📜

๒. อุพฺพริวคฺโค

๑. สํสารโมจกเปติวตฺถุวณฺณนา

นคฺคาทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรนฺเต มคธรฏฺเ อิฏฺกวตีนามเก คาเม อฺตรํ เปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. มคธรฏฺเ กิร อิฏฺกวตี จ ทีฆราชิ จาติ ทฺเว คามกา อเหสุํ, ตตฺถ พหู สํสารโมจกา มิจฺฉาทิฏฺิกา ปฏิวสนฺติ. อตีเต จ กาเล ปฺจนฺนํ วสฺสสตานํ มตฺถเก อฺตรา อิตฺถี ตตฺเถว อิฏฺกวติยํ อฺตรสฺมึ สํสารโมจกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มิจฺฉาทิฏฺิวเสน พหู กีฏปฏงฺเค ชีวิตา โวโรเปตฺวา เปเตสุ นิพฺพตฺติ.

สา ปฺจ วสฺสสตานิ ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขํ อนุภวิตฺวา อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุกฺกเมน ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรนฺเต ปุนปิ อิฏฺกวติยํเยว อฺตรสฺมึ สํสารโมจกกุเลเยว นิพฺพตฺติตฺวา ยทา สตฺตฏฺวสฺสุทฺเทสิกกาเล อฺาหิ ทาริกาหิ สทฺธึ รถิกาย กีฬนสมตฺถา อโหสิ, ตทา อายสฺมา สาริปุตฺตตฺเถโร ตเมว คามํ อุปนิสฺสาย อรุณวตีวิหาเร วิหรนฺโต เอกทิวสํ ทฺวาทสหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ตสฺส คามสฺส ทฺวารสมีเปน มคฺเคน อติกฺกมติ. ตสฺมึ ขเณ พหู คามทาริกา คามโต นิกฺขมิตฺวา ทฺวารสมีเป กีฬนฺติโย ปสนฺนมานสา มาตาปิตูนํ ปฏิปตฺติทสฺสเนน เวเคนาคนฺตฺวา เถรํ อฺเ จ ภิกฺขู ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทึสุ. สา ปเนสา อสฺสทฺธกุลสฺส ธีตา จิรกาลํ อปริจิตกุสลตาย สาธุชนาจารวิรหิตา อนาทรา อลกฺขิกา วิย อฏฺาสิ. เถโร ตสฺสา ปุพฺพจริตํ อิทานิ จ สํสารโมจกกุเล นิพฺพตฺตนํ อายติฺจ นิรเย นิพฺพตฺตนารหตํ ทิสฺวา ‘‘สจายํ มํ วนฺทิสฺสติ, นิรเย น อุปฺปชฺชิสฺสติ, เปเตสุ นิพฺพตฺติตฺวาปิ มมํเยว นิสฺสาย สมฺปตฺตึ ปฏิลภิสฺสตี’’ติ ตฺวา กรุณาสฺโจทิตมานโส ตา ทาริกาโย อาห – ‘‘ตุมฺเห ภิกฺขู วนฺทถ, อยํ ปน ทาริกา อลกฺขิกา วิย ิตา’’ติ. อถ นํ ตา ทาริกา หตฺเถสุ ปริคฺคเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา พลกฺกาเรน เถรสฺส ปาเท วนฺทาเปสุํ.

สา อปเรน สมเยน วยปฺปตฺตา ทีฆราชิยํ สํสารโมจกกุเล อฺตรสฺส กุมารสฺส ทินฺนา ปริปุณฺณคพฺภา หุตฺวา กาลกตา เปเตสุ อุปฺปชฺชิตฺวา นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปา ขุปฺปิปาสาภิภูตา อติวิย พีภจฺฉทสฺสนา วิจรนฺตี รตฺติยํ อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา เถโร –

๙๕.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, กิสา ธมนิสนฺถตา;

อุปฺผาสุลิเก กิสิเก, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสี’’ติ. –

คาถาย ปุจฺฉิ. ตตฺถ ธมนิสนฺถตาติ นิมฺมํสโลหิตตาย สิราชาเลหิ ปตฺถตคตฺตา. อุปฺผาสุลิเกติ อุคฺคตผาสุลิเก. กิสิเกติ กิสสรีเร. ปุพฺเพปิ ‘‘กิสา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘กิสิเก’’ติ วจนํ อฏฺิจมฺมนฺหารุมตฺตสรีรตาย อติวิย กิสภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตํ สุตฺวา เปตี อตฺตานํ ปเวเทนฺตี –

๙๖.

‘‘อหํ ภทนฺเต เปตีมฺหิ, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. – คาถํ วตฺวา ปุน เถเรน –

๙๗.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

กตกมฺมํ ปุฏฺา ‘‘อทานสีลา มจฺฉรินี หุตฺวา เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา เอวํ มหาทุกฺขํ อนุภวามี’’ติ ทสฺเสนฺตี ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๙๘.

‘‘อนุกมฺปกา มยฺหํ นาเหสุํ ภนฺเต, ปิตา จ มาตา อถวาปิ าตกา;

เย มํ นิโยเชยฺยุํ ททาหิ ทานํ, ปสนฺนจิตฺตา สมณพฺราหฺมณานํ.

๙๙.

‘‘อิโต อหํ วสฺสสตานิ ปฺจ, ยํ เอวรูปา วิจรามิ นคฺคา;

ขุทาย ตณฺหาย จ ขชฺชมานา, ปาปสฺส กมฺมสฺส ผลํ มเมทํ.

๑๐๐.

‘‘วนฺทามิ ตํ อยฺย ปสนฺนจิตฺตา, อนุกมฺป มํ วีร มหานุภาว;

ทตฺวา จ เม อาทิส ยฺหิ กิฺจิ, โมเจหิ มํ ทุคฺคติยา ภทนฺเต’’ติ.

๙๘. ตตฺถ อนุกมฺปกาติ สมฺปรายิเกน อตฺเถน อนุคฺคณฺหกา. ภนฺเตติ เถรํ อาลปติ. เย มํ นิโยเชยฺยุนฺติ มาตา วา ปิตา วา อถ วา าตกา เอทิสา ปสนฺนจิตฺตา หุตฺวา ‘‘สมณพฺราหฺมณานํ ททาหิ ทาน’’นฺติ เย มํ นิโยเชยฺยุํ, ตาทิสา อนุกมฺปกา มยฺหํ นาเหสุนฺติ โยชนา.

๙๙. อิโต อหํ วสฺสสตานิ ปฺจ, ยํ เอวรูปา วิจรามิ นคฺคาติ อิทํ สา เปตี อิโต ตติยาย ชาติยา อตฺตโน เปตตฺตภาวํ อนุสฺสริตฺวา อิทานิปิ ตถา ปฺจวสฺสสตานิ วิจรามีติ อธิปฺปาเยนาห. ตตฺถ นฺติ ยสฺมา, ทานาทีนํ ปุฺานํ อกตตฺตา เอวรูปา นคฺคา เปตี หุตฺวา อิโต ปฏฺาย วสฺสสตานิ ปฺจ วิจรามีติ โยชนา. ตณฺหายาติ ปิปาสาย. ขชฺชมานาติ ขาทิยมานา, พาธิยมานาติ อตฺโถ.

๑๐๐. วนฺทามิ ตํ อยฺย ปสนฺนจิตฺตาติ อยฺย, ตมหํ ปสนฺนจิตฺตา หุตฺวา วนฺทามิ, เอตฺตกเมว ปุฺํ อิทานิ มยา กาตุํ สกฺกาติ ทสฺเสติ. อนุกมฺป มนฺติ อนุคฺคณฺห มมํ อุทฺทิสฺส อนุทฺทยํ กโรหิ. ทตฺวา จ เม อาทิส ยฺหิ กิฺจีติ กิฺจิเทว เทยฺยธมฺมํ สมณพฺราหฺมณานํ ทตฺวา ตํ ทกฺขิณํ มยฺหํ อาทิส, เตน เม อิโต เปตโยนิโต โมกฺโข ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาเยน วทติ. เตเนวาห ‘‘โมเจหิ มํ ทุคฺคติยา ภทนฺเต’’ติ.

เอวํ เปติยา วุตฺเต ยถา โส เถโร ปฏิปชฺชิ, ตํ ทสฺเสตุํ สงฺคีติกาเรหิ ติสฺโส คาถา วุตฺตา –

๑๐๑.

‘‘สาธูติ โส ปฏิสฺสุตฺวา, สาริปุตฺโตนุกมฺปโก;

ภิกฺขูนํ อาโลปํ ทตฺวา, ปาณิมตฺตฺจ โจฬกํ;

ถาลกสฺส จ ปานียํ, ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสิ.

๑๐๒.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ , วิปาโก อุทปชฺชถ;

โภชนจฺฉาทนปานียํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํ.

๑๐๓.

‘‘ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;

วิจิตฺตวตฺถาภรณา, สาริปุตฺตํ อุปสงฺกมี’’ติ.

๑๐๑-๑๐๓. ตตฺถ ภิกฺขูนนฺติ ภิกฺขุโน, วจนวิปลฺลาเสน เหตํ วุตฺตํ. ‘‘อาโลปํ ภิกฺขุโน ทตฺวา’’ติ เกจิ ปนฺติ. อาโลปนฺติ กพฬํ, เอกาโลปมตฺตํ โภชนนฺติ อตฺโถ. ปาณิมตฺตฺจ โจฬกนฺติ เอกหตฺถปฺปมาณํ โจฬขณฺฑนฺติ อตฺโถ. ถาลกสฺส จ ปานียนฺติ เอกถาลกปูรณมตฺตํ อุทกํ. เสสํ ขลฺลาฏิยเปตวตฺถุสฺมึ วุตฺตนยเมว.

อถายสฺมา สาริปุตฺโต ตํ เปตึ ปีณินฺทฺริยํ ปริสุทฺธฉวิวณฺณํ ทิพฺพวตฺถาภรณาลงฺการํ สมนฺตโต อตฺตโน ปภาย โอภาเสนฺตึ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา ิตํ ทิสฺวา ปจฺจกฺขโต กมฺมผลํ ตาย วิภาเวตุกาโม หุตฺวา ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๐๔.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๑๐๕.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๐๖.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๑๐๔. ตตฺถ อภิกฺกนฺเตนาติ อติมนาเปน, อภิรูเปนาติ อตฺโถ. วณฺเณนาติ ฉวิวณฺเณน. โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพาติ สพฺพาปิ ทส ทิสา โชเตนฺตี เอกาโลกํ กโรนฺตี. ยถา กินฺติ อาห ‘‘โอสธี วิย ตารกา’’ติ. อุสฺสนฺนา ปภา เอตาย ธียติ, โอสธานํ วา อนุพลปฺปทายิกาติ กตฺวา ‘‘โอสธี’’ติ ลทฺธนามา ตารกา ยถา สมนฺตโต อาโลกํ กุรุมานา ติฏฺติ, เอวเมว ตฺวํ สพฺพทิสา โอภาเสนฺตีติ อตฺโถ.

๑๐๕. เกนาติ กึ-สทฺโท ปุจฺฉายํ. เหตุอตฺเถ เจตํ กรณวจนํ, เกน เหตุนาติ อตฺโถ. เตติ ตว. เอตาทิโสติ เอทิโส, เอตรหิ ยถาทิสฺสมาโนติ วุตฺตํ โหติ. เกน เต อิธ มิชฺฌตีติ เกน ปุฺวิเสเสน อิธ อิมสฺมึ าเน อิทานิ ตยา ลพฺภมานํ สุจริตผลํ อิชฺฌติ นิปฺผชฺชติ. อุปฺปชฺชนฺตีติ นิพฺพตฺตนฺติ. โภคาติ ปริภุฺชิตพฺพฏฺเน ‘‘โภคา’’ติ ลทฺธนามา วตฺถาภรณาทิวิตฺตูปกรณวิเสสา. เย เกจีติ โภเค อนวเสสโต พฺยาเปตฺวา สงฺคณฺหาติ . อนวเสสพฺยาปโก หิ อยํ นิทฺเทโส ยถา ‘‘เย เกจิ สงฺขารา’’ติ. มนโส ปิยาติ มนสา ปิยายิตพฺพา, มนาปิยาติ อตฺโถ.

๑๐๖. ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉํ กโรมิ, าตุํ อิจฺฉามีติ อตฺโถ. นฺติ ตฺวํ. เทวีติ ทิพฺพานภาวสมงฺคิตาย, เทวิ. เตนาห ‘‘มหานุภาเว’’ติ. มนุสฺสภูตาติ มนุสฺเสสุ ชาตา มนุสฺสภาวํ ปตฺตา. อิทํ เยภุยฺเยน สตฺตา มนุสฺสตฺตภาเว ิตา ปุฺานิ กโรนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ. อยเมตายํ คาถานํ สงฺเขปโต อตฺโถ, วิตฺถารโต ปน ปรมตฺถทีปนิยํ วิมานวตฺถุอฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

เอวํ ปุน เถเรน ปุฏฺา เปตี ตสฺสา สมฺปตฺติยา ลทฺธการณํ ปกาเสนฺตี เสสคาถา อภาสิ –

๑๐๗.

‘‘อุปฺปณฺฑุกึ กิสํ ฉาตํ, นคฺคํ สมฺปติตจฺฉวึ;

มุนิ การุณิโก โลเก, ตํ มํ อทฺทกฺขิ ทุคฺคตํ.

๑๐๘.

‘‘ภิกฺขูนํ อาโลปํ ทตฺวา, ปาณิมตฺตฺจ โจฬกํ;

ถาลกสฺส จ ปานียํ, มม ทกฺขิณมาทิสิ.

๑๐๙.

‘‘อาโลปสฺส ผลํ ปสฺส, ภตฺตํ วสฺสสตํ ทส;

ภุฺชามิ กามกามินี, อเนกรสพฺยฺชนํ.

๑๑๐.

‘‘ปาณิมตฺตสฺส โจฬสฺส, วิปากํ ปสฺส ยาทิสํ;

ยาวตา นนฺทราชสฺส, วิชิตสฺมึ ปฏิจฺฉทา.

๑๑๑.

‘‘ตโต พหุตรา ภนฺเต, วตฺถานจฺฉาทนานิ เม;

โกเสยฺยกมฺพลียานิ, โขมกปฺปาสิกานิ จ.

๑๑๒.

‘‘วิปุลา จ มหคฺฆา จ, เตปากาเสวลมฺพเร;

สาหํ ตํ ปริทหามิ, ยํ ยฺหิ มนโส ปิยํ.

๑๑๓.

‘‘ถาลกสฺส จ ปานียํ, วิปากํ ปสฺส ยาทิสํ;

คมฺภีรา จตุรสฺสา จ, โปกฺขรฺโ สุนิมฺมิตา.

๑๑๔.

‘‘เสโตทกา สุปฺปติตฺถา, สีตา อปฺปฏิคนฺธิยา;

ปทุมุปฺปลสฺฉนฺนา, วาริกิฺชกฺขปูริตา.

๑๑๕.

‘‘สาหํ รมามิ กีฬามิ, โมทามิ อกุโตภยา;

มุนึ การุณิกํ โลเก, ภนฺเต วนฺทิตุมาคตา’’ติ.

๑๐๗. ตตฺถ อุปฺปณฺฑุกินฺติ อุปฺปณฺฑุกชาตํ. ฉาตนฺติ พุภุกฺขิตํ ขุทาย อภิภูตํ. สมฺปติตจฺฉวินฺติ ฉินฺนภินฺนสรีรจฺฉวึ. โลเกติ อิทํ ‘‘การุณิโก’’ติ เอตฺถ วุตฺตกรุณาย วิสยทสฺสนํ. ตํ มนฺติ ตาทิสํ มมํ, วุตฺตนเยน เอกนฺตโต กรุณฏฺานิยํ มํ. ทุคฺคตนฺติ ทุคฺคตึ คตํ.

๑๐๘-๑๐๙. ภิกฺขูนํ อาโลปํ ทตฺวาติอาทิ เถเรน อตฺตโน กรุณาย กตาการทสฺสนํ. ตตฺถ ภตฺตนฺติ โอทนํ, ทิพฺพโภชนนฺติ อตฺโถ. วสฺสสตํ ทสาติ ทส วสฺสสตานิ, วสฺสสหสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. ภุฺชามิ กามกามินี, อเนกรสพฺยฺชนนฺติ อฺเหิปิ กาเมตพฺพกาเมหิ สมนฺนาคตา อเนกรสพฺยฺชนํ ภตฺตํ ภุฺชามีติ โยชนา.

๑๑๐. โจฬสฺสาติ เทยฺยธมฺมสีเสน ตพฺพิสยํ ทานมยํ ปุฺเมว ทสฺเสติ. วิปากํ ปสฺส ยาทิสนฺติ ตสฺส โจฬทานสฺส วิปากสงฺขาตํ ผลํ ปสฺส, ภนฺเต. ตํ ปน ยาทิสํ ยถารูปํ, กินฺติ เจติ อาห ‘‘ยาวตา นนฺทราชสฺสา’’ติอาทิ.

ตตฺถ โกยํ นนฺทราชา นาม? อตีเต กิร ทสวสฺสสหสฺสายุเกสุ มนุสฺเสสุ พาราณสิวาสี เอโก กุฏุมฺพิโก อรฺเ ชงฺฆาวิหารํ วิจรนฺโต อรฺฏฺาเน อฺตรํ ปจฺเจกพุทฺธํ อทฺทส. โส ปจฺเจกพุทฺโธ ตตฺถ จีวรกมฺมํ กโรนฺโต อนุวาเต อปฺปโหนฺเต สํหริตฺวาว เปตุํ อารทฺโธ. โส กุฏุมฺพิโก ตํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, กึ กโรถา’’ติ วตฺวา เตน อปฺปิจฺฉตาย กิฺจิ อวุตฺเตปิ ‘‘จีวรทุสฺสํ นปฺปโหตี’’ติ ตฺวา อตฺตโน อุตฺตราสงฺคํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปาทมูเล เปตฺวา อคมาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ตํ คเหตฺวา อนุวาตํ อาโรเปนฺโต จีวรํ กตฺวา ปารุปิ. โส กุฏุมฺพิกา ชีวิตปริโยสาเน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ตโต จวิตฺวา พาราณสิโต โยชนมตฺเต าเน อฺตรสฺมึ คาเม อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติ.

ตสฺส วยปฺปตฺตกาเล ตสฺมึ คาเม นกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ อโหสิ. โส มาตรํ อาห – ‘‘อมฺม, สาฏกํ เม เทหิ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ. สา สุโธตวตฺถํ นีหริตฺวา อทาสิ. ‘‘อมฺม, ถูลํ อิท’’นฺติ. อฺํ นีหริตฺวา อทาสิ, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปิ. อถ นํ มาตา อาห – ‘‘ตาต, ยาทิเส เคเห มยํ ชาตา, นตฺถิ โน อิโต สุขุมตรสฺส วตฺถสฺส ปฏิลาภาย ปุฺ’’นฺติ. ‘‘ลภนฏฺานํ คจฺฉามิ, อมฺมา’’ติ. ‘‘คจฺฉ, ปุตฺต, อหํ อชฺเชว ตุยฺหํ พาราณสินคเร รชฺชปฏิลาภํ อิจฺฉามี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, อมฺมา’’ติ มาตรํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา อาห – ‘‘คจฺฉามิ, อมฺมา’’ติ. ‘‘คจฺฉ, ตาตา’’ติ. เอวํ กิรสฺสา จิตฺตํ อโหสิ – ‘‘กหํ คมิสฺสติ, อิธ วา เอตฺถ วา เคเห นิสีทิสฺสตี’’ติ. โส ปน ปุฺนิยาเมน โจทิยมาโน คามโต นิกฺขมิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา มงฺคลสิลาปฏฺเฏ สสีสํ ปารุปิตฺวา นิปชฺชิ. โส จ พาราณสิรฺโ กาลกตสฺส สตฺตโม ทิวโส โหติ.

อมจฺจา จ ปุโรหิโต จ รฺโ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ราชงฺคเณ นิสีทิตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘รฺโ เอกา ธีตา อตฺถิ, ปุตฺโต นตฺถิ, อราชกํ รชฺชํ น ติฏฺติ, ผุสฺสรถํ วิสฺสชฺเชมา’’ติ. เต กุมุทวณฺเณ จตฺตาโร สินฺธเว โยเชตฺวา เสตจฺฉตฺตปฺปมุขํ ปฺจวิธํ ราชกกุธภณฺฑํ รถสฺมึเยว เปตฺวา รถํ วิสฺสชฺเชตฺวา ปจฺฉโต ตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสุํ. รโถ ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อุยฺยานาภิมุกฺโข อโหสิ. ‘‘ปริจเยน อุยฺยานาภิมุโข คจฺฉติ , นิวตฺเตมา’’ติ เกจิ อาหํสุ. ปุโรหิโต ‘‘มา นิวตฺตยิตฺถา’’ติ อาห. รโถ กุมารํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อาโรหนสชฺโช หุตฺวา อฏฺาสิ, ปุโรหิโต ปารุปนกณฺณํ อปเนตฺวา ปาทตลานิ โอโลเกนฺโต ‘‘ติฏฺตุ อยํ ทีโป, ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ เอกรชฺชํ กาเรตุํ ยุตฺโต’’ติ วตฺวา ‘‘ตูริยานิ ปคฺคณฺหถ, ปุนปิ ปคฺคณฺหถา’’ติ ติกฺขตฺตุํ ตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสิ.

อถ กุมาโร มุขํ วิวริตฺวา โอโลเกตฺวา ‘‘เกน กมฺเมน อาคตตฺถ, ตาตา’’ติ อาห. ‘‘เทว, ตุมฺหากํ รชฺชํ ปาปุณาตี’’ติ. ‘‘ตุมฺหากํ ราชา กห’’นฺติ? ‘‘ทิวงฺคโต, สามี’’ติ. ‘‘กติ ทิวสา อติกฺกนฺตา’’ติ? ‘‘อชฺช สตฺตโม ทิวโส’’ติ. ‘‘ปุตฺโต วา ธีตา วา นตฺถี’’ติ? ‘‘ธีตา อตฺถิ, เทว, ปุตฺโต นตฺถี’’ติ. ‘‘เตน หิ กริสฺสามิ รชฺช’’นฺติ. เต ตาวเทว อภิเสกมณฺฑปํ กตฺวา ราชธีตรํ สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา อุยฺยานํ อาเนตฺวา กุมารสฺส อภิเสกํ อกํสุ.

อถสฺส กตาภิเสกสฺส สตสหสฺสคฺฆนิกํ วตฺถํ อุปเนสุํ. โส ‘‘กิมิทํ, ตาตา’’ติ อาห. ‘‘นิวาสนวตฺถํ, เทวา’’ติ. ‘‘นนุ, ตาตา, ถูล’’นฺติ? ‘‘มนุสฺสานํ ปริโภควตฺเถสุ อิโต สุขุมตรํ นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘ตุมฺหากํ ราชา เอวรูปํ นิวาเสสี’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘น มฺเ ปุฺวา ตุมฺหากํ ราชา (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๙๑) สุวณฺณภิงฺการํ อาหรถ, ลภิสฺสามิ วตฺถ’’นฺติ. สุวณฺณภิงฺการํ อาหรึสุ. โส อุฏฺาย หตฺเถ โธวิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา หตฺเถน อุทกํ อาทาย ปุรตฺถิมทิสายํ อพฺภุกฺกิริ. ตทา ฆนปถวึ ภินฺทิตฺวา อฏฺ กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. ปุน อุทกํ คเหตฺวา ทกฺขิณาย ปจฺฉิมาย อุตฺตรายาติ เอวํ จตูสุ ทิสาสุ อพฺภุกฺกิริ. สพฺพทิสาสุ อฏฺ อฏฺ กตฺวา ทฺวตฺตึส กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. เอเกกาย ทิสาย โสฬส โสฬส กตฺวา จตุสฏฺิ กมฺมรุกฺขาติ เกจิ วทนฺติ. โส เอกํ ทิพฺพทุสฺสํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา ‘‘นนฺทรฺโ วิชิเต สุตฺตกนฺติกา อิตฺถิโย มา สุตฺตํ กนฺตึสูติ เภรึ จราเปถา’’ติ วตฺวา ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห มหาสมฺปตฺตึ อนุภวิ.

เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล เอกทิวสํ เทวี รฺโ สมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘อโห ตปสฺสี’’ติ การุฺาการํ ทสฺเสสิ. ‘‘กิมิทํ, เทวี’’ติ จ ปุฏฺา ‘‘อติมหตี เต, เทว, สมฺปตฺติ. อตีเต อทฺธนิ กลฺยาณํ อกตฺถ, อิทานิ อนาคตสฺส อตฺถาย กุสลํ น กโรถา’’ติ อาห. ‘‘กสฺส เทม? สีลวนฺโต นตฺถี’’ติ. ‘‘อสุฺโ, เทว, ชมฺพุทีโป อรหนฺเตหิ, ตุมฺเห ทานเมว สชฺเชถ, อหํ อรหนฺเต ลจฺฉามี’’ติ อาห. ปุนทิวเส ราชา มหารหํ ทานํ สชฺชาเปสิ. เทวี ‘‘สเจ อิมิสฺสาย ทิสาย อรหนฺโต อตฺถิ, อิธาคนฺตฺวา อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา อุตฺตรทิสาภิมุขา อุเรน นิปชฺชิ. นิปนฺนมตฺตาย เอว เทวิยา หิมวนฺเต วสนฺตานํ ปทุมวติยา ปุตฺตานํ ปฺจสตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ เชฏฺโก มหาปทุมปจฺเจกพุทฺโธ ภาติเก อามนฺเตสิ – ‘‘มาริสา นนฺทราชา ตุมฺเห นิมนฺเตติ, อธิวาเสถ ตสฺสา’’ติ. เต อธิวาเสตฺวา ตาวเทว อากาเสนาคนฺตฺวา อุตฺตรทฺวาเร โอตรึสุ. มนุสฺสา ‘‘ปฺจสตา, เทว, ปจฺเจกพุทฺธา อาคตา’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา สทฺธึ เทวิยา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ ปาสาทํ อาโรเปตฺวา ตตฺถ เตสํ ทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ราชา สงฺฆตฺเถรสฺส, เทวี สงฺฆนวกสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘อยฺยา, ปจฺจเยหิ น กิลมิสฺสนฺติ, มยํ ปุฺเน น หายิสฺสาม, อมฺหากํ อิธ นิวาสาย ปฏิฺํ เทถา’’ติ ปฏิฺํ กาเรตฺวา อุยฺยาเน นิวาสฏฺานานิ กาเรตฺวา ยาวชีวํ ปจฺเจกพุทฺเธ อุปฏฺหิตฺวา เตสุ ปรินิพฺพุเตสุ สาธุกีฬิตํ กาเรตฺวา คนฺธทารุอาทีหิ สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘เอวรูปานมฺปิ นาม มหานุภาวานํ มเหสีนํ มรณํ ภวิสฺสติ, กิมงฺคํ ปน มาทิสาน’’นฺติ สํเวคชาโต เชฏฺปุตฺตํ รชฺเช ปติฏฺาเปตฺวา สยํ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. เทวีปิ ‘‘รฺเ ปพฺพชิเต อหํ กึ กริสฺสามี’’ติ ปพฺพชิ. ทฺเวปิ อุยฺยาเน วสนฺตา ฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานสุเขน วีตินาเมตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตึสุ. โส กิร นนฺทราชา อมฺหากํ สตฺถุ มหาสาวโก มหากสฺสปตฺเถโร อโหสี, ตสฺส อคฺคมเหสี ภทฺทา กาปิลานี นาม.

อยํ ปน นนฺทราชา ทส วสฺสสหสฺสานิ สยํ ทิพฺพวตฺถานิ ปริทหนฺโต สพฺพเมว อตฺตโน วิชิตํ อุตฺตรกุรุสทิสํ กโรนฺโต อาคตาคตานํ มนุสฺสานํ ทิพฺพทุสฺสานิ อทาสิ. ตยิทํ ทิพฺพวตฺถสมิทฺธึ สนฺธาย สา เปตี อาห ‘‘ยาวตา นนฺทราชสฺส, วิชิตสฺมึ ปฏิจฺฉทา’’ติ. ตตฺถ วิชิตสฺมินฺติ รฏฺเ. ปฏิจฺฉทาติ วตฺถานิ. ตานิ หิ ปฏิจฺฉาเทนฺติ เอเตหีติ ‘‘ปฏิจฺฉทา’’ติ วุจฺจนฺติ.

๑๑๑. อิทานิ สา เปตี ‘‘นนฺทราชสมิทฺธิโตปิ เอตรหิ มยฺหํ สมิทฺธิ วิปุลตรา’’ติ ทสฺเสนฺตี ‘‘ตโต พหุตรา, ภนฺเต, วตฺถานจฺฉาทนานิ เม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตโตติ นนฺทราชสฺส ปริคฺคหภูตวตฺถโตปิ พหุตรานิ มยฺหํ วตฺถจฺฉาทนานีติ อตฺโถ. วตฺถานจฺฉาทนานีติ นิวาสนวตฺถานิ เจว ปารุปนวตฺถานิ จ . โกเสยฺยกมฺพลียานีติ โกเสยฺยานิ เจว กมฺพลานิ จ. โขมกปฺปาสิกานีติ โขมวตฺถานิ เจว กปฺปาสมยวตฺถานิ จ.

๑๑๒. วิปุลาติ อายามโต จ วิตฺถารโต จ วิปุลา. มหคฺฆาติ มหคฺฆวเสน มหนฺตา มหารหา. อากาเสวลมฺพเรติ อากาเสเยว โอลมฺพมานา ติฏฺนฺติ. ยํ ยฺหิ มนโส ปิยนฺติ ยํ ยํ มยฺหํ มนโส ปิยํ, ตํ ตํ คเหตฺวา ปริทหามิ ปารุปามิ จาติ โยชนา.

๑๑๓. ถาลกสฺส จ ปานียํ, วิปากํ ปสฺส ยาทิสนฺติ ถาลกปูรณมตฺตํ ปานียํ ทินฺนํ อนุโมทิตํ , ตสฺส ปน วิปากํ ยาทิสํ ยาว มหนฺตํ ปสฺสาติ ทสฺเสนฺตี ‘‘คมฺภีรา จตุรสฺสา จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ คมฺภีราติ อคาธา. จตุรสฺสาติ จตุรสฺสสณฺานา. โปกฺขรฺโติ โปกฺขรณิโย. สุนิมฺมิตาติ กมฺมานุภาเวเนว สุฏฺุ นิมฺมิตา.

๑๑๔. เสโตทกาติ เสตอุทกา เสตวาลุกสมฺปริกิณฺณา. สุปฺปติตฺถาติ สุนฺทรติตฺถา. สีตาติ สีตโลทกา. อปฺปฏิคนฺธิยาติ ปฏิกูลคนฺธรหิตา สุรภิคนฺธา. วาริกิฺชกฺขปูริตาติ กมลกุวลยาทีนํ เกสรสฺฉนฺเนน วารินา ปริปุณฺณา.

๑๑๕. สาหนฺติ สา อหํ. รมามีติ รตึ วินฺทามิ. กีฬามีติ อินฺทฺริยานิ ปริจาเรมิ. โมทามีติ โภคสมฺปตฺติยา ปมุทิตา โหมิ. อกุโตภยาติ กุโตจิปิ อสฺชาตภยา, เสรี สุขวิหารินี โหมิ . ภนฺเต, วนฺทิตุมาคตาติ, ภนฺเต, อิมิสฺสา ทิพฺพสมฺปตฺติยา ปฏิลาภสฺส การณภูตํ ตฺวํ วนฺทิตุํ อาคตา อุปคตาติ อตฺโถ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตเมว.

เอวํ ตาย เปติยา วุตฺเต อายสฺมา สาริปุตฺโต อิฏฺกวติยํ ทีฆราชิยนฺติ คามทฺวยวาสิเกสุ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคเตสุ มนุสฺเสสุ อิมมตฺถํ วิตฺถารโต กเถนฺโต สํเวเชตฺวา สํสารโมจนปาปกมฺมโต โมเจตฺวา อุปาสกภาเว ปติฏฺาเปสิ. สา ปวตฺติ ภิกฺขูสุ ปากฏา ชาตา. ตํ ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

สํสารโมจกเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สาริปุตฺตตฺเถรมาตุเปติวตฺถุวณฺณนา

นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรนฺเต อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อิโต ปฺจมาย ชาติยา มาตุภูตํ เปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. เอกทิวสํ อายสฺมา จ สาริปุตฺโต อายสฺมา จ มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ อายสฺมา จ กปฺปิโน ราชคหสฺส อวิทูเร อฺตรสฺมึ อรฺายตเน วิหรนฺติ. เตน จ สมเยน พาราณสิยํ อฺตโร พฺราหฺมโณ อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกานํ โอปานภูโต อนฺนปานวตฺถสยนาทีนิ เทติ. เทนฺโต จ อาคตาคตานํ ยถากาลํ ยถารหฺจ ปาโททกปาทพฺภฺชนาทิทานานุปุพฺพกํ สพฺพาภิเทยฺยํ ปฏิปนฺโน โหติ, ปุเรภตฺตํ ภิกฺขู อนฺนปานาทินา สกฺกจฺจํ ปริวิสติ. โส เทสนฺตรํ คจฺฉนฺโต ภริยํ อาห – ‘‘โภติ, ยถาปฺตฺตํ อิมํ ทานวิธึ อปริหาเปนฺตี สกฺกจฺจํ อนุปติฏฺาหี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตสฺมึ ปกฺกนฺเต เอว ตาว ภิกฺขูนํ ปฺตฺตํ ทานวิธึ ปจฺฉินฺทิ, อทฺธิกานํ ปน นิวาสตฺถาย อุปคตานํ เคหปิฏฺิโต ฉฑฺฑิตํ ชรสาลํ ทสฺเสสิ ‘‘เอตฺถ วสถา’’ติ. อนฺนปานาทีนํ อตฺถาย ตตฺถ อทฺธิเกสุ อาคเตสุ ‘‘คูถํ ขาทถ, มุตฺตํ ปิวถ, โลหิตํ ปิวถ , ตุมฺหากํ มาตุ มตฺถลุงฺคํ ขาทถา’’ติ ยํ ยํ อสุจิ เชคุจฺฉํ, ตสฺส ตสฺส นามํ คเหตฺวา นิฏฺุรํ วทติ.

สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา กมฺมานุภาวุกฺขิตฺตา เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อตฺตโน วจีทุจฺจริตานุรูปํ ทุกฺขํ อนุภวนฺตี ปุริมชาติสมฺพนฺธํ อนุสฺสริตฺวา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตุกามา ตสฺส วิหารทฺวารํ สมฺปาปุณิ, ตสฺส วิหารทฺวารเทวตาโย วิหารปฺปเวสนํ นิวาเรสุํ. สา กิร อิโต ปฺจมาย ชาติยา เถรสฺส มาตุภูตปุพฺพา, ตสฺมา เอวมาห – ‘‘อหํ อยฺยสฺส สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อิโต ปฺจมาย ชาตียา มาตา, เทถ เม ทฺวารปฺปเวสนํ เถรํ ทฏฺุ’’นฺติ. ตํ สุตฺวา เทวตา ตสฺสา ปเวสนํ อนุชานึสุ. สา ปวิสิตฺวา จงฺกมนโกฏิยํ ตฺวา เถรสฺส อตฺตานํ ทสฺเสสิ. เถโร ตํ ทิสฺวา กรุณาย สฺโจทิตมานโส หุตฺวา –

๑๑๖.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, กิสา ธมนิสนฺถตา;

อุปฺผาสุลิเก กิสิเก, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสี’’ติ. –

คาถาย ปุจฺฉิ. สา เถเรน ปุฏฺา ปฏิวจนํ เทนฺตี –

๑๑๗.

‘‘อหํ เต สกิยา มาตา, ปุพฺเพ อฺาสุ ชาตีสุ;

อุปปนฺนา เปตฺติวิสยํ, ขุปฺปิปาสสมปฺปิตา.

๑๑๘.

‘‘ฉฑฺฑิตํ ขิปิตํ เขฬํ, สิงฺฆาณิกํ สิเลสุมํ;

วสฺจ ฑยฺหมานานํ, วิชาตานฺจ โลหิตํ.

๑๑๙.

‘‘วณิกานฺจ ยํ ฆาน-สีสจฺฉินฺนาน โลหิตํ;

ขุทาปเรตา ภุฺชามิ, อิจฺฉิปุริสนิสฺสิตํ.

๑๒๐.

‘‘ปุพฺพโลหิตํ ภกฺขามิ, ปสูนํ มานุสาน จ;

อเลณา อนคารา จ, นีลมฺจปรายณา.

๑๒๑.

‘‘เทหิ ปุตฺตก เม ทานํ, ทตฺวา อนฺวาทิสาหิ เม;

อปฺเปว นาม มุจฺเจยฺยํ, ปุพฺพโลหิตโภชนา’’ติ. – ปฺจคาถา อภาสิ;

๑๑๗. ตตฺถ อหํ เต สกิยา มาตาติ อหํ ตุยฺหํ ชนนิภาวโต สกิยา มาตา. ปุพฺเพ อฺาสุ ชาตีสูติ มาตา โหนฺตีปิ น อิมิสฺสํ ชาติยํ, อถ โข ปุพฺเพ อฺาสุ ชาตีสุ, อิโต ปฺจมิยนฺติ ทฏฺพฺพํ. อุปปนฺนา เปตฺติวิสยนฺติ ปฏิสนฺธิวเสน เปตโลกํ อุปคตา. ขุปฺปิปาสสมปฺปิตาติ ขุทาย จ ปิปาสาย จ อภิภูตา, นิรนฺตรํ ชิฆจฺฉาปิปาสาหิ อภิภุยฺยมานาติ อตฺโถ.

๑๑๘-๑๑๙. ฉฑฺฑิตนฺติ อุจฺฉิฏฺกํ, วนฺตนฺติ อตฺโถ. ขิปิตนฺติ ขิปิเตน สทฺธึ มุขโต นิกฺขนฺตมลํ. เขฬนฺติ นิฏฺุภํ. สิงฺฆาณิกนฺติ มตฺถลุงฺคโต วิสฺสนฺทิตฺวา นาสิกาย นิกฺขนฺตมลํ. สิเลสุมนฺติ เสมฺหํ. วสฺจ ฑยฺหมานานนฺติ จิตกสฺมึ ฑยฺหมานานํ กเฬวรานํ วสาเตลฺจ. วิชาตานฺจ โลหิตนฺติ ปสูตานํ อิตฺถีนํ โลหิตํ, คพฺภมลํ จ-สทฺเทน สงฺคณฺหาติ. วณิกานนฺติ สฺชาตวณานํ. นฺติ ยํ โลหิตนฺติ สมฺพนฺโธ. ฆานสีสจฺฉินฺนานนฺติ ฆานจฺฉินฺนานํ สีสจฺฉินฺนานฺจ ยํ โลหิตํ, ตํ ภุฺชามีติ โยชนา. เทสนาสีสเมตํ ‘‘ฆานสีสจฺฉินฺนาน’’นฺติ, ยสฺมา หตฺถปาทาทิจฺฉินฺนานมฺปิ โลหิตํ ภุฺชามิเยว. ตถา ‘‘วณิกาน’’นฺติ อิมินา เตสมฺปิ โลหิตํ สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ขุทาปเรตาติ ชิฆจฺฉาภิภูตา หุตฺวา. อิตฺถิปุริสนิสฺสิตนฺติ อิตฺถิปุริสสรีรนิสฺสิตํ ยถาวุตฺตํ อฺฺจ จมฺมมํสนฺหารุปุพฺพาทิกํ ปริภุฺชามีติ ทสฺเสติ.

๑๒๐-๑๒๑. ปสูนนฺติ อชโคมหึสาทีนํ. อเลณาติ อสรณา. อนคาราติ อนาวาสา. นีลมฺจปรายณาติ สุสาเน ฉฑฺฑิตมลมฺจสยนา. อถ วา นีลาติ ฉาริกงฺคารพหุลา สุสานภูมิ อธิปฺเปตา, ตํเยว มฺจํ วิย อธิสยนาติ อตฺโถ. อนฺวาทิสาหิเมติ ยถา ทินฺนํ ทกฺขิณํ มยฺหํ อุปกปฺปติ, ตถา อุทฺทิส ปตฺติทานํ เทหิ. อปฺเปว นาม มุจฺเจยฺยํ, ปุพฺพโลหิตโภชนาติ ตว อุทฺทิสเนน เอตสฺมา ปุพฺพโลหิตโภชนา เปตชีวิกา อปิ นาม มุจฺเจยฺยํ.

ตํ สุตฺวา อายสฺมา สาริปุตฺตตฺเถโร ทุติยทิวเส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถราทิเก ตโย เถเร อามนฺเตตฺวา เตหิ สทฺธึ ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺโต รฺโ พิมฺพิสารสฺส นิเวสนํ อคมาสิ. ราชา เถเร ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, อาคตตฺถา’’ติ อาคมนการณํ ปุจฺฉิ. อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘อฺาตํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา เถเร วิสฺสชฺเชตฺวา สพฺพกมฺมิกํ อมจฺจํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาณาเปสิ ‘‘นครสฺส อวิทูเร วิวิตฺเต ฉายูทกสมฺปนฺเน าเน จตสฺโส กุฏิโย กาเรหี’’ติ. อนฺเตปุเร จ ปโหนกวิเสสวเสน ติธา วิภชิตฺวา จตสฺโส กุฏิโย ปฏิจฺฉาเปสิ, สยฺจ ตตฺถ คนฺตฺวา กาตพฺพยุตฺตกํ อกาสิ. นิฏฺิตาสุ กุฏิกาสุ สพฺพํ พลิกรณํ สชฺชาเปตฺวา อนฺนปานวตฺถาทีนิ พุทฺธปฺปมุขสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนุจฺฉวิเก สพฺพปริกฺขาเร จ อุปฏฺาเปตฺวา อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ตํ สพฺพํ นิยฺยาเทสิ. อถ เถโร ตํ เปตึ อุทฺทิสฺส ตํ สพฺพํ พุทฺธปฺปมุขสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทาสิ. สา เปตี ตํ อนุโมทิตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา สพฺพกามสมิทฺธา จ หุตฺวา อปรทิวเส อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ตํ เถโร ปฏิปุจฺฉิ, สา อตฺตโน เปตูปปตฺตึ ปุน เทวูปปตฺติฺจ วิตฺถารโต กเถสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๒๒.

‘‘มาตุยา วจนํ สุตฺวา, อุปติสฺโสนุกมฺปโก;

อามนฺตยิ โมคฺคลฺลานํ, อนุรุทฺธฺจ กปฺปินํ.

๑๒๓.

‘‘จตสฺโส กุฏิโย กตฺวา, สงฺเฆ จาตุทฺทิเส อทา;

กุฏิโย อนฺนปานฺจ, มาตุ ทกฺขิณมาทิสี.

๑๒๔.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ, วิปาโก อุทปชฺชถ;

โภชนํ ปานียํ วตฺถํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํ.

๑๒๕.

‘‘ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;

วิจิตฺตวตฺถาภรณา, โกลิกํ อุปสงฺกมี’’ติ.

๑๒๓. ตตฺถ สงฺเฆ จาตุทฺทิเส อทาติ จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส อทาสิ, นิยฺยาเทสีติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตตฺถเมว.

อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ เปตึ –

๑๒๖.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๑๒๗.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เตน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๒๘.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา,

วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. – ปุจฺฉิ;

๑๒๙-๑๓๓. อถ สา ‘‘สาริปุตฺตสฺสาหํ มาตา’’ติอาทินา วิสฺสชฺเชสิ. เสสํ วุตฺตตฺถเมว. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

สาริปุตฺตตฺเถรมาตุเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. มตฺตาเปติวตฺถุวณฺณนา

นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต มตฺตํ นาม เปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. สาวตฺถิยํ กิร อฺตโร กุฏุมฺพิโก สทฺโธ ปสนฺโน อโหสิ. ตสฺส ภริยา อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา โกธนา วฺฌา จ อโหสิ นาเมน มตฺตา นาม. อถ โส กุฏุมฺพิโก กุลวํสูปจฺเฉทนภเยน สทิสกุลโต ติสฺสํ นาม อฺํ กฺํ อาเนสิ. สา อโหสิ สทฺธา ปสนฺนา สามิโน จ ปิยา มนาปา, สา นจิรสฺเสว คพฺภินี หุตฺวา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ, ‘‘ภูโต’’ติสฺส นามํ อโหสิ. สา เคหสฺสามินี หุตฺวา จตฺตาโร ภิกฺขู สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิ, วฺฌา ปน ตํ อุสูยติ.

ตา อุโภปิ เอกสฺมึ ทิวเส สีสํ นฺหตฺวา อลฺลเกสา อฏฺํสุ, กุฏุมฺพิโก คุณวเสน ติสฺสาย อาพทฺธสิเนโห มนุฺเน หทเยน ตาย สทฺธึ พหุํ สลฺลปนฺโต อฏฺาสิ. ตํ อสหมานา มตฺตา อิสฺสาปกตา เคเห สมฺมชฺชิตฺวา ปิตํ สงฺการํ ติสฺสาย มตฺถเก โอกิริ. สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อตฺตโน กมฺมพเลน ปฺจวิธํ ทุกฺขํ อนุภวติ. ตํ ปน ทุกฺขํ ปาฬิโต เอว วิฺายติ. อเถกทิวสํ สา เปตี สฺฌาย วีติวตฺตาย เคหสฺส ปิฏฺิปสฺเส นฺหายนฺติยา ติสฺสาย อตฺตานํ ทสฺเสสิ. ตํ ทิสฺวา ติสฺสา –

๑๓๔.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, กิสา ธมนิสนฺถตา;

อุปฺผาสุลิเก กิสิเก, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสี’’ติ. –

คาถาย ปฏิปุจฺฉิ. อิตรา –

๑๓๕.

‘‘อหํ มตฺตา ตุวํ ติสฺสา, สปตฺตี เต ปุเร อหุํ;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

คาถาย ปฏิวจนํ อทาสิ. ตตฺถ อหํ มตฺตา ตุวํ ติสฺสาติ อหํ มตฺตา นาม, ตุวํ ติสฺสา นาม. ปุเรติ ปุริมตฺตภาเว. เตติ ตุยฺหํ สปตฺตี อหุํ, อโหสินฺติ อตฺโถ. ปุน ติสฺสา –

๑๓๖.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

คาถาย กตกมฺมํ ปุจฺฉิ. ปุน อิตรา –

๑๓๗.

‘‘จณฺฑี จ ผรุสา จาสึ, อิสฺสุกี มจฺฉรี สา;

ตาหํ ทุรุตฺตํ วตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

คาถาย อตฺตนา กตกมฺมํ อาจิกฺขิ. ตตฺถ จณฺฑีติ โกธนา. ผรุสาติ ผรุสวจนา. อาสินฺติ อโหสึ. ตาหนฺติ ตํ อหํ. ทุรุตฺตนฺติ ทุพฺภาสิตํ นิรตฺถกวจนํ. อิโต ปรมฺปิ ตาสํ วจนปฏิวจนวเสเนว คาถา ปวตฺตา –

๑๓๘.

‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ยถา ตฺวํ จณฺฑิกา อหุ;

อฺฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกนาสิ ปํสุกุนฺถิตา.

๑๓๙.

‘‘สีสํนฺหาตา ตุวํ อาสิ, สุจิวตฺถา อลงฺกตา;

อหฺจ โข อธิมตฺตํ, สมลงฺกตตรา ตยา.

๑๔๐.

‘‘ตสฺสา เม เปกฺขมานาย, สามิเกน สมนฺตยิ;

ตโต เม อิสฺสา วิปุลา, โกโธ เม สมชายถ.

๑๔๑.

‘‘ตโต ปํสุํ คเหตฺวาน, ปํสุนา ตฺหิ โอกิรึ;

ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตนมฺหิ ปํสุกุนฺถิตา.

๑๔๒.

‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ปํสุนา มํ ตฺวโมกิริ;

อฺฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกน ขชฺชสิ กจฺฉุยา.

๑๔๓.

‘‘เภสชฺชหารี อุภโย, วนนฺตํ อคมิมฺหเส;

ตฺวฺจ เภสชฺชมาหริ, อหฺจ กปิกจฺฉุโน.

๑๔๔.

‘‘ตสฺสา ตฺยาชานมานาย, เสยฺยํ ตฺยาหํ สโมกิรึ;

ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตน ขชฺชามิ กจฺฉุยา.

๑๔๕.

‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, เสยฺยํ เม ตฺวํ สโมกิริ;

อฺฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกนาสิ นคฺคิยา ตุวํ.

๑๔๖.

‘‘สหายานํ สมโย อาสิ, าตีนํ สมิตี อหุ;

ตฺวฺจ อามนฺติตา อาสิ, สสามินี โน จ โขหํ.

๑๔๗.

‘‘ตสฺสา ตฺยาชานมานาย, ทุสฺสํ ตฺยาหํ อปานุทึ;

ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตนมฺหิ นคฺคิยา อหํ.

๑๔๘.

‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ทุสฺสํ เม ตฺวํ อปานุทิ;

อฺฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกนาสิ คูถคนฺธินี.

๑๔๙.

‘‘ตว คนฺธฺจ มาลฺจ, ปจฺจคฺฆฺจ วิเลปนํ;

คูถกูเป อตาเรสึ, ตํ ปาปํ ปกตํ มยา;

ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตนมฺหิ คูถคนฺธินี.

๑๕๐.

‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ตํ ปาปํ ปกตํ ตยา;

อฺฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกนาสิ ทุคฺคตา ตุวํ.

๑๕๑.

‘‘อุภินฺนํ สมกํ อาสิ, ยํ เคเห วิชฺชเต ธนํ;

สนฺเตสุ เทยฺยธมฺเมสุ, ทีปํ นากาสิมตฺตโน;

ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตนมฺหิ ทุคฺคตา อหํ.

๑๕๒.

‘‘ตเทว มํ ตฺวํ อวจ, ปาปกมฺมํ นิเสวสิ;

น หิ ปาเปหิ กมฺเมหิ, สุลภา โหติ สุคฺคติ.

๑๕๓.

‘‘วามโต มํ ตฺวํ ปจฺเจสิ, อโถปิ มํ อุสูยสิ;

ปสฺส ปาปานํ กมฺมานํ, วิปาโก โหติ ยาทิโส.

๑๕๔.

‘‘เต ฆรา ตา จ ทาสิโย, ตาเนวาภรณานิเม;

เต อฺเ ปริจาเรนฺติ, น โภคา โหนฺติ สสฺสตา.

๑๕๕.

‘‘อิทานิ ภูตสฺส ปิตา, อาปณา เคหเมหิติ;

อปฺเปว เต ทเท กิฺจิ, มา สุ ตาว อิโต อคา.

๑๕๖.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปามฺหิ, กิสา ธมนิสนฺถตา;

โกปีนเมตํ อิตฺถีนํ, มา มํ ภูตปิตาทฺทส.

๑๕๗.

‘‘หนฺท กึ วา ตฺยาหํ ทมฺมิ, กึ วา เตจ กโรมหํ;

เยน ตฺวํ สุขิตา อสฺส, สพฺพกามสมิทฺธินี.

๑๕๘.

‘‘จตฺตาโร ภิกฺขู สงฺฆโต, จตฺตาโร ปน ปุคฺคเล;

อฏฺ ภิกฺขู โภชยิตฺวา, มม ทกฺขิณมาทิส;

ตทาหํ สุขิตา เหสฺสํ, สพฺพกามสมิทฺธินี.

๑๕๙.

‘‘สาธูติ สา ปฏิสฺสุตฺวา, โภชยิตฺวาฏฺ ภิกฺขโว;

วตฺเถหจฺฉาทยิตฺวาน, ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสี.

๑๖๐.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ, วิปาโก อุทปชฺชถ;

โภชนจฺฉาทนปานียํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํ.

๑๖๑.

‘‘ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;

วิจิตฺตวตฺถาภรณา, สปตฺตึ อุปสงฺกมิ.

๑๖๒.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๑๖๓.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๖๔.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสี ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตีติ.

๑๖๕.

‘‘อหํ มตฺตา ตุวํ ติสฺสา, สปตฺตี เต ปุเร อหุํ;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา.

๑๖๖.

‘‘ตว ทินฺเนน ทาเนน, โมทามิ อกุโตภยา;

จิรํ ชีวาหิ ภคินิ, สห สพฺเพหิ าติภิ;

อโสกํ วิรชํ านํ, อาวาสํ วสวตฺตินํ.

๑๖๗.

‘‘อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ทานํ ทตฺวาน โสภเน;

วิเนยฺย มจฺเฉรมลํ สมูลํ, อนินฺทิตา สคฺคมุเปหิ าน’’นฺติ.

๑๓๘. ตตฺถ สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ยถา ตฺวํ จณฺฑิกา อหูติ ‘‘จณฺฑี จ ผรุสา จาสิ’’นฺติ ยํ ตยา วุตฺตํ, ตํ สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ยถา ตฺวํ จณฺฑิกา โกธนา ผรุสวจนา อิสฺสุกี มจฺฉรี สา จ อโหสิ. อฺฺจ โข ตํ ปุจฺฉามีติ อฺํ ปุน ตํ อิทานิ ปุจฺฉามิ. เกนาสิ ปํสุกุนฺถิตาติ เกน กมฺเมน สงฺการปํสูติ โอคุณฺิตา สพฺพโส โอกิณฺณสรีรา อหูติ อตฺโถ.

๑๓๙-๔๐. สีสํนฺหาตาติ สสีสํ นฺหาตา. อธิมตฺตนฺติ อธิกตรํ. สมลงฺกตตราติ สมฺมา อติสเยน อลงฺกตา. ‘‘อธิมตฺตา’’ติ วา ปาโ, อติวิย มตฺตา มานมทมตฺตา, มานนิสฺสิตาติ อตฺโถ. ตยาติ โภติยา . สามิเกน สมนฺตยีติ สามิเกน สทฺธึ อลฺโลปสลฺลาปวเสน กเถสิ.

๑๔๒-๑๔๔. ขชฺชสิ กจฺฉุยาติ กจฺฉุโรเคน ขาทียสิ, พาธียสีติ อตฺโถ. เภสชฺชหารีติ เภสชฺชหารินิโย โอสธหาริกาโย. อุภโยติ ทุเว, ตฺวฺจ อหฺจาติ อตฺโถ. วนนฺตนฺติ วนํ. ตฺวฺจ เภสชฺชมาหรีติ ตฺวํ เวชฺเชหิ วุตฺตํ อตฺตโน อุปการาวหํ เภสชฺชํ อาหริ. อหฺจ กปิกจฺฉุโนติ อหํ ปน กปิกจฺฉุผลานิ ทุผสฺสผลานิ อาหรึ. กปิกจฺฉูติ วา สยํภูตา วุจฺจติ, ตสฺมา สยํภูตาย ปตฺตผลานิ อาหรินฺติ อตฺโถ. เสยฺยํ ตฺยาหํ สโมกิรินฺติ ตว เสยฺยํ อหํ กปิกจฺฉุผลปตฺเตหิ สมนฺตโต อวกิรึ.

๑๔๖-๑๔๗. สหายานนฺติ มิตฺตานํ. สมโยติ สมาคโม. าตีนนฺติ พนฺธูนํ. สมิตีติ สนฺนิปาโต. อามนฺติตาติ มงฺคลกิริยาวเสน นิมนฺติตา. สสามินีติ สภตฺติกา, สห ภตฺตุนาติ อตฺโถ. โน จ โขหนฺติ โน จ โข อหํ อามนฺติตา อาสินฺติ โยชนา. ทุสฺสํ ตฺยาหนฺติ ทุสฺสํ เต อหํ. อปานุทินฺติ โจริกาย อวหรึ อคฺคโหสึ.

๑๔๙. ปจฺจคฺฆนฺติ อภินวํ, มหคฺฆํ วา. อตาเรสินฺติ ขิปึ. คูถคนฺธินีติ คูถคนฺธคนฺธินี กรีสวายินี.

๑๕๑. ยํ เคเห วิชฺชเต ธนนฺติ ยํ เคเห ธนํ อุปลพฺภติ, ตํ ตุยฺหํ มยฺหฺจาติ อมฺหากํ อุภินฺน สมกํ ตุลฺยเมว อาสิ. สนฺเตสูติ วิชฺชมาเนสุ. ทีปนฺติ ปติฏฺํ, ปุฺกมฺมํ สนฺธาย วทติ.

๑๕๒. เอวํ สา เปตี ติสฺสาย ปุจฺฉิตมตฺถํ กตฺเถตฺวา ปุน ปุพฺเพ ตสฺสา วจนํ อกตฺวา อตฺตนา กตํ อปราธํ ปกาเสนฺตี ‘‘ตเทว มํ ตฺว’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ตเทวาติ ตทา เอว, มยฺหํ มนุสฺสตฺตภาเว ิตกาเลเยว. ตเถวาติ วา ปาโ, ยถา เอตรหิ ชาตํ, ตํ ตถา เอวาติ อตฺโถ. นฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ, ตฺวนฺติ ติสฺสํ. อวจาติ อภณิ. ยถา ปน อวจ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาปกมฺม’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ปาปกมฺมานี’’ติ ปาฬิ. ‘‘ตฺวํ ปาปกมฺมานิเยว กโรสิ, ปาเปหิ ปน กมฺเมหิ สุคติ สุลภา น โหติ, อถ โข ทุคฺคติ เอว สุลภา’’ติ ยถา มํ ตฺวํ ปุพฺเพ อวจ โอวทิ, ตํ ตเถวาติ วทติ.

๑๕๓. ตํ สุตฺวา ติสฺสา ‘‘วามโต มํ ตฺวํ ปจฺเจสี’’ติอาทินา ติสฺโส คาถา อาห. ตตฺถ วามโต มํ ตฺวํ ปจฺเจสีติ วิโลมโต มํ ตฺวํ อธิคจฺฉสิ, ตุยฺหํ หิเตสิมฺปิ วิปจฺจนีกการินึ กตฺวา มํ คณฺหาสิ. มํ อุสูยสีติ มยฺหํ อุสูยสิ, มยิ อิสฺสํ กโรสิ. ปสฺส ปาปานํ กมฺมานํ, วิปาโก โหติ ยาทิโสติ ปาปกานํ นาม กมฺมานํ วิปาโก ยาทิโส ยถา โฆรตโร, ตํ ปจฺจกฺขโต ปสฺสาติ วทติ.

๑๕๔. เต อฺเ ปริจาเรนฺตีติ เต ฆเร ทาสิโย อาภรณานิ จ อิมานิ ตยา ปุพฺเพ ปริคฺคหิตานิ อิทานิ อฺเ ปริจาเรนฺติ ปริภุฺชนฺติ. ‘‘อิเม’’ติ หิ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ. น โภคา โหนฺติ สสฺสตาติ โภคา นาเมเต น สสฺสตา อนวฏฺิตา ตาวกาลิกา มหายคมนียา, ตสฺมา ตทตฺถํ อิสฺสามจฺฉริยาทีนิ น กตฺตพฺพานีติ อธิปฺปาโย.

๑๕๕. อิทานิภูตสฺส ปิตาติ อิทาเนว ภูตสฺส มยฺหํ ปุตฺตสฺส ปิตา กุฏุมฺพิโก. อาปณาติ อาปณโต อิมํ เคหํ เอหิติ อาคมิสฺสติ. อปฺเปว เต ทเท กิฺจีติ เคหํ อาคโต กุฏุมฺพิโก ตุยฺหํ ทาตพฺพยุตฺตกํ กิฺจิ เทยฺยธมฺมํ อปิ นาม ทเทยฺย. มา สุ ตาว อิโต อคาติ อิโต เคหสฺส ปจฺฉา วตฺถุโต มา ตาว อคมาสีติ ตํ อนุกมฺปมานา อาห.

๑๕๖. ตํ สุตฺวา เปตี อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปกาเสนฺตี ‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปามฺหี’’ติ คาถมาห. ตตฺถ โกปีนเมตํ อิตฺถีนนฺติ เอตํ นคฺคทุพฺพณฺณตาทิกํ ปฏิจฺฉาเทตพฺพตาย อิตฺถีนํ โกปีนํ รุนฺธนียํ. มา มํ ภูตปิตาทฺทสาติ ตสฺมา ภูตสฺส ปิตา กุฏุมฺพิโก มํ มา อทฺทกฺขีติ ลชฺชมานา วทติ.

๑๕๗. ตํ สุตฺวา ติสฺสา สฺชาตนุทฺทยา ‘‘หนฺท กึ วา ตฺยาหํ ทมฺมี’’ติ คาถมาห. ตตฺถ หนฺทาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. กึ วา ตฺยาหํ ทมฺมีติ กึ เต อหํ ทมฺมิ, กึ วตฺถํ ทสฺสามิ, อุทาหุ ภตฺตนฺติ. กึ วา เตธ กโรมหนฺติ กึ วา อฺํ เต อิธ อิมสฺมึ กาเล อุปการํ กริสฺสามิ.

๑๕๘. ตํ สุตฺวา เปตี ‘‘จตฺตาโร ภิกฺขู สงฺฆโต’’ติ คาถมาห. ตตฺถ จตฺตาโร ภิกฺขู สงฺฆโต, จตฺตาโร ปน ปุคฺคเลติ ภิกฺขุสงฺฆโต สงฺฆวเสน จตฺตาโร ภิกฺขู, ปุคฺคลวเสน จตฺตาโร ภิกฺขูติ เอวํ อฏฺ ภิกฺขู ยถารุจึ โภเชตฺวา ตํ ทกฺขิณํ มม อาทิส, มยฺหํ ปตฺติทานํ เทหิ. ตทาหํ สุขิตา เหสฺสนฺติ ยทา ตฺวํ ทกฺขิณํ มม อุทฺทิสิสฺสสิ, ตทา อหํ สุขิตา สุขปฺปตฺตา สพฺพกามสมิทฺธินี ภวิสฺสามีติ อตฺโถ.

๑๕๙-๑๖๑. ตํ สุตฺวา ติสฺสา ตมตฺถํ อตฺตโน สามิกสฺส อาโรเจตฺวา ทุติยทิวเส อฏฺ ภิกฺขู โภเชตฺวา ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสิ, สา ตาวเทว ปฏิลทฺธทิพฺพสมฺปตฺติกา ปุน ติสฺสาย สนฺติกํ อุปสงฺกมิ. ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ สงฺคีติกาเรหิ ‘‘สาธูติ สา ปฏิสฺสุตฺวา’’ติอาทิกา ติสฺโส คาถา ปิตา.

๑๖๒-๑๖๗. อุปสงฺกมิตฺวา ิตํ ปน นํ ติสฺสา ‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนา’’ติอาทีหิ ตีหิ คาถาหิ ปฏิปุจฺฉิ. อิตรา ‘‘อหํ มตฺตา’’ติ คาถาย อตฺตานํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘จิรํ ชีวาหี’’ติ คาถาย ตสฺสา อนุโมทนํ ทตฺวา ‘‘อิธ ธมฺมํ จริตฺวานา’’ติ คาถาย โอวาทํ อทาสิ. ตตฺถ ตว ทินฺเนนาติ ตยา ทินฺเนน. อโสกํ วิรชํ านนฺติ โสกาภาเวน อโสกํ, เสทชลฺลิกานํ ปน อภาเวน วิรชํ ทิพฺพฏฺานํ, สพฺพเมตํ เทวโลกํ สนฺธาย วทติ. อาวาสนฺติ านํ. วสวตฺตินนฺติ ทิพฺเพน อาธิปเตยฺเยน อตฺตโน วสํ วตฺเตนฺตานํ. สมูลนฺติ สโลภโทสํ. โลภโทสา หิ มจฺฉริยสฺส มูลํ นาม. อนินฺทิตาติ อครหิตา ปาสํสา, สคฺคมุเปหิ านนฺติ รูปาทีหิ วิสเยหิ สุฏฺุ อคฺคตฺตา ‘‘สคฺค’’นฺติ ลทฺธนามํ ทิพฺพฏฺานํ อุเปหิ, สุคติปรายณา โหหีติ อตฺโถ. เสสํ อุตฺตานเมว.

อถ ติสฺสา ตํ ปวตฺตึ กุฏุมฺพิกสฺส อาโรเจสิ, กุฏุมฺพิโก ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ, ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, ตํ สุตฺวา มหาชโน ปฏิลทฺธสํเวโค วิเนยฺย มจฺเฉราทิมลํ ทานสีลาทิรโต สุคติปรายโณ อโหสีติ.

มตฺตาเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. นนฺทาเปติวตฺถุวณฺณนา

กาฬี ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต นนฺทํ นาม เปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร อฺตรสฺมึ คามเก นนฺทิเสโน นาม อุปาสโก อโหสิ สทฺโธ ปสนฺโน. ภริยา ปนสฺส นนฺทา นาม อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา มจฺฉรินี จณฺฑี ผรุสวจนา สามิเก อคารวา อคฺคติสฺสา สสฺสุํ โจริวาเทน อกฺโกสติ ปริภาสติ. สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตสฺเสว คามสฺส อวิทูเร วิจรนฺตี เอกทิวสํ นนฺทิเสนสฺส อุปาสกสฺส คามโต นิกฺขมนฺตสฺส อวิทูเร อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โส ตํ ทิสฺวา –

๑๖๘.

‘‘กาฬี ทุพฺพณฺณรูปาสิ, ผรุสา ภีรุทสฺสนา;

ปิงฺคลาสิ กฬาราสิ, น ตํ มฺามิ มานุสิ’’นฺติ. –

คาถาย อชฺฌภาสิ. ตตฺถ กาฬีติ กาฬวณฺณา, ฌามงฺคารสทิโส หิสฺสา วณฺโณ อโหสิ. ผรุสาติ ขรคตฺตา. ภีรุทสฺสนาติ ภยานกทสฺสนา สปฺปฏิภยาการา. ‘‘ภารุทสฺสนา’’ติ วา ปาโ, ภาริยทสฺสนา, ทุพฺพณฺณตาทินา ทุทฺทสิกาติ อตฺโถ. ปิงฺคลาติ ปิงฺคลโลจนา. กฬาราติ กฬารทนฺตา. น ตํ มฺามิ มานุสินฺติ อหํ ตํ มานุสินฺติ น มฺามิ, เปติเมว จ ตํ มฺามีติ อธิปฺปาโย. ตํ สุตฺวา เปตี อตฺตานํ ปกาเสนฺตี –

๑๖๙.

‘‘อหํ นนฺทา นนฺทิเสน, ภริยา เต ปุเร อหุํ;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

คาถมาห . ตตฺถ อหํ นนฺทา นนฺทิเสนาติ สามิ นนฺทิเสน อหํ นนฺทา นาม. ภริยา เต ปุเร อหุนฺติ ปุริมชาติยํ ตุยฺหํ ภริยา อโหสึ. อิโต ปรํ –

๑๗๐.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺส กมฺมวิปาเกน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

ตสฺส อุปาสกสฺส ปุจฺฉา. อถสฺส สา –

๑๗๑.

‘‘จณฺฑี จ ผรุสา จาสึ, ตยิ จาปิ อคารวา;

ตาหํ ทุรุตฺตํ วตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

วิสฺสชฺเชสิ. ปุน โส –

๑๗๒.

‘‘หนฺทุตฺตรียํ ททามิ เต, อิมํ ทุสฺสํ นิวาสย;

อิมํ ทุสฺสํ นิวาเสตฺวา, เอหิ เนสฺสามิ ตํ ฆรํ.

๑๗๓.

‘‘วตฺถฺจ อนฺนปานฺจ, ลจฺฉสิ ตฺวํ ฆรํ คตา;

ปุตฺเต จ เต ปสฺสิสฺสสิ, สุณิสาโย จ ทกฺขสี’’ติ. – อถสฺส สา –

๑๗๔.

‘‘หตฺเถน หตฺเถ เต ทินฺนํ, น มยฺหํ อุปกปฺปติ;

ภิกฺขู จ สีลสมฺปนฺเน, วีตราเค พหุสฺสุเต.

๑๗๕.

‘‘ตปฺเปหิ อนฺนปาเนน, มม ทกฺขิณมาทิส;

ตทาหํ สุขิตา เหสฺสํ, สพฺพกามสมิทฺธินี’’ติ. –

ทฺเว คาถา อภาสิ. ตโต –

๑๗๖.

‘‘สาธูติ โส ปฏิสฺสุตฺวา, ทานํ วิปุลมากิริ;

อนฺนํ ปานํ ขาทนียํ, วตฺถเสนาสนานิ จ;

ฉตฺตํ คนฺธฺจ มาลฺจ, วิวิธา จ อุปาหนา.

๑๗๗.

‘‘ภิกฺขู จ สีลสมฺปนฺเน, วีตราเค พหุสฺสุเต;

ตปฺเปตฺวา อนฺนปาเนน, ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสี.

๑๗๘.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ , วิปาโก อุทปชฺชถ;

โภชนจฺฉาทนปานียํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํ.

๑๗๙.

‘‘ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;

วิจิตฺตวตฺถาภรณา, สามิกํ อุปสงฺกมี’’ติ. –

จตสฺโส คาถา สงฺคีติกาเรหิ วุตฺตา. ตโต ปรํ –

๑๘๐.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๑๘๑.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๘๒.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๑๘๓.

‘‘อหํ นนฺทา นนฺทิเสน, ภริยา เต ปุเร อหุํ;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา.

๑๘๔.

‘‘ตว ทินฺเนน ทาเนน, โมทามิ อกุโตภยา;

จิรํ ชีว คหปติ, สห สพฺเพหิ าติภิ;

อโสกํ วิรชํ เขมํ, อาวาสํ วสวตฺตินํ.

๑๘๕.

