขกุโสพฺภมหาโสพฺเภ หิ โอคลิเตน อุทเกน วาริวหา มหานชฺโช ปูรา หุตฺวา สาครํ ปริปูเรนฺติ, เอวํ อิโต ทินฺนทานํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน เปตานํ อุปกปฺปตีติ.

๒๒. ยสฺมา เปตา ‘‘อิโต กิฺจิ ลภามา’’ติ อาสาภิภูตา าติฆรํ อาคนฺตฺวาปิ ‘‘อิทํ นาม โน เทถา’’ติ ยาจิตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา เตสํ อิมานิ อนุสฺสรณวตฺถูนิ อนุสฺสรนฺโต กุลปุตฺโต ทกฺขิณํ ทชฺชาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อทาสิ เม’’ติ คาถมาห.

ตสฺสตฺโถ – อิทํ นาม เม ธนํ วา ธฺํ วา อทาสิ, อิทํ นาม เม กิจฺจํ อตฺตนาเยว โยคํ อาปชฺชนฺโต อกาสิ, ‘‘อสุโก เม มาติโต วา ปิติโต วา สมฺพนฺธตฺตา าติ, สิเนหวเสน ตาณสมตฺถตาย มิตฺโต, อสุโก เม สหปํสุกีฬกสหาโย สขา’’ติ จ เอตํ สพฺพมนุสฺสรนฺโต เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา ทานํ นิยฺยาเตยฺย. ‘‘ทกฺขิณา ทชฺชา’’ติ วา ปาโ, เปตานํ ทกฺขิณา ทาตพฺพา, เตน ‘‘อทาสิ เม’’ติอาทินา นเยน ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ อนุสฺสรตาติ วุตฺตํ โหติ. กรณตฺเถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ.

๒๓-๒๔. เย ปน สตฺตา าติมรเณน รุณฺณโสกาทิปรา เอว หุตฺวา ติฏฺนฺติ, น เตสํ อตฺถาย กิฺจิ เทนฺติ, เตสํ ตํ รุณฺณโสกาทิ เกวลํ อตฺตปริตาปนมตฺตเมว โหติ, ตํ น เปตานํ กฺจิ อตฺถํ สาเธตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น หิ รุณฺณํ วา’’ติ คาถํ วตฺวา ปุน มคธราเชน ทินฺนทกฺขิณาย สาตฺถกภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยฺจ โข’’ติ คาถมาห. เตสํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

๒๕. อิทานิ ยสฺมา อิมํ ทกฺขิณํ เทนฺเตน รฺา าตีนํ าตีหิ กตฺตพฺพกิจฺจกรเณน าติธมฺโม นิทสฺสิโต, พหุชนสฺส ปากโฏ กโต, นิทสฺสนํ ปากฏํ กตํ ‘‘ตุมฺเหหิปิ เอวเมว าตีสุ าติธมฺโม ปริปูเรตพฺโพ’’ติ. เต จ เปเต ทิพฺพสมฺปตฺตึ อธิคเมนฺเตน เปตานํ ปูชา กตา อุฬารา , พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ อนฺนปานาทีหิ สนฺตปฺเปนฺเตน ภิกฺขูนํ พลํ อนุปฺปทินฺนํ, อนุกมฺปาทิคุณปริวารฺจ จาคเจตนํ นิพฺพตฺเตนฺเตน อนปฺปกํ ปุฺํ ปสุตํ, ตสฺมา ภควา อิเมหิ ยถาภุจฺจคุเณหิ ราชานํ สมฺปหํเสนฺโต ‘‘โส าติธมฺโม’’ติ โอสานคาถมาห.

ตตฺถ าติธมฺโมติ าตีหิ าตีนํ กตฺตพฺพกรณํ. อุฬาราติ ผีตา สมิทฺธา. พลนฺติ กายพลํ. ปสุตนฺติ อุปจิตํ. เอตฺถ จ ‘‘โส าติธมฺโม จ อยํ นิทสฺสิโต’’ติ เอเตน ภควา ราชานํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ. าติธมฺมทสฺสนฺเหตฺถ สนฺทสฺสนํ. ‘‘เปตาน ปูชา จ กตา อุฬารา’’ติ อิมินา สมาทเปสิ. ‘‘อุฬารา’’ติ ปสํสนฺเหตฺถ ปุนปฺปุนํ ปูชากรเณ สมาทปนํ. ‘‘พลฺจ ภิกฺขูนมนุปฺปทินฺน’’นฺติ อิมินา สมุตฺเตเชสิ. ภิกฺขูนํ พลานุปฺปทานฺเหตฺถ เอวํวิธานํ พลานุปฺปทาเน อุสฺสาหวฑฺฒเนน สมุตฺเตชนํ. ‘‘ตุมฺเหหิ ปุฺํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติ อิมินา สมฺปหํเสสิ. ปุฺปสวนกิตฺตนฺเหตฺถ ตสฺส ยถาภุจฺจคุณสํวณฺณนภาเวน สมฺปหํสนนฺติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.

เทสนาปริโยสาเน จ เปตฺติวิสยูปปตฺติอาทีนวสํวณฺณเนน สํวิคฺคหทยานํ โยนิโส ปทหตํ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ทุติยทิวเสปิ เทวมนุสฺสานํ อิทเมว ติโรกุฏฺฏเทสนํ เทเสสิ. เอวํ ยาว สตฺต ทิวสา ตาทิโสว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ติโรกุฏฺฏเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ปฺจปุตฺตขาทกเปติวตฺถุวณฺณนา

นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต ปฺจปุตฺตขาทกเปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร คามเก อฺตรสฺส กุฏุมฺพิกสฺส ภริยา วฺฌา อโหสิ. ตสฺส าตกา เอตทโวจุํ – ‘‘ตว ปชาปติ วฺฌา, อฺํ เต กฺํ อาเนมา’’ติ. โส ตสฺโส ภริยาย สิเนเหน น อิจฺฉิ. อถสฺส ภริยา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา สามิกํ เอวมาห – ‘‘สามิ, อหํ วฺฌา, อฺา กฺา อาเนตพฺพา, มา เต กุลวํโส อุปจฺฉิชฺชี’’ติ. โส ตาย นิปฺปีฬิยมาโน อฺํ กฺํ อาเนสิ. สา อปเรน สมเยน คพฺภินี อโหสิ. วฺฌิตฺถี – ‘‘อยํ ปุตฺตํ ลภิตฺวา อิมสฺส เคหสฺส อิสฺสรา ภวิสฺสตี’’ติ อิสฺสาปกตา ตสฺสา คพฺภปาตนูปายํ ปริเยสนฺตี อฺตรํ ปริพฺพาชิกํ อนฺนปานาทีหิ สงฺคณฺหิตฺวา ตาย ตสฺสา คพฺภปาตนํ ทาเปสิ. สา คพฺเภ ปติเต อตฺตโน มาตุยา อาโรเจสิ, มาตา อตฺตโน าตเก สโมธาเนตฺวา ตมตฺถํ นิเวเทสิ. เต วฺฌิตฺถึ เอตทโวจุํ – ‘‘ตยา อิมิสฺสา คพฺโภ ปาติโต’’ติ? ‘‘นาหํ ปาเตมี’’ติ. ‘‘สเจ ตยา คพฺโภ น ปาติโต, สปถํ กโรหี’’ติ . ‘‘สเจ มยา คพฺโภ ปาติโต, ทุคฺคติปรายณา ขุปฺปิปาสาภิภูตา สายํ ปาตํ ปฺจ ปฺจ ปุตฺเต วิชายิตฺวา ขาทิตฺวา ติตฺตึ น คจฺเฉยฺยํ, นิจฺจํ ทุคฺคนฺธา มกฺขิกาปริกิณฺณา จ ภเวยฺย’’นฺติ มุสา วตฺวา สปถํ อกาสิ. สา นจิรสฺเสว กาลํ กตฺวา ตสฺเสว คามสฺส อวิทูเร ทุพฺพณฺณรูปา เปตี หุตฺวา นิพฺพตฺติ.

ตทา ชนปเท วุตฺถวสฺสา อฏฺ เถรา สตฺถุ ทสฺสนตฺถํ สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺตา ตสฺส คามสฺส อวิทูเร ฉายูทกสมฺปนฺเน อรฺฏฺาเน วาสํ อุปคจฺฉึสุ. อถ สา เปตี เถรานํ อตฺตานํ ทสฺเสสิ. เตสุ สงฺฆตฺเถโร ตํ เปตึ –

๒๖.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, ทุคฺคนฺธา ปูติ วายสิ;

มกฺขิกาหิ ปริกิณฺณา, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสี’’ติ. –

คาถาย ปฏิปุจฺฉิ. ตตฺถ นคฺคาติ นิจฺโจฬา. ทุพฺพณฺณรูปาสีติ ณวิรูปา อติวิย พีภจฺฉรูเปน สมนฺนาคตา อสิ. ทุคฺคนฺธาติ อนิฏฺคนฺธา. ปูติ วายสีติ สรีรโต กุณปคนฺธํ วายสิ. มกฺขิกาหิ ปริกิณฺณาติ นีลมกฺขิกาหิ สมนฺตโต อากิณฺณา. กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสีติ กา นาม เอวรูปา อิมสฺมึ าเน ติฏฺสิ, อิโต จิโต จ วิจรสีติ อตฺโถ.

อถ สา เปตี มหาเถเรน เอวํ ปุฏฺา อตฺตานํ ปกาเสนฺตี สตฺตานํ สํเวคํ ชเนนฺตี –

๒๗.

‘‘อหํ ภทนฺเต เปตีมฺหิ, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา.

๒๘.

‘‘กาเลน ปฺจ ปุตฺตานิ, สายํ ปฺจ ปุนาปเร;

วิชายิตฺวาน ขาทามิ, เตปิ นา โหนฺติ เม อลํ.

๒๙.

‘‘ปริฑยฺหติ ธูมายติ, ขุทาย หทยํ มม;

ปานียํ น ลเภ ปาตุํ, ปสฺส มํ พฺยสนํ คต’’นฺติ. –

อิมา ติสฺโส คาถา อภาสิ.

๒๗. ตตฺถ ภทนฺเตติ เถรํ คารเวน อาลปติ. ทุคฺคตาติ ทุคฺคตึ คตา. ยมโลกิกาติ ‘‘ยมโลโก’’ติ ลทฺธนาเม เปตโลเก ตตฺถ ปริยาปนฺนภาเวน วิทิตา. อิโต คตาติ อิโต มนุสฺสโลกโต เปตโลกํ อุปปชฺชนวเสน คตา, อุปปนฺนาติ อตฺโถ.

๒๘. กาเลนาติ รตฺติยา วิภาตกาเล. ภุมฺมตฺเถ หิ เอตํ กรณวจนํ. ปฺจ ปุตฺตานีติ ปฺจ ปุตฺเต. ลิงฺควิปลฺลาเสน เหตํ วุตฺตํ. สายํ ปฺจ ปุนาปเรติ สายนฺหกาเล ปุน อปเร ปฺจ ปุตฺเต ขาทามีติ โยชนา. วิชายิตฺวานาติ ทิวเส ทิวเส ทส ทส ปุตฺเต วิชายิตฺวา. เตปิ นา โหนฺติ เม อลนฺติ เตปิ ทสปุตฺตา เอกทิวสํ มยฺหํ ขุทาย ปฏิฆาตาย อหํ ปริยตฺตา น โหนฺติ. คาถาสุขตฺถฺเหตฺถ นา-อิติ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ.

๒๙. ปริฑยฺหติ ธูมายติ ขุทาย หทยํ มมาติ ขุทาย ชิฆจฺฉาย พาธิยมานาย มม หทยปเทโส อุทรคฺคินา ปริสมนฺตโต ฌายติ ธูมายติ สนฺตปฺปติ. ปานียํ น ลเภ ปาตุนฺติ ปิปาสาภิภูตา ตตฺถ ตตฺถ วิจรนฺตี ปานียมฺปิ ปาตุํ น ลภามิ. ปสฺส มํ พฺยสนํ คตนฺติ เปตูปปตฺติยา สาธารณํ อสาธารณฺจ อิมํ อีทิสํ พฺยสนํ อุปคตํ มํ ปสฺส, ภนฺเตติ อตฺตนา อนุภวิยมานํ ทุกฺขํ เถรสฺส ปเวเทสิ.

ตํ สุตฺวา เถโร ตาย กตกมฺมํ ปุจฺฉนฺโต –

๓๐.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺส กมฺมวิปาเกน, ปุตฺตมํสานิ ขาทสี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ ทุกฺกฏนฺติ ทุจฺจริตํ. กิสฺส กมฺมวิปาเกนาติ กีทิสสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน, กึ ปาณาติปาตสฺส, อุทาหุ อทินฺนาทานาทีสุ อฺตรสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘เกน กมฺมวิปาเกนา’’ติ เกจิ ปนฺติ.

อถ สา เปตี อตฺตนา กตกมฺมํ เถรสฺส กเถนฺตี –

๓๑.

