📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

เปตวตฺถุปาฬิ

๑. อุรควคฺโค

๑. เขตฺตูปมเปตวตฺถุ

.

‘‘เขตฺตูปมา อรหนฺโต, ทายกา กสฺสกูปมา;

พีชูปมํ เทยฺยธมฺมํ, เอตฺโต นิพฺพตฺตเต ผลํ.

.

‘‘เอตํ พีชํ กสิ เขตฺตํ, เปตานํ ทายกสฺส จ;

ตํ เปตา ปริภุฺชนฺติ, ทาตา ปุฺเน วฑฺฒติ.

.

‘‘อิเธว กุสลํ กตฺวา, เปเต จ ปฏิปูชิย;

สคฺคฺจ กมติ [คมติ (ก.)] ฏฺานํ, กมฺมํ กตฺวาน ภทฺทก’’นฺติ.

เขตฺตูปมเปตวตฺถุ ปมํ.

๒. สูกรมุขเปตวตฺถุ

.

‘‘กาโย เต สพฺพโสวณฺโณ, สพฺพา โอภาสเต ทิสา;

มุขํ เต สูกรสฺเสว, กึ กมฺมมกรี ปุเร’’ [มกรา ปุเร (ก.)].

.

‘‘กาเยน สฺโต อาสึ, วาจายาสิมสฺโต;

เตน เมตาทิโส วณฺโณ, ยถา ปสฺสสิ นารท.

.

‘‘ตํ ตฺยาหํ [ตาหํ (ก.)] นารท พฺรูมิ, สามํ ทิฏฺมิทํ ตยา;

มากาสิ มุขสา ปาปํ, มา โข สูกรมุโข อหู’’ติ.

สูกรมุขเปตวตฺถุ ทุติยํ.

๓. ปูติมุขเปตวตฺถุ

.

‘‘ทิพฺพํ สุภํ ธาเรสิ วณฺณธาตุํ, เวหายสํ ติฏฺสิ อนฺตลิกฺเข;

มุขฺจ เต กิมโย ปูติคนฺธํ, ขาทนฺติ กึ กมฺมมกาสิ ปุพฺเพ’’.

.

‘‘สมโณ อหํ ปาโปติทุฏฺวาโจ [ปาโป ทุฏฺวาโจ (สี.), ปาโป ทุกฺขวาโจ (สฺยา. ปี.)], ตปสฺสิรูโป มุขสา อสฺโต;

ลทฺธา จ เม ตปสา วณฺณธาตุ, มุขฺจ เม เปสุณิเยน ปูติ.

.

‘‘ตยิทํ ตยา นารท สามํ ทิฏฺํ,

อนุกมฺปกา เย กุสลา วเทยฺยุํ;

‘มา เปสุณํ มา จ มุสา อภาณิ,

ยกฺโข ตุวํ โหหิสิ กามกามี’’’ติ.

ปูติมุขเปตวตฺถุ ตติยํ.

๔. ปิฏฺธีตลิกเปตวตฺถุ

๑๐.

‘‘ยํ กิฺจารมฺมณํ กตฺวา, ทชฺชา ทานํ อมจฺฉรี;

ปุพฺพเปเต จ อารพฺภ, อถ วา วตฺถุเทวตา.

๑๑.

‘‘จตฺตาโร จ มหาราเช, โลกปาเล ยสสฺสิเน [ยสสฺสิโน (สี. สฺยา.)];

กุเวรํ ธตรฏฺฺจ, วิรูปกฺขํ วิรูฬฺหกํ;

เต เจว ปูชิตา โหนฺติ, ทายกา จ อนิปฺผลา.

๑๒.

‘‘น หิ รุณฺณํ วา โสโก วา, ยา จฺา ปริเทวนา;

น ตํ เปตสฺส อตฺถาย, เอวํ ติฏฺนฺติ าตโย.

๑๓.

‘‘อยฺจ โข ทกฺขิณา ทินฺนา, สงฺฆมฺหิ สุปฺปติฏฺิตา;

ทีฆรตฺตํ หิตายสฺส, านโส อุปกปฺปตี’’ติ.

ปิฏฺธีตลิกเปตวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. ติโรกุฏฺฏเปตวตฺถุ

๑๔.

[ขุ. ปา. ๗.๑ ขุทฺทกปาเ] ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ [ติโรกุฑฺเฑสุ (สี. สฺยา. ปี.)] ติฏฺนฺติ, สนฺธิสิงฺฆาฏเกสุ จ;

ทฺวารพาหาสุ ติฏฺนฺติ, อาคนฺตฺวาน สกํ ฆรํ.

๑๕.

‘‘ปหูเต อนฺนปานมฺหิ, ขชฺชโภชฺเช อุปฏฺิเต;

น เตสํ โกจิ สรติ, สตฺตานํ กมฺมปจฺจยา.

๑๖.

‘‘เอวํ ททนฺติ าตีนํ, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

สุจึ ปณีตํ กาเลน, กปฺปิยํ ปานโภชนํ;

‘อิทํ โว าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’.

๑๗.

‘‘เต จ ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, าติเปตา สมาคตา;

ปหูเต อนฺนปานมฺหิ, สกฺกจฺจํ อนุโมทเร.

๑๘.

‘‘‘จิรํ ชีวนฺตุ โน าตี, เยสํ เหตุ ลภามเส;

อมฺหากฺจ กตา ปูชา, ทายกา จ อนิปฺผลา’.

๑๙.

‘‘‘น หิ ตตฺถ กสิ อตฺถิ, โครกฺเขตฺถ น วิชฺชติ;

วณิชฺชา ตาทิสี นตฺถิ, หิรฺเน กยากยํ [กโยกฺกยํ (สี. ก.) กโยกยํ (ขุ. ปา. ๗.๖)];

อิโต ทินฺเนน ยาเปนฺติ, เปตา กาลคตา [กาลกตา (สี. สฺยา. ปี.)] ตหึ’.

๒๐.

‘‘‘อุนฺนเม อุทกํ วุฏฺํ, ยถา นินฺนํ ปวตฺตติ;

เอวเมว อิโต ทินฺนํ, เปตานํ อุปกปฺปติ’.

๒๑.

‘‘‘ยถา วาริวหา ปูรา, ปริปูเรนฺติ สาครํ;

เอวเมว อิโต ทินฺนํ, เปตานํ อุปกปฺปติ’.

๒๒.

‘‘‘อทาสิ เม อกาสิ เม, าติ มิตฺตา [าติ มิตฺโต (?)] สขา จ เม;

เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา, ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ’.

๒๓.

‘‘‘น หิ รุณฺณํ วา โสโก วา, ยา จฺา ปริเทวนา;

น ตํ เปตานมตฺถาย, เอวํ ติฏฺนฺติ าตโย’.

๒๔.

‘‘‘อยฺจ โข ทกฺขิณา ทินฺนา, สงฺฆมฺหิ สุปฺปติฏฺิตา;

ทีฆรตฺตํ หิตายสฺส, านโส อุปกปฺปติ’.

๒๕.

‘‘โส าติธมฺโม จ อยํ นิทสฺสิโต, เปตาน ปูชา จ กตา อุฬารา;

พลฺจ ภิกฺขูนมนุปฺปทินฺนํ, ตุมฺเหหิ ปุฺํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติ.

ติโรกุฏฺฏเปตวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. ปฺจปุตฺตขาทเปติวตฺถุ

๒๖.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, ทุคฺคนฺธา ปูติ วายสิ;

มกฺขิกาหิ ปริกิณฺณา [มกฺขิกาปริกิณฺณา จ (สี.)], กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสี’’ติ.

๒๗.

‘‘อหํ ภทนฺเต [ภทฺทนฺเต (ก.)] เปตีมฺหิ, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา.

๒๘.

‘‘กาเลน ปฺจ ปุตฺตานิ, สายํ ปฺจ ปุนาปเร;

วิชายิตฺวาน ขาทามิ, เตปิ นา โหนฺติ เม อลํ.

๒๙.

‘‘ปริฑยฺหติ ธูมายติ, ขุทาย [ขุทฺทาย (ก.)] หทยํ มม;

ปานียํ น ลเภ ปาตุํ, ปสฺส มํ พฺยสนํ คต’’นฺติ.