‘‘อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ทานํ ทตฺวา คหปติ;

วิเนยฺย มจฺเฉรมลํ สมูลํ, อนินฺทิโต สคฺคมุเปหิ าน’’นฺติ. –

อุปาสกสฺส จ เปติยา จ วจนปฏิวจนคาถา.

๑๗๖. ตตฺถ ทานํ วิปุลมากิรีติ อุกฺขิเณยฺยเขตฺเต เทยฺยธมฺมพีชํ วิปฺปกิรนฺโต วิย มหาทานํ ปวตฺเตสิ. เสสํ อนนฺตรวตฺถุสทิสเมว.

เอวํ สา อตฺตโน ทิพฺพสมฺปตฺตึ ตสฺสา จ การณํ นนฺทิเสนสฺส วิภาเวตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คตา. อุปาสโก ตํ ปวตฺตึ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ , ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

นนฺทาเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มฏฺกุณฺฑลีเปตวตฺถุวณฺณนา

อลงฺกโต มฏฺกุณฺฑลีติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต มฏฺกุณฺฑลิเทวปุตฺตํ อารพฺภ วุตฺตํ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถทีปนิยํ วิมานวตฺถุวณฺณนายํ มฏฺกุณฺฑลีวิมานวตฺถุวณฺณนาย (วิ. ว. อฏฺ. ๑๒๐๖ มฏฺกุณฺฑลีวิมานวณฺณนา) วุตฺตเมว, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

เอตฺถ จ มฏฺกุณฺฑลีเทวปุตฺตสฺส วิมานเทวตาภาวโต ตสฺส วตฺถุ ยทิปิ วิมานวตฺถุปาฬิยํ สงฺคหํ อาโรปิตํ, ยสฺมา ปน โส เทวปุตฺโต อทินฺนปุพฺพกพฺราหฺมณสฺส ปุตฺตโสเกน สุสานํ คนฺตฺวา อาฬาหนํ อนุปริยายิตฺวา โรทนฺตสฺส โสกหรณตฺถํ อตฺตโน เทวรูปํ ปฏิสํหริตฺวา หริจนฺทนุสฺสโท พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโต ทุกฺขาภิภูตากาเรน เปโต วิย อตฺตานํ ทสฺเสสิ. มนุสฺสตฺตภาวโต อเปตตฺตา เปตปริยาโยปิ ลพฺภติ เอวาติ ตสฺส วตฺถุ เปตวตฺถุปาฬิยมฺปิ สงฺคหํ อาโรปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

มฏฺกุณฺฑลีเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. กณฺหเปตวตฺถุวณฺณนา

อุฏฺเหิกณฺห กึ เสสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ มตปุตฺตํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร อฺตรสฺส อุปาสกสฺส ปุตฺโต กาลมกาสิ. โส เตน โสกสลฺลสมปฺปิโต น นฺหายติ, น ภุฺชติ, น กมฺมนฺเต วิจาเรติ, น พุทฺธุปฏฺานํ คจฺฉติ, เกวลํ, ‘‘ตาต ปิยปุตฺตก, มํ โอหาย กหํ ปมตรํ คโตสี’’ติอาทีนิ วทนฺโต วิปฺปลปติ. สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตสฺส โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ภิกฺขู อุยฺโยเชตฺวา อานนฺทตฺเถเรน ปจฺฉาสมเณน ตสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิ. สตฺถุ อาคตภาวํ อุปาสกสฺส อาโรเจสุํ. อถสฺส เคหชโน เคหทฺวาเร อาสนํ ปฺาเปตฺวา สตฺถารํ นิสีทาเปตฺวา อุปาสกํ ปริคฺคเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อุปเนสิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, อุปาสก, โสจสี’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘อุปาสก, โปราณกปณฺฑิตา ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา มตปุตฺตํ นานุโสจึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต ทฺวารวตีนคเร ทส ภาติกราชาโน อเหสุํ – วาสุเทโว พลเทโว จนฺทเทวา สูริยเทโว อคฺคิเทโว วรุณเทโว อชฺชุโน ปชฺชุโน ฆฏปณฺฑิโต องฺกุโร จาติ. เตสุ วาสุเทวมหาราชสฺส ปิยปุตฺโต กาลมกาสิ. เตน ราชา โสกปเรโต สพฺพกิจฺจานิ ปหาย มฺจสฺส อฏนึ ปริคฺคเหตฺวา วิปฺปลปนฺโต นิปชฺชิ. ตสฺมึ กาเล ฆฏปณฺฑิโต จินฺเตสิ – ‘‘เปตฺวา มํ อฺโ โกจิ มม ภาตุ โสกํ ปริหริตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, อุปาเยนสฺส โสกํ หริสฺสามี’’ติ. โส อุมฺมตฺตกเวสํ คเหตฺวา ‘‘สสํ เม เทถ, สสํ เม เทถา’’ติ อากาสํ โอโลเกนฺโต สกลนครํ วิจริ. ‘‘ฆฏปณฺฑิโต อุมฺมตฺตโก ชาโต’’ติ สกลนครํ สงฺขุภิ.

ตสฺมึ กาเล โรหิเณยฺโย นาม อมจฺโจ วาสุเทวรฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตน สทฺธึ กถํ สมุฏฺาเปนฺโต –

๒๐๗.

‘‘อุฏฺเหิ กณฺห กึ เสสิ, โก อตฺโถ สุปเนน เต;

โย จ ตุยฺหํ สโก ภาตา, หทยํ จกฺขุ จ ทกฺขิณํ;

ตสฺส วาตา พลียนฺติ, สสํ ชปฺปติ เกสวา’’ติ. – อิมํ คาถมาห;

๒๐๗. ตตฺถ กณฺหาติ วาสุเทวํ โคตฺเตนาลปติ. โก อตฺโถ สุปเนน เตติ สุปเนน ตุยฺหํ กา นาม วฑฺฒิ. สโก ภาตาติ โสทริโย ภาตา. หทยํ จกฺขุ จ ทกฺขิณนฺติ หทเยน เจว ทกฺขิณจกฺขุนา จ สทิโสติ อตฺโถ. ตสฺส วาตา พลียนฺตีติ ตสฺส อปราปรํ อุปฺปชฺชมานา อุมฺมาทวาตา พลวนฺโต โหนฺติ วฑฺฒนฺติ อภิภวนฺติ. สสํ ชปฺปตีติ ‘‘สสํ เม เทถา’’ติ วิปฺปลปติ. เกสวาติ โส กิร เกสานํ โสภนานํ อตฺถิตาย ‘‘เกสโว’’ติ โวหรียติ. เตน นํ นาเมน อาลปติ.

ตสฺส วจนํ สุตฺวา สยนโต อุฏฺิตภาวํ ทีเปนฺโต สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา –

๒๐๘.

‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, โรหิเณยฺยสฺส เกสโว;

ตรมานรูโป วุฏฺาสิ, ภาตุ โสเกน อฏฺฏิโต’’ติ. – อิมํ คาถมาห;

ราชา อุฏฺาย สีฆํ ปาสาทา โอตริตฺวา ฆฏปณฺฑิตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อุโภสุ หตฺเถสุ นํ ทฬฺหํ คเหตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต –

๒๐๙.

‘‘กึ นุ อุมฺมตฺตรูโปว, เกวลํ ทฺวารกํ อิมํ;

สโส สโสติ ลปสิ, กีทิสํ สสมิจฺฉสิ.

๒๑๐.

‘‘โสวณฺณมยํ มณิมยํ, โลหมยํ อถ รูปิยมยํ;

สงฺขสิลาปวาฬมยํ, การยิสฺสามิ เต สสํ.

๒๑๑.

‘‘สนฺติ อฺเปิ สสกา, อรฺวนโคจรา;

เตปิ เต อานยิสฺสามิ, กีทิสํ สสมิจฺฉสี’’ติ. –

ติสฺโส คาถาโย อภาสิ.

๒๐๙-๒๑๑. ตตฺถอุมฺมตฺตรูโปวาติ อุมฺมตฺตโก วิย. เกวลนฺติ สกลํ. ทฺวารกนฺติ ทฺวารวตีนครํ วิจรนฺโต. สโส สโสติ ลปสีติ สโส สโสติ วิลปสิ. โสวณฺณมยนฺติ สุวณฺณมยํ. โลหมยนฺติ ตมฺพโลหมยํ. รูปิยมยนฺติ รชตมยํ. ยํ อิจฺฉสิ ตํ วเทหิ, อถ เกน โสจสิ. อฺเปิ อรฺเ วนโคจรา สสกา อตฺถิ, เต เต อานยิสฺสามิ, วท, ภทฺรมุข , กีทิสํ สสมิจฺฉสีติ ฆฏปณฺฑิตํ ‘‘สเสน อตฺถิโก’’ติ อธิปฺปาเยน สเสน นิมนฺเตสิ. ตํ สุตฺวา ฆฏปณฺฑิโต –

๒๑๒.

‘‘นาหเมเต สเส อิจฺเฉ, เย สสา ปถวิสฺสิตา;

จนฺทโต สสมิจฺฉามิ, ตํ เม โอหร เกสวา’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ โอหราติ โอหาเรหิ. ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘นิสฺสํสยํ เม ภาตา อุมฺมตฺตโก ชาโต’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺโต –

๒๑๓.

‘‘โส นูน มธุรํ าติ, ชีวิตํ วิชหิสฺสสิ;

อปตฺถิยํ ปตฺถยสิ, จนฺทโต สสมิจฺฉสี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ าตีติ กนิฏฺํ อาลปติ. อยเมตฺถ อตฺโถ – มยฺหํ ปิยาติ ยํ อติมธุรํ อตฺตโน ชีวิตํ, ตํ วิชหิสฺสสิ มฺเ, โย อปตฺถยิตพฺพํ ปตฺเถสีติ.

ฆฏปณฺฑิโต รฺโ วจนํ สุตฺวา นิจฺจโลว ตฺวา ‘‘ภาติก, ตฺวํ จนฺทโต สสํ ปตฺเถนฺตสฺส ตํ อลภิตฺวา ชีวิตกฺขโย ภวิสฺสตีติ ชานนฺโต กสฺมา มตํ ปุตฺตํ อลภิตฺวา อนุโสจสี’’ติ อิมมตฺถํ ทีเปนฺโต –

๒๑๔.

‘‘เอวํ เจ กณฺห ชานาสิ, ยถฺมนุสาสสิ;

กสฺมา ปุเร มตํ ปุตฺตํ, อชฺชาปิ มนุโสจสี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ เอวํ เจ, กณฺห, ชานาสีติ, ภาติก, กณฺหนามก มหาราช, ‘‘อลพฺภเนยฺยวตฺถุ นาม น ปตฺเถตพฺพ’’นฺติ ยทิ เอวํ ชานาสิ. ยถฺนฺติ เอวํ ชานนฺโตว ยถา อฺํ อนุสาสสิ, ตถา อกตฺวา. กสฺมา ปุเร มตํ ปุตฺตนฺติ อถ กสฺมา อิโต จตุมาสมตฺถเก มตํ ปุตฺตํ อชฺชาปิ อนุโสจสีติ.

เอวํ โส อนฺตรวีถิยํ ิตโกว ‘‘อหํ ตาว เอวํ ปฺายมานํ ปตฺเถมิ, ตฺวํ ปน อปฺายมานสฺสตฺถาย โสจสี’’ติ วตฺวา ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต –

๒๑๕.

‘‘น ยํ ลพฺภา มนุสฺเสน, อมนุสฺเสน วา ปน;

ชาโต เม มา มริ ปุตฺโต, กุโต ลพฺภา อลพฺภิยํ.

๒๑๖.

‘‘น มนฺตา มูลเภสชฺชา, โอสเธหิ ธเนน วา;

สกฺกา อานยิตุํ กณฺห, ยํ เปตมนุโสจสี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห;

๒๑๕. ตตฺถ นฺติ, ภาติก, ยํ ‘‘เอวํ ชาโต เม ปุตฺโต มา มรี’’ติ มนุสฺเสน วา เทเวน วา ปน น ลพฺภา น สกฺกา ลทฺธุํ, ตํ ตฺวํ ปตฺเถสิ, ตํ ปเนตํ กุโต ลพฺภา, เกน การเณน ลทฺธุํ สกฺกา. ยสฺมา อลพฺภิยํ อลพฺภเนยฺยวตฺถุ นาเมตนฺติ อตฺโถ.

๒๑๖. มนฺตาติ มนฺตปฺปโยเคน. มูลเภสชฺชาติ มูลเภสชฺเชน. โอสเธหีติ นานาวิเธหิ โอสเธหิ. ธเนน วาติ โกฏิสตสงฺเขน ธเนน วาปิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ เปตมนุโสจสิ, ตํ เอเตหิ มนฺตปฺปโยคาทีหิปิ อาเนตุํ น สกฺกาติ.

ปุน ฆฏปณฺฑิโต ‘‘ภาติก, อิทํ มรณํ นาม ธเนน วา ชาติยา วา วิชฺชาย วา สีเลน วา ภาวนาย วา น สกฺกา ปฏิพาหิตุ’’นฺติ ทสฺเสนฺโต –

๒๑๗.

‘‘มหทฺธนา มหาโภคา, รฏฺวนฺโตปิ ขตฺติยา;

ปหูตธนธฺาเส, เตปิ โน อชรามรา.

๒๑๘.

‘‘ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา, สุทฺทา จณฺฑาลปุกฺกุสฺสา;

เอเต จฺเ จ ชาติยา, เตปิ โน อชรามรา.

๒๑๙.

‘‘เย มนฺตํ ปริวตฺเตนฺติ, ฉฬงฺคํ พฺรหฺมจินฺติตํ;

เอเต จฺเ จ วิชฺชาย, เตปิ โน อชรามรา.

๒๒๐.

‘‘อิสโย วาปิ เย สนฺตา, สฺตตฺตา ตปสฺสิโน;

สรีรํ เตปิ กาเลน, วิชหนฺติ ตปสฺสิโน.

๒๒๑.

‘‘ภาวิตตฺตา อรหนฺโต, กตกิจฺจา อนาสวา;

นิกฺขิปนฺติ อิมํ เทหํ, ปุฺปาปปริกฺขยา’’ติ. –

ปฺจหิ คาถาหิ รฺโ ธมฺมํ เทเสสิ.

๒๑๗. ตตฺถ มหทฺธนาติ นิธานคตสฺเสว มหโต ธนสฺส อตฺถิตาย พหุธนา. มหาโภคาติ เทวโภคสทิสาย มหติยา โภคสมฺปตฺติยา สมนฺนาคตา. รฏฺวนฺโตติ สกลรฏฺวนฺโต. ปหูตธนธฺาเสติ ติณฺณํ จตุนฺนํ วา สํวจฺฉรานํ อตฺถาย นิทหิตฺวา เปตพฺพสฺส นิจฺจปริพฺพยภูตสฺส ธนธฺสฺส วเสน อปริยนฺตธนธฺา. เตปิ โน อชรามราติ เตปิ เอวํ มหาวิภวา มนฺธาตุมหาสุทสฺสนาทโย ขตฺติยา อชรามรา นาเหสุํ, อฺทตฺถุ มรณมุขเมว อนุปวิฏฺาติ อตฺโถ.

๒๑๘. เอเตติ ยถาวุตฺตขตฺติยาทโย. อฺเติ อฺตรา เอวํภูตา อมฺพฏฺาทโย. ชาติยาติ อตฺตโน ชาตินิมิตฺตํ อชรามรา นาเหสุนฺติ อตฺโถ.

๒๑๙. มนฺตนฺติ เวทํ. ปริวตฺเตนฺตีติ สชฺฌายนฺติ วาเจนฺติ จ. อถ วา ปริวตฺเตนฺตีติ เวทํ อนุปริวตฺเตนฺตา โหมํ กโรนฺตา ชปนฺติ. ฉฬงฺคนฺติ สิกฺขากปฺปนิรุตฺติพฺยากรณโชติสตฺถฉนฺโทวิจิติสงฺขาเตหิ ฉหิ องฺเคหิ ยุตฺตํ. พฺรหฺมจินฺติตนฺติ พฺราหฺมณานมตฺถาย พฺรหฺมนา จินฺติตํ กถิตํ. วิชฺชายาติ พฺรหฺมสทิสวิชฺชาย สมนฺนาคตา, เตปิ โน อชรามราติ อตฺโถ.

๒๒๐-๒๒๑. อิสโยติ ยมนิยมาทีนํ ปฏิกูลสฺาทีนฺจ เอสนฏฺเน อิสโย. สนฺตาติ กายวาจาหิ สนฺตสภาวา. สฺตตฺตาติ ราคาทีนํ สํยเมน สํยตจิตฺตา. กายตปนสงฺขาโต ตโป เอเตสํ อตฺถีติ ตปสฺสิโน. ปุน ตปสฺสิโนติ สํวรกา. เตน เอวํ ตปนิสฺสิตกา หุตฺวา สรีเรน จ วิโมกฺขํ ปตฺตุกามาปิ สํวรกา สรีรํ วิชหนฺติ เอวาติ ทสฺเสติ. อถ วา อิสโยติ อธิสีลสิกฺขาทีนํ เอสนฏฺเน อิสโย, ตทตฺถํ ตปฺปฏิปกฺขานํ ปาปธมฺมานํ วูปสเมน สนฺตา, เอการมฺมเณ จิตฺตสฺส สํยเมน สฺตตฺตา, สมฺมปฺปธานโยคโต วีริยตาเปน ตปสฺสิโน, สปฺปโยคา ราคาทีนํ สนฺตปเนน ตปสฺสิโนติ โยเชตพฺพํ. ภาวิตตฺตาติ จตุสจฺจกมฺมฏฺานภาวนาย ภาวิตจิตฺตา.

เอวํ ฆฏปณฺฑิเตน ธมฺเม กถิเต ตํ สุตฺวา ราชา อปคตโสกสลฺโล ปสนฺนมานโส ฆฏปณฺฑิตํ ปสํสนฺโต –

๒๒๒.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆฏสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๒๒๓.

‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, โสกํ หทยนิสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตสฺส, ปุตฺตโสกํ อปานุทิ.

๒๒๔.

‘‘สฺวาหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน ภาติก.

๒๒๕.

‘‘เอวํ กโรนฺติ สปฺปฺา, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

นิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา, ฆโฏ เชฏฺํว ภาตรํ.

๒๒๖.

‘‘ยสฺส เอตาทิสา โหนฺติ, อมจฺจา ปริจารกา;

สุภาสิเตน อนฺเวนฺติ, ฆโฏ เชฏฺํว ภาตร’’นฺติ. – เสสคาถา อภาสิ;

๒๒๕. ตตฺถ ฆโฏ เชฏฺํว ภาตรนฺติ ยถา ฆฏปณฺฑิโต อตฺตโน เชฏฺภาตรํ มตปุตฺตโสกาภิภูตํ อตฺตโน อุปายโกสลฺเลน เจว ธมฺมกถาย จ ตโต ปุตฺตโสกโต วินิวตฺตยิ, เอวํ อฺเปิ สปฺปฺา เย โหนฺติ อนุกมฺปกา, เต าตีนํ อุปการํ กโรนฺตีติ อตฺโถ.

๒๒๖. ยสฺส เอตาทิสา โหนฺตีติ อยํ อภิสมฺพุทฺธคาถา. ตสฺสตฺโถ – ยถา เยน การเณน ปุตฺตโสกปเรตํ ราชานํ วาสุเทวํ ฆฏปณฺฑิโต โสกหรณตฺถาย สุภาสิเตน อนฺเวสิ อนุเอสิ, ยสฺส อฺสฺสาปิ เอตาทิสา ปณฺฑิตา อมจฺจา ปฏิลทฺธา อสฺสุ, ตสฺส กุโต โสโกติ! เสสคาถา เหฏฺา วุตฺตตฺถา เอวาติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, อุปาสก, โปราณกปณฺฑิตา ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา ปุตฺตโสกํ หรึสู’’ติ วตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.

กณฺหเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ธนปาลเสฏฺิเปตวตฺถุวณฺณนา

นคฺโค ทุพฺพณฺณรูโปสีติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต ธนปาลเปตํ อารพฺภ วุตฺตํ. อนุปฺปนฺเน กิร พุทฺเธ ปณฺณรฏฺเ เอรกจฺฉนคเร ธนปาลโก นาม เสฏฺิ อโหสิ อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน กทริโย นตฺถิกทิฏฺิโก. ตสฺส กิริยา ปาฬิโต เอว วิฺายติ. โส กาลํ กตฺวา มรุกนฺตาเร เปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส ตาลกฺขนฺธปฺปมาโณ กาโย อโหสิ, สมุฏฺิตจฺฉวิ ผรุโส, วิรูปเกโส, ภยานโก, ทุพฺพณฺโณ อติวิย วิรูโป พีภจฺฉทสฺสโน. โส ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ ภตฺตสิตฺถํ วา อุทกพินฺทุํ วา อลภนฺโต วิสุกฺขกณฺโฏฺชิวฺโห ชิฆจฺฉาปิปาสาภิภูโต อิโต จิโต จ ปริพฺภมติ.

อถ อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุกฺกเมน สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต สาวตฺถิวาสิโน วาณิชา ปฺจมตฺตานิ สกฏสตานิ ภณฺฑสฺส ปูเรตฺวา อุตฺตราปถํ คนฺตฺวา ภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา ปฏิลทฺธภณฺฑํ สกเฏสุ อาโรเปตฺวา ปฏินิวตฺตมานา สายนฺหสมเย อฺตรํ สุกฺขนทึ ปาปุณิตฺวา ตตฺถ ยานํ มุฺจิตฺวา รตฺติยํ วาสํ กปฺเปสุํ. อถ โส เปโต ปิปาสาภิภูโต ปานียสฺสตฺถาย อาคนฺตฺวา ตตฺถ พินฺทุมตฺตมฺปิ ปานียํ อลภิตฺวา วิคตาโส ฉินฺนมูโล วิย ตาโล ฉินฺนปาโท ปติ. ตํ ทิสฺวา วาณิชา –

๒๒๗.

‘‘นคฺโค ทุพฺพณฺณรูโปสิ, กิโส ธมนิสนฺถโต;

อุปฺผาสุลิโก กิสิโก, โก นุ ตฺวมสิ มาริสา’’ติ. –

อิมาย คาถาย ปุจฺฉึสุ. ตโต เปโต –

๒๒๘.

‘‘อหํ ภทนฺเต เปโตมฺหิ, ทุคฺคโต ยมโลกิโก;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คโต’’ติ. –

อตฺตานํ อาวิกตฺวา ปุน เตหิ –

๒๒๙.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, เปตโลกํ อิโต คโต’’ติ. –

กตกมฺมํ ปุจฺฉิโต ปุพฺเพ นิพฺพตฺตฏฺานโต ปฏฺาย อตีตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ อนาคตฺจ อตฺตโน ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต เตสฺจ โอวาทํ เทนฺโต –

๒๓๐.

‘‘นครํ อตฺถิ ปณฺณานํ, เอรกจฺฉนฺติ วิสฺสุตํ;

ตตฺถ เสฏฺิ ปุเร อาสึ, ธนปาโลติ มํ วิทู.

๒๓๑.

‘‘อสีติ สกฏวาหานํ, หิรฺสฺส อโหสิ เม;

ปหูตํ เม ชาตรูปํ, มุตฺตา เวฬุริยา พหู.

๒๓๒.

‘‘ตาว มหทฺธนสฺสาปิ, น เม ทาตุํ ปิยํ อหุ;

ปิทหิตฺวา ทฺวารํ ภุฺชึ, มา มํ ยาจนกาทฺทสุํ.

๒๓๓.

‘‘อสฺสทฺโธ มจฺฉรี จาสึ, กทริโย ปริภาสโก;

ททนฺตานํ กโรนฺตานํ, วารยิสฺสํ พหู ชเน.

๒๓๔.

‘‘วิปาโก นตฺถิ ทานสฺส, สํยมสฺส กุโต ผลํ;

โปกฺขรฺโทปานานิ, อารามานิ จ โรปิเต;

ปปาโย จ วินาเสสึ, ทุคฺเค สงฺกมนานิ จ.

๒๓๕.

‘‘สฺวาหํ อกตกลฺยาโณ, กตปาโป ตโต จุโต;

อุปปนฺโน เปตฺติวิสยํ, ขุปฺปิปาสสมปฺปิโต.

๒๓๖.

‘‘ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ, ยโต กาลงฺกโต อหํ;

นาภิชานามิ ภุตฺตํ วา, ปีตํ วา ปน ปานิยํ.

๒๓๗.

‘‘โย สํยโม โส วินาโส, โย วินาโส โส สํยโม;

เปตา หิ กิร ชานนฺติ, โย สํยโม โส วินาโส.

๒๓๘.

‘‘อหํ ปุเร สํยมิสฺสํ, นาทาสึ พหุเก ธเน;

สนฺเตสุ เทยฺยธมฺเมสุ, ทีปํ นากาสิมตฺตโน;

สฺวาหํ ปจฺฉานุตปฺปามิ, อตฺตกมฺมผลูปโค.

๒๓๙.

‘‘อุทฺธํ จตูหิ มาเสหิ, กาลกิริยา ภวิสฺสติ;

เอกนฺตกฏุกํ โฆรํ, นิรยํ ปปติสฺสหํ.

๒๔๐.

‘‘จตุกฺกณฺณํ จตุทฺวารํ, วิภตฺตํ ภาคโส มิตํ;

อโยปาการปริยนฺตํ, อยสา ปฏิกุชฺชิตํ.

๒๔๑.

‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;

สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา.

๒๔๒.

‘‘ตตฺถาหํ ทีฆมทฺธานํ, ทุกฺขํ เวทิสฺส เวทนํ;

ผลํ ปาปสฺส กมฺมสฺส, ตสฺมา โสจามหํ ภุสํ.

๒๔๓.

‘‘ตํ วา วทามิ ภทฺทํ โว, ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา;

มากตฺถ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ วา ยทิ วา รโห.

๒๔๔.

‘‘สเจ ตํ ปาปกํ กมฺมํ, กริสฺสถ กโรถ วา;

น โว ทุกฺขา ปมุตฺยตฺถิ, อุปฺปจฺจาปิ ปลายตํ.

๒๔๕.

‘‘มตฺเตยฺยา โหถ เปตฺเตยฺยา, กุเล เชฏฺาปจายิกา;

สามฺา โหถ พฺรหฺมฺา, เอวํ สคฺคํ คมิสฺสถา’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

๒๓๐-๒๓๑. ตตฺถ ปณฺณานนฺติ ปณฺณานามรฏฺสฺส เอวํนามกานํ ราชูนํ. เอรกจฺฉนฺติ ตสฺส นครสฺส นามํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ นคเร. ปุเรติ ปุพฺเพ อตีตตฺตภาเว . ธนปาโลติ มํ วิทูติ ‘‘ธนปาลเสฏฺี’’ติ มํ ชานนฺติ. ตยิทํ นามํ ตทา มยฺหํ อตฺถานุคตเมวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสีตี’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อสีติ สกฏวาหานนฺติ วีสติขาริโก วาโห, โย สกฏนฺติ วุจฺจติ. เตสํ สกฏวาหานํ อสีติ หิรฺสฺส ตถา กหาปณสฺส จ เม อโหสีติ โยชนา. ปหูตํ เม ชาตรูปนฺติ สุวณฺณมฺปิ ปหูตํ อเนกภารปริมาณํ อโหสีติ สมฺพนฺโธ.

๒๓๒-๒๓๓. เม ทาตุํ ปิยํ อหูติ ทานํ ทาตุํ มยฺหํ ปิยํ นาโหสิ. มา มํ ยาจนกาทฺทสุนฺติ ‘‘ยาจกา มา มํ ปสฺสึสู’’ติ ปิทหิตฺวา เคหทฺวารํ ภุฺชามิ. กทริโยติ ถทฺธมจฺฉรี. ปริภาสโกติ ทานํ เทนฺเต ทิสฺวา ภเยน สนฺตชฺชโก. ททนฺตานํ กโรนฺตานนฺติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, ทานานิ ททนฺเต ปุฺานิ กโรนฺเต. พหู ชเนติ พหู สตฺเต. ททนฺตานํ วา กโรนฺตานํ วา สมุทายภูตํ พหุํ ชนํ ปุฺกมฺมโต วารยิสฺสํ นิวาเรสึ.

๒๓๔-๒๓๖. วิปาโก นตฺถิ ทานสฺสาติอาทิ ทานาทีนํ นิวารเณ การณทสฺสนํ. ตตฺถ วิปาโก นตฺถิ ทานสฺสาติ ทานกมฺมสฺส ผลํ นาม นตฺถิ, เกวลํ ปุฺํ ปุฺนฺติ ธนวินาโส เอวาติ ทีเปติ. สํยมสฺสาติ สีลสํยมสฺส. กุโต ผลนฺติ กุโต นาม ผลํ ลพฺภติ, นิรตฺถกเมว สีลรกฺขณนฺติ อธิปฺปาโย. อารามานีติ อารามูปวนานีติ อตฺโถ. ปปาโยติ ปานียสาลา. ทุคฺเคติ อุทกจิกฺขลฺลานํ วเสน ทุคฺคมฏฺานานิ. สงฺกมนานีติ เสตุโย. ตโต จุโตติ ตโต มนุสฺสโลกโต จุโต. ปฺจปณฺณาสาติ ปฺจปฺาส. ยโต กาลงฺกโต อหนฺติ ยทา กาลกตา อหํ, ตโต ปฏฺาย. นาภิชานามีติ เอตฺตกํ กาลํ ภุตฺตํ วา ปีตํ วา กิฺจิ น ชานามิ.

๒๓๗-๓๘. โย สํยโม โส วินาโสติ โลภาทิวเสน ยํ สํยมนํ กสฺสจิ อทานํ, โส อิเมสํ สตฺตานํ วินาโส นาม เปตโยนิยํ นิพฺพตฺตเปตานํ มหาพฺยสนสฺส เหตุภาวโต. ‘‘โย วินาโส โส สํยโม’’ติ อิมินา ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส เอกนฺติกภาวํ วทติ. เปตา หิ กิร ชานนฺตีติ เอตฺถ หิ-สทฺโท อวธารเณ, กิร-สทฺโท อรุจิสูจเน. ‘‘สํยโม เทยฺยธมฺมสฺส อปริจฺจาโค วินาสเหตู’’ติ อิมมตฺถํ เปตา เอว กิร ชานนฺติ ปจฺจกฺขโต อนุภุยฺยมานตฺตา, น มนุสฺสาติ. นยิทํ ยุตฺตํ มนุสฺสานมฺปิ เปตานํ วิย ขุปฺปิปาสาทีหิ อภิภุยฺยมานานํ ทิสฺสมานตฺตา. เปตา ปน ปุริมตฺตภาเว กตกมฺมสฺส ปากฏภาวโต ตมตฺถํ สุฏฺุตรํ ชานนฺติ. เตนาห ‘‘อหํ ปุเร สํยมิสฺส’’นฺติอาทิ. ตตฺถ สํยมิสฺสนฺติ สยมฺปิ ทานาทิปุฺกิริยโต สํยมนํ สงฺโกจํ อกาสึ. พหุเก ธเนติ มหนฺเต ธเน วิชฺชมาเน.

๒๔๓. นฺติ ตสฺมา. โวติ ตุมฺเห. ภทฺทํ โวติ ภทฺทํ กลฺยาณํ สุนฺทรํ ตุมฺหากํ โหตูติ วจนเสโส. ยาวนฺเตตฺถ สมาคตาติ ยาวนฺโต ยาวตกา เอตฺถ สมาคตา, เต สพฺเพ มม วจนํ สุณาถาติ อธิปฺปาโย. อาวีติ ปกาสนํ ปเรสํ ปากฏวเสน. รโหติ ปฏิจฺฉนฺนํ อปากฏวเสน. อาวิ วา ปาณาติปาตาทิมุสาวาทาทิกายวจีปโยควเสน, ยทิ วา รโห อภิชฺฌาทิวเสน ปาปกํ ลามกํ อกุสลกมฺมํ มากตฺถ มา กริตฺถ.

๒๔๔. สเจ ตํ ปาปกํ กมฺมนฺติ อถ ปน ตํ ปาปกมฺมํ อายตึ กริสฺสถ, เอตรหิ วา กโรถ, นิรยาทีสุ จตูสุ อปาเยสุ มนุสฺเสสุ จ อปฺปายุกตาทิวเสน ตสฺส ผลภูตา ทุกฺขโต ปมุตฺติ ปโมกฺโข นาม นตฺถิ. อุปฺปจฺจาปิ ปลายตนฺติ อุปฺปติตฺวา อากาเสน คจฺฉนฺตานมฺปิ โมกฺโข นตฺถิเยวาติ อตฺโถ. ‘‘อุเปจฺจา’’ติปิ ปาฬิ, อิโต วา เอตฺโต วา ปลายนฺเต ตุมฺเห อนุพนฺธิสฺสตีติ อธิปฺปาเยน อุเปจฺจ สฺจิจฺจ ปลายนฺตานมฺปิ ตุมฺหากํ ตโต โมกฺโข นตฺถิ, คติกาลาทิปจฺจยนฺตรสมวาเย ปน สติ วิปจฺจติเยวาติ อตฺโถ. อยฺจ อตฺโถ –

‘‘น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ, น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;

น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส, ยตฺถฏฺิโต มุจฺเจยฺย ปาปกมฺมา’’ติ. (ธ. ป. ๑๒๗; มิ. ป. ๔.๒.๔) –

อิมาย คาถาย ทีเปตพฺโพ.

๒๔๕. มตฺเตยฺยาติ มาตุหิตา. โหถาติ เตสํ อุปฏฺานาทีนิ กโรถ. ตถา เปตฺเตยฺยาติ เวทิตพฺพา. กุเล เชฏฺาปจายิกาติ กุเล เชฏฺกานํ อปจายนกรา. สามฺาติ สมณปูชกา. ตถา พฺรหฺมฺาติ พาหิตปาปปูชกาติ อตฺโถ. เอวํ สคฺคํ คมิสฺสถาติ อิมินา มยา วุตฺตนเยน ปุฺานิ กตฺวา เทวโลกํ อุปปชฺชิสฺสถาติ อตฺโถ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ เหฏฺา ขลฺลาฏิยเปตวตฺถุอาทีสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

เต วาณิชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา สํเวคชาตา ตํ อนุกมฺปมานา ภาชเนหิ ปานียํ คเหตฺวา ตํ สยาเปตฺวา มุเข อาสิฺจึสุ. ตโต มหาชเนน พหุเวลํ อาสิตฺตํ อุทกํ ตสฺส เปตสฺส ปาปพเลน อโธคฬํ น โอติณฺณํ, กุโต ปิปาสํ ปฏิวิเนสฺสติ. เต ตํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘อปิ เต กาจิ อสฺสาสมตฺตา ลทฺธา’’ติ. โส อาห – ‘‘ยทิ เม เอตฺตเกหิ ชเนหิ เอตฺตกํ เวลํ อาสิฺจมานํ อุทกํ เอกพินฺทุมตฺตมฺปิ ปรคฬํ ปวิฏฺํ, อิโต เปตโยนิโต โมกฺโข มา โหตู’’ติ. อถ เต วาณิชา ตํ สุตฺวา อติวิย สํเวคชาตา ‘‘อตฺถิ ปน โกจิ อุปาโย ปิปาสาวูปสมายา’’ติ อาหํสุ. โส อาห – ‘‘อิมสฺมึ ปาปกมฺเม ขีเณ ตถาคตสฺส วา ตถาคตสาวกานํ วา ทาเน ทินฺเน มม ทานมุทฺทิสิสฺสติ, อหํ อิโต เปตตฺตโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ. ตํ สุตฺวา วาณิชา สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา สรณานิ สีลานิ จ คเหตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตฺตาหํ ทานํ ทตฺวา ตสฺส เปตสฺส ทกฺขิณํ อาทิสึสุ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา จตุนฺนํ ปริสานํ ธมฺมํ เทเสสิ. มหาชโน จ โลภาทิมจฺเฉรมลํ ปหาย ทานาทิปุฺาภิรโต อโหสีติ.

ธนปาลเสฏฺิเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. จูฬเสฏฺิเปตวตฺถุวณฺณนา

นคฺโค กิโส ปพฺพชิโตสิ, ภนฺเตติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรนฺเต จูฬเสฏฺิเปตํ อารพฺภ วุตฺตํ. พาราณสิยํ กิร เอโก คหปติ อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน มจฺฉรี กทริโย ปุฺกิริยาย อนาทโร จูฬเสฏฺิ นาม อโหสิ. โส กาลํ กตฺวา เปเตสุ นิพฺพตฺติ, ตสฺส กาโย อปคตมํสโลหิโต อฏฺินฺหารุจมฺมมตฺโต มุณฺโฑ อเปตวตฺโถ อโหสิ. ธีตา ปนสฺส อนุลา อนฺธกวินฺเท สามิกสฺส เคเห วสนฺตี ปิตรํ อุทฺทิสฺส พฺราหฺมเณ โภเชตุกามา ตณฺฑุลาทีนิ ทานูปกรณานิ สชฺเชสิ. ตํ ตฺวา เปโต อาสาย อากาเสน ตตฺถ คจฺฉนฺโต ราชคหํ สมฺปาปุณิ. เตน จ สมเยน ราชา อชาตสตฺตุ เทวทตฺเตน อุยฺโยชิโต ปิตรํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา เตน วิปฺปฏิสาเรน ทุสฺสุปิเนน จ นิทฺทํ อนุปคจฺฉนฺโต อุปริปาสาทวรคโต จงฺกมนฺโต ตํ เปตํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อิมาย คาถาย ปุจฺฉิ –

๒๔๖.

‘‘นคฺโค กิโส ปพฺพชิโตสิ ภนฺเต, รตฺตึ กุหึ คจฺฉสิ กิสฺสเหตุ;

อาจิกฺข เม ตํ อปิ สกฺกุเณมุ, สพฺเพน วิตฺตํ ปฏิปาทเย ตุว’’นฺติ.

ตตฺถ ปพฺพชิโตติ สมโณ. ราชา กิร ตํ นคฺคตฺตา มุณฺฑตฺตา จ ‘‘นคฺโค สมโณ อย’’นฺติ สฺาย ‘‘นคฺโค กิโส ปพฺพชิโตสี’’ติอาทิมาห. กิสฺสเหตูติ กินฺนิมิตฺตํ. สพฺเพน วิตฺตํ ปฏิปาทเย ตุวนฺติ วิตฺติยา อุปกรณภูตํ วิตฺตํ สพฺเพน โภเคน ตุยฺหํ อชฺฌาสยานุรูปํ, สพฺเพน วา อุสฺสาเหน ปฏิปาเทยฺยํ สมฺปาเทยฺยํ. ตถา กาตุํ มยํ อปฺเปว นาม สกฺกุเณยฺยาม, ตสฺมา อาจิกฺข เม ตํ, เอตํ ตว อาคมนการณํ มยฺหํ กเถหีติ อตฺโถ.

เอวํ รฺา ปุฏฺโ เปโต อตฺตโน ปวตฺตึ กเถนฺโต ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๒๔๗.

‘‘พาราณสี นครํ ทูรฆุฏฺํ, ตตฺถาหํ คหปติ อฑฺฒโก อหุ ทีโน;

อทาตา เคธิตมโน อามิสสฺมึ, ทุสฺสีลฺเยน ยมวิสยมฺหิ ปตฺโต.

๒๔๘.

‘‘โส สูจิกาย กิลมิโต เตหิ,

เตเนว าตีสุ ยามิ อามิสกิฺจิกฺขเหตุ;

อทานสีลา น จ สทฺทหนฺติ,

‘ทานผลํ โหติ ปรมฺหิ โลเก’.

๒๔๙.

‘‘ธีตา จ มยฺหํ ลปเต อภิกฺขณํ, ทสฺสามิ ทานํ ปิตูนํ ปิตามหานํ;

ตมุปกฺขฏํ ปริวิสยนฺติ พฺราหฺมณา, ยามิ อหํ อนฺธกวินฺทํ ภุตฺตุ’’นฺติ.

๒๔๗. ตตฺถ ทูรฆุฏฺนฺติ ทูรโต เอว คุณกิตฺตนวเสน โฆสิตํ, สพฺพตฺถ วิสฺสุตํ ปากฏนฺติ อตฺโถ. อฑฺฒโกติ อฑฺโฒ มหาวิภโว. ทีโนติ นิหีนจิตฺโต อทานชฺฌาสโย. เตนาห ‘‘อทาตา’’ติ. เคธิตมโน อามิสสฺมินฺติ กามามิเส ลคฺคจิตฺโต เคธํ อาปนฺโน. ทุสฺสีลฺเยน ยมวิสยมฺหิ ปตฺโตติ อตฺตนา กเตน ทุสฺสีลกมฺมุนา ยมวิสยํ เปตโลกํ ปตฺโต อมฺหิ.

๒๔๘. โส สูจิกาย กิลมิโตติ โส อหํ วิชฺฌนฏฺเน สูจิสทิสตาย ‘‘สูจิกา’’ติ ลทฺธนามาย ชิฆจฺฉาย กิลมิโต นิรนฺตรํ วิชฺฌมาโน. ‘‘กิลมโถ’’ติ อิจฺเจว วา ปาโ. เตหีติ ‘‘ทีโน’’ติอาทินา วุตฺเตหิ ปาปกมฺเมหิ การณภูเตหิ. ตสฺส หิ เปตสฺส ตานิ ปาปกมฺมานิ อนุสฺสรนฺตสฺส อติวิย โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ, ตสฺมา เอวมาห. เตเนวาติ เตเนว ชิฆจฺฉาทุกฺเขน. าตีสุ ยามีติ าตีนํ สมีปํ ยามิ คจฺฉามิ. อามิสกิฺจิกฺขเหตูติ อามิสสฺส กิฺจิกฺขนิมิตฺตํ, กิฺจิ อามิสํ ปตฺเถนฺโตติ อตฺโถ. อทานสีลา น จ สทฺทหนฺติ, ‘ทานผลํ โหติ ปรมฺหิ โลเก’ติ ยถา อหํ, ตถา เอวํ อฺเปิ มนุสฺสา อทานสีลา ‘‘ทานสฺส ผลํ เอกํเสน ปรโลเก โหตี’’ติ น จ สทฺทหนฺติ. ยโต อหํ วิย เตปิ เปตา หุตฺวา มหาทุกฺขํ ปจฺจนุภวนฺตีติ อธิปฺปาโย.

๒๔๙. ลปเตติ กเถติ. อภิกฺขณนฺติ อภิณฺหํ พหุโส. กินฺติ ลปตีติ อาห ‘‘ทสฺสามิ ทานํ ปิตูนํ ปิตามหาน’’นฺติ. ตตฺถ ปิตูนนฺติ มาตาปิตูนํ, จูฬปิตุมหาปิตูนํ วา. ปิตามหานนฺติ อยฺยกปยฺยกานํ. อุปกฺขฏนฺติ สชฺชิตํ. ปริวิสยนฺตีติ โภชยนฺติ. อนฺธกวินฺทนฺติ เอวํนามกํ นครํ. ภุตฺตุนฺติ ภุฺชิตุํ. ตโต ปรา สงฺคีติการเกหิ วุตฺตา –

๒๕๐.

‘‘ตมโวจ ราชา ‘อนุภวิยาน ตมฺปิ,

เอยฺยาสิ ขิปฺปํ อหมปิ กสฺสํ ปูชํ;

อาจิกฺข เม ตํ ยทิ อตฺถิ เหตุ,

สทฺธายิตํ เหตุวโจ สุโณม’.

๒๕๑.

‘‘ตถาติ วตฺวา อคมาสิ ตตฺถ, ภุฺชึสุ ภตฺตํ น จ ทกฺขิณารหา;

ปจฺจาคมิ ราชคหํ ปุนาปรํ, ปาตุรโหสิ ปุรโต ชนาธิปสฺส.

๒๕๒.

‘‘ทิสฺวาน เปตํ ปุนเทว อาคตํ, ราชา อโวจ ‘อหมปิ กึ ททามิ;

อาจิกฺข เม ตํ ยทิ อตฺถิ เหตุ, เยน ตุวํ จิรตรํ ปีณิโต สิยา’.

๒๕๓.

‘‘พุทฺธฺจ สงฺฆํ ปริวิสิยาน ราช, อนฺเนน ปาเนน จ จีวเรน;

ตํ ทกฺขิณํ อาทิส เม หิตาย, เอวํ อหํ จิรตรํ ปีณิโต สิยา.

๒๕๔.

‘‘ตโต จ ราชา นิปติตฺวา ตาวเท, ทานํ สหตฺถา อตุลํ ททิตฺวา สงฺเฆ;

อาโรเจสิ ปกตํ ตถาคตสฺส, ตสฺส จ เปตสฺส ทกฺขิณํ อาทิสิตฺถ.

๒๕๕.

‘‘โส ปูชิโต อติวิย โสภมาโน, ปาตุรโหสิ ปุรโต ชนาธิปสฺส;

ยกฺโขหมสฺมิ ปรมิทฺธิปตฺโต, น มยฺหมตฺถิ สมา สทิสา มานุสา.

๒๕๖.

‘‘ปสฺสานุภาวํ อปริมิตํ มมยิทํ, ตยานุทิฏฺํ อตุลํ ทตฺวา สงฺเฆ;

สนฺตปฺปิโต สตตํ สทา พหูหิ, ยามิ อหํ สุขิโต มนุสฺสเทวา’’ติ.

๒๕๐. ตตฺถ ตมโวจ ราชาติ ตํ เปตํ ตถา วตฺวา ิตํ ราชา อชาตสตฺตุ อโวจ. อนุภวิยาน ตมฺปีติ ตํ ตว ธีตุยา อุปกฺขฏํ ทานมฺปิ อนุภวิตฺวา. เอยฺยาสีติ อาคจฺเฉยฺยาสิ. กสฺสนฺติ กริสฺสามิ. อาจิกฺขเม ตํ ยทิ อตฺถิ เหตูติ สเจ กิฺจิ การณํ อตฺถิ, ตํ การณํ มยฺหํ อาจิกฺข กเถหิ. สทฺธายิตนฺติ สทฺธายิตพฺพํ. เหตุวโจติ เหตุยุตฺตวจนํ, ‘‘อมุกสฺมึ าเน อสุเกน ปกาเรน ทาเน กเต มยฺหํ อุปกปฺปตี’’ติ สการณํ วจนํ วทาติ อตฺโถ.

๒๕๑. ตถาติ วตฺวาติ สาธูติ วตฺวา. ตตฺถาติ ตสฺมึ อนฺธกวินฺเท ปริเวสนฏฺาเน. ภุฺชึสุ ภตฺตํ น จ ทกฺขิณารหาติ ภตฺตํ ภุฺชึสุ ทุสฺสีลพฺราหฺมณา, น จ ปน ทกฺขิณารหา สีลวนฺโต ภุฺชึสูติ อตฺโถ. ปุนาปรนฺติ ปุน อปรํ วารํ ราชคหํ ปจฺจาคมิ.

๒๕๒. กึ ททามีติ ‘‘กีทิสํ เต ทานํ ทสฺสามี’’ติ ราชา เปตํ ปุจฺฉิ. เยน ตุวนฺติ เยน การเณน ตฺวํ. จิรตรนฺติ จิรกาลํ. ปีณิโตติ ติตฺโต สิยา, ตํ กเถหีติ อตฺโถ.

๒๕๓. ปริวิสิยานาติ โภเชตฺวา. ราชาติ อชาตสตฺตุํ อาลปติ. เม หิตายาติ มยฺหํ หิตตฺถาย เปตตฺตภาวโต ปริมุตฺติยา.

๒๕๔. ตโตติ ตสฺมา เตน วจเนน, ตโต วา ปาสาทโต. นิปติตฺวาติ นิกฺขมิตฺวา. ตาวเทติ ตทา เอว อรุณุคฺคมนเวลาย. ยมฺหิ เปโต ปจฺจาคนฺตฺวา รฺโ อตฺตานํ ทสฺเสสิ, ตสฺมึ ปุเรภตฺเต เอว ทานํ อทาสิ . สหตฺถาติ สหตฺเถน. อตุลนฺติ อปฺปมาณํ อุฬารํ ปณีตํ. ทตฺวา สงฺเฆติ สงฺฆสฺส ทตฺวา. อาโรเจสิ ปกตํ ตถาคตสฺสาติ ‘‘อิทํ, ภนฺเต, ทานํ อฺตรํ เปตํ สนฺธาย ปกต’’นฺติ ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสิ. อาโรเจตฺวา จ ยถา ตํ ทานํ ตสฺส อุปกปฺปติ, เอวํ ตสฺส จ เปตสฺส ทกฺขิณํ อาทิสิตฺถ อาทิสิ.

๒๕๕. โสติ โส เปโต. ปูชิโตติ ทกฺขิณาย ทิยฺยมานาย ปูชิโต. อติวิย โสภมาโนติ ทิพฺพานุภาเวน อติวิย วิโรจมาโน. ปาตุรโหสีติ ปาตุภวิ, รฺโ ปุรโต อตฺตานํ ทสฺเสสิ. ยกฺโขหมสฺมีติ เปตตฺตภาวโต มุตฺโต ยกฺโข อหํ ชาโต เทวภาวํ ปตฺโตสฺมิ. น มยฺหมตฺถิ สมา สทิสา มานุสาติ มยฺหํ อานุภาวสมฺปตฺติยา สมา วา โภคสมฺปตฺติยา สทิสา วา มนุสฺสา น สนฺติ.

๒๕๖. ปสฺสานุภาวํอปริมิตํ มมยิทนฺติ ‘‘มม อิทํ อปริมาณํ ทิพฺพานุภาวํ ปสฺสา’’ติ อตฺตโน สมฺปตฺตึ ปจฺจกฺขโต รฺโ ทสฺเสนฺโต วทติ. ตยานุทิฏฺํ อตุลํ ทตฺวา สงฺเฆติ อริยสงฺฆสฺส อตุลํ อุฬารํ ทานํ ทตฺวา มยฺหํ อนุกมฺปาย ตยา อนุทิฏฺํ. สนฺตปฺปิโต สตตํ สทา พหูหีติ อนฺนปานวตฺถาทีหิ พหูหิ เทยฺยธมฺเมหิ อริยสงฺฆํ สนฺตปฺเปนฺเตน ตยา สทา สพฺพกาลํ ยาวชีวํ ตตฺถาปิ สตตํ นิรนฺตรํ อหํ สนฺตปฺปิโต ปีณิโต. ยามิ อหํ สุขิโต มนุสฺสเทวาติ ‘‘ตสฺมา อหํ อิทานิ สุขิโต มนุสฺสเทว มหาราช ยถิจฺฉิตฏฺานํ ยามี’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิ.

เอวํ เปเต อาปุจฺฉิตฺวา คเต ราชา อชาตสตฺตุ ตมตฺถํ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ, ภิกฺขู ภควโต สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา อาโรเจสุํ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาชโน มจฺเฉรมลํ ปหาย ทานาทิปุฺาภิรโต อโหสีติ.

จูฬาเสฏฺิเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. องฺกุรเปตวตฺถุวณฺณนา

ยสฺส อตฺถาย คจฺฉามาติ อิทํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต องฺกุรเปตํ อารพฺภ กเถสิ. กามฺเจตฺถ องฺกุโร เปโต น โหติ, ตสฺส ปน จริตํ ยสฺมา เปตสมฺพนฺธํ, ตสฺมา ตํ ‘‘องฺกุรเปตวตฺถู’’ติ วุตฺตํ.

ตตฺรายํ สงฺเขปกถา – เย เต อุตฺตรมธุราธิปติโน รฺโ มหาสาครสฺส ปุตฺตํ อุปสาครํ ปฏิจฺจ อุตฺตราปเถ กํสโภเค อสิตฺชนนคเร มหากํสสฺส ธีตุยา เทวคพฺภาย กุจฺฉิยํ อุปฺปนฺนา อฺชนเทวี วาสุเทโว พลเทโว จนฺทเทโว สูริยเทโว อคฺคิเทโว วรุณเทโว อชฺชุโน ปชฺชุโน ฆฏปณฺฑิโต องฺกุโร จาติ วาสุเทวาทโย ทส ภาติกาติ เอกาทส ขตฺติยา อเหสุํ, เตสุ วาสุเทวาทโย ภาตโร อสิตฺชนนครํ อาทึ กตฺวา ทฺวารวตีปริโยสาเนสุ สกลชมฺพุทีเป เตสฏฺิยา นครสหสฺเสสุ สพฺเพ ราชาโน จกฺเกน ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ทฺวารวติยํ วสมานา รชฺชํ ทส โกฏฺาเส กตฺวา วิภชึสุ. ภคินึ ปน อฺชนเทวึ น สรึสุ. ปุน สริตฺวา ‘‘เอกาทส โกฏฺาเส กโรมา’’ติ วุตฺเต เตสํ สพฺพกนิฏฺโ องฺกุโร ‘‘มม โกฏฺาสํ ตสฺสา เทถ, อหํ โวหารํ กตฺวา ชีวิสฺสามิ, ตุมฺเห อตฺตโน อตฺตโน ชนปเทสุ สุงฺกํ มยฺหํ วิสฺสชฺเชถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺส โกฏฺายํ ภคินิยา ทตฺวา นว ราชาโน ทฺวารวติยํ วสึสุ.

องฺกุโร ปน วณิชฺชํ กโรนฺโต นิจฺจกาลํ มหาทานํ เทติ. ตสฺส ปเนโก ทาโส ภณฺฑาคาริโก อตฺถกาโม อโหสิ. องฺกุโร ปสนฺนมานโส ตสฺส เอกํ กุลธีตรํ คเหตฺวา อทาสิ. โส ปุตฺเต คพฺภคเตเยว กาลมกาสิ. องฺกุโร ตสฺมึ ชาเต ตสฺส ปิตุโน ทินฺนํ ภตฺตเวตนํ ตสฺส อทาสิ. อถ ตสฺมึ ทารเก วยปฺปตฺเต ‘‘ทาโส น ทาโส’’ติ ราชกุเล วินิจฺฉโย อุปฺปชฺชิ. ตํ สุตฺวา อฺชนเทวี เธนูปมํ วตฺวา ‘‘มาตุ ภุชิสฺสาย ปุตฺโตปิ ภุชิสฺโส เอวา’’ติ ทาสพฺยโต โมเจสิ.

ทารโก ปน ลชฺชาย ตตฺถ วสิตุํ อวิสหนฺโต โรรุวนครํ คนฺตฺวา ตตฺถ อฺตรสฺส ตุนฺนวายสฺส ธีตรํ คเหตฺวา ตุนฺนวายสิปฺเปน ชีวิกํ กปฺเปสิ. เตน สมเยน โรรุวนคเร อสยฺหมหาเสฏฺิ นาม อโหสิ. โส สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกานํ มหาทานํ เทติ. โส ตุนฺนวาโย เสฏฺิโน ฆรํ อชานนฺตานํ ปีติโสมนสฺสชาโต หุตฺวา อสยฺหเสฏฺิโน นิเวสนํ ทกฺขิณพาหุํ ปสาเรตฺวา ทสฺเสสิ ‘‘เอตฺถ คนฺตฺวา ลทฺธพฺพํ ลภนฺตู’’ติ. ตสฺส กมฺมํ ปาฬิยํเยว อาคตํ.

โส อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา มรุภูมิยํ อฺตรสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข ภุมฺมเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส ทกฺขิณหตฺโถ สพฺพกามทโท อโหสิ. ตสฺมึเยว จ โรรุเว อฺตโร ปุริโส อสยฺหเสฏฺิโน ทาเน พฺยาวโฏ อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน มิจฺฉาทิฏฺิโก ปุฺกิริยาย อนาทโร กาลํ กตฺวา ตสฺส เทวปุตฺตสฺส วสนฏฺานสฺส อวิทูเร เปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. เตน จ กตกมฺมํ ปาฬิยํเยว อาคตํ. อสยฺหมหาเสฏฺิ ปน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน สกฺกสฺส เทวรฺโ สหพฺยตํ อุปคโต.

อถ อปเรน สมเยน องฺกุโร ปฺจหิ สกฏสเตหิ, อฺตโร จ พฺราหฺมโณ ปฺจหิ สกฏสเตหีติ ทฺเวปิ ชนา สกฏสหสฺเสน ภณฺฑํ อาทาย มรุกนฺตารมคฺคํ ปฏิปนฺนา มคฺคมูฬฺหา หุตฺวา พหุํ ทิวสํ ตตฺเถว วิจรนฺตา ปริกฺขีณติโณทกาหารา อเหสุํ. องฺกุโร อสฺสทูเตหิ จตูสุ ทิสาสุ ปานิยํ มคฺคาเปสิ. อถ โส กามททหตฺโถ ยกฺโข ตํ เตสํ พฺยสนปฺปตฺตึ ทิสฺวา องฺกุเรน ปุพฺเพ อตฺตโน กตํ อุปการํ จินฺเตตฺวา ‘‘หนฺท ทานิ อิมสฺส มยา อวสฺสเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ อตฺตโน วสนวฏรุกฺขํ ทสฺเสสิ. โส กิร วฏรุกฺโข สาขาวิฏปสมฺปนฺโน ฆนปลาโส สนฺทจฺฉาโย อเนกสหสฺสปาโรโห อายาเมน วิตฺถาเรน อุพฺเพเธน จ โยชนปริมาโณ อโหสิ. ตํ ทิสฺวา องฺกุโร หฏฺตุฏฺโ ตสฺส เหฏฺา ขนฺธาวารํ พนฺธาเปสิ. ยกฺโข อตฺตโน ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ปมํ ตาว ปานีเยน สพฺพํ ชนํ สนฺตปฺเปสิ. ตโต โย โย ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส ตํ ตํ อทาสิ.

เอวํ ตสฺมึ มหาชเน นานาวิเธน อนฺนปานาทินา ยถากามํ สนฺตปฺปิเต ปจฺฉา วูปสนฺเต มคฺคปริสฺสเม โส พฺราหฺมณวาณิโช อโยนิโส มนสิกโรนฺโต เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ธนลาภาย อิโต กมฺโพชํ คนฺตฺวา มยํ กึ กริสฺสาม, อิมเมว ปน ยกฺขํ เยน เกนจิ อุปาเยน คเหตฺวา ยานํ อาโรเปตฺวา อมฺหากํ นครเมว คมิสฺสามา’’ติ. เอวํ จินฺเตตฺวา ตมตฺถํ องฺกุรสฺส กเถนฺโต –

๒๕๗.

‘‘ยสฺส อตฺถาย คจฺฉาม, กมฺโพชํ ธนหารกา;

อยํ กามทโท ยกฺโข, อิมํ ยกฺขํ นยามเส.

๒๕๘.

‘‘อิมํ ยกฺขํ คเหตฺวาน, สาธุเกน ปสยฺห วา;

ยานํ อาโรปยิตฺวาน, ขิปฺปํ คจฺฉาม ทฺวารก’’นฺติ. –

คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ยสฺส อตฺถายาติ ยสฺส การณา. กมฺโพชนฺติ กมฺโพชรฏฺํ. ธนหารกาติ ภณฺฑวิกฺกเยน ลทฺธธนหาริโน. กามทโทติ อิจฺฉิติจฺฉิตทายโก. ยกฺโขติ เทวปุตฺโต. นยามเสติ นยิสฺสาม . สาธุเกนาติ ยาจเนน. ปสยฺหาติ อภิภวิตฺวา พลกฺกาเรน, ยานนฺติ สุขยานํ . ทฺวารกนฺติ ทฺวารวตีนครํ. อยํ เหตฺถาธิปฺปาโย – ยทตฺถํ มยํ อิโต กมฺโพชํ คนฺตุกามา, เตน คมเนน สาเธตพฺโพ อตฺโถ อิเธว สิชฺฌติ. อยฺหิ ยกฺโข กามทโท, ตสฺมา อิมํ ยกฺขํ ยาจิตฺวา ตสฺส อนุมติยา วา, สเจ สฺตฺตึ น คจฺฉติ, พลกฺกาเรน วา ยานํ อาโรเปตฺวา ยาเน ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา ตํ คเหตฺวา อิโตเยว ขิปฺปํ ทฺวารวตีนครํ คจฺฉามาติ.

เอวํ ปน พฺราหฺมเณน วุตฺโต องฺกุโร สปฺปุริสธมฺเม ตฺวา ตสฺส วจนํ ปฏิกฺขิปนฺโต –

๒๕๙.

‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;

น ตสฺส สาขํ ภฺเชยฺย, มิตฺตทุพฺโภ หิ ปาปโก’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ น ภฺเชยฺยาติ น ฉินฺเทยฺย. มิตฺตทุพฺโภติ มิตฺเตสุ ทุพฺภนํ เตสํ อนตฺถุปฺปาทนํ. ปาปโกติ อภทฺทโก มิตฺตทุพฺโภ. โย หิ สีตจฺฉาโย รุกฺโข ฆมฺมาภิตตฺตสฺส ปุริสสฺส ปริสฺสมวิโนทโก, ตสฺสาปิ นาม ปาปกํ น จินฺเตตพฺพํ, กิมงฺกํ ปน สตฺตภูเตสุ. อยํ เทวปุตฺโต สปฺปุริโส ปุพฺพการี อมฺหากํ ทุกฺขปนูทโก พหูปกาโร, น ตสฺส กิฺจิ อนตฺถํ จินฺเตตพฺพํ, อฺทตฺถุ โส ปูเชตพฺโพ เอวาติ ทสฺเสติ.

ตํ สุตฺวา พฺราหฺมณา ‘‘อตฺถสฺส มูลํ นิกติวินโย’’ติ นีติมคฺคํ นิสฺสาย องฺกุรสฺส ปฏิโลมปกฺเข ตฺวา –

๒๖๐.

‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;

ขนฺธมฺปิ ตสฺส ฉินฺเทยฺย, อตฺโถ เจ ตาทิโส สิยา’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ อตฺโถ เจ ตาทิโส สิยาติ ตาทิเสน ทพฺพสมฺภาเรน สเจ อตฺโถ ภเวยฺย, ตสฺส รุกฺขสฺส ขนฺธมฺปิ ฉินฺเทยฺย, กิมงฺคํ ปน สาขาทโยติ อธิปฺปาโย.

เอวํ พฺราหฺมเณน วุตฺเต องฺกุโร สปฺปุริสธมฺมํเยว ปคฺคณฺหนฺโต –

๒๖๑.

‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;

น ตสฺส ปตฺตํ ภินฺเทยฺย, มิตฺตทุพฺโภ หิ ปาปโก’’ติ. –

อิมํ คาถมาห. ตตฺถ น ตสฺส ปตฺตํ ภินฺเทยฺยาติ ตสฺส รุกฺขสฺส เอกปณฺณมตฺตมฺปิ น ปาเตยฺย, ปเคว สาขาทิเกติ อธิปฺปาโย.

ปุนปิ พฺราหฺมโณ อตฺตโน วาทํ ปคฺคณฺหนฺโต –

๒๖๒.

‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;

สมูลมฺปิ ตํ อพฺพุเห, อตฺโถ เจ ตาทิโส สิยา’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ สมูลมฺปิ ตํ อพฺพุเหติ ตํ ตตฺถ สมูลมฺปิ สห มูเลนปิ อพฺพุเหยฺย, อุทฺธเรยฺยาติ อตฺโถ.

เอวํ พฺราหฺมเณน วุตฺเต ปุน องฺกุโร ตํ นีตึ นิรตฺถกํ กาตุกาโม –

๒๖๓.

‘‘ยสฺเสกรตฺติมฺปิ ฆเร วเสยฺย, ยตฺถนฺนปานํ ปุริโส ลเภถ;

น ตสฺส ปาปํ มนสาปิ จินฺตเย, กตฺุตา สปฺปุริเสหิ วณฺณิตา.

๒๖๔.

‘‘ยสฺเสกรตฺติมฺปิ ฆเร วเสยฺย, อนฺเนน ปาเนน อุปฏฺิโต สิยา;

น ตสฺส ปาปํ มนสาปิ จินฺตเย, อทุพฺภปาณี ทหเต มิตฺตทุพฺภึ.

๒๖๕.

‘‘โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ, ปจฺฉา ปาเปน หึสติ;

อลฺลปาณิหโต โปโส, น โส ภทฺรานิ ปสฺสตี’’ติ. –

อิมา ติสฺโส คาถา อภาสิ.

๒๖๓. ตตฺถ ยสฺสาติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส. เอกรตฺติมฺปีติ เอกรตฺติมตฺตมฺปิ เกวลํ เคเห วเสยฺย. ยตฺถนฺนปานํ ปุริโส ลเภถาติ ยสฺส สนฺติเก โกจิ ปุริโส อนฺนปานํ วา ยํกิฺจิ โภชนํ วา ลเภยฺย. น ตสฺสปาปํ มนสาปิ จินฺตเยติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส อภทฺทกํ อนตฺถํ มนสาปิ น จินฺเตยฺย น ปิเหยฺย, ปเคว กายวาจาหิ. กสฺมาติ เจ? กตฺุตา สปฺปุริเสหิ วณฺณิตาติ กตฺุตา นาม พุทฺธาทีหิ อุตฺตมปุริเสหิ ปสํสิตา.

๒๖๔. อุปฏฺิโตติ ปยิรุปาสิโต ‘‘อิทํ คณฺห อิทํ ภุฺชา’’ติ อนฺนปานาทินา อุปฏฺิโต. อทุพฺภปาณีติ อหึสกหตฺโถ หตฺถสํยโต. ทหเต มิตฺตทุพฺภินฺติ ตํ มิตฺตทุพฺภึ ปุคฺคลํ ทหติ วินาเสติ, อปฺปทุฏฺเ หิตชฺฌาสยสมฺปนฺเน ปุคฺคเล ปเรน กโต อปราโธ อวิเสเสน ตสฺเสว อนตฺถาวโห, อปฺปทุฏฺโ ปุคฺคโล อตฺถโต ตํ ทหติ นาม. เตนาห ภควา –

‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ, สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส;

ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ, สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ. (ธ. ป. ๑๒๕; ชา. ๑.๕.๙๔; สํ. นิ. ๑.๒๒);

๒๖๕. โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณติ โย ปุคฺคโล เกนจิ สาธุนา กตภทฺทโก กตูปกาโร. ปจฺฉา ปาเปน หึสตีติ ตํ ปุพฺพการินํ อปรภาเค ปาเปน อภทฺทเกน อนตฺถเกน พาธติ. อลฺลปาณิหโต โปโสติ อลฺลปาณินา อุปการกิริยาย อลฺลปาณินา โธตหตฺเถน ปุพฺพการินา เหฏฺา วุตฺตนเยน หโต พาธิโต, ตสฺส วา ปุพฺพการิโน พาธเนน หโต อลฺลปาณิหโต นาม, อกตฺุปุคฺคโล. น โส ภทฺรานิ ปสฺสตีติ โส ยถาวุตฺตปุคฺคโล อิธโลเก จ ปรโลเก จ อิฏฺานิ น ปสฺสติ, น วินฺทติ, น ลภตีติ อตฺโถ.

เอวํ สปฺปุริสธมฺมํ ปคฺคณฺหนฺเตน องฺกุเรน อภิภวิตฺวา วุตฺโต โส พฺราหฺมโณ นิรุตฺตโร ตุณฺหี อโหสิ. ยกฺโข ปน เตสํ ทฺวินฺนํ วจนปฏิวจนานิ สุตฺวา พฺราหฺมณสฺส กุชฺฌิตฺวาปิ ‘‘โหตุ อิมสฺส ทุฏฺพฺราหฺมณสฺส กตฺตพฺพํ ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ อตฺตโน เกนจิ อนภิภวนียตเมว ตาว ทสฺเสนฺโต –

๒๖๖.

‘‘นาหํ เทเวน วา มนุสฺเสน วา, อิสฺสริเยน วา หํ สุปฺปสยฺโห;

ยกฺโขหมสฺมิ ปรมิทฺธิปตฺโต, ทูรงฺคโม วณฺณพลูปปนฺโน’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ เทเวน วาติ เยน เกนจิ เทเวน วา. มนุสฺเสน วาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อิสฺสริเยนวาติ เทวิสฺสริเยน วา มนุสฺสิสฺสริเยน วา. ตตฺถ เทวิสฺสริยํ นาม จตุมหาราชิกสกฺกสุยามาทีนํ เทวิทฺธิ, มนุสฺสิสฺสริยํ นาม จกฺกวตฺติอาทีนํ ปุฺิทฺธิ. ตสฺมา อิสฺสริยคฺคหเณน มหานุภาเว เทวมนุสฺเส สงฺคณฺหาติ. มหานุภาวาปิ หิ เทวา อตฺตโน ปุฺผลูปตฺถมฺภิเต มนุสฺเสปิ อสติ ปโยควิปตฺติยํ อภิภวิตุํ น สกฺโกนฺติ, ปเคว อิตเร. นฺติ อสหเน นิปาโต. น สุปฺปสยฺโหติ อปฺปธํสิโย. ยกฺโขหมสฺมิ ปรมิทฺธิปตฺโตติ อตฺตโน ปุฺผเลน อหํ ยกฺขตฺตํ อุปคโต อสฺมิ, ยกฺโขว สมาโน น โย วา โส วา, อถ โข ปรมิทฺธิปตฺโต ปรมาย อุตฺตมาย ยกฺขิทฺธิยา สมนฺนาคโต. ทูรงฺคโมติ ขเณเนว ทูรมฺปิ านํ คนฺตุํ สมตฺโถ. วณฺณพลูปปนฺโนติ รูปสมฺปตฺติยา สรีรพเลน จ อุปปนฺโน สมนฺนาคโตติ ตีหิปิ ปเทหิ มนฺตปฺปโยคาทีหิ อตฺตโน อนภิภวนียตํเยว ทสฺเสติ. รูปสมฺปนฺโน หิ ปเรสํ พหุมานิโต โหติ, รูปสมฺปทํ นิสฺสาย วิสภาควตฺถุนาปิ อนากฑฺฒนิโยวาติ วณฺณสมฺปทา อนภิภวนียการณนฺติ วุตฺตา.