‘‘สปตี เม คพฺภินี อาสิ, ตสฺสา ปาปํ อเจตยึ;

สาหํ ปทุฏฺมนสา, อกรึ คพฺภปาตนํ.

๓๒.

‘‘ตสฺส ทฺเวมาสิโก คพฺโภ, โลหิตฺเว ปคฺฆริ;

ตทสฺสา มาตา กุปิตา, มยฺหํ าตี สมานยิ;

สปถฺจ มํ อกาเรสิ, ปริภาสาปยี จ มํ.

๓๓.

‘‘สาหํ โฆรฺจ สปถํ, มุสาวาทํ อภาสิสํ;

‘ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, สเจ ตํ ปกตํ มยา’.

๓๔.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน, มุสาวาทสฺส จูภยํ;

ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, ปุพฺพโลหิตมกฺขิตา’’ติ. – คาถาโย อภาสิ;

๓๑-๓๒. ตตฺถ สปตีติ สมานปติกา อิตฺถี วุจฺจติ. ตสฺสา ปาปํ อเจตยินฺติ ตสฺส สปติยา ปาปํ ลุทฺทกํ กมฺมํ อเจตยึ. ปทุฏฺมนสาติ ปทุฏฺจิตฺตา, ปทุฏฺเน วา มนสา. ทฺเวมาสิโกติ ทฺเวมาสชาโต ปติฏฺิโต หุตฺวา ทฺเวมาสิกา. โลหิตฺเว ปคฺฆรีติ วิปชฺชมาโน รุหิรฺเว หุตฺวา วิสฺสนฺทิ. ตทสฺสา มาตา กุปิตา, มยฺหํ าตี สมานยีติ ตทา อสฺสา สปติยา มาตา มยฺหํ กุปิตา อตฺตโน าตเก สโมธาเนสิ. ‘‘ตตสฺสา’’ติ วา ปาโ, ตโต อสฺสาติ ปทวิภาโค.

๓๓-๓๔. สปถนฺติ สปนํ. ปริภาสาปยีติ ภเยน ตชฺชาเปสิ. สปถํ มุสาวาทํ อภาสิสนฺติ ‘‘สเจ ตํ มยา กตํ, อีทิสี ภเวยฺย’’นฺติ กตเมว ปาปํ อกตํ กตฺวา ทสฺเสนฺตี มุสาวาทํ อภูตํ สปถํ อภาสึ. มุตฺตมํสานิ ขาทามิ, สเจตํ ปกตํ มยาติ อิทํ ตทา สปถสฺส กตาการทสฺสนํ. ยทิ เอตํ คพฺภปาตนปาปํ มยา กตํ, อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยํ มยฺหํ ปุตฺตมํสานิเยว ขาเทยฺยนฺติ อตฺโถ. ตสฺส กมฺมสฺสาติ ตสฺส คพฺภปาตนวเสน ปกตสฺส ปาณาติปาตกมฺมสฺส. มุสาวาทสฺส จาติ มุสาวาทกมฺมสฺส จ. อุภยนฺติ อุภยสฺสปิ กมฺมสฺส อุภเยน วิปาเกน. กรณตฺเถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ. ปุพฺพโลหิตมกฺขิตาติ ปสวนวเสน ปริภิชฺชนวเสน จ ปุพฺเพน จ โลหิเตน จ มกฺขิตา หุตฺวา ปุตฺตมํสานิ ขาทามีติ โยชนา.

เอวํ สา เปตี อตฺตโน กมฺมวิปากํ ปเวเทตฺวา ปุน เถเร เอวมาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, อิมสฺมึเยว คาเม อสุกสฺส กุฏุมฺพิกสฺส ภริยา อิสฺสาปกตา หุตฺวา ปาปกมฺมํ กตฺวา เอวํ เปตโยนิยํ นิพฺพตฺตา. สาธุ, ภนฺเต, ตสฺส กุฏุมฺพิกสฺส เคหํ คจฺฉถ, โส ตุมฺหากํ ทานํ ทสฺสติ, ตํ ทกฺขิณํ มยฺหํ อุทฺทิสาเปยฺยาถ, เอวํ เม อิโต เปตโลกโต มุตฺติ ภวิสฺสตี’’ติ. เถรา ตํ สุตฺวา ตํ อนุกมฺปมานา อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิตา ตสฺส กุฏุมฺพิกสฺส เคหํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. กุฏมฺพิโก เถเร ทิสฺวา สฺชาตปฺปสาโท ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตานิ คเหตฺวา เถเร อาสเนสุ นิสีทาเปตฺวา ปณีเตน อาหาเรน โภเชตุํ อารภิ. เถรา ตํ ปวตฺตึ กุฏุมฺพิกสฺส อาโรเจตฺวา ตํ ทานํ ตสฺสา เปติยา อุทฺทิสาเปสุํ. ตงฺขณฺเว จ สา เปตี ตโต ทุกฺขโต อเปตา อุฬารสมฺปตฺตึ ปฏิลภิตฺวา รตฺติยํ กุฏุมฺพิกสฺส อตฺตานํ ทสฺเสสิ. อถ เถรา อนุกฺกเมน สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควโต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ภควา จ ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาวสาเน มหาชโน ปฏิลทฺธสํเวโค อิสฺสามจฺเฉรโต ปฏิวิรมิ. เอวํ สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

ปฺจปุตฺตขาทกเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สตฺตปุตฺตขาทกเปติวตฺถุวณฺณนา

นคฺคาทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต สตฺตปุตฺตขาทกเปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร อฺตรสฺมึ คามเก อฺตรสฺส อุปาสกสฺส ทฺเว ปุตฺตา อเหสุํ – ปมวเย ิตา รูปสมฺปนฺนา สีลาจาเรน สมนฺนาคตา. เตสํ มาตา ‘‘ปุตฺตวตี อห’’นฺติ ปุตฺตพเลน ภตฺตารํ อติมฺติ. โส ภริยาย อวมานิโต นิพฺพินฺนมานโส อฺํ กฺํ อาเนสิ. สา นจิรสฺเสว คพฺภินี อโหสิ. อถสฺส เชฏฺภริยา อิสฺสาปกตา อฺตรํ เวชฺชํ อามิเสน อุปลาเปตฺวา เตน ตสฺสา เตมาสิกํ คพฺภํ ปาเตสิ. อถ สา าตีหิ จ ภตฺตารา จ ‘‘ตยา อิมิสฺสา คพฺโภ ปาติโต’’ติ ปุฏฺา ‘‘นาหํ ปาเตมี’’ติ มุสา วตฺวา เตหิ อสทฺทหนฺเตหิ ‘‘สปถํ กโรหี’’ติ วุตฺตา ‘‘สายํ ปาตํ สตฺต สตฺต ปุตฺเต วิชายิตฺวา ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, นิจฺจํ ทุคฺคนฺธา จ มกฺขิกาปริกิณฺณา จ ภเวยฺย’’นฺติ สปถํ อกาสิ.

สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา ตสฺส คพฺภปาตนสฺส มุสาวาทสฺส จ ผเลเนว เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ปุตฺตนเยน ปุตฺตมํสานิ ขาทนฺตี ตสฺเสว คามสฺส อวิทูเร วิจรติ. เตน จ สมเยน สมฺพหุลา เถรา คามกาวาเส วุตฺถวสฺสา ภควนฺตํ ทสฺสนาย สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺตา ตสฺส คามสฺส อวิทูเร เอกสฺมึ ปเทเส รตฺติยํ วาสํ กปฺเปสุํ. อถ สา เปตี เตสํ เถรานํ อตฺตานํ ทสฺเสสิ. ตํ มหาเถโร คาถาย ปุจฺฉิ –

๓๕.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, ทุคฺคนฺธา ปูติ วายสิ;

มกฺขิกาหิ ปริกิณฺณา, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสี’’ติ.

สา เถเรน ปุฏฺา ตีหิ คาถาหิ ปฏิวจนํ อทาสิ –

๓๖.

‘‘อหํ ภทนฺเต เปตีมฺหิ, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา.

๓๗.

‘‘กาเลน สตฺต ปุตฺตานิ, สายํ สตฺต ปุนาปเร;

วิชายิตฺวาน ขาทามิ, เตปิ นา โหนฺติ เม อลํ.

๓๘.

‘‘ปริฑยฺหติ ธูมายติ, ขุทาย หทยํ มม;

นิพฺพุตึ นาธิคจฺฉามิ, อคฺคิทฑฺฒาว อาตเป’’ติ.

๓๘. ตตฺถ นิพฺพุตินฺติ ขุปฺปิปาสาทุกฺขสฺส วูปสมํ. นาธิคจฺฉามีติ น ลภามิ. อคฺคิทฑฺฒาว อาตเปติ อติอุณฺหอาตเป อคฺคินา ฑยฺหมานา วิย นิพฺพุตึ นาธิคจฺฉามีติ โยชนา.

ตํ สุตฺวา มหาเถโร ตาย กตกมฺมํ ปุจฺฉนฺโต –

๓๙.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, ปุตฺตมํสานิ ขาทสี’’ติ. – คาถมาห;

อถ สา เปตี อตฺตโน เปตโลกูปปตฺติฺจ ปุตฺตมํสขาทนการณฺจ กเถนฺตี –

๔๐.

‘‘อหู มยฺหํ ทุเว ปุตฺตา, อุโภ สมฺปตฺตโยพฺพนา;

สาหํ ปุตฺตพลูเปตา, สามิกํ อติมฺิสํ.

๔๑.

‘‘ตโต เม สามิโก กุทฺโธ, สปตึ มยฺหมานยิ;

สา จ คพฺภํ อลภิตฺถ, ตสฺสา ปาปํ อเจตยึ.

๔๒.

‘‘สาหํ ปทุฏฺมนสา, อกรึ คพฺภปาตนํ;

ตสฺส เตมาสิโก คพฺโภ, ปูติโลหิตโก ปติ.

๔๓.

‘‘ตทสฺสา มาตา กุปิตา, มยฺหํ าตี สมานยิ;

สปถฺจ มํ กาเรสิ, ปริภาสาปยี จ มํ.

๔๔.

‘‘สาหํ โฆรฺจ สปถํ, มุสาวาทํ อภาสิสํ;

‘ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, สเจ ตํ ปกตํ มยา’.

๔๕.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน, มุสาวาทสฺส จูภยํ;

ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, ปุพฺพโลหิตมกฺขิตา’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

๔๐-๔๕. ตตฺถ ปุตฺตพลูเปตาติ ปุตฺตพเลน อุเปตา, ปุตฺตานํ วเสน ลทฺธพลา. อติมฺิสนฺติ อติกฺกมิตฺวา มฺึ อวมฺึ. ปูติโลหิตโก ปตีติ กุณปโลหิตํ หุตฺวา คพฺโภ ปริปติ. เสสํ สพฺพํ อนนฺตรสทิสเมว. ตตฺถ อฏฺ เถรา, อิธ สมฺพหุลา. ตตฺถ ปฺจ ปุตฺตา, อิธ สตฺตาติ อยเมว วิเสโสติ.

สตฺตปุตฺตขาทกเปติวตฺถุวณฺณานา นิฏฺิตา.

๘. โคณเปตวตฺถุวณฺณนา

กึนุ อุมฺมตฺตรูโป วาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ มตปิติกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร อฺตรสฺส กุฏุมฺพิกสฺส ปิตา กาลมกาสิ. โส ปิตุ มรเณน โสกสนฺตตฺตหทโย โรทมาโน อุมฺมตฺตโก ปิย วิจรนฺโต ยํ ยํ ปสฺสติ, ตํ ตํ ปุจฺฉติ – ‘‘อปิ เม ปิตรํ ปสฺสิตฺถา’’ติ? น โกจิ ตสฺส โสกํ วิโนเทตุํ อสกฺขิ. ตสฺส ปน หทเย ฆเฏ ปทีโป วิย โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสโย ปชฺชลติ.

สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตสฺส โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส อตีตการณํ อาหริตฺวา โสกํ วูปสเมตฺวา โสตาปตฺติผลํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุนทิวเส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ปจฺฉาสมณํ อนาทาย ตสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิ. โส ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา สตฺถารํ เคหํ ปเวเสตฺวา สตฺถริ ปฺตฺเต อาสเน นิสินฺเน สยํ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘กึ, ภนฺเต, มยฺหํ ปิตุ คตฏฺานํ ชานาถา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา, ‘‘อุปาสก, กึ อิมสฺมึ อตฺตภาเว ปิตรํ ปุจฺฉสิ, อุทาหุ อตีเต’’ติ อาห. โส ตํ วจนํ สุตฺวา ‘‘พหู กิร มยฺหํ ปิตโร’’ติ ตนุภูตโสโก โถกํ มชฺฌตฺตตํ ปฏิลภิ. อถสฺส สตฺถา โสกวิโนทนํ ธมฺมกถํ กตฺวา อปคตโสกํ กลฺลจิตฺตํ วิทิตฺวา สามุกฺกํสิกาย ธมฺมเทสนาย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา วิหารํ อคมาสิ.