๓๐.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺส กมฺมวิปาเกน, ปุตฺตมํสานิ ขาทสี’’ติ.

๓๑.

‘‘สปตี [สปตฺตี (สี.)] เม คพฺภินี อาสิ, ตสฺสา ปาปํ อเจตยึ;

สาหํ ปทุฏฺมนสา, อกรึ คพฺภปาตนํ.

๓๒.

‘‘ตสฺสา ทฺเวมาสิโก คพฺโภ, โลหิตฺเว ปคฺฆริ;

ตทสฺสา มาตา กุปิตา, มยฺหํ าตี สมานยิ;

สปถฺจ มํ กาเรสิ, ปริภาสาปยี จ มํ.

๓๓.

‘‘สาหํ โฆรฺจ สปถํ, มุสาวาทํ อภาสิสํ;

ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, สเจ ตํ ปกตํ มยา.

๓๔.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน [วิปากํ (สฺยา. ก.)], มุสาวาทสฺส จูภยํ;

ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, ปุพฺพโลหิตมกฺขิตา’’ติ.

ปฺจปุตฺตขาทเปติวตฺถุ [ปฺจปุตฺตขาทเปตวตฺถุ (สี. สฺยา. ปี.) เอวมุปริปิ] ฉฏฺํ.

๗. สตฺตปุตฺตขาทเปติวตฺถุ

๓๕.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, ทุคฺคนฺธา ปูติ วายสิ;

มกฺขิกาหิ ปริกิณฺณา, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสี’’ติ.

๓๖.

‘‘อหํ ภทนฺเต เปตีมฺหิ, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา.

๓๗.

‘‘กาเลน สตฺต ปุตฺตานิ, สายํ สตฺต ปุนาปเร;

วิชายิตฺวาน ขาทามิ, เตปิ นา โหนฺติ เม อลํ.

๓๘.

‘‘ปริฑยฺหติ ธูมายติ, ขุทาย หทยํ มม;

นิพฺพุตึ นาธิคจฺฉามิ, อคฺคิทฑฺฒาว อาตเป’’ติ.

๓๙.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺส กมฺมวิปาเกน, ปุตฺตมํสานิ ขาทสี’’ติ.

๔๐.

‘‘อหู มยฺหํ ทุเว ปุตฺตา, อุโภ สมฺปตฺตโยพฺพนา;

สาหํ ปุตฺตพลูเปตา, สามิกํ อติมฺิสํ.

๔๑.

‘‘ตโต เม สามิโก กุทฺโธ, สปตฺตึ มยฺหมานยิ;

สา จ คพฺภํ อลภิตฺถ, ตสฺสา ปาปํ อเจตยึ.

๔๒.

‘‘สาหํ ปทุฏฺมนสา, อกรึ คพฺภปาตนํ;

ตสฺสา เตมาสิโก คพฺโภ, ปุพฺพโลหิตโก [ปุพฺพโลหิตโก (ก.)] ปติ.

๔๓.

‘‘ตทสฺสา มาตา กุปิตา, มยฺหํ าตี สมานยิ;

สปถฺจ มํ กาเรสิ, ปริภาสาปยี จ มํ.

๔๔.

‘‘สาหํ โฆรฺจ สปถํ, มุสาวาทํ อภาสิสํ;

‘ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, สเจ ตํ ปกตํ มยา’.

๔๕.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน, มุสาวาทสฺส จูภยํ;

ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, ปุพฺพโลหิตมกฺขิตา’’ติ.

สตฺตปุตฺตขาทเปติวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. โคณเปตวตฺถุ

๔๖.

‘‘กึ นุ อุมฺมตฺตรูโปว, ลายิตฺวา หริตํ ติณํ;

ขาท ขาทาติ ลปสิ, คตสตฺตํ ชรคฺควํ.

๔๗.

‘‘น หิ อนฺเนน ปาเนน, มโต โคโณ สมุฏฺเห;

ตฺวํสิ พาโล จ [พาโลว (ก.)] ทุมฺเมโธ, ยถา ตฺโว ทุมฺมตี’’ติ.