อิโต ปรํ องฺกุรสฺส จ เทวปุตฺตสฺส จ วจนปฏิวจนกถา โหติ –

๒๖๗.

‘‘ปาณิ เต สพฺพโสวณฺโณ, ปฺจธาโร มธุสฺสโว;

นานารสา ปคฺฆรนฺติ, มฺเหํ ตํ ปุรินฺททํ.

๒๖๘.

‘‘นามฺหิ เทโว น คนฺธพฺโพ, นาปิ สกฺโก ปุรินฺทโท;

เปตํ มํ องฺกุร ชานาหิ, โรรุวมฺหา อิธาคตํ.

๒๖๙.

‘‘กึสีโล กึสมาจาโร, โรรุวสฺมึ ปุเร ตุวํ;

เกน เต พฺรหฺมจริเยน, ปุฺํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌติ.

๒๗๐.

‘‘ตุนฺนวาโย ปุเร อาสึ, โรรุวสฺมึ ตทา อหํ;

สุกิจฺฉวุตฺติ กปโณ, น เม วิชฺชติ ทาตเว.

๒๗๑.

‘‘นิเวสนฺจ เม อาสิ, อสยฺหสฺส อุปนฺติเก;

สทฺธสฺส ทานปติโน, กตปุฺสฺส ลชฺชิโน.

๒๗๒.

‘‘ตตฺถ ยาจนกายนฺติ, นานาโคตฺตา วนิพฺพกา;

เต จ มํ ตตฺถ ปุจฺฉนฺติ, อสยฺหสฺส นิเวสนํ.

๒๗๓.

‘‘กตฺถ คจฺฉาม ภทฺทํ โว, กตฺถ ทานํ ปทียติ;

เตสาหํ ปุฏฺโ อกฺขามิ, อสยฺหสฺส นิเวสนํ.

๒๗๔.

‘‘ปคฺคยฺห ทกฺขิณํ พาหุํ, เอตฺถ คจฺฉถ ภทฺทํ โว;

เอตฺถ ทานํ ปทียติ, อสยฺหสฺส นิเวสเน.

๒๗๕.

‘‘เตน ปาณิ กามทโท, เตน ปาณิ มธุสฺสโว;

เตน เม พฺรหฺมจริเยน, ปุฺํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌติ.

๒๗๖.

‘‘น กิร ตฺวํ อทา ทานํ, สกปาณีหิ กสฺสจิ;

ปรสฺส ทานํ อนุโมทมาโน, ปาณึ ปคฺคยฺห ปาวทิ.

๒๗๗.

‘‘เตน ปาณิ กามทโท, เตน ปาณิ มธุสฺสโว;

เตน เต พฺรหฺมจริเยน, ปุฺํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌติ.

๒๗๘.

‘‘โย โส ทานมทา ภนฺเต, ปสนฺโน สกปาณิภิ;

โส หิตฺวา มานุสํ เทหํ, กึ นุ โส ทิสตํ คโต.

๒๗๙.

‘‘นาหํ ปชานามิ อสยฺหสาหิโน, องฺคีรสสฺส คตึ อาคตึ วา;

สุตฺจ เม เวสฺสวณสฺส สนฺติเก, สกฺกสฺส สหพฺยตํ คโต อสยฺโห.

๒๘๐.

‘‘อลเมว กาตุํ กลฺยาณํ, ทานํ ทาตุํ ยถารหํ;

ปาณึ กามททํ ทิสฺวา, โก ปุฺํ น กริสฺสติ.

๒๘๑.

‘‘โส หิ นูน อิโต คนฺตฺวา, อนุปฺปตฺวาน ทฺวารกํ;

ทานํ ปฏฺปยิสฺสามิ, ยํ มมสฺส สุขาวหํ.

๒๘๒.

‘‘ทสฺสามนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ;

ปปฺจ อุทปานฺจ, ทุคฺเค สงฺกมนานิ จา’’ติ. –

ปนฺนรส วจนปฏิวจนคาถา โหนฺติ.

๒๖๗. ตตฺถ ปาณิ เตติ ตว ทกฺขิณหตฺโถ. สพฺพโสวณฺโณติ สพฺพโส สุวณฺณวณฺโณ. ปฺจธาโรติ ปฺจหิ องฺคุลีหิ ปเรหิ กามิตวตฺถูนํ ธารา เอตสฺส สนฺตีติ ปฺจธาโร. มธุสฺสโวติ มธุรรสวิสฺสนฺทโก. เตนาห ‘‘นานารสา ปคฺฆรนฺตี’’ติ, มธุรกฏุกกสาวาทิเภทา นานาวิธา รสา วิสฺสนฺทนฺตีติ อตฺโถ. ยกฺขสฺส หิ กามทเท มธุราทิรสสมฺปนฺนานิ วิวิธานิ ขาทนียโภชนียานิ หตฺเถ วิสฺสชฺชนฺเต มธุราทิรสา ปคฺฆรนฺตีติ วุตฺตํ. มฺเหํ ตํ ปุรินฺททนฺติ มฺเ อหํ ตํ ปุรินฺททํ สกฺกํ, ‘‘เอวํมหานุภาโว สกฺโก เทวราชา’’ติ ตํ อหํ มฺามีติ อตฺโถ.

๒๖๘. นามฺหิ เทโวติ เวสฺสวณาทิโก ปากฏเทโว น โหมิ. น คนฺธพฺโพติ คนฺธพฺพกายิกเทโวปิ น โหมิ. นาปิ สกฺโก ปุรินฺทโทติ ปุริมตฺตภาเว ปุเร ทานสฺส ปฏฺปิตตฺตา ‘‘ปุรินฺทโท’’ติ ลทฺธนาโม สกฺโก เทวราชาปิ น โหมิ. กตโร ปน อโหสีติ อาห ‘‘เปตํ มํ องฺกุร ชานาหี’’ติอาทิ. องฺกุรเปตูปปตฺติกํ มํ ชานาหิ, ‘‘อฺตโร เปตมหิทฺธิโก’’ติ มํ อุปธาเรหิ. โรรุวมฺหา อิธาคตนฺติ โรรุวนครโต จวิตฺวา มรุกนฺตาเร อิธ อิมสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข อุปปชฺชนวเสน อาคตํ, เอตฺถ นิพฺพตฺตนฺติ อตฺโถ.

๒๖๙. กึสีโล กึสมาจาโร, โรรุวสฺมึ ปุเร ตุวนฺติ ปุพฺเพ ปุริมตฺตภาเว โรรุวนคเร วสนฺโต ตฺวํ กึสีโล กึสมาจาโร อโหสิ, ปาปโต นิวตฺตนลกฺขณํ กีทิสํ สีลํ สมาทาย สํวตฺติตปุฺกิริยาลกฺขเณน สมาจาเรน กึสมาจาโร, ทานาทีสุ กุสลสมาจาเรสุ กีทิโส สมาจาโร อโหสีติ อตฺโถ. เกน เต พฺรหฺมจริเยน, ปุฺํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌตีติ กีทิเสน เสฏฺจริเยน อิทํ เอวรูปํ ตว หตฺเถสุ ปุฺผลํ อิทานิ สมิชฺฌติ นิปฺผชฺชติ, ตํ กเถหีติ อตฺโถ. ปุฺผลฺหิ อิธ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘ปุฺ’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ตตฺถา หิ ตํ ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุฺํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐) ปุฺนฺติ วุตฺตํ.

๒๗๐. ตุนฺนวาโยติ ตุนฺนกาโร. สุกิจฺฉวุตฺตีติ สุฏฺุ กิจฺฉปุตฺติโก อติวิย ทุกฺขชีวิโก. กปโณติ วราโก, ทีโนติ อตฺโถ. น เม วิชฺชติ ทาตเวติ อทฺธิกานํ สมณพฺราหฺมณานํ ทาตุํ กิฺจิ ทาตพฺพยุตฺตกํ มยฺหํ นตฺถิ, จิตฺตํ ปน เม ทานํ ทินฺนนฺติ อธิปฺปาโย.

๒๗๑. นิเวสนนฺติ ฆรํ, กมฺมกรณสาลา วา. อสยฺหสฺส อุปนฺติเกติ อสยฺหสฺส มหาเสฏฺิโน เคหสฺส สมีเป. สทฺธสฺสาติ กมฺมผลสทฺธาย สมนฺนาคตสฺส. ทานปติโนติ ทาเน นิรนฺตรปฺปวตฺตาย ปริจฺจาคสมฺปตฺติยา โลภสฺส จ อภิภเวน ปติภูตสฺส. กตปุฺสฺสาติ ปุพฺเพ กตสุจริตกมฺมสฺส. ลชฺชิโนติ ปาปชิคุจฺฉนสภาวสฺส.

๒๗๒. ตตฺถาติ ตสฺมึ มม นิเวสเน. ยาจนกายนฺตีติ ยาจนกา ชนา อสยฺหเสฏฺึ กิฺจิ ยาจิตุกามา อาคจฺฉนฺติ. นานาโคตฺตาติ นานาวิธโคตฺตาปเทสา. วนิพฺพกาติ วณฺณทีปกา, เย ทายกสฺส ปุฺผลาทิฺจ คุณกิตฺตนาทิมุเขน อตฺตโน อตฺถิกภาวํ ปเวเทนฺตา วิจรนฺติ. เต จ มํ ตตฺถ ปุจฺฉนฺตีติ ตตฺถาติ นิปาตมตฺตํ, เต ยาจกาทโย มํ อสยฺหเสฏฺิโน นิเวสนํ ปุจฺฉนฺติ. อกฺขรจินฺตกา หิ อีทิเสสุ าเนสุ กมฺมทฺวยํ อิจฺฉนฺติ.

๒๗๓. กตฺถ คจฺฉาม ภทฺทํ โว, กตฺถ ทานํ ปทียตีติ เตสํ ปุจฺฉนาการทสฺสนํ. อยํ เปตฺถ อตฺโถ – ภทฺทํ ตุมฺหากํ โหตุ, มยํ ‘‘อสยฺหมหาเสฏฺินา ทานํ ปทียตี’’ติ สุตฺวา อาคตา, กตฺถ ทานํ ปทียติ, กตฺถ วา มยํ คจฺฉาม, กตฺถ คเตน ทานํ สกฺกา ลทฺธุนฺติ. เตสาหํ ปุฏฺโ อกฺขามีติ เอวํ เตหิ อทฺธิกชเนหิ ลภนฏฺานํ ปุฏฺโ ‘‘อหํ ปุพฺเพ อกตปุฺตาย อิทานิ อีทิสานํ กิฺจิ ทาตุํ อสมตฺโถ ชาโต, ทานคฺคํ ปน อิเมสํ ทสฺเสนฺโต ลาภสฺส อุปายาจิกฺขเณน ปีตึ อุปฺปาเทนฺโต เอตฺตเกนปิ พหุํ ปุฺํ ปสวามี’’ติ คารวํ อุปฺปาเทตฺวา ทกฺขิณํ พาหุํ ปสาเรตฺวา เตสํ อสยฺหเสฏฺิสฺส นิเวสนํ อกฺขามิ. เตนาห ‘‘ปคฺคยฺห ทกฺขิณํ พาหุ’’นฺติอาทิ.

๒๗๔. เตน ปาณิ กามทโทติ เตน ปรทานปกาสเนน ปเรน กตสฺส ทานสฺส สกฺกจฺจํ อนุโมทนมตฺเตน เหตุนา อิทานิ มยฺหํ หตฺโถ กปฺปรุกฺโข วิย สนฺตานกลตา วิย จ กามทุโห อิจฺฉิติจฺฉิตทายี กามทโท โหติ. กามทโท จ โหนฺโต เตน ปาณิ มธุสฺสโว อิฏฺวตฺถุวิสฺสชฺชนโก ชาโต.

๒๗๖. กิร ตฺวํ อทา ทานนฺติ กิราติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต, ตฺวํ กิร อตฺตโน สนฺตกํ น ปริจฺจชิ, สกปาณีหิ สหตฺเถหิ ยสฺส กสฺสจิ สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา กิฺจิ ทานํ น อทาสิ. ปรสฺส ทานํ อนุโมทมาโนติ เกวลํ ปน ปเรน กตํ ปรสฺส ทานํ ‘‘อโห ทานํ ปวตฺเตสี’’ติ อนุโมทมาโนเยว วิหาสิ.

๒๗๗. เตน ปาณิ กามทโทติ เตน ตุยฺหํ ปาณิ เอวํ กามทโท, อโห อจฺฉริยา วต ปุฺานํ คตีติ อธิปฺปาโย.

๒๗๘. โย โส ทานมทา, ภนฺเต, ปสนฺโน สกปาณิภีติ เทวปุตฺตํ คารเวน อาลปติ. ภนฺเต, ปเรน กตสฺส ทานานุโมทกสฺส ตาว ตุยฺหํ อีทิสํ ผลํ เอวรูโป อานุภาโว, โย ปน โส อสยฺหมหาเสฏฺิ มหาทานํ อทาสิ, ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา สหตฺเถหิ ตทา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. โส หิตฺวา มานุสํ เทหนฺติ โส อิธ มนุสฺสตฺตภาวํ ปหาย. กินฺติ กตรํ. นุ โสติ นูติ นิปาตมตฺตํ. ทิสตํ คโตติ ทิสํ านํ คโต, กีทิสี ตสฺส คโต นิปฺผตฺตีติ อสยฺหเสฏฺิโน อภิสมฺปรายํ ปุจฺฉิ.

๒๗๙. อสยฺหสาหิโนติ อฺเหิ มจฺฉรีหิ โลภาภิภูเตหิ สหิตุํ วหิตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส ปริจฺจาคาทิวิภาคสฺส สปฺปุริสธุรสฺส สหนโต อสยฺหสาหิโน. องฺคีรสสฺสาติ องฺคโต นิกฺขมนกชุติสฺส. รโสติ หิ ชุติยา อธิวจนํ. ตสฺส กิร ยาจเก อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, มุขวณฺโณ วิปฺปสีทติ, ตํ อตฺตโน ปจฺจกฺขํ กตฺวา เอวมาห. คตึ อาคตึ วาติ ตสฺส ‘‘อสุกํ นาม คตึ, อิโต คโต’’ติ คตึ วา ‘‘ตโต วา ปน อสุกสฺมึ กาเล อิธาคมิสฺสตี’’ติ อาคตึ วา นาหํ ชานามิ, อวิสโย เอส มยฺหํ. สุตฺจ เม เวสฺสวณสฺส สนฺติเกติ อปิจ โข อุปฏฺานํ คเตน เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส สนฺติเก สุตเมตํ มยา. สกฺกสฺส สหพฺยตํ คโต อสยฺโหติ อสยฺหเสฏฺิ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส สหพฺยตํ คโต อโหสิ, ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺโตติ อตฺโถ.

๒๘๐. อลเมว กาตุํ กลฺยาณนฺติ ยํกิฺจิ กลฺยาณํ กุสลํ ปุฺํ กาตุํ ยุตฺตเมว ปติรูปเมว. ตตฺถ ปน ยํ สพฺพสาธารณํ สุกตตรํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทานํ ทาตุํ ยถารห’’นฺติ วุตฺตํ, อตฺตโน วิภวพลานุรูปํ ทานํ ทาตุํ อลเมว. ตตฺถ การณมาห ‘‘ปาณึ กามททํ ทิสฺวา’’ติ. ยตฺร หิ นาม ปรกตปุฺานุโมทนปุพฺพเกน ทานปตินิเวสนมคฺคาจิกฺขณมตฺเตน อยํ หตฺโถ กามทโท ทิฏฺโ, อิมํ ทิสฺวา. โกปุฺํ น กริสฺสตีติ มาทิโส โก นาม อตฺตโน ปติฏฺานภูตํ ปุฺํ น กริสฺสตีติ.

๒๘๑. เอวํ อนิยมวเสน ปุฺกิริยาย อาทรํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตนิ ตํ นิยเมตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘โส หิ นูนา’’ติอาทิคาถาทฺวยมาห. ตตฺถ โสติ โส อหํ. หีติ อวธารเณ นิปาโต, นูนาติ ปริวิตกฺเก. อิโต คนฺตฺวาติ อิโต มรุภูมิโต อปคนฺตฺวา. อนุปฺปตฺวาน ทฺวารกนฺติ ทฺวารวตีนครํ อนุปาปุณิตฺวา. ปฏฺปยิสฺสามีติ ปวตฺตยิสฺสามิ.

เอวํ องฺกุเรน ‘‘ทานํ ทสฺสามี’’ติ ปฏิฺาย กตาย ยกฺโข ตุฏฺมานโส ‘‘มาริส, ตฺวํ วิสฺสตฺโถ ทานํ เทหิ, อหํ ปน เต สหายกิจฺจํ กริสฺสามิ, เยน เต เทยฺยธมฺโม น ปริกฺขยํ คมิสฺสติ, เตน ปกาเรน กริสฺสามี’’ติ ตํ ทานกิริยาย สมุตฺเตเชตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ วาณิช, ตฺวํ กิร มาทิเส พลกฺกาเรน เนตุกาโม อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสี’’ติ ตสฺส ภณฺฑมนฺตรธาเปตฺวา ตํ ยกฺขวิภึสกาย ภึสาเปนฺโต สนฺตชฺเชสิ. อถ นํ องฺกุโร นานปฺปการํ ยาจิตฺวา พฺราหฺมเณน ขมาเปนฺโต ปสาเทตฺวา สพฺพภณฺฑํ ปากติกํ การาเปตฺวา รตฺติยา อุปคตาย ยกฺขํ วิสฺสชฺเชตฺวา คจฺฉนฺโต ตสฺส อวิทูเร อฺตรํ อติวิย พีภจฺฉทสฺสนํ เปตํ ทิสฺวา เตน กตกมฺมํ ปุจฺฉนฺโต –

๒๘๓.

‘‘เกน เต องฺคุลี กุณา, มุขฺจ กุณลีกตํ;

อกฺขีนิ จ ปคฺฆรนฺติ, กึ ปาปํ ปกตํ ตยา’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ กุณาติ กุณิกา ปฏิกุณิกา อนุชุภูตา. กุณลีกตนฺติ มุขวิกาเรน วิกุณิตํ สํกุณิตํ. ปคฺฆรนฺตีติ อสุจึ วิสฺสนฺทนฺติ.

อถสฺส เปโต –

๒๘๔.

‘‘องฺคีรสสฺส คหปติโน, สทฺธสฺส ฆรเมสิโน;

ตสฺสาหํ ทานวิสฺสคฺเค, ทาเน อธิกโต อหุํ.

๒๘๕.

‘‘ตตฺถ ยาจนเก ทิสฺวา, อาคเต โภชนตฺถิเก;

เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม, อกาสึ กุณลึ มุขํ.

๒๘๖.

‘‘เตน เม องฺคุลี กุณา, มุขฺจ กุณลีกตํ;

อกฺขีนิ เม ปคฺฆรนฺติ, ตํ ปาปํ ปกตํ มยา’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ.

๒๘๔. ตตฺถ ‘‘องฺคีรสสฺสา’’ติอาทินา อสยฺหเสฏฺึ กิตฺเตติ. ฆรเมสิโนติ ฆรมาวสนฺตสฺส คหฏฺสฺส. ทานวิสฺสคฺเคติ ทานคฺเค ปริจฺจาคฏฺาเน. ทาเน อธิกโต อหุนฺติ เทยฺยธมฺมสฺส ปริจฺจชเน ทานาธิกาเร อธิกโต ปิโต อโหสึ.

๒๘๕. เอกมนฺตํ อปกฺกมฺมาติ ยาจนเก โภชนตฺถิเก อาคเต ทิสฺวา ทานพฺยาวเฏน ทานคฺคโต อนปกฺกมฺม ยถาาเนเยว ตฺวา สฺชาตปีติโสมนสฺเสน วิปฺปสนฺนมุขวณฺเณน สหตฺเถน ทานํ ทาตพฺพํ, ปเรหิ วา ปติรูเปหิ ทาเปตพฺพํ, อหํ ปน ตถา อกตฺวา ยาจนเก อาคจฺฉนฺเต ทูรโตว ทิสฺวา อตฺตานํ อทสฺเสนฺโต เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม อปกฺกมิตฺวา. อกาสึ กุณลึ มุขนฺติ วิกุณิตํ สงฺกุจิตํ มุขํ อกาสึ.

๒๘๖. เตนาติ ยสฺมา ตทาหํ สามินา ทานาธิกาเร นิยุตฺโต สมาโน ทานกาเล อุปฏฺิเต มจฺฉริยาปกโต ทานคฺคโต อปกฺกมนฺโต ปาเทหิ สงฺโกจํ อาปชฺชึ, สหตฺเถหิ ทาตพฺเพ ตถา อกตฺวา หตฺถสงฺโกจํ อาปชฺชึ, ปสนฺนมุเขน ภวิตพฺเพ มุขสงฺโกจํ อาปชฺชึ, ปิยจกฺขูหิ โอโลเกตพฺเพ จกฺขุกาลุสิยํ อุปฺปาเทสึ, ตสฺมา หตฺถงฺคุลิโย จ ปาทงฺคุลิโย จ กุณิตา ชาตา, มุขฺจ กุณลีกตํ วิรูปรูปํ สงฺกุจิตํ, อกฺขีนิ อสุจีทุคฺคนฺธเชคุจฺฉานิ อสฺสูนิ ปคฺฆรนฺตีติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ –

‘‘เตน เม องฺคุลี กุณา, มุขฺจ กุณลีกตํ;

อกฺขีนิ เม ปคฺฆรนฺติ, ตํ ปาปํ ปกตํ มยา’’ติ.

ตํ สุตฺวา องฺกุโร เปตํ ครหนฺโต –

๒๘๗.

‘‘ธมฺเมน เต กาปุริส, มุขฺจ กุณลีกตํ;

อกฺขีนิ จ ปคฺฆรนฺติ, ยํ ตํ ปรสฺส ทานสฺส;

อกาสิ กุณลึ มุข’’นฺติ. –

คาถมาห. ตตฺถ ธมฺเมนาติ ยุตฺเตเนว การเณน. เตติ ตว. กาปุริสาติ ลามกปุริส. นฺติ ยสฺมา. ปรสฺส ทานสฺสาติ ปรสฺส ทานสฺมึ. อยเมว วา ปาโ.

ปุน องฺกุโร ตํ ทานปตึ เสฏฺึ ครหนฺโต –

๒๘๘.

‘‘กถฺหิ ทานํ ททมาโน, กเรยฺย ปรปตฺติยํ;

อนฺนปานํ ขาทนียํ, วตฺถเสนาสนานิ จา’’ติ. –

คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ทานํ ททนฺโต ปุริโส กถฺหิ นาม ตํ ปรปตฺติยํ ปเรน ปาเปตพฺพํ สาเธตพฺพํ กเรยฺย, อตฺตปจฺจกฺขเมว กตฺวา สหตฺเถเนว ทเทยฺย, สยํ วา ตตฺถ พฺยาวโฏ ภเวยฺย, อฺถา อตฺตโน เทยฺยธมฺโม อฏฺาเน วิทฺธํสิเยถ, ทกฺขิเณยฺยา จ ทาเนน ปริหาเยยฺยุนฺติ.

เอวํ ตํ ครหิตฺวา อิทานิ อตฺตนา ปฏิปชฺชิตพฺพวิธึ ทสฺเสนฺโต –

๒๘๙.

‘‘โส หิ นูน อิโต คนฺตฺวา, อนุปฺปตฺวาน ทฺวารกํ;

ทานํ ปฏฺปยิสฺสามิ, ยํ มมสฺส สุขาวหํ.

๒๙๐.

‘‘ทสฺสามนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ;

ปปฺจ อุทปานฺจ, ทุคฺเค สงฺกมนานิ จา’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห, ตํ วุตฺตตฺถเมว.

๒๙๑.

‘‘ตโต หิ โส นิวตฺติตฺวา, อนุปฺปตฺวาน ทฺวารกํ;

ทานํ ปฏฺปยิ องฺกุโร, ยํตุมสฺส สุขาวหํ.

๒๙๒.

‘‘อทา อนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ;

ปปฺจ อุทปานฺจ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

๒๙๓.

‘‘โก ฉาโต โก จ ตสิโต, โก วตฺถํ ปริทหิสฺสติ;

กสฺส สนฺตานิ โยคฺคานิ, อิโต โยเชนฺตุ วาหนํ.

๒๙๔.

‘‘โก ฉตฺติจฺฉติ คนฺธฺจ, โก มาลํ โก อุปาหนํ;

อิติสฺสุ ตตฺถ โฆเสนฺติ, กปฺปกา สูทมาคธา;

สทา สายฺจ ปาโต จ, องฺคุรสฺส นิเวสเน’’ติ. –

จตสฺโส คาถา องฺคุรสฺส ปฏิปตฺตึ ทสฺเสตุํ สงฺคีติกาเรหิ ปิตา.

๒๙๑. ตตฺถ ตโตติ มรุกนฺตารโต. นิวตฺติตฺวาติ ปฏินิวตฺติตฺวา. อนุปฺปตฺวาน ทฺวารกนฺติ ทฺวารวตีนครํ อนุปาปุณิตฺวา. ทานํ ปฏฺปยิ องฺคุโรติ ยกฺเขน ปริปูริตสกลโกฏฺาคาโร สพฺพปาเถยฺยกํ มหาทานํ โส องฺคุโร ปฏฺเปสิ. ยํตุมสฺส สุขาวหนฺติ ยํ อตฺตโน สมฺปติ อายติฺจ สุขนิพฺพตฺตกํ.

๒๙๓. โกฉาโตติ โก ชิฆจฺฉิโต, โส อาคนฺตฺวา ยถารุจิ ภุฺชตูติ อธิปฺปาโย. เอเสว นโย เสเสสุปิ. ตสิโตติ ปิปาสิโต. ปริทหิสฺสตีติ นิวาเสสฺสติ ปารุปิสฺสติ จาติ อตฺโถ. สนฺตานีติ ปริสฺสมปฺปตฺตานิ. โยคฺคานีติ รถวาหนานิ. อิโต โยเชนฺตุ วาหนนฺติ อิโต โยคฺคสมูหโต ยถารุจิตํ คเหตฺวา วาหนํ โยเชนฺตุ.

๒๙๔. โก ฉตฺติจฺฉตีติ โก กิลฺชฉตฺตาทิเภทํ ฉตฺตํ อิจฺฉติ, โส คณฺหาตูติ อธิปฺปาโย. เสเสสุปิ เอเสว นโย. คนฺธนฺติ จตุชฺชาติยคนฺธาทิกํ คนฺธํ. มาลนฺติ คนฺถิตาคนฺถิตเภทํ ปุปฺผํ. อุปาหนนฺติ ขลฺลพทฺธาทิเภทํ อุปาหนํ. อิติสฺสูติ เอตฺถ สูติ นิปาตมตฺตํ, อิติ เอวํ ‘‘โก ฉาโต, โก ตสิโต’’ติอาทินาติ อตฺโถ. กปฺปกาติ นฺหาปิตกา. สูทาติ ภตฺตการกา. มาคธาติ คนฺธิโน. สทาติ สพฺพกาลํ ทิวเส ทิวเส สายฺจ ปาโต จ ตตฺถ องฺคุรสฺส นิเวสเน โฆเสนฺติ อุคฺโฆเสนฺตีติ โยชนา.

เอวํ มหาทานํ ปวตฺเตนฺตสฺส คจฺฉนฺเต กาเล ติตฺติภาวโต อตฺถิกชเนหิ ปวิวิตฺตํ วิรฬํ ทานคฺคํ อโหสิ. ตํ ทิสฺวา องฺกุโร ทาเน อุฬารชฺฌาสยตาย อตุฏฺมานโส หุตฺวา อตฺตโน ทาเน นิยุตฺตํ สินฺธกํ นาม มาณวํ อามนฺเตตฺวา –

๒๙๕.

‘‘สุขํ สุปติ องฺกุโร, อิติ ชานาติ มํ ชโน;

ทุกฺขํ สุปามิ สินฺธก, ยํ น ปสฺสามิ ยาจเก.

๒๙๖.

‘‘สุขํ สุปติ องฺกุโร, อิติ ชานาติ มํ ชโน;

ทุกฺขํ สุปามิ สินฺธก, อปฺปเก สุ วนิพฺพเก’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ สุขํ สุปติ องฺกุโร, อิติ ชานาติ มํ ชโนติ ‘‘องฺกุโร ราชา ยสโภคสมปฺปิโต ทานปติ อตฺตโน โภคสมฺปตฺติยา ทานสมฺปตฺติยา จ สุขํ สุปติ, สุเขเนว นิทฺทํ อุปคจฺฉติ, สุขํ ปฏิพุชฺฌตี’’ติ เอวํ มํ ชโน สมฺภาเวติ. ทุกฺขํ สุปามิ สินฺธกาติ อหํ ปน สินฺธก ทุกฺขเมว สุปามิ. กสฺมา? ยํ น ปสฺสามิ ยาจเกติ, ยสฺมา มม อชฺฌาสยานุรูปํ เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหเก พหู ยาจเก น ปสฺสามิ, ตสฺมาติ อตฺโถ. อปฺปเก สุ วนิพฺพเกติ วนิพฺพกชเน อปฺปเก กติปเย ชาเต ทุกฺขํ สุปามีติ โยชนา. สูติ จ นิปาตมตฺตํ, อปฺปเก วนิพฺพกชเน สตีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา สินฺธโก ตสฺส อุฬารํ ทานาธิมุตฺตึ ปากฏตรํ กาตุกาโม –

๒๙๗.

‘‘สกฺโก เจ เต วรํ ทชฺชา, ตาวตึสานมิสฺสโร;

กิสฺส สพฺพสฺส โลกสฺส, วรมาโน วรํ วเร’’ติ. –

คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ตาวตึสานํ เทวานํ สพฺพสฺสโลกสฺส อิสฺสโร สกฺโก ‘‘วรํ วรสฺสุ, องฺกุร, ยํกิฺจิ มนสิจฺฉิต’’นฺติ ตุยฺหํ วรํ ทชฺชา ทเทยฺย เจ, วรมาโน ปตฺถยมาโน กิสฺส กีทิสํ วรํ วเรยฺยาสีติ อตฺโถ.

อถ องฺกุโร อตฺตโน อชฺฌาสยํ ยาถาวโต ปเวเทนฺโต –

๒๙๘.

‘‘สกฺโก เจ เม วรํ ทชฺชา, ตาวตึสานมิสฺสโร;

กาลุฏฺิตสฺส เม สโต, สูริยุคฺคมนํ ปติ;

ทิพฺพา ภกฺขา ปาตุภเวยฺยุํ, สีลวนฺโต จ ยาจกา.

๒๙๙.

‘‘ททโต เม น ขีเยถ, ทตฺวา นานุตเปยฺยหํ;

ททํ จิตฺตํ ปสาเทยฺยํ, เอตํ สกฺกํ วรํ วเร’’ติ. – ทฺเว คาถา อภาสิ;

๒๙๘. ตตฺถ กาลุฏฺิตสฺส เม สโตติ กาเล ปาโต วุฏฺิตสฺส อตฺถิกานํ ทกฺขิเณยฺยานํ อปจายนปาริจริยาทิวเสน อุฏฺานวีริยสมฺปนฺนสฺส เม สมานสฺส. สูริยุคฺคมนํ ปตีติ สูริยุคฺคมนเวลายํ. ทิพฺพา ภกฺขา ปาตุภเวยฺยุนฺติ เทวโลกปริยาปนฺนา อาหารา อุปฺปชฺเชยฺยุํ. สีลวนฺโต จ ยาจกาติ ยาจกา จ สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา ภเวยฺยุํ.

๒๙๙. ททโตเม น ขีเยถาติ อาคตาคตานํ ทานํ ททโต จ เม เทยฺยธมฺโม น ขีเยถ, น ปริกฺขยํ คจฺเฉยฺย. ทตฺวา นานุตเปยฺยหนฺติ ตฺจ ทานํ ทตฺวา กิฺจิเทว อปฺปสาทกํ ทิสฺวา เตน อหํ ปจฺฉา นานุตเปยฺยํ. ททํ จิตฺตํ ปสาเทยฺยนฺติ ททมาโน จิตฺตํ ปสาเทยฺยํ, ปสนฺนจิตฺโตเยว หุตฺวา ทเทยฺยํ. เอตํ สกฺกํ วรํ วเรติ สกฺกํ เทวานมินฺทํ อาโรคฺยสมฺปทา, เทยฺยธมฺมสมฺปทา, ทกฺขิเณยฺยสมฺปทา, เทยฺยธมฺมสฺส อปริมิตสมฺปทา, ทายกสมฺปทาติ เอตํ ปฺจวิธํ วรํ วเรยฺยํ. เอตฺถ จ ‘‘กาลุฏฺิตสฺส เม สโต’’ติ เอเตน อาโรคฺยสมฺปทา, ‘‘ทิพฺพา ภกฺขา ปาตุภเวยฺยุ’’นฺติ เอเตน เทยฺยธมฺมสมฺปทา, ‘‘สีลวนฺโต จ ยาจกา’’ติ เอเตน ทกฺขิเณยฺยสมฺปทา, ‘‘ททโต เม น ขีเยถา’’ติ เอเตน เทยฺยธมฺมสฺส อปริมิตสมฺปทา, ‘‘ทตฺวา นานุตเปยฺยหํ, ททํ จิตฺตํ ปสาเทยฺย’’นฺติ เอเตหิ ทายกสมฺปทาติ อิเม ปฺจ อตฺถา วรภาเวน อิจฺฉิตา. เต จ โข ทานมยปุฺสฺส ยาวเทว อุฬารภาวายาติ เวทิตพฺพา.

เอวํ องฺกุเรน อตฺตโน อชฺฌาสเย ปเวทิเต ตตฺถ นิสินฺโน นีติสตฺเถ กตปริจโย โสนโก นาม เอโก ปุริโส ตํ อติทานโต วิจฺฉินฺทิตุกาโม –

๓๐๐.

‘‘น สพฺพวิตฺตานิ ปเร ปเวจฺเฉ, ทเทยฺย ทานฺจ ธนฺจ รกฺเข;

ตสฺมา หิ ทานา ธนเมว เสยฺโย, อติปฺปทาเนน กุลา น โหนฺติ.

๓๐๑.

‘‘อทานมติทานฺจ นปฺปสํสนฺติ ปณฺฑิตา,

ตสฺมา หิ ทานา ธนเมว เสยฺโย,

สเมน วตฺเตยฺย ส ธีรธมฺโม’’ติ. –

ทฺเว คาถา อภาสิ. สินฺธโก เอวํ ปุนปิ วีมํสิตุกาโม ‘‘น สพฺพวิตฺตานี’’ติอาทิมาหาติ อปเร.