อถ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘ปสฺสถ, อาวุโส, พุทฺธานุภาวํ, ตถา โสกปริเทวสมาปนฺโน อุปาสโก ขเณเนว ภควตา โสตาปตฺติผเล วินีโต’’ติ. สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ. ภิกฺขู ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว มยา อิมสฺส โสโก อปนีโต, ปุพฺเพปิ อปนีโตเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ อฺตรสฺส คหปติกสฺส ปิตา กาลมกาสิ. โส ปิตุ มรเณน โสกปริเทวสมาปนฺโน อสฺสุมุโข รตฺตกฺโข กนฺทนฺโต จิตกํ ปทกฺขิณํ กโรติ. ตสฺส ปุตฺโต สุชาโต นาม กุมาโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต พุทฺธิสมฺปนฺโน ปิตุโสกวินยนูปายํ จินฺเตนฺโต เอกทิวสํ พหินคเร เอกํ มตโคณํ ทิสฺวา ติณฺจ ปานียฺจ อาหริตฺวา ตสฺส ปุรโต เปตฺวา ‘‘ขาท, ขาท, ปิว, ปิวา’’ติ วทนฺโต อฏฺาสิ. อาคตาคตา ตํ ทิสฺวา ‘‘สมฺม สุชาต, กึ อุมฺมตฺตโกสิ, โย ตฺวํ มตสฺส โคณสฺส ติโณทกํ อุปเนสี’’ติ วทนฺติ? โส น กิฺจิ ปฏิวทติ. มนุสฺสา ตสฺส ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปุตฺโต เต อุมฺมตฺตโก ชาโต, มตโคณสฺส ติโณทกํ เทตี’’ติ อาหํสุ. ตํ สุตฺวา จ กุฏุมฺพิกสฺส ปิตรํ อารพฺภ ิโต โสโก อปคโต. โส ‘‘มยฺหํ กิร ปุตฺโต อุมฺมตฺตโก ชาโต’’ติ สํเวคปฺปตฺโต เวเคน คนฺตฺวา ‘‘นนุ ตฺวํ, ตาต สุชาต, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต พุทฺธิสมฺปนฺโน, กสฺมา มตโคณสฺส ติโณทกํ เทสี’’ติ โจเทนฺโต –

๔๖.

‘‘กึ นุ อุมฺมตฺตรูโปว, ลายิตฺวา หริตํ ติณํ;

ขาท ขาทาติ ลปสิ, คตสตฺตํ ชรคฺควํ.

๔๗.

‘‘น หิ อนฺเนน ปาเนน, มโต โคโณ สมุฏฺเห;

ตฺวํสิ พาโล จ ทุมฺเมโธ, ยถา ตฺโว ทุมฺมตี’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ กึ นูติ ปุจฺฉาวจนํ. อุมฺมตฺตรูโปวาติ อุมฺมตฺตกสภาโว วิย จิตฺตกฺเขปํ ปตฺโต วิย. ลายิตฺวาติ ลวิตฺวา. หริตํ ติณนฺติ อลฺลติณํ. ลปสิ วิลปสิ. คตสตฺตนฺติ วิคตชีวิตํ. ชรคฺควนฺติ พลิพทฺทํ ชิณฺณโคณํ. อนฺเนน ปาเนนาติ ตยา ทินฺเนน หริตติเณน วา ปานีเยน วา. มโต โคโณ สมุฏฺเหติ กาลกโต โคโณ ลทฺธชีวิโต หุตฺวา น หิ สมุฏฺเหยฺย. ตฺวํสิ พาโล จ ทุมฺเมโธติ ตฺวํ พาลฺยโยคโต พาโล, เมธาสงฺขาตาย ปฺาย อภาวโต ทุมฺเมโธ อสิ. ยถา ตฺโว ทุมฺมตีติ ยถา ตํ อฺโปิ นิปฺปฺโ วิปฺปลเปยฺย, เอวํ ตฺวํ นิรตฺถกํ วิปฺปลปสีติ อตฺโถ. ยถา ตนฺติ นิปาตมตฺตํ.

ตํ สุตฺวา สุชาโต ปิตรํ สฺาเปตุํ อตฺตโน อธิปฺปายํ ปกาเสนฺโต –

๔๘.

‘‘อิเม ปาทา อิทํ สีสํ, อยํ กาโย สวาลธิ;

เนตฺตา ตเถว ติฏฺนฺติ, อยํ โคโณ สมุฏฺเห.

๔๙.

‘‘นายฺยกสฺส หตฺถปาทา, กาโย สีสฺจ ทิสฺสติ;

รุทํ มตฺติกถูปสฺมึ, นนุ ตฺวฺเว ทุมฺมตี’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ. ตสฺสตฺโถ – อิมสฺส โคณสฺส อิเม จตฺตาโร ปาทา, อิทํ สีสํ, สห วาลธินา วตฺตตีติ สวาลธิ อยํ กาโย. อิมานิ จ เนตฺตา นยนานิ ยถา มรณโต ปุพฺเพ, ตเถว อภินฺนสณฺานานิ ติฏฺนฺติ. อยํ โคโณ สมุฏฺเหติ อิมสฺมา การณา อยํ โคโณ สมุฏฺเหยฺย สมุตฺติฏฺเยฺยาติ มม จิตฺตํ ภเวยฺย. ‘‘มฺเ โคโณ สมุฏฺเห’’ติ เกจิ ปนฺติ, เตน การเณน อยํ โคโณ สหสาปิ กายํ สมุฏฺเหยฺยาติ อหํ มฺเยฺยํ, เอวํ เม มฺนา สมฺภเวยฺยาติ อธิปฺปาโย. อยฺยกสฺส ปน มยฺหํ ปิตามหสฺส น หตฺถปาทา กาโย สีสํ ทิสฺสติ, เกวลํ ปน ตสฺส อฏฺิกานิ ปกฺขิปิตฺวา กเต มตฺติกามเย ถูเป รุทนฺโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน, ตาต, ตฺวฺเว ทุมฺมติ นิปฺปฺโ, ภิชฺชนธมฺมา สงฺขารา ภิชฺชนฺติ, ตตฺถ วิชานตํ กา ปริเทวนาติ ปิตุ ธมฺมํ กเถสิ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปิตา ‘‘มม มุตฺโต ปณฺฑิโต มํ สฺาเปตุํ อิมํ กมฺมํ อกาสี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตาต สุชาต, ‘สพฺเพปิ สตฺตา มรณธมฺมา’ติ อฺาตเมตํ, อิโต ปฏฺาย น โสจิสฺสามิ, โสกหรณสมตฺเถน นาม เมธาวินา ตาทิเสเนว ภวิตพฺพ’’นฺติ ปุตฺตํ ปสํสนฺโต –

๕๐.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๕๑.

‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, โสกํ หทยนิสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตสฺส, ปิตุโสกํ อปานุทิ.

๕๒.

‘‘สฺวาหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน มาณว.

๕๓.

‘‘เอวํ กโรนฺติ สปฺปฺา, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

วินิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา, สุชาโต ปิตรํ ยถา’’ติ. –

จตสฺโส คาถา อภาสิ. ตตฺถ อาทิตฺตนฺติ โสกคฺคินา อาทิตฺตํ ชลิตํ. สนฺตนฺติ สมานํ. ปาวกนฺติ อคฺคิ. วารินา วิย โอสิฺจนฺติ อุทเกน อวสิฺจนฺโต วิย. สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรนฺติ สพฺพํ เม จิตฺตทรถํ นิพฺพาเปสิ. อพฺพหี วตาติ นีหริ วต. สลฺลนฺติ โสกสลฺลํ. หทยนิสฺสิตนฺติ จิตฺตสนฺนิสฺสิตสลฺลภูตํ. โสกปเรตสฺสาติ โสเกน อภิภูตสฺส. ปิตุโสกนฺติ ปิตรํ อารพฺภ อุปฺปนฺนํ โสกํ. อปานุทีติ อปเนสิ. ตว สุตฺวาน มาณวาติ, กุมาร, ตว วจนํ สุตฺวา อิทานิ ปน น โสจามิ น โรทามิ. สุชาโต ปิตรํ ยถาติ ยถา อยํ สุชาโต อตฺตโน ปิตรํ โสกโต วินิวตฺเตสิ, เอวํ อฺเปิ เย อนุกมฺปกา อนุคฺคณฺหสีลา โหนฺติ, เต สปฺปฺา เอวํ กโรนฺติ ปิตูนํ อฺเสฺจ อุปการํ กโรนฺตีติ อตฺโถ.

มาณวสฺส วจนํ สุตฺวา ปิตา อปคตโสโก หุตฺวา สีสํ นหายิตฺวา ภุฺชิตฺวา กมฺมนฺเต ปวตฺเตตฺวา กาลํ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ. สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีสุ ปติฏฺหึสุ. ตทา สุชาโต โลกนาโถ อโหสีติ.

โคณเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. มหาเปสการเปติวตฺถุวณฺณนา

คูถฺจมุตฺตํ รุหิรฺจ ปุพฺพนฺติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต อฺตรํ เปสการเปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. ทฺวาทสมตฺตา กิร ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วสนโยคฺคฏฺานํ วีมํสนฺตา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย อฺตรํ ฉายูทกสมฺปนฺนํ รมณียํ อรฺายตนํ ตสฺส จ นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน โคจรคามํ ทิสฺวา ตตฺถ เอกรตฺตึ วสิตฺวา ทุติยทิวเส คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. ตตฺถ เอกาทส เปสการา ปฏิวสนฺติ, เต เต ภิกฺขู ทิสฺวา สฺชาตโสมนสฺสา หุตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เคหํ เนตฺวา ปณีเตน อาหาเรน ปริวิสิตฺวา อาหํสุ ‘‘กุหึ, ภนฺเต, คจฺฉถา’’ติ? ‘‘ยตฺถ อมฺหากํ ผาสุกํ, ตตฺถ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ, ภนฺเต, อิเธว วสิตพฺพ’’นฺติ วสฺสูปคมนํ ยาจึสุ. ภิกฺขู สมฺปฏิจฺฉึสุ. อุปาสกา เตสํ ตตฺถ อรฺกุฏิกาโย กาเรตฺวา อทํสุ. ภิกฺขู ตตฺถ วสฺสํ อุปคจฺฉึสุ.

ตตฺถ เชฏฺกเปสกาโร ทฺเว ภิกฺขู จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิ, อิตเร เอเกกํ ภิกฺขุํ อุปฏฺหึสุ. เชฏฺกเปสการสฺส ภริยา อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา มิจฺฉาทิฏฺิกา มจฺฉรินี ภิกฺขู น สกฺกจฺจํ อุปฏฺาติ. โส ตํ ทิสฺวา ตสฺสาเยว กนิฏฺภคินึ อาเนตฺวา อตฺตโน เคเห อิสฺสริยํ นิยฺยาเทสิ. สา สทฺธา ปสนฺนา หุตฺวา สกฺกจฺจํ ภิกฺขู ปฏิชคฺคิ. เต สพฺเพ เปสกาโร วสฺสํ วุตฺถานํ ภิกฺขูนํ เอเกกสฺส เอเกกํ สาฏกมทํสุ. ตตฺถ มจฺฉรินี เชฏฺเปสการสฺส ภริยา ปทุฏฺจิตฺตา อตฺตโน สามิกํ ปริภาสิ – ‘‘ยํ ตยา สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ทานํ ทินฺนํ อนฺนปานํ, ตํ เต ปรโลเก คูถมุตฺตํ ปุพฺพโลหิตฺจ หุตฺวา นิพฺพตฺตตุ, สาฏกา จ ชลิตา อโยมยปฏฺฏา โหนฺตู’’ติ.

ตตฺถ เชฏฺเปสกาโร อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา วิฺฌาฏวิยํ อานุภาวสมฺปนฺนา รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส ปน กทริยา ภริยา กาลํ กตฺวา ตสฺเสว วสนฏฺานสฺส อวิทูเร เปตี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สา นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปา ชิฆจฺฉาปิปาสาภิภูตา ตสฺส ภูมเทวสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อาห – ‘‘อหํ, สามิ, นิจฺโจฬา อติวิย ชิฆจฺฉาปิปาสาภิภูตา วิจรามิ, เทหิ เม วตฺถํ อนฺนปานฺจา’’ติ. โส ตสฺสา ทิพฺพํ อุฬารํ อนฺนปานํ อุปเนสิ. ตํ ตาย คหิตมตฺตเมว คูถมุตฺตํ ปุพฺพโลหิตฺจ สมฺปชฺชติ, สาฏกฺจ ทินฺนํ ตาย ปริทหิตํ ปชฺชลิตํ อโยมยปฏฺฏํ โหติ. สา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตี ตํ ฉฑฺเฑตฺวา กนฺทนฺตี วิจรติ.