๔๘.

‘‘อิเม ปาทา อิทํ สีสํ, อยํ กาโย สวาลธิ;

เนตฺตา ตเถว ติฏฺนฺติ, อยํ โคโณ สมุฏฺเห.

๔๙.

‘‘นายฺยกสฺส หตฺถปาทา, กาโย สีสฺจ ทิสฺสติ;

รุทํ มตฺติกถูปสฺมึ, นนุ ตฺวฺเว ทุมฺมตี’’ติ.

๕๐.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๕๑.

‘‘อพฺพหี [อพฺพูฬฺหํ (พหูสุ)] วต เม สลฺลํ, โสกํ หทยนิสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตสฺส, ปิตุโสกํ อปานุทิ.

๕๒.

‘‘สฺวาหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน มาณว’.

๕๓.

เอวํ กโรนฺติ สปฺปฺา, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

วินิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา, สุชาโต ปิตรํ ยถาติ.

โคณเปตวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. มหาเปสการเปติวตฺถุ

๕๔.

‘‘คูถฺจ มุตฺตํ รุหิรฺจ ปุพฺพํ, ปริภุฺชติ กิสฺส อยํ วิปาโก;

อยํ นุ กึ กมฺมมกาสิ นารี, ยา สพฺพทา โลหิตปุพฺพภกฺขา.

๕๕.

‘‘นวานิ วตฺถานิ สุภานิ เจว, มุทูนิ สุทฺธานิ จ โลมสานิ;

ทินฺนานิ มิสฺสา กิตกา [กิฏกา (ก.)] ภวนฺติ, อยํ นุ กึ กมฺมมกาสิ นารี’’ติ.

๕๖.

‘‘ภริยา มเมสา อหู ภทนฺเต, อทายิกา มจฺฉรินี กทริยา;

สา มํ ททนฺตํ สมณพฺราหฺมณานํ, อกฺโกสติ จ ปริภาสติ จ.

๕๗.

‘‘‘คูถฺจ มุตฺตํ รุหิรฺจ ปุพฺพํ, ปริภุฺช ตฺวํ อสุจึ สพฺพกาลํ;

เอตํ เต ปรโลกสฺมึ โหตุ, วตฺถา จ เต กิฏกสมา ภวนฺตุ’;

เอตาทิสํ ทุจฺจริตํ จริตฺวา, อิธาคตา จิรรตฺตาย ขาทตี’’ติ.

มหาเปสการเปติวตฺถุ นวมํ.

๑๐. ขลฺลาฏิยเปติวตฺถุ

๕๘.

‘‘กา นุ อนฺโตวิมานสฺมึ, ติฏฺนฺตี นูปนิกฺขมิ;

อุปนิกฺขมสฺสุ ภทฺเท, ปสฺสาม ตํ พหิฏฺิต’’นฺติ.

๕๙.

‘‘อฏฺฏียามิ หรายามิ, นคฺคา นิกฺขมิตุํ พหิ;

เกเสหมฺหิ ปฏิจฺฉนฺนา, ปุฺํ เม อปฺปกํ กต’’นฺติ.

๖๐.

‘‘หนฺทุตฺตรียํ ททามิ เต, อิทํ ทุสฺสํ นิวาสย;

อิทํ ทุสฺสํ นิวาเสตฺวา, เอหิ นิกฺขม โสภเน;

อุปนิกฺขมสฺสุ ภทฺเท, ปสฺสาม ตํ พหิฏฺิต’’นฺติ.

๖๑.

‘‘หตฺเถน หตฺเถ เต ทินฺนํ, น มยฺหํ อุปกปฺปติ;

เอเสตฺถุปาสโก สทฺโธ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก.

๖๒.

‘‘เอตํ อจฺฉาทยิตฺวาน, มม ทกฺขิณมาทิส;

ตถาหํ [อถาหํ (สี.)] สุขิตา เหสฺสํ, สพฺพกามสมิทฺธินี’’ติ.

๖๓.

ตฺจ เต นฺหาปยิตฺวาน, วิลิมฺเปตฺวาน วาณิชา;

วตฺเถหจฺฉาทยิตฺวาน, ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสุํ.