๓๐๐. ตตฺถ สพฺพวิตฺตานีติ สวิฺาณกอวิฺาณกปฺปเภทานิ สพฺพานิ วิตฺตูปกรณานิ, ธนานีติ อตฺโถ. ปเรติ ปรมฺหิ, ปรสฺสาติ อตฺโถ . น ปเวจฺเฉติ น ทเทยฺย, ‘‘ทกฺขิเณยฺยา ลทฺธา’’ติ กตฺวา กิฺจิ อเสเสตฺวา สพฺพสาปเตยฺยปริจฺจาโค น กาตพฺโพติ อตฺโถ. ทเทยฺย ทานฺจาติ สพฺเพน สพฺพํ ทานธมฺโม น กาตพฺโพ, อถ โข อตฺตโน อายฺจ วยฺจ ชานิตฺวา วิภวานุรูปํ ทานฺจ ทเทยฺย. ธนฺจ รกฺเขติ อลทฺธลาภลทฺธปริรกฺขณรกฺขิตสมฺพนฺธวเสน ธนํ ปริปาเลยฺย.

‘‘เอเกน โภเค ภุฺเชยฺย, ทฺวีหิ กมฺมํ ปโยชเย;

จตุตฺถฺจ นิธาเปยฺย, อาปทาสุ ภวิสฺสตี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๖๕) –

วุตฺตวิธินา วา ธนํ รกฺเขยฺย ตมฺมูลกตฺตา ทานสฺส. ตโยปิ มคฺคา อฺมฺวิโสธเนน ปฏิเสวิตพฺพาติ หิ นีติจินฺตกา. ตสฺมา หีติ ยสฺมา ธนฺจ รกฺขนฺโต ทานฺจ กโรนฺโต อุภยโลกหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ ธนมูลกฺจ ทานํ, ตสฺมา ทานโต ธนเมว เสยฺโย สุนฺทรตโรติ อติทานํ น กาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อติปฺปทาเนน กุลา น โหนฺตี’’ติ, ธนสฺส ปมาณํ อชานิตฺวา ทานสฺส ตํ นิสฺสาย อติปฺปทานปสงฺเคน กุลานิ น โหนฺติ นปฺปวตฺตนฺติ, อุจฺฉิชฺชนฺตีติ อตฺโถ.

๓๐๑. อิทานิ วิฺูนํ ปสํสิตเมวตฺถํ ปติฏฺเปนฺโต ‘‘อทานมติทานฺจา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อทานมติทานฺจาติ สพฺเพน สพฺพํ กฏจฺฉุภิกฺขายปิ ตณฺฑุลมุฏฺิยาปิ อทานํ, ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา ปริจฺจาคสงฺขาตํ อติทานฺจ ปณฺฑิตา พุทฺธิมนฺโต สปฺชาติกา นปฺปสํสนฺติ น วณฺณยนฺติ. สพฺเพน สพฺพํ อทาเนน หิ สมฺปรายิกโต อตฺถโต ปริพาหิโร โหติ. อติทาเนน ทิฏฺธมฺมิกปเวณี น ปวตฺตติ. สเมน วตฺเตยฺยาติ อวิสเมน โลกิยสริกฺขเกน สมาหิเตน มชฺฌิเมน าเยน ปวตฺเตยฺย. ส ธีรธมฺโมติ ยา ยถาวุตฺตา ทานาทานปฺปวตฺติ, โส ธีรานํ ธิติสมฺปนฺนานํ นีตินยกุสลานํ ธมฺโม, เตหิ คตมคฺโคติ ทีเปติ.

ตํ สุตฺวา องฺกุโร ตสฺส อธิปฺปายํ ปริวตฺเตนฺโต –

๓๐๒.

‘‘อโห วต เร อหเมว ทชฺชํ, สนฺโต จ มํ สปฺปุริสา ภเชยฺยุํ;

เมโฆว นินฺนานิ ปริปูรยนฺโต, สนฺตปฺปเย สพฺพวนิพฺพกานํ.

๓๐๓.

‘‘ยสฺส ยาจนเก ทิสฺวา, มุขวณฺโณ ปสีทติ;

ทตฺวา อตฺตมโน โหติ, ตํ ฆรํ วสโต สุขํ.

๓๐๔.

‘‘ยสฺส ยาจนเก ทิสฺวา, มุขวณฺโณ ปสีทติ;

ทตฺวา อตฺตมโน โหติ, เอสา ยฺสฺส สมฺปทา.

๓๐๕.

‘‘ปุพฺเพว ทานา สุมโน, ททํ จิตฺตํ ปสาทเย;

ทตฺวา อตฺตมโน โหติ, เอสา ยฺสฺส สมฺปทา’’ติ. –

จตูหิ คาถาหิ อตฺตนา ปฏิปชฺชิตพฺพวิธึ ปกาเสสิ.

๓๐๒. ตตฺถ อโห วตาติ สาธุ วต. เรติ อาลปนํ. อหเมว ทชฺชนฺติ อหํ ทชฺชเมว. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – มาณว, ‘‘ทานา ธนเมว เสยฺโย’’ติ ยทิ อยํ นีติกุสลานํ วาโท ตว โหตุ, กามํ อหํ ทชฺชเมว. สนฺโต จ มํ สปฺปุริสา ภเชยฺยุนฺติ ตสฺมิฺจ ทาเน สนฺโต อุปสนฺตกายวจีมโนสมาจารา สปฺปุริสา สาธโว มํ ภเชยฺยุํ อุปคจฺเฉยฺยุํ. เมโฆว นินฺนานิ ปริปูรยนฺโตติ อหํ อภิปฺปวสฺสนฺโต มหาเมโฆ วิย นินฺนานิ นินฺนฏฺานานิ สพฺเพสํ วนิพฺพกานํ อธิปฺปาเย ปริปูรยนฺโต อโห วต เต สนฺตปฺเปยฺยนฺติ.

๓๐๓. ยสฺส ยาจนเก ทิสฺวาติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ฆรเมสิโน ยาจนเก ทิสฺวา ‘‘ปมํ ตาว อุปฏฺิตํ วต เม ปุฺกฺเขตฺต’’นฺติ สทฺธาชาตสฺส มุขวณฺโณ ปสีทติ, ยถาวิภวํ ปน เตสํ ทานํ ทตฺวา อตฺตมโน ปีติโสมนสฺเสหิ คหิตจิตฺโต โหติ. นฺติ ยเทตฺถ ยาจกานํ ทสฺสนํ , เตน จ ทิสฺวา จิตฺตสฺส ปสาทนํ, ยถารหํ ทานํ ทตฺวา จ อตฺตมนตา.

๓๐๔. เอสา ยฺสฺส สมฺปทาติ เอสา ยฺสฺส สมฺปตฺติ ปาริปูริ, นิปฺผตฺตีติ อตฺโถ.

๓๐๕. ปุพฺเพว ทานา สุมโนติ ‘‘สมฺปตฺตีนํ นิทานํ อนุคามิกํ นิธานํ นิเธสฺสามี’’ติ มุฺจนเจตนาย ปุพฺเพ เอว ทานูปกรณสฺส สมฺปาทนโต ปฏฺาย สุมโน โสมนสฺสชาโต ภเวยฺย. ททํ จิตฺตํ ปสาทเยติ ททนฺโต เทยฺยธมฺมํ ทกฺขิเณยฺยหตฺเถ ปติฏฺาเปนฺโต ‘‘อสารโต ธนโต สาราทานํ กโรมี’’ติ อตฺตโน จิตฺตํ ปสาเทยฺย. ทตฺวา อตฺตมโน โหตีติ ทกฺขิเณยฺยานํ เทยฺยธมฺมํ ปริจฺจชิตฺวา ‘‘ปณฺฑิตปฺตฺตํ นาม มยา อนุฏฺิตํ, อโห สาธุ สุฏฺู’’ติ อตฺตมโน ปมุทิตมโน ปีติโสมนสฺสชาโต โหติ. เอสา ยฺสฺส สมฺปทาติ ยา อยํ ปุพฺพเจตนา มุฺชเจตนา อปรเจตนาติ อิเมสํ กมฺมผลสทฺธานุคตานํ โสมนสฺสปริคฺคหิตานํ ติสฺสนฺนํ เจตนานํ ปาริปูริ, เอสา ยฺสฺส สมฺปทา ทานสฺส สมฺปตฺติ, น อิโต อฺถาติ อธิปฺปาโย.

เอวํ องฺกุโร อตฺตโน ปฏิปชฺชนวิธึ ปกาเสตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย อภิวฑฺฒมานทานชฺฌาสโย ทิวเส ทิวเส มหาทานํ ปวตฺเตสิ. เตน ตทา สพฺพรชฺชานิ อุนฺนงฺคลานิ กตฺวา มหาทาเน ทิยฺยมาเน ปฏิลทฺธสพฺพูปกรณา มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน กมฺมนฺเต ปหาย ยถาสุขํ วิจรึสุ, เตน ราชูนํ โกฏฺาคารานิ ปริกฺขยํ อคมํสุ. ตโต ราชาโน องฺกุรสฺส ทูตํ ปาเหสุํ – ‘‘โภโต ทานํ นิสฺสาย อมฺหากํ อายสฺส วินาโส อโหสิ, โกฏฺาคารานิ ปริกฺขยํ คตานิ, ตตฺถ ยุตฺตมตฺตํ าตพฺพ’’นฺติ.

ตํ สุตฺวา องฺกุโร ทกฺขิณาปถํ คนฺตฺวา ทมิฬวิสเย สมุทฺทสฺส อวิทูรฏฺาเน มหติโย อเนกทานสาลาโย การาเปตฺวา มหาทานานิ ปวตฺเตนฺโต ยาวตายุกํ ตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ. ตสฺส ทานวิภูติฺจ สคฺคูปปตฺติฺจ ทสฺเสนฺโต สงฺคีติการา –

๓๐๖.

‘‘สฏฺิ วาหสหสฺสานิ, องฺกุรสฺส นิเวสเน;

โภชนํ ทียเต นิจฺจํ, ปุฺเปกฺขสฺส ชนฺตุโน.

๓๐๗.

‘‘ติสหสฺสานิ สูทา หิ, อามุตฺตมณิกุณฺฑลา;

องฺกุรํ อุปชีวนฺติ, ทาเน ยฺสฺส วาวฏา.

๓๐๘.

‘‘สฏฺิ ปุริสสหสฺสานิ, อามุตฺตมณิกุณฺฑลา;

องฺกุรสฺส มหาทาเน, กฏฺํ ผาเลนฺติ มาณวา.

๓๐๙.

‘‘โสฬสิตฺถิสหสฺสานิ , สพฺพาลงฺการภูสิตา;

องฺกุรสฺส มหาทาเน, วิธา ปิณฺเฑนฺติ นาริโย.

๓๑๐.

‘‘โสฬสิตฺถิสหสฺสานิ, สพฺพาลงฺการภูสิตา;

องฺกุรสฺส มหาทาเน, ทพฺพิคาหา อุปฏฺิตา.

๓๑๑.

‘‘พหุํ พหูนํ ปาทาสิ, จิรํ ปาทาสิ ขตฺติโย;

สกฺกจฺจฺจ สหตฺถา จ, จิตฺตีกตฺวา ปุนปฺปุนํ.

๓๑๒.

‘‘พหู มาเส จ ปกฺเข จ, อุตุสํวจฺฉรานิ จ;

มหาทานํ ปวตฺเตสิ, องฺกุโร ทีฆมนฺตรํ.

๓๑๓.

‘‘เอวํ ทตฺวา ยชิตฺวา จ, องฺกุโร ทีฆมนฺตรํ;

โส หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสูปโค อหู’’ติ. – คาถา อาหํสุ;

๓๐๖. ตถ สฏฺิ วาหสหสฺสานีติ วาหานํ สฏฺิสหสฺสานิ คนฺธสาลิตณฺฑุลาทิปูริตวาหานํ สฏฺิสหสฺสานิ. ปุฺเปกฺขสฺส ทานชฺฌาสยสฺส ทานาธิมุตฺตสฺส องฺกุรสฺส นิเวสเน นิจฺจํ ทิวเส ทิวเส ชนฺตุโน สตฺตกายสฺส โภชนํ ทียเตติ โยชนา.

๓๐๗-๘. ติสหสฺสานิ สูทา หีติ ติสหสฺสมตฺตา สูทา ภตฺตการกา. เต จ โข ปน ปธานภูตา อธิปฺเปตา, เตสุ เอกเมกสฺส ปน วจนกรา อเนกาติ เวทิตพฺพา. ‘‘ติสหสฺสานิ สูทาน’’นฺติ จ ปนฺติ. อามุตฺตมณิกุณฺฑลาติ นานามณิวิจิตฺตกุณฺฑลธรา. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ, อามุตฺตกฏกกฏิสุตฺตาทิอาภรณาปิ เต อเหสุํ. องฺกุรํ อุปชีวนฺตีติ ตํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺติ, ตปฺปฏิพทฺธชีวิกา โหนฺตีติ อตฺโถ. ทาเน ยฺสฺส วาวฏาติ มหายาคสฺิตสฺส ยฺสฺส ทาเน ยชเน วาวฏา อุสฺสุกฺกํ อาปนฺนา. กฏฺํ ผาเลนฺติ มาณวาติ นานปฺปการานํ ขชฺชโภชฺชาทิอาหารวิเสสานํ ปจนาย อลงฺกตปฏิยตฺตา ตรุณมนุสฺสา กฏฺานิ ผาเลนฺติ วิทาเลนฺติ.

๓๐๙. วิธาติ วิธาตพฺพานิ โภชนโยคฺคานิ กฏุกภณฺฑานิ. ปิณฺเฑนฺตีติ ปิสนวเสน ปโยเชนฺติ.

๓๑๐. ทพฺพิคาหาติ กฏจฺฉุคาหิกา. อุปฏฺิตาติ ปริเวสนฏฺานํ อุปคนฺตฺวา ิตา โหนฺติ.

๓๑๑. พหุนฺติ มหนฺตํ ปหูติกํ. พหูนนฺติ อเนเกสํ. ปาทาสีติ ปกาเรหิ อทาสิ. จีรนฺติ จิรกาลํ. วีสติวสฺสสหสฺสายุเกสุ หิ มนุสฺเสสุ โส อุปฺปนฺโน. พหุํ พหูนํ จิรกาลฺจ เทนฺโต ยถา อทาสิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สกฺกจฺจฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สกฺกจฺจนฺติ สาทรํ, อนปวิทฺธํ อนวฺาตํ กตฺวา. สหตฺถาติ สหตฺเถน, น อาณาปนมตฺเตน. จิตฺตีกตฺวาติ คารวพหุมานโยเคน จิตฺเตน กริตฺวา ปูเชตฺวา. ปุนปฺปุนนฺติ พหุโส น เอกวารํ, กติปยวาเร วา อกตฺวา อเนกวารํ ปาทาสีติ โยชนา.

๓๑๒. อิทานิ ตเมว ปุนปฺปุนํ กรณํ วิภาเวตุํ ‘‘พหู มาเส จา’’ติ คาถมาหํสุ. ตตฺถ พหู มาเสติ จิตฺตมาสาทิเก พหู อเนเก มาเส. ปกฺเขติ กณฺหสุกฺกเภเท พหู ปกฺเข. อุตุสํวจฺฉรานิ จาติ วสนฺตคิมฺหาทิเก พหู อุตู จ สํวจฺฉรานิ จ, สพฺพตฺถ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. ทีฆมนฺตรนฺติ ทีฆกาลมนฺตรํ. เอตฺถ จ ‘‘จิรํ ปาทาสี’’ติ จิรกาลํ ทานสฺส ปวตฺติตภาวํ วตฺวา ปุน ตสฺส นิรนฺตรเมว ปวตฺติตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘พหู มาเส’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๓๑๓. เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน. ทตฺวา ยชิตฺวา จาติ อตฺถโต เอกเมว, เกสฺจิ ทกฺขิเณยฺยานํ เอกจฺจสฺส เทยฺยธมฺมสฺส ปริจฺจชนวเสน ทตฺวา, ปุน ‘‘พหุํ พหูนํ ปาทาสี’’ติ วุตฺตนเยน อตฺถิกานํ สพฺเพสํ ยถากามํ เทนฺโต มหายาควเสน ยชิตฺวา. โส หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสูปโค อหูติ โส องฺกุโร อายุปริโยสาเน มนุสฺสตฺถภาวํ ปหาย ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน ตาวตึสเทวนิกายูปโค อโหสิ.

เอวํ ตสฺมึ ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺเต อมฺหากํ ภควโต กาเล อินฺทโก นาม มาณโว อายสฺมโต อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส ปสนฺนมานโส กฏจฺฉุภิกฺขํ ทาเปสิ. โส อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา เขตฺตคตสฺส ปุฺสฺส อานุภาเวน ตาวตึเสสุ มหิทฺธิโก มหานุภาโว เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต ทิพฺเพหิ รูปาทีหิ ทสหิ าเนหิ องฺกุรํ เทวปุตฺตํ อภิภวิตฺวา วิโรจติ. เตน วุตฺตํ –

๓๑๔.

‘‘กฏจฺฉุภิกฺขํ ทตฺวาน, อนุรุทฺธสฺส อินฺทโก;

โส หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสูปโค อหุ.

๓๑๕.

‘‘ทสหิ าเนหิ องฺกุรํ, อินฺทโก อติโรจติ;

รูเป สทฺเท รเส คนฺเธ, โผฏฺพฺเพ จ มโนรเม.

๓๑๖.

‘‘อายุนา ยสสา เจว, วณฺเณน จ สุเขน จ;

อาธิปจฺเจน องฺกุรํ, อินฺทโก อติโรจตี’’ติ.

๓๑๔-๕. ตตฺถ รูเปติ รูปเหตุ, อตฺตโน รูปสมฺปตฺตินิมิตฺตนฺติ อตฺโถ. สทฺเทติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อายุนาติ ชีวิเตน. นนุ จ เทวานํ ชีวิตํ ปริจฺฉินฺนปฺปมาณํ วุตฺตํ. สจฺจํ วุตฺตํ, ตํ ปน เยภุยฺยวเสน. ตถา หิ เอกจฺจานํ เทวานํ โยควิปตฺติอาทินา อนฺตรามรณํ โหติเยว. อินฺทโก ปน ติสฺโส วสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสหสฺสานิ ปริปูเรติเยว. เตน วุตฺตํ ‘‘อายุนา อติโรจตี’’ติ. ยสสาติ มหติยา ปริวารสมฺปตฺติยา . วณฺเณนาติ สณฺานสมฺปตฺติยา. วณฺณธาตุสมฺปทา ปน ‘‘รูเป’’ติ อิมินา วุตฺตาเยว. อาธิปจฺเจนาติ อิสฺสริเยน.

เอวํ องฺกุเร จ อินฺทเก จ ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺเตสุ อมฺหากํ ภควา อภิสมฺโพธิโต สตฺตเม สํวจฺฉเร อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ สาวตฺถินครทฺวาเร กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา อนุกฺกเมน ติปทวิกฺกเมน ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ ยุคนฺธรปพฺพเต พาลสูริโย วิย วิโรจมาโน ทสหิ โลกธาตูหิ สนฺนิปติตาย เทวพฺรหฺมปริสาย ชุตึ อตฺตโน สรีรปฺปภาย อภิภวนฺโต อภิธมฺมํ เทเสตุํ นิสินฺโน อวิทูเร นิสินฺนํ อินฺทกํ, ทฺวาทสโยชนนฺตเร นิสินฺนํ องฺกุรฺจ ทิสฺวา ทกฺขิเณยฺยสมฺปตฺติวิภาวนตฺถํ –

‘‘มหาทานํ ตยา ทินฺนํ, องฺกุร ทีฆมนฺตรํ;

อติทูเร นิสินฺโนสิ, อาคจฺฉ มม สนฺติเก’’ติ. –

คาถมาห. ตํ สุตฺวา องฺกุโร ‘‘ภควา มยา จิรกาลํ พหุํ เทยฺยธมฺมํ ปริจฺจชิตฺวา ปวตฺติตมฺปิ มหาทานํ ทกฺขิเณยฺยสมฺปตฺติวิรเหน อเขตฺเต วุตฺตพีชํ วิย น อุฬารผลํ อโหสิ, อินฺทกสฺส ปน กฏจฺฉุภิกฺขาทานมฺปิ ทกฺขิเณยฺยสมฺปตฺติยา สุเขตฺเต วุตฺตพีชํ วิย อติวิย อุฬารผลํ ชาต’’นฺติ อาห. ตมตฺถํ ทสฺเสนฺเต สงฺคีติการา –

๓๑๗.

‘‘ตาวตึเส ยทา พุทฺโธ, สิลายํ ปณฺฑุกมฺพเล;

ปาริจฺฉตฺตยมูลมฺหิ, วิหาสิ ปุริสุตฺตโม.

๓๑๘.

‘‘ทสสุ โลกธาตูสุ, สนฺนิปติตฺวาน เทวตา;

ปยิรุปาสนฺติ สมฺพุทฺธํ, วสนฺตํ นคมุทฺธนิ.

๓๑๙.

‘‘น โกจิ เทโว วณฺเณน, สมฺพุทฺธํ อติโรจติ;

สพฺเพ เทเว อติกฺกมฺม, สมฺพุทฺโธว วิโรจติ.

๓๒๐.

‘‘โยชนานิ ทส ทฺเว จ, องฺกุโรยํ ตทา อหุ;

อวิทูเรว พุทฺธสฺส, อินฺทโก อติโรจติ.

๓๒๑.

‘‘โอโลเกตฺวาน สมฺพุทฺโธ, องฺกุรฺจาปิ อินฺทกํ;

ทกฺขิเณยฺยํ สมฺภาเวนฺโต, อิทํ วจนมพฺรวิ.

๓๒๒.

‘‘มหาทานํ ตยา ทินฺนํ, องฺกุรํ ทีฆมนฺตรํ;

อติทูเร นิสินฺโนสิ, อาคจฺฉ มม สนฺติเก.

๓๒๓.

‘‘โจทิโต ภาวิตตฺเตน, องฺกุโร อิทมพฺรวิ;

กึ มยฺหํ เตน ทาเนน, ทกฺขิเณยฺเยน สุฺตํ.

๓๒๔.

‘‘อยํ โส อินฺทโก ยกฺโข, ทชฺชา ทานํ ปริตฺตกํ;

อติโรจติ อมฺเหหิ, จนฺโท ตารคเณ ยถา.

๓๒๕.

‘‘อุชฺชงฺคเล ยถา เขตฺเต, พีชํ พหุมฺปิ โรปิตํ;

น วิปุลํ ผลํ โหติ, นปิ โตเสติ กสฺสกํ.

๓๒๖.

‘‘ตเถว ทานํ พหุกํ, ทุสฺสีเลสุ ปติฏฺิตํ;

น วิปุลํ ผลํ โหติ, นปิ โตเสติ ทายกํ.

๓๒๗.

‘‘ยถาปิ ภทฺทเก เขตฺเต, พีชํ อปฺปมฺปิ โรปิตํ;

สมฺมา ธารํ ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ โตเสสิ กสฺสกํ.

๓๒๘.

‘‘ตเถว สีลวนฺเตสุ, คุณวนฺเตสุ ตาทิสุ;

อปฺปกมฺปิ กตํ การํ, ปุฺํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ. – คาถาโย อโวจุํ;

๓๑๗. ตตฺถ ตาวตึเสติ ตาวตึสภวเน. สิลายํ ปณฺฑุกมฺพเลติ ปณฺฑุกมฺพลนามเก สิลาสเน ปุริสุตฺตโม พุทฺโธ ยทา วิหาสีติ โยชนา.

๓๑๘. ทสสุ โลกธาตูสุ, สนฺนิปติตฺวาน เทวตาติ ชาติเขตฺตสฺิเตสุ ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ กามาวจรเทวตา พฺรหฺมเทวตา จ พุทฺธสฺส ภควโต ปยิรุปาสนาย ธมฺมสฺสวนตฺถฺจ เอกโต สนฺนิปติตฺวา. เตนาห ‘‘ปยิรุปาสนฺติ สมฺพุทฺธํ, วสนฺตํ นคมุทฺธนี’’ติ, สิเนรุมุทฺธนีติ อตฺโถ.

๓๒๐. โยชนานิทส ทฺเว จ, องฺกุโรยํ ตทา อหูติ อยํ ยถาวุตฺตจริโต องฺกุโร ตทา สตฺถุ สมฺมุขกาเล ทส ทฺเว โยชนานิ อนฺตรํ กตฺวา อหุ. สตฺถุ นิสินฺนฏฺานโต ทฺวาทสโยชนนฺตเร าเน นิสินฺโน อโหสีติ อตฺโถ.

๓๒๓. โจทิโตภาวิตตฺเตนาติ ปารมิปริภาวิตาย อริยมคฺคภาวนาย ภาวิตตฺเตน สมฺมาสมฺพุทฺเธน โจทิโต. กึ มยฺหํ เตนาติอาทิกา สตฺถุ ปฏิวจนวเสน องฺกุเรน วุตฺตคาถา. ทกฺขิเณยฺเยน สุฺตนฺติ ยํ ทกฺขิเณยฺเยน สุฺตํ ริตฺตกํ วิรหิตํ ตทา มม ทานํ, ตสฺมา ‘‘กึ มยฺหํ เตนา’’ติ อตฺตโน ทานปุฺํ หีเฬนฺโต วทติ.

๓๒๔. ยกฺโขติ เทวปุตฺโต. ทชฺชาติ ทตฺวา. อติโรจติ อมฺเหหีติ อตฺตนา มาทิเสหิ อติวิย วิโรจติ. หีติ วา นิปาตมตฺตํ, อมฺเห อติกฺกมิตฺวา อภิภวิตฺวา วิโรจตีติ อตฺโถ. ยถา กินฺติ อาห ‘‘จนฺโท ตารคเณ ยถา’’ติ.

๓๒๕-๖. อุชฺชงฺคเลติ อติวิย ถทฺธภูมิภาเค. ‘‘อูสเร’’ติ เกจิ วทนฺติ. โรปิตนฺติ วุตฺตํ, วปิตฺวา วา อุทฺธริตฺวา วา ปุน โรปิตํ. นปิ โตเสตีติ น นนฺทยติ, อปฺปผลตาย วา ตุฏฺึ น ชเนติ. ตเถวาติ ยถา อุชฺชงฺคเล เขตฺเต พหุมฺปิ พีชํ โรปิตํ วิปุลผลํ อุฬารผลํ น โหติ, ตโต เอว กสฺสกํ น โตเสติ, ตถา ทุสฺสีเลสุ สีลวิรหิเตสุ พหุกมฺปิ ทานํ ปติฏฺาปิตํ วิปุลผลํ มหปฺผลํ น โหติ, ตโต เอว ทายกํ น โตเสตีติ อตฺโถ.

๓๒๗-๘. ยถาปิ ภทฺทเกติ คาถาทฺวยสฺส วตฺตวิปริยาเยน อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา. ตตฺถ สมฺมา ธารํ ปเวจฺฉนฺเตติ วุฏฺิธารํ สมฺมเทว ปวตฺเตนฺเต, อนฺวฑฺฒมาสํ อนุทสาหํ อนุปฺจาหํ เทเว วสฺสนฺเตติ อตฺโถ. คุณวนฺเตสูติ ฌานาทิคุณยุตฺเตสุ. ตาทิสูติ อิฏฺาทีสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺเตสุ. การนฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, อุปกาโรติ อตฺโถ. กีทิโส อุปกาโรติ อาห ‘‘ปุฺ’’นฺติ.

๓๒๙.

‘‘วิเจยฺย ทานํ ทาตพฺพํ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;

วิเจยฺย ทานํ ทตฺวาน, สคฺคํ คจฺฉนฺติ ทายกา.

๓๓๐.

‘‘วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสฏฺํ, เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก;

เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ, พีชานิ วุตฺตานิ ยถา สุเขตฺเต’’ติ. –

อยํ สงฺคีติกาเรหิ ปิตา คาถา.

๓๒๙. ตตฺถ วิเจยฺยาติ วิจินิตฺวา, ปุฺกฺเขตฺตํ ปฺาย อุปปริกฺขิตฺวา. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ตยิทํ องฺกุรเปตวตฺถุ สตฺถารา ตาวตึสภวเน ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ ปุรโต ทกฺขิเณยฺยสมฺปตฺติวิภาวนตฺถํ ‘‘มหาทานํ ตยา ทินฺน’’นฺติอาทินา อตฺตนา สมุฏฺาปิตํ, ตตฺถ ตโย มาเส อภิธมฺมํ เทเสตฺวา มหาปวารณาย เทวคณปริวุโต เทวเทโว เทวโลกโต สงฺกสฺสนครํ โอตริตฺวา อนุกฺกเมน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวเน วิหรนฺโต จตุปริสมชฺเฌ ทกฺขิเณยฺยสมฺปตฺติวิภาวนตฺถเมว ‘‘ยสฺส อตฺถาย คจฺฉามา’’ติอาทินา วิตฺถารโต เทเสตฺวา จตุสจฺจกถาย เทสนาย กูฏํ คณฺหิ. เทสนาวสาเน เตสํ อเนกโกฏิปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

องฺกุรเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อุตฺตรมาตุเปติวตฺถุวณฺณนา

ทิวาวิหารคตํ ภิกฺขุนฺติ อิทํ อุตฺตรมาตุเปติวตฺถุ. ตตฺรายํ อตฺถวิภาวนา – สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ปมมหาสงฺคีติยา ปวตฺติตาย อายสฺมา มหากจฺจายโน ทฺวาทสหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ โกสมฺพิยา อวิทูเร อฺตรสฺมึ อรฺายตเน วิหาสิ. เตน จ สมเยน รฺโ อุเทนสฺส อฺตโร อมจฺโจ กาลมกาสิ, เตน จ ปุพฺเพ นคเร กมฺมนฺตา อธิฏฺิตา อเหสุํ. อถ ราชา ตสฺส ปุตฺตํ อุตฺตรํ นาม มาณวํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตฺวฺจ ปิตรา อธิฏฺิเต กมฺมนฺเต สมนุสาสา’’ติ เตน ิตฏฺาเน เปสิ.

โส จ สาธูติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เอกทิวสํ นครปฏิสงฺขรณิยานํ ทารูนํ อตฺถาย วฑฺฒกิโย คเหตฺวา อรฺํ คโต. ตตฺถ อายสฺมโต มหากจฺจายนตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ อุปคนฺตฺวา เถรํ ตตฺถ ปํสุกูลจีวรธรํ วิวิตฺตํ นิสินฺนํ ทิสฺวา อิริยาปเถเยว ปสีทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เถโร ตสฺส ธมฺมํ กเถสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา รตนตฺตเย สฺชาตปฺปสาโท สรเณสุ ปติฏฺาย เถรํ นิมนฺเตสิ – ‘‘อธิวาเสถ เม, ภนฺเต, สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขูหิ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. อธิวาเสสิ เถโร ตุณฺหีภาเวน. โส ตโต นิกฺขมิตฺวา นครํ คนฺตฺวา อฺเสํ อุปาสกานํ อาจิกฺขิ – ‘‘เถโร มยา สฺวาตนาย นิมนฺติโต, ตุมฺเหหิปิ มม ทานคฺคํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ.

โส ทุติยทิวเส กาลสฺเสว ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา กาลํ อาโรจาเปตฺวา สทฺธึ ภิกฺขูหิ อาคจฺฉนฺตสฺส เถรสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ปุรกฺขตฺวา เคหํ ปเวเสสิ. อถ มหารหกปฺปิยปจฺจตฺถรณอตฺถเตสุ อาสเนสุ เถเร จ ภิกฺขูสุ จ นิสินฺเนสุ คนฺธปุปฺผธูเปหิ ปูชํ กตฺวา ปณีเตน อนฺนปาเนน เต สนฺตปฺเปตฺวา สฺชาตปฺปสาโท กตฺชลี อนุโมทนํ สุณิตฺวา กตภตฺตานุโมทเน เถเร คจฺฉนฺเต ปตฺตํ คเหตฺวา อนุคจฺฉนฺโต นครโต นิกฺขมิตฺวา ปฏินิวตฺตนฺโต ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ นิจฺจํ มม เคหํ ปวิสิตพฺพ’’นฺติ ยาจิตฺวา เถรสฺส อธิวาสนํ ตฺวา นิวตฺติ. เอวํ โส เถรํ อุปฏฺหนฺโต ตสฺส โอวาเท ปติฏฺาย โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, วิหารฺจ กาเรสิ, สพฺเพ จ อตฺตโน าตเก สาสเน อภิปฺปสนฺเน อกาสิ.

มาตา ปนสฺส มจฺเฉรมลปริยุฏฺิตจิตฺตา หุตฺวา เอวํ ปริภาสิ – ‘‘ยํ ตฺวํ มม อนิจฺฉนฺติยา เอว สมณานํ อนฺนปานํ เทสิ, ตํ เต ปรโลเก โลหิตํ สมฺปชฺชตู’’ติ. เอกํ ปน โมรปิฺฉกลาปํ วิหารมหทิวเส ทิยฺยมานํ อนุชานิ. สา กาลํ กตฺวา เปตโยนิยํ อุปฺปชฺชิ, โมรปิฺฉกลาปทานานุโมทเนน ปนสฺสา เกสา นีลา สินิทฺธา เวลฺลิตคฺคา สุขุมา ทีฆา จ อเหสุํ. สา ยทา คงฺคานทึ ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามี’’ติ โอตรติ, ตทา นที โลหิตปูรา โหติ. สา ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ ขุปฺปิปาสาภิภูตา วิจริตฺวา เอกทิวสํ กงฺขาเรวตตฺเถรํ คงฺคาย ตีเร ทิวาวิหารํ นิสินฺนํ ทิสฺวา อตฺตานํ อตฺตโน เกเสหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ปานียํ ยาจิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ –

๓๓๑.

‘‘ทิวาวิหารคตํ ภิกฺขุํ, คงฺคาตีเร นิสินฺนกํ;

ตํ เปตี อุปสงฺกมฺม, ทุพฺพณฺณา ภีรุทสฺสนา.

๓๓๒.

‘‘เกสา จสฺสา อติทีฆา, ยาวภูมาวลมฺพเร;

เกเสหิ สา ปฏิจฺฉนฺนา, สมณํ เอตทพฺรวี’’ติ. –

อิมา ทฺเว คาถา สงฺคีติการเกหิ อิธ อาทิโต ปิตา.

ตตฺถ ภีรุทสฺสนาติ ภยานกทสฺสนา. ‘‘รุทฺททสฺสนา’’ติ วา ปาโ, พีภจฺฉภาริยทสฺสนาติ อตฺโถ. ยาวภูมาวลมฺพเรติ ยาว ภูมิ, ตาว โอลมฺพนฺติ. ปุพฺเพ ‘‘ภิกฺขุ’’นฺติ จ ปจฺฉา ‘‘สมณ’’นฺติ จ กงฺขาเรวตตฺเถรเมว สนฺธาย วุตฺตํ.

สา ปน เปตี เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปานียํ ยาจนฺตี –

๓๓๓.