เตน จ สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ วุตฺถวสฺโส สตฺถารํ วนฺทิตุํ คจฺฉนฺโต มหตา สตฺเถน สทฺธึ วิฺฌาฏวึ ปฏิปชฺชิ. สตฺถิกา รตฺตึ มคฺคํ คนฺตฺวา ทิวา วเน สนฺทจฺฉายูทกสมฺปนฺนํ ปเทสํ ทิสฺวา ยานานิ มุฺจิตฺวา มุหุตฺตํ วิสฺสมึสุ. ภิกฺขุ ปน วิเวกกามตาย โถกํ อปกฺกมิตฺวา อฺตรสฺส สนฺทจฺฉายสฺส วนคหนปฏิจฺฉนฺนสฺส รุกฺขสฺส มูเล สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา นิปนฺโน รตฺติยํ มคฺคคมนปริสฺสเมน กิลนฺตกาโย นิทฺทํ อุปคฺฉิ. สตฺถิกา วิสฺสมิตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ, โส ภิกฺขุ น ปฏิพุชฺฌิ. อถ สายนฺหสมเย อุฏฺหิตฺวา เต อปสฺสนฺโต อฺตรํ กุมฺมคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา อนุกฺกเมน ตสฺสา เทวตาย วสนฏฺานํ สมฺปาปุณิ. อถ นํ โส เทวปุตฺโต ทิสฺวา มนุสฺสรูเปน อุปคนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อตฺตโน วิมานํ ปเวเสตฺวา ปาทพฺภฺชนาทีนิ ทตฺวา ปยิรุปาสนฺโต นิสีทิ. ตสฺมิฺจ สมเย สา เปตี อาคนฺตฺวา ‘‘เทหิ เม, สามิ, อนฺนปานํ สาฏกฺจา’’ติ อาห. โส ตสฺสา ตานิ อทาสิ. ตานิ จ ตาย คหิตมตฺตานิ คูถมุตฺตปุพฺพโลหิตปชฺชลิตอโยปฏฺฏาเยว อเหสุํ. โส ภิกฺขุ ตํ ทิสฺวา สฺชาตสํเวโค ตํ เทวปุตฺตํ –

๕๔.

‘‘คูถฺจ มุตฺตํ รุหิรฺจ ปุพฺพํ, ปริภุฺชติ กิสฺส อยํ วิปาโก;

อยํ นุ กึ กมฺมมกาสิ นารี, ยา สพฺพทา โลหิตปุพฺพภกฺขา.

๕๕.

‘‘นวานิ วตฺถานิ สุภานิ เจว, มุทูนิ สุทฺธานิ จ โลมสานิ;

ทินฺนานิ มิสฺสา กิตกา ภวนฺติ, อยํ นุ กึ กมฺมมกาสิ นารี’’ติ. –

ทฺวีหิ คาถาหิ ปฏิปุจฺฉิ. ตตฺถ กิสฺส อยํ วิปาโกติ กีทิสสฺส กมฺมสฺส อยํ วิปาโก, ยํ เอสา อิทานิ ปจฺจนุภวตีติ. อยํ นุ กึ กมฺมมกาสิ นารีติ อยํ อิตฺถี กึ นุ โข กมฺมํ ปุพฺเพ อกาสิ. ยา สพฺพทา โลหิตปุพฺพภกฺขาติ ยา สพฺพกาลํ รุหิรปุพฺพเมว ภกฺขติ ปริภุฺชติ. นวานีติ ปจฺจคฺฆานิ ตาวเทว ปาตุภูตานิ. สุภานีติ สุนฺทรานิ ทสฺสนียานิ. มุทูนีติ สุขสมฺผสฺสานิ. สุทฺธานีติ ปริสุทฺธวณฺณานิ. โลมสานีติ สโลมกานิ สุขสมฺผสฺสานิ , สุนฺทรานีติ อตฺโถ. ทินฺนานิ มิสฺสา กิตกา ภวนฺตีติ กิตกกณฺฏกสทิสานิ โลหปฏฺฏสทิสานิ ภวนฺติ. ‘‘กีฏกา ภวนฺตี’’ติ วา ปาโ, ขาทกปาณกวณฺณานิ ภวนฺตีติ อตฺโถ.

เอวํ โส เทวปุตฺโต เตน ภิกฺขุนา ปุฏฺโ ตาย ปุริมชาติยา กตกมฺมํ ปกาเสนฺโต –

๕๖.

‘‘ภริยา มเมสา อหุ ภทนฺเต, อทายิกา มจฺฉรินี กทริยา;

สา มํ ททนฺตํ สมณพฺราหฺมณานํ, อกฺโกสติ จ ปริภาสติ จ.

๕๗.

‘‘คูถฺจ มุตฺตํ รุหิรฺจ ปุพฺพํ, ปริภุฺช ตฺวํ อสุจึ สพฺพกาลํ;

เอตํ เต ปรโลกสฺมึ โหตุ, วตฺถา จ เต กิตกสมา ภวนฺตุ;

เอตาทิสํ ทุจฺจริตํ จริตฺวา, อิธาคตา จิรรตฺตาย ขาทตี’’ติ. –

ทฺเว คาถา อภาสิ. ตตฺถ อทายิกาติ กสฺสจิ กิฺจิปิ อทานสีลา. มจฺฉรินี กทริยาติ ปมํ มจฺเฉรมลสฺส สภาเวน มจฺฉรินี, ตาย จ ปุนปฺปุนํ อาเสวนตาย ถทฺธมจฺฉรินี, ตาย กทริยา อหูติ โยชนา. อิทานิ ตสฺสา ตเมว กทริยตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สา มํ ททนฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอตาทิสนฺติ เอวรูปํ ยถาวุตฺตวจีทุจฺจริตาทึ จริตฺวา. อิธาคตาติ อิมํ เปตโลกํ อาคตา, เปตตฺตภาวํ อุปคตา. จิรรตฺตาย ขาทตีติ จิรกาลํ คูถาทิเมว ขาทติ. ตสฺสา หิ เยนากาเรน อกฺกุฏฺํ, เตเนวากาเรน ปวตฺตมานมฺปิ ผลํ. ยํ อุทฺทิสฺส อกฺกุฏฺํ, ตโต อฺตฺถ ปถวิยํ กมนฺตกสงฺขาเต มตฺถเก อสนิปาโต วิย อตฺตโน อุปริ ปตติ.

เอวํ โส เทวปุตฺโต ตาย ปุพฺเพ กตกมฺมํ กเถตฺวา ปุน ตํ ภิกฺขุํ อาห – ‘‘อตฺถิ ปน, ภนฺเต, โกจิ อุปาโย อิมํ เปตโลกโต โมเจตุ’’นฺติ ? ‘‘อตฺถี’’ติ จ วุตฺเต ‘‘กเถถ, ภนฺเต’’ติ. ยทิ ภควโต อริยสงฺฆสฺส จ เอกสฺเสว วา ภิกฺขุโน ทานํ ทตฺวา อิมิสฺสา อุทฺทิสิยติ, อยฺจ ตํ อนุโมทติ, เอวเมติสฺสา อิโต ทุกฺขโต มุตฺติ ภวิสฺสตีติ. ตํ สุตฺวา เทวปุตฺโต ตสฺส ภิกฺขุโน ปณีตํ อนฺนปานํ ทตฺวา ตํ ทกฺขิณํ ตสฺสา เปติยา อาทิสิ. ตาวเทว สา เปตี สุหิตา ปีณินฺทฺริยา ทิพฺพาหารสฺส ติตฺตา อโหสิ. ปุน ตสฺเสว ภิกฺขุโน หตฺเถ ทิพฺพสาฏกยุคํ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ทตฺวา ตฺจ ทกฺขิณํ เปติยา อาทิสิ. ตาวเทว จ สา ทิพฺพวตฺถนิวตฺถา ทิพฺพาลงฺการวิภูสิตา สพฺพกามสมิทฺธา เทวจฺฉราปฏิภาคา อโหสิ. โส จ ภิกฺขุ ตสฺส เทวปุตฺตสฺส อิทฺธิยา ตทเหว สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา ภควโต สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ตํ สาฏกยุคํ ทตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ภควาปิ ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

มหาเปสการเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ขลฺลาฏิยเปติวตฺถุวณฺณนา

กานุ อนฺโตวิมานสฺมินฺติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต อฺตรํ ขลฺลาฏิยเปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. อตีเต กิร พาราณสิยํ อฺตรา รูปูปชีวินี อิตฺถี อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา อติมโนหรเกสกลาปี อโหสิ. ตสฺสา หิ เกสา นีลา ทีฆา ตนู มุทู สินิทฺธา เวลฺลิตคฺคา ทฺวิหตฺถคยฺหา วิสฏฺา ยาว เมขลา กลาปา โอลมฺพนฺติ. ตํ ตสฺสา เกสโสภํ ทิสฺวา ตรุณชโน เยภุยฺเยน ตสฺสํ ปฏิพทฺธจิตฺโต อโหสิ. อถสฺสา ตํ เกสโสภํ อสหมานา อิสฺสาปกตา กติปยา อิตฺถิโย มนฺเตตฺวา ตสฺสา เอว ปริจาริกทาสึ อามิเสน อุปลาเปตฺวา ตาย ตสฺสา เกสูปปาตนํ เภสชฺชํ ทาเปสุํ. สา กิร ทาสี ตํ เภสชฺชํ นฺหานิยจุณฺเณน สทฺธึ ปโยเชตฺวา คงฺคาย นทิยา นฺหานกาเล ตสฺสา อทาสิ . สา เตน เกสมูเลสุ เตเมตฺวา อุทเก นิมุชฺชิ , นิมุชฺชนมตฺเตเยว เกสา สมูลา ปริปตึสุ, สีสํ จสฺสา ติตฺตกลาพุสทิสํ อโหสิ. อถ สา สพฺพโส วิลูนเกสา ลุฺจิตมตฺถกา กโปตี วิย วิรูปา หุตฺวา ลชฺชาย อนฺโตนครํ ปวิสิตุํ อสกฺโกนฺตี วตฺเถน สีสํ เวเตฺวา พหินคเร อฺตรสฺมึ ปเทเส วาสํ กปฺเปนฺตี กติปาหจฺจเยน อปคตลชฺชา ตโต นิวตฺเตตฺวา ติลานิ ปีเฬตฺวา เตลวณิชฺชํ สุราวณิชฺชฺจ กโรนฺตี ชีวิกํ กปฺเปสิ. สา เอกทิวสํ ทฺวีสุ ตีสุ มนุสฺเสสุ สุรามตฺเตสุ มหานิทฺทํ โอกฺกมนฺเตสุ สิถิลภูตานิ เตสํ นิวตฺถวตฺถานิ อวหริ.

อเถกทิวสํ สา เอกํ ขีณาสวตฺเถรํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา อตฺตโน ฆรํ เนตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทาเปตฺวา เตลสํสฏฺํ โทณินิมฺมชฺชนึ ปิฺากมทาสิ. โส ตสฺสา อนุกมฺปาย ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชิ. สา ปสนฺนมานสา อุปริ ฉตฺตํ ธารยมานา อฏฺาสิ. โส จ เถโร ตสฺสา จิตฺตํ ปหํเสนฺโต อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. สา จ อิตฺถี อนุโมทนกาเลเยว ‘‘มยฺหํ เกสา ทีฆา ตนู สินิทฺธา มุทู เวลฺลิตคฺคา โหนฺตู’’ติ ปตฺถนมกาสิ.

สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา มิสฺสกกมฺมสฺส ผเลน สมุทฺทมชฺเฌ กนกวิมาเน เอกิกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺสา เกสา ปตฺถิตาการาเยว สมฺปชฺชึสุ. มนุสฺสานํ สาฏกาวหรเณน ปน นคฺคา อโหสิ. สา ตสฺมึ กนกวิมาเน ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชิตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ นคฺคาว หุตฺวา วีตินาเมสิ. อถ อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุปุพฺเพน สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต สาวตฺถิวาสิโน สตฺตสตา วาณิชา สุวณฺณภูมึ อุทฺทิสฺส นาวาย มหาสมุทฺทํ โอตรึสุ. เตหิ อารุฬฺหา นาวา วิสมวาตเวคุกฺขิตฺตา อิโต จิโต จ ปริพฺภมนฺตี ตํ ปเทสํ อคมาสิ. อถ สา วิมานเปตี สห วิมาเนน เตสํ อตฺตานํ ทสฺเสสิ. ตํ ทิสฺวา เชฏฺวาณิโช ปุจฺฉนฺโต –

๕๘.

‘‘กา นุ อนฺโตวิมานสฺมึ, ติฏฺนฺตี นูปนิกฺขมิ;

อุปนิกฺขมสฺสุ ภทฺเท, ปสฺสาม ตํ พหิฏฺิต’’นฺติ. –

คาถมาห . ตตฺถ กา นุ อนฺโตวิมานสฺมึ ติฏฺนฺตีติ วิมานสฺส อนฺโต อพฺภนฺตเร ติฏฺนฺตี กา นุ ตฺวํ, กึ มนุสฺสิตฺถี, อุทาหุ อมนุสฺสิตฺถีติ ปุจฺฉติ. นูปนิกฺขมีติ วิมานโต น นิกฺขมิ. อุปนิกฺขมสฺสุ, ภทฺเท, ปสฺสาม ตํ พหิฏฺิตนฺติ, ภทฺเท, ตํ มยํ พหิ ิตํ ปสฺสาม ทฏฺุกามมฺหา, ตสฺมา วิมานโต นิกฺขมสฺสุ. ‘‘อุปนิกฺขมสฺสุ ภทฺทนฺเต’’ติ วา ปาโ, ภทฺทํ เต อตฺถูติ อตฺโถ.