๖๔.

สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ [สมนนฺตรา อนุทฺทิฏฺเ (สฺยา. ก.)], วิปาโก อุทปชฺชถ [อุปปชฺชถ (สี. สฺยา.)];

โภชนจฺฉาทนปานียํ [โภชนจฺฉาทนํ ปานียํ (สฺยา. ก.)], ทกฺขิณาย อิทํ ผลํ.

๖๕.

ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;

หสนฺตี วิมานา นิกฺขมิ, ‘ทกฺขิณาย อิทํ ผล’’’นฺติ.

๖๖.

‘‘สุจิตฺตรูปํ รุจิรํ, วิมานํ เต ปภาสติ;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ.

๖๗.

‘‘ภิกฺขุโน จรมานสฺส, โทณินิมฺมชฺชนึ อหํ;

อทาสึ อุชุภูตสฺส, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

๖๘.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส กุสลสฺส, วิปากํ ทีฆมนฺตรํ;

อนุโภมิ วิมานสฺมึ, ตฺจ ทานิ ปริตฺตกํ.

๖๙.

‘‘อุทฺธํ จตูหิ มาเสหิ, กาลํกิริยา [กาลํกิริยา (ก.)] ภวิสฺสติ;

เอกนฺตกฏุกํ โฆรํ, นิรยํ ปปติสฺสหํ.

๗๐.

[ม. นิ. ๓.๒๕๐, ๒๖๗; อ. นิ. ๓.๓๖; เป. ว. ๒๔๐, ๖๙๓] ‘‘จตุกฺกณฺณํ จตุทฺวารํ, วิภตฺตํ ภาคโส มิตํ;

อโยปาการปริยนฺตํ, อยสา ปฏิกุชฺชิตํ.

๗๑.

‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;

สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา.

๗๒.

‘‘ตตฺถาหํ ทีฆมทฺธานํ, ทุกฺขํ เวทิสฺส เวทนํ;

ผลฺจ ปาปกมฺมสฺส, ตสฺมา โสจามหํ ภุส’’นฺติ.

ขลฺลาฏิยเปติวตฺถุ ทสมํ.

๑๑. นาคเปตวตฺถุ

๗๓.

‘‘ปุรโตว [ปุรโต จ (สฺยา.)] เสเตน ปเลติ หตฺถินา, มชฺเฌ ปน อสฺสตรีรเถน;

ปจฺฉา จ กฺา สิวิกาย นียติ, โอภาสยนฺตี ทส สพฺพโต [สพฺพโต (ก.)] ทิสา.

๗๔.

‘‘ตุมฺเห ปน มุคฺครหตฺถปาณิโน, รุทํมุขา ฉินฺนปภินฺนคตฺตา;

มนุสฺสภูตา กิมกตฺถ ปาปํ, เยนฺมฺสฺส ปิวาถ โลหิต’’นฺติ.

๗๕.

‘‘ปุรโตว โย คจฺฉติ กุฺชเรน, เสเตน นาเคน จตุกฺกเมน;

อมฺหาก ปุตฺโต อหุ เชฏฺโก โส [โสว เชฏฺโ (ก.)], ทานานิ ทตฺวาน สุขี ปโมทติ.

๗๖.

‘‘โย โส มชฺเฌ อสฺสตรีรเถน, จตุพฺภิ ยุตฺเตน สุวคฺคิเตน;

อมฺหาก ปุตฺโต อหุ มชฺฌิโม โส, อมจฺฉรี ทานวตี วิโรจติ.

๗๗.

‘‘ยา สา จ ปจฺฉา สิวิกาย นียติ, นารี สปฺา มิคมนฺทโลจนา;

อมฺหาก ธีตา อหุ สา กนิฏฺิกา, ภาคฑฺฒภาเคน สุขี ปโมทติ.

๗๘.

‘‘เอเต จ ทานานิ อทํสุ ปุพฺเพ, ปสนฺนจิตฺตา สมณพฺราหฺมณานํ;

มยํ ปน มจฺฉริโน อหุมฺห, ปริภาสกา สมณพฺราหฺมณานํ;

เอเต จ ทตฺวา ปริจารยนฺติ, มยฺจ สุสฺสาม นโฬว ฉินฺโน’’ติ [ขิตฺโตติ (สี.)].