‘‘ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ, ยโต กาลกตา อหํ;

นาภิชานามิ ภุตฺตํ วา, ปีตํ วา ปน ปานิยํ;

เทหิ ตฺวํ ปานิยํ ภนฺเต, ตสิตา ปานิยาย เม’’ติ. – อิมํ คาถมาห;

๓๓๓. ตตฺถ นาภิชานามิ ภุตฺตํ วาติ เอวํ ทีฆมนฺตเร กาเล โภชนํ ภุตฺตํ วา ปานียํ ปีตํ วา นาภิชานามิ, น ภุตฺตํ น ปีตนฺติ อตฺโถ. ตสิตาติ ปิปาสิตา. ปานิยายาติ ปานียตฺถาย อาหิณฺฑนฺติยา เม ปานียํ เทหิ, ภนฺเตติ โยชนา.

อิโต ปรํ –

๓๓๔.

‘‘อยํ สีโตทิกา คงฺคา, หิมวนฺตโต สนฺทติ;

ปิว เอตฺโต คเหตฺวาน, กึ มํ ยาจสิ ปานิยํ.

๓๓๕.

‘‘สจาหํ ภนฺเต คงฺคาย, สยํ คณฺหามิ ปานิยํ;

โลหิตํ เม ปริวตฺตติ, ตสฺมา ยาจามิ ปานิยํ.

๓๓๖.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, คงฺคา เต โหติ โลหิตํ.

๓๓๗.

‘‘ปุตฺโต เม อุตฺตโร นาม, สทฺโธ อาสิ อุปาสโก;

โส จ มยฺหํ อกามาย, สมณานํ ปเวจฺฉติ.

๓๓๘.

‘‘จีวรํ ปิณฺฑปาตฺจ, ปจฺจยํ สยนาสนํ;

ตมหํ ปริภาสามิ, มจฺเฉเรน อุปทฺทุตา.

๓๓๙.

‘‘ยํ ตฺวํ มยฺหํ อกามาย, สมณานํ ปเวจฺฉสิ;

จีวรํ ปิณฺฑปาตฺจ, ปจฺจยํ สยนาสนํ.

๓๔๐.

‘‘เอตํ เต ปรโลกสฺมึ, โลหิตํ โหตุ อุตฺตร;

ตสฺสกมฺมวิปาเกน, คงฺคา เม โหติ โลหิต’’นฺติ. –

อิมา เถรสฺส จ เปติยา จ วจนปฏิวจนคาถา.

๓๓๔. ตตฺถ หิมวนฺตโตติ มหโต หิมสฺส อตฺถิตาย ‘‘หิมวา’’ติ ลทฺธนามโต ปพฺพตราชโต. สนฺทตีติ ปวตฺตติ. เอตฺโตติ อิโต มหาคงฺคาโต. กินฺติ กสฺมา มํ ยาจสิ ปานียํ, คงฺคานทึ โอตริตฺวา ยถารุจิ ปิวาติ ทสฺเสติ.

๓๓๕. โลหิตํเม ปริวตฺตตีติ อุทกํ สนฺทมานํ มยฺหํ ปาปกมฺมผเลน โลหิตํ หุตฺวา ปริวตฺตติ ปริณมติ, ตาย คหิตมตฺตํ อุทกํ โลหิตํ ชายติ.

๓๓๗-๔๐. มยฺหํ อกามายาติ มม อนิจฺฉนฺติยา. ปเวจฺฉตีติ เทติ. ปจฺจยนฺติ คิลานปจฺจยํ. เอตนฺติ ยํ เอตํ จีวราทิกํ ปจฺจยชาตํ สมณานํ ปเวจฺฉสิ เทสิ, เอตํ เต ปรโลกสฺมึ โลหิตํ โหตุ อุตฺตราติ อภิสปนวเสน กตํ ปาปกมฺมํ, ตสฺส วิปาเกนาติ โยชนา.

อถายสฺมา เรวโต ตํ เปตึ อุทฺทิสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปานียํ อทาสิ, ปิณฺฑาย จริตฺวา ภตฺตํ คเหตฺวา ภิกฺขูนมทาสิ, สงฺการกูฏาทิโต ปํสุกูลํ คเหตฺวา โธวิตฺวา ภิสิฺจ จิมิลิกฺจ กตฺวา ภิกฺขูนํ อทาสิ, เตน จสฺสา เปติยา ทิพฺพสมฺปตฺติโย อเหสุํ. สา เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตนา ลทฺธทิพฺพสมฺปตฺตึ เถรสฺส ทสฺเสสิ. เถโร ตํ ปวตฺตึ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตานํ จตุนฺนํ ปริสานํ ปกาเสตฺวา ธมฺมกถํ กเถสิ. เตน มหาชโน สฺชาตสํเวโค วิคตมลมจฺเฉโร หุตฺวา ทานสีลาทิกุสลธมฺมาภิรโต อโหสีติ. อิทํ ปน เปตวตฺถุ ทุติยสงฺคีติยํ สงฺคหํ อารุฬฺหนฺติ ทฏฺพฺพํ.

อุตฺตรมาตุเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. สุตฺตเปตวตฺถุวณฺณนา

อหํ ปุเร ปพฺพชิตสฺส ภิกฺขุโนติ อิทํ สุตฺตเปตวตฺถุ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร อฺตรสฺมึ คามเก อมฺหากํ สตฺถริ อนุปฺปนฺเนเยว สตฺตนฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ อฺตโร ทารโก เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ อุปฏฺหิ. ตสฺส มาตา ตสฺมึ วยปฺปตฺเต ตสฺสตฺถาย สมานกุลโต อฺตรํ กุลธีตรํ อาเนสิ. วิวาหทิวเสเยว จ โส กุมาโร สหาเยหิ สทฺธึ นฺหายิตุํ คโต อหินา ทฏฺโ กาลมกาสิ, ‘‘ยกฺขคาเหนา’’ติปิ วทนฺติ. โส ปจฺเจกพุทฺธสฺส อุปฏฺาเนน พหุํ กุสลกมฺมํ กตฺวา ิโตปิ ตสฺสา ทาริกาย ปฏิพทฺธจิตฺตตาย วิมานเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, มหิทฺธิโก ปน อโหสิ มหานุภาโว.

อถ โส ตํ ทาริกํ อตฺตโน วิมานํ เนตุกาโม ‘‘เกน นุ โข อุปาเยน เอสา ทิฏฺธมฺมเวทนียกมฺมํ กตฺวา มยา สทฺธึ อิธ อภิรเมยฺยา’’ติ ตสฺสา ทิพฺพโภคสมฺปตฺติยา อนุภวนเหตุํ วีมํสนฺโต ปจฺเจกพุทฺธํ จีวรกมฺมํ กโรนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสรูเปน คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, สุตฺตเกน อตฺโถ อตฺถี’’ติ อาห. ‘‘จีวรกมฺมํ กโรมิ, อุปาสกา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อสุกสฺมึ าเน สุตฺตภิกฺขํ จรถา’’ติ ตสฺสา ทาริกาย เคหํ ทสฺเสสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ตตฺถ คนฺตฺวา ฆรทฺวาเร อฏฺาสิ. อถ สา ปจฺเจกพุทฺธํ ตตฺถ ิตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา ‘‘สุตฺตเกน เม อยฺโย อตฺถิโก’’ติ ตฺวา เอกํ สุตฺตคุฬํ อทาสิ. อถ โส อมนุสฺโส มนุสฺสรูเปน ตสฺส ทาริกาย ฆรํ คนฺตฺวา ตสฺสา มาตรํ ยาจิตฺวา ตาย สทฺธึ กติปาหํ วสิตฺวา ตสฺสา มาตุยา อนุคฺคหตฺถํ ตสฺมึ เคเห สพฺพภาชนานิ หิรฺสุวณฺณสฺส ปูเรตฺวา สพฺพตฺถ อุปริ นามํ ลิขิ ‘‘อิทํ เทวทตฺติยํ ธนํ น เกนจิ คเหตพฺพ’’นฺติ, ตฺจ ทาริกํ คเหตฺวา อตฺตโน วิมานํ อคมาสิ. ตสฺสา มาตา ปหูตํ ธนํ ลภิตฺวา อตฺตโน าตกานํ กปณทฺธิกาทินฺจ ทตฺวา อตฺตนา จ ปริภุฺชิตฺวา กาลํ กโรนฺตี ‘‘มม ธีตา อาคจฺฉติ เจ, อิทํ ธนํ ทสฺเสถา’’ติ าตกานํ กเถตฺวา กาลมกาสิ.

ตโต สตฺตนฺนํ วสฺสสตานํ อจฺจเยน อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุกฺกเมน สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต ตสฺสา อิตฺถิยา เตน อมนุสฺเสน สทฺธึ วสนฺติยา อุกฺกณฺา อุปฺปชฺชิ. สา ตํ ‘‘สาธุ, อยฺยปุตฺต, มํ สกฺเว เคหํ ปฏิเนหี’’ติ วทนฺตี –

๓๔๑.

‘‘อหํ ปุเร ปพฺพชิตสฺส ภิกฺขุโน,

สุตฺตํ อทาสึ อุปสงฺกมฺม ยาจิตา;

ตสฺส วิปาโก วิปุลผลูปลพฺภติ,

พหุกา จ เม อุปฺปชฺชเร วตฺถโกฏิโย.

๓๔๒.

‘‘ปุปฺผาภิกิณฺณํ รมิตํ วิมานํ, อเนกจิตฺตํ นรนาริเสวิตํ;

สาหํ ภุฺชามิ จ ปารุปามิ จ, ปหูตวิตฺตา น จ ตาว ขียติ.

๓๔๓.

‘‘ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากมนฺวยา, สุขฺจ สาตฺจ อิธูปลพฺภติ;

สาหํ คนฺตฺวา ปุนเทว มานุสํ, กาหามิ ปุฺานิ นยยฺยปุตฺต ม’’นฺติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

๓๔๑. ตตฺถ ‘‘ปพฺพชิตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ อิทํ ปจฺเจกพุทฺธํ สทฺธาย วุตฺตํ. โส หิ กามาทิมลานํ อตฺตโน สนฺตานโต อนวเสสโต ปพฺพาชิตตฺตา ปหีนตฺตา ปรมตฺถโต ‘‘ปพฺพชิโต’’ติ, ภินฺนกิเลสตฺตา ‘‘ภิกฺขู’’ติ จ วตฺตพฺพตํ อรหติ. สุตฺตนฺติ กปฺปาสิยสุตฺตํ. อุปสงฺกมฺมาติ มยฺหํ เคหํ อุปสงฺกมิตฺวา. ยาจิตาติ ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺติ, เอสา อริยาน ยาจนา’’ติ (ชา. ๑.๗.๕๙) เอวํ วุตฺตาย กายวิฺตฺติปโยคสงฺขาตาย ภิกฺขาจริยาย ยาจิตา. ตสฺสาติ ตสฺส สุตฺตทานสฺส. วิปาโก วิปุลผลูปลพฺภตีติ วิปุลผโล อุฬารอุทโย มหาอุทโย วิปาโก เอตรหิ อุปลพฺภติ ปจฺจนุภวียติ. พหุกาติ อเนกา. วตฺถโกฏิโยติ วตฺถานํ โกฏิโย, อเนกสตสหสฺสปเภทานิ วตฺถานีติ อตฺโถ.

๓๔๒. อเนกจิตฺตนฺติ นานาวิธจิตฺตกมฺมํ, อเนเกหิ วา มุตฺตามณิอาทีหิ รตเนหิ วิจิตฺตรูปํ. นรนาริเสวิตนฺติ ปริจารกภูเตหิ นเรหิ นารีหิ จ อุปเสวิตํ. สาหํ ภุฺชามีติ สา อหํ ตํ วิมานํ ปริภุฺชามิ. ปารุปามีติ อเนกาสุ วตฺถโกฏีสุ อิจฺฉิติจฺฉิตํ นิวาเสมิ เจว ปริทหามิ จ. ปหูตวิตฺตาติ ปหูตวิตฺตูปกรณา มหทฺธนา มหาโภคา. น จ ตาว ขียตีติ ตฺจ วิตฺตํ น ขียติ, น ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺฉติ.

๓๔๓. ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากมนฺวยาติ ตสฺเสว สุตฺตทานมยปุฺกมฺมสฺส อนฺวยา ปจฺจยา เหตุภาเวน วิปากภูตํ สุขํ, อิฏฺมธุรสงฺขาตํ สาตฺจ อิธ อิมสฺมึ วิมาเน อุปลพฺภติ. คนฺตฺวา ปุนเทว มานุสนฺติ ปุน เอว มนุสฺสโลกํ อุปคนฺตฺวา. กาหามิ ปุฺานีติ มยฺหํ สุขวิเสสนิปฺผาทกานิ ปุฺานิ กริสฺสามิ, เยสํ วา มยา อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธาติ อธิปฺปาโย. นยยฺยปุตฺต มนฺติ, อยฺยปุตฺต, มํ มนุสฺสโลกํ นย, เนหีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา โส อมนุสฺโส ตสฺสา ปฏิพทฺธจิตฺตตาย อนุกมฺปาย คมนํ อนิจฺฉนฺโต –

๓๔๔.

‘‘สตฺต ตุวํ วสฺสสตา อิธาคตา,

ชิณฺณา จ วุฑฺฒา จ ตหึ ภวิสฺสสิ;

สพฺเพว เต กาลกตา จ าตกา,

กึ ตตฺถ คนฺตฺวาน อิโต กริสฺสสี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ สตฺตาติ วิภตฺติโลเปน นิทฺเทโส, นิสฺสกฺเก วา เอตํ ปจฺจตฺตวจนํ. วสฺสสตาติ วสฺสสตโต, สตฺตหิ วสฺสสเตหิ อุทฺธํ ตุวํ อิธาคตา อิมํ วิมานํ อาคตา, อิธาคตาย ตุยฺหํ สตฺต วสฺสสตานิ โหนฺตีติ อตฺโถ. ชิณฺณา จวุฑฺฒา จ ตหึ ภวิสฺสสีติ อิธ ทิพฺเพหิ อุตุอาหาเรหิ อุปถมฺภิตตฺตภาวา กมฺมานุภาเวน เอตฺตกํ กาลํ ทหรากาเรเนว ิตา. อิโต ปน คตา กมฺมสฺส จ ปริกฺขีณตฺตา มนุสฺสานฺจ อุตุอาหารวเสน ชราชิณฺณา วโยวุฑฺฒา จ ตหึ มนุสฺสโลเก ภวิสฺสสิ. กินฺติ? สพฺเพว เต กาลกตา จ าตกาติ ทีฆสฺส อทฺธุโน คตตฺตา ตว าตโยปิ สพฺเพ เอว มตา, ตสฺมา อิโต เทวโลกโต ตตฺถ มนุสฺสโลกํ คนฺตฺวา กึ กริสฺสสิ, อวเสสมฺปิ อายุฺจ อิเธว เขเปหิ, อิธ วสาหีติ อธิปฺปาโย.

เอวํ เตน วุตฺตา สา ตสฺส วจนํ อสทฺทหนฺตี ปุนเทว –

๓๔๕.

‘‘สตฺเตว วสฺสานิ อิธาคตาย เม, ทิพฺพฺจ สุขฺจ สมปฺปิตาย;

สาหํ คนฺตฺวา ปุนเทว มานุสํ, กาหามิ ปุฺานิ นยยฺยปุตฺต ม’’นฺติ. –

คาถมาห. ตตฺถ สตฺเตว วสฺสานิ อิธาคตาย เมติ, อยฺยปุตฺต, มยฺหํ อิธาคตาย สตฺเตว วสฺสานิ มฺเ วีติวตฺตานิ. สตฺต วสฺสสตานิ ทิพฺพสุขสมปฺปิตาย พหุมฺปิ กาลํ คตํ อสลฺลกฺเขนฺตี เอวมาห.

เอวํ ปน ตาย วุตฺโต โส วิมานเปโต นานปฺปการํ ตํ อนุสาสิตฺวา ‘‘ตฺวํ อิทานิ สตฺตาหโต อุตฺตริ ตตฺถ น ชีวิสฺสสิ, มาตุยา เต นิกฺขิตฺตํ มยา ทินฺนํ ธนํ อตฺถิ, ตํ สมณพฺราหฺมณานํ ทตฺวา อิเธว อุปฺปตฺตึ ปตฺเถหี’’ติ วตฺวา ตํ พาหายํ คเหตฺวา คามมชฺเฌ เปตฺวา ‘‘อิธาคเต อฺเปิ ชเน ‘ยถาพลํ ปุฺานิ กโรถา’ติ โอวเทยฺยาสี’’ติ วตฺวา คโต. เตน วุตฺตํ –

๓๔๖.

‘‘โส ตํ คเหตฺวาน ปสยฺห พาหายํ, ปจฺจานยิตฺวาน เถรึ สุทุพฺพลํ;

วชฺเชสิ ‘อฺมฺปิ ชนํ อิธาคตํ, กโรถ ปุฺานิ สุขูปลพฺภตี’’’ติ.

ตตฺถ โสติ โส วิมานเปโต. นฺติ ตํ อิตฺถึ. คเหตฺวาน ปสยฺห พาหายนฺติ ปสยฺห เนตา วิย พาหายํ ตํ คเหตฺวา. ปจฺจานยิตฺวานาติ ตสฺสา ชาตสํวุฑฺฒคามํ ปุนเทว อานยิตฺวา. เถรินฺติ ถาวรึ, ชิณฺณํ วุฑฺฒนฺติ อตฺโถ. สุทุพฺพลนฺติ ชราชิณฺณตาย เอว สุฏฺุ ทุพฺพลํ. สา กิร ตโต วิมานโต อปคมนสมนนฺตรเมว ชิณฺณา วุฑฺฒา มหลฺลิกา อทฺธคตา วโยอนุปฺปตฺตา อโหสิ. วชฺเชสีติ วเทยฺยาสิ. วตฺตพฺพวจนาการฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘อฺมฺปิ ชน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – ภทฺเท, ตฺวมฺปิ ปุฺํ กเรยฺยาสิ, อฺมฺปิ ชนํ อิธ ตว ทสฺสนตฺถาย อาคตํ ‘‘ภทฺรมุขา, อาทิตฺตํ สีสํ วา เจลํ วา อชฺฌุเปกฺขิตฺวาปิ ทานสีลาทีนิ ปุฺานิ กโรถาติ, กเต จ ปุฺเ เอกํเสเนว ตสฺส ผลภูตํ สุขํ อุปลพฺภติ, น เอตฺถ สํสโย กาตพฺโพ’’ติ วเทยฺยาสิ โอวเทยฺยาสีติ.

เอวฺจ วตฺวา ตสฺมึ คเต สา อิตฺถี อตฺตโน าตกานํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา เตสํ อตฺตานํ ชานาเปตฺวา เตหิ นิยฺยาทิตธนํ คเหตฺวา สมณพฺราหฺมณานํ ทานํ เทนฺตี อตฺตโน สนฺติกํ อาคตาคตานํ –

๓๔๗.

‘‘ทิฏฺา มยา อกเตน สาธุนา, เปตา วิหฺนฺติ ตเถว มนุสฺสา;

กมฺมฺจ กตฺวา สุขเวทนียํ, เทวา มนุสฺสา จ สุเข ิตา ปชา’’ติ. –

คาถาย โอวาทมทาสิ.

ตตฺถ อกเตนาติ อนิพฺพตฺติเตน อตฺตนา อนุปจิเตน. สาธุนาติ กุสลกมฺเมน, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ. วิหฺนฺตีติ วิฆาตํ อาปชฺชนฺติ. สุขเวทนียนฺติ สุขวิปากํ ปุฺกมฺมํ. สุเข ิตาติ สุเข ปติฏฺิตา. ‘‘สุเขธิตา’’ติ วา ปาโ, สุเขน อภิวุฑฺฒา ผีตาติ อตฺโถ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา เปตา ตเถว มนุสฺสา อกเตน กุสเลน, กเตน จ อกุสเลน วิหฺมานา ขุปฺปิปาสาทินา วิฆาตํ อาปชฺชนฺตา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตา ทิฏฺา มยา. สุขเวทนียํ ปน กมฺมํ กตฺวา เตน กเตน กุสลกมฺเมน, อกเตน จ อกุสลกมฺเมน เทวมนุสฺสปริยาปนฺนา ปชา สุเข ิตา ทิฏฺา มยา, อตฺตปจฺจกฺขเมตํ, ตสฺมา ปาปํ ทูรโตว ปริวชฺเชนฺตา ปุฺกิริยาย ยุตฺตปยุตฺตา โหถาติ.

เอวํ ปน โอวาทํ เทนฺตี สมณพฺราหฺมณาทีนํ สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สตฺตเม ทิวเส กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, วิเสสโต จ ปจฺเจกพุทฺเธสุ ปวตฺติตทานสฺส มหปฺผลตํ มหานิสํสตฺจ ปกาเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาชโน วิคตมลมจฺเฉโร ทานาทิปุฺาภิรโต อโหสีติ.

สุตฺตเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. กณฺณมุณฺฑเปติวตฺถุวณฺณนา

โสณฺณโสปานผลกาติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต กณฺณมุณฺฑเปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. อตีเต กิร กสฺสปพุทฺธกาเล กิมิลนคเร อฺตโร อุปาสโก โสตาปนฺโน ปฺจหิ อุปาสกสเตหิ สทฺธึ สมานจฺฉนฺโท หุตฺวา อารามโรปนเสตุพนฺธนจงฺกมนกรณาทีสุ ปุฺกมฺเมสุ ปสุโต หุตฺวา วิหรนฺโต สงฺฆสฺส วิหารํ กาเรตฺวา เตหิ สทฺธึ กาเลน กาลํ วิหารํ คจฺฉติ. เตสํ ภริยาโยปิ อุปาสิกา หุตฺวา อฺมฺํ สมคฺคา มาลาคนฺธวิเลปนาทิหตฺถา กาเลน กาลํ วิหารํ คจฺฉนฺติโย อนฺตรามคฺเค อารามสภาทีสุ วิสฺสมิตฺวา คจฺฉนฺติ.

อเถกทิวสํ กติปยา ธุตฺตา เอกิสฺสา สภาย สนฺนิสินฺนา ตาสุ ตตฺถ วิสฺสมิตฺวา คตาสุ ตาสํ รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ตาสํ สีลาจารคุณสมฺปนฺนตํ ตฺวา กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘โก เอตาสุ เอกิสฺสาปิ สีลเภทํ กาตุํ สมตฺโถ’’ติ. ตตฺถ อฺตโร ‘‘อหํ สมตฺโถ’’ติ อาห. เต เตน ‘‘สหสฺเสน อพฺภุตํ กโรมา’’ติ อพฺภุตํ อกํสุ. โส อเนเกหิ อุปาเยหิ วายมมาโน ตาสุ สภํ อาคตาสุ สุมุฺจิตํ สตฺตตนฺตึ มธุรสฺสรํ วีณํ วาเทนฺโต มธุเรเนว สเรน กามปฏิสํยุตฺตคีตานิ คายนฺโต คีตสทฺเทน ตาสุ อฺตรํ อิตฺถึ สีลเภทํ ปาเปนฺโต อติจารินึ กตฺวา เต ธุตฺเต สหสฺสํ ปราเชสิ. เต สหสฺสปราชิตา ตสฺสา สามิกสฺส อาโรเจสุํ. สามิโก ตํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ ตฺวํ เอวรูปา, ยถา เต ปุริสา อโวจุ’’นฺติ. สา ‘‘นาหํ อีทิสํ ชานามี’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตสฺมึ อสทฺทหนฺเต สมีเป ิตํ สุนขํ ทสฺเสตฺวา สปถํ อกาสิ ‘‘สเจ มยา ตาทิสํ ปาปกมฺมํ กตํ, อยํ ฉินฺนกณฺโณ กาฬสุนโข ตตฺถ ตตฺถ ภเว ชาตํ มํ ขาทตู’’ติ. อิตราปิ ปฺจสตา อิตฺถิโย ตํ อิตฺถึ อติจารินึ ชานนฺตี กึ อยํ ตถารูปํ ปาปํ อกาสิ, อุทาหุ นากาสี’’ติ โจทิตา ‘‘น มยํ เอวรูปํ ชานามา’’ติ มุสา วตฺวา ‘‘สเจ มยํ ชานาม, ภเว ภเว เอติสฺสาเยว ทาสิโย ภเวยฺยามา’’ติ สปถํ อกํสุ.

อถ สา อติจารินี อิตฺถี เตเนว วิปฺปฏิสาเรน ฑยฺหมานหทยา สุสฺสิตฺวา น จิเรเนว กาลํ กตฺวา หิมวติ ปพฺพตราเช สตฺตนฺนํ มหาสรานํ อฺตรสฺส กณฺณมุณฺฑทหสฺส ตีเร วิมานเปตี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. วิมานสามนฺตา จสฺสา กมฺมวิปากานุภวนโยคฺคา เอกา โปกฺขรณี นิพฺพตฺติ. เสสา จ ปฺจสตา อิตฺถิโย กาลํ กตฺวา สปถกมฺมวเสน ตสฺสาเยว ทาสิโย หุตฺวา นิพฺพตฺตึสุ. สา ตตฺถ ปุพฺเพ กตสฺส ปุฺกมฺมสฺส ผเลน ทิวสภาคํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อฑฺฒรตฺเต ปาปกมฺมพลสฺโจทิตา สยนโต อุฏฺหิตฺวา โปกฺขรณิตีรํ คจฺฉติ. ตตฺถ คตํ คชโปตกปฺปมาโณ เอโก กาฬสุนโข เภรวรูโป ฉินฺนกณฺโณ ติขิณายตกถินทาโ สุวิปฺผุลิตขทิรงฺคารปุฺชสทิสนยโน นิรนฺตรปฺปวตฺตวิชฺชุลตาสงฺฆาตสทิสชิวฺโห กถินติขิณนโข ขรายตทุพฺพณฺณโลโม ตโต อาคนฺตฺวา ตํ ภูมิยํ นิปาเตตฺวา อติสยชิฆจฺฉาภิภูโต วิย ปสยฺห ขาทนฺโต อฏฺิสงฺขลิกมตฺตํ กตฺวา ทนฺเตหิ คเหตฺวา โปกฺขรณิยํ ขิปิตฺวา อนฺตรธายติ. สา จ ตตฺถ ปกฺขิตฺตสมนนฺตรเมว ปกติรูปธารินี หุตฺวา วิมานํ อภิรุยฺห สยเน นิปชฺชติ. อิตรา ปน ตสฺสา ทาสพฺยเมว ทุกฺขํ อนุภวนฺติ. เอวํ ตาสํ ตตฺถ วสนฺตีนํ ปฺาสาธิกานิ ปฺจ วสฺสสตานิ วีติวตฺตานิ.

อถ ตาสํ ปุริเสหิ วินา ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตีนํ อุกฺกณฺา อเหสุํ. ตตฺถ จ กณฺณมุณฺฑทหโต นิคฺคตา ปพฺพตวิวเรน อาคนฺตฺวา คงฺคํ นทึ อนุปวิฏฺา เอกา นที อตฺถิ. ตาสฺจ วสนฏฺานสมีเป เอโก ทิพฺพผเลหิ อมฺพรุกฺเขหิ ปนสลพุชาทีหิ จ อุปโสภิโต อารามสทิโส อรฺปฺปเทโส อตฺถิ. ตา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘‘หนฺท, มยํ อิมานิ อมฺพผลานิ อิมิสฺสา นทิยา ปกฺขิปิสฺสาม, อปฺเปว นาม อิมํ ผลํ ทิสฺวา ผลโลเภน โกจิเทว ปุริโส อิธาคจฺเฉยฺย, เตน สทฺธึ รมิสฺสามาติ. ตา ตถา อกํสุ. ตาหิ ปน ปกฺขิตฺตานิ อมฺพผลานิ กานิจิ ตาปสา คณฺหึสุ, กานิจิ วนจรกา, กานิจิ กากา วิลุชฺชึสุ, กานิจิ ตีเร ลคฺคึสุ. เอกํ ปน คงฺคาย โสตํ ปตฺวา อนุกฺกเมน พาราณสึ สมฺปาปุณิ.

เตน จ สมเยน พาราณสิราชา โลหชาลปริกฺขิตฺเต คงฺคาชเล นฺหายติ. อถ ตํ ผลํ นทิโสเตน วุยฺหมานํ อนุกฺกเมน อาคนฺตฺวา โลหชาเล ลคฺคิ. ตํ วณฺณคนฺธรสสมฺปนฺนํ มหนฺตํ ทิพฺพํ อมฺพผลํ ทิสฺวา ราชปุริสา รฺโ อุปเนสุํ. ราชา ตสฺส เอกเทสํ คเหตฺวา วีมํสนตฺถาย เอกสฺส พนฺธนาคาเร ปิตสฺส วชฺฌโจรสฺส ขาทิตุํ อทาสิ. โส ตํ ขาทิตฺวา ‘‘เทว, มยา เอวรูปํ น ขาทิตปุพฺพํ, ทิพฺพมิทํ มฺเ อมฺพผล’’นฺติ อาห. ราชา ปุนปิ ตสฺส เอกํ ขณฺฑํ อทาสิ. โส ตํ ขาทิตฺวา วิคตวลิตปลิโต อติวิย มโนหรรูโป โยพฺพเน ิโต วิย อโหสิ. ตํ ทิสฺวา ราชา อจฺฉริยพฺภุตชาโต ตํ อมฺพผลํ ปริภุฺชิตฺวา สรีเร วิเสสํ ลภิตฺวา มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘กตฺถ เอวรูปานิ ทิพฺพอมฺพผลานิ สํวิชฺชนฺตี’’ติ? มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘‘หิมวนฺเต กิร, เทว, ปพฺพตราเช’’ติ. ‘‘สกฺกา ปน ตานิ อาเนตุ’’นฺติ? ‘‘วนจรกา, เทว, ชานนฺตี’’ติ.

ราชา วนจรเก ปกฺโกสาเปตฺวา เตสํ ตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา เตหิ สมฺมนฺเตตฺวา ทินฺนสฺส เอกสฺส วนจรกสฺส สหสฺสํ ทตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชสิ – ‘‘คจฺฉ , สีฆํ ตํ เม อมฺพผลํ อาเนหี’’ติ. โส ตํ กหาปณสหสฺสํ ปุตฺตทารสฺส ทตฺวา ปาเถยฺยํ คเหตฺวา ปฏิคงฺคํ กณฺณมุณฺฑทหาภิมุโข คนฺตฺวา มนุสฺสปถํ อติกฺกมิตฺวา กณฺณมุณฺฑทหโต โอรํ สฏฺิโยชนปฺปมาเณ ปเทเส เอกํ ตาปสํ ทิสฺวา เตน อาจิกฺขิตมคฺเคน คจฺฉนฺโต ปุน ตึสโยชนปฺปมาเณ ปเทเส เอกํ ตาปสํ ทิสฺวา, เตน อาจิกฺขิตมคฺเคน คจฺฉนฺโต ปุน ปนฺนรสโยชนปฺปมาเณ าเน อฺํ ตาปสํ ทิสฺวา, ตสฺส อตฺตโน อาคมนการณํ กเถสิ. ตาปโส ตํ อนุสาสิ – ‘‘อิโต ปฏฺาย อิมํ มหาคงฺคํ ปหาย อิมํ ขุทฺทกนทึ นิสฺสาย ปฏิโสตํ คจฺฉนฺโต ยทา ปพฺพตวิวรํ ปสฺสสิ, ตทา รตฺติยํ อุกฺกํ คเหตฺวา ปวิเสยฺยาสิ. อยฺจ นที รตฺติยํ นปฺปวตฺตติ, เตน เต คมนโยคฺคา โหติ, กติปยโยชนาติกฺกเมน เต อมฺเพ ปสฺสิสฺสสี’’ติ. โส ตถา กตฺวา อุทยนฺเต สูริเย วิวิธรตนรํสิชาลปชฺโชติตภูมิภาคํ ผลภาราวนตสาขาวิตานตรุคโณปโสภิตํ นานาวิธวิหงฺคคณูปกูชิตํ อติวิย มโนหรํ อมฺพวนํ สมฺปาปุณิ.

อถ นํ ตา อมนุสฺสิตฺถิโย ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘เอส มม ปริคฺคโห, เอส มม ปริคฺคโห’’ติ อุปธาวึสุ. โส ปน ตาหิ สทฺธึ ตตฺถ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตุํ โยคฺคสฺส ปุฺกมฺมสฺส อกตตฺตา ตา ทิสฺวาว ภีโต วิรวนฺโต ปลายิตฺวา อนุกฺกเมน พาราณสึ ปตฺวา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตํ สุตฺวา ตา อิตฺถิโย ทฏฺุํ อมฺพผลานิ จ ปริภุฺชิตุํ สฺชาตาภิลาโส รชฺชภารํ อมจฺเจสุ อาโรเปตฺวา มิควาปเทเสน สนฺนทฺธธนุกลาโป ขคฺคํ พนฺธิตฺวา กติปยมนุสฺสปริวาโร เตเนว วนจรเกน ทสฺสิตมคฺเคน คนฺตฺวา กติปยโยชนนฺตเร าเน มนุสฺเสปิ เปตฺวา วนจรกเมว คเหตฺวา อนุกฺกเมน คนฺตฺวา ตมฺปิ ตโต นิวตฺตาเปตฺวา อุทยนฺเต ทิวากเร อมฺพวนํ ปาวิสิ. อถ นํ ตา อิตฺถิโย อภินวอุปฺปนฺนมิว เทวปุตฺตํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ‘‘ราชา’’ติ ตฺวา สฺชาตสิเนหพหุมานา สกฺกจฺจํ นฺหาเปตฺวา ทิพฺเพหิ วตฺถาลงฺการมาลาคนฺธวิเลปเนหิ สุมณฺฑิตปสาธิตํ กตฺวา วิมานํ อาโรเปตฺวา นานคฺครสํ ทิพฺพโภชนํ โภเชตฺวา ตสฺส อิจฺฉานุรูปํ ปยิรุปาสึสุ.

อถ ทิยฑฺฒวสฺสสเต อติกฺกนฺเต ราชา อฑฺฒรตฺติสมเย อุฏฺหิตฺวา นิสินฺโน ตํ อติจารินึ เปตึ โปกฺขรณิตีรํ คจฺฉนฺตึ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอสา อิมาย เวลาย คจฺฉตี’’ติ วีมํสิตุกาโม อนุพนฺธิ. อถ นํ ตตฺถ คตํ สุนเขน ขชฺชมานํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข อิท’’นฺติ อชานนฺโต ตโย จ ทิวเส วีมํสิตฺวา ‘‘เอโส เอติสฺสา ปจฺจามิตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ นิสิเตน อุสุนา วิชฺฌิตฺวา ชีวิตา โวโรเปตฺวา ตฺจ อิตฺถึ โปเถตฺวา โปกฺขรณึ โอตาเรตฺวา ปฏิลทฺธปุริมรูปํ ทิสฺวา –

๓๔๘.