อถสฺส สา อตฺตโน พหิ นิกฺขมิสุํ อสกฺกุเณยฺยตํ ปกาเสนฺตี –

๕๙.

‘‘อฏฺฏียามิ หรายามิ, นคฺคา นิกฺขมิตุํ พหิ;

เกเสหมฺหิ ปฏิจฺฉนฺนา, ปุฺํ เม อปฺปกํ กต’’นฺติ. –

คาถมาห. ตตฺถ อฏฺฏียามีติ นคฺคา หุตฺวา พหิ นิกฺขมิตุํ อฏฺฏิกา ทุกฺขิตา อมฺหิ. หรายามีติ ลชฺชามิ. เกเสหมฺหิ ปฏิจฺฉนฺนาติ เกเสหิ อมฺหิ อหํ ปฏิจฺฉาทิตา ปารุตสรีรา. ปุฺํ เม อปฺปกํ กตนฺติ อปฺปกํ ปริตฺตํ มยา กุสลกมฺมํ กตํ, ปิฺากทานมตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.

อถสฺสา วาณิโช อตฺตโน อุตฺตริสาฏกํ ทาตุกาโม –-

๖๐.

‘‘หนฺทุตฺตรียํ ททามิ เต, อิทํ ทุสฺสํ นิวาสย;

อิทํ ทุสฺสํ นิวาเสตฺวา, เอหิ นิกฺขม โสภเน;

อุปนิกฺขมสฺสุ ภทฺเท, ปสฺสาม ตํ พหิฏฺิต’’นฺติ. –

คาถมาห . ตตฺถ หนฺทาติ คณฺห. อุตฺตรียนฺติ อุปสํพฺยานํ อุตฺตริสาฏกนฺติ อตฺโถ. ททามิ เตติ ตุยฺหํ ททามิ. อิทํ ทุสฺสํ นิวาสยาติ อิทํ มม อุตฺตริสาฏกํ ตฺวํ นิวาเสหิ. โสภเนติ สุนฺทรรูเป.

เอวฺจ ปน วตฺวา อตฺตโน อุตฺตริสาฏกํ ตสฺสา อุปเนสิ, สา ตถา ทิยฺยมานสฺส อตฺตโน อนุปกปฺปนียตฺจ, ยถา ทิยฺยมานํ อุปกปฺปติ, ตฺจ ทสฺเสนฺตี –

๖๑.

‘‘หตฺเถน หตฺเถ เต ทินฺนํ, น มยฺหํ อุปกปฺปติ;

เอเสตฺถุปาสโก สทฺโธ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก.

๖๒.

‘‘เอตํ อจฺฉาทยิตฺวาน, มม ทกฺขิณมาทิส;

ตถาหํ สุขิตา เหสฺสํ, สพฺพกามสมิทฺธินี’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห . ตตฺถ หตฺเถน หตฺเถ เต ทินฺนํ, น มยฺหํ อุปกปฺปตีติ, มาริส, ตว หตฺเถน มม หตฺเถ ตยา ทินฺนํ น มยฺหํ อุปกปฺปติ น วินิยุชฺชติ, อุปโภคโยคฺคํ น โหตีติ อตฺโถ. เอเสตฺถุปาสโก สทฺโธติ เอโส รตนตฺตยํ อุทฺทิสฺส สรณคมเนน อุปาสโก กมฺมผลสทฺธาย จ สมนฺนาคตตฺตา สทฺโธ เอตฺถ เอตสฺมึ ชนสมูเห อตฺถิ. เอตํ อจฺฉาทยิตฺวาน, มม ทกฺขิณมาทิสาติ เอตํ อุปาสกํ มม ทิยฺยมานํ สาฏกํ ปริทหาเปตฺวา ตํ ทกฺขิณํ มยฺหํ อาทิส ปตฺติทานํ เทหิ. ตถาหํ สุขิตา เหสฺสนฺติ ตถา กเต อหํ สุขิตา ทิพฺพวตฺถนิวตฺถา สุขปฺปตฺตา ภวิสฺสามีติ.

ตํ สุตฺวา วาณิชา ตํ อุปาสกํ นฺหาเปตฺวา วิลิมฺเปตฺวา วตฺถยุเคน อจฺฉาเทสุํ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺตา สงฺคีติการา –

๖๓.

‘‘ตฺจ เต นฺหาปยิตฺวาน, วิลิมฺเปตฺวาน วาณิชา;

วตฺเถหจฺฉาทยิตฺวาน, ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสุํ.

๖๔.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ , วิปาโก อุทปชฺชถ;

โภชนจฺฉาทนปานียํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํ.

๖๕.

‘‘ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;

หสนฺตี วิมานา นิกฺขมิ, ทกฺขิณาย อิทํ ผล’’นฺติ. –

ติสฺโส คาถาโย อโวจุํ.

๖๓. ตตฺถ นฺติ ตํ อุปาสกํ. จ-สทฺโท นิปาตมตฺตํ. เตติ เต วาณิชาติ โยชนา. วิลิมฺเปตฺวานาติ อุตฺตเมน คนฺเธน วิลิมฺเปตฺวา. วตฺเถหจฺฉาทยิตฺวานาติ วณฺณคนฺธรสสมฺปนฺนํ สพฺยฺชนํ โภชนํ โภเชตฺวา นิวาสนํ อุตฺตรียนฺติ ทฺวีหิ วตฺเถหิ อจฺฉาเทสุํ, ทฺเว วตฺถานิ อทํสูติ อตฺโถ. ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสุนฺติ ตสฺสา เปติยา ตํ ทกฺขิณํ อาทิสึสุ.

๖๔. สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเติ อนู-ติ นิปาตมตฺตํ, ตสฺสา ทกฺขิณาย อุทฺทิฏฺสมนนฺตรเมว. วิปาโก อุทปชฺชถาติ ตสฺสา เปติยา วิปาโก ทกฺขิณาย ผลํ อุปฺปชฺชิ. กีทิโสติ เปตี อาห โภชนจฺฉาทนปานียนฺติ. นานปฺปการํ ทิพฺพโภชนสทิสํ โภชนฺจ นานาวิราควณฺณสมุชฺชลํ ทิพฺพวตฺถสทิสํ วตฺถฺจ อเนกวิธํ ปานกฺจ ทกฺขิณาย อิทํ อีทิสํ ผลํ อุทปชฺชถาติ โยชนา.

๖๕. ตโตติ ยถาวุตฺตโภชนาทิปฏิลาภโต ปจฺฉา. สุทฺธาติ นฺหาเนน สุทฺธสรีรา. สุจิวสนาติ สุวิสุทฺธวตฺถนิวตฺถา. กาสิกุตฺตมธารินีติ กาสิกวตฺถโตปิ อุตฺตมวตฺถธารินี. หสนฺตีติ ‘‘ปสฺสถ ตาว ตุมฺหากํ ทกฺขิณาย อิทํ ผลวิเสส’’นฺติ ปกาสนวเสน หสมานา วิมานโต นิกฺขมิ.

อถ เต วาณิชา เอวํ ปจฺจกฺขโต ปุฺผลํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ตสฺมึ อุปาสเก สฺชาตคารวพหุมานา กตฺชลี ตํ ปยิรุปาสึสุ. โสปิ เต ธมฺมกถาย ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสาเทตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปสิ. เต ตาย วิมานเปติยา กตกมฺมํ –

๖๖.

‘‘สุจิตฺตรูปํ รุจิรํ, วิมานํ เต ปภาสติ;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. –

อิมาย คาถาย ปุจฺฉึสุ. ตตฺถ สุจิตฺตรูปนฺติ หตฺถิอสฺสอิตฺถิปุริสาทิวเสน เจว มาลากมฺมลตากมฺมาทิวเสน จ สุฏฺุ วิหิตจิตฺตรูปํ. รุจิรนฺติ รมณียํ ทสฺสนียํ. กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลนฺติ กีทิสสฺส กมฺมสฺส, กึ ทานมยสฺส อุทาหุ สีลมยสฺส อิทํ ผลนฺติ อตฺโถ.

สา เตหิ เอวํ ปุฏฺา ‘‘มยา กตสฺส ปริตฺตกสฺส กุสลกมฺมสฺส ตาว อิทํ ผลํ, อกุสลกมฺมสฺส ปน อายตึ นิรเย เอทิสํ ภวิสฺสตี’’ติ ตทุภยํ อาจิกฺขนฺตี –

๖๗.

‘‘ภิกฺขุโน จรมานสฺส, โทณินิมฺมชฺชนึ อหํ;

อทาสึ อุชุภูตสฺส, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

๖๘.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส กุสลสฺส, วิปากํ ทีฆมนฺตรํ;

อนุโภมิ วิมานสฺมึ, ตฺจ ทานิ ปริตฺตกํ.

๖๙.

‘‘อุทฺธํ จตูหิ มาเสหิ, กาลํกิริยา ภวิสฺสติ;

เอกนฺตกฏุกํ โฆรํ, นิรยํ ปปติสฺสหํ.

๗๐.

‘‘จตุกฺกณฺณํ จตุทฺวารํ, วิภตฺตํ ภาคโส มิตํ;

อโยปาการปริยนฺตํ, อยสา ปฏิกุชฺชิตํ.

๗๑.

‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;

สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา.

๗๒.

‘‘ตตฺถาหํ ทีฆมทฺธานํ, ทุกฺขํ เวทิสฺส เวทนํ;

ผลฺจ ปาปกมฺมสฺส, ตสฺมา โสจามหํ ภุส’’นฺติ. – คาถาโย อภาสิ;

๖๗. ตตฺถ ภิกฺขุโน จรมานสฺสาติ อฺตรสฺส ภินฺนกิเลสสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขาย จรนฺตสฺส. โทณินิมฺมชฺชนินฺติ วิสฺสนฺทมานเตลํ ปิฺากํ. อุชุภูตสฺสาติ จิตฺตชิมฺหวงฺกกุฏิลภาวกรานํ กิเลสานํ อภาเวน อุชุภาวปฺปตฺตสฺส. วิปฺปสนฺเนน เจตสาติ กมฺมผลสทฺธาย สุฏฺุ ปสนฺเนน จิตฺเตน.

๖๘-๖๙. ทีฆมนฺตรนฺติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโร, ทีฆอนฺตรํ ทีฆกาลนฺติ อตฺโถ. ตฺจ ทานิ ปริตฺตกนฺติ ตฺจ ปุฺผลํ วิปกฺกวิปากตฺตา กมฺมสฺส อิทานิ ปริตฺตกํ อปฺปาวเสสํ, น จิเรเนว อิโต จวิสฺสามีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อุทฺธํ จตูหิ มาเสหิ, กาลํกิริยา ภวิสฺสตี’’ติ จตูหิ มาเสหิ อุทฺธํ จตุนฺนํ มาสานํ อุปริ ปฺจเม มาเส มม กาลํกิริยา ภวิสฺสตีติ ทสฺเสติ. เอกนฺตกฏุกนฺติ เอกนฺเตเนว อนิฏฺฉผสฺสายตนิกภาวโต เอกนฺตทุกฺขนฺติ อตฺโถ. โฆรนฺติ ทารุณํ. นิรยนฺติ นตฺถิ เอตฺถ อโย สุขนฺติ กตฺวา ‘‘นิรย’’นฺติ ลทฺธนามํ นรกํ. ปปติสฺสหนฺติ ปปหิสฺสามิ อหํ.

๗๐. ‘‘นิรย’’นฺติ เจตฺถ อวีจิมหานิรยสฺส อธิปฺเปตตฺตา ตํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘จตุกฺกณฺณ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ จตุกฺกณฺณนฺติ จตุกฺโกณํ. จตุทฺวารนฺติ จตูสุ ทิสาสุ จตูหิ ทฺวาเรหิ ยุตฺตํ. วิภตฺตนฺติ สุฏฺุ วิภตฺตํ.

ภาคโสติ ภาคโต. มิตนฺติ ตุลิตํ. อโยปาการปริยนฺตนฺติ อโยมเยน ปากาเรน ปริกฺขิตฺตํ. อยสา ปฏิกุชฺชิตนฺติ อโยปฏเลเนว อุปริ ปิหิตํ.