๗๙.

‘‘กึ ตุมฺหากํ โภชนํ กึ สยานํ, กถฺจ ยาเปถ สุปาปธมฺมิโน;

ปหูตโภเคสุ อนปฺปเกสุ, สุขํ วิราธาย [วิราคาย (สฺยา. ก.)] ทุกฺขชฺช ปตฺตา’’ติ.

๘๐.

‘‘อฺมฺํ วธิตฺวาน, ปิวาม ปุพฺพโลหิตํ;

พหุํ ปิตฺวา น ธาตา โหม, นจฺฉาทิมฺหเส [นรุจฺจาทิมฺหเส (ก.)] มยํ.

๘๑.

‘‘อิจฺเจว มจฺจา ปริเทวยนฺติ, อทายกา เปจฺจ [มจฺฉริโน (ก.)] ยมสฺส ายิโน;

เย เต วิทิจฺจ [วิทิตฺวา (สี.)] อธิคมฺม โภเค, น ภุฺชเร นาปิ กโรนฺติ ปุฺํ.

๘๒.

‘‘เต ขุปฺปิปาสูปคตา ปรตฺถ, ปจฺฉา [เปตา (สี.)] จิรํ ฌายเร ฑยฺหมานา;

กมฺมานิ กตฺวาน ทุขุทฺรานิ, อนุโภนฺติ ทุกฺขํ กฏุกปฺผลานิ.

๘๓.

‘‘อิตฺตรํ หิ ธนํ ธฺํ, อิตฺตรํ อิธ ชีวิตํ;

อิตฺตรํ อิตฺตรโต ตฺวา, ทีปํ กยิราถ ปณฺฑิโต.

๘๔.

‘‘เย เต เอวํ ปชานนฺติ, นรา ธมฺมสฺส โกวิทา;

เต ทาเน นปฺปมชฺชนฺติ, สุตฺวา อรหตํ วโจ’’ติ.

นาคเปตวตฺถุ เอกาทสมํ.

๑๒. อุรคเปตวตฺถุ

๘๕.

‘‘อุรโคว ตจํ ชิณฺณํ, หิตฺวา คจฺฉติ สนฺตนุํ;

เอวํ สรีเร นิพฺโภเค, เปเต กาลงฺกเต สติ.

๘๖.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คติ’’.

๘๗.

‘‘อนพฺภิโต [อนวฺหิโต (สี.)] ตโต อาคา, นานุฺาโต อิโต คโต;

ยถาคโต ตถา คโต, ตตฺถ กา [กา ตตฺถ (สี.)] ปริเทวนา.

๘๘.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คติ’’.

๘๙.

‘‘สเจ โรเท กิสา อสฺสํ, ตตฺถ เม กึ ผลํ สิยา;

าติมิตฺตสุหชฺชานํ, ภิยฺโย โน อรตี สิยา.

๙๐.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คติ’’.

๙๑.

‘‘ยถาปิ ทารโก จนฺทํ, คจฺฉนฺตมนุโรทติ;

เอวํ สมฺปทเมเวตํ, โย เปตมนุโสจติ.

๙๒.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คติ’’.

๙๓.

‘‘ยถาปิ พฺรหฺเม อุทกุมฺโภ, ภินฺโน อปฺปฏิสนฺธิโย;

เอวํ สมฺปทเมเวตํ, โย เปตมนุโสจติ.

๙๔.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ.

อุรคเปตวตฺถุ ทฺวาทสมํ.

อุรควคฺโค ปโม นิฏฺิโต.

ตสฺสุทฺทานํ –

เขตฺตฺจ สูกรํ ปูติ, ปิฏฺํ จาปิ ติโรกุฏฺฏํ;

ปฺจาปิ สตฺตปุตฺตฺจ, โคณํ เปสการกฺจ;

ตถา ขลฺลาฏิยํ นาคํ, ทฺวาทสํ อุรคฺเจวาติ.