‘‘โสณฺณโสปานผลกา , โสณฺณวาลุกสนฺถตา;

ตตฺถ โสคนฺธิยา วคฺคู, สุจิคนฺธา มโนรมา.

๓๔๙.

‘‘นานารุกฺเขหิ สฺฉนฺนา, นานาคนฺธสเมริตา;

นานาปทุมสฺฉนฺนา, ปุณฺฑรีกสโมตตา.

๓๕๐.

‘‘สุรภึ สมฺปวายนฺติ, มนุฺา มาลุเตริตา;

หํสโกฺจาภิรุทา จ, จกฺกวกฺกาภิกูชิตา.

๓๕๑.

‘‘นานาทิชคณากิณฺณา, นานาสรคณายุตา;

นานาผลธรา รุกฺขา, นานาปุปฺผธรา วนา.

๓๕๒.

‘‘น มนุสฺเสสุ อีทิสํ, นครํ ยาทิสํ อิทํ;

ปาสาทา พหุกา ตุยฺหํ, โสวณฺณรูปิยามยา;

ททฺทลฺลมานา อาเภนฺติ, สมนฺตา จตุโร ทิสา.

๓๕๓.

‘‘ปฺจ ทาสิสตา ตุยฺหํ, ยา เตมา ปริจาริกา;

ตา กมฺพุกายูรธรา, กฺจนาเวฬภูสิตา.

๓๕๔.

‘‘ปลฺลงฺกา พหุกา ตุยฺหํ, โสวณฺณรูปิยามยา;

กทลิมิคสฺฉนฺนา, สชฺชา โคนกสนฺถตา.

๓๕๕.

‘‘ยตฺถ ตุวํ วาสูปคตา, สพฺพกามสมิทฺธินี;

สมฺปตฺตายฑฺฒรตฺตาย, ตโต อุฏฺาย คจฺฉสิ.

๓๕๖.

‘‘อุยฺยานภูมึ คนฺตฺวาน, โปกฺขรฺา สมนฺตโต;

ตสฺสา ตีเร ตุวํ าสิ, หริเต สทฺทเล สุเภ.

๓๕๗.

‘‘ตโต เต กณฺณมุณฺโฑ สุนโข, องฺคมงฺคานิ ขาทติ;

ยทา จ ขายิตา อาสิ, อฏฺิสงฺขลิกา กตา;

โอคาหสิ โปกฺขรณึ, โหติ กาโย ยถา ปุเร.

๓๕๘.

‘‘ตโต ตฺวํ องฺคปจฺจงฺคี, สุจารุ ปิยทสฺสนา;

วตฺเถน ปารุปิตฺวาน, อายาสิ มม สนฺติกํ.

๓๕๙.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, กณฺณมุณฺโฑ สุนโข ตว;

องฺคมงฺคานิ ขาทตี’’ติ. –

ทฺวาทสหิ คาถาหิ ตํ ตสฺส ปวตฺตึ ปฏิปุจฺฉิ.

๓๔๘. ตตฺถ โสณฺณโสปานผลกาติ สุวณฺณมยโสปานผลกา. โสณฺณวาลุกสนฺถตาติ สมนฺตโต สุวณฺณมยาหิ วาลุกาหิ สนฺถตา. ตตฺถาติ โปกฺขรณิยํ. โสคนฺธิยาติ โสคนฺธิกา. วคฺคูติ สุนฺทรา รุจิรา. สุจิคนฺธาติ มนุฺคนฺธา.

๓๔๙. นานาคนฺธสเมริตาติ นานาวิธสุรภิคนฺธวเสน คนฺธวายุนา สมนฺตโต เอริตา. นานาปทุมสฺฉนฺนาติ นานาวิธรตฺตปทุมสฺฉาทิตสลิลตลา. ปุณฺฑรีกสโมตตาติ เสตปทุเมหิ จ สโมกิณฺณา.

๓๕๐. สุรภึ สมฺปวายนฺตีติ สมฺมเทว สุคนฺธํ วายติ โปกฺขรณีติ อธิปฺปาโย. หํสโกฺจาภิรุทาติ หํเสหิ จ โกฺเจหิ จ อภินาทิตา.

๓๕๑. นานาทิชคณากิณฺณาติ นานาทิชคณากิณฺณา. นานาสรคณายุตาติ นานาวิธวิหงฺคมาภิรุทสมูหยุตฺตา. นานาผลธราติ นานาวิธผลธาริโน สพฺพกาลํ วิวิธผลภารนมิตสาขตฺตา. นานาปุปฺผธรา วนาติ นานาวิธสุรภิกุสุมทายิกานิ วนานีติ อตฺโถ. ลิงฺควิปลฺลาเสน หิ ‘‘วนา’’ติ วุตฺตํ.

๓๕๒. น มนุสฺเสสุ อีทิสํ นครนฺติ ยาทิสํ ตว อิทํ นครํ, อีทิสํ มนุสฺเสสุ นตฺถิ, มนุสฺสโลเก น อุปลพฺภตีติ อตฺโถ. รูปิยมยาติ รชตมยา. ททฺทลฺลมานาติ อติวิย วิโรจมานา. อาเภนฺตีติ โสภยนฺติ. สมนฺตา จตุโร ทิสาติ สมนฺตโต จตสฺโสปิ ทิสาโย.

๓๕๓. ยา เตมาติ ยา เต อิมา. ปริจาริกาติ เวยฺยาวจฺจการินิโย. ตาติ ตา ปริจาริกาโย. กมฺพุกายูรธราติ สงฺขวลยกายูรวิภูสิตา. กฺจนาเวฬภูสิตาติ สุวณฺณวฏํสกสมลงฺกตเกสหตฺถา.

๓๕๔. กทลิมิคสฺฉนฺนาติ กทลิมิคจมฺมปจฺจตฺถรณตฺถตา. สชฺชาติ สชฺชิตา สยิตุํ ยุตฺตรูปา. โคนกสนฺถตาติ ทีฆโลมเกน โกชเวน สนฺถตา.

๓๕๕. ยตฺถาติ ยสฺมึ ปลฺลงฺเก. วาสูปคตาติ วาสํ อุปคตา, สยิตาติ อตฺโถ. สมฺปตฺตายฑฺฒรตฺตายาติ อฑฺฒรตฺติยา อุปคตาย. ตโตติ ปลฺลงฺกโต.

๓๕๖. โปกฺขรฺาติ โปกฺขรณิยา. หริเตติ นีเล. สทฺทเลติ ตรุณติณสฺฉนฺเน. สุเภติ สุทฺเธ. สุเภติ วา ตสฺสา อาลปนํ. ภทฺเท, สมนฺตโต หริเต สทฺทเล ตสฺสา โปกฺขรณิยา ตีเร ตฺวํ คนฺตฺวาน าสิ ติฏฺสีติ โยชนา.

๓๕๗. กณฺณมุณฺโฑติ ขณฺฑิตกณฺโณ ฉินฺนกณฺโณ. ขายิตา อาสีติ ขาทิตา อโหสิ. อฏฺิสงฺขลิกา กตาติ อฏฺิสงฺขลิกมตฺตา กตา. ยถา ปุเรติ สุนเขน ขาทนโต ปุพฺเพ วิย.

๓๕๘. ตโตติ โปกฺขรณึ โอคาหนโต ปจฺฉา. องฺคปจฺจงฺคีติ ปริปุณฺณสพฺพงฺคปจฺจงฺควตี. สุจารูติ สุฏฺุ มโนรมา. ปิยทสฺสนาติ ทสฺสนียา. อายาสีติ อาคจฺฉสิ.

เอวํ เตน รฺา ปุจฺฉิตา สา เปตี อาทิโต ปฏฺาย อตฺตโน ปวตฺตึ ตสฺส กเถนฺตี –

๓๖๐.

‘‘กิมิลายํ คหปติ, สทฺโธ อาสิ อุปาสโก;

ตสฺสาหํ ภริยา อาสึ, ทุสฺสีลา อติจารินี.

๓๖๑.

‘‘โส มํ อติจรมานาย, สามิโก เอตทพฺรวิ;

‘เนตํ ตํ ฉนฺนํ ปติรูปํ, ยํ ตฺวํ อติจราสิ มํ’.

๓๖๒.

‘‘สาหํ โฆรฺจ สปถํ, มุสาวาทฺจ ภาสิสํ;

‘นาหํ ตํ อติจรามิ, กาเยน อุท เจตสา.

๓๖๓.

‘‘‘สจาหํ ตํ อติจรามิ, กาเยน อุท เจตสา;

กณฺณมุณฺโฑยํ สุนโข, องฺคมงฺคานิ ขาทตุ’.

๓๖๔.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ, มุสาวาทสฺส จูภยํ;

สตฺเตว วสฺสสตานิ, อนุภูตํ ยโต หิ เม;

กณฺณมุณฺโฑ จ สุนโข, องฺคมงฺคานิ ขาทตี’’ติ. – ปฺจ คาถา อาห;

๓๖๐-๑. ตตฺถ กิมิลายนฺติ เอวํนามเก นคเร. อติจารินีติ ภริยา หิ ปตึ อติกฺกมฺม จรณโต ‘‘อติจารินี’’ติ วุจฺจติ. อติจรมานาย มยิ โส สามิโก มํ เอตทพฺรวีติ โยชนา. เนตํ ฉนฺนนฺติอาทิ วุตฺตาการทสฺสนํ. ตตฺถ เนตํ ฉนฺนนฺติ น เอตํ ยุตฺตํ. น ปติรูปนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. นฺติ กิริยาปรามสนํ. อติจราสีติ อติจรสิ, อยเมว วา ปาโ. ยํ มํ ตฺวํ อติจรสิ, ตตฺถ ยํ อติจรณํ, เนตํ ฉนฺนํ เนตํ ปติรูปนฺติ อตฺโถ.

๓๖๒-๔. โฆรนฺติ ทารุณํ. สปถนฺติ สปนํ. ภาสิสนฺติ อภาสึ. สจาหนฺติ สเจ อหํ. นฺติ ตฺวํ. ตสฺส กมฺมสฺสาติ ตสฺส ปาปกมฺมสฺส ทุสฺสีลฺยกมฺมสฺส. มุสาวาทสฺส จาติ ‘‘นาหํ ตํ อติจรามี’’ติ วุตฺตมุสาวาทสฺส จ. อุภยนฺติ อุภยสฺส วิปากํ. อนุภูตนฺติ อนุภูยมานํ มยาติ อตฺโถ. ยโตติ ยโต ปาปกมฺมโต.

เอวฺจ ปน วตฺวา เตน อตฺตโน กตํ อุปการํ กิตฺเตนฺตี –

๓๖๕.

‘‘ตฺวฺจ เทว พหุกาโร, อตฺถาย เม อิธาคโต;

สุมุตฺตาหํ กณฺณมุณฺฑสฺส, อโสกา อกุโตภยา.

๓๖๖.

‘‘ตาหํ เทว นมสฺสามิ, ยาจามิ ปฺชลีกตา;

ภุฺช อมานุเส กาเม, รม เทว มยา สหา’’ติ. –

ทฺเว คาถา อาห. ตตฺถ เทวาติ ราชานํ อาลปติ. กณฺณมุณฺฑสฺสาติ กณฺณมุณฺฑโต. นิสฺสกฺเก หิ อิทํ สามิวจนํ. อถ ราชา ตตฺถ วาเสน นิพฺพินฺนมานโส คมนชฺฌาสยํ ปกาเสสิ. ตํ สุตฺวา เปตี รฺโ ปฏิพทฺธจิตฺตา ตตฺเถวสฺส วาสํ ยาจนฺตี ‘‘ตาหํ, เทว, นมสฺสามี’’ติ คาถมาห.

ปุน ราชา เอกํเสน นครํ คนฺตุกาโมว หุตฺวา อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปเวเทนฺโต –

๓๖๗.

‘‘ภุตฺตา อมานุสา กามา, รมิโตมฺหิ ตยา สห;

ตาหํ สุภเค ยาจามิ, ขิปฺปํ ปฏินยาหิ ม’’นฺติ. –

โอสานคาถมาห. ตตฺถ ตาหนฺติ ตํ อหํ. สุภเคติ สุภคยุตฺเต. ปฏินยาหิ มนฺติ มยฺหํ นครเมว มํ ปฏิเนหิ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

อถ สา วิมานเปตี รฺโ วจนํ สุตฺวา วิโยคํ อสหมานา โสกาตุรตาย พฺยากุลหทยา เวธมานสรีรา นานาวิเธหิ อุปาเยหิ อายาจิตฺวาปิ ตํ ตตฺถ วาเสตุํ อสกฺโกนฺตี พหูหิ มหารเหหิ รตเนหิ สทฺธึ ราชานํ นครํ เนตฺวา ปาสาทํ อาโรเปตฺวา กนฺทิตฺวา ปริเทวิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คตา. ราชา ปน ตํ ทิสฺวา สฺชาตสํเวโค ทานาทีนิ ปุฺกมฺมานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ. อถ อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุกฺกเมน สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต เอกทิวสํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปพฺพตจาริกํ จรมาโน ตํ อิตฺถึ สปริวารํ ทิสฺวา ตาย กตกมฺมํ ปุจฺฉิ. สา อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ เถรสฺส กเถสิ. เถโร ตาสํ ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ ปวตฺตึ เถโร ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. มหาชโน ปฏิลทฺธสํเวโค ปาปโต โอรมิตฺวา ทานาทีนิ ปุฺกมฺมานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสีติ.

กณฺณมุณฺฑเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. ฒุพฺพริเปตวตฺถุวณฺณนา

อหุ ราชา พฺรหฺมทตฺโตติ อิทํ อุพฺพริเปตวตฺถุํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อุปาสิกํ อารพฺภ กเถสิ . สาวตฺถิยํ กิร อฺตราย อุปาสิกาย สามิโก กาลมกาสิ. สา ปติวิโยคทุกฺขาตุรา โสจนฺตี อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติ. ภควา ตสฺสา โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา กรุณาย สฺโจทิตมานโส หุตฺวา ตสฺสา เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อุปาสิกา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ, อุปาสิเก, โสจสี’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภควา, ปิยวิปฺปโยเคน โสจามี’’ติ วุตฺเต ตสฺสา โสกํ อปเนตุกาโม อตีตํ อาหริ.

อตีเต ปฺจาลรฏฺเ กปิลนคเร จูฬนีพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. โส อคติคมนํ ปหาย อตฺตโน วิชิเต ปชาย หิตกรณนิรโต ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา รชฺชํ อนุสาสมาโน กทาจิ ‘‘อตฺตโน รชฺเช กึ วทนฺตี’’ติ โสตุกาโม ตุนฺนวายเวสํ คเหตฺวา เอโก อทุติโย นครโต นิกฺขมิตฺวา คามโต คามํ ชนปทโต ชนปทํ วิจริตฺวา สพฺพรชฺชํ อกณฺฏกํ อนุปปีฬํ มนุสฺเส สมฺโมทมาเน อปารุตฆเร มฺเ วิหรนฺเต ทิสฺวา โสมนสฺสชาโต นิวตฺติตฺวา นคราภิมุโข อาคจฺฉนฺโต อฺตรสฺมึ คาเม เอกิสฺสา วิธวาย ทุคฺคติตฺถิยา เคหํ ปาวิสิ. สา ตํ ทิสฺวา อาห – ‘‘โก นุ ตฺวํ, อยฺโย, กุโต วา อาคโตสี’’ติ? ‘‘อหํ ตุนฺนวาโย, ภทฺเท, ภติยา ตุนฺนวายกมฺมํ กโรนฺโต วิจรามิ. ยทิ ตุมฺหากํ ตุนฺนวายกมฺมํ อตฺถิ, ภตฺตฺจ เวตนฺจ เทถ, ตุมฺหากมฺปิ กมฺมํ กโรมี’’ติ. ‘‘นตฺถมฺหากํ กมฺมํ ภตฺตเวตนํ วา, อฺเสํ กโรหิ, อยฺยา’’ติ. โส ตตฺถ กติปาหํ วสนฺโต ธฺปุฺลกฺขณสมฺปนฺนํ ตสฺสา ธีตรํ ทิสฺวา มาตรํ อาห – ‘‘อยํ ทาริกา กึ เกนจิ กตปริคฺคหา, อุทาหุ อกตปริคฺคหา. สเจ ปน เกนจิ อกตปริคฺคหา, อิมํ มยฺหํ เทถ, อหํ ตุมฺหากํ สุเขน ชีวนูปายํ กาตุํ สมตฺโถ’’ติ. ‘‘สาธุ, อยฺยา’’ติ สา ตสฺส ตํ อทาสิ.

โส ตาย สทฺธึ กติปาหํ วสิตฺวา ตสฺสา กหาปณสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อหํ กติปาเหเนว นิวตฺติสฺสามิ. ภทฺเท , ตฺวํ มา อุกฺกณฺสี’’ติ วตฺวา อตฺตโน นครํ คนฺตฺวา, นครสฺส จ ตสฺส คามสฺส จ อนฺตเร มคฺคํ สมํ การาเปตฺวา อลงฺการาเปตฺวา มหตา ราชานุภาเวน ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ทาริกํ กหาปณราสิมฺหิ เปตฺวา สุวณฺณรชตกลเสหิ นฺหาเปตฺวา ‘‘อุพฺพรี’’ติ นามํ การาเปตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปตฺวา ตฺจ คามํ ตสฺสา าตีนํ ทตฺวา มหตา ราชานุภาเวน ตํ นครํ อาเนตฺวา ตาย สทฺธึ อภิรมมาโน ยาวชีวํ รชฺชสุขํ อนุภวิตฺวา อายุปริโยสาเน กาลมกาสิ. กาลกเต จ ตสฺมึ, กเต จ สรีรกิจฺเจ อุพฺพรี ปติวิโยเคน โสกสลฺลสมปฺปิตหทยา อาฬาหนํ คนฺตฺวา พหู ทิวเส คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูเชตฺวา รฺโ คุเณ กิตฺเตตฺวา อุมฺมาทปฺปตฺตา วิย กนฺทนฺตี ปริเทวนฺตี อาฬาหนํ ปทกฺขิณํ กโรติ.

เตน จ สมเยน อมฺหากํ ภควา โพธิสตฺตภูโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อธิคตชฺฌานาภิฺโ หิมวนฺตสฺส สามนฺตา อฺตรสฺมึ อรฺายตเน วิหรนฺโต โสกสลฺลสมปฺปิตํ อุพฺพรึ ทิพฺเพน จกฺขุนา ทิสฺวา อากาเสน อาคนฺตฺวา ทิสฺสมานรูโป อากาเส ตฺวา ตตฺถ ิเต มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺสิทํ อาฬาหนํ, กสฺสตฺถาย จายํ อิตฺถี ‘พฺรหฺมทตฺต, พฺรหฺมทตฺตา’ติ กนฺทนฺตี ปริเทวตี’’ติ. ตํ สุตฺวา มนุสฺสา ‘‘พฺรหฺมทตฺโต นาม ปฺจาลานํ ราชา, โส อายุปริโยสาเน กาลมกาสิ, ตสฺสิทํ อาฬาหนํ, ตสฺส อยํ อคฺคมเหสี อุพฺพรี นาม ‘พฺรหฺมทตฺต, พฺรหฺมทตฺตา’ติ ตสฺส นามํ คเหตฺวา กนฺทนฺตี ปริเทวตี’’ติ อาหํสุ. ตมตฺถํ ทีเปนฺตา สงฺคีติการา –

๓๖๘.

‘‘อหุ ราชา พฺรหฺมทตฺโต, ปฺจาลานํ รเถสโภ;

อโหรตฺตานมจฺจยา, ราชา กาลมกฺรุพฺพถ.

๓๖๙.

‘‘ตสฺส อาฬาหนํ คนฺตฺวา, ภริยา กนฺทติ อุพฺพริ;

พฺรหฺมทตฺตํ อปสฺสนฺตี, พฺรหฺมทตฺตาติ กนฺทติ.

๓๗๐.

‘‘อิสิ จ ตตฺถ อาคจฺฉิ, สมฺปนฺนจรโณ มุนิ;

โส จ ตตฺถ อปุจฺฉิตฺถ, เย ตตฺถ สุ สมาคตา.

๓๗๑.

‘‘‘กสฺส อิทํ อาฬาหนํ, นานาคนฺธสเมริตํ;

กสฺสายํ กนฺทติ ภริยา, อิโต ทูรคตํ ปตึ;

พฺรหฺมทตฺตํ อปสฺสนฺตี, พฺรหฺมทตฺตาติ กนฺทติ’.

๓๗๒.

‘‘เต จ ตตฺถ วิยากํสุ, เย ตตฺถ สุ สมาคตา;

พฺรหฺมทตฺตสฺส ภทฺทนฺเต, พฺรหฺมทตฺตสฺส มาริส.

๓๗๓.

‘‘ตสฺส อิทํ อาฬาหนํ, นานาคนฺธสเมริตํ;

ตสฺสายํ กนฺทติ ภริยา, อิโต ทูรคตํ ปตึ;

พฺรหฺมทตฺตํ อปสฺสนฺตี, พฺรหฺมทตฺตาติ กนฺทตี’’ติ. – ฉ คาถา เปสุํ;

๓๖๘-๙. ตตฺถ อหูติ อโหสิ. ปฺจาลานนฺติ ปฺจาลรฏฺวาสีนํ, ปฺจาลรฏฺสฺเสว วา. เอโกปิ หิ ชนปโท ชนปทิกานํ ราชกุมารานํ วเสน รุฬฺหิยา ‘‘ปฺจาลาน’’นฺติ พหุวจเนน นิทฺทิสียติ. รเถสโภติ รเถสุ อุสภสทิโส, มหารโถติ อตฺโถ. ตสฺส อาฬาหนนฺติ ตสฺส รฺโ สรีรสฺส ทฑฺฒฏฺานํ.

๓๗๐. อิสีติ ฌานาทีนํ คุณานํ เอสนฏฺเน อิสิ. ตตฺถาติ ตสฺมึ อุพฺพริยา ิตฏฺาเน, สุสาเนติ อตฺโถ. อาคจฺฉีติ อคมาสิ. สมฺปนฺนจรโณติ สีลสมฺปทา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, ชาคริยานุโยโค, สทฺธาทโย สตฺต สทฺธมฺมา, จตฺตาริ รูปาวจรฌานานีติ อิเมหิ ปนฺนรสหิ จรณสงฺขาเตหิ คุเณหิ สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต, จรณสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. มุนีติ อตฺตหิตฺจ ปรหิตฺจ มุนาติ ชานาตีติ มุนิ. โส จ ตตฺถ อปุจฺฉิตฺถาติ โส ตสฺมึ าเน ิเต ชเน ปฏิปุจฺฉิ. เย ตตฺถ สุ สมาคตาติ เย มนุสฺสา ตตฺถ สุสาเน สมาคตา. สูติ นิปาตมตฺตํ. ‘‘เย ตตฺถาสุํ สมาคตา’’ติ วา ปาโ. อาสุนฺติ อเหสุนฺติ อตฺโถ.

๓๗๑. นานาคนฺธสเมริตนฺติ นานาวิเธหิ คนฺเธหิ สมนฺตโต เอริตํ อุปวาสิตํ. อิโตติ มนุสฺสโลกโต. ทูรคตนฺติ ปรโลกํ คตตฺตา วทติ. พฺรหฺมทตฺตาติ กนฺทตีติ พฺรหฺมทตฺตาติ เอวํ นามสํกิตฺตนํ กตฺวา ปริเทวนวเสน อวฺหายติ.

๓๗๒-๓. พฺรหฺมทตฺตสฺส ภทฺทนฺเต, พฺรหฺมทตฺตสฺส มาริสาติ มาริส, นิรามยกายจิตฺต มหามุนิ พฺรหฺมทตฺตสฺส รฺโ อิทํ อาฬาหนํ, ตสฺเสว พฺรหฺมทตฺตสฺส รฺโ อยํ ภริยา, ภทฺทํ เต ตสฺส จ พฺรหฺมทตฺตสฺส ภทฺทํ โหตุ, ตาทิสานํ มเหสีนํ หิตานุจินฺตเนน ปรโลเก ิตานมฺปิ หิตสุขํ โหติเยวาติ อธิปฺปาโย.

อถ โส ตาปโส เตสํ วจนํ สุตฺวา อนุกมฺปํ อุปาทาย อุพฺพริยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ตสฺสา โสกวิโนทนตฺถํ –

๓๗๔.

‘‘ฉฬาสีติสหสฺสานิ, พฺรหฺมทตฺตสฺสนามกา;

อิมสฺมึ อาฬาหเน ทฑฺฒา, เตสํ กมนุโสจสี’’ติ. –

คาถมาห . ตตฺถ ฉฬาสีติสหสฺสานีติ ฉสหสฺสาธิกอสีติสหสฺสสงฺขา. พฺรหฺมทตฺตสฺสนามกาติ พฺรหฺมทตฺโตติ เอวํนามกา. เตสํ กมนุโสจสีติ เตสํ ฉฬาสีติสหสฺสสงฺขาตานํ พฺรหฺมทตฺตานํ กตมํ พฺรหฺมทตฺตํ ตฺวํ อนุโสจสิ, กตมํ ปฏิจฺจ เต โสโก อุปฺปนฺโนติ ปุจฺฉิ.

เอวํ ปน เตน อิสินา ปุจฺฉิตา อุพฺพรี อตฺตนา อธิปฺเปตํ พฺรหฺมทตฺตํ อาจิกฺขนฺตี –

๓๗๕.

‘‘โย ราชา จูฬนีปุตฺโต, ปฺจาลานํ รเถสโภ;

ตํ ภนฺเต อนุโสจามิ, ภตฺตารํ สพฺพกามท’’นฺติ. –

คาถมาห. ตตฺถ จูฬนีปุตฺโตติ เอวํนามสฺส รฺโ ปุตฺโต. สพฺพกามทนฺติ มยฺหํ สพฺพสฺส อิจฺฉิติจฺฉิตสฺส ทาตารํ, สพฺเพสํ วา สตฺตานํ อิจฺฉิตทายกํ.

เอวํ อุพฺพริยา วุตฺเต ปุน ตาปโส –

๓๗๖.

‘‘สพฺเพวาเหสุํ ราชาโน, พฺรหฺมทตฺตสฺสนามกา;

สพฺเพว จูฬนีปุตฺตา, ปฺจาลานํ รเถสภา.

๓๗๗.

‘‘สพฺเพสํ อนุปุพฺเพน, มเหสิตฺตมการยิ;

กสฺมา ปุริมเก หิตฺวา, ปจฺฉิมํ อนุโสจสี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห;

๓๗๖. ตตฺถ สพฺเพวาเหสุนฺติ สพฺเพว เต ฉฬาสีติสหสฺสสงฺขา ราชาโน พฺรหฺมทตฺตสฺส นามกา จูฬนีปุตฺตา ปฺจาลานํ รเถสภาว อเหสุํ. อิเม ราชภาวาทโย วิเสสา เตสุ เอกสฺสาปิ นาเหสุํ.

๓๗๗. มเหสิตฺตมการยีติ ตฺวฺจ เตสํ สพฺเพสมฺปิ อนุปุพฺเพน อคฺคมเหสิภาวํ อกาสิ, อนุปฺปตฺตาติ อตฺโถ. กสฺมาติ คุณโต จ สามิกภาวโต จ อวิสิฏฺเสุ เอตฺตเกสุ ชเนสุ ปุริมเก ราชาโน ปหาย ปจฺฉิมํ เอกํเมว กสฺมา เกน การเณน อนุโสจสีติ ปุจฺฉิ.

ตํ สุตฺวา อุพฺพรี สํเวคชาตา ปุน ตาปสํ –

๓๗๘.

‘‘อาตุเม อิตฺถิภูตาย, ทีฆรตฺตาย มาริส;

ยสฺสา เม อิตฺถิภูตาย, สํสาเร พหุภาสสี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ อาตุเมติ อตฺตนิ. อิตฺถิภูตายาติ อิตฺถิภาวํ อุปคตาย. ทีฆรตฺตายาติ ทีฆรตฺตํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อิตฺถิภูตาย อตฺตนิ สพฺพกาลํ อิตฺถีเยว โหติ, อุทาหุ ปุริสภาวมฺปิ อุปคจฺฉตีติ. ยสฺสา เม อิตฺถิภูตายาติ ยสฺสา มยฺหํ อิตฺถิภูตาย เอวํ ตาว พหุสํสาเร มเหสิภาวํ มหามุนิ ตฺวํ ภาสสิ กเถสีติ อตฺโถ. ‘‘อาหุ เม อิตฺถิภูตายา’’ติ วา ปาโ. ตตฺถ อาติ อนุสฺสรณตฺเถ นิปาโต. อาหุ เมติ สยํ อนุสฺสริตํ อฺาตมิทํ มยา, อิตฺถิภูตาย อิตฺถิภาวํ อุปคตาย เอวํ มยฺหํ เอตฺตกํ กาลํ อปราปรุปฺปตฺติ อโหสิ. กสฺมา? ยสฺมา ยสฺสา เม อิตฺถิภูตาย สพฺเพสํ อนุปุพฺเพน มเหสิตฺตมการยิ, กึ ตฺวํ, มหามุนิ, สํสาเร พหุํ ภาสสีติ โยชนา.

ตํ สุตฺวา ตาปโส อยํ นิยโม สํสาเร นตฺถิ ‘‘อิตฺถี อิตฺถีเยว โหติ, ปุริโส ปุริโส เอวา’’ติ ทสฺเสนฺโต –

๓๗๙.

‘‘อหุ อิตฺถี อหุ ปุริโส, ปสุโยนิมฺปิ อาคมา;

เอวเมตํ อตีตานํ, ปริยนฺโต น ทิสฺสตี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ อหุ อิตฺถี อหุ ปุริโสติ ตฺวํ กทาจิ อิตฺถีปิ อโหสิ, กทาจิ ปุริโสปิ อโหสิ. น เกวลํ อิตฺถิปุริสภาวเมว, อถ โข ปสุ โยนิมฺปิ อคมาสิ, กทาจิ ปสุภาวมฺปิ อคมาสิ, ติรจฺฉานโยนิมฺปิ อุปคตา อโหสิ. เอวเมตํ อตีตานํ, ปริยนฺโต น ทิสฺสตีติ เอวํ ยถาวุตฺตํ เอตํ อิตฺถิภาวํ ปุริสภาวํ ติรจฺฉานาทิภาวฺจ อุปคตานํ อตีตานํ อตฺตภาวานํ ปริยนฺโต าณจกฺขุนา มหตา อุสฺสาเหน ปสฺสนฺตานมฺปิ น ทิสฺสติ. น เกวลํ ตเวว, อถ โข สพฺเพสมฺปิ สํสาเร ปริพฺภมนฺตานํ สตฺตานํ อตฺตภาวสฺส ปริยนฺโต น ทิสฺสเตว น ปฺายเตว. เตนาห ภควา –

‘‘อนมตคฺโคยํ, ภิกฺขเว, สํสาโร, ปุพฺพา โกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔).

เอวํ เตน ตาปเสน สํสารสฺส อปริยนฺตตํ กมฺมสฺสกตฺจ วิภาเวนฺเตน เทสิตํ ธมฺมํ สุตฺวา สํสาเร สํวิคฺคหทยา ธมฺเม จ ปสนฺนมานสา วิคตโสกสลฺลา หุตฺวา อตฺตโน ปสาทํ โสกวิคมนฺจ ปกาเสนฺตี –

๓๘๐.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๓๘๑.

‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, โสกํ หทยนิสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตาย, ปติโสกํ อปานุทิ.

๓๘๒.

‘‘สาหํ อพฺพูฬฺหสลฺลาสฺมิ, สีติภูตาสฺมิ นิพฺพุตา;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวา มหามุนี’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ. ตาสํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

อิทานิ สํวิคฺคหทยาย อุพฺพริยา ปฏิปตฺตึ ทสฺเสนฺโต สตฺถา –

๓๘๓.

‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, สมณสฺส สุภาสิตํ;

ปตฺตจีวรมาทาย, ปพฺพชิ อนคาริยํ.

๓๘๔.

‘‘สา จ ปพฺพชิตา สนฺตา, อคารสฺมา อนคาริยํ;

เมตฺตจิตฺตํ อาภาเวสิ, พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา.

๓๘๕.

‘‘คามา คามํ วิจรนฺตี, นิคเม ราชธานิโย;

อุรุเวฬา นาม โส คาโม, ยตฺถ กาลมกฺรุพฺพถ.

๓๘๖.

‘‘เมตฺตจิตฺตํ อาภาเวตฺวา, พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา;

อิตฺถิจิตฺตํ วิราเชตฺวา, พฺรหฺมโลกูปคา อหู’’ติ. – จตสฺโส คาถา อภาสิ;

๓๘๓-๔. ตตฺถ ตสฺสาติ ตสฺส ตาปสสฺส. สุภาสิตนฺติ สุฏฺุ ภาสิตํ, ธมฺมนฺติ อตฺโถ. ปพฺพชิตา สนฺตาติ ปพฺพชฺชํ อุปคตา สมานา, ปพฺพชิตฺวา วา หุตฺวา สนฺตกายวาจา. เมตฺตจิตฺตนฺติ เมตฺตาสหคตํ จิตฺตํ. จิตฺตสีเสน เมตฺตชฺฌานํ วทติ. พฺรหฺมโลกูปปตฺติยาติ ตฺจ สา เมตฺตจิตฺตํ ภาเวนฺตี พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา อภาเวสิ, น วิปสฺสนาปาทกาทิอตฺถํ. อนุปฺปนฺเน หิ พุทฺเธ พฺรหฺมวิหาราทิเก ภาเวนฺตา ตาปสปริพฺพาชกา ยาวเทว ภวสมฺปตฺติอตฺถเมว ภาเวสุํ.

๓๘๕-๖. คามาคามนฺติ คามโต อฺํ คามํ. อาภาเวตฺวาติ วฑฺเฒตฺวา พฺรูเหตฺวา. ‘‘อภาเวตฺวา’’ติ เกจิ ปนฺติ, เตสํ อ-กาโร นิปาตมตฺตํ. อิตฺถิจิตฺตํ วิราเชตฺวาติ อิตฺถิภาเว จิตฺตํ อชฺฌาสยํ อภิรุจึ วิราเชตฺวา อิตฺถิภาเว วิรตฺตจิตฺตา หุตฺวา. พฺรหฺมโลกูปคาติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน พฺรหฺมโลกํ อุปคมนกา อโหสิ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมว.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ตสฺสา อุปาสิกาย โสกํ วิโนเทตฺวา อุปริ จตุสจฺจเทสนํ อกาสิ. สจฺจปริโยสาเน สา อุปาสิกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สมฺปตฺตปริสาย จ เทสนา สาตฺถิกา อโหสีติ.

อุพฺพริเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ขุทฺทก-อฏฺกถาย เปตวตฺถุสฺมึ

เตรสวตฺถุปฏิมณฺฑิตสฺส

ทุติยสฺส อุพฺพริวคฺคสฺส อตฺถสํวณฺณนา นิฏฺิตา.