๗๑-๗๒. เตชสา ยุตาติ สมนฺตโต สมุฏฺิตชาเลน มหตา อคฺคินา นิรนฺตรํ สมายุตชาลา. สมนฺตา โยชนสตนฺติ เอวํ ปน สมนฺตา พหิ สพฺพทิสาสุ โยชนสตํ โยชนานํ สตํ. สพฺพทาติ สพฺพกาลํ. ผริตฺวา ติฏฺตีติ พฺยาเปตฺวา ติฏฺติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ มหานิรเย. เวทิสฺสนฺติ เวทิสฺสามิ อนุภวิสฺสามิ. ผลฺจ ปาปกมฺมสฺสาติ อิทํ อีทิสํ ทุกฺขานุภวนํ มหา เอวํ กตสฺส ปาปสฺส กมฺมสฺส ผลนฺติ อตฺโถ.

เอวํ ตาย อตฺตนา กตกมฺมผเล อายตึ เนรยิกภเย จ ปกาสิเต โส อุปาสโก กรุณาสฺโจทิตมานโส ‘‘หนฺทสฺสาหํ ปติฏฺา ภเวยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาห – ‘‘เทวเต, ตฺวํ มยฺหํ เอกสฺส ทานวเสน สพฺพกามสมิทฺธา อุฏฺารสมฺปตฺติยุตฺตา ชาตา, อิทานิ ปน อิเมสํ อุปาสกานํ ทานํ ทตฺวา สตฺถุ จ คุเณ อนุสฺสริตฺวา นิรยูปปตฺติโต มุจฺจิสฺสสี’’ติ. สา เปตี หฏฺตุฏฺา ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เต ทิพฺเพน อนฺนปาเนน สนฺตปฺเปตฺวา ทิพฺพานิ วตฺถานิ นานาวิธานิ รตนานิ จ อทาสิ, ภควนฺตฺจ อุทฺทิสฺส ทิพฺพํ ทุสฺสยุคํ เตสํ หตฺเถ ทตฺวา ‘‘อฺตรา, ภนฺเต, วิมานเปตี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตีติ สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ มม วจเนน วนฺทถา’’ติ วนฺทนฺจ เปเสสิ, ตฺจ นาวํ อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน เตหิ อิจฺฉิตปฏฺฏนํ ตํ ทิวสเมว อุปเนสิ.

อถ เต วาณิชา ตโต ปฏฺฏนโต อนุกฺกเมน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถุ ตํ ทุสฺสยุคํ ทตฺวา วนฺทนฺจ นิเวเทตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสุํ. สตฺถา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตา. เต ปน อุปาสกา ทุติยทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสึสุ. สา จ ตโต เปตโลกโต จวิตฺวา วิวิธรตนวิชฺโชติเต ตาวตึสภวเน กนกวิมาเน อจฺฉราสหสฺสปริวารา นิพฺพตฺตีติ.

ขลฺลาฏิยเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. นาคเปตวตฺถุวณฺณนา

ปุรโตวเสเตน ปเลติ หตฺถินาติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต ทฺเว พฺราหฺมณเปเต อารมฺภ วุตฺตํ. อายสฺมา กิร สํกิจฺโจ สตฺตวสฺสิโก ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปตฺวา สามเณรภูมิยํ ิโต ตึสมตฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อรฺายตเน วสนฺโต เตสํ ภิกฺขูนํ ปฺจนฺนํ โจรสตานํ หตฺถโต อาคตํ มรณมฺปิ พาหิตฺวา เต จ โจเร ทเมตฺวา ปพฺพาเชตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. อถายสฺมา สํกิจฺโจ ปริปุณฺณวสฺโส ลทฺธูปสมฺปโท เตหิ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ พาราณสึ คนฺตฺวา อิสิปตเน วิหาสิ. มนุสฺสา เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนมานสา วีถิปฏิปาฏิยา วคฺควคฺคา หุตฺวา อาคนฺตุกทานํ อทํสุ. ตตฺถ อฺตโร อุปาสโก มนุสฺเส นิจฺจภตฺเต สมาทเปสิ, เต ยถาพลํ นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปสุํ.

เตน จ สมเยน พาราณสิยํ อฺตรสฺส มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส พฺราหฺมณสฺส ทฺเว ปุตฺตา เอกา จ ธีตา อเหสุํ. เตสุ เชฏฺปุตฺโต ตสฺส อุปาสกสฺส มิตฺโต อโหสิ. โส ตํ คเหตฺวา อายสฺมโต สํกิจฺจสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. อายสฺมา สํกิจฺโจ ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. โส มุทุจิตฺโต อโหสิ. อถ นํ โส อุปาสโก อาห – ‘‘ตฺวํ เอกสฺส ภิกฺขุโน นิจฺจภตฺตํ เทหี’’ติ . ‘‘อนาจิณฺณํ อมฺหากํ พฺราหฺมณานํ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ นิจฺจภตฺตทานํ, ตสฺมา นาหํ ทสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ มยฺหมฺปิ ภตฺตํ น ทสฺสสี’’ติ? ‘‘กถํ น ทสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘ยทิ เอวํ ยํ มยฺหํ เทสิ, ตํ เอกสฺส ภิกฺขุสฺส เทหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ทุติยทิวเส ปาโตว วิหารํ คนฺตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ อาเนตฺวา โภเชสิ.

เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล ภิกฺขูนํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา ธมฺมฺจ สุณิตฺวา ตสฺส กนิฏฺภาตา จ ภคินี จ สาสเน อภิปฺปสนฺนา ปุฺกมฺมรตา จ อเหสุํ. เอวํ เต ตโย ชนา ยถาวิภวํ ทานานิ เทนฺตา สมณพฺราหฺมเณ สกฺกรึสุ ครุํ กรึสุ มาเนสุํ ปูเชสุํ. มาตาปิตโร ปน เนสํ อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา สมณพฺราหฺมเณสุ อคารวา ปุฺกิริยาย อนาทรา อจฺฉนฺทิกา อเหสุํ. เตสํ ธีตรํ ทาริกํ มาตุลปุตฺตสฺสตฺถาย าตกา วาเรสุํ. โส จ อายสฺมโต สํกิจฺจสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา นิจฺจํ อตฺตโน มาตุ-เคหํ ภุฺชิตุํ คจฺฉติ. ตํ มาตา อตฺตโน ภาตุ-ธีตาย ทาริกาย ปโลเภติ. เตน โส อุกฺกณฺิโต หุตฺวา อุปชฺฌายํ อุปสงฺคมิตฺวา อาห – ‘‘อุปฺปพฺพชิสฺสามหํ, ภนฺเต, อนุชานาถ ม’’นฺติ. อุปชฺฌาโย ตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา อาห – ‘‘สามเณร, มาสมตฺตํ อาคเมหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา มาเส อติกฺกนฺเต ตเถว อาโรเจสิ. อุปชฺฌาโย ปุน ‘‘อฑฺฒมาสํ อาคเมหี’’ติ อาห. อฑฺฒมาเส อติกฺกนฺเต ตเถว วุตฺเต ปุน ‘‘สตฺตาหํ อาคเมหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. อถ ตสฺมึ อนฺโตสตฺตาเห สามเณรสฺส มาตุลานิยา เคหํ วินฏฺจฺฉทนํ ชิณฺณํ ทุพฺพลกุฏฺฏํ วาตวสฺสาภิหตํ ปริปติ. ตตฺถ พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณี ทฺเว ปุตฺตา ฆีตา จ เคเหน อชฺโฌตฺถฏา กาลมกํสุ. เตสุ พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณี จ เปตโยนิยํ นิพฺพตฺตึสุ, ทฺเว ปุตฺตา ธีตา จ ภุมฺมเทเวสุ. เตสุ เชฏฺปุตฺตสฺส หตฺถิยานํ นิพฺพตฺติ, กนิฏฺสฺส อสฺสตรีรโถ, ธีตาย สุวณฺณสิวิกา. พฺราหฺมโณ จ พฺราหฺมณี จ มหนฺเต มหนฺเต อโยมุคฺคเร คเหตฺวา อฺมฺํ อาโกเฏนฺติ, อภิหตฏฺาเนสุ มหนฺตา มหนฺตา ฆฏปฺปมาณา คณฺฑา อุฏฺหิตฺวา มุหุตฺเตเนว ปจิตฺวา ปริเภทปฺปตฺตา โหนฺติ. เต อฺมฺสฺส คณฺเฑ ผาเลตฺวา โกธาภิภูตา นิกฺกรุณา ผรุสวจเนหิ ตชฺเชนฺตา ปุพฺพโลหิตํ ปิวนฺติ, น จ ติตฺตึ ปฏิลภนฺติ.

อถ สามเณโร อุกฺกณฺาภิภูโต อุปชฺฌายํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา ปฏิฺาตทิวสา วีติวตฺตา, เคหํ คมิสฺสามิ, อนุชานาถ ม’’นฺติ. อถ นํ อุปชฺฌาโย ‘‘อตฺถงฺคเต สูริเย กาลปกฺขจาตุทฺทสิยา ปวตฺตมานาย เอหี’’ติ วตฺวา อิสิปตนวิหารสฺส ปิฏฺิปสฺเสน โถกํ คนฺตฺวา อฏฺาสิ. เตน จ สมเยน เต ทฺเว เทวปุตฺตา สทฺธึ ภคินิยา เตเนว มคฺเคน ยกฺขสมาคมํ สมฺภาเวตุํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ปน มาตาปิตโร มุคฺครหตฺถา ผรุสวาจา กาฬรูปา อากุลากุลลูขปติตเกสภารา อคฺคิทฑฺฒตาลกฺขนฺธสทิสา วิคลิตปุพฺพโลหิตา วลิตคตฺตา อติวิย เชคุจฺฉพีภจฺฉทสฺสนา เต อนุพนฺธนฺติ.

อถายสฺมา สํกิจฺโจ ยถา โส สามเณโร เต สพฺเพ คจฺฉนฺเต ปสฺสติ, ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา สามเณรํ อาห – ‘‘ปสฺสสิ ตฺวํ, สามเณร, อิเม คจฺฉนฺเต’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ปสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ อิเมหิ กตกมฺมํ ปฏิปุจฺฉา’’ติ. โส หตฺถิยานาทีหิ คจฺฉนฺเต อนุกฺกเมน ปฏิปุจฺฉิ. เต อาหํสุ – ‘‘เย ปจฺฉโต เปตา อาคจฺฉนฺติ, เต ปฏิปุจฺฉา’’ติ. สามเณโร เต เปเต คาถาหิ อชฺฌภาสิ –

๗๓.

‘‘ปุรโตว เสเตน ปเลติ หตฺถินา, มชฺเฌ ปน อสฺสตรีรเถน;

ปจฺฉา จ กฺา สิวิกาย นียติ, โอภาสยนฺตี ทส สพฺพโส ทิสา.

๗๔.

‘‘ตุมฺเห ปน มุคฺครหตฺถปาณิโน, รุทํมุขา ฉินฺนปภินฺนคตฺตา;

มนุสฺสภูตา กิมกตฺถ ปาปํ, เยนฺมฺสฺส ปิวาถ โลหิต’’นฺติ.

ตตฺถ ปุรโตติ สพฺพปมํ. เสเตนาติ ปณฺฑเรน. ปเลตีติ คจฺฉติ. มชฺเฌ ปนาติ หตฺถึ อารุฬฺหสฺส สิวิกํ อารุฬฺหาย จ อนฺตเร. อสฺสตรีรเถนาติ อสฺสตรียุตฺเตน รเถน ปเลตีติ โยชนา. นียตีติ วหียติ. โอภาสยนฺตี ทส สพฺพโส ทิสาติ สพฺพโต สมนฺตโต สพฺพา ทส ทิสา อตฺตโน สรีรปฺปภาหิ วตฺถาภรณาทิปฺปภาหิ จ วิชฺโชตยมานา. มุคฺครหตฺถปาณิโนติ มุคฺครา หตฺถสงฺขาเตสุ ปาณีสุ เยสํ เต มุคฺครหตฺถปาณิโน, ภูมิสณฺหกรณียาทีสุ ปาณิโวหารสฺส ลพฺภมานตฺตา หตฺถสทฺเทน ปาณิ เอว วิเสสิโต. ฉินฺนปภินฺนคตฺตาติ มุคฺครปฺปหาเรน ตตฺถ ตตฺถ ฉินฺนปภินฺนสรีรา. ปิวาถาติ ปิวถ.

เอวํ สามเณเรน ปุฏฺา เต เปตา สพฺพํ ตํ

ปวตฺตึ จตูหิ คาถาหิ ปจฺจภาสึสุ –

๗๕.

‘‘ปุรโตว โย คจฺฉติ กุฺชเรน, เสเตน นาเคน จตุกฺกเมน;

อมฺหาก ปุตฺโต อหุ เชฏฺโก โส, ทานานิ ทตฺวาน สุขี ปโมทติ.

๗๖.

‘‘โย โย มชฺเฌ อสฺสตรีรเถน, จตุพฺภิ ยุตฺเตน สุวคฺคิเตน;

อมฺหาก ปุตฺโต อหุ มชฺฌิโม โส, อมจฺฉรี ทานปตี วิโรจติ.

๗๗.

‘‘ยา สา จ ปจฺฉา สิวิกาย นียติ, นารี สปฺา มิคมนฺทโลจนา;

อมฺหาก ธีตา อหุ สา กนิฏฺิกา, ภาคฑฺฒภาเคน สุขี ปโมทติ.

๗๘.

‘‘เอเต จ ทานานิ อทํสุ ปุพฺเพ, ปสนฺนจิตฺตา สมณพฺราหฺมณานํ;

มยํ ปน มจฺฉรีโน อหุมฺห, ปริภาสกา สมณพฺราหฺมณานํ;

เอเต จ ทตฺวา ปริจารยนฺติ, มยฺจ สุสฺสาม นโฬว ฉินฺโน’’ติ.

๗๕. ตตฺถ ปุรโตว โย คจฺฉตีติ อิเมสํ คจฺฉนฺตานํ โย ปุรโต คจฺฉติ. ‘‘โยโส ปุรโต คจฺฉตี’’ติ วา ปาโ, ตสฺส โย เอโส ปุรโต คจฺฉตีติ อตฺโถ. กุฺชเรนาติ กุํ ปถวึ ชีรยติ, กุฺเชสุ วา รมติ จรตีติ ‘‘กุฺชโร’’ติ ลทฺธนาเมน หตฺถินา. นาเคนาติ, นาสฺส อคมนียํ อนภิภวนียํ อตฺถีติ นาคา, เตน นาเคน. จตุกฺกเมนาติ จตุปฺปเทน. เชฏฺโกติ ปุพฺพโช.

๗๖-๗๗. จตุพฺภีติ จตูหิ อสฺสตรีหิ. สุวคฺคิเตนาติ สุนฺทรคมเนน จาตุรคมเนน. มิคมนฺทโลจนาติ มิคี วิย มนฺทกฺขิกา. ภาคฑฺฒภาเคนาติ ภาคสฺส อฑฺฒภาเคน, อตฺตนา ลทฺธโกฏฺาสโต อฑฺฒภาคทาเนน เหตุภูเตน. สุขีติ สุขินี. ลิงฺควิปลฺลาเสน เหตํ วุตฺตํ.

๗๘. ปริภาสกาติ อกฺโกสกา. ปริจารยนฺตีติ ทิพฺเพสุ กามคุเณสุ อตฺตโน อินฺทฺริยานิ อิโต จิโต จ ยถาสุขํ จาเรนฺติ, ปริชเนหิ วา อตฺตโน ปุฺานุภาวนิสฺสนฺเทน ปริจริยํ กาเรนฺติ. มยฺจ สุสฺสาม นโฬว ฉินฺโนติ มยํ ปน ฉินฺโน อาตเป ขิตฺโต นโฬ วิย สุสฺสาม, ขุปฺปิปาสาหิ อฺมฺํ ทณฺฑาภิฆาเตหิ จ สุกฺขา วิสุกฺขา ภวามาติ.

เอวํ อตฺตโน ปาปํ สมฺปเวเทตฺวา ‘‘มยํ ตุยฺหํ มาตุลมาตุลานิโย’’ติ อาจิกฺขึสุ. ตํ สุตฺวา สามเณโร สฺชาตสํเวโค ‘‘เอวรูปานํ กิพฺพิสการีนํ กถํ นุ โข โภชนานิ สิชฺฌนฺตี’’ติ ปุจฺฉนฺโต –

๗๙.

‘‘กึ ตุมฺหากํ โภชนํ กึ สยานํ, กถฺจ ยาเปถ สุปาปธมฺมิโน;

ปหูตโภเคสุ อนปฺปเกสุ, สุขํ วิราธาย ทุกฺขชฺช ปตฺตา’’ติ. –

อิมํ คาถมาห. ตตฺถ กึ ตุมฺหากํ โภชนนฺติ กีทิสํ ตุมฺหากํ โภชนํ? กึ สยานนฺติ กีทิสํ สยนํ? ‘‘กึ สยานา’’ติ เกจิ ปนฺติ, กีทิสา สยนา, กีทิเส สยเน สยถาติ อตฺโถ. กถฺจ ยาเปถาติ เกน ปกาเรน ยาเปถ, ‘‘กถํ โว ยาเปถา’’ติปิ ปาโ, กถํ ตุมฺเห ยาเปถาติ อตฺโถ. สุปาปธมฺมิโนติ สุฏฺุ อติวิย ปาปธมฺมา. ปหูตโภเคสูติ อปริยนฺเตสุ อุฬาเรสุ โภเคสุ สนฺเตสุ. อนปฺปเกสูติ น อปฺปเกสุ พหูสุ. สุขํ วิราธายาติ สุขเหตุโน ปุฺสฺส อกรเณน สุขํ วิรชฺฌิตฺวา วิราเธตฺวา. ‘‘สุขสฺส วิราเธนา’’ติ เกจิ ปนฺติ. ทุกฺขชฺช ปตฺตาติ อชฺช อิทานิ อิทํ เปตโยนิปริยาปนฺนํ ทุกฺขํ อนุปฺปตฺตาติ.

เอวํ สามเณเรน ปุฏฺา เปตา เตน ปุจฺฉิตมตฺถํ วิสฺสชฺเชนฺตา –

๘๐.

‘‘อฺมฺํ วธิตฺวาน, ปิวาม ปุพฺพโลหิตํ;

พหุํ วิตฺวา น ธาตา โหม, นจฺฉาทิมฺหเส มยํ.

๘๑.

‘‘อิจฺเจว มจฺจา ปริเทวยนฺติ, อทายกา เปจฺจ ยมสฺส ายิโน;

เย เต วิทิจฺจ อธิคมฺม โภเค, น ภุฺชเร นาปิ กโรนฺติ ปุฺํ.

๘๒.

‘‘เต ขุปฺปิปาสูปคตา ปรตฺถ, ปจฺฉา จิรํ ฌายเร ฑยฺหมานา;

กมฺมานิ กตฺวาน ทุขุทฺรานิ, อนุโภนฺติ ทุกฺขํ กฏุกปฺผลานิ.

๘๓.

‘‘อิตฺตรฺหิ ธนํ ธฺํ, อิตฺตรํ อิธ ชีวิตํ;

อิตฺตรํ อิตฺตรโต ตฺวา, ทีปํ กยิราถ ปณฺฑิโต.

๘๔.

‘‘เย เต เอวํ ปชานนฺติ, นรา ธมฺมสฺส โกวิทา;

เต ทาเน นปฺปมชฺชนฺติ, สุตฺวา อรหตํ วโจ’’ติ. –

ปฺจ คาถา อภาสึสุ.

๘๐-๘๑. ตตฺถ น ธาตา โหมาติ ธาตา สุหิตา ติตฺตา น โหม. นจฺฉาทิมฺหเสติ น รุจฺจาม, น รุจึ อุปฺปาเทม, น ตํ มยํ อตฺตโน รุจิยา ปิวิสฺสามาติ อตฺโถ. อิจฺเจวาติ เอวเมว. มจฺจา ปริเทวยนฺตีติ มยํ วิย อฺเปิ มนุสฺสา กตกิพฺพิสา ปริเทวนฺติ กนฺทนฺติ. อทายกาติ อทานสีลา มจฺฉริโน. ยมสฺส ายิโนติ ยมโลกสฺิเต ยมสฺส าเน เปตฺติวิสเย านสีลา . เย เต วิทิจฺจ อธิคมฺมโภเคติ เย เต สมฺปติ อายติฺจ สุขวิเสสวิธายเก โภเค วินฺทิตฺวา ปฏิลภิตฺวา. น ภุฺชเร นาปิ กโรนฺติ ปุฺนฺติ อมฺเห วิย สยมฺปิ น ภุฺชนฺติ, ปเรสํ เทนฺตา ทานมยํ ปุฺมฺปิ น กโรนฺติ.

๘๒. เต ขุปฺปิปาสูปคตา ปรตฺถาติ เต สตฺตา ปรตฺถ ปรโลเก เปตฺติวิสเย ชิฆจฺฉาปิปาสาภิภูตา หุตฺวา. จิรํ ฌายเร ฑยฺหมานาติ ขุทาทิเหตุเกน ทุกฺขคฺคินา ‘‘อกตํ วต อมฺเหหิ กุสลํ, กตํ ปาป’’นฺติอาทินา วตฺตมาเนน วิปฺปฏิสารคฺคินา ปริฑยฺหมานา ฌายนฺติ, อนุตฺถุนนฺตีติ อตฺโถ. ทุขุทฺรานีติ ทุกฺขวิปากานิ. อนุโภนฺติ ทุกฺขํ กฏุกปฺผลานีติ อนิฏฺผลานิ ปาปกมฺมานิ กตฺวา จิรกาลํ ทุกฺขํ อาปายิกทุกฺขํ อนุภวนฺติ.

๘๓-๘๔. อิตฺตรนฺติ น จิรกาลฏฺายี, อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ. อิตฺตรํ อิธ ชีวิตนฺติ อิธ มนุสฺสโลเก สตฺตานํ ชีวิตมฺปิ อิตฺตรํ ปริตฺตํ อปฺปกํ. เตนาห ภควา – ‘‘โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๑; สํ. นิ. ๑.๑๔๕; อ. นิ. ๗.๗๔). อิตฺตรํ อิตฺตรโต ตฺวาติ ธนธฺาทิอุปกรณํ มนุสฺสานํ ชีวิตฺจ อิตฺตรํ ปริตฺตํ ขณิกํ น จิรสฺสนฺติ ปฺาย อุปปริกฺขิตฺวา. ทีปํ กยิราถ ปณฺฑิโตติ สปฺโ ปุริโส ทีปํ อตฺตโน ปติฏฺํ ปรโลเก หิตสุขาธิฏฺานํ กเรยฺย. เย เต เอวํ ปชานนฺตีติ เย เต มนุสฺสา มนุสฺสานํ โภคานํ ชีวิตสฺส จ อิตฺตรภาวํ ยาถาวโต ชานนฺติ, เต ทาเน สพฺพกาลํ นปฺปมชฺชนฺติ. สุตฺวา อรหตํ วโจติ อรหตํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ วจนํ สุตฺวา, สุตตฺตาติ อตฺโถ. เสสํ ปากฏเมว.

เอวํ เต เปตา สามเณเรน ปุฏฺา ตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘มยํ ตุยฺหํ มาตุลมาตุลานิโย’’ติ ปเวเทสุํ. ตํ สุตฺวา สามเณโร สฺชาตสํเวโค อุกฺกณฺํ ปฏิวิโนเทตฺวา อุปชฺฌายสฺส ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา เอวมาห – ‘‘ยํ, ภนฺเต, อนุกมฺปเกน กรณียํ อนุกมฺปํ อุปาทาย, ตํ เม ตุมฺเหหิ กตํ, มหตา วตมฺหิ อนตฺถปาตโต รกฺขิโต, น ทานิ เม ฆราวาเสน อตฺโถ, อภิรมิสฺสามิ พฺรหฺมจริยวาเส’’ติ. อถายสฺมา สํกิจฺโจ ตสฺส อชฺฌาสยานุรูปํ กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อายสฺมา ปน สํกิจฺโจ ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสิ. สตฺถา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

นาคเปตวตฺถุวณณนา นิฏฺิตา.

๑๒. อุรคเปตวตฺถุวณฺณนา

อุรโคว ตจํ ชิณฺณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร อฺตรสฺส อุปาสกสฺส ปุตฺโต กาลมกาสิ. โส ปุตฺตมรณเหตุ ปริเทวโสกสมาปนฺโน พหิ นิกฺขมิตฺวา กิฺจิ กมฺมํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต เคเหเยว อฏฺาสิ. อถ สตฺถา ปจฺจูสเวลายํ มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ อุปาสกํ ทิสฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ทฺวาเร อฏฺาสิ. อุปาสโก จ สตฺถุ อาคตภาวํ สุตฺวา สีฆํ อุฏฺาย คนฺตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา เคหํ ปเวเสตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. อุปาสโกปิ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตํ ภควา ‘‘กึ, อุปาสก, โสกปเรโต วิย ทิสฺสตี’’ติ อาห. ‘‘อาม, ภควา, ปิโย เม ปุตฺโต กาลกโต, เตนาหํ โสจามี’’ติ. อถสฺส ภควา โสกวิโนทนํ กโรนฺโต อุรคชาตกํ (ชา. ๑.๕.๑๙ อาทโย) กเถสิ.

อตีเต กิร กาสิรฏฺเ พาราณสิยํ ธมฺมปาลํ นาม พฺราหฺมณกุลํ อโหสิ. ตตฺถ พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณี ปุตฺโต ธีตา สุณิสา ทาสีติ อิเม สพฺเพปิ มรณานุสฺสติภาวนาภิรตา อเหสุํ. เตสุ โย เคหโต นิกฺขมติ, โส เสสชเน โอวทิตฺวา นิรเปกฺโขว นิกฺขมติ. อเถกทิวสํ พฺราหฺมโณ ปุตฺเตน สทฺธึ ฆรโต นิกฺขมิตฺวา เขตฺตํ คนฺตฺวา กสติ. ปุตฺโต สุกฺขติณปณฺณกฏฺานิ อาลิมฺเปติ. ตตฺเถโก กณฺหสปฺโป ฑาหภเยน รุกฺขสุสิรโต นิกฺขมิตฺวา อิมํ พฺราหฺมณสฺส ปุตฺตํ ฑํสิ. โส วิสเวเคน มุจฺฉิโต ตตฺเถว ปริปติตฺวา กาลกโต, สกฺโก เทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. พฺราหฺมโณ ปุตฺตํ มตํ ทิสฺวา กมฺมนฺตสมีเปน คจฺฉนฺตํ เอกํ ปุริสํ เอวมาห – ‘‘สมฺม, มม ฆรํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณึ เอวํ วเทหิ ‘นฺหายิตฺวา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา เอกสฺส ภตฺตํ มาลาคนฺธาทีนิ จ คเหตฺวา ตุริตํ อาคจฺฉตู’ติ’’. โส ตตฺถ คนฺตฺวา ตถา อาโรเจสิ, เคหชโนปิ ตถา อกาสิ. พฺราหฺมโณ นฺหตฺวา ภุฺชิตฺวา วิลิมฺปิตฺวา ปริชนปริวุโต ปุตฺตสฺส สรีรํ จิตกํ อาโรเปตฺวา อคฺคึ ทตฺวา ทารุกฺขนฺธํ ฑหนฺโต วิย นิสฺโสโก นิสฺสนฺตาโป อนิจฺจสฺํ มนสิ กโรนฺโต อฏฺาสิ.

อถ พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต สกฺโก หุตฺวา นิพฺพตฺติ, โส จ อมฺหากํ โพธิสตฺโต อโหสิ. โส อตฺตโน ปุริมชาตึ กตปุฺฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปิตรํ าตเก จ อนุกมฺปมาโน พฺราหฺมณเวเสน ตตฺถ อาคนฺตฺวา าตเก อโสจนฺเต ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ, มิคํ ฌาเปถ, อมฺหากํ มํสํ เทถ, ฉาโตมฺหี’’ติ อาห. ‘‘น มิโค, มนุสฺโส พฺราหฺมณา’’ติ อาห. ‘‘กึ ตุมฺหากํ ปจฺจตฺถิโก เอโส’’ติ? ‘‘น ปจฺจตฺถิโก, อุเร ชาโต โอรโส มหาคุณวนฺโต ตรุณปุตฺโต’’ติ อาห. ‘‘กิมตฺถํ ตุมฺเห ตถารูเป คุณวติ ตรุณปุตฺเต มเต น โสจถา’’ติ? ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ อโสจนการณํ กเถนฺโต –

๘๕.

‘‘อุรโคว ตจํ ชิณฺณํ, หิตฺวา คจฺฉติ สํ ตนุํ;

เอวํ สรีเร นิพฺโภเค, เปเต กาลกเต สติ.

๘๖.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. –

ทฺเว คาถา อภาสิ.

๘๕-๘๖. ตตฺถ อุรโคติ อุเรน คจฺฉตีติ อุรโค. สปฺปสฺเสตํ อธิวจนํ. ตจํ ชิณฺณนฺติ ชชฺชรภาเวน ชิณฺณํ ปุราณํ อตฺตโน ตจํ นิมฺโมกํ. หิตฺวา คจฺฉติ สํ ตนุนฺติ ยถา อุรโค อตฺตโน ชิณฺณตจํ รุกฺขนฺตเร วา กฏฺนฺตเร วา มูลนฺตเร วา ปาสาณนฺตเร วา กฺจุกํ โอมุฺจนฺโต วิย สรีรโต โอมุฺจิตฺวา ปหาย ฉฑฺเฑตฺวา ยถากามํ คจฺฉติ, เอวเมว สํสาเร ปริพฺภมนฺโต สตฺโต โปราณสฺส กมฺมสฺส ปริกฺขีณตฺตา ชชฺชรีภูตํ สํ ตนุํ อตฺตโน สรีรํ หิตฺวา คจฺฉติ, ยถากมฺมํ คจฺฉติ, ปุนพฺภววเสน อุปปชฺชตีติ อตฺโถ. เอวนฺติ ฑยฺหมานํ ปุตฺตสฺส สรีรํ ทสฺเสนฺโต อาห. สรีเร นิพฺโภเคติ อสฺส วิย อฺเสมฺปิ กาเย เอวํ โภควิรหิเต นิรตฺถเก ชาเต. เปเตติ อายุอุสฺมาวิฺาณโต อปคเต. กาลกเต สตีติ มเต ชาเต. ตสฺมาติ ยสฺมา ฑยฺหมาโน กาโย อเปตวิฺาณตฺตา ฑาหทุกฺขํ วิย าตีนํ รุทิตํ ปริเทวิตมฺปิ น ชานาติ, ตสฺมา เอตํ มม ปุตฺตํ นิมิตฺตํ กตฺวา น โรทามิ. คโต โสตสฺส ยา คตีติ ยทิ มตสตฺตา น อุจฺฉิชฺชนฺติ, มตสฺส ปน กโตกาสสฺส กมฺมสฺส วเสน ยา คติ ปาฏิกงฺขา, ตํ จุติอนนฺตรเมว คโต, โส น ปุริมาตีนํ รุทิตํ ปริเทวิตํ วา ปจฺจาสีสติ, นาปิ เยภุยฺเยน ปุริมาตีนํ รุทิเตน กาจิ อตฺถสิทฺธีติ อธิปฺปาโย.

เอวํ พฺราหฺมเณน อตฺตโน อโสจนการเณ กถิเต ปริยายมนสิการโกสลฺเล ปกาสิเต พฺราหฺมณรูโป สกฺโก พฺราหฺมณึ อาห – ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส มโต กึ โหตี’’ติ? ‘‘ทส มาเส กุจฺฉินา ปริหริตฺวา ถฺํ ปาเยตฺวา หตฺถปาเท สณฺเปตฺวา สํวฑฺฒิโต ปุตฺโต เม, สามี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ ปิตา ตาว ปุริสภาเวน มา โรทตุ, มาตุ นาม หทยํ มุทุกํ, ตฺวํ กสฺมา น โรทสี’’ติ? ตํ สุตฺวา สา อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๘๗.

‘‘อนพฺภิโต ตโต อาคา, นานุฺาโต อิโต คโต;

ยถาคโต ตถา คโต, ตตฺถ กา ปริเทวนา.

๘๘.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ อนพฺภิโตติ อนวฺหาโต, ‘‘เอหิ มยฺหํ ปุตฺตภาวํ อุปคจฺฉา’’ติ เอวํ อปกฺโกสิโต. ตโตติ ยตฺถ ปุพฺเพ ิโต, ตโต ปรโลกโต. อาคาติ อาคฺฉิ. นานุฺาโตติ อนนุมโต, ‘‘คจฺฉ, ตาต, ปรโลก’’นฺติ เอวํ อมฺเหหิ อวิสฺสฏฺโ. อิโตติ อิธโลกโต. คโตติ อปคโต. ยถาคโตติ เยนากาเรน อาคโต, อมฺเหหิ อนพฺภิโต เอว อาคโตติ อตฺโถ. ตถา คโตติ เตเนวากาเรน คโต. ยถา สเกเนว กมฺมุนา อาคโต, ตถา สเกเนว กมฺมุนา คโตติ. เอเตน กมฺมสฺสกตํ ทสฺเสติ. ตตฺถ กา ปริเทวนาติ เอวํ อวสวตฺติเก สํสารปวตฺเต มรณํ ปฏิจฺจ กา นาม ปริเทวนา, อยุตฺตา สา ปฺวตา อกรณียาติ ทสฺเสติ.

เอวํ พฺราหฺมณิยา วจนํ สุตฺวา ตสฺส ภคินึ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘ภาตา เม, สามี’’ติ. ‘‘อมฺม, ภคินิโย นาม ภาตูสุ สิเนหา, ตฺวํ กสฺมา น โรทสี’’ติ? สาปิ อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๘๙.

‘‘สเจ โรเท กิสฺส อสฺสํ, ตตฺถ เม กึ ผลํ สิยา;

าติมิตฺตสุหชฺชานํ, ภิยฺโย โน อรตี สิยา.

๙๐.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ สเจ โรเท กิสา อสฺสนฺติ ยทิ อหํ โรเทยฺยํ, กิสา ปริสุกฺขสรีรา ภเวยฺยํ. ตตฺถ เม กึ ผลํ สิยาติ ตสฺมึ มยฺหํ ภาตุ มรณนิมิตฺเต โรทเน กึ นาม ผลํ, โก อานิสํโส ภเวยฺย? น เตน มยฺหํ ภาติโก อาคจฺเฉยฺย, นาปิ โส เตน สุคตึ คจฺเฉยฺยาติ อธิปฺปาโย. าติมิตฺตสุหชฺชานํ, ภิยฺโย โน อรตี สิยาติ อมฺหากํ าตีนํ มิตฺตานํ สุหทยานฺจ มม โสจเนน ภาตุมรณทุกฺขโต ภิยฺโยปิ อรติ ทุกฺขเมว สิยาติ.

เอวํ ภคินิยา วจนํ สุตฺวา ตสฺส ภริยํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘ภตฺตา เม, สามี’’ติ. ‘‘ภทฺเท, อิตฺถิโย นาม ภตฺตริ สิเนหา โหนฺติ, ตสฺมิฺจ มเต วิธวา อนาถา โหนฺติ, กสฺมา ตฺวํ น โรทสี’’ติ? สาปิ อตฺตโน อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๙๑.

‘‘ยถาปิ ทารโก จนฺทํ, คจฺฉนฺตมนุโรทติ;

เอวํสมฺปทเมเวตํ, โย เปตมนุโสจติ.

๙๒.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห;

ตตฺถ ทารโกติ พาลทารโก. จนฺทนฺติ จนฺทมณฺฑลํ. คจฺฉนฺตนฺติ นภํ อพฺภุสฺสุกฺกมานํ. อนุโรทตีติ ‘‘มยฺหํ รถจกฺกํ คเหตฺวา เทหี’’ติ อนุโรทติ. เอวํสมฺปทเมเวตนฺติ โย เปตํ มตํ อนุโสจติ, ตสฺเสตํ อนุโสจนํ เอวํสมฺปทํ เอวรูปํ, อากาเสน คจฺฉนฺตสฺส จนฺทสฺส คเหตุกามตาสทิสํ อลพฺภเนยฺยวตฺถุสฺมึ อิจฺฉาภาวโตติ อธิปฺปาโย.

เอวํ ตสฺส ภริยาย วจนํ สุตฺวา ทาสึ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘อยฺโย เม, สามี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ เตน ตฺวํ โปเถตฺวา เวยฺยาวจฺจํ การิตา ภวิสฺสสิ, ตสฺมา มฺเ ‘สุมุตฺตาหํ เตนา’ติ น โรทสี’’ติ? ‘‘สามิ, มา มํ เอวํ อวจ, น เจตํ อนุจฺฉวิกํ , อติวิย ขนฺติเมตฺตานุทฺทยาสมฺปนฺโน ยุตฺตวาที มยฺหํ อยฺยปุตฺโต อุเร สํวฑฺฒปุตฺโต วิย อโหสี’’ติ. อถ ‘‘กสฺมา น โรทสี’’ติ? สาปิ อตฺตโน อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๙๓.

‘‘ยถาปิ พฺรหฺเม อุทกุมฺโภ, ภินฺโน อปฺปฏิสนฺธิโย;

เอวํสมฺปทเมเวตํ, โย เปตมนุโสจติ.

๙๔.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ยถาปิ พฺรหฺเม อุทกุพฺโภ, ภินฺโน อปฺปฏิสนฺธิโยติ พฺราหฺมณ เสยฺยถาปิ อุทกฆโฏ มุคฺครปฺปหาราทินา ภินฺโน อปฺปฏิสนฺธิโย ปุน ปากติโก น โหติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมว.

สกฺโก เตสํ กถํ สุตฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘สมฺมเทว ตุมฺเหหิ มรณสฺสติ ภาวิตา, อิโต ปฏฺาย น ตุมฺเหหิ กสิอาทิกรณกิจฺจํ อตฺถี’’ติ เตสํ เคหํ สตฺตรตนภริตํ กตฺวา ‘‘อปฺปมตฺตา ทานํ เทถ, สีลํ รกฺขถ, อุโปสถกมฺมํ กโรถา’’ติ โอวทิตฺวา อตฺตานฺจ เตสํ นิเวเทตฺวา สกฏฺานเมว คโต. เตปิ พฺราหฺมณาทโย ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรนฺตา ยาวตายุกํ ตฺวา เทวโลเก อุปฺปชฺชึสุ.

สตฺถา อิมํ ชาตกํ อาหริตฺวา ตสฺส อุปาสกสฺส โสกสลฺลํ สมุทฺธริตฺวา อุปริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.

อุรคเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ขุทฺทก-อฏฺกถาย เปตวตฺถุสฺมึ

ทฺวาทสวตฺถุปฏิมณฺฑิตสฺส

ปมสฺส อุรควคฺคสฺส อตฺถสํวณฺณนา นิฏฺิตา.